Continuing Medical Education

CME 2 CREDITS

เวชปฏิบัµิในการรักษาโรคสิว: การรักษา*
John Sullivan, MBBS, FACD; Veronica Preda, BSc, MBBS
áปลáละเรียบเรียงâดย นพ.ประวิตร พิศาลบุตร (พ.บ. (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง),
Diplomate, American Board of Dermatology & American Subspecialty Board of Dermatological Immunology)
รหัÊกิ¨กรรม 3-3220-000-9304/101102

วัµ¶Ø»ระสงค์
เพื่อให้ทราบถึงแนวทางการรักษาโรคสิว ทั้งในแง่การใช้
ยาทาและยารับประทาน รวมทั้งผลแทรกซ้อนที่ต้องระวังใน
การใช้ยารักษาสิวเหล่านี้
รูปแบบµ‹า§æ ในการรักษาสิว
ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคสิวมาก ควรใช้แนวทางการรักษาที่
ได้ผลเร็วเพื่อช่วยลดการอักเสบซึ่งจะลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดแผล
เป็นถาวร การรักษาสิวนั้นอาจใช้แค่ยาทาหรือยารับประทาน หรือ
ใช้ทั้ง 2 อย่างร่วมกัน ในผู้ป่วยที่เป็นสิวชนิดไม่รุนแรง (mild acne)
อาจเลือกใช้ยาตัวเดียว (monotherapy) ได้ พบว่าการรักษาโรคสิว
โดยการใช้ยาปฏิชีวนะแม้ไม่มีฤทธิ์สลายคอมมีโดน (comedolytic
activity) โดยตรง แต่จากลักษณะทางคลินิกก็พบว่าผู้ป่วยมีจำานวน
คอมมีโดนน้อยลงเรื่อยๆ ส่วนยาทา retinoids, benzoyl peroxide
(BP) และ salicylic acid สามารถลดจำานวนรอยโรคที่อักเสบ รวม
ถึงลดสิวอุดตันทั้งชนิดสิวอุดตันหัวดำาและหัวขาว ผู้ป่วยที่เป็นโรคสิว
ชนิดรุนแรง (ดังผู้ป่วยในรูปที่ 1) ควรได้รับการรักษาด้วยยาที่มีฤทธิ์
ทัง้ ต้านการอักเสบและฆ่าเชือ้ แบคทีเรียร่วมกัน ร่วมกับยาทีอ่ อกฤทธิ์
สลายคอมมีโดน
สำาหรับสิวอักเสบทีใ่ บหน้าทีเ่ ป็นน้อยจนถึงปานกลาง พบว่าการ
ใช้ยาทาเพียงอย่างเดียวอาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการให้ยา
ปฏิชวี นะชนิดรับประทาน แต่ในกรณีเป็นสิวรุนแรงและเป็นชนิดแพร่
กระจาย อาจใช้ยาทาร่วมกับยาตัวอืน่ หรือร่วมกับยารับประทานเพือ่
ควบคุมอาการของสิวให้เร็วขึ้น
* º·¤ÇÒÁ¹Õàé »š¹µÍ¹·Õè 2 ¢Í§º·¤ÇÒÁàÃ×Íè § “àǪ»¯ÔºµÑ ãÔ ¹¡ÒÃÃÑ¡ÉÒâäÊÔÇ” ·Õµè ¾Õ ÁÔ ¾ã¹ÇÒÃÊÒà Medical Progress ©ºÑºàÁÉÒ¹ ¾.È.2552 (Medical Progress CME,
Vol.8 No.4) «Öè§ã¹µÍ¹·Õè 1 ¢Í§º·¤ÇÒÁ¡Å‹ÒǶ֧¡ÒÃÇÔ¹Ô¨©Ñ ¡ÒûÃÐàÁÔ¹¤ÇÒÁÃعáç áÅСÒôÙáżÔÇ˹ѧ
แนวทา§
รูปทÕè 1. Severe acne in a man in
การรักษาสิว his early 20s
โดยทั่วไปแล้ว
พบว่ า ผู้ ป่ ว ยโรคสิ ว
เพศหญิ ง ให้ ค วาม
ร่วมมือในการรักษาที่
ต้องทายาหลายๆ ตัว
ส่วนเพศชายนิยมใช้ Combination therapies, including systemic
ยาชนิ ด รั บ ประทาน treatments, are required to treat this patient’s
severely inflamed lesions and reduce the risk
มากกว่ า ยาทา ใน of further scarring. Such treatment will also
กรณีที่จำาเป็นต้องใช้ provide the basis for long-term control.
ยาทาร่ ว มด้ ว ยก็ มั ก
จะชอบยาที่ทาเพียงวันละครั้ง พบว่าเมื่ออาการของสิวดีขึ้นผู้ป่วย
มักขาดแรงจูงใจที่ต้องใช้ยาหลายขนาน จนเมื่อสิวกำาเริบขึ้นมาใหม่
จึงจะสนใจใช้ยาให้ครบ
ยารักษาสิว
ยารักษาสิวมีหลายกลุ่มดังแสดงในตารางที่ 1 โดยตารางนี้
จะอธิบายถึงสาเหตุที่บางครั้งจำาเป็นต้องใช้ยาบางกลุ่มร่วมกัน เช่น
การใช้ ย าทากลุ่ ม เรติ น อยด์ ร่ ว มกั บ ยาปฏิ ชี ว นะชนิ ด ทาหรื อ ชนิ ด
รับประทานในช่วง 6-12 สัปดาห์แรกของการรักษาช่วยคุมอาการ
ของสิวได้เร็วกว่าการใช้ยาทาเรตินอยด์เพียงอย่างเดียว เมือ่ พ้น 6-12
สัปดาห์แรกแล้วจึงอาจใช้แค่ยาทาเรตินอยด์เท่านั้น สำาหรับการใช้
ยารักษาสิวร่วมกันนัน้ ให้ดรู ายละเอียดเพิม่ เติมได้ในกรอบ Combi-
nation therapies for acne

Medical Progress CME / November 2010 41

Continuing Medical Education

ยาทารักษาสิว การทายารักษาสิว

ยาทารักษาสิวส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเจลหรือครีมที่ทาทิ้งไว้ โดยทั่วไปแพทย์ควรแนะนำาผู้ป่วยว่า หลังทำาความสะอาด

(leave-on) รายละเอียดของกลุม่ ยาทารักษาสิวชนิดทีเ่ ป็นน้อยจนถึง ใบหน้าและซับหน้าให้แห้งแล้วควรรอประมาณ 10-15 นาทีจงึ ทายา
ปานกลางแสดงในตารางที่ 2 รักษาสิว เพราะการทายารักษาสิวขณะที่ผิวหนังยังเปียกชื้นอยู่อาจ

µารา§ทÕè 1. Therapeutic groups of acne treatments*

Group Examples Beneficial actions Comedonal Inflammatory Onset and time
acne acne to maximum
clinical benefits
Cleansers Surfactants (eg, sodium Remove oils (solubilize 3 3 1 to 2 weeks
lauryl sulfate) sebum), debris, bacteria
Antibacterials and Reduce bacterial numbers 3 3 1 to 6 weeks
antiseptics
Salicylic acid Solubilizes sebum +/- +/- Days to weeks
Comedolytic
Antibiotics Benzoyl peroxide Comedolytic and prevents 3 3 Hours to days to
and comedone formation 6 weeks
antibacterials Anti-inflammatory
Salicylic acid microgel Solubilizes sebum 3 3 3 Hours to days to
complex Comedolytic and prevents 6 weeks
comedone formation
Antimicrobial
Anti-inflammatory
Topical: clindamycin, Anti-inflammatory 3 3 3 1 to 6 weeks
erythromycin Antimicrobial
Systemic: tetracyclines, Reduce comedone
macrolides, sulfonamides formation
Retinoids Topical: adapalene, Comedolytic and prevent 3 3 3 4 to 12 weeks
isotretinoin, tazarotene, comedone formation
tretinoin Anti-inflammatory
Even out pigment changes
and reduce scarring
Systemic: isotretinoin As for topical retinoids, and 3 3 3 3 3 4 to 16 weeks
markedly reduces sebum
production and, indirectly,
Propionibacterium acnes
Can induce prolonged
remissions
Hormones Some combined oral Reduce and alter sebum 3 3 3 3 12 to 36 weeks
contraceptives production, reduce keratin
Spironolactone plug formation and, 3 3 8 to 12 weeks
indirectly,
P acnes numbers
*Over-the-counter anti-acne products contain a range of ‘active’ ingredients not mentioned in this table. Peer-reviewed literature supporting the efficacy of these ingredients is generally lacking, and
their discussion is beyond the scope of this article.

42 Medical Progress CME / November 2010

ทำาให้ผิวระคายเคืองง่ายขึ้น ควรทาครีม เจล หรือโลชันรักษาสิว
ทัว่ ทัง้ บริเวณทีเ่ ป็น เพราะยาทาเหล่านีน้ อกจากจะรักษาสิวอักเสบที่
เป็นอยู่แล้ว ยังป้องกันไม่ให้เกิดสิวอักเสบขึ้นมาใหม่อีกด้วย
ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษา การใช้ยาทาปฏิชีวนะ BP หรือ
ยาทาต่างชนิดร่วมกันมักทำาให้สวิ อักเสบทุเลาลงได้เร็ว (มักเริม่ เห็นผล
ในเวลาเป็นชั่วโมงหรือวัน) การรักษาในกรณีของสิวที่เป็นน้อยจนถึง
ปานกลางใช้เวลานาน 6-12 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการตอบสนองและ
ความทนทานต่อการใช้ยา (ตารางที่ 2) ในกรณีทมี่ กี ารอักเสบไม่บอ่ ย
นักอาจให้การรักษาแบบเป็นช่วงๆ แต่ถ้ามีการอักเสบบ่อยอาจให้
การรักษาต่อเนือ่ งเป็นระยะเวลายาวด้วยยาทา BP หรือเรตินอยด์ ใน
การรักษาสิวนั้นถ้าเป็นยาทา BP หรือยาปฏิชีวนะต้องใช้ต่อเนื่องกัน
อย่างน้อย 6 สัปดาห์ และถ้าเป็นยาทาเรตินอยด์ควรใช้ต่อเนื่องกัน
นาน 3 เดือน จึงประเมินผลว่าการรักษาได้ผลหรือไม่
การป้องกันปัญหาจากการรักษาสิว
พบว่ายาทา BP และ salicylic acid มักก่อให้ผวิ เกิดระคายเคือง
(แดง แห้ง และ/หรือลอก) ทั้งยาทา BP และเรตินอยด์ทำาให้ผิวไว
ต่อแสงมากขึ้น (รูปที่ 2) สำาหรับรายละเอียดเพิ่มเติมของการใช้ BP
และ salicylic acid
รูปทÕè 2. Skin irritation, cheilitis
and desquamation in a patient
ในการรักษาสิวตาม
taking systemic isotretinoin กรอบ Benzoyl
peroxide vs sali-
cylic acid micro-
gel complex as
acne treatments
ควรแนะนำ า
ให้ผู้ป่วยทายา BP
และเรตินอยด์ก่อน
นอนเพื่ อ ลดการ
ระคายเคือง โดย
This reaction occurs in 15 to 20% of patients ทายาบางๆ และ
prescribed topical retinoids and/or benzoyl
peroxide but can be minimized or prevented หลีกเลีย่ งการทาใน
by introducing these therapies gradually,
together with gentle skin care measures บริเวณรอบดวงตา
and/or a topical or systemic antibiotic. Sun ร่องจมูก และรอบ
protection and avoidance measures are also
important as these therapies increase skin ริมฝีปาก ในผู้ที่มี
sensitivity to sunlight.
ประวัตผิ วิ ไวต่อการ
Medical Progress CME / November 2010
µารา§ทÕè 2. Topical medicated therapies for mild to
moderate facial acne
Minimal or mild acne
• Benzoyl peroxide 2.5 to 5% cream or gel nightly
• Salicylic acid microgel complex (gel or leave-on wipes) twice daily
• Azelaic acid-not routinely used
Mild to moderate acne or inadequate response to above after 6
weeks
• Retinoid cream or gel second-nightly for three weeks then nightly:
- Adapalene 0.1% cream or gel
- Isotretinoin 0.05% gel
- Tazarotene 0.05% (increasing to 0.1% if inadequate) cream
- Tretinoin 0.05% (increasing to 0.1% if still inadequate) cream
or gel
- Benzoyl peroxide 5% plus clindamycin 1% combination gel
nightly*
- Benzoyl peroxide 4 or 5% cream or gel nightly in combination
with an antibiotic, either erythromycin 2% gel or clindamycin 1%
lotion, each morning*
- Benzoyl peroxide 4 or 5% cream or gel twice daily (for patients
with oily non-sensitive skin)
Rapid control of inflammatory acne
Consider an initial combination with a topical antibiotic:
• Retinoid nightly, and erythromycin 2% gel or clindamycin 1% lotion
each morning or twice daily*
• Benzoyl peroxide 5% plus clindamycin 1% combination gel nightly*
• Benzoyl peroxide 4 or 5% nightly, and erythromycin 2% gel or
clindamycin 1% lotion each morning or twice daily*
• Salicylic acid microgel complex twice daily, and erythromycin 2%
gel or clindamycin 1% lotion each morning or twice daily*
*Once good control has been achieved (usually after 6 to 12 or more weeks of treatment),
consider stopping the antibiotic and relying on retinoid or benzoyl peroxide monotherapy
for maintaining control. Subsequent flares can then be managed by reinitiating the same
antibiotic combination (again usually for 6 to 12 weeks) until good control is re-established.
Topical antibiotics can be used once or twice daily in combination with benzoyl peroxide
and retinoids. The combination product Duac is more effective and better tolerated than its
separate products.
ระคายเคืองในช่วง 3-4 สัปดาห์แรกของการทายาอาจทายาคืน
เว้นคืน ต่อมาจึงเพิ่มเป็นทาทุกคืน ถ้าเริ่มมีการระคายเคืองอาจลด
การทายากลับมาเป็นคืนเว้นคืนตามเดิม แม้วา่ อาจทา BP ได้วนั ละ 2
ครัง้ แต่พบบ่อยว่าการทา BP เกินวันละครัง้ มักทำาให้ผวิ ระคายเคือง
นอกจากนัน้ ตัวยา BP จะฟอกสีผม เสือ้ ผ้า ผ้าเช็ดตัว และผ้าปูทนี่ อน
จึงควรทายาอย่างน้อย 30 นาทีกอ่ นเข้านอน (แต่ในประเทศไทยและ
ประเทศสหรัฐอเมริกา แพทย์ผิวหนังนิยมให้ทายา BP ทิ้งไว้นาน
5-10 นาทีก่อนล้างหน้าตอนเช้าและเย็น หรือตอนเย็นอย่างเดียว
43
Continuing Medical Education
µารา§ทÕè 3. Systemic antibiotic acne therapies
Moderate facial acne failing topical therapy and/or widespread
mild to moderate acne
• First-line therapy: doxycycline 50 to 100 mg nightly
If above not tolerated or contraindicated consider:
• Second-line therapy: erythromycin 250 mg twice daily or
roxithromycin 150 mg nightly
• Third-line therapy: minocycline 50 to 100 mg nightly
Moderate to severe facial acne and/or widespread acne failing to
respond sufficiently to a 6-week trial of above
• First-line therapy: doxycycline 150 to 200 mg daily (in larger
males)
If above not tolerated or contraindicated consider:
• Second-line therapy: erythromycin 500 mg twice daily or
roxithromycin 300 mg nightly
• Third-line therapy: minocycline 100 mg nightly or trimethoprim
160 mg plus sulfamethoxazole 800 mg twice daily
Significant facial acne and/or insufficient facial response to above
Combine systemic antibiotic and a topical therapy:
• Retinoid: adapalene 0.1% cream or gel, isotretinoin 0.05% gel,
tazarotene 0.1% cream, tretinoin 0.05% or 0.1% cream or gel
nightly*
• Benzoyl peroxide 4 to 5% cream or gel nightly*
• Salicylic acid microgel complex twice daily*
*Once good control has been achieved (after usually 6 to 12 or more weeks of treatment),
consider stopping the antibiotic and relying on retinoid or benzoyl peroxide monotherapy
for maintaining control. Subsequent flares can then be managed by reinitiating the same
antibiotic combination (again usually for 6 to 12 weeks) until good control is re-established.
Topical antibiotics can be used once or twice daily in combination with benzoyl peroxide
and retinoids. The combination product stiefel is more effective and better tolerated than its
separate products.
และทาเรตินอยด์ก่อนนอน นอกจากนั้นการทา BP และเรตินอยด์
พร้อมกัน BP จะขัดขวางการออกฤทธิ์ของเรตินอยด์ - ผู้เรียบเรียง)
ถ้าทายา BP หรือเรตินอยด์แล้วมีการระคายเคือง ควรแนะนำา
ให้ผู้ป่วยรออย่างน้อย 30 นาทีหลังล้างหน้าจึงเริ่มทายา อาจให้
ผู้ป่วยทายาในปริมาณที่น้อยลงหรือทายาวันเว้นวันจนกว่าอาการผิว
ระคายเคืองดีขึ้น อาจใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นชนิดที่ไม่ก่อคอมมีโดน
(non-comedogenic) ร่วมด้วย โดยทาทับยารักษาสิว
การเปลี่ยนการรักษา
ในกรณีที่ใช้ยาทารักษาสิวแล้วไม่ได้ผล ก่อนเปลี่ยนการรักษา
ต้องพิจารณาโดยถี่ถ้วนก่อน เพราะการรักษาที่ไม่ได้ผลอาจเกิดจาก
การที่ผู้ป่วยไม่ใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง หรือเกิดจากผลแทรกซ้อนจาก
การใช้ยา เช่น การระคายเคือง
44
การใช้ยารับประทานรักษาสิว
ยารับประทานที่ใช้รักษาสิว ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ เรตินอยด์
ยาคุมกำาเนิดชนิด combined oral contraceptives (COCs),
spinorolactone และ metformin สำาหรับการรักษาสิวชนิดที่เป็น
รุนแรงและแพร่กระจายอาจใช้ยารับประทานร่วมกับยาทา
การให้ ย าปฏิ ชี ว นะชนิ ด รั บ ประทานอาจจั ด เป็ น การรั ก ษา
อันดับแรก (first-line) ในผู้ป่วยเพศชายที่มักชอบรับประทานยา
มากกว่าการทายา ส่วนในเพศหญิงต้องระวังยารักษาสิวที่มีผลต่อ
ทารกในครรภ์ เช่น ยารับประทาน tetracyclines และเรตินอยด์
นอกจากนัน้ การใช้ยาปฏิชวี นะชนิดรับประทานในผูป้ ว่ ยเพศหญิงอาจ
ทำาให้เกิดโรคเชื้อยีสต์ในช่องคลอด (vaginal candidiasis)
ยารับประทานปฏิชีวนะรักษาสิว
ในประเทศออสเตรเลียแพทย์นิยมสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะชนิด
รับประทานเพือ่ รักษาสิวเป็นคอร์ส 6 สัปดาห์, 3 เดือน หรือ 6 เดือน
และอาจให้ ผู้ ป่ ว ยมารั บ ยาเดิ ม ได้ ในกรณี ที่ ใ ห้ ย าปฏิ ชี ว นะชนิ ด
รับประทานเพียงตัวเดียวแล้วพบว่าการตอบสนองของสิวไม่ดพี อ อาจ
ให้ยาเดิมในขนาดยาที่สูงขึ้น หรืออาจเลือกใช้ยาปฏิชีวนะตัวใหม่
ตารางที่ 3 แสดงรายการยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานที่ใช้รักษา
โรคสิว ในเพศหญิงอาจพิจารณาการรักษาด้วยฮอร์โมนร่วมด้วย ยา
ปฏิชีวนะ (ทั้งชนิดทาและชนิดรับประทาน) มักออกฤทธิ์ร่วมกับการ
ใช้ยาทา BP และเรตินอยด์ทาำ ให้คมุ อาการสิวอักเสบทีใ่ บหน้าได้ดขี นึ้
พบว่าเชื้อโรคที่ทำาให้เกิดสิวอักเสบคือ P. acnes ดื้อต่อยา
erythromycin ชนิดรับประทานได้บอ่ ยกว่ายาปฏิชวี นะชนิดรับประทาน
ตัวอืน่ อย่างไรก็ตามการใช้ยา erythromycin ชนิดรับประทานยังนิยม
ใช้ในหญิงมีครรภ์ที่มีสิวกำาเริบ และ/หรือในผู้ป่วยเพศหญิงที่เป็นสิว
ที่อาจตั้งครรภ์ระหว่างการรักษาได้
ในการรักษาด้วยยา doxycycline ชนิดรับประทานนัน้ อาจพบ
การแพ้ยาชนิด fixed drug eruption ได้ โดยอาจเกิดขึน้ รวดเร็วมาก
ในเวลาไม่กชี่ วั่ โมงหลังรับประทานยา พบบ่อยทีส่ ดุ ทีใ่ บหน้า (รูปที่ 3)
หรือขาหนีบ ไม่ควรใช้ยา minocycline และ sulfonamide เป็นยา
รับประทานรักษาสิวอันดับแรก (first-line therapy) เพราะอาจ
มีโอกาสเกิดการแพ้ยาอย่างรุนแรงได้บ่อย (รูปที่ 4) คือพบ drug
hypersensitivity syndrome และในกรณีของยา sulfonamide ยัง
ก่อให้เกิด Stevens-Johnson syndrome และ toxic epidermal
Medical Progress CME / November 2010
necrolysis ด้วย ทั้งนี้ยา minocycline ยังทำาให้เกิด delayed P. acnes จะดือ้ ยาปฏิชวี นะ ดังนัน้ ในการรักษาสิวทีต่ อ่ เนือ่ งกันนาน
reactions (ทีเ่ กิดหลังได้ยานานเป็นเดือนหรือเป็นปี) คือพบผิวเปลีย่ น แพทย์ควรพิจารณาเป็นระยะๆ ว่าเกิดการดื้อยาหรือไม่ พบว่ายา
สีเป็นสีเทา-น้ำาเงิน (blue-grey pigmentation) ตรงตำาแหน่งที่เป็น ทา BP ช่วยลดการดื้อยาปฏิชีวนะลงได้ ในผู้ป่วยที่ทนยา BP ได้จึง
สิวและรอยแผลเป็นสิว และอาจก่อให้เกิด drug-induced lupus อาจให้ยาปฏิชวี นะร่วมกับยาทา BP ในกรณีทผี่ ปู้ ว่ ยทนยา BP ไม่ได้
(ที่มีลักษณะคาบเกี่ยวกับ polyarteritis nodosa) นอกจากนั้นยา อาจให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาทา salicylic acid
minocycline ยังอาจก่อให้เกิด benign intracranial hypertension นอกจากนั้นในกรณีของผู้ป่วยสิวที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ หากเป็น
ดั ง นั้ น เ นื่ อ ง จ า ก สิวน้อยถึงปานกลางอาจให้การรักษาด้วยฮอร์โมนในเพศหญิง และ
รูปทÕè 3. A fixed drug eruption การใช้ ย า mino- ให้ยา isotretinoin ชนิดรับประทานในผูป้ ว่ ยเพศชายและหญิงที่เป็น
due to doxycycline therapy in a
17-year-old male cycline ยังมีความ สิวรุนแรงมาก และในเพศชายที่เป็นสิวรุนแรงน้อยจนถึงปานกลาง
เสี่ยงต่อการเกิดผล
แ ท ร ก ซ้ อ น สู ง จึ ง ยาเรµินอยดชนิดรับประทาน
ไม่ ค วรใช้ ย าตั ว นี้ ยา isotretinoin ชนิดรับประทานมีความเสี่ยงสูงมากเพราะ
ในขนาดที่ สู ง เกิ น ทำาให้ทารกในครรภ์พิการได้ ยาตัวนี้ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ผิวหนัง
กำาหนด เท่านั้น ในเพศหญิงจึงอาจพิจารณาทางเลือกอื่นคือ การให้ยาคุม
กำาเนิด (COC pills) เพื่อรักษาสิว ยา isotretinoin มีประโยชน์
¡Òô×éÍÂÒ»¯ÔªÕǹРอย่างยิ่งในการรักษาสิวที่เป็นรุนแรงมาก และยังมีประโยชน์ในการ
The red, irritable, round or oval raised plaques เนื่องจากการ รักษาทีด่ อื้ ต่อการรักษาอืน่ รวมทัง้ ใช้ในการรักษาสิวทีอ่ าจก่อแผลเป็น
usually become evident and/or noticeably ใช้ยาปฏิชวี นะมีสว่ น ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เมื่อใช้การรักษาอื่นแล้วไม่ได้ผล
worsen within hours of taking doxycycline. They
most commonly occur on the face or groin สำาคัญในการรักษา
area, and can occasionally develop a central
blister. The eruption settles within weeks of สิ ว เพราะออกฤทธิ์ Combined oral contraceptives
stopping therapy but can sometimes cause
hyperpigmentation that can take months to ทั้ ง ต้ า นการอั ก เสบ ยาคุมกำาเนิด combined oral contraceptives (COC pills)
fade. Fading of hyperpigmentation on the face และฆ่าเชือ้ แบคทีเรีย ทีน่ าำ มาใช้รกั ษาสิวมีสว่ นผสมของ cyproterone acetate, desoges-
can be quickened by acne treatments such as
topical tretinoin. จึ ง มี โ อกาสที่ เ ชื้ อ trel, dienogest, drospirenone, gestodene หรือ levonorgestrel

รูปทÕè 4a to c. Minocycline hypersensitivity syndrome in a 16-year-old male after 10 weeks of minocycline therapy

Features included a fever, sore throat, cervical lymphadenopathy, malaise, shortness of breath, a puffy swollen head and neck with erythema,
pustules and erosion on the face (a, left), a skin eruption including diffuse truncal erythema and scale (b, centre), along with prominent hand
and foot involvement with tender erythematous swelling that resolved with significant peeling and desquamation (c, right). There was associated
hepatitis and pneumonitis. Complete resolution of symptoms took 12 weeks.

Medical Progress CME / November 2010 45

Continuing Medical Education

ในกรณีของผู้ป่วยเพศหญิงที่เป็นสิวรุนแรงมาก พบว่าการให้
µารา§ทÕè 4. Combined oral contraceptive pills useful
in acne COC ทีม่ สี ว่ นผสมของ cyproterone (ทีเ่ ป็น anti-androgenic และ
เป็น COC รุ่นที่ 4) มีประโยชน์มาก รวมทั้งผู้ป่วยที่เป็น polycystic
Progestogen Estrogen COC generation
ovarian disease ร่วมด้วย แต่ยาตัวนีเ้ พิม่ อัตราเสีย่ งต่อการเกิดภาวะ
Cyproterone Ethinylestradiol 4th
acetate 2 mg* 35 µg หลอดเลือดดำาอุดตัน ดังนั้นในผู้ป่วยสิวที่เป็นไม่มากนักอาจให้ COC
Levonorgestrel 100 Ethinylestradiol 2nd รุ่นที่ 2 ที่มีทั้ง levonorgestrel และ estrogen ในปริมาณต่ำา ส่วน
µg* 20 µg COC รุน่ ที่ 3 และ spironolactone derivative COC เหมาะสำาหรับ
Dienogest 2 mg Ethinylestradiol 3rd ผู้ป่วยเพศหญิงที่ต้องการ estrogen ในขนาดสูง
30 µg
Drospirenone 3 mg Ethinylestradiol Spironolactone
30 µg analogue ยา spironolactone
Desogestrel 150 Ethinylestradiol 3rd ยา spironolactone เป็นสเตียรอยด์สังเคราะห์ที่มีฤทธิ์ขับ
µg 30 µg ปัสสาวะอย่างอ่อน มักใช้ร่วมกับ COC ในผู้ป่วยสิวที่มี seborrhea
Gestodene 75 µg Ethinylestradiol 3rd และ/หรือ hypertrichosis ขนาดที่ใช้ปกติคือ 50-100 มก./วัน
30 µg
*Reasonably good quality controlled trials have shown that cyproterone and low-dose
นาน 6-9 เดือน ควรเตือนผู้ป่วยให้ระวังการเกิดความดันโลหิตต่ำา
levonorgestrel-containing products have benefits in acne over comparator third-generation
COCs. The benefits are greatest for cyproterone. Placebo-controlled trials have shown ในคนที่มีน้ำาหนักน้อย อาจลดขนาดยาลงเหลือวันละ 25-50 มก.
benefits in acne for all third-generation progestogens and the ‘spironolactone analogue’
drospirenone. ตามความเหมาะสม
การรักษาโรคสิวด้วยฮอร์โมนนั้น แพทย์ควรศึกษาวิธีการใช้
ขนาดต่ำา (100 มคก.) ที่เป็น progestogen (ตารางที่ 4) โดยทั่วไป ยา ซักประวัติ และตรวจร่างกายโดยละเอียด รวมถึงควรปรึกษา
แล้วยาคุมกำาเนิดชนิดฝัง (implantable contraceptives) ทำาให้สิว สูตินรีแพทย์และอายุรแพทย์ตามความเหมาะสม
เลวลง
แพทย์อาจพิจารณาเลือกใช้การรักษาด้วยฮอร์โมนเพื่อคุมสิว ยา metformin และการลดน้ำาหนัก
ในระยะยาวในผู้ป่วยเพศหญิงที่เป็นสิวชนิดที่มักเป็นซ้ำาตั้งแต่น้อย มีการศึกษาพบว่าการรักษาสิวด้วยการลดน้ำาหนัก และ/หรือ
จนถึงมาก การรักษาด้วยฮอร์โมนมักได้ผลช้า พบบ่อยว่ามักเริ่มเห็น ให้ยา metformin เป็นเวลา 6 เดือนได้ผลคล้ายคลึงกับการรักษา
ผลเมื่อได้ยานานถึง 3 เดือนหรือมากกว่านั้น และมักได้ผลเต็มที่ใน ด้วย COC ที่มีส่วนผสมของ cyproterone โดยการศึกษานี้ให้ยา
ระยะ 6-9 เดือน metformin 500 มก.วันละ 2 ครั้งในช่วง 3 เดือนแรก ต่อมาเพิ่ม
การให้การรักษาด้วย COC ร่วมกับยาทารักษาสิวในช่วง 2-3 ขนาดยาเป็น 1,000 มก.วันละ 2 ครั้ง พบว่านอกจากอาการสิวดีขึ้น
เดือนแรกของการให้ COC จะช่วยให้การรักษาสิวทีใ่ บหน้าออกฤทธิ์ แล้ว ยา metformin และการลดน้ำาหนักยังช่วยลดภาวะ insulin
ได้เร็วขึ้น และมีผลควบคุมสิวในระยะยาวนานขึ้นกว่าการให้ COC resistance และลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ที่สัมพันธ์กับ
แต่เพียงอย่างเดียว นอกจากนั้นการให้ COC ร่วมกับยาปฏิชีวนะ โรคอ้วน ทั้งนี้อาจใช้ยา merformin ร่วมกับยาทารักษาสิว และอาจ
ชนิดรับประทานในช่วง 3-6 เดือนแรกก็ช่วยควบคุมอาการกำาเริบ ใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานรักษาสิวได้
ของสิวได้เร็วกว่า การให้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานร่วมกับ COC
ไม่พบว่ามีผลต่อการคุมกำาเนิด อย่างไรก็ตามในฉลากยาของ COC การµั้§ครรภ์และโรคสิว
ได้ระบุวา่ การให้ COC ร่วมกับยาปฏิชวี นะชนิดรับประทานอาจทำาให้
ผลการคุมกำาเนิดของ COC ลดน้อยลง จึงควรแจ้งให้ผู้ป่วยทราบ ผู้ป่วยที่เป็นสิวและเป็น polycystic ovarian syndrome ที่
โอกาสเสี่ยงนี้ และผู้ป่วยอาจจำาเป็นต้องได้รับการคุมกำาเนิดวิธีที่ 2 ประสงค์จะตั้งครรภ์มักได้ประโยชน์เพิ่มเติมจากการรับประทานยา
ในช่วงที่ได้รับยาร่วมกันนี้ metformin เพราะยาตัวนี้ทำาให้สิวดีขึ้นและช่วยในแง่การเจริญพันธุ์

46 Medical Progress CME / November 2010

ในขณะที่ส่วนใหญ่แล้วการรักษาต่างๆ ที่ต้องการช่วยให้ตั้งครรภ์ซึ่ง
รวมทั้ง in vitro fertilization มักทำ�ให้สิวเลวลงชั่วคราว
ผู้ป่วยสิวที่สัมพันธ์กับฮอร์โมน (hormonal acne) มักมีสิว
กำ�เริบช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ แต่หลังจากนั้นสิวมักดีขึ้น
อย่างรวดเร็วและมักหายไปในไตรมาสสุดท้าย พบว่าการให้นมบุตร
มักทำ�ให้สิวกลับมาเป็นซ้ำ�ช้าลง ผู้ป่วยเพศหญิงหลายรายที่เป็น
สิวเรื้อรังสังเกตว่าสิวมักเป็นน้อยลงหรือหายไปในการตั้งครรภ์ครั้ง
ต่อๆ ไป
ยารักษาสิวที่จัดว่าปลอดภัยในกรณีที่ตั้งครรภ์ ได้แก่
- Benzoyl peroxide
- Erythromycin (ทั้งรูปแบบยาทาและยารับประทาน)
- Clindamycin
- Azelaic acid
ยารักษาสิวที่ห้ามไม่ให้ใช้ในสตรีที่มีโอกาสตั้งครรภ์ ได้แก่
- ยา isotretinoin ชนิดรับประทาน
- Tetracyclines (doxycycline และ minocycline)
- Spironolactone
- ยาทาเรตินอยด์ทั้งรูปแบบครีมและเจล
ยา isotretinoin ชนิดรับประทานเป็นยารักษาสิวที่มีผลทารก
วิรปู ทีพ่ สิ จู น์แล้วว่าทำ�ให้เสีย่ งต่อการเกิดทารกพิการ ในกรณีทผี่ ปู้ ว่ ย
รับประทานยาตัวนี้แล้วสงสัยว่าตั้งครรภ์ต้องหยุดยาทันที และควร
ทดสอบการตั้งครรภ์ หากตั้งครรภ์จริงต้องแจ้งตจแพทย์ผู้สั่งจ่ายยา
เพือ่ การปรึกษาและส่งต่อสูตนิ รีแพทย์เพือ่ พิจารณาการทำ�แท้ง ดังนัน้
จึงห้ามไม่ให้ใช้ยา isotretinoin ในผู้หญิงที่คิดจะตั้งครรภ์หรือกำ�ลัง
ตั้งครรภ์อยู่ โดยต้องหยุดยาครบ 1 เดือนจึงตั้งครรภ์ได้โดยปลอดภัย
ต้องไม่ให้ยานี้ขณะให้นมบุตร ต้องไม่บริจาคโลหิตระหว่างรับยา ไม่
นำ�ยาไปแจกจ่ายผู้อื่น และต้องใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์โดย
เคร่งครัดเท่านั้น (ในสหรัฐอเมริกาสตรีวัยเจริญพันธุ์ต้องคุมกำ�เนิด
ก่อนรับยา 1 เดือน และต้องทำ�ตรวจการตัง้ ครรภ์ 2 ครัง้ จึงเริม่ ให้ยา
ได้ และต้องทำ�ตรวจครรภ์ซ้ำ�ทุกเดือนระหว่างรับยา - ผู้เรียบเรียง)
ผูต้ งั้ ครรภ์ทไี่ ด้รบั ยา isotretinoin มีโอกาสเกิดทารกวิรปู สูงถึงร้อยละ
25-30 ความผิดปกติของทารกที่พบบ่อยคือ ที่กะโหลกและใบหน้า
หัวใจ ระบบประสาทส่วนกลาง และต่อมไทมัส แม้ว่าจะมีการเตือน
ถึงอันตรายข้อนีอ้ ยูเ่ สมอก็ยงั พบว่ายังมีการตัง้ ครรภ์เกิดขึน้ 3.4 ครัง้ /
1,000 คอร์สของการรักษาด้วยยา isotretinoin ยาตัวนี้ต้องสั่งจ่าย
โดยตจแพทย์ และควรให้ผปู้ ว่ ยเซ็นรับทราบ แต่ส�ำ หรับประเทศไทย
Medical Progress CME / November 2010
เป็นที่น่าวิตกว่ายานี้สามารถหาซื้อได้ทั่วไปโดยไม่ผ่านแพทย์
ในกรณีทผี่ หู้ ญิงทีร่ บั ประทานยา spironolactone แล้วตัง้ ครรภ์
ต้องหยุดยาทันที ถ้ารับประทานยาตัวนี้ในช่วง 2-3 เดือนแรกของ
อายุครรภ์ ยาตัวนี้ไม่น่ามีผลเสียใดๆ แต่ถ้าได้รับยาตัวนี้ในช่วง 2-3
เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์จะมีผลต่อพัฒนาการของทารกใน
ครรภ์เพศชายทำ�ให้มีลักษณะเพศหญิง (feminization) ส่วนยากลุ่ม
tetracyclines มีผลต่อกระดูกและฟันของทารกในครรภ์ จึงห้าม
ไม่ให้หญิงมีครรภ์รับประทาน และไม่ให้ใช้ในเด็กอายุต่ำ�กว่า 8 ปี
(บางตำ�ราระบุว่าห้ามใช้ในเด็กอายุต�่ำ กว่า 13 ปี หรือจนกว่าจะมี
ฟันแท้ขึ้นครบ)
การรักษาสิวในอนาคต
ปั จ จุ บั น มี ก ารศึ ก ษาและวิ จั ย เรื่ อ งการใช้ เ ลเซอร์ แ ละการ
ฉายแสงรักษาสิวกันมาก แต่ก็ยังไม่ใช่วิธีหลักทั่วไปที่ใช้รักษาสิวกัน
ในขณะนี้ เพราะมักมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และข้อมูลบางด้านอาจยังไม่
เพียงพอ การฉายแสงและใช้เลเซอร์รักษาสิวที่มีการศึกษาและเริ่ม
ใช้รักษาสิวในขณะนี้ เช่น
การฉายแสงสีน้ำ�เงิน (blue light therapy) แสงช่วงคลื่น
เฉพาะนี้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว เนื่องจากแสงสีน้ำ�เงินที่
ฉายออกมาไม่มีส่วนผสมของรังสียูวีจึงไม่ทำ�ให้ผิวหนังได้รับอันตราย
การรักษาด้วยวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวอักเสบธรรมดา แต่ถ้าเป็นสิว
อักเสบมากชนิดเป็นถุงซิสต์ที่เรียกว่าสิวหัวช้างก็ใช้ไม่ได้ผล
การฉายพลังงานแสงและความร้อน (light and heat energy)
เชื่อว่าการใช้พลังงานแสงและความร้อนจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลด
การทำ�งานของต่อมไขมัน โดยทำ�ให้ต่อมไขมันหดตัวลง
Photodynamic therapy เช่น การทา aminolevulinic acid
(ALA) ร่วมกับการฉายแสง มีการใช้สารละลาย ALA (5-aminole-
vulinic acid) ทาผิวหนัง สารละลายตัวนี้ท�ำ ให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น
หลังจากทายา 15-60 นาที (ระยะเวลาขึ้นกับความรุนแรงของสิว)
จะเช็ดยาออกและฉายแสง
การใช้เทคนิค ELOS คือใช้พลังงานแสง (intense pulse
light; IPL) ร่วมกับคลืน่ วิทยุ (radiofrequency; RF) รักษาสิวอักเสบ
โดยที่คลื่นแสงฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิว และคลื่นแสง
ร่วมกับคลื่นวิทยุยังลดการทำ�งานของต่อมไขมัน ทำ�ให้ผลิตไขมันซึ่ง
เป็นต้นเหตุของสิวน้อยลง รวมทั้งยังช่วยให้การสมานผิวเกิดเร็วขึ้น
47
Continuing Medical Education
Combination therapies for acne
Topical acne treatments alone can be surprisingly effective for
controlling localized facial acne. However, combination therapy
(a topical therapy with another topical therapy, or a topical
therapy with a systemic therapy) is a consideration in certain
patients. These patients are those who have more severe, deep,
widespread and inflammatory acne and those who fail to respond
to or tolerate topical therapy. The combinations increase the
treatment benefits and also help reduce the side effects of each
agent.
Examples of combination therapies
• For rapid control of an inflammatory acne facial flare, consider
combination therapy of a topical or systemic antibiotic with
topical benzoyl peroxide, retinoid and/or salicylic microgel
complex.
• Benzoyl peroxide has been shown to increase the
effectiveness of erythromycin and clindamycin and can even5
restore the antibiotic sensitivity of the bacterium concerned.
Separate benzoyl peroxide and antibiotic creams or gels
or the combination product of benzoyl peroxide 5% plus
clindamycin 1% can be used. The simplicity of use and the
better tolerability of the combination product, which has been
formulated to protect against benzoyl peroxide irritation in all
but the most sensitive skin, have been associated with greater
adherence, higher patient preference and successful nightly
application in most patients.4
• Several trials support the practice of combining a topical
retinoid (particularly adapalene and tazarotene) with a topical
antibiotic when initiating treatment for inflammatory facial acne.
This combination produces clinically significant benefits over
either product alone, including faster onset of benefits, a
greater reduction in acne lesion count and a lower incidence
of irritation. The lower irritancy of the combination allows most
patients to tolerate nightly retinoid use from day one.4
การใช้ไดโอดเลเซอร์ (diode laser) มีการศึกษาการใช้
1450-nm diode laser ในการรักษาสิว
การใช้เพาส์ดายเลเซอร์ (pulsed dye laser)
อย่างไรก็ตามการใช้การฉายแสงและเลเซอร์รักษาสิวนั้นยัง
ไม่จัดว่าเป็นการรักษาสิวในลำาดับแรก เพราะยังมีค่าใช้จ่ายสูง ผล
การศึกษายังไม่มากพอว่าได้ผลดีแค่ไหน และผลการรักษาอยู่ได้
นานแค่ไหน
สรุป
ผู้สนใจในแนวทางการรักษาสิวอาจหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก
www.allaboutacne.com.au
A list of references can be obtained upon request to the editor.
48
Benzoyl peroxide vs salicylic acid microgel complex
as acne treatments
Before a recent series of industry-sponsored trials comparing
benzoyl peroxide and salicylic acid microgel complex, acne
treatment studies classically only reassessed acne severity after
a week of therapy. This recent series is one of the first to
answer a very important question for patients: how quickly do
the different acne treatments result in visible improvements in
inflammatory acne lesions?6,7
Both benzoyl peroxide and salicylic acid microgel complex
work quickly. When used twice a day, they resulted in over
50% of subjects reporting an improvement in their inflammatory
acne lesions within 8 hours of starting treatment. By 8 hours,
clinically significant improvement was observed in over 75% of
treated lesions (clinician assessed). Improvement over placebo
continued to the seventh day, and regular use maintained this
reduction in inflammatory papules and pustules. The salicylic
acid microgel complex was slightly better in improving the
less inflammatory acne6,7lesions, including open comedones and
dilated plugged pores.
Skin irritation
These sponsored trials also emphasised the importance of
implementing strategies that help avoid skin irritation side
effects when starting topical benzoyl peroxide therapy. Many
patients interpret skin irritation due to a topical treatment
as failure of the treatment to improve their acne and/or the
treatment making their acne worse.
Summary
• Acne may be treated using either topical or systemic
therapies, or combinations of these.
• For mild to moderate acne, many topical treatments are at
least as effective as monotherapy with oral antibiotics.
• For more severe or widespread acne, using a topical therapy
with another topical therapy or a systemic therapy achieves
more rapid and greater control.
• Agents with proven efficacy as topical acne therapies include
benzoyl peroxide, salicylic acid microgel complex, topical
antibiotics and topical retinoids.
• Agents with proven efficacy as systemic acne therapies
include systemic antibiotics and retinoids, certain combined
oral contraceptives, spironolactone and metformin.
• Retinoids, tetracyclines and spironolactone are not safe to
use during pregnancy.
• Poor adherence is a common reason for ‘treatment failure’,
and is often due to side effects (such as irritation), incorrect
product use and/or inconvenient regimens.
Medical Progress CME / November 2010
The Quiz
รหัสกิจกรรม 3-3220-000-9304/101102

คÓ¶าÁสÓËรับบทควาÁ เวชปฏิบัµิในการรักษาโรคสิว: การรักษา

นพ.ประวิตร พิศาลบุตร (พ.บ. (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง),
Diplomate, American Board of Dermatology & American Subspecialty Board of Dermatological Immunology)

1. ยา salicylic acid microgel complex ออกฤทธิ์ในการรักษาสิวอย่างไร 6. จากบทความฉบับนี้ หากผู้ป่วยเป็นสิวที่ใบหน้าแบบปานกลางจนถึงรุนแรง

ก. ละลายไขมัน sebum และ/หรือสิวทีเ่ ป็นแพร่กระจายทีไ่ ด้ยา minocycline 50-100 มก. ทุกคืนมา
ข. สลายก้อนไขมันอุดตัน (comedolytic) นาน 6 สัปดาห์ โดยรับประทานยาครบถ้วนแล้วยังไม่ตอบสนองต่อการรักษา
ค. ป้องกันการเกิดก้อนไขมันอุดตัน ยารับประทานที่จัดว่าเป็น first-line therapy ในกรณีนี้ได้แก่ข้อใด
ง. ลดการอักเสบ ก. Doxycycline 50-100 มก. ทุกคืน
จ. ถูกทุกข้อ ข. Roxithromycin 300 มก. ทุกคืน
ค. Erythromycin 500 มก. วันละ 2 ครั้ง
2. ยาทารักษาสิวที่จัดอยู่ในกลุ่มเรตินอยด์ได้แก่ข้อใด ง. Doxycycline 150-200 มก. ต่อวัน (ในเพศชายที่ตัวโต)
ก. Macrolides จ. ถูกทุกข้อ
ข. Adapalene
ค. Benzoyl peroxide 7. จากบทความฉบับนี้ หากผู้ป่วยเป็นสิวที่ใบหน้าที่แบบปานกลางจนถึงรุนแรง
ง. Salicylic acid microgel complex และ/หรือสิวทีเ่ ป็นแพร่กระจายทีไ่ ด้ยา minocycline 50-100 มก. ทุกคืนมา
จ. ถูกทุกข้อ นาน 6 สัปดาห์ โดยรับประทานยาครบถ้วนแล้วยังไม่ตอบสนองต่อการรักษา
ยารับประทานที่จัดว่าเป็น second-line therapy ในกรณีนี้ได้แก่ข้อใด
3. ยาทารักษาสิวที่ใช้ในกรณีสิวที่เป็นน้อยมากหรือเป็นน้อย (minimal or mild ก. Doxycycline 50-100 มก. ทุกคืน
acne) ได้แก่ข้อใด ข. Roxithromycin 300 มก. ทุกคืน
ก. Benzoyl peroxide 2.5-5% cream ค. Erythromycin 250 มก. วันละ 2 ครั้ง
ข. Adapalene 0.1% cream ง. Doxycycline 150-200 มก. ต่อวัน
ค. Tazarotene 0.05% cream จ. ถูกทุกข้อ
ง. Retinoids ทุกคืน และ clindamycin 1% lotion วันละ 2 ครั้ง
จ. ถูกทุกข้อ 8. ยารักษาสิวที่ปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์ได้แก่ยาใด
ก. Adapalene
4. จากบทความฉบับนี้ ยาทารักษาสิวที่ใช้ในกรณีสิวที่เป็นน้อยจนถึงปานกลาง ข. Benzoyl peroxide
(mild to moderate acne) หรือสิวที่ตอบสนองไม่เพียงพอต่อการทายา ค. Tazarotene
benzoyl peroxide 5% cream ทุกคืนมานาน 6 สัปดาห์ได้แก่ข้อใด ง. Minocycline
ก. Adapalene 0.1% cream จ. ถูกทุกข้อ
ข. Tazarotene 0.05% cream
ค. Isotretinoin 0.05% gel 9. ยารักษาสิวที่ห้ามใช้ในสตรีที่มีโอกาสตั้งครรภ์ได้แก่ยาใด
ง. Benzoyl peroxide 5% plus clindamycin 1% combination gel ก. Doxycycline
จ. ถูกทุกข้อ ข. Spironolactone
ค. Retinoid creams
5. จากบทความฉบับนี้ ยาชนิดรับประทานที่จัดว่าเป็น first-line therapy ง. Retinoid gels
สำาหรับรักษาสิวทีใ่ บหน้าทีเ่ ป็นปานกลางและไม่ตอบสนองต่อยาทา และ/หรือ จ. ถูกทุกข้อ
สิวที่เป็นน้อยจนถึงปานกลางชนิดที่เป็นแพร่กระจาย ได้แก่ข้อใด
ก. Doxycycline 50-100 มก. ทุกคืน 10. ยาชนิดรับประทานที่มีการทดลองนำามารักษาสิวที่มีลักษณะเป็น “anti-
ข. Erythromycin 250 มก. วันละ 2 ครั้ง diabetic drug in the biguanide class” ได้แก่ยาใด
ค. Roxithromycin 150 มก. ทุกคืน ก. Isotretinoin
ง. Minocycline 50-100 มก. ทุกคืน ข. Spironolactone
จ. ถูกทุกข้อ ค. Cyproterone
ง. Metformin
จ. ถูกทุกข้อ

กรุณาตอบในชุดกระดาษคÓตอบ หมดเขตรับคÓตอบ 28 กุมภาพันธ์ 2554 เฉลยคÓตอบในเล่ม Medical Progress CME Vol.10 No.3

Medical Progress CME / November 2010 49