Professional Documents
Culture Documents
กาลครั้งหนึ่งเมื่อฉันหัดเดิน
กาลครั้งหนึ่งเมื่อฉันหัดเดิน
อนุโมทนาพจน์
สุขภาพร่างกายก็เป็นธรรมดาทีจ่ ะต้องร่วงโรยไปตามวัย ไม่มี
ยาอายุวฒั นะขนานใดช่วยได้จริงจัง แต่สขุ ภาพทางจิตเป็นสิง่ ทีส่ ามารถ
พั ฒนาได้เสมอ หากเรามีพลังจิตทีส่ ง่ั สมด้วยการบำ�เพ็ญอย่างต่อเนือ่ ง
แม้กายจะชรา จิตทีท่ รงพลังก็จะทำ�ให้กระปรีก้ ระเปร่าขึน้ ได้ กายอาจ
จะเจ็บไข้ได้ปว่ ย จิตทีเ่ ข้มแข็งย่อมทนต่อทุกขเวทนาไม่หวัน่ ไหวนัก และ
วาระสุดท้ายที่กายจะล้มตายลง จิตที่แช่มชื่นแจ่มใสย่อมยิ้มต้อนรับ
มัจจุราชได้ทนั ที
ขออนุโมทนาในความวิรยิ ะอุตสาหะและความตัง้ ใจจริงของ
คุณวาสินี ตัง้ ประกอบ และผูม้ สี ว่ นร่วมช่วยในการรวบรวมและจัดทำ�
หนังสือชือ่ “กาลครัง้ หนึง่ เมือ่ ฉันหัดเดิน” ซึง่ แสดงให้เห็นถึงความสำ�คัญ
ของธรรมปฎิบตั ทิ ม่ี ผี ลต่อการส่งเสริมสุขภาพจิตใจของผูป้ ว่ ย เป็นผลให้
สุขภาพร่างกายและจิตใจของผูป้ ว่ ยทีป่ ว่ ยด้วยโรคมะเร็งทุเลาเบาบางลง
จนกระทัง่ มีสขุ ภาพร่างกายจิตใจทีด่ ขี น้ึ ด้วยวิธกี ารของธรรมปฏิบตั แิ ละ
อาหารตามแนวทางธรรมชาติ
ผูใ้ ห้อามิสทานได้รบั ความนับถือ ผูใ้ ห้วทิ ยาทานได้รบั ความ
เคารพ ผูใ้ ห้ธรรมทานได้รบั การบูชา เพราะยังผูป้ ฏิบตั ธิ รรมได้กศุ ลส่ง
ผลจนถึงพระนิพพาน อาตมาขออนุโมทนาด้วยอำ�นาจบุญกุศลทีไ่ ด้รว่ ม
กันสร้างมาทุก ๆ ท่าน จงเป็นพลวปัจจัยให้ทกุ ๆ ท่าน จงประสบแต่
ความสุข ความเจริญ คิดอะไรขอให้สำ�เร็จตามปรารถนาทุกประการ
เทอญ
พระธรรมสิงหบุราจารย์
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บรุ ี เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน จ.สิงห์บรุ ี
อนุโมทนาพจน์
หนังสือกาลครั้งหนึ่งเมื่อฉันหัดเดินที่ท่านอ่านอยู่น้ี เป็น
ปรากฏการณ์อนั สำ�คัญยิง่ ทีจ่ ะเป็นเครือ่ งตอกย�ำ้ ความสำ�เร็จ ในการ
บรรลุธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะของพระพุทธ
องค์เป็นอกาลิโก ไม่จ�ำ กัดกาล เพราะปฏิบตั เิ วลาใดได้ผลเวลานัน้ ปฏิบตั ิ
ที่ใดได้ผลที่น่นั สมาธิวิปัสสนาเป็นธรรมอย่างหนึ่ง ดังนั้น ผู้ปฏิบัติ
ธรรมะข้อนีย้ อ่ มได้รบั ผลเป็นความสุขสดชืน่ ทางกาย ทางใจ ดูตวั อย่าง
จากผู้มีประสบการณ์ว่าป่วยเป็นโรคมะเร็ง เมื่อมาปฏิบัติธรรมะสมาธิ
วิปสั สนา ใช้ธรรมชาติดา้ นโภชนบำ�บัด โรคร้ายทีเ่ ป็นอยูก่ ห็ ายได้โดย
อัศจรรย์ หรือได้รบั การบำ�บัดจนอยูใ่ นอาการทีด่ ขี น้ึ
เราจะเห็นได้ว่าธรรมะคือ สมาธิ วิปัสสนา ควบคู่กับ
ธรรมชาติบำ�บัดเป็นเรื่องที่นำ�มาใช้ได้ผลจริง ต้องขออนุโมทนากับ
พระอาจารย์วโิ รจน์ จกฺกวโร และผูร้ ว่ มงานทุกท่านท่เ่ี สียสละ ขอให้ทา่ น
เจริญในธรรม งอกงามไพบูลย์ในพระพุทธศาสนาเป็นนิจกาลเทอญ
พระครูสมุหจ์ ริ ยุทธ์ อธิฉนฺโท
เจ้าอาวาสวัดตาลเอน จ.พระนครศรีอยุธยา
อนุโมทนาพจน์
ในนามของผูจ้ ดั ทำ�โครงการเรียนรูด้ กู ายใจ ด้วยธรรมะ
ธรรมชาติ โครงการปฏิบตั ธิ รรมเพือ่ ผูป้ ว่ ยโรคมะเร็ง รูส้ กึ ยินดีเป็นอย่างยิง่
ทีไ่ ด้รบั รูถ้ งึ ความตัง้ ใจจริง และจิตอันเป็นกุศลของคุณวาสินี ตัง้ ประกอบ
ในการทีไ่ ด้จดั ทำ�หนังสือทีเ่ กีย่ วข้องกับโครงการ โดยใช้ชอ่ื หนังสือว่า กาล
ครัง้ หนึง่ เมือ่ ฉันหัดเดิน โดยเป็นทัง้ ผูเ้ ขียน รวบรวม กระทัง่ ประสานงาน
ในการจัดพิมพ์ครัง้ นี้ หนังสือเล่มนีเ้ ป็นหนังสือทีน่ า่ สนใจมากเล่มหนึง่ เหตุ
เพราะได้รวบรวมเอาเรือ่ งราวต่าง ๆ ทีเ่ ป็นประโยชน์ทท่ี กุ คนควรรู้ โดย
เฉพาะผูท้ ก่ี �ำ ลังป่วยเป็นโรคมะเร็งมาไว้ได้อย่างลงตัวและน่าสนใจ ไม่วา่ จะ
เป็นเรือ่ งของมะเร็ง แพทย์ทางเลือก หรือการปฏิบตั ธิ รรม และบทความ
อื่น ๆ ที่มีอยู่ในหนังสือ เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะทำ�ให้ผู้อ่านเกิดทัศนคติ
ใหม่ ๆ ทีด่ ขี น้ึ ได้ ด้วยความเป็นเหตุเป็นผลกันของเรือ่ งราวทัง้ หมดทีม่ อี ยู่
ในหนังสือ ซึง่ ชือ่ ก็ฟงั ดูอบอุน่ เปรียบเสมือนหนึง่ บุคคลทีก่ �ำ ลังเริม่ ฝึกทีจ่ ะ
ทำ�สิง่ ใหม่ ๆ สิง่ ใดสิง่ หนึง่ อย่างตัง้ ใจด้วยตนเอง
เท่าทีท่ ราบการจะจัดทำ�หนังสือเรือ่ งใดเรือ่ งหนึง่ ให้ส�ำ เร็จเสร็จ
สิน้ ไปนัน้ ไม่ใช่เรือ่ งง่ายเลย ต้องใช้ความวิรยิ ะอุตสาหะ และความตัง้ ใจจริง
ในแต่ละครัง้ เพือ่ ให้งานหนังสือนัน้ ออกมาดี ขออนุโมทนา ในความตัง้ ใจ
ทำ�ความดี เผยแผ่ธรรมเป็นทาน ของคุณวาสินี ตัง้ ประกอบ กับทัง้ ผูม้ ี
ส่วนเกีย่ วข้องทีไ่ ด้รว่ มสรรค์สร้างหนังสือดีมปี ระโยชน์ทางธรรม ทางปัญญา
ให้เกิดการขยายกว้างขวางออกไป ขอบุญจริยาทีไ่ ด้รว่ มกันทำ�บำ�เพ็ญแล้ว
จงสัมฤทธิผ์ ล ให้ทกุ ท่านเจริญงอกงามด้วยประโยชน์สขุ พร้อมทัง้ ปัญญา
จากการให้ธรรมเป็นทานนานสืบไป
พระวิโรจน์ จกฺกวโร
มาลตี
ผูร้ วบรวมและจัดทำ�หนังสือ
๑๗ เมษายน ๒๕๕๒
๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๓
๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ขออนุโมทนาบุญกับพระวิทยากร พระภิกษุสงฆ์ในสำ�นัก
ปฏิบตั ธิ รรมสวนเวฬุวนั ทุกรูป และเจ้าหน้าทีภ่ ายในสำ�นักปฏิบตั ธิ รรม
สวนเวฬุวัน รวมถึงคณะแพทย์ พยาบาล เภสัชกรของโรงพยาบาล
ศรี น คริ น ทร์ มหาวิ ท ยาลั ย ขอนแก่ น ญาติ ธ รรมที่ เ ป็ น เจ้ า ภาพที่
สนับสนุนในเรือ่ งของปัจจัย และผูม้ สี ว่ นร่วมคอยเอือ้ เฟือ้ ให้ความสะดวก
ในด้านต่าง ๆ ทำ�ให้โครงการประสบความสำ�เร็จลุล่วงไปด้วยดี
ขอความสุขสวัสดิ์ พิพัฒนมงคล ความสมบูรณ์พูนผล
จงปรากฏมีแด่ผมู้ สี ว่ นร่วมในโครงการนีด้ ว้ ยกันทุกรูป ทุกนาม ตราบ
ถึงพระนิพพาน เทอญ
ความในใจในโครงการ พระคงศักดิ์ เตชปญฺโญ
อาตมารู้สึกดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการเรียนรู้ดูกายใจ
ด้วยธรรมะ ธรรมชาติ ซึ่งจัดขึ้นสำ�หรับผู้ป่วยมะเร็งโดยเฉพาะ
เป็ น โครงการปฏิ บั ติ ธ รรมนำ � ผู้ ป่ ว ยมาเจริ ญ พระกรรมฐานตลอด
๑ เดือน การทำ�กรรมฐานนั้นสามารถช่วยในการบำ�บัดรักษาโรคได้
จริง ซึง่ เห็นได้จากประสบการณ์ของผูป้ ว่ ยหลายรายทีม่ าทำ�กรรมฐาน
ทีว่ ดั อัมพวันแล้วอาการดีขนึ้ บางรายก็หายจากโรคทีเ่ ป็น และได้มกี าร
วิจยั ศึกษาค้นคว้าเพือ่ ยืนยันในเรือ่ งนี้ โดย รศ.ดร.พินจิ รัตนกุล เป็น
บทความในหนังสือเจริญสมาธิภาวนารักษาโรค ซึ่งเขียนไว้ชัดเจน
แต่ ก็ ยั ง ไม่ มี ใ ครจั ด เป็ น รู ป แบบมี ขั้ น ตอนแบบแผน จนกระทั่ ง เกิ ด
โครงการนี้ขึ้นโดยพระอาจารย์วิโรจน์ จกฺกวโร ซึ่งนอกจากท่านจะ
เน้นเรื่องกรรมฐานตามแนวหลวงพ่อจรัญเป็นหลักแล้ว ท่านยังได้นำ�
แนวแพทย์ทางเลือกของ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์ุวงศ์ มาเสริมในด้าน
อาหาร เป็นอาหารธรรมชาติบำ�บัดเหมาะกับผู้ป่วยมะเร็ง
โดยส่วนตัวแล้วสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งน่าจะมาจาก
อาหาร วิถีการดำ�เนินชีวิตที่ไม่ถูกต้อง เช่น การนอนดึก การรับ
ประทานอาหารไม่เป็นเวลา สภาวะทางด้านอารมณ์ ความเครียด
ตลอดจนภาวะแวดล้อมต่าง ๆ ดังนั้น ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการ
ปรับวิถีการดำ�เนินชีวิตใหม่ให้ถูกต้อง และฟื้ น ฟู ส ภาพจิ ต ใจ และ
อารมณ์ด้วยการเจริญพระกรรมฐาน
อาตมาจึงเห็นว่าโครงการนี้น่าจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ดี
สำ�หรับผูป้ ว่ ยมะเร็ง ยิง่ ได้เข้ามาช่วยหลวงพีว่ โิ รจน์ดแู ลรับผิดชอบส่วน
กรรมฐานแล้ว ทำ�ให้มนั่ ใจในแนวทางนีม้ ากขึน้ เห็นได้จากผูเ้ ข้าร่วม
โครงการมีสหี น้าผ่องใสขึน้ ดวงตาแจ่มใส ผิดกับตอนทีม่ าลงทะเบียน
ในวันแรก ตอนแรกต้องยอมรับว่าหนักใจ เพราะโครงการนี้จะเน้น
การทำ�กรรมฐานเป็นหลัก โดยทำ�เฉลี่ยแล้ววันละ ๑๐ ชั่วโมง ซึ่ง
ถือว่าเป็นเรื่องหนักสำ�หรับผู้ป่วยมะเร็ง อีกทั้งบางคนยังไม่เคยปฏิบัติ
ธรรมมาก่อนเลย แต่ก็ได้รับคำ�แนะนำ�แนวทางการปฏิบัติจากท่าน
พระครูปลัดสิทธิวรวัฒน์ (คธาวุฒิ ยโสธโร) ผู้อำ�นวยการสำ�นักฯ
ซึ่งท่านเป็นที่ปรึกษาในโครงการ ทำ�ให้การปฏิบัติเป็นไปด้วยความ
ราบรื่น สามารถทำ�กรรมฐานได้ตลอดจนครบ ๑ เดือน
ในโครงการนี้ ผูท้ รี่ บั บทหนักทีส่ ดุ เห็นจะไม่พน้ ผูน้ ำ�โครงการ
(หลวงพีว่ โิ รจน์) เพราะท่านต้องกำ�กับดูแลงานหลายด้าน แม้จะมีการ
แบ่งหน้าที่กันแล้วก็ตาม เพื่อให้งานโครงการดำ�เนินไปด้วยความ
เรียบร้อย ไม่วา่ จะเป็นด้านอาหาร การจัดหาวัตถุดบิ ในการทำ�อาหาร
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๕
๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๗
๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๙
๑๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๑
๑๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
การเป็นแพทย์ท่ีมีโอกาสได้ดูแลผู้ป่วยเป็นมะเร็งอยู่เนืองๆ
พบว่า ผู้ป่วยมักมีความทุกข์ทรมานทั้งทางกายและทางใจ กล่าวคือ
อาการทางกายทีเ่ กิดจากการลุกลามของมะเร็ง มักทำ�ให้ผปู้ ว่ ยมีอาการ
ปวด อึดอัด ไม่สบาย หายใจไม่สะดวก รับประทานอาหารไม่ได้และวิธี
การรักษามะเร็งเองก็อาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น คลืน่ ไส้อาเจียน
ซีดลง เป็นต้น ส่วนอาการทางใจนั้นพบว่า ผู้ป่วยมักมีความกังวล
ซึมเศร้า ท้อแท้ บางรายหมดอาลัยตายอยาก ไม่มคี วามหวังทีจ่ ะใช้ชวี ติ
ทีเ่ หลืออยูใ่ ห้มคี วามสุขตามสมควรได้ วิธกี ารรักษาทีต่ นเองได้กระทำ�อยู่
เป็นประจำ�นัน้ นอกเหนือจากการให้ยาระงับปวดแล้ว ก็จะแนะนำ�ให้ผู้
ป่วยอาศัยวิธกี ารทีช่ ว่ ยลดความปวดและความกังวลแบบทีแ่ ต่ละคนถนัด
เช่น การหากิจกรรมอื่นมาทำ�เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ อ่านหนังสือ
ธรรมะ หรือทำ�สมาธิ เป็นต้น ซึง่ ก็พบว่าผูป้ ว่ ยหลายรายทีบ่ อกว่าใช้วธิ ี
ดังกล่าวแล้ว ช่วยให้อาการปวดทุเลาลงได้บา้ ง แต่เนือ่ งจากข้อจำ�กัด
ของตนเองในการเป็นผู้มีความรู้ในทางธรรมน้อยทั้งทางทฤษฎีและ
ปฏิบตั ิ ทำ�ให้ชว่ ยเหลือหรือแนะนำ�ผูป้ ว่ ยเหล่านัน้ ไม่ได้เต็มทีน่ กั
เมือ่ ได้มโี อกาสมาปฏิบตั ธิ รรมทีส่ �ำ นักปฏิบตั ธิ รรมสวนเวฬุวนั
ตามคำ�แนะนำ�ของกัลยาณมิตร ก็ได้พบว่า หนทางนีก้ อ่ ให้เกิดความ
สงบในใจเหมือนได้กระทำ�สิง่ อันเป็นกุศลกรรม ทำ�ให้มคี วามอิม่ เอม
ใจ พบกับความสุขอีกแบบหนึง่ มีการมองโลกทีเ่ ปลีย่ นไป โดยมอง
สิง่ ต่าง ๆ ตามความเป็นจริง คือ ไม่เทีย่ ง เป็นทุกข์และบังคับให้เป็น
อย่างทีต่ อ้ งการไม่ได้ มีความเชือ่ เรือ่ งกรรมวิบากมากขึน้ นอกจากนี้
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๓
๑๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ก็สามารถจัดการกับเวทนาที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติได้บ้าง ทำ�ให้รู้สึก
ศรัทธาในวิถขี องการทำ�วิปสั สนากรรมฐาน ว่ามีสว่ นช่วยจัดการกับทุกข์
ทีเ่ กิดขึน้ ทัง้ ทางกายและใจได้จริงสำ�หรับผูป้ ฏิบตั ิ ดังนัน้ เมือ่ ได้ทราบว่า
พระอาจารย์วิโรจน์ จกฺกวโรและคณะ มีการจัดตั้งโครงการเรียนรู้
ดูกายใจด้วยธรรมะ ธรรมชาติ ให้กบั ผูท้ เ่ี ป็นมะเร็งนัน้ ก็รสู้ กึ ยินดี และ
อนุโมทนาในโครงการนี้ ด้วยเห็นว่าเป็นโครงการทีด่ ี ทีใ่ ห้โอกาสบุคคล
กลุม่ นีไ้ ด้เรียนรูธ้ รรมะ ได้ปฏิบตั ธิ รรมในช่วงทีม่ คี วามทุกข์กายทุกข์ใจ
ซึง่ โดยส่วนตัวแล้วก็มคี วามเชือ่ มัน่ ว่า วิธกี ารนีจ้ ะทำ�ให้เกิดความสงบ
สุขในจิตใจของบุคคลเหล่านัน้ ได้ไม่มากก็นอ้ ย ส่วนเรือ่ งความทุกข์กาย
นัน้ คงขึน้ อยูก่ บั เหตุปจั จัย เนือ่ งจากสภาพร่างกายของผูท้ เ่ี ป็นมะเร็ง
แต่ละคนย่อมมีความแตกต่างกันเป็นธรรมดา และเมือ่ ได้รบั ความเมตตา
จากพระอาจารย์วโิ รจน์ อนุญาตให้เข้ามาร่วมทีมงานในฐานะแพทย์ โดย
มีหน้าทีต่ รวจสุขภาพผูเ้ ข้าร่วมโครงการและให้คำ�แนะนำ�ในการปฏิบตั ติ วั
นัน้ ก็มคี วามปีตยิ นิ ดีอย่างยิง่ ทีน่ อกจากจะได้ใช้ความรูค้ วามสามารถ
ทีม่ อี ยู่ ปฏิบตั งิ านเพือ่ ตอบแทนพระคุณแด่พระอาจารย์และสำ�นักปฏิบตั ิ
ธรรมแห่งนีแ้ ล้ว ยังจะได้มสี ว่ นร่วมในกุศลกรรมทีพ่ ระอาจารย์และคณะ
สร้างขึน้ แต่ความกังวลยังมีอยูบ่ า้ งในช่วงแรก เนือ่ งจากในฐานะทีเ่ ป็น
แพทย์แผนปัจจุบันที่ได้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่มีอาการปวด ก็เกรงว่าผู้เข้า
ร่วมโครงการซึง่ จะไม่ได้รบั ยาแก้ปวดตามทีเ่ คยได้มาก่อน อาจทนความ
ปวดไม่ได้ มีผลให้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบตั แิ ละอาจทำ�ให้โรคทีเ่ ป็นอยู่
กลับทรุดลงได้
แต่เมือ่ ได้มาศึกษาถึงวิธกี ารทีพ่ ระอาจารย์น�ำ มาใช้กบั ผูท้ เ่ี ข้า
ร่วมโครงการนีโ้ ดยละเอียดแล้วพบว่า นอกจากการปฏิบตั ธิ รรมโดยการ
ทำ�สมาธิและเดินจงกรมแล้ว (ผู้ป่วยที่เดินไม่ไหว พระอาจารย์ท่านก็
เมตตาให้นง่ั หรือนอนปฏิบตั กิ ไ็ ด้) ผูเ้ ข้าร่วมโครงการยังได้รบั ประทาน
อาหารทีป่ ราศจากเนือ้ สัตว์ แต่ทว่ามีสารอาหารครบถ้วน ปรุงโดยวิธี
กำ�จัดสารพิษออกโดยใช้น้ำ�เอนไซม์ ทีเ่ มือ่ นำ�มาปรุงอาหารนอกจากจะ
ทำ�ให้มรี สชาติอร่อยแล้ว ยังมีสว่ นช่วยในการย่อยทำ�ให้ระบบขับถ่ายเป็น
ปกติ เมื่อได้ทำ�การตรวจร่างกายผู้เข้าร่วมโครงการซ้ำ�ในช่วงเสร็จสิ้น
โครงการ ก็พบว่าส่วนใหญ่มสี ขุ ภาพทีด่ ี ไม่ได้มกี ารทรุดตัวลงจากโรคที่
เป็นอยูอ่ ย่างทีต่ นเองกังวลไว้เลย และทีไ่ ด้เห็นชัดเจนมากคือความสุขใจ
ที่ฉายแววออกมาทั้งทางสีหน้าและแววตา ตลอดจนคำ�พูดของผู้เข้า
ร่วมโครงการทีล่ ว้ นกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า มีความสุขมากทีไ่ ด้เข้าร่วม
โครงการนี้ และทีน่ า่ แปลกใจคือ ผูท้ เ่ี คยมีความปวดก็บอกว่ามีอาการ
ลดลง ซึง่ เป็นทีน่ า่ อัศจรรย์ เพราะระหว่างทีเ่ ข้าร่วมโครงการ เขา
เหล่านัน้ จะไม่ได้ใช้ยาระงับปวดเลย ทำ�ให้รสู้ กึ ศรัทธาในวิธกี ารนีว้ า่
อย่างน้อยก็เป็นวิธกี ารหนึง่ ทีช่ ว่ ยให้ผปู้ ว่ ยด้วยโรคมะเร็งมีทางเลือก
ทีจ่ ะใช้ชวี ติ ได้อย่างสุขกายสุขใจ ต่างจากวิถที เ่ี ขาเหล่านัน้ เคยเป็นอยู่
ก่อนทีจ่ ะเข้าร่วมโครงการ
ประสบการณ์หนึ่งที่ได้จากการเข้ามาสัมผัสกับผู้เข้าร่วม
โครงการนีค้ อื ความรูส้ กึ ประทับใจในความมีน้ำ�ใจของเพือ่ นมนุษย์ทม่ี ี
ต่อกัน เนือ่ งจากได้มโี อกาสพูดคุยกับผูเ้ ข้าร่วมโครงการท่านหนึง่ ทีม่ ี
อาการของโรคติดเชือ้ ทางปอด ซึง่ อยูใ่ นระหว่างการรักษาตัวทีท่ า่ นเอง
ก็ได้เริม่ มานานพอสมควรแล้ว ทำ�ให้โอกาสในการแพร่เชือ้ ให้ผอู้ น่ื แม้จะ
มีกถ็ อื ว่าเป็นไปได้คอ่ นข้างน้อย แต่พอท่านทราบว่ามีผเู้ ข้าร่วมโครงการ
บางคน เพิง่ ได้รบั การรักษามะเร็งมา ไม่วา่ จะเป็นการให้เคมีบ�ำ บัดหรือ
การฉายแสง (ซึ่งนับว่าบุคคลเหล่านั้นจะมีภูมิต้านทานต่ำ�กว่าคนปกติ
เสีย่ งต่อการติดเชือ้ ได้งา่ ย) ผูเ้ ข้าร่วมโครงการท่านดังกล่าวก็ได้ตดั สินใจ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๕
๑๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ถอนตัวไปเอง ด้วยเกรงว่าจะทำ�ให้เพื่อนที่เข้าร่วมโครงการด้วยกันมี
โอกาสติดเชือ้ ได้ ถึงแม้วา่ ตนเองจะมีความต้องการเข้าร่วมโครงการนี้
อย่างยิง่ ก็ตาม นับว่าเป็นการตัดสินใจบนพืน้ ฐานของความมีเมตตาต่อ
เพือ่ นมนุษย์อย่างยิง่ ปราศจากความเห็นแก่ตวั ทำ�ให้รสู้ กึ ซาบซึง้ ในน�้ำ ใจ
ของท่าน ซึง่ เป็นตัวอย่างของบุคคลทีแ่ ม้จะมีความป่วยทางกายจากโรค
มะเร็งและโรคปอด แต่จติ ใจของท่านไม่ได้ปว่ ยไปด้วยเลย ตรงกันข้าม
กลับมีความแข็งแกร่งน่าชื่นชมและยกย่องให้เป็นแบบอย่างของการมี
เมตตาต่อเพือ่ นมนุษย์ดว้ ยกันยิง่ นัก
ความมีน�้ำ ใจต่อกันนัน้ นอกจากจะพบในผูเ้ ข้าร่วมโครงการ
ทีเ่ ป็นมะเร็งแล้ว ยังพบในผูท้ อ่ี าสามาทำ�งานให้กบั โครงการนี้ ไม่วา่ จะ
เป็นผู้ประกอบอาหาร หรือผู้ช่วยอำ �นวยความสะดวกแก่ผู้เข้าร่วม
โครงการในด้านต่าง ๆ งานประกอบอาหารนัน้ นับว่าเป็นงานทีค่ อ่ น
ข้างหนักเอาการ เนือ่ งจากต้องเริม่ งานแต่เช้ามืด และลงมือทำ�แทบจะ
ตลอดทั้งวัน เนื่องจากการประกอบอาหารตามแนวทางของโครงการ
นัน้ มีหลายขัน้ ตอน ทัง้ นีก้ เ็ พือ่ ให้ได้อาหารทีม่ ปี ระโยชน์ครบถ้วน และ
ปราศจากสารพิษต่างๆทีเ่ จือปนมาให้มากทีส่ ดุ เท่าทีจ่ ะเป็นไปได้ เพือ่ ให้
เป็นการบำ�บัดด้วยการใช้ธรรมชาติอย่างแท้จริง ตามเจตนารมณ์ของ
พระอาจารย์ จากการทีเ่ ข้าไปสัมผัสโดยการสังเกตการณ์บา้ ง การช่วย
เหลือตามกำ�ลังและโอกาสบ้าง ก็พบว่าท่านเหล่านัน้ อาสาทำ�งานให้กบั
โครงการนี้ด้วยจิตเมตตา โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ระหว่าง
ทำ�งานก็พดู คุย แบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ ให้แก่กนั นับได้วา่ ตนเองช่าง
โชคดีทไ่ี ด้มโี อกาสมารูจ้ กั บุคคลเหล่านี้ ได้สมั ผัสกับประสบการณ์ดี ๆ ที่
หาได้ไม่งา่ ยนักในสังคมปัจจุบนั
จากการที่ ไ ด้ มี โ อกาสเข้ า ร่ ว มโครงการนี้ ทำ � ให้ ไ ด้ มี
กัลยาณมิตรเพิม่ ขึน้ ได้สร้างความสุขใจให้กบั ตนเอง โดยการตอบแทน
พระคุณครูบาอาจารย์ ได้มสี ว่ นช่วยเหลือบุคคลทีม่ คี วามทุกข์กาย ทุกข์
ใจ ให้เขาเหล่านั้นได้มีโอกาสศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรม ซึ่งนับเป็น
ความสุขใจที่ได้จากประสบการณ์ท่ีแตกต่างจากการดูแลผู้ป่วยในโรง
พยาบาล นอกจากนี้ยังมีผลพลอยได้คือ วิชาความรู้เกี่ยวกับการปรุง
อาหารที่มีกรรมวิธีกำ�จัดสารพิษที่อาจตกค้างอยู่ โดยไม่ทำ�ให้รสชาติ
อาหารเปลีย่ นไป แต่กลับทำ�ให้ได้รสอร่อยตามธรรมชาติอกี ด้วย นับว่า
เป็นประสบการณ์ชวี ติ ทีค่ มุ้ ค่า เป็นรางวัลชีวติ อย่างแท้จริง ส่วนอานิสงส์
ของกรรมดีทไ่ี ด้มโี อกาสสร้างจากการเข้าร่วมโครงการนี้ ขออุทศิ ให้กบั
ผูป้ ว่ ยด้วยโรคมะเร็งทัง้ หลาย ขอให้ทา่ นเหล่านัน้ ได้มโี อกาสพบหนทาง
ทีช่ ว่ ยให้มคี วามทุกข์กายทุกข์ใจน้อยลง ได้มโี อกาสศึกษาและปฏิบตั ธิ รรม
ให้ได้พบซึง่ ทางดับทุกข์ดว้ ยเทอญ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๗
๑๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๙
๒๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ในฐานะแพทย์แผนปัจจุบนั ต้องบอกว่าได้โลกทัศน์ใหม่และ
ได้มมุ มองทีก่ ว้างขวางมากขึน้ ทำ�ให้ความหวาดหวัน่ พรัน่ พรึงเวลาผูป้ ว่ ย
บอกว่าจะปฏิบัติตัวตามแนวทางชีวจิตลดลง เนื่องจากได้เห็นด้วยตา
ตนเองถึงขบวนการเตรียมอาหารทีต่ อ้ งเรียกว่า ใส่ใจทุกรายละเอียด
ตัง้ แต่ความสะอาด คุณค่าของทุกส่วนประกอบ และสุดท้ายคือรสชาติท่ี
ยังได้ครบถ้วน ทำ�ให้มน่ั ใจมากขึน้ ว่า ถ้าผูป้ ว่ ยได้ทราบแนวทางอย่าง
ถูกต้องแล้ว ถึงแม้ผปู้ ว่ ยจะไม่ได้รบั ประทานเนือ้ สัตว์แม้แต่นดิ เดียวเป็น
เวลาถึง ๓๐ วัน ก็จะไม่เกิดภาวะขาดอาหารทัง้ พลังงานและโปรตีนอย่าง
ที่กลัวในตอนเริ่มแรก นอกจากนั้นแล้วยังมีข้อมูลที่เป็นรูปธรรมจาก
การตรวจร่างกายและตรวจเลือด ว่าส่วนใหญ่ผปู้ ว่ ยถึงแม้จะมีน้ำ�หนัก
ตัวลดลงแต่ก็เป็นไปในทางที่ดีคือ ไม่ลดจนมากเกินไปที่ทำ�ให้อยู่ใน
ภาวะผอมแห้งแรงน้อย แต่กลับเป็นการลดลงของน้ำ�หนักตัวทีท่ �ำ ให้
ผูป้ ว่ ยมีความ Fit และสุขภาพดี เนือ่ งจากเป็นทีท่ ราบกันดีวา่ คนผอม
ย่อมมีสุขภาพโดยรวมดีกว่าคนอ้วน นอกจากนั้นในแง่ของมะเร็งบาง
ชนิดเช่น มะเร็งเต้านม มีหลักฐานชัดเจนว่า ผูป้ ว่ ยหลังการรักษาที่
สามารถคงดัชนีมวลกายให้อยูใ่ นเกณฑ์เหมาะสมได้ จะลดการกลับ
เป็นซ�้ำ ของโรคได้ดกี ว่ากลุม่ ทีม่ ดี ชั นีมวลกายสูงกว่าปกติ นอกจากนัน้
สิง่ ทีย่ นื ยันอีกอย่างถึงภาวะสุขภาพดีคอื ระดับไขมัน Cholesterol ที่
ลดลงอย่างชัดเจนด้วย และทำ�ให้ความกังวลทีว่ า่ การไม่รบั ประทาน
เนือ้ สัตว์จะส่งผลต่อระดับความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว
ว่าจะทำ�ให้สร้างลดลงก็หายไปด้วย เนือ่ งจากข้อมูลในผูป้ ว่ ยยืนยันชัดเจน
ว่าโดยมากแล้ว ระดับความเข้มข้นของเลือดดีขน้ึ ด้วย แทนทีจ่ ะลดลง
อย่างทีก่ งั วลในตอนแรก และเม็ดเลือดขาวก็ไม่ได้ลดระดับลงจนถึงระดับ
ทีผ่ ดิ ปกติ ในด้านจิตใจ เป็นทีเ่ ห็นเด่นชัดว่า ส่งผลต่อร่างกายด้วย
เนือ่ งจากทำ�ให้ความปวดลดลงชัดเจน ผูป้ ว่ ยสุขสบายมากขึน้
ในด้านมะเร็ง ดิฉันมีความคิดที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เนื่องจากดิฉันได้เห็นด้วยตาตนเองว่า ก้อนมะเร็งสามารถยุบไปได้
จริง ทัง้ ๆทีค่ นไข้ไม่ได้รบั ยาเคมีบ�ำ บัด และผูป้ ว่ ยมีสขุ ภาพทีร่ ายงาน
ทั้งทางร่างกายและจิตใจว่าดีข้ึน ปัจจุบันดิฉันมีความเชื่อมั่นว่าการ
รักษาแบบแพทย์ทางเลือกทีร่ วมทัง้ การรับประทานอาหารทีถ่ กู วิธแี ละ
การทำ�สมาธิ สามารถส่งผลต่อโรคมะเร็ง และสามารถช่วยในการ
ควบคุมมะเร็งในร่างกายได้ ถึงแม้วา่ ดิฉนั จะไม่สามารถยืนยันได้วา่ ผู้
ป่วยจะสามารถหายขาดจากมะเร็งได้ดว้ ยวิธนี ้ี แต่ดฉิ นั เชือ่ มัน่ เหลือเกิน
ว่า ถ้าผูป้ ว่ ยมะเร็งทีก่ �ำ ลังได้รบั การรักษาแบบแผนปัจจุบนั อยู่ ไม่วา่ จะ
เป็นยาเคมีบ�ำ บัดหรือรังสีรกั ษาหรือยาอืน่ ใดก็ตามที ถ้าผูป้ ว่ ยสามารถ
ปฏิบตั ทิ ง้ั ทางด้านร่างกาย คือการรับประทานอาหาร และทางจิตใจ
ทำ�ให้เป็นสมาธิ ผลทีไ่ ด้รบั จะต้องออกมาดีอย่างแน่นอน ถ้าเป็นผูป้ ว่ ย
ทีไ่ ม่มรี อยโรคแล้ว โอกาสการหายขาดก็นา่ จะสูง ถ้าเป็นผูป้ ว่ ยทีม่ มี ะเร็ง
ระยะแพร่กระจายอยูใ่ นร่างกาย ก็นา่ ทีจ่ ะควบคุมได้ดขี น้ึ ควบคุมได้นาน
ขึน้ ซึง่ จะส่งผลสุดท้ายทีส่ �ำ คัญทีเ่ ป็นยอดปรารถนาของทุกคน ไม่วา่ จะ
มีมะเร็งในร่างกายหรือไม่คอื ความเป็นสุข จิตใจไม่กงั วล และความ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๑
๒๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ครั้งแรกข้าพเจ้าได้รับการชักชวนจากพี่ไกรวาส ซึ่งเป็น
พีพ่ ยาบาลในภาควิชาวิสญั ญีวทิ ยา และเป็นภาควิชาทีข่ า้ พเจ้าสังกัดอยู่
ให้เข้ามาช่วยเป็นหนึ่งในทีมแพทย์ท่ีมีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง ใน
โครงการเรียนรูด้ กู ายใจ ด้วยธรรมะ ธรรมชาติ ซึง่ โครงการฯ นี้
เป็นการบำ�บัดรักษาผู้ป่วยโดยไม่ใช้ยาในการรักษาใด ๆ ทั้งสิ้น
ข้าพเจ้ารีบตอบตกลงในทันที เนือ่ งจากโดยส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้ามีความ
ปรารถนาอย่างยิง่ ทีจ่ ะใช้วชิ าความรูข้ องตนเองในฐานะแพทย์ให้เป็น
ประโยชน์ตอ่ ผูป้ ว่ ยโรคมะเร็งเป็นทุนเดิมอยูแ่ ล้ว เหตุกเ็ นือ่ งจากข้าพเจ้า
มีความรู้เฉพาะทางด้านการระงับความปวดแก่ผ้ปู ่วย ท่านผู้อ่านอาจ
สงสัยว่าการระงับปวดกับผูป้ ว่ ยโรคมะเร็งมีความสัมพันธ์กนั อย่างไร ขอ
อธิบายให้เห็นภาพว่า ผูป้ ว่ ยโรคมะเร็งโดยเฉพาะผูป้ ว่ ยมะเร็งในระยะ
สุดท้าย โดยส่วนใหญ่จะได้รบั ความทุกข์ทรมานจากอาการปวดของ
ตัวโรคเอง หรือจากการแพร่กระจายของโรค ข้าพเจ้าจึงต้องเข้าไป
ทำ�หน้าทีร่ กั ษาและระงับความปวดให้กบั ผูป้ ว่ ยมะเร็งในรายทีจ่ �ำ เป็น
ด้วยการใช้ยาและการทำ�หัตถการ เพื่อลดหรือระงับความปวดให้
ทุเลาหรือหายไป ให้ผปู้ ว่ ยมีคณ ุ ภาพชีวติ ทีด่ ขี น้ึ หลาย ๆ ครัง้ พบว่า
เมื่อผู้ป่วยมะเร็งที่ข้าพเจ้าดูแลกลับมาติดตามการรักษาที่โรงพยาบาล
ผูป้ ว่ ยบางรายก็ระบายความรูส้ กึ ในใจทีท่ �ำ ให้ผปู้ ว่ ยเป็นกังวลให้ขา้ พเจ้า
ฟังอยูเ่ สมอ ๆ ทำ�ให้ขา้ พเจ้าเข้าใจและเห็นใจผูป้ ว่ ยในกลุม่ นีม้ าก แล้ว
เมือ่ ใดก็ตามทีไ่ ด้มโี อกาสรักษาความปวดให้ผปู้ ว่ ยมีอาการดีขน้ึ ข้าพเจ้า
จะรูส้ กึ ดีใจ ปลืม้ ใจทุกครัง้ ดังนัน้ การขออาสาสมัครเพือ่ เป็นหนึง่ ใน
ทีมแพทย์ ทีช่ ว่ ยเหลือผูป้ ว่ ยมะเร็งในโครงการฯ จึงเป็นการตอบตกลง
โดยไม่คดิ ทีจ่ ะลังเลใจหรือสงสัยเลย
การรักษาผู้ป่วยมะเร็งโดยหลักการของการแพทย์แผน
ปัจจุบนั จะเริม่ จากการรักษาด้วยวิธกี ารผ่าตัด ให้เคมีบ�ำ บัดและสิน้ สุด
ทีก่ ารรักษาด้วยการฉายแสง อย่างใดอย่างหนึง่ หรือทัง้ ๓ อย่างร่วม
กัน ขึน้ กับระยะและความรุนแรงของโรค ซึง่ ในความคิดของข้าพเจ้า
และในทฤษฏีรวมถึงงานวิจัยทางการแพทย์กล่าวไว้ว่า การรักษาโรค
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๓
๒๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๕
๒๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๗
๒๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๙
๓๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๓๑
๓๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
รวมไปถึงการดูแลผู้เข้าร่วมโครงการตลอดระยะเวลาถึงหนึ่งเดือนเต็ม
แต่ความสนใจ ณ ขณะนัน้ อยูท่ ่ี ความต้องการให้เพือ่ นคนหนึง่ ซึง่ กำ�ลัง
ป่วยในระยะสุดท้าย ได้มโี อกาสเข้าร่วมโครงการด้วย จึงได้เรียนถาม
เพิม่ เติมถึงรายละเอียดและยิง่ ทำ�ให้รวู้ า่ ผูป้ ว่ ยท่านใดก็ตามทีไ่ ด้มโี อกาส
เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล แต่เป็นที่น่า
เสียดายทีเ่ พือ่ นไม่ได้มโี อกาสนัน้ “กบ” เสียชีวติ เพียงชัว่ โมงเดียว หลัง
จากทีโ่ ทรศัพท์เล่าให้ฟงั และชวนมาเข้าร่วมโครงการ ความเสียใจตรง
นั้นเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ได้เข้าไปกราบเรียนท่านในภายหลังว่า ขอ
โอกาสในการเข้ามาช่วยในโครงการนี้ หากว่ากุศลใด ๆ จะเกิดขึน้ ใน
การทุม่ เทแรงกายและแรงใจเพือ่ ช่วยผูป้ ว่ ยคนอืน่ บ้างก็ขออุทศิ ให้ “กบ”
ต่อไป ท่านก็ให้ความกรุณา จึงเรียนท่านว่ายังต้องทำ�งานประจำ� และ
จะมาช่วยได้ คือเวลาหลังเลิกงานและวันเสาร์-อาทิตย์
ก่อนเริม่ โครงการจริงไม่กว่ี นั ได้กราบเรียนถามพระอาจารย์
วิโรจน์ ถึงเรือ่ งอาหารสำ�หรับผูท้ จ่ี ะเข้าร่วมและเกิดแนวคิดของการจัดหา
ผั ก ปลอดสารพิ ษ เพื่อ การประกอบอาหาร และในที่สุด ก็ ไ ด้ รับ การ
สนับสนุนจากแผนงานผักปลอดภัยจากสารพิษ จังหวัดขอนแก่น ณ เวลา
นัน้ รูส้ กึ ดีใจมาก ทีไ่ ด้ท�ำ อะไรทีเ่ ป็นการตอบแทนสำ�นักปฏิบตั ธิ รรมสวน
เวฬุวนั และตอบแทนคุณครูบาอาจารย์
ในช่วงเริม่ ต้นของโครงการ ก็ได้เห็นความเสียสละของผูค้ น
มากมายทีม่ าจากต่างทีต่ า่ งถิน่ กัน ทีม่ าช่วยงานด้วยความรูส้ กึ เดียวกัน
คือ การช่วยเหลือผูอ้ น่ื รูส้ กึ อิม่ เอมใจทีใ่ นขณะทีส่ งั คมไทยปัจจุบนั เต็ม
ไปด้วยสภาพวัตถุนยิ ม สภาพการแข่งขันเอารัดเอาเปรียบกัน ยังมีอกี
กลุม่ คนหนึง่ ทีย่ นื หยัดอยูไ่ ด้ดว้ ยแนวคิดของความเสียสละและทำ�เพือ่ คน
อืน่ โดยไม่หวังสิง่ ตอบแทน พี่ ๆ หลายคนต้องจากบ้านมาร่วมเดือนเพือ่
มาช่วยงานโครงการทีส่ ำ�นักฯ น้องบางคนลางานมาและต้องกลับเพือ่
ไปทำ�งานประจำ�หรือเรียนต่อ แต่ทกุ คนก็เต็มใจและเต็มทีก่ บั งาน และ
คิดว่าตัวเราเองเสียอีกที่เข้ามาถึงที่สำ�นักฯทีไร ก็เป็นเวลาเสร็จงาน
ประจำ�ทีค่ รัวแล้ว เข้ามากินมือ้ เย็นแสนอร่อยแล้วก็กลับออกไป ในช่วง
สองสัปดาห์ทา้ ยของโครงการ จึงได้เข้ามาพักทีส่ �ำ นักฯบ่อยขึน้ เพือ่ จะ
ช่วยงานในครัวตอนเช้าได้บา้ ง และกลับเข้าทีท่ �ำ งานต่อในตอนสาย นับ
ว่าเป็นช่วงเวลาทีม่ คี วามสุขทางใจอย่างเปีย่ มล้น จากความเชือ่ เดิมทีว่ า่
ถ้าคิดดี ทำ�ดี จะเจอแต่คนดี ความเชือ่ นีก้ ไ็ ด้รบั การพิสจู น์อกี ครัง้ หนึง่
บรรยากาศทีไ่ ด้เจอเต็มไปด้วยความห่วงใยทัง้ แก่ผปู้ ฎิบตั ใิ นโครงการและ
ความห่วงใยที่มีให้กันเองในคณะทำ�งาน เมื่อเทียบกับสภาพที่เจอในที่
ทำ�งาน ณ ช่วงเวลานัน้ แล้ว ทำ�ให้การเข้ามาทีส่ �ำ นักฯ เพือ่ ช่วยงานใน
แต่ละวันเป็นสิง่ ทีเ่ ฝ้ารอ
ช่วงระยะเวลาที่เข้ามาอยู่ช่วยงานในโครงการก็พบว่าเป็น
เวลาที่มีคุณค่า ที่นอกเหนือจากการได้ร่วมทำ�งานกับพี่ๆ น้องๆ ที่
สำ�นักฯ แล้ว ยังได้เรียนรูถ้ งึ แนวคิดการดูแลสุขภาพ ทีจ่ ะเป็นประโยชน์
ต่อไป อย่างน้อยทีส่ ดุ ได้ใช้กบั ตัวเอง รวมถึงได้มโี อกาสขยายค้นคว้าต่อ
ยอด และเผยแพร่ความรูใ้ นฐานะผูส้ อนในสถาบันการศึกษาด้วย นีน่ บั
เป็นโอกาสอันดีทไ่ี ม่ใช่เพียงแค่รบั ฟังหรือรับทราบ แต่ได้มโี อกาสเรียนรู้
ในกระบวนการ และได้เห็นสภาพจริงๆ ได้รบั การถ่ายทอดแนวคิดการ
รับประทานอาหารเพือ่ สุขภาพ โดยผูร้ จู้ ริงอย่างพีอ่ อ้ ยและพีโ่ มทย์ ทำ�ให้
ทุกวันนีเ้ ลือก และระมัดระวังในการกินอาหารมากขึน้ จนเป็นนิสยั ติดตัว
ทีไ่ ม่ใช่กนิ อะไรก็ได้เหมือนแต่กอ่ น
แทบไม่ต้องถามทบทวนกับตัวเองเลยว่า การเข้ามาร่วม
ทำ�งานในโครงการนีไ้ ด้อะไรบ้าง ทีไ่ ม่ใช่เพียงแค่เด็ดผัก ล้างจานหรือ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๓๓
๓๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๓๕
๓๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
จากความโชคดีของผมที่มีแฟนป่วยเป็นมะเร็ง จึงได้พลิก
ผันชีวิตให้ผมได้มีโอกาสไปเรียนรู้เกี่ยวกับวิชาการแพทย์ทางเลือกของ
ดร. รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์ุวงศ์ ที่ชมรมบ้านสุขภาพ อำ�เภอบ้านฉาง
จังหวัดระยอง ใช้เวลาในการเรียนรู้ ๑ เดือน ในการนีก้ ม็ พี ระอาจารย์
วิโรจน์เป็นผูค้ ดั เลือกบุคคลต่างๆ จำ�นวน ๔ คน คือ คุณอ้อย คุณกล้วย
คุณหน่อย และก็ผม นายฐิติวัชร์
วิชาการแพทย์ทางเลือกที่พระอาจารย์วิโรจน์เลือกเอามา
สำ � หรั บ ดู แ ลผู้ เ ข้ า ร่ ว ม “โครงการเรี ย นรู้ ดู ก ายใจด้ ว ยธรรมะ
ธรรมชาติ” คือ การใช้ธรรมชาติบำ�บัด ให้อาหารที่สะอาด ถูกต้อง
น้ำ � ผั ก ปั่ น และน้ำ � เอนไซม์ ในโครงการเรี ย นรู้ ดู ก ายใจด้ ว ยธรรมะ
ธรรมชาติ ของสำ�นักปฏิบตั ธิ รรมสวนเวฬุวนั จ.ขอนแก่น เริม่ โครงการ
วันที่ ๑๕ มกราคม - ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ระยะเวลาโครงการที่
นานที่สุดถึง ๑ เดือน โดยการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ คือ คุณ
อ้อยเป็นผูห้ ญิง รับผิดชอบงานหนักคือ การทำ�อาหาร คุณกล้วยผูห้ ญิง
เหมือนกันรับผิดชอบเรื่องสลัด คุณหน่อยเป็นผู้ชายรับผิดชอบเรื่องน้ำ�
เอนไซม์ ส่วนผมรับผิดชอบเรื่อง น้ำ�ผักปั่น น้ำ�โหระพา น้ำ�นมธัญพืช
ผมตืน่ เต้นมาก เนือ่ งจากไม่เคยต้องรับผิดชอบการดูแลผู้
ป่วยจำ�นวนมากขนาดนี้ แต่ก็มั่นใจในวิชาที่ได้เรียนรู้มา และก็เกิด
ความภูมิใจมาก และดีใจมากที่สุดในชีวิตที่ผมมีโอกาสได้ให้ความช่วย
เหลือได้ใช้ความรู้ และได้ให้ก�ำ ลังใจแก่คนทีเ่ จ็บป่วย หมดหวัง มีความ
ทุกข์ ความเครียด ได้มีความรู้สึกดีขึ้น คลายกังวล มีความหวังขึ้นมา
มันช่างเป็นความสุขที่ไม่มีโอกาสได้พบอีกแล้ว ใบหน้าของผู้เข้าร่วม
โครงการในวันแรก ๆ กับใบหน้าของแต่ละท่านในวันต่อ ๆ มาโดย
เฉพาะวันที่ใกล้จบโครงการเป็นไปในทางที่ดีขึ้นอย่างน่าชื่นใจ
ในช่วงการเข้าโครงการ ผมต้องดูแลในส่วนทีร่ บั ผิดชอบนัน้
การทำ�น้ำ�ผักปั่น ๓ เวลา การทำ�น้ำ�นมธัญพืชให้พอดี การประมาณ
การวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากมีจำ�นวนผู้ดื่มมาก ทำ�ให้มีความกังวลบ้าง
แต่ผมก็ใช้วิธีสวดมนต์บทอิติปิโสฯ ตลอดเวลา ทำ�ให้มีสติในการ
ทำ�งาน ตัง้ แต่ตน่ื นอน จนกระทัง่ เวลาทีท่ �ำ การปรุงส่วนผสมต่าง ๆ
จนผมอดประหลาดใจไม่ได้วา่ ทุกอย่างช่างเหมาะเจาะ พอดี ไม่มกี าร
ผิดพลาดเกิดขึ้นเลย และก็ดีใจตอนที่ท่านพระครูปลัดสิทธิวรวัฒน์
ท่านเรียกว่า “น้ำ�ผักปั่นอิติปิโส”
เพราะเป็นวิชาการแพทย์ทางเลือกที่ยังใหม่สำ�หรับคนไทย
ซึ่งวิชาการนี้มันเหมาะกับชีวิตของคนในปัจจุบันนี้มาก คือ ความพอ
เพียง จึงมีผู้คนสนใจถามไถ่จ�ำ นวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมโครงการ
พระคุณเจ้า ญาติธรรม และแม้แต่แพทย์รว่ มกับพยาบาลทุกท่าน ทีเ่ ข้า
มาให้การดูแลและช่วยเหลือต่าง ๆ ในโครงการนี้ ผมได้มโี อกาสอธิบาย
และแลกเปลีย่ นความรูก้ บั หลายท่าน ผมมีโอกาสแนะนำ�การทำ�น�้ำ หมัก
ชีวภาพหรือน�้ำ เอนไซม์ไว้ดมื่ การหมักน�้ำ หมักสำ�หรับพืช สัตว์ การทำ�
น้ำ�ผักปั่น น้ำ�นมธัญพืชและการดูแลสุขภาพตัวเอง เพื่อให้ทุกท่านได้มี
โอกาสนำ�กลับไปดูแลตัวเอง ครอบครัว และญาติธรรม โดยเฉพาะการ
ทำ�น้ำ�ยาล้างตาตามคำ�แนะนำ�ของ ดร.รสสุคนธ์ เพื่อล้างหู ล้างตา
และจมูกให้กบั ทุกคนภายในสำ�นักปฏิบตั ธิ รรมสวนเวฬุวนั จึงมีค�ำ หยอก
ล้อว่า “หมอเถื่อน”
ผลกรรมอันใดที่ผมได้ทำ�ลงไปด้วยเจตนา ไม่เจตนา พลั้ง
เผลอจะด้วยกาย วาจา ใจ ต่อทุก ๆ ท่าน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๓๙
๔๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๔๑
๔๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
๑. ป่วยจากจิต
สภาวะจิตหรือสภาพจิตที่ไม่สงบ ปล่อยให้อารมณ์ต่างๆพุ่ง
พล่านในจิตอยู่เสมอ รวมไปถึงการคิดไม่ดีต่อคนอื่นและความคิดที่
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๔๓
๔๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
เวลาที่เราโกรธ หัวใจจะเต้นแรงขึ้น
เวลาเครียด ความดันโลหิตจะเพิ่มขึ้น
ความวิตกกังวล เป็นสาเหตุหนึง่ ของโรคกระเพาะอาหาร
จิตอิจฉาริษยา ก่อให้เกิดปัจจัยของมะเร็งขึ้นมาได้
การที่คอยจับผิดคนอื่น ทำ�ให้ไขมันเพิ่มขึ้นได้
การตื่นเต้นง่าย ทำ�ให้โคเลสเตอรอลเพิ่มขึ้นได้
คนขี้ใจน้อย ชอบดูถูกตัวเอง มักจะเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่าย
๒. ป่วยจากเหตุปัจจัยอื่น ๆ
ปัจจัยอื่น ๆ ที่มาเกี่ยวข้องกับชีวิตของเรา สามารถมีส่วน
ทำ�ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้นกับตัวของเราได้ประมาณร้อยละ ๒๐ ของ
สาเหตุทที่ �ำ ให้เกิดโรคทัง้ หมด เช่น อาหาร ลักษณะการใช้ชวี ติ ประจำ�
วัน มลภาวะ เชื้อโรค พลังงานที่มองไม่เห็น พันธุกรรม กรรมเก่า
เป็นต้น
อาหารที่ใส่ผงชูรส วัตถุกันเสีย สารเคมีปรุงแต่งสี กลิ่น
รส แม้แต่น้ำ�ตาลเทียมก็ตาม ผักผลไม้ที่มียาฆ่าแมลงหรือยากันเชื้อรา
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๔๕
๔๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ยาเร่งทั้งหลายตกค้างอยู่ เนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่มีฮอร์โมน
เร่งการเจริญเติบโต ยาปฏิชีวนะหรือยาอื่น ๆ ตกค้างอยู่ ล้วนแต่ไม่ใช่
อาหารทีด่ ตี อ่ สุขภาพและมีสว่ นทำ�ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ทงั้ สิน้ รวมทัง้
น้ำ�อัดลมซึ่งมีความเป็นกรดสูง และมีน้ำ�ตาลผสมอยู่มาก ก็ไม่เหมาะ
จะดื่มเป็นประจำ�เช่นกัน
ลักษณะการใช้ชีวิตประจำ�วันที่บั่นทอนสุขภาพจนนำ�ไปสู่
การเจ็บไข้ได้ปว่ ย ซึง่ เป็นพฤติกรรมทีห่ ลายคนปฏิบตั อิ ยูเ่ ป็นประจำ� เช่น
การนอนดึก ไม่ขับถ่ายทุกเช้า ไม่รับประทานอาหารเช้าให้เพียงพอต่อ
ความต้องการของร่างกาย การดื่มน้ำ�เปล่าน้อยเกินไปในแต่ละวัน แม้
กระทั่งการ ยืน เดิน นั่ง นอน การยกของหนัก โดยใช้ท่าทางที่ไม่
เหมาะสม เป็นสาเหตุของอาการเจ็บป่วยได้ทั้งสิ้น
อนึง่ การอยูใ่ นมลภาวะทีบ่ นั่ ทอนสุขภาพกายและสุขภาพ
จิต เช่น อยู่ในบริเวณที่อากาศไม่ดี มีฝุ่นหรือควันมาก มีเสียงดังเกิน
ไป มีแสงทีแ่ รงจ้าเกินไปมารบกวนสายตาอยูเ่ ป็นประจำ�หรือการสัมผัส
กับพลังงานที่มองไม่เห็นมากเกินไป เช่น คลื่นสัญญาณจากโทรศัพท์
เคลื่อนที่ คลื่นไมโครเวฟ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รังสีเอ็กซเรย์ รังสีจาก
จอคอมพิวเตอร์ รังสียวู ี เป็นต้น ล้วนเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยเช่น
เดียวกัน
มีเรื่องที่น่าสังเกตประการหนึ่งคือ ผู้หญิงซึ่งส่วนใหญ่จะ
ดูแลสุขภาพของตัวเองดีกว่าผูช้ าย แต่กลับมีสถิตกิ ารเป็นมะเร็งมากกว่า
ผู้ชาย จึงน่าสงสัยว่าสิ่งที่เพิ่มปัจจัยเสี่ยงให้กับผู้หญิง น่าจะเป็นเครื่อง
เสริมความงามทัง้ หลายทีผ่ หู้ ญิงใช้กนั หรือไม่ เพราะเป็นสิง่ ทีผ่ ชู้ ายส่วน
ใหญ่ไม่ได้ใช้ หรือถ้าใช้ก็น้อยกว่าผู้หญิงมาก แสดงว่าสารตะกั่ว สาร
ปรอท หรือสารเคมีอื่น ๆ ที่อยู่ในเครื่องสำ�อางอาจจะค่อย ๆ ซึมผ่าน
ผิวหนังเข้าสูก่ ระแสเลือด แล้วมาสะสมอยูใ่ นร่างกาย จนเป็นเหตุปจั จัย
ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้นในวันหนึ่งได้
เราจะเห็นได้ว่าอาหาร เครื่องดื่ม และเหตุปัจจัยต่าง ๆ
ที่กล่าวมานี้ หลายคนบริโภค และประพฤติปฏิบัติตัวเช่นนี้อย่างเป็น
ปกติในชีวติ ประจำ�วัน จึงไม่ใช่เรือ่ งน่าแปลกอะไรทีผ่ คู้ นจะเจ็บไข้ได้ปว่ ย
กันมาก เรียกว่าเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคภูมแิ พ้ ฯลฯ
กันอย่างเป็นปกติเลยทีเดียว แล้วก็มาบ่นกันว่าอยู่ดี ๆ ก็เป็นโรคนั้น
โรคนี้ขึ้นมา แต่ความจริงแล้วเพราะอยู่กันไม่ดีมานานแล้วต่างหาก
นานจนพฤติกรรมที่ไม่ดีเหล่านี้กลายมาเป็นเรื่องปกติของชีวิตไปแล้ว
ในเมือ่ กว่าร้อยละ ๙๐ ของสาเหตุทท่ี �ำ ให้เกิดการเจ็บป่วย
นัน้ มาจากตัวของเราเอง ทัง้ จากความคิด จิตใจและพฤติกรรมการ
ดำ�เนินชีวติ ของเรา ถ้าหากเรา คิดดี พูดดี ทำ�ดี รับประทานอาหารให้
เหมาะสมและพอเหมาะกับสภาพร่างกายของเรา ไม่ให้อะไรมากเกินไป
หรือน้อยเกินไปจนไปทำ�ลายสมดุลของธาตุดนิ น�ำ้ ลม ไฟ ในร่างกาย
ของเรา ไม่อยูใ่ นสถานทีท่ เ่ี ป็นมลภาวะ ขับถ่ายก่อน ๐๗.๐๐ น.ทุก ๆ
เช้า ดืม่ น้ำ�เปล่าให้เพียงพอ พักผ่อนให้เพียงพอไม่ควรนอนดึก และข้อ
สำ�คัญ ต้องหมัน่ รักษาศีล เจริญภาวนาเป็นประจำ� ก็จะช่วยให้เกิดสมดุล
ของชีวติ ทีด่ ไี ด้ในระดับหนึง่ การรักษาศีล เจริญภาวนานี้ เป็นการสร้าง
ความสุขทีไ่ ม่ตอ้ งพึง่ สัมผัสทาง รูป รส กลิน่ เสียง และสัมผัสทางกาย
มาปรุงแต่งให้มคี วามสุข
การรักษาศีล เจริญภาวนา และเปลีย่ นพฤติกรรมทัง้ ความ
คิด การพูด การกระทำ�ให้เป็นไปในทางที่ดีนั้น ก็มีโอกาสจะทำ�ให้
สภาวะการทำ�งานของร่างกายเปลีย่ นในทางทีด่ ไี ด้ดว้ ย ทัง้ นีก้ ข็ นึ้ อยูก่ บั
เหตุปัจจัยทั้งของเก่าและของใหม่ (เช่น พฤติกรรมและองค์ประกอบ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๔๗
๔๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๔๙
๕๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
มะเร็ง
๕๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
มะเร็ง
ความหมายของโรคมะเร็ง
มะเร็งเกิดจากความผิดปกติของสารพันธุกรรมหรือที่ทาง
การแพทย์เรียกว่า DNA หรือยีนของเซลล์นนั้ จนมีผลให้รา่ งกายสร้าง
เซลล์ที่ผิดปกติเพิ่มจำ�นวนขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ไม่สามารถควบคุมจำ�นวน
ได้ เซลล์ที่ผิดปกตินี้เรียกว่า เซลล์มะเร็งนั่นเอง โดยเชื่อกันว่า ใน
ร่างกายของคนเราทุกคนมียีนตัวนี้อยู่แล้ว แต่ยังคงอยู่ในสภาวะสงบ
ยังไม่ก่อให้เกิดโรค จนกระทั่งร่างกายได้รับการกระตุ้นโดยการสะสม
ของอนุมูลอิสระ (Free Radicals) และสารก่อมะเร็ง (Carcinogen)
เช่น การได้รับสารพิษจากเชื้อรา เชื้อจุลินทรีย์ สารเคมีต่าง ๆ การ
ปนเปื้อนของอาหารที่ได้รับประทานเข้าไปเป็นเวลายาวนาน ตลอด
จนการได้รับควันพิษจากท่อไอเสีย รับสารไฮโดรคาร์บอนจากอาหาร
จำ�พวกปิ้ง ย่าง รมควัน จะทำ�ให้ยีนปกติมีความผิดปกติในระดับ
โมเลกุล กลายเป็นยีนก่อมะเร็ง และก่อให้เกิดความผิดปกติของเซลล์
จนเกิดโรคมะเร็งขึ้นในอวัยวะต่างๆ ของคนเรา มะเร็งสามารถเกิดได้
เกือบทุกส่วนของร่างกาย แต่ที่พบมาก ได้แก่
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๕๓
๕๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
มะเร็งปากมดลูก พบมากในเพศหญิงที่มีอายุระหว่าง
๔๙-๕๙ ปี สาเหตุ สำ � คั ญ เกิ ด จากการติ ด เชื้ อ ไวรั ส HPV
(Human Papiloma Viruses) ทีเ่ กิดจากการระคายเคืองจากการคลอด
บุตรมาก หรือมีเพศสัมพันธ์มาก มักพบในสตรีที่มีประวัติการอักเสบ
เรื้อรังของปากมดลูก การตรวจหามะเร็งชนิดนี้ควรตรวจหลังหมด
ประจำ�เดือน ๑ สัปดาห์ มะเร็งปากมดลูกนี้สามารถป้องกันและรักษา
ให้หายขาดได้หากตรวจพบในระยะเริ่มต้น โดยวิธีตรวจวินิจฉัยที่เป็น
มาตรฐาน คือการตรวจภายในและทำ� Pap Smear ซึ่งแนะนำ�ให้เริ่ม
ทำ�ตั้งแต่อายุ ๑๘ ปีหลังจากที่เคยมีประวัติเพศสัมพันธ์
มะเร็งลำ�ไส้ใหญ่ มักพบกับผู้ที่รับประทานอาหารประเภท
เนื้อสัตว์ และไขมันในปริมาณสูง และเกิดจากการรับประทานอาหาร
ที่มีกากน้อย ทำ�ให้เกิดการท้องผูก และมีการคั่งค้างของอุจจาระใน
ลำ�ไส้ใหญ่ เยื่อบุลำ�ไส้ จึงมีโอกาสสัมผัสกับสารก่อมะเร็ง รวมทั้งอาจ
เกิดจากการอักเสบ หรือแผลเรื้อรังในลำ�ไส้ใหญ่ นอกจากนั้นโรคทาง
กรรมพันธุ์บางอย่างทำ�ให้เพิ่มอัตราเสี่ยงกับมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่ด้วย
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๕๕
๕๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ปัจจัยส่งเสริมให้เกิดมะเร็ง
๑. เกิดจากการบริโภคอาหาร
การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น อาหารที่มี
ไขมันสูง อาหารทีม่ รี สเค็มจัด และอาหารทีม่ สี ว่ นผสมของสารก่อมะเร็ง
อาทิ สารกันบูด สีผสมอาหาร สารหนู ดินประสิว อาหารปิ้ง-ย่างที่
ไหม้เกรียม อาหารที่มีส่วนผสมของฟอร์มาลีน สารเร่งเนื้อแดง สาร
เร่งการเติบโต ผงฟอกขาว พืชผักผลไม้ที่มีสารพิษ หรือยาฆ่าแมลง
ตกค้าง การบริโภคอาหารทะเลทีม่ สี ารคาร์บอนไดออกไซด์ในเนือ้ เป็น
ปริมาณมาก การรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารดองเค็ม
อาหารทอดด้วยน้ำ�มันทอดซ้ำ� การรับประทานอาหารที่มีเชื้อราที่มี
สารพิษอะฟลาทอกซิน มักพบในถั่วลิสง อาหารทะเลแห้ง เป็นต้น
๒. เกิดจากภูมิต้านทานบกพร่องหรือล้มเหลว
อาจเกิดจากความผิดปกติของร่างกายเอง เช่น เกิดจาก
ความพิการมาแต่กำ�เนิด กรรมพันธุ์ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เซลล์เม็ด
เลือดขาวบกพร่อง ทำ�ให้เซลล์เม็ดเลือดขาวไม่สามารถกำ�จัดเซลล์แปลก
ปลอมทิ้งได้ทันก่อนที่มันจะเติบโตกลายเป็นก้อนเนื้อร้าย การขาด
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๕๗
๕๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
๓. เกิดจากการสัมผัสสารก่อมะเร็ง
การสูดควันพิษทั้งจากท่อไอเสียรถยนต์ ควันพิษจากแก๊ส
การเชือ่ ม การอ๊อกโลหะ ควันจากการเผาไหม้ทมี่ สี ว่ นประกอบของสาร
ไฮโดรคาร์บอน ผงฝุ่นละอองในอากาศ การเสพยาเสพติด สาร
ระเหย การสูบบุหรี่ โดยในบุหรีจ่ ะมีสารทาร์และนิโคติน ซึง่ ผูท้ สี่ บู บุหรี่
มากกว่า ๒๐ มวน/วัน ติดต่อกันเป็นเวลา ๑๐ ปี จะมีอัตราเสี่ยงต่อ
การเกิดโรคมะเร็งได้ ๘-๑๐ เท่าของผู้ที่ไม่สูบ การดื่มเครื่องดื่มที่มี
แอลกอฮอล์ในปริมาณมากและบ่อยจนเกินไป เพราะการรับแอลกอฮอล์
มากกว่า ๖๐ กรัมของเอทานอลต่อวัน เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น
๙ เท่า
๔. เกิดจากมีสารอนุมลู อิสระเข้าไปในร่างกายมากเกินไป
เมื่อใดก็ตามที่อนุมูลอิสระเข้าไปในร่างกายของเรา ไม่ว่า
จะจากการรับประทานอาหาร หรือจากอากาศทีเ่ ราหายใจเข้าไป หรือ
ถูกสร้างภายในร่างกายเรา อนุมูลอิสระนี้จะเข้าไปดึงเอาอิเล็คตรอน
จากเซลล์ในร่างกายมาเข้าคู่กับตัวมันเพื่อให้เกิดความเสถียร อนุมูล
อิสระสามารถรวมตัวกับ สารพันธุกรรม DNA ทำ�ให้ DNA มีความ
ผิดปกติเกิดการกลายพันธุ์ ส่งผลให้เกิดเซลล์ใหม่ทผี่ ดิ ปกติไปจากเซลล์
เดิม เซลล์ใหม่ที่เกิดขึ้นนี้จึงเป็นเซลล์แปลกปลอมในร่างกาย หรือที่
เรียกว่าเซลล์มะเร็งนั่นเอง
๕. เกิดจากความเครียด
โดยอาจเกิดจากการอยูใ่ นสถานทีท่ มี่ เี สียงดังเกินขนาดเป็น
เวลานาน เกิดจากความคาดหวังในเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ เวลา
สถานทีใ่ นสังคมปัจจุบนั อันไม่อาจตอบสนองความต้องการทางอารมณ์
ได้ ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดในจิตใจ ทำ�ให้เกิดปฏิกิริยาเคมีใน
ร่างกาย เวลาที่เราโกรธหรือมีอารมณ์ซึมเศร้า ผิดหวัง เสียใจ ต่อม
ไร้ท่อจะผลิตฮอร์โมนที่ตอบสนองต่ออารมณ์ดังกล่าว ส่งผลให้อนุมูล
อิสระในร่างกายเพิม่ มากขึน้ หัวใจเต้นเร็ว ระบบหายใจผิดปกติ ระบบ
ย่อยอาหารทำ�งานได้นอ้ ยลง ระบบเลือดขึน้ สูงลงต�่ำ ตลอดเวลา ระบบ
สมอง และประสาทเกิดการเปลีย่ นแปลง ซึง่ ก่อให้เกิดผลร้ายต่ออวัยวะ
ของร่างกาย และทำ�ให้ภูมิต้านทานภายในตัวลดลง
ส่วนใหญ่แล้วการเกิดมะเร็งนั้น ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใด
สาเหตุหนึ่ง แต่มักเกิดจากหลาย ๆ สาเหตุประกอบกัน และมักจะเกิด
ขึ้นพร้อม ๆ กัน ทั้งอาจจะมาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารสมัย
ใหม่ที่ผิด ๆ โดยมะเร็งนั้นสัมพันธ์กับองค์ประกอบ ๔ ประการใน
อาหารสมัยใหม่ ได้แก่ ไขมัน โปรตีนและแคลอรี่ที่มากเกินไป รวมถึง
อาหารที่มีกากน้อยเกินไป ประกอบกับการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มี
มลภาวะสูง ได้รับสารก่อมะเร็งอย่างต่อเนื่องและเป็นเวลานาน รวม
ทั้งมีอาการเครียดด้วย เป็นต้น
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๕๙
๖๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
อาการเริ่มต้นของโรคมะเร็ง
กระบวนการเกิดเซลล์มะเร็ง
ร่างกายเราประกอบไปด้วยอวัยวะต่างๆ อวัยวะจะประกอบ
ด้วยเซลล์ กลุ่มของเซลล์ที่มีรูปร่างและทำ�หน้าที่เหมือนกันรวมตัว
กันเป็นอวัยวะ หลายอวัยวะมาทำ�งานร่วมกันเป็นระบบหลาย ๆ ระบบ
ทำ�งานร่วมกันเป็นร่างกายของคนเรา เซลล์ต่าง ๆ จะมีอายุ เมื่อตาย
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๖๑
๖๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ที่มา http://www.kanchanapisek.or.th/kp6/BOOK9/chapter6/t9-6-l1.htm#sect1
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๖๓
๖๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ความรุนแรงของเซลล์มะเร็ง
ในด้านการรักษามีการแบ่งความรุนแรงของมะเร็งตาม
ระยะของโรค โดยเซลล์มะเร็งแบ่งออกเป็น ๔ ระยะตามการลุกลาม
ของโรค ดังนี้
ระยะที่ ๑ เซลล์มะเร็งยังจำ�กัดอยู่ในเฉพาะบริเวณที่เป็น
ยังไม่รบกวนเนื้อเยื่อข้างเคียง
ระยะที่ ๒ เซลล์มะเร็งเริ่มลุกลามถึงเนื้อเยื่อข้างเคียง แต่
ยังไม่ลามออกไปไกลเกินกว่าอวัยวะนั้น ๆ
ระยะที่ ๓ เ ซลล์มะเร็งลุกลามไปยังต่อมน�้ำ เหลืองใกล้เคียง
และกระแสโลหิต
ระยะที่ ๔ เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ของ
ร่างกาย และเข้าไปทำ�ลายเซลล์เนื้อเยื่อในร่างกายให้เสื่อมสภาพลง
อย่างรวดเร็ว
การแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
เซลล์มะเร็งเกิดจากการสะสมของสารก่อมะเร็งทีไ่ ม่สามารถ
เผาผลาญเป็นพลังงานได้ โดยเซลล์มะเร็งจะเติบโตและขยายตัวไปได้
เรื่อยๆ ด้วยการได้รับอาหารและออกซิเจน ซึ่งอาหารของมะเร็งนั้น
มาจาก ไขมัน โปรตีน และน�้ำ ตาล ยิง่ ถ้าได้รบั อาหารและออกซิเจน
เข้าไปมากเท่าไหร่ กระบวนการแบ่งตัวภายในเซลล์มะเร็งจะยิ่ง
ขยายตัวออกไปเรื่อย ๆ แบบทวีคูณ และจะแบ่งเซลล์ผิดปกติกลาย
เป็นเซลล์เนื้อร้ายหรือเซลล์มะเร็งต่อไป ซึ่งเซลล์มะเร็งสามารถแพร่
กระจายได้ ๔ วิธี ดังนี้
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๖๕
๖๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
๑. โดยทางกระแสเลือด เซลล์มะเร็งจะหลุดเข้ากระแส
เลือด แล้วไปเจริญเติบโตในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ปอด ตับ กระดูก
สมอง เป็นต้น
๒. โดยทางกระแสน้ำ�เหลือง เซลล์มะเร็งหลุดเข้าหลอด
น้ำ�เหลืองแล้วไปเจริญเติบโตในต่อมน้ำ�เหลืองบริเวณใกล้เคียง ทำ�ให้
ต่อมน้ำ�เหลืองมีขนาดโตได้มาก จากต่อมน้ำ�เหลืองนี้เอง เซลล์มะเร็ง
อาจจะแพร่กระจาย เข้าสู่หลอดเลือดอีกทอดหนึ่งได้
๓. การฝังตัวของเซลล์มะเร็ง (Implantation) เซลล์มะเร็ง
จะหลุดจากตำ�แหน่งเดิม ไปเจริญที่ส่วนอื่น อาจเป็นการหลุดโดย
ธรรมชาติ หรือโดยมีการกระตุ้น เช่น จากการผ่าตัด เป็นต้น
๔. การไปจั บ หรื อ รวมตั ว ตามพื้ น ผิ ว ของผนั ง เยื่ อ บุ
(Transcoelomic) เซลล์มะเร็งจะหลุดจากก้อนมะเร็ง ไปงอกตามพื้น
ผิวของเยือ่ บุตา่ ง ๆ เหมือนกับต้นกาฝาก ทีแ่ พร่จากกิง่ ไม้กงิ่ หนึง่ ไปยัง
กิ่งติด ๆ กัน เช่น ตามพื้นผิวของเยื่อบุช่องท้อง ช่องปอด เป็นต้น
การตายของเซลล์มะเร็ง
เซลล์มะเร็งสามารถตายได้จากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้
๑. แก่ตายตามอายุขยั ของมัน แต่โดยทัว่ ไปเซลล์มะเร็งจะ
ตายช้ากว่าเซลล์ปกติ
๒. ถูกเซลล์มะเร็งด้วยกันเบียดกันตาย เช่น เซลล์ใหม่อาจ
เบียดเซลล์เก่าให้ตายได้โดยแย่งอาหารและออกซิเจนกันเอง
๓. ถูกทำ�ลายโดยเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งจะได้กล่าวถึงต่อ
ไปในเรื่อง “ภูมิคุ้มกัน” (หน้า ๗๑)
๔. ถู ก ทำ � ลายด้ ว ยการรั ก ษาทางแพทย์ แ ผนปั จ จุ บั น
เช่น การผ่าตัด การใช้เคมีบำ�บัด การฉายแสง
วิธีการรักษามะเร็งทางแพทย์แผนปัจจุบัน
๑. ก ารผ่าตัด เป็นวิธีการรักษาที่ได้ทั้งการมุ่งหวังให้โรค
หายขาดในกรณีที่โรคยังเป็นน้อย และเพื่อเป็นการบรรเทาอาการ
ชั่วคราวในกรณีที่โรคเป็นมากแล้ว วิธีการผ่าตัดอาจจะตัดเอาเฉพาะ
ก้อนมะเร็งออกเท่านั้น หรือเลาะเอาต่อมน้ำ�เหลือง และเนื้อเยื่อที่ดี
บริเวณใกล้เคียงออกไปด้วย
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๖๗
๖๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ที่มา www.nci.go.th/knowledge/chem.html
๔. การใช้การรักษาทั้ง ๓ วิธีที่กล่าวมาแล้วร่วมกัน ใน
ปัจจุบันนี้การรักษาโรคมะเร็ง ได้ก้าวผ่านการรักษาตามอาการ และ
การรักษาเพือ่ บรรเทา เข้ามาสูก่ ารรักษาเพือ่ มุง่ หวังให้โรคหายขาดมาก
ขึ้น แต่เดิมการรักษามักจะกระทำ�โดยแพทย์เฉพาะทางฝ่ายเดียว เมื่อ
การรักษาล้มเหลวจากวิธีใดวิธีหนึ่งแล้ว จึงเปลี่ยนมาเป็นอีกวิธีหนึ่ง
ทำ�ให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร ในปัจจุบันนี้จึงนิยมใช้วิธีการรักษา
หลาย ๆ วิธีร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผลการรักษาดีขึ้น หรือ
สะดวกขึ้น อาทิเช่น การผ่าตัดร่วมกับสารเคมีบำ�บัด การผ่าตัดร่วม
กับรังสีรักษาและสารเคมีบำ�บัด รังสีรักษาร่วมกับสารเคมีบำ�บัด เช่น
มะเร็งของอวัยวะต่าง ๆ ที่อยู่ในระยะที่เป็นมากแล้ว เป็นต้น
๕. การรักษาโดยการใช้ฮอร์โมน เนือ่ งจากมะเร็งบางชนิด
มีความไวต่อการรักษาด้วยฮอร์โมน จึงให้ยาเพื่อเปลี่ยนแปลงระดับ
ฮอร์โมน ทำ�ให้เซลล์หยุดการเจริญเติบโต
๖. การรักษาโดยการเพิม่ ภูมคิ มุ้ กันให้กบั ร่างกาย เป็นวิธี
การรักษาที่เพิ่งจะสนใจ และเริ่มใช้กันในวงการแพทย์เมื่อไม่นานมานี้
และนับวันจะยิง่ มีบทบาท มีความสำ�คัญในการรักษาโรคมะเร็งมากขึน้
เรื่อย ๆ ฉะนั้น การกระตุ้นให้ร่างกายมีการสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น จะ
โดยทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม น่าที่จะทำ�ให้มะเร็งที่กำ�ลังเป็นอยู่ใน
บุคคลผู้นั้นมีการฝ่อตัวลง หรือหยุดการเจริญเติบโต หรือโตช้าลง
ในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง แพทย์มีจุดมุ่งหมายของการ
รักษา ๒ ประการ คือ
๑. การรักษาเพื่อมุ่งหวังให้โรคหายขาด การรักษาจะอยู่
ในวงจำ�กัดทีโ่ รคมะเร็งยังอยูใ่ นระยะเพิง่ เริม่ เป็นเท่านัน้ วิธกี ารรักษามี
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๖๙
๗๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ทั้งการรักษาโดยการผ่าตัด หรือการใช้รังสีรักษา
๒. การรักษาเพื่อบรรเทาอาการชั่วคราว สำ�หรับผู้ป่วย
อยู่ในระยะที่เป็นมาก การรักษามิได้มุ่งหวังที่จะทำ�ให้โรคหายขาด แต่
เพื่อทำ�ให้ผู้ป่วยสบายขึ้นชั่วคราว หรือทุเลาจากอาการต่าง ๆ เท่านั้น
ซึง่ อาจจะยืดอายุผปู้ ว่ ยออกไปอีกเล็กน้อย หรือเพือ่ ลดอัตราการโตของ
ก้อนมะเร็งให้ช้าลงชั่วคราว
การรับการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน โดยการใช้ยา
เคมีบำ�บัด การฉายรังสี เป็นการให้ตัวยาที่มีคุณสมบัติยับยั้ง
(Inhibit) และควบคุม (Control) ในการรักษาโรค โดยมองเหตุของ
ความเจ็บป่วยของร่างกายเฉพาะจุดที่มีอาการเป็นหลัก โดยการให้
ตั ว ยาในปริ ม าณที่ เ ข้ ม ข้ น เพื่ อ ทำ � ให้ เ ซลล์ ม ะเร็ ง ถู ก ทำ � ลายอย่ า ง
รวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำ�ลายเซลล์ที่ดีของร่างกายอย่าง
รวดเร็วเช่นกัน และอาจทำ�ลายระบบของอวัยวะสำ�คัญไปด้วย เช่น ตับ
ไต หัวใจ หรือปอด รวมทั้งทำ�ให้จำ�นวนเม็ดเลือดขาวน้อยหรือต่ำ�กว่า
ปกติได้ ภาวะเม็ดเลือดขาวน้อย ทำ�ให้การต้านทานต่อโรคลดลง เกิด
การติดเชื้อได้ง่าย วิธีที่มีประสิทธิภาพที่จะต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง คือ
หยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งโดยการหยุดให้อาหารที่เซลล์
มะเร็งจำ�เป็นต้องนำ�ไปใช้ กล่าวคือ งดโปรตีนและไขมัน และเพิ่ม
สารอาหารทีเ่ ป็นพืชผักธรรมชาติทมี่ สี ารอาหารครบ เพือ่ ให้รา่ งกาย
ค่อย ๆ ฟื้นตัวโดยการสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองอย่างค่อยเป็นค่อย
ไป
๗๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ภูมิคุ้มกัน (Immune)
ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System)
ในรอบ ๆ ตัวเราเต็มไปด้วยเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และ
เชื้อโรคเล็ก ๆ มากมายที่ตาของเรามองไม่เห็น เราต้องสัมผัสกับเชื้อ
โรคตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และในแต่ละวันเราก็สัมผัสกับเชื้อโรคอย่างนับ
ไม่ถว้ น ทำ�ไมเราไม่เจ็บป่วยเพราะเชือ้ โรคเหล่านัน้ หรือหากจะเจ็บป่วย
บ้างแต่ก็ไม่บ่อยนัก การที่เราไม่เจ็บป่วยง่าย ๆ เพราะร่างกายมี
ภูมิคุ้มกัน(หรือภูมิต้านทาน)คอยปกป้องอยู่ ภูมิคุ้มกันเป็นกลไกการ
ป้อ งกั น ตนเองอย่างหนึ่งของร่างกาย เมื่อมี สิ่งแปลกปลอมที่เ ป็น
อันตรายเข้าสู่ร่างกายและอาจเป็นโทษ ระบบภูมิคุ้มกันก็จะออกมาต่อ
ต้านหรือทำ�ลายสิ่งแปลกปลอมนั้นให้หมดไปจากร่างกายโดยเร็ว และ
มีประสิทธิภาพ ร่างกายจึงอยู่ได้อย่างปกติสุข ไม่เจ็บป่วย
กลไกการทำ�งานของภูมิคุ้มกัน
ในร่างกายของคนเรานัน้ มีกระบวนการทางธรรมชาติทจี่ ะ
รักษาตัวเอง (Spontaneous Healing) โดยเซลล์เม็ดเลือดขาว
(Lymphocyte Cell) ซึง่ ทำ�หน้าทีส่ ร้างภูมติ า้ นทานรักษาความปลอดภัย
ให้แก่ร่างกาย โดยสร้างมาจากเซลล์ต้นกำ�เนิดเม็ดเลือดจากไขกระดูก
พบมากในต่อมไทมัส ม้ามและต่อมน้ำ�เหลือง เม็ดเลือดขาวมีอยู่ ๓
ชนิด คือ
๑. ทีเซลล์ ( T-Lymphocyte) ทำ�หน้าที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน
ทั้งหมด
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๗๓
๗๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ถึงแม้แต่ละคนจะมีภมู คิ มุ้ กันทีไ่ ด้รบั ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์
ต่างกัน แต่ก็สามารถมีภูมิคุ้มกันที่ดีได้เหมือนกัน การเสริมสร้าง
ภูมิคุ้มกันมีหลักง่าย ๆ ดังนี้
อาหาร กินอาหารให้ครบทุกหมู่และเพียงพอ และอาหาร
ทีก่ นิ ควรมีคณ
ุ ภาพดี เช่น สด สะอาด ปนเปือ้ นน้อยทีส่ ดุ ไม่กนิ อาหาร
หมักดอง อาหารที่ทอด หรือย่างจนไหม้เกรียม
ออกกำ�ลังกาย การออกกำ�ลังกายจะทำ�ให้ระบบไหลเวียน
เลือดดีขึ้น มีการแตกแขนงของหลอดเลือดในเนื้อเยื่อต่างๆ มากขึ้น
ทำ�ให้เม็ดเลือดขาวหรือภูมิคุ้มกันเข้าสู่เนื้อเยื่อต่างๆ ได้ง่าย เมื่อมี
เชื้อโรคเข้ามาก็เข้าไปจัดการได้เร็ว
สภาพจิตใจ จิตใจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลั่งสารเอนโด
ฟินหรือสารสุขในร่างกาย สารนี้พอหลั่งออกมาทำ�ให้ระบบการ
ทำ�งานของเซลล์ดีขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากจิตใจห่อเหี่ยว เศร้า
เป็นทุกข์ ร่างกายจะหลัง่ สารทุกข์ ( อะดรีนาลิน) ทำ�ให้ระบบภูมคิ มุ้ กัน
ทำ�งานได้ไม่ดี ร่างกายอาจเจ็บป่วยได้ สารเอนโดฟินจะหลั่งเมื่อจิตใจ
มีความสุข สงบ เบิกบาน ฉะนั้นการคิดแต่สิ่งดี ๆ คิดช่วยเหลือผู้อื่น
คิดในด้านบวกก็เป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเช่นกัน
แต่ระบบภูมิต้านทานจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับวิธีการดูแล
ตนเองด้วยโดยเฉพาะ
๑. ล้างมือบ่อย ๆ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๗๕
๗๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
๒. พักผ่อนให้เพียงพอ
๓. หาวิธีคลายเครียด
๔. ออกกำ�ลังกายอย่างสม่ำ�เสมอ
๕. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ วิตามินและเกลือแร่
มีผลต่อระบบภูมิต้านทานอย่างมาก
ผูเ้ ชีย่ วชาญทำ�การศึกษาวิจยั เรือ่ งภูมติ า้ นทาน พบว่าการที่
ร่างกายขาดสารอาหารแม้เพียงเล็กน้อยจะทำ�ให้ภูมิต้านทานต่ำ�ลง
และทำ�ให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าได้รับวิตามิน และเกลือแร่
บางชนิดมากเกินไป โดยเฉพาะถ้ารับประทานในรูปของอาหารเสริม
อาจเป็นอันตรายได้ เช่น ธาตุสังกะสีที่ช่วยป้องกันหวัด ถ้าได้รับมาก
เกินไปก็อาจลดการดูดซึมของธาตุทองแดง และลดภูมิต้านทานได้ ถ้า
ร่างกายรับธาตุทองแดงมากเกินไปอาจทำ�ให้เกิดปัญหาอนุมูลอิสระใน
ร่างกาย ดังนั้น การรับประทานอาหารธรรมชาติที่หลากหลายจะได้
สารอาหารที่สมดุล และช่วยส่งเสริมการทำ�งานของระบบภูมิคุ้มกันได้
ดีที่สุด
สารอาหารที่มีความจำ�เป็นต่อระบบภูมิคุ้มกัน
วิตามินบี ๖ เป็นตัวช่วยให้เม็ดเลือดขาวสร้างแอนติบอดี
มีมากในเนื้อหมู เนื้อไก่ ปลา เมล็ดธัญพืช ถั่วเปลือกแข็งต่าง ๆ และ
ผลไม้โดยเฉพาะ กล้วย มะม่วง ลูกพรุน องุ่น
วิตามินซี ช่วยป้องกันเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำ�หน้าที่ดักจับ
เชื้อแบคทีเรีย พบมากในผัก และผลไม้หลายชนิด เช่น ผลไม้ประเภท
ส้ม สตรอเบอร์รี่ มะละกอ แคนตาลูป มะม่วง บร็อคโคลี่ พริกหวาน
ผักกาด มะเขือเทศ มะนาว ฝรั่ง มะขาม
วิตามินเอ หรือเบต้าแคโรทีน เป็นตัวเพิ่มการทำ�งานของ
Natural Killer Cell ที่ดักจับเชื้อแบคทีเรีย พบมากในผักและผลไม้ที่
มีสีเขียวเข้ม ส้มจัด เหลืองจัด เช่น แครอท ฟักทอง ผักบุ้ง มะละกอ
มะม่วงสุก มะเขือเทศ
วิตามินอี ช่วยส่งเสริมการทำ�งานของระบบภูมคิ มุ้ กัน และ
เพิ่มการสร้างแอนติบอดี พบมากใน น้ำ�มันพืชประเภทน้ำ�มันดอก
ทานตะวัน น�้ำ มันรำ�ข้าว งา ถัว่ เปลือกแข็ง เมล็ดพืชต่าง ๆ ข้าวกล้อง
จมูกข้าวสาลี น้ำ�มันถั่วเหลือง ผักใบเขียว
ธาตุสังกะสี ช่วยสร้างและเสริมการทำ�งานของเซลล์เม็ด
เลือดขาว เสริมสร้าง T-cells และ B-cells พบมากในเนื้อสัตว์
ต่าง ๆ อาหารทะเล ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดถั่ว จมูกข้าวสาลี เต้าหู้ และ
นม
ธาตุเหล็ก ทำ�งานร่วมกับเอนไซม์ในระบบภูมิคุ้มกัน พบ
มากในเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ หอย ถั่วเปลือกแข็ง น้ำ�ลูกพรุน และ
ผักใบเขียว
ซีลเี นียม ช่วยเพิม่ ประสิทธิภาพของเซลล์ในระบบภูมคิ มุ้ กัน
พบในอาหารทะเล ตับ ไต เนื้อสัตว์ กระเทียม ไข่ และธัญพืช
นอกจากนี้ ไขมันบางชนิดมีส่วนช่วยเสริมภูมิต้านทานใน
การสร้างเม็ดเลือดขาวและแอนติบอดี ได้แก่ กรดไขมันจำ�เป็น ไลโน
เลอิก และกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า ๓ ที่พบมากในปลาทะเล เช่น ทูน่า
แซลมอน ถั่ววอลนัท กรดไขมันจำ�เป็นพวกนี้ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๗๗
๗๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กระเทียม เป็นเครื่องเทศที่มีฤทธิ์เสริมภูมิต้านทานโดยสารอัลลิซิน
(Allicin) และซัลไฟด์ (Sulfide) ในกระเทียมจะเพิ่มประสิทธิภาพการ
ทำ�งานของเซลล์ในระบบภูมคิ มุ้ กัน มีฤทธิฆ์ า่ เชือ้ โรค และเป็นสารต้าน
อนุมูลอิสระอีกด้วย รวมทั้งพืชผักใบเขียว โยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์ เช่น
แลคโตบาซิลัส ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยจะยับยั้ง
การเกิดจุลินทรีย์ตัวร้ายในระบบย่อยอาหาร เช่น แบคทีเรีย รา หรือ
ยีสต์ รวมทั้งยังกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวและแอนติบอดี ให้กำ�จัด
เชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น ถ้าเราต้องการให้ก้อนเนื้อมะเร็งยุบลง เราจึงต้อง
ทำ�ให้กอ้ นมะเร็งขาดออกซิเจน และอาหาร ซึง่ อาหารของมะเร็งคือ
โปรตีน และไขมัน ดังนัน้ เราต้องงดโปรตีนและไขมัน ในขณะเดียวกัน
ก็ต้องเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายคือ เพิ่มประสิทธิภาพของเซลล์เม็ด
เลือดขาว โดยการเพิ่มวิตามิน และเกลือแร่ เช่น วิตามินเอ
(เบต้าแคโรทีน) วิตามินซี และวิตามินอี ซึ่งทั้งสามตัวนี้เกิดจากการ
รับประทานอาหารจำ�พวก ข้าวกล้อง ผักสด และผลไม้สด รวมทั้ง
ปรับสภาพจิตใจให้ดี ทำ�จิตใจให้เบิกบาน ด้วยการสวดมนต์ นั่ง
สมาธิ เพือ่ ช่วยในการเพิม่ ประสิทธิภาพการทำ�งานของเม็ดเลือดขาว
และเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๗๙
ความเครียด
๘๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ความเครียด
ความหมายของความเครียด
ความเครียด (Stress) เป็นปฏิกริ ยิ าของร่างกายและจิตใจ
ที่เกิดขึ้นเมื่อมีสิ่งมากระตุ้น และมีปฏิกิริยาตอบโต้เป็นปฏิกิริยาทาง
สรีรวิทยา และจิตวิทยา โดยระบบต่อมไร้ทอ่ ทีห่ ลัง่ ฮอร์โมน และระบบ
ประสาทอัตโนมัติ ทำ�ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปทั่วร่างกาย
ตัวก่อความเครียด มี ๒ ประเภทใหญ่ ๆ คือ
๑. ความเครียดทางกาย ได้แก่ ภัยคุกคามต่าง ๆ ที่มีต่อ
ความสุขสบายทางกาย เช่น ร้อนเกินไป หนาวเย็นเกินไป การเจ็บ
ป่วยหรือการบาดเจ็บที่เกิดกับร่างกาย ตลอดจนสภาพแวดล้อมทั่วไป
เช่น มลภาวะจากเครือ่ งจักร เครือ่ งยนต์ อากาศเสียจากควันท่อไอเสีย
ฝุ่นละออง ยาฆ่าแมลง
๒. ความเครียดทางสังคม หรือ ความเครียดทางใจ
ได้แก่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเรา เช่น การสอบแข่งขันเข้า
เรียน เข้าทำ�งาน เลื่อนขั้น เลื่อนตำ�แหน่ง สภาพทางเศรษฐกิจที่ไม่
พอใจ ความรู้สึกว่าตนเองต่ำ�ต้อยกว่าคนอื่น
ความเครียดต้นเหตุให้เกิดโรค
“ความเครียด” คือ การหดตัวของกล้ามเนื้อส่วนใดส่วน
หนึ่งในหลายส่วนของร่างกาย ซึ่งทุกคนจำ�เป็นต้องมีอยู่เสมอในการ
ดำ�รงชีวิต เช่น การทรงตัวเคลื่อนไหวทั่ว ๆ ไป มีการศึกษาพบว่าทุก
ครั้ ง ที่ เ ราคิ ด หรื อ มี อ ารมณ์ บ างอย่ า งเกิ ด ขึ้ น จะต้ อ งมี ก ารหดตั ว
เคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อแห่งใดแห่งหนึ่งในร่างกายเกิดขึ้นควบคู่เสมอ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๘๓
๘๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ความเครียดเปรียบเสมือนเครื่องปรุงแต่งรสชาติของคนเราในการใช้
ชีวิตอยู่ เช่น ความเครียดจากการเข้าแข่งขันใด ๆ จะก่อให้เกิดความ
กดดัน ซึ่งจะกลายเป็นพลังในการขับเคลื่อนกับตัวเราเอง โดยเฉพาะ
ถ้าเราคาดหวังว่าเราจะต้องชนะ จะยิง่ เป็นการเพิม่ ความเครียดมากขึน้
ไปอีก เมื่อวิกฤตการณ์ผ่านพ้นไป ร่างกายจะกลับสู่สภาวะปกติ แต่
ความเครียดทีเ่ ป็นอันตรายก็คอื ความเครียดทีเ่ กิดขึน้ มากเกินความ
จำ�เป็น เมือ่ เกิดขึน้ แล้วยังคงอยูเ่ ป็นประจำ�ไม่ลดหรือหายไปตามปกติ
และถ้าเรายังคงปล่อยให้เกิดความเครียดสะสมในร่างกายนานเข้า
จะส่งผลทำ�ให้เกิดการสูญเสียสมดุลของระบบประสาทรวมถึงการ
หลัง่ ฮอร์โมน ภูมติ า้ นทานของร่างกายลดต�่ำ ลง อันเป็นผลทำ�ให้เกิด
เป็นโรคอันเนือ่ งมาจากการใช้ชวี ติ ประจำ�วันได้ ทำ�ให้คนในยุคปัจจุบนั
นี้ กำ � ลั ง เผชิ ญ หน้ า กั บ ความเครี ย ด ซึ่ ง ก่ อ ให้ เ กิ ด ความผิ ด ปกติ ท าง
ร่างกายและจิตใจ ดังนี้
อาการของโรคที่เกิดจากความเครียดนั้นแตกต่างกันไปใน
แต่ละบุคคล เคยสงสัยไหมว่าทำ�ไมคนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน
กลับรับมือกับความเครียดได้แตกต่างกัน ลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน
ก่อให้เกิดความต่างตรงนี้ได้ รวมไปถึงการมีสุขภาพกายและใจที่แข็ง
แรง ทำ�ให้สามารถฟันฝ่าความเครียดเหล่านั้นไปได้ ในทางกลับกัน
ช่วงเวลาที่เราอ่อนแอ ความเครียดเล็ก ๆ อาจเชื่อมโยงไปสู่ปัญหา
ใหญ่ ๆ ภายหลังได้เหมือนกัน
แพทย์สมัยใหม่กับงานวิจัยด้านความเครียด
จากความผิดปกติทงั้ สองประการ คือทางร่างกายและจิตใจ
โดยมากมักเกิดจากสภาวะจิตใจเป็นส่วนใหญ่ ที่มีผลกระทบทำ�ให้เกิด
ความเครียดขึ้น ซึ่งในปัจจุบันนี้ การวิจัยทางแพทย์แผนปัจจุบันได้พบ
ว่า อารมณ์ทางด้านลบของเราหรือความเครียดนั้นก่อให้เกิดโรคได้
จะเห็นได้จากการนำ�เสนอของแพทย์สมัยใหม่ที่มีมาดังต่อไปนี้
จอร์ส โซโลมอน (George Solomon) เป็นศาสตราจารย์
ทางด้านจิตเวชศาสตร์ที่ UCLA และเป็นอาจารย์พเิ ศษทางจิตเวชศาสตร์
ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า อารมณ์เครียดสามารถส่งผล
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๘๕
๘๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๘๗
๘๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
แพทย์ทางเลือก
๙๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
แพทย์ทางเลือก
ความหมายของแพทย์ทางเลือก
แพทย์ทางเลือก (Alternative Medicine) คือ การรักษา
โดยไม่ใช้ยาหรือสารเคมีใด ๆ จะใช้น้ำ�ร้อน น้ำ�เย็น การนวด ผลไม้
อาหาร สมาธิ โยคะ การพูดคุย เป็นต้น
จากสภาวะความเป็นอยู่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีและการ
สือ่ สารต่างๆได้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ตลอดจนสภาพชีวติ ความเป็น
อยูใ่ นเมืองทีอ่ ยูใ่ นสภาพการแข่งขันสูง ส่งผลให้คนส่วนใหญ่เคยชินกับ
การใช้วัตถุฟุ่มเฟือยเพื่ออำ�นวยความสะดวกและมองวัตถุเป็นสิ่งสำ�คัญ
มาก จนกลายเป็นส่วนหนึง่ ในการดำ�รงชีวติ ประจำ�วันทีข่ าดไม่ได้ ทำ�ให้
คนในสังคมปัจจุบันกลายเป็นสังคมวัตถุนิยมและพึ่งพาส่วนประกอบที่
เป็นสารเคมีมากขึ้น ดังนั้น สังคมในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่
ในเมือง จึงมีโอกาสทีจ่ ะเกิดโรคภัยไข้เจ็บขึน้ มากมาย โดยปัจจัยสำ�คัญ
ที่ทำ�ให้เกิดโรคมีดังนี้
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเกิดโรค
๑. อาหาร
เป็นปัจจัยทีม่ คี วามสำ�คัญมากต่อชีวติ ของเราทุกคน เพราะ
เราต้องรับประทานอาหาร เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานอย่างเพียง
พอที่จะใช้ในการทำ�งานในชีวิตประจำ�วัน โดยในสังคมไทยปัจจุบัน
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๙๑
๙๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
มีคนป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารเป็นจำ�นวนมาก อันเป็นผลมา
จากการบริโภคอาหารทีไ่ ม่ถกู ต้อง และรับประทานไม่เป็นเวลา ดังคำ�
กล่าวทีว่ า่ “You are what you eat” สุขภาพของเราขึน้ อยูก่ บั อาหาร
ที่เรารับประทาน อาหารจึงเป็นตัวกำ�หนดภาวะโภชนาการของเรา
ซึง่ ตามหลักของแพทย์ทางเลือกทีใ่ ช้อาหารมาบำ�บัดร่างกาย
นั้น ได้ใช้หลักการตามคำ�กล่าวที่ว่า “Let’s food be your medicine
and your medicine be your food” จงใช้อาหารเป็นยาในการรักษา
โรค และให้ยาที่กินคืออาหาร ดังนั้น อาหารตามแนวของแพทย์ทาง
เลือกจึงควรจะเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ดูดซึมได้ดี ร่างกายสามารถ
นำ�ไปใช้ได้ทันที และไม่เหลือของเสียตกค้างอยู่ในร่างกาย โดยจะ
จัดอาหารให้มีองค์ประกอบครบ ๕ หมู่ ดังนี้
๑. ระบบดูดซึมดี
๒. ระบบทางเดินหายใจดี
๓. ระบบการหมุนเวียนโลหิตดี
๔. ระบบภูมิคุ้มกันดี
๕. ระบบฮอร์โมนดี
๒. อารมณ์
สาเหตุส�ำ คัญสาเหตุหนึ่งที่ท�ำ ให้เกิดโรคนั้น เกิดจากกิเลส
ในใจของเรา เช่น ความโลภ ทำ�ให้รบั ประทานอาหารทีม่ ไี ขมันสูง ไม่มี
ประโยชน์ เพราะติดใจในรสชาติความอร่อยของอาหาร ส่วนความโกรธ
หรือความเกลียดก็สง่ ผลร้ายต่อร่างกาย เช่นเดียวกับความเครียด กล่าว
คือ จะส่งผลทำ�ให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนอะดรีนาลิน ทำ�ให้ภาวะความ
เป็นกรดในเลือดสูงขึน้ เกิดผลกระทบต่อระบบประสาท ตลอดจนกล้าม
เนือ้ หัวใจ ซึง่ สภาพจิตใจและอารมณ์มผี ลกระทบโดยตรงกับการเกิดโรค
ต่าง ๆ ทั้งทางกายและทางใจ ดังนั้น เราต้องปรับเปลี่ยนอารมณ์ให้
ปกติ ลดความโลภ ความโกรธ ความหลง
๓. อากาศ
เราควรอยู่ในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ปลอดมลพิษ อยู่ในที่ที่มี
ปริมาณโอโซนในชั้นอากาศที่ทำ�ให้ปลอดเชื้อโรค โดยสาเหตุหนึ่งที่
ทำ�ให้เกิดโรคนั้นเกิดมาจากการหายใจที่ไม่ถูกต้อง กล่าวคือ คนส่วน
มากมักจะหายใจสั้นและเร็ว ทำ�ให้ปอดไม่สามารถทำ�งานได้อย่างเต็ม
ที่ เมื่อปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดความ
เสื่อมไปถึงความผิดปกติต่อระบบอื่น ๆ ของร่างกาย
๔. การหายใจ
การทำ�งานของร่างกายมนุษย์ทกุ คนจำ�เป็นต้องมีการหายใจ
เพราะมันสัมพันธ์กับทุกส่วนของร่างกาย โดยการหายใจเป็นการขับ
เคลื่อนส่วนเกินของความร้อนในร่างกายออกไป และเพิ่มปริมาณ
ออกซิเจนในเลือด ซึ่งถ้าเราหายใจอย่างถูกต้อง กล่าวคือ การสูดลม
หายใจเข้าลึกและยาว จะช่วยให้ปอดสามารถทำ�งานได้อย่างเต็มที่
และร่างกายนำ�ออกซิเจนไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในเวลาที่
หายใจออก ร่างกายจะขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน และ
ของเสียอื่น ๆ ออกมา เมื่อเราหายใจได้อย่างถูกต้องแล้ว ระบบการ
ขับถ่าย การย่อยอาหาร และการดูดซึมก็จะทำ�งานได้ดีขึ้น ตลอดจน
ระบบกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกาย จะได้รับการชะล้างไขมันส่วนเกิน
เพือ่ เปลีย่ นรูปเป็นพลังงาน ส่งผลให้ผวิ พรรณสามารถระบายความร้อน
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๙๓
๙๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ได้ดี เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่ร่างกาย
๕. การออกกำ�ลังกาย
เวลาที่เหมาะสมตามหลักของแพทย์ทางเลือกในการออก
กำ�ลังกาย ควรเป็นช่วงเช้าเวลาประมาณ ๐๕.๐๐-๐๗.๐๐ น. เพื่อ
เป็นการกระตุน้ ให้ล�ำ ไส้ใหญ่ และไตขับของเสียออกให้หมด พร้อมทีจ่ ะ
ขับถ่ายก่อน ๗ โมง และรับอาหารใหม่หลังจากขับถ่ายแล้ว
๖. อุจจาระ
การขั บ ถ่ า ยเป็ น สั ญ ญาณหนึ่ ง ที่ บ่ ง บอกถึ ง สุ ข ภาพของ
ร่างกายคนเราว่า อยู่ในสภาวะปกติหรือไม่ การขับถ่ายควรทำ�ให้เป็น
ปกติทุกวันก่อน ๗ โมงเช้า ถ้าเราปล่อยให้เกิดอาการท้องผูกต่อเนื่อง
เป็นเวลานาน จะเป็นสาเหตุทำ�ให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น ภูมิแพ้ เนื้อ
งอก มะเร็ง อัมพาต หอบหืด นอนไม่หลับ เป็นต้น
๗. การนอน
ตามแนวของแพทย์ทางเลือกนั้น มองว่า เวลาพักผ่อนที่
เหมาะสม คือ ช่วงเวลา ๓ ทุ่มถึง ตี ๓ โดยจะตื่นหลังตี ๓ ก็ได้แต่
ไม่ควรเข้านอนเกิน ๓ ทุ่ม เพราะพลังงานของร่างกายเราจะสร้างใน
ช่วงเวลา ๓ ทุ่มถึง ๕ ทุ่ม การนอนดึกจะทำ�ให้อวัยวะต่าง ๆ ใน
ร่างกายทำ�งานหนักเกินไป ส่งผลให้เกิดความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ
ในทุกระบบของร่างกาย เนื่องจากทุกอวัยวะต้องได้รับสารอาหารจาก
การไหลเวียนตลอดเวลา การมีของเสียตกค้างระดับเซลล์ ทำ�ให้มี
อาการทางผิวหนัง แพ้ง่าย เป็นฝ้า กระ
อาการพื้นฐานสำ�หรับผู้เข้าสู่สายธรรมชาติบำ�บัด
สำ�หรับผู้ที่เข้าสู่สายธรรมชาติบำ�บัดแล้ว อาการต่าง ๆ ที่
เกิดขึ้นนั้นถ้าคนที่มีจิตใจไม่ยึดมั่นพอ และไม่เข้าใจถึงกลไกต่าง ๆ ที่
เกิดขึน้ อย่างเข้าใจและยอมรับ มักจะเกิดอาการตกใจ อาการต่าง ๆ ที่
เกิดขึ้นจริง ๆ แล้วเป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง นั่นเพราะขณะที่เกิด
อาการเหล่านี้ ถ้าในแนวทางธรรมชาติบ�ำ บัดถือว่าเป็นเรือ่ งทีด่ ี เพราะ
ระหว่างที่เกิดอาการต่าง ๆ ขึ้นนั้น แสดงว่าร่างกายเริ่มมีการฟื้นฟู
และ ซ่อมแซมในตัวเองอย่างเป็นระบบ ดังนั้น ถ้าหากท่านเข้าสู่สาย
ธรรมชาติบำ�บัด หากเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น (โดยเฉพาะผู้ที่ทานน้ำ�ผัก
ปั่น และควบคุมอาหารตามที่แนะนำ�) พึงให้ท่านเรียนรู้ว่า
อาการท้องเดิน : มีการทำ�ความสะอาดลำ�ไส้
อาการอาเจียน : มีการทำ�ความสะอาดกระเพาะอาหาร
อาการไข้สูง มีเหงื่อและปัสสาวะ : ทำ�ความสะอาดเลือด
หายใจเหม็น และมีเมือกต่าง ๆ : ทำ�ความสะอาดปอด
ปวดเมื่อยทั้งตัว : ร า่ งกายเริม่ ขับของเสียทิง้ เซลล์ของคุณ
ที่ไม่มีชีวิตกำ�ลังจะมีชีวิต
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๙๕
๙๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
การขับพิษในร่างกายระดับเซลล์
เมื่อร่างกายมีอาการขับพิษตามแนวธรรมชาติบำ�บัดนั้น ผู้
ป่วยทุกโรคจะมีอาการเหมือนกัน กล่าวคือ ถ่ายบ่อย ปัสสาวะบ่อย วิง
เวียน รับประทานอาหารได้น้อย ไม่นอนเวลากลางคืน มีอาการทาง
ผิวหนัง คัน บวม มีผื่นแดง หายใจแรง อ่อนเพลีย ง่วงนอนตอน
กลางวัน ตื่นบ่อย ๆ เป็นต้น
ดังนั้น เมื่อเกิดอาการต่าง ๆ ดังกล่าว การปฏิบัติตนเบื้อง
ต้นสามารถทำ�ได้ ดังนี้
- ดื่มน้ำ�โหระพา ใบเตย สะระแหน่ (ต้มในน้ำ�เดือด
๑ ลิตร ใช้โหระพา ใบเตย สะระแหน่ ๑๐๐ กรัม)
- ดื่มน้ำ�นมธัญพืช
- ดื่มน้ำ�เอนไซม์ผลไม้เข้มข้น
- ซุปผัก (ผักกาดหอม+ไข่ขาว+มะเขือเทศ +หอมหัวใหญ่)
- น้ำ�ผักปั่น ทุก ๆ ๑ ชั่วโมง
- ดื่มน้ำ�อุณหภูมิห้อง ๑๐๐ ซีซี. ทุก ๑ ชั่วโมง
- พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
อาการปวด
คือ สัญญาณการขอความช่วยเหลือของร่างกายผ่านการ
ทำ�งานของระบบประสาท บอกความรู้สึกให้เรารู้ตัวว่า ร่างกายเรามี
ของเสียจำ�นวนมากคั่งค้างอยู่ตามอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่ง
เกินกำ�ลังความสามารถของร่างกายที่จะกำ�จัดของเสียส่วนเกินนั้นทิ้ง
เองได้ ทำ�ให้เกิดการเสียสมดุลของระบบการทำ�งานของร่างกาย ซึ่ง
ของเสียเหล่านั้นเกิดจากการบริโภคอาหารที่ปนเปื้อน และเป็นโทษต่อ
ร่างกาย เช่น อาหารที่ดูดซึมยาก ย่อยยาก อาหารที่มีส่วนผสมของ
สารปรุงแต่ง แต่งสี กลิ่น รส รวมถึงยา สารเคมี สารพิษในอากาศ
การสูบบุหรี่ การเสพยาเสพติด เป็นต้น รวมทัง้ เกิดจากผลของอารมณ์
ในเชิงลบ ความโกรธ ความเกลียด ความเครียด เมื่อสะสมเป็นเวลา
นาน จะก่อให้เกิดการเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย และเป็น
สาเหตุของการเกิดโรคต่าง ๆ ได้มากมาย
การใช้ยาแก้ปวด
การใช้ยาแก้ปวดจะได้ผลดีในระยะสัน้ เพราะยาจะไปกดการ
ทำ�งานของระบบประสาทส่วนทีส่ ง่ สัญญาณปวดมาให้เรารับรู้ ซึง่ ยาจะ
ช่วยกดประสาทได้เพียงชั่วคราว เมื่อยาหมดฤทธิ์ เราก็จะกลับมาปวด
ใหม่อีกครั้ง เพราะของเสียต่าง ๆ ยังคงตกค้างอยู่ภายในร่างกาย ซึ่ง
การใช้ยาแก้ปวดอย่างต่อเนื่องและเป็นเวลานาน ทำ�ให้เกิดการสะสม
สารพิษอยูใ่ นร่างกายและส่งผลให้ระบบประสาท ตับ ไต เสือ่ มลงอย่าง
รวดเร็ว
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๙๗
๙๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
วิธีระงับอาการปวด
การทำ � สมาธิ เป็ น วิ ธี ห นึ่ ง ที่ ช่ ว ยระงั บ อาการปวดที่ มี
ประสิทธิภาพสูงสุด เนือ่ งจากขณะทีเ่ ราทำ�สมาธิจนจิตนิง่ ต่อมใต้สมอง
จะหลัง่ ฮอร์โมนเอนโดรฟิน หรือทีเ่ รารูก้ นั ว่าเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข
ออกมา ทำ�ให้ร่างกายเบาสบาย ปลอดโปร่ง สดชื่น รู้สึกดีขึ้น ซึ่งช่วย
ในการบรรเทาอาการปวดได้ดโี ดยทีเ่ ราไม่ตอ้ งไปเสียเงินซือ้ เลย เพราะ
ร่างกายของเราสามารถผลิตได้เอง
การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อปรับสภาพร่างกาย
ให้มคี วามสมดุล เป็นกลาง ช่วยให้รา่ งกายสามารถกำ�จัดของเสียต่าง ๆ
ในร่างกายได้ และเสริมสร้างภูมคิ มุ้ กัน หรือภูมติ า้ นทานให้แก่รา่ งกาย
เพือ่ ฟืน้ ฟูอวัยวะต่าง ๆ ไปในเวลาเดียวกัน
ในทางตรงกันข้าม ขณะที่เกิดอาการปวดแล้วเรายังคง
เครียด หงุดหงิด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลิน หรือที่เรารู้กัน
ว่าเป็นฮอร์โมนแห่งความทุกข์ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการปวดเพิ่มมาก
ขึ้น และยิ่งถ้าเราไปใช้ยาแก้ปวดอีก ก็เท่ากับเป็นการทำ�ร้ายร่างกาย
ตัวเองเพิ่มขึ้นในระยะยาว เพราะจะยิ่งเป็นการส่งเสริมให้อวัยวะใน
ร่างกายเสือ่ มขึน้ โดยเร็ว เนือ่ งจากต้นเหตุทที่ �ำ ให้เกิดอาการปวดนัน้ ยัง
คงอยู่
นาฬิกาชีวิต
จากการศึกษาและวิจยั พบว่า อวัยวะภายในร่างกาย มี ๑๒
ระบบ แต่ละระบบจะทำ�งานหนักเป็นเวลา ๒ ชั่วโมงในแต่ละวัน ซึ่ง
เป็นการแสดงการหมุนเวียนของพลังงานในร่างกายในแต่ละช่วงเวลา
โดยเราควรทีจ่ ะเรียนรู้ และศึกษาการทำ�งานของอวัยวะในร่างกายของ
เรา เพือ่ ทีจ่ ะได้จดั สรรเวลา และดำ�เนินชีวติ ให้สอดคล้องกับการทำ�งาน
ของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ดังนี้
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๙๙
๑๐๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๐๑
๑๐๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ทำ�ให้เกิดกรดแลคติกในร่างกาย และเราควรที่จะรับประทานอาหาร
เย็นให้เสร็จก่อน ๑๘.๐๐ น. โดยควรทานอาหารที่ย่อยง่าย และควร
ทานให้เสร็จก่อนเข้านอน ๓ ชัว่ โมง ผูใ้ ดทีม่ อี าการง่วงนอนในช่วงเวลา
นี้ แสดงว่ามีปัญหาเกี่ยวกับไตเสื่อม
คนทีท่ �ำ งานหนักมาทัง้ วันแล้วไม่พกั ถ้าทำ�อยูเ่ ป็นประจำ�จะ
ทำ�ให้ไตอ่อนแอลง เกิดการปวดหลัง ปวดข้อต่าง ๆ เพราะไตทำ�หน้าที่
ควบคุมกระดูก ไขข้อ ฮอร์โมน ควบคุมพลังชีวิต อวัยวะสืบพันธุ์
เส้นผม เลือด หูและตา นอกจากนี้ ในยุคปัจจุบัน ผู้คนมีชีวิตอยู่กับ
เครื่องอิเล็กทรอนิกส์รอบตัว จึงได้รับคลื่นและรังสีมาก จนทำ�ให้เซลล์
เม็ดเลือดแตกอยู่เป็นประจำ� เช่น การใช้คอมพิวเตอร์อยู่เสมอ มักจะ
เกิดอาการมึนหัว ตาพร่า ปวดหลัง ปวดเอว แสดงว่ามีเซลล์เม็ดเลือด
ตายแออัดอยู่ในร่างกาย จนทำ�ให้ร่างกายขับเซลล์เม็ดเลือดตายออก
ไม่ทัน เกิดอาการปวดต่าง ๆ ขึ้น ถ้ามีอาการปวดตามกระดูกส่วน
ต่าง ๆ ของร่างกาย แสดงว่าร่างกายได้สูญเสียเซลล์เม็ดเลือด จึงต้อง
ดึงออกมาใช้จากส่วนต่าง ๆ ของไขกระดูก ถ้าเราไม่เข้าใจก็อาจจะหา
ยาแก้ปวดมากิน ซึง่ ทีจ่ ริงแล้ว ร่างกายต้องการสารอาหารจำ�นวนมาก
เพื่ อ ไปทดแทนเซลล์ เ ม็ ด เลื อ ดที่ สู ญ เสี ย ไป โดยเฉพาะแคลเซี ย ม
แมกนีเซียมที่ได้จากการรับประทานผัก ผลไม้ต่าง ๆ
สำ�หรับผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับไตเสื่อม ในตอนเช้าให้อาบน้ำ�
เย็น ส่วนในตอนเย็นให้อาบน้ำ�อุ่น กรณีที่อาบน้ำ�ไม่ได้ ให้ใช้วิธีแช่เท้า
โดยใส่สมุนไพร เช่น ขิง ข่า กระชาย ลงไปผสมในน้ำ�ด้วย
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๐๓
๑๐๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
บทบัญญัติ ๑๐ ประการ
๑. ตื่นนอน ๐๔.๔๔ น. เข้าห้องน้ำ�
๒. ดื่มน้ำ�ทันทีที่ตื่นนอน ๕๐๐ cc. (ครึ่งลิตร) เป็นอย่างน้อย
๓. ดื่มน้ำ�โหระพา ๒๕๐ cc. เช้า กลางวัน เย็น ก่อนอาหารทุกมื้อ
๔. ดื่มน้ำ�ข้าวผง ๒๕๐ cc. และอาหารไร้สารพิษ
๕. ออกกำ�ลังกาย ๐๕.๓๐ – ๐๖.๐๐ น.
๖. รั บ ประทานอาหารเช้า ๐๗.๓๐ น. กลางวัน ๑๑.๓๐ น.
เย็น ๑๗.๓๐ น.
๗. ดืม่ น�ำ้ ทุก ๆ ชัว่ โมง ๕๐๐ cc. (ครึง่ ลิตร) เวลา ๐๔.๐๐ – ๒๐.๐๐ น.
๘. เข้านอน ๒๑.๐๐ น.
๙. ขับถ่ายอุจจาระเวลา ๐๔.๐๐ น. ก่อน ๐๖.๓๐ น.
๑๐. อยู่ในที่อากาศสะอาด มีออกซิเจน ๒๐% ไนโตรเจน ๗๙% และ
อื่น ๆ ๑%
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๐๕
๑๐๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ความเป็นเหตุเป็นผล
ของธรรมปฏิบัติที่มีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ
๑๐๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ความเป็นเหตุเป็นผลของธรรมปฏิบัติ
ที่มีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ
พระวิโรจน์ จกฺกวโร
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๐๙
๑๑๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ในศาสนาคริสต์ ที่กำ�ลังดูแลคนยากจนในเมืองกัลกัตตาของประเทศ
อินเดีย ด้วยจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง
ให้ ดู ภ าพยนตร์ เ กี่ ย วกั บ ความโหดร้ า ยของทหารนาซี เ ยอรมั น ใน
สงครามโลกครั้งที่สอง ที่สังหารชาวยิวไม่น้อยกว่า ๕ ล้านคน ผล
ปรากฏว่าอาสาสมัครกลุม่ ทีห่ นึง่ มีความเมตตาสงสารเห็นอกเห็นใจคน
ยากจนมากขึน้ และกลุม่ ทีส่ องมีความโกรธ และเกลียดคนโหดร้าย เมือ่
เจาะเลือดดูปรากฏว่า อาสาสมัครกลุ่มแรกมีเซลล์ภูมิต้านทานชนิดที่
เรียกว่า ทีเซลล์ (ซึ่งเป็นเซลล์ภูมิต้านทานที่มีหน้าที่ทำ�ลายสิ่งแปลก
ปลอมในร่างกาย) เพิม่ ขึน้ ในช่วงสัน้ ๆ และเมือ่ ให้อาสาสมัครแผ่เมตตา
ต่อไปอีก ๑ ชั่วโมงพบว่า ทีเซลล์เพิ่มอยู่นาน แสดงให้เห็นว่าอารมณ์
ที่ดีมีผลต่อสุขภาพโดยตรง ทำ�ให้ภูมิต้านทานแข็งแกร่งขึ้น จิตใจที่
แจ่มใสเบิกบานมีความสุข มีผลต่อการเพิ่มของทีเซลล์ นักวิจัยจาก
มหาวิ ท ยาลั ย ฮาร์ ว าดพบว่ า เมื่ อ ให้ อ าสาสมั ค รดู ภ าพยนตร์ ต ลก
สนุกสนาน แล้วเจาะเลือดดูพบว่า เซลล์ภมู ติ า้ นทานทีเซลล์เพิม่ ขึน้ และ
จากการศึกษาผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งจำ�นวน ๓๖ คน พบว่า ๗ ปีผ่าน
ไป มีผู้ป่วยเสียชีวิตไปเพียง ๒๔ ราย เมื่อตรวจสภาพจิตใจของพวกที่
เหลืออยู่ปรากฏว่า เป็นคนที่มีจิตใจแจ่มใส มีความสุข
ดร.จอห์น แบร์ฟดู แห่งมหาวิทยาลัยนอร์ทคาร์โลไรนา ได้
ศึกษาผู้ป่วยที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคหัวใจรุนแรง โดยทดสอบสภาพ
ของจิตใจ เพื่อดูว่าผู้ป่วยเป็นคนมีโทสะมากน้อยเพียงใด และเมื่อ
พิจารณาดูความตีบแคบของเส้นเลือดหัวใจเปรียบเทียบกันแล้วปรากฏ
ว่า ผู้ป่วยที่มีอารมณ์โกรธมากจะมีเส้นเลือดตีบมากกว่าคนที่ใจเย็น
ดร.เรดฟอร์ด วิลเลี่ยม อาจารย์แพทย์แห่งมหาวิทยาลัยดุกซ์ ในรัฐ
นอร์ทคาร์โลไรนาของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ตดิ ตามนักศึกษาแพทย์
ทีม่ อี ารมณ์โกรธเรือ้ รังพบว่า กลุม่ ทีม่ อี ารมณ์โกรธน้อย และไม่ยาวนาน
เสียชีวิตไป ๓ ราย ในจำ�นวน ๑๓๖ คน ส่วนกลุ่มที่มีอารมณ์โกรธ
เรื้อรังตายไป ๑๖ ราย ปัจจัยที่ทำ�ให้คนเหล่านี้ตายก่อนอายุ ๕๐ ปี
คือการเป็นคนเจ้าโทสะ การศึกษาทีม่ หาวิทยาลัยฮาร์วาดพบว่า ความ
โกรธเป็นสาเหตุสำ�คัญที่ทำ�ให้ผู้ป่วยโรคหัวใจมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก
ก่อนมาโรงพยาบาล ๒ ชั่วโมง มหาวิทยาลัยเยลและสแตนฟอร์ด ซึ่ง
เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า เมื่อ
ติดตามผู้ป่วยที่มีอาการทางหัวใจครั้งแรกไป ๑๐ ปี ปรากฏว่า ผู้ป่วย
ที่เป็นคนโกรธง่ายจะมีอัตราการตายสูงกว่ากลุ่มของผู้ที่ไม่โกรธง่าย ๓
เท่า และผูป้ ว่ ยทีไ่ ด้รบั การช่วยเหลือให้จติ ใจมีอารมณ์ดงี ามแทนอารมณ์
ในทางลบ จะมีอตั ราการตายลดลง ๒ เท่าของผูป้ ว่ ยทีไ่ ม่ได้รบั การช่วย
เหลือให้ปรับเปลี่ยนอารมณ์
อีมิล กูส์ เภสัชกรชาวฝรั่งเศสพบว่า ในการวิจัยคนที่มีโรค
ทางกาย เช่น วัณโรค ผู้ป่วยที่กำ�ลังเสียเลือด ผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูก
จะมีอาการของโรคเลวลง ถ้าหากผูน้ นั้ มีความวิตกกังวลแต่เรือ่ งโรคภัย
ไข้เจ็บของตน ความวิตกกังวลจะนำ�มาซึ่งความเครียดที่เป็นอันตราย
ต่อสุขภาพ ความเครียดทำ�ให้ภูมิต้านทานลดต่ำ�ลง เป็นเหตุให้เซลล์
มะเร็ ง กระจายได้ เ ร็ ว ขึ้ น และทำ � ให้ ร่ า งกายติ ด เชื้ อ ไวรั ส ได้ เ ร็ ว ขึ้ น
นอกจากนั้นยังทำ�ให้ไขมันอุดตันในเส้นเลือดที่หัวใจ เป็นเหตุให้กล้าม
เนื้อหัวใจขาดเลือดมาเลี้ยง ทำ�ให้โรคเบาหวานกำ�เริบ และอาการของ
โรคหอบหืดเลวลง เกิดอาการลำ�ไส้อกั เสบ ความเครียดทีเ่ กิดติดต่อกัน
นาน ๆ มีส่วนทำ�ให้เซลล์สมองเสื่อมลงไปด้วย
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๑๑
๑๑๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
๒. ความเครียดที่เกิดขึ้นโดยได้รับผลกระทบมาจาก
ภายนอก เช่น สภาพแวดล้อมในเรือ่ งของความแออัดในชุมชน อากาศ
ร้อนอบอ้าว เสียงดังรบกวน หรือมลพิษต่าง ๆ ทีม่ อี ยูใ่ นอากาศเหล่านี้
เป็นต้น
และด้วยเหตุทง้ั ๒ ประการทีย่ กขึน้ มาก็ลว้ นแล้วแต่ท�ำ ให้คน
เราเกิดความเครียดได้
สมาธิ คือ การมีจิตใจที่สงบโดยปราศจากความคิด
ต่าง ๆ เข้ามาแทรกแซง เป็นการระงับความคิดปรุงแต่งทีเ่ ป็นเหตุ
ให้เกิดความไม่สบายใจจนกลายเป็นความวิตกกังวล จึงช่วยลดปัญหา
ภาวะความเครียดทีจ่ ะเกิดขึน้ ได้
เมือ่ ไหร่ทจ่ี ติ รวมเป็นหนึง่ และตัง้ มัน่ อยู่ ผูป้ ฏิบตั กิ จ็ ะสัมผัสได้
ถึงความสุขทีเ่ กิดจากความสงบในการทำ�สมาธิ ซึง่ สภาวธรรมบางอย่าง
ทีเ่ กิดขึน้ จากการทำ�สมาธินน้ั ยกตัวอย่างเช่น ปีติ คือความอิม่ ใจ ความ
รูส้ กึ เบาสบายเป็นสุข สภาวธรรมเหล่านีล้ ว้ นแล้วแต่ท�ำ ให้จติ ใจรูส้ กึ ผ่อน
คลายไม่เครียด หรือถ้ามีความเครียดอยูแ่ ล้วก็จะค่อย ๆ ลดน้อยลงไป
เรือ่ ย ๆ จนดับและหายไปได้เอง ด้วยความรูส้ กึ อิม่ ใจ เบาสบายใจเป็นสุข
นี้ ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยทีท่ �ำ ให้ทเี ซลล์ หรือเซลล์ภมู ติ า้ นทานเกิดและเพิม่
จำ�นวนขึน้ ส่งผลให้สง่ิ แปลกปลอมภายในร่างกายถูกทำ�ลายลง
แต่การปฏิบตั ธิ รรมหรือทีเ่ รียกกันว่าการทำ�กรรมฐานนัน้ ใน
แง่ของสมาธิกจ็ ดั เป็นหนึง่ ในสองของวิธกี ารเจริญกรรมฐาน กล่าวอีกชือ่
ก็คอื “สมถกรรมฐาน” นัน่ เอง ซึง่ เป็นอุบายวิธกี ารกระทำ�ใจของบุคคล
ให้สงบ ส่วนอีกวิธหี นึง่ นัน้ เรียกว่า “วิปสั สนากรรมฐาน” เป็นอุบาย
เรืองปัญญา เหตุเพราะได้อญ ั เชิญสติทถ่ี กู ทอดทิง้ ขึน้ มานัง่ บัลลังก์ของชีวติ
เมือ่ สติขน้ึ มานัง่ สูบ่ ลั ลังก์แล้ว จิตก็จะคลานเข้ามาหมอบถวายบังคมอยู่
เบื้องหน้าสติ สติจะควบคุมจิตมิให้แส่ออกไปคบหาอารมณ์ต่าง ๆ
ภายนอก ในทีส่ ดุ จิตก็จะค่อยคุน้ เคยกับการสงบอยูก่ บั อารมณ์เดียว เมือ่
จิตสงบตัง้ มัน่ ดีแล้ว การรูต้ ามความเป็นจริงก็เป็นผลติดตามมา เช่น รูว้ า่
สิง่ ต่าง ๆ ทีเ่ ข้ามากระทบกายและใจจนเกิดเป็นอารมณ์ความรูส้ กึ สุข
ทุกข์ หรือเฉย ๆ นัน้ ล้วนแล้วแต่ไม่เทีย่ ง เกิดขึน้ มา ตัง้ อยู่ แล้วก็ดบั ไป
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๑๓
๑๑๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
สมถกรรมฐาน
กรรมฐานเป็ น อุ บ ายสงบใจเนื่ อ งด้ ว ยการบริ ก รรมคื อ
กำ�หนดใจ โดยเพ่งวัตถุหรือนึกถึงอารมณ์ทกี่ �ำ หนดนัน้ ด้วยการว่าซ�้ำ ๆ
อยู่ในใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น นึกว่า พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
เป็นต้น ไปเรื่อย ๆ อย่างเดิมจนกระทั่งใจสงบลง ไม่เน้นหนักในด้าน
การใช้ปัญญา เป็นกรรมฐานเครื่องยังใจให้สงบจากนิวรณธรรมมี ๕
อย่างคือ ๑. กามฉันท์ พอใจในกามคุณ ๒. พยาบาท คิดร้ายผู้อื่น
๓. ถีนมิทธะ ความหดหู่ ซึมเซา ๔. อุทธัจจกุกกุจจะ ความฟุง้ ซ่าน และ
รำ�คาญ ๕. วิจกิ จิ ฉา ความลังเลสงสัย สิง่ เหล่านีเ้ รียกว่า “สนิมใจ” กั้น
จิตบุคคลไว้ไม่ให้บรรลุความดี ถ้าจิตของบุคคลนั้นสามารถระลึกรู้อยู่
กับอารมณ์ที่ตนกำ�หนดไว้ได้จนสงบลง ในยามนั้นนิวรณธรรมทั้ง
๕ ประการข้อใดข้อหนึง่ ได้สงบไปจากจิตแล้ว การปฏิบตั โิ ดยวิธนี จี้ งึ ชือ่
ว่าเป็น “สมถกรรมฐาน” มีจำ�นวนถึง ๔๐ ประการ จัดเป็นหมวดได้
๗ หมวด คือ กสิณ ๑๐ อสุภะ ๑๐ อนุสสติ ๑๐ พรหมวิหาร ๔ อรูป
กรรมฐาน ๔ อาหาเรปฏิกูลสัญญา ๑ จตุธาตุววัตถาน ๑ อุบายวิธี
สงบจิตที่มีมากเช่นนี้ ก็เพื่อให้เหมาะแก่จริตอัธยาของแต่ละบุคคล
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๑๗
๑๑๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
วิปัสสนากรรมฐาน
กรรมฐานเป็นอุบายเรืองปัญญา เป็นการศึกษาเรียนรูส้ งิ่ ที่
กำ�ลังปรากฏที่มีอยู่จริง ๆ โดยที่เราไม่ต้องสร้างขึ้นมา เพียงแต่เจริญ
สติ ระลึกรู้ สังเกต “สติ” เป็นตัวระลึก ตัวสังเกต หรือพิจารณา เป็น
ตัวปัญญาเกิดไปด้วยกันที่เราเรียกว่า “สติสัมปชัญญะ” สติจะควบคุม
จิตมิให้แส่ออกไปคบอารมณ์ต่าง ๆ ภายนอก ในที่สุดจิตก็จะค่อยคุ้น
เคยกับการสงบอยู่กับอารมณ์เดียว เมื่อจิตสงบตั้งมั่นดีแล้ว ปัญญาคือ
การรู้ตามความเป็นจริง เห็นว่ามันมีอะไร อย่างไร มีลักษณะอย่างไร
มีสัจจะอย่างไร เช่น มองดูที่กิ่งไม้ : เมื่อกำ�หนดลงไปที่กิ่งไม้ มันก็
เป็นสมาธิ แล้วดูเห็นว่ากิ่งไม้นี้ไหวอยู่เรื่อย ไหวอยู่เรื่อย ในความ
เปลี่ยนแปลงนี้ก็เป็นปัญญา มองไปที่กิ่งไม้มันก็จะมีทั้งสมาธิ และมีทั้ง
ปัญญา มีพร้อมกันไปในตัว
“สัมปชัญญะ” เป็นตัวพิจารณา คำ�ว่า “พิจารณา” ในที่นี้
จะใช้ต้องเข้าใจว่ามันไม่ได้หมายถึง เราต้องเอาข้อมูลในอดีต อนาคต
มาคิด มันคนละความหมาย ฉะนั้น คำ�ว่าพิจารณาในที่นี้ จะใช้อีกคำ�
หนึง่ ก็คอื คำ�ว่า “สังเกต” หรือพิจารณาสัน้ ๆ พิจารณาเฉพาะสิง่ ทีก่ ำ�ลัง
ปรากฏเป็นปัจจุบัน ไม่เอาอดีต อนาคต มาคิด มานึก ดังนั้น จึงใช้
คำ�ว่าสังเกต สติเป็นตัวระลึกรู้ สัมปชัญญะเป็นตัวพิจารณา สังเกต
เฉพาะรูปนามที่กำ�ลังปรากฏ เมื่อผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ดูรู้อันใหม่ รูป
ใหม่ นามใหม่ ทีก่ �ำ ลังปรากฏ ให้รเู้ ห็นของจริงตามความเป็นจริง ของ
จริงก็คือ รูปนามตามความเป็นจริง ซึ่งก็คือ รูปนามมีสภาพอนิจจัง
คือ ไม่เที่ยง ทุกขัง คือ เป็นทุกข์ ทนได้ยากหรือคงอยู่ในสภาพเดิมไม่
ได้ อนัตตา คือ บังคับบัญชาไม่ได้ ด้วยเหตุนี้การเจริญวิปัสสนาก็ต้อง
กำ�หนดรู้อยู่ในรูปนามตามจริงว่ามีสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ทนอยู่ใน
สภาพเดิมไม่ได้และบังคับบัญชาไม่ได้ เรียกว่า การพิจารณาพระ
ไตรลักษณ์ เป็นต้น
ระดับของปัญญา
คำ�ว่า “ปัญญา” ตามความหมายทัว่ ไปทีค่ นเข้าใจกันโดย
ส่วนใหญ่ก็คือ ความฉลาดหรือความรอบรู้ท่เี กิดจากการเรียนและคิด
เช่น เด็กนักเรียนทีเ่ รียนหนังสือเก่งจนสอบได้ท่ี ๑ ของห้อง การทีบ่ คุ คล
ใดบุคคลหนึง่ สามารถคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขึน้ มาได้ ยกตัวอย่างเช่น
คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ก็มกั จะได้รบั คำ�ชมอยูเ่ สมอว่าเป็นคนเก่ง ฉลาด
มีปญั ญา แท้จริงแล้วนัน้ ปัญญามีอยูห่ ลายชัน้ หลายอย่าง ในทีน่ จ้ี ะขอ
ยกเอาปัญญา ๓ อย่าง มาพอสังเขปเพือ่ ให้เกิดความเข้าใจดังนี้
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๑๙
๑๒๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ประโยชน์ของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
การปฏิบตั วิ ปิ สั สนากรรมฐานนัน้ มีประโยชน์มากมายเหลือ
ทีจ่ ะนับประมาณได้ จึงขอยกเอามาแสดงพอสังเขป เพือ่ ให้เห็นถึงความ
สำ � คั ญ และควรรี บ เร่ ง ทำ � การศึ ก ษาเรี ย นรู้ วิ ธี ก ารปฏิ บั ติ วิ ปั ส สนา
กรรมฐาน เพื่อให้เกิดปัญญารู้เท่าทันตามความเป็นจริง เมื่อนั้นก็จะ
ทราบได้ว่าความทุกข์มาจากไหน เราจะแก้ปัญหาที่เกิดจากความทุกข์
นั้นให้ดับไปได้อย่างไรและควรเริ่มต้นที่ใด อีกทั้งความรู้เท่าทันตาม
ความเป็นจริงก็เป็นผลให้เกิดปัญญา รู้ที่จะสกัดกั้นเหตุที่จะทำ�ให้เกิด
ทุกข์นั้นลงได้ อาตมาจึงขอนำ�เอาบทความหนึ่งของหนังสือ คู่มือการ
อบรมพัฒนาจิต จากการรวบรวม/เรียบเรียงโดย พ.ท.วิง รอดเฉย
ดังนี้คือ
๑. สัตตานัง วิสุทธิยา ทำ�กาย วาจา ใจ ของสรรพสัตว์ให้
บริสุทธิ์หมดจด
๒. โสกะปะริเทวานัง สะมะติกกะมายะ ดับความเศร้าโศก
ปริเทวนาการต่าง ๆ
๓. ทุกขะโทมะนัสสานัง อัตถังคะมายะ ดับความทุกข์กาย
ดับความทุกข์ใจ
๔. ญาณัสสะ อะธิคะมายะ เพื่อบรรลุมรรคผล
๕. นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ เพื่อทำ�นิพพานให้แจ้ง
และยังมีประโยชน์อยู่อีกมาก เช่น
๑. ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาท
๒. ชื่อว่าเป็นผู้ได้ป้องกันภัยในอบายภูมิทั้งสี่
๓. ชื่อว่าได้บำ�เพ็ญไตรสิกขา
๔. ชื่อว่าได้เดินทางสายกลาง คือ มรรค ๘
๕. ชื่อว่าได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยการบูชาอย่างสูงสุด
๖. ชื่อว่าได้บำ�เพ็ญ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้เป็นอุปนิสัยปัจจัยไปใน
ภายหน้า
๗. ชื่อว่าได้ปฏิบัติถูกต้องตามพระไตรปิฎกโดยแท้จริง
๘. ชื่อว่าเป็นผู้มีชีวิตไม่เปล่าประโยชน์ทั้งสาม
๙. ชื่อว่าเป็นผู้เข้าถึงพระรัตนตรัยอย่างถูกต้อง
๑๐. ชื่อว่าได้ปฏิบัติเพื่อให้เกิดวิปัสสนาญาณ ๑๖
๑๑. ชื่อว่าได้สั่งสมอริยทรัพย์ไว้ในภายใน
๑๒. ช ื่ อ ว่ า เป็ น ผู้ ม าดี ไปดี อยู่ ดี กิ น ดี ไม่ เ สี ย ที ที่ เ กิ ด มาพบ
พระพุทธศาสนา
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๒๑
๑๒๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
สมาธิ
หลาย ๆ คนรู้จักคำ�ว่า สมาธิ แต่ไม่เข้าใจว่าสมาธิคืออะไร
มีลักษณะอย่างไร และแม้กระทั่งว่าสมาธิได้เกิดขึ้นกับตัวเราแล้ว เราก็
ไม่สามารถมีความระลึกรู้ได้เลยว่าสมาธิเกิดขึ้นกับเราแล้ว นั่นเป็น
เพราะว่าเราไม่เคยฝึกสมาธิอย่างเป็นหลักการ จึงไม่เกิดการเรียนรู้
เข้าใจถึงสภาพของจิตใจที่สงบแน่วแน่ไม่ฟุ้งซ่าน หลายๆ คนมักพูดถึง
คำ�ว่าสมาธิ เช่น วันนี้ไม่มีสมาธิในการทำ�งานเลย ไม่มีสมาธิในการ
อ่านหนังสือเลย คนที่มีสมาธิดีสามารถที่จะเรียนหรือทำ�งานได้ดีกว่า
คนทั่วไป เป็นต้น แต่เมื่อถูกถามกลับว่า แล้วสมาธิที่พูดกันบ่อย ๆ ว่า
สำ�คัญนั้น มันคืออะไร มีลักษณะอย่างไร เกิดขึ้นได้อย่างไร สำ�หรับผู้
ไม่เคยฝึกสมาธิภาวนา หรือเคยผ่านการฝึกสมาธิภาวนามาบ้าง แต่ไม่
ได้ฝกึ ฝนอย่างต่อเนือ่ ง ก็จะไม่เกิดการรับรูถ้ งึ สภาวะทีจ่ ติ เป็นสมาธิ จึง
ไม่อาจเข้าใจ และอธิบายออกมาเป็นคำ�พูดได้ เพียงแต่ใช้หรือพูดกันถึง
เรื่องของสมาธิ โดยที่ผู้พูดเองก็ไม่เข้าใจถึงคำ�ว่าสมาธิเช่นกัน
สมาธิ หมายถึง ลักษณะของจิตที่มีความสงบ ตั้งมั่น แน่ว
แน่ ต่อสิ่งที่กำ�หนด ไม่ฟุ้งซ่านหรือส่ายไป สมควรแก่การทำ�งาน ใน
ที่นี้จะขอยกเอาสมาธิตามธรรมชาติ และสมาธิภาวนาขึ้นมา เพื่อ
ทำ�ความเข้าใจ และรู้จักกับสมาธิมากขึ้น ดังนี้
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๒๓
๑๒๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
สมาธิตามธรรมชาติ
เป็นสมาธิที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยที่ยังไม่ได้รับ
การฝึกอบรมอย่างเป็นหลักการ หรือที่เรียกกันว่าเป็นกรรมฐาน ตาม
ธรรมชาตินั้นเมื่อคนเราลงมือคิดนึก สมาธิก็เกิดขึ้น เกิดพอสมควรที่
จะให้คิดนึกได้ ถ้ามันไม่มีสมาธิเสียเลย คือ ไม่เกิดความสงบตั้งมั่นรู้
อยู่กับเรื่องที่คิดนึกนั้นเพียงเรื่องเดียว มันก็คิดนึกอะไรไม่ได้ สมาธิมัน
จะเกิดขึ้นมาเองพอสมสัดส่วนให้คิดได้ แล้วก็ซ่อนอยู่ในนั้น ทำ�ให้เรา
ไม่สามารถมองเห็นมันได้ เมือ่ มองไม่เห็นสภาพของจิตทีเ่ ป็นสมาธิจาก
การคิดนึก จึงไม่เกิดการรับรูถ้ งึ อารมณ์ความรูส้ กึ ในขณะทีจ่ ติ เป็นสมาธิ
ความเข้าใจในอารมณ์ที่เป็นสมาธิอยู่ในขณะนั้นก็ไม่เกิด จึงเป็นเหตุให้
ไม่สามารถรู้และเข้าใจสภาพของจิตที่เป็นสมาธิได้
งานทุกอย่างทุกประการที่ทำ�กันอยู่ในโลก ล้วนแล้วแต่
ต้องการจิตที่ปกติเป็นสมาธิทั้งนั้น แม้อยู่อย่างคนธรรมดานี้ ก็ต้องมี
สิ่งที่เรียกว่าสมาธิตามธรรมชาติเข้ามาช่วย อันจะทำ�ให้การงานเหล่า
นั้นเป็นไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะงานประณีต งานฝีมือ งานศิลปะที่ต้อง
ใช้การวาดด้วยแล้ว ต้องมีสมาธิมากจึงจะทำ�ได้ดี ความชำ�นาญอย่าง
เดียวยังคงไม่เพียงพอ จะเย็บปักถักร้อยหรืออะไรก็ตาม แม้แต่แม่ครัว
จะหั่นผักหั่นเนื้อ ถ้าทำ�ด้วยจิตที่เป็นสมาธิก็จะหั่นได้ดี เช่น หนาเท่า
กันทุกแว่น เรียบร้อยสม�่ำ เสมอ ถ้าแม่ครัวจิตฟุง้ ซ่านจะหัน่ เปะปะ หนา
บ้าง บางบ้าง ดูแล้วยุ่งยากตลอดเวลา จะลุกขึ้น จะนั่งลง จะเดินไป
จะไปทำ�อะไร มันมีจติ ทีเ่ ป็นสมาธิตามธรรมชาติชว่ ยอยูต่ ลอดเวลา เรา
จะกระทำ�สิง่ ต่าง ๆ ได้โดยไม่ผดิ พลาด เช่น ปอกผลไม้โดยทีม่ ดี ไม่บาด
มือ หรือตอกตะปูโดยที่ฆ้อนไม่ตอกถูกมือ ซึ่งเกิดจากจิตมีความเป็น
ปกติตามธรรมชาติชว่ ยอยูต่ ลอดเวลานัน่ เอง ไม่วา่ เราจะทำ�การงานสิง่
ใด ขอให้ทำ�ด้วยจิตเป็นสมาธิเถิด มันจะได้ผลดี มิฉะนั้น จะทำ�ไม่ได้ดี
จะเกิดความผิดพลาด ชีวิตนี้ก็จะยุ่งเหยิง ถ้ามีความถูกต้องพอดี มัน
จะเรียบร้อยไปหมดทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน
ดังนั้น ความเป็นสมาธิตามธรรมชาตินี้จะขาดไม่ได้
ต้องมีตามที่ธรรมชาติต้องการ มันจำ�เป็นสำ�หรับทุกคนที่มีชีวิตอยู่บน
โลก ไม่วา่ เขาจะประกอบการงานอะไร หน้าทีอ่ ะไร สมาธิเป็นสิง่ ทีต่ อ้ ง
มีพอสมควรแก่กรณี ไม่ว่าเราจะเป็นคนชนิดไหน จะทำ�อะไร เราจะ
ต้องมีสงิ่ ทีเ่ รียกว่าสมาธิตามสมควรแก่กรณี มิฉะนัน้ เราจะไม่สามารถ
ทำ�อะไรได้ดว้ ยความถูกต้องหรือปกติทเี่ รียกว่า มีสติสมประดี จิตใจไม่
เลื่อนลอย จิตใจไม่อ่อนแอ ไม่ฟุ้งซ่าน
สมาธิภาวนา
สมาธิภาวนา คือ การทำ�ความเจริญด้วยจิตที่เป็น
สมาธิ ซึ่งเป็นสมาธิที่เกิดมีขึ้นมาด้วยการฝึกฝน โดยการกระทำ�ที่
เรียกว่า สมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อกระทำ�จิตให้
เจริญขึ้น สมาธิที่มีอยู่ตามธรรมชาติเท่าที่ธรรมชาติให้มานั้นมันยังไม่
สมบู ร ณ์ เราจึ ง ต้ อ งมาฝึ ก ให้ ส มบู ร ณ์ เปรี ย บเหมื อ นดั่ ง เมล็ ด พื ช
ธรรมชาติให้มาแต่เมล็ดพืช จากนั้นเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องเพาะให้มัน
เกิดเป็นต้น เป็นลำ� เป็นดอก เป็นผลขึน้ มา ความเป็นสมาธิของจิตนัน้
ธรรมชาติให้มาแต่เมล็ด คือเท่าที่จะเอามาเพาะได้ มันไม่ได้เพาะมาให้
เสร็จ แต่มันให้มาสำ�หรับให้มาเพาะ เช่นเดียวกับเมล็ดถั่ว เมล็ดองุ่น
เมล็ดข้าว ได้มาแต่เมล็ด แต่ก็สามารถที่จะเพาะออกมาเป็นต้นได้
ธรรมชาติไม่ได้ให้มามากกว่านั้น แต่ละคนมีเมล็ดพืชสำ�หรับความอยู่
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๒๕
๑๒๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ระดับของสมาธิ
ระดับของสมาธิแบ่งแยกออกเป็น ๓ ระดับ คือ
๑. ขณิกสมาธิ
สมาธิชั่วขณะ (Momentary Concentration) สมาธิขั้น
ต้น ในชีวิตประจำ�วันของคนทั่วไปก็จะถูกนำ�ไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่
การทำ�งานให้ได้ผลดี เช่น การอ่านหนังสือ การวางแผนงาน เป็นต้น
ในส่วนของการปฏิบัติธรรมก็ใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการเจริญวิปัสสนาได้
๒. อุปจารสมาธิ
สมาธิเฉียด ๆ หรือสมาธิจวนจะแน่วแน่ (Access Con-
centration) ยังไม่ดิ่งถึงที่สุด เป็นสมาธิขั้นระงับนิวรณ์ได้ นิวรณ์ คือ
เครื่องกีดกั้นขัดขวางความดีงามของจิต และการทำ�งานของจิต ไม่ให้
จิตเป็นสมาธิ นิวรณ์มี ๕ อย่าง ได้แก่ ๑. กามฉันท์ ความพอใจ ความ
อยากได้ใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่น่ารัก น่าใคร่ น่าพอใจ
๒. พยาบาท ความผูกโกรธจองล้างจองผลาญ ๓. ถีนมิทธะ ความ
หดหู่ท้อแท้ ความโงกง่วง ๔. อุทธัจจกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่าน รำ�คาญ
หงุดหงิดใจ ๕. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ได้แก่ ไม่แน่ใจสงสัยเกี่ยว
กับพระศาสดา พระธรรม พระสงฆ์ เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมว่าจะมี
ผลตามที่คาดไว้หรือไม่เพียงใด เป็นต้น
๓. อัปปนาสมาธิ
จิตเป็นสมาธิ ตั้งมั่น แน่วแน่ แนบสนิท (Attainment
Concentration) เป็นสมาธิระดับสูงสุดมีในฌานทั้งหลาย
ประโยชน์ของสมาธิ
ประโยชน์ ข องสมาธิ น้ัน มี ม ากและเป็ น สิ่ง สำ � คั ญ ทั้ง
ทางการปฏิบตั ธิ รรมและการดำ�เนินชีวติ ในกิจกรรมต่าง ๆ ของคนทัว่ ไป
โดยเฉพาะการทำ�งานจะประสบผลสำ�เร็จได้ด้วยดีต้องมีสมาธิ เพื่อให้
จิตใจสงบตัง้ มัน่ รูอ้ ยูก่ บั งานทีท่ �ำ อย่างเดียว ไม่หนีออกไปจับอารมณ์ขา้ ง
นอก หรือรับอารมณ์หลาย ๆ อย่างเข้ามาไม่ยอมหยุด ไม่ยอมนิง่ อยูใ่ น
อารมณ์อันเดียว จนเกิดเป็นความฟุ้งซ่าน จิตไปจับอารมณ์หลาย ๆ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๒๗
๑๒๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๒๙
๑๓๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๓๑
๑๓๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
สัมปชัญญะ
คำ�ว่า “สัมปชัญญะ” แยกออกเป็น ๓ ศัพท์ คือ สํ+ป+ชัญญะ
สํ แปลว่า พร้อม แปลว่า ดี
ป แปลว่า ทั่ว แปลว่า ยิ่ง
ชัญญะ แปลว่า รู้ แปลว่า เข้าใจ
ได้แก่ ปัญญา
สัมปชัญญะ หมายความว่า การกำ�หนดรู้ทุก ๆ ขณะ
ความรู้ตัว ความรู้ตัวทั่วพร้อม ความรู้ชัด ความรู้ทั่วชัด เป็นความ
รูต้ วั ตามความเป็นจริงทัง้ ภายในและภายนอกทีถ่ กู ต้อง หรือปัญญา
ซึ่ ง ตั้ ง อยู่ บ นรากฐานของสั ม มาสติ นั่ น เอง สติ เ ป็ น ตั ว ระลึ ก รู้
สัมปชัญญะเป็นตัว “พิจารณา” กำ�หนดรูท้ ุก ๆ ขณะ เฝ้าสังเกตเฉพาะ
รูปนามที่กำ�ลังปรากฏ เมื่อผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ดูรู้อันใหม่ที่กำ�ลังเกิด
ขึน้ ฉะนัน้ คำ�ว่า “พิจารณา” ในทีน่ จี้ ะใช้อกี คำ�หนึง่ ก็คอื คำ�ว่า “สังเกต”
หรือพิจารณาสัน้ ๆ พิจารณาเฉพาะสิง่ ทีก่ �ำ ลังปรากฏเป็นปัจจุบนั เพือ่
ให้เกิดความรูต้ ามความเป็นจริง ทีผ่ า่ นไปแล้วก็แล้วกันไป อย่าเอาอดีต
อนาคต มาคิด มานึก ดังนั้น จึงใช้คำ�ว่า “สังเกต”
๒. สัปปายสัมปชัญญะ ความรู้ชัดในความเหมาะสม
คือ รูต้ วั ตระหนักชัดว่าสิง่ ของนัน้ การกระทำ�นัน้ ทีท่ จี่ ะไป
นั้น เหมาะกันกับตน เกื้อกูลแก่สุขภาพ แก่กิจ เอื้อต่อการลดลงของ
อกุศลธรรม และกุศลธรรมเจริญงอกงาม จึงใช้ จึงทำ� จึงไป หรือ
เลือกให้เหมาะ เช่น ผู้เจริญกรรมฐานจะไปฟังธรรมอันมีประโยชน์ใน
ที่ชุมชนใหญ่่ ที่มีหญิงชายแต่งตัวกันอย่างสวยงามไปกันมากมาย เพื่อ
พากันฟังธรรม อาจทำ�ให้เสียสังวร เรียกว่า สังวรแตก กิเลสเกิด
กรรมฐานเสื่อม เช่น ประสบกับอารมณ์ที่น่าปรารถนาทำ�ให้เกิด
“โลภะ” หรือประสบกับอารมณ์ทไี่ ม่นา่ ปรารถนาก็เกิดเป็น “โทสะ” จึง
ไม่ไป ถ้าภิกษุใช้จีวรที่เหมาะสมกับดินฟ้าอากาศ และเหมาะกับภาวะ
ของตนที่เป็นสมณะก็เรียกว่า มีความเหมาะสม
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๓๓
๑๓๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
๔. อสัมโมหสัมปชัญญะ ความรู้ชัดตามความเป็นจริง
คื อ เมื่ อ ไปไหน ทำ � อะไร ก็ รู้ ตั ว ตระหนั ก ชั ด ในการ
เคลื่อนไหว หรือในการกระทำ�นั้น ในสิ่งที่กระทำ�นั้น มีสติอยู่ทุก ๆ
ขณะ กายเอนไปข้างหน้าก็มีสติกำ�หนดรู้ กายเอนไปข้างหลังก็มีสติ
กำ�หนดรู้ เวลาแลดูตรงก็มสี ติกำ�หนดรู้ เวลาเหยียดแขนเหยียดขาออก
ไปก็มีสติกำ�หนดรู้ เวลาพาดสังฆาฏิก็มีสติกำ�หนดรู้ เวลาอุ้มบาตรก็มี
สติกำ�หนดรู้ เวลาห่มจีวรก็มีสติกำ�หนดรู้ เวลาบริโภคอาหารก็มีสติ
กำ�หนดรู้ เวลาดื่มก็มีสติกำ�หนดรู้ เวลาเคี้ยวก็มีสติกำ�หนดรู้ เวลาลิ้ม
เลียก็มสี ติก�ำ หนดรู้ เวลาถ่ายอุจจาระก็มสี ติก�ำ หนดรู้ เวลาถ่ายปัสสาวะ
ก็มีสติกำ�หนดรู้ เวลาเดินไปก็มีสติกำ�หนดรู้ เวลายืนก็มีสติกำ�หนดรู้
เวลานั่งก็มีสติกำ�หนดรู้ เวลานอนก็มีสติกำ�หนดรู้ เวลาตื่นก็ให้มีสติ
กำ�หนดรู้ เวลาพูดก็ให้มีสติกำ�หนดรู้ เวลานั่งอยู่เฉย ๆ ก็มีสติกำ�หนด
รู้ เมือ่ กำ�หนดได้ละเอียดลออถีถ่ ว้ นอย่างนี้ เรียกว่า อสัมโมหสัมปชัญญะ
ไม่หลง ไม่สับสน เงอะงะ ฟั่นเฟือน เข้าใจล่วงตลอดไปถึงตัวสภาวะ
ในการกระทำ �ที่เป็นไปอยู่นั้น ว่าเป็นเพียงการประชุมกันขององค์
ประกอบและปัจจัยต่าง ๆ ประสานหนุนเนืองกันขึ้นมาให้ปรากฏเป็น
อย่างนั้น รู้ทันสมมติ ไม่หลงสภาวะ เช่น ยึดเห็นเป็นตัวตน ไม่ถูก
หลอกให้ลุ่มหลง หรือด้วยลักษณะอาการภายนอกที่ยั่วยุ หรือเย้ายวน
เป็นต้น
สติ
สติ แปลว่า ความระลึกได้ ก่อนทำ� ก่อนพูด ก่อนคิด จำ�
การทีท่ �ำ และคำ�ทีพ่ ดู แล้วแม้นานได้ สติยงั คุมใจเอาไว้ให้อยูก่ บั งานทีท่ �ำ
และสิ่งที่เกี่ยวข้องได้โดยไม่เผลอออกไปคบหาอารมณ์ต่าง ๆ ภายนอก
อีกทัง้ ใจก็จะค่อยคุน้ อยูก่ บั อารมณ์อนั เดียวทีส่ ติคอยบังคับให้สงบอยู่ คน
ที่ลืมของบ่อย ๆ ก็เพราะขาดสติ เช่น ลืมกระเป๋าสตางค์ ลืมหนังสือ
ลืมการนัดหมายในเรื่องต่าง ๆ ไว้ เป็นต้น เป็นเพราะขาดสติเรียกกัน
ว่า “เผลอ” แม้ผู้ที่เจริญกรรมฐานทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนา
กรรมฐาน ถ้าขาดสติแล้วอารมณ์ของกรรมฐานก็จะไม่เกิดเลย ขณิก
สมาธิ อุปจารสมาธิ และอัปปณาสมาธิ ก็เกิดขึ้นไม่ได้ เมื่อสมาธิไม่
เกิด ปัญญาก็ไม่เกิดเช่นเดียวกัน เพราะปัญญาจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัย
สมาธิเป็นบาทแนบชิด ถ้าใครขาดสติกจ็ ะทำ�อะไรผิดพลาด ลืมโน่น ลืม
นี่บ่อย ๆ สติจึงมีหน้าที่สำ�คัญที่สุด คือ ทำ�ให้ไม่หลงลืม
ยกตัวอย่าง ในเวลาอ่านหนังสือ ขณะใดสติไม่มี ขณะนั้น
ใจก็จะลอยออกไปคิดอย่างอื่นเสีย ขาดความสนใจในหนังสือที่กำ�ลัง
อ่านอยู่ จะอ่านหนังสือสักกี่เที่ยว ถ้าขาดสติควบคุมให้อยู่กับการอ่าน
หนังสือก็จ�ำ ไม่ได้ ทัง้ นีก้ เ็ พราะใจไม่มสี ติรกั ษาไว้ ถ้าขณะใดมีสติ ขณะนัน้
ดูหนังสือเพียงเทีย่ วเดียวก็จ�ำ ได้ดี
ประโยชน์ของสติ
ประโยชน์ของสตินน้ั มีมาก เพือ่ ให้ผอู้ า่ นได้เล็งเห็นถึงความ
สำ�คัญของสติ อาตมาก็ขอนำ�เอาคำ�บรรยาย ของพระธรรมธีรราชมหา
มุนี (โชดก ญาณสิทธฺ เิ ถร) ทีท่ า่ นได้เคยบรรยายเอาไว้ ถึงประโยชน์ของ
สติ ดังนี้
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๓๕
๑๓๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๓๗
๑๓๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
สติปัฏฐาน ๔
คำ�ว่า ปัฏฐาน แปลว่า ตัง้ ไว้เฉพาะก็ได้ แปลว่า ตัง้ ไว้อย่าง
ทั่วถึงก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าข้อความแวดล้อมนั้นเป็นอย่างไร
สำ�หรับคำ�ว่า สติปัฏฐาน แปลให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ฐาน
ที่ตั้งของสติ หรือการมีสติกำ�กับดูสิ่งต่าง ๆ และความเป็นไปทั้งหลาย
โดยรูเ้ ท่าทันตามสภาวะของมันทีเ่ ป็นจริง ไม่ถกู ครอบงำ�ด้วยความยินดี
ยินร้าย ที่ทำ�ให้มองเห็นเพี้ยนไปตามอำ�นาจกิเลส มี ๔ อย่างคือ
๑. กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน การมีสติกำ�กับดูรู้เท่าทัน
กายและเรื่องทางกาย
๒. เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ก ารมีสติกำ�กับดูรู้เท่าทัน
เวทนา
๓. จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน การมีสติก�ำ กับดูรเู้ ท่าทันจิต
หรือสภาพและอาการของจิต
๔. ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน การมี ส ติ กำ � กั บ ดู รู้ เ ท่ า ทั น
ธรรม
ท่ายืน หมายเลข ๑ - ๓
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๓๙
๑๔๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
๔. ด้านหน้า ๕. ด้านหลัง
ท่ายืน หมายเลข ๔ - ๕
การเดิน
กำ�หนดว่า ขวาย่างหนอ ในใจ โดยคำ�ว่าขวา ให้ยกส้น
เท้าขวาขึ้นประมาณ ๒ นิ้ว เท้ากับใจต้องนึกพร้อมกัน คำ�ว่าย่าง ให้
ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ เท้ายังไม่เหยียบพื้น คำ�ว่าหนอ ให้
วางเท้าลงพื้น จากนั้นสำ�รวมสติไว้ที่เท้าซ้ายตั้งสติปักลงไป กำ�หนดว่า
ซ้ายย่างหนอ สลับกันเช่นนี้เรื่อย ๆ ไป ระยะก้าวในการเดินห่างกัน
ประมาณ ๑ คืบ เพื่อการทรงตัวขณะก้าวได้ดีขึ้น เมื่อเดินสุดสถานที่
แล้ว ให้นำ�เท้ามาเคียงกัน หลับตา พร้อมกำ�หนดคำ�ว่า หลับตาหนอ
จากนั้นเงยหน้าตรง กำ�หนดคำ�ว่า เงยหน้าหนอและกำ�หนดยืนหนอ
ช้าๆ อีก ๕ ครั้ง เมื่อครบแล้วให้ก้มหน้าพร้อมกำ�หนด ก้มหน้าหนอ
ตามด้วย ลืมตาหนอ เพื่อมองดูปลายเท้า
ท่าเดินระยะ ๑ (ขวาย่างหนอ) หมายเลข ๖ - ๑๑
๖ ๗ ๘
ขวา(ยกส้นเท้าขวา) ย่าง(ก้าวเท้าไปข้างหน้า) หนอ(วางเท้าลงพืน้ )
๙ ๑๐ ๑๑
ขวา(ยกส้นเท้าขวา) ย่าง(ก้าวเท้าไปข้างหน้า) หนอ(วางเท้าลงพืน้ )
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๔๑
๑๔๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
๑๒ ๑๓
ยกหนอ(ยกเท้าขึน้ ตรง ๆ ) เหยียบหนอ(เหยียบเท้าลงพืน้ )
๑๔ ๑๕
ยกหนอ(ยกเท้าขึน้ ตรง ๆ ) เหยียบหนอ(เหยียบเท้าลงพืน้ )
ท่าเดินระยะ ๓ (ยกหนอ - ย่างหนอ - เหยียบหนอ) หมายเลข ๑๖ - ๒๑
๑๖ ๑๗ ๑๘
ยกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ
(ยกเท้าขึ้นตรง ๆ) (ก้าวเท้าไปข้างหน้าไม่แตะพื้น) (วางเท้าลงกับพื้น)
๑๙ ๒๐ ๒๑
ยกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ
(ยกเท้าขึ้นตรง ๆ) (ก้าวเท้าไปข้างหน้าไม่แตะพื้น) (วางเท้าลงกับพื้น)
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๔๓
๑๔๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
การกลับ
กำ�หนดว่า กลับ…หนอ ๔ ครัง้ กลับหนอครัง้ ที่ ๑ ให้
ยกปลายเท้าขวา แล้วใช้สน้ เท้าขวาหมุนตัวไปทางขวา ๙๐ องศา ครัง้
ที่ ๒ เคลือ่ นเท้าซ้ายมาชิดกับเท้าขวา ครัง้ ที่ ๓ ทำ�เหมือนครัง้ ที่ ๑ ครัง้
ที่ ๔ ทำ�เหมือนครัง้ ที่ ๒ เมือ่ ครบ ๔ ครัง้ แล้ว จะอยูท่ า่ กลับหลัง ต่อ
ไปกำ�หนด หลับตาหนอ เงยหน้าหนอและกำ�หนดยืนหนอช้า ๆ อีก ๕
ครัง้ ตามด้วย ก้มหน้าหนอ และกำ�หนดเดินต่อไปจนหมดเวลาทีต่ อ้ งการ
๒๒ ๒๓ ๒๔
กลับหนอ แล้วใช้ส้นเท้าขวาหมุน กลับหนอ
(เปิดปลายเท้าขวา) ไปทางขวา (นำ�เท้าซ้ายมาชิดกับเท้าขวา)
๒๕ ๒๖
กลับหนอ กลับหนอ
(เช่นเดียวกับรูป (เช่นเดียวกับรูป ๒๔)
๒๒,๒๓)
ท่ากลับ ๙๐ องศาหมายเลข ๒๒ - ๒๖
๒๗ ๒๘ ๒๙
กลับหนอ แล้วใช้ส้นเท้าขวาหมุน กลับหนอ
(เปิดปลายเท้าขวา) ไปทางขวา (นำ�เท้าซ้ายมาชิดกับเท้าขวา)
๓๐ ๓๑
กลับหนอ กลับหนอ
(เช่นเดียวกับรูป (เช่นเดียวกับรูป ๒๙)
๒๗,๒๘)
ท่ากลับ ๙๐ องศาหมายเลข ๒๗ - ๓๑
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๔๕
๑๔๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
การนั่ง
ให้ทำ�ต่อไปจากการเดินจงกรม อย่าให้ขาดตอน เมื่อ
เดินจงกรมถึงที่จะนั่ง ให้กำ�หนด “ยืนหนอ”อีก ๕ ครั้ง แล้วกำ�หนด
ปล่อยมือลงข้างตัวว่า “ปล่อยมือหนอ” เริม่ จากปล่อยมือขวาก่อน และ
ตามด้วยมือซ้าย ช้า ๆ จนกว่าจะลงสุด จากนัน้ ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า
กำ�หนดคำ�ว่า ขวาย่างหนอเพื่อเตรียมนั่ง เวลานั่ง ค่อย ๆ ย่อตัวลง
พร้อมกำ�หนดตามอารมณ์ทที่ �ำ ไปจริง ๆ เช่น ย่อตัวหนอ ท้าวพืน้ หนอ
คุกเข่าหนอ นั่งหนอ เป็นต้น
ท่าเตรียมนั่ง หมายเลข ๓๒ - ๓๔
๓๒ ๓๓ ๓๔
ปล่อยมือลง ก้าวเท้าขวามาข้างหน้า ย่อตัวลง
วิธีนั่ง
ให้นั่งขัดสมาธิ คือ ขาขวาทับขาซ้าย นั่งตัวตรงหลับตา
เอาสติจบั อยูท่ ที่ อ้ ง พอง ยุบ เวลาหายใจเข้าท้องพอง กำ�หนดว่า “พอง
หนอ” หายใจออกท้องยุบ กำ�หนดว่า “ยุบหนอ” ใจนึกกับท้องที่พอง
ยุบต้องให้ทันกัน ให้สติจับอยู่ที่การพอง ยุบ ของท้องเท่านั้น อย่าดู
ลมที่จมูก อย่าตะเบ็งท้อง ให้รู้สึกตามความจริงว่า ท้องพองไปข้าง
หน้า ท้องยุบมาข้างหลัง กำ�หนดเช่นนี้ไปจนกว่าจะถึงเวลาที่กำ�หนด
ท่านั่ง หมายเลข ๓๕ - ๔๒
๓๕ ๓๖
ท่านั่งชั้นเดียว ท่านั่งสองชั้น
๓๗ ๓๘ ๓๙
ท่าเตรียมนั่งเพชร ยกเท้าซ้ายพาดเหนือเข่าขวา ท่านั่งเพชร
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๔๗
๑๔๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
๔๐ ๔๑ ๔๒
ท่าเตรียมนั่งเพชร ยกเท้าซ้ายพาดเหนือเข่าขวา ท่านั่งเพชร
การนอน
เวลานอน ค่อย ๆ เอนตัวนอน พร้อมกับกำ�หนดตาม
ไปว่า “นอนหนอ” จนกว่าจะนอนเรียบร้อย ขณะนั้น ให้เอาสติจับอยู่
ที่อาการเคลื่อนไหวของร่างกาย เมื่อนอนเรียบร้อยแล้ว ให้ตั้งสติจับที่
ท้อง หายใจเข้าออกยาวๆ สบาย ๆ อย่าให้ไปเพ่งที่ท้องมาก ให้ตั้งสติ
ไว้ หายใจเรื่อยไปว่า “พองหนอ ยุบหนอ” จนกว่าจะหลับ เมื่อตื่น
ก่อนลืมตาให้กำ�หนดว่า “ตื่นหนอ” กำ�หนดที่ท้องว่า “พองหนอ ยุบ
หนอ” ครู่หนึ่ง แล้วกำ�หนดลืมตา และลุกขึ้นนั่งต่อไป
ท่านอน หมายเลข ๔๓ - ๔๔
๔๓. ท่านอน
๔๔. ท่านอน
กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
คือการรูส้ ภาพของกายในขณะนัน้ ว่ากำ�ลังทำ�อะไรอยู่ ไม่
ว่ากายจะยืน กายจะเดิน กายจะนัง่ กายจะนอน จะพักผ่อนอันใดมีสติ
ควบคุม จิตต้องกำ�หนด กำ�หนดกายยืน กำ�หนดกายนั่ง กำ�หนดกาย
นอน กำ�หนดกายที่จะเอนลงไป ต้องกำ�หนดทุกอิริยาบถ จะก้าวเยื้อง
ซ้ายและขวาไปที่ไหน กำ�หนดสติไว้ให้เป็นปัจจุบัน
กำ�หนด แปลว่า ความรูข้ องชีวติ อันมีสติควบคุม เช่น ก่อน
จะเดินให้สำ�รวมจิตที่เท้าขวา ตั้งสติปักลงไป แล้วกำ�หนดในใจคำ�ว่า
“ขวา” ให้ยกส้นเท้าขวาขึน้ สติระลึกรูพ้ ร้อมกับส้นเท้าขวาทีย่ กขึน้ จาก
นั้นกำ�หนดคำ�ว่า “ย่าง” โดยก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า สติระลึกรู้พร้อม
กับเท้าขวาทีเ่ คลือ่ นไปข้างหน้า “หนอ” วางเท้าลงถึงพืน้ ปลายเท้าและ
ส้นเท้าลงพร้อมกัน สติระลึกรู้พร้อมกับเท้าที่ลงสัมผัสพื้น หรือจะหยิบ
สิ่งของอะไร ก็ให้สำ�รวมจิตอยู่ที่มือข้างที่จะหยิบ ตั้งสติปักลงไปที่มือ
ข้างจะหยิบนั้น แล้วกำ�หนดในใจว่า “หยิบหนอ หยิบหนอ” สติระลึก
รู้พร้อมกับมือข้างที่กำ�ลังจะหยิบของสิ่งนั้น เป็นต้น
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๔๙
๑๕๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
คือสิ่งที่บังคับไม่ได้ ต้องใช้สติคอยควบคุม ได้แก่ สุข
เวทนา มีทั้งสุขกาย สุขใจ ทุกขเวทนา คือ ทุกข์กาย ทุกข์ใจ และ
อุเบกขาเวทนา คือ เฉย ๆ ไม่สุขไม่ทุกข์ จิตใจเลื่อนลอยไม่มีที่เกาะ
ขณะกำ�หนดรูอ้ ยูใ่ นการเดินหรือนัง่ ก็ตาม กำ�หนด “พองหนอ ยุบหนอ”
อยู่ก็ตาม เมื่อมีอาการของเวทนาดังกล่าวข้างต้นเกิดขึ้น ให้ทิ้งการ
กำ�หนด เดิน นั่ง และพอง ยุบ ก่อน มากำ�หนดรู้อยู่ที่อาการของ
เวทนาที่เกิดขึ้น กำ�หนดตรงเวทนานั้นจนกว่ามันจะหายไป เช่น ปวด
เมื่อย เจ็บ คัน แน่นเสียดตรงไหน ก็กำ�หนดตรงนั้น ปวดเมื่อยต้นคอ
ก็เอาจิตปักลงไปที่ต้นคอที่ปวด แล้วกำ�หนดว่า “ปวดหนอ ปวดหนอ”
คัน ก็เอาจิตปักลงไปตรงที่คัน ตั้งสติกำ�หนด “คันหนอ คันหนอ”
เป็นต้น ถ้าจิตเกิด อาการดีใจ เสียใจ โกรธ ขณะเดิน นัง่ หรือกำ�หนด
พอง ยุบ ให้เอาจิตปักลงที่ลิ้นปี่ หายใจยาว ๆ จากจมูกถึงสะดือ
ตั้งสติกำ�หนดตามสภาวะของอารมณ์ที่เป็นไปในขณะนั้นตามจริงว่า
“ดีใจหนอ” “เสียใจหนอ” หรือ “โกรธหนอ” อุเบกขา ไม่สุข ไม่ทุกข์
ใจลอยหาที่เกาะไม่ได้ ให้กำ�หนดที่ลิ้นปี่ ตั้งสติระลึกก่อน กำ�หนด
“รู้หนอ รู้หนอ” เป็นต้น
เมือ่ กำ�หนดเวทนาทีเ่ กิดจนหาย และกลับสูส่ ภาวะปกติแล้ว
ขณะนั้น หากอยู่ในอาการใด เดิน นั่ง หรือ พองหนอ ยุบหนอ อยู่
ก็ตาม ให้กลับมา กำ�หนดรู้อยู่ในอาการนั้นต่อไป
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
คือจิตเป็นธรรมชาติ ต้องคิดอ่านอารมณ์ รับรูอ้ ารมณ์ไว้
ได้เป็นเวลานาน เหมือนเทปบันทึกเสียง ไม่มตี วั ตนให้คลำ� เราต้องตัง้
สติพจิ ารณาเนือง ๆ ซึง่ จิตก็คอื วิญญาณขันธ์ กำ�หนดพิจารณาจิตก็เพือ่
ให้รเู้ ท่าทันว่าจิตทีก่ �ำ หนดเกิดอยูน่ นั้ เป็นจิตชนิดใด เป็นจิตโลภ จิตโกรธ
จิตหลง จิตฟุ้งซ่าน จิตที่เป็นสมาธิ หรือไม่เป็นสมาธิ
การพิจารณาเห็นจิตในจิต คือ พิจารณาจิตของตน ให้เห็น
สภาวะตามที่ปรากฏในขณะนั้น ๆ และรู้ชัดตามความเป็นจริง๑
๑. จิตมีราคะ ก็รู้ชัดว่า จิตมีราคะ
๒. จิตปราศจากราคะ ก็รู้ชัดว่า จิตปราศจากราคะ
๓. จิตมีโทสะ ก็รู้ชัดว่า จิตมีโทสะ
๔. จิตปราศจากโทสะ ก็รู้ชัดว่า จิตปราศจากโทสะ
๕. จิตมีโมหะ ก็รู้ชัดว่า จิตมีโมหะ
๖. จิตปราศจากโมหะ ก็รู้ชัดว่า จิตปราศจากโมหะ
๗. จิตหดหู่ ก็รู้ชัดว่า จิตหดหู่
๘. จิตฟุ้งซ่าน ก็รู้ชัดว่า จิตฟุ้งซ่าน
๙. จิตเป็นมหัคคตะ๒ ก็รู้ชัดว่า จิตเป็นมหัคคตะ
๑๐. จิตไม่เป็นมหัคคตะ ก็รู้ชัดว่า จิตไม่เป็นมหัคคตะ
๑๑. จิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า ก็รู้ชัดว่า จิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า
๑๒. จิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า ก็รู้ชัดว่า จิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า
๑๓. จิตเป็นสมาธิ ก็รู้ชัดว่า จิตเป็นสมาธิ
๑๔. จิตไม่เป็นสมาธิ ก็รู้ชัดว่า จิตไม่เป็นสมาธิ
๑๕. จิตหลุดพ้นแล้ว ก็รู้ชัดว่า จิตหลุดพ้นแล้ว
๑๖. จิตไม่หลุดพ้น ก็รู้ชัดว่า จิตไม่หลุดพ้น
๑. มัชฌิมนิกาย มูลปณณาสก์ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ ข้อที่ ๑๑๔ หน้า ๑๑๑
๒. มหัคคตะ พจนานุกรม บาลี-ไทย หน้า ๓๙๐ แปลว่า ไปสูง
๑๕๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
คือการกำ�หนดรูธ้ รรมทัง้ หลายทัง้ ปวง ได้แก่ นิวรณ์ ขันธ์
๕ อายตนะ โพชฌงค์ อริยสัจ ๔ รู้อารมณ์ที่เกิดขึ้นกับจิตที่เป็นกุศล
อกุศล หรืออัพยากฤต (กลาง ๆ) การกำ�หนดธรรม เมือ่ เกิดความรูส้ กึ
ต่างๆ อันเป็นนิวรณธรรม เช่น การยินดี หรือความพอใจในอารมณ์
ภายนอก (กามฉันทะ) หรือความโกรธ (พยาบาท) ความฟุง้ ซ่านรำ�คาญ
ใจ (อุทธัจจกุกกุจจะ) หรือการง่วงเหงาหาวนอน (ถีนมิทธะ) หรือมี
ความคิดลังเลสงสัยในการปฏิบัติ (วิจิกิจฉา) เป็นไปต่าง ๆ เช่นนี้ ก็
ให้ตั้งสติไว้ที่ลิ้นปี่ หายใจลึก ๆ ยาว ๆ กำ�หนดรู้อาการของจิตทันทีที่
รู้ เช่น มีกามฉันทะเกิดขึ้น ก็ให้กำ�หนดว่า “ชอบหนอ” เมื่อมีความ
โกรธหรือพยาบาทเกิดขึ้น ก็ให้กำ�หนดว่า “โกรธหนอ” เมื่อง่วงเหงา
หาวนอนก็ปักจิตไว้ที่กลางหน้าผาก ตั้งสติกำ�หนด “ง่วงหนอ” เมื่อ
คิดถึงสิ่งนอกกาย คิดถึงบ้าน คิดถึงคนรู้จักก็ กำ�หนดว่า “คิดหนอ”
เมื่อมีความสงสัยเกิดขึ้น ก็กำ�หนด “สงสัยหนอ” เมื่อกำ�หนดอาการที่
เป็นนิวรณธรรมที่เกิดขึ้นจนหายแล้วให้กลับมากำ�หนดที่การเดินหรือ
พองยุบต่อไปตามเดิม ประคองสติให้ติดต่อกันดี จิตเกิดทางอายตนะ
ธาตุอินทรีย์ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
๑. เวลาตาเห็นรูป ให้ก�ำ หนดว่า เห็นหนอ ๆ ตัง้ สติเอาไว้ทต่ี า
๒. เวลาหูได้ยนิ เสียง ให้ก�ำ หนดว่า เสียงหนอ ๆ ตัง้ สติเอาไว้ทห่ี ู
๓. เวลาจมูกได้กลิน่ ให้ก�ำ หนดว่า กลิน่ หนอ ๆ ตัง้ สติเอาไว้ท่ี
จมูก
๔. เวลาลิน้ ได้รบั รส ให้ก�ำ หนดว่า รสหนอ ๆ ตัง้ สติไว้ทล่ี น้ิ
๕. เวลากายถูกเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ให้ก�ำ หนดว่า ถูกหนอ ๆ ตัง้
สติไว้ทก่ี ายถูกสัมผัส
๖. เวลาจิตใจคิดถึง ความโลภ โกรธ หลง ขึน้ มา เพราะกำ�หนด
ทวารทั้งห้าข้างต้นไม่ทัน เลยเป็นอดีตไปแล้ว ให้กำ�หนดว่า “รู้หนอ”
ตั้งสติไว้ที่ลิ้นปี่ เหตุที่ต้องกำ�หนดจิตและตั้งสติเช่นนี้ เพราะจิตของเรา
อยูใ่ ต้บงั คับความโลภ ความโกรธ ความหลง เช่น หูได้ยนิ เสียง กำ�หนด
ไม่ทัน เลยเป็นอดีตไปแล้ว ทำ�ให้เกิดชอบใจเป็นโลภะ ไม่ชอบใจเป็น
โทสะ ถ้าไม่ก�ำ หนดหรือพิจารณาตามความจริงแล้ว เป็นโมหะ ตาเห็น
รูป จมูกได้กลิน่ ลิน้ ได้รบั รส ก็เช่นเดียวกัน ข้อสำ�คัญทีส่ ดุ ของผูป้ ฏิบตั ิ
คือ การกำ�หนดให้เป็นปัจจุบัน
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๕๓
๑๕๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
เรียนรูด้ กู ายใจด้วยธรรมะ ธรรมชาติ
๑๕๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ความเป็นมา
เรื่องของโรคมะเร็ง (Cancer) นั้น ใครหลายๆคนมักมอง
ว่า เป็นโรคที่เมื่อเกิดขึ้นกับผู้ใดแล้ว ผู้นั้นจะต้องตาย ไม่สามารถ
รักษาให้หายได้ ครัง้ หนึง่ ก่อนทีอ่ าตมาจะจัดทำ�โครงการ ก็เคยมีความ
คิดเช่นนั้นเหมือนกันว่า มะเร็งเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้
ใครเป็นแล้วต้องตาย แต่หลังจากที่อาตมาได้มีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วย
ด้วยโรคมะเร็งเองแล้วนั้น โดยการไปเยี่ยมและให้ธรรมบรรยายที่จะ
ส่งผลให้ผู้ป่วยมะเร็งเกิดกำ�ลังใจขึ้นมานั้น ทำ�ให้อาตมาได้ทราบถึง
สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งจากคำ�บอกเล่าของเจ้าหน้าทีพ่ ยาบาลท่าน
หนึ่งในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ว่า โรคมะเร็งนั้นแท้จริงแล้ว ยังไม่มี
ใครสามารถทราบเหตุในการเกิดของโรคได้แน่ชัด สาเหตุโดยส่วน
ใหญ่ทยี่ อมรับกันก็คอื อันดับแรกในร่างกายของคนเรานัน้ จะมีหน่วย
ทางพันธุกรรมในโครโมโซม (Gene) ที่เรียกว่า “ออนโคยีน”
(Oncogene) เป็นยีนหรือเชื้อมะเร็งที่มีอยู่ในตัวของคนทุกคนอยู่แล้ว
แต่ยังไม่สามารถที่จะก่อให้เกิดเป็นโรคมะเร็งได้ การจะก่อเกิดเป็นโรค
มะเร็งได้นั้น ต้องมีสารก่อมะเร็งเข้ามาในร่างกายร่วมอยู่ด้วย เช่น
สารนิโคตินในบุหรี่ สารเคมีในอาชีพการงาน รังสี สารตะกั่ว สาร
เคมีตา่ ง ๆ ทีอ่ ยูใ่ นอาหาร ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในอากาศ เป็นต้น
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๕๗
๑๕๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
เมื่อมีองค์ประกอบที่จะทำ�ให้เกิดโรคมะเร็งถึง ๒ องค์ประกอบแล้ว
ก็จะยังไม่เป็นโรคมะเร็ง จนกว่าองค์ประกอบสุดท้ายจะเกิดขึ้น นั่นคือ
การที่เซลล์ภูมิต้านทานต่าง ๆ ในร่างกายอ่อนแอลง เช่น ทีเซลล์
(T-cell) ซึ่งมีหน้าที่ทำ�ลายสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย เมื่อไหร่ที่
องค์ประกอบทั้ง ๓ อย่าง คือ ออนโคยีน สารก่อมะเร็ง และเซลล์
ภูมิต้านทานอ่อนแอลง ครบพร้อมทั้ง ๓ อย่าง เกิดขึ้นในบุคคลใด
แล้ว บุคคลผูน้ นั้ ก็สามารถเป็นมะเร็งได้ทนั ที มะเร็งใช้เวลาก่อตัวโดย
ประมาณคือ ๑๐ ปี ก็จะทำ�ให้เป็นโรคมะเร็งขึ้นมาได้ทันที ซึ่งอาจ
จะเกิดในตำ�แหน่งไหนหรืออวัยวะส่วนใดในร่างกายก็ได้ เช่น มะเร็ง
ที่ลิ้น มะเร็งที่เต้านม มะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งปอด มะเร็งผิวหนัง
มะเร็งโพรงจมูก มะเร็งลำ�ไส้ใหญ่ เป็นต้น แต่ถ้าเราสามารถรักษา
เซลล์ ภู มิ ต้ า นทานในตั ว เราให้ มี ค วามแข็ ง แรงไม่ อ่ อ นแอได้ อ ย่ า ง
สม่ำ�เสมอ โรคมะเร็งก็ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราได้ หลายท่าน
อาจจะสงสัยและคิดถึงพฤติกรรมของคนทีส่ บู บุหรี่ แต่ไฉนจึงยังไม่เป็น
มะเร็ง เหตุนั้นก็เพราะว่า เซลล์ภูมิต้านทานของเขายังแข็งแรงอยู่ ต่อ
เมือ่ ไหร่ทเี่ ซลล์ภมู ติ า้ นทานของเขาอ่อนแอลง โรคมะเร็งก็สามารถทีจ่ ะ
เกิดกับบุคคลผู้นั้นได้ทันที ความเครียดเป็นสาเหตุหลักที่สำ�คัญใน
ระดับต้น ๆ ที่ทำ�ให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง เป็นเหตุให้มะเร็ง
แพร่กระจายได้เร็วขึน้ ติดเชือ้ ไวรัสได้เร็วขึน้ เนือ่ งจากร่างกายและจิตใจ
ของคนเรา มีความสัมพันธ์กนั ในเวลาทีใ่ จของเรามีความเครียด ความ
โกรธ หรืออารมณ์ในทางลบ ก็จะมีผลต่อร่างกายของเรา จิตใจของ
เราจึงมีอิทธิพลมากต่อการเกิดโรคทางกาย
จากการที่อาตมาได้ไปเยี่ยมและให้ธรรมบรรยายเพื่อเป็น
กำ�ลังใจแก่ผปู้ ว่ ยโรคมะเร็งทีโ่ รงพยาบาลศรีนครินทร์ พร้อมทัง้ ได้รบั
ทราบเหตุปัจจัยทั้ง ๓ อย่างดังที่ได้สาธยายไปแล้วนั้น อาตมาจึงนำ�
ข้อมูลเหล่านั้นมาประมวลเพื่อหาความน่าจะเป็น หากจะนำ�ผู้ที่กำ�ลัง
ป่วยด้วยโรคมะเร็งมาส่งเสริมสุขภาพกายและใจ เพื่อบรรเทาอาการ
ของโรค ด้วยการใช้แนวทางของการปฏิบัติธรรม คือ สมาธิและ
วิปสั สนามาช่วยในการส่งเสริมสุขภาพจิตใจของผูป้ ว่ ย เพือ่ ให้เกิดความ
สงบ ปล่อยวาง ลดภาวะความวิตกกังวลในหลาย ๆ เรือ่ ง โดยเฉพาะ
ความวิ ต กกั ง วลในเรื่ อ งของโรคที่ กำ � ลั ง เป็ น อยู่ ที่ จ ะส่ ง ผลให้ เ กิ ด
ความเครียด ช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย และแนวทางของแพทย์
ทางเลือก (Alternative Medicine) โดยการเน้นในเรื่องของอาหาร
อากาศ การใช้ชีวิตในเรื่องของการกินอยู่หลับนอน การนำ�สิ่งที่มีอยู่
ตามธรรมชาติ มาช่วยส่งเสริมสุขภาพกายเพื่อที่จะให้ร่างกายแข็งแรง
ส่งผลให้เซลล์ภูมิต้านทานมีประสิทธิภาพ สามารถต่อต้าน ไล่ขับสิ่ง
แปลกปลอมออกไปจากร่างกายได้
หลังจากที่อาตมาได้วิเคราะห์ข้อมูลจากทั้ง ๓ ส่วน คือ
ข้อมูลทางโรคมะเร็ง ข้อมูลทางการปฏิบัติธรรม และข้อมูลทางแพทย์
ทางเลือกแล้ว จึงเห็นความน่าจะเป็นที่หากจะนำ�วิธีการทั้ง ๒ อย่าง
คือ วิธีการทางการปฏิบัติธรรมและวิธีการทางแพทย์ทางเลือกมา
ประยุกต์ให้เข้ากัน เพือ่ ส่งเสริมสุขภาพจิตและสุขภาพกายของผูป้ ว่ ยด้วย
โรคมะเร็ง ก็น่าที่จะทำ�ให้โรคที่กำ�ลังเป็นอยู่นั้นทุเลาเบาบางลงไปได้
ดังนั้น โครงการเรียนรู้ดูกายใจ ด้วยธรรมะ ธรรมชาติ จึงเกิดขึ้น
มาเพือ่ ช่วยส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพใจ ทัง้ ปลูกฝังถึงวิธกี ารเป็น
อยูท่ ถี่ กู ต้องทีไ่ ม่สง่ ผลกระทบ หรือส่งเสริมให้โรคมะเร็งทวีความรุนแรง
ขึ้นในผู้ที่กำ�ลังป่วยอยู่ และไม่กลับมาเป็นอีกในผู้ป่วยที่หายจากโรค
มะเร็งแล้ว โดยความเชื่อส่วนตัวของอาตมาจากประสบการณ์เท่าที่มี
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๕๙
๑๖๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
เกี่ยวกับเรื่องของโรคมะเร็ง การทำ�สมาธิวิปัสสนาและแนวทางของ
แพทย์ทางเลือกนัน้ อาตมาเชือ่ ว่ามะเร็งเป็นโรคทีส่ ามารถรักษาให้หาย
ได้ ไม่ว่าผู้ป่วยจะอยู่ในระยะที่ ๔ ของการเป็นโรคมะเร็งแล้วก็ตาม
แต่ตอ้ งรูจ้ กั รักษาให้ถกู วิธี พร้อมทัง้ เปลีย่ นวิถกี ารดำ�เนินชีวติ แบบเก่า ๆ
ที่เป็นผลให้เกิดโรคมะเร็งได้ เช่น อาหารการกิน การหลับนอน การ
ทำ�งาน เป็นต้น แล้วผู้นั้นก็จะมีความสุข ไร้ซึ่งโรคมะเร็งและไม่ต้อง
กังวลกับการกลับมาของมะเร็งอีก หลังจากมะเร็งรักษาหายแล้ว
ครัวสุขภาพกับแพทย์ทางเลือก
ก่อนทีจ่ ะเริม่ โครงการเรียนรูด้ กู ายใจ ด้วยธรรมะ ธรรมชาติ
นั้น ได้มีการเก็บข้อมูลและเตรียมงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำ�
โครงการอยู่ประมาณเกือบ ๑ ปีเต็ม หนึ่งในนั้นก็คือ เรื่องของครัว
สุขภาพที่มีความสำ�คัญมากเป็นอันดับต้น ๆ ของการจัดทำ�โครงการ
เลยทีเดียว ดังนั้น จึงได้มีการจัดส่งคนเพื่อไปเรียนรู้วิธีการทำ�อาหาร
ในแนวทางของแพทย์ทางเลือกกับผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ของแพทย์ทาง
เลื อ กนั้ น ก็ คื อ ดร.รสสุ ค นธ์ พุ่ ม พั น ธุ์ ว งศ์ สำ � เร็ จ ปริ ญ ญาเอก
Doctor of Science ด้านแพทย์ทางเลือกจากคาลูโลวิลล่า ฮอสปิตอล
ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่ประเทศศรีลังกา ในกาลครั้งนี้ อาตมาได้
ส่งคนไปเรียนการทำ�อาหารที่ถูกสุขลักษณะ เหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรค
ต่ า ง ๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ ง และเป็ น อาหารสุ ข ภาพ กั บ
ดร.รสสุคนธ์ ที่บ้านสุขภาพ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง จำ�นวน ๔ ท่าน
คือ คุณฐิติวัชร์ ปวีร์เดชาวัชร์ คุณรดากร พิพัฒน์ไชยศิริ คุณพิมไพร
ยิ้มศิริ และ คุณเลิศเกียรติ ชาตะเมธีกุล เป็นระยะเวลา ๑ เดือน
เต็ม ตลอดระยะเวลา ๑ เดือน ในการเรียนรู้วิธีการทำ�อาหารใน
แนวทางสุขภาพและเทคนิคต่าง ๆ ทีใ่ ช้ในการประกอบอาหารของบ้าน
สุขภาพ โดยการสอนของ ดร.รสสุคนธ์ นั้นก็ทำ�ให้ทั้ง ๔ ท่านได้เรียน
รู้ประสบการณ์ต่าง ๆ มากมาย ที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เพื่อให้
สุขภาพดีโดยเฉพาะในเรือ่ งของการประกอบอาหาร ตัง้ แต่การวางผ้า
ขี้ริ้ว ความสะอาดในห้องครัว สมาธิที่ต้องมีในขณะประกอบอาหาร
ประเภทของอาหารที่มีผลกระทบและไม่มีผลกระทบต่อผู้ป่วยที่ผู้ป่วย
สามารถทานได้ และการกำ�จัดสารพิษต่าง ๆ ในอาหารด้วยวิธกี ารทาง
ธรรมชาติ เป็นต้น
อาหาร เป็นสิง่ สำ�คัญเพราะส่งผลกระทบต่อร่างกายโดยตรง
ถ้าร่างกายได้รับสารอาหารที่ดี ปราศจากสารพิษตกค้าง และเป็น
อาหารทีช่ ว่ ยเสริมสร้างภูมติ า้ นทานแล้ว ร่างกายก็จะสามารถขจัดสิง่
แปลกปลอมหรือเชื้อโรคต่าง ๆ ที่มีอยู่ในร่างกายให้ออกไปได้ ทั้งยัง
ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำ�ให้เกิดความสมบูรณ์แข็งแรงขึ้นมา ดัง
นัน้ อาหารจึงเป็นสิง่ สำ�คัญทีไ่ ม่สามารถมองข้ามได้ หากเรายังต้องการ
มีสุขภาพที่ดี และปราศจากโรค
๓๒ วันกับการเฝ้าเรียนรู้ดูกายใจ
ระยะเวลาในการดำ�เนินโครงการทัง้ หมด ๓๒ วัน เริม่ ตัง้ แต่
วันที่ ๑๕ มกราคม ถึง ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ โดยมีผู้เข้าร่วม
โครงการทั้งหมด ๑๘ คน แต่ผู้เข้าร่วมโครงการที่อยู่ได้ตลอดคือ
ตั้งแต่วันแรกของโครงการจนวันสุดท้ายสิ้นสุดโครงการนั้นมี ๑๒ คน
โรคมะเร็งที่ผู้เข้าร่วมโครงการเป็นอยู่นั้นมี มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ
มะเร็งสมอง มะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งปอด มะเร็งในรังไข่ โดยส่วน
ใหญ่จะเป็นมะเร็งเต้านมกันมาก ในวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๖๑
๑๖๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๖๓
๑๖๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๖๕
๑๖๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ในส่วนของการอบรมที่จะต้องให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการ
ปฏิบัติสมาธิและวิปัสสนา ตลอดถึงการดูแลผู้เข้าร่วมในโครงการทุก
ช่วงเวลาที่มีการปฏิบัติธรรม จะมีพระวิทยากรคอยดูแลเพื่อให้ผู้เข้า
ร่วมโครงการสามารถปฏิบตั ธิ รรมได้อย่างถูกต้อง และหากมีขอ้ สงสัย
ใด ๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม ก็สามารถสอบถามจากพระวิทยากร
ทีท่ า่ นรับผิดชอบดูแลอยูไ่ ด้ทนั ทีตลอดการอบรมทีอ่ ยูใ่ นโครงการ และ
เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการเกิดความรู้สึกที่ดี ผ่อนคลาย ลดภาวะความ
วิตกกังวลในเรื่องต่าง ๆ ที่จะทำ�ให้เกิดความเครียด ส่งผลกระทบต่อ
โรคมะเร็งได้ ก็จะมีการพูดคุยเพือ่ ปรับอารมณ์ให้กบั ผูเ้ ข้าร่วมโครงการ
ทุกคนพร้อมกันทั้งหมดในช่วงเย็น เวลา ๑๙.๓๐ น. ของทุกวัน โดย
ประมาณ คือ ครึง่ ชัว่ โมง นอกจากนีย้ งั มีการเรียกคุยเป็นรายบุคคล
เพื่อทำ�การปรับอารมณ์ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการและเพื่อให้ทราบถึง
อารมณ์ความรู้สึก ณ ปัจจุบันนั้นว่ามีสภาพเป็นอย่างไร เป็นความ
รู้สึกในแง่บวกหรือลบ จิตใจมีความผ่อนคลาย แจ่มใส เบิกบานหรือ
ไม่ หากอารมณ์อยู่ในแง่ลบ ก็จะทำ�การพูดคุยด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อ
ให้เกิดความผ่อนคลายสบายใจ ตัดภาวะความเครียด โดยเฉพาะ
ความเครียดสะสมทีเ่ ป็นผลให้โรคมะเร็งกระจายได้ไว หากอยูใ่ นแง่บวก
ก็จะดูว่าเป็นอารมณ์ในแง่บวกที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมากน้อย
อย่างไรถึงสภาพของจิตใจ เพื่อดูความก้าวหน้าทางจิตใจถึงกำ�ลังใจ
ที่เข้มแข็ง มีผลให้ภูมิต้านทานดีขึ้น และสามารถปฏิบัติธรรมเพื่อให้
จิตใจสงบ เกิดความผ่อนคลาย เกิดปีติ เป็นสุข มีความรู้สึกเป็น
เมตตา ส่งผลให้เซลล์ภูมิต้านทานในตัวดีขึ้น และเมื่อพบว่าผู้ใดมี
อารมณ์ในแง่ลบหรืออารมณ์ที่ไม่ดีค้างอยู่มาก ซึ่งจะส่งผลกระทบให้
เกิดภาวะความเครียดขึน้ มาได้ ก็จะเอาใจใส่คอยติดตามมากเป็นพิเศษ
เพื่อที่จะพยายามปรับอารมณ์ของผู้นั้นให้เป็นปกติ จนสามารถผ่อน
คลายสบายใจทำ�ให้เกิดการปฏิบัติธรรมที่ดีต่อไปได้
นอกเหนือจากวิธีการปฏิบัติธรรมด้วยการนั่งสมาธิแล้ว
ยังมีการปรับประยุกต์การทำ�กรรมฐาน ด้วยการกำ�หนดสติตามการ
เคลือ่ นไหวของกาย เพือ่ เป็นการผ่อนคลายให้แก่ผปู้ ฏิบตั ธิ รรมในยาม
เช้ามืด เรียกกันว่า เป็นช่วงของ “การขยับกายสบายจิต” ให้ผู้ปฏิบัติ
ในโครงการได้ยืดเส้นยืดสาย ผ่อนคลายสบายตัว และยังได้เจริญ
สติตามกายพร้อมทัง้ ยังได้เรียนรูว้ ธิ กี ารหายใจทีถ่ กู ต้อง ฝึกการหายใจ
ที่ยาวและลึกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
อาคารทีพ่ กั สำ�หรับผูเ้ ข้าร่วมในโครงการนัน้ ใช้อาคารทีพ่ กั
ผู้ปฏิบัติธรรมหลังใหม่ ( ศาลาพระธรรมสิงหบุราจารย์ ) ของสำ�นัก
ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ที่มีอากาศถ่ายเทดี ห้องพักกว้างขวาง มี
ห้องน้ำ�ในตัว มีพี่เลี้ยงคอยดูแลอำ�นวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับผู้
เข้าโครงการเป็นอย่างดี ตั้งแต่คอยเตรียมอาหาร เสริฟอาหาร
เสริฟน�้ำ เป็นต้น ส่วนสถานทีป่ ฏิบตั นิ นั้ ใช้ชนั้ แรกของศาลาพระธรรม
สิงหบุราจารย์ ทีม่ เี นือ้ ทีใ่ นการปฏิบตั ทิ กี่ ว้างมากสำ�หรับการอบรมของ
คนจำ�นวน ๒๒ คนในโครงการ นอกจากนีเ้ พือ่ ให้ผเู้ ข้าร่วมโครงการ
ได้สัมผัสกับธรรมชาติ จึงมีการนำ�ผู้ปฏิบัติออกไปปฏิบัติธรรมนอก
สถานที่ในยามเช้า คือ ในแหล่งธรรมชาติ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์
(ออกซิเจน) จากต้นไม้ ได้รับไออุ่นจากแดด การเดินจงกรมด้วยเท้า
เปล่ากับดิน ได้สัมผัสกับดิน เปรียบเสมือนการนวดฝ่าเท้าอย่างเป็น
ธรรมชาติจากดินไปในตัว เป็นการปรับเปลี่ยนบรรยากาศ ไม่ให้เกิด
ความจำ�เจน่าเบื่อแก่ผู้ปฏิบัติในโครงการ
และนี่คือเรื่องราวพอสังเขปตลอด ๓๒ วันกับการเฝ้าเรียน
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๖๗
๑๖๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
รู้ดูกายใจที่อาตมาผู้จัดทำ�โครงการได้หยิบยกขึ้นมาเล่าให้ผู้อ่านได้
จินตนาการภาพถึงสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ ในโครงการ เพือ่ ให้เกิดความรู้ ความ
เข้าใจ บอกกล่าวความเป็นไปในโครงการตลอด ๓๒ วัน ในเรื่อง
ความเหนื่อยนั้นคงไม่ต้องพูดถึง แต่สิ่งที่ประทับใจเหนือคำ�บรรยาย
ใด ๆ นั้นก็คือ สุขภาพกาย และสุขภาพใจที่ดีขึ้นตลอดโครงการของ
ผูเ้ ข้าร่วมโครงการ ความวิรยิ ะอุตสาหะของทุกผูท้ กุ นามทีเ่ สียสละเวลา
อันมีคา่ เพือ่ มาร่วมบุญในการเป็นเจ้าหน้าทีพ่ เี่ ลีย้ งช่วยในโครงการโดย
ไร้ซงึ่ สิง่ ตอบแทน เป็นการมาด้วยใจ พร้อมทัง้ ไม่เคยบอกเลยว่าเหนือ่ ย
แม้ว่าอาตมาจะถามสักเพียงใดว่าเหนื่อยไหม แต่ทุกปากทุกเสียงที่
พร้อมใจกันตอบออกมานั้นก็คือคำ�ว่า “ไม่เหนื่อยเลย รู้สึกสนุก
มากกว่า” ขอบใจ ขอบใจ จริง จริง ขอเจริญพร
ธรรมปฏิบัติในโครงการ
ผู้เข้าร่วมในโครงการจะต้องรักษาศีล ๘ พร้อมทั้งเรียนรู้
วิธีการปฏิบัติธรรมตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ซึ่งเป็นวิธีการสอนที่พระ
เดชพระคุณพระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ) ท่านได้วางเอา
ไว้โดยพระครูปลัดสิทธิวรวัฒน์ ท่านผูอ้ �ำ นวยการสำ�นักปฏิบตั ธิ รรมสวน
เวฬุวันเป็นผู้ให้ศีล ๘ และให้กรรมฐานแก่ผู้เข้าร่่วมในโครงการที่เป็น
ผู้ป่วยมะเร็งเองทั้งหมด ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับการเรียนรู้หลักการ
ปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ จากพระวิทยากรผู้รับผิดชอบในโครงการ โดย
การปรับประยุกต์วธิ กี ารปฏิบตั ใิ ห้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผูป้ ว่ ย
ตามความสามารถที่แต่ละคนจะทำ�ได้มากน้อยแตกต่างกันไป
การสวดมนต์
ในโครงการจะมีการสวดมนต์อยู่ ๒ ช่วงเวลา คือ ช่วง
เช้ามืดเวลา ๐๔.๐๐ นาฬิกา และช่วงเย็น ๑๗.๐๐ นาฬิกา วัตถุประสงค์
ในการสวดมนต์ก็เพื่อให้เกิดการผ่อนคลาย เกิดปีติ เป็นสุข มี
อารมณ์เมตตาอยู่ภายในใจ โดยสวดมนต์ในความหมายที่ทำ�ให้เกิด
การปล่อยวาง ทำ�ให้ได้คดิ พิจารณาตามบทสวด เน้นบทสวดทำ�นอง
สรภัญญะ คือ บทสวดนมัสการพระอรหันต์ ๘ ทิศ บทสวดบารมี
๓๐ ทัศน์ และมีการแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล เพื่อเป็นการอบรมจิต
ให้เกิดเมตตาขึ้นด้วย
การหลับนอนและการขับถ่าย
หลั ง จากการปรั บ อารมณ์ ใ ห้ กั บ ผู้ เ ข้ า โครงการโดยรวม
ทัง้ หมด จบลงในเวลา ๒๐.๓๐ นาฬิกา ก็จะปล่อยให้ผเู้ ข้าโครงการได้
เตรียมตัวเข้านอนก่อนเวลา ๒๑.๐๐ นาฬิกา โดยต้องฝึกให้คนุ้ เคยและ
สามารถหลับนอนให้สนิทได้ในเวลา ๒๑.๐๐ นาฬิกา ซึง่ ตรงตามเวลา
ของแพทย์ทางเลือกบ้านสุขภาพทีเ่ ชือ่ ว่าในเวลา ๓ ทุม่ นีเ้ หมาะสมทีส่ ดุ
ทีจ่ ะต้องหลับให้สนิท เพราะพลังงานของร่างกายเราจะสร้างในช่วงเวลา
นี้ เพือ่ สุขภาพทีด่ ขี องร่างกายโดยเฉพาะผูท้ ก่ี �ำ ลังป่วยอยูแ่ ละตืน่ นอน
ตอน ๐๓.๐๐ นาฬิกา เพือ่ เตรียมตัวเข้าสูก่ ารสวดมนต์ปฏิบตั ธิ รรมใน
ช่วง ๐๔.๐๐ นาฬิกาต่อไป อีกทั้งในช่วงเวลา ๐๓.๐๐ นาฬิกา
เป็นช่วงการทำ�งานของปอดแล้ว ถ้าได้ตื่นมาช่วงนี้เพื่อมาสูดอากาศ
บริ สุ ท ธิ์ ก็ จ ะเป็ น ผลดี ต่ อ สุ ข ภาพ เมื่ อ ถึ ง เวลา ๐๖.๐๐ นาฬิ ก า
เป็นเวลาสิ้นสุดการอบรมในภาคเช้า ก็จะปล่อยให้ผู้เข้าโครงการไป
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๖๙
๑๗๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
การปรับอารมณ์
อารมณ์ ในทีน่ ี้ หมายถึง ความรูส้ กึ ทางใจทีเ่ ปลีย่ นไปตาม
สิ่งที่เข้ามากระทบใจหรือเร้าให้เกิดอารมณ์ต่าง ๆ ขึ้น เช่น อารมณ์ดี
อารมณ์โกรธ อารมณ์วิตกกังวล เป็นต้น
ในส่วนของโครงการ เนื่องจากผู้ที่เข้าร่วมโครงการนั้น
ล้วนแต่เป็นผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาให้หายได้
ยาก ด้วยเหตุนที้ กุ คนทีเ่ ข้าร่วมโครงการย่อมมีความรูส้ กึ วิตกกังวลต่อ
โรคที่ตัวเองกำ�ลังประสบอยู่ไม่มากก็น้อย นอกจากนี้ยังมีเรื่องงาน
เรื่องครอบครัว เรื่องค่ารักษาพยาบาลที่ต้องตามมาในอนาคต การ
ยอมรับไม่ได้ถงึ ความเปลีย่ นแปลงของตัวเองในทางร่างกายทีแ่ ย่ลง ที่
ยกตัวอย่างมาเหล่านีล้ ว้ นแต่เป็นสาเหตุทจี่ ะทำ�ให้ผปู้ ว่ ยเกิดความคิดมาก
ฟุง้ ซ่าน ไม่สงบ จนเข้าสูส่ ภาวะจิตวิตกกังวล ส่งผลให้เกิดความเครียด
ตามมา เป็นผลกระทบต่อร่างกาย ทำ�ให้เซลล์ภูมิต้านทานอ่อนแอลง
เซลล์มะเร็งแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและเป็นอุปสรรคอย่างยิง่ ในการ
ปฏิบัติธรรม
ดังนั้น จึงต้องมีการปรับอารมณ์ให้กับผู้เข้าโครงการเป็น
อย่างมากในระยะเริม่ แรก เพือ่ คอยปรับสภาพอารมณ์ความรูส้ กึ ให้ปกติ
ปล่อยวางได้ เกิดความเบาสบาย คลายกังวล ลดภาวะความเครียด
สามารถทีจ่ ะปฏิบตั ธิ รรมได้ ซึง่ เป็นเหตุให้จติ ใจสงบ เกิดปีติ ความ
อิ่มเอมใจ เกิดเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่ดี คือ เมตตา เพื่อช่วยให้เซลล์
ภูมติ า้ นทานแข็งแรงขึน้ ไม่ให้เซลล์มะเร็งกระจายตัวอย่างรวดเร็ว ซึง่
เป็นผลมาจากความเครียด
ในการปรับอารมณ์นนั้ ต้องคอยเฝ้าตามดูผปู้ ฏิบตั อิ ย่างใกล้
ชิดและคอยพูดคุยถึงความเป็นไปต่าง ๆ ในระหว่างโครงการ เพือ่ ทีจ่ ะ
ดูความรู้สึกของผู้เข้าโครงการในขณะนั้นว่ามีสภาพเป็นอย่างไร ควร
ที่จะต้องปรับอารณ์ให้หรือไม่ หรือมีการพัฒนาทางด้านของอารมณ์
ความรู้สึกไปในแนวทางที่ดีอย่างไร ขนาดไหน
หลักเกณฑ์ในการปรับอารมณ์
ผูป้ รับอารมณ์ตอ้ งให้ผทู้ เี่ ราจะทำ�การปรับอารมณ์เกิดความ
ไว้วางใจ ความรูส้ กึ อบอุน่ ความเป็นกันเอง รับรูไ้ ด้ถงึ ความรัก รวม
ทั้งความปรารถนาดีที่มีให้ และเปรียบเสมือนเป็นที่พึ่งได้ เพื่อที่ผู้เข้า
รับการปรับอารมณ์เกิดความกล้าทีจ่ ะระบายความรูส้ กึ ทีไ่ ม่สบายใจของ
ตนให้ฟงั เมือ่ ผูป้ รับอารมณ์รบั ฟังแล้ว ความรูส้ กึ ไม่สบายใจบางอย่าง
ของบุคคลที่มาให้เราปรับอารมณ์ให้ อาจจะแค่ต้องการระบายความ
รู้สึกเท่านั้น ก็จะเกิดความสบายใจขึ้นได้ ไม่ได้ต้องการคำ�แนะนำ�หรือ
วิธีการแก้ปัญหาใด ๆ จากเราเลย ในกรณีนี้ก็ควรแค่รับฟังหรือพูด
ในสิง่ ทีเ่ ป็นการสนับสนุน ให้ผเู้ ข้ามาปรับอารมณ์รสู้ กึ ดีมากยิง่ ขึน้ ได้
ในสิ่งที่ถูกต้องตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั้น ๆ ด้วย
แต่ในกรณีที่ผู้ที่เราทำ�การปรับอารมณ์ให้ต้องการคำ�แนะนำ�จากเรา
เราต้องสามารถทีจ่ ะให้ค�ำ แนะนำ�ได้ทนั ที เพือ่ ทีจ่ ะให้ผทู้ ไี่ ด้รบั การปรับ
อารมณ์จากเราสบายใจขึ้นได้
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๗๑
๑๗๒กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กำ�ลังใจ
กำ�ลังใจเป็นสิ่งที่ใครหลาย ๆ คนต้องการโดยเฉพาะผู้ที่
กำ�ลังตกอยู่ในภาวะที่สิ้นหวัง เช่น เป็นโรคร้ายแรงที่รักษาได้ยากหรือ
ทำ�การรักษาไม่ได้ การเป็นบุคคลล้มละลายเนื่องจากพิษเศรษฐกิจ
เป็นต้น กำ�ลังใจจึงเป็นสิง่ สำ�คัญมากในหลาย ๆ เรือ่ ง จากการทีอ่ าตมา
ได้จดั ทำ�โครงการปฏิบตั ธิ รรมสำ�หรับผูท้ ปี่ ว่ ยด้วยโรคมะเร็ง และได้พบ
เจอผู้ป่วยอยู่เป็นประจำ� ทำ�ให้อาตมารู้สึกถึงกำ�ลังใจ ๒ แบบด้วยกัน
แบบแรกเป็นกำ�ลังใจทีไ่ ด้รบั จากบุคคลอืน่ เป็นกำ�ลังใจทีค่ นอืน่ สร้างให้
แบบที่สองเป็นกำ�ลังใจที่ได้รับจากตัวเอง เป็นการที่เราสร้างขึ้นมาเอง
โดยไม่ต้องรอจากใคร
แบบที่ ๑ กำ�ลังใจที่ได้รับจากบุคคลอื่น
กำ�ลังใจชนิดนีเ้ รียกได้วา่ ต้องรอ เมือ่ เฝ้ารอก็อาจจะเจอ
หรือไม่เจอ ต้องรอเก้อ แต่ถ้าได้พบเจอกำ�ลังใจที่บุคคลอื่นมอบให้แล้ว
ก็จะเป็นความสุขใจทีไ่ ด้รบั จากคำ�ปลอบขวัญต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะ
บุคคลที่อ่อนแอมาก ๆ ก็จะยิ่งต้องการกำ�ลังใจจากใครหลาย ๆ คนที่
มากและมากขึ้นไปอีก หาคำ�ว่าพอได้ยาก ยิ่งต้องการกำ�ลังใจจาก
บุคคลอื่นมากเท่าใด ยิ่งไม่สามารถให้กำ�ลังใจกับตัวเองเป็นได้มาก
เท่านั้น และกำ�ลังใจที่ได้รับจากคนอื่นโดยส่วนมากแล้วก็มักจะไม่อยู่
กับเรานาน เมื่อบุคคลที่มาเยี่ยมเราหันหลังกลับ มันก็เลือนลับกลับ
หายตามไปด้วย โดยเฉพาะกับกลุม่ คนทีค่ ดิ ไม่เป็น คำ�ให้ก�ำ ลังใจโดย
ส่วนใหญ่แล้วก็มกั หวานหู แต่แท้ทจี่ ริงแล้วคำ�หวานหูเหล่านัน้ กลับทำ�ให้
เกิดความรู้สึกดีขึ้นมามากกว่าที่จะเป็นกำ�ลังใจให้คนสู้ต่อไป เปรียบ
ดั่งลูกอมรสหวานที่ทำ�ให้รู้สึกติดในรสชาติ แต่หาสารประโยชน์ไม่ได้
ทั้งยังทำ�ให้เกิดฟันผุ เป็นโทษต่อร่างกายอีก
แบบที่ ๒ กำ�ลังใจที่ได้รับจากตัวเอง
กำ�ลังใจชนิดนีเ้ รียกได้วา่ ไม่ตอ้ งรอและได้พบเจอแน่นอน
เป็นกำ�ลังใจที่สร้างขึ้นมาเองจากการเป็นคนที่รู้จักคิด แสดงถึงความ
เข้มแข็งในจิตใจ กำ�ลังใจชนิดนี้หากใครสามารถให้กับตัวเองได้จะติด
ทนนานไปกับใจของเรา แม้ว่าจะเจออุปสรรคมากมาย ก็สามารถที่จะ
ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ เหล่านั้นออกไปได้อย่างทันท่วงที เพราะเป็น
กำ�ลังใจทีไ่ ด้รบั จากตัวเอง ไม่ตอ้ งรอจากใคร เปรียบเหมือนดัง่ คนทีล่ ม้
แล้วลุกขึ้นได้ไว
อาตมาเคยพูดกับผู้เข้าร่วมในโครงการ ถึงเรื่องที่เกี่ยวกับ
การให้กำ�ลังใจไว้ว่า เปรียบกับบุคคลหนึ่งซึ่งนอนล้มป่วยอยู่ มีคน
มาเยี่ยมเขามากมาย พร้อมกับพูดจาหวาน ๆ ไพเราะหู ที่เป็นกำ�ลัง
ใจให้ โดยปราศจากข้อคิดทีท่ �ำ ให้เขาคิดเป็น จนทำ�ให้เขาเกิดความรูส้ กึ
ดีและมีกำ�ลังใจเกิดขึ้นมาในขณะนั้น แต่หลังจากบุคคลเหล่านั้นที่มา
เยี่ยมเราเขาหันหลังกลับไป กำ�ลังใจที่เราเพิ่งได้รับจากเขา ก็พากัน
หันหลังกลับตามเขาเหล่านั้นไปด้วยเช่นกัน นั่นก็เพราะความหดหู่ใจ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๗๓
๑๗๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๗๕
ตารางส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพใจ แบบที่ ๑ นี้
เป็ น การจั ด ทำ � ขึ้ น เพื่ อ ใช้ ใ นโครงการเรี ย นรู้ ดู ก ายใจด้ ว ยธรรมะ
ธรรมชาติ โดยในวันแรกของโครงการคือ วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑
นั้น ในช่วงเวลาตั้งแต่ ๐๘.๐๐ น. จนถึง ๑๕.๓๐ น. เป็นการลง
ทะเบียนเพื่อรายงานตัวเข้ารับการอบรมในโครงการ และในช่วงเวลา
ตั้งแต่ ๑๘.๓๐-๒๐.๐๐ น. เป็นพิธีการให้ศีล ๘ ให้กรรมฐานแก่ผู้เข้า
โครงการพร้อมทั้งรับฟังโอวาท จากท่านพระครูปลัดสิทธิวรวัฒน์
ผูอ้ �ำ นวยการสำ�นักปฏิบตั ธิ รรมสวนเวฬุวนั หลังจากนัน้ ในเวลา ๒๐.๓๐ น.
ก็ เ ป็ น ช่ ว งที่ ผู้ เ ข้ า ร่ ว มโครงการจะต้ อ งเตรี ย มตั ว เข้ า นอนให้ ไ ด้ ก่ อ น
๒๑.๐๐ น. เพื่อสุขภาพที่ดี เพราะร่างกายจะเริ่มสร้างพลังงานในช่วง
นี้ ผู้เข้าโครงการจะต้องตื่นนอนตอน ๐๓.๐๐ น. เพื่อเตรียมตัวสวด
มนต์ท�ำ วัตรเช้าตอน ๐๔.๐๐ น. ก่อนทำ�วัตรเช้าก็ตอ้ งดืม่ น�้ำ ข้าวเนเจอร์
ก่ อ น ในนำ้ � ข้ า วเนเจอร์ จ ะมี ส ารอาหารจากข้ า วกล้ อ ง ข้ า วโพด
ข้าวสาลี ถั่วเหลือง เป็นต้น เพื่อบำ�รุงร่างกาย ในวันที่ ๑๖ มกราคม
๒๕๕๑ ได้มีการเก็บตัวอย่างเลือด ตรวจร่างกายของผู้เข้าโครงการ
โดยแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ พร้อมทั้งให้ผู้เข้า
โครงการตอบแบบสอบถามวัดสุขภาพจิตคนไทยและแบบวัดคุณภาพ
ชีวิตผู้ป่วยมะเร็งด้วย เวลา ๐๕.๐๐ น. หลังจากทำ�วัตรเช้าเสร็จ ผู้เข้า
โครงการจะได้รับความรู้ในเรื่องมารยาทชาวพุทธจากวิทยากรประจำ�
สำ�นักปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ยกตัวอย่าง เช่น การไหว้ การกราบ
การสนทนากับพระภิกษุ กิริยามารยาทในการเคลื่อนไหวกาย การยืน
การเดิน เป็นต้น เมื่อถึงเวลา ๐๖.๐๐ น. ก็ถึงเวลาที่จะต้องเตรียมตัว
ขับถ่ายให้ได้ก่อน ๐๗.๐๐ น. เพราะเป็นช่วงเวลาของลำ�ไส้ใหญ่ที่จะ
ขับถ่ายอุจจาระ เพื่อไม่ให้ร่างกายพาของเสียกลับไปหล่อเลี้ยงร่างกาย
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๗๗
๑๗๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๗๙
ตั้งแต่วันที่ ๑ – ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ เป็นช่วงที่เน้น
การปฏิบัติธรรมมากขึ้น และมีการปฏิบัติธรรมที่ต่อเนื่องกันของช่วง
เวลา โดยไม่มกี ารบรรยายหรือปกิณกะธรรมใด ๆ ซึง่ การปฏิบตั ธิ รรม
ทีต่ อ่ เนือ่ งกันนัน้ เริม่ ตัง้ แต่ ๑๒.๓๐ น. ไปจนถึง ๒๐.๓๐ น. ในระหว่าง
นี้จะให้พักเพียง ๑ ชั่วโมง ซึ่งผู้เข้าโครงการต้องเลือกเองว่าจะพักช่วง
เวลาใด ส่วนการพักรับน�้ำ นมธัญพืชก็ยงั คงมีเหมือนเดิม ในช่วงของ
การปฏิบัติธรรมที่เพิ่มขึ้นนี้ ผู้เข้าโครงการสามารถพักผ่อนได้ หาก
รูส้ กึ ว่าร่างกายต้องการพักผ่อน ก็เลือกทีจ่ ะเปลีย่ นอิรยิ าบถให้อยูใ่ นท่า
ทีส่ บายได้ เพือ่ ทำ�การผ่อนคลายให้รสู้ กึ ดีหรือสบายขึน้ แล้วจึงค่อยเริม่
ทำ�การปฏิบตั ธิ รรมใหม่ตอ่ ไป ตารางการอบรมในวันที่ ๑-๑๑ กุมภาพันธ์
จึงเหมือนกัน คือ เป็นช่วงเวลาของการปฏิบัติธรรมทั้งหมด ไม่มี
กิจกรรมอื่นที่นอกเหนือไปจากนี้เลย เมื่อเข้าสู่วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์
๒๕๕๑ ใกล้จะสิ้นสุดโครงการ ก็ปรับลดช่วงเวลาของการปฏิบัติธรรม
ลง เพื่อเข้าสู่การเรียนรู้วิธีการประกอบอาหารสุขภาพ เช่น การทำ�
น้ำ�ผักปั่น การทำ�น้ำ�นมธัญพืช เป็นต้น เมื่อถึงเวลา ๑๘.๓๐ น.
เป็นการให้ค�ำ แนะนำ�เพือ่ ให้เกิดความรูค้ วามเข้าใจเกีย่ วกับเรือ่ งของน�้ำ
เอนไซม์แก่ผู้เข้าโครงการ โดยวิทยากรที่ได้รับการอบรมมาจากบ้าน
สุขภาพ วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ก่อนปิดโครงการหนึ่งวันได้
ทำ�การเก็บตัวอย่างเลือด ตรวจร่างกาย โดยแพทย์และพยาบาลจาก
โรงพยาบาลศรีนครินทร์ พร้อมทั้งตอบแบบสอบถามสุขภาพจิตคน
ไทยอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ถึงผลที่ได้รับว่าเป็นไป
ในทางใด วิธกี ารนีส้ ามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพใจให้
กับผู้เข้าร่วมโครงการได้หรือไม่ อย่างไร การเปิดใจในช่วงเวลา
๑๘.๓๐ ไปจนถึง ๒๐.๓๐ น. นั้น เป็นการแสดงความรู้สึกของผู้เข้า
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๘๑
๑๘๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ตารางการส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพใจ แบบที่ ๒
ตารางการส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพใจ แบบที่ ๒ นี้
จัดทำ�ขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจต่อการดูแลรักษาสุขภาพ ทั้งทางด้าน
ร่างกายและจิตใจของตนเอง รวมถึงผู้ที่กำ�ลังเจ็บป่วยอยู่ ไม่เพียงแต่
เฉพาะโรคมะเร็งเท่านั้น โรคอื่น ๆ ก็สามารถที่จะนำ�ไปปรับประยุกต์
ใช้ให้เหมาะสมกับโรคทีต่ นเองกำ�ลังเป็นอยูไ่ ด้ เพือ่ เป็นตัวช่วยสนับสนุน
ให้สุขภาพกายและใจดีขึ้น ดังนั้น อาตมาจึงได้จัดทำ�ตารางส่งเสริมสุข
ภาพกายและสุขภาพใจ เพือ่ วางไว้ให้เป็นแนวทางแก่ผทู้ สี่ นใจทีจ่ ะนำ�ไป
ประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพให้กับตนเอง
ตารางการส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพใจนีเ้ ป็นการผสม
ผสานกันระหว่างธรรมปฏิบัติที่เป็นวิธีการปฏิบัติธรรมของพระเดช
พระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม (พระธรรมสิงหบุราจารย์) แห่งวัด
อัมพวัน จ.สิงห์บรุ ี และช่วงเวลาการหมุนเวียนของพลังงานในร่างกาย
ตามตำ�ราการดูแลสุขภาพเก่าแก่ของจีนที่ได้กล่าวไว้ในหนังสือแพทย์
ทางเลือกของดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์ุวงศ์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่เพิ่ม
ขึน้ ต่อผูท้ สี่ นใจจะนำ�ตารางแบบที่ ๒ นี้ ไปปรับใช้กบั ตนเองในการดูแล
สุขภาพ จึงขอขยายความหลักการประพฤติปฏิบัติตนที่ได้วางไว้ ดังนี้
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๘๓
๑๘๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๘๕
๑๘๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๘๗
๑๘๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๘๙
๑๙๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๙๑
เอนไซม์
ENZYME
๑๙๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
เอนไซม์
ความหมายของเอนไซม์
เอนไซม์เป็นสารกลุม่ โปรตีน ทีร่ า่ งกายเราได้รบั จากการ
รับประทานอาหารและสร้างขึน้ เอง ซึง่ ใช้ในการสร้างพลังงานทีจ่ ำ�เป็น
ต่อทุกปฏิกริ ยิ าเคมีใด ๆ ทีเ่ กิดขึน้ ในร่างกายของเรา แม้กระทัง่ วิตามิน
แร่ธาตุ หรือฮอร์โมน ก็ไม่สามารถทำ�งานได้หากไม่มเี อนไซม์ เอนไซม์
เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำ�ให้อวัยวะต่าง ๆ สามารถทำ�งานได้อย่างเป็น
ระบบ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๙๕
๑๙๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ในน้ำ�หมักชีวภาพมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
มากมายหลายชนิด เช่น จุลินทรีย์ กรดอะมิโน กลูโคส วิตามินและ
แร่ธาตุจากผัก ผลไม้ ฮอร์โมน เอนไซม์ โดยจุลินทรีย์ที่เกิดจากการ
หมักที่มีประโยชน์ เช่น แบคทีเรียแล็กโตบาซิลัส (Lactobacillus) ที่
ทำ�ให้น�้ำ หมักทีไ่ ด้มกี ลิน่ หอม มีรสชาตินา่ รับประทาน และมีสารอาหาร
ทีช่ ว่ ยส่งเสริมการทำ�งานของลำ�ไส้ ระบบทางเดินอาหาร และระบบขับ
ถ่าย กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้เพิ่มขึ้น
การทำ�งานของเอนไซม์
เมื่อเรารับประทานอาหารสด (พืชผัก ผลไม้สด) เอนไซม์
ในอาหารจะถูกกระตุน้ ให้ท�ำ งานได้ โดยความร้อน และความชืน้ ภายใน
ช่องปาก เมือ่ ได้รบั การกระตุน้ เอนไซม์เหล่านีจ้ ะทำ�การย่อยสลายสาร
อาหารให้มีขนาดเล็กลงพอที่จะถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์และกระแสเลือด
ต่อจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของเอนไซม์ที่ทำ�หน้าที่เกี่ยวกับเมตาบอลิซึม
นำ�สารอาหารเหล่านั้นไปสร้างกล้ามเนื้อ เส้นประสาท กระดูก ต่อม
ต่าง ๆ เม็ดเลือด ปอด และอวัยวะอื่น ๆ ดังนั้น ถ้าไม่มีเอนไซม์
ร่างกายก็ไม่สามารถทำ�งานได้
โดยเอนไซม์ตา่ ง ๆ เหล่านี้ ร่างกายจะสร้างขึน้ เอง แต่เมือ่
เรามีอายุมากขึ้น อยู่ในสภาพแวดล้อมอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ การรับ
ประทานอาหารที่เต็มไปด้วยไขมัน ร่างกายต้องเผชิญกับการติดเชื้อ
ไวรัส ประกอบกับมีความเครียด ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการสร้าง
เอนไซม์เหล่านี้ลดลง ในขณะเดียวกันเอนไซม์ที่ได้รับจากอาหาร ส่วน
ใหญ่จะถูกทำ�ลายลงไปเสียมากเนื่องมาจากการปรุงอาหารด้วยความ
ร้อน เช่น การต้ม การนึ่ง การปรุงหรืออุ่นด้วยไมโครเวฟ การคั้นน้ำ�
ผลไม้ด้วยเครื่อง ความร้อนที่เกิดขึ้นก็ยับยั้งการทำ�งานของเอนไซม์ได้
เป็นต้น ดังนั้น เราจึงควรที่จะต้องรับเอนไซม์เสริมจากภายนอกเพิ่ม
เพือ่ ช่วยให้รา่ งกายได้รบั เอนไซม์เพียงพอในการย่อยอาหาร สร้างเสริม
เนื้อเยื่อและช่วยในการทำ�งานของระบบเผาผลาญอาหารในร่างกาย
การจำ�แนกเอนไซม์
เอนไซม์สามารถแบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม คือ
๑. เอนไซม์ที่ทำ�หน้าที่ย่อยสลายสารอาหาร (Digestive
Enzyme) เป็นเอนไซม์ที่ผลิตโดยร่างกาย จะถูกหลั่งออกมาจากต่อม
น้ำ�ลาย กระเพาะอาหาร ตับอ่อนและลำ�ไส้เล็ก โดยช่วยย่อยอาหารที่
เราทานเข้าไปให้มขี นาดเล็กลง เพือ่ ให้สารอาหารถูกดูดซึมเข้าสูร่ า่ งกาย
ทำ�ให้ร่างกายได้รับสารอาหาร (Nutrient) ที่มีคุณค่า
เอนไซม์หลักที่ทำ�หน้าที่ช่วยย่อยอาหาร
แบ่งออกเป็น ๔ ชนิดหลัก คือ
๑.๑ เอนไซม์อะไมเลส ทำ�หน้าที่ ย่อยอาหารประเภทแป้งและคาร์โบ
ไฮเดรท เช่น ข้าว ขนมปัง หากการย่อยไม่ดีจะทำ�ให้เกิดแก๊สและ
อาการไม่สบายท้องเหมือนมีการหมักแป้งอยู่ในท้อง
๑.๒ เอนไซม์โปรตีเอส ทำ�หน้าที่ ย่อยอาหารโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์
ต่าง ๆ ถั่ว หากการย่อยไม่ดี โปรตีนก็จะเน่า ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็น
พิษต่อร่างกาย
๑.๓ เอนไซม์ไลเปส ทำ�หน้าที่ ย่อยสลายไขมันและช่วยรักษาสมดุล
กรดไขมันในร่างกาย หากการย่อยไม่ดี ไขมันทีไ่ ม่ถกู ย่อยจะทำ�ให้เหม็น
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๙๗
๑๙๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
หืน และปริมาณโคเลสเตอรอลเสียสมดุล
๑.๔ เอนไซม์เซลลูเลส ทำ�หน้าที่ ย่อยสลายเซลลูโลส (ไฟเบอร์ที่พบ
ในผักต่าง ๆ ) โดยปกติแล้ว ร่างกายไม่สามารถผลิตเอนไซม์เซลลูเลส
ได้เอง
๒. เอนไซม์ที่ทำ�หน้าที่เกี่ยวกับการเผาผลาญอาหาร
(Metabolic Enzyme) เป็นเอนไซม์ที่ผลิตในเซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ
ในร่างกาย ทำ�หน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีภายในเซลล์ เพื่อการเผาผลาญ
สารอาหารและสร้างพลังงาน สร้างภูมิต้านทาน สร้างความเจริญ
เติบโตตลอดจนซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะต่าง ๆ
๓. เอนไซม์ที่มีอยู่ในอาหาร (Food Enzyme) มีอยู่ใน
ผัก ผลไม้สด แต่เมื่อนำ�อาหารไปปรุงสุกแล้ว จะทำ�ให้สูญเสียสภาพ
ธรรมชาติของเอนไซม์
ประโยชน์ของเอนไซม์
๑. ช่วยปรับความเป็นกรด - ด่างในร่างกาย
๒. ทำ�ให้ระบบการย่อย การดูดซึมสารอาหารดีขึ้น
๓. ช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีขนึ้ ของเสียจากกระบวนการย่อย
ถูกกำ�จัดออกจากร่างกาย
๔. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ�งานของเซลล์
๕. สลายสารพิษและสร้างภูมคิ มุ้ กันให้กบั ร่างกาย ช่วยบรรเทา
อาการของโรคภูมแิ พ้ โดยช่วยการทำ�งานของเซลล์เม็ดเลือดขาวจำ�พวก
T-cells
๖. ช่วยต่อต้านอนุมลู อิสระ ยับยัง้ การเกิดปฏิกริ ยิ าออกซิเดชัน่
๗. ช่วยปรับสมดุลสุขภาพให้กลับคืนสู่สภาพปกติ
๘. ช่ ว ยรั ก ษาระบบการเผาผลาญพลั ง งานในร่ า งกายให้ มี
ประสิทธิภาพสูงสุด เช่น สลายไขมัน แจกจ่ายพลังงานไปยังเซลล์ที่
ต้องการ
๙. ช่วยลดระดับ Cholesterol ในเลือด
๑๐. ช่ ว ยขั ด ขวางการทำ � งานของเซลล์ ม ะเร็ ง โดยเอนไซม์
สามารถช่วยกำ�จัดความสามารถของเซลล์มะเร็ง ในการเข้าไปจับตัว
อวัยวะหรือเนื้อเยื่อปกติ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๑๙๙
อาหารเพือ่ สุขภาพ
อาหารเป็นยา
ร่างกายของคนเราต้องการพลังงานในการดำ�รงชีวิต
ประจำ�วัน ซึ่งเราควรที่จะรับประทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่ บริโภค
อาหารที่หลากหลาย ถูกสุขลักษณะ เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
และมีสมดุล ช่วยให้รา่ งกายได้รบั สารอาหารทีท่ ำ�ให้ระบบภูมคิ มุ้ กันแข็ง
แรง จนมีคำ�กล่าวที่ว่า “อาหารเป็นยา” โดยเราสามารถใช้อาหารเพื่อ
ช่วยบำ�บัดโรคต่าง ๆ ได้ ซึง่ จากการวิจยั พบว่า มียอดอาหารธรรมชาติ
ที่ช่วยรักษาสุขภาพและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้
๑. กระเทียม
- ช่วยลดระดับ Cholesterol
- ช่วยป้องกันการแข็งตัวและการอุดตันของหลอดเลือด
- มีสารอาหารช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันมะเร็ง
ลำ�ไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านม
ขนาดรับประทาน : รับประทานวันละ ๑ กลีบต่อวัน
สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๐๑
๒๐๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
๒. ถั่วแดง
- มีส่วนประกอบของเส้นใยอาหารสูง
- ช่วยลดระดับ Cholesterol
- ป้องกันการเกิดภาวะเส้นเลือดในสมองแตก และมะเร็ง
ลำ�ไส้ใหญ่
- ช่วยบำ�รุงโลหิต ป้องกันความผิดปกติของทารกใน
ครรภ์
- ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
ขนาดรับประทาน : ๑ ถ้วยต่อวัน
๓. นมพร่องมันเนย
- เป็นแหล่งของแคลเซียม ป้องกันภาวะกระดูกพรุน
- ช่วยลดความดันโลหิต
ขนาดรับประทาน : คนวัยหนุม่ สาวต้องการแคลเซียม
วันละ ๑,๐๐๐ mg. คนวัยสูงอายุตอ้ งการแคลเซียมวันละ ๑,๕๐๐ mg.
๔. ส้ม
- มีปริมาณวิตามินซีสูง ป้องกันโรคหวัด
- ช่วยลดระดับ Cholesterol
- ช่วยในการสร้างกระดูก ป้องกันโรคนิ่วในไต
- มีเส้นใยอาหารสูง ป้องกันโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่
ขนาดรับประทาน : ๑-๒ ผลต่อวัน
๕. ปลาแซลมอน
- มีปริมาณน้ำ�มันปลา (Omega - ๓) สูง ช่วยป้องกัน
โรคหัวใจ
- ช่วยควบคุมอาการไขข้ออักเสบ
- ช่วยลดอาการปวดก่อนมีประจำ�เดือน
ขนาดรับประทาน : ๓ ออนซ์ต่อสัปดาห์
๖. เต้าหู้
- ช่วยลดระดับ Cholesterol
- ป้องกันกระดูกพรุน ช่วยทำ�ให้ไตทำ�งานได้ดี
- ป้องกันมะเร็งเต้านม
ขนาดรับประทาน : ๑/๒ ถ้วยต่อวัน
๗. ซอสมะเขือเทศ
- ช่วยป้องกันมะเร็งลำ �ไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร
มะเร็งกระเพาะอาหาร
- มีสาร Lycopene ช่วยกำ�จัดอนุมูลอิสระในร่างกาย
ขนาดรับประทาน : ตามใจชอบเป็นประจำ�ทุกวัน
๘. น้ำ�
ร่างกายของคนเรามีน้ำ�เป็นส่วนประกอบถึง ๗๕% ของ
น้ำ�หนักตัว เราจึงต้องดื่มน้ำ�ให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ ๘ แก้ว การ
ดื่มน้ำ�อย่างเพียงพอจะช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดี หัวใจทำ�งาน
ปกติ ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย รักษาระดับอุณหภูมิของร่างกาย
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๐๓
๒๐๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ความเป็นกรดและด่างของอาหาร
ในร่างกายเราจะมีการสร้างภูมคิ มุ้ กันจากความสมดุลใน
ร่างกายจากฮอร์โมน
ฮอร์โมนอะดรีนาลิน (ฮอร์โมนแห่งความทุกข์) คือ
ฮอร์โมนทีร่ า่ งกายผลิตออกมาเวลาเกิดอารมณ์ตงึ เครียด โกรธ เกลียด
หรือสภาวะอารมณ์ที่ทำ�ให้ร่างกายเราเป็น “กรด”
ฮอร์โมนเมลาโทนิน คือ ฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายจัด
ระบบการพัก การฟื้นฟู การขับของเสียทิ้งหรือสภาวะอารมณ์ที่ทำ�ให้
ร่างกายเราเป็น “ด่าง”
เมื่ อ ใดที่ ร่ า งกายมี ร ะดั บ ฮอร์ โ มนอะดรี น าลิ น และ
ฮอร์โมนเมลาโทนินในปริมาณสัดส่วนที่เท่ากันจะทำ�ให้ร่างกายหลั่ง
ฮอร์โมนเอนโดรฟิน (ฮอร์โมนแห่งความสุข) ออกมา ทำ�ให้ร่างกาย
เบาสบาย ปลอดโปร่ง สดชื่น รู้สึกดีขึ้น
กรดมาก หมายความว่า มีกลุ่มกรดอะมิโนตกค้างอยู่
ซึ่งเกิดจากการบริโภคอาหารจากเนื้อสัตว์มาก และไม่ทานผัก ผลไม้
ด่างมาก หมายความว่า มีแอมโมเนียตกค้างอยู่ ซึง่ เกิด
จากการบริ โ ภคอาหารประเภทผัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักใบเขียว
เป็นต้น
ดังนั้น เราจึงควรปรับสภาพร่างกายให้สมดุล เป็น
กลาง หรือ สภาวะที่มีกรดอ่อน โดยอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกลางและมี
กรดอ่อนแฝงอยู่ คือ ผักใบสีเขียวที่มีรสมิ้นท์ เช่น ใบโหระพา ใบ
สะระแหน่
อาหารธรรมชาติที่มีความเป็นกรด
ส้มทุกประเภท กระถิน ชะเอม ลูกเนียง คะน้า แตงกวา
ทุเรียน มะม่วง ลำ�ไย ใบมะยม ใบชะมวง ใบลูกหว้า ใบยอ ผักพื้น
บ้านที่มีรสเปรี้ยว พริก มะแว้ง
อาหารธรรมชาติที่มีความเป็นด่าง
ใบกะเพรา โหระพา ตะไคร้ ใบแมงลัก ผักกวางตุ้ง ผัก
กาดเขียวปลี ผักพื้นบ้านที่มีรสฝาด ผักกูด ยอดฟักแม้ว ยอดฟักทอง
ตำ�ลึง มะเขือเปราะ มะเขือยาว สะระแหน่ ใบหม่อน
อาหารธรรมชาติที่มีความเป็นกลาง ถ่วงสมดุลอารมณ์
น�ำ้ ผักปัน่ น�ำ้ โหระพาต้ม น�ำ้ นมธัญพืช น�ำ้ ส้มคัน้ น�ำ้
เสาวรส น�ำ้ มะนาว น�ำ้ ผลไม้สดทุกชนิด ยกเว้นน�ำ้ ผลไม้สดทีม่ สี ารกันบูด
ตกแต่งสี กลิน่ รสจากสารเคมี น�ำ้ สะอาดวันละ ๓,๐๐๐ – ๕,๐๐๐ cc.
สลัดผัก ผัดผัก มะระผัด ซุปหอมใหญ่ใส ซุปผัก ซุปเห็ด มะเขือยาว
ยำ�ฟองเต้าหู้ สลัดใบแมงลัก เห็ดหยอง มะเขือยาว
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๐๕
๒๐๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
อาหารฟื้นฟูและอาหารต้องห้าม
สำ�หรับผู้ป่วยทุกประเภท
เอกสารอ้างอิง : ชมรมบ้านสุขภาพ และสถาบันภูมิปัญญาสากล
จากการเก็บข้อมูลของผูเ้ ข้ารับการบำ�บัด ณ ชมรมบ้าน
สุขภาพนั้น ทำ�ให้เราพบว่า โรคที่คุกคามคนไทยเป็นจำ�นวนมาก ก็คือ
โรคทีเ่ กีย่ วข้องกับ “ไต ตับ ลำ�ไส้ และมะเร็ง” คำ�ถามต่าง ๆ มากมาย
ทีม่ กั จะถามเสมอว่า ในเมือ่ ขบวนการบำ�บัดในแนวทางธรรมชาติบ�ำ บัด
นั้น งดใช้ยา และนำ�อาหารมาใช้ทดแทน อาหารชนิดใดที่จะทานได้
และอาหารชนิดใดทีเ่ ป็นของต้องห้าม ดังนัน้ ทางชมรมบ้านสุขภาพจึง
ได้รวบรวมอาหารต้องห้าม และอาหารฟืน้ ฟูสขุ ภาพสำ�หรับผูป้ ว่ ยทีเ่ ป็น
โรคไต ตับ ลำ�ไส้ และมะเร็ง ดังนี้
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๐๗
๒๐๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
มาทำ�ความรู้จักกับน้ำ�ผักปั่นกันเถอะ
ในน�้ำ ผักเป็นกรดอ่อน ๆ ทีม่ ี คลอโรฟิลล์ ( Chlorophyll
สารสีเขียวในพืช) มีวิตามินเอ วิตามินซี ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม
แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งเมื่อทานเข้าไปจะเกิดการแลกเปลี่ยน
การใช้สารอาหารได้สูงสุด ณ จุดที่ร่างกายสามารถนำ�ของเสียทิ้งได้
ทั้ ง หมด และทำ � ให้ ร่ า งกายสร้ า งพลั ง งานในแต่ ล ะเซลล์ ไ ด้ อ ย่ า งมี
ประสิทธิภาพ การดื่มน้ำ�ผักปั่นเป็นการเติมสารอาหารประเภทวิตามิน
เกลือแร่ทจี่ �ำ เป็นให้แก่รา่ งกาย ส่งผลให้เกิดการสร้างเซลล์ใหม่ทดแทน
เซลล์เก่าที่ตายในแต่ละวันได้เต็มที่ ดังนั้น ร่างกายจะได้พลังงานมา
สนับสนุนให้อวัยวะต่าง ๆ ทำ�งานได้มากกว่าเดิม
น้ำ�ผักปั่นสูตรบ้านสุขภาพเป็นน้ำ�ผลไม้ ผักสด ซึ่งช่วย
ล้างของเสียตลอดจนสารพิษต่าง ๆ ทีส่ ะสมอยูใ่ นร่างกายอย่างรวดเร็ว
ทำ�ให้ลดอาการปวดต่าง ๆ ที่เกิดจากอาการท้องเสีย หรือมีของเสีย
ตกค้างอยูใ่ นระบบเลือดมากจนทำ�ให้ปวดตามกล้ามเนือ้ อาการปวดดัง
กล่าวจะลดลง นอกจากนัน้ ยังช่วยลดอาการปวดศีรษะ ลดไข้ ลดความ
อ่อนเพลีย ลดอาการนอนหลับยาก ลดอาการนอนกรน ซึ่งอาการที่ดี
ขึ้นนั้นคือ ขบวนการที่ร่างกายชะล้างของเสียออกได้ดีขึ้น พร้อมทั้ง
ฟื้ น ฟู เ ซลล์ ใ หม่ ท ดแทนเซลล์ เ ก่ า ที่ ต าย ซึ่ ง การดื่ ม น้ำ � ผั ก ก่ อ นรั บ
ประทานอาหารจะเป็นการเตรียมร่างกายให้ยอ่ ยสารอาหารทีเ่ รากินลง
ไปได้ดกี ว่าเดิม กล่าวคือ เกิดสภาวะดีกบั ร่างกายทัง้ ระบบ ซึง่ น�ำ้ ผักปั่น
จะทำ�หน้าที่สำ�คัญ ๒ อย่างในเวลาเดียวกัน ดังนี้
๑. ให้สารอาหารที่จำ�เป็นต่อร่างกาย เพื่อนำ�ไปฟื้นฟูตับ
และตับอ่อน
๒. กระตุน้ ให้รา่ งกายพร้อมในการย่อยไขมันทีเ่ หลือค้างอยู่
เปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงาน ทำ�ให้ร่างกายเตรียมพร้อมที่จะย่อยสาร
อาหารที่รับประทานเข้าไปในมื้อต่อไป
ส่วนประกอบและประโยชน์ของน้ำ�ผัก
น้ำ�ผักปั่นมีสารอาหาร แร่ธาตุและวิตามินที่ช่วยฟื้นฟู
การทำ�งานของอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย โดยช่วยการทำ�งาน ๕ ระบบ
ในร่างกาย คือ ระบบดูดซึม ระบบทางเดินหายใจ ระบบหมุนเวียน
โลหิต ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบต่อมไร้ท่อ โดยมีส่วนประกอบ ดังนี้
ผักกาดหอม
ช่วยฟืน้ ฟูเซลล์โดยเฉพาะระบบประสาทและเซลล์ในปอด
ช่วยบำ�รุงกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น ช่วยบำ�บัดโรคโลหิตจาง
คื่นฉ่าย
ช่วยฟืน้ ฟูระบบประสาทและฟืน้ ฟูการสร้างเซลล์เม็ดเลือด
ช่วยชะล้างของเสียในระบบเลือด ช่วยให้รา่ งกายมีความสามารถในการ
ใช้แคลเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอาการเจ็บปวดของระบบ
ข้อเสื่อมต่าง ๆ
มะเขือเทศ
ช่วยทำ�ให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรง ผิวพรรณดี เพิ่มภูมิ
ต้านทานของร่างกาย มีสารช่วยย่อยอาหาร ทำ�ให้เยื่อบุกระเพาะและ
ลำ�ไส้ทำ�งานเป็นปกติ
หอมหัวใหญ่
ช่วยทำ�ให้หัวใจแข็งแรง
มะนาว
ช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๐๙
๒๑๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
เสาวรส
ช่วยฟืน้ ฟูระบบภูมคิ มุ้ กัน ในเมล็ดมีสารอาหารช่วยบำ�รุงสมอง
น้ำ�ผึ้ง
ให้พลังงานสำ�รองกับม้ามและฮอร์โมน
พืชผักที่สามารถทดแทนหรือเพิ่มเติม
กล้วยน้ำ�ว้าสุก
เป็นผลไม้ทใี่ ห้วติ ามินซีสงู เมือ่ ต้องการเพิม่ ความหวาน
สามารถใช้กล้วยน้ำ�ว้าสุกแทนน้ำ�ผึ้งได้
แอปเปิ้ลแดง
ให้วิตามินเอ ซี แคลเซียมและฟอสฟอรัส
ผักกาดขาว
หากผักกาดหอมหมด ผักกาดขาวเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ที่ให้แคลเซียมและไฟเบอร์ ช่วยทำ�ให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
ใบสะระแหน่
ช่วยขับลมในลำ�ไส้และบำ�รุงปลายประสาท
ใบโหระพา
ช่วยขับลมในลำ�ไส้ บำ�รุงปลายประสาท ลดความเป็น
กรดในกระแสโลหิต ลดอาการไข้ แก้ปวดหัว
ผลไม้ที่ให้รสเปรี้ยว
ตะลิงปลิง มะดัน มะนาว ส้ม ส้มโอ เสาวรส
อาหารสะอาดปลอดภัยด้วยน้ำ�เอนไซม์
น้ำ�เอนไซม์สำ�หรับคน คือสารที่เกิดจากขบวนการแตกตัว
ของสารอาหารด้วยขบวนการ Ionic Discharge ซึง่ เป็นการได้รบั สาร
อาหารในรูปของอิออนบวกและลบ ทำ�ให้เกิดการสลายอนุมูลอิสระใน
ร่างกายให้เกิดเป็นอนุมูลธาตุ ช่วยให้ระบบเซลล์และระบบเคมีใน
ร่างกาย เกิดสภาวะสมดุล และเกิดการซ่อมแซมส่วนทีส่ กึ หรอและเสือ่ ม
ไปได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินและเกลือแร่
คือ วิตามินบีรวม บี๑ บี๒ บี๑๒
นอกจากนี้ เมื่อร่างกายได้รับเอนไซม์ ซึ่งมีองค์ประกอบ
รวม คือ กรดอะมิโน วิตามิน แร่ธาตุ ทีจ่ ำ�เป็นต่อการเจริญเติบโตของ
ร่างกายจะทำ�ให้ร่างกายสามารถทำ�งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น ระยะเวลาของการเก็บหรือหมักผลไม้ + น้ำ�ผึ้ง
+ น้ำ� ตามสัดส่วน ๑:๑:๑๐ จะทำ�ให้เกิดการแตกตัวของสารอาหาร
อย่างรวดเร็ว จนเกิดประจุไฟฟ้าระดับ ๑,๐๐๐ ไมโครซีเมน และ
๒,๐๐๐ ไมโครซีเมน ซึ่งโดยปกติของสารอาหารทั่วไปจะมีประจุไฟฟ้า
ไม่มากกว่า ๘๐-๑๐๐ ไมโครซีเมน การขับเคลื่อนของเสียในร่างกาย
จำ�เป็นต้องได้รับสารอาหารที่มีการเหนี่ยวนำ�ของประจุไฟฟ้าสูง จึงจะ
เกิดการสร้างสภาวะสมดุลของเคมีในร่างกายได้
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๑๑
๒๑๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
น้ำ�เอนไซม์สำ�หรับใช้ล้างผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์
คุณสมบัติ
ใช้ล้างผักและผลไม้จากสารพิษตกค้าง ทำ�ให้สดกรอบ
ไร้สารพิษสามารถเก็บได้นาน
ใช้ล้างเนื้อหมู วัว เป็ด ไก่ หอย ปู ปลา ทำ�ให้สด เนื้อ
หวานนุ่ม
วิธีล้างผักเพื่อกำ�จัดสารพิษตกค้าง
สำ�หรับผักและผลไม้ ใช้น�ำ้ เอนไซม์ ๑ ช้อนโต๊ะ/น�ำ้ ๑ ลิตร
แช่ผกั ๑/๒ กิโลกรัม นาน ๑๕ นาที
สำ�หรับเนือ้ สัตว์ ใช้น�ำ้ เอนไซม์ ๒ - ๔ ช้อนโต๊ะ/น�ำ้ ๑ ลิตร
แช่เนือ้ สัตว์ ๑/๒ กิโลกรัม นาน ๑/๒ ชัว่ โมง
กรณีพืชผักและผลไม้มาก ควรใช้อ่างใบใหญ่และแช่ผัก
ลงในอ่างที่ผสมน้ำ�เอนไซม์แล้ว น้ำ�เอนไซม์พอแตกตัวจะมีโอโซน เมื่อ
นำ�มาแช่ผักหรือเนื้อสัตว์แล้ว โอโซนนั้นจะดูดซึมเข้าสู่เซลล์ เปลี่ยนรูป
สารเคมีในผักและเนื้อสัตว์ ทำ�ให้ผักและเนื้อสัตว์นั้นสดขึ้น
๒๓๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
๒๓๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
บทสรุปของคณะแพทย์
ที่มีความเห็นต่อผู้เข้าร่วมโครงการ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๓๗
๒๓๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ในส่วนของแพทย์ที่ต้องอดทนเหนื่อยตรวจร่างกายให้กับผู้
เข้าร่วมโครงการอยูต่ ลอดทัง้ วันคือ ในวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๑ และ
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ เป็นการตรวจร่างกายและเก็บตัวอย่างเลือด
ของผูป้ ว่ ยด้วยโรคมะเร็งทีเ่ ข้าโครงการในวันเริม่ ต้นโครงการ และก่อน
สิ้ น สุ ด โครงการหนึ่ ง วั น นอกจากนั้ น ยั ง เข้ า ร่ ว มปฏิ บั ติ ธ รรมใน
โครงการด้วยนั่นก็คือ รศ.พญ.พนารัตน์ รัตนสุวรรณ ยิ้มแย้ม
แพทย์ ท่ี ต้ อ งบอกว่ า หาเวลาว่ า งได้ ย ากมาก นั่ น คื อ
ผศ.พญ.เอือ้ มแข สุขประเสริฐ แพทย์ผเู้ ชีย่ วชาญด้านอายุรศาสตร์มะเร็ง
วิทยา โรงพยาบาลศรีนครินทร์ แต่กย็ งั เสียสละเวลาอันมีคา่ เหล่านัน้ มา
เป็นวิทยากร ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของโรคมะเร็งให้แก่ผู้เข้าร่วม
โครงการและเมื่อไหร่ท่ีมีเวลาว่าง คุณหมอก็จะแวะมาตรวจเยี่ยม
พร้อมทัง้ ให้ก�ำ ลังใจกับผูเ้ ข้าร่วมโครงการอยูเ่ สมอ ส่วนคุณหมออีกท่าน
หนึง่ ด้วยความตัง้ ใจอันเป็นกุศล จึงเดินทางมาจากกรุงเทพฯ และได้รว่ ม
เป็นวิทยากรให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมโครงการ ทำ�การตรวจร่างกาย
วัดความดัน รวมถึงอยูป่ ฏิบตั ธิ รรมในโครงการกับผูเ้ ข้าร่วมโครงการเพือ่
เป็นขวัญและกำ�ลังใจในระยะเวลาหนึ่ง คือ พญ.ปิ่นนภัส ยังไม่หมด
เท่านี้ ต่อมาก็คอื พยาบาลทีเ่ สียสละเวลามาช่วยเก็บตัวอย่างเลือด พร้อม
กั บ เป็ น ผู้ ช่ ว ยแพทย์ ใ นการตรวจผู้ ป่ ว ยซึ่ ง ได้ แ ก่ ท้ั ง ๓ ท่ า นนี้ คื อ
คุณกาญจนา อุปปัญ คุณวินติ า จิราระรืน่ ศักดิ์ และพยาบาลทีเ่ ปรียบ
เสมือนหนึ่งบุคคลหลักในโครงการเพราะช่วยประสานงานด้านแพทย์
รวมทัง้ เอกสารทีเ่ กีย่ วข้องในโครงการบางส่วน คือ คุณไกรวาส แจ้งเสม
และพยาบาลผูอ้ ยูเ่ บือ้ งหลังคอยดำ�เนินงานด้านเอกสาร อีกท่านหนึง่ คือ
คุณพรนภา บุญตาแสง
ทั้งโครงการเรียนรู้ดูกายใจด้วยธรรมะ ธรรมชาติ และ
หนังสือกาลครั้งหนึ่งเมื่อฉันหัดเดินเล่มนี้ จะเกิดขึ้นในรูปแบบของ
โครงการที่ดูอุ่นใจและหนังสือที่มีเหตุผลช่วยให้คิดสะกิดใจไม่ได้ หาก
ขาดซึ่งคณะแพทย์และพยาบาลดังที่ได้เอ่ยนามมาแล้วทุกท่าน
อาตมาในฐานะผู้จัดทำ�โครงการเรียนรู้ดูกายใจด้วยธรรมะ
ธรรมชาติ ขอขอบคุณขอบใจคณะแพทย์และพยาบาลทุกท่านที่ได้ร่วม
สรรค์สร้างโครงการ ตลอดจนหนังสือกาลครั้งหนึ่งเมื่อฉันหัดเดิน
เล่มนี้ จนประสบความสำ�เร็จตามที่อาตมาหวังไว้ทุกประการ ด้วย
บุญกุศลที่ท่านทั้งหลายได้สร้างไว้ ขออำ�นวยอวยพรให้ท่านทั้งหลาย
อันได้แก่แพทย์และพยาบาลผู้เสียสละทุกท่าน ประสบพบความสำ�เร็จ
ตามที่ท่านปรารถนาไว้แล้วด้วยดีทุกประการเทอญ
ขอเจริญพร
ข้อมูลของผู้เข้าร่วมโครงการโดยความเห็นของแพทย์
จากการร่วมเฝ้าสังเกตการณ์ตลอดโครงการ
หลังจากสิน้ สุดโครงการ คณะแพทย์ทมี่ สี ว่ นช่วยในโครงการ
อันได้แก่ ศ.นพ.สมบูรณ์ เทียนทอง รศ.พญ.วิมลรัตน์ ศรีราช
ผศ.พญ.เอือ้ มแข สุขประเสริฐ และรศ.พญ.พนารัตน์ รัตนสุวรรณ ยิม้ แย้ม
ได้ทำ�การวิเคราะห์ข้อมูลจากการเก็บตัวอย่างเลือด ตรวจร่างกาย
พร้อมทัง้ ผลจากการตอบแบบสอบถาม เกีย่ วกับดัชนีชวี้ ดั สุขภาพจิตคน
ไทยฉบับสมบูรณ์และแบบวัดคุณภาพชีวติ ผูป้ ว่ ยโรคมะเร็ง ซึง่ ข้อมูลเหล่า
นี้ได้ทำ�การเก็บไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นโครงการและก่อนสิ้นสุดโครงการ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๓๙
๒๔๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๔๑
๒๔๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ค่าปกติ
๒. กลุ่มผู้ป่วยที่ตั้งแต่แรกมีดัชนีมวลกายที่สูงกว่าปกติ
หรืออ้วนกว่าปกติ
- มีผู้เข้าร่วมโครงการที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ทั้งหมด ๕ ราย
- หลังจากจบโครงการ ผูป้ ว่ ยทุกรายมีน�้ำ หนักตัวลดลง
โดยค่าเฉลี่ยของน้ำ�หนักที่ลดลงคือ ๓.๒ กิโลกรัมต่อคน
- ในจำ�นวนนี้มีผู้ป่วย ๒ รายที่ตอนแรกมา มีดัชนีมวล
กายอยู่ในค่าสูงกว่าปกติ และกลับมาเป็นปกติหลังจบโครงการ
๑.๒.๒ การตรวจร่างกายที่บ่งชี้ขนาดของมะเร็ง
มีผปู้ ว่ ยสองรายทีม่ กี อ้ นมะเร็งทีค่ ลำ�ได้จากภายนอก คือ
ต่อมน้ำ�เหลืองเหนือไหปลาร้า และมีผปู้ ว่ ย ๑ รายทีข่ นาดของก้อนยุบ
ลงอย่างชัดเจน อีก ๑ รายขนาดเท่าเดิม ส่วนคนอื่นรอยโรคอยู่ใน
บริเวณที่ไม่สามารถวัดขนาดได้จากภายนอก
๑.๒.๓ ความดันโลหิต (Blood Pressure)
มีผู้ป่วย ๑ รายที่เริ่มต้นด้วยความดันที่สูงกว่าปกติ คือ
มากกว่า ๑๔๐ / ๙๐ มิลลิเมตรปรอท ซงึ่ ผูป้ ว่ ยเป็นความดันสูงมาแต่
แรก หลังเข้าร่วมโครงการความดันกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดย ไม่ได้
รับประทานยาความดัน ซึ่งความดันตัวแรกคือ Systolic Blood
Pressure ลดลงถึง ๓๕ มิลลิเมตรปรอท
๑.๒.๔ ระดับความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง (Hematocrit)
ผู้ป่วย ๘ รายเริ่มต้นด้วยค่าความเข้มข้นของเม็ดเลือด
แดงปกติ คือมีค่ามากกว่า ๓๐ มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หลังจากจบ
โครงการ ผู้ป่วย ๕ ราย มีค่าความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง เปลีย่ นไป
ในแนวทางที่เข้มข้นขึ้นโดยมีค่าเฉลี่ยของการเพิ่มขึ้นที่ ๒ มิลลิกรัมต่อ
เดซิลิตร ผู้ป่วย ๓ ราย มีความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงลดลง โดย
ลดลงเฉลี่ย ๑ มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร แต่อย่างไรก็ ต ามยั ง คงอยู่ ใ นค่ า
ปกติไม่ถึงระดับซีด (Anemia)
ผู้ป่วย ๓ รายมีภาวะโลหิตจางแต่ต้น หลังจบโครงการมีผู้
ป่วย ๑ ราย ทีม่ คี วามเข้มข้นของเลือดเพิม่ ขึน้ โดยเพิม่ ขึน้ ๐.๕ มิลลิกรัม
ต่อเดซิลติ ร ผู้ป่วยอีกหนึ่งรายลดลง ๑.๘ มิลลิกรัมต่อ เดซิลิตร และผู้
ป่วยรายสุดท้ายลดลงมากที่สุดคือ ๓ มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร แต่ผู้ป่วย
รายสุดท้ายนี้ เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวกระจายเข้าไขกระดูก ดังนัน้
การที่ผู้ป่วยซีดลงมาก อาจจะเกี่ยวเนื่องกับโรคมะเร็งที่เป็นอยู่
๑.๒.๕ จำ�นวนเม็ดเลือดขาว (White Blood Cell
Count)
ผูป้ ว่ ยส่วนใหญ่มจี �ำ นวนเม็ดเลือดขาวลดลงเล็กน้อยหลัง
จบโครงการ แต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณทีล่ ดลงไม่ได้รนุ แรงจนถึงระดับ
ที่จะเกิดปัญหาเรื่องเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
๑.๒.๖ จำ�นวนเกล็ดเลือด (Platelet Count)
จำ�นวนเกล็ดเลือดไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัย
สำ�คัญในผู้ป่วยทุกรายยังอยู่ในเกณฑ์ปกติทุกราย
๑.๒.๗ การตรวจวัดระดับไขมันไม่ดชี นิด Cholesterol
ในร่างกาย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ชัดเจน เนื่องจากมีผู้ป่วย
จำ�นวน ๑๐ รายมีระดับ Cholesterol ที่ลดลงอย่างชัดเจน โดยมีค่า
เฉลี่ยของการลดลงอยู่ที่ ๔๑ มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ระดับสูงสุดของ
Cholesterol ที่ลดลงคือ ๑๑๕ มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร มีผู้ป่วยเพียงสอง
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๔๓
๒๔๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
สรุปผลของผู้เข้าร่วมโครงการทุกราย
จากตัวแทนแพทย์โดย ผศ.พญ.เอือ้ มแข สุขประเสริฐ
ผูป้ ว่ ยทุกรายได้รบั ประโยชน์จากการเข้าร่วมโครงการ โดย
ประโยชน์ที่เห็นชัดเจนที่สุดได้ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ในด้านจิตใจ
ผูป้ ว่ ยรูส้ กึ มีความสุข สงบมากขึน้ ความกังวลและหวาดกลัวลดลง ด้าน
ร่างกายทีเ่ ห็นชัดเจนคือสัญญาณทีแ่ สดงให้เห็นว่าผูป้ ว่ ยมีสขุ ภาพทีแ่ ข็ง
แรงหรือทีเ่ รียกว่า Fitness ดีขนึ้ โดยถ้าผูป้ ว่ ยมีมวลกายสูงหรือมีภาวะ
อ้วนก่อนเข้าโครงการ ผูป้ ว่ ยจะมีน�้ำ หนักตัวทีล่ ดลงอย่างชัดเจน ไขมัน
ชนิด Cholesterol ลดลงอย่างชัดเจน และไม่มีผลข้างเคียงเรื่องโลหิต
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๔๕
๒๔๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
จางหรือเรื่องเม็ดเลือดขาวลดอย่างมีนัยสำ�คัญ ผลประโยชน์ที่ได้ในแง่
ผูป้ ว่ ยมะเร็งทีน่ า่ สนใจคือ มีผปู้ ว่ ยบางรายทีก่ อ้ นมะเร็งยุบลงจากการ
ตรวจร่างกาย และอาการปวดจากมะเร็งลดลงในผู้ป่วยส่วนมาก
และลดลงอย่างชัดเจนโดยที่ไม่จำ�เป็นต้องใช้ยาแก้ปวด
๒๔๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๔๙
๒๕๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ของหลวงพ่อจรัญ มอบหนังสือของหลวงพ่อหลายเล่มให้ข้าพเจ้าได้
ศึกษาเกี่ยวกับธรรมรักษาโรค กรรมฐานรักษามะเร็ง ข้าพเจ้าเกิด
ศรัทธาอยากไปศึกษาและปฏิบตั ธิ รรมต่อทีส่ �ำ นักปฏิบตั ธิ รรมสวนเวฬุวนั
โดยคำ�ชักชวนของคุณแม่ไพรวัลย์ รัถฐากูร ญาติธรรม (ข้าพเจ้าขอ
อนุญาตกล่าวนามท่าน เพราะถือว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณชี้ทางธรรมให้
ข้าพเจ้ามีวันนี้)
ข้าพเจ้าได้ไปปฏิบตั ธิ รรมในโครงการครัง้ แรกวันที่ ๑๒-๑๗
ตุลาคม ๒๕๔๙ ในช่วงปฏิบตั วิ ปิ สั สนากรรมฐานแบบงู ๆ ปลา ๆ ของ
ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ตั้งจิตอธิษฐานตามประสาคนอยากหายป่วย และ
อยากได้กราบหลวงพ่อสักครั้ง จากแรงอธิษฐานจิตในกรรมฐานครั้ง
นั้น ทำ�ให้ข้าพเจ้าเกิดปีติอย่างมากมีกำ�ลังใจสูง เมื่อลากรรมฐานแล้ว
วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๙ ข้าพเจ้าโทรศัพท์ให้แฟนที่ทำ�งานอยู่อยุธยา
กลับมาด่วน เพื่อเดินทางไปกราบหลวงพ่อที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
(ตามนิมิต)
จุดเกิดความหวังใหม่ในจิต
ครัง้ นัน้ ข้าพเจ้าได้กราบหลวงพ่อจรัญใกล้ ๆ สมใจหวัง ใน
ช่วงเย็นข้าพเจ้าได้รับศีล ๘ และรับกรรมฐานจากหลวงพ่อ ในการ
เทศน์อบรมนำ�กรรมฐานในครั้งนั้นช่วงวันพระ มีคนเข้ารับกรรมฐาน
มากมาย ข้าพเจ้าไม่กล้าประมาณ ในใจความตอนหนึ่งหลวงพ่อ
กล่าวว่า “มีหญิงคนหนึ่งเป็นมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย ทำ�กรรม
ฐานแล้วหายได้” ข้าพเจ้าได้ยนิ น�้ำ ตาไหลพรัง่ พรูไม่รสู้ กึ ตัว คิดได้อย่าง
เดียวว่าหลวงพ่อเมตตาข้าพเจ้าแล้ว กำ�ลังใจพุง่ สุดขีด เกิดความหวัง
เต็มเปี่ยมว่า “ฉันหายแน่”
ครัง้ นัน้ ข้าพเจ้าปฏิบตั อิ ยูท่ วี่ ดั อัมพวันพร้อมกับสามีเป็นเวลา
๓ วัน เมื่อกราบลาหลวงพ่อได้ยามะขามรักษาโรค ๑๐๘ มาด้วย
แล้วเดินทางกลับร้อยเอ็ดอย่างคนมีความหวัง
ช่วงที่พบพระผู้บิณฑบาตชีวิตข้าพเจ้า
๒๕ ธันวาคม ๒๕๔๙ – ๑ มกราคม ๒๕๕๐ ทีส่ �ำ นักปฏิบตั ิ
ธรรมสวนเวฬุวันมีโครงการปฏิบัติธรรมเพื่อพัฒนาจิต ส่งท้ายปีเก่า
ต้อนรับปีใหม่ ครั้งนี้ข้าพเจ้าลำ�บากใจอย่างยิ่ง เนื่องจากวันที่
๒๕ ธันวาคม ข้าพเจ้าจะเดินทางมาปฏิบตั ธิ รรมร่วมโครงการกับทาง
สำ�นักปฏิบตั ธิ รรมสวนเวฬุวนั เป็นวันเดียวกับทีส่ ามีตอ้ งเข้ารับการผ่าตัด
ทีโ่ รงพยาบาลร้อยเอ็ด “จะสร้างความดีตอ้ งมีมาร” มีคณ ุ แม่ไพรวัลย์
อีกนั่นแหละชี้แนะว่า คราวนี้สามีเป็นหน้าที่ของหมอ เราช่วยได้ก็คือ
“ไปปฏิบัติธรรมส่งบุญมาให้”
ข้าพเจ้าตัดสินใจไปเข้าโครงการพร้อมกับคุณแม่ไพรวัลย์ใน
ช่วง ๒ – ๓ วันแรก ข้าพเจ้าปวดมาก (มะเร็ง) ถึงกับนอนร้องไห้
ในห้องกรรมฐาน คิดว่าคงตายแน่ พระคุณเจ้าผู้บิณฑบาตชีวิตคือ
พระลูกศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ “พระอาจารย์วโิ รจน์ จกฺกวโร”
ซึ่งเป็นผู้ที่รับผิดชอบดูแลโครงการฯ กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “โยมเป็น
มะเร็ ง มาทำ � ไมไม่ บ อกอาตมาก่ อ น” เหมื อ นเป็ น วาจาศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์
ข้าพเจ้ารู้สึกปีติมีกำ�ลังใจ นึกในใจว่า “พระที่นี่ก็สนใจโยมที่เป็นมะเร็ง
ด้วยหรือ”
พระคุณเจ้าท่านก็แนะนำ�วิธีนอนกำ�หนด มือวางหน้าท้อง
ดูทอ้ งยุบท้องพอง ข้าพเจ้ารูส้ กึ ดี คลายปวดคลายกังวล และนอนหลับ
ได้ง่ายขึ้นมาก
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๕๑
๒๕๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
๑ มกราคม ๒๕๕๐ วันลากรรมฐาน
ท่านเมตตาเขียนตารางปฏิบัติกรรมฐานให้ข้าพเจ้านำ�มา
ปฏิบัติต่อที่บ้าน พร้อมกับหนังสือแพทย์ทางเลือกเล่มหนึ่ง ของ
ดร.รสสุคนธ์ พุม่ พันธ์วุ งศ์ พระคุณเจ้าท่านบอกให้ขา้ พเจ้าลองมาศึกษา
ดู กลับบ้านกำ�ลังใจดีขนึ้ มาก สามีหายดีแล้ว เหลือแต่ตวั เอง ตอน
นั้นร่างกายทรุดมาก มะเร็งกระจายสู่ต่อมน้ำ�เหลือง เข้าระยะที่ ๔
ปวดและเหนื่อยมาก ทานข้าวไม่ได้ ท้องอืด นอนภาวนาสวดมนต์
ในห้องพระตลอด จุดธูปอธิษฐานจิตถึงหลวงพ่อ แล้วนึกถึงบทคำ�
สอนต่าง ๆ ของหลวงพ่อ ทำ�ให้ข้าพเจ้านึกขึ้นได้ว่า ไหน ๆ ก็จะตาย
แล้ว “สวดมนต์ให้สะใจก่อนเถอะ”
วันนั้นเป็นวันโกน ข้าพเจ้าสวดบทพุทธคุณ ธรรมคุณ
สังฆคุณ ๑๐๘ จบ (ตั้งแต่ ๑ ทุ่มถึง ๖ โมงเช้า) คืนต่อมาเป็น
วันพระ ข้าพเจ้าสวดบทพาหุงมหากาฯ ๑๐๘ จบ (ตั้งแต่ช่วงเย็นถึง
๖ โมงเช้า) แปลกมากที่ข้าพเจ้าสวดมนต์ตลอดสองคืน แล้วกลางวัน
ไม่เพลียมากเหมือนเดิม มีใจอยากดูหนังสือแพทย์ทางเลือกที่พระ
อาจารย์ วิ โ รจน์ ท่ า นให้ ม า ซึ่ ง ตั้ ง แต่ ก ลั บ มาไม่ เ คยหยิ บ มาดู เ ลย
ได้เจอสูตรอาหารมากมายสำ�หรับผู้ป่วยมะเร็ง ข้าพเจ้าสนใจสูตรน้ำ�
ผักปั่นเพราะอาหารข้าพเจ้าทานไม่ค่อยได้แล้ว เลยลองทำ�ดู ครั้ง
แรก ๆ ปั่นตามสูตร รสชาติไม่ได้เรื่อง แต่ก็ต้องทานเนื่องจากเป็น
ทางเลือกสุดท้ายของเราเช่นกัน หลังจากนัน้ ๑ สัปดาห์ผา่ นไป รูส้ กึ
มีเรี่ยวแรงมากขึ้น ทำ�กรรมฐานได้บ้าง
หนึ่งเดือนผ่านไป ข้าพเจ้าเดินได้คล่อง ปฏิบัติธรรมตาม
ตารางพระอาจารย์ได้ดีขึ้น ร่างกายและจิตใจเข้มแข็งขึ้น เหมือนได้
ชีวติ กลับมาใหม่ ด้วยเมตตาบารมีของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๕๓
๒๕๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ส่งชีวิตข้าพเจ้ามาให้พระอาจารย์วิโรจน์บิณฑบาตชีวิตข้าพเจ้าไว้ (เป็น
ความเชือ่ ส่วนตัวของข้าพเจ้า) ซึง่ ข้าพเจ้าจะไม่มวี นั ลืมพระคุณของท่าน
เลย
จากวันนัน้ ถึงวันนี้ (๘ ม.ค. ๕๐ – ๒๕ ก.พ. ๕๑) ข้าพเจ้า
ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมะเร็งระยะสุดท้าย ด้วยน้ำ�ผักปั่นและวิปัสสนา
กรรมฐานเป็นส่วนใหญ่ จนเมื่อ ๑๕ มกราคม – ๑๕ กุมภาพันธ์
๒๕๕๑ ได้เข้าร่วม “โครงการเรียนรู้ดูกายใจด้วยธรรมะ ธรรมชาติ”
ตามแนวทางสติปัฏฐาน ๔ ของพระธรรมสิงหบุราจารย์” ซึ่งพระ
อาจารย์วิโรจน์ร่วมกับพระคุณเจ้าอีกหลายรูปร่วมกันรับผิดชอบโครง
การฯ เป็นโครงการที่ดีมาก ๆ ทำ�ให้ข้าพเจ้าได้พบกับตัวเองจริง ๆ
เรียนรู้ดูแลตนเองที่จะอยู่กับโรคมะเร็งร้าย ดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า
“อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ” ที่เริ่มจากทรวงอกซ้ายเข้าสู่ต่อมน้ำ�เหลือง
กระจายเข้ากระดูก กะโหลกศรีษะ ปวดในกระดูก ตั้งแต่ศรีษะจรด
ปลายเท้า ทุกรูขุมขน ไม่ทราบจะอธิบายอย่างไร โดยไม่พึ่งยาแก้
ปวดแม้แต่เม็ดเดียว โครงการนี้พิเศษกว่าโครงการอื่น ๆ มาก ได้
รับการเรียนรู้โดยประสบการณ์ตรงและจริง ๆ จากสิ่งเหล่านี้คือ
๑. อาหารที่ปลอดสารพิษ
๒. อากาศ (ออกซิเจนจากลมหายใจสยบมะเร็งได้)
๓. วิปัสสนากรรมฐานรักษามะเร็งได้จริง (เป็นความเชื่อ
ส่วนตัว) ที่ประสบกับตัวข้าพเจ้าเองและอยากนำ�มาเล่าในที่นี้
“วิปัสสนากรรมฐานช่วยข้าพเจ้าได้อย่างไร”
ในการเป็นผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่กระจายจากทรวงอก
(เต้านม) เข้ากระดูก ตัง้ แต่กะโหลกศรีษะซ้าย แขนซ้าย อกซ้าย ขา
ขวา ซึ่งยืนรับน้ำ�หนักไว้ไม่ค่อยได้ อาการปวดเริ่มจาก ๘๐-๙๐ ถึง
ระยะขับพิษทวีขึ้นเป็น ๑๒๐-๑๕๐ แต่ยังใช้วิปัสสนากรรมฐานตามดู
ตามรู้อยู่กับปัจจุบัน ช่วยข้าพเจ้าได้ ไม่ทราบจะอธิบายอย่างไร
“เปรียบเทียบความปวดก็เหมือนกับคนถูกสุนขั ไล่ตามเห่า คนยิง่ วิง่ หนี
หรือแสดงอาการต่อสู้ สุนัขก็ยิ่งได้ใจ ยิ่งไล่เห่าและส่งเสียงดังมากขึ้น
ถ้าหากคนยืนดูอยู่นิ่ง ๆ สุนัขก็จะยืนเห่าสักพักหนึ่ง เมื่อไม่มีอะไร
เปลีย่ นแปลงเพิม่ เติม เห่าเท่าไรคนก็ยนื เฉยอยู่ สุนขั ก็จะเงียบไปเอง”
นั่นคือ “ความปวด” ก็รู้ว่ากายปวด ใจยังเฉย ๆ ไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยินดี
ยินร้ายก็แล้วกันไป ใจก็เลยรู้สึกสบาย ว่าจะปวดหรือไม่ปวด โรค
จะหายหรือไม่หายก็เป็นไปเช่นนั้นเอง ขอใจเราทำ�ดีที่สุดในขณะนั้นก็
พอแล้ว และแน่นอนที่คิดอย่างนี้ได้ ทำ�อย่างนี้ได้ ใจก็ต้องมีกำ�ลัง
ใจ (บารมี) จากหนังสือพุทโธโลยี “สร้างกุศลให้จิต ทำ �ดีต้องมี
อุปสรรค” กล่าวถึงบารมี แปลว่าอะไร “กำ�ลังใจ” ใจสู้ ใจทน ใจเด็ด
เดีย่ ว ใจเมตตาเหล่านี้ ข้าพเจ้าได้มาจากพระคุณเจ้าทีด่ แู ลโครงการฯ
ทีท่ า่ นเป็น พ่อ-แม่ ครูบาอาจารย์ คอยดูแลและให้กำ�ลังใจตลอดเวลา
สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดกับข้าพเจ้า
วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ระหว่างชัว่ โมงปฏิบตั กิ รรมฐาน
ในอิริยาบถนั่ง ข้าพเจ้าเดิน ๑ ชั่วโมง นั่ง ๑ ชั่วโมง ซึ่งเป็นวัน
ที่ข้าพเจ้าปวดมาก ๆ เพราะอยู่ในระยะขับพิษหนักมาหลายวัน ถ่าย
อุจจาระเป็นมูกเลือดอยู่หลายวัน มีอาการแปรปรวนแต่ละวันไม่ซ้ำ�
แบบกัน แต่วันนี้มาแปลก ข้าพเจ้ามีไข้ร้อน ๆ หนาว ๆ เหนื่อย
มาก เวทนาสุด ๆ ไม่ทราบว่าจะทำ�อย่างไรดี กำ�หนดอย่างไรก็ไม่
ไหว ข้าพเจ้าจึงตั้งจิตอธิษฐานถึงหลวงพ่อ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๕๕
๒๕๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
นางสมประสงค์ สีลาดเลา
บ้านเลขที่ ๓๓ ถ.มีโชคชัย ต.ในเมือง
อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๐๐๐
เรียนรู้ดูกายใจด้วยธรรมะ ธรรมชาติ
สายัณห์ นกเทียน
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๕๗
๒๕๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
จริง ๆ เพราะดิฉันขาดสตินั่นเอง
จบประถมบ้านนอกโรงเรียนวัด แล้วเรียนต่อชั้นมัธยมที่
ตำ�บลและอำ�เภอ ในทีส่ ดุ ก็จบปริญญาตรีทตี่ วั จังหวัดด้านนาฏศิลป์ และ
ภาษาไทย ชอบความอ่อนหวานและชีวิตแบบไทย ๆ ดิ้นรนด้วยตนเอง
จนจบปริญญาตรี เพราะเป็นคนมุง่ มัน่ กับตัวเองเสมอมา ถ้าเอาดีไม่ได้
ก็เสียชาติเกิด จะจดจ่ออยูก่ บั คำ�ว่า ต้องมุง่ มัน่ ทุกอย่าง ไม่วา่ การงาน
การมีครอบครัว แต่ครอบครัวมันเป็นเรือ่ งใหญ่ ทำ�ให้ดฉิ นั ฟ้งุ ซ่านหรือ
เป็นการเพิ่มความเครียดสะสมโดยที่ตัวเองไม่สามารถถอดออก หรือ
ทางธรรมะว่า วางเสีย จนพอกเข้าไป พอกเข้าไป แต่ดฉิ นั ก็แสดงออก
โดยการเข้าวัดปฏิบัติธรรม เพราะเป็นสิ่งเดียวที่ทำ �ให้ดิฉันพบกับ
ความสุข ความสบายกาย สบายใจที่แท้จริง
ดิฉันชอบเสียงธรรมะ ชอบการสวดมนต์เพราะเป็นบทสวด
ที่ทำ�ให้ดิฉันเป็นสุข สดชื่นอย่างลึกล้ำ� การทำ�บุญทานก็เป็นการสร้าง
กุศลผลบุญ แต่ถ้าเพิ่มการปฏิบัติธรรมเข้าไป ยิ่งทำ�ให้เข้าใจมากขึ้น
ดิฉันไป ๆ มา ๆ ที่สำ�นักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ที่เปรียบเสมือนบ้านของ
ดิฉนั ยิง่ ในปี พ.ศ.๒๕๔๕-๒๕๔๗ เป็นปีทองของการทำ�บุญทำ�ทาน การ
สร้างกุศล สร้างบารมีของดิฉัน เหมือนว่าดิฉันเตรียมพร้อมไว้รองรับ
เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง อย่างไรอย่างนั้น ต่อมาดิฉันได้หยุด
ปฏิ บั ติ ธ รรมไป ๓ ปี แต่ ไ ม่ ห ยุ ด การทำ� บุ ญ ทำ � ทาน คิ ด จะหยุ ด
ปฏิบตั ธิ รรมไปจริง ๆ เพราะยิง่ คิดก็ยงิ่ ท้อ มีแต่ปญ ั หามาให้แก้ ปัญหา
แต่ละอย่างหนัก ๆ ทัง้ นัน้ แล้วเหตุการณ์ทไี่ ม่คาดฝันก็เกิดขึน้ ดิฉนั ไป
ตรวจร่างกายประจำ�ปีเมือ่ วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๐ หมอบอกว่า ดิฉนั
เป็นมะเร็งทีท่ รวงอกด้านซ้าย มะเร็งทำ�ร้ายจิตใจดิฉนั อย่างแรง ดิฉนั
จิตตกจนกลั้นลมหายใจในคืนหนึ่ง เพื่อที่จะได้หมดลมหายใจ แต่ก็ไม่
สำ�เร็จ เพราะไม่ใช่ทางแก้ปัญหา แต่เป็นการหนีปัญหาอย่างขาด
สติสัมปชัญญะ
ดิฉันจิตตก สับสนกับการที่เป็นโรคมะเร็ง อ้างว้าง จะทำ�
อย่ า งไรดี เห็ น ไหมคะ ถึ ง แม้ จ ะเข้ า วั ด เตรี ย มตั ว มาขนาดไหน
มีครูบาอาจารย์คอยเกื้อหนุนก็ยังสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก ดิฉัน
ทำ�การรักษาด้วยเคมีบำ�บัดไป ๓ ครั้ง ตับก็ไม่รับยา ตับแข็ง ดิฉัน
สับสนอยู่ ๗ เดือน พอประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๐
ครูบาอาจารย์ คือท่านพระครูปลัดสิทธิวรวัฒน์ เรียกให้ดิฉันมาเข้า
กรรมฐานเพราะจะช่วยให้หายจากโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ ถึงตอนนี้ดิฉันก็
เริ่มหูตาสว่างขึ้นมาว่า ทำ�ไมเราถึงจิตบอด ตาบอด หูบอด ไปได้
อย่างไร ดังคำ�กล่าวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญทีว่ า่ “สวดมนต์
เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน” ลืมไปเลยเพราะจิตตกนั่นเอง พร้อม
กับความฟุ้งซ่านเข้าปิดบัง จุดประกายนี้เองที่ทำ�ให้ดิฉันได้เริ่มเข้าวัด
ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรมะให้เข้าใจถ่องแท้ยิ่งขึ้น ได้เข้าร่วมโครงการ
เฉลิมพระเกียรติ และในทีส่ ดุ ก็ถงึ เวลาของการรอคอย โครงการเรียน
รู้ดูกายใจด้วยธรรมะ ธรรมชาติ (โครงการเพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง)
ระหว่างวันที่ ๑๕ มกราคม - ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ของพระอาจารย์
วิโรจน์ ท่านเป็นพระที่เมตตาสูงสุด ท่านมีแต่ให้
การปฏิบัติธรรมของดิฉันมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว ก็พอรู้บ้าง
แต่บางสิ่งบางอย่างที่รู้ ก็รู้ไม่จริง ที่จริงก็ไม่รู้ ต้องปรับตัวใหม่ ต้อง
เริม่ ใหม่หมดทุกอย่าง เริม่ ตัง้ แต่การปรับร่างกาย การปรับใจ การปรับ
เวลา การอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ ด้านความเป็นอยู่หลาย ๆ อย่าง
ธรรมะจัดสรรให้ดฉิ นั ได้มาพบสิง่ ทีด่ ที สี่ ดุ แต่ได้ยาก เพราะโครงการ
นี้ต้องเข้าร่วมถึง ๓๒ วัน ดิฉันคิดว่าดิฉันจะทำ�ได้หรือไม่ ดิฉันคิดไป
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๕๙
๒๖๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
นางสายัณห์ นกเทียน
๙๐/๓๙ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๖๑
๒๖๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ญาณิกา ผานาค
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๖๓
๒๖๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ขอบคุณสำ�หรับการทักทาย “มะเร็ง”
เพ็ญประภา อนวัชพงศ์
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๖๕
๒๖๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
๓. ความเครียด เนื่องจากเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตทั้งใน
เรื่องงานและครอบครัว รวมถึงขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ ทำ�ให้เกิด
ความเครียดทางอ้อมโดยไม่รู้ตัว
เมื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุแล้ว ก็ต้องทำ�ใจยอมรับสภาพที่เกิด
ขึน้ ความอ่อนแอและสิน้ หวัง กลับกลายเป็นพลังทีจ่ ะผลักดันให้ขา้ พเจ้า
ต้องสู้ และสู้ให้ถึงที่สุด บอกกับตัวเองว่า เราจะยังตายไม่ได้ เพราะ
ชีวิตของเรายังมีหลายสิ่งที่ยังทำ�ไม่เสร็จ และหลายสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ�
ลูกเรา ๒ คน จะเป็นเช่นไร หากขาดเราไป และเราจะได้มีโอกาส
ชื่ น ชมความสำ� เร็ จ ของเขาในวั น ที่ เ ขาเติ บ โตและจบการศึ ก ษาหรื อ
ข้าพเจ้าเปรียบลูกเป็นเสมือน “ต้นกล้า” ต้นเล็ก ๆ ที่ข้าพเจ้าเฝ้า
ทะนุถนอม เอาใจใส่ รดน้ำ�พรวนดิน คอยดูแลไม่ให้แมลงมารบกวน
แต่ละวันที่ผ่านไป ข้าพเจ้าจะเฝ้ามองดูการเจริญเติบโตของต้นกล้าทั้ง
๒ ต้นนี้อย่างชื่นชม ซึ่งหากข้าพเจ้าต้องมาตายลงไป คงไม่มีโอกาส
ได้เห็นต้นกล้ากลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ให้ดอกซึ่งมีกลิ่นหอมและสีสัน
สวยงาม ให้ผลซึ่งมีรสชาติหอมหวานแสนอร่อยไม่แพ้ต้นพ่อพันธุ์และ
แม่พันธุ์ คิดได้อย่างนั้นก็จะต้องอยู่และ “สู้เพื่อลูก” จำ�ได้ว่าความรู้สึก
เศร้าเสียใจและเป็นทุกข์มาครอบงำ�อยู่ ๓ วัน จึงจางหายไป กลายเป็น
พายุและพลังทีย่ งิ่ ใหญ่ ซึง่ พร้อมจะทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
๑๖ มีนาคม ๒๕๔๙ เป็นวันที่ต้องเข้ารับการรักษาด้วยวิธี
ผ่าตัด เพื่อน ๆ และคนที่รู้จักต่างมาเยี่ยมมากมาย สร้างความอบอุ่น
และกำ�ลังใจที่มีอยู่แล้วให้ทวีคูณขึ้นไปเรื่อย ๆ บุญกุศลและคุณความ
ดีทเี่ คยทำ�ไว้กบั ทุก ๆ คน กลับมาตอบสนองให้เห็นก็ในเวลานีเ้ อง เสร็จ
สิ้นการรักษาด้วยการผ่าตัด ก็มาถึงการรักษาด้วยเคมีบำ�บัด ๖ คอร์ส
(Courses) หรือเรียกกันทัว่ ไปว่า ๖ เข็ม ตลอดระยะเวลาของการรักษา
ด้วยเคมีบำ�บัด ข้าพเจ้ามีอาการแพ้อย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับผู้ป่วย
รายอื่น ๆ กิตติศัพท์การแพ้ยาเคมีบำ�บัดทำ�ให้ข้าพเจ้ากลายเป็นบุคคล
ตัวอย่างทีค่ ณุ หมอมักพูดให้คนไข้รายอืน่ ฟังเสมอ ๆ ความทรงจำ�ทีเ่ คมี
บำ�บัดฝากไว้บนร่างกายของข้าพเจ้า ทำ�ให้ข้าพเจ้ากลายเป็นแขกรับ
เชิญ หรือวิทยากรรับเชิญของโรงพยาบาลที่ทำ �การรักษา ในการ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๖๗
๒๖๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ถ่ายทอดประสบการณ์และการต่อสู้กับเคมีบำ�บัด จนสามารถผ่าน
สภาวะความไม่สุขสบายของผลข้างเคียงได้ ข้าพเจ้าจึงขออธิษฐานจิต
และปวารณาตัวเองว่าจะขอเอาประสบการณ์และอุทาหรณ์ของการ
เจ็บป่วย เป็นครูสอนประสบการณ์จริงของชีวิต และให้กำ�ลังใจแก่
ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายอื่น ๆ ให้เขากลับมามีพลังและกำ�ลังใจที่จะ
ต่อสู้กับโรคร้ายเช่นเดียวกับตนเอง
โค้งสุดท้ายของการรักษา คือการฉายแสง ซึง่ การฉายแสง
ไม่ใช่วิธีการรักษาที่น่ากลัวอย่างที่คิด ข้าพเจ้าสามารถผ่านการรักษา
ไปได้ดว้ ยดี สิน้ สุดการรักษาเมือ่ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ ข้าพเจ้า
กลายเป็นคนทีม่ หี น้าตาไม่สวยงามเหมือนเดิม ผิวหนังทีห่ ยาบกระด้าง
และเสื่อมโทรม ใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยกระ และริ้วรอย ผมซึ่งร่วงไป
หมดทัง้ ศีรษะ รูปร่างซึง่ ผอมเหมือนผีตายซาก เรีย่ วแรงทีเ่ คยมีมากมาย
กลายเป็นคนหอบและเหนื่อยง่าย เม็ดเลือดขาวที่มีค่าในระดับต่ำ�กว่า
ปกติ คือมีเพียง ๒,๓๐๐-๒,๗๐๐ (ปกติควรอยู่ที่ ๕,๐๐๐ - ๑๐,๐๐๐)
จะทำ�อย่างไรดีให้เม็ดเลือดขาวสามารถเพิม่ จำ�นวนขึน้ มาได้ เพราะหาก
เม็ดเลือดขาวเพิม่ มากเท่ากับคนปกติ โอกาสในการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ
และเชื้อมะเร็งลุกลามย่อมเป็นไปได้ยากอย่างแน่นอน เวลาผ่านไป
เกือบปี เม็ดเลือดขาวมีค่าเพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อย คือ ๓,๕๐๐-๓,๗๐๐
ซึ่งก็ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ�กว่าเกณฑ์ ข้าพเจ้าพยายามออกกำ�ลังกาย
ลดความเครียดให้น้อยลง วางเฉยให้มากขึ้น มองโลกในแง่ดี ปรับ
เปลี่ยนวิถีการดำ�รงชีวิตแบบใหม่ ใส่ใจตัวเองมากขึ้น ห่วงลูกน้อย
ลง ทานอาหารตามแนวธรรมชาติบำ�บัด โดยงดเนื้อสัตว์จำ�พวก หมู
ไก่ อาหารทะเล ยังมีการทานปลาบ้างแต่ไม่มากนัก จะทาน ๓-๔ ครัง้
ใน ๑ สัปดาห์ (เนือ่ งจากโปรตีน เป็นวัตถุดบิ ทีถ่ กู ป้อนให้กบั เซลล์มะเร็ง)
เซลล์มะเร็งเป็นเซลล์ทมี่ คี วามผิดปกติจากการแบ่งตัว โดยมีการแบ่ง
ตัวเร็วมากกว่าเซลล์ปกติหลายเท่า แต่หากร่างกายของเรามีเซลล์
เม็ดเลือดขาวที่มีคุณภาพและมีปริมาณมาก เซลล์เม็ดเลือดขาวก็จะ
คอยจัดการกับเซลล์ที่ผิดปกติ ตามกลไกของร่างกาย
ข้าพเจ้าได้ศกึ ษาจากหนังสือหลายเล่มพบว่า การทำ�สมาธิ
สามารถกระตุน้ ให้รา่ งกายสร้างเม็ดเลือดขาวได้ ประกอบกับการได้
รู้จักกับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย เขาใช้วิธีการรักษาด้วยการ
นัง่ สมาธิเพียงอย่างเดียว โดยทำ�อยูน่ านเกือบ ๑๐ ปี และสิง่ มหัศจรรย์
นั่นคือ เขาหายจากการเป็นโรคมะเร็ง นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่จุดประกาย
ความคิดในตัวของข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าต้องใช้วิธีนี้ในการรักษาเช่น
เดียวกัน
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ในขณะที่
ร่างกายรู้สึกดี ไม่ทรมาน ข้าพเจ้าก็จะหาเวลาว่างอ่านหนังสือธรรมะ
นึกขอบคุณมะเร็งเหมือนกันว่า ทำ�ให้เรามีเวลาได้ “พักผ่อนและรู้รส
พระธรรม” อยากเข้าใกล้พุทธศาสนาให้มากขึ้น หนังสือธรรมะของ
หลวงพ่อจรัญแห่งวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี เป็นหนังสือธรรมะที่มีมาก
ที่สุดในบรรดาหนังสือธรรมะทั้งหมด ซึ่งก็ได้มาจากผู้ใจบุญที่แวะมา
เยีย่ มเยียนไม่ขาดสายนัน่ เอง ข้าพเจ้าได้อา่ นได้ศกึ ษาก็รวู้ า่ มีหลายคน
ที่ ป่ ว ยเป็ น โรคมะเร็ ง และโรคภั ย ไข้ เ จ็ บ อื่ น ๆ สามารถหายได้
ด้วย“กรรมฐาน”ในใจของข้าพเจ้าตอนนั้นอยากรู้จัก“กรรมฐาน” เพื่อ
ที่จะได้นำ�มาใช้ในการรักษาตนเองเช่นเดียวกัน
นั บ เป็ น โชควาสนาของข้ า พเจ้ า เมื่ อ ทราบข่ า วว่ า “สำ � นั ก
ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ขอนแก่น” ซึ่งเป็นวัดในสาขาหลวงพ่อจรัญ
จัดโครงการ “เรียนรู้ดูกายใจด้วยธรรมะ ธรรมชาติ” ด้วยวิธีสมาธิ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๖๙
๒๗๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๗๑
๒๗๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
๓. ช่วงบ่าย เวลา ๑๒.๓๐ - ๑๖.๓๐น. ฝึกปฏิบัติธรรมที่
ห้องกรรมฐาน พระอาจารย์เต้เป็นผู้สอนเช่นเคย
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๗๓
๒๗๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๗๕
๒๗๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว
ชุมพร บุษเนตร
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๗๗
๒๗๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ต้นชีวิตประจำ�วันด้วยการสวดมนต์ไหว้พระ และสิ้นสุดการดำ�เนิน
ชีวิตประจำ�วันโดยการสวดมนต์ไหว้พระ ได้อย่างมีความสุขเรื่อยมา
กลางเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๐ ข้าพเจ้าชวนพีส่ าวคนโตมา
เข้าปฏิบัติธรรมที่สำ�นักปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน จ.ขอนแก่น โดยการ
แนะนำ�ของน้องสาว (มาฝึกปฏิบตั ธิ รรมเพือ่ รอรับการรักษาตามวิธกี าร
ของแพทย์แผนปัจจุบนั ) ประทับใจมาก บริเวณกว้างขวาง ร่มรืน่ สงบ
เงียบ ร่มเย็น เป็นบรรยากาศที่เหมาะสมยิ่งกับคำ�ว่า “สำ�นักปฏิบัติ
ธรรม”
ข้าพเจ้ามีโอกาสกราบพระอาจารย์วิโรจน์ จกฺกวโร และได้
ทราบว่าท่านมี “โครงการเรียนรู้ดูกายใจด้วยธรรมะ ธรรมชาติ”
(โครงการเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง) กราบเรียนให้ท่านทราบถึงอาการเจ็บป่วย
ท่านถามประโยคแรกว่า “โยมกลัวตายไหม” ข้าพเจ้าคงออกอาการ
กลัวตายจนท่านรู้คำ�ตอบ ท่านพูดอีกว่า “กลัวทำ�ไม ใคร ๆ ก็ต้อง
พบ จะช้า จะเร็วเท่านั้นเอง มาลองเข้าโครงการดู ๑๕ มกราคม
ถึง ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ โยมตัดสินใจเอง” ข้าพเจ้าคิดในใจว่า
อีกนานเหลือเกิน เราจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงวันเข้าโครงการหรือเปล่าหนอ
ข้าพเจ้ากลับเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์
จ.ขอนแก่น อีกครั้งหนึ่ง แล้วตัดสินใจไม่รับการรักษาโดยการผ่าตัด
แต่ เ ข้ า มาลงทะเบี ย นปฏิ บั ติ ธ รรมในโครงการเฉลิ ม พระเกี ย รติ
๕ ธันวาคมอีกครั้งหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ ๕-๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ ข้าพเจ้า
เริ่มรู้สึกศรัทธา เริ่มซึมซับ เริ่มมองเห็นความแตกต่างของชีวิต อยู่
ปฏิบัติธรรมจนครบกำ�หนดโครงการ กลับบ้านก็นำ�แนวทางที่ได้ไป
ปฏิบัติต่อ ก็สามารถปฏิบัติได้ ไปทำ�งานตามปกติได้เหมือนเดิม ถาม
ตัวเองว่า “ทำ�ได้อย่างไร” คำ�ตอบชัดเจน “ใจสั่ง กายปฏิบัติ” นั่นคือ
ความจริงแห่ง “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว”
วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑ ครอบครัวพร้อมญาติมาส่ง
ข้าพเจ้าเข้า “โครงการเรียนรูด้ กู ายใจด้วยธรรมะ ธรรมชาติ” ความ
รู้สึกของข้าพเจ้าวันนั้นทั้งดีใจ ที่มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ ทั้งหวั่นใจ
กลัว กังวล สารพัดอารมณ์และความรูส้ กึ เราจะสูไ้ หวไหม? อาการจะ
เป็นอย่างไร? เราจะทำ�อย่างไร? จะอยู่อย่างไร? จะกลับบ้านในสภาพ
ไหน? ทุกคำ�ถามล้วนเป็นคำ�ถามชีวิตสำ�หรับข้าพเจ้าทั้งสิ้น ใครจะให้
คำ�ตอบได้นอกจากเรา
เริ่มต้นโครงการด้วยการเจาะเลือด ตรวจสุขภาพ ชั่งน้ำ�
หนัก มีคณ ุ หมอ คุณพยาบาล ผลัดเปลีย่ นกันเข้ามาดูแลให้ความอบอุน่
ใจตลอดช่วงระยะเวลาปฏิบตั ธิ รรมในโครงการ ซึง่ แบ่งออกเป็น ๓ ช่วง
มีพระอาจารย์ทมี่ คี วามรู้ มีเมตตาสูง อยูค่ อยแนะนำ� แก้ปญ ั หา ตอบ
คำ � ถามตลอด คื อ พระอาจารย์ วิ โ รจน์ พระอาจารย์ ต้ น และ
พระอาจารย์เต้
ด้านอาหาร เป็นอาหารแบบธรรมชาติ ไม่มีการปรุงแต่ง
มาก ไม่มีเนื้อสัตว์ มีประโยชน์ต่อร่างกาย ที่สำ�คัญมีสารอาหารครบ
ถ้วน โดยเฉพาะน้ำ�นมธัญพืช น้ำ�ผักปั่น
ตลอดระยะเวลาการเข้าร่วมโครงการ อาการป่วยของ
ข้าพเจ้า มีอาการเจ็บปวดบ้างเป็นบางวัน มีผนื่ ขึน้ บ้าง ขับถ่ายมากผิด
ปกติบา้ ง ซึง่ พระอาจารย์บอกว่า เป็นการขับพิษออกจากร่างกาย แล้ว
อาการก็คอ่ ยบรรเทาไป ข้าพเจ้าตัง้ ใจว่าจบจากโครงการแล้ว คงทำ�ตัว
ให้เหมือนในโครงการมากทีส่ ดุ โดยเฉพาะด้านอาหาร อารมณ์ อากาศ
และทีส่ �ำ คัญ คือ การปฏิบตั กิ รรมฐาน แต่คงทำ�ได้ตามสภาพการดำ�รง
ชีวิตและเวลาที่จะอำ�นวย
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๗๙
๒๘๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ก่อนที่ข้าพเจ้าจะเข้ามาใน โครงการเรียนรู้ดูกายใจด้วย
ธรรมะ ธรรมชาติ ได้รับการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบันมาแล้ว ซึ่ง
เป็นความหวังทีค่ ดิ ว่าจะหายจากโรคนีไ้ ด้ แต่อาการก็ไม่ได้ดขี นึ้ มากนัก
ต่อมามีผู้แนะนำ�ให้ลองปฏิบัติธรรมดูบ้าง จึงตัดสินใจมา
และหวังว่าการปฏิบตั ธิ รรมจะช่วยได้ไม่มากก็นอ้ ย เพราะเป็นทางเลือก
หนึ่งที่น่าจะปฏิบัติดู ทั้งที่รู้อยู่ว่า อาการเจ็บปวดของเราไม่ธรรมดา
คือปวดมาก เดินต้องใช้ไม้ค้ำ�ตลอด ยังวิตกอยู่ว่า จะไหวหรือไม่กับ
เวลา ๑ เดือนทีจ่ ะต้องอยูป่ ฏิบตั ิ เพราะแนวทางวิปสั สนากรรมฐานนัน้
ตัวข้าพเจ้าไม่มีความเข้าใจเลย พอเข้ามาที่สำ �นักปฏิบัติธรรมสวน
เวฬุวันวันแรก ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ความมั่นใจและกำ�ลังใจ
เพิ่มขึ้นทันที
ระหว่างปฏิบัติธรรม ข้าพเจ้าได้รับการอบรมในหลาย ๆ
เรือ่ ง ค่อยมีความเข้าใจในสิง่ ทีไ่ ม่เคยรูเ้ คยเห็น ทำ�ให้ได้คดิ ในทางบวก
มากขึน้ ข้อคิดต่าง ๆ เริม่ ทยอยเข้ามาในสมองอย่างต่อเนือ่ ง บางครัง้
มีความวิตกกังวล เนือ่ งจากการปฏิบตั ทิ เี่ ข้มงวด พอมีสตินกึ ถึงคำ�สอน
ของครูบาอาจารย์แล้วก็ทำ�ให้สงบลงได้
ผลของการเยียวยาสิ่งที่ได้รับหลังเข้าร่วมโครงการ
ด้านจิตใจ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าจิตใจคลายความกังวลลงได้
รูว้ า่ การทำ�บุญไม่ใช่แต่การให้ทานสิง่ ของเท่านัน้ หากแต่บญ
ุ ทีจ่ ะทำ�ให้
ตัวเราพ้นจากกรรมต่าง ๆ คือ การทำ�วิปสั สนากรรมฐานต่างหาก และ
การทำ�บุญก็มิได้จำ�กัดการทำ�อยู่ที่วัดเท่านั้น ทำ�ได้ทั่วไปที่บ้านหรือ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๘๑
๒๘๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ฉวีวรรณ ไพบูลย์วัฒนผล
ผลสรุปจากการตรวจ
จากการคลำ�ดูก้อนที่เต้านมครั้งที่ ๑ พบว่าจะมีก้อนแข็ง
มาก ครั้งที่ ๒ จะค่อย ๆ นิ่มลง แต่ก็ยังมีก้อนอยู่ประมาณ ๓
เซนติเมตร จากการตรวจครัง้ ที่ ๓ พบว่าก้อนจะค่อย ๆ ลดลงจนเหลือ
ประมาณ ๑ เซนติเมตร จนคุณหมอบอกว่า ไม่มีอะไรเลย เป็นปกติดี
๒๘๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ทับทิม สิงห์ทอง
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๘๕
๒๘๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
อมร โสมชาติ
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๘๗
๒๘๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๘๙
๒๙๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
จิวัสสา ปิยทับทิม
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๙๑
๒๙๒ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ปฏิบัติธรรมมาตลอดร่วม ๑๕ ปี คิดว่าบุญกุศลที่ตัวเองทำ�ไว้นั้น จะ
ไม่ท�ำ ให้ตวั เองจะต้องประสบปัญหาเช่นนีเ้ ลย นัน่ เป็นความคิดทีผ่ ดิ และ
ประมาทอย่างมาก
ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้ายังมีความโชคดี ที่บุญกุศลที่ทำ�ไว้ใน
อดีตนัน้ ก็ยงั ได้ชว่ ยนำ�พาให้เราได้มาพบกับหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัด
อัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี เพราะได้ทราบว่า ท่านสามารถนำ�ผู้ปฏิบัติ
ธรรมรักษาโรคมะเร็งให้หายได้ แต่ต้องมีความอดทนอย่างสูงมาก ๆ
ก็เลยพาตัวเองมาหาหลวงพ่อที่วัดอัมพวัน ได้มากราบท่านแต่ท่าน
อาพาธงดใช้เสียงมาหลายปีแล้ว ท่านได้แผ่เมตตาให้กับข้าพเจ้าอย่าง
มาก โดยมองหน้าข้าพเจ้านานมากเหมือนกับท่านรู้ว่า เรามีทุกข์มาก
ข้าพเจ้ามีน้ำ�ตาซึมแต่ก็ปลื้มปีติมาก คิดว่าจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดเพื่อ
รักษาตัวเอง แต่เห็นว่าคนมากเหลือเกิน เราจะทำ�ได้หรือเปล่า ไม่รจู้ กั
ใครเลยด้วย ก็นั่งคิดอยู่สองจิตสองใจว่าจะเอาอย่างไรดี
ข้าพเจ้าเห็นน้องคนหนึ่งที่มาปฏิบัติธรรมนั่งอยู่ ถามน้อง
ว่า “ปฏิบัติธรรมอยู่ที่นี่หรือ” น้องบอกว่า “ใช่” ก็เลยเล่าเรื่องราวให้
น้องฟัง น้องใจดีสมชื่อ น้องเขาชือ่ “ดี” เค้าแนะนำ�ให้ไปทีว่ ดั ตาลเอน
อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่นั่นจะมีโครงการปฏิบัติธรรม
เฉลิมพระชนมายุครบ ๘๐ พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ฯ
เป็นเวลา ๗ วัน คนไม่มาก มีพระมาสอบอารมณ์ด้วยก็เลยสนใจ
พระอาจารย์ทดี่ แู ลก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อจรัญ นัน่ คือ พระครูสมุห์
จิรยุทธ์ อธิฉนฺโท จึงรีบไปในวันนั้นเลย ได้เข้าร่วมในโครงการ พระ
อาจารย์ทา่ นมีเมตตามาก ข้าพเจ้าร่วมปฏิบตั มิ าตลอดถึงเดือนธันวาคม
๒๕๕๐ พระอาจารย์ท่านแนะนำ�ให้เข้าร่วม โครงการเรียนรู้ดูกายใจ
ด้วยธรรมะ ธรรมชาติ ใช้สมาธิบำ�บัดรักษาโรคมะเร็งที่สำ�นักปฏิบัติ
ธรรมสวนเวฬุวัน จ.ขอนแก่น โดยพระอาจารย์วิโรจน์ จกกฺวโร เป็น
เวลา ๑ เดือนเต็ม ระหว่างวันที่ ๑๕ มกราคม - ๑๕ กุมภาพันธ์
๒๕๕๑
เมือ่ ได้มาเข้าร่วมโครงการ รูส้ กึ มีความประทับใจเป็นอย่าง
มาก เพราะได้รบั ความรูม้ ากมายเกีย่ วกับโรคมะเร็ง พระอาจารย์วโิ รจน์
ท่านได้เชิญวิทยากรจากหลายแขนงมาบรรยายให้เราได้ทราบ มี
คุณหมอเอื้อมแข ซึ่งรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโรคมะเร็ง มาอธิบายให้เราได้
ทราบว่า โรคมะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร มีวิธีการรักษาอย่างไรได้บ้าง
ทำ�ให้เราได้รับรู้ข่าวสารของเรื่องมะเร็งได้เพิ่มขึ้น และอีกคนที่สำ�คัญ
เกี่ยวกับเรื่องอาหาร ก็คือ ดร.รสสุคนธ์ ท่านก็ได้ให้ความรู้ในเรื่อง
ของอาหารธรรมชาติอย่างแท้จริง ซึ่งแต่ละคนก็ไม่สามารถเชิญมาได้
ง่าย ๆ เลย แต่ก็มาให้กับโครงการนี้ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง นับว่า
เป็นบุญกุศลอย่างยิ่งสำ�หรับผู้เข้าร่วมโครงการ ทำ�ให้ข้าพเจ้ามีความ
ปลาบปลื้มยินดีเป็นอย่างยิ่งกับโครงการนี้เป็นที่สุด
ที่สำ�คัญที่สุดก็คือ พระอาจารย์วิโรจน์ จกฺกวโร ที่ได้สอน
การปฏิบัติธรรมให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ ที่ว่าสำ�คัญที่สุดก็เพราะถ้า
ขาดสิง่ นีเ้ พียงสิง่ เดียวก็ไม่สามารถทีจ่ ะรักษาโรคมะเร็งได้อย่างแน่นอน
นับเป็นขัน้ ตอนทีข่ าดเสียไม่ได้ เพราะถึงแม้วา่ จะได้รบั สารอาหารอย่าง
ดีแล้ว อากาศดีแล้ว แต่ถ้ายังมีความเครียดอยู่ ก็ไม่สามารถจะมีชีวิต
อยู่รอดได้ พระอาจารย์ท่านจึงได้ย้ำ�นักย้ำ�หนาว่า “จบโครงการแล้ว
ต้องนำ�ไปปฏิบัติตลอด ห้ามขาด”
ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ถึงแม้ดิฉันจะปฏิบัติแล้ว
ยังไม่ได้สมาธิมากเท่าไหร่กต็ าม แต่กถ็ อื ว่าได้รบั ผลของการปฏิบตั เิ พิม่
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๙๓
๒๙๔ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
ทัชพร ยาโพนทัน
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๙๕
๒๙๖ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๙๗
๒๙๘ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk. ๒๙๙
๓๐๐ กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อฉันหัดเดิน
Once upon a time, when I learn to walk.
สุฐิตา เลิศวนิชสุธา