Professional Documents
Culture Documents
หน้าที่ทางการจัดการ คือหน้าท่ท
ี ่ีผู้จัดการทุกคนต้องปฏิบัติ เฮนร่ีเฟโยล ได้กล่าวถึงหน้าท่ีในการจัดการไว้ เป็ น
สูตรดังนี้ POCCC = การวางแผน (Planning) การจัดการองค์กร (Organizing) การสัง่งาน
(Commanding) การประสานงาน (Coordinating) การควบคุม (Controlling)
องค์การและบุคลากร - นักบริหารทรัพยากรบุคคลท่ีมีความสามารถจะต้องสร้างและรักษาสมดุลของทรัพยากร
บุคคลภายในองค์กรให้อยู่ในระดับท่ีเหมาะสมอยู่ตลอดเวลา การวางแผนทรัพยากรบุคคลจะเป็ นเคร่ ืองมือและ
แนวทางในการสร้างหลักประกันว่าองค์การจะมีคนท่ีมีคุณภาพตามท่ีต้องการมาร่วมงานในปริมาณท่ีเหมาะสม
โดยไม่เกิดสภาวะคนล้นหรือคนขาดแคลนขึ้น
ความจำาเป็ นในการวางแผน
4. เพ่ ือให้ได้คนท่ีมีคุณภาพ
ขัน
้ ตอนท่ี๑ การเตรียมการ(การศึกษาวัตถุประสงค์ขององค์กร, วิเคราะห์สถานการณ์, กำาหนดเป้ าหมายของ
แผนงาน, พิจารณาความสอดคล้องความเป็ นไปได้
ขัน
้ ตอนท่ี๒ การสร้างแผน (กำาหนดทางเลือก, เลือกทางเลือกท่ีเหมาะสม, กำาหนดแผน)
ขัน
้ ตอนท่ี๓ การปฏิบัติตามแผน (การกำาหนดบุคลากรให้รับผิดชอบงานแต่ละส่วน,การจัดสรรคน, การสร้าง
ความเข้าใจ, การควบคุม)
ขัน
้ ตอนท่ี๔ การประเมินผล (เปรียบเทียบผลการปฏิบัติงานกับการวางแผน ว่ามีความเหมือนหรือความแตกต่าง
กันอย่างไร เพ่ ือมาวิเคราะห์และปรับปรุงแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้น, วิเคราะห์ปัญหา เพ่ ือ
กำาหนดและพยายามค้นหาสาเหตุท่ีแท้จริง, เสนอความคิดในการปรับปรุงและพัฒนาการดำาเนินงานให้มี
ประสิทธิภาพและประสิทธิผล)
วิธีการคาดการณ์ความต้องการกำาลังคนของทรัพยากรบุคคล
1 การคาดการณ์จากสมการพ้ืนฐาน
จำานวนคนท่ตี ้องการคนเพ่ิมขึ้น=จำานวนคนท่ีต้องการทัง้หมด-จำานวนคนคงเหลือ
จำานวนคนท่ีต้องการทัง้หมด=จำานวนงาน/อัตราส่วนของงานต่อคน
2 การใช้แบบจำาลองการวางแผนรวม
3 การใช้วธ
ิ ีทางสถิติ
4 การใช้แบบจำาลองของมาร์คอฟ
การสรรหาและคัดเลือกบุคลากร
กำาหนดนโยบายการสรรหาและคัดเลือก
- ค่าใช้จา่ ยและผลประโยชน์ตอบแทน การท่ีองค์การจะตัดสินใจจ้างคนเขามาทำางานในหน้าท่ีใด คนนัน
้ จะต้องให้
ผลประโยชน์ตอบแทนแก่องค์การได้เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายและแรงพยายามท่ีองค์การใส่ลงไปในกระบวนการ
สรรหาการคัดเลือกและการพัฒนาคนนัน ้
- แหล่งท่ีมาของคน สรรหาคนจากภายในหรือภายนอกองค์การ มีทัง้ข้อดีและข้อเสียท่ีแตกต่างกัน
- ความยุติธรรม
- การเมืองภายในองค์การ
- มาตรฐานในการคัดเลือกคนเข้าทำางาน ความน่าเช่ ือถือ
กระบวนการคัดเลือกคนเข้าทำางาน
๑. การเร่ิมต้นการรับสมัคร
๒. การสัมภาษณ์ขัน ้ ต้น
๓. การกรอกใบสมัคร
๔. การสอบคัดเลือก
๕. การสอบสัมภาษณ์
๖. การสอบประวัติ
๗. การตรวจสุขภาพ
๘. การคัดเลือกขัน้ สุดท้าย
๙. การรับเข้าทำางาน
๑. การทดลองงานเป็ นช่วงระยะเวลาท่ีเหมาะสมท่ีจะใช้ประเมินความสามารถพนักงานใหม่กับความต้องการของ
งาน และแสดงความสามารถหรือสร้างความเปล่ียนแปลงให้เกิดขึ้นในองค์กร
ประโยชน์
๑. ช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพในการทำางาน
๒. ช่วยส่งเสริมให้เกิดการประหยัด
๓. ช่วยลดระยะเวลาในการเรียนรู้งาน
๔. ช่วยลดภาระหน้าท่ีของหัวหน้างานในการชีแ ้ จงและสอนงาน
๕. ช่วยกระตุ้นคนให้ทำางานเพ่ ือความก้าวหน้าของตนเอง
ตำาแหน่งงานและการปรับเปลี่ยนงาน
๑. การเล่ ือนขัน
้ Promotion (ในสายอาชีพเดิม/ข้ามสายอาชีพ/ตำาแหน่งบริหาร/การปรับเงินเดือน)
๒. การลดขัน ้ Demotion เช่น การลดเงินเดือน จำากัดหน้าท่ีและความรับผิดชอบ โอกาส และ สิทธิพิเศษลด
ลง
๓. การโยกย้าย Transfer การเปล่ียนตำาแหน่งหน่ ึงไปยังตำาแหน่งอ่ ืนในระดับเดียวกัน โดยคนท่ีถูกโยกย้ายจะมี
สถานะและเงินค่าจ้างในระดับเดิม แต่อำานาจหน้าท่ีจะเปล่ียนแปลงไปอาจเกิดขึ้นชัว่คราวหรือถาวร
๔. การให้ออกจากงาน การเลิกจ้างชัว่คราว (แบ่งงาน,ลดชัว่โมงทำางาน),การลาออก,การตาย,การปลดเกษียณ,
การเลิกจ้างโดยมีวัตถุประสงค์ในการเปล่ียนคือ
๔.1. ปรับปรุงโครงสร้างและการดำาเนินงานขององค์กร
๔.2. เพ่ิมประสิทธิภาพในการทำางาน
๔.3. ส่งเสริมการปฏิบัติตามระเบียบขององค์กรกฎเกณฑ์ต่างๆบทลงโทษ
ปั จจัยในการประเมินผล
๑. มาตรฐานการทำางาน Jobdescription
๒. ผู้ทำาหน้าท่ป
ี ระเมินผลคนรอบข้าง
๓. วัตถุประสงค์ท่ีประเมิน
ส่วนประกอบค่าตอบแทนแบ่งได้ 4 ประเภท
1. เน่ ืองจากความสำาคัญของงาน
2. เพ่ ือจูงใจในการทำางาน(โบนัส)
3. ค่าตอบแทนพิเศษ
4. ผลประโยชน์อ่ืน(ค่าแรงวันหยุดค่าประกันชีวิตค่าเล่าเรียนบุตร)
ปั จจัยท่ีมีผลต่อการให้ค่าแรง
ปั ญหาค่าตอบแทน
๑. ระยะเวลา - ระยะเวลาทำางาน, การหยุดพัก (พักกินข้าว,เข้าห้องน้ำา), วันหยุด (วันสำาคัญ,วันพักผ่อน)
๒. ค่าตอบแทน - ความยุติธรรม, ความมัน
่ คง
การจ่ายค่าตอบแทนทางตรง (มักอยู่ในรูปเงิน)
Wage - ขึน ้ อยู่กับชัว่โมงการทำางาน,
Salary - ค่าตอบแทนท่ีได้เป็ นประจำาหรือค่าตอบแทนท่ีได้เหนือจากท่ไี ด้ประจำา
การจ่ายค่าตอบแทนทางอ้อม ไม่ครอบคลุมลูกจ้าชัว่คราว
ค่าตอบแทนท่ีกำาหนดโดยกฎหมาย,
ค่าตอบแทนท่ีไม่ได้ถูกกำาหนดโดยกฎหมาย เช่น ค่าประกันสุขภาพ,ค่าประกันภัย
Merit pay=การจ่ายค่าตอบแทนตามความรู้ความสามารถ
Seniority pay=การจ่ายค่าตอบแทนตามอาวุโส
กระบวนการดำาเนิน TM = องค์กรแจ้งให้ผู้บริหารทุกหน่วยงานพิจารณาคัดเลือกคนท่ีมีคุณสมบัติเด่นในหน่วย
งานของตนเอง โดยมีหลักของคนท่ีเป็ น TM พนักงานนัน ้ ๆจะต้องมีคุณสมบัติในเร่ ืองของ
A - Attitude ทัศนคติทด ่ี ีต่อเร่ ืองต่างๆเช่นการทำางานเพ่ ือนร่วมงานการแก้ไขปั ญหาต่างๆฯลฯหรือเรียกว่า
Positive thinking
A - Acceptability เป็ นท่ียอมรับของผู้ใต้บังคับบัญชาเพ่ ือนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา
L - Learn ability มีความสามารถในการเรียนรู้งานหรือเร่ ืองราวต่างๆได้รวดเร็ว
P - Potential มีศักยภาพท่ีสามารถจะเติบโตเป็ นผู้บริหารในอนาคต
P - Performance มีผลการปฏิบัติงานท่ีดีเด่นมาโดยตลอด
C - Competency มีคุณสมบัติหรือสมรรถนะท่ีเหมาะสมกับตำาแหน่งงานและมีประโยชน์ต่องานท่ีองค์กร
คาดหวังและต้องการ
การฝึกอบรมหรือวิธีพัฒนาพนักงานมีดงั นี้
- Coaching การสอนงาน,
- Mentoring การเป็ นพ่ีเลีย
้ ง,
- Job Rotation การสับเปล่ียนหมุนเวียนงาน,
- Special Project การมอบหมายให้ทำาโครงการพิเศษ,
- Work Shadowing ฝึ กให้ตัดสินใจมีการดูแลใกล้ชิดจากผู้บริหารพ่ีเลีย
้ ง,
- Learning Package สร้างระบบการเรียนรู้อย่างเป็ นระบบ,
- In-House Training course การส่งไปอบรมภายใน,
- Public Training Course การส่งไปอบรมภายนอก
แนวทางสร้างความพูกพันของคนต่อองค์กรเพ่ ือบำารุงรักษาไว้
๐๑. ได้ทำางานกับผู้นำาท่ีมีความน่าเคารพศรัทธาหรือบุคคลต้นแบบ Role model
๐๒. มีสัมพันธ์ในการทำางานท่ด ี ีกับคนรอบข้าง
๐๓. ได้ทำางานท่ีสำาคัญและมีความหมาย
๐๔. ได้รับการยอมรับและช่ ืนชมจากองค์กร
๐๕. สามารถสร้างสมดุลในตัวเองได้ดี
๐๖. ได้รับการสอนงานและสนับสนุน
๐๗. ได้มีส่วนร่วมในเร่ ืองต่างๆ
๐๘. มีการส่ ือสารท่ีดใี นองค์กร
๐๙. มีระบบการประเมินผลการทำางานท่ีเป็ นธรรม
๑๐. ได้รับโอกาสให้มีการพัฒนาและก้าวหน้าในองค์กร
๑๑. มีการแจ้งขอบเขตหน้าท่ีและความคาดหวังในงานอย่างชัดเจน
๑๒. มีเคร่ ืองมือเคร่ ืองใช้ในการทำางานอย่างเพียงพอเหมาะสมตามหน้าท่ีและความรับผิดชอบ
ค่าตอบแทน
องค์ประกอบของโครงสร้างเงินเดือน
- ค่าครองชีพ
- ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง
- ความชอบต่องานของพนักงาน
กลยุทธ์ในการจ่ายค่าตอบแทนขององค์กรหรือข้อบังคับกฎหมาย หรือการต่อรอง
กลยุทธ์ในการจ่ายค่าตอบแทน
- พิจารณาคู่แข่งขัน,
- พยายาม Balance fix cost และ Variable cost,
- พิจารณาว่าจำาให้แบบ Team หรือ Individual,
- พิจารณาว่าจะใช้ financial หรือ non-financial,
- ต้องมีการบริหารต้นทุน
การประเมินเพ่ ือ
1. พิจารณาความเหมาะสมในการให้ผลตอบแทนแก่คน เช่นเงินเดือนค่าจ้างหรือผลตอบแทนต่างๆท่ีมีความ
สอดคล้องกับงานท่ีคนได้ทำา
2. พิจารณาความเหมาสมในการทำางานในตำาแหน่งงานของคน ว่ามีความเหมาะสมเพียงใดต้องมีการปรับปรุง
พัฒนาฝึ กอบรมหรือปรับย้ายอย่างไรเพ่ ือให้เกิดความเหมาะสมและสามารถดำาเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. พิจารณาการเปล่ียนตำาแหน่งของคน การประเมินผลการทำางานจะต้องแสดงถึงประสิทธิภาพในการทำางาน
ของคนซ่ึงถือเป็ นปั จจัยในการพิจารณาความดีความชอบของคน
4. พิจารณาเพ่ ือการฝึ กอบรมและพัฒนาคนผลลัพธ์ท่ีได้จากการประเมินผลการทำางานจะเป็ นข้อมูลท่ีบ่งชีว้่าคน
สมควรท่ีจะได้รับการฝึ กอบรมและพัฒนาในรูปแบบใด
5. ใช้ประกอบการจดบันทึกข้องมูลส่วนตัวของคนผลลัพธ์ท่ีได้จากการประเมินผลการทำางานจะถูกบันทึกลงใน
ทะเบียนประวัตข ิ องคนเพ่ ือให้ฝ่ายบริหารสามารถนำาข้อมูลท่ไี ด้รับไปใช้ประโยชน์ได้ตรงความต้องการ
6. ใช้ประกอบในการบริหารในด้านต่างๆเช่นความยุติธรรมการแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในองค์กรฯลฯ
ประโยชน์ที่ได้รับจากการประเมิน
- สร้างความยุติธรรมในการพิจารณาความดีความชอบและการเล่ ือนตำาแหน่ง,
- เป็ นเคร่ ืองมือในการควบคุมการทำางานให้บรรลุวัตถุประสงค์,
- เป็ นแนวทางในการฝึ กอบรมและการพัฒนาคน,
- ทำาให้คนทราบถึงผลการทำางานของตนเอง,
- จูงใจคนให้ทำางานอย่างเต็มความสามารถ