Professional Documents
Culture Documents
เฉลยเสริมฯ ภาษาไทย ม.6 เล่ม2
เฉลยเสริมฯ ภาษาไทย ม.6 เล่ม2
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ อิทธิพลของภาษาต่างประเทศและภาษาถิ่น ๒
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ การประเมินการใช้ภาษาจากสื่อสิ่งพิมพ์
และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ๕
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ การฟังและดูสารที่แสดงทรรศนะ ๙
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ การพูดโต้แย้ง ๑๓
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ การเขียนสรุปความ ๑๗
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๖ การอ่านอย่างมีประสิทธิภาพ ๒๒
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๗ การอ่านประเมินค่านวนิยาย
เรื่อง ความสุขของกะทิ ๒๙
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๘ การแต่งคำ�ประพันธ์ประเภทฉันท์ ๓๔
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๙ กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ๓๙
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๐ ไตรภูมิพระร่วง ๔๕
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๑ สามัคคีเภทคำ�ฉันท์ ๕๐
เฉลยแนวข้อสอบ O-NET วิชาภาษาไทย ๕๖
2
๑
นว่
ยที่
ห
อิทธิพลของภาษาต
ลของภาษาต่างประเทศและภาษาถิ่น
ใบงำนที่ ๑.๑ เรื่อง ภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย
ค�ำชีแ้ จง : ให้นักเรียนหาค�าภาษาต่างประเทศในภาษาไทยตามที่ก�าหนดให้ อย่างน้อย ๕ ค�า
แนวค�ำตอบ
๑. ค�าภาษาอังกฤษ โควตำ คำร์บอน ฟุตบอล โบนัส แฟชั่น สูท วิตำมิน ยีนส์ โปสเตอร์ ทีม
๒. ค�าภาษาจีน ก๊ก เกง เกี๊ยว เก้ำอี้ เข่ง เต้ำฮวย บ๊วย ซีอิ๊ว บะหมี่ พะโล้
๓. ค�าภาษาฝรั่งเศส กิโล กรัม บูเกต์ กงสุล คิว โชเฟอร์ เมตร ลิตร โครเชต์ ชีฟอง มำดำม
๔. ค�าภาษาเปอร์เซีย กุหลำบ ชุกชี ตำด ตรำ ฝรั่ง เยียรบับ สักหลำด สุหร่ำย องุ่น เข้มขำบ
๕. ค�าภาษาโปรตุเกส ปัง กะละแม เหรียญ สบู่ หลำ เลหลัง บำทหลวง
ใบงำนที่ ๑.๒ เรื่อง ชื่อผักและผลไม้ในภำษำถิ่น
ค�ำชีแ้ จง : ให้นักเรียนหาค�าภาษาถิ่นจากค�าภาษาไทยมาตรฐานทีเ่ กีย่ วข้องกับผักและผลไม้ทกี่ า� หนดให้
ค�ำภำษำไทยมำตรฐำน ภำษำถิ่นอีสำน ภำษำถิ่นเหนือ ภำษำถิ่นใต้
๑. ตะไคร้ หัวสิงไค จั๊กไค ไคร
๒. ผักกระเฉด ผักกระเฉดน�้า ผักหนองน�้า ผักฉีด
๓. เห็ดโคน เห็ดปลวก เห็ดคน เห็ดจูน
๔. พริกสด พริกดิบ พริกหนุ่ม ดีปลี
๕. มะเขืิอเปราะ บักเขือผ่อย มะเขือผ่อย ลูกเขือเปราะ
๖. มะละกอ บักฮุง บะก้วยเต๊ด ลอกอ
๗. ฝรั่ง บักสีดา บะถ้วย ชมพู่
๘. ชมพู่ บักชมพู บะจุมปู น�้าดอกไม้
๙. ฟักทอง บักอึ บะฟักแก้ว ขี้พร้า
๑๐. มะพร้าว บักพ่าว บะป้าว ลูกพร้าว
แบบทดสอบท้ำยหน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๑
อังกฤษ
.............................. ๑. ถอนขนห่าน บำลีสันสกฤต ๖. ฟังด้วยดีย่อมเกิดปัญญา
..............................
จีน
.............................. ๒. ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน�้าตา บำลีสันสกฤต ๗. ไม่มแี สงสว่างใดเสมอด้วยปัญญา
..............................
จีน
.............................. ๓. มิบังอาจ อังกฤษ
.............................. ๘. มือสอง
จีน
.............................. ๔. ไม่เข้าถ�้าเสือก็ไม่ได้ลูกเสือ อังกฤษ
.............................. ๙. ดื่มน�้าผึ้งพระจันทร์
อังกฤษ
.............................. ๕. มือสะอาด อังกฤษ
.............................. ๑๐. แพะรับบาป
55
๒
ยที่
นว่ การประเมินการใช
การใช้ภาษาจากสื่อสิ่งพิมพ
พ์
ห
และสื่ออิเล็กทรอนิกส
ส์
ใบงำนที่ ๒.๑ เรื่อง กำรประเมินกำรใช้ภำษำจำกสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ค�ำชีแ้ จง : ให้นักเรียนวิเคราะห์การใช้ภาษาจากพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ต่อไปนี้
๑. รวบแก๊งงัดเซฟ ๒ โจรแสบฉกเพชร ๕๘ ล้าน ของ “บิวตี้เจมส์” บ.อัญมณีดัง กองปราบแกะรอยร่วมเดือน
แฉประวัติผ่านคุกมาโชกโชน (ค�ำตอบอยู่ในดุลยพินิจของผู้สอน)
๒. โพลความนิยม “ไทยพรีเมียร์ลีก” สูง ๙๔ เปอร์เซ็นต์ (ค�ำตอบอยู่ในดุลยพินิจของผู้สอน)
๓. “นก” ร่วมหวดเทนนิสซีเกมส์ (ค�ำตอบอยู่ในดุลยพินิจของผู้สอน)
๔. ระเบิดถล่มรถนายก อบต. (ค�ำตอบอยู่ในดุลยพินิจของผู้สอน)
๕. “คลารา บรูนี” งานเข้า! (ค�ำตอบอยู่ในดุลยพินิจของผู้สอน)
แนวค�ำตอบ ดูกำรใช้ค�ำ เช่น มีกำรใช้ค�ำทับศัพท์ อักษรย่อ ใช้ภำษำปำก (ฉก หวด) ค�ำสแลง (งำนเข้ำ)
ำรเรียงประโยค เช่น
ดูการเรี เช่น ลัละลั กษณนำม
กษณะนาม (๒ (โจร
๒ โจร โจร ๒ คน)
ดูกำรใช้เครื่องหมำยวรรคตอน เช่น ! (อัศเจรีย์) เพื่อแสดงถึงควำมรู้สึกตกใจ,
‘ ’ (อัญประกำศเดี่ยว) คร่อมค�ำที่ต้องกำรเน้น
ใบงำนที่ ๒.๒ เรื่อง กำรประเมินกำรใช้ภำษำจำกสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ค�ำชี้แจง : ให้นักเรียนวิเคราะห์การใช้ภาษาจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่อไปนี้
คำค�ำ�ตอบอิ
ตอบอิสสระโดยให้
ระโดยให้นนักั กเรีเรยีนวิ เครำะห์
ย นวิ และประเมิ
เคราะห์ นค่นำโดยใช้
แ ละประเมิ หลักหกำรวิ
ค่าโดยใช้ เครำะห์
ลั ก การวิ และประเมิ
เคราะห์ นค่ำในหน่
แ ละประเมิ วย
นค่าใน
กำรเรี
หน่ ยนรู้ทยี่ ๒นรูเช่้ทนี่ ๒กำรเปลี
วยการเรี ่ยนแปลงเรื่องกำรสะกดค�
เช่น การเปลี่ยนแปลงเรื ำ กำรออกเสี
่องการสะกดคำ ยง ฯลฯ
� การออกเสี ยง ฯลฯ
๑. กำรออกเสียง ๒. ค�ำและกำรใช้ค�ำ
แนวทำงกำรวิเครำะห์กำรใช้
ภำษำของสื่อสิ่งพิมพ์
และสื่ออิเล็กทรอนิกส์
๓. ประโยค ๔. ส�ำนวนโวหำร
6
แบบทดสอบท้ำยหน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๒
๑. ข้อใดอ่านถูกต้อง
ค. วิศวกรรม อ่ำนว่ำ วิด – สะ – วะ – ก�ำ
๒. ข้อใดใช้ค�าไม่ตรงความหมาย
ง. อย่ำไปขัดขวำงสิทธิและเสรีภำพของประชำชน (แก้จำก “ขัดขวำง” เป็น “ลิดรอน”)
๓. “ต�ารวจ.........รถที่ก�าลังแล่นมาตามถนนเพื่อตรวจใบขับขี่”
ข. หยุด
๔. ท่านอธิการบดีจะเป็นผู้มอบรางวัลให้........ผู้ชนะเลิศ.........ตนเอง ทุกท่านกรุณาไปให้ตรง........ก�าหนดนัด
ข. แก่ ด้วย ตำม
๕. “ข้อสอบนี้ดูดีๆ แล้วไม่ยากหรอก ตัวเลือกมันลวงอยู่นิดเดียว เฉลยแล้วต้องร้อง อ๋อ นี่มัน..........แท้ๆ”
ง. เส้นผมบังภูเขำ (หมำยถึง เรื่องง่ำยๆ แต่คิดไม่ออก เหมือนมีอะไรมำบังอยู่)
๖. ข้อใดใช้ภาษาเหมาะสม
จ. ตอนนี้คุณลุงก�ำลังป่วยกระเสำะกระแสะ
๗. ข้อใดไม่มีการใช้ภาษาก�ากวม
ค. ใช่ผมมันไม่ดี ไม่ต้องมำคบกับผม
๘. “อาจารย์แกนัดสอบซ่อมพรุ่งนี้” ข้อความนี้ใช้ภาษาบกพร่องประเด็นใด
จ. ใช้ค�ำไม่เหมำะสมกับควำมสัมพันธ์ของบุคคล
๙. ข้อใดมีการใช้โครงสร้างประโยคแบบภาษาต่างประเทศ
ง. มันเป็นไปได้ยำกที่เขำจะไม่สนใจเธอ
๑๐. ข้อใดใช้ภาษาฟุ่มเฟือย
จ. ก�ำลังวังชำของคนสูงอำยุจะลดลงเรื่อยๆ
ตอนที่ ๒ ค�ำชี้แจง : จงเขียนเครื่องหมาย หน้าข้อที่ถูก และเครื่องหมาย x หน้าข้อที่ผิดและอธิบาย
เหตุผลข้อที่เห็นว่าผิด
.............. ๑. การรับสารจากสื่อจะต้องระมัดระวังเพราะสื่อมีข้อจ�ากัดเรื่องเวลาในการผลิต
.............. ๒. สื่อโทรทัศน์และสื่ออินเทอร์เน็ตมีผลท�าให้ภาษาเปลี่ยนแปลง
x ๓. “ความสัมพันธ์ของบุคคล” จะเกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาค่อนข้างน้อย
..............
(เหตุ ผ ล เกี่ ย วข้ อ งเป็ น อย่ ำ งมำก เพรำะควำมสั ม พั น ธ์ ข องบุ ค คลท� ำ ให้ เ รำสำมำรถ
ใช้ภำษำได้เหมำะสมกับกำลเทศะยิ่งขึ้น)
88
.............. ๔. การใช้สรรพนามถือเป็นตัวอย่างวัฒนธรรมการใช้ภาษาที่เห็นชัดเจน
.............. ๕. “ฉันได้ข่าวว่าแม่เธอที่เพิ่งเสีย ฉันสลดใจจริงๆ นะ” ประโยคนี้ใช้ค�าไม่ถูกต้อง
.............. ๖. การออกเสียงไม่ถูกต้องท�าให้สื่อความหมายผิดไป
.............. ๗. การใช้ภาษาเลียนแบบสื่อต่างๆ ไม่ถือว่าผิด แต่ควรใช้ให้เหมาะกับกาลเทศะและบุคคล
x ๘.
.............. ปัจจุบันภาษาไทยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว
(เหตุผล ภำษำไทยยังมีกำรเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ)
.............. ๙. ส่วนมากรูปประโยคมีการเปลี่ยนแปลงตามภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาอื่น
.............. ๑๐. การศึกษาความหมายให้ถ่องแท้จะช่วยให้ใช้ภาษาได้ถูกต้อง
๓
ยที่
นว่
ห
การฟังและดูสารที่แสดงทรรศนะ
การฟ
ใบงำนที่ ๓.๑ เรื่อง กษัตริย์สองพี่น้อง
ค�ำชีแ้ จง : ให้นักเรียนฟังสารต่อไปนี้แล้วตอบค�าถาม
๑. สารที่ฟังเป็นสารประเภทใด
นิทำน
๒. ผู้เล่ามีเจตนาอย่างไรในการเสนอเรื่องนี้
ให้คติสอนใจ
๓. ประโยชน์ที่ได้รับจากเรื่องนี้คืออะไร
เป็นคติสอนใจว่ำไม่ควรคิดท�ำร้ำยใคร
ตั้งใจรับสำรเพื่อหำ พยำยำมวิเครำะห์และ
สำระส�ำคัญของเรื่องให้ได้ ใช้วิจำรณญำณ
แนวการฟังและดูสาร
ที่แสดงทรรศนะ
พิจำรณำประโยชน์ของสำรที่ได้รับจำก
กำรฟังและดูสำรที่แสดงทรรศนะ
แบบทดสอบท้ำยหน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๓
๑. ข้อใดคือความหมายของทรรศนะ
จ. ถูกต้องทุกข้อ
๒. “ส�าหรับปีนี้คิดว่าเศรษฐกิจของอเมริกามีแนวโน้มที่ดีขึ้น ยอดของการขาดดุลงบประมาณ และการขาด
ดุลการค้ามีทีท่าว่าจะลดลง ทั้งนี้เป็นผลดีที่เกิดจากการที่ค่าเงินสหรัฐอ่อนตัวลง ดังนั้น จึงพอจะคาดได้ว่า
ความรุ น แรงของมาตรการกี ด กั น ทางการค้ า ที่ อ เมริ ก าน� า ออกใช้ จ ะบรรเทาลง และคลี่ ค ลายไปเรื่ อ ยๆ
ในอนาคต” จากข้อความนี้จัดเป็นการแสดงทรรศนะเพื่อจุดมุ่งหมายใด
ก. เพื่อแสดงข้อเท็จจริง
11
11
๓. “การใช้โทรศัพท์มือถือนั้นไม่ใช่การกระท�าที่ผิดมากมาย แต่ควรรู้จักใช้เท่าที่จ�าเป็นถึงจะเกิดประโยชน์
ซึ่งเรื่องนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่าสภาพสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก อาจเป็นเพราะเด็กขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่
จึงต้องหาบางอย่างมาเติมเต็มความอบอุ่น โทรศัพท์จึงกลายเป็น เครื่องมือแก้เหงาของวัยรุ่นไปโดยปริยาย”
จากข้อความนี้ ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก. มีกำรแสดงทรรศนะ
๔. ข้ อ ใดเป็ น การแสดงทรรศนะโดยมี จุ ด มุ ่ งหมายเพื่ อ กระตุ ้ น ให้ คิ ด สื บ ต่ อ ทรรศนะของผู ้ พู ด
จ. ท�ำงำนพำร์ตไทม์เท่ำกับจนจริงหรือ
๕. “โดยปกติแล้ว ผนังภายในหลอดเลือดหัวใจจะมีลักษณะเรียบ การสะสมของชั้นไขมันและตะกอนอื่นๆ
ซึ่ ง เรี ย กว่ า ภาวะการสะสมไขมั น ภายในผนั ง หลอดเลื อ ดนั้ น เป็ น ผลเสี ย ต่ อ หลอดเลื อ ด เนื่ อ งจากจะไป
ขัดขวางการไหลของโลหิต ซึ่งจะน�าไปสู่ปัญหาทางสุขภาพที่ร้ายแรง เช่น อาการเจ็บที่หัวใจอย่างรุนแรง หรือ
หัวใจวาย” ข้อความนี้จัดเป็นทรรศนะหรือไม่อย่างไร
ก. ไม่เป็นทรรศนะ แต่เป็นสำรที่ให้ข้อเท็จจริง
๖. สารที่แสดงทรรศนะในข้อใดต่ำงจากพวก
ง. ทำงรัฐบำลควรสนับสนุนโรงเรียนตำมชำยแดนให้มำกๆ (ทรรศนะเกี่ยวกับข้อเสนอแนะ)
๗. “เมื่อคนเรารู้จักพิจารณาการกระท�าของตนด้วยหลักเหตุและผลแล้ว การกระท�านี้น่าจะไม่ผิดพลาด”
ข้อความนีเ้ ป็นสารชนิดใด
ค. แสดงทรรศนะ
๘. “ทุกคนล้วนมีประสบการณ์อันเป็นบทเรียนให้รู้ว่าอะไรควรท�าอะไรไม่ควรท�า อะไรท�าแล้วถูก อะไรที่ดี อะไร
ที่เลว อะไรน�าพามาซึ่งความสุข และอะไรจะก่อให้เกิดความทุกข์ คนเราอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อเรียนรู้
ประสบการณ์จงึ เป็นบทเรียนทีม่ คี า่ ต่อตนเองและอาจเป็นบทเรียนให้แก่ผอู้ นื่ ได้เช่นเดียวกัน” ข้อความข้างต้นเป็น
การแสดงทรรศนะประเภทใด
ง. เชิงข้อเท็จจริง
๙. จากข้อ ๘ ข้อความข้างต้นแสดงว่าผู้พูดเป็นบุคคลประเภทใด
ข. รู้เท่ำทันชีวิต
๑๐. ข้อใดไม่เป็นแนวการฟังและดูสารที่แสดงทรรศนะ
ข. สังเกตลักษณะของผู้ส่งสำร
12
12
โต้แย
การพูดโต ย้ง
ใบงำนที่ ๔.๑ เรื่อง ควำมหมำยของกำรพูดโต้แย้ง
ค�ำชีแ้ จง : ให้นักเรียนเติมผังมโนทัศน์ต่อไปนี้ให้สมบูณ์
ความหมายของการพูดโตแยง โครงสรางการโตแยง
การพูดดเพื
กำรพู เพื่อ่อแสดงทรรศนะคั
แสดงทรรศนะคัดดค้ค้ำานอี นอีกกฝ่ฝ่ำายย กำรพิ จ ำรณำโครงสร้ ำ งกำรโต้ แ ย้ ง จะ
หนึ่
หนึง่งที่ทีม่มีทรรศนะไม่
รรศนะไม่ตตรงกั รงกัน โดยกำรคั
โดยการคัดดค้ค้ำานน พิจำรณำโดยอำศัยกระบวนกำรใช้เหตุผล ซึ่ง
หรื
หรืออการโต้
กำรโต้แแย้ย้งงนันั้น้นจะต้
จะต้อองมีข้
งมีขอ้อมูล
มูล หลั หลักกฐำน
ฐาน ประกอบไปด้วยข้อสรุป และเหตุผล
เอกสาร
เ อ ก ส ำสถิ ร ตสิ หรืถิ ติอการอ้
ห รืาองอิกงำจากผู
ร อ ้ ำ้รงู้ปอิระกอบ
งจำก
ผู้รู้ประกอบ
๑. กำรตั้งประเด็นก่อนกำรพูดโต้แย้ง
กระบวนการพูดโตแยง ๒. กำรนิยำมค�ำส�ำคัญของประเด็นกำรโต้แย้ง
๓. กำรค้นหำและเรียบเรียงข้อสนับสนุนทรรศนะของตน
14
14
เทคนิคการพูดโตแยง ๑. กำรชี้ให้เห็นจุดอ่อนในกำรนิยำมค�ำส�ำคัญ
๒. ชีใ้ ห้เห็นจุดอ่อนของปริมำณ หรือชีค้ วำมผิดพลำดของ
ข้อมูลฝ่ำยตรงข้ำมว่ำมีปริมำณหรือข้อมูลที่น้อยเกินไป
๓. กำรชีใ้ ห้เห็นจุดอ่อนของกำรให้เหตุผล ข้อสรุป กำรโต้แย้ง
ใดๆ ต้องได้รับกำรยอมรับหลักกำรหรือสมมติฐำน
แบบทดสอบท้ำยหน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๔
๙. จงบอกเทคนิคการพูดโต้แย้ง
กำรพู ด โต้ แ ย้ ง ย่ อ มมุ ่ ง ให้ ฝ ่ ำ ยของตนได้ รั บ กำรยอมรั บ จึ ง ต้ อ งพู ด โต้ แ ย้ ง โดยชี้ ใ ห้ เ ห็ น จุ ด อ่ อ น
ของฝ่ำยตรงข้ำม ได้แก่ จุดอ่อนของกำรนิยำมค�ำส�ำคัญ จุดอ่อนของปริมำณและควำมถูกต้องของ
ข้อมูล และจุดอ่อนของสมมติฐำน
๑๐. ข้อควรค�านึงในการพูดโต้แย้งมีอะไรบ้าง
กำรพูดโต้แย้งที่ดีจ�ำเป็นต้องพูดด้วยควำมระมัดระวัง เพรำะหำกไม่ระมัดระวังอำจท�ำให้เกิดปัญหำ
ควำมขัดแย้งต่ำงๆ ตำมมำได้ กำรพูดโต้แย้งทุกครั้งนักเรียนควรค�ำนึงถึงสิ่งต่ำงๆ ดังนี้
๑. ผู ้ พู ด โต้ แ ย้ ง ควรหลี ก เลี่ ย งกำรโต้ แ ย้ ง กั น ด้ ว ยอำรมณ์ ขณะพู ด โต้ แ ย้ ง ควรควบคุ ม อำรมณ์
ของตนให้ดี
๒. ผูพ้ ดู โต้แย้งควรใช้ภำษำอย่ำงมีมำรยำทในระหว่ำงกำรโต้แย้ง เช่น กำรใช้คำ� ให้ถกู ต้องเหมำะสม
แก่ระดับบุคคล กำรใช้อวัจนภำษำอย่ำงมีมำรยำท
๓. ผู้พูดโต้แย้งควรเลือกประเด็นพูดโต้แย้งที่สร้ำงสรรค์ เพื่อประโยชน์สูงสุด
การเขียนสรุปความ
การเขียนสรุปความ
ใบงำนที่ ๕.๑ เรื่อง กำรสรุปควำม
ใบงำนที่ ๕.๑ เรื่อง กำรสรุปควำม
ค�ำชีแ้ จง : จงอธิบายความหมายของการสรุปความและหลักการเขียนสรุปความโดยท�าลงในกรอบที่ก�าหนดให้
ค�ำชีแ้ จง : จงอธิบายความหมายของการสรุปความและหลักการเขียนสรุปความโดยท�าลงในกรอบที่ก�าหนดให้
ความหมายของการสรุปความ หลักการเขียนสรุปความ
ความหมายของการสรุปความ หลักการเขียนสรุ นสรุปความ ปความ
กำรเก็บใจควำมส�ำคัญของเนื้อเรื่องใน ๑. พิจำรณำเรื อ่ งรำวทีจ่ ะสรุปควำมก่อน
กำรเก็ ๑.๑. พิว่จำารณาเรื
ำรณำเรื อ่ งประเภทใด
งรำวที จ่ ะสรุ ปควำมก่
เช่อนนว่ข่าอเป็ำนวน
แต่ละย่บอใจควำมส�
การเก็ ใจความสำ�คำญ
หน้ำ แล้วน�คัญ ของเนื
อ้ เรือ่ ้อ
ยบเรีเรืย่องใหม่
งใน
ั ของเนื งในแต่ละ
ำมำเรี เป็นเรือ่ ่องราวท จี่ ะสรุ ปความก่
แต่ย ่ อ หน้
ะย่ำานวนภำษำที
อหน้แล้ำ วแล้
นำ �วมาเรี ย บเรียยบเรี งใหม่ ด้วย ว่เรืบทควำม
ำอ่ เป็ นเรื่อนิงประเภทใด
งประเภทใด เช่น ข่าว บทความ เช่น ข่นิทำาน ว
ด้สำว�ลยส�
นวนภาษาท สี่ ละสลวย
น�่สละสลวย
ำมำเรี ยำนแล้
อ่
อ่านแล้วเข้อ่าำใจง่
งใหม่
ายวว หรือสารคดีนิทำน หรือสำรคดี
ทำน หรือสำรคดี
ด้เข้วำยส� ำ นวนภำษำที ส
่ ละสลวย นแล้ ๒. บทควำม
อ่่าำนเรื นเรื่อ่องราว
งรำวหรืหรื
เข้ควรเป็
ำ
ใจง่นำสำย�นวนภาษาของผ
ใจง่ ำ ย
ควรเป็นส�ำนวนภำษำของ
ควรเป็ น ส� ำ ู้สรุปความเอง
นวนภำษำของ ๒.๒. อ่ออย่ำนเรื ่ อ งรำว หรือฟัอองฟัฟัเรืงง่อเรื
เรืงที่่อจงที
่ อ ะสร
งที ่
่จุปะสรุ
จ ะสรุ อยปป่าง
ผู้สรุปควำมเอง ละเอีำงละเอี ยดทั้งหมด ยดทัและพยายามจั
้งหมด และพยำยำม บใจความ
ผู้สรุปควำมเอง อย่ ำ งละเอี
จับใจควำมของเรื ย ดทั ง
้ หมด่องให้ และพยำยำม
ได้ โดยแบ่ ง
ของเรื อ่ งให้ได้ โดยแบ่งข้ อความเป็ นตอนๆ
จัหรื
บ
ข้ออควำมเป็ ใจควำมของเรื นตอนๆ หรื
แบ่งข้อความตามย
อ
่ งให้
อ่ หน้
ไ
อแบ่ ด้
าโดยหาให้
โดยแบ่
งข้อควำม ง
ได้วา่
ข้เป็
อ
ตำมย่ ควำมเป็
นเรื่อองอะไร น
หน้ำใคร ตอนๆ โดยหำให้ หรื อแบ่
ทำ�อะไร ไที่ด้ไหน ง ข้ อ ควำม
ว ่ำเป็ เมื่อนไร
๓. ตำมย่
เขียนสร
เรือ่ งอะไร อุปหน้ความเป็
ใคร ำ โดยหำให้
ท�ำนอะไร ร้อยแก้ ทีไไ่ หน ด้วด้วว่ำเมืเป็อ่ นไร
ยภาษา
เรื
ของตนเอง
และอย่ อ่ งอะไร ำงไรใคร
ใช้ภาษาที่ชัท�ำอะไร ดเจนทีไ่ อ่หน านเข้เมืาใจง่ อ่ ไราย
๔. และอย่
ถ้าเป็นคำ�ำราชาศั งไรป ควำมเป็ พท์ควรคงไว้
๓. เขี ย นสรุ น นร้อัอกยแก้ ว
๓.๕. เขี
ไม่ควรใช้ ย นสรุ
ด้ ว ยภำษำของตนเอง
อปักษรย ควำมเป็่อ ยกเว้ น ร้ อ ษรย่อวที่
ยแก้
ใช้ ภ ำษำ
ด้รทีู้จ่วชักัยภำษำของตนเอง
ทั่วไป
ดเจน อ่ำนเข้ำใจง่ำย ภ ำษำ ใช้
๔. ทีถ้่ชำัเป็ ดเจนนค�ำอ่รำชำศั ำนเข้ำพใจง่ ท์คำวรคงไว้
ย
๔.
๕. ถ้ไม่ำเป็ นค�ำรำชำศั
ค วรใช้ อั ก ษรย่พอท์คยกเว้ วรคงไว้ น อั ก ษร
๕. ไม่ ค วรใช้
ย่อที่รู้จักทั่วไป อ ั ก ษรย่ อ ยกเว้ น อั ก ษร
ย่อที่รู้จักทั่วไป
18
18
แบบทดสอบท้ำยหน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๕
ตอนที่
ตอนที่ ๓ คำค��ชี้
ำชีแจง
้แจง : จงเขียนเครื่องหมาย หน้
งหมาย หน้าข้อที่ถู
ที่ถกู และเครื่องหมาย x หน้าข้อที่ทีผ่ ิด
ด และอธิบาย
เหตุ
เหตุผลข้อที่ทีเ่ ห็นว่าผิด
xx ๑.
.............. การสรุุปความคืื
การสรุปความคือการเก็็ การเก็บใจความสำำ
ใจความส��คัั าคัญทุุกตััวอัักษรของสาร
ญทุกตัวอักษรของสาร
(เหตุุผล
(เหตุผล เฉพาะส่่วนที่่�
เฉพำะส่วนทีเ่เป็็ป็นนใจความสำำ ใจควำมส��คั ำคััญญ ไม่่ใช่่ทุุกตัั
ไม่ใช่ทุกตัววอััอักกษร) ษร)
.............. ๒. การสรุปความมีความส��คัั
การสรุุปความมีีความสำำ าคัญต่่
ญต่อการศึึ การศึกษา
.............. ๓. ถ้้ถ้ามีีราชาศััพท์์
มีราชาศัพท์ให้้ห้คงไว้้ งไว้เเหมืื
หมืออนเดิิ นเดิมม หรืื หรืออใช้้
ใช้รราชาศััพท์์
าชาศัพท์ตตามระดัับบุุคคล
ามระดับบุคคล
.............. ๔. ไม่ควรใช้้
ไม่่ วรใช้อััอกษรย่่
ักษรย่อในการเขีียนสรุุปความ
ในการเขียนสรุปความ
x ๕.
.............. ถ้้ถ้าต้้ต้องสรุุปความเกี่่
งสรุปความเกีย� ่ วกัับจดหมาย
วกับจดหมาย หนัังสืื หนังสือราชการ พระราชสาส์์ พระราชสาส์น ไม่ ไม่่จำจ�ำา� เป็็
เป็นต้้ต้องบอกเลขที่่�
งบอกเลขทีจด จ่ ดหมาย
หมาย
(เหตุผล จำำจ��ำเป็็
(เหตุุผล เป็นนอย่่างยิ่่�
อย่ำงยิง่งที่่�ทีต้่ต้อ้องระบุุเลขที่่�
งระบุเลขทีจ่จดหมาย) ดหมำย)
.............. ๖. การเขียนสรุปความควรใช้ภาษาที่่�
การเขีียนสรุุปความควรใช้้ าษาทีอ่่อ่า่านเข้้
นเข้าาใจง่่
ใจง่าาย ย
xx ๗.
.............. การสรุปความต้องรวบรวมความรู้้�
การสรุุปความต้้ งรวบรวมความรูเ้ พิ่่�พิม่มเติิ เติมมให้้
ให้มมากๆ ากๆ เพื่่�
เพือ่อใส่่ใส่ไไว้้ว้ใในงานสรุุปความ
นงานสรุปความ
(เหตุผล ไม่่จำำ
(เหตุุผล ไม่จ��ำเป็็เป็นน))
.............. ๘. ก่่ก่อนจะสรุุปความต้้
นจะสรุปความต้องพิิ งพิจารณาก่่
ารณาก่ออนว่่ นว่าาเป็็
เป็นนเรื่่เรื�อ่องประเภทใดก่่
งประเภทใดก่ออนน
xx ๙.
.............. ไม่ต้ต้องถอดคำำ
ไม่่ งถอดค��ป าประพั นธ์ใให้้ห้เเป็็ป็นนร้้ร้ออยแก้้
ระพัันธ์์ ยแก้ววทุุกครั้้�
ทุกครัง้ง
(เหตุผล ควรถอดคำำ
(เหตุุผล ควรถอดค��ำประพัั ประพันธ์์ธ์ใให้้ห้เเป็็ป็นนร้้ร้ออยแก้้ยแก้ววทุุกครั้้�
ทุกครัง)้ง)
x ๑๐.
.............. ไม่จำจำ��าเป็็
ไม่่ เป็นนต้้ต้อองอ่่
งอ่าานเรื่่
นเรื�อ่องที่่�
งทีจ่จะสรุุปความอย่่
ะสรุปความอย่าางละเอีียด งละเอียด
(เหตุ ผลควรอ่ำนคร่ำวๆ ก่ก่่อน
(เหตุุผลควรอ่่านคร่่าวๆ อน แล้ แล้้ววจึจึึงอ่่านละเอีียดอีีกครั้้�
งอ่ำนละเอียดอีกครั้งงก่ก่่อนสรุุปความ) อนสรุปควำม)
ตอนที่่�่ ๔ ค�คำำำ�ชี้
ตอนที ชี้แ� จง : ให้้นนััักกเรีียนเขีียนสรุุปความจากนิิ
ให้ เรียนเขียนสรุปความจากนิททานดั
านดัังต่่ ไปนี้้� โดยใช้้
งต่อไปนี าษาของตนเองเขีียนเล่่
้ โดยใช้ภาษาของตนเองเขี เรื่่�อ่ ง
ยนเล่าเรื
(คำำ
(ค��ำตอบอยู่่�
ตอบอยูใ่ นดุุลยพิิ
นดุลยพินินิจของผู้้
ของผู�ส้ อน)
๖
ยที่
นว่
ห
การอ่
การอานอย่
นอยางมีประสิทธิภาพ
๑. กำรอ่ำนจับใจควำมส�ำคัญ
วิธีการอานอยางมีประสิทธิภาพ ๒. กำรอ่ำนเร็ว
ใบงำนที่ ๖.๓
ใบงานที่่� ๖.๓ เรื่่
เรื�อ่ ง การอ่่านหนัั
กำรอ่ำนหนังสืืสือของข้้
ของข้าำพเจ้้
พเจ้าำ
คำำค��ชี้
ำชี้�แจง : ให้้
ให้นัันกเรีียนเขีียนถึึ
ักเรียนเขียนถึงวิิวิธีีธการอ่่
ีการอ่านหนัังสืื
นหนังสือของตนเองว่่
ของตนเองว่าาเป็็
เป็นนอย่่
อย่าางไร นัักเรีียนพอใจกัับเวลาในการอ่่
งไร นักเรียนพอใจกับเวลาในการอ่าานน
ของตนเองหรือไม่่
ของตนเองหรืื ไมอย่่ยางไร พร้้
พรอมบอกเหตุุผลด้้
มบอกเหตุผลดวย
คำำ(คํ�าตอบอยู่่� ตอบอยูใในดุุลยพิิ
นดุลยพินินิจิจของผู้้
ของผู�สสอน
อน)
25
25
แบบทดสอบท้ำยหน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๖
ตอนที่่�
ตอนที่ ๑ คำำค��ชี้ ำชี้�แจง : จงเขีียนเครื่่
จงเขียนเครื�อ่ งหมาย x ข้้ x ทัอบที่่�ข้ถูอูกทีต้้่ถอูกงที่่�
ต้อสุุด
งที่สุด
๑. “ทองทาเป็็
“ทองทาเป็นหลานของตาชื่่
หลานของตาชืน� ่ ที่่�ทีส่ ติิติไไม่่ม่ดีี ตอนนี้้�ก็็ก้ โ็ ตจนเรีียนอยู่่�มัั
ดี ตอนนี ตจนเรียนอยูม่ ธั ยมแล้้ ยมแล้ว ทุุกกลางวัันเขาต้้
ทุกกลางวันเขาต้องคอยเอาอาหาร
มาให้้
มาให้ตาชื่่ าชืน�่ ตอนเย็
ตอนเย็็นก็ก็็ไปรั
ปรัับจ้้ งขายของที่่�ต่ ลาดทุ
บจ้างขายของที ลาดทุุกวัันเพื่่�
กวันเพือ่ หาเงิิ หาเงินมาเป็็ มาเป็นค่่ค่ารััรักษาพยาบาลของตา เห็ เห็็นไหมว่
ไหมว่่าเขา
ช่่ช่างเป็็
งเป็นเด็็ เด็กดีีอะไรอย่่
ดีอะไรอย่างนี้้� งนี”้ จากการอ่่
จากการอ่านข้้ นข้ออความนี้้�นัักเรีียนคิิ
ความนี้นักเรียนคิดว่ ดว่่าาน้ำำน���้าเสีียงของผู้้�พูู
เสียงของผู้พดูดตรงตามข้้ ตรงตามข้ออใด ใด
จ. ชื่่�
จ. ชืน่ ชม
ใช้้
ใช้ข้ข้อความต่่ ความต่อไปนี้้�ตอบคำำ
ไปนี้ตอบค��ถ ามข้้อ ๒ – ๓
าถามข้
“ดูู
“ดูเจ้้จ้าหล่่
หล่อนสิิ
นสิแต่่ต่งตััวอย่่
ตัวอย่างกัับผู้้�
งกับผูห้ ญิิ ญิงกลางคื กลางคืืน นี่่�นีถ่ ถ้า้ ไม่ ไม่่ใช่ช่่ภรรยาของเพื
รรยาของเพื่่�อ่ นสนิ นสนิิทฉันั ไม่ ไม่่มมีีที ทางที่่�
างทีฉ่ ฉันั จะให้
จะให้้มานั
านั่่�ง่
ในรถฉัั
ในรถฉันเป็็ เป็นอัันขาด ทั้้�งที่่�
อันขาด ทั้งทีไ่ ม่่ม่เคยรู้้�จัั
คยรู้จกักกัันมาก่่
กันมาก่ออนน แต่่ แต่ทำทำ��าไมฉั
ไมฉัันนถึึถึงงไม่่
ไม่ชชอบหล่่ อบหล่ออนได้้ นได้ถึถึงึงขนาดนี้้�”
ขนาดนี้”
๒. ข้้ข้อใดคืื
ใดคือความรู้้�สึึ
ความรู้สกึ ของผู้้�พูู
ของผู้พดู
ค.ค. ไม่่ถููกชะตา
ไม่ถูกชะตำ
๓. ผู้้�พูู
ผู้พดู กล่่ กล่าวถึึวถึงใคร
ค.ค. ภรรยาของเพื่่�
ภรรยำของเพือ่ น
ใช้้
ใช้ข้ข้อความต่่ ความต่อไปนี้้�ตอบคำำ
ไปนี้ตอบค��ถ ามข้้อ ๔ – ๕
าถามข้
๔. “ขมิ้้�
“ขมิน้ ชัันมีีวิิ
ชันมีวติ ามิิ
ามิน เอ, ซีซีี, อีี ที่่�
อี ทีเ่ ข้ข้้าสูสู่่�ร่ร่ า่ งกายแล้
งกายแล้้วจะท� จะทำำา�งานพร้
งานพร้้อมกั มกัันทั้้�นทัง้ ๓๓ ตััว จึึ
ตัว จึงงมีมีีผลทำำ
ผลท�า�ให้ ให้้ชช่ว่ ยลดไขมั
ยลดไขมัันในตัับ
นในตับ
สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร ช่่
สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร ช่วยย่่ ยย่อยอาหาร ทำำ
ยอาหาร ท��าความสะอาดลำำ ความสะอาดล��าไส้้ ไส้ เปลี่่� นไขมัันให้้
เปลี่ยนไขมั นให้เป็็ป็นกล้้กล้ามเนื้้�อ
มเนื้อ
ต้้ต้านอนุนอนุุมููมูลอิิอิสระ ป้้
ระ ป้อองกังกัันมะเร็็
นมะเร็งตัตัับบ สร้ สร้้าางภู งภููมมิิคิคุุ้้ม้�มกักัันให้้
นให้กกััับบผิิ ผิวหนั หนััง กำำ
ง ก�า�จััด จัดเชืเชื้้�้ออราที
ราที่่�่ปปนเปื
นเปื้้้อ�อนในอาหารที
นในอาหารที่่�่รรััับบประทานประทาน
เข้้
เข้าไปและสะสมในร่่
ไปและสะสมในร่างกายเตรีียมก่่ งกายเตรียมก่อตััวเป็็ ตัวเป็นเซลล์์ เซลล์มมะเร็็ ะเร็งง ช่่ช่ววยขัับน้ำำ
ยขับน���้านมสำำ นมส��าหรัับสตรีีหลัังการคลอดบุุตรได้้
หรับสตรีหลังการคลอดบุตรได้ดีี ดี
รองมาจากการกิิ
รองมาจากการกินหััวปลีี” หัวปลี”
๔. ข้้ข้อใดเป็็
ใดเป็นจุุดประสงค์์
จุดประสงค์ของผู้้� องผูแ้ ต่่ต่งบทความนี้้�
บทความนี้
จ. เพื่่� เพือ่ ให้้
ให้ความรู้้
วำมรู� ้
๕. ชื่่�ชือ่ เรื่่
เรื�อ่ งในข้้ ใดเหมาะสมกับบทความนีม้มากที่่�
งในข้อใดเหมาะสมกัับบทความนี้้� ำกทีสุุ่สดุด
ข.ข. สารพัั สำรพัดประโยชน์์
ประโยชน์จากขมิ้้� ำกขมิน้
ใช้้
ใช้ข้ข้อความต่่ ความต่อไปนี้้�ตอบคำำ
ไปนี้ตอบค��ถ ามข้้อ ๖ – ๗
าถามข้
๖. “ปัั
“ปัจจจุุบัั
จุบนวััฒนธรรมความเป็็
นั วัฒนธรรมความเป็นญี่่� ญีปุ่่ป่ น� ุ่ ในสัังคมไทยนั้้�
ในสังคมไทยนัน้ ปรากฏให้้ ปรากฏให้เห็็ห็นนอยู่่�ทั่่ อยูท่ ว� วั่ ไปและมีีรูู
ไปและมีรปปู แบบที่่�
แบบทีหห่ ลากหลาย ลากหลาย ไม่ ไม่่ว่วา่
จะเป็็
จะเป็นสื่่�สือ่ อย่่ อย่างละครและภาพยนตร์์
งละครและภาพยนตร์ เกม การ์์ การ์ตูตูนญี่่�ญีปุ่่่ป�นุ่ การแต่่
การแต่งกาย อาหาร สิิ อาหาร สินค้้ค้าานำำน��าเข้้ เข้าา วรรณกรรม
วรรณกรรม ภาษา ภาษา
ญี่่�
ญี่ปปุุ่่่น� ฯลฯ เรี เรีียกได้้
ยกได้ว่ว่าวััฒนธรรมญี่่�
วัฒนธรรมญี่ปุ่่ปุ่�นปรากฏอยู ปรากฏอยู่่�่แทบทุุกด้้ ทบทุกด้านของชี นของชีีวิิวติ ”
๖. ข้้ข้อใดเป็็
ใดเป็นใจความสำำ
ใจความส��คัั าคัญของข้้
ญของข้อความ
ง. วัั
ง. วัฒนธรรมญี่่� นธรรมญีปุ่่ป่�นุ แพร่่หลายในสัั
แพร่หลำยในสังคมไทย
๗. จากข้้
จากข้อที่่�ที่ ๖๖ ข้้ข้อใดไม่่สามารถอนุุมานได้้
ใดไม่สำมำรถอนุมานได้จากข้้ ากข้อความ
จ. วัั
จ. วัฒนธรรมญี่่� นธรรมญีปุ่่ป่�นุ เป็็ เป็นที่่�ทีย่ อมรัั
อมรับในสัั ในสังคมไทยมากที่่�คมไทยมำกทีสุุ่สดุด
๘. ข้้ข้อใดไม่่สามารถใช้้
ใดไม่สำมำรถใช้วิวิธีีธการอ่่ ีการอ่านคร่่ นคร่าวได้้
วได้
ง. การจัั กำรจับใจความสำำ
ใจควำมส��คั ำคััญของเรื่่
ของเรื�อ่ ง
26
๙. ข้้ข้อใดเป็็
ใดเป็นนวิิวิธีีธการช่่
ีการช่ววยให้้
ยให้อ่อ่า่านคร่่
นคร่าาวได้้
วได้รรวดเร็็
วดเร็วว
ข. การหาจุุดมุ่่
กำรหำจุดมุ�ง่ หมายของเรื่่
หมำยของเรื�อ่ ง
๑๐. ข้้ข้อใดไม่่ใช่่
ใดไม่ใช่ปัปัจจัั ัจจัยของการอ่่
ยของการอ่าานหนัังสืื
นหนังสืออเร็็เร็วว
ก. การจัั
กำรจับเวลาในการอ่่าน
เวลำในกำรอ่ำน
ตอนที่ ๒ ค�ำชี้แจง : จงตอบค�าถามต่อไปนี้
๑. วิธีการอ่านแบ่งเป็นกี่ลักษณะ มีอะไรบ้าง
สำมำรถแบ่งกำรอ่ำนได้เป็น ๓ ลักษณะตำมจุดมุ่งหมำยในกำรอ่ำน ดังนี้
๑. กำรอ่ำนแบบคร่ำวๆ (skimming) หมำยถึง กำรอ่ำนด้วยควำมรวดเร็วเพื่อให้เห็นภำพรวมของ
งำนเขียนทีเ่ รำอ่ำนเรือ่ งนัน้ ๆ กำรอ่ำนลักษณะนีไ้ ม่ใช่กำรอ่ำนทุกตัวอักษร แต่เป็นกำรอ่ำนผ่ำนๆ
เพื่อพิจำรณำประเด็นส�ำคัญที่ปรำกฏในงำนเขียน กำรอ่ำนลักษณะนี้มีประโยชน์อย่ำงยิ่งในกำร
ตัดสินใจเลือกซื้อหนังสือ และการเลื และกำรเลื อกยื อกยื มหนั มหนั งสืงอสืเพือ่อเพืใช้่อทใช้ำ�ทรายงานต่
�ำรำยงำนต่ างๆำงๆ อีกทัอี้งกการเห็ นภาพรวม
ทั้งกำรเห็ นภำพ
รวมของงำนที
ของงานที่ อ่านยั่อง่ำทำนยั�ให้งท�เมืำให้ เมื่อาเรำอ่
่อเราอ่ นอย่ำานอย่ งละเอี ำงละเอี
ยดก็สยามารถเข้ ดก็จะสำมำรถเข้ ำใจเนื้อหำสำระต่
าใจเนื้อหาสาระต่ างๆ ได้ดำงๆ ียิ่งขึ้นได้ดี
ยิ่งขึ้น
๒. การอ่่านแบบกวาดสายตา (scanning) หมายถึึง การอ่่านด้้วยความรวดเร็็วเพื่่�อค้้นหาเนื้้�อหาสาระ
๒. กำรอ่
ที่่� เราต้้ำอนแบบกวำดสำยตำ
งการจากงานเขีียนนั้้� (scanning) หมำยถึง กำรอ่
นๆ โดยไม่่สนใจเนื้้� ำนด้วยควำมรวดเร็
อหาในส่่วนอื่่� นๆ ที่่�ไม่่ต้้วอเพื งการ อ่ ค้นหำเนื อ้ หำสำระ
การอ่่านแบบ
ที่เรำต้องกำรจำกงำนเขี
กวาดสายตาไม่่ใช่่ การอ่่านหนััยนนั้นงสืืๆอทั้้�โดยไม่
งเล่่ม สนใจเนื แต่่เป็็น้อการอ่่านเพื่่�
หำในส่วนอือ่นหาสิ่่� ๆ งทีที่่�่ไเม่ราต้้
ต้อองกำร งการคำำกำรอ่ ำนแบบ
�ตอบเท่่านั้้� น
ลัักวำดสำยตำไม่
กษณะการอ่่านประเภทนี้้ ใช่กำรอ่ำนหนั � เช่่งนสือการอ่่านพจนานุุกรม
ทัง้ เล่ม แต่เป็นกำรอ่ำการค้้ นเพือ่ นหำสิ ง่ ทีเ่ รำต้องกำรค�พำตอบเท่
หาหมายเลขโทรศัั ท์์จากสมุุด ำนัน้
โทรศััลักษณะกำรอ่ พท์์ ำนประเภทนี้ เช่น กำรอ่ำนพจนำนุกรม กำรค้นหำหมำยเลขโทรศัพท์จำกสมุด
๓. การอ่่านอย่่างละเอีียด
โทรศัพท์ (intensive reading) หมายถึึง การลงมืืออ่่านงานเขีียนอย่่างละเอีียด
ทุุกถ้้
๓. กำรอ่อำยคำำ �เพื่่�ำองละเอี
นอย่ ให้้เข้้ายใจเนื้้� อหาสาระต่่างๆ
ด (intensive reading) ในงานเขีียนนั้้�
หมำยถึง นกำรลงมื ๆ ออ่ำนงำนเขียนอย่ำงละเอียด
ทุกถ้อยค�ำเพื่อให้เข้ำใจเนื้อหำสำระต่ำงๆ ในงำนเขียนนั้นๆ
๒. จงยกตััวอย่่างวิิธีีการเพิ่่�มประสิิทธิิภาพในการอ่่าน อย่่างน้้อย ๓ ข้้อ
๒. ๑. ควรจดบัั
จงยกตัวอย่างวินธีกทึึกสิ่่� ารเพิง่มที่่�ประสิ ทธิภอาพในการอ่
อ่่านเพื่่� เตืือนความจำำ าน �ว่่ อย่าได้้
างน้อ่่อานหนัั
ย ๓ ข้องสืืออะไร ผู้้�เขีียนเป็็นใคร ได้้แนวคิิด
๑. อย่่างไร
ควรจดบัและสามารถนำำ นทึกสิ่งที่อ่ำนเพื �ไปใช้้่อเตืปอระโยชน์์
นควำมจ� ได้้เำมื่่�ว่อำต้้ได้องการ
อ่ำนหนังสืออะไร ผู้เขียนเป็นใคร ได้แนวคิด
อย่ำงไร และสำมำรถน�
๒. หาโอกาสนำำ ำไปใช้ประโยชน์
�สิ่่�งที่่�อ่่านมาแลกเปลี่่� ยนความคิิ ได้เมืด่อกััต้บผู้ องกำร้�อื่่�น โดยเข้้าร่่วมกิิจกรรมหรืือชมรมการอ่่าน
๒. หำโอกำสน�
วิิ ำสิ่งที่อ่ำนมำแลกเปลี
ธีีนี้้�เป็็นการตรวจสอบความเข้้ ่ยนควำมคิดกับผู้อื่น โดยเข้ำดร่เห็็
าใจของตนเองและทราบความคิิ วมกิ จกรรมหรื
นของผู้้ �อื่่�น อชมรมกำรอ่ำน
วิธอีนอ่่านแล้้
๓. เมื่่� ี้เป็นกำรตรวจสอบควำมเข้
วไม่่เข้้าใจสิ่่�งใดต้้องพยายามหาคำำ ำใจของตนเองและทรำบควำมคิ �ตอบโดยไม่่ปล่่อยให้้ดสิ่่เห็ ง� นั้้�นนของผู
ผ่่านไป ้อื่นควรจดลงบััตรคำำ�
๓. เพื่่�
เมือ่ หาความหมาย
อ่ำนแล้วไม่เข้ำใจสิ จะทำำง่ ใดต้
�ให้้รัอับค
งพยำยำมหำค�
วามรู้้�เพิ่่�มขึ้้�นำตอบโดยไม่ปล่อยให้สงิ่ นัน้ ผ่ำนไป ควรจดลงบัตรค�ำ
๔. เป็็
เพืน่อคนช่่
หำควำมหมำย างสัังเกต เพราะจะเป็็
จะท�ำให้รับนควำมรู วิิธีีหนึ่่�ง้เพิที่่�ทำ่มำ�ขึให้้
้น อ่่านหนัังสืือได้้อย่่างรวดเร็็ว
๕. ฝึึ
๔. เป็กนตนเองให้้
คนช่ำงสัเงป็็เกต นนัักเพรำะจะเป็
อ่่านที่่�ดีี โดยพยายามทำำ
นวิธีหนึ่งที่ท�ำ�ค ให้อวามเข้้
่ำนหนัางใจและตีีความสาร
สือได้อย่ำงรวดเร็ว การฝึึกตนเองอย่่าง
๕. สม่ำำ
ฝึก�� ตนเองให้
เสมอ เป็็เนป็การพัั นนักอ่ฒำนาทัันที่ดกี ษะการอ่่านที่่�
โดยพยำยำมท� ดีีวิำิธีีควำมเข้
หนึ่่�ง ำใจและตีควำมสำร กำรฝึกตนเองอย่ำง
สม�่ำเสมอ เป็นกำรพัฒนำทักษะกำรอ่ำนที่ดีวิธีหนึ่ง
๓. จงบอกประโยชน์์ของการอ่่าน
๓. ๑. ทำำ
จงบอกประโยชน์
�ให้้ผู้�อ่่้ านได้้ของการอ่ าน
รัับสาระความรู้้ �ต่่างๆ
๑. ท��ำให้้
๒. ทำำ ให้สผมองได้้
ู้อ่ำนได้คิริดับและเกิิ
สำระควำมรู ดสมาธิิ้ต่ำงๆ
๒. ท��ำให้้
๓. ทำำ ให้ผู้ส�อ่่้ มองได้
านมีีอิิคสิดระทางความคิิ
และเกิดสมำธิด
๓. สร้้
๔. ท�ำาให้ ผู้อ่ำนมีอิสดระทำงควำมคิ
งความเพลิิ เพลิินและคลายความเครีียด ด
๔. สร้ำงควำมเพลิดเพลินและคลำยควำมเครียด
27
27
๔. การอ่านเร็วมีความส�าคัญต่อนักเรียนอย่างไรบ้าง
กำรอ่ำนเร็วท�ำให้ได้เปรียบผูอ้ นื่ ในเรือ่ งของกำรทบทวนควำมรูต้ ำ่ งๆ กำรอ่ำนช้ำย่อมจะประสบปัญหำ
กับกำรอ่ำนหนังสือไม่ทนั กำรอ่ำนเร็วจึงเป็นเครือ่ งมือที่ส�ำคัญส�ำหรับกำรศึกษำ
๕. นักเรียนสามารถน�าการอ่านเร็วมาใช้ในชีวิตประจ�าวันได้อย่างไรบ้าง
กำรอ่ำนเร็วสำมำรถน�ำไปใช้ในชีวิตประจ�ำวันได้มำกมำย เช่น กำรอ่ำนหนังสือพิมพ์ นิตยสำร
บทอ่ำน โดยอำจเริม่ อ่ำนพำดหัวข่ำว หัวเรือ่ ง ชือ่ เรือ่ ง ย่อหน้ำแรกของเรือ่ ง หำกสนใจก็อำ่ นต่อไป
หำกไม่สนใจเรำสำมำรถอ่ำนข้ำมไปได้ หรือเลือกอ่ำนเรื่องใหม่
๖. จงบอกสาเหตุของการอ่านหนังสือช้า
สำเหตุกำรอ่ำนหนังสือช้ำ มีดังนี้
๑. ปัญหำด้ำนสุขภำพ ได้แก่ เจ็บป่วย สำยตำสั้นหรือยำว หำกสำยตำไม่ดี ควรใส่แว่นตำช่วย
เพื่อถนอมสำยตำไว้ เพรำะดวงตำเป็นสิ่งที่ส�ำคัญที่สุดในกำรอ่ำน
๒. ปัญหำด้ำนจิตใจ ได้แก่ กำรขำดสมำธิ จิตใจฟุ้งซ่ำน ท�ำให้ไม่สำมำรถเข้ำใจเรื่องได้โดยตลอด
ส่งผลให้ไม่สำมำรถสรุปสำระส�ำคัญของเรื่อง ตลอดจนจับวัตถุประสงค์ของผู้แต่งไม่ได้
๓. ขำดกำรฝึกทักษะกำรอ่ำนอย่ำงสม�่ำเสมอ ได้แก่ ขำดกำรฝึกทักษะกำรอ่ำนในใจ ท�ำให้ต้องอ่ำน
ออกเสียง หรืออ่ำนวนไปวนมำ หรือพุ่งควำมสนใจไปที่ค�ำใดค�ำหนึ่งมำกเกินไปจึงเสียเวลำใน
กำรอ่ำน และไม่เข้ำใจเรื่อง
๔. ขำดทักษะในกำรคิดแบบรวบยอด ท�ำให้สรุปสำระส�ำคัญของเรื่องไม่ได้ จับประเด็นของเรื่อง
ผิดพลำด
๕. ปัญหำด้ำนสภำพแวดล้อม เช่น แสงสว่ำงไม่พอ และอุปสรรคอื่นๆ ผู้อ่ำนควรเลือกหรือควรจัด
สภำพกำรณ์ ให้ดีขณะอ่ำนหนังสือ
๗. จงบอกปัจจัยการอ่านหนังสือเร็ว
๑. ควำมยำกง่ำยของสิง่ ทีอ่ ำ่ น ควำมยำกง่ำยนัน้ อำจมีเนือ้ หำเกีย่ วกับเรือ่ งทีผ่ อู้ ำ่ นไม่มปี ระสบกำรณ์
มำก่อน เพรำะหำกผู้อ่ำนมีประสบกำรณ์เรื่องที่อ่ำนมำก่อน อำจช่วยคำดเดำเหตุกำรณ์ได้
๒. โครงเรื่องที่อ่ำน โครงเรื่องที่ซับซ้อนมำกย่อมเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับกำรอ่ำนของผู้อ่ำน
๓. กำรใช้ศพั ท์สำ� นวนทีเ่ ข้ำใจยำก เช่น กำรใช้ศพั ท์เฉพำะทำง หำกผูอ้ ำ่ นไม่มคี วำมรูเ้ รือ่ งค�ำศัพท์
ทำงด้ำนนัน้ ก็อำจเป็นอุปสรรคต่อกำรอ่ำนได้
๘. นักเรียนเป็นคนอ่านหนังสือช้าหรือไม่ ถ้าเป็น นักเรียนมีแนวทางในการปรับปรุงทักษะการอ่านอย่างไร
คำ(ค��ำตอบอยู่
ตอบอิสใระ)
นดุลยพินิจของผู้สอน
๙. นักเรียนคิดว่าทักษะการอ่านหนังสือเร็วเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาหรือไม่อย่างไร
คำ(ค��ำตอบอยู่
ตอบอิสใระ)
นดุลยพินิจของผู้สอน
๑๐. การอ่านข้อสอบ ควรเลือกใช้วิธีการอ่านลักษณะใด
กำรอ่ำนข้อสอบ ควรอ่ำนอย่ำงละเอียด (intensive reading) เพือ่ ให้เข้ำใจเนือ้ หำสำระต่ำงๆ ในข้อสอบ
ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ
28
28
ตอนที่ ๓ คำค��ชี้
ตอนที่ ำชีแจง
้แจง : จงเขียนเครื่องหมาย หน้
งหมาย หน้าข้อที่ถู
ที่ถกู และเครื่องหมาย x หน้าข้อที่ทีผ่ ิดและอธิบาย
เหตุ
เหตุ ผ ลข้ อ ที
ที่ เ
่ ห็ น ว่ า ผิ ด
.............. ๑. หากนักเรียนสามารถอ่านได้้
หากนัักเรีียนสามารถอ่่ นเร็วเร็็ได้วได้้จะท� จะทำำาให้�ให้้ มีเมีีวลาทบทวนความรู
เวลาทบทวนความรู้้�ต่่ ้ต่างๆ
างๆมากขึ ้น น
มากขึ้้�
.............. ๒. การอ่านจัับใจความสำำ
การอ่่ นจับใจความส��คัั าคัญเป็็
ญเป็นนทัักษะเบื้้�
ทักษะเบือ้องต้้ งต้นนของการอ่่
ของการอ่าานหนัังสืืนหนังสืออ
.............. ๓. นักเรียนสามารถน��าการอ่่
นัักเรีียนสามารถนำำ การอ่านเร็็
นเร็ววไปใช้้ ไปใช้ใในชีีวิิ นชีวติตประจำำ
ประจ��วัั าวันได้้
นได้ เช่่เช่นน อ่่อ่าานหนัังสืื
นหนังสืออพิิพิมมพ์์พ์ นินิิตตยสาร
ยสารบทอ่่
บทอ่าาน
น
.............. ๔. การทราบสาเหตุของการอ่านหนัังสืื
การทราบสาเหตุุของการอ่่ นหนังสือช้้ช้า จะทำำ จะท��าให้้
ให้นัันกเรีียนนำำ
ักเรียนน��าไปปรัับปรุุงการอ่่
ไปปรับปรุงการอ่าานได้้ นได้
x ๕.
.............. การเตรียมตัวทีดีีด่ เกิิ
การเตรีียมตััวที่่� เี กินไปเป็็
ไปเป็นสาเหตุุหนึ่่�
สาเหตุหนึง่ ของการอ่่ ของการอ่านหนั งสือช้ช้้า
นหนัังสืื
(เหตุผล การเตรีียมตัั
(เหตุุผล กำรเตรียมตัววในการอ่่านจะช่ ในกำรอ่ำนจะช่่ววยให้้ ยให้อ่่อานได้้
่ำนได้เเร็็ร็ววขึ้้ขึ�น้น))
x ๖.
.............. การอ่านข้้
การอ่่ นข้ามเป็็
มเป็นวิิวิธีีธการอ่่
ีการอ่านหนัังสืื
นหนังสือเร็็เร็วว โดยที่่� โดยทีผู้้�อ่
่ผู้อ่า่านต้้
นต้อองอ่่
งอ่าานทุุกตััวอัักษร
นทุกตัวอักษร
(เหตุผล ไม่่จำำ
(เหตุุผล ไม่จ�ำ� เป็็
เป็นนต้้ต้อองอ่่านทุุกตัั
งอ่ำนทุกตัววอััอักกษร) ษร)
x ๗.
.............. การอ่านเร็็
การอ่่ นเร็วไม่่
ไม่จำจำ��าเป็็
เป็นนต้้ต้อองอ่่
งอ่าานทุุกย่่
นทุกย่ออหน้้ หน้าา
(เหตุผล จำำจ��ำเป็็
(เหตุุผล เป็นต้้ต้อองอ่่านทุุกย่่อหน้้
งอ่ำนทุกย่อหน้าำแต่่ไม่่ต้้ แต่ไม่ตออ้ งทุุกตัั
งทุกตัววอััอักกษร) ษร)
.............. ๘. การอ่านคร่่
การอ่่ นคร่าวเป็็
วเป็นการอ่่ การอ่าานเร็็นเร็ววที่่�ทีไ่ไม่่ม่ไได้้ด้มุ่่�มงุ่งหาใจความสำำ
หาใจความส��คัั าคัญหรืื
ญหรืออแนวคิิ แนวคิดสำ
ดส�ำ�คัั
าคัญแต่่
ญแต่เป็็เป็นนการอ่่
การอ่าานเพื่่�
นเพือ่อหา
หา
คำำค��าตอบอย่่
ตอบอย่างรวดเร็็
งรวดเร็วในเรื่่ ในเรื�อ่องที่่�
งทีต้่ต้อ้องการทราบ
งการทราบ
x ๙.
.............. การอ่านจัับใจความสำำ
การอ่่ นจับใจความส��คัั าคัญไม่่
ญไม่จำจำ��าเป็็ เป็นนต้้ต้อองพิิ งพิจจารณาชื่่�
ารณาชือ่อเรื่่เรื�อ่องง
(เหตุ ผล ควรพิ
(เหตุุผล ควรพิิจจำรณำชื ารณาชื่่�อ่ อเรืเรื่่อ่ อ� ง)ง)
.............. ๑๐. ประสบการณ์เป็็ป็นปััปัจจัั
ประสบการณ์์ จจัยหนึ่่�
ยหนึ่งของการอ่่
ของการอ่านหนัังสืื นหนังสือเร็็เร็วว
๑. งานทิ้งกระจาดจัดขึ้นในช่วงใด และจบลงในวันใด
จัดขึ้นในช่วงวันขึ้น ๑๕ ค�่ำ เดือน ๗ ตำมปฏิทินจีน โดยในวันที่ ๑ เดือน ๗ จะเริ่มพิธีและจบลงใน
วันที่ ๓๐ เดือน ๗
๒. “กุ้ยเล้ย” คืออะไร
หมวกสำนแบบจีน
๓. จุดประสงค์หลักของงานทิ้งกระจาด คืออะไร
เพื่อท�ำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ และแจกสิ่งของครั้งใหญ่ที่ได้รับบริจำคมำให้แก่ผู้ยำกไร้
29
่น ยที่
๗
ว
ห
๑. การวางโครงเรื่่อ� ง
๒. ตััวละคร
องค์ประกอบของนวนิยาย ๓. ฉาก
๔. แนวคิิด
๕. การใช้้ภาษา
๒. ให้้นัักเรีียนอธิิบายคำำ�ที่่�กำำ�หนดให้้
๑. ตััวละคร
ผู้้ �ร่่ วมประกอบพฤติิ ก รรมตามเหตุุการณ์์ ในเรื่่� อ ง การกระทำำ� หรืื อ ตัั ว ละครควรมีีเหตุุผลรองรัั บ
และสอดคล้้องกัับบุุคลิิกลัักษณะของตััวละคร ซึ่่�งพฤติิกรรมนี้้�เปลี่่�ยนแปลงได้้โดยมีีเหตุุผลจููงใจที่่�
ชััดเจน ตััวละครที่่�ดีีควรมีีชีีวิิตชีีวาเหมืือนบุุคคลจริิงๆ โดยแสดงลัักษณะนิิสััย ความคิิด พฤติิกรรม
และคำำ�พููดอย่่างสมจริิง
๒. ฉาก
เวลาและสถานที่่�ที่่�ตััวละครใช้้แสดงพฤติิกรรมและสภาพแวดล้้อมเป็็นส่่วนประกอบที่่�สำำ�คััญใน
นวนิิยายเพราะทำำ�ให้้เรื่่�องน่่าติิดตาม และทำำ�ให้้ผู้้�อ่่านเกิิดภาพและจิินตนาการ
31
แบบทดสอบท้้ายหน่่วยการเรีียนรู้้�ที่่� ๗
๘. ความสุุขของกะทิิ
ความสุขของกะทิ เนื้้�เนื้อเรื่่เรื� ่องแบ่่
งแบ่งออกเป็็
ออกเป็นนกี่่�กีต่ตอน อะไรบ้้
อน อะไรบ้าางง
ควำมสุขของกะทิ แบ่่งเป็็
ความสุุขของกะทิิ แบ่งเป็น ๓ ตอน ดััดังนี้้นี� ้
ตอนที่ ๑ บ้้บ้าำนริิ
ตอนที่่� นริมคลอง
ตอนที่ ๒ บ้้บ้าำนชายทะเล
ตอนที่่� นชำยทะเล
ตอนที่ ๓ บ้้บ้าำนกลางเมืื
ตอนที่่� นกลำงเมือง
๙.๙. จงยกตััวอย่่
จงยกตัวอย่างตอนที่่�
งตอนทีนัั่นกเรีียนชอบจากนวนิิ
ักเรียนชอบจากนวนิยยายเรื่่
ายเรื�อ่องนี้้� พร้้
งความสุ ขของกะทิ
อมอธิิ พร้อมอธิบายเหตุผลประกอบ
บายเหตุุผลประกอบ
คำำ(ค��ำตอบอยู่่�
ตอบอยูใ่ในดุุลยพิิ
นดุลยพินินิจิจของผู้้
ของผู�ส้สอน
อน)
นักเรียนได้ข้ข้อคิิคิดอย่่
๑๐. นัักเรีียนได้้ อย่างไรจากการอ่่
งไรจากการอ่านนวนิิ
นนวนิยยายเรื่่
ายเรื�อ่อง ความสุุขของกะทิิ
ง ความสุขของกะทิ
คำำ(ค��ำตอบอยู่่�
ตอบอยูใ่ในดุุลยพิิ
นดุลยพินินิจิจของผู้้
ของผู�ส้สอน
อน)
๘
ว่ ที่ คาตอบอิ
ย คาตอบอิ สระ
สระแต่แต่
ต้อตงอิ
้องอิ
งหลั
งหลั
กประเมิ
กประเมินค่นาค่ในหน่
าในหน่
วยที
วยที
่ ๗่ ๗
น
ห
การแต่งคำ�ประพันธ์ประเภทฉันท์
หน่หน่
วยการเรี
วยการเรี
ยนรู
ยนรู
้ที่ ้ที่๘ ๘การแต่
การแต่งคงาประพั
คาประพั
นธ์นปธ์ระเภทฉั
ประเภทฉันท์นท์
ใบงานที่่�
ใบงานที
ใบงานที ๘.๑
่ ๘.๑เรืเรื่่อ่เรื�องอ่ งการแต่
่ ๘.๑ ง การเขีียนแผนผัั
การแต่ นงธ์ครุุ
งคงาประพั
คาประพั ปลหุุ
นปธ์ระเภทฉั
ระเภทฉั
นท์นท์
คำำค�ชี้าชี
คแ�้ าชี
้แจงจง
้แ:จง: จงเขี
:จงเขีียนแผนผัังครุุ ลหุุจากฉั
จงเขี
ยนแผนผั
ยนแผนผั
งครุงครุลหุลหุ
จากฉั
จากฉั
นนั ท์นท์์ตท์ต่่อ่อตไปนี
่อไปนี
้ ้
ไปนี้้�
๑ ๑บาท
บาท ั ั ัุ ุ ั ั ุ ุ ุ ุ ุ ุ ั ั ุ ุ ุ ุั ั ุ ุั ั ั
๑ ๑บทบท
ั ั ัุ ุ ั ั ุ ุ ุ ุ ุ ุ ั ั ุ ุ ุ ุั ั ุ ุั ั ั
สััมผััสระหว่่ างบท
สัมสัผัมสผัระหว่
สระหว่
างบท
างบท
ั ั ัุ ุ ั ั ุ ุ ุ ุ ุ ุ ั ั ุ ุ ุ ุั ั ุ ุั ั ั
๑ ๑บทบท
ั ั ัุ ุ ั ั ุ ุ ุ ุ ุ ุ ั ั ุ ุ ุ ุั ั ุ ุั ั ั
ใบงานที
ใบงานที
่๘.๒
่๘.๒เรือ่เรืงอ่ การแต่
ง การแต่
งคงาประพั
คาประพั
นธ์นปธ์ระเภทฉั
ประเภทฉันท์นท์
คาชี
คาชี้แจง
้แจง: ให้: ให้
นักนเรีักยเรีนบอกประเภทฉั
ยนบอกประเภทฉั นท์นตท์ามที
ตามที ่กาหนดให้
่กาหนดให้
๑.๑. ฉันฉัท์นท์๘ ๘ ได้ได้ แก่แก่วิ ชวิชุชมชุมาลาฉั
มมาลาฉั นท์นท์มาณวกฉั
มาณวกฉั
นท์นท์
๒.๒. ฉันฉัท์นท์๑๑๑๑ ได้ได้ แก่แก่อิ นอิทรวิ
นทรวิ เชีเยชีรฉั
ยรฉั นท์นท์
๓.๓. ฉันฉัท์นท์๑๒๑๒ ได้ได้ แก่แก่ภุชภุงคปยาตฉั
ชงคปยาตฉั นท์นท์
๔.๔. ฉันฉัท์นท์๑๔๑๔ ได้ได้ แก่แก่วสัวสั
นตดิ นตดิลกฉัลกฉั นท์นท์
๕.๕. ฉันฉัท์นท์๑๕๑๕ ได้ได้ แก่แก่มาลิมาลิ นีฉนันี ฉท์ันท์
๖.๖. ฉันฉัท์นท์๑๙๑๙ ได้ได้ แก่แก่สัทสัทุทลทุวิลกวิกีกฬกีิ ตฬฉัิ ตนฉัท์นท์
35
35
๑๕๘
ใบงานที่ ๘.๓
ใบงำนที
ใบงานที่่� ๘.๓ เรือ่ เรื่่
เรืง �อ่ การแต่
ง อิิอินงทรวิิ
คทรวิ
าประพั นธ์นนปท์์ท์ระเภทฉันท์
ชียรฉั
เชีียรฉัั
คำำค�ค�ชี้
ำาชีชีแ�้ ้แจง
จง : ให้้
:: ให้ให้นนัันักกเรีียนเขีียนแผนผัังครุุ ลหุุของอิิ
ักเรีเรียนเขี
ยนเขียนแผนผั
ยนแผนผั งอิงนครุทรวิลหุเชีขยองอิ
รฉันนนท์ทรวิิ
ทรวิเเชีียรฉั
ชียรฉันั นท์์ท์
ัั ัััััััั ัั ัั ััั ั ัั ั ัั ัั
ัั ัััััััั ัั ััั ั ั ัั ั ั ัั ั ัั ัั
๑ับท
.ใบงานที่ั๘.๔ เรือ่ ง การแต่งคาประพันธ์ประเภทฉันท์
ัั ัััััััั ัั ัั ััั ั ััั ั ัั ัั
ัั ัััััััั ัั ัั 36
36 ััั ั ัั ั ัั ัั
ใบงำนที
.ใบงานที่ั๘.๔ เรือ่ เรืง ่อการแต่
ง วสังนคตดิ ลกฉันนธ์ท์ประเภทฉันท์
าประพั
ค�คำาชีชีแ้ จง : ให้ให้
นักนเรีักยเรีนเขี ยนแผนผั
ยนเขี งวสังนครุตดิลหุ
ยนแผนผั ลกฉั นท์ นตดิลกฉันท์
ของวสั
ัั ัััััััั ัั ััั ั ั ัั ั ั ัั ั ัั ัั
ัั ัััััััั ัั ัั ััั ั ััั ั ัั ัั
๑ับท
ัั ัััััััั ัั ััั ั ั ัั ั ั ัั ั ัั ัั
ัั ัััััััั ัั ัั ั ั ััั ั ัั ัั
สัมผัสระหว่างบท
ัั ัััััััั ัั ััั ั ั ัั ั ั ัั ั ัั ัั
๒. เลือกประเภทฉันท์ ๔. บ่ ก็ ไป่ ณ บ เป็นค�คำำ�ลลหุหุ
ให้เหมำะสมกั
หมาะสมกับเนื้อควำม
ความ ๑ับท
ัั ัััััััั ัั ััั ั ั ัั ั ั ัั ั ัั ัั
สัมผัสระหว่างบท
ัั ัััััััั ัั ััั ั ั ัั ั ั ัั ั ัั ัั
37
37
แบบทดสอบท้ำยหน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๘
ตอนที
ตอนที่่ ๒ ค�คำำ�ชี้ชี้แแจง
จง : จงพิจารณาข้อความต่อไปนี้ว่าเป็นค�คำา�ฉัฉันนท์ท์ประเภทใด
ระเภทใด
๑. อีอีีทิิ
ทิสสัังฉัฉัันท์ท์์
๒. อิอิินทรวิทรวิิเชีียรฉัั
ชียรฉันท์์ท์
๓. อิอิินทรวิทรวิิเชีียรฉัั
ชียรฉันท์์ท์
๔. ภุชงคประยำตฉันท์ท์์
๔. ภุุชงคประยาตฉัั
๕. ภุชงคประยำตฉันท์ท์์
๕. ภุุชงคประยาตฉัั
๖. วสั
วสัันตดิ ตดิิลกฉั
กฉัันท์์ท์
๗. มำลิ
มาลิินนีีฉั ีฉันท์ท์์
๘. สัสััททุทุุลวิิ
ลวิกกีกีีฬิิ
ฬิตฉัฉัันท์ท์์
๙. สัสััทธรำฉั
ธราฉัันท์ท์์
๑๐. วิวิิชชชุุชุมมมาลาฉัั
มำลำฉันท์ท์์
๙
ยที่
นว่
ห
กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร
เนื้อเรื่องย่อ คุณค่าจากเรื่อง
เนื้้�อเรื่่�องของกาพย์์เห่่เรืือแบ่่งเป็็น ๑. คุุณค่่าด้้านเนื้้�อหา คืือ การให้้ความรู้้ท� าง
๒ ตอน ตอนที่่� ๑ ประกอบด้้วยบทเห่่ ธรรมชาติิวิิทยา ปรากฎอย่่างเด่่นชััดในบท
๔ ตอน ได้้แก่่ เห่่ชมเรืือกระบวน เห่่ชมปลา เห่่ชมไม้้ และเห่่ชมนก บทเห่่
เห่่ชมปลา เห่่ชมไม้้ และเห่่ชมนก แต่่ละตอนให้้ความรู้้�เรื่่�องพัันธุ์์�ปลา พัันธุ์์�ไม้้
ตอนที่่� ๒ เป็็ น บทเห่่เรื่่� อ งกากีี และพัันธุ์์�นกเป็็นอย่่างดีี
บทเห่่สัังวาส และบทเห่่ครวญ ๒. คุุณค่่าด้้านวรรณศิิลป์์ ได้้แก่่ การเล่่นเสีียง
การเล่่นคำำ� การพรรณนาภาพ การเลืือกสรรคำำ�
เพื่่�อสื่่�ออารมณ์์ความรู้้�สึึก และการแนะภาพ
นางที่่�รััก
๑. หางไก่ว่ายแหวกว่าย หางไก่คล้ายไม่มีหงอน
คิดอนงค์องค์เอวอร ผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร
ทรงผมของผู้หญิงในสมัยก่อนจะไว้ผมยาวประบ่าและมีไรผม
๒. งามทรงวงดั่งวาด งามมารยาทนาดกรกราย
งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำ�หวานลานใจถวิล
ผู้หญิงไทยสมัยก่อนต้องมีรูปร่างงดงาม และมีมารยาทงามทั้งการเดิน การยิ้ม และการพูดจำ�ต้องงาม
พร้อมทุกอย่าง
40
๓. จำ�ปาหนาแน่นเนื่อง คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม
คิดคะนึงถึงนงราม ผิวเหลืองกว่าจำ�ปาทอง
ค่านิยมของหญิงไทยสมัยก่อนที่นิยมว่าผิวเหลืองเป็นผิวที่งาม เกิดจากการใช้ขมิ้นขัดผิวหรือทาผิว
๔. สาวหยุดพุทธชาด บานเกลื่อนกลาดดาษดาไป
นึกน้องกรองมาลัย วางให้พี่ข้างที่นอน
งานฝีมือของผู้หญิงไทยสมัยก่อนคือการร้อยมาลัยและนำ�มาลัยมอบให้ชายคนรัก
๕. โนรีสีปานชาด เหมือนช่างฉลาดวาดแต้มลาย
ไม่เท่าเจ้าโฉมฉาย ห่มตาดพรายกรายกรมา
ผู้หญิงไทยสมัยก่อนห่มผ้าที่ทอด้วยไหมควบกับเงินแล่งหรือทองแล่งจำ�นวนเท่ากัน
41
แบบทดสอบท้ำยหน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๙
๑๐
นว่
ห
ไตรภูมิพระร่วง
ผู้แต่ง ลักษณะคำ�ประพันธ์
พระมหาธรรมราชาที่่� ๑ หรืือพญาลิิไท แต่่งเป็็นความเรีียงร้้อยแก้้ว มีีศััพท์์บาลีี
เป็็นพระมหากษััตริิย์์พระองค์์ที่่� ๕ ปนตลอดทั้้�งเรื่่�อง
แห่่งราชวงศ์์สุุโขทััย
ไตรภูมิพระร่วง
คุณค่าจากเรื่อง
ให้้คุุณค่่าด้้านเนื้้�อหา คุุณค่่าด้้านภาษา และคุุณค่่าด้้านวรรณศิิลป์์
ให้้ข้้อคิิดเรื่่�องการทำำ�บุุญทำำ�กุุศลเพื่่�อให้้ได้้ไปอยู่่�ในสวรรค์์ดิินแดน
อุุตตรกุุรุุทวีีป
เนื้อเรื่องย่อ
เนื้อหาในตอนนี้กล่าวถึงดินแดนที่ถือว่าเป็นดินแดนอุดมคติ ซึ่งเป็นแนวคิดสากลของทุกชาติ
มนุษย์แบ่งเป็น ๓ ประเภทได้แก่ อภิชาตบุตร อนุชาตบุตร และอวชาตบุตร อภิชาตบุตรเป็นลูกที่มี
ความเฉลียวฉลาดกว่าพ่อและแม่ มีรูปงาม เป็นคนดี และมีเกียรติยศ อนุชาตบุตรเป็นลูกที่มีความ
เท่าเทียมกับพ่อและแม่ทั้งทางรูปโฉม ปัญญา และเกียรติยศ อวชาตบุตรเป็นลูกที่เลวกว่าพ่อและแม่
มนุษย์มี ๔ พวก คือ คนนรก คนเปรต ดิรัจฉาน และคนมนุษย์ คนนรกเป็นคนที่ทำ�บาป
ฆ่าสัตว์ จะได้รับกรรมถูกตัดมือตัดเท้าได้รับความเจ็บปวดทรมาน คนเปรตเป็นผู้ที่ไม่เคยทำ�บุญเลย
เป็นคนเข็ญใจ จึงไม่มีเสื้อผ้าใส่ กินอะไรไม่ได้ รูปชั่ว ดิรัจฉานคือพวกที่ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ ไม่มี
ความเมตตากรุณา ไม่เกรงใจคนแก่ ไม่กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้มีพระคุณ ครูอาจารย์ ไม่รักพี่รักน้อง
ทำ�แต่บาป คนมนุษย์คือผู้ที่รู้จักบาปบุญคุณโทษรู้จักละอายต่อการทำ�บาป รักพี่รักน้อง เมตตากรุณา
ต่อผู้ยากไร้ กตัญญูต่อพ่อแม่ ครูอาจารย์ พระสงฆ์ รู้จักคุณของพระรัตนตรัย
มนุษย์ ๔ จำ�พวก อาศัยอยู่ใน ๔ ทวีป ได้แก่ ชมพูทวีป บุรพวิเทหทวีป อุตตรกุรุทวีป และ
อมรโคยานทวีป อุตตรกุรุทวีป มีความกว้าง ๘,๐๐๐ โยชน์ มีแผ่นดินเล็ก ๕๐๐ แผ่นดินล้อมรอบ
คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้มีหน้าเป็น ๔ เหลี่ยม เป็นมนุษย์ที่ประเสริฐกว่ามนุษย์อื่น เนื่องจากทำ�บุญ
รักษาศีล อุตตรกุรุทวีปเป็นดินแดนที่มีความงาม อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ คนในอุตตรกุรุทวีป
นั้นมีรูปร่างสมส่วนดูงาม แข็งแรง มีข้าวสารชื่อ สัญชาติสาลี ที่กินได้โดยไม่ต้องปลูกเอง
46
แบบทดสอบท้้ายหน่่วยการเรีียนรู้้�ที่่� ๑๐
ญ. ๑.
.............. กััลปพฤกษ์์ ก. คนแห่่งนั้้�น
ก. ๒.
.............. คนแห่่งหั้้�น ข. มาลาตีี หรืือมะลิิซ้้อน
ฉ. ๓.
.............. แค้้นเนื้้�อแค้้นใจ ค. ทุุกคน
ช. ๔.
.............. งููเงี้้�ยวเบี้้�ยวของ ง. รัังนก
ค. ๕.
.............. ชู่่�คน จ. เรีียงรายกััน
ซ. ๖.
.............. โชติิปราสาท ฉ. คัับแค้้นใจ
ฎ. ๗.
.............. บ่่มิพััิ ก ช. งููและสััตว์์มีีพิิษทั้้�งหลาย
ง. ๘.
.............. บ้้านนก ซ. แผ่่นหิินที่่�ทำำ�ให้้เกิิดไฟลุุกโชติิช่่วง
ข. ๙.
.............. มาลุุติิ ฌ. เครื่่�องประดัับกาย
จ. ๑๐.
.............. เลืือนกััน ญ. ต้้นไม้้ที่่�เชื่่�อกัันว่่าให้้ผลสำำ�เร็็จตามความปรารถนา
ฎ. ไม่่จำำ�ต้้อง
50
ยที่
๑๑
นว่
ห
สามัคคีเภทคำ�ฉันท์
ลักษณะคำ�ประพันธ์
ผู้แต่ง
แต่งด้วยคำ�ประพันธ์ประเภท
นายชิต บุรทัต
ฉันท์ ๑๙ ชนิด กาพย์ ๑ ชนิด
สามัคคีเภทคำ�ฉันท์
คุณค่าจากเรื่อง
แสดงให้เห็ น โทษของการแตกความสามั คคี และ
การใช้สติปัญญาให้เกิดผลสำ�เร็จโดยไม่ต้องใช้กำ�ลัง
เนื้อเรื่องย่อ
พระเจ้าอชาตศัตรูแห่งแคว้นมคธ มีพระประสงค์จะขยายอาณาจักรให้กว้างขวาง แคว้น
ที่ทรงหมายตาคือแคว้นวัชชีของเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี พระเจ้าอชาตศัตรูทรงมีปุโรหิตที่ปรึกษาชื่อ
วัสสการพราหมณ์ เป็นผรู้ อบรศู้ ลิ ปศาสตร์และมีสติปญ ั ญาเฉียบแหลม วัสสการพราหมณ์กราบทูล
ให้ทรงใช้อุบายในการตีแคว้นวัชชี โดยอาสาเป็นไส้ศกึ ไปยุยงเหล่ากษัตริยล์ จิ ฉวีให้ทรงแตกสามัคคี
พระเจ้าอชาตศัตรทู รงเห็นชอบ วัสสการพราหมณ์จงึ เริม่ แผนการโดยกราบทูลทัดทานการไปตีแคว้นวัชชี
พระเจ้าอชาตศัตรูแสร้งกริ้ว ทรงสั่งให้ลงโทษวัสสการพราหมณ์อย่างหนัก แล้วเนรเทศไป
วัสสการพราหมณ์มุ่งหน้าไปเมืองเวสาลีเพื่อขอเข้ารับราชการ เหล่ากษัตริย์ลิจฉวีทรง
หลงเชื่อ รับวัสสการพราหมณ์ไว้ในราชสำ�นัก
วัสสการพราหมณ์เริม่ สร้างความแคลงใจในหมพู่ ระกมุ ารโดยออกอุบายให้พระกมุ ารเข้าใจผิด
เหล่าพระกุมารนำ�ความไปกราบทูลพระบิดา ต่างก็ทรงเชื่อถือพระโอรสของพระองค์ ทำ�ให้เกิด
ความขุ่นเคืองกันทัว่ ไปในหมกู่ ษัตริยล์ จิ ฉวี เมือ่ เวลาผ่านไป ๓ ปี วัสสการพราหมณ์เห็นว่าแผนการ
เป็นผลสำ�เร็จ จึงลอบส่งข่าวไปกราบทูลพระเจ้าอชาตศัตรูให้ทรงยกทัพมาตีแคว้นวัชชี แต่เหล่
ากษัตริย์ลิจฉวีต่างทรงถือทิฐิ ไม่มีผู้ใดคิดวางแผนป้องกันภัย กองทัพของแคว้นมคธจึงยกทัพ
เข้าเมืองได้ง่ายดาย
51
แบบทดสอบท้้ายหน่่วยการเรีียนรู้้�ที่่� ๑๑
๖. ข้้อความต่่อไปนี้้�มีีรสวรรณคดีีตามข้้อใด
สามยอดตลอดระยะระยัับ วะวะวัับสลัับพรรณ
ช่่อฟ้้าตระการกลจะหยััน จะเยาะยั่่ว� ทิิฆัมั พร
บราลีีพิิลาศศุุภจรููญ นภศููลประภััสสร
หางหงส์์ผจงพิิจิติ รงอน ดุุจกวัักนภาลััย
ก. เสาวรจนีี
๗. ข้้อความต่่อไปนี้้�ใช้้โวหารภาพพจน์์อย่่างไร
เปรีียบปานมหรรณพนทีี ทะนุุที่่�ประทัังความ
ร้้อนกายกระหายอุุทกยาม นรหากประสบเห็็น
เอิิบอิ่่ม� กระหยิ่่ม� หทยคราว ระอุุผ่่าวก็็ผ่อ่ นเย็็น
ยัังอุุณหมุุญจนและเป็็น สุุขปีีติดีีิ ใจ
ก. อุุปมา
๘. ข้้อความต่่อไปนี้้�ดีีเด่่นทางด้้านใด
พลหััยพิิศเห็็นเช่่นเหิิน หาวเหาะเหยาะเดิิน
เดาะเตืือนก็็เต้้นตีีนซอย
ก. เด่่นทางอัักษร
๙. คำำ�ประพัันธ์์ต่อ่ ไปนี้้� ข้้อใดเล่่นพยััญชนะต้้นเป็็นคู่่�ๆ ได้้ไพเราะและก่่อให้้เกิิดมโนภาพชััดเจนที่่�สุุด
ข. เล็็งสููงลิ่่�วสวยชวยธง ชายโบกชวนบง
สะบััดระริ้้ว� ปลิิวปลาย
๑๐. ลัักษณะประการใดของพระเจ้้าอชาตศััตรููที่่นัั� กเรีียนไม่่ควรยึึดถือื ปฏิิบััติติ าม
ก. เชื่่�อเพื่่�อนมากกว่่าพ่่อแม่่
53
54
ข.
................... ๑. คม ก. วััน
ค.
................... ๒. ประศาสน์์ ข. ไป
ก.
................... ๓. ทิิน ค. การสั่่�งสอน
ฉ.
................... ๔. นิิวััต ง. ที่่�ที่่�มีีความสุุข
ซ.
................... ๕. รโหฐาน จ. ผิิดปกติิ
ฌ.
................... ๖. พิิชััย ฉ. กลัับ
จ.
................... ๗. วิิรุุธ ช. มาถึึง
ง.
................... ๘. สุุขาลััย ซ. ที่่�ลัับ
ญ.
................... ๙. มน ฌ. ความชนะ
ช.
................... ๑๐. อาคม ญ. ใจ
55
56
2. ข้อใดไม่
ใดไม่แแสดงถึ
สดงถึงอิงทอิธิทพธิลจากภาษาต่
พลจากภาษาต่างประเทศ (ท. 4.1)4.1)
างประเทศ (ท.
เฉลย 2. ฉันเสียใจอย่ำางยิ่งทีที่่ทรำบข่ ำวร้ำายนี
ราบข่าวร้ ยนี้้
เหตุผล ข้อ 1. ค�ำว่ำ “คอมพิวเตอร์” ได้รับอิทธิพลด้ำนค�ำศัพท์มำจำกภำษำอังกฤษ
ข้อ 3. ค�ำว่ำ “กะละแม” ได้รับอิทธิพลด้ำนค�ำศัพท์มำจำกภำษำโปรตุเกส
ข้อ 4. ค�ำว่ำ “กุหลำบ” ได้รับอิทธิพลด้ำนค�ำศัพท์มำจำกภำษำเปอร์เซีย
3. ข้อใดไม่
ใดไม่มมีคีค�าำ�ยืยืมมจากภาษาต่
จากภาษาต่างประเทศ
างประเทศ (ท.(ท. 4.1) 4.1)
เฉลย 1. 1. ถ้ถ้ำาสอนอะไรยำวๆ
สอนอะไรยาวๆ เกี เกี่่ยยวกั
วกับบสิสิ่ง่งทีที่่เเด็ด็กกไม่
ไม่รรู้จู้จักัก เด็
เด็กจะเบื่อและสับสน
เหตุผล ข้อ 2.และ และ 33.มีคำ
มีค��ำยืยืมมจากภาษาต่
จำกภำษำต่ำางประเทศ งประเทศ คืคืออโทรทั โทรทัศศน์น์แและด�
ละดำำเนิ นน
�เนิ
5. ประโยคข้อใดไม่
ใดไม่มมีขีข้อ้อบกพร่
บกพร่ององ(ท.(ท.4.1)
4.1)
เฉลย 4. บุคคลควรมีมำรยำทในกำรสื่อสำร
เหตุผล ค�ำว่ำ “กำรสื่อสำร” ในข้อนี้ตำมรูปประโยค จ�ำเป็นต้องใช้อำกำรนำม หำกตัดค�ำว่ำ
“กำร” ออก จะสื่อควำมไม่ได้ ส่วนข้ออื่นๆ ใช้คำฟุม่ เฟือยแบบไม่จำ� เป็น โดยเฉพำะค�ำที่
เขียนว่ำ ท�ำกำร, ให้กำร, ต่อกำร, ซึง่ , ให้ควำม, มีควำม
57
56
ข้อ 1
1. เขาทำ
เขำท��ำการวิ
กำรวิ่งแข่งกั
แข่งกับเพื
เพื่อ่อนนๆๆ
ข้อ 2.
2 บริ
บริษัททั้งงสองบรรลุ
สองบรรจุซซึ่งึ่งข้ข้ออตกลง
ตกลง
ข้อ 33. สองสหายมีความยิ
สองสหำยมีควำมยินดีที่ไี่ ด้พบกัน
ข้อ 55. เธอนอนอยู่
เธอนอนอยูภ่ ายในบ้
ำยในบ้าำน
6. ประโยคใดใช้ค�ากระชับมากที่สุด (ท. 4.1)
เฉลย 5. เด็กสมัยนี้ก้ำวหน้ำกันเร็วมำก
เหตุผล ข้ออืน่ ๆ ใช้คำ� ฟุม่ เฟือย โดยเฉพำะค�ำทีเ่ ขียนว่ำ ท�ำกำร, ให้กำร, ต่อกำร, ซึง่ , ให้ควำม, มีควำม
ข้ข้ออ11. เราควรที่
เรำควรทีจ่จะมีความอดทน
ะมีควำมอดทน เพื เพื่อ่อที่ทีจ่จะประสบความสำ
ะประสบควำมส��ำเร็เร็จจ
ข้ข้ออ22. การเรี
กำรเรียนรู้ไม่มีคีคำ�ำ�ว่ว่ำาสำยสายดัดังนังนั้น้นเรำควรจะท�
เราควรจะทำ ำกำรศึ �การศ กษำอย่
ึกษาอยำงหนั ก ก
่างหนั
ข้ข้ออ33. การมีความรู
กำรมี ค วำมรู้ ย่้ อย่มทำ อ มท�
�ให้ำเให้
รามีเ รำมี
โอกาสที่ โ อกำสที
จะได้่ จงานอย่
ะได้ ง ำนอย่
างสูง (ย่ำ งสู
อม,ง ที่(ย่จะ,อ ม,อย่าทีง่ จ ะ, อย่ ำ ง
เป็
เป็นนคำค��ำฟุฟุ่ม่มเฟื
เฟืออยย)
ข้ข้ออ4 ขอท่
4. ขอท่าำนได้ นได้โปรดกรุ
โปรดกรุ ณณารัำรั บทรำบเรื
บทราบเรื อ่ งน่อดงนี
ี้ ว้ ย้ด้ว(คำย�ว่(ค�า ำ“โปรด”
ว่ำโปรดและ และกรุ
“กรุณณา”ำ มีความหมาย
มีควำมหมำย
เหมื
เหมืออนกั นกันนคืคืออการขอร้
กำรขอร้ออง,ง,วิงวิวอน
งวอนควรเลื ควรเลื อกใช้
อกใช้ แค่คำแค่�คใดคำ �หน
�ำใดค� งึ่ ) ่ง)
ำหนึ
14. ข้้อใดใช้้คำ�ฟุ่่
ำ �มเฟืือย (ท. 4.1)
เฉลย 4. พรกมลเป็็นลููกโทนคนเดีียว
เหตุุผล ลููกโทนมีีความหมายคืือ ลููกคนเดีียว จึึงมีีความหมายซ้ำำ��ซ้้อนกััน ข้้อนี้้�จึึงใช้้คำำ�ฟุ่่�มเฟืือย
15. ข้้อใดใช้้ภาษาเขีียนกะทััดรััด (ท. 4.1)
เฉลย 1. เขาใช้้เงิินเกิินความจำำ�เป็็น
เหตุุผล ข้้ออื่่�นๆ ใช้้ภาษาฟุ่่�มเฟืือย ดัังนี้้�
ข้้อ 2 เขาฝ่่าฝืืนกระทำำ�ผิิดกฎหมาย (ฝ่่าฝืืน, กระทำำ�ผิิด, มีีความหมายซ้ำำ�ซ้ � ้อน ควรเลืือกใช้้
คำำ�ใดคำำ�หนึ่่�ง)
ข้้อ 3 เขามีีความสนใจเรีียนภาษาอัังกฤษ (มีีความ คำำ�ฟุ่่�มเฟืือย สามารถตััดออกได้้)
ข้้อ 4 ไม่่น่่าเชื่่�อว่่าจะมีีการทุุจริิตคดโกงการเลืือกตั้้�ง (ทุุจริิต, คดโกง มีีความหมายซ้ำำ��ซ้้อน)
ข้้อ 5 เขาวิ่่�งชนะเพื่่�อนร่่วมชาติิเดีียวกัันในการแข่่งขัันครั้้�งนี้้� (เพื่่�อนร่่วมชาติิ, เดีียวกััน
มีีความหมายซ้ำำ��ซ้้อนกััน)
16. ข้้อใดใช้้ลัักษณนามผิิด (ท. 4.1)
เฉลย 1. พรกมลถืือผ้้าเช็็ดหน้้าหนึ่่�งแผ่่น
เหตุุผล ลัักษณนามของผ้้าเช็็ดหน้้าคืือ ผืืน
17. “ผมไม่่คิิดว่่าการลงทุุนกัับสิินค้้าชนิิดนี้้�จะทำำ�ให้้บริิษััทเราได้้กำำ�ไรมากขึ้้�น” ข้้อความนี้้�เป็็นสารชนิิดใด (ท. 3.1)
เฉลย 4. แสดงทรรศนะ
เหตุุผล “ผมไม่่คิิดว่่าการลงทุุนกัับสินิ ค้้าชนิิดนี้้จ� ะทำำ�ให้้บริษัิ ทั เราได้้กำ�ำ ไรมากขึ้้น� ” ข้้อความที่่�ขีีดเส้้นใต้้
เป็็นการแสดงทรรศนะ
18. ข้้อใดเป็็นการแสดงทรรศนะเกี่่�ยวกัับข้้อเท็็จจริิง (ท. 3.1)
เฉลย 4. บนดวงจัันทร์์น่่าจะมีีสิ่่�งมีีชีีวิิต
เหตุุผล ข้้อ 1 และ 5 เป็็นทรรศนะเกี่่ย� วกัับคุุณค่่า (ความเห็็นเกี่่ย� วกัับความดีี, ความงาม, ความไพเราะ
ข้้อ 2 และ 3 เป็็นทรรศนะเกี่่�ยวกัับนโยบาย (ความเห็็นประเภทข้้อเสนอ, ข้้อแนะนำำ�)
ข้้อ 4 เป็็นการสัันนิิษฐาน คาดคะเน ซึ่่�งจััดอยู่่�ในทรรศนะเกี่่�ยวกัับข้้อเท็็จจริิง
19. ข้้อใดต่่างจากพวก (ท. 3.1)
เฉลย 4. รััฐบาลควรรีีบดำำ�เนิินการเรื่่�องนี้้�โดยเร็็ว
เหตุุผล เนื่่�องจากข้้อนี้้�เป็็นสารแสดงทรรศนะ ในขณะที่่�ข้้ออื่่�นเป็็นสารที่่�บอกข้้อเท็็จจริิง
60
ใช้บทความต่อไปนี้ตอบค�าถามข้อ 29-30
เรื่อง การออกก�าลังกายแบบแอโรบิก
(1) การออกกำ
การออกก��าลลังั กายแบบแอโรบิก คืคืออการออกก� การออกกำา�ลัลงั กายนานาชนิดทีทท่ี่ า��ำ ติดต่อกกันั เป็นเวลานานพอที่จะ
เวลานานพอทีจ่ ะ
กระตุน้ ให้
ให้รรา่ ่างกายใช้
ยกายใช้พพลัลังงงานจากกระบวนการสั
งานจากระบวนการสันนดาปออกซิดาปออกซิเจนเพิ
เจนเพิ่มม่ ขึขึ้นน้ กว่กว่าาปกติ
ปกติ จจนสามารถกระตุ
นสามารถกระตุ้น
ให้เกิดการพั
การพัฒฒนาอวันาอวัยยวะต่
วะต่าางๆงๆในร่
ในร่าางกาย
งกายได้ได้แก่แก่หัหัวใจ หลอดเลื
วใจ หลอดเลือด ปอด และกล้
อด ปอด และกล้ ามเนื ้อ ้อ
ามเนื
(2) การออกก�าลังกายแบบแอโรบิกมีองค์ประกอบที่ควรค�านึงถึง 3 ประการ คือ ความหนัก ความนาน
และความบ่อย ประการแรกความหนัก ไม่หนักมากจนท�าติดต่อกันเกิน 5 นาทีไม่ได้ แต่ก็ไม่เบา
จนไม่รสู้ กึ เหนือ่ ย ประการทีส่ องความนาน โดยทัว่ ไปถือว่าการปฏิบตั วิ นั ละ 10 นาที 6 ครัง้ ต่อสัปดาห์
จะได้ผลสมรรถภาพแอโรบิก แต่จะให้ได้ผลดีเต็มที่ ควรท�าถึงวันละ 20 – 30 นาที โดยนับรวมแล้ว
ไม่ตา�่ กว่า 60 นาทีตอ่ สัปดาห์ ประการสุดท้ายความบ่อย คือ อย่างน้อย 2 – 3 ครัง้ ต่อสัปดาห์
29. ข้อใดเป็นใจความส�าคัญของย่อหน้าที่ 1 (ท. 1.1)
เฉลย 1. กำรออกก�ำลังกำยแบบแอโรบิก คือกำรออกก�ำลังกำยที่ท�ำให้ร่ำงกำยมีกระบวนกำร
เผำผลำญมำกกว่ำปกติ
เหตุผล ต�ำแหน่งของประโยคใจควำมส�ำคัญคือ “กำรออกก�ำลังกำยแบบแอโรบิก คือกำรออกก�ำลังกำย
นำนำชนิดทีท่ ำ� ติดต่อกันเป็นเวลำนำนพอทีจ่ ะกระตุน้ ให้รำ่ งกำยใช้พลังงำนจำกกระบวนกำร
สันดำปออกซิเจนเพิ่มขึ้นกว่ำปกติ” สำมำรถสรุปได้ควำมหมำยเดียวกับค�ำตอบ
30. ข้อใดเป็นความคิดหลักในย่อหน้าที่ 2 (ท. 1.1)
เฉลย 3. องค์ประกอบของกำรออกก�ำลังกำยแบบแอโรบิก
เหตุผล ต�ำแหน่งของประโยคใจควำมส�ำคัญคือ “กำรออกก�ำลังกำยแบบแอโรบิกมีองค์ประกอบที่
ควรค�ำนึงถึง 3 ประกำร”
31. ข้อใดเป็นใจความส�าคัญของข้อความต่อไปนี้
ความเครียดเป็นตัวการส�าคัญที่ท�าให้แก่เร็ว เพราะความเครียดท�าให้เพิ่มฮอร์โมนอะดรีนาลินในเลือด
ท�าให้หัวใจเต้นเร็ว เส้นเลือดบีบตัว กล้ามเนื้อตึง ระบบย่อยอาหารผิดปกติและเกิดอาการปวดหัว ปวดท้อง
ใจสั่น แข้งขาอ่อนแรง (ท. 1.1)
เฉลย 1. ควำมเครียดท�ำให้แก่เร็ว
เหตุผล ต�ำแหน่งของประโยคใจควำมส�ำคัญคือ “ควำมเครียดเป็นตัวกำรส�ำคัญที่ท�ำให้แก่เร็ว”
63
62