You are on page 1of 5

ไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็ นผู้กระทำความผิด

เห็นควรให้งดการสอบสวน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
รายงานการสอบสวน

ค อาญาที่ ๖๖/๒๕๖๖
ดี
สถานี ภูธรโคก อำเภอ บ้านกรวด จังหวั บุรีรัมย์
ตำรวจ กระชาย ด
วันที่ ๑๕ เดือ มกราคม พ.ศ. ๖๗
น ๒๕
เส สารวัตร(สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรโคกกระชาย

นอ
พ.ต.ท.สมพงษ์ สุขสังข์ อายุ ๕๓ ปี ไทย-ไทย ผู้กล่าว
หา
คดี
ระหว่าง
ไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็ นผู้กระทำความผิด ผู้
ต้องหา
มีเครื่องกระสุนปื นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก
ข้อหา/ฐาน
นายทะเบียน

SamrtPolice
(2)

วันเวลาที่เกิด ๒๘ กันยายน ๒๕๖๖ เวลาประมาณ ๑๖.๕๐ นาฬิกา


เหตุ
ตำบลที่ ตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
เกิดเหตุ
วันเวลาที่ร้องทุกข์ วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๘.๓๑
หรือกล่าวโทษ นาฬิกา ปจว.ข้อ ๒
หลักฐานจากการสอบสวนและความเห็นของพนักงานสอบสวน
คดีนี้การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว มีพยานหลักฐานรับฟั งได้ความ
ว่า ก่อนวันเวลาเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกกระชาย พร้อมพวกออก
ตรวจในที่เกิดเหตุเพื่อป้ องกันการก่ออาชญากรรม และออกสืบสวนหาข่าว
คดียาเสพติดและคดีอาญาอื่นๆ เมื่อถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ได้พบกลุ่มวัยรุ่นจับ
กลุ่มมั่วสุมกันมีท่าทีเป็ นพิรุธ แต่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวเห็นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จึงได้หลบหนีไป ผู้กล่าวหาพร้อมพวกได้ติดตามไปแต่ไม่ทัน จึงได้มา
ตรวจสอบบริเวณที่วัยรุ่นรวมกลุ่มกัน ซึ่งผู้กล่าวหากับพวกพบเครื่องกระสุน
ปื นลูกซองขนาด ๑๒ จำนวน ๑ นัด ปรากฏตามบัญชีของกลางในคดีนี้
วางอยู่ริมถนนสาธารณะบ้านสายโท๑๑ เหนือ หมู่ที่๓ ตำบลสายตะกู
อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ดังกล่าวจึงได้ร่วมกันตรวจยึดเครื่องกระสุน
ปื นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อจะได้ทำการสืบสวนหาตัวผู้กระทำ
ความผิดมาดำเนินคดี
เหตุเกิดที่บริเวณริมถนนสาธารณะบ้านสายโท๑๑ เหนือ หมู่
ที่๓ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน
๒๕๖๖ เวลา ๑๖.๕๐ น.
๑.คำให้การผู้กล่าวหา มี ๑ ปาก
จากการสอบสวน พ.ต.ท.สมพงษ์ สุขสังข์ ผู้กล่าวหา ได้
ให้การว่ามีอาชีพรับราชการตำรวจ ประจำอยู่ที่ สภ.โคกกระชาย ก่อนเกิด
เหตุ ผู้กล่าวหาพร้อมพวก ได้ร่วมกันออกตรวจ ในพื้นทีรับผิดชอบเพื่ อ
ป้ องกันการก่ออาชญากรรม และออกสืบสวนหาข่าวคดียาเสพติดและคดี
อาญาอื่นๆ เมื่อถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ได้พบกลุ่มวัยรุ่นจับกลุ่มมั่วสุมกันมีท่าที
เป็ นพิรุธ แต่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวเห็นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้หลบหนีไป ผู้
กล่าวหา พร้อมพวกได้ติดตามไปแต่ไม่ทัน จึงได้มาตรวจสอบบริเวณที่วัยรุ่น
(3)
รวมกลุ่มกัน ซึ่งผู้กล่าวหากับพวกพบเครื่ องกระสุนปื นลูกซองขนาด ๑๒
จำนวน ๑ นัด ปรากฏตามบัญชีของกลางในคดีนี้ วางอยู่ริมถนนสาธารณะ
บ้านสายโท๑๑ เหนือ หมู่ที่๓ ตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัด
บุรีรัมย์ ดังกล่าวจึงได้ร่วมกันตรวจยึดเครื่ องกระสุนปื นของกลางนำ ส่ง
พนักงานสอบสวน เพื่อจะได้ทำการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนิน
คดี ทั้งนี้ ผู้กล่าวหาได้ให้การในประเด็นสำคัญตามรูปคดีทุกประการ
๒. คำให้การพยาน มี ๑ ปาก
จากการสอบสวน สิบตำ รวจโท พงศธร แฮะ
ประโคน พยาน ให้การได้ความว่า พยานรับราชการตำรวจประจำอยู่ที่
สถานีตำรวจภูธรโคกกระชาย ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ พยานร่วม
กับผู้กล่าวหาตรวจยึดของกลาง(ตามบัญชีของกลางในคดีนี้) ส่งพนักงาน
สอบสวน สภ.โคกกระชาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้พยานได้ให้การ
สอดคล้องต้องกันกับคำให้การของผู้กล่าวหาในประเด็นสำคัญตามรูปคดีทุก
ประการ
๓ . พยานเอกสาร มี ๔ รายการ
๓.๑. บัญชีของกลางลำดับที่ ๔๔/๒๕๖๖ ลงวันที่ ๒๘ กันยายน
๒๕๖๖ ตาม ป.จ.ว.ข้อ ๒ ประมาณเวลา ๑๘.๓๑ นาฬิกา สภ.โคกกระชาย
จำนวน ๑ แผ่น (ตามรายละเอียดที่ปรากฏในบัญชีแล้วนั้น)
๓.๒. รายงานผลการตรวจวิเคราะห์ของกลาง จากศูนย์พิสูจน์
หลักฐานจังหวัดสุรินทร์ หนังสือจากพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสุรินทร์ ตามหนังสือที่
ตช ๐๐๓๒ .๖(บร )/๓๙๗๙ ลงวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ หมายเลขรายงานผล
การตรวจพิสูจน์ที่ ป-๗๕๒/๒๕๖๖ ยืนยันตรวจพบของกลาง ยังไม่ได้ใช้ยิ่ง และ
เป็ นเครื่องกระสุนปื น ตาม พ.ร.บ.อาวุธปื นฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๔(๒) ซึ่งแก้ไข
เพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.อาวุธปื นฯ พ.ศ. ๒๕๐๑ มาตรา๓(๒) , ของกลางเป็ นเครื่อง
กระสุนปื นแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่
๑๑ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความใน พ.ร.บ.อาวุธปื นฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ และของ
กลางใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิตและวัตถุได้ (มีรายละเอียดที่ปรากฏในรายงาน
ตรวจพิสูจน์แล้วนั้น)
(4)
๓.๓. บันทึกการตรวจยึดคดีอาญาที่ ๖๖/๒๕๖๖ ลงวันที่ ๒๘
กันยายน ๒๕๖๖ ป.จ.ว.ข้อ ๒
ประมาณเวลา ๑๘.๓๑ นาฬิกา จำนวน ๑ แผ่น
๓.๔. คำสั่งให้สืบสวนและรายงานการสืบสว ของเจ้าหน้าที่ฝ่ าย
สืบสวน สภ.โคกกระชาย จำนวน ๖ แผ่น
๔. พยานวัตถุ มี ๑ รายการ
๔.๑. เครื่องกระสุนปื นลูกซอง ขนาด ๑๒ จำนวน ๑ นัด ( มีราย
ละเอียดตามปรากฏบัญชีของกลาง)
คดีนี้การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว มีพยานหลักฐานฟั งได้ความ
ว่า การกระทำของคนร้ายเป็ นความผิดฐาน มีเครื่องกระสุนปื นไว้ในครอบ
ครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน อันเป็ นความผิดตาม พระราช
บัญญัติอาวุธปื น เครื่องกระสุนปื น วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียม
อาวุธปื น พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๔, ๗, ๗๒ พระราชบัญญัติอาวุธปื น เครื่อง
กระสุนปื น วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปื น (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.
๒๕๐๑ มาตรา ๓ พระราชบัญญัติอาวุธปื น เครื่องกระสุนปื น วัตถุระเบิด
ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปื น (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕, ๖, ๗
พระราชบัญญัติอาวุธปื น เครื่องกระสุนปื น วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่ง
เทียมอาวุธปื น (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๓๐ มาตรา ๓, คำสั่งของคณะปฏิรูปการ
ปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๔ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๖, ๗,
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒
พนักงานสอบสวนได้สืบสวนสอบสวนตลอดมาเป็ นเวลานาน
พอสมควรแล้ว ยังไม่ทราบว่าคนร้ายเป็ นใคร ในชั้นนี้เห็นควร ให้งดการ
สอบสวน ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญา มาตรา ๑๔๐(๑) วรรคสอง ต่อไป

จึงเสนอความเห็นพร้อมสำนวนการสอบสวนมาเพื่อโปรดพิจารณา

(ลงชื่อ) ร้อยตำรวจเอก พนักงานสอบสวน


(5)
( กฤษฎา ปาประโคน )
ตำแหน่ง รอง สารวัตร(สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรโคกกระชาย

(ลงชื่อ) พันตำรวจโท หัวหน้าพนักงานสอบสวน


( พศิณ ปราบริปู )
ตำแหน่ง สารวัตร(สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรโคกกระชาย

ความเห็นของหัวหน้าหน่วยงาน
- ส่งสำนวน ให้พนักงานอัยการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๔๐(๑) วรรคสอง ต่อไป

(ลงชื่อ) พันตำรวจโท หัวหน้าพนักงานสอบสวน


( ไกรสิทธิ์ หาญยิ่ง )
ตำแหน่ง สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรโคกกระชาย

You might also like