อัพเดต 10-5-66 (เล่มเฉลย) 5อังกฤษ

180 ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY
หลักไวยกรณ์ท่ีควรรู ้ และเทคนิคพิชติ ข้อสอบ!!
Part of Speech
ชนิดของคำในภำษำอังกฤษ ที่จะรวมตัวกัน และทำให้เป็ นประโยค วลี กลุม่ คำ ที่สื่อควำมได้ หำกเรำรู ้
ชนิดของคำ เรำจะสำมำรถเลือกได้ว่ำ เรำควรจะตอบ หรือตัดข้อไหน
ชนิดของคา (สิ่งทีส่ าคัญคือ เราต้องรู้หน้าทีข่ องคาแต่ละชนิด)

มำทดสอบกันหน่อย!!! นี่คือคุณสมบัติของคำชนิดใด
1. Noun (คำนำม) : ใช้เรียก คน สัตว์ สิ่งของ สถำนที่ เป็ นประธำน หรือกรรมของประโยค
2. Pronoun (คำสรรพนำม) : ใช้เรียกแทนคำนำมของประโยค
3. Adjective (คำคุณศัพท์) : ใช้ขยำยคำนำม หรือสรรพนำม
4. Adverb (คำวิเศษณ์) : ใช้ขยำยกริยำ คำคุณศัพท์ คำวิเศษณ์ หรือแม้แต่ขยำยทัง้ ประโยค
แต่! ไม่ขยำยคำนำม และสรรพนำม
5. Verb (คำกริยำ) : กริยำ ใช้แสดงกริยำ หรือกำรกระทำของประธำน
6. Preposition (คำบุพบท) : ใช้เชื่อมระหว่ำงคำนำม/สรรพนำมกับคำอื่นๆในประโยค
7. Conjunction (คำสันธำน) : ใช้เชื่อมคำ กลุม่ คำ อนุประโยคเข้ำด้วยกัน
8. Interjection (คำอุทำน) : ใช้แสดงควำมรูส้ ึกของผูพ้ ดู
ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY 181

1 Noun (คานาม)
คือ คำที่ใช้เรียก คน สัตว์ สิ่งของ สถำนที่ คุณสมบัติ สภำพ แนวคิด ควำมรูส้ กึ
เช่น waiter, engineer, dog, pet, love, Thailand, restaurant
หน้าทีข่ องคานาม
1. เป็ นประธำนของประโยค อยู่หน้ำคำกริยำ เป็ นผูแ้ สดงกำรกระทำ

เช่น Peter goes to work by car every day.
Peter เป็ นประธำน แสดงกริยำ goes
2. เป็ นกรรมของกริยำ อยู่หลังกริยำ (ถูกกระทำ) ไม่จำเป็ นว่ำทุกประโยคจะต้องมี
กรรม
เช่น James is eating pizza now.
Pizza เป็ น กรรม เพรำะอยู่หลัง กริยำ eat
3. เป็ นกรรมของบุพบท อยู่หลังคำบุพบท (in on at about under เป็ นต้น)
เช่น The children sit under the tree.
ตาแหน่งของคานาม
1. อยู่หลัง Article เช่น a boy, an engineer, the president

2. อยู่หลัง possessive adjectives เช่น my dog, her house, our family
3. อยู่หลัง preposition เช่น at home, in the sky, on the table

ประเภทของคานามทีต่ อ้ งรู้
1. คานามนับได้ (countable noun)
• สำมำรถนับจำนวนได้ แยกเป็ นชิน้ เป็ นอันได้ ส่วนใหญ่จะจับต้องได้
• มีทงั้ รูปเอกพจน์และพหูพจน์
• ถ้ำเป็ นเอกพจน์ ทั่วไปไม่เฉพำะเจำะจง จะต้องเติม a หรือ an นำหน้ำเสมอ
• ถ้ำเป็ นพหูพจน์ จะต้องเติม s หรือ es หรือมีรูปพิเศษ เสมอ
• สำมำรถมีคำระบุจำนวนเพื่อบอกปริมำณได้ เช่น many, a lot of, lots of, a few
• เช่น a dog, a girl, people, cars
หลักการเปลี่ยนคานามเอกพจน์ ให้เป็ นพหูพจน์
1. คำนำมเอกพจน์ท่ลี งท้ำยด้วย s, ss, sh, ch, x และ z ให้เติม es

เช่น bus
watch
2. คำนำมเอกพจน์ท่ีลงท้ำยด้วย ลงท้ำยด้วย o และหน้ำ o เป็ นพยัญชนะ ให้เติม es
เช่น potato
tomato
*แต่!!! * บางคาทีข่ ้างหน้า o เป็ นพยัญชนะแต่ดันสามารถเติม s ได้เลย
เราจะต้องสังเกตและจดจา เพราะมันคือ ข้อยกเว้น!!!
เช่น
▪ memo – memos (บันทึกข้อควำม)
▪ solo – solos (กำรบรรเลงเพลงเดี่ยว)
▪ photo – photos (รูปถ่ำย)
▪ piano – pianos (เปี ยโน)
▪ kilo – kilos (กิโลกรัม)
3. คำนำมเอกพจน์ท่ีลงท้ำยด้วย o แต่หน้ำ o เป็ น a e I o u เติม s ได้เลย
เช่น radio zoo
4. คำนำมเอกพจน์ท่ลี งท้ำยด้วย และหน้ำ ไม่ใช่ ให้เปลี่ยน
เช่น lady city
5. คำนำมเอกพจน์ท่ลี งท้ำยด้วย แต่หน้ำ เป็ น เติม
เช่น boy day

6. คำนำมเอกพจน์ท่ลี งท้ำยด้วย ให้เปลี่ยน เป็ น แล้วเติม
เช่น knife >> leaf >>
*แต่!!* บางคาทีห่ น้า f เป็ นพยัญชนะ ให้เติม s ได้เลย

โดยทีไ่ ม่ต้องเปลี่ยน f หรือ fe เป็ น v ก่อน เพราะมันคือข้อยกเว้น!! (อีกแล้ว)
เช่น
▪ gulf – gulfs (อ่ำว)
▪ cliff – cliffs (หน้ำผำ)
▪ scarf – scarfs หรือ scarves (ผ้ำพันคอ) เมื่อเปลี่ยนเป็ นพหูพจน์จะใช้ได้ทงั้ สองแบบ
7. คำนำมเอกพจน์ท่ลี งท้ำยด้วย f หรือ fe และหน้ำ f หรือ fe เป็ นสระ (a e i o u) ให้เติม s ได้เลย

เช่น roof >> belief >>
8. คำนำมเอกพจน์เปลี่ยนรูปไปเลย เมื่อเป็ นพหูพจน์
เช่น
▪ man – men (ผูช้ ำย) woman – women (ผูห้ ญิง)
▪ tooth – tooth (ฟั น) goose – geese (ห่ำน)
▪ foot – feet (เท้ำ) ox – oxen (วัวตัวผู)้
▪ louse - lice (เหำ/หมัด) child – children (เด็ก)
▪ mouse – mice (หนู) person – people (คน/ประชำชน)
9. คำนำมมีรูปเหมือนกันทัง้ คำนำมเอกพจน์และคำนำมพหูพจน์
เช่น
▪ deer – deer (กวำง) fish – fish (ปลำ)
▪ sheep – sheep (แกะ) salmon – salmon (ปลำแซลมอน)
10. คำที่เกิดมำ ก็เป็ นพหูพจน์เลย ตลอดชีวิต
เช่น
• trousers - กำงเกงขำยำว • pants - กำงเกงขำยำว
• goods - สินค้ำ • shorts - กำงเกงขำสัน้
• eye glasses - แว่นตำ • scissors - กรรไกร
• wages - ค่ำจ้ำง

2. คานามนับไม่ได้ (uncountable noun)
• เป็ นคำนำมที่ ไม่สำมำรถระบุจำนวนได้ เพรำะไม่มีรูปร่ำงที่ไม่แน่นอน เป็ นของเหลว หรือละเอียด
เกินไป
• ของเหลว เช่น water, milk, coffee, tea
• ของละเอียด หรือมีจำนวนมำกๆ เช่น hair, sugar, sand, salt, rice
• เป็ นก๊ำซ หรือแร่ธำตุ เช่น air, gold, silver
• อำหำรบำงชนิด เช่น bread, cheese, butter, chocolate
• เป็ นอำกำรนำม ไม่มีรูปร่ำง เป็ นกำรบอกควำมคิด ควำมรูส้ กึ หรือคำนำม
เมื่อแปลเป็ นภำษำไทยจะแปลว่ำ กำร หรือ ควำม เช่น love = ควำมรัก happiness = ควำมสุข
• สำมำรถนำไปใส่ในภำชนะ(ภำชนะ +of+นำมนับไม่ได้) และนับจำกจำนวนภำชนะ
แต่ตวั ของนำมนับไม่ได้ ก็ยงั คงไม่เติม s เพรำะมันนับไม่ได้อยู่ดี
เช่น a glass of water (เอกพจน์/พหูพจน์), two boxes of chocolate (เอกพจน์/พหูพจน์)
• นำมนับไม่ได้เป็ น เอกพจน์เท่ำนัน้ กรณีไม่มีภำชนะ
• เติม a หรือ an ให้นำมนับไม่ได้ ไม่ได้!
• เติม s หรือ es ให้นำมนับไม่ได้ ไม่ได้!
*****คานามนับไม่ได้ทคี่ นมักคิดว่านับได้ ตัวหลอกทีแ่ ท้ทรู ****

!!!!ระวัง!!!!
money (เงิน) news (ข่ำว) furniture (เฟอร์นิเจอร์) advice (คำแนะนำ)
information (ข้อมูล ข่ำวสำร) equipment (อุปกรณ์) homework (กำรบ้ำน)
housework (งำนบ้ำน) knowledge (ควำมรู)้ music (ดนตรี)
traffic (กำรจรำจร) work (งำน) paper (กระดำษ)
luggage/baggage (กระเป๋ ำเดินทำง) accommodation (ที่พกั อำศัย)

** การทีเ่ ราแยกคานามนับได้ และนับไม่ได้ได้ จะทาให้เราทราบว่า ประธานในประโยคนั้นๆเป็ น
เอกพจน์ หรือพหูพจน์ จะทาให้เราสามมารถเลือกกริยา ทีเ่ หมาะกับพจน์นั้นๆมาเติมได้ จะมี
ความสาคัญมากๆในเรื่อง Tenses**
คานามมักจะลงท้ายด้วย suffix เหล่านี้ และจะเป็ นนามนับไม่ได้

-ity, -ion, -ism, -ness, -ence, -th, -ment, -ship, -er, -or, -ance, -ancy, -hood, -dom
เช่ น ability (ควำมสำมำรถ), action (กำรกระท ำ), tourism (กำรท่ อ งเที่ ย ว), difference (ควำม
แตกต่ ำ ง), length (ควำมยำว), argument (กำรโต้ แ ย้ ง ), friendship (มิ ต รภำพ), teacher (คุ ณ ครู ),
actor (นักแสดงชำย), importance (ควำมสำคัญ), accountancy (กำรบัญชี)
หำกลงท้ำยด้วย suffix เหล่ำนีจ้ ะกลำยเป็ นคน หรืออำชีพ

1. -er เช่น teacher baker employer
2. -ee เช่น employee trainee
3. -ent เช่น student president
4. -ian เช่น musician
5. -or เช่น actor sailor
6. -ant เช่น accountant
7. -ist เช่น scientist artist
8. -ic เช่น mechanic
การแสดงความเป็ นเจ้าของ
1.เติม ‘s หลังเจ้ำของที่เป็ น เอกพจน์ หรือ พหูพจน์ท่ไี ม่เติม s
เช่น My mom’s car = รถของแม่ฉนั (จะแปลจำกหลังไปหน้ำ และคำที่เรำโฟกัสคือคำนำมหลัง ’s ซึ่งก็
คือ car)
2. เติมเฉพำะ หลังคำนำม เอกพจน์ท่ลี งท้ำยด้วย s หรือ นำมพหูพจน์ท่มี ี s
เช่น The boys’ toys = ของเล่นของเด็กผูช้ ำย
3. ใช้ of กับ เจ้ำของที่ไม่มีชีวิต
เช่น the legs of the table

สรุป นำมนับได้ สำมำรถเป็ นได้ทงั้ เอกพจน์และพหูพจน์ นำมนับไม่ได้ จะเป็ นเอกพจน์เสมอ แต่ถำ้ อยำกบอก
ปริมำณ สำมำรถนำภำชนะมำใส่ได้ และเรำจะผันกริยำตำมภำชนะนัน้ ๆ สิ่งสำคัญคือต้องรูว้ ่ำเป็ นเอกพจน์
หรือพหูพจน์ เพื่อจะได้เลือกใช้กริยำให้สอดคล้องกัน

2 Pronoun (คาสรรพนาม)
คือ คำที่ใช้แทนคำนำม และทำหน้ำที่เหมือนคำนำม
เมื่อเรำมีกำรกล่ำวถึงคน หรือสิ่งนั้นแล้ว และเรำจะพูดถึงอีกครัง้ เรำไม่จำเป็ นต้องเรียกชื่อเดิมซำ้ ๆ หรือใช้
คำนำมซำ้ ๆ เรำสำมำรถใช้สรรพนำมเรียกแทนได้เลย
1.สรรพนามแทนตัวบุคคล (personal pronoun) แบบนีเ้ รำจะคุน้ เคยกันดี จะมีอยู่ 2 แบบ คือ
1.1 ทำหน้ำที่เป็ นประธำน (Subject Pronoun) คือ I You We They He She It
จะอยู่หน้ำกริยำเสมอ เพื่อแสดงกริยำ
• เช่น He is my brother. ( He คือประธำน)
1.2. ทำหน้ำที่เป็ นกรรม (Object Pronoun) คือ me you us them him her it
จะอยู่หลัง กริยำ หรือ คำ บุพบท
• เช่น I will give it to her. ( it คือกรรมของกริยำ และ her คือกรรมของบุพบท)
*รู ้ห รื อ ไม่ you ไม่ ไ ด้ห มำยควำมว่ ำ คุณ /เธอ ที่ เ ป็ น คนคนเดี ย วเท่ ำ นั้น you ยัง หมำยถึ ง
พวกคุณทัง้ หลำย ที่อยู่ต่อหน้ำผูพ้ ดู ได้ดว้ ย*
เช่น I love you ถ้ำเค้ำกระซิบข้ำงหูเรำ ก็คือเค้ำหมำยถึงเรำคนเดียว แต่ถำ้ วง Got7 มำยืน
ตรงหน้ำแล้วเรำตะโกนไปว่ำ I love you! ก็แปลว่ำฉันรักพวกคุณทั้ง 7 คนได้เช่ นกัน รักทั้ง หมดไป
เล้ยย*
2. สรรพนามแสดงความเป็ นเจ้าของ (possessive pronoun)

• คือคำสรรพนำมที่ใช้ แทนคำนำม เมื่อแสดงควำมเป็ นเจ้ำของ เรำจะไม่ใส่นำมตัวที่เรำกล่ำวถึง
คนฟั งจะเข้ำใจเองว่ำหมำยถึงอะไร เพรำะเรำ เคยกล่ำวถึงนำมตัวนัน้ ไปแล้ว คือ คือ mine yours
ours theirs his her its
• เช่น This book is mine. หนังสือนีเ้ ป็ นของฉัน แทนที่จะบอกว่ำ This book is my book. เรำสำมำรถ
ละ book ไปเลย (my book = mine)
3.สรรพนามตนเอง (Reflexive pronoun)
• คือ สรรพนำมที่สะท้อนกลับหำตัวผูพ้ ดู ว่ำประธำนในประโยคนัน้ ๆ เป็ นผูก้ ระทำสิ่งนัน้ ด้วยตนเอง
คือ myself yourself/yourselves ourselves themselves himself herself itself
*ข้อสังเกต* ถ้ำเป็ นพหูพจน์ self จะเปลี่ยนเป็ น selves
• yourself หมำยถึง you ที่เป็ นคนเดียว แต่ yourselves หมำยถึง you หลำยคน

• เช่น You have to do homework by yourselves. I won’t help any of you. คุณต้องทำกำรบ้ำน
ด้วยตัวเองนะ ฉันจะไม่ช่วยใครทัง้ นัน้
*** ออกสอบบ่อย ***

Possessive Reflexive
Subject Object Possessive
Pronoun Pronoun
Pronoun Pronoun Adjective
แสดงควำมเป็ น สรรพนำมตนเอง
ประธำน+กริยำ กรรม อยู่หลัง แสดงควำมเป็ นเจ้ำของ
เจ้ำของ ต้องสอดคล้องกับ
เสมอ กริยำหรือบุพบท + นำมเสมอ
ห้ำมตำมด้วยนำม ประธำน
I Me My + N. Mine myself
Yourself
You You Your + N. Your
/Yourselves
We us Our + N. Our ourself
They Them Their + N. theirs themself
He him His + N. His himself
She her Her + N. Hers herself
It It its - itself

4.สรรพนามเฉพาะเจาะจง (Definite/Demonstrative pronoun)
• สรรพนำมที่บ่งชีช้ ดั ว่ำใช้แทนสิ่งใด คือ This That These Those
• เป็ นได้ทงั้ ประธำนและกรรมของประโยค
• กล่ำวถึงสิ่งที่อยู่ใกล้ >> This (เอกพจน์) These (พหูพจน์)
• กล่ำวถึงสิ่งที่อยู่ไกล >> That (เอกพจน์) Those (พหูพจน์)
• one ใช้เพื่อแทนคำนำมเอกพจน์ท่กี ล่ำวไปแล้ว หรื อ คนที่ คุ ย รู ้ว่ ำ หมำยถึ ง สิ่ ง ไหน เช่ น มี ค นถื อ
กระโปรงอยู่ แ ล้ว ถำมเรำ Which one do you like? I like the blue one. ดัง นั้น one จึ ง หมำยถึ ง
กระโปรง
• ones ใช้เพื่อแทนคำนำมพหูพจน์ท่กี ล่ำวไปแล้ว เช่ น I have bought so many flowers but I like
only red ones. ฉันซือ้ ดอกไม้มำหลำยดอกเลย แต่ฉันชอบแค่ดอกสีแดงเท่ำนั้น ones ก็คือ flowers
นั่นเอง
5.สรรพนำมไม่เจำะจง (Indefinite pronoun)

• สรรพนำมที่ใช้ แทนนำมทั่วไป ไม่ได้ชเี ้ ฉพำะ ว่ ำ ห ม ำ ย ถึ ง ค น นั้ น ค น นี ้ เ ช่ น everyone,
everybody, somebody, nobody
**คาเหล่านี้ เมื่อแปลเป็ นไทย คนมักจะคิดว่าเป็ น พหูพจน์ แต่!!! จริงๆแล้วคือเอกพจน์!! **

everyone, everybody ทุกคน someone, somebody บำงคน no one, nobody ไม่มีใครเลย
anyone, anybody ใครก็ตำม everything ทุกสิ่งทุกอย่ำง something บำงสิ่งบำงอย่ำง nothing ไม่มี
อะไรเลย**
ลองทาดูนะ
1. need to follow me closely.
A. You B. He C. She D. It
2. Lewis, Luke and Thomas were cross because had waited ages for the bus.
A. them B. he C. they D. it
3. Jenifer watched the children carefully as crossed the road.

A. them B. him C. they D. us
4. Hold the bag please while I put the shopping in .

A. him B. it C. she D. I

5. Alexa and I are going soon so you can come with .
A. we B. them C. they D. us
6. Thank you for telling .

A. me B. he C. she D. they
7. I wonder why RM rushed off. Did you upset ?

A. he B. him C. we D. they
8. hope those flowers are for me.

A. We B. Them C. I D. Him
9. Open the door. It's .

A. I B. they C. me D. she
10. Sarah wanted Lisa to follow .

A. she B. they C. I D. her
11. This is not your shoe. It's .

a.she b.her c. hers d. your
12. "Whose medicines are these?" "They are not . Ask Sally, maybe they are "
a.me/hers b. mine/hers c.my/hers d. I/her
13. Go away! I hate !

a. you b.he c.your d.she
14. You can ask Fred for money. is very generous.

a. He b.Him c.His d.Her
15. I can't use mobile phone. I think is broken.

a.mine/it b.my/its c. my/it d.me/its

6. สรรพนามเชื่อมความ (relative pronoun) ***ออกสอบบ่อย***
• คือสรรพนำมที่ใช้แทนนำมที่อยู่ขำ้ งหน้ำ และทำหน้ำที่เชื่อมประโยคหน้ำและหลังเข้ำไว้ดว้ ยกันให้
เป็ นประโยคเดียว
• วิธีจา แทนใคร อยู่หลังตัวนัน้ !!!
• เวลำทำข้อสอบ โจทย์จะเว้นช่องว่ำงไว้ให้เรำเติม เรำต้องดูว่ำ ข้ำงหน้ำ ช่องว่ำงเป็ น คำนำมอะไร
เช่น คน สัตว์ สิ่งของ สถำนที่ หรือเวลำ เมื่อทรำบแล้ว ก็มำดูว่ำ ทำหน้ำที่ เป็ นอะไรในประโยคที่
ตำมมำ เป็ นประธำน กรรม หรือแสดงควำมเป็ นเจ้ำของ และเรำจะได้คำตอบที่เหมำะสม
ใช้แทนคานามทีเ่ ป็ น
หน้าทีใ่ นประโยค
คน สิ่งของ สถานที่ เวลา เหตุผล
ประธำน who, that which , that - - -
that, who,
กรรม which, that where when why
whom
whose, of
แสดงควำมเป็ นเจ้ำของ whose - - -
which
1.who ใช้แทน คน เท่ำนัน้ ซึ่งเมื่อไปแทนที่ จะทำหน้ำที่เป็ น ประธำน

• แปลว่ำ ผูซ้ ่งึ หรือ คนที่
เช่น I really like the girl who lives next door.
2. Whom ใช้แทน คน เท่ำนัน้ เมื่อไหร่ท่แี ทนที่ มันจะทำหน้ำที่เป็ น กรรมของประโยค

• whom บำงครัง้ ไม่ตอ้ งใส่เลยก็ได้ เพรำะเค้ำถือว่ำกรรมไม่สำคัญ แต่เวลำทำ
ข้อสอบ ยังไง เค้ำก็ตอ้ งให้เรำใส่อยู่ดีนะจ๊ะ
เช่น The man whom I met was really cute.
ลองคิดดูหน่อยนะ
1.The man gave me this rose is Jackson.

a. who b. whom

2. The thieves were arrested last night were sent to jail.
a. who b. whom
3. That is Sarah you have loved for a long time.

a. who b. whom
4. The man interviewed you is my father.

a. who b. whom
5. I was invited by the professor we met at the conference.

a. who b. whom
3. whose ใช้แทน คำที่อยู่ในรูปบอกควำมเป็ นเจ้ำของ ต้องมี

whose+นำม
เช่น This is Jessica whose father is a doctor.
*หำกใช้แสดงควำมเป็ นเจ้ำของ ของสัตว์ หรือสิ่งของ สำมำรถใช้ whose/ of which ได้
เช่น
• This is how to save the dog whose owner is moving. มำจำก the dog’ owner เจ้ำของ
ของสุนขั
• The police are looking for the car of which the driver was killed.
4.which ใช้แทน สัตว์ สิ่งของ สถำนที่ ทัง้ ที่เป็ น ประธำน และกรรม
• แปลว่ำ ที่ซ่งึ หรือ ที่
เช่น
• We love to eat Sushi which is Japanese food.
• The dog which bit you died yesterday.
• The song which I like is .
• หำกใช้แทนสถำนที่และทำหน้ำที่เป็ น ประธำน ของประโยคถัดไป ต้องใช้ which นะจ๊ะ
ห้ำมเป็ น where
เช่น
• We live in the house which is really big.
• The dog which chased you last night is my brother’s.
5.where ใช้แทน แต่ตอ้ งไม่ใช่ ของประโยคถัดไป
• แปลว่ำ ที่
ลองทาดูหน่อย!!
1. Suratthani is the province where/which I was born.
2.This is the hotel where/which I stayed last week.
3.This is the garden where/which belongs to the queen.
4. She lives in the house where/which is so beautiful.
5.The office where/which I work is pink.
6.when ใช้แทน คำนำมที่เกี่ยวกับเวลำ วัน เดือน ปี

• แปลว่ำ เมื่อ หรือซึ่ง
เช่น Yesterday was the day when everything went wrong.
7.why ใช้แทน นำมที่เป็ นเหตุเป็ นผล ส่วนมำกนิยมตำมหลังคำว่ำ reason (เหตุผล)
• แปลว่ำ ทำไม
เช่น These are the reasons why I love you.
และนี่คือเหตุผลทัง้ หมด ว่ำทำไม ผมถึงรักคุณ.. กรีด๊ ดด
สรุป สรรพนำม ต้องดูว่ำทำหน้ำที่อะไรในประโยค เป็ นประธำน กรรม แสดงควำมเป็ นเจ้ำของ สะท้อน
หำประธำนหรือ มำแทนคำนำมในประโยค โดยสำมำรถเดำจำกตัวเลือกในโจทย์ ว่ำตัวเลือกมีคำชนิด
ใดบ้ำง
1. Children eat a lot of candy often get bad teeth.

A. which B. who C. where D. whose
2. Here is the newspaper is in my room.

A. which B. where C. who D. whose
3. The book you gave me is great.

A. which B. who C. whose D. when
4. This is the town I was born.

A. who B. when C. which D. where
5. I sent all the letters you gave me.

A. where B. who C. which D. whose

6. The boy father is a doctor often visits me.
A. that B. where C. who D. whose
7. My uncle is a teacher has got three children.

A. whose B. where C. which D. who
8. This is the school I learned English.

A. what B. who C. where D. which
9. My sister lives in Istanbul is going to visit us.

A. where B. who C. whose D. which
10. That pencil is on your desk belongs to me.

A. which B. where C. who D. whose

3 Adjective (คาคุณศัพท์)
คือ คำใช้ขยำย ทำให้เรำเห็นภำพของคำนำมชัดเจนยิ่งขึน้
• ขยำยทัง้ คำนำม คำสรรพนำม
ตาแหน่งของ Adjective ในประโยค
1. หน้ำคำนำม สำมำรถมีมำกกว่ำ 1 คำ แต่ตำแหน่งกำรเรียงมีลำดับของมันอยู่นะ เรียง
มั่วๆตำมใจไม่ได้ เช่น The cute white cat is sleeping.
2. หลัง V.to be เช่น T.Ounnoy is beautiful.
3. หลัง Linking Verb
Linking Verb คือ กริยำที่เชื่อมระหว่ำง ประธำน และ Adj. เป็ นกำรบอก สภำวะ ไม่ได้
บอก กำรกระทำ ได้แก่ appear, become, feel, look, seem, smell, sound, taste, get เป็ นต้น
เช่น This bread smells delicious.
ชนิดของ Adjective และการเรียงลาดับ Adjective
1. Determiners เช่น a / an / the / this / these / my / your
2. ลำดับที่ เช่น first , second
3. จำนวน เช่น one, two, three
4. ควำมคิดเห็น (Opinion) เช่น beautiful, ugly
5. ขนำด (Seize) เช่น big, small
6. อำยุ (Aged) เช่น old, new, modern
7. รูปร่ำง (Shape) เช่น round, rectangular
8. สี (color) เช่น black, blue, red
9. สัญชำติ (origin) เช่น Thai, Chinese, Japanese
10. วัสดุ (material) เช่น plastic, metal
11. วัตถุประสงค์ (purpose) มักเป็ น V.ing เช่น running, swimming
12. คำนำมหลักที่ถกู ขยำย เช่น dog, car, house
วิธีจา
My first two O S A Sha C O M ing Noun
My first two O S A Sha C O M ing Noun
เขียนด้วย iPad

Adjective พิเศษ!!หน้าตาเหมือน Verb แต่เอ้า เป็ น Adjective
วิธีจา -ing น่ำ -ed รูส้ กึ
1.ลงท้ำยด้วย -ing ใช้เมื่อพูดถึง สำเหตุ หรือต้นเหตุ ที่ทำให้เรำรูส้ ึกเช่นนัน้ จะใช้ใน

กำร อธิบำยลักษณะ ของคำนำมนัน้ ๆ
2. ลงท้ำยด้วย -ed ใช้เมื่อพูดถึง ผลที่ตำมมำ มันส่งผลให้เรำรูส้ กึ ยังไง
คาศัพท์ทคี่ วรรู้
Verb -ed รู้สึก -ing น่า

• annoy • annoyed รูส้ กึ รำคำญ • annoying น่ำรำคำญ
• bore • bored รูส้ กึ เบื่อ • boring น่ำเบื่อ
• charm • charmed รูส้ กึ หลงไหล • charming น่ำหลงไหล
• confuse • confused รูส้ กึ สับสน • confusing น่ำสับสน
• depress • depressed รูส้ กึ หดหู่ • depressing น่ำหดหู่
• disappoint • disappointed รูส้ กึ ผิดหวัง • disappointing น่ำผิดหวัง
• excite • excited รูส้ กึ ตื่นเต้น • exciting น่ำตื่นเต้น
• fascinate • fascinated รูส้ กึ หลงไหล • fascinating น่ำหลงไหล
• frustrate • frustrated รูส้ กึ หงุดหงิด • frustrating น่ำหงุดหงิด
• frighten • frightened รูส้ กึ หวำดกลัว • frightening น่ำหวำดกลัว
• interest • interested รูส้ กึ สนใจ • interesting น่ำสนใจ
• satisfy • satisfied รูส้ กึ พอใจ • satisfying น่ำพอใจ
• terrify • terrified รูส้ กึ หวำดกลัว • terrifying น่ำหวำดกลัว
• thrill • thrilled รูส้ กึ ตื่นเต้น • thrilling น่ำตื่นเต้น
สรุป Adjective คือคำที่ทำหน้ำที่ขยำยคำนำมทำให้เรำเห็นภำพของคำนำมนั้น ๆ ชัดเจนยิ่งขึน้ โดยอยู่

หน้ำนำมที่ขยำย อยู่หลัง V. To be หรือหลัง linking Verb

4 Adverb (คาวิเศษณ์)
คือ คำที่ทำหน้ำที่ขยำย กริยำ คำคุณศัพท์ กริยำวิเศษณ์ วลี และแม้แต่ทงั้ ประโยค
หน้าทีข่ อง Adverb
Adverb สำมำรถขยำยได้ ทุกตำแหน่ง ยกเว้น คำนำม เพรำะหน้ำที่ขยำยคำนำมคือหน้ำที่ของ Adjective
1.ขยำย Verb : เช่น He walks slowly.
2. ขยำย Adjective : เช่น She is really beautiful.
3. ขยำย Adverb : เช่น He run very fast.
4. ขยำย ประโยค : เช่น Fortunately, he wasn’t injured in the accident.
ชนิดของ Adverb ทีจ่ าเป็ นต้องรู้

1. Adverb of Manner คือ คำกริยำวิเศษณ์ท่อี ธิบำยลักษณะ กำรกระทำกริยำ
คำกริยำวิเศษณ์กลุม่ นีเ้ ป็ นกลุม่ ใหญ่ในภำษำอังกฤษ ซึ่งมักจะเป็ นกำรเอำ Adjective
มำเติม -ly และ แปลว่ำ อย่ำง…..
เช่น lazily, beautifully, strictly, slowly ซึ่งจะตอบคำถำม how?
เช่น He drives carefully.
ตาแหน่งของ Adverb of Manner

• วำงไว้หน้ำหรือหลัง กริยำ
เช่น
- He walks (slow)
-I put the egg down. (gentle)
• วำงไว้หลัง กรรมตรง
เช่น
- He sings the song beautifully . (beautiful)
- She does her homework carefully . (careful)

1. รู ปของ Adverb (Adverb of Manner)
1. เติม -ly ข้ำงท้ำย Adjective เช่น slow>> , careful>>
2. ถ้ำ Adj. ลงท้ำยด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็ น i ก่อน เช่น happy – happily, angry – angrily
3. Adverb ของ good คือ well
4. Adjective และ Adverb ใช้รูปเดียวกัน บำงคำเผลอไปเติม -ly ควำมหมำยจะเปลี่ยน เช่น fast,
hard, early, late
ถ้ำเผลอใช้ hardly จะแปลว่ำ แทบจะไม่ ถ้ำใช้ lately จะแปลว่ำ เมื่อไม่นำนมำนี ้
5. Adjective ที่ลงท้ำยด้วย ly แต่เป็ น Adjective และ ไม่มีรูป Adverb เช่น friendly, lonely, lovely,
likely
2. Adverbs of Place คือคำกริยำวิเศษณ์ท่ี บอกสถำนที่ ที่เหตุกำรณ์นนั้ ๆเกิดขึน้ Adv. จะตอบ

คำถำม where ? เช่น here, there, at home, on the table
เช่น
- They ran to school.
- I put the book on the table.
3. Adverbs of Time คือ คำกริยำวิเศษณ์ท่ีบอกเวลา และตอบคำถำม when ? เช่น now, next week,
on Monday, tomorrow
เช่น
- My parents will go to Phuket next week.
- Tomorrow I will go to Bangkok.
4. Adverb of Frequency คือ คำกริยำวิเศษณ์ท่ี บอกควำมถี่ ของกำรกระทำ และตอบคำถำม

How often ? เช่น always, usually, sometimes, never มักเจอใน present simple
ตาแหน่งของ Adverb of Frequency
- วำงไว้หน้ำ กริยำแท้
เช่น He sometimes goes to school by TukTuk.
- วำงไว้หลัง กริยำช่วย
เช่น I have never been to Italy.
- วำงไว้หลัง V. to be
เช่น I am always happy.
- Adv. ที่เป็ นกลุม่ วำงไว้ทำ้ ยประโยค
เช่น I go to work every day.
5.Adverb of Degree คือ คำกริยำวิเศษณ์ท่ี บอกระดับกำรกระทำ เช่น very (มำก), quite
(ค่อนข้ำง), too (มำกเกินไป), rather (ค่อนข้ำง), almost (เกือบจะ), extremely (อย่ำงมำก), nearly (เกือบจะ),
enough (พอ)
ตาแหน่งของ Adverb of Degree
- วำงไว้หน้ำ Adjective และอยู่หลัง V.to be
เช่น They are quite good.
- วำงไว้หน้ำ Adverb ที่ตอ้ งกำรขยำย
เช่น He speaks English very well.
- วำงไว้หลังคำที่ขยำย เฉพำะคำว่ำ enough
เช่น He did not work hard enough.
สรุป!!
Adverb ทำหน้ำที่ขยำยทุกอย่ำง ยกเว้น นำม และมักจะลงท้ำยด้วย -ly
ลองทาดูหน่อยนะ Adjective หรือ Adverb ดีนะ
1. My classmate can play basketball because he practices every day.

a) well b) good
2. He finished his homework in only ten minutes. He was very

a) quick b) quickly
3. I put the eggs into the basket and took them home.
a) gentle b) gently
4. After I watched the movie, I felt a little

a) sad b) sadly
5. I walked by the dog while it was asleep.

a) nervous b) nervously
6. We all worked on the car until it was fixed.

a) busy b) busily

7. I always feel quite just before I sit down to take an exam.
a) nervous b) nervously
8. We were very when we moved to a new home closer to our school.

a) glad b) gladly
9. My friend studies for exams, so he usually gets low grades.

a) hard b) hardly
10. A way to practice your English is to speak it with friends after class.
a) good b) well
11. The dentist can’t see me on Monday because he’s on that day.
a) busy b) busily
12. My mother put a gift for me on my study desk.

a) secret b) secretly
13. We had a great day at the beach! It was warm and there was a breeze.
a) gentle b) gently
14. I was late for class, so I entered the room and sat down.
a) quick b) quickly
15. The final exam wasn’t easy, it was quite

a) hard b) hardly

การเปรียบเทียบ Adjective และ Adverb ****ออกสอบบ่อย****
การเปรียบเทียบ Adjective และ Adverb
1.ขั้นธรรมดา เป็ นกำรเปรียบเทียบของ สองสิ่ง ว่ำมีคณ
ุ สมบัติบำงอย่ำง เท่ำกัน
โครงสร้าง as Adj./Adv. as = เท่ำๆกัน (as…….as)
เช่น
T.Ounnoy is as cute as YaYa.
ครูอ่นุ น้อยน่ำรักเท่ำๆกับญำญ่ำ เปรียบเทียบ Adj.
T.Ounnoy sings as sweetly as YaYa.

ครูอ่นุ น้อยร้องเพลงได้ไพเรำะเท่ำๆกับญำญ่ำ เปรียบเทียบ Adv.
แต่ถำ้ จะบอกว่ำไม่เท่ำกัน อำจเจอ not so……as เช่น YaYa is not so tall as Nadech.
2.ขั้นกว่า เป็ นกำรเปรียบเทียบของ สองสิ่ง ที่มีสิ่งหนึ่งมีคณ
ุ สมบัติ มำกกว่ำอีกสิ่งหนึ่ง
โครงสร้ำง
2.1 Adj/Adv. เติม -er + than = …..กว่ำ (ใช้กบั คำที่มี 1-2 พยำงค์)
เช่น
Mark is taller than Kim.
หมำกสูงกว่ำคิม เปรียบเทียบ Adj.
Mark runs faster thanKim.
หมำกวิ่งเร็วกว่ำคิม เปรียบเทียบ Adv.
2.2 more +Adj/Adv. + than. = ….มำกกว่ำ (ใช้กบั คำที่มี 2 พยำงค์ขนึ ้ ไป)
เช่น
He is more careful than you.
เขำระมัดระวังมำกกว่ำคุณ เปรียบเทียบ Adj.
He drives more carefully than you.
เขำขับรถอย่ำงระมัดระวังกว่ำคุณ เปรียบเทียบ Adv.
2.3 less +Adj./Adv.+ than. = ….น้อยกว่ำ (ใช้กบั คำที่มี 2 พยำงค์ขนึ ้ ไป)
เช่น
I am less beautiful than you.
ฉันสวยน้อยกว่ำคุณ. เปรียบเทียบ Adj.
He drives less carefully than you.
เขำขับรถระมัดระวังน้อยกว่ำคุณ เปรียบเทียบ Adv.

ข้อสังเกต หำกเห็น than ในโจทย์ ตำมหำตัวที่เป็ น ขัน้ กว่ำ ได้เลย ไม่ตอ้ งคิดเยอะ
3.ขั้นสูงสุด เป็ นกำรเปรียบเทียบของ มำกกว่ำ 2 สิ่งขึน้ ไป และจะต้องเติม the ไว้หน้ำAdj/Adv.
ขัน้ สุดเสมอ
3.1 The + Adj/Adv. เติม -est = มำกที่สดุ (ใช้กบั คำที่มี 1-2 พยำงค์)
เช่น
Bright is the tallest man in our company.
ไบรทสูงที่สดุ ในบริษัทเรำ เปรียบเทียบ Adj.
Win runs the fastest in our school.
วินวิ่งเร็วที่สดุ ในโรงเรียน เปรียบเทียบ Adv.
3.2 The most +Adj/Adv. = มำกที่สดุ (ใช้กบั คำที่มี 2 พยำงค์ขนึ ้ ไป)
เช่น
Jackson is the most popular guy in Asia.
แจคสันเป็ นหนุ่มที่ป๊อบที่สดุ ในเอเชีย เปรียบเทียบ Adj.
He drives the most carefully of all.
เขำขับรถอย่ำงระมัดระวังที่สดุ เปรียบเทียบ Adv.
3.3 The least +Adj./Adv. = น้อยที่สดุ (ใช้กบั คำที่มี 2 พยำงค์ขนึ ้ ไป)
เช่น
He is the least interesting guy I’ve met.
เขำเป็ นผูช้ ำยที่น่ำสนใจน้อยที่สดุ เท่ำที่ฉันเคยเจอ เปรียบเทียบ Adj.
He drives the least carefully in our class.
เขำขับรถระมัดระวังน้อยที่สดุ ในห้องของเรำ เปรียบเทียบ Adv.
ข้อสังเกต หำกเห็นคำว่ำ of all, in the…, in our…., I’ve ever +V.3 ตำมหำตัวที่เป็ นขัน้ สุดทันทีจำ้
หลักการเติม -er และ -est

1.คำคุณศัพท์ พยำงค์เดียว ส่วนใหญ่ทำให้เป็ นรูป ขัน้ กว่ำให้เติม -er ท้ำยคำ และขัน้ สูงสุด เติม
-est ท้ำยคำ
เช่น Small – – the / Long – – the
2. คำคุณศัพท์พยำงค์เดียวที่มี สระตัวเดียวและตำมด้วยพยัญชนะตัวเดียว ให้เติมพยัญชนะ
ตัวสุดท้ำยของคำ ซำ้ ก่อน เติม -er ในกำรทำให้เป็ นขัน้ กว่ำ และก่อนเติม -est ในกำรทำให้เป็ นขัน้ สูงสุด
เช่น big – – the /hot – – the
3. คำคุณศัพท์พยำงค์เดียวที่ลงท้ำยด้วย e ให้เติม -r หรือ -st ได้เลย
เช่น nice – – the /large – – the

4. คำคุณศัพท์ท่ลี งท้ำยด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็ น i ก่อนจะเติม -er หรือ -est
เช่น dry – – the / easy – – the
หลักการเติม more/most ข้างหน้าคา
1. คำคุณศัพท์ท่ลี งท้ำยด้วย –ed, -ing, -ful, -less, -ous ทำให้เป็ นรูปขัน้ กว่ำ โดยกำรเติม more
หน้ำคำ และทำให้เป็ นรูปขัน้ สุด โดยกำรเติม the most หน้ำคำ เช่น
Careful – careful – careful
exciting – exciting – exciting
2. คำกริยำวิเศษณ์ สองพยำงค์ท่ลี งท้ำยด้วย -ly ทำให้เป็ นรูปขัน้ กว่ำ โดยกำรเติม more หน้ำคำ
และทำให้เป็ นรูปขัน้ สุด โดยกำรเติม the most หน้ำคำ
เช่น quickly - quickly - quickly
3. คำคุณศัพท์และคำกริยำวิเศษณ์ตงั้ แต่ สองพยำงค์ขนึ ้ ไป ทำให้เป็ นรูปขัน้ กว่ำ โดยกำรเติม more
หน้ำคำ และทำให้เป็ นรูป ขัน้ สุด โดยกำรเติม the most หน้ำคำ เช่น
Important – important – important
***** คาคุณศัพท์บางคาที่อาจจะไม่ได้เปลี่ยนรู ปไปตามโครงสร้างดังทีก่ ล่าวข้างต้น โดยเมื่อเป็ นการ
เปรียบเทียบในขั้นกว่าและขั้นสูงสุด คาคุณศัพท์น้ัน ๆ จะเปลี่ยนรู ปไปเลย**** แบบนีต้ ้องจา!!!
Adj./Adv. ขัน้ กว่า ขัน้ สุด คาแปล

Good/well Better the best ดี
Bad/badly worse The worst แย่ / เลว
Much/many more the most มำก
little less the least น้อย
far the farther / further farthest / furthest ไกล
old the older / elder oldest / eldest แก่
โปรดระวัง!!! ถ้ำมี -er ต้องไม่มี more ถ้ำ มี -est ต้องไม่มี the most จะมำทำหน้ำที่ซอ้ นกันไม่ได้!!!
สรุป - เปรียบเทียบขัน้ ธรรมดำ as….as

- เปรียบเทียบขัน้ กว่ำ -er than more.. than less.. than
- เปรียบเทียบขัน้ สุด the -est the mose the least

1. Mount Everest is mountain in the world.
a) taller b) taller than c) the tallest
2. Are cats dogs? What do you think?

a) more intelligent than b) intelligent than c) the most intelligent
3. Who was person that ever lived? How can we find out ?
a) the oldest b) older than c) older
4. I think that Alicia student in our class.

a) the smartest b) is the smartest c) is smarter
5. Carla says that she had time of her life at the party.
a) better than b) better c) the best
6. Of course, comedies are than action movies.

a) funnyer b) funnier c) funny
7. This restaurant is bad, but the restaurant we ate at last week was .
a) bad b) worse c) worse than
8. What is country in South America? Is it Argentina or Brazil?

a) bigger than b) the biggest c) bigest
9. Antarctica is the coldest place on Earth, but which place is ?

a) the hottest b) hottest c) hotter than
10. Blue whales animals that have ever lived.

a) is larger than b) is the largest c) are the largest
11. Which is from our planet? Is it the moon or the sun ?

a) the most farthest b) far c) farther

12. Monday is usually day of the week for me.
a) the busiest b) the busiest c) busier than
13. Frodo said the gold ring was than the silver ring.
a) the most expensive b) expensiver c) more expensive
14. I really had the day of my entire life yesterday!

a) worst b) baddest c) badest
15. I think vanilla ice-cream is good, but chocolate ice-cream is .

a) better than b) better c) gooder

5 Preposition (คาบุพบท)
คือ คำที่ใช้เชื่อม หรือแสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงคำต่อคำ
Preposition ทีอ่ อกบ่อยคือ in, on ,at ซึ่งสามารถใช้ได้กับทัง้ เวลาและสถานที่ มาดูกัน
เวลา

สถานที่

บุพบทอื่นๆ
About — หมำยควำมว่ำ เกี่ยวกับ, รอบ ๆ หรือ ทั่ว
• This book is about love. แปลว่ำ หนังสือเล่มนีเ้ กี่ยวกับควำมรัก
Above — หมำยควำมว่ำ เหนือ, เกิน
• There’s a spider above the bed. มีแมงมุมตัวหนึ่งอยู่เหนือเตียง

Across — หมำยควำมว่ำ ข้ำม, ตรงกันข้ำม
• The boy is walking across the street. เด็กชำยคนหนึ่งกำลังเดินข้ำมถนน

• My house is across the road. บ้ำนของฉันอยู่ฝ่ ั งตรงกันข้ำมถนน
After — หมำยควำมว่ำ หลัง, หลังจำก
• She eats breakfast after she takes a bath. หล่อนกินอำหำรเช้ำหลังจำกหล่อนอำบนำ้

Against — หมำยควำมว่ำ ต่อต้ำน, คัดค้ำน, ต้ำน, พิง
• Most people voted against the new dam. คนส่วนมำกโหวตคัดค้ำนเขื่อนแห่งใหม่

• He’s leaning against the wall. เขำกำลังเอนหลังพิงกำแพง
Along — หมำยควำมว่ำ ไปตำม
• They’re walking along the beach. พวกเขำกำลังเดินไปตำมชำยหำด

Among — หมำยควำมว่ำ ในท่ำมกลำง (มำกกว่ำ 2สิ่งขึน้ ไป)
• The little kids are standing among the crowd. เด็กตัวเล็กกำลังยืนอยู่ในท่ำมกลำงฝูงชน

Around — หมำยควำมว่ำ รอบ ๆ
• The earth goes around the sun. โลกหมุนรอบดวงอำทิตย์
Before — หมำยควำมว่ำ ก่อน
• Please come back before noon. กรุณำกลับมำก่อนเที่ยง

Behind — หมำยควำมว่ำ ข้ำงหลัง
• The little boy is standing behind his dad. เด็กชำยตัวน้อยกำลังยืนอยู่ขำ้ งหลังพ่อของเขำ

Below — หมำยควำมว่ำ ข้ำงใต้, ต่ำกว่ำ

• Your name is below mine. ชื่อของคุณอยู่ใต้ช่ือของฉัน
• Your score is below average. คะแนนของคุณต่ำกว่ำค่ำเฉลี่ย
Beside — หมำยควำมว่ำ ข้ำง ๆ
• Come and stand beside me! มำยืนข้ำง ๆ ฉัน

Between — หมำยควำมว่ำ ระหว่ำง
• Sam sits between Jand and me. แซมนั่งระหว่ำเจนกับฉัน

During — หมำยควำมว่ำ ในช่วง
• Some students play in the playground during the recess. นักเรียนบำงคนเล่นในสนำมเด็ก

เล่นในช่วงเวลำพัก
Except — หมำยควำมว่ำ ยกเว้น
• Dad works everyday except Sundays. พ่อทำงำนทุกวันยกเว้นวันอำทิตย์

For — หมำยควำมว่ำ สำหรับ, เพื่อ
• My love is for you only. ควำมรักของฉันมีไว้สำหรับคุณเท่ำนัน้
From…to/till/until - หมำยควำมว่ำ ตัง้ แต่…จนถึง…
• I work here from Monday to/till/until Friday.

Into — หมำยควำมว่ำ ไปใน
• The cat ran into the room. แมววิ่งเข้ำไปในห้อง

Of — หมำยควำมว่ำ ของ, แห่ง
• It’s on the back of the book. มันอยู่ดำ้ นหลังของหนังสือ

• Thailand is the land of smile. ประเทศไทยคือดินแดนแห่งรอยยิม้
Opposite - หมำยควำมว่ำ ตรงข้ำมกับ
• Our house is opposite the supermarket. บ้ำนเรำอยู่ตรงข้ำมซุเปอร์มำร์เกต
Over — หมำยควำมว่ำ เหนือ
• The birds are flying over the house. นกกำลังบินอยู่เหนือบ้ำน

Past — หมำยควำมว่ำ ผ่ำน
• They are walking past the shop. พวกเขำกำลังเดินผ่ำนร้ำนไป
Since - หมำยควำมว่ำ ตัง้ แต่ ใช้บอกจุดเริ่มต้นของเวลำ
• I have worked here since 2020.

Through — หมำยควำมว่ำ ผ่ำน, ตลอด
• The sun is shining through the window. ดวงอำทิตย์กำลังส่องแสงผ่ำนมำทำงหน้ำต่ำง

To — หมำยควำมว่ำ ไปสู่
• She walks to school every day. หล่อนเดินโรงเรียนทุกวัน

Under — หมำยควำมว่ำ ใต้
• The cat is under the chair. แมวอยู่ใต้เก้ำอี ้

Until — หมำยควำมว่ำ จนถึง, จนกระทั่ง
• I will wait for you until noon. ฉันจะคอยคุณจนถึงเที่ยง

With — หมำยควำมว่ำ กับ
• I live with my parents. ฉันอำศัยอยู่กบั พ่อแม่

Without — หมำยควำมว่ำ ไม่มี, ปรำศจำก
• I never go out without my an umbrella. ฉันไม่เคยออกไปข้ำงนอกโดยไม่มีรม่
สรุป in ใช้กบั เวลำและสถำนที่ใหญ่ๆ on เล็กลงมำนิดนึง ส่วน at ใช้กบั เวลำและสถำนที่ท่รี ะบุชดั เจน ส่วน
preposition ตัวอื่นๆ ต้องพยำยำมจดจำ

1.I am going to London Sunday.
a. at b . in c. on d. by
2. Jeff went to school foot.

a.in b. on c.at d.by
3. The dog is the garden.

a.between b.among c.on d. in
4. I like to swim the evening.

a. in b.on c.at d.under
5. China is the biggest country Asia.

a.on b.during c.between d. in
6. Sarah will be 20 years old 2025.

a. in b.on c.at d.for
7. We went to Cha-am train.

a.with b.on c. by d.at
8.Please write ink.

a.with b.on c.at d. in
9. We are very happy New Year’s Day.

a. in b. on c. at d.among
10. Kate goes to bed 10 o’clock every day.

a.in b. at c.on d.into
11. My family always travel summer.

a.on b.under c. during d.with

12. Please come 10 am.
a.between b.behind c.in front of d. before
13. That boy comes America.

a.in b.on c.at d. from
14. Noami takes a shower she goes to work.

a.between b.on c.among d. before
15. Doja lives 7 Silom Road.

a.on b. at c.in d.with
16. I was born July 1989.

a. in b.on c.at d.down
17. She has been working here 2021.

a.for b. since c.between d.at
18. He took the coins his pocket to show us.

a.through b. out of c.under d.down
19. The company will be closed Friday.

a.in b. on c.at d.under
20. The boy is leaning the wall.

a. against b.under c.in d.after

6 Conjunction (คาสันธาน)
คือคำที่ใช้เชื่อมคำ กลุม่ คำ อนุประโยคเข้ำด้วยกัน
ที่สำคัญคือ จำควำมหมำยให้ได้ และเลือกเติมให้เหมำะสม ได้ใจควำม
คำสันธำนแบ่งเป็ น 3 ประเภท
1.Coordinating Conjunction คือ คำสันธำนที่ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยคที่เป็ นประเภทเดียวกัน หรือ
มีควำมสำคัญเท่ำเทียมกัน ได้แก่คำต่อไปนี ้
For (เพราะ) ใช้เชื่อมประโยคที่ เป็ นเหตุเป็ นผลกัน โดยแสดงเหตุ

And (และ) ใช้เชื่อมประโยคที่เป็ นไป ในทำงเดียวกันหรือเสริมกัน
Nor (ไม่ทงั้ สองอย่าง) ใช้เชื่อมประโยคที่เป็ น เชิงปฏิเสธทัง้ คู่
But (แต่) ใช้เชื่อมประโยคที่ ขัดแย้งกัน
Or (หรือ) ใช้เชื่อมประโยคที่ แสดงทำงเลือก
Yet (แต่) ใช้เชื่อมประโยคที่ ขัดแย้งกัน
So (ดังนั้น) ใช้เชื่อมประโยคที่ เป็ นเหตุผลเป็ นผลกัน โดยแสดงผล
เทคนิคการจา: FANBOYS

2. Subordinating conjunction คือ คำสันธำนที่ใช้เชื่อมประโยคหลัก (Main Clause) กับประโยคย่อย
(Subordinate Clause) ที่มีควำมสำคัญไม่เท่ำกัน
กลุ่มคาเชื่อม Subordinating conjunction

while when after
( ในขณะที่ ) ( เมื่อ ) ( หลังจาก )
before as soon as once
( ก่อน ) ( ทันทีที่ ) ( ทันทีที่ )
whenever until although
( เมื่อไหร่ก็ตาม ) ( จนกระทั่ง ) ( แม้ว่า )
though even though whereas
( แม้ว่า ) ( แม้ว่า ) ( ในขณะที่ )
because since so that
( เพราะว่า ) ( เพราะว่า ) ( เพื่อว่า, เพื่อทีจ่ ะ )
as in order that if
( เพราะว่า/ขณะที)่ ( เพื่อว่า, เพื่อทีจ่ ะ ) ( ถ้า )
Therefore Whether as long as
( ดังนั้น ) ( หรือไม่ ) ( ตราบเท่าที่ )
even if unless how
( ถ้า, แม้ว่า ) ( ถ้าหากว่าไม่ ) ( อย่างไร )
as though as if so … that
( ราวกับว่า ) ( ราวกับว่า ) ( มากซะจนทีจ่ ะ )

3. Correlative conjunction (คาสันธานทีต่ ้องใช้คู่กันเสมอ) ใช้เชื่อมประโยค Independent clause ที่มี
ควำมหมำยสอดคล้องและเท่ำเทียมกัน
****จาคู่ของมันให้แม่น ในข้อสอบมักออกคู่ของมัน เราต้องหาส่วนทีห่ ายไปให้เจอ***
คาเชื่อม Correlative conjunction **ข้อสอบชอบออก**

not only … but also … (ไม่เพียงแต่... แต่อีกด้วย)
either … or … (ไม่ ... ก็ (ให้เลือกอย่ำงใดอย่ำงหนึ่ง))
neither … nor … (ไม่...และ (ไม่ทงั้ สองอย่ำง))
as ... as … (เท่ำกัน)
both … and … (ทัง้ ...และ)
***จาชื่อชนิดไม่ได้ไม่เป็ นไร จาความหมายให้ได้ก็พอ***

สรุป เป็ นคำเชื่อม โดยเรำต้องดูบริบท แต่ท่สี ำคัญคือต้องจำควำมหมำยและคู่ของมันให้ได้

1. He wanted to improve his piano playing he wanted to win the competition.

a.so b.but c. because d.therefore
2. Tom got good marks he studied hard.

a. because b.but c.so d.then
3. We are going to walk in the mountains play football.

a.because b.so c.but d. or
4. I am good at English I am not going to help Amy.

a.because b. but c.or d.so
5. I like Carolina she is very friendly.

a.but b.so c. because d.or
6. We were late for the show we didn't take a taxi.

a. but b.and c.or d.then
7. They visited an art gallery a museum.

a.therefore b.but c.so d. and
8. He can't walk he fell off the chair hurt his foot, he has a lot
of time to read.
a.and / because / so b. because / and / so
c.so / and / because d.so / because / and
9. Last Sunday was my mum's birthday I wanted to buy a present for her.
a. so b.or c.but d.because
10. I went to the shopping centre the shops were closed.

a.or b.because c. but d.so

7 Article (A, An,The) คานาหน้านาม
หลักการใช้
Articles แบ่งเป็ น 2 ชนิดคือ
1.Indefinite Article ( ไม่เจำะจง ) ได้แก่ a และ an ใช้นำหน้ำ นำมนับได้
( Countable Nouns ) เอกพจน์ ทั่ว ๆ ไป
2.Definite Article ( เจำะจง ) ได้แก่ the ซึ่งใช้นำหน้ำคำนำมนับได้ ( Countable Nouns )
และนำมนั บ ไม่ ไ ด้ ( Uncountable Nouns ) ทั้ ง รู ป เอกพจน์ (Singular ) และพหู พ จน์ ( Plural )
เพื่อให้นำมนัน้ มี ควำมหมำย เฉพำะเจำะจง
การใช้ Indefinite Article : a, an
1.ใช้ a นำหน้ำ คานามนับได้ เอกพจน์ ขึน้ ต้นด้วย พยัญชนะ ห รื อ มี เ สี ย ง

พยัญชนะมี ความหมายทั่วไป เช่น a woman, a dog, a dentist, a newspaper, a city , a
book , a shop
2. ใช้ an นำหน้ำ คานามนับได้ เอกพจน์ ขึน้ ต้นด้วย สระ ห รื อ มี เ สี ย ง ส ร ะ แ ล ะ
มี ความหมายทั่วไป เช่น an orange, an umbrella, an hour
หมายเหตุ
- ถ้ำคำนำมนับได้ เอกพจน์ นัน้ ขึน้ ต้นด้วย สระ แต่ว่ำออกเสียงเป็ น พยัญชนะ มั ก จ ะ
ขึน้ ต้นด้วยตัว u หรือ eu และออกเสียงเป็ น ย ให้ใช้ a
เช่น a uniform, a university, a European, a eucalyptus ( ต้นยูคำลิบตัส ), a utensil, a unit
- ถ้ำคำนำมนัน้ ขึน้ ต้นด้วย พยัญชนะ แต่ออกเสียงเป็ น สระ มั ก ขึ ้ น ต้ น ด้ ว ย h แ ต่ h ไ ม่
ออกเสียง
เช่น an hour, an heir, an honor
แต่ถำ้ คำนำมนับได้ เอกพจน์ นัน้ มี คำคุณศัพท์ นำหน้ำให้ดดู งั นี ้
- หำกคำคุณศัพท์นนั้ ขึน้ ต้นด้วยเสียง พยัญชนะ ก็ให้ใช้ a ไม่ตอ้ งสนใจคำนำมแล้ว สนใจ
ตัวใกล้สดุ เช่น a sweet orange, a big umbrella

- หำกขึน้ ต้นด้วย เสียง สระ ให้ใช้ an เช่น an old city, an ugly woman เป็ น ต้น
3.ใช้ a, an นำหน้ำนำมเอกพจน์ เมื่อกล่ำวถึงคำนำมนัน้ เป็ นครัง้ แรก
เช่น There is a shop on the corner. มีรำ้ นอยู่ 1 ร้ำนที่หวั มุม ( ใช้ a เพรำะเป็ นกำรพูดถึงครัง้ แรก )
แต่เมื่อพูดถึงครัง้ ต่อๆไป จะใช้เป็ น the ได้เพรำะคนที่ฟังรูแ้ ล้วว่ำหมำยถึงร้ำนไหน
4. ใช้ a, an นำหน้ำ อำชีพ เช่น I’m a teacher. He is a doctor.
5. ใช้ a, an ในกำรบอก อัตรำต่อ 1 หน่วย ( per ) เช่น I take a shower twice a day.
ฉันอำบนำ้ วันละสองครัง้
6. ใช้ a, an นำหน้ำนำมที่เป็ นสำนวนเกี่ยวกับ กำรเจ็บไข้ได้ป่วย
โครงสร้ำงคือ have + a+ อำกำรเจ็บป่ วย
เช่น I have a fever. ฉันเป็ นไข้ I have a headache. ฉันปวดหัว
การใช้ Definite Article : The
1. คำนำมที่มีเพียง หนึ่งเดียว ในโลกนี ้ และ เป็ นที่รูจ้ กั ดี

เช่น The moon , The sun , The Earth
2. คำนำมที่กล่ำว ซำ้ เป็ นครัง้ ที่สอง
3. คำนำมที่ผพู้ ดู และผูฟ้ ั ง รูก้ นั ดีว่ำหมำยถึงอันไหน
4. นำหน้ำเลข ลำดับที่
เช่น the first , the , second , the third
5. ประเทศที่มี s ต่อท้ำย
ex. The Netherlands , The Philippines , The United States of America
ยกเว้น!! Laos
6. สถำนที่สำคัญ
ex. The White House , The Red Square , The Taj Mahal , The Pentagon
7. ชื่อเฉพำะ : โรงแรม ภัตตำคำร หนังสือพิมพ์ ธนำคำร
เช่น The Mandarin Oriental , The Thai Military Bank , The Nation
8. ชื่อทำง ภูมิศำสตร์ เช่น เทือกเขำ แม่นำ้ หมู่เกำะ ทะเล ช่องแคบ แหลม มหำสมุทร ทะเลทรำย

9. คำนำมที่เป็ น เครื่องดนตรี
10. นำหน้ำ Superlative ขัน้ สุด
11. ประเทศที่ใช้ republic, kingdom, states
กรณีทไ่ี ม่ใส่ Article
1. ไม่ใช้กบั นำมนับได้ พหูพจน์ หรือ นำมนับไม่ได้ ที่ ไม่ชเี ้ ฉพำะเจำะจง

2. ไม่ใช้กบั ชื่อ ประเทศ ชื่อจังหวัด ชื่อเมือง ชื่อคน
3. ไม่ใช้กบั ชื่อภำษำ ชื่อวิชำ ชื่อกีฬำ มือ้ อำหำร
4. ไม่ใช้กบั ภูเขำลูกเดียว เกำะเกำะเดียว ทะเลสำบ
5. ไม่ใช้กบั ชื่อถนน สถำนีต่ำงๆ สนำมบิน
สรุป A, An ใช้กบั นำมนับได้เอกพจน์ท่ไี ม่ชเี ้ ฉพำะเจำะจง รวมถึงเป็ นกำรกล่ำวถึงครัง้ แรก The ใช้กบั คำนำมที่ชี ้
เฉพำะเจำะจง ใช้ในกำรกล่ำวซำ้ สิ่งที่คนพูดคนฟั งเข้ำใจตรงกัน ชื่อสถำนที่สำคัญ สถำนที่ทำงภูมิศำสตร์

1. Denver is located at the foot of Rocky Mountains.
a. the. b. no article c. an d. a
2. Toronto is located on Lake Ontario.

a. a b. the c. no article d.an
3. San Diego is located near Mexican border.

a. the b. no article c. a d.an
4. Let's go to Mexico.
a. the b. no article c. an d.the
5. Nile is the longest river in the world.

a. The b. A c. no article d.an
6. Sahara is the world's biggest desert.

a. no article b. The c. A d.An
7. I spoke with Swedish film director that I told you about.

a. the b. no article c. a d.an
8. Do you speak Swedish ?

a. an b. no article c. the d.a
9. I need bottle of water.

a. no article b. the c. a d.the
10. Spain is one of largest European countries.

a. the b. a c. no article d.an

11. vegetables are good for health.
a. No articles. b. The c. An d. A
12. tall boys like football.

a. No articles. b. An c. The d. A
13. Danny eats apple after lunch.

a. no article b. the c. an d. a
14. bread you baked is very nice.

a. No articles b. An c. A d. The
15. I have got headache.

a. the b. a c. an d. No articles.
16. They like to go to Chiangmai in winter.

a. A b. An c. No articles. d. the
17. I wait for you for hour.

a. No articles. b. a c. the d. an
18. sun rises in the east.

a. A b. The c. An d. No articles.
19. Let’s keep world clean.

a. a b. an c. the d. No articles.
20. bird can sing.

a. No articles b. A c. An d. The

8 Word of Quantity (คาบอกปริมาณ)
เน้นตัวที่เจอบ่อยๆ
วิธีใช้
Word of คำนำมประเภท รูปประโยค

คาแปล ตัวอย่าง
Quantity
นำมนับได้ นำมนับ
บอกเล่ำ ปฏิเสธ คำถำม
พหูพจน์ ไม่ได้
บำงหรือ I have some money.

Some ✓ ✓ ✓ ***
บ้ำง She has some friends.
บำงหรือ I don’t have any money.

Any ✓ ✓ ✓ ✓
บ้ำง Do you have any pens ?
A lot of /
เยอะ ✓ ✓ ✓ He has lots of cars.
Lots of
Much เยอะ ✓ ✓ ✓ ✓ How much sugar do you want ?
Many เยอะ ✓ ✓ ✓ ✓ How many cars does he have ?
A few น้อย ✓ ✓ I have a few friends.

A little น้อย ✓ She has a little money.

1. Would you like apple juice ?
a.many b.a few c. some d.any
2. There is food in the fridge.

a.many b. much c.any d.a few
3. How did your computer cost ?

a.many b.some c.any d. much
4. There are books on the table.

a.any b.much c. many d.little
5. Is there vegetable in the fridge ?

a. any b.many c.very d.a lot
6. There are a eggs in the basket.

a.little b.much c.many d. few
7. He is very rich. There is money in his wallet.

a.some b.many c.any d. much
8. How water does he drink ?

a. much b.many c.some d.any
9. Don't eat so chocolate or you will get fat.

a.many b.some c. much d.any
10. There is butter left. We need to buy .

a.few / any b. little / some c.much / many d.few / some

Verb ทีค่ นมักสับสน
1. Verb to be ได้แก่ is/am/are/was/were/been ซึ่งเป็ นได้ทงั้ กริยำแท้ และกริยำช่วย
หากเป็ นกริยาแท้ จะแปลว่ำ เป็ น อยู่ คือ สำมำรถตำมด้วย
1. คำนำม เช่น อำชีพ ชื่อคน
เช่น I am Ounnoy.
He is a doctor.
2. Adjective เช่น ลักษณะต่ำงๆ สัญชำติ โดยไม่ตอ้ งแปลควำมหมำย
เช่น He is Italian.
You are diligent.
3. Adv. บอกสถำนที่ เช่น at home, at school, at the hotel
เช่น She is at home.
My mom is at her office.
4. ใช้บอกอำยุ
เช่น I am 34 years old.
หากเป็ นกริยาช่วย จะไม่มีควำมหมำย สำมำรถช่วย
1. V.ing ซึ่งจะเป็ นเรื่อง Continuous/Progressive ใช้แสดงถึงสิ่งที่ กำลังทำ
เช่น I am studying English now.
2. V.3 ซึ่งจะเป็ นเรื่อง Passive Voice คือประโยคที่ประธำนถูกกระทำ
เช่น She was bitten by my dog.

2.Verb to have ได้แก่ have, has, had ซึ่งเป็ นได้ทงั้ กริยำแท้และกริยำช่วย
หากเป็ นกริยาแท้ จะแปลว่ำ มี / กิน สำมำรถตำมด้วย
1. คำนำม เพื่อบอกว่ำมีอะไร
เช่น I have two dogs.
She had three dolls last year.
2. คำนำมที่ เป็ นอำหำร เพื่อบอกว่ำกินอะไร
เช่น I have breakfast.
I have lunch.
3. อำกำรป่ วย
เช่น I have a fever.
She has a headache.
กรณีที่ v. to have เป็ นกริยาแท้ เวลาเป็ นประโยคคาถามและปฏิเสธ ต้องใช้ v. to do มาช่วยนะจ๊ะ
เช่น I don’t have any money.
Do you have any questions?
***หมายเหตุ*** หำกต้องกำรบอกว่ำ “มี” โดยไม่มีประธำนที่แสดงกริยำนัน้ ๆ เรำจะใช้
โครงสร้ำง There is / are / was / were ซึ่งแปลว่ำ มี เช่นกัน แต่จะผันกริยำตำมคำนำมข้ำงหลัง
เช่น There are two books on my desk.
There is some water in my glass.
หากเป็ นกริยาช่วย มีดงั นี ้
1. have/has/had + V.3 เป็ นเรื่องของ Perfect
เช่น I have been to America.
She has watched this movie many times.
2. have/has/had + to + V.inf แปลว่ำ จำเป็ นต้อง
เช่น I have to go now. You have to do your homework.

3. V. to do ได้แก่ do does did ซึ่งเป็ นได้ทงั้ กริยำแท้ และกริยำช่วย
หากเป็ นกริยาแท้ จะแปลว่ำ ทำ
เช่น I do my homework.
She does the laundry every Sunday.
หากเป็ นกริยาช่วย จะไม่มีควำมหมำย
1. do does ใช้ช่วย ประโยคคำถำม/ปฏิเสธ ของ present simple
เช่น I don’t know what to do.
She doesn’t like him.
Do you like GOT7?
2. did ใช้ช่วยใน ประโยคคำถำม/ปฏิเสธ past simple
เช่น I didn’t do it.
Did you sleep well last night?
1. ________ he leave yesterday?
A. Did B. Was C. Had
2. ________ you ever spoken to her before?

A. Do B. Have C. Are
3. ________ Robert call you?

A. Did B. Had C. Were
4. ________ your grandparents from France?


5. ________ they move to a new apartment?
A. Do B. Are C. Have
6. ________ you learning how to play guitar?

A. Are B. Do C. Have
7. ________ they taken photos of you?

8. ________ you have a good time?

9. ________ you watched this movie before?

A. Did B. Have C. Are
10. ________ you coming with us?

A. Have B. Are C. Do
11. I ________ a stomachache.

A. am B. do C. Have
12. She ________ know him.

A. isn’t B. doesn’t C. hasn’t
13. Jessica ______ cooking now.

A. is B. does C. has
14. I _______ punished by my mom.

A. did B. had C. was

15. Mr. Kelly _______ an architect.
A. is B. has C. does
16. I _____ a dog.

A. have B. am C. do
17. We _____ go out at night.

A. haven’t B. aren’t C. don’t
18. _______ you want to join us?

19. I ________ seen him for ages.

A. don’t B. aren’t C. haven’t
20. ______ you remember me?


ประโยคในภำษำอังกฤษจะต้องมี Tense มำเกี่ยวข้องเสมอ ซึ่ง Tense ในภำษำอังกฤษมีอยู่ดว้ ยกัน
ถึง 12 Tense และแบ่งออกได้เป็ น 3 ช่วงเวลำ ช่วงเวลำละ 4 แบบ แต่ท่ีออกสอบบ่อยจริงๆ มีแค่
ประมำณ 7 Tenses เท่ำนัน้ งัน้ เรำมำดูกนั เล้ยยย
Present Past
Future (will+v.inf)
(V.1) (v.2)
Simple S. + V.1 S. + V.2 S. + will + V.inf
Continuous
S. + is,am,are + V.ing S. + was,were + V.ing S. + will + be + V.ing
( be + v.ing )
Perfect
S + have,has + V.3 S. + had + V.3 S. + will + have + V.3
( have + v.3 )
Perfect continuous S + have,has + been S. + will + have + been
S. + had + been + V.ing
( have + been + v.ing ) + V.ing + V.ing
1 Present Simple
เหตุกำรณ์ท่เี กิดขึน้ ในปัจจุบนั ทำเป็ นประจำ เป็ นจริงทำงวิทยำศำสตร์ และเป็ นตำรำงเวลำที่แน่นอน

วิธีจา : ประจำ ธรรมชำติ ควำมจริง นิสยั ตำรำงเวลำ
Keywords : always, usually, often, sometimes, every day, every…, on +วัน s, once a week,
twice a month
โครงสร้าง
ประโยคบอกเล่ำ S.เอกพจน์ + V.1s,es
S.พหูพจน์ + V.1 เฉยๆ
เช่น

ประโยคคำถำม Does + S.เอกพจน์ + V.inf ?
Do + S.พหูพจน์ + V.inf.?
เช่น
เวลำตอบ Yes, S.พหูพจน์ do./ No, S.พหูพจน์ don’t.
Yes, S.เอกพจน์ does. /No, S.เอกพจน์ doesn’t
เช่น
ประโยคปฏิเสธ S.เอกพจน์ + doesn’t +V.inf.
S.พหูพจน์ + don’t +V.inf.
เช่น
กฎการเติม s/es
1.กริยำที่ลงท้ำยด้วย s, ss, sh, ch, x, o และ z ให้เติม es
2.กริยำที่ลงท้ำยด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็ น i ก่อน แล้วค่อยเติม es
3.กริยำที่ลงท้ำยด้วย y แต่ หน้ำ y เป็ นสระ (a e i o u ) เติม s ได้เลย
****เอกพจน์มันเหงา เรามี s เป็ นเพื่อน ถ้าจะเดา

แล้วประธานเป็ นเอกพจน์ เดากริยาทีเ่ ติม s ไว้ก่อน****
ข้อควรระวัง!!! ต้องดูประธำนให้ดี ถ้ำประธำนเป็ นเอกพจน์ กริยำต้อง เติม s,es ด้วยนะจ๊ะ

เมื่อเป็ นประโยคคำถำมและปฏิเสธ ให้ใช้ Do,Does มำช่วย
จาไว้ ที่ใด ไม่มี V. To be ที่น่นั ย่อม ไม่มี V. To be มัน จะอยู่ ๆ โผล่ ม ำไม่ ไ ด้ แต่
ถ้ำที่ใดไม่มีกริยำช่วย V. To do พร้อมช่วยเสมอ
1. James (read) reads newspaper every morning.
2. I (have) have my hair cut whenever it goes too long.
3. Mary and her brother (speak) speak French very fluently.
4. The earth (move) moves round the sun.
5. His family (come) comes from Australia.
6. We all (study) study .mathematics every day.
7. She cooks very well but her sister (cook) cooks much better.
8. They always (play) play tennis after school.
9. She never (cross) crosses the street without looking.
10. They usually (relax) relax .after game.

ลองอีกนิด
1. My aunt in Denmark.
a. live b. lives c. lived d. living
2. Sarah to the movies twice a month.

a. go b. goes c. went d. is going
3. she reading a comic book ?

a. Do, like b. Do, likes c. Does, like d. Does,likes
4. Sack is a vegetarian. He eat any meat.

a. isn’t b.aren’t c. doesn’t d.don’t
5. Her baby always in the afternoon.

a. cry b.crys c. cries d.is crying
6. My older brother usually to see the movie on Saturdays.

a. goes b. going c. went d. go
7. A : you believe in God ?

a. Are b. Is c. Does d. Do
8. A : Are you all right ?

B:
a. Yes, I am. b.Yes, you are. C. No, you aren’t. d.No, she isn’t.
9. He in class.
a. sleepy often is b. is sleepy often c. is often sleepy d. often is sleepy
10. Ounnoy an English teacher. She us on Mondays.

a. is, teach b. is, teaches c. are, teach d. are, teaches

2 Present Continuous
1.ใช้พดู ถึงสิ่งที่กำลัง เกิดขึน้ อยู่ในขณะที่พดู เช่น now, at the moment

2.ประโยคที่ขนึ ้ ต้นด้วย เครื่องหมำยตกใจ เช่น Look! Listen! Hurry up!
วิธีจา เห็น Now ก็ตอ้ งเห็น V.ing แต่ถำ้ เห็น ing ต้องเห็น is am are
Keywords : now, right now, at the moment, at this moment, Look!,Listen, Hurry up!
โครงสร้าง :
ประโยคบอกเล่ำ S.เอกพจน์ + is + V.ing
S.พหูพจน์ + are+ V.ing
I + am + V.ing
เช่น
ประโยคคำถำม Is + S.เอกพจน์ + V.ing?
Are+ S.พหูพจน์ + V.ing.?
Am + I + V.ing?
เช่น
เวลำตอบ Yes, S.พหูพจน์ are./ No, S.พหูพจน์ aren’t.
Yes, S.เอกพจน์ is. /No, S.เอกพจน์ isn’t.
เช่น
ประโยคปฏิเสธ S.เอกพจน์ +isn’t +V.ing.
S.พหูพจน์ +aren’t + V.ing.
I + am + not + V.ing.
เช่น
** ระวังกริยาทีแ่ สดงความรู้สึก ความรู้ ความชอบ เป็ นเจ้าของ ความต้องการ ซึ่งเป็ นกริยาทีไ่ ม่แสดง
ถึงการกระทา จะไม่เติม -ing เช่น love want belong know ***

1. Jackson isn't a Canadian. I he comes from France.
A. believe B. believes C.am believing D. believed
2. Look! Jin into the water.

A. jumps B. jump C. is jumping D.jumped
3. I you're crazy!
A. think B. am thinking C. thinks D. is thinking
4. Don't give J-Hope any cheese. He it!

A. hates B. hate C. is hating D. is hateing
5. I to Toronto next Thursday. Do you want to come ?

A. go B. goes c.went d. am going
6. Twice a week, I to an art class at the college.

A. go B. am going c.goes d.gone
7. I lunch in the cafeteria every Tuesday.

A. am having B. has c. am haveing d. have
8. Lisa is rich — she a Mercedes.

A. drive B. is driving C. drives d.driven
9. You won't find Jay-B at home right now. He in the library.

A. studies B.study C. is studying d. are studying
10. It quite hard — perhaps we shouldn't go out tonight.

A. rains B. is raining C.raining d.rain
11. I a letter now.

A. write B.writes C. am writing D.written

12. IU .in the garden at the moment.
A. is singing B. sings C.sing D.sang
13. Rosé to bed at 10 o'clock on weekdays.

A. goes B. is going C.are going D.gone
14. I am at school now. I English.

A. learn B. am learning C.learns D.are learning
15. We our friends very often.

A. are seeing B. see C.sees D.seen
16. My brothers basketball every Saturday.

A. plays B.are playing C. play D.is playing
17. The bus sometimes in the morning.

A. is arriving B. arrive C. arrives D. are arriving
18. Look! Jimin is

A. dances B. dance C. is dancing D. are dancing
19. Lions in Africa.

A. are living B. live C. is living D. lives
20. Hurry up! Our train the platform.

A. leaves B. leave C. is leaving D. are leaving

3 Present Perfect
1.ใช้กบั เหตุกำรณ์ท่เี กิดขึน้ ตัง้ แต่อดีตและทำเรื่อยมำจนถึงปัจจุบนั

Key word : since = ตัง้ แต่ (บอกจุดเริ่มต้นของเวลำ) for = เป็ นเวลำ (บอกระยะรวมของเวลำ) , recently,
lately เมื่อไม่นำนมำนี ้ so far จนถึงตอนนี ้
2.ใช้กบั เหตุกำรณ์ท่ี เพิ่งจบลง
Keyword : just เพิ่งจะ yet ยัง(ใช้กบั ประโยคคำถำมและปฏิเสธ) already เรียบร้อยแล้ว
3.ใช้กบั เหตุกำรณ์ท่เี คยเกิดหรือไม่เคยเกิดในอดีต โดยที่ ไม่ได้ระบุเวลำที่แน่นอน
Keyword : never, ever
4.ใช้กบั สิ่งที่ กระทำหลำยๆครัง้ ในอดีต โดยไม่ระบุเวลำที่ทำ แต่บอกว่ำทำมำแล้วกี่ครัง้
Keyword : many times, several times, three times, ……times
5.ใช้ถำมถึงเหตุกำรณ์ท่เี คยทำมัย้ ในชีวิตนี ้ Have you ever ….?
ประโยคบอกเล่ำ S.เอกพจน์ + has + V.3
S.พหูพจน์ + have + V.3
เช่น
ประโยคคำถำม Has + S.เอกพจน์ + V.3?
Have + S.พหูพจน์ + V.3?
เช่น
เวลำตอบ Yes, S.พหูพจน์ have./ No, S.พหูพจน์ haven’t..
Yes, S.เอกพจน์ has. /No, S.เอกพจน์ hasn’t.
ประโยคปฏิเสธ S.เอกพจน์ +hasn’t +V.3
S.พหูพจน์ +haven’t + V.3
เช่น
วิธีจา ขีโ้ ม้ ขีอ้ วด ขีเ้ ผือก พึ่งจบลง

1. She in America since 2004.
a. lived b. has lived c. is living
2. I him for ages.

a. see b. haven’t saw c. haven't seen
3. She a teacher.
a. is b. has been c. is being
4. We here for ten years.

a. works b. are working c. have worked
5. Hev a lot of problems recently.

a. have b. had c. has had
6. She as a secretary.
a. works b. has worked c. have worked
7. Yugyeom to Thailand many times.

a. has been b. comes c. is coming
8. Look! Our bus

a. have came b. is coming c. have come
9. I think I you before.

a.have meted b. have met c. am meeting
10. you ever to Korea ?

a. Have, been b. Do, be C. Have, are

4 Present Perfect Continuous
1.ใช้กบั เหตุกำรณ์ท่กี ระทำอย่ำงต่อเนื่อง ตัง้ แต่อดีตเรื่อยมำจนถึงปัจจุบนั โดยเน้นว่ำกำร

กระทำนัน้ ๆ ยังดำเนินอยู่ และเน้น ควำมต่อเนื่อง มักจะใช้กบั กริยำที่ทำต่อเนื่องได้ เช่น wait,
work, study
เช่น
I have been waiting for two hours. = รอมำต่อเนื่อง 2 ชม และก็ยงั รอต่อไป
2.ใช้กบั เหตุกำรณ์ท่พี ่งึ จบลง แต่ผลของกำรกระทำ ยังมีให้เห็นชัดเจนอยู่
เช่น
A : Your hands are dirty. What have you been doing?
B : I have been fixing my bike.
ประโยคบอกเล่ำ S.เอกพจน์ + has + been +V.ing
S.พหูพจน์ + have + been + V.ing.
เช่น
ประโยคคำถำม Has + S.เอกพจน์ + been + V.ing?
Have + S.พหูพจน์ + been + Ving.?
เช่น
เวลำตอบ Yes, S.พหูพจน์ have./ No, S.พหูพจน์ haven’t.
Yes, S.เอกพจน์ has. /No, S.เอกพจน์ hasn’t.
ประโยคปฏิเสธ S.เอกพจน์ +hasn’t +been +V.ing.
S.พหูพจน์ +haven’t + been + V.ing.
เช่น
วิธีจา ทำมำเรื่อยๆ เหนื่อยก็ไม่พกั

1. I the book you lent me.
a.have already read b.was already read c.'ve been already reading
2. Bruce tennis since 10 o’clock. He must be really tired.

a.has been playing b.is playing c. played
3. I’m taking my sister out as she any sun for a long time.
A) hasn’t had B) haven’t had C) will have D) don’t have
4. He ill for three months already.

A. was b.is c.has been d.is being
5. I usually a blouse and jeans at home.

A. am wearing B.have worn
C.wear D. have been wearing.
6. Look! The dog your food.

A. steals B.is stealing C.has been stolen D.has stole
7. The sun in the East and in the West.

A. sets/rises B. goes/rises C. set/rise D. rises/sets
8. I all my work .I am free now.

A. do B. have done C. am doing D.had done
9. She at school since 2011.

A. teach B. has been teaching C. was teaching D. have taught
10. I Paul since Christmas.

A. don’t see B. haven’t seen C. wasn’t seen D. won’t see

11. We don’t like him because he always lies.
A. has been telling. B. tells C. has told D.is telling
12. Don’t enter the room. Our boss a meeting.

A. has B.has have C. is having D. had
13. Samuel says he’s 25 years old, but nobody him.

A. believes B. is believing C. have believe D. don’t believe
14. We can’t disturb him now. He .

A. is working B. works C. has worked D. work
15. We many things already.

A. learns B. have learned C. are learning D. will learn
5 Past Simple
1.ใช้กบั เหตุกำรณ์ท่ี เกิดแล้วและจบแล้วในอดีต
2.ใช้กบั เหตุกำรณ์ท่ี เกิดขึน้ ประจำ หรือเป็ นนิสยั ในอดีต
Keywords : yesterday, last …., …ago, this morning, when I was young, when I was ….
ประโยคบอกเล่ำ S. + V.2
เช่น
ประโยคคำถำม Did + S. + V.inf?
เช่น
เวลำตอบ Yes, S.+ did. / No, S.+ didn’t.
ประโยคปฏิเสธ S. + didn’t + V.inf.
เช่น
*** ถ้าใช้ v. คือ was/were จะไม่ต้องใช้ did มาช่วยนะ ถามและปฏิเสธเองได้เลย***
วิธีจา ใช่ซิ เรื่องของเรำ มันเป็ น past simple ไปแล้ว

1. He brush his teeth yesterday evening.
a. didn't brush b.was brushed
c.didn't brushed d.wasn't brush
2. My mother didn't to the work because she was ill.

a.went b.going c. go d.goed
3. He had an accident two weeks .

a.since b. ago c.at the moment d. now
4. My uncle his arm while he was playing football.

a.broken b.break c. breaks d. broke
5. Emma me several letters last year.

a.writes b. wrote c.writing d.write
6. Why you this hat? It looks bad.

a.were / buy b.was / buy c. did / buy d.did / bought
7. How much money you in the market ?

a.were / spent b. did / spend c.did / spent d.were / spend
8. His father his car in front of our house.

a. washed b.washes c.did wash d.was wash
9. I my sister with her homework last night.

a.help b.was help c.was helped d. helped
10. Who this window ?

a. broke b.did broke c.did break d.was break

6 Past Continuous
1.ใช้พดู ถึงสิ่งที่ กำลังเกิดขึน้ อยู่ ณ จุดเวลำหนึ่งในอดีต โดยมีคำบอกเวลำ ระบุชชี ้ ดั
Keyword : at this time yesterday, at 10 o’clock last night
2.ใช้เมื่อมีเหตุกำรณ์ 2 เหตุกำรณ์เกิดขึน้ ในอดีต โดยเหตุกำรณ์ท่ี เกิดก่อนดำเนิดอยู่ก่อน ใช้
past con เหตุกำรณ์ท่ี เกิดแทรก หรือ ขัดจังหวะ ใช้ past sim
Keywords : while, as, when
วิธีจา เกิดก่อนใช้ past con เกิดแทรกใช้ past sim sim แทรก sim แทรก sim เกิดแทรก
3.ใช้เมื่อเหตุกำรณ์ 2 เหตุกำรณ์ ดำเนินไปพร้อมๆกันในอดีต เกิดแบบคู่ขนำนกันไป
Keywords : while, as
วิธีจา ต่ำงคนต่ำงทำ
ประโยคบอกเล่ำ S.เอกพจน์ + was + V.ing
S.พหูพจน์ + were + V.ing
I + was + V.ing
เช่น
ประโยคคำถำม Was + S.เอกพจน์ + V.ing?
Were+ S.พหูพจน์ + V.ing.?
Was + I + V.ing?
เช่น
เวลำตอบ Yes, S.พหูพจน์ were./ No, S.พหูพจน์ weren’t.
Yes, S.เอกพจน์ was. /No, S.เอกพจน์ wasn’t.
Yes, I was./ No, I wasn’t..
ประโยคปฏิเสธ S.เอกพจน์ + wasn’t + V.ing
S.พหูพจน์ + weren’t+ V.ing
I + wasn’t + V.ing
เช่น

1. Sylvia when she the DVDs.
a.was running / dropped b.ran / dropped
c.was running / was dropping d.ran / was dropping
2. While Steve a documentary, he asleep.

a.was watched / fell b. was watching / fell
c.watched / was falling d.was watching / felt
3. They when you for remote control.

a.aren't listening / were asking b.weren't listening / were asking
c. weren't listening / asked d.listened / asked
4. you anything when I you ?

a.Are / doing / called b.Were / doing / calling
c.Did / do / was calling d. Were / doing / called
5. you my friends while you to school ?

a.Are / see / went b. Did / see / were going
c.Did / saw / were going d.Were / see / went
6. We home when the accident .

a. were driving / happened b.drove / happened
c.drove / was happening d.were drive / happened
7. I a novel while my mother .

a.was read / was cooking b.read / cooked
c. was reading / was cooking d.was reading / cooks
8. I out of the window when the accident happened.

a.was looked b.looked c.looking d. was looking
9. You while I .
a.played / study b.were playing / studying
c. were playing / was studying d.were played / was studying

10. He when his father came home.
a.were doing b. was doing c.did d.did do
7 Past Perfect
1.ใช้กบั เหตุกำรณ์ 2 เหตุกำรณ์ท่เี กิดและจบลงแล้วในอดีต โดยเหตุกำรณ์ท่เี กิดก่อนจบก่อน ใช้ past
perfect เหตุกำรณ์ท่เี กิดตำมมำภำยหลังใช้ past simple
Keywords : before, after, already, when, by the time …,until
The thief had already left before the police arrived.
2.ใช้กบั เหตุกำรณ์ท่เี กิดขึน้ ตัง้ แต่อดีต และทำเรื่อยมำจนถึงจุดเวลำหนึ่งในอดีต
( คล้ำยๆกับ present perfect )
Keyword : until
เช่น I had never loved anyone until I met you last year.
ประโยคบอกเล่ำ S. + had + V.3
เช่น
ประโยคคำถำม Had + S. + V.3?
เช่น
เวลำตอบ Yes, S. +had./ No, S.+hadn’t.
ประโยคปฏิเสธ S. +hadn’t +V.3
เช่น
วิธีจา อดีต ของ อดีต

1. I was sure that I the place before.
a.seen b.had seen c.have seen d.had saw
2. I needed to know what to my car.

a.happened b.has happened c.had happened d.happens
3. The film by the time we got to the cinema.

a.started b.had start c.has started d.had started
4. Lynne left the restaurant after she ___________________ eating.

a.finished b.had finish c.had finished d.has finished
5. I went to bed after I off the television.

a.had switched b.has switched c.switched d.had switch
6. We the car for five years when we sold it.

a. had had b.had have c.had d.have had
7. By the time we got there, he .

a.have left b.had left c.has left d.Left
8. When I came round in the hospital, I realized I the car.

a.had crashed b.has crashed c.crashed d.have crashed
9. If I to University, I would have studied computers.

a.have gone b.go c.had went d.had gone
10. After I my homework, I watched the TV.

a.done b.had did c.have done d.had done
11. I was very late. When I arrived, the conference .

a.was already starting b.started c.had already started

12. When he heard the police knocking on the door, he under the bed.
a.hid b.had hidden c.was hiding
13. The police arrested him because he a gun.

a.carried b.was carrying c.had carried
14. When they arrived at the police station, he said that he anything wrong.
a.didn't do b.wasn't doing c.hadn't done
15. When he said that he loved me, I knew that he .

a.lied b. was lying c.had lied
16. I looked at him and I knew he in a fight, because he had a black eye.
a.was b.was being c. had been
17. He pulled out a gun and everybody away.

a. ran b.was running c.had run
18. When I was a child, we anywhere at weekends; it was boring.

a. never went b.were never going c.had never gone
19. When he retired he in the company for more than 50 years.

a.was b.was being c. had been
20. I to the road and we crashed.

a.didn't pay attention b. wasn't paying attention c.hadn't paid attention

8 Future Simple
1.ใช้กบั กำรตัดสินใจว่ำจะทำ ในขณะที่พดู ไม่ได้ มีกำรวำงแผนมำก่อน

2.ใช้กบั กำร เสนอตัวว่ำจะช่วยใคร เช่น Your bags look heavy. I will help you carry them.
3.ใช้กบั กำร คำดคะเน ว่ำจะมีบำงอย่ำงเกิดขึน้ เช่น I think it will rain tomorrow.
4.ใช้กบั คำมั่นสัญญำ เช่น I promise I will call you tonight.
Keyword : tomorrow, next …., soon, shortly, later
ประโยคบอกเล่ำ S. + will+V.inf.
เช่น
ประโยคคำถำม Will + S. + V.inf.?
เช่น
เวลำตอบ Yes, S. + will./ No, S. + won’t.
ประโยคปฏิเสธ S. + won’t +V.inf.
เช่น
วิธีจา ว่ำจะทำแต่ก็ยงั ไม่ชวั ร์
***ถ้าบอกว่าเราจะทาบางอย่าง หลังจากเราทาอีกสิ่งนึงจบ จะใช้ Future simple กับ present simple

เช่น I will call you when I get home. ***

1. People will on the moon in the future.
a.living b. live c.are live d.be live
2. I return the book after I read it.

a. will b.am c.not d.going to
3. Tom at eight tomorrow morning.

a.will arrives b.arrives c.will going to arrive d. will arrive
4. When Tom arrives we a party.

a.will has b.have c.are going to has d. will have
5. A: This letter is in French, and I don't know French. Can you help me? B: Sure, I it
for you.
a.am going to translate b.won't translate c. will translate d.am translate
6. A: Can you give Ann a message for me? B: Sure, Probably I him at the
meeting this evening.
a. will see b.am going to see c.saw d.am seeing
7. I am not sure but It tomorrow.

a.is going to rain b.will rains c.will going to rain d. will rain
8. Nobody recognize you in that wig.

a.are going to b. will c.won't d.isn't go to
9. Choose the correct sentence.

a.He will comes tomorrow. b. They will do it for me.
c.He wills be at the meeting. d.Where will you be yesterday?
10. She will right here until Jessica comes.

a. wait b.waiting c.waits d,not waiting

แต่!! ถ้ำพูดถึงสิ่งที่ตงั้ ใจ มีกำรคิดไว้แล้ว หรือเห็นหลักฐำนแน่ชดั ว่ำสิ่งนัน้ ๆจะเกิดขึน้ จะใช้โครงสร้ำง
S. + is,am,are +going to +V.inf
เช่น Look at those black clouds! It’s going to rain.
9 Future Perfect
1.ใช้กบั เหตุกำรณ์ท่ีคำดว่ำ จะทำสำเร็จแล้ว ณ จุดเวลำหนึ่งใน อนำคต

Keywords : by ตำมด้วยเวลำในอนำคต เช่น by the end of this year, by next week
เช่น I will have already finished my project by the end of this month.
2.ใช้กบั กำรคำดกำรณ์ว่ำ เหตุกำรณ์บำงอย่ำงคง เกิดขึน้ ไปแล้ว เมื่อ อีกเหตุกำรณ์นึงเกิดขึน้
เหตุกำรณ์เกิดก่อนใช้ Future perfect เหตุกำรณ์เกิดทีหลังใช้ present simple
เช่น He will have arrived at the airport when we get there.
ประโยคบอกเล่ำ S. + will+ have +V.3
เช่น
ประโยคคำถำม Will + S. + have+V.3
เช่น
เวลำตอบ Yes, S. +will./ No, S.+won’t.
ประโยคปฏิเสธ S. +won’t +have+V.3
เช่น
วิธีจา จะทำเสร็จแล้วในอนำคต

1. Look at that cloud! We a thunderstorm.
a. had b. have had
c. are going to have d. had had
2. By next August, I here for a whole year.

a. have been working b. will work
c. will have worked d. am working
3. I it to him when he comes back.

a. am explaining b. will explain
c. had explained d. was explaining
4. By this time tomorrow, Ampon London.

a. will reach b. has reached
c. had reached d. will have reached
5. After the children go to school, I the house.

a. will clean b. had cleaned c. was cleaning d. have cleaned
6. By next Sunday ,I your report.

a. will finish b. have finished c. will have finished d. am finishing
7. I have decided. I in London next year.

a. will study b. will have been studying
c. am going to study d. had studied
8. When I leave London next month, I here almost a year.

a. have studied b. will be studying c. will have studied d. will study
9. We will stay in Hawaii for a week, and then we Los Angles.

a. will visit b. have visited c. visited d. visit

10. By the end of this year, we how to paint on clothes.
a. will learn b. are going to learn
c. have been learning d. will have learned
11. By next month, he all his furniture.

a. have sold b. will have sold c. will sell d. is going to sell
12. I can't see you tomorrow. I the dentist.

a. saw b. was going to see c. have seen d. am going to see
13. When I see him, I him your message.

a. will have been giving b. will give
c. had given d. have given
14. By the time Jim returns, Jack all his homework.

a. will finish b. finished c. will have finished d. finishes
15. Take this medicine. You better soon.

a. will feel b. have felt c. are feeling d. feel

ลองทาดูหน่อย รวม Tenses
1. Pro May a famous golf player.

a. be b. is c. am d. are
2. My mother a new house last month.

a. buy b. buys c. bought d. is buying
3. Mary work on Saturdays.

a. isn’t b. doesn’t c. don’t d. aren’t
4. A lazy girl do her homework.

a. isn’t b. aren’t c. doesn’t d. don’t
5. She doesn’t a bicycle to school every day.

a. ride b. rides c. rode d. ridden
6. Miss Beggi to me every weekend.

a. write b. writes c. wrote d. will write
7. Jinyoung and Mark you at home tomorrow.

a. will meet b. will have met c. is meeting d. met
8. Bangkok in Thailand.
a. is b. am c. are d. was
9. What time the bank in Thailand?

a. does , closes b. does , close c. do , closes d. do , closes
10. By the time we , the show

a. will arrive, will already start b. arrive, will have already started
c. arrived, will started d. will have arrived, already starts

11. Ann German very well.
a. speak b. speaks c. spoke d. will speak
12. We usually dinner at 8 o’clock last year.

a. eat b. eats c. ate d. eaten
13. Suda : Where were you yesterday afternoon? I you but you weren’t at home.
Nisa : I at the hospital. My mother was sick.
a. called , was b. calls , was c. called , were d. calls , were
14. Santi his motorcycle every day.

a. wash b. washes c. washed d. will wash
15. Suda : What are you going to do tomorrow?

Wira : I am going to television.
a. watches b. watched c. watch d. watching
16. My team football yesterday because it rained a lot.

a. doesn’t play b. don’t play c. won’t play d. didn’t play
17. John will here tonight.

a. arrive b. arrives c. arrived d. arriving
18. Somsak a new car last year.

a. don’t buy b. doesn’t buys c. didn’t buy d. isn’t buy
19. While I , my sister .

a. was reading, is sleeping b. read, was sleeping
c. have read, sleeps d. was reading, sleeps
20. When my father in Bangkok, he in a bank.

a. lives , works b. lives , worked c. lived , works d. lived , worked

กริยาช่วยในตานาน!!! หากจาได้ ตัดช้อยส์ได้นะ
+ v.ing = continuous
(V.to be) is am are was were
+ V.3 = passive
(V. To have) have has had + V.3 = Perfect
do does did (ไม่แปล)

will would (จะ) shall should (ควรจะ)
can could (สำมำรถ) may might (อำจจะ)
must (ต้อง) have to has to had to (จำเป็ นต้อง)
ought to (ควรจะ) used to (เคย) V.infinitive (กริยำรูปรำก)
need to (จำเป็ นต้อง) dare to (กล้ำที่จะ)
had better (ควรจะ) would rather (อยำกจะ)
be able to (สำมำรถ) be going to (กำลังจะ)
be about to (กำลังจะ)
*** หำกเจอกริยำช่วยเหล่ำนี ้ เรำต้องดูในช้อยส์ เพรำะหลำยครัง้ ช้อยส์จะมีขอ้ ที่ไม่สอดคล้องกับคุณสมบัติ จะ

ทำให้เรำตัดทิง้ ได้เลย ***

Active Voice
Active Voice vsVoicePassive
vs Passive Voice
***ออกสอบบ่อย***
Active Voice Passive Voice
ประโยคที่ประธำนเป็ นผูแ้ สดง ประโยคที่ประธำนเป็ นผูถ้ กู กระทำ
กริยำเอง
โครงสร้ำง ทั่วไป โครงสร้ำงมี V. To be + V.3

Tense จะแสดงอยู่ท่ี V. To be โดย V. To be จะแปลว่ำ ถูก
ประธำนมักเป็ นสิ่งของ หรือสถำนที่ ที่ไม่สำมำรถแสดงกริยำเองได้ หรือ

อำจเป็ นคนที่ถกู กระทำ
เช่น The dog bit me. เช่น I was bitten by a dog.
Passive ทีเ่ จอบ่อยคือ

1.Present Simple โครงสร้ำง S. + is/am/are + V.3
เช่น Homework is done by students every day.
2.Past Simple โครงสร้ำง S. + was/were + V.3
เช่น This building was built in 1805.

1. Their house every year.

a.is painting b.was painted c.is painted d. has been painted
2. People bananas in India.

a.grown b.are grown c. grow d.were grown
3. Thousands of cars every year.

a.are produced b. producing c.produced d.were produced
4. Our house by solar power.

a. heats b.is heating c.is heated d.was heat
5. I am sorry, I can't come with you. No one me to that party.

a.don't invite b.are invited c. invites d.invite
6. Some of my books by my friends.

a.are borrowing b.were borrowed c.were borrow d. borrowed
7. A huge amount of money for that house.

a. was paid b.pays c.paid d.were paid
8. William Shakespeare as the one of the greatest writers in English literature history.
a.is known b.knew c.was knew d. has known
9. Mona Lisa by Leonardo Da Vinci many years ago.

a. painted b.is painted c.paints d.was painted
10. Wine from grapes.

a. makes b.is maked c.is made d.made

If-Clause ประโยคแสดงเงื ่ นไข
อ
If แปลว่ำ ถ้ำ ประโยคนีจ้ ะใช้ในกำรแสดงเงื่อนไขว่ำ ถ้ำเกิดเหตุนี ้ ผลจะเป็ นเช่นนัน้ เช่นนี ้
If ที่ออกสอบ จะมี 3 แบบ ดังนี ้

1.ใช้กบั สิ่งที่สำมำรถเป็ นจริงในอนำคตหรือมีแนวโน้มจะเกิดขึน้ ได้
โครงสร้ำง จำง่ำยๆ
If+S.+V.1, S.+will+V.inf.
เช่น If you study hard, you will pass the test.

**will อำจเปลี่ยนเป็ น can, may ได้นะ**
2.ใช้กบั สิ่งที่ไม่เป็ นจริงในปัจจุบนั เป็ นกำรสมมติ มันเป็ นไปไม่ได้ ณ ตอนนี ้

S.+V.2, S.+would+V.inf
เช่น If I were you, I would tell him the truth.

***ไม่ว่าประธานจะเป็ นใคร หากต้องใช้ V.to be จะเป็ นรู ป were เท่านั้น***
**would อำจเปลี่ยนเป็ น could,might,should ได้นะ**
3.ใช้กบั สิ่งที่ไม่มีวนั เป็ นจริงในอดีต สิ่งที่ตรงข้ำมกับอดีต กำรสมมติในอดีตอยำกกลับไปเปลี่ยนอดีต

If+S.+had+V.3, S.+would+have+V.3
เช่น If I had studied harder, I would have passed the test.

**would อำจเปลี่ยนเป็ น could, might, should ได้นะ**
โปรดระวัง!! ส่วนของ if สำมำรถย้ำยที่ได้ สำมำรถย้ำยไปอยู่สว่ นท้ำยได้เช่นกัน

วิธจี า!!
If S. V.1 คู่กบั will
V.2 คู่กบั would
Had + V.3 คู่กบั would have V.3

1. You better if you'd tried harder.

a.had b.had done c.would do d.would have done
2. They next week if you write them an official letter of invitation.

a.come b.have come c.will come d.would have come
3. He into hospital if his illness any worse.

a.will have gone , gets b.will have to go , gets
c.would have to go ,will get d.will have to go , will get
4. If you shopping , please buy me some cards.

a.go b.will go c.went d.has gone
5. Ice melts if we it.

a.will warm b.would warm c.warm d.warmed
6. You wouldn't be so tired if you so hard.

a.don't work b.won't work c.hadn't worked d.didn't work
7. If I , I will tell her the truth.

a.meet b.met c.have met d.will meet
8. If you finish your work today, we .

a.celebrate b.would celebrate c.celebrated d.will celebrate
9. He if he'd had more time.

a.could have come b.will have come c.could come d.were to come
10. If I rich, I would buy a new house.

a.were b.had been c.has been d.am

Question Tag
Question Tag
คือ คำถำมอย่ำงย่อ โดยเอำไว้ใส่ทำ้ ยประโยค

1.ข้ำงหน้ำเป็ นประโยคบอกเล่ำ แท็กเป็ นปฏิเสธ = ประโยค, กริยำช่วย n’t + สรรพนำม
เช่น She is a teacher, isn’t she?
She can swim, can’t she?
She likes pizza, doesn’t she?
2.ข้ำงหน้ำเป็ นประโยคปฏิเสธ แท็กเป็ นบอกเล่ำ= ประโยคปฏิเสธ, กริยำช่วย +สรรพนำม
เช่น She can’t swim, can she?
You aren’t going, are you?
She didn’t do it, did she?
วิธีจา ถ้ำข้ำงหน้ำเป็ นบอกเล่ำ ข้ำงหลังเป็ นปฏิเสธ ถ้ำข้ำงหน้ำเป็ นปฏิเสธ ข้ำงหลังเป็ นบอกเล่ำ อะกริยำช่วย
ตำมด้วยสรรพนำม
1. Linda has gotten in touch with you, ?

a. doesn’t she b. does Linda c. hasn’t she d.didn’t she
2. Paul always comes to class on time, ?

a. doesn’t he b. does he c. did he d.isn’t he
3. Your dog barked last night, ?

a. didn’t they b. isn’t it c. doesn’t it d. didn’t it
4. Let’s go to the beach, ?

a. let we b.don’t we c. shall we d.can’t you
5. You haven’t lived here long, ?

a. did you b. didn’t you c. haven’t you d. have you
6. You didn’t do it, ?
a. did you b.didn’t you c.don’t you d.do you
7. BamBam went to Paris yesterday, ?

a. didn’t Bam b. did Bam c. didn’t he d.did he
8. I’m very late , ?

a.will you b.amn’t I c. aren’t I d.am I
9. You like Got7, ?

a.do you b. Don’t you c.aren’t you d.haven’t you
10. These burgers look good, ?

a. don’t they b. don’t these c. doesn’t it d.do they

Gerund and Infinitive
Gerund and Infinitive
กลุ่มกริยาบางคา ต้องตามด้วย Gerund (V.ing.)
เช่น
admit (ยอมรับ) appreciate (ซำบซึง้ )
avoid (หลีกเลี่ยง) can’t stand (ไม่อำจทนต่อกำรทำบำงสิ่งได้)
continue (ทำต่อไป) delay (ทำช้ำ)
deny (ปฏิเสธ) postpone (เลื่อน)
can’t help (อดไม่ได้ท่จี ะ) consider (พิจำรณำ)
finish (เสร็จ) suggest (แนะนำ)
keep (ทำต่อไป) mind (รังเกียจ)
practice (ฝึ กฝน) quit (เลิก)
enjoy (เพลิดเพลิน) imagine (จินตนำกำร)
prefer (ชื่นชอบ) risk (เสี่ยง)
เช่น I enjoy eating. / He finished doing his work.
กลุ่มกริยาบางคา ต้องตามด้วย to infinitive (to +V.รู ปราก)

เช่น
agree (เห็นด้วย) arrange (จัดแจง) begin (เริ่ม) choose (เลือก)
decide (ตัดสินใจ) fail (ล้มเหลว) forget (ลืมที่จะ) help (ช่วยเหลือ)
hope (หวังว่ำ) learn (เรียน) like (ชอบ) love (รัก)
manage (จัดกำร) need (ต้องกำร) offer (เสนอ) plan (วำงแผน)
promise (สัญญำ) refuse (ปฏิเสธ) remember (จำได้ว่ำจะ) start (เริ่ม)
try(พยำยำม) want (ต้องกำร)
เช่น We agree to go together.

We have decided to stay here longer.

1. My friend really enjoys books and magazines.

a.to read b. reading
2. Our boss allows us late.

a. to come b.coming
3. Someone expects you. You should go outside.

a. to see b. seeing c.sees
4. I love a cup of tea in the early afternoon.

a. to drink b. drink c.drinks
5. Thomas usually TV after he gets home from school.

a. watches b. to watch c.watching
6. I can’t afford a new house.

a. buy b.to buy c.buying
7. I can’t stand this movie!

a) to watch b.watches c.watching
8. (A) Would you like more food? (B) No, thanks.

a. eating b. to eating c. to eat
9. I avoid him.
a.to see b.seeing c.saw
10. Steven doesn’t want , so he usually takes a bus to work.

a. to drive b.driving c.drives

11. I like , but unfortunately I’m not very good at it.
a. to cook b. cook c. cooks
12. I hope at the beach.

a. to swimming b. to swim c. swimming
13. Jennifer has planned her friend in San Francisco next week.
a. to visit b. visits c. visiting
14. I one or two cups of coffee every morning.

a. to drink b. drinking c. drink
15. (A) Do you every day ? (B) No, I don’t.

a. exercising b. exercise c.to exercise

Subject Verb Agreement
Subject Verb Agreement
คือ กำรสอดคล้องกันระหว่ำงประธำนและกริยำ ซึ่งเป็ นสิ่งที่สำคัญมำกๆๆ
1 : ประธำนเอกพจน์ อยู่ใน Present Simple Tense กริยำต้องเป็ นเอกพจน์ คือเติม s/es เช่น
Kate speaks English very well. (เคทพูดภำษำอังกฤษเก่งมำก)
ถ้ำประธำนพหูพจน์หรือหลำยคน หลำยสิ่ง กริยำต้องเป็ นพหูพจน์ดว้ ย คือ กริยำไม่ตอ้ งเติม s/es เช่น

These children live in China. (เด็ก ๆ เหล่ำนีอ้ ำศัยอยู่ในประเทศจีน)
2 : ประธำน 2 ตัว เชื่อมด้วย and ให้ถือเป็ นพหูพจน์ กริยำก็นบั เป็ นพหูพจน์ดว้ ย เช่น
Jane and I work until 7:00 p.m. every day. (เจนและฉันทำงำนจนกระทั่งถึงหนึ่งทุ่มทุกวัน)
3 : ประธำนที่มีคำขยำยหรือวลีเหล่ำนีต้ ่อท้ำย กริยำจะเป็ นเอกพจน์หรือพหูพจน์ให้ยึดประธำนหรือคำนำมที่อยู่

ข้ำงหน้ำเป็ นหลัก เช่น
along with (พร้อมด้วย) as well as (เช่นเดียวกับ, และ)
together with (พร้อมด้วย) except (ยกเว้น)
เช่น
Pim as well as her parents is going to Europe.
(พิมและพ่อแม่ของเธอกำลังจะไปยุโรป)
4 : หำกเจอโครงสร้ำง Noun prep Noun หรือ Noun of Noun คำนำมตัวแรกคือประธำน เช่น

Two boxes in the room are mine. (กล่อง 2 ใบในห้อง เป็ นของฉัน)
A box of chocolate is on the table. (ช็อคโกแลตหนึ่งกล่องอยู่บนโต๊ะ)

5: คำต่อไปนีเ้ มื่อเป็ นประธำนให้ถือเป็ นเอกพจน์ กริยำก็เป็ นเอกพจน์เสมอ เช่น
anybody everybody someone
anyone everyone somebody
anything everything something
anywhere everywhere somewhere
each + singular N. either + singular N. neither + singular N.
each of + Plural N. either of + Plural N. neither of + plural N.
Someone in the office likes you.

(บำงคนในที่ทำงำนแอบชอบคุณ)
6 : ประธำนที่เชื่อมด้วย or, either....or, neither... nor, not only......but also กริยำให้ถือตำมประธำนตัวหลัง

เช่น
Neither Nadech nor YaYa likes fish.
(ไม่ว่ำณเดชหรือญำญ่ำก็ไม่ชอบปลำ)
7 : จำไว้ว่ำ ‘There’ และ ‘Here’ ที่ขนึ ้ ต้นประโยคไม่ใช่ประธำน แต่เรำจะเจอประธำนหลังคำเหล่ำนีใ้ นประโยค

เสมอ เช่น
There are books in my bag.

(มีหนังสืออยู่ในกระเป๋ ำของฉัน : are สอดคล้องกับ books ซึ่งเป็ นประธำนของประโยค)
8 : กำรใช้วลีบอกปริมำณ มีหลักดังนี ้
8.1. วลีบอกปริมำณต่อไปนีถ้ ำ้ ตำมด้วยนำมเอกพจน์ กริยำต้องใช้เอกพจน์ ถ้ำตำมด้วยนำมพหูพจน์กริยำต้อง
ใช้พหูพจน์ เช่น
a lot of plenty of most of some of

lots of all of none of percent of

Some of my jewelry is missing.
(เครื่องประดับบำงชิน้ ของฉันหำยไป)
8.2 วลีบอกปริมำณต่อไปนี ้ เมื่อใช้กบั นำมนับไม่ได้ กริยำต้องใช้รูปเอกพจน์ตลอดไป เช่น
much a large number of

a great deal of a large amount of
a good deal of a large quantity of
A large amount of money was stolen from the bank.

(เงินจำนวนมำกถูกขโมยไปจำกธนำคำร)
9 : ประธำนที่ขนึ ้ ต้นด้วยวลีท่นี ำหน้ำด้วย to (Infinitive Phrase) หรือ gerund (V.ing) ถือว่ำเป็ นเอกพจน์ กริยำ
ต้องเป็ นรูปเอกพจน์ เช่น
To study English is fun.
Studying English is fun.
10 : ประธำนที่เป็ นจำนวนเงิน, มำตรำต่ำง ๆ และช่วงเวลำ ถือเป็ นเอกพจน์ กริยำจึงเป็ นเอกพจน์ เช่น

Twenty years is a long time to wait.
(ยี่สิบปี เป็ นเวลำที่ยำวนำนสำหรับกำรรอคอย)
11 : ชื่อหนังสือ, บทควำม, หนัง และเพลง เป็ นเอกพจน์เสมอ เช่น

Star Wars was my favorite movie as a child. (Star Wars คือหนังเรื่องโปรดของฉันตอนเด็ก ๆ)
12 : คำว่ำ one of คือ 1 ในของหลำยๆอย่ำง จะตำมด้วยนำมพหูพจน์ แต่กลับใช้กริยำเป็ นเอกพจน์ เช่น
One of my classmates is sick today.
(หนึ่งในเพื่อนร่วมชัน้ ของฉันป่ วยวันนี)้

1. Everyone (has/have) done his or her homework.
2. Each of the students (is/are) responsible for doing his or her work.
3. Either my father or my brothers (is/are) going to sell the car.
4. Neither my sisters nor my mother (is/are) going to sell the house.
5. The samples on the tray in the lab (need/needs) testing.
6. Mary and John usually (plays/play) together.
7. Both of the dogs (has/have) collars.
8. Neither the dogs nor the cat (is/are) very hungry.
9. Either the girls or the boy (walk/walks) in the evening.
10. The student, as well as his teacher, (was/were) going on the field trip.

Conversation
ข้อสอบในพำร์ทนี ้ จะมีกำรจำลองสถำนกำรณ์ต่ำงๆ เพื่อต้องกำรวัดควำมสำมำรถในกำรสนทนำใน
ชีวิตประจำวัน หรือแสดงควำมรูส้ กึ ด้วยคำพูดต่ำงๆ เช่น
• กำรสนทนำทั่วๆไป (General Conversations)
• กำรสัมภำษณ์งำน (Job interviews)
• บทสนทนำทำงโทรศัพท์ (Making a phone call)
• บทสนทนำในสนำมบิน (Conversations in the airport)
• จองที่พกั ในโรงแรม (Reserving a hotel room)
• ถำมทำง (Asking for direction)
ส่วนนีอ้ อกสอบทัง้ หมด 5 ข้อ เป็ นส่วนที่

1. เก็บคะแนนง่ำย
2. ฝึ กฝนได้จำกกำรฝึ กทำโจทย์บ่อยๆ
3. ต้องรูส้ ำนวนต่ำงๆที่ใช้ในกำรสนทนำ
4. หำควำมเชื่อมโยง หรือมองจำกโทนกำรพูด เช่น ไปในทำงบวกหรือลบ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
มาดูเทคนิคการทา และตัวอย่างข้อสอบกันเลย!!!
1. ดูสถำนกำรณ์ (Situation) เพื่อให้เรำรูว้ ่ำ สถำนกำรณ์เกิดขึน้ ที่ไหน หรือสถำกำรณ์เป็ นอย่ำงไร

เช่น Job interview (กำรสัมภำษณ์งำน) หรือ At the office (ในสำนักงำน) เป็ นต้น เรำจะได้คำดกำรณ์เนือ้ เรื่อง
ได้ และเลือกคำพูดที่เหมำะสมกับสถำนกำรณ์
2. ผูส้ นทนำคือใคร โดยดูจำกชื่อผูถ้ ำมและผูต้ อบ เพื่อดูควำมสัมพันของคนทั้งคู่ เช่น
Waiter (บริกร) และ Customer (ลูกค้ำ) ซึ่งบริกร จะต้องใช้คำถำมที่สภุ ำพ และให้เหมำะสมกับสถำนกำรณ์
3. คุยเรื่องอะไร โดยพิจำรณำจำกเนือ้ หำ เช่น ถำมถึงอำกำรเจ็บป่ วย หรือ ถำมถึง
เรื่องกำรทำงำน เพื่อจะได้เลือกคำตอบ ให้เหมำะสมกับบริบทที่สดุ
4. จับให้ได้ว่ำคุยไปในทำงใด ในเชิ ง บวกหรื อ เชิ ง ลบ เห็ น ด้ว ยหรื อ ไม่ เ ห็ น ด้ว ย โดยเรำจะเลื อ ก
คำตอบไปในทิศทำงเดียวกัน และเรำมักจะต้อง “โลกสวย” ตอบในทำงที่ดี เช่น เพื่อนบอกว่ำคุณพ่อเสียชีวิต
คำตอบจะต้องเป็ นในทำงเสียใจ ให้กำลังใจ I’m sorry to hear that. (เสียใจที่ได้ยินแบบนั้น) ไม่ควรตอบว่ำ
Congratulations! (ยินดีดว้ ย!) เพื่อนจะตีหวั เอำนะคะ

5. อย่ำสับสนว่ำใครพูดอยู่ โดยต้องเลือกคำตอบให้เหมำะสมกับบริบทของผูพ้ ูด เช่น Waiter
(บริกร) ถำม Customer (ลูกค้ำ) ว่ำต้องกำรอะไร หำกเป็ นส่วนของลูกค้ำ เรำก็อย่ำไปแย่งบทของบริกรเค้ำนะ
คะ
6. ถ้ำเป็ นส่วนคำถำม ต้องดูว่ำคู่สนทนำตอบอะไร ตอบเป็ นเวลำ สถำนที่ หรือตอบในทิศทำงใด เพื่อ
จะได้เลือกคำถำม ที่สอดคล้องกับคำตอบ ไม่ใช่คำตอบคือ For two years (เป็ นเวลำสองปี ) แต่เรำดันไปตอบ
What do you do? (คุณทำอำชีพอะไร?) มันจะโป๊ ะเอำนะ
7. ถ้ำเป็ นบทสนทนำยำวๆ เรำต้องใจเย็นๆ อ่ำนเลยไปบ้ำง เพรำะบำงครั้ง อ่ ำ นแค่ ป ระโยคถั ด ไป
อำจจะยังไม่ได้คำตอบ อำจจะต้องดูบริบทอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อมำประกอบกำรตัดสินใจ
8. วิเครำะห์ตวั เลือกให้ดี คำตอบที่ถกู ต้องมัก สุภำพ ตรงประเด็นและเชื่อมโยงกับบริบทของเรื่อง
9. ฝึ กทำโจทย์ยอ้ นหลัง กำรฝึ กทำโจทย์จะช่วยให้เรำมีประสบกำรณ์นะ
รวมประโยคบทสนทนาที่ต้องรู้ และออกข้อสอบบ่อย
ประโยคใช้ถามว่า “ สบายดีไหม ”, “ เป็ นอย่างไรบ้าง ”
• How are you?

• How are you doing?
• How do you do? (ใช้เมื่อเจอกันครัง้ แรก ผูต้ อบจะตอบกลับว่ำ How do you do? เช่นกัน
เหมือนกวน แต่ไม่ได้กวนนะ
• How are things (with you)?
• How is everything?
• How is it going?
• How is life treating you?
• How have you been? (ถำมเมื่อไม่เจอกันนำน)
• What have you been up to?
• What’s up? (ใช้กบั เพื่อนหรือคนสนิท ถ้ำไปสัมภำษณ์งำน อย่ำไปใช้เชียว)
ประโยคใช้ตอบว่า “ สบายดี ”
• I’m fine.
• I’m very well.
• Couldn’t be better. (ดีกว่ำนีไ้ ม่ได้แล้ว คือดีมำก ๆๆๆ แล้ว)
• I’m good.

ประโยคใช้ตอบว่า “ เรื่อย ๆ ”
• I’m so-so.
• As usual.
• Same as always.
ประโยคใช้ตอบว่า “ ไม่สบาย ”
• Not so good.
• I’m not well.
• I’ve been under the weather. (ไม่สบำย)
ประโยคใช้ถามว่า “ เกิดอะไรขึน้ หรอ ”

• What’s the matter?
• What happened?
• What’s wrong?
• What’s going on?
• What’s up?
• What seems to be the problem? (หมอใช้ถำมอำกำรคนไข้ เมื่อไปหำหมอ)
ประโยคใช้ “ ขอบคุณ ”
• Thank you.
• Thanks.
• Many thanks.
• I really appreciate it.
• Thanks a lot.
• That’s very kind of you.
ประโยคใช้ “ ตอบรับคำขอบคุณ ”
• You’re welcome.
• It’s my pleasure.
• My pleasure.
• Not at all.
• No problem.
• Don’t mention it.
• That’s all right.
• Anytime.
• It’s no bother.
ประโยคใช้ “ ขอโทษ ”
• I’m sorry.
• Sorry.
• I (do) apologize.
• My apologies.
• I beg your pardon.
• Excuse me.
• Pardon me.
• Forgive me.
ประโยคใช้ “ ตอบรับคาขอโทษ ”
• No problem.
• No worries.
• Don’t worry about it.
• That’s all right.
• It’s OK.
• That’s OK.
• Forget about it.
• It doesn’t matter.
• Apology accepted.
ประโยคใช้ “ ถามความคิดเห็น ”
• What do you think about….?
• What do you think of…..?
• How do/did you find…..?
• How do you feel about….?
• How do you like….?
• What are your thoughts on….?
ประโยคใช้ “ เสนอแนะ ”
• Why don’t you…..? (ทำไมคุณไม่…ล่ะ)
• If I were you I would….(ถ้ำฉันเป็ นเธอ ฉันจะ…)
• You should …. (เธอควร….)
• What about….? (แล้ว….ล่ะ)
• How about…? (….ดีมยั้ )
• May be you … (คุณอำจจะ…)
ประโยคใช้ “ แสดงความเห็นด้วย ”
• Yes.
• Right.
• Sure.
• Certainly!
• Absolutely!
• Exactly!
• Definitely!
• I agree with you!
• I couldn’t agree more!
• You can say that again! (พูดอีกก็ถกู อีก)
• You bet!
• You’re right.
• Why not! (ทำไมจะไม่ละ่ )
• Good idea!
• That sounds good.
• So do I. (หลักกำรใช้ละเอียด ดูในพำร์ทแกรมม่ำ)
• Me too.
• Neither do I. (เห็นด้วยเชิงปฏิเสธ) (หลักกำรใช้ละเอียดดูในพำร์ทแกรมม่ำ)
• I don’t either. (เห็นด้วยเชิงปฏิเสธ) (หลักกำรใช้ละเอียดดูในพำร์ทแกรมม่ำ)
ประโยคใช้ “ แสดงความไม่เห็นด้วย ”
• I don’t agree.
• I disagree.
• I don’t think so.
• No way!
• Not a chance,
• Are you joking? (ล้อเล่นปะเนี่ย?)
• Are you kidding? (ล้อเล่นปะเนี่ย?)
• Are you pulling my leg? (ล้อเล่นปะเนี่ย?)
• I couldn’t agree less.
• I think you are wrong.
• I don’t think that will work.
ประโยคใช้ “ เสนอความช่วยเหลือ ”
• Can/May/Could I help you?
• Can/May/Could I give you a hand?
• Can/May/Could I lend you a hand?
• What can I do for you?
• Do you need some help?
ประโยคใช้ “ ขอความช่วยเหลือ ”
• Can/May/Could you help me?
• Can/May/Could you give me a hand?
• Can/May/Could you lend me a hand?
• Can/Could you do me a favor?
• Can/May I ask you a favor?
ประโยค “ เชือ้ เชิญ ”

• Would you like to …. (คุณอยำกจะ…มัย้ ) (สุภำพ)
• Do you want to….(คุณต้องกำรที่จะ…มัย้ )
• Let’s….. (เรำ….กันเถอะ)
• Shall we …. (เรำ…กันมัย้ )
• Could/Can you ….( คุณช่วย…ได้มยั้ )
ประโยคตอบรับ “ คาเชือ้ เชิญ ”

• Yes, please. (ได้ค่ะ/ครับ, รับค่ะ/ครับ, สนใจค่ะ/ครับ)
• No, thanks. (ไม่เป็ นไรค่ะ/ครับ ขอบคุณมำก)
• I’d love to. หรือ I would love to. (ฉันอยำกไป,ทำ ค่ะ/ครับ)
• I’d love to but I can’t. (ฉันก็อยำกไปนะ แต่พอดีว่ำไม่ได้)
• I’m afraid I can’t. (ฉันเกรงว่ำจะไม่สำมรำถทำได้)
• Let me think about it. (ขอคิดดูก่อนนะ)
• That sounds great. (ฟั งดูดีมำกเลย)
• I’m sorry. I don’t think I can …. (ฉันขอโทษนะ ฉันไม่คิดว่ำฉันจะสำมำรถ…ได้)
ประโยคใช้ “ ถามอาชีพ ”
• What do you do?
• What are you?
• What do you do for a living?
• How do you earn your life?
• How do you make your living?
• What is your job/occupation/career?
• What sort of work do you do? (คุณทำงำนประเภทไหน)
• What line of work are you in? (คุณทำงำนในสำยงำนไหน)
ประโยคใช้ “ แสดงความเสียใจและเสียดาย ”
• I’m sorry to hear that.
• Sorry for your loss. (เสียใจกับกำรสูญเสียของคุณ)
• That’s too bad!
• That’s terrible!
• How unfortunate!
• I feel miserable.
• I feel really down.
• What a shame! (ช่ำงน่ำเสียดำย/ช่ำงน่ำสงสำร)
• It’s a shame! (ช่ำงน่ำเสียดำย/ช่ำงน่ำสงสำร)
• What a pity! (ช่ำงน่ำเสียดำย/ช่ำงน่ำสงสำร)
ประโยคใช้ “ กล่าวขอให้โชคดี ”
• Keep my fingers crossed!
• Hope you break a leg!
• Best of luck!
• Good luck!
ประโยคใช้ “ แสดงความดีใจ ”
• Congratulations!
• Well done!
• You deserve it.
• I’m glad to hear that.
• That’s terrific!
ประโยคใช้ “ ให้กาลังใจผู้อื่น ”
• Cheer up!
• Don’t worry about it!
• Come on!
• Don’t let it bother you.
• I’m always on your side.
ประโยคใช้ “ ในการสัมภาษณ์งาน ”
• Could you tell me a little about…? (รบกวนบอกนิดนึงเกี่ยวกับ…)
• Could you tell me more about…? (รบกวนช่วยบอกเพิ่มเติมเกี่ยวกับ…)
• How about your….? (แล้ว…ของคุณหละ)
• Do you have any post-graduate degrees? (คุณมีวฒ ุ ิกำรศึกษำที่สงู กว่ำปริญญำตรีมยั้ )
• How did you get here today? (คุณมำที่น่ยี งั ไงหรอวันนี)้
• What is your expected salary? (เงินเดือนที่คณ ุ ตัง้ เป้ำหมำยไว้คือเท่ำไหร่)
• I graduated from… (ฉันจบกำรศึกษำจำก…)
ประโยคใช้ “ การคุยโทรศัพท์ ”
• ABC company, may I help you? (บริษัท… มีอะไรให้ช่วยเหลือคะ)
• May I ask who is calling, please? (ขออนุญำตทรำบชื่อค่ะ)
• Hello, this is/it’s …. from ….. (สวัสดีครับ ผม…จำก….)
• Could/May/Can I speak to … please? (ขอสำยคุณ….ค่ะ)
• Hold on, please. (กรุณำถือสำยรอสักครู)่
• I will put you through. (ฉันจะโอนสำยไปให้ค่ะ)
• He/She is not available at the moment. (…ไม่ว่ำงในขณะนี)้
• Could you ask him/her to call me back? (รบกวนแจ้งให้…โทรกลับด้วยนะคะ)
• Would you like to leave a message? (คุณอยำกจะฝำกข้อควำมไว้ไหมคะ)
• Could you please take a message for me? (รบกวนคุณจดข้อควำมไว้หน่อยนะคะ)
ประโยคใช้ใน “ สนามบิน ”
• Where is the check in counter for … Airway? (ไม่ทรำบว่ำเคำท์เตอร์เช็คอินของ…อยู่ท่ี
ไหนคะ)
• Excuse me mam, what time does the plane depart?(ขอโทษนะคะ ไม่ทรำบว่ำเครื่องบิน
จะออกกี่โมงคะ)
• Would you like a window seat or aisle seat? คุณอยำกได้ท่นี ่งั ริมหน้ำต่ำง หรือริมทำงเดิน
คะ
• How many bags are you checking in? (คุณเช็คอินกระเป๋ ำกี่ใบคะ)
• The flight’s been delayed. (เที่ยวบินล่ำช้ำ)
• The flight’s been canceled. (เที่ยวบินถูกยกเลิก)
• Could I see your passport and boarding card, please? (รบกวนขอดูหนังสือเดินทำงและ
ตั๋วด้วยค่ะ)
• Here you are. (นี่ค่ะ/ครับ)
• Please fasten your seatbelt. (กรุณำรัดเข็มขัดนิรภัย)
ประโยคใช้ได้ “ ร้านอาหาร ”
• Do you have a reservation? (คุณได้จองโต๊ะไว้ไหม)
• For how many people? (ที่น่งั สำหรับกี่ท่ำนครับ)
• A table for ..(จำนวน).. ,please. (ที่น่งั สำหรับ…คน)
• Can I have a menu please? (ขอเมนูหน่อยค่ะ)
• What do you recommend? (คุณมีเมนูอะไรแนะนำมัย้ )
• Would you like to order now? (คุณพร้อมที่จะสั่งเลยมัย้ )
• What would you like to order? (คุณจะสั่งอะไรดีครับ)
• I’d like to have… (ฉันรับ…)
• How do you like your steak? (คุณอยำกให้ยำงสเต็กของคุณแบบไหน)
• Well done. (สุกๆ) Medium Rare (กึ่งดิบกึ่งสุก) Rare (ดิบๆ)
• What would you like to drink? (คุณรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ)
• Anything to drink? (รับเครื่องดื่มอะไรมัย้ )
• Would you like anything else? (รับอะไรเพิ่มเติมอีกมัย้ )
• Anything else? (รับอะไรเพิ่มเติมอีกมัย้ )
• That’s all. (นี่คือทัง้ หมดที่ฉันต้องกำร)
• Bill, please./ Check, please. (คิดเงินด้วยครับ/ค่ะ)
• It’s my treat!/ It’s on me! (ฉันเลีย้ งเอง)
• Go Dutch! (เรำมำหำรค่ำอำหำรกัน)
ประโยคอื่นๆ
• Would you like……? (คุณต้องกำร…ไหม)
• Would/Do you mind….? (คุณจะรังเกียจไหม….)
• How long does it take to go to….? (ใช้เวลำนำนแค่ไหน ในกำรไป…)
• Can you tell me the way to…? (คุณช่วยบอกทำงไป…ได้ไหม)
• How often do you …? (คุณ…บ่อยแค่ไหน)
• Do you have the time? (ตอนนีก้ ี่โมงแล้ว)
• Anything else? (มีอะไรเพิ่มเติมอีกมัย้ )
• How come? (ทำไม)
• I’m broke. (ฉันถังแตก)
• It’s a piece of cake! (มันง่ำยมำกเลย)
• Keep in touch. (รักษำกำรติดต่อไว้นะ)
แบบฝึ กหัด
1. A: I’m starving.
B: _________________________
1. That would be awful. แย่ 2. Let’s go get something to eat.

3. I’m sorry to hear that! 4. We should keep in touch. ติดต่อกันไว้นะ
ทุนการศึกษา
2. A: I just got a scholarship to study in Japan for 6 months!
B: Congratulations! ________________________ When are you leaving?
1. Good to see you. 2. I don’t care.
3. That’s so exciting. น่าตื่นเต้น 4. It’s not that bad. มันไม่แย่ขนาดนั้น

3. Paul: Can you drive me to the airport tomorrow afternoon?
Steve: Sure. ________________________
Paul: At 2 p.m. so I can get to the airport two hours before my flight.
1.What time do you need to leave?

2. Why are you asking me?
3. Have you done packing?
4. Is 2 p.m. too late?
4. Student 1: I failed the English quiz again! ให้กาลังใจ

Student 2: Sorry to hear that. Shall we get some bubble milk tea to cheer you up?
Student 1: _______________________
1. That would be weird. 2. That’s not safe.
3. Is that possible? 4. That’s a good idea.
5. A: So, what’s the plan?

B: We’re going to see the local area by bike. Do you want to join us?
A: ____________________
1. Count me in! 2. I really envy you.
3. I don’t understand why. 4. I hope it will be alright.
6. Customer: Can I have an orange juice, please? A freshly squeezed one.

Server: ___________________________
Customer: Oh, then I’ll have an apple juice instead, please.
Server: Here you go. That’s 50 Baht, please.
1. Would you like a regular or a large?
2. Would that be all?
3. I'm afraid we only have bottled juices.
4. Do you want it with ice?

7. Hotel guest: Excuse me. ____________________
Front desk: Yes, sir. The gym is just below the lobby. You can take the elevator or the stairs.
Hotel guest: Great. Thank you.
1. Does the hotel offer free internet connection?
2. Can you show me where the swimming pool is?
3. Does this hotel have a fitness facility?
4. Is the sauna open 24 hours?
8. A: Where do you want to go for lunch?

B: I was thinking we should just go to the cafeteria.
A: _____________________
B: The food there is pretty good. You should try it.
A: OK. Let’s go.
1. I’m allergic to dairy products. อาการแพ้ผลิตภัณฑ์จากนม
2. I’m worried about it too. ฉันก็เป็ นกังวลอยู่เหมือนกัน
3. I don’t like sushi and raw meat. ฉันไม่ชอบซูชิ และเนื้อดิบ
4. I haven’t eaten there before. ฉันก็ไม่เคยกินทีน่ ่ันมาก่อน
9. Sales clerk: May I help you? มองหา

Nick: Yes, I’m looking for a cotton polo shirt.
Sales clerk: ______________________
Nick: I prefer white - and may I see a pale yellow one, too?
Sales clerk: Of course. Here you are.
1. Any particular color? 2. Will large do?
3. Would you like to try it on? 4. How about this one?
คุณจะรังเกียจไหม
10. A : Do you mind if I turn on the television?
B: ________________________________
1. Thank you for telling me that.
2. No, not at all. ไม่เลย
3. I’m afraid I can’t.
4. I certainly can.

Conversation 1: Talking about where you are from
Mali: So where are you from, Kate?
Kate: I was born in Cambridge, but I live in Glasgow.
Mali: I’ve never been to Glasgow. 11. ___________________ น่าสนใจ
Kate: Oh, it’s wonderful. There’s always something interesting to do and the people are
really friendly. เป็ นมิตร
Mali: 12. ______________________________
Kate: It is. I love it. What about you? 13. _____________________
Mali: I’m from Chiang Mai.
Kate: Oh, I love Chiang Mai! I went once, but a long time ago. My favorite thing was
Khao Soi. I really, really love Khao Soi!
Mali: I know a nice Thai restaurant here that serves Khao Soi.
14. __________________
Kate: Oh! That would be lovely.
11. 1. Do you miss it? 2. Who is going with you?

3. What’s it like? 4. What do you want to do?
12. 1. Did you live by yourself?

2. It sounds like a nice place to live.
3. It’s so far away from my hometown.
4. I’d love to go there someday.
13. 1. Do you want to visit Glasgow?

2. Do you live in an apartment?
3. Where are you from in Thailand?
4. Are you Thai?
14. 1. It’s not far from here.

2. The food was really good.
3. I can take you there some time.
4. Can you eat spicy food?

Conversation 2: Talking about personal interests
Tommy: What do you do when you’re not working?
Paul: Oh, not much. I’m always really tired in the evenings and at weekends.
Tommy: 15. __________________
Paul: Well, I’ve recently started doing meditation.
Tommy: I didn't know you did meditation. I do too!
Paul: Oh, 16. _________________
Tommy: Most mornings usually, but sometimes it’s hard to find time.
Paul: 17. __________________ I normally meditate once or twice a week. I never have
enough time to do it more than that.
15. 1. It must be difficult for you.

2. You should start exercising.
3. Haven’t you got any hobbies?
4. That’s interesting.
16. 1. how often do you practice?

2. when did you start?
3. where did you learn it from?
4. did you feel any different?
17. 1. I know what you mean.

2. It’s not a big deal.
3. Why did you say that?
4. It’s quite alright.

Conversation 3: Visiting a friend’s house
Belle: Your house is lovely!
Marie: Thank you, Belle.
Belle: 18. ________________________
Marie: Yes, it is. I always walk to school - even when it rains!
Belle: I usually take the bus. It takes so long!
Marie: How long does it take?
Belle: Oh. 19. ______________________
Marie: That is a long time. Well, have some cake.
Belle: (taking a bite of cake) this is delicious! Did you mom bake it?
Marie: Yes, she likes making desserts at home.
Belle: 20. _________________________
Marie: Thank you. She really is.
18. 1.When did you move in? 2. It's very close to school, isn’t it?
3.Is your room upstairs? 4. Is it near the BTS station?
19. 1. My dad usually drives me to school.

2. It’s about 20 kilometers away.
3. I leave home at 6 in the morning.
4. It takes about 45 minutes.
20. 1. You should learn how to bake, too!

2. Can I take some of it home?
3. Your mom’s a wonderful baker!
4. It smells wonderful in here!

Situation: Sandra is at a fast food restaurant. She wants to buy a pizza.
Assistant: 21. ……………........
Sandra: Yes, that’s me.
Assistant: 22………………..
Sandra: Can I have a large pizza, please?
21. 1. May I help you?
2. Are you waiting?
3. Number 34, please.
4. Anything I can help you?
22. 1. What would you like to drink?

2. Would you like anything else?
3. What’s your favorite food?
4. What would you like?
Situation: Paul and Robert are talking on the phone.

Robert: Hi, Paul – it’s Robert. 23.…………………..
Paul: Hi, Robert. Er.., I haven’t got any plans 24.………………..
Robert: I was wondering if you’d like to come and watch a football match
on Saturday. I’ve got an extra ticket.
23. 1. How are you doing?

2. Are you free at the moment?
3. What did you do last weekend?
4. What are you doing this weekend?
24. 1. Are you alright?

2. Why do you ask?
3. Thanks for asking me.
4. What do you mean by that?

Situation: Pim wants to buy a pair of Jeans.
Assistant: Hello , 25.……………………… .
Pim: Yes, can I try these on, please?
Assistant: 26.…………. . The fitting rooms are over there .
Pim: Thank you.
25. 1. May I help you?

2. Last day on sale!
3. What’s the matter?
4. What’s wrong with you?
26. 1. O.K. but you must take them.

2. That’s okay, but hurry up.
3. Please, don’t be shy.
4. Of course.
Situation: Jim gives his news to his friend.

Jim: 27…………………. I’m afraid I failed my driving test.
John: 28…………………… You must be really disappointed.
27. 1. Take it easy!

2. I was really excited.
3. My dream has come true!
4. I’ve got something to tell you.
28. 1. It’s so nice.

2. What a pity!
3. That’s terrific!
4. Congratulations!

Situation: Samurai is late for his appointment .
Samurai: 29……………. I got held up by the heavy traffic.
Indra: That's all right. It's always like that on Saturday evenings.
Have you met Liza?
Samurai: 30…………………………….
Indra: Come and meet her then. Liza. I'd like you to meet Samurai.
Samurai: Hello. It's a pleasure to meet you. Indra has told me so much
about you.
29. 1. I’m sorry. I’m late.

2. I know. I’m late.
3. I’m terribly, aren’t I?
4. Don’t you know I’m late?
30. 1. You know I haven’t.

2. I can’t remember.
3. Oh! I forget it.
4. No, I haven’t.

Vocabulary
ข้อสอบพำร์ทนีเ้ ป็ นส่วนของคำศัพท์ โดยมีคำถำมทัง้ หมด 5 ข้อ
1. โจทย์ให้คำศัพท์มำ และขีดเส้นใต้ไว้ เรำต้องหำคำที่มีควำมหมำยตรงกับคำที่ขีดเส้นใต้ (synonym)
(ระดับปวช./ปวส./อนุปริญญำ)
2. โจทย์เว้นช่องว่ำงไว้และให้เรำเลือกคำที่เหมำะสมที่สดุ มำเติม (ระดับปริญญำตรี/ปริญญำโท)
เทคนิคการทาข้อสอบ
1. Meaning in Context คือ อ่ำนข้อมูลจำกบริบทโดยรอบ และเลือกคำมำเติมให้เหมำะสม
กับควำมหมำยและบริบท
2. ลองจับคาที่เรารู้มาเติม ถ้ำเติมลงไป หรือแทนที่คำนัน้ ๆแล้วฟั งดูดี ให้เลือกคำนัน้ หำกเติมแล้วไม่
โอเค ให้ตดั ทิง้ ไป
3. เตรียมคลังศัพท์ไปให้พร้อม
3.1 จำคำศัพท์เป็ นกลุม่ คำที่มีควำมหมำยเหมือนกัน(synonym) หรือคำตรงกันข้ำม (antonym)
3.2 คำศัพท์บำงคำมีเสียงคล้ำยคำในภำษำไทย หรือทำให้คิดถึงคำในภำษำไทย ให้ลองจินตนำกำร
และจำในแบบของเรำเอง
3.3 ท่อง ท่องๆๆ อำจจะวันละนิด แต่ท่องทุกวัน และก่อนจะเริ่มคำใหม่ ให้วนคำเก่ำก่อน
3.4 ตัง้ เป้ำกับตัวเอง ว่ำวันนึงเรำจะรูค้ ำศัพท์เพิ่มกี่คำ ไม่จำเป็ นต้องบีบคัน้ ตัวเอง
3.5 คำศัพท์จำกสิ่งรอบตัวที่เรำเจอ คำไหนที่เห็นและไม่รู ้ ลองหำควำมหมำยของมันดู อำจจะเป็ นชื่อ
หนัง ชื่อร้ำนค้ำ ชื่อสินค้ำ
4. เดำจำกคำที่เรำรู อ้ ยู่แล้ว บำงครัง้ คำคล้ำยกัน แต่แค่ทำหน้ำที่คนละอย่ำง หรืออำจจะแค่เติม prefix-
เช่น im-,in-,dis-,ir-,un- ซึ่งแปลว่ำไม่ เข้ำไป เรำก็พอจะเดำได้ว่ำคำนัน้ มีควำมหมำยในเชิงปฏิเสธ หรือ
ตรงข้ำมกับคำที่เรำรูม้ ำ
5. ฝึ กทำโจทย์เยอะๆ ให้ได้เห็นคำศัพท์ใหม่ๆอยู่เสมอ
1. The road is under construction. Try to ____________ this area.
1. rebuild 2. carry 3. remind 4. Avoid
สร้างใหม่ ถือ เตือน หลีกเลี่ยง
2. These automatic cameras have a/an ____________ focusing ability as the latest feature.
1. expensive 2. special 3. outdated 4. Famous
แพง พิเศษ ล้าสมัย มีชื่อเสียง

3. Technology changes very fast, so it’s hard to ____________ with it.
1. get up 2. turn off 3. keep up 4. put on
ตื่นนอน ปิ ด ตามทัน สวมใส่
4. Before you enter the theatre, please ____________ the ticket at the counter.
1. purchase 2. borrow 3. upload 4. Manage
ซือ้ ขอยืม ถ่ายโอน จัดการ
5. I was delightful to watch a TikTok video, which was ____________.
1. junk 2. amazing 3. trash 4. Boring
ขยะ มหัศจรรย์ ขยะ น่าเบื่อ
6. When you travel to different places, you will get some ____________ experiences.
1. reasonable 2. comfortable 3. valuable 4. Walkable
สมเหตุสมผล สะดวกสบาย มีค่า เดินได้
7. Seeing everyone eating had made me ____________ hungry and I wanted to have some.
1. regularly 2. normally 3. preferably 4. Extremely
ปกติ/ ประจา ปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่างมาก
8. Roadways are forced to be closed in many parts of the area due to ____________.
1. flooding 2. sightseeing 3. scenery 4. Traffic
น้าท่วม ชมวิว ทิวทัศน์ การจราจร
9. Near the central patio of the city is a vast ____________ of white marble, the dome of which
has bold and excellent proportions.
1. building 2. reservoir 3. basket 4. Memoir
ตึก/ อาคาร อ่างเก็บน้า ตะกร้า ไดอารี่
10. Many people suffer from clinical ____________ for years due to mental illnesses.
1. imagination 2. situation 3. depression 4. Permission
จินตนาการ สถานการณ์ ซึมเศร้า การอนุญาติ
11. Over 300 million tons of plastic are produced every year, and at least 8 million of those are
________ into the oceans.
1. blamed 2. dumped 3. called 4. Equipped
ตาหนิ เท/ ทิง้ / กอง เรียก ติดตั้ง/ จัดให้มี
12. Adding a ________ to the bottom of the table will help readers understand what data is being
presented.
1. category 2. caption 3. technology 4. Scenery
หมวดหมู่ คาอธิบาย เทคโนโลยี ทิวทัศน์

13. Once you have the GPS number you can easily ________ and identify where a place is on
Google Maps.
1. hang up 2. put on 3. look up 4. look after
วางสาย สวมใส่ ค้นหา ดูแล
14. The café’s atmosphere is very relaxing and ________. That is why we love to bring our kids
there every weekend.
1. casual 2. exotic 3. delicious 4. boring
ไม่เป็ นทางการ แปลกใหม่ อร่อย น่าเบื่อ
15. All the islanders agree that the new Indian Ocean warning system should ________ they never
again see the loss of life from the giant waves they experienced 10 years ago.
1. ensure 2. interact 3. establish 4. inform
ทาให้ม่นั ใจ มีปฏิสัมพันธ์ สร้าง/ จัดตั้ง แจ้ง/ รายงาน
16. My grandma always tells me “Never stop learning ________ life never stops teaching”
1. and 2. therefore 3. unless 4. because
และ ดังนั้น ถ้า... ไม่ เพราะว่า
17. In the UK, the over-55s are joining Facebook in ________ numbers, meaning that they will
soon be the site's second biggest user group.
1. demanding 2. challenging 3. increasing 4. developing
ต้องการ/ เรียกร้อง ท้าทาย เพิ่มขึน้ พัฒนา
18. The Taj Mahal was built with ________ from all over India and Asia, including white marble.
1. construction 2. materials 3. explanation 4. authorities
การก่อสร้าง วัสดุ การอธิบาย เจ้าหน้าที/่ ผู้มีอานาจ
19. Every time you're online, you are ________ by pictures, articles, and videos trying to tell their
stories, but not all of these stories are true.
1. overlooked 2. criticized 3. appeared 4. bombarded
มองข้าม วิจารณ์ ปรากฎ ระดมยิง/ ทิง้ ระเบิด
20. It is estimated that about 40 percent of the world’s ________ use social media, and these
people look to influencers to help them decide what to buy.
1. celebrity 2. population 3. inventor 4. majority
คนดัง ประชากร นักประดิษฐ์ คนหมู่มาก

Reading
Reading
ข้อสอบพำร์ทนีม้ ีทงั้ หมด 10 ข้อ โดยแบ่งเป็ น 2 บทควำม บทควำมละ 5 ข้อ บทควำมแรกเป็ นจดหมำย
และบทควำมที่ 2 เป็ นบทควำมทั่วไป อย่ำงที่รู ้ ข้อสอบไม่ออกบทควำมเดิมแน่ แต่สำมำรถออกแนวเดิม และ
คำถำมแนวเดิม สิ่งสำคัญที่สดุ คือกำรที่เรำรูค้ ำถำม เข้ำใจว่ำโจทย์ตอ้ งกำรถำมอะไร เพื่อเรำจะได้ตอบคำถำม
ได้อย่ำงถูกต้อง
เทคนิคการทา
1. อ่ำนคำถำมก่อน เมื่ อ เรำรู ้ว่ ำ โจทย์ต้อ งกำรรู ้อ ะไร เรำสำมำรถกลับ ไปสแกนหำค ำตอบที่
สอดคล้องกับตัวเลือก
2. คำตอบมักไล่จำกบนลงล่ำง หำกเจอคำตอบที่ส่วนใดของบทควำม คำตอบของข้อต่อไปมักอยู่
ถัดจำกส่วนนัน้ ไป
3. ข้อสอบมักถำมเกี่ยวกับ
a. The purpose of this letter หรือ The purpose of this passage
ซึ่งคือกำรถำม วัตถุประสงค์ของกำรเขียน เรำต้อ งหำว่ ำ บทควำมนั้น เขี ย นมำเพื่ อ
อะไร โดยดูตวั เลือก ควบคู่ไปด้วย ข้อใดกว้ำงเกินไป หรือแคบเกินไป หรือไม่เกี่ยวข้อง
ให้ตดั ทิง้ ไปเลือกข้อที่เหมำะสมที่สดุ
b. This passage mainly about
ซึ่งก็คือ บทควำมนีห้ ลักๆ กล่ำวถึงอะไร จะต้องดูว่ำ พูดถึงสิ่งไหนบ่อย และ
เป็ นสิ่งที่ผเู้ ขียนต้องกำรสื่อ ซึ่งต้อง ครอบคลุมเนือ้ หำทัง้ หมด หำกเป็ นกำรพูดถึงแค่จุด
ใดจุดหนึ่งของเรื่อง ข้อนัน้ ย่อมไม่ใช่
c. What does ____ refer to?
คือถำมว่ำ คำนี ้ อ้ำงถึง คำใด เรำต้องดูคำให้สอดคล้องกัน และคำนัน้ ๆ
ย่อมเคยกล่ำวมำแล้ว กับคำที่โจทย์ตอ้ งกำรทรำบมำกนัก
d. The word ____ means
คือ ให้เรำหำคำที่มีควำมหมำยเหมือนคำที่โจทย์ยกมำ เรำต้ อ งใช้ ค วำมรู ้เ รื่ อ ง
ศัพท์รวมถึง ลองเอำคำใน choice ไปแทนดูว่ำคำไหนสอดคล้อง แต่หำกเรำจำคำศัพ ท์ไ ด้
ก็สบำยเลย
e. Which of the following statements is True/not true/not mentioned ?
บทควำมใด (จริง/ไม่จริง/ไม่ได้กล่ำวถึง) เป็ นส่ ว นที่ ท ำให้ เ รำต้ อ งลงลึ ก ไ ปใน
รำยละเอียด แต่เรำสำมำรถดูจำกตัวเลือก แล้วสแกนหำเนือ้ หำของส่วนนัน้ ว่ำตรงกับที่กล่ำวไว้ใน
ตัวเลือกหรือไม่
f. กำรถำม Tone
คือ กำรถำมนำ้ เสียงของผูเ้ ขียน เช่ น positive คิ ด บวก negative แง่ ล บ
aggressive ก้ำ วร้ำ ว supportive สนับ สนุ น persuasive โน้ม น้ำ ว informative ให้ข้อ มูล แจ้ง ให้รู ้
suggestive แนะนำ เป็ นต้น
g. คำถำมอื่นๆ มักจะถำมถึงส่วนเนือ้ หำของเรื่อง ซึ่งเรำสำมำรถดูจำกตัวเลือก และสแกนหำส่วนนัน้ ๆ
หรือดูจำกคำศัพท์ท่ปี รำกฏในตัวคำถำม เพื่อให้ได้คำตอบ
4. ตัง้ คำถำมกับตัวเองว่ำ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่ำงไร เพื่อจะได้จับใจควำมส ำคัญของ
เรื่องได้ง่ำยมำกขึน้
Micro Company Limited 67,

Moo.3 Thungsonghong, Laksi,
Bangkok 10210
Thursday 9th February, 2016
Subject: Education Software Service

Dear: Mr. David,
Referring to your application for Education Software Service, we are pleased to provide you
with the service to Fun Math Education Center.
In addition, we kindly inform you about terms and conditions of the service that Micro reserves
the right to temporarily suspend the service without prior notice or terminate the service agreement
if Micro can prove that the use of Education Software Service by Fun Math Education Center is against
the law or breaches the terms and conditions.
If there are any further questions, please contact our staff Miss Jenny Lee at 02-111-3333-9.
We look forward to hearing from you soon.
Best regards,
Miss Saran Walker

Sale and Marketing Manager

บริการ ให้
1. What service does Micro Company provide for Mr. David ?
a. Education Software b. Math Software
c. Education Center d. Math Center
ข้อกาหนด และเงื่อนไข
2. What is the terms and conditions of his service ? ห้ามใช้บริการทีผ่ ิดกฎหมาย
a. Do not terminate the service.
ห้ามยกเลิกบริการ b. Do not use the illegal service.
c. Do not notice the user.ห้ามแจ้งให้ผู้ใช้ทราบ d. Do not accept the legal service.
ห้ามยอมรับบริการทีถ่ ูกกฎหมาย
ไม่ได้กล่าวถึง
3. What does not Micro Company mention about the terms and conditions?
a. To terminate the service. ยกเลิก b. To suspend the service. ระงับบริการ
c. To provide the right service. d. To prove the offense.
การจัดบริการทีถ่ ูกต้อง พิสูจน์การกระทาผิด
4. Who can Mr. David contact with ?

a. The manager of Fun Math Education Center.
b. The manager of Micro Company.
c. The staff of Fun Math Education Center.
d. The staff of Micro Company.
5. What does “application” mean?

a. agreement b. decision c. feedback d. request
ข้อตกลง ตัดสินใจ ผลตอบรับ ร้องขอ
Read the following text and select the best answer for each item.
In a modern life, some parents spend time with their children on many activities, so a media
will be involved with a part of activity. The good parents know how to use the media for their children.
The main purpose of using the media is to develop children’s skills. The parents use the media to let
them know about the basic thing around the children’s life; for example, the parents let the children
learn about nature, language, gesture, and food. The children’s brain can be developed easily and
quickly. However, there are some disadvantages of using the media for children that the parents
should know.
The parents should not let the children learn through the media by themselves, and the
parents should limit the time of using the media. If they let the children use the media too long, the
children will waste their time on it. They will not be interested in doing other activities. They will not

develop other skills that they should have in the real life. For example, it the children spend their time
on television more than 1-2 hours, they won’t go out to do exercise or to explore a new experience
with their friends. Consequently, the best ways are to limit the time for children to use the media,
select only the good and knowledgeable
media.
6. What is the passage is talking about?

a. Using the media for children. b. The best activity for children.
c. Children’s development. d. The advantage of media for parents.
7. The word “involved” in line 2 means .

a. To be implicated b. To be developed c. To be used d. To be cleared
ถูกทาให้เกี่ยวข้อง ถูกพัฒนา ถูกใช้ ถูกทาให้ชัดเจน
8. The pronoun “them” in the third line refers to .
a. Parents b. Children c. Friends d. Skills
พ่อแม่ เด็กๆ เพื่อนๆ ทักษะต่างๆ
9.In the passage, what should the parents do?

a. To let the children spend much time on media.
b. To explore the new experience with friends.
c. To select the good media for children.
d. To limit the number of media.
10. The tone of passage is .

a. Negative b. Positive c. Aggressive d. Suggestive
เชิงลบ เชิงบวก เชิงรุนแรง เชิงแนะนา

TPS Export Thailand Co., Ltd.
22/12, Changwattana Road,
Laksi, Bangkok 10210
August 5, 2016
Mr. Edward Smith

BIGGA Manufacturing
112, Prapadang,
Samutprakarn 10130
Dear Mr. Smith,
I have enclosed purchase order no. 021/2016 for the following supplies:
● 100 packs of woolen fabric
● 650 packs of cotton fabric
I would like to receive these items as soon as possible or no later than middle of this month.
However, the delivery address is attached on the enclosed purchase order.
As we have talked on the phone for 10 percent discount, I highly appreciate the offer and I will pay
by cashier’s cheque after receiving the invoice.
If you have any questions concerning the order, please do not hesitate to contact me.
Sincerely yours,
Mr. Agapol Troy Purchasing Supervisor
Enclosure
11. What product does Mr. Agapol want to buy?

a. Cloth b. Packs c. Woods d. Metals
ผ้า หีบห่อ ไม้ โลหะ
12. The phrase “middle of this month” refers to.
a. 15 August 2016 b. 30 August 2016
c. 15 September 2016 d. 30 September 2016

13. What is attached on the enclosed purchase order?
a. Delivery letter b. Delivery address
c. Delivery detail d. Delivery order
14. How would Mr. Agapol like to pay after getting the invoice?
a. Credit card b. Transfer c. Cash d. Cashier’s cheque
15. What does “hesitate” mean?

a. To worry b. To excite c. To annoy d. To bother
กังวล ตื่นเต้น ราคาญ รบกวน
Read the following text and select the best answer for each item.
Many people agree that Pitbull is the most dangerous dog in the world. When people
first meet it, they will walk away. Pitbull is not permitted in some countries. If an officer finds it or
people report to the officer, owner will pay for the fine and Pitbull will be killed for safety. However,
in some countries you can have it. When you have Pitbull, the most important thing you should know
is to look after your Pitbull every step when you take it outside. You cannot know what will happen.
It may meet and fight with other dogs. In the fight, Pitbull will not let them run away easily. It will bite
on other dogs’ neck until they’re dead, so the owner has to know how to protect other dogs and
how to save them from Pitbull.
To avoid dangerous situation, there are some suggestions for the owner. Pitbull should not
walk without leash and do not let it pull you while walking. Pitbull is a powerful dog, so it has to do
exercise every day, at least 30 minutes or walk 1 kilometer per day to release an energy out and calm
itself down.
16. The most suitable title for this passage is .

a. Pitbull Adoption การอุปการะ b. Tips for Pitbull เชิงแนะนา
c. Getting to know Pitbull เชิงบวก d. Dangerous Dog เชิงรุนแรง
17. The word “permitted” in line 2 means .

a. Have b. Feed c. Allow d. Adopt
มี เลีย้ ง อนุญาต อุปการะ
18. The pronoun “It” in the sixth line refers to .
a. Owner b. Pitbull c. Other dogs d. People
เจ้าของ
19. In the passage, what should the owner do?
a. Let Pitbull walk off-leash. b. Do not let Pitbull pull you.
c. Give Pitbull some food. d. Let Pitbull bite other dogs.
20. The tone of passage is .

a. Negative b. Positive c. Aggressive d. Suggestive
เชิงลบ เชิงบวก เชิงรุนแรง เชิงแนะนา

อัพเดต 10-5-66 (เล่มเฉลย) 5อังกฤษ

Uploaded by

Document Information

Original Title

Copyright

Available Formats

Share this document

Share or Embed Document

Sharing Options

Did you find this document useful?

Is this content inappropriate?

Copyright:

Available Formats

อัพเดต 10-5-66 (เล่มเฉลย) 5อังกฤษ

Uploaded by

Copyright:

Available Formats

180 ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY

หลักไวยกรณ์ท่ีควรรู ้ และเทคนิคพิชติ ข้อสอบ!!

ชนิดของคา (สิ่งทีส่ าคัญคือ เราต้องรู้หน้าทีข่ องคาแต่ละชนิด)

ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY 181

เช่น waiter, engineer, dog, pet, love, Thailand, restaurant

1. เป็ นประธำนของประโยค อยู่หน้ำคำกริยำ เป็ นผูแ้ สดงกำรกระทำ

1. อยู่หลัง Article เช่น a boy, an engineer, the president

182 ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY

หลักการเปลี่ยนคานามเอกพจน์ ให้เป็ นพหูพจน์

1. คำนำมเอกพจน์ท่ลี งท้ำยด้วย s, ss, sh, ch, x และ z ให้เติม es

ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY 183

*แต่!!* บางคาทีห่ น้า f เป็ นพยัญชนะ ให้เติม s ได้เลย

7. คำนำมเอกพจน์ท่ลี งท้ำยด้วย f หรือ fe และหน้ำ f หรือ fe เป็ นสระ (a e i o u) ให้เติม s ได้เลย

184 ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY

*****คานามนับไม่ได้ทคี่ นมักคิดว่านับได้ ตัวหลอกทีแ่ ท้ทรู ****

ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY 185

คานามมักจะลงท้ายด้วย suffix เหล่านี้ และจะเป็ นนามนับไม่ได้

หำกลงท้ำยด้วย suffix เหล่ำนีจ้ ะกลำยเป็ นคน หรืออำชีพ

186 ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY

ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY 187

2. สรรพนามแสดงความเป็ นเจ้าของ (possessive pronoun)

188 ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY

*** ออกสอบบ่อย ***

We us Our + N. Our ourself

They Them Their + N. theirs themself

He him His + N. His himself

She her Her + N. Hers herself

ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY 189

5.สรรพนำมไม่เจำะจง (Indefinite pronoun)

**คาเหล่านี้ เมื่อแปลเป็ นไทย คนมักจะคิดว่าเป็ น พหูพจน์ แต่!!! จริงๆแล้วคือเอกพจน์!! **

3. Jenifer watched the children carefully as crossed the road.

4. Hold the bag please while I put the shopping in .

190 ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY

6. Thank you for telling .

7. I wonder why RM rushed off. Did you upset ?

8. hope those flowers are for me.

9. Open the door. It's .

10. Sarah wanted Lisa to follow .

11. This is not your shoe. It's .

13. Go away! I hate !

14. You can ask Fred for money. is very generous.

15. I can't use mobile phone. I think is broken.

ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY 191

ประธำน who, that which , that - - -

1.who ใช้แทน คน เท่ำนัน้ ซึ่งเมื่อไปแทนที่ จะทำหน้ำที่เป็ น ประธำน

2. Whom ใช้แทน คน เท่ำนัน้ เมื่อไหร่ท่แี ทนที่ มันจะทำหน้ำที่เป็ น กรรมของประโยค

1.The man gave me this rose is Jackson.

192 ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY

3. That is Sarah you have loved for a long time.

4. The man interviewed you is my father.

5. I was invited by the professor we met at the conference.

3. whose ใช้แทน คำที่อยู่ในรูปบอกควำมเป็ นเจ้ำของ ต้องมี

6.when ใช้แทน คำนำมที่เกี่ยวกับเวลำ วัน เดือน ปี

1. Children eat a lot of candy often get bad teeth.

2. Here is the newspaper is in my room.

3. The book you gave me is great.

4. This is the town I was born.

5. I sent all the letters you gave me.

194 ความฝั นจะเป็ นจริงได้ ที่นี่ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน AWS FAMILY

7. My uncle is a teacher has got three children.

8. This is the school I learned English.

9. My sister lives in Istanbul is going to visit us.

10. That pencil is on your desk belongs to me.

แต่!! บางคาทีห่ น้า f เป็ นพยัญชนะ ให้เติม s ได้เลย

*คานามนับไม่ได้ทคี่ นมักคิดว่านับได้ ตัวหลอกทีแ่ ท้ทรู

* ออกสอบบ่อย *

คาเหล่านี้ เมื่อแปลเป็ นไทย คนมักจะคิดว่าเป็ น พหูพจน์ แต่!!! จริงๆแล้วคือเอกพจน์!!