Professional Documents
Culture Documents
การออกแบบระบบควบคุมอัตโนมัติ
ในการออกแบบระบบงานอัตโนมัตินนั้ เริ่มตนจากศึกษาถึงความตองการและปญหาในการ
ทํางานแลวนํามาวาดภาพตําแหนงอุปกรณทํางาน (Positional Sketch) เพื่อแสดงรูปแบบการทํางาน
และตําแหนงของอุปกรณที่ใชงานดังแสดงในรูปที่ 5.1 แลวจึงอธิบายขัน้ ตอนการทํางานของแตอุปกรณ
วามีลาํ ดับและจังหวะการทํางานที่สัมพันธกันอยางไร ดวยแผนภาพการทํางาน(Function diagram)
หรือแสดงดวยลําดับการทํางานอยางยอ ซึง่ จะกลาวตอไปในหัวขอที่ 5.1
5.1 การออกแบบการทํางานระบบอัตโนมัติ
การอธิบายการเคลื่อนที่ของกระบอกสูบหรืออุปกรณทํางานทีม่ ีความสัมพันธกับจังหวะหรือ
ชวงเวลาการทํางาน โดยมีลาํ ดับการทํางานที่แนนอน (Sequence Control) ทําได 2 วิธีดงั ตารางที่ 5.1
ตารางที่ 5.1 แสดงรูปแบบการเคลื่อนที่และลําดับงานของกระบอกสูบ
98
จากตารางที่ 5.1 การทํางานในแตละจังหวะตองเสร็จสิ้นแลวจึงจะทํางานในจังหวะถัดไป
การออกแบบการทํางานของอุปกรณนนั้ สามารถอธิบายดวยสัญลักษณขอความหรือแผนภาพที่แสดง
ตําแหนงและจังหวะการทํางานหรือชวงเวลาทํางานที่กาํ หนด
ตําแหนงกานสูบ
ลําดับ สัญลักษณ คําสั่งควบคุม การทํางาน
กอนการสั่งงาน
เริ่มตน สัง่ ใหกระบอก
1 A+ เขาสุด A เคลื่อนออกจนสุดแลว
สูบ Aเคลื่อนทีอ่ อก (+)
สั่งใหกระบอกสูบ B
2 B+ เขาสุด B เคลื่อนออกจนสุดแลว
เคลื่อนที่ออก(+)
สั่งใหกระบอกสูบ A
3 A- ออกสุด A เคลื่อนเขาจนสุดแลว
เคลื่อนที่เขา(-)
สั่งใหกระบอกสูบ B
4 B- ออกสุด B เคลื่อนเขาจนสุดแลว
เคลื่อนที่เขา(-)
99
การทํางานแบบเชิงเดียว คือ การที่อปุ กรณแตละตัวจะทํางานตามลําดับตอเนือ่ งกัน โดย
แตละอุปกรณจะทํางานครั้งละหนึ่งตัวตอหนึง่ จังหวะเดียว แสดงตัวอยางการใชงานดังแสดงในรูปที่ 5.2
100
การทํางานแบบเชิงซอน คือ การที่อปุ กรณหลายตัวทีท่ ํางานพรอมกันในจังหวะเดียวกัน
โดยการเขียนรหัสไวในบรรทัดทัดไปในตําแหนงตรงกัน ดังแสดงตัวอยางการใชงานดังรูปที่ 5.3
101
การทํางานแบบโปรแกรม คือ การทํางานที่ระบบสามารถทํางานไดมากกวาหนึง่ วิธี หรือ
หลายรูปแบบ โดยผูควบคุมสามารถเลือกโปรแกรมการทํางานได แตละโปรแกรมจะมีการกําหนดชื่อไว
อยางชัดเจน ดังแสดงตัวอยางการใชงานดังรูปที่ 5.4 (ข) และ 5.5
(ข) ชุดบรรจุสารลงกลองอัตโนมัติ
102
¾ การเขียนแผนภาพการเคลื่อนที่ (Displacement-step diagram or Motion diagram)
เปนการแสดงความสัมพันธระหวางตําแหนงหรือระยะทางของอุปกรณทํางาน(ชวงชักของ
กระบอกสูบ) กับจังหวะหรือเวลาในการทํางาน โดยมีลาํ ดับการทํางานตอเนื่องกันดังแสดงในรูปที่ 5.6
แกน X คือ จังหวะการทํางาน ขั้นตอนหรือเวลาในการทํางาน ตามลําดับกอนหลัง
แกน Y คือ ระยะชวงชักของกานสูบ หรือ ตําแหนงของอุปกรณที่เคลื่อนที่
103
รูปที่ 5.8 แสดงแผนภาพการทํางานจากรูปที่ 5.1 (Displacement-time Diagram)
(ก) เครื่องบรรจุขวดอัตโนมัติ
104
(ข) เครื่องพับโลหะแผนรูปตัวซี
(ง) ชุดบรรจุของเหลวใสถังอัตโนมัติ
105
(จ) แสดงตัวอยางการใชงานที่มกี ารกําหนดระยะการเคลื่อนที่มากกวา 2 ตําแหนง
106
5.2 การออกแบบระบบควบคุมอัตโนมัติ
ในการออกแบบระบบการทํางานที่ปฏิบัติงานดวยคนเปนแบบอัตโนมัตินั้น มีขั้นตอนดังนี้
1. ศึกษาระบบงานเดิม ลักษณะการทํางานและเงื่อนไขตาง ๆ ของการทํางาน
2. ออกแบบอุปกรณเคลือ่ นที่และเลือกอุปกรณกําลัง วาดภาพอุปกรณทํางาน เพื่อแสดง
หนาที่และตําแหนงตาง ๆ ของอุปกรณทที่ ํางานรวมกันดังรูปที่ 5.9 และแสดงขั้นตอนการทํางานของ
ระบบดวยแผนภาพการเคลือ่ นที่ของอุปกรณดังรูปที่ 5.10 (ก) step 1
(ก) แผนภาพอุปกรณทํางาน
(ข) แผนภาพการเคลื่อนที่
107
(ก) วิเคราะหสญ
ั ญาณควบคุมแบบดวยวิธีโอเวอรเล็บ (Over Lap)
108
5.2.1 การออกแบบสัญญาณควบคุมดวยวิธีแบบโอเวอรเล็บ (Signal Overlap)
หลังจากการศึกษารูปแบบการทํางานแลวนํามาสรางแผนภาพตําแหนงอุปกรณทาํ งานและ
แผนภาพการเคลื่อนที่ดังแสดงในรูปที่ 5.12 จากนั้นนํามาเขียนสัญญาณสั่งงานที่แทนดวยลูกศร โดย
หางลูกศรหมายถึง อุปกรณที่สั่งงาน ตัวอยางเชน สวิทซของวาลวควบคุมชนิดตาง ๆ และหัวลูกศรชี้ไป
ยังตําแหนงเริม่ ตนของอุปกรณที่ถูกสัง่ งาน ดังแสดงในรูปที่ 5.13 นําความสัมพันธในการสัง่ งานของ
ลูกศรแตละอันมาสรางวงจรนิวแมติกสดงั รูปที่ 5.14 โดยมีรายละเอียดดังจะกลาวตอไป
109
¾ การเขียนสัญญาณสั่งงานดวยลูกศร
จุดเริ่มตนของหางลูกศรเปนแหลงกําเนิดสัญญาณสั่งงานมี 2 ลักษณะดังนี้
วงกลม หมายถึง สวิทซที่ใชในการเริ่มตนทํางาน (Start) สามารถเลือกชนิดการ
สั่งงานไดดังแสดงในรูปที่ 5.16
จุดกลมทึบ หมายถึง ลิมติ สวิทซ ที่ใชในการตรวจจับตําแหนงของกานสูบ รูปแบบ
การตรวจมีหลายลักษณะทัง้ แบบสัมผัสและไมสัมผัส
(ก) สวิทซเริ่มตนสั่งงาน
การกําหนดเงื่อนไขสั่งงาน จะเปนการนําสัญญาณจากสวิทซมากกวาหนึ่งตัวมา
เปรียบเทียบดวยตรรกะ And และ Or โดยแสดงดวยจุดเชื่อมกันของหางลูกศรแสดงดังรูปที่ 5.16
110
ตารางที่ 5.3 การทํางานของวงจรนิวแมติกสรูปที่ 5.14 ที่ออกแบบดวยวิธีโอเวอรเล็บรูปที่ 5.13
อธิบายการทํางาน วงจรนิวแมติกส
จังหวะที่ 1 (1S1+2Sa)->1A
เมื่อ 1S1 ถูกกดจะสั่งให
กระบอกสูบ 1A เคลื่อนที่ออก
ก็ตอเมื่อสวิทซ 2S1ตองถูกกด
อยู
111
ในการออกแบบสัญญาณควบคุมนั้นสามารถแสดงไดหลายรูปแบบดังตัวอยางรูปที่ 5.18 และ
แสดงตัวอยางในการออกแบบดวยวิธีโอเวอรเล็บดังรูปที่ 5.19 โดยหลักการ คือ จะใชลิมิตสวิทซที่ใชใน
การตรวจจับตําแหนงการเคลื่อนที่ของกานสูบในแตจังหวะการทํางานเปนตัวสั่งงานในจังหวะถัดไป
ตอเนื่องกันจนครบทุกจังหวะการทํางาน ในจังหวะเริ่มตนทํางานนิยมนําสัญญาณจากจังหวะสุดทาย
มาสรางเงื่อนไขในการเริ่มตนการทํางาน การออกแบบนี้เหมาะสําหรับระบบงานที่ไมซับซอน
112
รูปที่ 5.19 แสดงตัวอยางการออกแบบชุดคนยายชิ้นงานเขาและออกเตาอบ
113
รูปที่ 5.21 แสดงตัวอยางการออกแบบชุดปอนชิ้นแบบหนวงเวลา
114
รูปที่ 5.23 แสดงตัวอยางการออกแบบชุดเจาะรูอัตโนมัติ (กระบอกสูบดันสวางที่อยูบ นแทนเลื่อน)
115
รูปที่ 5.24 แสดงตัวอยางการทํางานแบบหนวงเวลา
116
5.3 การออกแบบสัญญาณควบคุมแบบอินเตอรล็อค (Signal Inter-lock)
ในการออกแบบสัญญาณควบคุมสําหรับสัง่ งานใหกระบอกสูบทํางานตามลําดับขั้นตอนที่
ออกแบบดวยวิธีอินเตอรล็อคนั้นมีขนั้ ตอนในการออกแบบสัญญาณควบคุม ดังรูปที่ 5.26 และแสดง
ขั้นตอนดังตารางที่ 5.4
ขั้นตอนที่ อธิบายการออกแบบ
Step 1 การเขียนแผนภาพการเคลื่อนที่ของอุปกรณกําลัง
Step 2 การวิเคราะหสัญญาณตําแหนงการทํางานของกระบอกสูบ
Step 3 การวิเคราะหรวมสัญญาณตรวจจับที่มีคา ณ จังหวะที่มกี ารสั่งงาน
Step 4 การสรางสัญญาณเริ่มการทํางาน (Start Signal)
Step 5 การเลือกสัญญาณสั่งงานในแตละจังหวะการทํางาน
117
5.3.1 การเขียนแผนภาพการเคลื่อนทีข่ องอุปกรณกําลัง
จากขั้นตอนการที่ออกแบบในขั้นตอนขอที่ 5.2 นํามาสรางแผนภาพการเคลื่อนที่
ของกานสูบดังรูปที่ 5.27 จากรูปจังหวะทีม่ ีการสั่งงานใหกานสูบเคลือ่ นที่แสดงดังกรอบวงกลม
5.3.2 การวิเคราะหจังหวะการสั่งงานของกระบอกสูบ
ในการออกแบบจะพิจารณาเฉพาะจังหวะที่มกี ารสั่งงานใหกา นสูบเคลื่อนที่เทานัน้
จากรูปที่ 5.27 แสดงจังหวะที่มีการสั่งงานในกรอบสี่เหลีย่ ม โดยสังเกตในจังหวะที่กราฟเริ่มตนเคลื่อนที่
ขึ้น(กานสูบเคลื่อนที่ออก) และเริ่มตนเคลือ่ นที่ลง(กานสูบเคลื่อนที่เขา) อธิบายการเคลื่อนที่ของกาน
สูบ A ดวยตารางที่ 5.5 และของกานสูบ B ดังตารางที่ 5.6
ตารางที่ 5.5 แสดงการทํางานของกระบอกสูบ A ในจังหวะตาง ๆ
จังหวะที่ อธิบายการทํางานของกระบอกสูบ A
1 กระบอกสูบ A ถูกสัง่ ใหเคลื่อนที่ออก (เริ่มตนเคลื่อนที่ขึ้น)
2 กานสูบ A เคลื่อนที่ออกสุด (ไมมีการสัง่ งานใดในจังหวะนี้)
3 กระบอกสูบ A ถูกสัง่ ใหเคลื่อนที่เขา (เริ่มตนเคลื่อนที่ลง)
4 กานสูบ A เคลื่อนที่เขาสุด (ไมมีการสั่งงานใดในจังหวะนี้)
5 (ไมมีการสั่งงานใดในจังหวะนี้)
ตารางที่ 5.6 แสดงการทํางานของกระบอกสูบ B ในจังหวะตาง ๆ
จังหวะที่ อธิบายการทํางานของกระบอกสูบ B
1 (ไมมีการสั่งงานใดในจังหวะนี้)
2 กานสูบ A ออกสุดแลว กระบอกสูบ B เคลื่อนที่ออก (เริ่มตนเคลื่อนทีข่ ึ้น)
3 กานสูบ B เคลื่อนที่ออกสุด (ไมมีการสัง่ งานใดในจังหวะนี้)
4 กานสูบ B เขาสุดแลว กระบอกสูบ B เคลื่อนที่เขา (เริ่มตนเคลื่อนทีล่ ง)
5 (ไมมีการสัง่ งานใดในจังหวะนี้)
118
ในการตรวจจับตําแหนงของกานสูบของกระบอกสูบจากเครื่องยกชิน้ งานดังรูป 5.26 นัน้ อาศัย
อุปกรณตรวจจับตําแหนง (Position Sensor) ไดแกสวิทชแบบอิเล็กทรอนิกสหรือแบบกลไก จากรูปที่
5.28 แสดงอุปกรณตรวจจับตําแหนงที่ใชวาลวควบคุมทิศทาง 3/2 สั่งงานดวยลูกกลิ้งสองตัวในการ
สรางสัญญาณตรวจจับตําแหนงเขาสุดหรือออกสุดของกานสูบหนึ่งชุด ในทางปฏิบัติอุปกรณตัว
ตรวจจับแบง 2 ชนิด คือ แบบสัมผัสและไมสัมผัส โดยคํานึงถึงความเร็วในการตอบสนองและระยะทาง
119
Abbreviated notation : A+ / B+ / A- / B-
120
รูปที่ 5.32 แสดงการเกิดสัญญาณตรวจจับตําแหนง(s) เมื่อกานสูบเคลื่อนที่ผา น
นอกจากการตรวจจับตําแหนงของกานสูบวาอยูในตําแหนงเขาหรือออกสุดอยู ยังสามารถใช
วาลวควบคุมทิศทาง 3/2 สั่งงานดวยลูกกลิ้งในการตรวจสอบตําแหนงกลางของกระบอกสูบ หรือการ
เคลื่อนที่ผา นได โดยลักษณะการติดตั้งและผลของสัญญาณตรวจจับที่ไดจะมีลกั ษณะเปนลูกคลื่นดัง
แสดงในรูปที่ 5.32
121
รูปที่ 5.34 การวิเคราะหการรวมสัญญาณตรวจจับ ( S2 + S3 ) = ( S2 AND S3 )
122
การสรางสัญญาณทั้งสองชนิดที่กลาวมาเกิดจากการเลือกใชงานอุปกรณที่สั่งงานดวยสวิทซ
ชนิดกดติดปลอยดับ(แบบกึ่งอัตโนมัติ)และชนิดติดคาง(แบบอัตโนมัติ) ในขัน้ ตอนการออกแบบจะนํา
สัญญาณเริ่มตนไปรวมกับผลการรวมสัญญาณตรวจจับตําแหนงในจังหวะสั่งงาน เพื่อใชในการควบคุม
ระบบใหเริ่มตนทํางาน แสดงสัญญาณสั่งงาน (St+s1+s3) ดังรูปที่ 5.37
123
¾ การควบคุมอัตโนมัติ (Auto control)
จากรูปที่ 5.39 สัญญาณเริ่มตนสั่งงาน (St) ที่ใชในการสั่งใหระบบเริ่มตนการทํางานจะเกิด
จากการใชสวิทชชนิดบิดคาง เมื่อมีการเปดสวิทซจะเกิดสัญญาณเริ่มตน ณ จังหวะที่ 1 และมีคา
ตลอดเวลาจนกวาจะปดสวิทซลง สัญญาณจึงจะหายไป ดังนั้นเมื่อระบบเริ่มตนการทํางานตามลําดับ
ที่ออกแบบจนครบทุกจังหวะแลว จะเริ่มตนทํางานในจังหวะที่ 1 ใหมอีกครั้งตอเนื่องเปนวัฏจักรจนกวา
จะไมมีสัญญาณ St ถามีการปดสวิทซ St ในระหวางการทํางาน ระบบก็ยังคงทํางานจนครบทุกจังหวะ
แลวจึงหยุด ณ จังหวะสุดทาย เพื่อรอการเริ่มตนสัง่ งานในวัฏจักรใหมจากผูปฏิบัติ
124
จากรูปที่ 5.40 จะเห็นวาผลรวมของสัญญาณตรวจจับที่ไดจากหัวขอ 5.3.4 นัน้ มีลักษณะเปน
ลูกคลื่นในทุกจังหวะ จึงสามารถจับคูเพื่อใชในการควบคุมวาลวลมทีจ่ ายลมอัดใหแกกระบอกสูบให
เกิดการเคลื่อนที่ตามทีก่ ําหนด ดังแสดงในตารางที่ 5.7 แตในทางปฏิบัติระบบที่มคี วามซับซอนในการ
ทํางาน ผลรวมของสัญญาณตรวจสอบตําแหนงมักจะไมสามารถนํามาใชควบคุมกระบอกสูบได
ทั้งหมด จะตองมีการปรับปรุงหรือสรางสัญญาณควบคุมใหมดงั จะกลาวตอไป
ตารางที่ 5.7 แสดงสัญญาณสั่งงานกระบอกสูบในจังหวะตาง ๆ
5.4 การออกแบบวงจรนิวแมติกสหรือวงจรการเดินสายอุปกรณ
หลังจากออกแบบสัญญาณควบคุมในแตละจังหวะการทํางานจากหัวขอ 5.3 แลว ทําการ
เลือกอุปกรณกําลังและวาลวควบคุมที่ใชงานใหเหมาะสมกับประเภทของการทํางาน จากนัน้ นํามา
สรางวงจรนิวแมติกสหรือวงจรตอสายอุปกรณ ดังตัวอยางรูปที่ 5.41 ซึ่งประกอบดวยสัญลักษณของ
อุปกรณที่ใชในการทํางานและการเชื่อมตอสายสัญญาณตางๆ รวมการกําหนดชื่ออุปกรณดังที่กลาว
มาแลวในบทที่ 3 เพื่ออธิบายการเชื่อมสายระหวางอุปกรณตาง ๆ ซึ่งใชในขั้นตอนการสรางและการ
ติดตั้งอุปกรณตาง ขั้นตอนในการสรางวงจรนิวแมติกสจากผลรวมสัญญาณควบคุมที่ออกแบบจาก
หัวขอ 5.3 มีดังตอไปนี้
125
5.4.1 การเลือกอุปกรณกาํ ลังในการทํางาน
เปนสิง่ แรกทีต่ องคํานึงถึง คือ การเลือกชนิดกระบอกสูบที่ใชงานและวาลวควบคุม
ทิศทางที่ใชในการสั่งงานกระบอกสูบดังทีก่ ลาวมาแลวในบทที่ 3 จากรูปที่ 5.41 แสดงตัวอยางการ
เลือกใชงานกระบอกสูบสองทางสองตัว และใชวาลวควบคุมทิศทาง 5/2 สั่งงานดวยลมอัด
5.4.2 การเลือกอุปกรณตรวจจับตําแหนงกานสูบ
ในการเลือกใชงานอุปกรณตรวจจับตําแหนงกานสูบในระบบนิวแมติกสนั้นนิยมใช
วาลวควบคุมทิศทาง 3/2 สั่งงานดวยลูกลิ้ง 2 ตัวในการตรวจจับตําแหนงกานสูบเขาสุดและออกสุดดัง
รูปที่ 5.23 นอกจากนัน้ ยังสามารถอุปกรณตัวจับที่เปนระบบไฟฟาซึ่งจะกลาวถึงในบทตอไป
รูปที่ 5.43 ตัวตรวจตับตําแหนง 4 ชุด – วาลว 3/2 Roller – spring (S1, S2, S3 ,S4)
5.4.3 การเลือกสวิทซเริ่มตนสั่งงาน
จากที่กลาวมาแลวในหัวขอ 5.3.4 ในการออกแบบวงจรควบคุมแบบอัตโนมัติหรือ
กึ่งอัตโนมัตินนั้ มีขั้นตอนออกแบบเหมือนกันแตกตางกันเฉพาะการเลือกชนิดของสวิทซเริ่มตนสัง่ งานที่
แตกตางกันดังแสดงในรูปที่ 5.44
(ก) วาลว 3/2 แบบสวิทซกด (กึ่งอัตโนมัติ) (ข) วาลว 3/2 แบบคันโยก (อัตโนมัติ)
รูปที่ 5.44 การเลือกสวิทซเริ่มตนสั่งงานสําหรับการควบคุมแบบกึ่งอัตโนมัติและอัตโนมัติ
126
5.4.4 การเลือกอุปกรณรวมสัญญาณตรวจ
ในการรวมสัญญาณตรวจจับตําแหนงของกานสูบในระบบนิวแมติกสนั้นจะใชวาลว
ลมคู ( And gate) โดยวาลวลมคูหนึ่งตัวใชรวมสัญญาณไดสองคา ถาตองการรวมสัญญาณมากกวา
สองคา ก็ตองใชวาลวลมคูเพิ่มดังแสดงตัวอยางการรวมสัญญาณสามคาดังรูปที่ 5.45
127
รูปที่ 5.47 ตัวอยางการวิเคราะหสัญญาณควบคุมกระบอกสูบ 3 ชุด
128
5.5 การควบคุมความเร็วกานสูบและการควบคุมทํางานแบบหนวงเวลา
จากรูปที่ 5.48 จะสังเกตวากระบอกสูบ A จะใชเวลา 2 จังหวะ(1-3) ในการเคลื่อนที่ออก ซึง่
มากกวาการเคลื่อนที่เขาที่ใชเวลา 1 จังหวะ (5-6) ถาสังเกตจากการทํางานจริงจะเห็นวากานสูบ A จะ
เคลื่อนที่เขาดวยความเร็วปกติและเคลื่อนที่ออกชากวาปกติ สวนกานสูบ B จะเคลื่อนที่ออกดวย
ความเร็วปกติและเคลื่อนที่เขาชากวาปกติ การควบคุมความเร็วในการเคลื่อนทีข่ องกานสูบนัน้ จะใช
หลักการจากหัวขอที่ 4.3 โดยควบคุมอัตราลมอัดที่จายใหกระบอกสูบหรือควบคุมอัตราลมระบายออก
ดวยวาลวปรับอัตราการไหล(หรี่ลม) ดังแสดงในรูปที่ 5.49
129
¾ การปรับแกสญ
ั ญาณควบคุม โดยใชวาลวหนวงเวลา
จากแผนภาพการทํางานของกระบอกสูบในรูปที่ 5.48 พบวามีการสั่งงานกระบอกสูบใน
จังหวะที่ 1 ,3 ,5 และ 6 หลังจากออกแบบวงจรควบคุมตามขั้นตอนในขอที่ 5.3 แลวจะพบวาไม
สามารถหาสัญญาณสั่งงานในจังหวะที่ 5 ที่มีลักษณะเปนลูกคลืน่ ณ จังหวะเดียวไดเหมือนในจังหวะ
สั่งงานอืน่ ๆ ดังนัน้ จึงตองมีการปรับแตงสัญญาณ (S2+s4) ดวยวาลวหนวงเวลาดังแสดงในรูปที่ 5.50
(ข) เพื่อใหเกิดสัญญาณสั่งงานในจังหวะที่ 5 ดังแสดงสัญญาณที่ปรับแตงแลวในรูปที่ 5.50 (ก)
130
รูปที่ 5.52 แสดงการรวมสัญญาณตรวจจับและวงจรนิวแมติกสจากรูปที่ 5.51
131
5.6 เปรียบเทียบรูปแบบทํางานแบบตอเนื่องและแบบหนวงเวลาทํางาน
จากรูปที่ 5.53 (ก) มีการทํางานตอเนื่องกันทุกจังหวะดังนี้ A(+) B(+) A(-) B(-)
คือ เมื่อทํางานในแตละจังหวะเสร็จสิ้นก็จะมีการทํางานในจังหวะถัดไปทันที แตในรูปที่ 5.53 (ข) จะมี
ลําดับการทํางานเชนเดียวกัน แตกตางกันที่เมื่อกานสูบ B เคลื่อนที่ออกสุดแลว ระบบจะหยุดทํางาน
ชวงระยะเวลาหนึง่ กอนทีก่ านสูบ A จะเคลื่อนที่เขา จากแผนภาพการเคลื่อนทีข่ องกานสูบสามารถ
แยกแยะวาขั้นตอนใดบางทีม่ ีการหนวงเวลาการทํางานหรือไม โดยสังเกตไดจากลักษณะของวงรีที่วาด
ขึ้นเพื่อโยงการสั่งงานในจังหวะที่เรียงตอเนื่องกันดังรูป ถาวงรีที่ไดเอียงจะหมายถึงมีการหนวงเวลา
เกิดขึ้น
5.7 การปรับปรุงสัญญาณควบคุมแบบซ้ํา
ในการออกแบบระบบอัตโนมัติที่ใชกระบอกสูบเปนอุปกรณทํางานนัน้ จะมีลกั ษณะการทํางาน
ของกระบอกสูบได 2 ลักษณะคือ
¾ การทํางานเชิงเดี่ยว (Single Step Action)
ในหนึ่งรอบทํางาน กระบอกสูบมีการเคลื่อนที่เขาและออกเพียงครั้งเดียว ดังรูป 5.54 (ก)
¾ การทํางานเชิงซอน (Multi Step Action)
ในหนึง่ รอบการทํางานมีกระบอกสูบเคลือ่ นที่เขาและออกมากกวาหนึ่งครั้ง ดังรูป 5.54 (ข)
(ก) การสัง่ งานแบบ Single Step (ข) การสัง่ งานแบบ Multi Step
รูปที่ 5.54 แสดงเปรียบเทียบการสั่งงานแบบเชิงเดียวและเชิงซอนของกระบอกสูบ B
132
รูปที่ 5.55 แสดงสัญญาณทีเ่ กิดการทํางานซอน
133
ในการสรางสัญญาณปรับแกทําไดโดยการนําสัญญาณ Dummy (p2 และ p3) มารวมกับ
ผลรวมของสัญญาณที่มีปญ หา สัญญาณที่แกไขแลวแสดงดังรูปที่ 5.57 โดยการแบงสัญญาณที่มีคา
ซ้ํากันสองลูกคลื่นใหกลายเปนสัญญาณสองคาทีม่ ีลักษณะเปนลูกคลื่นเดียวในจังหวะที่ตองการ แลว
นําไปสรางวงจรนิวแมติกสดังแสดงในรูปที่ 5.58
134
รูปที่ 5.58 แสดงการปรับแตงสัญญาณควบคุมและวงจรนิวแมติกสที่มกี ารสรางสัญญาณ Dummy
135