Professional Documents
Culture Documents
ปี 2567 - 2568
กรอบการบริหารจัดการตามเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ เอือ้ ให้องค์กรบรรลุ เป้ าประสงค์ ปรั บปรุ งผลลัพธ์ และเพิ่มขีด
ความสามารถในการแข่งขัน เพื่อสามารถแข่งขันกับองค์กรในระดับนานาชาติ.
1
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ ช่วยองค์กรอย่างไร
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ ช่วยองค์กรตอบคาถามที่ทา้ ทาย 3 ข้อ ดังนี ้
1) องค์กรดาเนินการได้ดีอย่างที่ตอ้ งเป็ นหรือไม่.
2) องค์กรรูไ้ ด้อย่างไร.
3) องค์กรควรปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงอะไร ด้วยวิธีการอย่างไร.
องค์กรอาจพบว่าคาถามบางคาถามตอบได้ยาก. องค์กรอาจตัดสินใจว่าคาถามบางคาถามไม่เกี่ยวข้องกับ
องค์กรเท่ากับบางคาถามอื่น. แม้กระนัน้ คาถามต่าง ๆ ทัง้ หมดจะช่วยให้องค์กรระบุประเด็นจุดแข็งและโอกาส
ในการปรับปรุงผลการดาเนินการและความยั่งยืนขององค์กร.
เกณฑ์ช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อประเด็นที่มีความสาคัญต่อองค์กร ดังนี ้
• ทาความเข้าใจถึงประเด็ นที่ต ้องแข่ งขันและประสบความสาเร็จในระยะยาวในสภาพแวดล้อ มการ
ดาเนินการขององค์กร.
• ทาให้ผนู้ า ผูจ้ ดั การ และบุคลากรทัง้ หมดมองเห็นภาพเดียวกัน.
• ท าให้ม่ ั น ใจว่ า บุ ค ลากรขององค์ก รเข้า ใจและสามารถมี ส่ ว นร่ ว มในการขั บ เคลื่ อ นองค์ก รไปสู่
ความสาเร็จ.
• ทาความเข้าใจ และตอบสนอง หรือทาได้เหนือกว่าความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า.
• ทาให้ม่ นั ใจว่าการปฏิบตั ิการขององค์กรมีประสิทธิภาพ และนาไปสู่ความสาเร็จในระยะสัน้ และระยะ
ยาว.
2
ค่านิยมและแนวคิดหลัก
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติมีพืน้ ฐานมาจากค่านิยมและแนวคิดหลัก 11 ประการ ซึ่งเป็ นความเชื่อและ
พฤติกรรมที่พบว่าฝังลึกอยู่ในหลายองค์กรที่มีผลการดาเนินการที่เป็ นเลิศ ดังนี ้
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ
ด้วยการตอบคาถามของเกณฑ์รางวัลคุณภาพ เพื่อผลการดาเนินการที่เป็ นเลิศ องค์กรจะได้สารวจตนเอง
ถึงจุดแข็งและโอกาสในการปรับปรุง ครอบคลุม 7 หมวดที่สาคัญในการจัดการและการดาเนินการขององค์กร.
3
ความเกี่ยวเนื่องกันระหว่า งเกณฑ์หมวดต่า ง ๆ เหล่านี ้ ให้มุมมองเชิงระบบขององค์กร ตัวอย่างความ
เกี่ยวเนื่องกัน เช่น
4
ในขณะที่องค์กรตอบคาถามตามเกณฑ์และตรวจประเมินผลการตอบของตนเองกับแนวทางการให้คะแนน
องค์กรจะสามารถระบุจุดแข็งและโอกาสในการปรับปรุ ง ทัง้ ภายในเกณฑ์แต่ละหมวดและระหว่างหมวด. เมื่อ
องค์ก รใช้เ กณฑ์ร างวัล คุณ ภาพแห่ ง ชาติ เ พื่ อ บริห ารจัด การผลการด าเนิ น การองค์ก ร จะเกิ ด การท างาน
ประสานกันระหว่างกระบวนการที่สาคัญและข้อมูลป้อนกลับระหว่างกระบวนการกับผลลัพธ์ ซึ่งจะนาไปสู่
วงจรการปรับปรุง. และเมื่อใช้เกณฑ์นอี ้ ย่างต่อเนื่อง องค์กรจะได้เรียนรูเ้ กี่ยวกับองค์กรมากขึน้ และจะสามารถ
ระบุวิธีท่ดี ีท่สี ดุ ในการสร้างจุดแข็ง ปิ ดช่องว่าง และสร้างนวัตกรรม.
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ เหมาะสมกับทุกองค์กร.
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติสามารถปรับใช้ได้ตามความจาเป็ นขององค์กร. เกณฑ์ไม่ได้กาหนดว่าองค์กร
ควรจัดโครงสร้างหรือการปฏิบัติการอย่างไร. ในโครงร่างองค์กร องค์กรจะอธิบายว่าอะไรเป็ นสิ่งสาคัญต่อ
องค์กร. เกณฑ์กระตุน้ ให้องค์กรใช้แนวทางที่สร้างสรรค์ ปรับใช้ได้ มีนวัตกรรม และยืดหยุ่น และกระตุน้ ให้
องค์ก รเลือ กใช้เ ครื่ อ งมื อ ที่ เ หมาะสมที่ สุด กับ องค์ก ร (เช่น Lean, Six Sigma, ISO, Balanced Scorecard,
Plan-Do-Check-Act [PDCA]) และเลือกใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิผลมากที่สดุ เพื่อขับเคลื่อนการปรับปรุงและมี
ผลการดาเนินการที่ดีอย่างยั่งยืน.
บทบาทของเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ มีบทบาทในการสร้างเสริมความสามารถในการแข่งขัน 3 ประการ
5
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติของประเทศไทย
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ มีเนือ้ หาของข้อกาหนดและการประเมินที่เทียบเคียงได้กับรางวัลคุณภาพ
แห่งชาติต่าง ๆ ทั่วโลก เป็ นที่ยอมรับว่าเป็ นกรอบการบริหารจัดการเพื่อนาองค์กรไปสู่ความเป็ นเลิศ . การใช้
เกณฑ์ดงั กล่าวจะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยมุ่งมั่นพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยัง้ เพื่อประโยชน์ของ
ลูกค้า บุคลากร ผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสีย สังคม ประเทศชาติ และองค์กร.
วิธีการใช้เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ
ทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็ นองค์กรขนาดใหญ่ หรือขนาดเล็ก สามารถใช้เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ เ พื่ อ
ปรับปรุงองค์กรได้. เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติจะช่วยให้องค์กรตัดสินใจได้ว่าจะเริ่มต้นที่ใด.
ก. หากองค์กรเพิ่งเริ่มต้นเรียนรู้เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ
วิธีการเหล่านี ้ จะเป็ นประโยชน์สาหรับองค์กรที่เริ่มต้นใช้เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติเพื่อปรับปรุง
องค์กร.
6
ข. เมื่อองค์กรพร้อมสาหรับการตรวจประเมินโดยใช้เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ
การประเมินองค์กรโดยใช้เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ ให้ดาเนินการตามคาแนะนาดังต่อไปนี ้
7
ภาพรวมและโครงสร้างของเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ
เพือ่ ผลการดาเนินการทีเ่ ป็ นเลิศ: (Criteria for Performance Excellence
Overview and Structure)
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ เพือ่ ผลการดาเนินการทีเ่ ป็ นเลิศ: มุมมองเชิงระบบ
(Criteria for Performance Excellence Overview: A Systems Perspective)
ระบบการดาเนินการทีเ่ ป็ นเลิศ ประกอบด้วยเกณฑ์ 6 หมวดที่อยู่สว่ นกลางของภาพ ซึ่งระบุกระบวนการ
และผลลัพธ์ท่อี งค์กรบรรลุ.
ผลการดาเนินการที่เป็ นเลิศต้องอาศัยการนาองค์กรที่เข้มแข็งและแสดงให้เห็นผ่านผลลัพธ์ท่โี ดดเด่น.
คาว่า “การบูรณาการ” ที่กลางภาพ แสดงให้เห็นว่า ทุกองค์ประกอบของระบบเชื่อมโยงกัน.
ลูกศรแนวนอนที่ตรงกลาง แสดงการเชื่อมโยงที่สาคัญระหว่างกลุ่มการนาองค์กร (หมวด 1, 2 และ 3)
กับกลุม่ ผลลัพธ์ (หมวด 5, 6, และ 7) และยังแสดงถึงความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างกลุม่ การนาองค์กรและกลุ่ม
ผลลัพธ์.
ลู ก ศรแนวตั้ ง ที่ก ลางภาพ ชีไ้ ปยังโครงร่างองค์กรและพื น้ ฐานของระบบ ซึ่งให้สารสนเทศและข้อ มูล
ป้อนกลับสาหรับกระบวนการที่สาคัญและสภาพแวดล้อมขององค์กร.
ค่านิยมและแนวคิดหลัก
กลุ่ มผลลั พธ์ (บุ คลากร การปฏิ บัติการ และ
โครงร่ า งองค์ก ร ก าหนดบริ บ ท
ผลลั พ ธ์ ) ประกอบด้ว ย กระบวนการที่ มุ่ ง เน้ น
สาหรับองค์กร เป็ นพืน้ ฐานของการ
กลุ่มการนาองค์กร (การนาองค์กร กล บุ ค ลากร กระบวนการปฏิ บัติ ก ารที่ ส าคัญ และ
ดาเนินการทัง้ หมดขององค์กร
ยุทธ์ และลูกค้า) เน้นความสาคัญว่าการ ผลลัพธ์ที่เกิดจากกระบวนการเหล่านัน้
นาองค์กรต้องมุ่งที่กลยุทธ์และลูกค้า
การทางานทุกอย่างมุ่งสู่ผลลัพธ์ ซึ่ง
พื้น ฐานของระบบ (การวั ด ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย ผ ล ลั พ ธ์ ด้ า น
การวิเคราะห์ และการจัดการ
ผลิ ต ภั ณ ฑ์แ ละกระบวนการ ด้า น
ความรู้) มีความสาคัญอย่างยิ่ง
ลู ก ค้า ด้า นบุ ค ลากร ด้า นการน า
ในการทาให้องค์กรมีการจัดการ
องค์ก รและการก ากับ ดู แ ลองค์ก ร
ที่ มี ป ระสิทธิ ผล และมี ร ะบบที่
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาตินี้ มีพนื ้ ฐานมาจากค่านิยม และด้านการเงิน ตลาด และกลยุทธ์
คล่องตัวในการปรับปรุ งผลการ
ดาเนิ นการและความสามารถ และแนวคิดหลักที่ปลูกฝังอยู่ในบรรดาองค์กรที่มีผลการ
ในการแข่งขัน ซึ่งต้องใช้ข้อมูล ดาเนินการที่เป็ นเลิศ
จริง องค์ความรูเ้ ป็ นแรงผลักดัน
8
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ เพือ่ ผลการดาเนินการทีเ่ ป็ นเลิศ: โครงสร้าง
(Criteria for Performance Excellence Structure)
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ เพื่อผลการดาเนินการที่เป็ นเลิศ ทัง้ 7 หมวด แบ่งย่อยออกเป็ นหัวข้อ (Item)
และประเด็นพิจารณา (areas to address).
หัวข้อ
เกณฑ์มีทั้งหมด 17 หัวข้อ และอีก 2 หัวข้อในโครงร่างองค์กร แต่ละหัวข้อมีจุดมุ่งเน้นที่เฉพาะเจาะจง.
หัวข้อเหล่านีแ้ บ่งออกเป็ น 3 กลุม่ ตามประเภทของสารสนเทศที่ตอ้ งการ คือ
• โครงร่างองค์กร ถามเพื่อให้องค์กรระบุสภาพแวดล้อมขององค์กร.
• หัวข้อที่เป็ นกระบวนการ (หมวด 1-6) ถามเพื่อให้องค์กรระบุกระบวนการต่าง ๆ ขององค์กร.
• หัวข้อที่เป็ นผลลัพธ์ (หมวด 7) ถามเพื่อให้องค์กรรายงานผลลัพธ์ของกระบวนการต่าง ๆ ขององค์กร.
สาหรับรายชื่อหัวข้อและคะแนน ดูหน้า 12.
หัวข้อหมวดกระบวนการ หัวข้อหมวดผลลัพธ์
หัวข้อ 1.1 และ 1.2 หัวข้อ 7.4
หัวข้อ 2.1 และ 2.2 หัวข้อ 7.5
หัวข้อ 3.1 และ 3.2 หัวข้อ 7.2
หัวข้อ 4.1 และ 4.2 หัวข้อ 7.1 และ 7.5
หัวข้อ 5.1 และ 5.2 หัวข้อ 7.3
หัวข้อ 6.1 และ 6.2 หัวข้อ 7.1
หมายเหตุของหัวข้อ
หมายเหตุของหัวข้อ มีเพื่อ
1) อธิบายคา (term) หรือคาถามของแต่ละหัวข้อ.
2) แนะนาและให้ตวั อย่างวิธีการตอบคาถามของหัวข้อ.
3) ชีใ้ ห้เห็นการปฏิบตั ิท่เี กี่ยวเนื่องกันที่สาคัญกับหัวข้ออื่น ๆ.
หมายเหตุของหัวข้อที่ใช้ ตัวอักษรตัวเอียง เป็ นคาอธิบายสาหรับองค์กรไม่แสวงหาผลกาไร (รวมถึงองค์กร
ภาครัฐ).
9
ประเด็นพิจารณา
คาถาม
อภิธานศัพท์
10
ประเภทของสารสนเทศที่
หมายเลขหัวข้อ รูปแบบหัวข้อ องค์กรต้องตอบในหัวข้อนี ้
ผลลัพธ์
ชื่อหัวข้อและ คะแนนหัวข้อ
(75 คะแนน)
คาถามพืน้ ฐาน
7.5 ผลลัพธ์ด้านการเงิน ตลาด และกลยุทธ์ (Financial, Market, and Strategy RESULTS)
ประเด็นพิจารณา ผลลัพธ์ของการดาเนินการด้านการเงินและตลาด และผลลัพธ์ด้านการนากลยุทธ์ไปปฏิบัติเป็ นอย่างไร ?
คาถามโดยรวม
ก. ผลลัพธ์ด้านการเงินและตลาด (Financial and Market RESULTS)
(1) ผลการดาเนินการด้านการเงิน (Financial PERFORMANCE) ผลลัพธ์การดาเนินการด้านการเงินเป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์ของตัว
สรุปหัวข้อ วัดหรือตัวชีว้ ดั สาคัญของผลการดาเนินการด้านการเงิน, รวมถึงตัววัดโดยรวมเชิงประกอบ (aggregate measures) ด้านผลตอบแทนทาง
ของ
การเงิน, ความมั่นคงทางการเงิน (financial viability), และผลการดาเนินการด้านงบประมาณ (budgetary performance) เป็ นอย่างไร
คาถาม
(*) ? ผลลัพธ์เหล่านีแ้ ตกต่างกันตามส่วนตลาดและกลุ่มลูกค้าอย่างไร (*) ? คาถามย่อย
ย่อย
(2) ผลการดาเนินการด้านตลาด (Marketplace PERFORMANCE) ผลลัพธ์การดาเนินการด้านตลาดเป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์ของตัว
วัดหรือตัวชีว้ ดั สาคัญของผลการดาเนินการด้านตลาด, รวมถึงส่วนแบ่งตลาดหรือตาแหน่งในตลาด, การเติบโตของตลาด และการเติบโต
ของส่วนแบ่งตลาด, และการเจาะตลาดใหม่เป็ นอย่างไร (*) ? ผลลัพธ์เหล่านีแ้ ตกต่างกันตามส่วนตลาดและกลุ่มลูกค้าอย่างไร (*) ?
หมายเหตุ 7.5ก.(1).
การรายงานผลลัพธ์ในหัวข้อนี ้ อาจรวมถึงตัววัดเชิงประกอบด้านผลตอบแทนทางการเงิน เช่น ผลตอบแทนทางการลงทุน (ROI), ส่วนกาไรจาก
การดาเนินงาน (operating margin), ความสามารถในการทากาไร, หรือความสามารถในการทากาไรตามส่วนตลาดหรือกลุ่มลูกค้า. ตัววัดด้านความ
มั่นคงทางการเงิน อาจรวมถึงสภาพคล่อง (liquidity), อัตราส่วนหนีส้ ินต่อทุน (debt to equity ratio), เงินสดย่อยรายวัน (days cash on hand),
ประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์, และกระแสเงินสด. สำหรับองค์กรที่ไม่แสวงหำผลกำไร (รวมถึงองค์กรภำครัฐ) อำจรวมถึงตัววัดเกี่ยวกับผลกำร
ดำเนินกำรเทียบกับงบประมำณ (performance to budget) ซึ่งรวมถึงกำรเพิ่มเติมหรือลดลงของทุนสำรอง (reserve funds); กำรลดควำมสิน้ เปลือง
หรือกำรประหยัด; กำรตอบสนองต่องบประมำณที่ลดลง; กำรลดค่ำใช้จ่ำยให้ลูกค้ำ หรือผลตอบแทนต่อทุนซึ่งเป็ นผลมำจำกกำรเพิ่มประสิทธิภำพ;
เปอร์เซ็นต์ค่ำใช้จ่ำยกำรบริหำรต่องบประมำณ; และต้นทุนด้ำนกำรระดมทุนเทียบกับทุนทีร่ ะดมได้. หมายเหตุสาหรับองค์กรที่ไม่
แสวงหาผลกาไร (ใช้ตวั เอียง)
หมายเหตุ 7.5ก.(2).
สำหรับองค์กรทีไ่ ม่แสวงหำผลกำไร, กำรรำยงำนผลลัพธ์ในหัวข้อนี ้ อำจรวมถึงตัววัดด้ำนกำรบริจำคเพือ่ กำรกุศลหรือเงินช่วยเหลือ (charitable
donations or grants) และจำนวนโครงกำรหรือกำรให้บริกำรใหม่.
หมายเหตุ 7.5ข.
ผลลัพธ์ของความพยายามในการสร้างนวัตกรรม ควรต้องเชื่อมโยงกับแนวทางการแสวงหาการสร้างนวัตกรรม (pursuing innovations) และการ
ประเมินโอกาสคุม้ เสี่ยง, ตามที่รายงานในหัวข้อ 4.2ค. ผลลัพธ์ควรต้องรวมถึงนวัตกรรม และผลกระทบที่มีต่อผลการดาเนินการขององค์กร. ตัวอย่าง
ผลลัพธ์ เช่น การเพิ่มส่วนแบ่งตลาดและ/หรือรายได้อย่างมีนัยสาคัญ อันเนื่องจากการเจาะตลาดใหม่ หรือนาเสนอผลิตภัณฑ์/บริการใหม่, หรื อการ
เพิ่มประสิทธิผลอย่างมีนยั สาคัญที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ, สิ่งอานวยความสะดวก, หรือการปฏิบตั ิการ ที่มีการออกแบบใหม่.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
การเชื่อมโยงคาอธิบายเพิ่มเติมของหมวดและหัวข้อ
11
หัวข้อของเกณฑ์
เกณฑ์เพื่อการดาเนินการทีเ่ ป็ นเลิศ ปี ทีด่ าเนินการ
2565-2566 2567-2568
โครงร่างองค์กร
1. ลักษณะองค์กร
2. สภาวการณ์ขององค์กร
หมวดและหัวข้อต่าง ๆ คะแนน
หมวด 1 การนาองค์กร 110 110
1.1 การนาองค์กรโดยผูน้ าระดับสูง 60 60
1.2 การกากับดูแลและการตอบแทนสังคม 50 50
หมวด 2 กลยุทธ์ 95 95
2.1 การจัดทากลยุทธ์ 45 45
2.2 การนากลยุทธ์ไปปฏิบตั ิ 50 50
หมวด 3 ลูกค้า 95 95
3.1 ความคาดหวังของลูกค้า 45 45
3.2 ความผูกพันของลูกค้า 50 50
หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ 100 100
4.1 การวัด การวิเคราะห์ และการปรับปรุงผลการ
55 50
ดาเนินการขององค์กร
4.2 การจัดการสารสนเทศ และการจัดการความรู ้ 45 50
หมวด 5 บุคลากร 100 100
5.1 สภาพแวดล้อมของบุคลากร 45 45
5.2 ความผูกพันของบุคลากร 55 55
หมวด 6 การปฏิบตั ิการ 100 100
6.1 กระบวนการทางาน 55 50
6.2 ประสิทธิผลของการปฏิบตั ิการ 45 50
หมวด 7 ผลลัพธ์ 400 400
7.1 ผลลัพธ์ดา้ นผลิตภัณฑ์และกระบวนการ 120 110
7.2 ผลลัพธ์ดา้ นลูกค้า 70 75
7.3 ผลลัพธ์ดา้ นบุคลากร 70 70
7.4 ผลลัพธ์ดา้ นการนาองค์กรและการกากับดูแลองค์กร 65 65
7.5 ผลลัพธ์ดา้ นการเงิน ตลาด และกลยุทธ์ 75 80
คะแนนรวม 1000 1000
12
คาอธิบายเพือ่ การอ่านเกณฑ์
1. คาศัพท์ท่สี าคัญ เพื่อใช้ในเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ สังเกตได้จาก
1.1 คาที่ขีดเส้นใต้
1.2 คาภาษาอังกฤษที่พิมพ์เป็ นตัวพิมพ์ใหญ่
คาเหล่านีส้ ามารถดูความหมายได้จากอภิธานศัพท์ หน้า 145-168
2. หัวข้อต่าง ๆ ในเนือ้ หาเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ แบ่งออกเป็ น 3 กลุม่
บทนา อธิบายสภาพแวดล้อมขององค์กร
หมวด 1-6 อธิบายกระบวนการต่าง ๆ ขององค์กร
หมวด 7 แสดงผลลัพธ์จากกระบวนการต่าง ๆ ขององค์กร
3. คาที่เป็ นตัวเอียงในหมายเหตุ เป็ นคาอธิบายสาหรับองค์กรไม่แสวงหาผลกาไร (รวมถึงองค์กรภาครัฐ)
4. เครื่องหมาย (*) หมายถึง การตอบในประเด็นนี ้ ให้พิจารณาตามความเหมาะสม
5. เครื่องหมาย. (มหัพภาค หรือ full stop) ใช้เติมหลังคาเพื่อช่วยให้เข้าใจว่ากล่าวจบประโยคแล้ว(
6. ในคาถามย่อยของประเด็นพิจารณาที่มีตวั เลขในวงเล็บ เช่น 1.1ก.(3) ประกอบด้วยคาถามหลายคาถาม.
คาถามเหล่านีม้ ีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน และไม่จาเป็ นต้องแยกตอบแต่ละคาถาม. คาถามย่อยเหล่านี ้ ใช้
เป็ นแนวทางในการทาความเข้าใจว่าต้องใช้สารสนเทศใดในการตอบ.
7. หมายเหตุทา้ ยเกณฑ์แต่ละหัวข้อ มีจดุ ประสงค์ 3 ประการ คือ
1) อธิบายคา หรือคาถามของแต่ละหัวข้อให้ชดั เจน.
2) แนะนาและให้ตวั อย่างวิธีการตอบตามคาถามของหัวข้อ.
3) ชีใ้ ห้เห็นการปฏิบตั ิท่เี กี่ยวเนื่องกันที่สาคัญกับหัวข้ออื่น.
โดยสรุป จุดประสงค์ของหมายเหตุ คือ เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถตอบคาถามต่าง ๆ ตามคาถามของหัวข้อ
ได้ชดั เจนยิ่งขึน้ .
8. หนังสือเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติเล่มนี ้ ใช้สาหรับองค์กรที่สนใจสมัครขอรับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ
ประจาปี 2567-2568 โดยองค์กรสามารถพิจารณารายละเอียดได้จากคู่มือการสมัครขอรับรางวัลคุณภาพ
แห่งชาติประจาปี นนั้ ๆ ใน www.tqa.or.th
13
14
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติเพือ่ ผลการดาเนินการทีเ่ ป็ นเลิศ
(Criteria for Performance Excellence)
เริ่มต้นด้วยโครงร่างองค์กร (Begin with the Organizational Profile)
โครงร่างองค์กร เป็ นการเริ่มต้นที่เหมาะสมที่สดุ ในการประเมินตนเองขององค์กร และในการเขียนรายงาน
เพื่อสมัครขอรับรางวัล. โครงร่างองค์กรมีความสาคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก
15
บทนา: โครงร่างองค์กร
(Organizational Profile)
โครงร่างองค์กร คือ ภาพรวมโดยย่อ และสภาพแวดล้อมเชิงกลยุทธ์ขององค์กร.
16
คาดหวังที่สาคัญต่อผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ, บริการที่สนับสนุนลูกค้า, และการปฏิบตั ิการอย่างไร,
รวมถึงมีความแตกต่างกันตามกลุม่ ต่าง ๆ อย่างไร ?
(3) ผู้ส่งมอบ, พันธมิตร, และคู่ความร่วมมือ (Suppliers, PARTNERS, and COLLABORATORS)
ผูส้ ง่ มอบ, พันธมิตร, และคู่ความร่วมมือที่สาคัญมีประเภทใดบ้าง ? แต่ละกลุม่ มีบทบาทอะไรในส่วนที่
เกี่ยวข้องกับการผลิตและการส่งมอบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่สาคัญ และบริการที่สนับสนุนลูกค้า
ที่สาคัญ ? กลุ่มเหล่านีม้ ีบทบาทอย่างไรในการร่วมพัฒนานวัตกรรมให้องค์กร ? อะไรคือข้อกาหนดที่
สาคัญของเครือข่ายอุปทาน (supply-network) ขององค์กร ?
หมายเหตุ
หมายเหตุ 1.ก.(1)
วิธีการที่องค์กรใช้ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการไปยังลูกค้าอาจส่งมอบโดยตรงหรือโดยอ้อม,
หรือผ่านตัวแทนจาหน่าย, ผูจ้ ดั จาหน่าย, คู่ความร่วมมือ, หรือพันธมิตรช่องทางส่งมอบ. ผลิตภัณฑ์และ/หรือ
บริการขององค์กรที่ไม่แสวงหาผลกาไร (รวมถึงองค์กรภำครัฐ) อาจหมายถึง โปรแกรม/แผนงาน โครงการ.
หมายเหตุ 1.ก.(2)
นอกเหนือจากพันธกิจ หากองค์กรมีการกาหนดเจตจานง (Purpose) องค์กรควรต้องอธิบายสิ่งเหล่านัน้ ใน
1.ก.(2) และในหมวดกระบวนการ (*). บางองค์กรอาจระบุพนั ธกิจและเจตจานงที่ต่างกัน , และบางองค์กรใช้
คาเหล่านีแ้ ทนกัน. เจตจานงหมายถึงเหตุผลพืน้ ฐานในการดารงอยู่ขององค์กร.
หมายเหตุ 1.ก.(2)
ค่านิยมขององค์กรเป็ นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร. ลักษณะเฉพาะอื่นของวัฒนธรรมองค์กรรวมถึง
ความเชื่อ, บรรทัดฐาน (norms), และค่านิยมร่วมกัน ซึ่งนาไปสูค่ วามเป็ นเอกลักษณ์ของสภาพแวดล้อมภายใน
องค์กร.
หมายเหตุ 1.ก.(3)
ลักษณะโดยรวมของบุคลากรควรต้องรวมถึง สถานที่ตงั้ ที่บุคลากรทางานอยู่, กลุ่มที่จัดตัง้ ขึน้ เพื่อเจรจา
สิทธิประโยชน์กับองค์กร (เช่น สหภาพแรงงาน), และข้อกาหนดพิเศษด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
ตามความเหมาะสม. ลักษณะโดยรวมของบุคลากรควรต้องระบุตามกลุ่มบุคลากรที่องค์กรกาหนดไว้เพื่อ
จาแนกข้อมูล. องค์กรที่พ่งึ พาอาสาสมัครและ/หรือพนักงานชั่วคราวในการดาเนินงานหลัก (งานที่ทาให้เกิดผล
ผลิตที่สาคัญ และ/หรือที่มีปฏิสมั พันธ์กบั ลูกค้า) ควรต้องรวมกลุ่มเหล่านีเ้ ป็ นส่วนหนึ่งของบุคลากรขององค์กร
ด้วย. การจาแนกกลุ่มบุคลากรหรือพนักงานอาจจัดแบ่งตามประเภทของการจ้างงานหรือสัญญาจ้าง, สถานที่
ปฏิ บัติ งาน (รวมทั้งการทางานจากนอกสถานที่), การทางานเป็ นกะ/ปฏิ บัติ งานนอกที่ตั้ง (tour of duty),
สภาพแวดล้อมในการทางาน, นโยบายการทางานแบบยืดหยุ่น, หรือปั จจัยอื่น ๆ. การเปลี่ยนแปลงทั้งใน
ปัจจุบนั และที่คาดหมายไว้ท่สี ง่ ผลต่อบุคลากรอาจเกี่ยวข้องกับการจัดตารางการทางาน, สถานที่ในการทางาน
, และข้อกาหนดและความคาดหวังของบุคลากร.
17
หมายเหตุ 1.ก.(5)
กฎระเบียบข้อบังคับและข้อกาหนดรวมถึง กฎระเบียบข้อบังคับด้านอาชีวอนามัย และความปลอดภัย ;
มาตรฐานอุตสาหกรรม; และกฎระเบียบข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อม, การเงิน, และผลิตภัณฑ์. ในเกณฑ์รางวัล
คุณภาพแห่งชาติ คาว่า “อุตสาหกรรม” หมายถึง ภาคส่วนที่องค์กรดาเนินการธุรกิจอยู่. มาตรฐานอุตสาหกรรม
อาจรวมถึงหลักปฏิบตั ิ (Codes of conduct) และแนวนโยบายที่ใช้ท่ วั ไปในอุตสาหกรรม. สำหรับองค์กรทีไ่ ม่
แสวงหำผลกำไร (รวมถึงองค์กรภำครัฐ) ภำคส่วนดังกล่ำวอำจเป็ นองค์กรกำรกุศล, สมำคมและชมรมวิชำชีพ,
องค์กรศำสนำ, หรือหน่วยงำนภำครัฐ - หรือภำคส่วนย่อยของหน่วยงำนเหล่ำนัน้ . กฎระเบียบข้อบังคับด้าน
สิ่งแวดล้อมอาจรวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, กฎระเบียบข้อบังคับควบคุมและซือ้ ขายคาร์บอนเครดิต
(carbon regulations and trading), และประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ทัง้ นี ้ ขึน้ อยู่กบั พืน้ ที่ท่อี งค์กรดาเนินการ
อยู่.
หมายเหตุ 1.ข.(1)
โครงสร้างการนาองค์กรและการกากับดูแลองค์กรสาหรับองค์กรธุรกิจ, องค์กรไม่แสวงหาผลกาไร, และ
องค์กรภาครัฐ อาจประกอบด้วยคณะกรรมการที่ปรึกษา, สภาครอบครัว (Family council), หรือผูน้ าท้องถิ่น/
ภูมิภาคที่จัดตัง้ ขึน้ เพื่อให้คาแนะนาแก่องค์กร. สำหรับองค์กรที่ไม่แสวงหำผลกำไร (รวมถึงองค์กรภำครัฐ)
ควำมสัมพันธ์ในกำรรำยงำน อำจรวมถึงเจ้ำหน้ำ ที่, คณะกรรมกำร, และกรรมกำรที่มำจำกกำรเลือ กตัง้ ,
ครอบคลุมถึงควำมสัมพันธ์กบั แหล่งเงินทุนทีส่ ำคัญ เช่น หน่วยงำน, รัฐสภำ, หรือ มูลนิธิทสี่ นับสนุนเงินทุน.
หมายเหตุ 1.ข.(1)
โครงร่างองค์กร ถามถึงองค์ประกอบของระบบการนาองค์กร (What). คาถามในหมวด 1 และหมวด 5 ถาม
ถึงวิธีการดาเนินการของระบบการนาองค์กร (How).
หมายเหตุ 1.ข.(2)
สำหรับองค์กรทีไ่ ม่แสวงหำผลกำไรบำงแห่ง (รวมถึงองค์กรภำครัฐ) ลูกค้ำอำจรวมถึง สมำชิก, ผูเ้ สียภำษี ,
ผูอ้ ยู่อำศัย, ผูเ้ ยีย่ มชม, องค์กรธุรกิจ, ผูจ้ ำ้ งงำน, และผูไ้ ด้รบั ประโยชน์. ส่วนตลำดอำจหมำยถึงกำรแบ่งตำม
กลุ่มผูอ้ ยู่ในข่ำยที่จะได้รบั ประโยชน์. สำหรับองค์กรภำครัฐ รัฐสภำ (ที่เป็ นแหล่งเงินทุน) อำจเป็ นผูม้ ีส่วนได้
ส่วนเสียทีส่ ำคัญรำยหนึ่ง.
หมายเหตุ 1.ข.(2)
กลุม่ ลูกค้าอาจแบ่งตามข้อกาหนดและความคาดหวัง, พฤติกรรม, ความชอบ, หรือลักษณะที่คล้ายคลึงกัน.
ในแต่ละกลุ่ม ลูกค้ายังอาจแบ่งออกตามความแตกต่าง, ลักษณะร่วม, หรือทัง้ 2 แบบ. องค์กรอาจแบ่งย่อย
ส่วนตลาดหรือกลุ่มลูกค้าตามสายผลิตภัณฑ์หรือลักษณะพิเศษของผลิตภัณฑ์, ช่องทางการจัดจาหน่าย,
ปริมาณการซือ้ ขาย, ภูมิศาสตร์ หรือปั จจัยอื่น ๆ.
18
หมายเหตุ 1.ข.(2)
ข้อ ก าหนดและความคาดหวัง ของลูก ค้า , ผู้มี ส่ ว นได้ส่ ว นเสี ย , และการปฏิ บัติ ก าร ผลัก ดัน ให้อ งค์ก ร
ตอบสนองไวต่อความเสี่ยงในการหยุดชะงักของผลิตภัณฑ์, บริการ, การสนับสนุน, และเครือข่ายอุปทาน
(supply-network), รวมถึงการหยุดชะงักที่มาจากภัยพิบตั ิทางธรรมชาติและภาวะฉุกเฉินอื่น.
หมายเหตุ 1.ข.(3)
เครือข่ายอุปทาน (Supply-network) ขององค์กร ประกอบด้วยหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องในการผลิต
และส่งมอบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ และการเสนอบริการหลังการขายให้กับลูกค้า. สาหรับบางองค์กร
หน่วยงานเหล่านีจ้ ะเชื่อมโยงกันเป็ นห่วงโซ่ โดยที่หน่วยงานหนึ่งเป็ นผูจ้ ัดหาให้อีกหน่วยงานหนึ่งโดยตรง.
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานเหล่านีม้ ีความโยงใยเข้าด้วยกันและพึ่งพาซึ่งกันและกันมากขึน้ มากกว่าความสัมพันธ์
เชิงเส้นตรง. เกณฑ์ใช้คาว่า “เครือข่ายอุปทาน (supply-network)” เพื่อเน้นให้เห็นถึงการพึ่งพาซึ่งกันและกัน
ระหว่ า งองค์ก รและผู้ส่งมอบ. ค าว่ า เครื อ ข่ า ยอุป ทาน แสดงถึ งวิ วัฒนาการและการยกระดับ พัฒนาการ
(maturity) ของการบริหารจัดการห่วงโซ่อปุ ทาน.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
19
2. สถานการณ์ขององค์กร (Organizational Situation)
สถานการณ์เชิงกลยุทธ์ขององค์กรคืออะไร?
หมายเหตุ
หมายเหตุ 2.ก.
องค์กรไม่แสวงหำผลกำไรต้องแข่งขันกับองค์กรที่ไม่แสวงหำผลกำไรอื่นและกับหน่วยงำนอื่นที่ให้บริกำร
คล้ำยคลึงกันเพือ่ ให้ได้แหล่งทุนสนับสนุนและอำสำสมัคร, สมำชิกภำพ, กำรเป็ นทีร่ ู จ้ กั ในชุมชนทีเ่ หมำะสม, ผู ้
ทีม่ ีควำมสำมำรถพิเศษ (talent), และกำรได้รบั ควำมสนใจจำกสือ่ .
หมายเหตุ 2.ข.
ความท้าทายเชิงกลยุทธ์, ภัยคุกคามเชิงกลยุทธ์, ความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์, และโอกาสเชิงกลยุทธ์ อาจ
เป็ นด้านธุรกิจ, ด้านการปฏิบตั ิการ, ด้านการตอบแทนสังคม, และด้านบุคลากร. ความท้าทายเชิงกลยุทธ์, ภัย
คุกคามเชิงกลยุทธ์, ความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์, และโอกาสเชิงกลยุทธ์ อาจสัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์; การเงิน;
โครงสร้างองค์กรและวัฒนธรรมองค์กร; เทคโนโลยีอุบัติใหม่ (emerging technology); การบูรณาการด้าน
ดิ จิ ทัล (digital integration) ; ความมั่น คงปลอดภั ย ไซเบอร์ (cybersecurity); การเกิ ด ขึ น้ ของคู่ แ ข่ ง ใหม่
20
(emerging competitors); ความสามารถในการฟื ้ นตั ว (resilience) และการจั ด การความเสี่ ย ง; การ
เปลี่ยนแปลงข้อกาหนดและความคาดหวังของผูม้ ี ส่ว นได้ส่ว นเสีย ; ขีดความสามารถหรือ อัต รากาลังของ
บุคลากร; ชื่อเสียงและการยอมรับของตราสินค้า; เครือข่ายอุปทานขององค์กร; โลกาภิวตั น์; สิ่งแวดล้อมและ
สภาพภูมิอากาศ; ความหลากหลาย, ความเท่าเทียม, และการมีส่วนร่วม; รวมถึงการอัพเกรดและการซ่อม
บารุงอาคารสถานที่. คำว่ำ “ธุรกิจ”เมือ่ ใช้กบั องค์กรทีไ่ ม่แสวงหำผลกำไร (รวมถึงองค์กรภำครัฐ) หมำยถึงเรื่อง
ทีเ่ กีย่ วกับพันธกิจหลักหรือกิจกรรมระดับองค์กร.
หมายเหตุ 2.ค.
ความเป็ นเลิศไม่อาจเกิดขึน้ ได้หากปราศจากการประเมินและการปรับปรุ งอย่างจริงจังของกระบวนการที่
สาคัญ , ระบบที่สาคัญ , และผลลัพ ธ์ท่ีสาคัญขององค์ก ร. ระบบการให้ค ะแนนของเกณฑ์ร างวัลคุณภาพ
แห่งชาติ พิจารณาการปรับปรุ งผลการดาเนินการผ่านการเรียนรู แ้ ละการบูรณาการ โดยเป็ นมิติหนึ่งในการ
ตรวจประเมินระดับพัฒนาการของแนวทางและการถ่ายทอดสู่การปฏิบัติขององค์กร. คาถามนีช้ ่วยกาหนด
บริบทโดยรวมของแนวทางที่ใช้ในการปรับปรุ งผลการดาเนินการขององค์กร. ระบบที่องค์กรใช้ควรต้องสัมพันธ์
กับความต้องการขององค์กรและสอดคล้องกันกับขีดความสามารถ, อัตรากาลัง, และวัฒนธรรมขององค์กร.
เครื่องมือและวิธีการที่องค์กรอาจใช้ ตัวอย่างเช่น Plan-Do-Check-Act (PDCA), มาตรฐาน ISO, ระบบลีน
ระดับองค์กร (Lean Enterprise System), วิธี Six Sigma, และวิธีอ่ืน ๆ
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
21
หมวด 1 การนาองค์กร (110 คะแนน)
(Leadership)
ในหมวดการนาองค์กร เกณฑ์ถามว่าการปฏิบตั ิตนของผู้นาระดับสูง ชีน้ า และทาให้องค์กรมีความยั่งยืน
อย่า งไร. นอกจากนี ้ เกณฑ์ยังถามถึ ง ระบบการก ากับ ดูแ ลองค์ก ร; วิ ธีก ารที่อ งค์ก รใช้เ พื่ อ บรรลุผลความ
รับผิดชอบด้านกฎหมายและจริยธรรม; และวิธีการที่องค์กรสร้างประโยชน์ให้สงั คม.
กระบวนการ
(60 คะแนน)
1.1 การนาองค์กรโดยผู้นาระดับสูง (Senior Leadership):
ผู้นาระดับสูงนาองค์กรอย่างไร ?
ก. พันธกิจ วิสัยทัศน์และค่านิยม (MISSION, VISION and VALUES)
(1) กาหนดพันธกิจ วิสัยทัศน์และค่านิ ยม (Establishing MISSION, VISION and VALUES) ผู้นา
ระดั บ สู ง ด าเนิ น การอย่ า งไรในการก าหนดและถ่ า ยทอดสู่ ก ารปฏิ บั ติ ใ นเรื่ อ งพั น ธกิ จ ,
วิสัยทัศน์และค่านิยม ? ผูน้ าระดับสูงดาเนินการอย่างไรในการถ่ายทอดสู่การปฏิบตั ิในเรื่องพันธกิจ
วิสยั ทัศน์และค่านิยม โดยผ่านระบบการนาองค์กร, ไปยังบุคลากร, ผูส้ ่งมอบและพันธมิตรที่สาคัญ,
รวมทัง้ ลูกค้าและผูม้ ีส่วนได้สว่ นเสียอื่น ๆ (*) ? การปฏิบตั ิตนของผูน้ าระดับสูงสะท้อนให้เห็นถึงความ
มุ่งมั่นต่อค่านิยมขององค์กรอย่างไร ?
(2) การส่ง เสริ ม การประพฤติป ฏิบั ติต ามกฎหมายและการประพฤติป ฏิ บั ติอ ย่ างมี จ ริ ย ธรรม
(Promoting Legal and ETHICAL BEHAVIOR) การปฏิบัติตนของผู้นาระดับสูงแสดงให้เห็นถึง
ความมุ่งมั่นต่อการประพฤติปฏิบัติตามกฎหมายและการประพฤติปฏิบัติอย่างมีจริ ยธรรม
อย่างไร ? ผูน้ าระดับสูงส่งเสริมสภาพแวดล้อมในองค์กรเพื่อการประพฤติปฏิบตั ิตามกฎหมายและ
การประพฤติปฏิบตั ิอย่างมีจริยธรรมอย่างไร ?
ข. การสื่อสาร (Communication)
ผู้นาระดับสูงดาเนินการอย่างไรในการสื่อสารและสร้างการมีส่วนร่วมอย่างเต็มใจ (engage)
กับบุคลากรทั้งหมด, พันธมิตรที่สาคัญ, และลูกค้าที่สาคัญ ? ผูน้ าระดับสูงดาเนินการในเรื่องต่อไปนี ้
อย่างไร
22
ค. การมุ่งเน้นผลการดาเนินการขององค์กร (Focus on Organizational PERFORMANCE)
(1) การสร้ างสภาพแวดล้ อมเพื่ อ ความส าเร็ จ ผู้ นาระดั บ สู ง ดาเนิ นการอย่ างไรในการสร้ า ง
สภาพแวดล้ อมเพื่ อทาให้ องค์ก รประสบความสาเร็ จ ทั้ง ในปั จ จุ บั นและในอนาคต ? ผูน้ า
ระดับสูงดาเนินการในเรื่องต่อไปนีอ้ ย่างไร
หมายเหตุ
หมายเหตุ 1
คาตอบในหมวด 1 ควรต้องสอดคล้องกับองค์ประกอบของระบบการนาองค์กรที่ระบุไว้ในโครงร่างองค์กร 1
ข(1).
หมายเหตุ 1.1
หัวข้อนีเ้ ป็ นเรื่องเกี่ ยวกับผูน้ าระดับสูงโดยเฉพาะ และวิธีการที่ผูน้ าระดับสูงนาองค์กร. หัวข้ออื่น ๆ จะ
มุ่งเน้นที่องค์กร.
หมายเหตุ 1.1
ผลลัพธ์ดา้ นประสิทธิผลของการนาองค์กรและระบบการนาองค์กรควรต้องรายงานในหัวข้อ 7.4.
23
หมายเหตุ 1.1.
ในการนาองค์กรและการมุ่งเน้นความสาเร็จ, ผูน้ าระดับสูงควรคานึงถึงบุคลากรทัง้ หมด (ทัง้ บุคลากรที่อยู่
ประจา, ที่ทางานแบบผสมผสาน (hybrid), หรือที่ทางานผ่านทางไกล (remote).
หมายเหตุ 1.1ก.(1).
พันธกิจและวิสยั ทัศน์ขององค์กรควรต้องเป็ นตัวกาหนดบริบทสาหรับโอกาสเชิงกลยุทธ์, วัตถุประสงค์เชิงกล
ยุทธ์และแผนปฏิบตั ิการที่อธิบายไว้ในโครงร่างองค์กร 2ข. และ หัวข้อ 2.1 และ 2.2.
หมายเหตุ 1.1ข.
สาหรับองค์กรที่ตอ้ งพึ่งพาอาสาสมัคร และ/หรือพนักงานชั่วคราวเป็ นอย่างมากในการดาเนินงานหลัก
(core work) (งานที่ทาให้เกิดผลผลิตที่สาคัญ และ/หรือที่มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ) ควรต้องอธิ บายถึงความ
พยายามในการสื่อสารกับกลุ่มเหล่านี.้ (ดูหมายเหตุแรกของหัวข้อ 5.1). ทานองเดียวกัน, องค์กรที่ตอ้ งพึ่งพาผู้
ส่งมอบเป็ นอย่างมาก ควรต้องอธิบายถึงความพยายามในการสื่อสารและสร้างการมีส่วนร่วมอย่างเต็มใจ
(communicate with and engage) กับผูส้ ง่ มอบที่สาคัญ.
หมายเหตุ 1.1ค.(1).
ในการสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อความสาเร็จ, ผูน้ า ควรต้องคานึงถึงทัง้ ปั จจัยภายในและภายนอก. ปั จจัย
เหล่านีอ้ าจรวมถึงระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) และช่วงเบี่ยงเบนของระดับความเสี่ยงที่ยอมรับ
ได้ (risk tolerance) ; ความจาเป็ นในการสร้างนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับองค์กร, รวมถึง
ความเสี่ยงและโอกาสที่เกิดขึน้ จากเทคโนโลยีอบุ ตั ิใหม่, การบูรณาการข้อมูล, และการเปลี่ยนแปลงข้อมูลไปสู่
รู ป แบบดิ จิ ทั ล (digitization); ความพร้อ มต่ อ ภาวะชะงั ก งั น (disruptions) ทั้ ง ระยะสั้ น และระยะยาว;
วัฒนธรรมองค์กร; ระบบงาน; ความจาเป็ นที่อาจมีต่อการเปลี่ยนแปลงในด้านโครงสร้างและวัฒนธรรมองค์กร;
ขีดความสามารถและอัตรากาลังบุคลากร; การมีทรัพยากรพร้อมใช้งาน; ประโยชน์ของสังคมและความเท่า
เทียมในสังคม; และสมรรถนะหลักขององค์กร
หมายเหตุ 1.1ค.(1).
การส่งเสริมความเท่าเทียม หมายถึง การสนับสนุนให้ลกู ค้า , บุคลากร, และผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสียที่สาคัญทุก
คน ได้รบั การปฏิบตั ิอย่างเป็ นธรรม. การมีสว่ นร่วม หมายถึง การส่งเสริมการมีสว่ นร่วมอย่างเต็มที่ของทุกคนที่
กล่าวมาและสนับสนุนให้มีสานึกความเป็ นเจ้าของ. (sense of belonging)
หมายเหตุ 1.1ค.(2).
การมุ่งเน้นการปฏิบัติของผูน้ าระดับสูงคานึงถึงกลยุทธ์ , บุคลากร, ระบบงาน, และสินทรัพย์ขององค์กร.
ทัง้ นี ้ รวมถึงการประเมินโอกาสคุม้ เสี่ยง (taking intelligent risks), การประยุกต์ใช้นวัตกรรมและการปรับปรุง
ผลการดาเนินการและผลิตภาพอย่างต่อเนื่อง, การปฏิบตั ิเพื่อให้บรรลุวตั ถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ขององค์กร (ดู
2.2.ก(1)), การแสดงให้เห็นภาระรับผิดชอบของตนต่อการปฏิบตั ิดงั กล่าว, การทาให้ม่นั ใจว่ามีทรัพยากรอย่าง
24
เพียงพอ, และการวางแผนบริหารเพื่อจัดการการเปลี่ยนแปลงหรือการตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อสารสนเทศ
ใหม่ท่สี าคัญตามความจาเป็ น.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
25
กระบวนการ
(50 คะแนน)
1.2 การกากับดูแลองค์กรและการสร้างประโยชน์ให้สังคม (Governance and Societal
Contributions):
องค์กรดาเนินการอย่างไรในการกากับดูแลองค์กรและสร้างประโยชน์ให้สังคม ?
ก. การกากับดูแลองค์กร (Organizational GOVERNANCE)
(1) ระบบการกากับดูแลองค์กร (GOVERNANCE SYSTEM) องค์กรดาเนินการอย่างไรในการทา
ให้ม่นั ใจว่ามีระบบการกากับดูแลองค์กรทีม่ ีความรับผิดชอบ ? องค์กรดาเนินการอย่างไรในการ
ทบทวนและทาให้ระบบการกากับดูแลองค์กรประสบความสาเร็จในเรื่องต่อไปนี ้
• ภาระความรับผิดชอบในการกระทาของผูน้ าระดับสูง;
• ภาระความรับผิดชอบด้านการเงิน;
• ความโปร่งใสในการปฏิบตั ิการ;
• การคัดเลือกคณะกรรมการกากับดูแลองค์กร และนโยบายในเรื่องการเปิ ดเผยข้อมูลการคัดเลือก
คณะกรรมการกากับดูแลองค์กร (*);
• ความเป็ นอิสระและมีประสิทธิผลของการตรวจสอบภายในและภายนอก;
• การปกป้องผลประโยชน์ของผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสียและผูถ้ ือหุน้ (*); และ
• การวางแผนการวางแผนผูส้ ืบทอดตาแหน่งสาหรับผูน้ าระดับสูง ?
(2) การประเมิ น ผลการด าเนิ น การ (PERFORMANCE Evaluation) องค์ ก รประเมิ น ผลการ
ด าเนิ น การของผู้ น าระดั บ สู ง และระบบการก ากั บ ดู แ ลองค์ก รอย่ า งไร ? องค์ก รใช้ก าร
ประเมินผลการดาเนินการเหล่านีเ้ พื่อกาหนดค่าตอบแทนของผูบ้ ริหารอย่างไร ? ผูน้ าระดับสูง และ
ระบบการกากับดูแลองค์กรใช้ผลการประเมิน ผลการดาเนินการข้างต้นเพื่อการพัฒนาตนเองและ
ปรับปรุงประสิทธิผลทัง้ การนาองค์กรของผูน้ า, คณะกรรมการ, และระบบการนาองค์กรอย่างไร (*) ?
26
ข. การประพฤติปฏิบัติตามกฎหมายและการประพฤติปฏิบัติอย่างมีจริยธรรม (Legal and ETHICAL
BEHAVIOR)
(1) การปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบข้อบังคับ (Legal and Regulatory Compliance)
องค์กรดำเนินกำรในเรื่องต่อไปนีอ้ ย่ำงไร
• ดาเนินการในกรณีท่ผี ลิตภัณฑ์และการปฏิบตั ิการมีผลกระทบในเชิงลบต่อสังคม,
• คาดการณ์ล่วงหน้าถึงความกังวลของสาธารณะ ที่มีต่อผลิตภัณฑ์และการปฏิบตั ิการในอนาคต,
และ
• เตรียมการเชิงรุกต่อความกังวลและผลกระทบเหล่านีอ้ ย่างไร?
องค์กรมีกระบวนการ, ตัววัด, และเป้าประสงค์ท่ีสาคัญ อะไรเพื่อให้การดาเนินการเป็ นไปตาม
ระเบียบข้อบังคับที่กาหนดหรือดีกว่าที่กาหนด (*) ? องค์กรมี กระบวนการ, ตัววัด, และเป้าประสงค์ท่ี
สาคัญอะไรในการดาเนินการเรื่องความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ และการปฏิบตั ิการขององค์กร
?
27
หมายเหตุ
หมายเหตุ 1.2.
การตอบแทนสังคมในประเด็นที่มีความสาคัญต่อความสาเร็จอย่างต่อเนื่องขององค์กร ควรต้องนาไปใช้
ประกอบการจัดทากลยุทธ์ (หัวข้อ 2.1) และการปฏิบตั ิการ (หมวด 6) ด้วย. ผลลัพธ์สาคัญด้านสังคม ควรต้อง
รายงานในหัวข้อ 7.4 ผลลัพธ์ดา้ นการนาองค์กรและการกากับดูแลองค์กร.
หมายเหตุ 1.2.ก(1)
ความโปร่งใสในการปฏิบตั ิการของระบบการกากับดูแลองค์กร ควรต้องครอบคลุมเรื่องการควบคุมภายใน
ของกระบวนการกากับดูแลองค์กร. สาหรับบริษัทเอกชนและองค์ก รที่ไ ม่แสวงหาผลกาไร (รวมถึงองค์ก ร
ภาครัฐ), คณะกรรมการที่ปรึกษาภายนอกอาจทาหน้าที่ของคณะกรรมการกากับดูแลองค์กรทั้งหมดหรือ
บางส่วน. สำหรับองค์กรที่ไม่แสวงหำผลกำไร (รวมถึงองค์กรภำครัฐ) ที่ทำหน้ำที่ดูแลรักษำเงินกองทุนของ
สำธำรณะ ต้อ งเน้น ควำมส ำคัญ ในเรื่ อ งกำรดู แ ลรัก ษำเงิ น กองทุ น สำธำรณะและควำมโปร่ ง ใสในกำร
ปฏิบตั กิ ำร.
หมายเหตุ 1.2ก(1)
ในการปกป้องผลประโยชน์ของผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสีย, ระบบการกากับดูแลองค์กร ควรต้องพิจารณาและให้
ความเห็นชอบกับระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมสาหรับองค์กร, โดยตระหนักถึงความจาเป็ นที่จะต้องยอมรับ
ความเสี่ยงว่าเป็ นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนองค์กรที่ประสบความสาเร็จ.
หมายเหตุ 1.2ก(2).
การประเมินผลการดาเนินการของผูน้ า อาจใช้ขอ้ มูลที่ได้จากการประเมินโดยผูร้ ่วมงาน, ผลการทบทวน
ผลการดาเนินการของผูบ้ ริหารอย่างเป็ นทางการ, รวมทัง้ ข้อมูลป้อนกลับและผลสารวจที่ได้จากบุคลากรและผู้
มีสว่ นได้สว่ นเสียอื่น ๆ ที่ดาเนินการอย่างเป็ นทางการหรือไม่เป็ นทางการ. สาหรับบริษัทเอกชนบางแห่ง รวมทัง้
องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกาไรและองค์กรภาครัฐ, คณะกรรมการที่ปรึกษาภายนอกอาจเป็ นผูป้ ระเมินผลการ
ปฏิบตั ิงานของผูน้ าระดับสูงและคณะกรรมการกากับดูแลองค์กร.
หมายเหตุ 1.2ข(2).
ตัว วัด หรื อ ตัว ชีว้ ัด ของการประพฤติ ป ฏิ บัติ อ ย่ า งมี จริย ธรรม อาจรวมถึ งร้อ ยละของกรรมการอิ ส ระใน
คณะกรรมการกากับดูแลองค์กร, ตัววัดที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับกลุ่มผูถ้ ือหุน้ และผูม้ ีสิทธิ์มีเสียง
, เหตุการณ์ของการละเมิดจริยธรรมหรือการฝ่ าฝื นกฎเกณฑ์และการตอบสนองต่อเหตุการณ์นนั้ ๆ, ผลสารวจ
ความคิดเห็นของบุคลากรต่อจริยธรรมขององค์กร, การใช้โทรศัพท์สายด่วนจริยธรรม, ร้อยละของข้อกล่าวหาที่
ได้รบั การพิสจู น์, รวมทัง้ ผลการทบทวนและการตรวจสอบด้านจริยธรรม. ตัววัดหรือตัวชีว้ ดั เหล่านัน้ อาจรวมถึง
หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าองค์กรมีน โยบาย, การฝึ กอบรมบุคลากร, และระบบการติดตามเฝ้าระวังในเรื่อง
ผลประโยชน์ทบั ซ้อน; การป้องกันและการใช้ขอ้ มูล, สารสนเทศ, และองค์ความรู ท้ ่ีมีประเด็นความอ่อนไหว ซึ่ง
เกิดจากการสังเคราะห์และหาความสัมพันธ์ของข้อมูลเหล่านี;้ ตลอดจนการใช้เงินกองทุนอย่างเหมาะสม.
28
หมายเหตุ 1.2ค.
สำหรับองค์กรกำรกุศลบำงแห่งทีอ่ ำจมีพนั ธกิจในกำรตอบแทนสังคมและสนับสนุนชุมชนทีส่ ำคัญโดยตรง
อยู่แล้วซึ่งได้อธิบำยไว้ในกำรตอบคำถำมเกณฑ์หมวดอื่น. ในหัวข้อนีค้ วรอธิบำยถึง “กำรทุ่มเทเป็ นพิเศษ”
(extra efforts) ในกำรอุทศิ ตนเพือ่ สนับสนุนชุมชนเหล่ำนี.้
หมายเหตุ 1.2ค(1).
ความผาสุกของสังคมกลายเป็ นทัง้ สิ่งที่สร้างความแตกต่างขององค์กรและความจาเป็ นเชิงกลยุทธ์ในหลาย
ๆ ภาคส่วน. ควรรายงานความผาสุกและผลประโยชน์ของสังคมที่นอกเหนือจากการปฏิบัติตามกฎหมายที่
อธิบายใน 1.2ข(1). ซึ่งอาจรวมถึงความพยายามขององค์กรหรือผูใ้ ห้ความร่วมมือเพื่อปรับปรุ งสิ่งแวดล้อม;
และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุม้ ค่าและยั่งยืน (เช่น แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน circular economy); สร้าง
ความเข้มแข็งให้กบั ชุมชนท้องถิ่นในด้านบริการ, การศึกษา, สุขอนามัย, และการเตรียมพร้อมต่อภาวะฉุกเฉิน ;
แก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมทางสังคม; รวมทัง้ ปรับปรุงแนวทางปฏิบตั ิในการทาการค้า, ธุรกิจ, หรือสมาคม
วิชาชีพต่าง ๆ. ความพยายามเหล่านีอ้ าจมีผลกระทบในระดับท้องถิ่น, ภูมิภาค, ประเทศ, หรือระดับโลก.
หมายเหตุ 1.2ค(2).
การมีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนชุมชนที่สาคัญ อาจรวมถึงเรื่องที่ใช้ประโยชน์จากสมรรถนะหลักของ
องค์กร หรืออาจมุ่งเน้นการช่วยเหลือที่สง่ ผลต่อความท้าทายเชิงระบบที่มีผลกระทบต่อโอกาสทางด้านสุขภาพ,
การศึกษา, หรือเศรษฐกิจ.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
29
หมวด 2 กลยุทธ์ (95 คะแนน)
(Strategy)
ในหมวดกลยุทธ์ เกณฑ์ถามว่าองค์กรมีวิธีการอย่างไรในการจัดทา, นาไปปฏิบตั ิ, ปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์
เชิงกลยุทธ์และแผนปฏิบตั ิการเมื่อสถานการณ์บงั คับ, และวัดความก้าวหน้า.
กระบวนการ
(45 คะแนน)
2.1 การจัดทากลยุทธ์ (Strategy Development):
องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการจัดทากลยุทธ์?
ก. กระบวนการจัดทากลยุทธ์ (Strategy Development PROCESS)
(1) กระบวนการวางแผนกลยุ ท ธ์ (Strategic Planning PROCESS) องค์ ก รวางแผนกลยุ ท ธ์
อย่างไร? กรอบเวลาของการวางแผนกลยุทธ์ระยะสัน้ และระยะยาวคืออะไร ? กระบวนการวางแผน
กลยุทธ์ได้คานึงถึงความจาเป็ นในการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึน้ ขององค์กร, การจัดลาดับความสาคัญ
ของแนวคิดริเริ่มเพื่อการเปลี่ยนแปลง (change initiatives), และความคล่องตัวและความสามารถใน
การฟื ้ นตัวขององค์กรอย่างไร ?
• ความท้าทายเชิงกลยุทธ์และความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์
• การเปลี่ ย นแปลงและภาวะชะงัก งัน ที่ อ าจมี ใ นด้า นกฎระเบีย บข้อ บัง คับ และสภาพแวดล้อ ม
ภายนอก, รวมถึงภัยพิบตั ิทางธรรมชาติ, ภัยคุกคาม, หรือภาวะฉุกเฉินอื่น ๆ
• นวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีท่ีมีผลต่อผลิตภัณฑ์, บริการ, และการปฏิบตั ิการ,
หรือตลาดขององค์กร
• จุดบอดที่อาจมีในด้านสารสนเทศและข้อมูลขององค์กร
• ข้อจากัดหรือภาวะชะงักงันที่อาจมีในด้านอุปทาน (Supply limitations or disruptions)
• ความสามารถขององค์กรในการนาแผนกลยุทธ์ไปปฏิบตั ิ
• การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่มีผลกระทบต่อองค์กรและความจาเป็ นที่อาจมีในการปรับรูปแบบ
(reinvention) หรือพลิกโฉม (transformation) อยู่เสมอ.
30
(3) โอกาสเชิงกลยุทธ์และ โอกาสคุ้มเสี่ยง (STRATEGIC OPPORTUNITIES and INTELLIGENT
RISKS) องค์กรระบุโอกาสเชิงกลยุทธ์และกระตุ้นให้เกิดการสร้างนวัตกรรมอย่างไร ? องค์กร
มีวิธีการอย่างไรในการตัดสินใจว่าจะเลือกโอกาสเชิงกลยุทธ์เรื่องใดเป็ นโอกาสคุม้ เสี่ยงที่จะนาไป
ดาเนินการ (INTELLIGENT RISKS to pursue) ?
(4) การจั ด จ้ า งผู้ รั บ จ้ า งภายนอก และสมรรถนะหลั ก ขององค์ก ร (Outsourcing and CORE
COMPETENCIES) องค์ก รมี วิธี ก ารอย่ างไรในการตัด สิ น ใจว่า กระบวนการที่ ส าคั ญ ใดจะ
ดาเนินการให้สาเร็จโดยบุคลากรขององค์กรและกระบวนการใดจะดาเนินการโดยผู้ส่งมอบ,
พันธมิตร, และคู่ความร่วมมือ ? การตัดสินใจเหล่านีไ้ ด้คานึงถึงวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์, สมรรถนะ
หลักขององค์กร, และสมรรถนะหลัก ของผู้ส่งมอบ, พันธมิตร, และผูใ้ ห้ความร่วมมือ ที่มีศัก ยภาพ
อย่างไร ? องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการกาหนดสมรรถนะหลักและระบบงานในอนาคตที่จาเป็ นของ
องค์กร ?
ข. วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ (STRATEGIC OBJECTIVES)
(1) วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ที่สาคัญ (KEY STRATEGIC OBJECTIVES) วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์
ที่สาคัญขององค์กรมีอะไรบ้าง และเป้ าประสงค์ที่เกี่ยวข้องที่สาคัญที่สุดของวัตถุประสงค์
เชิ ง กลยุ ท ธ์เ หล่ า นั้ น มี อ ะไรบ้ า ง ? ให้ร ะบุต ารางเวลาที่ จ ะบรรลุวัต ถุป ระสงค์เ ชิ งกลยุ ท ธ์แ ละ
เป้าประสงค์เหล่านั้น ? การเปลี่ยนแปลงที่สาคัญ (ถ้ามี) ในด้านผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ, ลูกค้า
และตลาด, ผูส้ ง่ มอบและพันธมิตร, และการปฏิบตั ิการที่ได้วางแผนไว้มีอะไรบ้าง ?
31
หมายเหตุ
หมายเหตุ 2.1.
หัวข้อนีก้ ล่าวถึงกลยุทธ์โดยรวมขององค์กร, ซึ่งอาจรวมถึงการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการสร้างความ
ผูกพันกับลูกค้าและผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ. อย่างไรก็ตาม, องค์กรควรต้องอธิบายกลยุทธ์ในการสร้างความ
ผูกพันกับลูกค้าและกลยุทธ์ในการออกแบบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการในหัวข้อ 3.2 และ 6.1 ตามลาดับ (*).
หมายเหตุ 2.1.
การจัดทากลยุทธ์ (Strategy development) หมายถึง แนวทางขององค์กรในการเตรียมการสาหรับอนาคต.
ในการจัดทากลยุทธ์, องค์กรควรต้องพิจารณาถึงระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ขององค์กร. การจัดทากลยุทธ์
อาจให้ผูส้ ่งมอบ, ผูใ้ ห้ความร่วมมือ, ผูจ้ ัดจาหน่าย, พันธมิตร, และลูกค้าที่สาคัญเข้ามามีส่วนร่วม. สำหรับ
องค์กรทีไ่ ม่แสวงหำผลกำไรบำงแห่ง, กำรจัดทำกลยุทธ์อำจให้องค์กรทีม่ ีบริกำรลักษณะคล้ำยคลึงกัน หรือทีม่ ี
กลุ่มผูบ้ ริจำคหรืออำสำสมัครกลุ่มเดียวกันเข้ำมำมีส่วนร่วม.
หมายเหตุ 2.1.
คาว่า “กลยุทธ์” ควรต้องตีความอย่างกว้าง ๆ. กลยุทธ์อาจสร้างขึน้ มาหรือนาไปสู่สิ่งต่อไปนี ้ : ผลิตภัณฑ์
ใหม่; การกาหนดกลุม่ ลูกค้าหรือส่วนตลาดที่สาคัญใหม่; คานิยามหรือกาหนดนิยามใหม่ถึงบทบาทขององค์กร
ในระบบนิเวศธุรกิจ (เครือข่ายพันธมิตร, ผูส้ ่งมอบ, ผูใ้ ห้ความร่วมมือ, คู่แข่ง, ลูกค้า, ชุมชน, และองค์กรที่
เกี่ยวข้อง ทัง้ ภายในและภายนอกภาคส่วน หรืออุตสาหกรรมที่ทาหน้าที่เป็ นแหล่งทรัพยากรที่มีศกั ยภาพ); การ
สร้างความแตกต่างของตราสินค้า; สมรรถนะหลักใหม่ขององค์กร (new core competencies); การเติบโตของ
รายได้; การขายกิจการบางส่ว น; การควบรวมและครอบครองกิจการ; การหาพันธมิตรใหม่, แนวร่วมใหม่,
หรื อ บทบาทระหว่ างกัน ; และความสัม พันธ์กับบุคลากรใหม่ หรื ออาสาสมัครใหม่. รวมทั้งอาจเป็ นการมุ่ง
ตอบสนองความต้องการของชุมชนหรือสาธารณะ.
หมายเหตุ 2.1ก.(1).
การวางแผนกลยุทธ์ขององค์กร ควรต้องคานึงถึงความสามารถขององค์กรในการเคลื่อนย้ายทรัพยากรและ
ความรู ท้ ่ีจาเป็ นในการนากลยุทธ์ไปปฏิบตั ิ. และควรต้องคานึงถึงความสามารถขององค์กรในการดาเนินการ
ตามแผนฉุกเฉิน (contingency plans), หรือความสามารถในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ และการนาแผนกลยุทธ์
ใหม่หรือที่เปลี่ยนแปลงไปปฏิบตั ิอย่างรวดเร็ว ในกรณีท่สี ถานการณ์บงั คับ.
หมายเหตุ 2.1ก.(2).
ควรต้องอธิบายแนวทางบริหารความเสี่ยงโดยรวมขององค์กรใน 6.2ค(3).
32
หมายเหตุ 2.1ก.(3).
ค าถามนีม้ ุ่งเน้นการระบุโอกาสเชิงกลยุทธ์ท่ีจะกระตุ้นนวัต กรรม (innovations). รายงานกระบวนการ
กาหนดว่าโอกาสใดจะแสวงหาการสร้างนวัตกรรม (innovation to pursue) ใน 4.2ค.
หมายเหตุ 2.1ข.
วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ ควรต้องมุ่งเน้นความท้าทาย, ความได้เปรียบ, และโอกาส ซึ่งเป็ นลักษณะเฉพาะ
ขององค์กรที่มีความสาคัญอย่างยิ่งต่อความสาเร็จอย่างต่อเนื่อง รวมทัง้ ต่อการส่งเสริมให้ผลการดาเนินการ
โดยรวมขององค์กรดีขึน้ และความสาเร็จขององค์กรในปั จจุบนั และอนาคต. วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ควรต้อง
สอดคล้องกับกรอบเวลาการวางแผน/หมุดหมายระยะสัน้ และระยะยาวขององค์กร.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
33
กระบวนการe
(50 คะแนน)
2.2 การนากลยุทธ์ไปปฏิบัติ (Strategy Implementation):
องค์กรนากลยุทธ์ไปปฏิบัติอย่างไร?
ก. การจั ด ท าแผนปฏิ บั ติ ก ารและการถ่ า ยทอดสู่ ก ารปฏิ บั ติ (ACTION PLAN Development and
DEPLOYMENT)
(1) แผนปฏิ บั ติ ก าร (Action Plans) องค์ก รมี วิ ธี ก ารอย่ า งไรในการจั ด ท าแผนปฏิ บั ติ ก าร ?
แผนปฏิบตั ิการที่สาคัญทัง้ ระยะสัน้ และระยะยาวขององค์กรมีอะไรบ้าง ? องค์กรทาอย่างไรให้ม่ นั ใจ
ว่าแผนปฏิบตั ิการดังกล่าวมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ขององค์กร ?
34
(6) การคาดการณ์ผลการดาเนินการ (PERFORMANCE PROJECTIONS) การคาดการณ์ผลการ
ดาเนินการตามกรอบเวลาของการวางแผนปฏิบัติการทั้งระยะสั้นและระยะยาวขององค์กร
ตามตัววัดหรือตัวชีว้ ัดผลการดาเนินการที่สาคัญที่ระบุไว้มีอะไรบ้าง ? องค์กรจะทาอย่างไรกับ
แผนปฏิบตั ิการ หากพบว่าผลการดาเนินการที่คาดการณ์ไว้มีความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
หรือกับองค์กรในระดับที่เทียบเคียงกันได้ ?
35
หมายเหตุ 2.2ก.(6).
ผลการดาเนินการที่คาดการณ์ไว้ อาจพิจารณาถึงการลงทุนใหม่ ; การครอบครองหรือควบรวมกิจการ; การ
สร้า งคุณค่ า ใหม่ ; การเจาะตลาดใหม่ แ ละการเปลี่ย นตลาด; การบังคับ ใช้ก ฎหมายใหม่ , ข้อ ก าหนดตาม
กฎหมาย, หรือมาตรฐานอุตสาหกรรม; และนวัตกรรมที่สาคัญที่คาดว่าจะเกิดขึน้ ในอนาคต. กระบวนการ
คาดการณ์ผลการดาเนินการในอนาคตควรต้องอธิบายใน 4.1ข.
หมายเหตุ 2.2ข.
สถานการณ์บังคับให้ตอ้ งปรับแผนปฏิบัติการและนาแผนใหม่ไปปฏิบัติอย่างรวดเร็ว รวมถึงเหตุการณ์
ภายในหรื อ ภายนอกที่ ท าให้เ กิ ด ภาวะชะงัก งัน , การเปลี่ ย นแปลงสภาพแวดล้อ มด้า นการแข่ ง ขัน , การ
เปลี่ ย นแปลงของสภาพเศรษฐกิ จ , การอุ บั ติ ใ หม่ ข องเทคโนโลยี ท่ี ท าให้เ กิ ด ภาวะชะงั ก งั น ( disruptive
technologies), และการเปลี่ยนแปลงความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าอย่างฉับพลัน.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
36
หมวด 3 ลูกค้า (95 คะแนน)
(Customers)
ในหมวดลูกค้า เกณฑ์ถามว่า องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการสร้างความผูกพันกับ ลูกค้าเพื่อความสาเร็จ
อย่างต่อเนื่อง, ครอบคลุมรวมถึงวิธีการที่องค์กรรับฟั ง เสียงของลูกค้า, กาหนดผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการเพื่อ
ตอบสนองความต้องการและทาให้เหนือกว่าคาดหวัง, และสร้างความสัมพันธ์กับ ลูกค้าในระยะยาว, และ
เพิ่มพูนเสริมสร้างประสบการณ์ของลูกค้า.
กระบวนการ
(45 คะแนน)
3.1 ความคาดหวังของลูกค้า (Customer Expectations):
องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการรับฟั งลูกค้าและกาหนดผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ
เพือ่ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ?
ก. การรับฟั งลูกค้า (CUSTOMER Listening)
(1) ลูกค้าในปั จจุบัน (Current CUSTOMERS) องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการรับฟั ง, มีปฏิสัมพันธ์
, และสังเกตลูกค้าเพื่อให้ได้สารสนเทศที่สามารถนาไปใช้ต่อได้ ? วิธีการรับฟั งดังกล่าวมีความ
แตกต่างกันอย่างไรตามลูกค้า, กลุ่มลูกค้า, หรือส่วนตลาด ? วิธีการรับฟั งมีความแตกต่างกันอย่างไร
ตามวงจรชีวิตการเป็ น ลูกค้า ? องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการค้นหาข้อมูลป้อนกลับจากลูกค้าอย่าง
ทันท่วงทีและสามารถนาไปใช้ต่อได้ ในเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ, การสนับสนุน
ลูกค้า, และการทาธุรกรรม (*) ?
(2) ผู้ที่มีโอกาสเป็ นลูกค้า (Potential CUSTOMERS) องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการรั บฟั งผู้ที่มี
โอกาสเป็ นลูกค้าเพื่อให้ได้ข้อมูลและสารสนเทศที่สามารถนาไปใช้ต่อได้ ? องค์กรมีวิธีการ
อย่า งไรในการรับ ฟั ง ลูก ค้า ในอดี ต , ลูก ค้า ของคู่แ ข่ ง, และผู้ท่ีมี โอกาสเป็ น ลูก ค้า อื่ น ๆ เพื่ อ ให้ไ ด้
สารสนเทศที่สามารถนาไปใช้ต่อได้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ, การสนับสนุน ลูกค้า, และการ
ทาธุรกรรม (*) ?
ข. การจาแนกลู ก ค้ า และ การเสนอผลิตภั ณฑ์แ ละ/หรื อบริ ก าร (CUSTOMER Segmentation and
Product and/or Service Offerings)
(1) การจาแนกลูกค้า (Customer Segmentation) องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการกาหนดกลุ่มลูกค้า
และส่วนตลาด ? องค์กรดาเนินการในเรื่องต่อไปนีอ้ ย่างไร
37
• กาหนดว่าลูกค้าใด, กลุ่มลูกค้าใด, และส่วนตลาดใด ที่องค์กรจะให้ความสาคัญและมุ่งเน้นเพื่อ
การเติบโตของธุรกิจ ?
(2) ผลิ ต ภั ณฑ์แ ละ/หรื อบริ ก ารที่ น าเสนอ (Product and/or Service Offerings) องค์ก รมี วิธี ก าร
อย่างไรในการกาหนดผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่นาเสนอ ? องค์กรดาเนินการในเรื่องต่อไปนี ้
อย่างไร
หมายเหตุ 3.1ข(2).
ในการกาหนดผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ องค์กรควรต้องคานึงถึงลักษณะเฉพาะ (characteristics) ที่
สาคัญทัง้ หมดของผลิตภัณฑ์และบริการ และผลการดาเนินการ (performance) ตลอดทัง้ วงจรชีวิตและห่วง
โซ่การบริโภค. จุดมุ่งเน้นควรต้องอยู่ท่ีลักษณะพิเศษ (features) ที่มีผลต่อความชอบและความภักดีของ
38
ลูกค้าที่มีต่อองค์กรหรือตราสินค้าขององค์กร – ตัวอย่างเช่น, ลักษณะพิเศษที่เป็ นเอกลักษณ์หรือสร้างสรรค์
ซึ่งสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์และบริการ, หรือลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากข้อเสนอของคู่แข่งหรือ
องค์กรอื่น. ลักษณะพิเศษเหล่านี ้ อาจรวมถึงราคา, ความน่าเชื่อถือ, คุณค่า, การส่งมอบ, ความทันกาล,
ผลิตภัณฑ์ท่ปี รับเพื่อตอบสนองตวามต้องการเฉพาะ, เทคโนโลยี, การใช้งานง่าย, การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
หรือสังคม (stewardships), การสนับสนุนลูกค้าหรือการบริการด้านเทคนิค, ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแทน
ขายกับลูกค้า, ความสะดวกในการทาธุรกรรม, ประสบการณ์ของลูกค้าแบบเสมือนจริง (virtual customer
experience), และการรักษาความลับและความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
39
กระบวนการ
(50 คะแนน)
3.2 ความผูกพันของลูกค้า (Customer Engagement)
องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการสร้างความสัมพันธ์และสร้างเสริมประสบการณ์ของ
ลูกค้า ?
ก. ประสบการณ์ของลูกค้า (CUSTOMER Experience)
(1) การจัดการความสัมพันธ์ (Relationship Management) องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการได้มา
และรักษาลูกค้าไว้โดยการสร้างและจัดการความสัมพันธ์กับ ลูกค้า ? องค์กรดาเนินการในเรื่อง
ต่อไปนีอ้ ย่างไร
• สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ม่งุ เน้นลูกค้ายิ่งขึน้ ,
• จัดการและสร้างเสริมตราสินค้า, และ
• ตอบสนองข้อกาหนดของลูกค้า และทาให้เหนือความคาดหวังในแต่ละช่วงของวงจรชีวิตของการ
เป็ นลูกค้า ?
(2) การเข้ า ถึ ง และการสนั บ สนุ น ลู ก ค้ า (CUSTOMER Access and Support) องค์ก รมี วิ ธี ก าร
อย่ า งไรในการท าให้ ลู ก ค้ า สามารถท าธุ ร กิ จ กั บ องค์ก ร, สื บ ค้ น สารสนเทศ, และรั บ การ
สนับสนุน ? กระบวนการหรือกลไกเหล่านี ้ มีความแตกต่างกันอย่างไรตามลูกค้า, กลุ่มลูกค้า, หรือ
ส่วนตลาด (*) ? องค์กรดาเนินการในเรื่องต่อไปนีอ้ ย่างไร
• กาหนดข้อกาหนดและความคาดหวังที่สาคัญในการสนับสนุนลูกค้า, และ
• ถ่ายทอดข้อกาหนดดังกล่าวไปยังทุกคนและทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุน ลูกค้า
ไปสูก่ ารปฏิบตั ิ ?
(3) การจัดการข้อร้องเรียน (Complaint Management) องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการจัดการข้อ
ร้องเรียนของลูกค้า ? องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการทาให้ขอ้ ร้องเรียนได้รบั การแก้ไขอย่างทันท่วงที
และมีประสิทธิผล และสามารถเรียกความเชื่อมั่นของลูกค้ากลับคืนมา ? องค์กรวิเคราะห์ขอ้ ร้องเรียน
และใช้สารสนเทศนีเ้ พื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่จาเป็ นเพื่อป้องกันข้อร้องเรียนในอนาคตอย่างไร ?
(4) การปฏิบัติอย่างเป็ นธรรม (Fair Treatment) กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ของ
ลูกค้าส่งเสริมและทาให้ม่ันใจในการปฏิบัติอย่างเป็ นธรรมสาหรั บลูกค้า, กลุ่มลูกค้า, และ
ส่วนตลาดทีแ่ ตกต่างกันอย่างไร ?
40
ข. การประเมิ น ความพึ ง พอใจและความผู ก พั น ของลู ก ค้ า (Determination of CUSTOMER
Satisfaction, Dissatisfaction, and Engagement)
(1) ความพึ ง พอใจ ความไม่ พึ ง พอใจ และความผู ก พั น (Satisfaction, Dissatisfaction, and
Engagement) องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการประเมินความพึงพอใจ ความไม่พึงพอใจ และ
ความผูกพันของลูกค้า ? วิธีการประเมินเหล่านีม้ ีความแตกต่างกันอย่างไรตามกลุ่ม ลูกค้าและส่วน
ตลาด (*) ? องค์กรมีวิธีการนาผลการประเมินความพึงพอใจ, ความไม่พึงพอใจ, และความผูกพันไป
ดาเนินการอย่างไร ? องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการเสาะหาสารสนเทศด้านความพึงพอใจของลูกค้าที่
มีต่อคู่แข่งหรือองค์กรอื่นที่มีผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่คล้ายคลึงกัน
หมายเหตุ
หมายเหตุ 3.2.
ผลลัพธ์ท่เี กี่ยวกับมุมมองและการตอบสนองของลูกค้า ให้รายงานหัวข้อ 7.2.
หมายเหตุ 3.2ก.
องค์กรควรต้องทาให้ม่นั ใจว่าแนวทางในการจัดการความสัมพันธ์กบั ลูกค้า, การทาให้ลกู ค้าสามารถสืบค้น
ข้อมูลและการสนับสนุน, และการจัดการข้อร้องเรียนได้สง่ เสริมความเป็ นธรรม, ความเท่าเทียม, และการมีสว่ น
ร่วม ตลอดจนไม่มีเลือกปฏิบตั ิโดยไม่ได้เจตนา.
หมายเหตุ 3.2ข.
ในการประเมินความไม่พึงพอใจของลูกค้า ไม่ควรพิจารณาเพียงแค่ขอ้ ที่ได้คะแนนความพึงพอใจน้อย, แต่
ควรต้องแยกการประเมินความไม่พึงพอใจออกมาต่างหาก ทัง้ นี ้ เพื่อวิเคราะห์ถึงต้นเหตุของปั ญหาและทาให้
สามารถแก้ไขปั ญหาอย่างเป็ นระบบเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่พงึ พอใจในอนาคต.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
41
หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ (100 คะแนน)
(Measurement, Analysis, and Knowledge Management)
ในหมวดการวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ เกณฑ์ถามว่าองค์กรมีวิธีการอย่างไรในการวัด,
วิเคราะห์, ทบทวน, และปรับปรุ งผลการดาเนินการขององค์กร รวมถึงวิธีการจัดการสารสนเทศ และสินทรัพย์
ทางความรูข้ ององค์กร.
กระบวนการ
(50 คะแนน)
4.1 การวัด การวิเคราะห์ และการปรับปรุ งผลการดาเนินการ (Measurement, Analysis,
Review, and Improvement of Organizational Performance)
องค์ก รมี วิ ธี ก ารอย่ า งไรในการวั ด , วิ เ คราะห์, ทบทวน, และปรั บ ปรุ ง ผลการ
ดาเนินการขององค์กร ?
ก. การวัดผลการดาเนินการ (PERFORMANCE Measurement)
(1) ตั ว วั ด ผลการด าเนิ น การ (PERFORMANCE MEASURES) องค์ก รมี วิ ธี ก ารอย่ า งไรในการ
ติดตามข้อมูลสารสนเทศของการปฏิบัติการประจาวันและผลการดาเนิ นการโดยรวมของ
องค์กร ? องค์กรดำเนินกำรในเรื่องต่อไปนีอ้ ย่ำงไร
• เลือก, รวบรวม, ปรับให้สอดคล้องไปใน แนวทำงเดียวกัน, และบูรณำกำรข้อมูล สำรสนเทศ เพื่อใช้
ในการติดตำมการปฏิบตั ิการประจำวันและผลกำรดำเนินกำรโดยรวมขององค์กร
• ติดตามความก้ำวหน้ำในกำรบรรลุวตั ถุประสงค์เชิงกลยุทธ์และแผนปฏิบตั ิกำร; และ
• แก้ไขหรือปรับตัววัดเพื่อให้ได้ขอ้ มูลที่ทนั เวลาเพื่อสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึน้
อย่างรวดเร็วหรือที่ไม่ได้คาดคิดทัง้ ภายในหรือภายนอกองค์กร ? องค์กรมีตวั วัดผลการดาเนินการ
ที่สาคัญอะไรบ้าง รวมถึงตัววัดด้านการเงินที่สาคัญทัง้ ระยะสัน้ และระยะยาว ?
(2) ข้ อ มู ล เชิ ง เปรี ย บเที ย บ (Comparative Data) องค์ ก รมี วิ ธี ก ารอย่ า งไรในการเลื อ ก
ข้อมูลสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลจริง ?
หมายเหตุ 4.1ก.(2).
ข้อมูลสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบที่
องค์กรเลือกควรต้องนามาใช้สนับสนุนการตัดสินใจในระดับปฏิบตั ิการและการตัดสินใจในระดับกลยุทธ์.
ข้อ มูล สารสนเทศเชิ ง เปรี ย บเที ย บได้ม าจากการเที ย บเคี ย งกั บ องค์ก รอื่ น ด้ว ยกระบวนการเที ย บเคี ย ง
(benchmarking) และการค้น หาตั ว เปรี ย บเที ย บในเชิ ง แข่ ง ขั น . กระบวนการเที ย บเคี ย งเป็ นการระบุ
กระบวนการและผลลัพธ์ท่ีแสดงถึงวิธีปฏิบตั ิท่ีเป็ นเลิศและผลการดาเนินการที่เป็ นเลิศในกิจกรรมที่คล้ายคลึง
กันทัง้ ภายในกลุ่มหรือนอกกลุ่มธุรกิจ (อุตสาหกรรม). การเปรียบเทียบในเชิงแข่งขัน เป็ นการเปรียบเทียบผล
การดาเนินการ ระหว่างองค์กรกับคู่แข่ง และกับองค์กรอื่นที่มีผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่คล้ายคลึงกัน.
43
หมายเหตุ 4.1ข.
การวิเคราะห์ผลการดาเนินการ รวมถึงการประเมินแนวโน้มของผลการดาเนินการ;
การคาดการณ์ในด้านองค์กร, อุตสาหกรรม, และเทคโนโลยี; และการเปรียบเทียบ ความสัมพันธ์เชิงเหตุ
และผล และการหาค่าสหสัม พันธ์ (correlation) ระหว่ า งกัน . การวิ เ คราะห์ดังกล่า วควรต้อ งสนับสนุนการ
ทบทวนผลการดาเนินการ, ช่วยระบุตน้ เหตุของปั ญหา, รวมทัง้ ช่วยจัดลาดับความสาคัญของการใช้ทรัพยากร
และการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉม (*). ด้วยเหตุนี ้ การวิเคราะห์จึงต้องใช้ขอ้ มูลทุกประเภท: ข้อมูลผลการ
ดาเนินการของผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ, ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า, ข้อมูลเกี่ยวกับบุคลากร, ข้อมูลการเงินและ
ตลาด, ข้อ มูล การปฏิ บัติ ก าร, และข้อ มูล เชิ ง แข่ ง ขั น . การวิ เ คราะห์เ หล่ า นี ้ค วรต้อ งค านึ ง ถึ ง ตัว วั ด ตาม
กฎระเบียบและมาตรการบังคับจากภาครัฐด้วย (*). การวิเคราะห์อาจใช้การวิเคราะห์ขอ้ มูลดิจิทัล (digital
data analytics) และเทคนิควิทยาการข้อมูล (data science) ซึ่งตรวจจับแบบแผนและแปลความหมายของ
ข้อ มูลปริมาณมาก (big data). กิ จกรรมดังกล่าวเหล่านีอ้ าจดาเนินการเองภายในองค์กร หรื อ ด าเนินการ
ร่วมกับผูส้ ง่ มอบ, พันธมิตร, หรือคู่ความร่วมมือที่มีความเชี่ยวชาญ.
หมายเหตุ 4.1ข.(1)
การทบทวนผลการดาเนินการขององค์กร ควรต้องรวมถึงข้อมูลวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์และแผนปฏิบตั ิการ
(หมวด 2), รวมทัง้ ข้อมูลการนาองค์กร (หมวด 1), ลูกค้า (หมวด 3), บุคลากร (หมวด 5), และการปฏิบตั ิการ
(หมวด 6). ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์และทบทวนผลการดาเนินการขององค์กรควรต้องนาไปสู่การจัด ทากล
ยุทธ์และการนากลยุทธ์ไปปฏิบตั ิ, การปฏิบตั ิการ, การจัดลาดับความสาคัญเพื่อการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและ
นาไปเป็ นโอกาสในการสร้างนวัตกรรม. การตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในการ
ปฏิบตั ิการอาจรวมถึงความจาเป็ นในการปรับความคาดหวังต่อผลการดาเนินการขององค์กร.
หมายเหตุ 4.1ข.(2)
ลาดับความสาคัญในการปรับปรุ งอย่างต่อเนื่อง ควรต้องพิจารณาเป็ นส่วนหนึ่งของกระบวนการปรับปรุ ง
ผลการดาเนินการในหัวข้อ 6.1ข. นอกจากนี ้ โอกาสในการสร้างนวัตกรรมควรต้องพิจารณาเป็ นส่วนหนึ่งของ
กระบวนการแสวงหาการสร้างนวัตกรรม (pursuing potential innovations) ในหัวข้อ 4.2ค.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
44
กระบวนการ
(50 คะแนน)
4.2 การจัดการสารสนเทศและการจัดการความรู้ (Information and Knowledge
Management)
องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการจัดการสารสนเทศและสินทรัพย์ทางความรู้ขององค์
กร ?
ก. ข้อมูลและสารสนเทศ (Data and Information)
(1) คุณภาพ (Quality)
องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการทวนสอบและทาให้ม่นั ใจถึงคุณภาพของข้อมูลสารสนเทศของ
องค์กร ? องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการจัดการข้อมูลสารสนเทศ ในรูปแบบดิจิทลั และในรูปแบบอื่น
เพื่อให้ม่นั ใจว่ามีความถูกต้องและเป็ นไปตามวัตถุประสงค์ (accuracy and validity), คงสภาพและ
เชื่อถือได้ (integrity and reliability), และเป็ นปั จจุบนั (currency) ?
(2) วิ ธี ป ฏิ บั ติ ที่เ ป็ นเลิ ศ (Best Practices) องค์ก รมี วิธี ก ารอย่ างไรในการบ่ ง ชี้แ ละแลกเปลี่ ย น
เรียนรู้วิธีปฏิบัติทเี่ ป็ นเลิศในองค์กร ? องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการกาหนดวิธีปฏิบตั ิท่เี ป็ นเลิศทัง้
จากแหล่งภายในและภายนอกองค์กร, และนาสู่การปฏิบตั ิท่ วั ทัง้ องค์กร รวมถึงผูส้ ่งมอบ, พันธมิตร,
และคู่ความร่วมมือที่สาคัญ (*) ?
46
เสียง, รู ป, และข้อความ. การวิเคราะห์ขอ้ มูลสารสนเทศอาจเกี่ ยวข้องกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (artificial
Intelligence), การวิเคราะห์ขอ้ มูลดิจิทลั (digital data analytics), และเทคนิควิทยาการข้อมูล (data science)
ที่ตรวจจับรูปแบบของข้อมูลปริมาณมากและแปลความหมาย. การใช้เทคนิคเหล่านีใ้ นการตัดสินใจจาเป็ นต้อง
มีการนาเทคโนโลยีไปใช้และใช้ประโยชน์จากข้อมูลสารสนเทศในลักษณะที่เป็ นการปกป้องสารสนเทศเกี่ยวกับ
องค์กรและบุคคล.
หมายเหตุ 4.2ข(1)
การเรียนรูต้ อ้ งถูกปลูกฝังลงไปในวิถีการปฏิบตั ิงานขององค์กร ซึ่งหมายความว่า การเรียนรูค้ วรเป็ น
หมายเหตุ 4.2ค.
กระบวนการการแสวงหาการสร้างนวัตกรรม (pursuing potential innovations) ควรต้องประเมินโอกาส
ทัง้ หมดอย่างรอบคอบ, รวมถึงโอกาสที่ระบุไว้ในกระบวนการวางแผนกลยุทธ์ (หัวข้อ 2.1ก.) การรับฟั งลูกค้า
(หัวข้อ 3.1ก.) การกาหนดผลิตภัณฑ์และบริการ (หัวข้อ 3.1ข(2)), การทบทวนผลการดาเนินการ (หัวข้อ 4.1
ข.), ระบบการจัดการความรู ้ (หัวข้อ 4.2ข(1)), และจากบุคลากรและผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสียอื่น. การประเมินโอกาส
เหล่านี ้ ควรต้องพิจารณาว่าโอกาสใดจะเป็ นโอกาสคุม้ เสี่ย ง (intelligent risks) ที่คุม้ ค่า และควรต้องสร้า ง
สมดุลระหว่างความจาเป็ นในการประเมินอย่างรอบคอบกับความสาคัญของการสร้างนวัตกรรมให้ทนั เวลา.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
47
หมวด 5 บุคลากร (100 คะแนน)
(Workforce)
ในหมวดบุ ค ลากร เกณฑ์ถ ามว่ า องค์ก รมี วิ ธี ก ารอย่ า งไรในการตอบสนองความต้อ งการด้า นขี ด
ความสามารถและอัตรากาลังบุคลากร และในการสร้างบรรยากาศในการทางานที่สนับสนุนให้เกิดผลการ
ดาเนินการที่ดี. หมวดนีย้ ังถามถึงวิธีการที่องค์กรสร้า งความผูกพัน, จัดการ, และพัฒนาบุคลากร เพื่อนา
ศักยภาพของบุคลากรมาใช้อย่างเต็มที่ให้สอดคล้องไปในทางเดียวกันกับความต้องการทางธุรกิจโดยรวมของ
องค์กร.
กระบวนการ
(45 คะแนน)
5.1 สภาพแวดล้อมของบุคลากร (WORKFORCE Environment)
องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุ นให้บุคลากรทางาน
อย่างมีประสิทธิผล ?
ก. ขีดความสามารถและอัตรากาลังบุคลากร (WORKFORCE CAPABILITY and CAPACITY)
(1) ความต้องการด้านขีดความสามารถและอัตรากาลัง (Capability and Capacity Needs) องค์กร
มีวิธีการอย่างไรในการประเมินความต้องการด้านขีดความสามารถและอัตรากาลังบุคลากร
? องค์ก รมี วิ ธีก ารอย่ า งไรในการประเมิ นทัก ษะ, สมรรถนะ, หนังสือ รับ รองคุณวุฒิ , และจานวน
บุคลากรที่ตอ้ งการในแต่ละระดับในระยะสัน้ และระยะยาว ?
(2) บุคลากรใหม่ (New WORKFORCE Members) องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการสรรหา, ว่าจ้าง,
และดูแล (Onboard) บุคลากรใหม่ ? องค์กรทาให้ม่นั ใจได้อย่างไรว่าบุคลากรเป็ นตัวแทนที่สะท้อน
ให้เห็นถึงความหลากหลายของแนวคิด (ideas), วัฒนธรรม, และวิธีคิด (thinking) ของชุมชนของ
บุคลากรที่องค์กรจ้าง และชุมชนของลูกค้า ? องค์กรทาให้ม่ นั ใจได้อย่างไรว่า บุคลากรใหม่เข้ากันได้
กับวัฒนธรรมขององค์กร ?
(3) การเปลี่ ย นแปลงด้ า นบุ ค ลากร (WORKFORCE Change) องค์ก รมี วิ ธี ก ารอย่ า งไรในการ
เตรียมบุคลากรให้พร้ อมรั บต่อการเปลี่ ยนแปลงความต้องการด้ านขีดความสามารถและ
อัตรากาลัง ? องค์กรดาเนินการในเรื่องต่อไปนีอ้ ย่างไร
• สร้า งความสมดุล ด้า นความต้อ งการของบุ ค ลากรและขององค์ก รเพื่ อ ให้ม่ ัน ใจว่ า สามารถ
ดาเนินการได้อย่างต่อเนื่อ ง, ป้องกันการลดจานวนของบุค ลากร, และลดผลกระทบในกรณี ท่ี
จาเป็ น
• เตรียมการและบริหารในช่วงที่มีการเพิ่มจานวน หรือขาดแคลนบุคลากร;
48
• เตรียมบุคลากรสาหรับการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างองค์กร, สถานที่ทางาน, ระบบงาน, และ
เทคโนโลยีเมื่อจาเป็ น ?
• ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากสมรรถนะหลักขององค์กร;
• ส่งเสริมสนับสนุนความสามารถในการฟื ้ นตัว , ความคล่องตัว, และการมุ่งเน้นลูกค้าและธุรกิจ ;
และ
• คานึงถึงความต้องการด้านบุคลากร (staffing needs) ?
หมายเหตุ
หมายเหตุ 5.
ผลลัพธ์เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของบุคลากรและความผูกพันของบุคลากร ควรต้องรายงานในหัวข้อ 7.3.
สาหรับพนักงานที่ควบคุมดูแลโดยผูร้ บั จ้างเหมา (contractor) ควรต้องอธิบายในหมวด 2 และหมวด 6 โดยให้
เป็ นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ดา้ นระบบงาน และกระบวนการทางานภายในองค์กร. สาหรับองค์กรที่ตอ้ งพึ่งพา
อาสาสมัครและ/หรือพนักงานชั่วคราวในการดาเนินงานหลัก (งานที่ทาให้เกิดผลผลิตที่สาคัญ และ/หรือที่มี
ปฏิสมั พันธ์กับลูกค้า) ควรต้องรวมกลุ่มเหล่านีเ้ ป็ นส่วนหนึ่งของบุคลากรขององค์กรด้วย. นอกจากนี ้ แนวทาง
ด้านบุคลากรควรต้องรวมกลุม่ บุคลากรเหล่านีต้ ามความเหมาะสมกับหน้าที่ท่ขี องพวกเขาในองค์กร.
หมายเหตุ 5.1.
การวางแผนด้านขีดความสามารถและอัตรากาลังควรตอบสนองต่อความจาเป็ นขององค์กร; ส่วนความ
ต้องการของบุคลากรแต่ละคนนัน้ ให้ระบุไว้ในส่วนต่าง ๆ ของหมวด 5.
49
หมายเหตุ 5.1ก.(1).
การประเมินความต้องการด้านขีดความสามารถและอัตรากาลังบุคลากร ควรต้องคานึงถึงความจาเป็ นทัง้
ในปัจจุบนั และในอนาคต สอดคล้องตามวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์และแผนปฏิบตั ิการที่ระบุในหมวด 2.
หมายเหตุ 5.1ก.(3).
การเตรียมบุคลากรให้พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลง อาจรวมถึงการเตรียมความพร้อมสาหรับ
หมายเหตุ 5.1ก(4),5.1ข(1)
องค์กรควรต้องพิจารณาเรื่องที่บคุ ลากรทางานหลายสถานที่ (multiple sites) รวมถึงบุคลากรที่ทางานปกติ
ที่บ ้า นหรื อ ที่สลับ รู ป แบบการทางาน ผ่า นการทางานแบบทางไกล (telework) หรื อ การทางานที่ไ หนก็ ไ ด้
(remote work).
หมายเหตุ 5.1ข.(1).
ความสะดวกในการเข้าถึงสถานที่ทางานจะขจัดอุปสรรคต่อผูพ้ ิการให้ทางานได้ตามศักยภาพของตน.
สถานที่ทางานที่มีความพร้อม ต้องสามารถเข้าถึงได้ทงั้ ทางกายภาพ, เทคโนโลยี, และทัศนคติ (attitudinally
accessible) โดยปราศจากอคติ.
หมายเหตุ 5.1ข.(1).
หากปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการทางานและตัววัดผลการดาเนินงานหรือเป้าหมาย มีความแตกต่างกัน
อย่างมีนัยสาคัญสาหรับสถานที่ทางานที่แตกต่างกันหรือรู ปแบบการทางานแบบผสมผสาน (different work
sites or hybrid work), องค์กรควรต้องอธิบายถึงความแตกต่างเหล่านีใ้ นรายงานด้วย.
50
หมายเหตุ 5.1ข.(1).
องค์กรควรต้องอธิบายเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยของสถานที่ทางานในหัวข้อ 6.2ค(1)
โดยเป็ นส่วนหนึ่งของระบบความปลอดภัยโดยรวม, ซึ่งส่งเสริมความปลอดภัยของพนักงานและบุคคลอื่น
ทัง้ หมดที่อยู่ในสถานที่ทางานขององค์กรด้วย.
หมายเหตุ 5.1ข(2).
ค่าตอบแทนที่เป็ นธรรม หมายถึง ค่าจ้างที่เพียงพอและเหมาะสมสาหรับการทางานของพนักงาน ซึ่งขึน้ อยู่
กับประสบการณ์และผลการปฏิบตั ิงานตามข้อกาหนดงานของแต่ละบุคคล, โดยคานึงถึง ความสอดคล้องกับ
อุตสาหกรรม, ตลาด, และ/หรือการเปรียบเทียบกับคู่แข่งด้วย.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
51
กระบวนการ
(55 คะแนน)
5.2 ความผูกพันของบุคลากร (Workforce Engagement)
องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการสร้างความผูกพันกับบุคลากรเพื่อรักษาบุคลากรไว้
และให้มีผลการดาเนินการทีด่ ี?
ก. การประเมินความผูกพันของบุคลากร (Assessment of WORKFORCE ENGAGEMENT)
(1) ปั จ จั ยขั บ เคลื่ อนความผู ก พั น (Drivers of ENGAGEMENT) องค์ก รมี วิธี ก ารอย่ างไรในการ
กาหนดปั จจัยสาคัญที่ขั บเคลื่อนความผูกพั นของบุคลากร ? วิธีการกาหนดปั จจัยขับเคลื่อน
ความผูกพันเหล่านีแ้ ตกต่างกันอย่างไรตามกลุม่ และประเภทของบุคลากร ?
• การประเมินโอกาสคุม้ เสี่ยง
• การมุ่งเน้นลูกค้าและธุรกิจ
• การบรรลุผลสาเร็จของแผนปฏิบตั ิการ ?
52
(2) การพั ฒ นาผลการปฏิ บั ติ ง าน (PERFORMANCE Development) ระบบการเรี ย นรู้ แ ละการ
พัฒ นาสนั บ สนุ นความต้องการพัฒ นาตนเองของบุ คลากรและความต้องการขององค์ก ร
อย่างไร ? ระบบการเรียนรูแ้ ละการพัฒนาได้พิจารณาถึงเรื่องต่อไปนีอ้ ย่างไร
• ความปรารถนาในการเรียนรูแ้ ละการพัฒนาของบุคลากร
• สนับสนุนการปรับปรุงผลการดาเนินการขององค์กร และการประเมินโอกาสคุม้ เสี่ยง
• สนับสนุนจริยธรรมและแนวปฏิบตั ิทางธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ?
หมายเหตุ
หมายเหตุ 5.2ก.(1).
ตัวขับเคลื่อนความผูกพันของบุคลากร (ระบุในโครงร่างองค์กร 1ก.(3)) หมายถึง สิ่งที่ขบั เคลื่อนความมุ่งมั่น
ของบุคลากร ทัง้ ในด้านความรู ส้ ึกและสติปัญญาเพื่อให้งานตามพันธกิจ, และวิสยั ทัศน์ขององค์กรบรรลุผล.
องค์กรควรต้องทบทวนปั จจัยขับเคลื่อนเหล่านีเ้ ป็ นระยะ ๆ เพื่อทาให้ม่ นั ใจว่าปั จจัยเหล่านีไ้ ด้สะท้อนถึงการ
เปลี่ยนแปลงที่สาคัญซึ่งส่งผลกระทบต่อบุคลากร; เช่น การเปลี่ยนไปเป็ นการทางานนอกสถานที่เป็ นประจา
หรือการจัดสถานที่ทางานแบบผสมผสาน (hybrid work-site).
หมายเหตุ 5.2ก.(2).
ตัวชีว้ ดั อื่นๆ ที่ใช้ประเมินและปรับปรุ งความผูกพันของบุคลากร เช่น การรักษาบุคลากรไว้ (retention), การ
ขาดงาน, การร้องทุกข์, ความปลอดภัย, และผลิตภาพ. ในการประเมินความไม่พงึ พอใจของบุคลากร ไม่ควร
พิจารณาเพียงแค่ขอ้ ที่ได้คะแนนความพึงพอใจน้อย, แต่ควรต้องแยกการประเมินความไม่พึงพอใจออกมา
ต่างหาก ทัง้ นี ้ เพื่อวิเคราะห์ถึงต้นเหตุของปั ญหาและทาให้สามารถแก้ไขปั ญหาอย่างเป็ นระบบเพื่อหลีกเลี่ยง
ความไม่พงึ พอใจในอนาคต.
53
หมายเหตุ 5.2ค.(2).
สาหรับ การตอบค าถามในหัว ข้อ นี ้ ควรต้อ งรวมถึ งการพิ จารณาในเรื่ อ งการพัฒ นา, การเรี ย นรู ,้ และ
ความก้าวหน้าในอาชีพการงานของบุคลากรที่เกิดขึน้ ซึ่งเป็ นเอกลักษณ์ขององค์กร. และอาจรวมถึงโอกาสใน
การพัฒนาที่ตอบสนองต่อสมรรถนะหลักขององค์กร, ความท้าทายเชิงกลยุทธ์, และแผนปฏิบัติการ ; การ
เปลี่ยนแปลงระดับองค์กรและการสร้างนวัตกรรม; การปรับปรุ งเรื่องการส่งมอบประสบการณ์ในทางที่ดีแก่
ลูกค้า; และการหนุนเสริมความรู แ้ ละทักษะใหม่ในการปฏิบัติงาน. องค์กรควรต้องพิจารณาถึงขอบเขตของ
โอกาสในการพัฒนาที่องค์กรจัดให้, ซึ่งรวมถึงการศึกษา, การฝึ กอบรม, การสอนงาน, การเป็ นพี่เลีย้ ง, และ
ประสบการณ์ท่เี กี่ยวกับงานด้วย.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
54
หมวด 6 การปฏิบัติการ (100 คะแนน)
(Operations)
ในหมวดการปฏิบัติการ เกณฑ์ถามว่าองค์กรมีวิ ธีการอย่า งไรในการออกแบบ, จัดการ, และ ปรับปรุ ง
ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ และกระบวนการทางาน, และทาให้ม่ นั ใจในประสิทธิผลของการปฏิบตั ิการเพื่อส่ง
มอบคุณค่าแก่ลกู ค้า และทาให้องค์กรประสบความสาเร็จอย่างต่อเนื่อง.
กระบวนการ
(50 คะแนน)
6.1 กระบวนการทางาน (Work Processes)
องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการออกแบบ, จัดการ, และปรับปรุ งผลิตภัณฑ์และ/หรือ
บริการ และกระบวนการทางานทีส่ าคัญ ?
ก. การออกแบบผลิ ต ภั ณ ฑ์ แ ละ/หรื อ บริ ก าร และกระบวนการ (Product and/or Service and
PROCESS Design)
(1) ข้อกาหนดของผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ (Product and/or Service Requirements) องค์กรมี
วิธีการอย่างไรในการกาหนดข้อกาหนดทีส่ าคัญของผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ?
2) การออกแบบผลิ ต ภั ณ ฑ์แ ละ/หรื อ บริ ก าร (Product and/or Service Design) องค์ก รมี วิ ธี ก าร
อย่างไรในการออกแบบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ เพื่อให้เป็ นไปตามข้อกาหนดที่สาคัญ ?
องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการนาเทคโนโลยีใหม่, นวัตกรรม, ความเป็ นเลิศของผลิตภัณฑ์และ/หรือ
บริการ, คุณค่าในมุมมองของลูกค้า, การคานึงถึงความเสี่ยง (รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและ
สังคม), และความจาเป็ นเพื่อความคล่องตัวที่อาจมี มาพิจารณาในการออกแบบผลิตภัณฑ์ และ/หรือ
บริการ ?
55
ข. การจัดการและการปรับปรุ งกระบวนการ (PROCESS Management and Imrovement)
(1) การนากระบวนการไปปฏิบั ติ (PROCESS Implementation) องค์กรมั่นใจได้ อย่างไรว่ า การ
ปฏิบัติงานประจาวันของกระบวนการทางานและกระบวนการสนับสนุ นที่สาคัญ จะเป็ นไป
ตามข้อกาหนดที่สาคัญของกระบวนการ ? องค์กรใช้ตวั วัดหรือตัวชีว้ ดั ผลการดาเนินการที่สาคัญ
และตัว วัด ในกระบวนการอะไรในการควบคุม และปรับปรุ ง กระบวนการทางานและกระบวนการ
สนับสนุนที่สาคัญ ? ตัววัด เหล่านีเ้ ชื่อมโยงกับ ตัววัดผลการดาเนินการด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์
และ/หรือบริการอย่างไร ?
(2) การปรับปรุ งกระบวนการ (PROCESS Improvement) องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการปรั บปรุ ง
กระบวนการทางานและกระบวนการสนั บสนุ นที่สาคัญ เพื่อปรั บปรุ งผลิตภัณฑ์และ/หรื อ
บริการ และผลการดาเนินการของกระบวนการ ?
หมายเหตุ
หมายเหตุ 6.1.
ผลลัพธ์ของการดาเนินการด้านผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ และกระบวนการ ควรต้องรายงานในหัวข้อ 7.1.
หมายเหตุ 6.1.
ความพยายามในการลดผลกระทบเชิงลบจากผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ควร
ต้องพิจารณาตัง้ แต่การออกแบบ, การจัดหาวัสดุ, การผลิต, การส่งอบ, และการใช้งานผลิตภัณฑ์และ/หรือบริ
การขององค์กร, ตลอดจนการกาจัดหรือการนาผลิตภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่. การพิจารณานีค้ วรต้องสอดคล้องกับ
แนวคิดและแนวปฏิบตั ิของ "เศรษฐกิจเศรษฐกิจหมุนเวียน" (circular economy).
หมายเหตุ 6.1(ก)1.
ข้อกาหนดของผลิตภัณฑ์และบริการ ควรต้องตอบสนองความต้องการและความคาดหวังที่สาคัญของ
ลูกค้าที่ระบุไว้ในโครงร่างองค์กร และนาไปใช้จดั ทาข้อกาหนดของกระบวนการทางานตามที่ได้ระบุใน 6.1ก(3)
เช่น ขีดความสามารถของกระบวนการภายใน, ขีดความสามารถของเครือข่ายอุปทาน, และขีดความสามารถ
ของพันธมิตรและผูใ้ ห้ความร่วมมือ.
หมายเหตุ 6.1ก.(3).
กระบวนการสนับสนุนที่สาคัญ ควรต้องสนับสนุนกระบวนการทางานที่สาคัญ (สร้างคุณค่า) กระบวนการ
เหล่านีอ้ าจรวมถึงกระบวนการที่สนับสนุนคณะผูน้ าและบุคลากรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการ, ตัวอย่างเช่น
การออกแบบและการส่งมอบผลิตภัณฑ์, การปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า, และการจัดการธุรกิจและกิ จการอื่ นๆ
ภายในองค์กร (business and enterprise management). ตัวอย่างกระบวนการเหล่านีอ้ าจรวมถึงการบัญชี,
การจัดซือ้ , การตลาด, การบริหารทรัพยากรบุคคล, และการกากับดูแลการปฏิบตั ิตามกฎระเบียบ(Regulatory
Compliance).
56
หมายเหตุ 6.1ก.(4).
การออกแบบกระบวนการ ยังรวมถึงความจาเป็ นในการออกแบบกระบวนการใหม่อย่างสร้างสรรค์หรือ
อย่างครอบคลุม (innovate or extensively redesign) เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงข้อกาหนดหรือเทคโนโลยี,
หรือความจาเป็ นในการนาเทคโนโลยีมาใช้ เช่น ระบบอัตโนมัติสมัยใหม่ (enhanced automation), Internet
of Things, ปั ญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) และระบบปฏิบัติการบนคลาวด์ (cloud operations).
ความคล่องตัวอาจจาเป็ นเมื่อจาเป็ นต้องเปลี่ยนแปลงกระบวนการทางาน ซึ่งเป็ นผลมาจากการเปลี่ยนแปลง
ระบบงานโดยรวม เช่น การที่องค์กรนากระบวนการของเครือข่ายอุปทานมาดาเนินการเอง เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ
ชะงักงันของการจัดหาวัตถุดิบ อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ภายนอกที่คาดเดาไม่ได้, หรือในทาง
กลับกัน การจ้างหน่วยงานภายนอกดาเนินกระบวนการซึ่งก่อนหน้านีด้ าเนินการเองภายในองค์กร.
หมายเหตุ 6.1ข(3)
เครื่องมือและวิธีการต่าง ๆ ที่ใช้เพื่อปรับปรุงผลการดาเนินการของกระบวนการในองค์กร ควรต้องเป็ นส่วน
หนึ่งของระบบการปรับปรุงผลการดาเนินการตามที่องค์กรระบุไว้ในโครงร่างองค์กร 2(ค).
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
57
กระบวนการ
(50 คะแนน)
6.2 ประสิทธิผลของการปฏิบัติการ (Operational Effectiveness)
องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการทาให้ม่ันใจว่ามีการบริหารจัดการการปฏิบัติ การ
อย่างมีประสิทธิผล ?
ก. ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏิบัติการ (Operational Efficiency and EFFECTIVENESS)
องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการจัดการต้นทุน, ประสิทธิภาพ, และประสิทธิผล ของการปฏิบัติการ
? องค์กรดาเนินการในเรื่องต่อไปนีอ้ ย่างไร
• นาเรื่องของรอบเวลา, ผลิตภาพ, รวมทัง้ ปั จจัยด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผลอื่น ๆ มาพิจารณาใน
กระบวนการทางานขององค์กร;
• ลดความแปรปรวนของกระบวนการและป้องกันไม่ให้เกิดของเสีย, ความผิดพลาดของการให้บริการ,
และการทางานซา้ ;
• ลดความสูญเปล่า ที่เกี่ ย วข้อ งกับ ผลิต ภัณฑ์ และ/หรื อ บริก าร และจากการผลิต ผลิต ภัณฑ์หรื อ การ
ให้บริการ;
• ลดค่าประกันความเสียหาย หรือลดการสูญเสียผลิตภาพของลูกค้า (customers’ productivity losses) (*);
• ลดต้น ทุ น ที่ เ กี่ ย วข้อ งกับ การตรวจสอบ (inspection), การทดสอบ (test), และการตรวจประเมิ น
กระบวนการหรือผลการดาเนินการ (audit) (*); และ
• สร้างสมดุลระหว่างความต้องการควบคุมต้นทุนและประสิทธิภาพ กับข้อกาหนดและความคาดหวังของ
ลูกค้าและผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสียอื่น ๆ ขององค์กร ?
ข. การจัดการเครือข่ายอุปทาน (Supply-Network Management)
องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการจัดการเครือข่ายอุปทาน ? องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการคัดเลือกผูส้ ่ง
มอบที่มีคณ ุ สมบัติและอยู่ในสถานะที่สามารถ (positioned) ตอบสนองความต้องการด้านการปฏิบตั ิการ, ช่วย
สร้างเสริมผลการดาเนินการขององค์กร, สนับสนุนวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ขององค์กร, และสร้างเสริมความพึง
พอใจของลูกค้าอย่างไร ? องค์กรดาเนินการในเรื่องต่อไปนีอ้ ย่างไร
• ส่งเสริมความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันและความร่วมมือภายในเครือข่ายอุปทานขององค์กร;
• บรรเทาความเสี่ยงและเสริมสร้างความคล่องตัวและความสามารถในการฟื ้ นตัวของเครือข่ายอุปทานใน
การตอบสนองการเปลี่ยนแปลงด้านลูกค้าและตลาด, ข้อกาหนดขององค์กร, และความคาดหวังที่
เกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม; และ
• สื่อสารความคาดหวังต่อผลการดาเนินการ, วัดและประเมินผลการดาเนินการของผูส้ ่งมอบ, ให้ขอ้ มูล
ป้อนกลับเพื่อช่วยให้ผสู้ ง่ มอบปรับปรุง, และดาเนินการกับผูส้ ง่ มอบที่มีผลการดาเนินการที่ไม่ดี ?
58
ค. ความปลอดภัย ความต่อเนื่องของธุรกิจ ความสามารถในการฟื้ นตัว และการบริหารความเสี่ยง
(Safety, Business Continuity and RESILIENCE, and Risk Management)
(1) ความปลอดภั ย (Safety) องค์ก รมี วิ ธี ก ารอย่ า งไรในการท าให้ เ กิ ด สภาพแวดล้ อ มการ
ปฏิบัติการที่ปลอดภัย (safe) และมั่นคงปลอดภัย (secure) สาหรับบุคลากรและบุคคลอื่นใน
สถานทีท่ างานขององค์กร ? ระบบความปลอดภัย และความมั่นคงปลอดภัย (security) ขององค์กร
ได้คานึงถึงการป้องกันอุบตั ิเหตุ, การตรวจสอบ, การวิเคราะห์ตน้ เหตุของความล้มเหลว, และการทา
ให้คืนสูส่ ภาพเดิมอย่างไร ?
(2) ความต่ อ เนื่ อ งทางธุ ร กิ จ และความสามารถในการฟื้ นตั ว (Business Continuity and
RESILIENCE) องค์กรมีวิธีการอย่างไรเพื่อทาให้ม่ันใจว่าองค์กรสามารถคาดการณ์ล่วงหน้า,
เตรียมพร้อม, และฟื้ นฟูจากภัยพิบัติ, ภาวะฉุ กเฉิน, และภาวะชะงักงันต่าง ๆ ? องค์กรได้
คานึงถึงการป้องกัน, การปกป้อง, ความต่อเนื่องของการปฏิบตั ิการ, การทาให้คืนสู่สภาพเดิม, และ
โอกาสในการสร้างนวัตกรรมหรือการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉม จากเหตุการภาวะชะงักงันอย่างไร ?
องค์กรได้คานึงถึงความต้องการของลูกค้าและความต้องการทางธุรกิจ และการพึ่งพาบุคลากรของ
องค์กร, เครือข่ายอุปทาน, และพันธมิตรอย่างไร ?
(3) การบริหารความเสี่ยง ( Risk Management) แนวทางโดยรวมขององค์กรในการบริหารความ
เสี่ ย งคื อ อะไร ? แนวทางดังกล่า วสามารถจัด การกับ ความเสี่ย งที่เ กี่ ย วข้อ งกับ ด้า นการปฏิ บัติ
สอดคล้องตามกฎหมายและกฎระเบียบข้อบังคับ ; ด้านผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ; ด้านบุคลากร;
ด้านการเงิน; ด้านเทคโนโลยี; ด้านเครือข่ายอุปทาน; และด้านการปฏิบตั ิการอย่างไร (*) ?
หมายเหตุ
หมายเหตุ 6.2ก.
ผลกระทบจากการปฏิบัติการขององค์กรที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ควรต้องเป็ นสิ่งที่องค์กรคานึงถืง
เนื่องจากลูกค้าและผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสียมีความคาดหวังที่มากขึน้ ในเรื่องดังกล่าว.
หมายเหตุ 6.2ข.
เพื่อทาให้ม่ นั ใจว่าผูส้ ่งมอบอยู่ในตาแหน่ง (position) ที่สามารถตอบสนองความจาเป็ นด้านการปฏิบตั ิการ
รวมทัง้ ยกระดับผลการดาเนินการขององค์กรและความพึงพอใจของลูกค้า, องค์กรอาจร่วมมือกับผูส้ ง่ มอบหรือ
จัดตัง้ กลุ่มพันธมิตรกับองค์กรต่าง ๆ ภายในระบบนิเวศธุรกิจเพื่อสร้างเครือข่ายอุปทาน. เครือข่ายเหล่านีจ้ ะ
ช่วยลดการพึ่งพาผูส้ ่งมอบเพียงรายใดรายหนึ่ง และเพิ่มความสามารถในการฟื ้ นตัว (resilience) ได้มากกว่า
การดาเนินการตามห่วงโซ่อปุ ทานแบบเดิม. การสื่อสารความคาดหวังและการให้ขอ้ มูลป้อนกลับแก่ผสู้ ่งมอบ
ควรต้องเป็ นการสื่อสารแบบสองทาง เพื่อให้ผูส้ ่งมอบได้ชีแ้ จงสิ่งที่ตอ้ งการจากองค์กรนีแ้ ละจากองค์กรอื่ น
ภายในเครือข่ายอุปทาน. ในหลายองค์กร, กลไกเหล่านีอ้ าจเปลี่ยนแปลงตามการเปลี่ยนแปลงข้อกาหนดของ
ตลาด, ลูกค้า, หรือผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสีย.
59
หมายเหตุ 6.2ค.(2).
ภัยพิบัติและภาวะฉุกเฉิ น อาจเป็ นระยะสั้นหรือระยะยาว และอาจเกี่ ยวกับสภาพอากาศ; ภูมิอากาศ;
สาธารณูปโภค; ความมั่นคงปลอดภัย ; หรือเกิดจากภาวะฉุกเฉิ นด้านสาธารณสุขหรือด้า นอื่น ๆ ในระดับ
ท้องถิ่น, ระดับภูมิภาค, ระดับชาติ, หรือระดับโลก. ความครอบคลุมในการเตรียมพร้อมต่อเหตุการณ์ต่างๆ
ขึน้ อยู่กบั สภาพแวดล้อมขององค์กรและความอ่อนไหวต่อการชะงักงันของการปฏิบตั ิการ ในระยะสัน้ หรือยาว.
ระดับการยอมรับความเสี่ยงขององค์กรขึน้ อยู่กบั ลักษณะของผลิตภัณฑ์ บริการ เครือข่ายอุปทาน รวมทัง้ ความ
ต้องการและความคาดหวังของผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสีย.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
60
หมวด 7 ผลลัพธ์ (400 คะแนน)
(Results)
ในหมวดผลลัพธ์ เกณฑ์ถามถึง ผลการดาเนินการและการปรับปรุ งในด้านที่ สาคัญทุกด้านขององค์กร
ได้แก่ ผลลัพธ์ดา้ นผลิตภัณฑ์และกระบวนการ; ผลลัพธ์ดา้ นลูกค้า; ผลลัพธ์ดา้ นบุคลากร; ผลลัพธ์ดา้ นการนา
องค์กรและการกากับดูแลองค์กร; และผลลัพธ์ดา้ นการเงิน, ตลาด, และกลยุทธ์
ผลลัพธ์
(110 คะแนน)
7.1 ผลลัพธ์ด้านผลิตภัณฑ์และกระบวนการ (Product and Process Results)
ผลลัพธ์ของการดาเนินการด้านผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ และกระบวนการเป็ น
อย่างไร ?
ก. ผลลัพธ์ด้ านผลิ ต ภั ณฑ์แ ละบริ ก ารที่มุ่ ง เน้ น ลู ก ค้ า (CUSTOMER Focused Product and Service
RESULTS)
ผลลัพธ์ด้านผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการเป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชีว้ ดั สาคัญของผลการ
ดาเนินการด้านผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความสาคัญและตอบสนองโดยตรงต่อ ลูกค้าเป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์
เหล่านีแ้ ตกต่างกันตามผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ, กลุม่ ลูกค้า, และส่วนตลาดอย่างไร (*) ?
61
ค. ผลลัพธ์ด้านการจัดการเครือข่ายอุปทาน (Supply-Network Management RESULTS)
ผลลัพธ์ด้านการจัดการเครือข่ายอุปทานเป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชีว้ ดั สาคัญของผล
การดาเนินการด้านเครือข่ายอุปทาน, รวมทั้งการมีส่วนร่วมของเครือข่ายอุปทานในการสร้างเสริม ผลการ
ดาเนินการขององค์กรเป็ นอย่างไร ?
หมายเหตุ
หมายเหตุ 7.
องค์กรควรต้องพิจารณาผลลัพธ์อย่างเป็ นระบบ, ผลลัพธ์แต่ละตัวในหมวดผลลัพธ์มกั มาจากกระบวนการ
มากกว่า 1 หมวด. ข้อมูลด้านล่างแสดงความเชื่อมโยงของหมวดกระบวนการและการรายงานผลในหมวด 7
- หัวข้อ 1.1 และ 1.2 รายงานผลลัพธ์ในหัวข้อ 7.4
- หัวข้อ 2.1 และ 2.2 รายงานผลลัพธ์ในหัวข้อ 7.5
- หัวข้อ 3.1 และ 3.2 รายงานผลลัพธ์ในหัวข้อ 7.2
- หัวข้อ 4.1 และ 4.2 รายงานผลลัพธ์ในหัวข้อ 7.1 และ 7.5
- หัวข้อ 5.1 และ 5.2 รายงานผลลัพธ์ในหัวข้อ 7.3
- หัวข้อ 6.1 และ 6.2 รายงานผลลัพธ์ในหัวข้อ 7.1
62
หมายเหตุ 7.1ก.
ผลลัพธ์ดา้ นผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ควรต้องเชื่อมโยงกับข้อกาหนดของผลิตภัณฑ์และบริการตามที่ระบุ
ไว้ใน 6.1ก(1) และความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าตามที่ระบุไว้ในโครงร่างองค์กร 1ข(2). โดย
อ้างอิงตามสารสนเทศที่เก็บรวบรวมผ่านกระบวนการที่อธิบายไว้ในหมวด 3. ตัววัดหรือตัวชีว้ ัดเหล่านีค้ วร
สอดคล้องกับปั จจัยที่มีผลต่อความนิยมของลูกค้า เช่น ปั จจัยต่าง ๆ ที่อยู่ในหมายเหตุของโครงร่างองค์กร ข้อ
1ข.(2) และหัวข้อ 3.2ข.
หมายเหตุ 7.1ก.
สำหรับองค์กรทีไ่ ม่แสวงหำผลกำไร (รวมถึง องค์กรภำครัฐ), แหล่งผูใ้ ห้ทนุ อำจเป็ นผูก้ ำหนดตัววัดผลกำร
ดำเนินกำรด้ำนผลิตภัณฑ์และบริกำร. จึงควรต้องระบุตวั วัดเหล่ำนีแ้ ละรำยงำนผลไว้ในหัวข้อนีด้ ว้ ย.
หมายเหตุ 7.1ข.
ผลลัพธ์ท่รี ายงานในหัวข้อ 7.1ข. ควรต้องตอบสนองข้อกาหนดที่สาคัญด้านการปฏิบตั ิการ ตามที่ระบุไว้ใน
โครงร่างองค์กร และหมวด 6
หมายเหตุ 7.1ข(1).
ผลลัพธ์ท่เี กิดจากความพยายามในการลดความสูญเสีย (waste) ในกระบวนการ ควรต้องรายงานในหัวข้อ
นี.้ ผลลัพธ์ท่เี กิดจากความพยายามในการสร้างประโยชน์ให้กบั สังคมและสิ่งแวดล้อมให้รายงานในหัวข้อ 7.4ก
(5).
หมายเหตุ 7.1ข(1).
ผลลัพธ์ของตัววัดและตัวชีว้ ดั สาคัญของการสร้างนวัตกรรมให้รายงานในหัวข้อ 7.5ข.
หมายเหตุ 7.1ข(2).
หากเป็ นไปได้, ประสิทธิผลของการเตรียมพร้อมต่อภาวะฉุกเฉิน ควรต้องแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ท่ีเกิดขึน้
(outcomes), การเรียนรู ,้ และผลลัพธ์ (results), ที่มากกว่ารายงานเพียงกิจกรรมการฝึ กอบรม และการปฏิบตั ิ
ตามมาตรฐาน.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
63
ผลลัพธ์
(75 คะแนน)
7.2 ผลลัพธ์ด้านลูกค้า (Customer Results)
ผลลัพธ์ของการดาเนินการด้านการมุ่งเน้นลูกค้าเป็ นอย่างไร?
ก. ผลลัพธ์ด้านการมุ่งเน้นลูกค้า (CUSTOMER-Focused RESULTS)
(1) ความพึงพอใจของลูกค้า (CUSTOMER Satisfaction) ผลลัพธ์ด้านความพึงพอใจและความไม่
พึงพอใจของลูกค้าเป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชีว้ ดั ที่สาคัญด้านความพึงพอใจและไม่
พึงพอใจของลูกค้าเป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์เหล่านีแ้ ตกต่างกันตามผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่นาเสนอ
, กลุม่ ลูกค้า, และส่วนตลาดอย่างไร (*) ?
(2) ความผูกพันของลูกค้า (CUSTOMER ENGAGEMENT) ผลลัพธ์ด้านความผูกพันของลูก ค้ า
เป็ นอย่ า งไร ? ผลลัพ ธ์ ข องตั ว วั ด หรื อ ตัว ชี ้วัด ส าคัญ ด้า นความผู ก พั น , รวมถึ ง ด้า นการสร้า ง
ความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์เหล่านีเ้ มื่อเปรียบเทียบตามวงจรชีวิตของการเป็ นลูกค้า
เป็ นอย่างไร (*) ? ผลลัพธ์เหล่านีแ้ ตกต่างกันตามผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ, กลุ่มลูกค้า, และส่วน
ตลาดอย่างไร (*) ?
หมายเหตุ
หมายเหตุ 7.2.
ผลลัพธ์ดา้ นความพึงพอใจ, ความไม่พึงพอใจ, และความผูกพันของลูกค้า ควรต้องเชื่อมโยงกับกลุ่มลูกค้า
และส่วนตลาดที่ระบุไว้ในโครงร่างองค์กร 1.ข.(2) และวิธีการรับฟั งและประเมินตามที่ระบุไว้ในหมวด 3.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
64
ผลลัพธ์
(70 คะแนน)
7.3 ผลลัพธ์ด้านบุคลากร (WORKFORCE RESULTS)
ผลลัพธ์ของการดาเนินการด้านการมุ่งเน้นบุคลากรเป็ นอย่างไร ?
ก. ผลลัพธ์ด้านการมุ่งเน้นบุคลากร (WORKFORCE-Focused RESULTS)
(1) ขี ด ความสามารถและอั ต ราก าลั ง บุ ค ลากร(WORKFORCE CAPABILITY and CAPACITY)
ผลลัพธ์ด้านขีดความสามารถและอัตรากาลังบุคลากรเป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์ของตัววัดหรือ
ตัวชีว้ ดั สาคัญด้านขีดความสามารถและอัตรากาลังบุคลากร, รวมถึงทักษะที่เหมาะสมของบุคลากร
และจ านวนบุ ค ลากรที่ ต ้อ งการในแต่ ล ะระดับ (staffing LEVELS) เป็ น อย่ า งไร ? ผลลัพ ธ์ เ หล่ า นี ้
แตกต่างกันตามความหลากหลายของกลุม่ และประเภทของบุคลากรอย่างไร (*) ?
(2) บรรยากาศการท างาน (Workplace Climate) ผลลั พ ธ์ ด้ า นสุ ข ภาวะในสถานที่ ท างาน
(workplace health) และ ค่ า ตอบแทน (workforce compensation) และสิ ท ธิ ป ระโยชน์ เป็ น
อย่างไร ? ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชีว้ ดั สาคัญด้านบรรยากาศการทางาน, รวมถึงสุขภาวะ, ความ
มั่นคงปลอดภัย, การเข้าถึงสถานที่ทางาน, และค่าตอบแทน และสิทธิประโยชน์สาหรับ บุคลากรเป็ น
อย่างไร (*) ? ผลลัพธ์เหล่านีแ้ ตกต่างกันตามความหลากหลายของกลุ่มและประเภทของบุคลากร
อย่างไร (*)
(3) ความผู ก พั นของบุ ค ลากรและการรั ก ษาบุ คลากรไว้ (WORKFORCE ENGAGEMENT and
Retention) ผลลัพธ์ด้านความผูกพันของบุคลากรเป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชีว้ ดั ที่
สาคัญด้านความพึงพอใจ, ความไม่พงึ พอใจ, การรักษาบุคลากรไว้, และความผูกพันของบุคลากรเป็ น
อย่างไร ? ผลลัพธ์เหล่านีแ้ ตกต่างกันตามความหลากหลายของกลุม่ และประเภทของบุคลากรอย่างไร
(*) ?
(4) การพัฒนาบุคลากร (WORKFORCE Development) ผลลัพธ์ด้านการพัฒนาบุคลากรและผู้นา
เป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชีว้ ัดสาคัญด้านการพัฒนาบุคลากรและผูน้ าเป็ นอย่างไร ?
ผลลัพธ์เหล่านีแ้ ตกต่างกันตามความหลากหลายของกลุม่ และประเภทของบุคลากรอย่างไร (*) ?
65
หมายเหตุ
หมายเหตุ 7.3.
ผลลัพธ์ท่ีรายงานในหัวข้อนี ้ ควรต้องสัมพันธ์กับกระบวนการ, ตัววัด, และตัวชีว้ ดั ที่รายงานไว้ในหมวด 5.
นอกจากนี ้ ผลลัพธ์ควรต้องตอบสนองความจาเป็ นของกระบวนการทางานที่สาคัญที่อธิบายไว้ในหมวด 6 และ
ต่อแผนปฏิบัติการขององค์กร และแผนด้านบุคลากรตามที่รายงานไว้ในหัวข้อ 2.2. การรายงานผลลัพธ์ใ น
หัวข้อนีค้ วรต้องครอบคลุมทุกกลุม่ บุคลากร (segment) ตามที่ระบุไว้ในโครงร่างองค์กร, รวมถึงกลุม่ บุคลากรที่
ทางานเสมือนจริง (working virtually) (ทางานที่บา้ นหรือสลับรู ปแบบการทางาน (alternate site) หรือกลุ่ม
บุคลากรที่มีการจัดรูปแบบการทางานแบบผสมผสาน (hybrid work-site). องค์กรที่ตอ้ งพึ่งพาอาสาสมัครและ/
หรื อ พนัก งานชั่ว คราวในการด าเนินงานหลัก (core work) (งานที่ทาให้เ กิ ด ผลผลิต ที่สาคัญ และ/หรื อ ที่มี
ปฏิสมั พันธ์กบั ลูกค้า) ควรต้องรายงานผลลัพธ์ของบุคลากรเหล่านีด้ ว้ ย (*).
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
66
ผลลัพธ์
(65 คะแนน)
7.4 ผลลัพธ์ด้านการนาองค์กรและการกากับดูแลองค์กร (Leadership and Governance
Results)
ผลลัพธ์ด้านการนาองค์กรโดยผู้นาระดับสูงและการกากับดูแลองค์กรเป็ นอย่างไร
?
ก. ผลลัพธ์ด้านการนาองค์กร การกากับดูแลองค์กร และการสร้างประโยชน์ให้สังคม(Leadership,
GOVERNANCE, and Societal Contribution RESULTS)
(1) การนาองค์ก ร (Leadership) ผลลัพธ์ด้ านการสื่ อสารและสร้ างการมี ส่ว นร่ ว มอย่ างเต็มใจ
(communication and engagement) ของผู้นาระดับสูงกับบุคลากร, พันธมิตร, และลูกค้าเป็ น
อย่างไร ? ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชีว้ ดั สาคัญของการดาเนินการของผูน้ าระดับสูงในเรื่องการสื่อสาร
และสร้างการมีสว่ นร่วมอย่างเต็มใจของผูน้ าระดับสูงกับบุคลากร, พันธมิตร, และลูกค้า เพื่อ
- ถ่ายทอดพันธกิจ, วิสยั ทัศน์, และค่านิยมสูก่ ารปฏิบตั ิ;
- กระตุน้ ให้เกิดการสื่อสารในลักษณะสองทิศทาง;
- ปลูกฝั งวัฒนธรรมองค์กรที่ให้คุณค่ากับความหลากหลายและส่งเสริมความเท่าเทียมและการมี
ส่วนร่วม, การสร้างนวัตกรรม, และการประเมินโอกาสคุม้ เสี่ยง;
- สร้างการมุ่งเน้นการปฏิบัติ เป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์เหล่านีแ้ ตกต่างกันตามหน่วยงานต่าง ๆ ของ
องค์กรและกลุม่ ลูกค้าอย่างไร (*) ?
หมายเหตุ 7.4ก.(2).
การรายงานผลลัพธ์ในหัวข้อนี ้ อาจรวมถึงประเด็นที่เกี่ยวกับรายงานทางการเงินและความเสี่ยง, คาแนะนา
ที่สาคัญของผูต้ รวจสอบภายในและภายนอก, และการตอบสนองของผูบ้ ริหารในเรื่องดังกล่าว.
หมายเหตุ 7.4ก.(4).
ตัวอย่างตัววัดของการประพฤติปฏิบตั ิอย่างมีจริยธรรมและความเชื่อมั่นของผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสีย, ให้ดหู มาย
เหตุของหัวข้อ 1.2ข(2).
หมายเหตุ 7.4ก.(5).
ตัววัดของการตอบแทนความผาสุกของสังคม อาจรวมถึงการปกป้องสิ่งแวดล้อม และการสนับสนุนชุมชน,
ทัง้ ในระดับท้องถิ่น, ระดับชาติ, หรือระดับโลก. ตัวอย่างผลลัพธ์ เช่น การลดการใช้พลังงาน, การใช้พลังงาน
หมุนเวียน และการหมุนเวียนนา้ เพื่อกลับมาใช้ใหม่, การลดคาร์บอนฟุตพริน้ ท์, การลดและการใช้ประโยชน์
จากของเสีย, และทางเลือกอื่นสาหรับการอนุรกั ษ์ทรัพยากร (เช่น เพิ่มการประชุมแบบเสมือนจริง (virtual
meeting), และการปฏิบตั ิต่อผูใ้ ช้แรงงานที่เป็ นที่ยอมรับในระดับสากล, และการบริจาคสินค้าหรือให้บริการ
เพื่อส่งเสริมที่อยู่อาศัย, สุขภาวะชุมชน, และความมั่นคงปลอดภัยด้านอาหารให้กบั สมาชิกทุกคนในชุมชน.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
68
ผลลัพธ์
(75 คะแนน)
7.5 ผล ลั พธ์ ด้ านกา รเงิ น ต ล า ด แ ล ะ กล ยุ ท ธ์ (Financial, Market, and Strategy
RESULTS)
ผลลัพธ์ของการดาเนินการด้านการเงินและตลาด และผลลัพธ์ด้านการนากลยุทธ์
ไปปฏิบัติเป็ นอย่างไร ?
ก. ผลลัพธ์ด้านการเงินและตลาด (Financial and Market RESULTS)
(1) ผลการดาเนิ นการด้า นการเงิ น (Financial PERFORMANCE) ผลลัพธ์ก ารดาเนิ นการด้ า น
การเงินเป็ นอย่ างไร ? ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชีว้ ัดสาคัญ ของผลการดาเนินการด้านการเงิ น,
รวมถึงตัววัดโดยรวมเชิงประกอบ (aggregate measures) ด้านผลตอบแทนทางการเงิน, ความมั่นคง
ทางการเงิน (financial viability), และผลการดาเนินการด้านงบประมาณ (budgetary performance)
เป็ นอย่างไร (*) ? ผลลัพธ์เหล่านีแ้ ตกต่างกันตามส่วนตลาดและกลุม่ ลูกค้าอย่างไร (*) ?
(2) ผลการดาเนิ นการด้านตลาด (Marketplace PERFORMANCE) ผลลัพธ์การดาเนิ นการด้าน
ตลาดเป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชีว้ ดั สาคัญของผลการดาเนินการด้านตลาด, รวมถึง
ส่วนแบ่งตลาดหรือตาแหน่งในตลาด, การเติบโตของตลาด และการเติบโตของส่วนแบ่งตลาด, และ
การเจาะตลาดใหม่เป็ นอย่างไร (*) ? ผลลัพธ์เหล่านีแ้ ตกต่างกันตามส่วนตลาดและกลุ่มลูกค้าอย่างไร
(*) ?
ข. ผลลั พ ธ์ด้ า นการน ากลยุ ท ธ์ไ ปปฏิ บั ติ แ ละการสร้ า งนวั ต กรรม (Strategy Implementation and
Innovation RESULTS)
ผลลัพธ์ด้านการบรรลุกลยุทธ์ขององค์กรเป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชีว้ ดั สาคัญของการ
บรรลุกลยุทธ์และแผนปฏิบตั ิการขององค์กรเป็ นอย่างไร ? ผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชีว้ ดั สาคัญของการมุ่งมั่น
(efforts) ด้านการสร้างนวัตกรรมเป็ นอย่างไร ?
หมายเหตุ
หมายเหตุ 7.5ก.
การรายงานผลลัพธ์ในหัวข้อนี ้ ควรต้องสัมพันธ์กับตัววัดด้านการเงินตามที่รายงานไว้ในหัวข้อ 4.1ก.(1)
และแนวทางการจัดการด้านการเงินตามที่รายงานไว้ในหัวข้อ 2.2.
หมายเหตุ 7.5ก.(1).
การรายงานผลลัพธ์ในหัวข้อนี ้ อาจรวมถึงตัววัดเชิงประกอบด้านผลตอบแทนทางการเงิน เช่น ผลตอบแทน
ทางการลงทุน (ROI), ส่วนกาไรจากการดาเนินงาน (operating margin), ความสามารถในการทากาไร, หรือ
ความสามารถในการทากาไรตามส่วนตลาดหรือกลุ่มลูกค้า. ตัววัดด้านความมั่นคงทางการเงิน อาจรวมถึง
69
สภาพคล่อง (liquidity), อัตราส่วนหนีส้ ินต่อทุน (debt to equity ratio), เงินสดย่อยรายวัน (days cash on
hand), ประสิทธิ ภาพในการใช้สินทรัพย์, และกระแสเงินสด. สำหรับองค์กรที่ไม่แ สวงหำผลกำไร (รวมถึง
องค์กรภำครัฐ) อำจรวมถึงตัววัดเกี่ยวกับผลกำรดำเนินกำรเทียบกับงบประมำณ (performance to budget)
ซึ่งรวมถึงกำรเพิ่มเติมหรือลดลงของทุนสำรอง (reserve funds); กำรลดควำมสิน้ เปลืองหรือกำรประหยัด; กำร
ตอบสนองต่องบประมำณทีล่ ดลง; กำรลดค่ำใช้จ่ำยให้ลูกค้ำ หรือผลตอบแทนต่อทุนซึ่งเป็ นผลมำจำกกำรเพิ่ม
ประสิทธิภำพ; เปอร์เซ็นต์ค่ำใช้จ่ำยกำรบริหำรต่องบประมำณ; และต้นทุนด้ำนกำรระดมทุนเทียบกับทุนที่
ระดมได้.
หมายเหตุ 7.5ก.(2).
สำหรับองค์กรทีไ่ ม่แสวงหำผลกำไร, กำรรำยงำนผลลัพธ์ในหัวข้อนี ้ อำจรวมถึงตัววัดด้ำนกำรบริจำคเพือ่
กำรกุศลหรือเงินช่วยเหลือ (charitable donations or grants) และจำนวนโครงกำรหรือกำรให้บริกำรใหม่.
หมายเหตุ 7.5ข.
ผลลัพธ์ของความพยายามในการสร้า งนวัตกรรม ควรต้องเชื่อมโยงกับแนวทางการแสวงหาการสร้า ง
นวัตกรรม (pursuing innovations) และการประเมินโอกาสคุม้ เสี่ยง, ตามที่รายงานในหัวข้อ 4.2ค. ผลลัพธ์
ควรต้องรวมถึงนวัตกรรม และผลกระทบที่มีต่อผลการดาเนินการขององค์กร. ตัวอย่างผลลัพธ์ เช่น การเพิ่ม
ส่วนแบ่งตลาดและ/หรือรายได้อย่างมีนัยสาคัญ อันเนื่องจากการเจาะตลาดใหม่ หรือนาเสนอผลิตภัณฑ์/
บริการใหม่, หรือการเพิ่มประสิทธิผลอย่างมีนัยสาคัญที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ, สิ่งอานวยความสะดวก,
หรือการปฏิบตั ิการ ที่มีการออกแบบใหม่.
สาหรับคาอธิบายเพิ่มเติมของหัวข้อนี ้ ให้ดูคำอธิบำยเกณฑ์รำยหัวข้อ.
70
71
รายละเอียดทีเ่ กี่ยวข้องกับเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ
การเปลี่ยนแปลงทีส่ าคัญของเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ ปี 2567-2568
การปรับเปลี่ยนเกณฑ์ในแต่ละครัง้ มีความมุ่งหมายหลัก คือ เกณฑ์ตอ้ งสะท้อนความนาสมัยของแนวทาง
ปฏิบตั ิท่ไี ด้รบั การพิสจู น์ยืนยันแล้วทัง้ ในด้านการนาองค์กรและผลการดาเนินการ ในขณะเดียวกันเกณฑ์ตอ้ งมี
ความกระชับและใช้งานง่าย.
หลายปี ท่ีผ่านมา, เกณฑ์เพื่อผลการดาเนินการที่เป็ นเลิศได้วิวฒ
ั นาการไปตามปั จจัยขับเคลื่อนความสามารถ
ในการแข่งขันและความสาเร็จในระยะยาวขององค์กร. จากการพัฒนาการ เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ
นาเสนอองค์กรในปั จจุบนั ด้วยแนวทางการนาองค์กรและการบริหารจัดการแบบไม่บังคับ (nonprescriptive)
เพื่อส่งเสริมแนวทางการดาเนินการที่เป็ นระบบเพื่อให้บรรลุความเป็ นเลิศ
การเปลี่ยนแปลงทีม่ ีนัยสาคัญของเกณฑ์สรุปได้ดังนี้
โครงร่างองค์กร
• คาถาม "อะไร" (What) บางคาถามถูกย้ายมายังโครงร่างองค์กร; ตัวอย่างเช่น แนวคิดเรื่องโอกาส
เชิงกลยุทธ์ถูกย้ายมาเพราะสอดรับกับความท้าทายเชิงกลยุทธ์, และโอกาสเชิงกลยุทธ์มีนยั ยะสาคัญ
ในเกณฑ์หลายหมวด. ในกรณีอ่ืน ๆ คาถาม "อะไร" (What) ยังคงไว้ในหมวดที่มีผลกระทบมากที่สดุ .
72
• 1ก(3) ลักษณะโดยรวมของบุคลากร ถูกปรับให้ง่ายขึน้ เพื่อความชัดเจน. นอกจากนี,้ ข้อกาหนดด้าน
การศึกษาของบุคลากร ได้ถูกถอดออกจากคาถามของเกณฑ์เนื่องจากมีขอ้ มูลป้อนกลับว่าไม่ได้ใช้
ข้อมูลนีใ้ นการตรวจประเมิน.
• เพื่อให้เข้าใจถึงรู ปแบบธุรกิจ (business model) ขององค์กรได้ดีขึน้ จึงได้เพิ่มคาถาม 1ก(1; ร้อยละ
ของรายได้รวม) และ 2ก(1; สิ่งที่สร้างความแตกต่าง).
หมวด 1 การนาองค์กร (Leadership)
• 1.1ก. พันธกิจ เป็ นองค์ประกอบสาคัญประการหนึ่งซึ่งผูน้ าระดับสูงต้องรับผิดชอบในการกาหนดและ
ถ่ายทอดสู่การปฏิบตั ิ. ในทานองเดียวกัน, 1.1ค.(1) ความปลอดภัย และความหลากหลาย ถูกเพิ่ม
เป็ นความรับผิดชอบของผูน้ าระดับสูงในการสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อความสาเร็จ.
• คาถามเกี่ยวกับบทบาทของคณะกรรมการ (board) ในการประเมินผลการดาเนินการขององค์กรถูกย้าย
จาก 4.1ข. ไปอยู่ 1.2ก.(3) เพื่อรวมกลุม่ คาถามเกี่ยวกับคณะกรรมการกากับดูแลเข้าไว้ดว้ ยกัน.
หมวด 2 กลยุทธ์ (Strategy)
• 2.1ก(2) รายการข้อพิจารณากลยุทธ์ถกู ปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อเน้นองค์ประกอบและความเสี่ยงที่สาคัญ.
• คาว่า “ระบบงาน” ถูกถอดออกจากหัวเรื่องของประเด็นพิจารณา, ซึ่งตอนนีไ้ ด้เปลี่ยนเป็ น การจัดจ้าง
ผู้ รั บ จ้ า งภายนอกและสมรรถนะหลั ก ขององค์ ก ร (outsourcing and core competencies).
แนวคิดสาคัญของ “ระบบงาน” ยังคงปรากฏอยู่ในข้อ 2.1ก(4) และ 5.1ก(3), และในหมายเหตุหลาย
แห่ง, รวมทัง้ ในอภิธานศัพท์.
หมวด 3 ลูกค้า (Customers)
• แนวคิดที่เชื่อมโยงเรื่อง “เสียงของลูกค้า” ปรากฏในหลายหัวข้อ ได้แก่ 3.1, 3.2, และ 6.1 ในการรับฟั ง
ลูกค้า, การระบุขอ้ กาหนดของลูกค้า, การออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการ ฯลฯ.
• 3.2ข. ประเด็นพิจารณาเรื่อง ความพึงพอใจ, ความไม่พึงพอใจ, และความผูกพันของลูกค้า ได้ถูกปรับ
ให้กระชับเพื่อความชัดเจน. แนวคิดเรื่องประสบการณ์ของลูกค้าได้ถกู อ้างอิงเพื่อครอบคลุมหัวข้อ 3.2
ทัง้ หมด.
หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ (Measurement, Analysis, and
Knowledge Management)
• ความคล่องตัวในการวัดผล (measurement agility) ถูกย้ายไปอยู่ 4.1ก.(1) เพื่อให้สอดรับกับคาถาม
อื่ น ๆ, และผลการดาเนินการและการคาดการณ์ผลการดาเนินการถูกรวมไว้ดว้ ยกันใน 4.1ข. การ
ปรับแก้นีท้ าให้การคาดการณ์ผลการดาเนินการกลายเป็ น “คาถามย่อย” (multiple question) จาก
เดิมที่เป็ น “คาถามโดยรวม” (overall question) และสอดคล้องไปแนวทางเดียวกันกับแนวทางการให้
73
คะแนนหมวดผลลัพ ธ์ (Results Scoring Guidelines) ซึ่งกล่า วถึ งการคาดการณ์ผลการด าเนินการ
ในช่วงคะแนน 70–85% และ 90–100%.
• จากข้อมูลป้อนกลับจากผูใ้ ช้งาน, ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (cybersecurity) ถูกย้ายจากหมวด
6 ไปอยู่หมวด 4 เพื่อรวมไว้กับการจัดการสารสนเทศและองค์ความรู .้ เนือ้ หาเกณฑ์ยังคงสื่อว่าความ
มั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เป็ นประเด็นสาคัญเชิงกลยุทธ์ท่ตี อ้ งดาเนินการทั่วทัง้ องค์กร.
• หัวข้อ 4.2ค. การแสวงหาการสร้างนวัตกรรม (pursuit of innovation) แนวคิดนีถ้ ูกย้ายจากหมวด 6
เป็ นหมวด 4 เพื่อพยายามลดความสับสนว่าจะตอบคาถามเรื่องการสร้างนวัตกรรม (innovation) ใน
เกณฑ์หมวดใด. หัวข้อ 4.2ค. ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เ พื่อระบุถึ งความสาคัญของการสร้า งนวัตกรรมต่ อ
องค์กรโดยรวม และความสัมพันธ์ระหว่างการสร้างนวัตกรรมกับระบบการจัดการความรูข้ ององค์กร.
หมวด 5 บุคลากร (Workforce)
• ความไม่พึงพอใจของบุคลากร ได้ถกู ยกขึน้ เป็ นประเด็นอย่างชัดเจนเพื่อค้นหาต้นเหตุของปั ญหา และ
ทาให้เกิดการแก้ไขอย่างเป็ นระบบเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่พงึ พอใจในอนาคต.
• ประสิทธิผลของระบบการเรี ยนรู้ และพัฒ นา (เดิม 5.2ค.(3)) ถูกผนวกอยู่ในปั จจัย “การเรียนรู ”้
(Learning) ในระบบการให้คะแนนของเกณฑ์ และใน 5.2ค.(2), และรายงานผลลัพธ์ดา้ นประสิทธิผล
ของระบบการเรียนรูแ้ ละพัฒนาในหมวด 7.
• ค่ า ตอบแทน (compensation) ถู ก ยกขึ น้ เป็ น ประเด็ น อย่ า งชัด เจนในเรื่ อ งสิ ท ธิ ป ระโยชน์ส าหรับ
บุคลากร และรวมถึงการพิจารณาด้วยความเป็ นธรรม.
หมวด 6 การปฏิบัติการ (Operations)
• หัวข้อ 6.1 ประเด็นพิจารณา 6.1ก. และ 6.1ข. ได้ถูกปรับให้กระชับชัดเจนเพื่ อมุ่งเน้นการออกแบบ
ผลิตภัณฑ์และหรือ/บริการ และกระบวนการเป็ นลาดับแรก, จากนัน้ จึงเป็ นการจัดการและการปรับปรุง
กระบวนการ.
• หัว ข้อ 6.1 ค าถาม 6.1ก.(2) และ 6.1ก.(4) ได้ร วมถึ งประเด็ นที่เกี่ ย วข้อ งกับการลดผลกระทบที่เป็ น
อันตรายต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม ทัง้ จากผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ และการปฏิบตั ิการ .
• การจัดการเครือข่ายอุปทาน ถูกย้ายจากหัวข้อ 6.1 ไปอยู่ในหัวข้อ 6.2 ภายใต้ประสิทธิผลของการ
ปฏิบัติการ. หมายเหตุ 6.2ข. อธิ บายว่าทาไมเกณฑ์จึงใช้คาว่า “เครือข่ายอุปทาน” แทน “ห่วงโซ่
อุปทาน”, ทัง้ นี ้ เพื่อสะท้อนถึงแนวทางที่มีความสามารถในการฟื ้ นตัวมากขึน้ ในการจัดการผูส้ ง่ มอบ.
• เพิ่มตัวอย่างและหมายเหตุเรื่องการลดความสูญเสีย (waste) ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ
ขององค์กร, ซึ่งสะท้อนถึงการมุ่งเน้นเรื่องระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy)
• 6.2c(2) เพิ่มประเด็นพิจารณาเรื่องแนวทางโดยรวมขององค์กรในการบริหารความเสี่ยง.
74
หมวด 7 ผลลัพธ์ (Results)
• หัวข้อ 7.2 เพิ่มผลลัพธ์ดา้ นประสบการณ์ของลูกค้า.
• หัวข้อ 7.3 เพิ่มผลลัพธ์ดา้ นความไม่พึงพอใจและการรักษาบุคลากรไว้.
• หัวข้อ 7.4 เพิ่มผลลัพธ์ของการที่ผูน้ าระดับสูงปลูกฝั งวัฒนธรรมที่ให้คณ
ุ ค่ากับความหลากหลาย และ
ส่งเสริมความเท่าเทียมและการมีสว่ นร่วม, การสร้างนวัตกรรม, และการประเมินโอกาสคุม้ เสี่ยง.
• หัวข้อ 7.5 เพิ่มผลลัพธ์ของตัววัดหรือตัวชีว้ ดั ของความพยายามในการสร้างนวัตกรรม.
75
ค า ถ า ม 2.1ก . (3) โ ด ย เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง ก า ร มุ่ ง เ น้ น โ อ ก า ส เ ชิ ง ก ล ยุ ท ธ์ .
การแสวงหาการสร้างนวัตกรรม และ การจัดการนวัตกรรม รวมอยู่ใน 4.2ค.
• คาศัพท์บางคาไม่อยู่ในอภิธานศัพท์โดยเจตนาด้วย 2 เหตุผล :
• คาจากัดความในอภิธานศัพท์มีไว้สาหรับคาที่ในเกณฑ์นีอ้ าจใช้แตกต่างไปจากความเข้าใจโดยทั่วไป;
และ (2) คาจากัดความของคาศัพท์ท่ีอาจมีความอ่อนไหวต่อความเห็นที่แตกต่างอาจถูกอธิบายไว้ใน
หมายเหตุ (แทนที่จะเป็ นในอภิธานศัพท์) เพื่อให้บริบทและการใช้คาเหล่านัน้ มีความชัดเจน.
ความคล่องตัว, ความสามารถในการฟื้ นตัว, และการพลิกโฉม (Agility, resilience, and
transformation)
แนวคิดเรื่องความคล่องตัวช่วยให้องค์กรตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินหรือตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง
สภาพแวดล้อมในการดาเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึน้ , ใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึน้ , และ/หรือตอบสนองต่อ
ความท้าทายเชิงกลยุทธ์. ในเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ, ความคล่องตัวเป็ นส่วนหนึ่งของการสร้าง
สภาพแวดล้อมเพื่อความสาเร็จโดยผูน้ าระดับสูง, การจัดทากลยุทธ์, การจัดรูปแบบการทางานและบริหาร
บุคลากร, การออกแบบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ, และการจัดการเครือข่ายอุปทาน. ผลสัมฤทธิ์ท่คี าดหวัง
ของความคล่องตัว, ความสามารถในการฟื ้ นตัว จะปรากฏอยู่ในตลอดทั้ง เล่มเกณฑ์เพื่อช่วยให้องค์กร
เข้าใจและเตรียมพร้อมต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของบุคลากร, ลูกค้า, และผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสียอื่น .
ในปัจจุบนั ความสามารถในการฟื ้ นตัว มักหมายถึงการเตรียมพร้อมสาหรับการพลิกโฉมทางธุรกิจ – เพื่อให้
สามารถและพร้อมที่จะตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อทัง้ โอกาสและภัยคุกคาม; เพื่อปรับกลยุทธ์, แผนปฏิบตั ิ
การ, แผนด้านบุคลากร, และกระบวนการต่าง ๆ เมื่อจาเป็ น ; และเพื่อให้มีระบบการกากับดูแลที่แข็งแกร่ง
ด้วยวัฒนธรรมองค์กรแห่งความไว้วางใจ.
การรักษาบุคลากรไว้ (Workforce retention)
เนื่องจากลักษณะงาน (และสถานที่ทางาน) มีการเปลี่ยนแปลงในบางอุตสาหกรรม, การทาความเข้าใจ/
ยกระดับปั จจัยการขับเคลื่อนความผูกพันของบุคลากรที่นาไปสู่การรักษาบุคลากรไว้จึงกลายเป็ นเรื่อง
สาคัญอย่างยิ่ง. การทางานจากที่บา้ น/การทางานแบบทางไกล, พนักงานชั่วคราว, และการจัดการสถานที่
ทางานแบบผสมผสาน (hybrid) เหล่านีเ้ ป็ นตัวอย่างของปั จจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรม,
การสื่อสาร, การออกแบบกระบวนการ, กลยุทธ์, และอื่น ๆ ขององค์กร. สุขภาพ, ความปลอดภัย, งานที่ดี/
คุณภาพของงาน, และการรักษาพนักงานไว้ เป็ นปั จจัยสร้างความแตกต่างที่ สาคัญยิ่ง, และ มหกรรมการ
ลาออก (The Great Resignation) ในช่วงต้นทศวรรษ 2020 ยังคงเป็ นแนวโน้มทางเศรษฐกิจประการหนึ่ง .
ในเกณฑ์หมวด 5 บุคลากร, จะพบคาถามเกี่ยวกับจุดมุ่งเน้นใหม่ในเรื่องความผูกพันของบุคลากรและการ
รักษาบุคลากรไว้; ตัวอย่างเช่ น องค์กรมี วิธี การอย่างไรในการสร้างความผูกพันกับบุคลากรเพื่อรักษา
บุคลากรไว้และให้มีผลการดาเนินการที่ดี, องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการประเมินความผูกพันและการรักษา
76
บุคลากรไว้, และการรักษาบุคลากรไว้ถือเป็ นส่วนหนึ่งของระบบการจัดการผลการปฏิบตั ิงานของบุคลากร
อย่างไร. นอกจากนี,้ ยังมีการเพิ่มหมายเหตุในหมวดการนาองค์กร, กลยุทธ์, และผลลัพธ์ เพื่อเป็ นแนวทาง
ให้องค์กรพิจารณาความต้องการและข้อกาหนดของบุคลากร.
การสร้างนวัตกรรม (Innovation)
การแสวงหาการสร้า งนวัต กรรม (Pursuit of innovation) – การเปลี่ ย นแปลงที่ ส าคัญ เพื่ อ ปรับ ปรุ ง
กระบวนการ, ผลิตภัณฑ์, องค์กร, หรือความผาสุกของสังคม เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ผมู้ ีส่วนได้ส่วนเสีย – ได้
ถูกยกขึน้ เป็ นประเด็นในเกณฑ์หัวข้อต่าง ๆ, โดยอยู่ในประเด็นพิจารณาของหมวด 4. โอกาสในการสร้าง
นวัตกรรม แสดงไว้อย่างเด่นชัดในโครงร่างองค์กรและเชื่อมโยงกับเครือข่ายอุปทาน. เกณฑ์ถามว่าผูน้ า
ระดับ สูง มี วิ ธี ก ารอย่ า งไรในการปลูก ฝั ง การสร้า งนวัต กรรม ในค าถามการสร้า งสภาพแวดล้อ มเพื่ อ
ความสาเร็จ และการทาให้เกิดการมุ่งเน้นที่การปฏิบตั ิ, และการสร้างนวัตกรรมรวมอยู่ในการวางแผนกล
ยุทธ์ และในการสนับสนุนบุคลากรให้ดาเนินการกับโอกาสคุม้ เสี่ยง. เกณฑ์ยงั ถามถึงวิธีท่ีองค์กรพิจารณา
และหนุนเสริมโอกาสคุม้ เสี่ยง ซึ่งอาจกระตุน้ , ส่งเสริม, หรือทาให้เกิดนวัตกรรม, ตลอดจนวิธีท่ีองค์กรระบุ
โอกาสเชิงกลยุทธ์สาหรับผลิตภัณฑ์, บริการ, กระบวนการ, รูปแบบธุรกิจใหม่หรือที่เปลี่ยนแปลงไป (รวมถึง
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์), หรือตลาด ซึ่งอาจกลายเป็ นโอกาสคุม้ เสี่ยงที่จะแสวงหา. โอกาสเชิงกลยุทธ์,
โอกาสคุม้ เสี่ยง, และนวัตกรรมดังกล่าว เป็ นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่ม่งุ ผลการดาเนินการที่เป็ นเลิศ.
ความหลากหลาย, ความเท่าเทียม, การมีส่วนร่วม, และความสามารถในการเข้าถึง
(Diversity, equity, inclusion, and accessibility).
องค์ก รที่ ป ระสบความส าเร็ จ ใช้ป ระโยชน์จ ากภู มิ ห ลัง และลั ก ษณะเฉพาะ (characteristics) ที่
หลากหลาย, ความรู,้ ทักษะ, ความคิดสร้างสรรค์, และแรงจูงใจของบุคลากร; และองค์กรส่งเสริมความเท่า
เทียมและการมีสว่ นร่วมสาหรับทุกคน. การส่งเสริมความเท่าเทียม หมายถึง การสนับสนุนการปฏิบตั ิอย่าง
เป็ นธรรมต่อลูกค้า, บุคลากร, และผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสียที่สาคัญอื่น ๆ ทั้งหมดขององค์กร. การมีส่วนร่วม
หมายถึง การทาให้พวกเขาเหล่านัน้ มีสว่ นร่วมอย่างเต็มที่และสนับสนุนให้พวกเขารูส้ ึกถึงความเป็ นเจ้าของ
และการให้อานาจในการตัดสิ นใจ. ผลสัม ฤทธิ์ ท่ี ได้ส ามารถปรับปรุ งความผูกพันของบุคลากร รวมถึง
ปรับปรุงความผูกพันของลูกค้า, ความภักดี, และภาพลักษณ์ของตราสินค้า. เกณฑ์ถามว่าองค์กรพิจารณา
ผลกระทบต่อกลุ่มบุคลากรที่แตกต่างกันอย่างไร โดยคานึงถึงความหลากหลายและการมีส่วนร่วม, องค์กร
ทาให้ม่นั ใจได้อย่างไรว่าบุคลากรเป็ นตัวแทนที่สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของชุมชนของบุคลากรที่
องค์กรจ้างและชุมชนของลูกค้า, องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการออกแบบสิทธิประโยชน์ให้ตอบสนองต่อ
ความต้องการของบุคลากรที่หลากหลาย, และระบบการจัดการผลการปฏิบตั ิงานและการพัฒนาผลการ
ปฏิบตั ิงานของผูน้ าองค์กรและบุคลากรส่งเสริมความเท่าเทียมและการมีสว่ นร่วมอย่างไร. เกณฑ์พิจารณา
77
ว่าความสามารถในการเข้าถึงเป็ นองค์ประกอบของบรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมขององค์กร; ในขณะที่
ความหลากหลาย, ความเท่าเทียม, และการมีสว่ นร่วมเป็ นการปฏิบตั ิต่อผูค้ น.
ความสามารถในการฟื้ นตัวของห่วงโซ่อุปทาน (Supply-chain resilience)
ความคล่องตัวและความสามารถในการฟื ้ นตัวขององค์กรมี ความสาคัญยิ่ง ต่อการบริหารองค์กรให้
ประสบความส าเร็จ ; เครือข่ายอุปทานที่มี ประสิทธิภ าพช่วยยกระดับทั้ง 2 ประเด็น. เครือข่ายอุปทาน
(Supply-network) ขององค์ก ร ประกอบด้ว ยหน่ ว ยงานภายนอกที่ เ กี่ ย วข้อ งในการผลิ ต และส่ ง มอบ
ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ และการเสนอบริการสนับสนุนหลังการขายให้กับลูกค้า. สาหรับบางองค์กร
หน่วยงานเหล่านีจ้ ะเชื่อมโยงกันเป็ นห่วงโซ่, โดยที่หน่วยงานหนึ่งเป็ นผูจ้ ดั หาให้อีกหน่วยงานหนึ่งโดยตรง.
คาว่า “เครือข่ายอุปทาน” แสดงถึงวิวัฒนาการและพัฒนาการ (maturity) ของการบริหารจัดการห่วงโซ่
อุปทาน โดยทาให้ม่ นั ใจว่าองค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของแหล่งสารสนเทศ, วัสดุ,
ผลิตภัณฑ์, และบริการ, ยกระดับความคล่องตัว, ความสามารถในการฟื ้ นตัว, และการสร้างมูลค่า . การ
มุ่งเน้นที่การจัดการเครือข่ายอุปทานดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับผลการดาเนินการขององค์กร,
สนับสนุนวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์, และยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าและผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสีย. ในเกณฑ์
หมวด 6 การจัดการเครือข่ายอุปทานเป็ นประเด็นพิจารณาภายใต้ประสิทธิภาพของการปฏิบตั ิการ. เกณฑ์
ให้ความสาคัญกับผูส้ ่งมอบเพื่อส่งเสริม ความสอดคล้องและความร่วมมือ, บรรเทาความเสี่ยงและทาให้
มั่นใจถึงความคล่องตัวและความสามารถในการฟื ้ นตัว, มาตรการและการประเมินผลการดาเนินการ,
บังคับและส่งเสริมการประพฤติปฏิบตั ิอย่างมีจริยธรรม, ยกระดับกลยุทธ์, และทาให้ม่นั ใจถึงบทบาทและ
ความรับผิดชอบด้านความมั่นคงปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์.
การตอบแทนสังคม, ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม, และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Societal
contributions, environmental sustainability, and the circular economy).
จากแนวคิดเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรที่กาหนดไว้เป็ นข้อบังคับได้รบั การยอมรับอย่าง
กว้างขวาง, องค์กรที่มีผลการดาเนินการที่ดีมองว่าการตอบแทนสังคมเป็ นมากกว่าสิ่งที่องค์กรถูกบังคับให้
ต้องทา: สิ่งนีส้ ามารถเป็ นปั จจัยขับเคลื่อนความผูกพันของลูกค้าและบุคลากร และเป็ นสิ่งที่สร้างความ
แตกต่างในตลาด. เกณฑ์ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมผ่านมุมมอง
ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกากับดูแล (ESG), และมุ่งเน้นไปที่การผสานผลประโยชน์ของสังคมเข้ากับ
กลยุทธ์และการปฏิบตั ิการขององค์กร, รวมถึงการมีสว่ นร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อม, การช่วยเหลือระบบ
สัง คมและระบบเศรษฐกิ จ รอบองค์ก ร, และสนับ สนุ น และสร้า งความเข้ม แข็ ง ให้แ ก่ ชุม ชนที่ ส าคั ญ .
นอกจากนี ้ เกณฑ์ยงั ให้ความสาคัญกับการจัดการข้อกังวลของชุมชนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการ
และขยายขอบเขตไปไกลกว่าการปฏิบตั ิตามกฎหมายและกฎระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่าง
78
ยิ่งเมื่อการดูแลสิ่งแวดล้อมกลายเป็ นข้อกาหนดของลูกค้ามากขึน้ เรื่อย ๆ. เป้าหมายการพัฒนาที่ย่งั ยืนของ
องค์การสหประชาชาติเป็ นแหล่งข้อมูลแนวคิดสาหรับองค์กรในการมุ่งเน้นการสร้างความผาสุกของสังคม.
เศรษฐกิ จ ดิ จิ ทั ล และการปฏิ วั ติ อุ ต สาหกรรมครั้ ง ที่ สี่ (The digital economy and the
fourth industrial revolution).
กระบวนการแปลงข้อมูลไปสู่รูปแบบดิจิทลั (Digitization) และการวิเคราะห์ขอ้ มูล, Internet of Things,
ปั ญญาประดิษฐ์ , การปฏิบัติการบนคลาวด์, การสร้างแบบจาลองธุรกิจและกระบวนการที่ใช้ชุดข้อมูล
ขนาดใหญ่, การยกระดับระบบอัตโนมัติ, และเทคโนโลยี "อัจฉริยะ" อื่น ๆ กาลังเกิดขึน้ อย่างรวดเร็วมาก.
เกณฑ์ถามว่าผูน้ าองค์กรพิจารณาถึงความจาเป็ นด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างไร, การวางแผนกล
ยุ ท ธ์ข ององค์ก รพิ จ ารณาเทคโนโลยี ท่ี เ กิ ด ใหม่ อ ย่ า งไร, องค์ก รเตรี ย มบุ ค ลากรให้พ ร้อ มรับ ต่ อ การ
เปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างไร, และองค์กรจะนาเทคโนโลยีใหม่ เข้ าสู่องค์กรอย่างไร. นอกจากนี ้
เกณฑ์ยังเน้นยา้ ถึงความจาเป็ นสาหรับความคล่องตัวเมื่อการอุบัติใหม่ของเทคโนโลยีท่ีทาให้เกิดภาวะ
ชะงักงัน, การใช้เทคโนโลยีดิจิทลั และเว็บ (web-based) ในกระบวนการของลูกค้า, และการใช้การวิเคราะห์
ข้อมูลดิจิทลั และปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ผลการดาเนินการและการจัดการความรู .้
ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity).
สาหรับธุรกิจและองค์กรทุกประเภท, การจัดการและลดความเสี่ยงทางไซเบอร์ต่อข้อมูล, สารสนเทศ,
และระบบปฏิ บัติ ก ารและระบบอื่ น ๆ กลายเป็ น สิ่ ง จ าเป็ น . เกณฑ์ไ ด้ร วมเอาหลัก การจาก NIST’s
Framework for Improving Critical Infrastructure Cybersecurity, ซึ่งมุ่งเน้นการใช้ปัจจัยขับเคลื่อนทาง
ธุรกิจเพื่อเป็ นแนวทางในกิจกรรมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และการพิจารณาความเสี่ยงด้านความ
มั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในกระบวนการบริหารความเสี่ยง. เกณฑ์ได้เน้นยา้ ถึงความตระหนักถึงความมั่นคง
ปลอดภัยและภัยคุกคามความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ท่ีอบุ ตั ิใหม่ ; บทบาทของบุคลากร, ลูกค้า, พันธมิตร,
และผูส้ ง่ มอบ ในด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์; ความสาคัญของการระบุและจัดลาดับความสาคัญของ
เทคโนโลยีสารสนเทศและระบบปฏิบตั ิการเพื่อความมั่นคงปลอดภัย; และความจาเป็ นในการป้องกัน, การ
ตรวจจับ, การตอบสนอง, และการฟื ้ นฟู.
79
แนวทางการตอบเกณฑ์
(How to Respond to the Criteria)
ในการเตรียมเอกสารขอรับรางวัล ผูส้ มัครขอรับรางวัลควรทาความเข้าใจกับรายละเอียดในหัวข้อนี ้ เพื่อ
ช่วยให้ผูส้ มัครสามารถตอบคาถามของเกณฑ์ทงั้ 7 หมวดได้อย่างมีประสิทธิผล. ผูส้ มัครต้องจัดทารายงาน
วิธีการและผลการดาเนินงาน (Application Report) โดยตอบคาถามของเกณฑ์ 17 หัวข้อ ทัง้ มิติกระบวนการ
และมิติผลลัพธ์. พร้อมทั้งศึกษา “ระบบการให้คะแนน” และแนวทางการให้ คะแนน (หน้า 170 และ 179)
ประกอบกับ. แม้ว่าข้อมูลในส่วนนีม้ ีวตั ถุประสงค์หลักเพื่อองค์กรที่สมัครขอรับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ อย่างไร
ก็ตาม ข้อมูลนีเ้ ป็ นประโยชน์สาหรับองค์กรที่จะใช้เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติเพื่อการประเมินตนเองด้วย.
เริ่มต้น
(First Steps)
1. เรียนรู้เกี่ยวกับเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ
(Learn about the TQA framework)
องค์กรควรทาความคุน้ เคยกับส่วนต่าง ๆ ดังต่อไปนี,้ เพื่อทาความเข้าใจเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ
80
• ค าถามย่ อ ย (Multiple questions) เจาะลึ ก ลงในแต่ ล ะหั ว ข้ อ และเหมาะส าหรั บ องค์ ก รที่ มี
ระบบปฏิ บัติ ก ารที่แ ข็ งแกร่งและมี พัฒนาการ – แม้ว่ า ค าถามบางข้อ อาจไม่ เ กี่ ย วข้อ งหรื อ มี ลาดับ
ความสาคัญสาหรับทุกองค์กรก็ตาม. คาถามย่อยจะอยู่ถดั ถัดมาจากคาถามที่เป็ นตัวอักษรเข้ม, ยกเว้น
กรณีท่ีไม่มีคาถามเพิ่มเติมจากคาถามโดยรวม. ในกรณีดงั กล่าว คาถามที่เป็ นตัวอักษรเข้มจะเป็ นทั้ง
คาถามโดยรวมและคาถามย่อย.
ผูส้ มัครขอรับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ควรต้องพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อตอบคาถามทุกประเด็น
, เนื่องจากสารสนเทศที่ขาดหายไปจะถือว่าเป็ นความบกพร่อง (gap) ในระบบการจัดการผลการดาเนินการ
ขององค์กร. เมื่อนาคาถามย่อยมารวมกัน, จะเห็นถึงความหมายอย่างสมบูรณ์ของประเด็นพิจารณา. องค์กร
อาจรวมการตอบหลายคาถามในประเด็นพิจารณาเดียวกันเป็ นกลุม่ ได้ตามความเหมาะสมขององค์กร. และไม่
จาเป็ นต้องแยกตอบทีละคาถาม.
3. ทบทวนแนวทางการให้คะแนน
(Review the scoring guidelines)
เพื่อเตรียมการตอบคาถาม ให้อ่านทบทวนเกณฑ์ร่วมกับแนวทางการให้คะแนน (หน้า 179 และ 181). ใน
การตอบคาถามหัวข้อในหมวดกระบวนการ (หมวด 1-6), ให้พิจารณาถึงสารสนเทศที่ตอบสนองต่อปั จจัยการ
ประเมินกระบวนการทัง้ 4 ของแนวทางการให้คะแนน:
• ระดับพัฒนาการของแนวทาง,
• ความครอบคลุมและทั่วถึงของการถ่ายทอดสูก่ ารปฏิบตั ิ,
• ความครอบคลุมและทั่วถึงของการเรียนรู,้ และ
• ความครอบคลุม และทั่ว ถึ ง ของการบู ร ณาการกั บ องค์ป ระกอบอื่ น ๆ ในระบบการจัด การผลการ
ดาเนินการขององค์กร.
(ดู “แนวทางการตอบหัวข้อในหมวดกระบวนการ” ประกอบ).
เช่นเดียวกัน, ในการตอบคาถามหัวข้อในหมวดผลลัพธ์ (หมวด 7), ให้พิจารณาถึงสารสนเทศที่ตอบสนอง
ต่อปัจจัยการประเมินผลลัพธ์ทงั้ 4 ของแนวทางการให้คะแนน:
• ระดับผลการดาเนินการจริง,
• ความสาคัญของแนวโน้มของผลลัพธ์,
• ข้อมูลเปรียบเทียบที่เหมาะสม,
• การบูรณาการกับองค์ประกอบที่สาคัญของระบบการจัดการผลการดาเนินการขององค์กร, และผลลัพธ์
ของแนวทางการปรับปรุง.
(ดู “แนวทางการตอบหัวข้อในหมวดผลลัพธ์” ประกอบ).
81
การตอบคาถามของเกณฑ์จะพิจารณาจากมิติการประเมินที่อธิ บายข้างต้น (ADLI / LeTCI; ให้ดู “แนว
ทางการตอบหัวข้อในหมวดกระบวนการ” และ “แนวทางการตอบหัวข้อในหมวด” ด้านล่าง)
4. ทาความเข้าใจความหมายของคาสาคัญ
(Understand the meaning of key terms)
คาที่ใช้ในเกณฑ์อาจมีความหมายแตกต่างจากคาจากัดความมาตรฐาน หรือคาจากัดความที่ใช้ในองค์กร.
คาที่ขีดเส้นใต้สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในอภิธานศัพท์ (หน้า 145-168). การทาความเข้าใจคาเหล่านีจ้ ะช่วยให้
องค์กรประเมินตนเองได้อย่างแม่นยายิ่งขึน้ และสื่อสารได้ดียิ่งขึน้ ถึงกระบวนการและผลลัพธ์ขององค์กรให้แก่
ผูต้ รวจประเมินและผูว้ างแผนปรับปรุงองค์กร.
5. เริ่มด้วยโครงร่างองค์กร
(Start with the Organizational Profile)
โครงร่างองค์กร (หน้า 16-21) เป็ นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสมที่สุด. ไม่ว่าองค์กรจะใช้เกณฑ์นีเ้ พื่อการประเมิน
ตนเอง, เพื่อเขียนรายงาน, หรือเพื่อเป็ นแนวทางการนาองค์กรและการบริหารจัดการ, การจัดทาโครงร่างองค์กร
จะช่วยให้องค์กรเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่เกี่ยวข้องและสาคัญที่สดุ ต่อธุรกิจ, พันธกิจ, และผลการดาเนินการของ
องค์กร.
82
แนวทางการตอบหัวข้อในหมวดกระบวนการ
(Responding to Process Items) (หมวด 1-6)
แม้ว่าเกณฑ์จะมุ่งเน้นผลลัพธ์การดาเนินการที่สาคัญขององค์กร, แต่เฉพาะตัวผลลัพธ์เองมีคณ ุ ค่าทางด้าน
วินิจฉัยองค์กรน้อยมาก. ตัวอย่างเช่น, ถ้าองค์กรมีผลลัพธ์ไม่ดีหรือมีอตั ราการปรับปรุ งช้ากว่าคู่แข่งหรือองค์กร
ที่เทียบเคียงกันได้, องค์กรจาเป็ นต้องเข้าใจถึงสาเหตุว่า “ทาไม” จึงเป็ น เช่นนัน้ และควรทา “อะไร” เพื่อเร่งการ
ปรับปรุงให้ดีขนึ ้ .
การตอบคาถามหัวข้อในหมวดกระบวนการ (หมวด 1-6) ช่วยให้องค์กร หรือผูท้ ่ีทบทวนการตอบคาถาม
ขององค์กร สามารถวินิจฉัยกระบวนการที่สาคัญที่สดุ ขององค์กร - กระบวนการที่สง่ ผลต่อการปรับปรุ งผลการ
ดาเนินการขององค์กรได้มากที่สดุ และนาไปสูส่ มั ฤทธิผลหรือผลลัพธ์ของการดาเนินการที่สาคัญที่ม่งุ หวัง. การ
วินิจฉัยและคุณภาพของข้อมูลป้อนกลับขึน้ อยู่กับเนือ้ หาและความสมบูรณ์ของรายงานวิธีการและผลการ
ดาเนินการขององค์กร. ดังนัน้ , องค์กรจึงควรตอบคาถามหัวข้อต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นสารสนเทศของกระบวนการที่
สาคัญ. แนวทางการจัดทาและทบทวนสารสนเทศมีดงั ต่อไปนี.้
1. เข้าใจความหมายของคาถาม “อย่างไร”
(Understand the meaning of HOW)
ในการตอบคาถามหัวข้อในหมวดกระบวนการ (หมวด 1-6) ที่มีคาถาม “อย่างไร”, องค์กรควรตอบคาถาม
ดังกล่าวด้วยการนาเสนอสารสนเทศของกระบวนการที่สาคัญ ซึ่งแสดงถึง แนวทาง, การถ่ายทอดสูก่ ารปฏิบตั ิ,
การเรียนรู ,้ และการบูรณาการ (ADLI; ดูระบบการให้คะแนน หน้า 170). คาตอบที่ขาดสารสนเทศดังกล่าว,
หรือคาตอบที่เพียงแต่ยกตัวอย่างเท่านั้น จะถูกประเมินว่าเป็ น “สารสนเทศน้อย/ไม่ชัดเจน/ไม่ตรงประเด็ น”
(anecdotal information).
แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่เป็ นระบบ (Show that approaches are systematic). แนวทางที่เป็ นระบบ
คือแนวทางนัน้ สามารถทาซา้ ได้ และใช้ขอ้ มูลสารสนเทศเพื่อให้เกิดการเรียนรู.้ หรืออาจกล่าวได้ว่า, แนวทางมี
ความเป็ นระบบเมื่อแนวทางนัน้ มีการประเมิน, มีการปรับปรุ ง, มีการสร้างนวัตกรรม, และมีการแบ่งปั นความรู ้
รวมอยู่ดว้ ย, ซึ่งจะส่งผลให้แนวทางนัน้ มีระดับพัฒนาการสูงขึน้ .
แสดงการถ่ายทอดสู่การปฏิบัติ (Show deployment). ในการตอบคาถามของเกณฑ์, ให้สรุ ปวิธีการนา
แนวทางไปปฏิบตั ิในส่วนต่างๆ ขององค์กร และอธิบายความแปรปรวน (variations) ต่าง ๆ ที่อาจมีอยู่ในการ
ถ่ายทอดสูก่ ารปฏิบตั ิ, ตามความเหมาะสม. ตัวอย่างเช่น, แนวทางใหม่หรือแนวทางที่ปรับปรุงใหม่อาจไม่ได้ถกู
ถ่ายทอดสูก่ ารปฏิบตั ิเต็มที่ท่วั ทัง้ องค์กร.
แสดงหลักฐานการเรียนรู้ (Show evidence of learning). ให้แสดงหลักฐานของวงจรการประเมินและ
การปรับปรุ งกระบวนการ, รวมทั้งการประยุกต์ใช้วิธีปฏิบัติท่ีเป็ นเลิศและนวัตกรรม. แสดงให้เห็นว่ามีการ
แบ่งปันเรื่องการปรับปรุงกับหน่วยงานอื่น ๆ ขององค์กรที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดการเรียนรูร้ ะดับองค์กร.
83
แสดงการบูรณาการ (Show integration). การบูรณาการ คือความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน และ
ความกลมกลืนระหว่างกระบวนการ, แผนงาน, ตัววัด, การดาเนินการ, และผลลัพธ์. ความกลมกลืนนีท้ าให้
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององค์กรเพิ่มขึน้ อย่างมาก.
การแสดงถึงความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันในการตอบคาถามหัวข้อในหมวดกระบวนการและตัว
วัดที่สอดคล้องกันของหัวข้อในหมวดผลลัพธ์ควรต้องช่วยในการปรับปรุ งผลการดาเนินการขององค์กร. การ
ตอบคาถามขององค์กรควรต้อ งแสดงความสอดคล้อ งไปในแนวทางเดียวกันกับความต้องการและลาดับ
ความสาคัญตามที่ระบุไว้ในโครงร่างองค์กรและหัวข้อในหมวดกระบวนการ.
2. เข้าใจความหมายของคาถาม “อะไร”
(Understand the meaning of what)
คาถาม “อะไร” กาหนดบริบทเพื่อให้องค์กรแสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันและ
การบูร ณาการกั น ในระบบการจัด การผลการด าเนิ น การขององค์ก ร. ตัว อย่ า งเช่ น , เมื่ อ องค์ก รก าหนด
วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์แล้ว, แผนปฏิบตั ิการ, ตัววัดผลการดาเนินการบางตัว, และผลลัพธ์บางตัวในหมวด 7
ควรต้องสัมพันธ์กบั วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์เหล่านัน้ .
แนวทางการตอบหัวข้อในหมวดผลลัพธ์
(Responding to Results Items) (หมวด 7)
1. มุ่งเน้นผลลัพธ์การดาเนินการขององค์กรทีส่ าคัญทีส่ ุด
(Focus on your Organization’s most Critical Performance Results)
การรายงานผลลัพธ์ตอ้ งครอบคลุมข้อกาหนดที่สาคัญที่สดุ ต่อความสาเร็จขององค์กร, ตามที่แสดงไว้อย่าง
เด่นชัดในโครงร่างองค์กรและในหมวดกระบวนการ (หมวด 1-6)
2. รายงานข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงระดับ, แนวโน้ม, และการเปรียบเทียบ, และแสดงการบูรณ
การในผลลัพธ์ขององค์กร
( Report Data that Demonstrate Levels, Trends, and Comparisons, and Show Integration in
your results)
การตอบเกณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ
(Responding Efficiently)
1. อ้างอิงหัวข้ออื่นตามความเหมาะสม (Cross-reference when appropriate)
เพื่อให้ม่ ันใจว่าคาตอบในแต่ละหัวข้อมีความสมบูรณ์ในตัวเองมากที่สุดเท่าที่เป็ นไปได้ และคาตอบใน
หัว ข้อ ต่ า ง ๆ หนุนเสริม ซึ่งกันและกัน. ดังนั้น, ให้อ ้า งอิ งไปยังค าตอบในหัว ข้อ อื่ น ๆ แทนการกล่า วซา้ ถึง
สารสนเทศเดิม . ในกรณี ดังกล่าว, ควรรายงานสารสนเทศของกระบวนการที่สาคั ญไว้ในหัวข้อที่ตอ้ งการ
สารสนเทศนัน้ โดยตรง. ตัวอย่างเช่น, องค์กรควรอธิบายถึงระบบการพัฒนาและการเรียนรู ข้ องบุคลากรไว้ใน
หัวข้อ 5.2. หากมีการกล่าวถึงการพัฒนาและการเรียนรู ใ้ นที่อ่ืน ๆ อีก ให้อา้ งอิงไปยังหัวข้อ 5.2 โดยไม่ตอ้ ง
อธิบายรายละเอียดซา้ เดิม.
2. ใช้รูปแบบทีก่ ระชับ (Use a compact format)
เพื่อการใช้พืน้ ที่ในรายงานวิธีการและผลการดาเนินงานให้เกิดประโยชน์สงู สุด, ควรนาเสนอสารสนเทศให้
กระชับโดยใช้การเขียนผังงาน (flowcharts), ตาราง, และรายการ (lists). การจากัดจานวนหน้าของรายงาน
การสมัครขอรับรางวัลคุณภาพแห่งชาติมีวตั ถุประสงค์เพื่อบังคับให้องค์กรพิจารณาถึงสิ่งที่สาคัญที่สดุ ในการ
บริหารจัดการองค์กรและการรายงานผลลัพธ์.
• ระดับผลการดาเนินการโดยรวมขององค์กรในปั จจุบันเรื่องการลาออกของพนักงานอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดี
มาก, โดยผลการดาเนินการใกล้เคียงกับคู่แข่งชัน้ นา. ข้อสรุ ปนีไ้ ด้รบั การสนับสนุนจากแนวโน้มของผล
การดาเนินการ และการเปรียบเทียบกับคู่แข่งชัน้ นาและองค์กรที่เก่งที่สดุ ในอุตสาหกรรมระดับชาติ; การ
เปรียบเทียบเหล่านีค้ วรต้องรวมเป็ นส่วนหนึ่งของข้อมูลเปรียบเทียบในโครงร่างองค์กร.
• มีภาวะชะงักงันขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมในปี 2020.
• ในปี 2020, พนักงานกลุม่ B แสดงผลการดาเนินการที่ย่าแย่อย่างกะทันหัน, เช่นเดียวกับพนักงานกลุ่ม
C, แม้ว่ า จะอยู่ใ นระดับ ที่น้อ ยกว่ า ก็ ต าม. คู่แ ข่ งหลัก ได้รับ ประสบกับ การเปลี่ย นแปลงด้า นผลการ
ดาเนินการที่คล้ายคลึงกัน.
86
• ภาพรวมขององค์กรแสดงให้เห็นแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง ตัง้ แต่ปี 2020.
• คาพรรณนาของกราฟควรต้องอธิบายถึงความสาคัญของตัววัดการลาออกของพนักงานที่มีต่อองค์กร.
87
คาอธิบายเกณฑ์รายหัวข้อ (รายละเอียดทีเ่ กี่ยวข้องกับเกณฑ์)
คาอธิบายเกณฑ์รายหัวข้อ (รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเกณฑ์) ให้ขอ้ มูลสรุ ปโดยย่อเกี่ยวกับเกณฑ์รางวัล
คุ ณ ภาพแห่ ง ชาติ เกี่ ย วกั บ หมวดและหั ว ข้อ (categories and items) นอกจากนี ้ยั ง แสดงตั ว อย่ า งและ
คาแนะนาเสริมหมายเหตุท่แี สดงในตอนท้ายของแต่ละหัวข้อ.
ข้อสังเกต
เข้าใจองค์กร (Understand your organization). การใช้คาต่าง ๆ เช่น วิสยั ทัศน์, ค่านิยม, วัฒนธรรม,
พันธกิจ, และสมรรถนะหลักขององค์กร มีความแตกต่างกันไปตามแต่ละองค์กร, คาเหล่านี ้ (terms) ควรต้อง
ทาให้เกิดความเข้าใจที่ชดั เจนถึงแก่นแท้ (essence) ขององค์กร, เหตุผลของการคงอยู่ขององค์กร, และภาพที่
ผูน้ าระดับสูงต้องการนาองค์กรไปให้ถึงในอนาคต. ความชัดเจนนีจ้ ะช่วยให้องค์กรตัดสินใจและดาเนินการตาม
กลยุทธ์ท่ีส่งผลกระทบต่ออนาคตขององค์กร. บางองค์กรกาหนดพันธกิจและเจตจานง, และบางองค์กรใช้คา
เหล่านีส้ ลับกัน (interchangeably). บทบาทของเจตจานง คือการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่องค์กรและชีน้ าการ
กาหนดค่านิยม. เจตจานงอาจรวมถึงการสร้างความแตกต่างให้แก่ลกู ค้า, ผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสีย, และชุมชนของ
องค์กร โดยเป็ นส่วนหนึ่งของความผาสุกของสังคม. เจตจานงขององค์กรควรต้องสามารถแปลงไปสูก่ ารปฏิบตั ิ
ได้และรวมเป็ นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์, เป้าประสงค์, และตัวชีว้ ดั ขององค์กร.
89
ปฏิบตั ิการ จะขับเคลื่อนความอ่อนไหวขององค์กรในด้านความเสี่ยงต่อภาวะชะงักงันของผลิตภัณฑ์, บริการ,
การสนับสนุน, เครือข่ายอุปทาน, รวมถึงกรณีท่เี กิดจากภัยพิบตั ิทางธรรมชาติและภาวะฉุกเฉินอื่น.
เข้ าใจบทบาทของผู้ ส่ง มอบ (Understand the Role of Suppliers). ในองค์กรส่วนใหญ่ , ผูส้ ่งมอบมี
บทบาทที่สาคัญอย่างยิ่งในกระบวนการต่าง ๆ ที่สาคัญในการดาเนินธุรกิจ และการรักษาไว้หรือการบรรลุ
ความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืนขององค์กร. บทบาทที่สาคัญเหล่านีม้ ีความอ่อนไหวต่อข้อจากัดและ
ภาวะชะงักงัน, โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีท่ีเกิ ดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและภาวะฉุกเฉินอื่น, ดังนั้น จึงควร
นามาพิจารณาในกลยุทธ์และแนวทางการบริหารความเสี่ยง. ข้อกาหนดของเครือข่ายอุปทาน อาจรวมถึงการ
ส่งมอบที่ตรงเวลาหรือทันเวลาพอดี, ความยืดหยุ่น, จานวนพนักงานที่ไม่คงที่, ขีดความสามารถในการวิจยั
และออกแบบ, นวัตกรรมด้านกระบวนการและผลิตภัณฑ์และ/หรือ, รวมทั้งการผลิตหรือบริการตามความ
ต้องการของลูกค้าเฉพาะราย.
90
(unique), สิ่ ง ที่ ท าให้มี ผ ลก าไร, อั ต ราการเปลี่ ย นแปลงของอุ ต สาหกรรม, เหตุ ผ ลที่ อ งค์ก รอื่ น ประสบ
ความสาเร็จ/ล้มเหลว, มาตรฐานอุตสาหกรรม, และปั จจัยอื่น ๆ.
ข้อสังเกต
91
เข้าใจความท้าทายเชิงกลยุทธ์ขององค์กร (Know your Strategic Challenges). ความท้าทายเหล่านี ้
อาจรวมถึง:
93
นาระบบการปรั บปรุ งผลการดาเนิ นการโดยรวมสู่การปฏิบัติ (Implement an overall system for
performance improvement) ระบบการปรับปรุงผลการดาเนินการขององค์กร ควรต้องรวมกระบวนการเรียนรู ้
และบูรณาการการปรับปรุ งต่าง ๆ ไปสู่วงจรของกระบวนการถัดไป. แนวทางต่าง ๆ ที่สมั พันธ์กับแนวทางเชิง
ระบบของกรอบการบริหารจัด การรางวัลคุณภาพ อาจรวมถึ งการใช้ร ะบบ Lean Enterprise; Six Sigma,
รวมถึ ง Define-Measure-Analyze-Improve-Control (DMAIC); Plan-Do-Check-Act (PDCA); มาตรฐาน
ISO ต่าง ๆ (เช่น 9000 หรือ 14000, หรือมาตรฐานที่เฉพาะเจาะจงของอุตสาหกรรมนั้น ๆ); ศาสตร์แห่งการ
ตัดสินใจ; หรือเครื่องมือปรับปรุงอื่น ๆ.
94
การนาองค์กร
(Leadership) (หมวด 1)
หมวดการนาองค์กร ถามเกี่ยวกับวิธีการที่ผูน้ าระดับสูงและระบบการกากับดูแลองค์กรใช้ชีน้ าและทาให้
องค์กรมีความยั่งยืน.
ข้อสังเกต
1.2 การกากับดูแลองค์กรและการตอบแทนสังคม
(Governance and Societal Responsibilities)
เจตจานง
ข้อสังเกต
ความกั ง วลของสาธารณะ (Public Concerns). องค์ก รควรมี ค วามไวต่ อ ประเด็ น ความกั ง วลของ
สาธารณะ, ไม่ว่าประเด็นเหล่านัน้ จะระบุไว้ในกฎหมายและกฎระเบียบข้อบังคับปั จจุบนั หรือไม่ก็ตาม. องค์กร
ภาครัฐและองค์กรไม่แสวงหาผลกาไรควรต้องคาดการณ์ล่วงหน้าถึงความกังวลของสาธารณะ ซึ่งอาจรวมถึง
ต้นทุนของโครงการและการปฏิบตั ิการ, ความทันกาลและเท่าเทียมในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์, รวมทัง้ การรับรู ้
ของสังคมต่อการที่องค์กรดูแลรักษาทรัพยากรสาธารณะ.
การตอบแทนสั ง คม (Societal contributions). เมื่ อ แนวคิ ด เรื่ อ งความรับ ผิด ชอบต่ อ สังคมได้รับ การ
ยอมรับ, องค์กรที่มีผลการดาเนินการที่ดีเห็นว่าการตอบแทนสังคมเป็ นสิ่งที่พวกเขาต้องทามากกว่าสิ่งอื่นใด.
นอกจากนี ้ การตัดสินใจที่ผูกพัน (engage) กับองค์กรใด มีแนวโน้มที่จะพิจารณาถึงการตอบแทนสังคมของ
องค์กรนั้นมากขึน้ เรื่อย ๆ. การทาให้เหนือกว่าความรับผิดชอบในการตอบแทนสังคมอาจเป็ นตัวขับเคลื่อ น
ความผูกพันของลูกค้าและบุคลากร และเป็ นสิ่งสร้างความแตกต่างในตลาด; คุณค่าของลูกค้าและผูถ้ ือหุน้ ถูก
ขับเคลื่อนด้วยประเด็นต่าง ๆ เหล่านีม้ ากขึน้ เรื่อย ๆ เช่น สิ่งแวดล้อม, ปั ญหาสังคม, การปฏิบตั ิดา้ นแรงงาน,
และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ต่อผูบ้ ริโภค. ดังนั้น การตอบแทนสังคมมีความหมายมากกว่าการปฏิบัติ
ตามกฎระเบียบข้อบังคับเท่านัน้ . องค์กรไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่มีโอกาสส่งเสริมสภาพความเป็ นอยู่ท่ดี ี ทัง้ ใน
ระบบสิ่งแวดล้อม, สังคม, และเศรษฐกิจ รวมถึ งโอกาสในการสนับสนุนชุมชนที่สาคัญ. ทั้งนี ้ ระดับ และ
ขอบเขตของการตอบแทนสังคมจะขึน้ อยู่กบั ขนาดและความสามารถขององค์กร. เป้าหมายการพัฒนาที่ย่งั ยืน
ของสหประชาชาติ (UNSDG) อาจเป็ นแนวคิดสาหรับองค์กรในการมุ่งเน้นสร้างความผาสุกของสังคม.
การสนั บ สนุ นชุ ม ชน (Community Support). องค์กรควรต้องพิจารณาถึ งการมี ส่ว นร่ว มกับชุม ชนใน
ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะหลักขององค์กร. ตัวอย่างการมีสว่ นร่วมกับชุมชน รวมถึง
• การเป็ นพันธมิตรกับโรงเรียนและคณะกรรมการโรงเรียนเพื่อพัฒนาการศึกษา;
• การเป็ นพันธมิ ต รกับ ผู้ใ ห้บ ริก ารด้า นสาธารณสุข เพื่ อ ปรับ ปรุ งสุข ภาพในชุม ชน โดยให้บ ริก ารด้า น
การศึกษา และเป็ นอาสาสมัครเพื่อแก้ไขปั ญหาด้านสาธารณสุข;
97
• การเป็ นพันธมิตรกับองค์กรต่าง ๆ ในชุมชนเพื่อจัดหาหรืออานวยความสะดวกในการเข้าถึงบริการที่
สาคัญ เช่น การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (broadband); และ
• การเป็ นพันธมิตรเพื่อชักนาวงการการค้า, ธุรกิจ, และสมาคมวิชาชีพ เพื่อร่วมมือกันดาเนินกิจกรรมที่
เป็ น ประโยชน์ เช่ น กิ จ กรรมการเป็ น อาสาสมัค ร หรื อ แบ่ ง ปั น วิ ธี ป ฏิ บัติ ท่ี เ ป็ น เลิ ศ เพื่ อ ปรับ ปรุ งขีด
ความสามารถในการแข่งขันระดับโลก รวมทัง้ จริยธรรมและความผาสุกของสังคม.
กลยุทธ์
(Strategy) (หมวด 2)
หมวดกลยุทธ์ถามเกี่ยวกับวิธีการที่องค์กร พัฒนาวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์และแผนปฏิบตั ิการ, นาไปปฏิบตั ิ
, ปรับเปลี่ยนเมื่อสถานการณ์บงั คับ, และวัดความก้าวหน้า.
98
• การปรั บ ปรุ งผลการด าเนิ น การและการสร้ า งนวั ต กรรม ( Operational Performance
Improvement and Innovation) มีส่วนสาคัญต่อการเพิ่มผลิตภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และ
ความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน/ราคา. การสร้างขีดความสามารถในการปฏิบตั ิการ - ซึ่งรวมถึง
ความรวดเร็ว, การตอบสนอง, และความยืดหยุ่น – เป็ นการลงทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของความ
พร้อมขององค์กร (fitness).
หมวดกลยุทธ์ถามองค์กรในเรื่องต่าง ๆ ดังนี ้
• การพิจารณาองค์ประกอบที่สาคัญด้านความเสี่ยงในกระบวนการวางแผนกลยุทธ์, รวมถึงความท้า
ทายและความได้เ ปรี ยบเชิงกลยุทธ์, และความจาเป็ นในอนาคตเกี่ ยวกับ การเปลี่ยนแปลงในเรื่อง
โครงสร้างหรือวัฒนธรรมองค์กร, นวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีท่อี าจกระทบต่อองค์กร,
ความเป็ นไปไดของข้อจากัดหรือภาวะชะงักงันด้านอุปทาน (supply), และความเป็ นไปได้สาหรับการ
เปลี่ยนแปลงและภาวะชะงักงันในสภาพแวดล้อมขององค์กร;
99
องค์กรต้องการปรับปรุงทัง้ หมดสามารถหรือควรต้องวางแผนไว้ลว่ งหน้า. ระบบการปรับปรุงที่มีประสิทธิผลเกิด
จากการผสมผสานในหลากหลายรู ปแบบและหลายระดับความร่วมมือ. องค์กรต้องมีแนวทางเชิงกลยุทธ์ท่ี
ชัดเจน, โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทางเลือกของการปรับปรุง, การเปลี่ยนแปลงครัง้ สาคัญหรือการสร้างนวัตกรรม
นั้น ต้องช่วงชิงทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจากัด. ส่วนใหญ่แล้วการจัดลาดับความสาคัญมักคานึงถึงเหตุผลหลัก
ด้านต้นทุน, โอกาส, และอุปสรรค; ตัวอย่างเช่น การพิจารณาว่าเมื่อใดควรออกจากธุรกิจ/สายผลิตภัณฑ์ท่ีไม่
สร้างผลกาไรหรือไม่เป็ นเชิงกลยุทธ์. อย่างไรก็ตาม, องค์กรควรพิจารณาปั จจัยสาคัญด้านอื่นด้วย เช่น การ
ตอบแทนสังคม ซึ่งไม่ได้พิจารณาถึงค่าใช้จ่ายเพียงมุมเดียว.
ข้อสังเกต
พื้นฐานการปฏิ บั ติ ก ารที่ มุ่ ง เน้ นอนาคต (A Future‐Oriented Basis for Action). หัวข้อนีม้ ุ่งหวังให้
ครอบคลุมธุรกิจทุกประเภท รวมทัง้ องค์กรที่แสวงหาผลกาไรและไม่แสวงหาผลกาไร (รวมถึงองค์กรภาครัฐ);
สถานะการแข่งขัน ; ประเด็นเชิงกลยุทธ์; แนวทางการวางแผน; และแผนงาน. คาถามต่าง ๆ กาหนดอย่าง
ชัดเจนให้มีพืน้ ฐานการปฏิบัติการที่ม่งุ เน้นอนาคต. แม้แต่องค์กรที่กาลังแสวงหาทางสร้างธุรกิจใหม่ ๆ และ/
หรือกาลังปรับรูปแบบใหม่หรือพลิกโฉมตัวเอง, ก็ยงั จาเป็ นต้องกาหนดและทดสอบวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์เพื่อ
นามาใช้กาหนดและชีน้ าในประเด็นที่สาคัญยิ่งต่อทัง้ การปฏิบัติการและผลการดาเนินการขององค์กร. บาง
องค์ก รอาจพบความจ าเป็ น ในการชี ้น า/วางแผนส าหรับ การคิ ด ค้น สิ่ ง ใหม่ อ ย่ า งต่ อ เนื่ อ ง, การพิ เ คราะห์
(reflection) และด าเนิ น การอย่ า งรวดเร็ ว ในขณะที่ อุต สาหกรรมวิ วัฒ นาการไป, และการสร้า งระบบที่มี
ความสามารถในการฟื ้ นตัว (“bounce forward”) หลังจากภาวะชะงักงัน.
100
ผู้ น าในการแข่ ง ขั น (Competitive Leadership). หัว ข้อ นีเ้ น้นการที่อ งค์ก รพัฒนาเพื่ อ เป็ นผู้นาในการ
แข่งขัน, ซึ่งมักขึน้ อยู่กับการเติบโตของรายได้และประสิทธิผลของการปฏิบตั ิการ. การเป็ นผูน้ าในการแข่งขัน
จาเป็ นต้องมีภาพของอนาคต ซึ่งไม่เพียงพิจารณาแค่ตลาดหรือส่วนตลาดที่องค์กรแข่งขันเท่านัน้ แต่ยงั รวมถึง
วิธีการที่องค์กรแข่งขันด้วย. ซึ่งมีได้หลายทางเลือก. การตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการที่จะแข่งขัน องค์กรต้องเข้าใจ
จุดแข็งและจุดอ่อนขององค์กรเองและของคู่แข่ง และยังเกี่ยวข้องกับการประเมินโอกาสคุม้ เสี่ยง เพื่อให้ได้เป็ น
หรือรักษาความเป็ นผูน้ าในตลาด. ถึงแม้ว่าไม่มีการกาหนดกรอบเวลาอย่างชัดเจน แต่จุดเน้นของหัวข้อนี ้ คือ
การทาให้องค์กรเป็ นผูน้ าในการแข่งขันอย่างยั่งยืน.
101
จุดบอด (Blind spots) จุดบอดเกิดจากสมมติฐานหรือข้อสรุ ปที่ไม่ถูกต้อง, ไม่สมบูรณ์, ล้าสมัย, หรือมี
อคติ ซึ่งก่อให้เกิดช่องโหว่, ความอ่อนไหว, ความเสี่ยง, หรือจุดอ่อนในการทาความเข้าใจถึงสภาพแวดล้อม
ด้านการแข่งขันและความท้าทายเชิงกลยุทธ์ท่ีองค์กรเผชิญอยู่. จุดบอดอาจเกิดขึน้ มาจากผลิตภั ณฑ์ใหม่หรือ
รูปแบบการดาเนินธุรกิจใหม่ หรือสิ่งที่มาทดแทนสิ่งเดิม ซึ่งอาจมาจากภายในหรือภายนอกอุตสาหกรรม.
ระบบงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ต้องอาศัย
• การออกแบบที่มีประสิทธิผล;
• การมุ่งเน้นการป้องกัน;
• ความเชื่อมโยงกับลูกค้า, ผูส้ ง่ มอบ, พันธมิตร, และผูใ้ ห้ความร่วมมือ;
• การมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าต่อผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสียที่สาคัญทัง้ หมด; การปรับปรุ งผลการดาเนินการด้าน
การปฏิ บัติ ก าร; การลดรอบเวลา; รวมทั้ง การประเมิ น ผล, การปรับ ปรุ ง อย่ า งต่ อ เนื่ อ ง, การสร้า ง
นวัตกรรม และการเรียนรูร้ ะดับองค์กร; และ
• การทบทวนอย่างสม่าเสมอเพื่อประเมินความจาเป็ นเรื่องการเปลี่ยนแปลงพืน้ ฐานของวิธีการทางานให้
สาเร็จ.
นอกจากนี ้ ระบบงานต้องถูกออกแบบในลักษณะที่ทาให้องค์กรมีความคล่องตัวและมีการปกป้องทรัพย์สิน
ทางปัญญาขององค์กร. อธิบายอย่างง่าย ๆ ความคล่องตัว หมายถึง ความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็ว
, ยืดหยุ่น, และมีประสิทธิผลต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป. ความคล่องตัวอาจหมายถึงความสามารถใน
การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการจากแบบหนึ่งไปเป็ นอีกแบบหนึ่งอย่างรวดเร็ว, การตอบสนองอย่าง
รวดเร็วต่ออุปสงค์หรือสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป, หรือความสามารถในการให้บริการที่หลากหลายตาม
ความต้องการของลูกค้าเฉพาะราย ทัง้ นีข้ นึ ้ อยู่กบั กลยุทธ์ขององค์กรและตลาด.
102
ความคล่องตัวและการปกป้องทรัพย์สินทางปั ญญาขององค์กร ยังมีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มมากขึน้ เรื่อย ๆ ต่อ
การตัดสินใจจัดจ้างผูร้ บั จ้างภายนอกมาดาเนินการแทน, การทาข้อตกลงกับผูส้ ่งมอบที่สาคัญ, และการทา
ข้อตกลงด้านความร่วมมือในรูปแบบแปลกใหม่.
ระบบนิเวศ (Ecosystems). องค์กรควรต้องมองระบบนิเวศในเชิงกลยุทธ์. ต้องเปิ ดกว้างต่อการจัดการ
พันธมิตรใหม่, กิจการค้าร่วม (consortia), value webs, และรู ปแบบการดาเนินธุรกิจ (business models) ที่
สนับสนุนวิสยั ทัศน์และเป้าประสงค์ขององค์กร. การเติบโตขององค์กรอาจขึน้ อยู่กับการเติบโตโดยรวมของ
ระบบนิเวศ และความสามารถขององค์กรในการเตรียมพร้อมสาหรับอนาคต. และเมื่อเกิดการแข่งขันกับ
องค์กรอื่น ๆ จากอุตสาหกรรมอื่น ๆ, องค์กรอาจโดดเด่นเหนือคู่แข่งด้วยการนาเสนอสิ่งแปลกใหม่ ซึ่งอาจ
เนื่องมาจากระบบนิเวศขององค์กร. กลยุทธ์ขององค์กรควรต้องคานึงถึงบทบาทขององค์กรเองและบทบาทที่
องค์กรปรารถนาภายในระบบนิเวศ (ในฐานะพันธมิตร, ผูใ้ ห้ความร่วมมือ, ผูส้ ่งมอบ, คู่แข่ง, หรือลูกค้า - หรือ
หลายอย่างผสมผสานกัน)
วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ (Strategic Objectives). เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน, องค์กรต่าง ๆ
ต้องเผชิญกับทัง้ โอกาสและความท้าทายในการมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสาคัญยิ่งที่จะสร้างผลกระทบ; วัตถุประสงค์
เชิงกลยุทธ์ขององค์กรควรต้องสะท้อนถึงประเด็นสาคัญยิ่งเหล่านี.้ การมุ่งเน้นที่ประเด็นสาคัญยิ่ง อาจหมายถึง
การมุ่งเน้นที่ความได้เปรียบเชิงการแข่ งขันและสิ่งที่อ งค์ก รทาได้ดี ท่ีสุด ; สาหรับสิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้น ,
พันธมิตรและผูใ้ ห้ความร่วมมืออาจเป็ นทางเลือกของการใช้ทรัพยากรที่ดีกว่า. วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์อาจเป็ น
เรื่องการปรับปรุ งคุณภาพของผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ, ขีดความสามารถและอัตรากาลังของบุคลากร, การ
ตอบสนองอย่างรวดเร็ว, การตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะราย (customization), ใช้สถานที่ทางาน
ร่วมกัน (co-location) กับลูกค้าหรือพันธมิตร, การใช้สื่อสังคมออนไลน์และดิจิทลั จัดการความสัมพันธ์กับผูส้ ่ง
มอบและลูกค้า, กิจการร่วมค้า (joint ventures), การผลิตเสมือนจริง (virtual manufacturing), นวัตกรรมที่
รวดเร็วหรือตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด, การขึน้ ทะเบียนระบบคุณภาพ ISO หรือระบบสิ่งแวดล้อม, และ
การดาเนินกิจกรรมหรือเป็ นผูน้ าในการตอบแทนสังคม.
2.2 การนากลยุทธ์ไปปฏิบัติ (Strategy Implementation)
เจตจานง
ข้อสังเกต
การวิ เ คราะห์เ พื่ อ สนั บ สนุ น การจั ด สรรทรั พ ยากร (Performing Analyses to Support Resource
Allocation). องค์กรอาจใช้การวิเคราะห์หลายประเภทเพื่อทาให้ม่นั ใจว่าองค์กรมีทรัพยากรด้านการเงินเพื่อทา
ให้แผนปฏิบตั ิการบรรลุผลสาเร็จ และพร้อมกันนัน้ บรรลุพนั ธะผูกพันในปั จจุบนั , ตลอดจนสนับสนุนการจัดสรร
ทรัพยากรอย่างมีจริยธรรม/อย่างเท่าเทียม. สาหรับการดาเนินงานในปั จจุบนั , อาจรวมถึงการวิเคราะห์กระแส
เงินสด, งบกาไรสุทธิ, และหนีส้ ินหมุนเวียนต่อทรัพย์สินหมุนเวียน. สาหรับการลงทุนเพื่อให้แผนปฏิบัติการ
บรรลุผล อาจรวมถึงการวิเคราะห์ส่วนลดเงินสด, ผลตอบแทนจากการลงทุน (return on investment), หรือ
ผลตอบแทนต่อเงินลงทุน (return on invested capital). นอกจากนี ้ ยังควรต้องวิเคราะห์เพื่อประเมินความ
พร้อมของทรัพยากรบุคคลและทรัพยากรอื่นในการสนับสนุนให้แผนปฏิบตั ิการสาเร็จ ขณะที่ยงั คงบรรลุพนั ธะ
ผูกพันในปั จจุบัน. นอกเหนือจากทรัพยากรด้านการเงิน องค์กรยังต้องมีทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถ
รวมทั้ง สิ่ ง อ านวยความสะดวกและสิ่ ง สนับ สนุ น อื่ น ๆ ที่ จ าเป็ น . แต่ ล ะองค์ก รจะมี รู ป แบบการวิ เ คราะห์
เฉพาะตัว. เพื่อช่วยให้องค์กรประเมินความสามารถทางการเงิน ทั้งในการดาเนินงานในปั จจุบันและที่จะ
เกิดขึน้ ต่อไป รวมทัง้ ความเสี่ยงที่จะเกิดขึน้ จากแผนปฏิบตั ิการที่จดั ทาขึน้ ด้วย.
• การจัดโครงสร้างใหม่ของงานและลักษณะงานเพื่อเพิ่มการให้อานาจในการตัดสินใจและการตัดสินใจ
ของบุคลากร;
• แผนงานการศึกษาและฝึ กอบรม เช่น โปรแกรมการพัฒนาผูน้ าในอนาคต, โปรแกรมการเพิ่มพูนทักษะ
ใหม่ (upskil) และการฝึ กอบรมเทคโนโลยีใ หม่ท่ีสาคัญต่ อความสาเร็จในอนาคตของบุคลากรและ
องค์ก ร, และการเป็ นพันธมิ ต รกับมหาวิทยาลัยต่ า ง ๆ เพื่ อ ช่ว ยทาให้ม่ ันใจว่ า จะมี บุคลากรที่ได้รับ
การศึกษาและมีทกั ษะเพียงพอ;
104
• แผนงานเพื่อส่งเสริมให้มีความร่วมมือระหว่างผูบ้ ริหารและพนักงานเพิ่มมากขึน้ เช่น ความร่วมมือของ
สหภาพ;
• การพิจารณาถึงการจัดจ้างผูร้ บั จ้างภายนอกดาเนินการแทน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อบุคลากรที่มีอยู่และ
แผน;
• แผนงานเพื่ อ เตรี ย มความพร้อ มสาหรับ ความจาเป็ นในด้า นขี ด ความสามารถและอัต ราก าลัง ของ
บุคลากรในอนาคต;
• แผนงานเพื่อส่งเสริมให้มีการแบ่งปั นความรูแ้ ละการเรียนรูร้ ะดับองค์กร; และ
• การปรับเปลี่ยนระบบค่าตอบแทนและการยกย่องชมเชยเพื่อเชิดชูทีม, องค์กร, ตลาดหุน้ , ลูกค้า, หรือ
คุณลักษณะอื่นของผลการดาเนินการ.
105
ลูกค้า
(Customer) (หมวด 3)
เกณฑ์หมวดลูกค้า ถามเกี่ยวกับวิธีการที่องค์กรใช้สร้างความผูกพันกับลูกค้าเพื่อความสาเร็จในตลาดใน
ระยะยาว, รวมถึงวิธีการที่องค์กรรับฟั งลูกค้า, ตอบสนองได้ตามความคาดหวังและเหนือกว่าความคาดหวัง
ของลูกค้า, และสร้างความสัมพันธ์กบั ลูกค้า, และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า.
ข้อสังเกต
106
สาหรับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการใหม่หรือที่ได้รบั การปรับปรุงใหม่เพื่อให้บริการลูกค้าและตลาดขององค์กรได้
ดียิ่งขึน้ .
107
ข้อสังเกต
กลยุ ท ธ์ด้ า นความสั ม พั น ธ์แ ละประสบการณ์ข องลู ก ค้ า (Customer relationship and customer
experience strategies). กลยุทธ์ดา้ นความสัมพันธ์แต่ละกลยุทธ์อาจใช้ได้ผลกับลูกค้าเพียงบางราย. ดังนั้น
กลยุทธ์ความสัมพันธ์ท่ีองค์กรใช้อาจจาเป็ นต้องแตกต่างกันอย่างชัดเจนสาหรับแต่ละลูกค้า, กลุ่มลูกค้า, และ
ส่วนตลาด. นอกจากนี ้ ยังอาจต้องแตกต่างกันอย่างชัดเจนในวงจรชีวิตการเป็ นลูกค้าแต่ละช่วงเวลา. การสร้าง
ความสัม พัน ธ์ กั บ ลู ก ค้า อาจรวมถึ ง การพั ฒ นาความร่ ว มมื อ หรื อ เป็ น พั น ธมิ ต รกั บ ลู ก ค้า ในรู ป แบบที่ ใ ห้
ความส าคั ญ กั บ ทุ ก ภาคี อ ย่ า งเท่ า เที ย มกั น (transformational partnerships or alliances) ตลอดจน
ประสบการณ์การให้บริการแบบครบวงจร (end-to-end) มากกว่าเพียงการทาธุรกรรมเท่านัน้ .
108
การประเมิ นความพึ ง พอใจและไม่ พึ ง พอใจของลู ก ค้ า (Determining customer satisfaction and
dissatisfaction). ในการประเมินความพึงพอใจและไม่พึงพอใจของลูกค้า องค์กรอาจใช้วิธีการบางอย่างหรือ
ทุกอย่างดังต่อไปนี:้ การสารวจ, ข้อมูลป้อนกลับทัง้ ที่เป็ นทางการและไม่เป็ นทางการ, ประวัติการทาธุรกิจกับ
ลูกค้า, ข้อร้องเรียน, รายงานจากภาคสนาม (field reports), การวิเคราะห์การได้หรือเสียลูกค้า, อัตราการ
แนะนาจากลูกค้าเดิม, และอัตราความสาเร็จของการทาธุรกรรม. องค์กรอาจรวบรวมสารสนเทศผ่านเว็บไซต์,
การติดต่อโดยตรงหรือผ่านบุคคลที่สาม, หรือทางไปรษณีย.์
109
ดาเนินการ, การวิเคราะห์, การทบทวน, และการปรับปรุง คือเพื่อชีน้ าองค์กรให้บรรลุผลลัพธ์และวัตถุประสงค์
เชิงกลยุทธ์ท่ีสาคัญขององค์กร, อีกทัง้ เพื่อคาดการณ์และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่ รวดเร็วหรือไม่ได้
คาดคิด หรือการเปลี่ยนแปลงจากภายนอกองค์กร, รวมทั้งเพื่อระบุวิธีปฏิบัติท่ีเป็ นเลิศขององค์กรที่นามา
แบ่งปัน.
ข้อสังเกต
ความสอดคล้องไปในทางเดียวกันและการบูรณาการ ครอบคลุมถึงวิธีการทาให้ตัววัดสอดคล้องไปใน
แนวทางเดี ย วกันทั่ว ทั้งองค์ก ร และวิ ธีก ารบูร ณาการเพื่ อ ให้ไ ด้ข ้อ มูล สารสนเทศจากทั่ว ทั้งองค์ก ร ซึ่ง จะ
สนับสนุนการตัดสินใจโดยใช้ขอ้ มูลจริง. ข้อมูลสารสนเทศระดับองค์กรเป็ นข้อมูลนาเข้ าที่สาคัญที่ใช้ในการ
ทบทวนผลการดาเนินการขององค์กรและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์. ข้อมูลสารสนเทศเหล่านีค้ วรต้องใช้เพื่อ
กาหนดและสร้างความสอดคล้องของทิศทางและการใช้ทรัพยากรในระดับหน่วยงาน, กระบวนการที่สาคัญ,
ฝ่ าย, และองค์กร. นอกจากนี ้ ความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันและการบูรณาการยังครอบคลุมถึงวิธีการ
ที่ผนู้ าระดับสูงถ่ายทอดสู่การปฏิบตั ิในเรื่องข้อกาหนดการวัดผลการดาเนินการ เพื่อติดตามผลการดาเนินการ
ในระดับ กลุ่ม งานและระดับกระบวนการ ในตัว วัด ที่สาคัญต่ าง ๆ ที่ก าหนดไว้ว่ ามี ความสาคัญต่อ องค์กร
โดยรวม หรือกาหนดไว้สาหรับการปรับปรุง.
110
ที่ 3 เช่น เวลา หรือการแบ่งส่วน (เช่น ตามกลุ่มลูกค้า). ในเชิงกลยุทธ์, การวิเคราะห์สารสนเทศขัน้ สูงสามารถ
ให้ภาพมิติท่ี 3, และมิติท่ี 4 ของสถานะปั จจุบนั และสถานะที่ตอ้ งการหรือคาดการณ์ถึงผลการดาเนินการใน
อนาคตขององค์กร, เทคโนโลยี, ผูค้ น, และตลาด. จากภาพที่อิงตามข้อมูลเหล่านั้น ทาให้องค์กรสามารถ
พัฒนากลยุทธ์หรือจาลองสถานการณ์เชิงกลยุทธ์.
นอกจากนี ้ สารสนเทศเชิงเปรียบเทียบยังอาจสนับสนุนการวิเคราะห์และการตัดสินใจทางธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
กับสมรรถนะหลักขององค์กร, การเป็ นพันธมิตร, และการจัดจ้างผูร้ บั จ้างภายนอกดาเนินการแทน.
111
(strech goals) และส่งเสริมการปรับปรุงแบบก้าวกระโดด (breakthrough) ในเรื่องที่สาคัญอย่างยิ่งต่อกลยุทธ์
เชิงแข่งขันขององค์กร.
112
• การจัด สรรทรัพ ยากรส าหรับ โครงการ ปรับ ปรุ ง ต่ า ง ๆ โดยพิ จ ารณาถึ ง ต้น ทุ น /ผลประโยชน์ หรื อ
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในวงกว้าง
• การหาความสัมพันธ์ระหว่างการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ หรือผลิตภัณฑ์/บริการ
ใหม่กับตัวชีว้ ดั ที่สาคัญด้านลูกค้า เช่น ความพึงพอใจของลูกค้า, ความภักดีของลูกค้า, และส่วนแบ่ง
ตลาด
• ความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถในการระบุและตอบสนองความต้องการด้านขีดความสามารถและ
อัตรากาลังของบุคลากร กับการรักษาให้บคุ ลากรอยู่กบั องค์กร, การจูงใจ, และผลิตภาพ
• ผลตอบแทนจากการลงทุนของการประเมินโอกาสคุม้ เสี่ยงที่องค์กรได้ดาเนินการ
• ผลประโยชน์และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการปรับปรุงเรื่องการจัดการและการแบ่งปั นความรูข้ ององค์กร
• ผลประโยชน์และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการให้การศึกษาและฝึ กอบรม
• ความสัมพันธ์ระหว่างการเรียนรูร้ ะดับบุคคล, การเรียนรูร้ ะดับองค์กร, และมูลค่าเพิ่มต่อพนักงาน
• ความสัมพันธ์ระหว่างการจัดการความรูแ้ ละการสร้างนวัตกรรม.
113
4.2 การจัดการสารสนเทศ และการจัดการความรู้
(Information and Knowledge Management)
เจตจานง
ข้อสังเกต
การจั ด การความรู้ แ ละการเรี ย นรู้ ร ะดั บ องค์ก ร (Knowledge Management and organizational
Learning). ในปั จจุบนั องค์กรต้องเผชิญกับประเด็นเรื่องการจัดการ, การใช้, การประเมินผล, และการแบ่งปัน
ความรูข้ ององค์กรมากขึน้ เรื่อย ๆ. องค์กรชัน้ นาได้ประโยชน์จากสินทรัพย์ทางความรูข้ องบุคลากร, ลูกค้า, ผูส้ ง่
มอบ, ผู้ใ ห้ค วามร่วมมือ , และพันธมิ ต ร, ซึ่งร่ว มกันขับเคลื่อนให้เ กิ ดการเรียนรู ร้ ะดับ องค์ก รและการสร้าง
นวัตกรรม. การจัดการความรูข้ ององค์กรควรต้องมุ่งเน้นที่ความรู ท้ ่บี คุ ลากรจาเป็ นต้องใช้ในการปฏิบตั ิงาน; ใน
การปรับปรุงกระบวนการ, ผลิตภัณฑ์, และบริการ; และในการสร้างนวัตกรรม เพื่อเพิ่มคุณค่าให้แก่ลกู ค้าและ
องค์กร. ระบบการจัดการความรูข้ ององค์กรควรต้องมีกลไกการแบ่งปั นความรูข้ องบุคคลและองค์กร ทัง้ ความรู ้
แบบชัดแจ้ง (explicit knowledge) (ข้อมูลจริง, ตัวเลข, ข้อมูล, และสารสนเทศ ในรูปแบบเอกสารและรูปแบบ
อื่น) และความรู ส้ ่วนบุคคลที่ฝังลึกอยู่ในตัวบุคลากร (implicit knowledge) เพื่อทาให้ม่ ันใจว่าจะรักษาการ
ทางานที่ให้ผลการดาเนินการที่ดีอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน (transitions). องค์กรควรต้องกาหนด
ว่าความรู ใ้ ดสาคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิบตั ิการ และจากนั้นทาให้มี กระบวนการอย่างเป็ นระบบในการแบ่งปั น
สารสนเทศนี.้ โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ งสารสนเทศที่เ ป็ นความรู ส้ ่ว นบุค คลที่ฝังลึก อยู่ใ นตัว บุค ลากร (implicit
knowledge). การจัดการความรูท้ ่ีมีประสิทธิผลจาเป็ นต้องมีบทบาทและความรับผิดชอบที่ชดั เจน, วัฒนธรรม
ของการแบ่งปั นความรู,้ กระบวนการที่เป็ นระบบสาหรับการแบ่งปั นความรูแ้ ละความเชี่ยวชาญ, การระบุและ
การจัดการสินทรัพย์ทางความรูห้ ลัก, และเครื่องมือต่าง ๆ (รวมถึงเทคโนโลยี) ที่เหมาะสมสาหรับองค์กร.
ข้อสังเกต
สภาวะความหลากหลาย (The case for diversity). องค์ก รได้รับ ประโยชน์จ ากบุ ค ลากรที่ มี ค วาม
หลากหลายซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาด. ความหลากหลาย ครอบคลุมถึงความแตกต่าง
ส่วนบุคคลของบุคลากรในหลายประเด็น เช่น เชือ้ ชาติ, ศาสนา, สีผิว, เพศ, ชาติกาเนิด, ความพิการ, รสนิยม
ทางเพศ, อายุและรุ ่นอายุ, การศึกษา, และมุมมอง. ความหลากหลายของวิธีคิด (thinking) ช่วยยกระดับ
นวัต กรรมและการแก้ไ ขปั ญหา, และช่ว ยคาดการณ์ล่ว งหน้า ถึ งความเสี่ย ง. การใช้ป ระโยชน์จากความ
หลากหลายของบุคลากรในองค์กรเพิ่มโอกาสสาหรับผลการดาเนินการที่ดี; ความพึงพอใจของลูกค้า, บุคลากร
, และชุมชน; รวมถึงความผูกพันของลูกค้าและบุคลากร.
116
การเปลี่ ย นแปลงด้ า นบุ ค ลากร (Workforce change). การจัด การการเปลี่ ย นแปลงด้า นบุค ลากร
เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในระดับองค์กร ซึ่งผูน้ าเป็ นผูค้ วบคุมและทาให้เกิดความยั่งยืน. การเปลี่ยนแปลง
นีต้ อ้ งการความทุ่มเท, การมีสว่ นร่วมของพนักงานทุกระดับ, และการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง, โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในช่วงที่มีการเพิ่มจานวนหรือขาดแคลนบุคลากร. การเปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ และเกิดจากผูน้ า
ระดับสูงขององค์กร, และสิ่งนีต้ อ้ งการการมีสว่ นร่วมอย่างแข็งขันของทัง้ องค์กร.
117
5.2 ความผูกพันของบุคลากร (Workforce Engagement)
เจตจานง
ข้อสังเกต
118
และการทางานเป็ นทีม ; ระดับของการได้รบั มอบอานาจ; ความมั่นคงปลอดภัยในงาน; ความเข้าใจลึกซึง้ ถึง
ความจาเป็ นที่แตกต่างกันของกลุม่ บุคลากรที่หลากหลาย; และการสนับสนุนขององค์กรในการให้บริการลูกค้า.
119
ปฏิบัติงาน, พนักงานจะแสวงหาการเติบโตส่วนบุคคลของตนและการเติบโตในองค์กรโดยผ่านการเรียนรู ท้ งั้
ภายในและภายนอก. การเรียนรูน้ ีเ้ กี่ยวข้องกับการมอบหมายงาน, โอกาส, และการเรียนรู ส้ ่วนบุคคล เพื่อให้
บรรลุถึงระดับต่อไปขององค์กรและผลการปฏิบตั ิงานส่วนบุคคล.
การปฏิบัติการ
(Operations) (หมวด 6)
หมวดการปฏิบัติการถามเกี่ ยวกับวิธีการที่องค์กรออกแบบ, จัดการ, และปรับปรุ งผลิตภัณฑ์และ/หรื อ
บริการ รวมทัง้ กระบวนการทางานขององค์กร; การทาให้ม่นั ใจถึงประสิทธิของการปฏิบตั ิการเพื่อส่งมอบคุณค่า
ให้กับลูกค้า ; การจัดการห่วงโซ่อุปทานขององค์กรและบรรเทาความเสี่ยง; และการบรรลุความสาเร็จของ
องค์กร ทัง้ ในปั จจุบนั และในอนาคต.
ข้อสังเกต
120
การออกแบบที่มีประสิทธิผลต้องคานึงถึงรอบเวลาและผลิตภาพของกระบวนการผลิตและกระบวนการส่ง
มอบด้วย. ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการจัดทาแผนที่รายละเอียด (detailed mapping) ของกระบวนการผลิตหรือ
บริการ และออกแบบหรือปรับรือ้ กระบวนการดังกล่าวใหม่ (reengineering) เพื่อให้มีประสิทธิ ภาพสูงขึน้ ,
รวมทัง้ ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป.
กระบวนการที่ เ กี่ ย วกั บ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ที่ ส าคั ญ (Key Product‐Related and Business Processes).
กระบวนการทางานที่สาคัญขององค์กร รวมถึงกระบวนการที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ และกระบวนการ
ทางธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ซ่งึ ผูน้ าระดับสูงพิจารณาว่ามีความสาคัญต่อความสาเร็จและการเติบโตของ
องค์กร. กระบวนการเหล่านีม้ กั เกี่ยวข้องกับสมรรถนะหลักขององค์กร, วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์, และปั จจัยแห่ง
ความสาเร็จที่สาคัญอย่างยิ่งขององค์กร. กระบวนการทางธุรกิจที่สาคัญอาจรวมถึงการจัดหาเทคโนโลยี, การ
จัดการสารสนเทศและความรู ,้ การควบรวมและครอบครองกิจการ, การขยายไปสู่ตลาดโลก, การจัดการ
โครงการ, รวมทัง้ กระบวนการขายและการตลาด.
ส าหรับ องค์ก รที่ ไ ม่ แ สวงหาผลก าไร, กระบวนทางธุ ร กิ จที่ ส าคัญ อาจรวมถึ ง การระดมทุ น , การสร้า ง
ความสัมพันธ์กับสื่อ, การมีส่วนร่วมในการผลักดันนโยบายสาธารณะ. เนื่องจากลักษณะของกระบวนการ
เหล่านีม้ ีความหลากหลาย, จึงอาจทาให้ลกั ษณะเฉพาะ (character) ของข้อกาหนดและผลการดาเนินการของ
แต่ละกระบวนการมีความแตกต่างกันอย่างมาก.
• การใช้ผลลัพธ์ของการทบทวนผลการดาเนินการขององค์กร;
• การแบ่งปั นกลยุทธ์ท่ปี ระสบความสาเร็จทั่วทัง้ องค์กร เพื่อขับเคลื่อนการเรียนรูแ้ ละการสร้างนวัตกรรม;
• การวิเคราะห์กระบวนการและการวิจยั (เช่น การจัดทาผังกระบวนการ, การทดลองเพื่อหาจุดเหมาะสม
ที่สดุ ของกระบวนการ, การป้องกันความผิดพลาด);
• การวิจยั และพัฒนาในด้านเทคนิคและธุรกิจ; และ
• การใช้เครื่องมือปรับปรุงคุณภาพ เช่น Lean, Six Sigma, และ Plan‐Do‐Check‐Act (PDCA) ;
122
• การเทียบเคียงสมรรถนะกับองค์กรที่เป็ นเลิศ;
• การใช้เทคโนโลยีทางเลือก; และ
• การใช้สารสนเทศจากลูกค้าของกระบวนการต่าง ๆ ทัง้ ภายในและภายนอกองค์กร
ข้อสังเกต
123
คัดเลือกผูส้ ่งมอบ, โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดจานวนรวมของผูส้ ่งมอบ และเพิ่มการจัดทาข้อตกลงกับผูส้ ่งมอบ
และพันธมิตรที่พึงประสงค์. เมื่อเผชิญกับภาวะชะงักงันทางธุรกิจ (disruption) ที่อาจเกิดขึน้ , องค์กรอาจ
ต้องการเครือข่ายอุปทานที่สนั้ ลง, มีประสิทธิภาพมากขึน้ , และมีความยืดหยุ่นมากขึน้ . ความยืดหยุ่นนี ้ รวมถึง
การดาเนินงานด้วยวิธีการเฉพาะกรณี, เช่น การปรับเครือข่ายอุปทานให้เข้ากับท้องถิ่น (localizing) และสร้าง
ความสัมพันธ์ในระบบนิเวศที่ใหญ่ขึน้ กับผูส้ ่งมอบที่สาคัญอย่างมา ด้วยการแบ่งปั นกลยุทธ์, เครือข่ายการ
เรียนรู,้ และดิจิทลั แพลตฟอร์ม.
124
องค์ก รที่ใ ห้บ ริก ารด้า นสาธารณูปโภค มัก มี ค วามจาเป็ นที่ตอ้ งให้ค วามสาคัญในเรื่อ งนีม้ ากกว่า องค์กรที่
ให้บริการด้านอื่น.
องค์กรควรต้องวางแผนอย่างระมัดระวังในการจัดให้มีโครงสร้างพืน้ ฐานของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
, ข้อมูล, และสารสนเทศ ให้พร้อมใช้งานได้อย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็ นภาวะชะงักงันที่เกิด
จากธรรมชาติหรือนา้ มือมนุษย์. การวางแผนเหล่านีค้ วรต้องคานึงถึงความต้องการของผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสีย
ทัง้ หมดขององค์กร, รวมทัง้ บุคลากร, ลูกค้า, ผูส้ ่งมอบ, พันธมิตร, และผูใ้ ห้ความร่วมมือ. นอกจากนี ้ แผน
ดังกล่าวควรต้องประสานให้สอดคล้องกับแผนโดยรวมขององค์กร เพื่อการดาเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง และ
ความมั่นคงไซเบอร์.
ผลลัพธ์
(Results) (หมวด 7)
หมวดนีค้ รอบคลุมผลลัพธ์ทงั้ หมดที่จาเป็ นในการทาให้องค์กรยั่งยืน : ซึ่งรวมถึงผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์และ/
หรือบริการและกระบวนการที่สาคัญ, ผลลัพธ์ดา้ นการมุ่งเน้นลูกค้า, ผลลัพธ์ดา้ นบุคลากร, ผลลัพธ์ดา้ นระบบ
การนาองค์กรและการกากับดูแลองค์กร, และผลลัพธ์ของการดาเนินการโดยรวมด้านการเงินและตลาด.
125
7.1 ผลลัพธ์ด้านผลิตภัณฑ์และกระบวนการ (Product and Process Results)
เจตจานง
ข้อสังเกต
ผลการด าเนิ นการด้ า นผลิ ต ภั ณ ฑ์แ ละ/หรื อบริ ก าร และตั ว ชี้วั ด ด้ านลู ก ค้ า (Product and/or
Service Performance and Customer Indicators). ค่าสหสัมพันธ์ระหว่างผลการดาเนินการด้านผลิตภัณฑ์
และ/หรื อ บริการกับตัว ชีว้ ัดด้านลูกค้า เป็ นเครื่ องมื อการจัด การที่สาคัญอย่างยิ่งสาหรับนามาใช้ในหลาย
ลักษณะ: (1) การกาหนดและการมุ่งเน้นข้อกาหนดที่สาคัญด้านคุณภาพและลูกค้า (2) การระบุสิ่งที่ทาให้
ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการแตกต่างจากที่มีอยู่ในตลาด, และ (3) การประเมินความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล
ระหว่างคุณลักษณะ (attributes) ของผลิตภัณฑ์/หรือบริการกับหลักฐานความพึงพอใจและความผูกพันของ
ลูกค้า. ค่าสหสัมพันธ์นีอ้ าจเปิ ดเผยให้เห็นส่วนตลาดที่กาลังเกิดขึน้ ใหม่หรือที่กาลังมีการเปลี่ยนแปลง, การ
เปลี่ยนความต้องการ/ข้อกาหนดที่สาคัญ, หรือโอกาสที่ผลิตภัณฑ์จะล้าสมัย.
126
• การลดปริมาณการปล่อยของเสีย, การใช้ประโยชน์จากผลพลอยได้ท่เี กิดขึน้ และการนาของเสียกลับมา
ใช้ใหม่.
• ตัวชีว้ ดั การตอบสนองภายในองค์กร เช่น รอบเวลา, ความยืดหยุ่นของการผลิต, เวลาคอยผลิตภัณฑ์
(lead times), เวลาที่ใช้ในการตัง้ เครื่องจักร (setup times), และเวลาในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่สตู่ ลาด.
• ผลการดาเนินการที่ดีขนึ ้ ในด้านการบริหารสานักงานและด้านสนับสนุนอื่นๆ.
• ตัวชีว้ ดั ประสิทธิผลของแนวทางด้านความมั่นคงปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์.
• ตัวชีว้ ดั เฉพาะทางธุรกิจ เช่น การเพิ่มการใช้ผลผลิตของผลิตภัณฑ์และกระบวนการ, ผลลัพธ์จากแผน
Six Sigma, และการยอมรับสมรรถนะของผลิตภัณฑ์ ณ เวลาที่สง่ มอบ.
• ตัวชีว้ ัดของเครือข่ายอุปทาน เช่น การลดจานวนสินค้าคงคลังและการตรวจรับวัตถุดิบ, การยกระดับ
คุณภาพและผลิตภาพ, การปรับปรุ งการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัล, การลดต้นทุนการจัดการเครือข่าย
อุป ทาน, การตรวจสอบผู้ส่ ง มอบและพัน ธมิ ต ร, และการส่ ง มอบแบบทัน เวลาพอดี (just-in-time
delivery)
• ผลลัพธ์การตรวจประเมินจากหน่วยงานภายนอก เช่น การตรวจประเมินตามระบบมาตรฐานคุณภาพ
ISO 9001.
127
ข้อสังเกต
• ความพึงพอใจและความไม่พงึ พอใจของลูกค้า.
• การรักษาลูกค้าไว้, การได้ลกู ค้า, และการเสียลูกค้า (customers and customer accounts).
• ข้อร้องเรียนจากลูกค้า, การจัดการข้อร้องเรียน, การแก้ไขปั ญหาข้อร้องเรียนอย่างมีประสิทธิผล, การ
เรียกร้องค่าประกันผลิตภัณฑ์.
• คุณค่าผลิตภัณฑ์จากมุมมองของลูกค้า โดยพิจารณาถึงคุณภาพและราคา.
• การประเมิ น โดยลูก ค้า เรื่ อ งความสะดวกในการติ ด ต่ อ องค์ก รและความง่ า ยในการใช้ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์
(ครอบคลุมถึงมารยาทในการให้บริการ).
• การกล่าวถึงในทางที่ดี และการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของลูกค้าต่อตราสินค้า และผลิตภัณฑ์และ/หรือ
บริการขององค์กร.
• การให้รางวัล, การจัดอันดับ, และการได้รับการยกย่องชมเชยจากลูกค้าและองค์กรจัดอันดับที่เป็ น
อิสระ.
หัว ข้อ นี ้ถ ามถึ ง ผลลัพ ธ์ด ้า นการมุ่ง เน้น บุค ลากร, เพื่ อ แสดงให้เ ห็ น ว่ า องค์ก รสามารถสร้า งและรัก ษา
สภาพแวดล้อมในการทางานที่เพิ่มผลิตภาพ, มีความเอือ้ อาทร, ความผูกพัน, และการเรียนรู ใ้ ห้แก่บุคลากร
ทัง้ หมดได้ดีเพียงใด.
128
ข้อสังเกต
129
ข้อสังเกต
ข้อสังเกต
ผลลัพธ์ของความพยายามในการสร้างนวัตกรรมควรต้องเชื่อมโยงกับแนวทางของการแสวงหาการสร้าง
นวัตกรรมและการประเมินโอกาสคุม้ เสี่ยง.
131
ค่านิยมและแนวคิดหลัก
(Core Values and Concepts)
ค่านิยมและแนวคิดหลักของเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ เป็ นความเชื่อและพฤติกรรมที่พบว่าฝังลึกอยู่ใน
องค์กรที่มีผลการดาเนินการที่เป็ นเลิศหลายแห่ง . ค่านิยมและแนวคิดหลักเหล่านี ้ เป็ นรากฐานการบูรณาการ
ระหว่างผลการดาเนินการที่สาคัญและข้อกาหนดของการปฏิบัติการภายใต้การมุ่งเน้นผลลัพธ์ ซึ่งก่อให้เกิด
พืน้ ฐานการปฏิบตั ิ, ข้อมูลป้อนกลับ, และความสาเร็จอย่างต่อเนื่องขององค์กร.
• มุมมองเชิงระบบ
• การนาองค์กรอย่างมีวิสยั ทัศน์
• ความเป็ นเลิศที่ม่งุ เน้นลูกค้า
• การให้ความสาคัญกับบุคลากร
• ความคล่องตัวและความสามารถในการฟื ้ นตัว
• การเรียนรูร้ ะดับองค์กร
• การมุ่งเน้นความสาเร็จ และการสร้างนวัตกรรม
• การจัดการโดยใช้ขอ้ มูลจริง.
• การตอบแทนสังคม
• จริยธรรมและความโปร่งใส
• การส่งมอบคุณค่าและผลลัพธ์
การจัดการผลการดาเนินการโดยรวมขององค์กรจะประสบความสาเร็จได้ ต้องอาศัยการตระหนักรู ว้ ่า
องค์กรเป็ นระบบที่มีการปฏิบัติการที่เชื่อมโยงกัน . การสังเคราะห์ในประเด็นเฉพาะของแต่ละองค์กร, ความ
สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน, และการบูรณาการ เป็ นสิ่งที่ทาให้ระบบภายในประสบความสาเร็จ . “การ
สังเคราะห์” (synthesis) หมายถึง การมองภาพรวมขององค์กร. โดยใช้ความต้องการที่สาคัญของธุรกิจ, รวมถึง
สมรรถนะหลักขององค์กร, วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์, แผนปฏิบัติการ, ระบบงาน, รวมทัง้ ความต้องการและ
132
ความคาดหวังของบุคลากร. “ความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน ” หมายถึง ความเกี่ ยวเนื่องกันระดับ
องค์กร เพื่อทาให้ม่นั ใจว่าแผนงาน, กระบวนการ, ตัววัด, และการปฏิบตั ิต่าง ๆ มีความสอดคล้องไปในแนวทาง
เดียวกันอย่างคงเส้นคงวา. “การบูรณาการ” เป็ นการต่อยอดจากความสอดคล้อ งไปในแนวทางเดี ย วกัน
เพื่ อ ให้อ งค์ป ระกอบแต่ ละส่ว นของระบบการจัด การผลการด าเนินการขององค์ก รมี ก ารปฏิ บัติ ก ารอย่ า ง
เชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์, เป็ นหนึ่งเดียว, และเป็ นประโยชน์รว่ มกันเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ท่คี าดหวัง.
133
ค่านิยมและกลยุทธ์ท่ผี นู้ ากาหนดไว้ควรต้องช่วยชีน้ าการดาเนินกิจกรรมและการตัดสินใจขององค์กร. ผูน้ า
ระดับสูงควรต้องสร้างแรงบันดาลใจและกระตุน้ ให้บุคลากรทุกคนมีส่วนร่วม (contribute), มีการพัฒนาและ
เรียนรู ,้ มีนวัตกรรม (innovative), และยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย (meaningful). ผูน้ าระดับสูง
ควรต้อ งรับ ผิ ด ชอบต่ อ การปฏิ บัติ ก ารและผลการด าเนิ น การของคณะกรรมการก ากั บ ดูแ ลองค์ก ร, และ
คณะกรรมการกากับดูแลองค์กรควรต้องรับผิดชอบอย่างถึงที่สุดต่อผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ทั้งในด้าน
จริยธรรม, การปฏิบตั ิ, และผลการดาเนินการ ทัง้ ขององค์กรและของผูน้ าระดับสูงด้วย.
134
พิทกั ษ์สารสนเทศของลูกค้า เป็ นสิ่งสาคัญอย่างยิ่งในการรักษาลูกค้าไว้และการสร้างความผูกพันกับลูกค้าใน
ระยะยาว.
องค์กรที่ม่งุ เน้นลูกค้าไม่เพียงแต่ให้ความสาคัญต่อลักษณะเฉพาะของผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนอง
ความต้องการพืน้ ฐานของลูกค้าเท่านั้น หากแต่ยงั ให้ความสาคัญต่อลักษณะพิเศษและลักษณะเฉพาะที่เป็ น
เอกลักษณ์ท่ีทาให้องค์กรแตกต่างจากคู่แข่ง . ความแตกต่างนีอ้ าจเกิดจากการที่องค์กรเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์,
เสนอสิ่งใหม่หรือสิ่งที่ปรับปรุ งใหม่ตามความต้อ งการของลูก ค้าเฉพาะราย หรือประสบการณ์ลูกค้า, การ
ผสมผสานระหว่างผลิตภัณฑ์และบริการ, ราคา, การตอบแทนสังคม, หรือความสัมพันธ์พิเศษกับลูกค้า. ซึ่ง
อาจรวมถึงการมีส่วนร่วมในเครือข่ายพันธมิตรหรือเครือข่ายความร่วมมือ, เครือข่ายพหุพาคี (ระบบนิเทศ
ธุรกิจ) ขององค์กร ซึ่งจะขับเคลื่อนประสิทธิภาพ, ประสิทธิผล, และสร้างนวัตกรรม.
135
1) การแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผูน้ าองค์กรที่มีต่อความสาเร็จของบุคลากร;
2) การสร้างแรงจูงใจและการยกย่องชมเชยที่นอกเหนือไปจากระบบค่าผลตอบแทนตามปกติ;
3) การสนับสนุนความสมดุลของชีวิตและการทางาน ผ่านการปฏิบตั ิงานแบบยืดหยุ่น ซึ่งปรับให้เหมาะก
สถานที่ทางานและความจาเป็ นในชีวิตที่แตกต่างกัน;
4) การสร้า งสภาพแวดล้อ มที่ เ กื ้อ หนุ น การมี ส่ ว นร่ ว ม, ความเท่ า เที ย ม ส าหรับ บุ ค ลากรที่ มี ค วาม
หลากหลาย;
5) ข้อเสนอด้านการพัฒนาและความก้าวหน้าของบุคลากรในองค์กร;
6) การให้การสนับสนุนระหว่างภาวะชะงักงันและการเปลี่ยนผ่าน (transitions);
7) การแบ่ ง ปั น ความรู ้ข ององค์ก รเพื่ อ ให้บุ ค ลากรสามารถให้บ ริ ก ารลู ก ค้า และช่ ว ยให้อ งค์ก รบรรลุ
วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ได้ดียิ่งขึน้ ;
8) การสร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุน้ ให้บคุ ลากรประเมินโอกาสคุม้ เสี่ยงเพื่อทาให้เกิดการสร้างนวัตกรรม;
9) การสร้างระบบที่ทาให้เกิดภาระรับผิดชอบต่อผลการดาเนินการของบุคลากรและองค์กร.
136
ความคล่องตัวและความสามารถในการฟื้ นตัว (Agility and Resilience)
ความสาเร็จในภาวะปั จจุบนั ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา, สภาพแวดล้อมการแข่งขันในระดับโลก ทาให้
องค์กรจาเป็ นต้องมีความคล่องตัวและความสามารถในการฟื ้ นตัว. ความคล่องตัว หมายถึง ความสามารถใน
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับไวและความยืดหยุ่นในการปฏิ บัติการ. ความสามารถในการฟื ้ นตัวขององค์กร
หมายถึง ความสามารถในการคาดการณ์, เตรียมรับมือ, และกูค้ ืนสูส่ ภาพเดิม จากภัยพิบตั ิ, ภาวะฉุกเฉิน, และ
ภาวะชะงักงันต่าง ๆ และ – เมื่อเกิดภาวะชะงักงัน - คือการปกป้องและยกระดับความผูกพันของบุคลากรและ
ลูกค้า, เครือข่ายอุปทานและผลการดาเนินการด้านการเงิน , ผลิตภาพขององค์กร, รวมทั้งความผาสุกของ
ชุม ชน. ความสามารถในการฟื ้ น ตัว รวมถึ ง ความคล่ อ งตัว ในการปรับ เปลี่ ย นแผน, กระบวนการ, และ
ความสัมพันธ์ เมื่อใดก็ตามที่สถานการณ์บงั คับ.
หลายองค์กรเผชิญกับการต้องลดรอบเวลาให้สนั้ ลง สาหรับการนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่หรือที่ปรับปรุง
ใหม่เข้าสู่ตลาด และสาหรับการตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อประเด็นใหม่ ๆ หรือประเด็นที่กาลังเกิดขึน้ . องค์กร
ต้องมีความสามารถในการบริหารความเสี่ยงและสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยรอบเวลาที่สนั้ ลง. การปรับปรุง
ขนานใหญ่ให้ทันเวลามักต้องอาศัยระบบงานใหม่ ; การตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ; การลดระบบบริหารแบบมี
พิธีรีตอง (bureaucracy); การปรับกระบวนการทางานให้เรียบง่าย; เครือข่ายผูส้ ง่ มอบและพันธมิตรที่คล่องตัว
และมีประสิทธิ ภาพ; การสื่อสารทีมีประสิทธิ ผล, ประสิทธิ ภาพ กับบุคลากร, พันธมิตร, และผูส้ ่งอบ; และ
ความสามารถในการปรับเปลี่ยนจากกระบวนการหนึ่งไปสู่อีกกระบวนการหนึ่ง หรือจากสถานที่หนึ่งไปสู่อีก
สถานที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว.
ผลการดาเนินการที่เกี่ ยวกับเวลาในทุกแง่มุมมีความสาคัญมากยิ่งขึน้ , และรอบเวลากลายเป็ นตัววัดที่
สาคัญตัวหนึ่งของกระบวนการ. การให้ความสาคัญเรื่องเวลายังก่อให้เกิดประโยชน์สาคัญอื่น ๆ; เช่น การ
ปรับปรุ งด้านเวลามักส่งผลต่อการปรับปรุ งหรือการเปลี่ยนแปลงเรื่องต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กัน เช่น ระบบงาน,
องค์กร, คุณภาพ, ต้นทุน, การบูรณาการห่วงโซ่อปุ ทาน, ผลิตภาพ, และความสาเร็จอย่างต่อเนื่องในสภาพ
เศรษฐกิจที่ทา้ ทาย. ปั จจัยความสาเร็จที่สาคัญในการตอบสนองความท้าทายเชิงแข่งขัน คือระยะเวลาตัง้ แต่
ออกแบบจนออกสู่ตลาด (เวลาที่ใช้ตงั้ แต่ริเริ่มลักษณะพิเศษของผลิตภัณฑ์หรือบริการ) หรือรอบเวลาในการ
สร้า งนวัต กรรม. เพื่ อ ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงอยู่ต ลอดเวลาของตลาด, องค์ก รจาเป็ นต้อ งบูร ณาการ
กิจกรรมต่าง ๆ จากขัน้ ตอนหนึ่งไปสูอ่ ีกขัน้ ตอนหนึ่ง ตัง้ แต่การวิจยั หรือแนวคิด (concept) ไปสูก่ ารนาไปปฏิบตั ิ
หรือในเชิงพาณิชย์. เหตุการณ์ภาวะชักงันเกิดขึน้ บ่อยครัง้ , ซึ่งอาจสืบเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจหรือการเมือง,
เหตุการณ์รุนแรงจากสภาพภูมิ อากาศหรือสาธารณสุข, ข้อเรียกร้องจากชุมชนหรือ สังคม, หรือนวัตกรรม
เทคโนโลยี หรือการเกิดผลิตภัณฑ์ใหม่. เพื่อให้องค์กรมีความสามารถในการฟื ้ นตัว, คณะผูน้ าต้องปลูกฝั ง
ความคล่องตัว เพื่อคาดการณ์โอกาสและสิ่งคุกคาม, ปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ท่ีเปลี่ยนแปลง, และมี
การกากับดูแลองค์กรที่แข็งแกร่งด้วยวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจ. องค์กรต้องยอมรับกระบวนการคิด ที่มี
ข้อมูลสนับสนุนและจัดให้พนักงานมีการเรียนรูท้ กั ษะใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง.
137
ความคล่องตัวและความสามารถในการฟื ้ นตัวสามารถทาให้ความสาเร็จตลอดระบบนิเวศธุรกิจขององค์กร,
โดยผูใ้ ห้ความร่วมมือ, พันธมิตรเชิงกลยุทธ์, หรือกลุ่มพันธมิตร อาจมีสมรรนะหลักที่เติมเต็มให้แก่องค์กร ซึ่ง
อาจทาให้องค์กรสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วต่อภาวะชะงักงันต่าง ๆ, เข้าสู่ตลาดใหม่, หรือคิดทบทวน
ใหม่ถึงการนาเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้แก่ลูกค้าในบริบทที่กว้างขึน้ . นอกจากนี ้ ระบบนิเวศธุรกิจของ
องค์กรอาจช่วยตอบสนองในประเด็นที่เป็ นความสนใจร่วมกัน โดยผสานสมรรถนะหลักขององค์กรหรือขีด
ความสามารถของผูน้ าองค์กรร่วมกับจุดแข็งและขีด ความสามารถขององค์กรอื่นอย่างรวดเร็ว, นามาซึ่งแหล่ง
ความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ใหม่ ๆ อีกด้วย. ผลลัพธ์ท่ไี ด้อาจเป็ นระบบนิเวศธุรกิจที่กว้างขวาง, พึ่งพาซึ่งกันและ
กัน, และคล่องตัว ซึ่งรวมถึงพันธมิตรและคู่ความร่วมมือแบบดัง้ เดิม, รวมทัง้ ผูส้ ่งมอบ, คู่แข่ง, ลูกค้า, ชุมชน,
และองค์กรภายนอกภาคส่วนหรืออุตสาหกรรม.
การเรียนรู้ระดับองค์กร (Organizational Learning)
การบรรลุผลการดาเนินการขององค์กรในระดับสูงสุด องค์กรจาเป็ นต้องมีแนวทางการนาไปปฏิบัติเป็ น
อย่ า งดี ใ นเรื่ อ งการเรี ย นรู ้ร ะดับ องค์ก ร ซึ่ ง รวมถึ ง การแบ่ ง ปั น ความรู ้ผ่ า นกระบวนการที่ เ ป็ น ระบบ. ใน
สภาพแวดล้อมปั จจุบนั , บุคลากรที่ได้รบั การอบรมข้ามสายงานและได้รบั การให้อานาจในการตัดสินใจ รวมทัง้
การจัดการองค์ความรู ข้ ององค์กรให้ทันสมัยและมีประสิทธิผล จึงเป็ นสินทรัพย์ท่ีสาคัญอย่างยิ่ง. การเรียนรู ้
ระดับ องค์ก ร รวมถึ งการปรับ ปรุ งแนวทางที่ มี อ ยู่แ ล้ว อย่ า งต่ อ เนื่อ ง; การปรับ ใช้วิ ธีป ฏิ บัติ ท่ี เ ป็ นเลิ ศ และ
นวัตกรรม; และการเปลี่ยนแปลงที่สาคัญ, อย่างฉีกแนว, หรือการสร้างนวัตกรรม, นาไปสู่เป้าประสงค์ใหม่,
แนวทางใหม่, ผลิตภัณฑ์ใหม่, และตลาดใหม่.
การสร้างนวัตกรรมอาจเกิดจากการปรับใช้นวัตกรรมของอุตสาหกรรมอื่นเพื่อทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
อย่างก้าวกระโดดในอุตสาหกรรมที่องค์กรอยู่. การสร้างนวัตกรรมเกิดจากการสั่งสมความรู ข้ ององค์กรและ
บุคลากร และนวัตกรรมของพันธมิตร, ผูใ้ ห้ความร่วมมือ, คู่แข่ง, ลูกค้า, และองค์กรที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ, รวมทัง้
องค์กรภายนอกภาคส่วนหรืออุตสาหกรรมขององค์กร. นวัตกรรมอาจเป็ นความร่วมมือระหว่างบุคคลซึ่งปกติ
ไม่ได้ทางานด้วยกันและอยู่ในหน่วยงานที่แตกต่างกันในองค์กร. ซึ่งสามารถนาไปสู่การเพิ่มพูนการเรียนรู ผ้ ่าน
สารสนเทศที่แบ่งปั นกัน และความเต็ มใจที่จะใช้แนวคิด (concept) ใหม่ ๆ จากภายนอกองค์กรในการจุด
ประกายแนวคิด (idea generators). ดังนั้น, ความสามารถในการเผยแพร่ (disseminate) และใช้ประโยชน์
จากความรู ใ้ หม่และความรูท้ ่ีส่ งั สมมาอย่างรวดเร็วจึงมีความสาคัญยิ่งต่อการผลักดันการสร้างนวัตกรรมและ
ความสาเร็จขององค์กร.
140
• ตัววัดผลการดาเนินการด้านลูกค้า, ด้านผลิตภัณฑ์, และด้านกระบวนการ;
• ตัวเปรียบเทียบผลการดาเนินการด้านการปฏิบตั ิการ, ด้านตลาด, และด้านการแข่งขัน;
• ผลการดาเนินการด้านผูส้ ง่ มอบ, บุคลากร, พันธมิตร, ต้นทุน, และการเงิน;
• ผลลัพธ์ดา้ นการกากับดูแลองค์กรและการปฏิบตั ิตามกฏระเบียบข้อบังคับ ; และ
• การบรรลุวตั ถุประสงค์เชิงกลยุทธ์.
142
ทาให้บุคลากรเข้าใจเหตุผลของการกระทาและสิ่งที่พวกเขาจะมีส่วนร่วมได้ . นอกจากนี ้ ความโปร่งใสและ
ภาระความรับผิดชอบยังมีความสาคัญในการปฏิสมั พันธ์กบั ลูกค้าและผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสียอื่น, ทาให้รูส้ กึ ถึงการ
มีสว่ นร่วม, ความผูกพัน, และความเชื่อมั่นในองค์กร.
การประพฤติปฏิบัติอย่างมีจริยธรรมและความโปร่งใสจะสร้างความไว้วางใจให้แก่องค์กรและผูน้ า และ
สร้างความเชื่อเรื่องความเป็ นธรรมและและความสง่างาม (integrity) ซึ่งเป็ นสิ่งที่ผมู้ ีสว่ นได้สว่ นเสียที่สาคัญทุก
ลุม่ ให้คณ
ุ ค่า.
143
144
อภิธานศัพท์
(Glossary)
อภิธานศัพท์จะอธิบายคาศัพท์ในเกณฑ์ และแนวทางการให้คะแนนที่ขีดเส้นใต้ไว้. ประโยคแรกต่อจาก
อภิธานศัพท์แต่ละคาจะแสดงความหมายด้วยตัวอักษรตัวเข้ม. ประโยคที่เหลือในย่อหน้าแรกเป็ นการขยาย
ความ. ย่อหน้าถัดมาเป็ นการให้ตวั อย่าง, สารสนเทศเชิงพรรณนา, หรือความเชื่อมโยงที่สาคัญกับสารสนเทศ
อื่นๆ ในเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ.
AGILITY: ความคล่องตัว
ความคล่องตัว หมายถึง ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับไวและความยืดหยุ่นในการ
ปฏิบัติการ. ความคล่องตัวอาจจาเป็ นในการตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉิน, หรือจัดการกับการเปลี่ยนแปลงใน
สภาพแวดล้อมการดาเนินงานขององค์กร, เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึน้ ทันทีทนั ใด และ/หรือเพื่อจัดการ
กับความท้าทายเชิงกลยุทธ์.
ANALYSIS: การวิเคราะห์
“การวิเคราะห์” หมายถึง การตรวจสอบข้อมูลและสารสนเทศเพื่อใช้เป็ นพืน้ ฐานในการตัดสินใจ
อย่างมีประสิทธิผล. การวิเคราะห์มกั เกี่ยวข้องกับการประเมินความสัมพันธ์ในเชิงเหตุและผล. การวิเคราะห์
ระดับองค์กรโดยรวมจะชีน้ าการบริหารจัดการระบบงานและกระบวนการทางานเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจ
ที่สาคัญและวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์.
146
APPROACH: แนวทาง
“แนวทาง” หมายถึง วิธีการทีอ่ งค์กรใช้ในการดาเนินกระบวนการ (หมวด 1-6). ในเกณฑ์นี ้ แนวทาง
ยังหมายรวมถึงความเหมาะสมของวิธีการต่อคาถามของหัวข้อและสภาพแวดล้อมการดาเนินงานขององค์กร,
รวมทัง้ ประสิทธิผลของการใช้แนวทางนัน้ . แนวทางเป็ นมิติหนึ่งในการประเมินหัวข้อในหมวด 1-6
BENCHMARKS: เกณฑ์เปรียบเทียบสมรรถนะ
“เกณฑ์เปรียบเทียบสมรรถนะ” หมายถึง กระบวนการและผลลัพธ์ ซึ่งมีวิธีปฏิบัติทีเ่ ป็ นเลิศและ
ผลการดาเนิ นการที่เป็ นเลิศในกิจกรรมที่คล้ายคลึงกัน, ภายในหรือภายนอกอุตสาหกรรม. การที่
องค์กรเข้าร่วมการจัดระดับเทียบเคียงเพื่อให้เข้าใจถึงผลการดาเนินการระดับ โลกในปั จจุบัน และเพื่อให้
บรรลุผลการปรับปรุงอย่างฉีกแนว หรือ “ก้าวกระโดด”.
147
COLLABORATORS: ผู้ให้ความร่วมมือ
“ผู้ให้ความร่วมมือ” หมายถึง หน่วยงานหรือบุคคลที่มีความร่วมมือกับองค์กรในการสนับสนุนใน
การจัดกิจกรรมหรือจัดงาน (event) บางส่วน หรือผู้ที่มีความร่วมมือกับองค์กรเป็ นครั้งคราวเมื่ อมี
เป้ าหมายระยะสั้นที่สอดคล้องกันหรือเหมือนกัน. โดยทั่วไป, ความร่วมมือในลักษณะนีม้ กั ไม่มีขอ้ ตกลง
หรือรูปแบบที่เป็ นทางการ.
สมรรถนะหลักขององค์กรอาจเกี่ยวข้องกับความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี, การเสนอบริการเฉพาะที่เป็ น
เอกลักษณ์, ตลาดที่เหมาะสมของตนเอง (niche), หรือความเฉียบแหลมทางธุรกิจในด้านใดด้านหนึ่ง.
CULTURE: วัฒนธรรม.
ความเชื่อร่วม, บรรทัดฐานร่วม, และค่านิยมร่วม ซึ่งเป็ นลักษณะเฉพาะของบุคลากร และแสดง
ให้เห็นภายในองค์กร. ในองค์กรที่มีผลการดาเนินการที่ดี, ผูน้ าระดับสูงจะสร้างและหนุนเสริมวัฒนธรรมของ
องค์กร ตามพันธกิจ, วิสยั ทัศน์, และค่านิยมขององค์กร.
CUSTOMER: ลูกค้า
“ลู ก ค้ า ” หมายถึ ง ผู้ ใ ช้ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์, โปรแกรม, หรื อ บริ ก ารขององค์ก ร (ในเกณฑ์เ รี ย กว่ า
“ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ”) หรืออาจเป็ นผู้ใช้ในอนาคต. ลูกค้า หมายรวมถึงผูใ้ ช้ผลิตภัณฑ์โดยตรง,
และผูซ้ อื ้ ผลิตภัณฑ์เพื่อจาหน่ายต่อ, เช่น ผูจ้ ดั จาหน่าย, ตัวแทน, หรือองค์กรต่าง ๆ ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ขององค์กร
เป็ นส่วนประกอบหนึ่งของผลิตภัณฑ์นั้น. เกณฑ์นีก้ ล่าวถึงลูกค้าอย่างกว้าง ๆ, โดยครอบคลุมถึงลูกค้าใน
ปัจจุบนั , ลูกค้าในอนาคต, และลูกค้าของคู่แข่งด้วย. ความเป็ นเลิศที่ม่งุ เน้นลูกค้า เป็ นค่านิยมประการหนึ่งของ
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติท่ีฝังอยู่ในความเชื่อและพฤติกรรมขององค์กรที่มีผลการดาเนินการที่ดี. การ
148
มุ่งเน้นลูกค้ามุ่งเน้นที่ผลกระทบ และควรต้องเป็ นปั จจัยในการบูรณาการในทิศทางเชิงกลยุทธ์, ระบบงานและ
กระบวนการทางาน, และผลลัพธ์ทางธุรกิจขององค์กร.
DEPLOYMENT: การถ่ายทอดสู่การปฏิบัติ
“การถ่ายทอดสู่การปฏิบัติ” หมายถึง ความครอบคลุมและทั่วถึงของการนาแนวทางไปดาเนินการ
เพื่อตอบสนองคาถามในเกณฑ์. การถ่ายทอดสู่การปฏิบตั ิจะประเมินจากความครอบคลุมและความลึกใน
การนาแนวทางไปใช้กับ หน่วยงานที่เกี่ ยวข้อ งทั่ว ทั้งองค์กร. การถ่ายทอดสู่การปฏิบัติ เป็ นมิติหนึ่งในการ
ประเมินหัวข้อกระบวนการในหมวด 1-6
DIVERSITY: ความหลากหลาย
“ความหลากหลาย” หมายถึง ความแตกต่างระหว่างบุคลากรซึ่ง ทาให้ เกิด สภาพแวดล้อ มการ
ทางานที่เป็ นประโยชน์และเป็ นตัวแทนของชุมชนของบุคลากรที่องค์กรจ้างและชุ มชนของลูกค้า.
ความแตกต่างของบุคลากร ครอบคลุมถึงตัวแปรต่างๆ เช่น เชือ้ ชาติ ศาสนา สีผิว เพศ สัญชาติ ความพิการ
แนวโน้มทางเพศ อายุและพฤติกรรมที่แตกต่างกันตามยุคสมัย การศึกษา ถิ่นกาเนิด และทักษะ รวมทัง้ ความ
แตกต่างทางความคิด ความคิดเห็น สาขาการศึกษา และมุมมอง.
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติให้คณ ุ ค่าและการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของชุมชนของบุคลากร
ที่อ งค์ก รจ้า งและชุม ชนของลูก ค้า . การใช้ป ระโยชน์จากความหลากหลายของทั้งสองเรื่ อ งนีใ้ นการสร้า ง
บุคลากรจะเพิ่มโอกาสในการมีผลการดาเนินการที่ดี สร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า บุคลากร และชุมชน
รวมทัง้ สร้างความผูกพันกับลูกค้าและบุคลากรอีกด้วย.
149
EFFECTIVE: ประสิทธิผล
“ประสิ ท ธิ ผ ล” หมายถึ ง การพิ จ ารณาว่ า กระบวนการหรื อ มาตรการที่ ใ ช้ ส ามารถตอบสนอง
เจตจานงทีก่ าหนดไว้ได้ดีเพียงใด. การประเมินประสิทธิผลต้อง
1) ประเมินว่ากระบวนการนั้นมีความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันกับความต้องการขององค์กร และ
องค์กรสามารถถ่ายทอดเพื่อนาแนวทางสูก่ ารปฏิบตั ิได้ดีเพียงใด,
2) ประเมิ น ผลสัม ฤทธิ์ (outcome) ของมาตรการที่ ใ ช้ โดยเป็ น ตัว บ่ ง ชี ้ข องกระบวนการ หรื อ ผลการ
ดาเนินการของผลิตภัณฑ์/บริการ, หรือ
3) ประเมินว่าสามารถตอบสนองได้ตามหรือเหนือกว่าความต้องการของลูกค้าได้ดีเพียงใด.
EMPOWERMENT: การให้อานาจในการตัดสินใจ
“การให้อานาจในการตั ด สิน ใจ” หมายถึ ง การให้อานาจ (authority) และความรั บ ผิ ดชอบแก่
บุคลากรในการตัดสินใจและดาเนินการ (take actions). เมื่อบุคลากรได้รบั การให้อานาจในการตัดสินใจ,
บุคลากรจะใช้ความรูแ้ ละความเข้าใจในงานที่ตนมีอยู่ในการตัดสินใจที่เกิดขึน้ หน้างาน.
150
ผูน้ าระดับสูงควรต้องประพฤติตนเป็ นแบบอย่างที่ดีของการประพฤติปฏิบตั ิอย่างมีจริยธรรม. หลักการนี ้
ประยุกต์ใช้กบั ทุกคนที่เกี่ยวข้องในองค์กร, ตัง้ แต่ลกู จ้างชั่วคราวจนถึงคณะกรรมการบริหาร. และจาเป็ นต้องมี
การสื่อสารและหนุนเสริมอย่างสม่าเสมอ. ผูน้ าระดับสูงมีความรับผิดชอบในการทาให้พนั ธกิจ, วิสยั ทัศน์, และ
ค่านิยมขององค์กรสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันกับหลักจริยธรรม. พฤติกรรมที่มีจริยธรรมรวมถึงการ
ปฏิสมั พันธ์ต่อผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสียทัง้ หมด, ครอบคลุมทัง้ บุคลากร, ผูถ้ ือหุน้ , ลูกค้า, พันธมิตร, ผูส้ ่งมอบ, และ
ชุมชนท้องถิ่นที่องค์กรตัง้ อยู่.
151
GOVERNANCE: การกากับดูแลองค์กร
“การกากับดูแลองค์กร” หมายถึง ระบบของการบริหารจัดการและการควบคุมต่าง ๆ ในการดูแล
องค์กร. รวมถึงความรับผิดชอบในด้านต่าง ๆ ของเจ้าของหรือผูถ้ ือหุน้ , คณะกรรมการบริหาร, และผูน้ า
ระดับสูงขององค์กร. กฎบัตรองค์กร (corporate charters), กฎระเบียบที่บงั คับใช้ (by laws), และนโยบาย
ขององค์กรจะระบุเป็ นลายลักษณ์อกั ษรถึงสิทธิและความรับผิดชอบของผูท้ ่เี กี่ยวข้องแต่ละกลุม่ รวมทัง้ อธิบาย
ถึงวิธีการกาหนดทิศทางและการควบคุมเพื่อสร้างหลักประกันในด้าน
HOW: อย่างไร
“อย่ างไร” หมายถึ ง ระบบและกระบวนการที่ อ งค์ก รใช้ เ พื่ อบรรลุ พั น ธกิ จ . ในการตอบคาถาม
“อย่างไร” ในหมวด 1-6, ควรต้องรวมถึงสารสนเทศที่เกี่ยวกับแนวทาง (วิธีการและตัววัด), การถ่ายทอดสูก่ าร
ปฏิบตั ิ, การเรียนรู,้ และการบูรณาการ.
INDICATORS: ตัวชีว้ ัด
INNOVATION: การสร้างนวัตกรรม
INNOVATIONS: นวัตกรรม
“การสร้ า งนวั ต กรรม” หรื อ “นวั ต กรรม” หมายถึ ง การเปลี่ ย นแปลงที่ ส าคั ญ เพื่ อ ปรั บ ปรุ ง
กระบวนการ, ผลิตภัณฑ์, องค์กร, หรือความผาสุกของสังคม เพื่อเพิ่มมูลค่าใหม่ให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วน
เสีย. (เกณฑ์ใช้คาว่า INNOVATION การสร้างนวัตกรรม เพื่ออ้างถึงกระบวนการ/กิจกรรม และใช้คาว่ า
INNOVATIONS เพื่ออ้างถึงผลสัมฤทธิ์). การสร้างนวัตกรรมเป็ นการรับเอาแนวคิด (ideas), กระบวนการ,
เทคโนโลยี, ผลิตภัณฑ์, หรือรู ปแบบธุรกิจ ซึ่งอาจเป็ นของใหม่หรือนามาปรับเพื่อการใช้งานในรู ปแบบใหม่.
นวัตกรรมเป็ นการฉีกแนวหรือการปรับปรุงอย่าง “ก้าวกระโดด” ในด้านผลลัพธ์, ผลิตภัณฑ์, กระบวนการ, หรือ
ความผาสุกของสังคม. การสร้างนวัตกรรมใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมที่เกือ้ หนุน, กระบวนการในการระบุ
โอกาสเชิงกลยุทธ์, และความเต็มใจที่จะแสวงหาโอกาสคุม้ เสี่ยง.
154
ปรารถนา. โดยทั่ว ไป มัก ระบุสิ่งสาคัญที่สุด ประมาณ 5 ประเด็ น (เช่น ความท้า ทายที่สาคัญประมาณ 5
ประเด็น).
ระบบการนาองค์กรที่มีประสิทธิผลต้องคานึงถึงขีดความสามารถและความต้องการของบุคลากรและผูม้ ี
ส่วนได้ส่วนเสียอื่น, และต้องตั้งความคาดหวังสูงต่อผลการดาเนินการและการปรับปรุ งผลการดาเนินการ.
ระบบการนาองค์กรจะสร้างความภักดีและการทางานเป็ นทีม โดยขึน้ อยู่กับวิสยั ทัศน์แ ละค่านิยม รวมทัง้ มุ่ง
ไปสู่เป้าประสงค์รว่ มขององค์กร. ระบบการนาองค์กรกระตุน้ และสนับสนุนความคิดริเริ่ม, การสร้างนวัตกรรม,
และการประเมินโอกาสคุม้ เสี่ยง; การจัดโครงสร้างสายการบังคับบัญชาตามเจตจานงและหน้า ที่ ; รวมทั้ง
หลีกเลี่ยงการมีสายการบังคับบัญชาที่ตอ้ งผ่านการตัดสินใจหลายขัน้ ตอน. ระบบการนาองค์กรที่มีประสิทธิผล
ต้องมีกลไกที่ผนู้ าใช้ในการประเมินตนเอง, การรับข้อมูลป้อนกลับ, และการปรับปรุง.
LEARNING: การเรียนรู้
“การเรียนรู้ ” หมายถึง ความรู้ หรือทักษะใหม่ที่ได้รับมาและนาไปปฏิบัติ จากการประเมินผล,
การศึกษา, ประสบการณ์, และการสร้างนวัตกรรม. เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ กล่าวถึงการเรียนรู ท้ งั้
2 ส่วน: คือการเรียนรูร้ ะดับองค์กร และการเรียนรูร้ ะดับ โดย
155
1) การเรี ย นรู ร้ ะดับองค์กร ได้ม าจากการวิ จัยและพัฒนา, วงจรการประเมิ นและการปรับปรุ ง, แนคิด
(ideas) และข้อมูลนาเข้าจากบุคลากรและผูม้ ีสว่ นได้สว่ นเสีย, การแบ่งปั นวิธีปฏิบตั ิท่เี ป็ นเลิศ, และการ
จัดระดับเทียบเคียง.
2) การเรี ย นรู ้ร ะดับ บุ ค คล ได้ม าจากการศึ ก ษา, การฝึ ก อบรม, และโอกาสในการพัฒ นาเพื่ อ ความ
เจริญก้าวหน้าส่วนตนของบุคลากรแต่ละคน.
LEVELS: ระดับ
“ระดับ” หมายถึง สารสนเทศเชิงตัวเลข ทีท่ าให้ทราบว่าผลลัพธ์และผลการดาเนินการขององค์กร
อยู่ ใ นต าแหน่ ง หรื อ อั น ดั บ ใดในมาตรวั ด ที่ เ หมาะสม. ระดับ ผลการด าเนินการทาให้สามารถตรวจ
ประเมินผลเปรียบเทียบกับผลการดาเนินการที่ผ่านมา, การคาดการณ์, เป้าประสงค์, และตัวเปรียบเทียบอื่น ๆ
ที่เหมาะสม.
156
MISSION: พันธกิจ
“พันธกิจ” หมายถึง หน้าที่โดยรวมขององค์กร. พันธกิจ เป็ นการตอบคาถามว่า “องค์กรพยายามบรรลุ
อะไร”. พันธกิจอาจกาหนดลูกค้าหรือตลาดที่องค์กรให้บริการ, สมรรถนะหลักขององค์กร, หรือเทคโนโลยีท่ี
องค์กรใช้.
แม้แ ต่ อ งค์ก รที่ มี ผ ลการด าเนิ น การดี , มี ค ะแนนสูง อาจไม่ ส ามารถตอบค าถามย่ อ ยทั้ง หมดได้ด ้ว ย
ความสามารถหรือความสาเร็จที่เท่าเทียมกัน.
PARTNERS: พันธมิตร
“พันธมิตร” หมายถึง องค์กรหรือกลุ่มบุคคลที่สาคัญที่ตกลงทางานร่วมกับองค์กร เพื่อให้บรรลุ
เป้ า ประสงค์ร่ ว มกั น หรื อ เพื่ อ ปรั บ ปรุ ง ผลการด าเนิ น การ. โดยทั่ว ไป พันธมิ ต รเป็ นความร่ว มมือใน
ลักษณะที่เป็ นทางการเพื่อจุดมุ่งหมายหรือเจตจานงที่เฉพาะเจาะจง, เช่น เพื่อบรรลุวตั ถุประสงค์เชิงกลยุทธ์
หรือเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เฉพาะเจาะจง.
PERFORMANCE: ผลการดาเนินการ
“ผลการดาเนินการ” หมายถึง ผลผลิต (outputs) และผลสัมฤทธิ์ (outcomes) ทีไ่ ด้จากกระบวนการ
, ผลิตภัณฑ์และบริการ, และกลยุทธ์ ซึ่งทาให้สามารถประเมินผลและเปรียบเทียบผลลัพธ์กับการ
คาดการณ์ผลการดาเนิ นการ, มาตรฐาน, ผลลัพธ์ท่ีผ่านมา, เป้ าประสงค์, และผลลัพธ์ขององค์กร
อื่นๆ. เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติครอบคลุมผลการดาเนินการ 4 ด้าน: 1) ผลิตภัณฑ์และบริการ, 2) การ
มุ่งเน้นลูกค้า, 3) การปฏิบตั ิการ, และ 4) การเงินและตลาด.
157
1) “ผลการดาเนินการด้านผลิตภัณฑ์และบริการ” หมายถึง ผลการดาเนินการที่เกี่ ยวข้องกับตัววัดและ
ตัว ชีว้ ัด ของลัก ษณะเฉพาะ (characteristics) ของผลิต ภัณฑ์แ ละบริก ารที่มี ค วามสาคัญต่ อ ลูก ค้า .
ตัวอย่างเช่น ความเชื่อถือได้ของผลิตภัณฑ์, การส่งมอบที่ตรงเวลา, ระดับของเสียจากประสบการณ์
ลูกค้า, และเวลาในการตอบสนองการให้บริการ. สาหรับองค์กรที่ให้บริการบางองค์กรและองค์กรที่ไม่
แสวงหาผลกาไร ตัวอย่างผลการดาเนินการด้านผลิตภัณฑ์อาจรวมถึงผลการดาเนินการของโปรแกรม/
แผนงานและโครงการที่ ต อบสนองได้อ ย่ า งรวดเร็ ว ในภาวะฉุ ก เฉิ น , การให้บ ริ ก ารถึ ง บ้า น, ห รื อ
ความสามารถในการใช้หลายภาษาในการให้บริการ.
1) การส่ ง มอบคุ ณ ค่ า ที่ ดี ขึ้ น อยู่ เ สมอให้ แ ก่ ลู ก ค้ า และผู้ มี ส่ ว นได้ ส่ ว นเสี ย , ซึ่ ง จะส่ ง ผลต่ อ
ความสาเร็จอย่างต่อเนื่องขององค์กร;
2) การปรับปรุ งประสิทธิผลและขีดความสามารถขององค์กรโดยรวม; และ
3) การเรียนรู้ระดับองค์กรและระดับบุคคลของบุคลากร.
158
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติเพื่อการดาเนินการที่เป็ นเลิศ ซึ่งประกอบด้วย โครงร่างองค์กร, ค่านิยมและ
แนวคิดหลัก, และแนวทางการให้คะแนน สามารถนามาใช้เป็ นกรอบการทางานและเครื่องมือในการตรวจ
ประเมินที่ทาให้เข้าใจถึงจุดแข็งและโอกาสในการปรับปรุง, และเพื่อเป็ นแนวทางในการวางแผนให้บรรลุผลการ
ดาเนินการที่ดียิ่งขึน้ และมุ่งมั่นสูค่ วามเป็ นเลิศ.
การคาดการณ์ผ ลการด าเนิ น การเป็ น การแถลงถึ ง ผลการด าเนิ น การในอนาคต “ที่ ค าดหมายไว้” .
เป้าประสงค์ เป็ นการแถลงผลการดาเนินการในอนาคต “ที่ปรารถนา”. การคาดการณ์ผลการดาเนินการของ
คู่แ ข่ ง หรื อ องค์ก รในระดับ ที่ เ ที ย บเคี ย งกั น ได้อ าจชี ้ใ ห้เ ห็ น ถึ ง ความท้า ทายที่ อ งค์ก รเผชิ ญ อยู่ แ ละเรื่ อ งที่
จาเป็ นต้องมีผลการดาเนินการที่กา้ วกระโดดหรือนวัตกรรม. เมื่อองค์กรมุ่งหวังผลการดาเนินการที่กา้ วกระโดด
หรือนวัตกรรม, การคาดการณ์ผลการดาเนินการและเป้าประสงค์อาจเหลื่อมซ้อนกันได้.
PROCESS: กระบวนการ
“กระบวนการ” หมายถึง กิจกรรมที่เชื่อมโยงกันโดยมีเจตจานงเกี่ยวข้องกับการผลิตหรือบริการ
ให้ แ ก่ ลูก ค้ า (ผู้ รั บ บริ ก าร) ทั้ง ภายในและภายนอกองค์ก ร. โดยทั่วไป, กระบวนการเป็ นขั้นตอนหรือ
กิจกรรมที่มีลาดับชัดเจน ซึ่งเกิดจากการผสมผสานระหว่างคน, เครื่องจักร, เครื่องมือ, เทคนิค, วัสดุ, และการ
ปรับปรุง. นอกจากนี ้ แทบจะไม่มีกระบวนการใดเลยที่สามารถดาเนินงานได้โดยลาพัง ดังนัน้ จึงต้องพิจารณา
ความสัม พัน ธ์กั บ กระบวนการอื่ น ที่ ส่ ง ผลกระทบกั น . ในบางสถานการณ์, กระบวนการอาจต้อ งด าเนิน
ตามลาดับขัน้ ตอนที่กาหนดไว้เฉพาะเจาะจงอย่างเคร่งครัด, ตามเอกสารวิธีปฏิบตั ิการและข้อกาหนด (บางครัง้
เป็ นทางการ), รวมทัง้ การวัดและขัน้ ตอนการควบคุมที่ชดั เจน.
ในกรณี ท่ีเ ป็ นการบริก าร, โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ งเมื่ อ ลูก ค้า เกี่ ย วข้อ งโดยตรงกับ การให้บ ริก ารนั้น, ค าว่ า
“กระบวนการ” จะมีความหมายที่กว้างมากขึน้ ในการต้องขยายความว่าต้องทาอะไรในการบริการ, ซึ่งอาจ
รวมถึ ง ล าดับ ขั้น ตอนก่ อ นหลั ง ที่ พึ ง ประสงค์ห รื อ คาดหวั ง ไว้. ถ้า หากล าดั บ ขั้น ตอ นมี ค วามส าคั ญ ยิ่ ง ,
159
กระบวนการจาเป็ นต้องให้สารสนเทศที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจและปฏิบัติตามลาดับขั้นตอนได้. กระบวนการ
บริการดังกล่าวจาเป็ นต้องมีแนวทางสาหรับผูใ้ ห้บริการในการจัดการกับปั ญหาเฉพาะหน้าเกี่ยวกับการกระทา
หรือพฤติกรรมของลูกค้าที่อาจเกิดขึน้ .
PRODUCTIVITY: ผลิตภาพ
“ผลิตภาพ” หมายถึง การวัดประสิทธิภาพของการใช้ทรัพยากร. แม้คาว่า “ผลิตภาพ” มักใช้กบั ปั จจัย
ใดปั จจัยหนึ่งเพียงอย่างเดียว, เช่น บุคลากร (ผลิตภาพแรงงาน), เครื่องจักร, วัสดุ, พลังงาน, และทุน, แต่
แนวคิดเกี่ยวกับผลิตภาพยังสามารถนาไปพิจารณาถึงการใช้ทรัพยากรทัง้ หมดในการสร้างผลผลิตได้ดว้ ย. การ
วัด “ผลิตภาพโดยรวม” โดยใช้ตวั วัดเชิงประกอบทาให้สามารถประเมินผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทัง้ หมด
ในกระบวนการ – ซึ่งอาจรวมถึงการเลือกใช้ทรัพยากรด้วยนัน้ - ว่ามีประโยชน์หรือไม่.
160
นอกเหนื อ จากความสามารถในการ “ฟื ้ นฟู ” (bouce back) ไปสู่ ส ภาพก่ อ นหน้ า ภาวะชะงั ก งั น ,
ความสามารถในการฟื ้ นตัวยังหมายถึงการมีแผนที่ช่วยให้องค์กรสามารถดาเนินงานต่อไปได้ตามความจาเป็ น
ระหว่างภาวะชะงักงัน. เพื่อให้เกิดความสามารถในการฟื ้ นตัว, คณะผูน้ าต้องปลูกฝั งความคล่องตัวในการ
ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทัง้ ต่อโอกาสและสิ่งคุกคาม, ปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ท่เี ปลี่ยนแปลงไป, และ
มีการกากับดูแลองค์กรที่เข้มแข็งด้วยวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจ. องค์กรต้องมีกรอบความคิด (mindset)
เรื่องระบบนิเวศธุรกิจ, กระบวนการคิดที่มีขอ้ มูลสนับสนุน, และจัดให้พนักงานการเรียนรู ท้ ักษะใหม่อย่าง
ต่อเนื่อง.
ดูคาจากัดความของ “AGILITY” “ความคล่องตัว” ประกอบ. ในหน้า 145.
RESULTS: ผลลัพธ์
“ผลลัพธ์” หมายถึง ผลผลิตและผลสัมฤทธิ์ขององค์กร. การประเมินผลลัพธ์จะพิจารณาจากผลการ
ด าเนินการในปั จ จุบัน ; ผลการด าเนินการเมื่ อ เปรี ย บเที ย บกับ ตัว เปรี ย บเทีย บที่เ หมาะสม; อัต รา, ความ
ครอบคลุม, และความสาคัญของการปรับปรุงผลการดาเนินการ; รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัววัดผลลัพธ์กับ
ข้อกาหนดด้านผลการดาเนินการที่สาคัญขององค์กร.
STAKEHOLDERS: ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
“ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” หมายถึง กลุ่มทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหรืออาจได้รับผลกระทบจากการ
ด าเนิ น การและความส าเร็ จ ขององค์ก ร. ตัว อย่ า งของผู้มี ส่ว นได้ส่ว นเสีย ที่สาคัญ อาจรวมถึ งลูก ค้า,
บุคลากร, พันธมิตร, ผูใ้ ห้ความร่วมมือ, คณะกรรมการกากับดูแลองค์กร, ผูถ้ ือหุน้ , ผูบ้ ริจาค, ผูส้ ่งมอบ, ผูเ้ สีย
ภาษี , องค์กรที่ดูแลกฎระเบียบข้อบังคับ, ผูก้ าหนดนโยบาย ผูใ้ ห้ทุนดาเนินงาน, และชุมนุมในท้องถิ่น และ
สมาคมวิชาชีพ.
162
STRATEGIC CHALLENGES: ความท้าทายเชิงกลยุทธ์
“ความท้ าทายเชิ ง กลยุ ทธ์” หมายถึ ง แรงกดดั นต่ าง ๆ ที่มี ผ ลอย่ างชั ด เจนต่ อความสาเร็ จ ใน
อนาคตขององค์กร. ความท้าทายเหล่านีม้ ักเกิดจากแรงผลักดันของตาแหน่งในการแข่งขันที่คาดหวังใน
อนาคตขององค์กร เมื่อเปรียบเทียบกับองค์กรอื่นที่มีผลิตภัณฑ์ท่ีคล้ายคลึงกัน. โดยทั่วไป ความท้าทายเชิงกล
ยุทธ์เกิดจากแรงผลัก ดันภายนอก. อย่างไรก็ตาม, ในการตอบสนองต่อความท้า ทายเชิงกลยุทธ์ ท่ีม าจาก
แรงผลักดันภายนอก, องค์กรอาจต้องเผชิญกับความท้าทายเชิงกลยุทธ์ภายในองค์กรเองด้วย.
ความท้าทายเชิงกลยุทธ์ภายนอกอาจเกี่ยวกับความต้องการหรือความคาดหวังของลูกค้าหรือตลาด;
การเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยี; หรือความเสี่ยงด้านการเงิน, สังคม, และความเสี่ยงหรือความ
จาเป็ นอื่น ๆ. ความท้าทายเชิงกลยุทธ์ภายใน อาจเกี่ยวกับขีดความสามารถขององค์กร, หรือทรัพยากรบุคคล,
และทรัพยากรอื่นๆ ขององค์กร.
ดูค าจากัด ความของ “” “ความได้เ ปรี ย บเชิงกลยุ ท ธ์” ประกอบ. ในหน้า 162. และ “STRATEGIC
OBJECTIVES” “วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์” ประกอบ. ในหน้า 163. เพื่อให้ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างความ
ท้าทายเชิงกลยุทธ์, ความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์, และวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ ซึ่งเป็ นสิ่งที่องค์กรระบุอย่าง
ชัดเจนในการตอบสนองต่อความท้าทายและความได้เปรียบดังกล่าว.
163
STRATEGIC OPPORTUNITIES: โอกาสเชิงกลยุทธ์
“โอกาสเชิงกลยุทธ์” หมายถึง ภาพอนาคตสาหรับผลิตภัณฑ์, บริการ กระบวนการ, รู ปแบบธุรกิจ
(รวมทั้งพันธมิตรทางธุรกิจ) หรือตลาด ที่เกิดใหม่หรือที่เปลี่ยนแปลงไป. โอกาสเชิงกลยุทธ์เกิดจากวิธี
คิดนอกกรอบ, การระดมสมอง, การใช้ประโยชน์จากความบังเอิญ, กระบวนการวิจยั และการสร้างนวัตกรรม,
การประมาณอย่างฉีกแนวจากสภาพปั จจุบนั , และแนวทางอื่น ๆ เพื่อมองอนาคตที่แตกต่างออกไป.
SYSTEM: ระบบ
ชุดขององค์ประกอบด้านการนาองค์กรและการบริหารจัดการที่เชื่อมโยงกันขององค์กร ซึ่งใช้ใน
การบูรณาการแนวทางต่าง ๆ, กาหนดนโยบายและวัตถุประสงค์, และจัดการกระบวนการ เพื่อให้
บรรลุ วัตถุประสงค์เหล่านั้ น. ระบบผลการดาเนินการโดยรวมของกรอบการบริหารจัดการตามแนวทาง
รางวัล คุณ ภาพ ประกอบด้ว ย 6 หมวดกระบวนการ และ 1 หมวดผลลัพ ธ์. ระบบขององค์ก รจะก าหนด
กระบวนการ, ขัน้ ตอนการปฏิบตั ิงาน, และความรับผิดชอบ เพื่อให้บรรลุนโยบายและวัตถุประสงค์ ; และอาจมี
องค์ประกอบต่าง ๆ เช่น โครงสร้างการบริหารจัดการ (เช่น กลุ่มหรือคณะกรรมการ), การวัดผล, และแนวทาง
บูรณาการอย่างเป็ นระบบหลายแนวทางที่ใช้ในการดาเนินงานและสนับสนุนองค์กร. โดยทั่วไป ระบบของ
องค์กรจะมุ่งเน้นที่ภายในองค์กร, ในขณะที่แนวคิดระบบงานที่กว้างขึน้ จะรวมถึงกระบวนการทางานภายใน
และทรัพยากรภายนอกองค์กร.
164
TRENDS: แนวโน้ม
“แนวโน้ม” หมายถึง สารสนเทศทีเ่ ป็ นตัวเลขทีแ่ สดงให้เห็นทิศทางและอัตราการเปลี่ยนแปลงของ
ผลลัพธ์ขององค์กร หรือความคงเส้นคงวาของผลการดาเนินการในช่วงเวลาหนึ่ง. แนวโน้มแสดงผล
การดาเนินการขององค์กรตามลาดับช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป.
VALUE: คุณค่า
“คุณค่า” หมายถึง คุณค่าที่รับรู้ของผลิตภัณฑ์หรือบริการ, กระบวนการ, สินทรัพย์, หรือการใช้
งาน เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายและทางเลือกอื่น ๆ. องค์กรมักพิจารณาคุณค่าเพื่อประเมินผลประโยชน์ของ
ทางเลือกต่าง ๆ เทียบกับต้นทุนค่าใช้จ่าย, เช่น คุณค่าร่วมที่ลูกค้าได้รบั จากทัง้ ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ.
องค์กรจาเป็ นต้องเข้าใจว่าคุณค่าต่อผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสียแต่ละกลุม่ คืออะไร และจากนัน้ ส่งมอบคุณค่าให้แต่ละ
กลุ่มนัน้ . การกระทาดังนี ้ องค์กรต้องสร้างความสมดุลของคุณค่าที่มีต่อลูกค้าและผูม้ ีส่วนได้ส่วนเสียอื่น เช่น
บุคลากร, และชุมชน.
VALUES: ค่านิยม
“ค่านิยม” หมายถึง หลักการและพฤติกรรมชี้นาที่สื่อถึง ความคาดหวัง ให้ องค์กรและบุ ค ลากร
ปฏิบั ติ . ค่านิยมสะท้อนและหนุนเสริมวัฒนธรรมที่พึงประสงค์ขององค์กร. ค่านิยมสนับสนุนและชีน้ าการ
ตัดสินใจของบุคลากรทุกคน, ช่วยให้องค์กรบรรลุพนั ธกิจและวิสยั ทัศน์ดว้ ยวิธีการที่เหมาะสม.
ตัว อย่ า งของค่ า นิ ย ม อาจรวมถึ ง การแสดงให้เ ห็ น ถึ ง ความสง่ า งาม (integrity) และความเป็ น ธรรม
(fairness) ในการปฏิสมั พันธ์กบั ทุกกรณี, การทาให้เหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้า, การให้คณ ุ ค่าต่อแต่ละ
บุคคลและต่อความหลากหลาย, การปกป้องสิ่งแวดล้อม, และความมุ่งมั่นสู่ผลการดาเนินการที่เป็ นเลิศในทุก
วัน.
165
VISION: วิสัยทัศน์
“วิสัยทัศน์” หมายถึง สภาวะที่องค์กรต้องการเป็ นในอนาคต. วิสยั ทัศน์อธิบายถึงทิศทางที่องค์กรจะ
มุ่งไป, สิ่งที่องค์กรต้องการจะเป็ น, หรือภาพลักษณ์ท่อี งค์กรต้องการให้ผอู้ ่ืนรับรูใ้ นอนาคต.
กระบวนการท างานที่ ส าคัญ ขององค์ก รมัก เกี่ ย วข้อ งกั บ สมรรถนะหลัก ขององค์ก ร, ปั จ จัย ที่ ก าหนด
ความสาเร็จขององค์กรเมื่อเทียบกับคู่แข่ง, และปั จจัยที่ผูน้ าระดับสูงพิจารณาว่าสาคัญต่อการเติบโตของ
องค์กร.
WORKFORCE: บุคลากร
“บุคลากร” หมายถึง บุคคลทุกคนทีอ่ งค์กรเป็ นผู้ดูแลและมีส่วนร่วมโดยตรงในการดาเนินงานหลัก
ขององค์ก รประสบความสาเร็จ , รวมทั้ง พนั ก งานที่องค์ก รจ่ ายค่ าตอบแทน (เช่น พนักงานประจา,
พนักงานที่ทางานไม่เต็มเวลา, พนักงานชั่วคราว, และพนักงานที่ทางานที่ไหนก็ได้ (remote work, รวมทั้ง
พนักงานจ้างตามสัญญาที่องค์กรดูแลและควบคุม) และอาสาสมัคร (เช่น นักศึกษา/นักศึกษาฝึ กงาน) ตาม
ความเหมาะสม. บุคลากรรวมถึงผูน้ าทีม, หัวหน้างาน, และผูจ้ ดั การ ในทุกระดับ.
167
WORKFORCE ENGAGEMENT: ความผูกพันของบุคลากร
“ความผูกพันของบุคลากร” หมายถึง ระดับความมุ่งมั่นของบุคลากร ทั้งในด้านความรู้ สึกและ
สติปัญญาเพื่อทาให้งาน, พันธกิจ, และวิสัยทัศน์ ขององค์กรบรรลุผล. องค์กรที่มีระดับความผูกพันของ
บุค ลากรสูงมัก เห็นเด่ นชัด จากสภาพแวดล้อ มการทางานที่ส่งเสริม ให้เ กิด ผลการด าเนินการที่ดี ซึ่งทาให้
บุคลากรมีแรงจูงใจที่จะปฏิบตั ิงานอย่างเต็มที่เพื่อผลประโยชน์ของลูกค้าและความสาเร็จขององค์กร.
168
169
ระบบการให้คะแนน
การให้คะแนนตามเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ ขึน้ อยู่กบั การประเมินใน 2 มิติ:
1) กระบวนการ (หมวด 1-6)
2) ผลลัพธ์ (หมวด 7)
การให้คะแนนคาตอบในแต่ละหัวข้อ, ให้พิจารณาสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคาถามของหัวข้อนั้นและแนว
ทางการให้คะแนน.
• ปัจจัยธุรกิจที่สาคัญที่นาเสนอในโครงร่างองค์กร;
• ระดับพัฒนาการและความเหมาะสมของแนวทาง, ความครอบคลุมของการถ่ายทอดสู่การปฏิบตั ิ, และ
จุดแข็งของกระบวนการเรียนรูแ้ ละปรับปรุง;
• ระดับของผลการดาเนินการ และผลลัพธ์เมื่อเปรียบเทียบกับองค์กรอื่น, องค์กรที่เกี่ยวข้องกัน หรือ
ระดับเทียบเคียง.
มิติการให้คะแนน
กระบวนการ
“กระบวนการ” หมายถึง วิธีการที่องค์กรใช้และปรับปรุ ง. เพื่อตอบคาถามต่าง ๆ ในหมวด 1-6. ปั จจัยทัง้ 4
ที่ใช้ประเมินกระบวนการ ประกอบด้วย แนวทาง (Approach–A), การถ่ายทอดสูก่ ารปฏิบตั ิ (Deployment–D),
การเรียนรู ้ (Learning–L), และการบูรณาการ (Integration–I) (ADLI). รายงานป้อนกลับของรางวัลคุณภาพ
แห่งชาติ สะท้อนถึงจุดแข็งและโอกาสในการปรับปรุ งในปั จจัยเหล่านี.้ คะแนนสาหรับหมวดกระบวนการเป็ น
การประเมินภาพรวมของผลการดาเนินการโดยรวม, ซึ่งพิจารณาปั จจัยกระบวนการทัง้ 4 ดังนี ้
• วิธีการที่ใช้เพื่อให้บรรลุผลตามกระบวนการ,
• ความเหมาะสมของวิ ธี ก ารที่ ใ ช้ต อบค าถามของหัว ข้อ ต่ า ง ๆ ของเกณฑ์ และสภาพแวดล้อ มการ
ดาเนินงานขององค์กร,
• ความมีประสิทธิผลของการใช้วิธีการต่าง ๆ ขององค์กร, และ
• ระดับของการที่แนวทางนั้นนาไปใช้ซา้ ได้ และอยู่บนพืน้ ฐานของข้อมูลและสารสนเทศที่เชื่อถือได้ (ซึ่ง
หมายถึง การดาเนินการอย่างเป็ นระบบ).
170
การถ่ายทอดสูก่ ารปฏิบตั ิ (Deployment–D) หมายถึง ความครอบคลุมและทั่วถึงของ
• การใช้แนวทางเพื่อตอบคาถามของหัวข้อที่มีความเกี่ยวข้องและสาคัญต่อองค์กร,
• การใช้แนวทางอย่างคงเส้นคงวา, และ
• การนาแนวทางไปใช้ในทุกหน่วยงานที่เหมาะสม.
การเรียนรู ้ (Learning-L) หมายถึง
• การปรับปรุงแนวทางให้ดีขนึ ้ โดยใช้วงจรการประเมินและการปรับปรุง,
• การประยุกต์ใช้วิธีปฏิบตั ิท่เี ป็ นเลิศหรือนวัตกรรมเพื่อปรับปรุงแนวทาง, และ
• การแบ่งปั นความรูท้ ่ไี ด้จากการปรับปรุงแนวทางให้ดีขนึ ้ และนวัตกรรมกับหน่วยงานและกระบวนการอื่น
ที่เกี่ยวข้องภายในองค์กร.
ดู “จากการตั้งรับ ปั ญหาสู่ก ารสร้า งนวัต กรรม” ในหน้า 174 ซึ่งแสดงให้เ ห็นความก้า วหน้า ผ่า นระดับ
พัฒนาการของมิติการให้คะแนนนี.้
• แนวทางที่ใช้สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันกับความต้องการขององค์กร ตามที่ระบุไว้ในโครงร่าง
องค์กร และเกณฑ์หมวดกระบวนการ (หมวด 1 - 6);
• การใช้ตวั วัด, สารสนเทศ, และระบบการปรับปรุง ที่ช่วยเสริมซึ่งกันและกัน ทัง้ ระหว่างกระบวนการและ
ระหว่างหน่วยงานทั่วทัง้ องค์กร; และ
• แผนงาน, กระบวนการ, ผลลัพธ์, การวิเคราะห์, การเรียนรู ,้ และการปฏิบัติการ มีความสอดคล้อ ง
กลมกลืนกัน ในทุกกระบวนการและหน่วยงาน เพื่อสนับสนุนเป้าประสงค์ระดับองค์กร.
ในการให้คะแนนหมวดกระบวนการ, ให้คานึงว่าแนวทาง, การถ่ายทอดสู่การปฏิบัติ, การเรียนรู ,้ และ
การบูรณาการ มีความเชื่อมโยงกัน. คาอธิบายถึงแนวทางควรต้องบ่งชีเ้ รื่องการถ่ายทอดสู่การปฏิบัติเสมอ -
โดยให้สอดคล้องกับคาถามของหัวข้อนัน้ และองค์กรของตน.
เมื่อกระบวนการพัฒนาสมบูรณ์ขึน้ , คาอธิบายควรต้องแสดงถึงวงจรการเรียนรู ้ (รวมถึงนวัตกรรม), รวมทัง้
การบูรณาการกับกระบวนการและหน่วยงานอื่น (ดู “ขัน้ ตอนการพัฒนากระบวนการ” หน้า 177).
ผลลัพธ์
“ผลลัพธ์” หมายถึง ผลผลิตและผลสัมฤทธิ์ขององค์กรที่บรรลุผลตามคาถามในหมวด 7. ปั จจัยทัง้ 4 ที่ใช้ใน
การประเมินผลลัพธ์ ได้แก่ ระดับ (Level-L), แนวโน้ม (Trend-T), การเปรียบเทียบ (Comparison-C), และ
การบูร ณาการ (Integration-I) (LeTCI). คะแนนของหมวดผลลัพ ธ์เ ป็ นการประเมิ นภาพรวมของผลการ
ดาเนินการโดยรวม, ซึ่งพิจารณาปั จจัยผลลัพธ์ทงั้ 4.
171
ระดับ (Level-Le) หมายถึง ผลการดาเนินการในปั จจุบนั ของตัววัดด้วยมาตรวัดที่มีความหมาย.
แนวโน้ม (Trend-T) หมายถึ ง อัต ราของการปรับปรุ งผลการดาเนินการ หรื อ ความต่ อเนื่อ งของผลการ
ดาเนินการที่ดีในประเด็นที่สาคัญ (ความลาดชันของชุดข้อมูลเมื่อเวลาผ่านไป).
“ความสาคัญ” ในการพิจารณาคะแนน
(“Importance” as a Scoring Consideration)
ประเด็นสาคัญที่ตอ้ งพิจารณาในการประเมินและให้ขอ้ มูลป้อนกลับ คือ “ความสาคัญ” ของกระบวนการ
และผลลัพธ์ต่อปั จจัยสาคัญทางธุรกิจ. องค์กรควรต้องระบุเรื่องที่สาคัญที่สุดไว้ในโครงร่างองค์กร และใน
หัวข้อต่าง ๆ เช่น หัวข้อ 2.1, 2.2, 3.2, 5.1, 5.2 และ 6.1. โดยเฉพาะเรื่องที่สาคัญอย่างยิ่ง – ความต้องการที่
สาคัญของลูกค้า, สภาพแวดล้อมด้านการแข่งขัน, ความต้องการของบุคลากร, วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ท่ี
สาคัญ, และแผนปฏิบตั ิการ.
วิธีการให้คะแนนในแต่ละหัวข้อ
(How to Score an Item Response)
การให้คะแนนในแต่ละหัวข้อ ควรยึดแนวทางดังต่อไปนี.้
1. พิจารณาแนวทางการให้คะแนน (หน้า 179 และ 181)
172
2. พิจารณาช่วงคะแนน (เช่น 30–45%, 50-65%, หรือ 70–85%) ที่อธิบาย “ระดับความสาเร็จขององค์กร
ได้ใกล้เคียงที่สดุ ” ดังที่รายงานไว้ในการตอบในหัวข้อนั้น. เลือกช่วงคะแนนโดยพิจารณาจากภาพรวม
ของปั จจัยทัง้ 4 ของกระบวนการ (ADLI) หรือปั จจัยทัง้ 4 ของผลลัพธ์ (LeTCI). ช่วงคะแนนที่ให้จะเป็ น
ช่วงคะแนนที่สะท้อนการตอบรายงานในภาพรวมได้ดีท่ีสดุ ; โดยไม่เป็ นการแจงนับหรือการเฉลี่ยผลของ
การตรวจประเมิ นทีละปั จจัย . ทั้งนี ้ จะไม่ ใ ช้ปั จจัย หนึ่งปั จจัย ใดเป็ น “ตัว กัน (gate)” ให้ค ะแนนไม่
สามารถขยับขึน้ ไปในช่วงคะแนนที่สูงกว่านั้น. ช่วงคะแนนที่อธิบาย “ระดับความสาเร็จขององค์กรที่
ใกล้เคียงที่สุด” ไม่จาเป็ นต้องสมบูร ณ์แบบ. และมักสะท้อนความไม่ สมบูร ณ์ (gaps) ของการตอบ
คาถามกับคาอธิบายของปั จจัยหนึ่งหรือหลายปั จจัยของช่วงคะแนนที่เลือก.
3. อ่านช่วงคะแนนถัดไปที่สงู ขึน้ ไปหรือต่าลงมา. การตัดสินใจให้คะแนน (เช่น 75% หรือ 80%) ภายในช่วง
คะแนนที่เลือกไว้ โดยการประเมินว่าคาตอบในหัวข้อนั้น ๆ ในภาพรวมใกล้เคียงกับเนือ้ หาที่อ ธิ บาย
ในช่วงคะแนนที่สงู ขึน้ ไปหรือต่าลงมา.
ขั้นตอนการพัฒนากระบวนการ
(Steps toward Mature Processes)
ตัวช่วยในการตรวจประเมินและให้คะแนนในหมวดกระบวนการ (หมวด 1-6).
1. ตั้งรับปั ญหา
(Reacting to Problems) (0–25%)
การปฏิ บัติ การมี ในลักษณะเป็ นกิ จกรรมมากกว่ าเป็ นกระบวนการ, และส่ว นใหญ่ จะตอบสนองความ
ต้องการหรือปั ญหาเฉพาะหน้า. ขาดการกาหนดเป้าประสงค์ท่ดี ี.
2. แนวทางเริ่มเป็ นระบบ
(Early Systematic Approaches) (30 – 45%)
องค์กรอยู่ในขัน้ เริ่มต้นของการปฏิบตั ิการด้วยกระบวนการที่สามารถทาซา้ ได้, มีการประเมินผล, และการ
ปรับปรุ ง, และเริ่มมีการประสานงานบ้างระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ภายในองค์กร. มีการกาหนดกลยุทธ์และ
เป้าประสงค์เชิงปริมาณ.
3. แนวทางสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน
(Aligned Approaches) (50–65%)
การปฏิบตั ิการมีลกั ษณะเป็ นกระบวนการที่สามารถทาซา้ ได้ และมีการประเมินผลอย่างสม่าเสมอเพื่อการ
ปรับปรุง. มีการแบ่งปั นความรู,้ และการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ภายในองค์กร.
กระบวนการตอบสนองกลยุทธ์และเป้าประสงค์ท่สี าคัญขององค์กร.
173
4. แนวทางทีม่ ีบูรณาการ
(Integrated Approaches) (70–100%)
การปฏิบตั ิการมีลกั ษณะเป็ นกระบวนการที่สามารถทาซา้ ได้ และมีการประเมินผลอย่างสม่าเสมอเพื่อการ
เปลี่ยนแปลงและการปรับปรุ งให้ดีขึน้ โดยร่วมมือกับหน่วยงานอื่นที่ได้รบั ผลกระทบ. การวิเคราะห์, การสร้าง
นวัต กรรม, และการแบ่ ง ปั น สารสนเทศและความรู ้ ส่ ง ผลให้ก ารท างานข้า มหน่ ว ยงานเป็ น ไปอย่ า งมี
ประสิทธิภาพ. ใช้กระบวนการและตัววัดในการติดตามความก้าวหน้าของเป้าประสงค์เชิงกลยุทธ์และการ
ปฏิบตั ิการที่สาคัญ.
จากการตั้งรับปั ญหาสู่การสร้างนวัตกรรม
(From Fighting Fires to Innovation)
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้จากการดับเพลิงสู่นวัตกรรมป้ องกันอัคคีภัย
การเรียนรูถ้ ือได้ว่าเป็ นคุณลักษณะสาคัญขององค์กรที่มีผลการดาเนินการที่ดี.
การเรียนรูร้ ะดับองค์กรที่มีประสิทธิผลและมีการถ่ายทอดสูก่ ารปฏิบตั ิสามารถช่วยผลักดันองค์กรจากระดับ
เบือ้ งต้นที่ม่งุ ตัง้ รับปั ญหา ไปสูร่ ะดับสูงสุดของการปรับปรุงอย่างทั่วถึง, การปรับปรุงแนวทางให้ดีขนึ ้ , และการ
สร้างนวัตกรรม.
ขั้นที่ 1 การตั้งรับปั ญหา
(Reacting to the Problem) (0-5%)
ผู้ท่ี รับ ผิ ด ชอบโดยตรงเกิ ด ความตระหนกตกใจกั บ ปั ญ หาที่
เกิ ด ขึ ้น เน้ น การหาทางแก้ ไ ขปั ญ หาเฉพาะหน้ า เพื่ อ คลี่ ค ลาย
สถานการณ์ นั้ น ให้ก ลั บ สู่ ส ภาวะปกติ อ ย่ า งรวดเร็ ว . คล้า ยกั บ
เจ้าหน้าที่ผรู้ บั ผิดชอบเร่งวิ่งลากสายดับเพลิงเพื่อดับเพลิงให้เร็วที่สดุ
เท่าที่จะทาได้.
174
ขั้นที่ 2 รณรงค์ให้เกิดการปรับปรุ ง
(General Improvement Orientation) (10-25%)
องค์กรโดยผูท้ ่รี บั ผิดชอบแสวงหาเครื่องมือหรือกาหนดมาตรการ
ในการแก้ไขปั ญหา เพื่อให้สามารถรับมือกับปั ญหาได้อย่างรวดเร็ว
และลดผลกระทบของความเสีย หายที่เ กิ ด ขึ น้ . เทีย บได้กับ การที่
องค์กรติดตัง้ ท่อและสายดับเพลิงจานวนมากขึน้ เพื่อช่วยเพิ่มความ
รวดเร็วในการดับเพลิงและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึน้ .
ขั้นที่ 4 การเรียนรู้ทบทวนและกาหนดกลยุทธ์ปรับปรุ ง
(Learning and Strategic Improvement) (50-65%)
องค์กรดาเนินการบริหารจัดการเชิงป้องกันการเกิดอัคคีภยั อย่าง
เป็ นระบบมากขึน้ . เทีย บได้กับ การที่อ งค์ก รติ ด ตั้งระบบตรวจจับ
ความร้อนและหัวรดนา้ ในบริเวณกว้าง เพื่อช่วยเตือนภัยให้ทราบ
เมื่อ ระดับ อุณหภูมิ เ พิ่ ม สูงขึน้ จนสามารถทาให้เ กิ ด เพลิ งไหม้แ ละ
รดนา้ ดับไฟได้.
175
ขั้นที่ 5 การวิเคราะห์องค์กรและสร้างนวัตกรรม
(Organizational Analysis and Innovation) (70-100%)
องค์กรดาเนินการวิเคราะห์ขอ้ มูลสารสนเทศระดับองค์กรและ
สร้า งสรรค์น วัต กรรมที่ เ น้น การป้ อ งกั น ที่ ส าเหตุเ บื อ้ งต้น เพื่ อ ลด
โอกาสการเกิดของปั ญหา. เทียบได้กับการที่องค์กรเน้นให้เกิดความ
ปลอดภัยโดยเปลี่ยนมาใช้วัสดุอุปกรณ์ท่ีป้องกันไฟและติดไฟยาก
เปลี่ยนมาใช้ของเหลวที่มีนา้ เป็ นส่ว นประกอบหลักแทนของเหลว
ไวไฟ และให้ความสาคัญกับระบบตรวจจับความร้อนและหัวรดนา้
ในฐานะวิ ธี ก ารป้ อ งกั น เชิ ง เตื อ นภั ย เมื่ อ ปั ญ หาได้ เ กิ ด ขึ ้ น แล้ว
นอกจากนี ้ แนวทางนีไ้ ด้รบั การแบ่งปั นกับทุกส่วนงาน และมีการฝึ ก
ปฏิบตั ิในทุกสถานที่ทาการ.
176
ขั้นตอนการพัฒนากระบวนการ
(Steps toward Mature Processes)
ตัวช่วยในการตรวจประเมินและให้คะแนนในหมวดกระบวนการ (หมวด 1-6)
1. ตั้งรับปั ญหา (Reacting to Problems) (0–25%)
เป้าประสงค์เชิงกลยุทธ์
และการปฏิบตั ิการ
การปฏิ บัติ ก ารมี ใ นลัก ษณะเป็ นกิ จกรรมมากกว่ า เป็ นกระบวนการ และส่ว นใหญ่ จะตอบสนองความ
ต้องการหรือปั ญหาเฉพาะหน้า. ขาดการกาหนดเป้าประสงค์ท่ดี ี.
เป้าประสงค์เชิงกลยุทธ์
และการปฏิบตั ิการ
177
3. แนวทางสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน (Aligned Approaches) (50–65%)
เป้าประสงค์เชิงกลยุทธ์
และการปฏิบตั ิการ
เป้าประสงค์เชิงกลยุทธ์
และการปฏิบตั ิการ
178
Process Scoring Guidelines
(For Use with Categories 1–6)
Score Process
0% • No SYSTEMATIC APPROACH to item questions is evident; information is ANECDOTAL. (A)
or • Little or no DEPLOYMENT of any SYSTEMATIC APPROACH is evident. (D)
5% • An improvement orientation is not evident; improvement is achieved by reacting to problems. (L)
• No organizational ALIGNMENT is evident; individual areas or work units operate independently. (I)
10%, 15%, • The beginning of a SYSTEMATIC APPROACH to the BASIC QUESTION in the item is evident. (A)
20%, or 25% • The APPROACH is in the early stages of DEPLOYMENT in most areas or work units, inhibiting progress in
• The APPROACH is ALIGNED with other areas or work units largely through joint problem solving. (I)
30%, 35%, • An EFFECTIVE, SYSTEMATIC APPROACH, responsive to the BASIC QUESTION in the item, is evident. (A)
40%, or 45% • The APPROACH is DEPLOYED, although some areas or work units are in early stages of DEPLOYMENT.
(D)
• The beginning of a SYSTEMATIC APPROACH to evaluation and improvement of KEY PROCESSES is
evident. (L)
• The APPROACH is in the early stages of ALIGNMENT with the organizational needs identified in response
• Fact-based, SYSTEMATIC evaluation and improvement; sharing of refinements; and some use of best
practices or instances of innovation are in place for improving the efficiency and EFFECTIVENESS of KEY
PROCESSES. (L)
• The APPROACH is ALIGNED with your organizational needs as identified in response to the Organizational
• Fact-based, SYSTEMATIC evaluation and improvement; sharing of refinements; adoption of best practices;
and instances of INNOVATION are evident for improving organizational efficiency and EFFECTIVENESS.
(L)
• The APPROACH is INTEGRATED with your current and future organizational needs as identified in
• Fact-based, SYSTEMATIC evaluation and improvement; sharing of refinements; adoption of best practices;
and INNOVATION are KEY organization-wide tools for improving efficiency and EFFECTIVENESS. (L)
• The APPROACH is well INTEGRATED with your current and future organizational needs as identified in
หัวข้อกระบวนการ (I)
50%, 55%, • ปรากฏหลักฐานว่ามีแนวทางอย่างเป็ นระบบ, มีประสิทธิผล ที่ตอบคาถามโดยรวมของหัวข้อ. (A)
60%, หรือ • มีการนาแนวทางไปถ่ายทอดสู่การปฏิบต ั ิเป็ นอย่างดี ถึงแม้ว่าอาจแตกต่างกันในบางพืน้ ที่หรือบางหน่วยงาน. (D)
65% • มีการประเมินและปรับปรุงอย่างเป็ นระบบ, โดยใช้ขอ ้ มูลจริง; การแบ่งปันการปรับปรุง/ปรับแต่งให้ดีขนึ ้ (refinement);
และการนาวิธีปฏิบตั ิที่เป็ นเลิศมาใช้บา้ ง หรือตัวอย่างของการสร้างนวัตกรรม เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผลของกระบวนการที่สาคัญ. (L)
• มีแนวทางที่สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันกับความต้องการขององค์กร ตามที่ระบุไว้ในโครงร่างองค์กรและในหัวข้อ
กระบวนการ. (I)
70%, 75%, • ปรากฏหลักฐานว่ามีแนวทางอย่างเป็ นระบบ, มีประสิทธิผล ที่ตอบคาถามย่อยของหัวข้อ. (A)
80% หรือ • มีการนาแนวทางไปถ่ายทอดสู่การปฏิบต ั ิเป็ นอย่างดี, โดยไม่มีความแตกต่างอย่างมีนยั สาคัญ. (D)
85% • ปรากฎหลักฐานการประเมินและปรับปรุงอย่างเป็ นระบบ, โดยใช้ขอ ้ มูลจริง; การแบ่งปันการปรับปรุง/ปรับแต่งให้ดขี นึ ้
(refinement); การนาวิธีปฏิบตั ิที่เป็ นเลิศมาประยุกต์ใช้; และตัวอย่างของการสร้างนวัตกรรม เพื่อการปรับปรุง
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององค์กร. (L)
• มีแนวทางที่บรู ณาการกับความต้องการขององค์กรในปั จจุบน ั และอนาคต ตามที่ระบุไว้ในโครงร่างองค์กรและในหัวข้อ
กระบวนการ. (I)
90%, 95%, • ปรากฏหลักฐานว่ามีแนวทางอย่างเป็ นระบบ, มีประสิทธิผล ที่ตอบคาถามย่อยของหัวข้ออย่างครบถ้วน. (A)
หรือ 100% • มีการนาแนวทางไปถ่ายทอดสู่การปฏิบต ั ิอย่างทั่วถึงโดยไม่มีจดุ อ่อนหรือความแตกต่างอย่างมีนยั สาคัญในพืน้ ที่หรือ
หน่วยงานใด ๆ. (D)
• การประเมินและปรับปรุงอย่างเป็ นระบบ, โดยใช้ขอ ้ มูลจริง; การแบ่งปันการปรับปรุง/ปรับแต่งให้ดขี นึ ้ (refinement);
การนาวิธีปฏิบตั ิที่เป็ นเลิศมาประยุกต์ใช้; และการสร้างนวัตกรรม เป็ นเครื่องมือสาคัญที่ใช้ท่วั ทัง้ องค์กร เพื่อการ
ปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผล. (L)
• มีแนวทางที่บรู ณาการกับความต้องการขององค์กรในปั จจุบน ั และอนาคตเป็ นอย่างดี ตามที่ระบุไว้ในโครงร่างองค์กร
และในหัวข้อกระบวนการ. (I)
180
Results Scoring Guidelines
(For Use with Category 7)
Score Result
0% • There are no organizational PERFORMANCE RESULTS, or the results reported are poor. (Le)
or • TREND data either are not reported or show mainly adverse TRENDS. (T)
5% • Comparative information is not reported. (C)
• RESULTS are not reported for any areas of importance to the accomplishment of your organization’s
MISSION. (I)
10%, 15%, • A few organizational PERFORMANCE RESULTS are reported, responsive to the basic question in the item, and
20% or 25% early good PERFORMANCE LEVELS are evident. (Le)
• Some TREND data are reported, with some adverse TRENDS evident. (T)
• RESULTS are reported for a few areas of importance to the accomplishment of your organization’s MISSION. (I)
30%, 35%, • Good organizational PERFORMANCE LEVELS are reported, responsive to the basic question in the item. (Le)
40% or 45% • Some TREND data are reported, and most of the TRENDS presented are beneficial. (T)
• RESULTS are reported for many areas of importance to the accomplishment of your organization’s MISSION. (I)
50%, 55%, • Good organizational PERFORMANCE LEVELS are reported, responsive to the OVERALL
60% or 65% QUESTIONS in the item. (Le)
• Beneficial TRENDS are evident in areas of importance to the accomplishment of your
comparisons and/or BENCHMARKS and show areas of leadership and very good relative
PERFORMANCE. (C)
• Organizational PERFORMANCE RESULTS are reported for most KEY CUSTOMER, WORKFORCE,
• Organizational PERFORMANCE RESULTS and PROJECTIONS are reported for most KEY CUSTOMER,
181
แนวทางการให้คะแนนผลลัพธ์
(Results Scoring Guidelines) (หมวด 7)
คะแนน ผลลัพธ์
0% • ไม่มีการรายงานผลการดาเนินการขององค์กร, หรือรายงานผลลัพธ์ที่มีระดับไม่ดี. (Le)
หรือ • ไม่แสดงแนวโน้มของข้อมูล หรือแสดงแนวโน้มเชิงลบเป็ นส่วนใหญ่. (T)
5% • ไม่มีการรายงานสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบ (C)
• แทบไม่มีการรายงานสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบ. (C)
182
กระบวนการตรวจประเมินและอนุมัตริ างวัล
183
ความสาเร็จของรางวัลคุณภาพแห่งชาติ
ตลอดระยะเวลาที่ ผ่า นมา ความสาเร็จของรางวัลคุณภาพแห่ ง ชาติ เ กิ ด จากความร่ว มมื อ ร่ว มใจของ
หน่วยงาน และกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งให้ความสาคัญกับการนาเกณฑ์รางวัลคุณภาพ
แห่งชาตินีไ้ ปใช้เป็ นกลไกขับเคลื่อนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย. การสนับสนุนเหล่านีม้ ีใน
หลากหลายรูปแบบ ตัง้ แต่การให้งบประมาณสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง การถ่ายทอดและแบ่งปั นประสบการณ์
ความสาเร็จ การอาสาสมัคร และการให้ความร่วมมือในรู ปแบบต่าง ๆ เป็ นส่วนสาคัญที่ทาให้รางวัลคุณภาพ
แห่งชาติคงความเป็ นรางวัลเกียรติยศสูงสุดของประเทศไทย. บทบาทและความร่วมมือของหน่วยงาน และกลุม่
บุคคลที่เกี่ยวข้อง มีดงั นี ้
กระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสาคัญกับรางวัลคุณภาพแห่งชาติในฐานะที่เป็ นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับ
มาตรฐานการบริหารจัดการองค์กรของไทยให้มีวิธีปฏิบตั ิและผลการดาเนินการที่น่าเชื่อถือ เป็ นที่ยอมรับใน
ระดับโลก. ดังนัน้ ตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2545 เป็ นต้นมา กระทรวงอุตสาหกรรมได้จดั สรรงบประมาณผ่านสถาบันเพิ่ม
ผลิตแห่งชาติเพื่อสนับสนุนและติดตามความสาเร็จของโครงการนีอ้ ย่างต่อเนื่อง และมีบทบาทสาคัญในการ
ช่วยให้รางวัลนีเ้ ป็ นที่ยอมรับของภาครัฐและเอกชนจวบจนทุกวันนี.้
คณะกรรมการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (TQA National Committee)
คณะกรรมการรางวัล คุณ ภาพแห่ ง ชาติ ซึ่ ง เป็ น ผู้ท รงคุณ วุฒิ จ ากภาครัฐ และเอกชน เป็ น ที่ ย อมรับ ใน
ระดับประเทศและได้รบั การแต่งตัง้ โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี โดยมีบทบาทหน้าที่ ดังนี ้
• กาหนดนโยบายและกากับดูแลการดาเนินโครงการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ.
• พิจารณาอนุมตั ิเกณฑ์การสมัคร เกณฑ์การตัดสินรางวัล เกณฑ์คะแนนกระบวนการตรวจประเมิน และ
เกณฑ์การมอบรางวัลคุณภาพแห่งชาติ.
• พิจารณาอนุมตั ิรายชื่อองค์กรที่ผ่านเกณฑ์การมองรางวัลคุณภาพแห่งชาติ.
• แต่งตัง้ และกากับดูแลการปฏิบตั ิงานของคณะอนุกรรมการ ผูต้ รวจประเมินรางวัลคุณภาพแห่งชาติ หรือ
คณะทางาน.
โดยมีคณะอนุกรรมการ 2 คณะ เป็ นผูท้ รงคุณวุฒิจากภาครัฐและเอกชน มีความเชี่ยวชาญเป็ นพิเศษ ทา
หน้าที่พฒ
ั นางานด้านต่าง ๆ ได้แก่
1) คณะอนุกรรมการด้านเทคนิครางวัลคุณภาพแห่งชาติ
โดยมีบทบาทหน้าที่ ดังนี ้
• กลั่นกรอง และเสนอข้อคิดเห็นในด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการตรวจประเมิน.
• เสนอแนวทางการพัฒนาเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ.
• เสนอรายชื่อผูต้ รวจประเมินรางวัลคุณภาพแห่งชาติ.
184
• พิจารณารายชื่อองค์กรที่ผ่านเกณฑ์การรับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ.
2) คณะอนุกรรมการด้านการส่งเสริมและสนับสนุนรางวัลคุณภาพแห่งชาติ
โดยมีบทบาทหน้าที่ ดังนี ้
185
องค์กรทีส่ นใจสมัครขอรับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ
โปรดศึกษารายละเอียดจาก
คู่มือการสมัครขอรับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ประจาปี นั้ น ๆ และส่งใบสมัครขอรับรองคุณสมบัติ
องค์กร เพื่อขอรับรางวัลประจาปี
ผ่านเว็บไซต์ ได้ที่ http://www.tqa.or.th/th/applicant/
สาหรับผู้ทสี่ นใจสมัครผู้ตรวจประเมินรางวัลคุณภาพแห่งชาติ
โปรดศึกษารายละเอียดจาก
คู่มือการสมัครผู้ตรวจประเมินรางวัลคุณภาพแห่งชาติ ประจาปี นั้น ๆ และสมัครเข้าร่วม การอบรม
และคัดเลือกผู้ตรวจประเมินรางวัลคุณภาพแห่งชาติ รายใหม่
ผ่านเว็บไซต์ ได้ที่ http://www.tqa.or.th/th/assessor/
โครงการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ
www.tqa.or.th
186