Professional Documents
Culture Documents
วัตถุประสงค นักศึกษาสามารถ
1. อธิบายสาเหตุการเกิดโรคมาลาเรีย
2. อธิบายวงจรชีวิตของเชื้อมาลาเรีย
3. อธิบายเปาหมายในการออกแบบยารักษาโรคมาลาเรีย
4. อธิบายความสัมพันธของโครงสรางทางเคมีกับการออกฤทธิ์ของยากลุม Quinine
5. อธิบายความสัมพันธของโครงสรางทางเคมีกับการออกฤทธิ์ของยากลุม antifolate
6. อธิบายความสัมพันธของโครงสรางทางเคมีกับการออกฤทธิ์ของยากลุม artemisinin
หัวขอการเรียนรู
1. สาเหตุของการเกิดโรค
2. วงจรชีวิตของเชื้อมาลาเรีย
3. เปาหมายในการออกแบบยารักษาโรคมาลาเรีย
4. Quinine and its deivatives
5. Antifolate agents
6. Artemisinin and its deivatives
7. ยาตานมาลาเรียสูตรผสม
สาเหตุของการเกิดโรค
โรคมาลาเรียเปนโรคที่ระบาดและคุกคามมาตั้งแตเมื่อ 1,500 ปกอน แพทยชาวกรีกชื่อ Hippocrates
คนพบวา มาลาเรียเปนโรคชนิดหนึ่งที่มีสาเหตุจากการที่ผูปวยใชชีวิตใกลชิดกับบริเวณที่มีน้ํานิ่ง กรุงโรมใน
อดีตเมื่อ 700 ปกอน เคยถูกคุกคามดวยโรคมาลาเรีย จนกระทั่งทางรัฐบาลตองออกกฎใหกําจัดแหลงน้ําเนา
ในเมืองใหหมด ชาวโรมันในสมัยนั้นจึงไดตั้งชื่อโรครายนี้วา มาลาเรีย (malaria) ซึ่งมาจากการสนธิคําวา “mal”
ที่แปลวา “เสีย” กับคําวา “aria” ที่แปลวา “อากาศ” เพราะในสมัยนั้นเชื่อวา อากาศเสียคือสาเหตุที่ทาํ ใหคนเปน
โรคนี้
ปจจุบันวิวัฒนาการทางการแพทยกาวหนาขึ้น ทําใหทราบวาโรคมาลาเรียเกิดจากเชื้อปรสิต
(Protozoa) สกุล Plasmodium 4 ชนิดไดแก falciparum, vivax, ovale และ malariae โดย P.falciparum และ
P.malariae จะทําลายเซลลเม็ดเลือดแดงทุกระยะ แต P.vivax, P.ovale นั้น จะฆาเฉพาะเซลลเม็ดเลือดแดงที่
ยังเจริญเติบโตไมสมบูรณเทานั้น และเชื้อที่พบมากในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ Plasmodium falciparum กับ
Plasmodium vivax รอยละ 50 และ 40 ตามลําดับ
โรคนี้จะพบมากในเขตที่มีอุณหภูมิเหมาะสมที่ทําใหเชื้อแบงตัว ไดแก เขตรอน จึงพบการระบาดของ
โรคในประเทศแถบทวีปอัฟริกา และเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต แตการกระจายของเชื้อโรคอาจจะมีการ
เปลี่ยนแปลงเนื่องจากโลกมีอุณหภูมิเพิ่มมากขึ้น และการเคลื่อนยายของประชากร สําหรับประเทศไทยจะพบ
เชื้อไดทั่วไป โดยจังหวัดที่พบผูปวยมาก 10 อันดับแรกในประเทศไทย คือ ตาก สุราษฎรธานี กาญจนบุรี ยะลา
จันทบุรี แมฮองสอน นครศรีธรรมราช กระบี่ ประจวบคีรีขันธ และสระแกว จะเห็นวามาลาเรีย เปนกันมาก ใน
จังหวัดตามแนวชายแดน และจังหวัดที่ยงั มีปาทึบ
วงชีวิตของเชื้อมาลาเรีย
การติดตอเกิดจากการถูกยุงกัด ยุงที่เปนพาหนะนําโรค คือ ยุงกนปลองตัวเมีย (Anopheles spp.) ใน
ประเทศไทย มีสองชนิด คือ Anopheles Dirus ซึ่งพบในปาทึบชอบออกไขตามแองน้ํานิ่งขังตาม
ธรรมชาติ ลักษณะนิสัยชอบกินเลือดคนมาก ไมชอบกินเลือดสัตวอื่นออกหากินตอนกลางคืนถึงเชามืด แตถา
ปาทึบมากๆ ก็หากินชวงกลางวันดวย ยุงชนิดนี้เปนชนิดที่มีความสามารถในการแพรเชื้อมาลาเรียมากกวายุง
พาหะชนิดอื่นในประเทศไทยและ Anopheles Minimus พบตามชายปา ชอบวางไขในลําธาร น้ําใส ไหลเอื่อยๆ
ยุงกนปลองจะชอบออกไขในน้ํานิ่ง ดังนั้น การปองกันที่ดีที่สุดคืออยาใหยุงกัดและการทําลายแหลงเพาะพันธุยุง
โดยทําลายแหลงน้ํานิ่งทั้งในและนอกบานใหหมดสิ้น
การติดเชื้อมาลาเรีย เริ่มเมื่อยุงที่ติดเชื้อ Plasmodium falciparum มากัดมนุษยและปลอยเชื้อ
มาลาเรียระยะ sporozoite เขาสูกระแสเลือด จากนั้นเชื้อระยะ sporozoite จะเขาสูเซลลตับ
(hepatocyte) เพื่อเจริญเติบโตและแบงตัว (asexual multication) จนไดเซลลเล็กๆจํานวนมากมาย ซึ่ง
เรียกวา merazoite และเรียกเชื้อระยะนี้วา schizont เมื่อเชื้อระยะ schizont แตก จะปลดปลอย
merozoite จํานวนมากมายเขาสูกระแสเลือด merozoite จะรุกรานเขาสูเซลลเม็ดเลือดแดง เจริญเติบโต
เปนเชื้อระยะ ring form, trophozoite และ schizont ซึ่งภายในมี merozoite จํานวนมากมาย เมื่อ schizont
เจริญเติบโตเต็มที่จะแตกและปลดปลอย merozoite จํานวนมากมาย จากนั้น merozoite เหลานี้ จะรุกราน
เขาสูเซลลเม็ดเลือดแดงอีกครั้งและดําเนินวงจรชีวิตในกระแสเลือด (erythrocytic cycle) ตอไป ทําใหเซลล
เม็ดเลือดแดงแตก จะมีเชื้อบางสวนที่จะพัฒนาเปนเซลลสืบพันธุเพศผูและเพศเมีย (gametocytes) เมื่อ
ยุงกนปลอง (Anopheles) กัดมนุษยที่ติดเชื้อมาลาเรีย ก็จะไดรับเชื้อระยะเซลลสืบพันธุเขาไป เซลล
สืบพันธุดังกลาวจะปฏิสนธิกลายเปน zygote ภายในทางเดินอาหารสวนกลาง (midgut) ของยุง จากนั้น
2
zygote จะพัฒนาตอไปเปนเชื้อระยะ ookinete ซึ่งจะไชทะลุผนังของทางเดินอาหารกลายเปน oocyst ซึ่ง
ภายในมีเชื้อระยะ sporozoite เมื่อ oocyst เจริญเติบโดเต็มที่แลวจะปลดปลอยเชื้อระยะ sporozoite ซึ่งจะ
เคลื่อนที่เขาสูต อมน้ําลายของยุง และเมื่อยุงกัดมนุษย เชื้อระยะ sporozoite ก็จะถายทอดเขาสูรา งกายมนุษย
ตอไป
รูปที่ 1 วงชีวิตของเชื้อมาลาเรีย
http://student.nu.ac.th
วงชีวิตของเชื้อมาลาเรียทั้ง 4 ชนิดจะคลายกัน แตกตางกันที่ merazoite ของเชือ้ P. falciparum เมื่อ
เขามาที่ตับจะเจริญเติบโตแบงตัวทันที แลวปลอยเชื้อเขาสูกระแสโลหิต แต merazoite ของเชื้อ P.vivax,
P.ovale และ P.malariae บางสวนเทานั้นที่ขยายพันธุ และบางสวนสงบรอเวลาขยายพันธุจึงเปนสาเหตุของการ
กลับเปนซ้ําของโรค (relapse)
อาการของโรค ระยะแรกจะมีอาการไขต่ําๆ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว แตหลังจากนั้น จะมีไขสูง
หนาวสั่น อาจจะมีไขเปนพัก ๆ หรือสูงลอยได ปวดศีรษะ ผิวหนังซีด อาเจียน เบื่ออาหาร บางรายปวดศีรษะ
มากอาจปวดลึกเขาไปในกระบอกตา กระสับกระสาย เพอ กระหายน้ํา ชีพจรเตนเร็ว คลื่นไสอาเจียน จะมีเหงื่อ
ออกชุมตัว จะรูสึกออนเพลีย เด็กทารกที่ปวยเปนมาลาเรียหากไมตาย การพัฒนาการดานสมองจะไมสมบูรณ
สําหรับสตรีมีครรภหากไดรับเชื้อมาลาเรีย ลูกที่คลอดจะมีน้ําหนักตัวนอยกวาปกติและอาจพิการดวย อาการ
ของเชื้อ P. falciparum ที่เปนรุนแรง ไดแก เหลือง ปอดบวมน้ํา ไตวาย และมาลาเรียขึ้นสมอง ซึ่งจะตามมาดวย
อาการชักหรือหมดสติ และถามีอาการแทรกซอนดังกลาวเกิดขึ้น โอกาสที่ผูปวยจะเสียชีวิตก็มีสูง
อาการไขมักเกิดหลังรับเชื้อประมาณ 9-17 วัน ดังนั้นถามีอาการดังกลาวหลังจากเขาปาประมาณ 1-2
สัปดาห ควรไปรับการตรวจหาเชื้อมาลาเรียทันที การวินิจฉัยทําไดโดยการยอมเชื้อจากเลือด ในวันแรกอาจจะ
ตองเจาะเลือดทุก 6 ชั่วโมง การยืนยันการวินิจฉัยที่ดีที่สดุ และใชกันทั่วไป คือ การเจาะเลือด และยอมดูเชื้อ
มาลาเรียดวยกลองจุลทรรศน ซึ่งบางครัง้ การเจาะเลือดครั้งเดียวอาจไมพบเชื้อ ถามีอาการชวนสงสัยและมี
ประวัติเขาปา แพทยอาจตองเจาะเลือดซ้ํา โดยชวงเวลาที่เหมาะสม คือเวลาที่มีไขสูงหนาวสั่น หรือกอนเวลา
ดังกลาวเล็กนอย จะมีโอกาสพบเชื้อมากขึ้น
3
เปาหมายในการออกแบบยารักษาโรคมาลาเรีย
Tissue schizonticides เปนยาที่ออกฤทธิ์ตอเชื้อที่มาทําลายตับ จึงปองกันไมใหเชื้อเขาสูระบบเลือด
ยากลุมนี้ใชในการปองกันโรค และการกลับเปนซ้ํา
Blood schizonticides เปนยาที่ออกฤทธิต์ อเชื้อซึ่งอยูในระยะที่จะเขาไปทําลายเซลลเม็ดเลือดแดง ใช
รักษาการติดเชื้อ P.falciparum และการกลับเปนซ้ํา
Gametocytocides เปนยาที่ออกฤทธิ์ฆาเชือ้ มาลาเรียซึ่งอยูในระยะ gametocytes จึงใชในการปองกัน
การแพรกระจายของโรค
Sporontocides (Sporozoitocides) เปนยาที่ออกฤทธิ์ฆา เชื้อมาลาเรียซึ่งอยูในระยะ sporozoites
ยารักษาโรคมาลาเรีย สามารถออกฤทธิ์ทาํ ลายเชื้อไดหลายระยะ และมีความเฉพาะเจาะจงในการ
ทําลายเชื้อชนิดใดชนิดหนึ่ง ในปจจุบันนี้เชื้อมีการดื้อยามากขึ้นทําใหมีการพัฒนายาใหมทมี่ ีประสิทธิภาพใน
การทําลายเชื้อ นอกจากนี้ความรูเกี่ยวกับรหัสพันธุกรรม (genome) ของเชื้อ P.falciparum ทําให
นักวิทยาศาสตรไดทราบเกี่ยววงจรชีวิตของเชื้อมาลาเรียและการกลายพันธุของเชื้อมากขึ้น อันจะนํามาสูการ
พัฒนายาและวัคซีน
ยารักษาโรคมาลาเรีย แบงตามโครงสรางไดดังนี้
1) Quinine and its derivatives
quinine เปนยาตัวแรกที่นํามาใชทางคลินิกในการรักษาโรคมาลาเรียตั้งแตปค.ศ. 1600 ไดจากเปลือก
ของตน quinquina (cinchona) นํามาสกัดดวยน้ําและใชเปนยามีรสขม ภายหลังพบวาเปนสารประกอบกลุมอัล
คาลอยด และในปค.ศ.1820 สามารถแยกอัลคาลอยดบริสุทธิ์ได 4 ชนิด คือ quinine (3R:4S:8S:9R)
เปนอัลคาลอยที่พบมากที่สุด (5%) quinidine (3R:4S:8R:9S) cinchonidine และ cinchonine เฉพาะ
quinine และ quinidine ที่มีฤทธิ์ตานมาลาเรีย โดย quinidine มีฤทธิ์แรงกวาแตมีความเปนพิษตอหัวใจมากกวา
ทําใหหัวใจเตนผิดปกติ
quinine และ quinidine มีโครงสรางเปนอนุพันธของ 4-quinolinemethanol ประกอบดวย
quinuclidine ring มี chiral center 4 ตําแหนง คือ ที่ C-3 C-4 C-8 C-9 quinine optical isomers ของสาร
เหลานี้มีฤทธิ์ antimalarial แต 9-epimers (3R:4S:8R:9R และ 3R:4S:8S:9S) ไมมีฤทธิ์ วงแหวน quinuclidine
ไมจําเปนสําหรับการออกฤทธิ์ แตหมู tertiary amine ที่ตําแหนง C-9 มีความสําคัญตอการออกฤทธิ์ตาน
มาลาเรีย เนื่องจากการดัดแปลงโครงสรางที่ตําแหนง 9-OH ดวยปฏิกิริยา oxidation หรือ esterification จะได
สารทีม่ ีฤทธิ์ลดลง quinidine คือ (+)-isomer ของ quinine ซึ่งมีความแรงสูงกวา quinine แตมีอาการขางเคียง
มากกวา
รูปที่ 2 โครงสรางเคมีของอัลคาลอยดจากเปลือกตน cinchona
H R3 H
H2C C 3
3 2 4
7 5
H N
Quinuclidine
HO 1
6
H N 8
HO 9
8
9 5' 4'
H R6
3'
H3CO 6'
2'
7'
N
2'
Quinoline
8' 1'
N
4
Quinine R6 = OCH3 R3 = -CH=CH2 (-)-8S:9R isomer
Quinidine R6 = OCH3 R3 = -CH=CH2 (+)-8R:9S isomer
Cinchonine R6 = H R3 = -CH=CH2 (+)-8R:9S isomer
Cinchonidine R6 = H R3 = -CH=CH2 (-)-8S:9R isome
ในอดี ต เชื่ อ ว า ยา quinine ออกฤทธิ์ โ ดยไปยั บ ยั้ ง ที่ ก ารสร า ง DNA ของเชื้ อ มาลาเรี ย (DNA
intercalating) แตเนื่องจากความเขมขนของยาที่ใชยับยั้งคอนขางสูงมาก จึงมีขอสันนิษฐานวา เชื้อมาลาเรียใช
กรดอะมิโนจาก hemoglobin ของ host ทําใหเกิดของเสียเรียกวา hemozoin ซึ่งประกอบดวยสารเคมีคือ
ferriprotoporphyrin IX (FPIX) ซึ่งทําใหเซลลแตก สารนี้จะจับกับ endogenous protein กลายเปนสารที่ไมเปน
พิ ษ หรื อ จั บ กั บ ยาแต จ ะได ส ารที่ เ ป น พิ ษ ต อ ทั้ ง เชื้ อ มาลาเรี ย และเซลล เ ม็ ด เลื อ ดแดง อี ก แนวคิ ด หนึ่ ง คื อ
คุณสมบัติความเปนเบสของอนุพันธกลุมนี้ทําใหยาจะไปสะสมอยูที่ lysosome ของเชื้อมาลาเรีย ทําใหเชื้อ
สามารถยอยหรือทําลาย hemoglobin ไดนอยลง ในทางคลินิกยากลุมนี้มีฤทธิ์เปน blood schizonticides คือ
ทําลายเชื้อมาลาเรียที่อยูในเซลลเม็ดเลือดแดง การดื้อยาของเชื้อมาลาเรีย เชื่อวาเกิดจาก gene mutation
และเกิดขึ้นเฉพาะในบางพื้นที่แมวาบางพื้นที่อาจจะไมไดมีการนํายาเขาไปใช แสดงวาเกิด cross resistance ได
quinine มีกลไกการออกฤทธิเ์ ชนเดียวกับยากลุม 4-aminoquinoline เชน chloroquine โดยออกฤทธิ์
ฆาเชื้อ plasmodium ทุกชนิดในระยะ schizont และระยะ gametocyte ของเชื้อ P.vivax และ P.malariae แตไม
มีฤทธิ์ตอเชื้อ P.falciparum และมีฤทธิ์ต่ําตอเชื้อระยะที่อยูในตับ quinine ถูกเมตาบอไลซที่ตับดวยเอนไซม
CYP3A4 และเกิดปฏิกิริยา hydroxylation เปลี่ยนเปน 2’-hydroxy derivative และ 2, 2’-dihydroxy derivative
ที่ quinuclidine ring เมตาบอไลททั้งสองมีฤทธิ์ตานมาลาเรียต่ํา ตองระวังการใชยานี้รวมกับยาอื่นที่ถูกเมตา
บอไลซดวยเอนไซม CYP3A4
ยา quinine อาจทําใหเกิดอาการขางเคียงเรียกวา cinchonism คือมีเสียงหึ่งในหู (tinnitus) ปวดศีรษะ
คลื่นไส ตาพรา อาการดังกลาวจคอยๆหายไปเมื่อหยุดยา ตอมาเมื่อเปลือกของตน cinchona หายาก และการ
ขาดแคลนยาในชวงสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้งเมื่อเชื้อมาลาเรียเริ่มมีการดื้อยามากขึ้น จึงนําไปสูการ
สังเคราะห quinine และคนหาสารอื่นที่มปี ระสิทธิภาพมากกวาเพื่อนํามาใชแทน quinine
อนุพันธของ quinine ประกอบดวย 4-aminoquinoline เชน chloroquine hydroxychloroquine
mefloquine และ 8-aminoquinoline เชน pamaquine primaquine
1.1) 4-aminoquinolines
อนุพันธกลุม 4-aminoquinoline ไดแก chloroquine hydroxychloroquine mefloquine amodiaquine
santoquine มีโครงสรางคลายกับ quinine คือ มีหมูแทนที่ที่ตําแหนง 4 และมี asymmetric carbon ที่ตําแหนง
ซึ่งเทียบเทากับตําแหนง 9 ของ quinine จึงมี 2 stereoisomers ซึ่งมีฤทธิ์ตานมาลาเรียทั้งคู ดังนั้นจึงใชในรูป
racemic mixture ยกเวน mefloquine มีจําหนายในรูป R, S isomer ยากลุมนี้มีกลไกการออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ
มาลาเรียที่ระยะเดียวกันคือระยะที่เชื้ออยูในกระแสเลือด แตไมมีฤทธิ์ตอเชื้อที่อยูในตับทั้งระยะแรกและระยะ
หลบซอนของ P.vivax จึงอาจทําใหใหเกิดการดื้อยาในลักษณะที่คลายกัน ยา chloroquine เคยเปน drug of
choice สําหรับยาในกลุมนี้ เมื่อมีการดื้อยามาก จะใชยา quinine mefloquine หรือ halofantrine แทน ยา
amodiaquine santoquine ไมนิยมใชแลวในปจจุบันนี้
5
รูปที่ 3 โครงสรางเคมีของยาตานมาลาเรียกลุม 4-aminoquinolines
CH3 CH3
N
HN R
R
7
Chloroquine C2H5
Cl N Hydroxychloroquine C2H4OH
OH
HO C2H5
9 N
H N
HN
C2H5
4
N 2 CF3
8
7
Cl N
CF3
Mefloquine Amodiaquine
6
ของเชื้อ P.falciparum ต่ํา และการกลับเปนโรคซ้ําจากเชื้อ P.vivax นอย อาการขางเคียงที่พบ คือ คลื่นไส
อาเจียน ทองเสีย ผื่น หัวใจเตนผิดปกติ เดินเซ ชัก
mefloquine มีใชในรูปแบบรับประทาน ถูกดูดซึมไดดี และอาหารชวยเพิ่มการดูดซึม ยาสวนใหญถูกขับ
ออกทางปสสาวะในรูปเดิม และถูกเมตาบอไลซชาๆดวยเอนไซม CYP3A4 ได carboxymefloquine ซึ่งไมมีฤทธิ์
ตานมาลาเรีย การใชยานี้รวมกับ CYP3A4 inhibitor (เชน ketoconazole) จะเพิ่มปริมาณ mefloquine
เนื่องจากการยับยั้งการเกิดเมตาบอไลท carboxymefloquine
รูปที่ 4 กระบวนการเมตาบอลิซึมของ Mefloquine
HO
N COOH
H
CYP3A4
N CF3 N CF3
CF3 CF3
1.3) 8-aminoquinolines
อนุพันธกลุม 8-aminoquinolines ไดแก pamaquine primaquine pentaquine และ isopentaquine มี
หมู methoxy ที่ตําแหนง 6 และคลายกับ quinine คือมี asymmetric carbon 1 ตําแหนง (ยกเวน pentaquine)
และที่ตําแหนง 8 มีหมู alkyl ซึ่งเปน aliphatic hydrocarbon (4-5 คารบอน) ระหวาง N ทั้ง 2 อะตอม ปจจุบัน
primaquine เปนยาตัวเดียวในกลุมนี้ที่ยังนํามาใชทางคลินิก pamaquine มีความเปนพิษมากกวา primaquine
จึงไมนิยมใช primaquine ถูกเมตาบอไลซโดย CYP3A4 ได carboxyprimaquine และ N-acetylprimaquine
primaquine ออกฤทธิ์ฆา เชื้อ P.vivax และ P.ovale ระยะที่อยูในตับ และออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อมาลาเรีย
ทุกชนิดในระยะ gametocytes โดยเกิด autooxidation ของหมู 8-amino primaquine ได reactive oxygen
species ซึ่งเปนอันตรายตอสวนประกอบของเซลลของเชื้อปรสิต เปนยาตัวแรกที่เลือกใชในการรักษาการกลับ
เปนโรคซ้ําจากการติดเชื้อ P.vivax และ P.ovale โดยใชรวมกับ chloroquine เพื่อกําจัดเชื้อมาลาเรียในเม็ด
เลือดแดง แตไมแนะนําใหใชติดตอกันเปนเวลานานและมีขอหามใชในผูที่มีภาวะพรองเอนไซม glucose-6-
phosphate dehydrogenase (G-6PD) เพราะทําใหเม็ดเลือดแดงแตก (hemolytic anemia)
8
N
HN R
Pamaquine R, R' = C2H5 N
Primaquine R, R' = H
CH3 R'
7
H3CO H3CO
6 6
8 N 8 N
+ O
N N N
HN HN COOH HN
NH2 N CH3
H
CH3 CH3 CH3
Carboxyprimaquine N-acetylprimaquine
-
O O [e ]
HO OH Hydrogen peroxide
2H+
HO OH 2 HO Hydroxy radical
8
รูปที่ 8 โครงสรางเคมีของ Polycyclic antimalarial drugs
CH3
CH3
CH3 OH NH(CH3)2
N
HN OH
H3CO CH3
CONH2
OH
N Cl OH O OH O
Quinacrine Doxycycline
CF3
Cl
CH CH2CH2N(C4H9)2
OH
Cl
Halofantrine
Cl Cl
F 3C F 3C
Cl Cl
Desbutylhalofantrine
3) Antifolate agents
ออกฤทธิ์เปน blood schizonticides แบงตามกลไกการออกฤทธิ์ไดเปน 2 กลุมใหญ คือกลุมแรกออก
ฤทธิ์แขงขันกับ p-aminobenzoic acid (PABA) ในการยับยั้งการสราง tetrahydrofolic acid ไดแกสารทีม่ ี
โครงสราง sulfones และ sulfonamides ตัวอยางของสารทีม่ ีโครงสราง sulfones คือ dapsone มีความเปนพิษ
จึงไมนิยมใชในการรักษาโรคมาลาเรีย สวนกลุม sulfonamides มีโครงสรางคลายกับ PABA เขามายับยั้งการ
สราง folic acid ของเชื้อ ที่นํามาใชเปน antimalarial agents คือ sulfadoxime sulfadiazine sulfalene
sulfamenthoxypyrazine กลุมที่สองออกฤทธิ์ยบั ยั้งเอนไซม dihydrofolate reductase ของเชื้อมาลาเรีย ซึ่ง
ยับยั้งการเปลีย่ น dihydrofolate เปน tetrahydrofolic acid แตไมมีผลตอเอนไซมชนิดเดียวกันในคน ยาในกลุม
นี้คือ pyrimethamine และ trimethoprim pyrimethamine มีประสิทธิภาพดีในการยับยั้งเชื้อ P.falciparum
trimethoprim ออกฤทธิ์ดีเมื่อใชรวมกับ sulfadoxime (Fansidar®)
ยาผสมระหวาง sulfadoxime และ pyrimethamine ในอัตราสวน 20:1 สามารถยับยัง้ การสังเคราะห
dihydrofolate และ tetrahydrofolate ของเชื้อมาลาเรีย มีฤทธิฆ์ าเชื้อระยะ schizont ใชรักษาและปองกัน
มาลาเรียทุกชนิดที่ดื้อตอยา chloroquine
9
รูปที่ 10 โครงสรางเคมีของยาตานมาลาเรียกลุม Antifolate agents
NH2
O N N
H
H2N S N N H2N Cl
O N
H3CO OCH3 C2H5
Sulfadoxine Pyrimethamine
O COOH
O O O
H N COOH Dihydropteroate
synthase H N
N O P O P OH + N N
OH OH H
H2N N N H2N
H2N N N
H H
รูปที่ 12 โครงสรางเคมีของยาตานมาลาเรียสูตรผสม
Cl
HN
O
Cl NH NH CH(CH3)2
HN
OH
O Atovaquone Proguanil
10
รูปที่ 13 การเปลี่ยน Proguanil เปน Cycloguanil โดยเอนไซม CYP2C19
HN HN
NH
Cl NH NH C(CH3)2 [O] Cl N NH
CYP2C19
HN NH
H3C
CH3
Proguanil
Tautomeric shifts
HN
NH
Cl N NH2
N
H3C
CH3
Cycloguanil
4) Artemisinins
ไดจากตนชิงเฮาซู Artemisia annua (Quighao) เปนพืชสมุนไพรที่นํามาใชรักษาโรคมาลาเรียใน
ประเทศจีน อนุพันธของ artemisinin ไดแก artemether (artenam) arteflene dihydroartemisinin artemotil
artesunate ออกฤทธิ์รักษาโรคมาลาเรียโดยเกี่ยวของกับ endoperoxide และเปน carbon free radical ซึ่งจะ
ทําลายผนังเซลลของเชื้อมาลาเรีย ออกฤทธิ์เปน gametocytocidal และออกฤทธิ์ที่ระยะ trophozoites
ยากลุม artemisinins ออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ P.falciparum ระยะไมมีเพศในเม็ดเลือดแดงทั้งสายพันธุที่
ดื้อตอ chloroquine และที่ดื้อตอ mefloquine กลไกการออกฤทธิ์ฆาเชื้อมาลาเรียโดยการเกิดอนุมูลอิสระ แต
ไมใช reactive oxygen species ยาสวน trioxane จับกับ heme iron ในระหวางการสลายฮีโมโกลบินแลวปลอย
อนุมูลออกซิเจนที่วองไว carbon radicals และเหล็กในรูป FeIV=O ที่วองไวมาก ทําลายเซลเมมเบรนของเชื้อ
artemisinin มีโครงสรางเปน sesquiterpene lactone ลักษณะโครงสรางของ trioxane ประกอบดวย
endoperoxide และ doxepin oxygens ปฏิกิริยา reduction ของ artemisinin ไดเปน dihydroartemisinin ทํา
ใหเกิด asymmetric carbon เพิ่มขึ้น 1 ตัว จึงมี 2 stereoisomers ซึ่งมีฤทธิ์ตานมาลาเรียเชนเดียวกันกับ
simple aryltrioxanes artemether และ artemotil เปน nonpolar methyl และ ethyl ethers ที่มียาสวนใหญใน
รูป β-isomer และ α-isomer พบใน hemisuccinate ester
artemisinin เปนยาตัวแรกในกลุมนี้ที่นํามาใชทางคลินิก ละลายในน้ําและไขมันไดนอย จึงมีการพัฒนา
ตอมาไดเปนอนุพันธของ artemisinin ไดแก dihydroartemisinin artemether arteether sodium artesunate
และ sodium artelinate artemether และ arteether เปน methyl และ ethyl ethers ที่ละลายในไขมันและมี
ฤทธิ์ตานมาลาเรียแรงกวา artemisinin แตมีคาครึ่งชีวิตในพสามาสั้นกวา มีรายงานความเปนพิษตอสมอง
สวนกลางในหนูและสุนัขเมื่อใชยานี้เปนระยะเวลานานแตยังไมพบความเปนพิษในคนเมื่อใหยาในขนาดสูง
sodium artesunate เปนอนุพันธที่ละลายน้ําได ใชในรูปแบบยาฉีด sodium artelinate เปนเกลือโซเดียมของ
artelinic acid มีความคงตัวในสารละลายมากกวา sodium artesunate artemether และ arteether และมีคา
ครึ่งชีวิตที่ยาวกวาดวย นอกจากนี้ยังพบวามีความเปนพิษตอสมองสวนกลางนอยกวา artemether และ
arteether
11
รูปที่ 14 โครงสรางเคมีของ Artemisinin และอนุพันธ
CH3
H
CH3
H
O R
H3C
O Dihydroartemisinin -H
O Artemether -CH3
O H3C
Arteether -CH2CH3
O
H Artesunate -COCH2CH2COONa
H O
O
H
CH3 H
O
CH3
O
Artemisinin OR
Arteflene
CH3
O
O
O
R
F 3C O
O
O
H
Arytrioxanes
CF3 CH3 (R = -F or -COOH) OCH3
เอกสารอางอิง
1. William O. Foye; Thomas L. Lemke and David A. Williams Principles of Medicinal Chemistry
1995 4th ed. pp. 730-740
2. David A. Williams and Thomas L. Lemke Foye’s Principles of Medicinal Chemistry 2002 5th
ed. Lippincott Williams & Wilkins, New York, USA pp. 869-879
3. Manfred E. Wolff Burger’s Medicinal Chemistry and Drug Discovery Volume. 2: Therapeutics
Agents 1994 5th ed.
4. โอภา วัชระคุปต, รศ. เคมีของยา ฉบับ 1 2551 หนา 311-317
12