Professional Documents
Culture Documents
โดย
นางสาวธันยพร พึ่งพุ่มแก้ ว
โดย
นางสาวธันยพร พึ่งพุ่มแก้ ว
By
(1)
เยียวยาแก้ ไขในภายหลัง หรื อการมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามคาขอของผู้ ฟ้องคดีโดยมิได้ พิจารณา
ถึงปั ญหาและอุปสรรคแก่การบริหารงานภาครัฐหรื อบริการสาธารณะอย่างถ่องแท้ เป็ นต้ น
นอกจากกรณี ข้างต้ นแล้ ว ปั ญหาการตีความยัง เกิ ดขึน้ ในกรณี การอุทธรณ์ โต้ แย้ ง
คาสั่ง เกี่ ยวกับการทุเ ลาการบัง คับตามกฎหรื อคาสั่ง ทางปกครอง ซึ่ง ศาลปกครองได้ วางหลัก
ตีความถ้ อยคา “ผู้มีสว่ นได้ เสีย” ที่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์คาสัง่ ศาลปกครองชันต้
้ นต่อศาลปกครองสูงสุด
ว่าไม่หมายความรวมถึงผู้ฟ้องคดี ทาให้ ผ้ ฟู ้ องคดีไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ คาสั่งของศาลปกครอง
ชันต้
้ นต่อศาลปกครองสูงสุดได้ ในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็ นคาสัง่ ไม่รับคาขอทุเลาการบังคับ คาสัง่ ยกคาขอ
ทุเลาการบังคับ และคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามคาขอของผู้ฟ้องคดีบางส่วน ทาให้ ศาลปกครองสูงสุด
ไม่สามารถตรวจสอบและกลัน่ กรองการใช้ ดลุ พินิจของศาลปกครองชันต้ ้ นได้ ความเสียหายของ
ผู้ฟ้องคดีจงึ ไม่ได้ รับการคุ้มครองและเยียวยาแก้ ไขแต่อย่างใด
สาหรับกรณีข้างต้ นนี ้ แนวทางการแก้ ไขปั ญหาสามารถกระทาได้ โดยการปรับเปลี่ยน
ทัศนคติและวางแนวทางหรื อมาตรการภายในในการตีความของศาลปกครอง ไม่ว่าจะเป็ นกรณี
การพิ จ ารณาเงื่ อ นไขตามกฎหมาย หรื อ แม้ กระทั่ ง การตี ค วามเรื่ อ งสิ ท ธิ โ ต้ แ ย้ งค าสั่ง ของ
ศาลปกครองชัน้ ต้ นเอง ควรกาหนดให้ สามารถอุทธรณ์ คาสั่งศาลชัน้ ต้ นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
คาสัง่ ทุเลาการบังคับตามคาขอของผู้ฟ้องคดี ควรกาหนดแนวทางการตีความคาว่าผู้ มีส่วนได้ เสีย
ให้ หมายความรวมถึงผู้ฟ้องคดีด้วย มิเช่นนันแล้ ้ วความเดือดร้ อนเสียหายของผู้ฟ้องคดีก็ยงั คงมีอยู่
ต่อไปจนกว่าศาลจะมีคาพิพากษา
กรณี ที่ศาลปกครองมิได้ ดาเนินกระบวนพิจารณาไปตามขันตอนที ้ ่กฎหมายกาหนด
เพื่อมีคาสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสั่งทางปกครองก็ เ ป็ นอีกปั ญหาหนึ่ง ที่เกิดขึน้ รวมถึง
การใช้ ดุลพินิจในการกาหนดมาตรการทุเลาการบังคับตามคาขอของผู้ฟ้องคดีโดยมิได้ ให้ ความ
ชัดเจนถึงเรื่ องอานาจของศาลปกครองในการพิจารณาคดีดงั กล่าว เช่น การมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับ
ตามคาขอของผู้ฟ้องคดีที่มีข้อเท็จจริงไม่ครบตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกาหนด การมีคาสัง่ กาหนด
วิธีการชัว่ คราวก่อนการพิจารณาเขตอานาจของศาลปกครอง เป็ นต้ น ผู้เขียนเห็นว่าการตรวจสอบ
ดุลพินิจของศาลปกครอง นอกจากจะได้ รับการกลั่นกรองโดยศาลปกครองสูงสุดแล้ ว การกาหนดให้
ศาลปกครองให้ เหตุที่ชดั เจนในการพิจารณามีคาสัง่ ทุเลาการบังคับก็เ ป็ นอีกวิธีการหนึ่งที่จะทาให้
การใช้ อานาจตุลาการของศาลปกครองมีความรอบคอบมากยิ่งขึ ้น สาหรับกรณีการมีคาสัง่ ทุเลา
การบังคับโดยมิ ได้ พิจารณาถึงเขตอานาจของศาลปกครองอย่างชัดแจ้ งนี ้ ศาลปกครองควรให้
เหตุผลในการมีคาสัง่ รับคาฟ้องอย่างชัดเจน แม้ ว่าคาสัง่ รับคาฟ้องจะไม่ใช่คาสัง่ ที่สามารถอุทธรณ์
ไปยัง ศาลปกครองสูง สุด ได้ ก็ ต าม แต่ก ารระบุเ หตุผ ลในการรั บ ค าฟ้ องไว้ พิ จ ารณาก็ จ ะเกิ ด
(2)
ความเข้ าใจและความชัดเจนในเรื่ องคดีที่อยู่ในอานาจพิจ ารณาของศาลปกครองและจะเป็ น
ประโยชน์ในทางวิชาการต่อไปในอนาคตอีกด้ วย
นอกจากนี ้ยังมีกรณี ที่ศาลปกครองมีคาสั่งกาหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชวั่ คราวใน
กรณี ที่ผ้ ูฟ้ องคดียื่นคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสั่งทางปกครอง เนื่ องด้ วยการกาหนด
วิธีการชั่วคราวแต่ละประเภทมีความมุ่งหมายและกระบวนวิธีพิจารณาที่แตกต่างกัน โดยการมี
คาสัง่ เพื่อทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง มีวตั ถุประสงค์เพื่อยับยังการมี้ ผลบังคับ
ของกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองอันเป็ นการใช้ อานาจของฝ่ ายบริหาร ดังนัน้ กระบวนวิธีพิจารณาเพื่อ
มี คาสั่ง ดัง กล่าวกฎหมายจึง กาหนดให้ มี การไต่ส วนคู่ก รณี และมี คาแถลงการณ์ ข องตุล าการ
ผู้แ ถลงคดี เ พื่ อ ให้ เ กิ ด ความรอบคอบในการมี ค าสั่ง มากยิ่ ง ขึ น้ แต่ก ารก าหนดมาตรการเพื่ อ
บรรเทาทุก ข์ ชั่ว คราวนัน้ เป็ นการก าหนดวิ ธี ก ารเพื่ อ คุ้ม ครองสิ ท ธิ แ ละประโยชน์ ข องคู่ก รณี
กฎหมายจึงไม่ได้ บงั คับให้ ต้องมีการไต่สวนคูก่ รณี และจะมีคาแถลงการณ์ของตุลาการผู้แถลงคดี
ก็ได้ การกาหนดวิธีค้ มุ ครองชั่วคราวทัง้ สองประเภทจึงต้ องดาเนินการให้ ถูกต้ องและเหมาะสม
กับลักษณะของคดี โดยการก าหนดหลักเกณฑ์ และมาตรการภายในเพื่ อเป็ นแนวทางในการ
กาหนดวิธีการชัว่ คราวในคดีแต่ละประเภทว่าควรใช้ มาตรการชัว่ คราวชนิดใด
(3)
Abstract
In Thai legal system, the case filing to the Administrative Court does not
order. Therefore, the case is pending trial while the by – law or the administrative order
can be enforced by the administrative agency. As a result, the plaintiff has been
receiving an injury during the revocation process even though the plaint is submitted to
the Court. When the Court delivers a judgment that the plaintiff succeed in the case, the
injury which result from the by – law or administrative order is difficult to be remedied.
According to this problem, the provisional remedial measure was enacted in order to
possibility that such law is unlawful and the application of such by – law or
remedied. Moreover, the suspension of the execution does not constitute any barrier to
This study showed that this provisional remedial measure has some
problems, for instance, the court’s evaluation of the plaintiff’s injury sometimes
considerably strict and the Court does not consider the details of the plaintiff such as
(4)
education and circumstance. Furthermore, Administrative Court procedure is quite
simple which need not any lawyer so the Court has to consider wording of the
application and the plaintiff’s real intention. Consequently, the justice is limited to people
measure so easily whenever the Court accepts that the injury can calculate as the
amount of money without considering the barrier which would affect to the administration
Above all, the right to submit a motion lodging an appeal against the
Administrative Court also became a problem. The Supreme Administrative Court cannot
examine the decision of the Administrative : an order rejection of the application for the
and the order to the suspension of the execution of the by – laws or administrative
orders partially, because of the definition of “the interested person”, which is given by
the Supreme Administrative Court, is not included the plaintiff. For this reason, the
plaintiff cannot be protected and remedied. The suggestion for the said problems is
changing the attitude and regulating the internal rules, for example, the guidance of the
interpretation of the right in appealing against the Administrative Court order. It is better
(5)
that the plaintiff can appeal against those orders with the aim of remedying the plaintiff’s
damage.
case along with the provision of law and the decision in giving the suspension of the
According to these problems, if the Court write down in the order about cause and
reason why issuing any provisional remedial measure and also the reason why the court
accepting the plaint for trial, it would help the Court to be more cautious.
The type of the provisional remedial measure is also significant thing which
the plaintiff should realize because each type has different purpose and procedure. The
stop the execution of a by - law and an administrative order which need inquiry of facts
by the Court and also a judge-rapporteur’s statement. On the other hand, the purpose of
the provisional remedy is to protect the plaintiff’s right without the necessity of facts
(6)
กิตติกรรมประกาศ
(7)
สารบัญ
หน้ า
บทคัดย่อ ................................................................................................................... (1)
กิตติกรรมประกาศ...................................................................................................... (7)
บทที่
บทนา ................................................................................................................... 1
(8)
(4) มาตรการวางเงินเพื่อประกันหนี ้ก่อนมีคาพิพากษา ...................... 36
(5) การแต่งตังผู้ ้ เชี่ยวชาญเพื่อค้ นหาและพิสจู น์ข้อเท็จจริง
รวมทังการสื
้ บและเก็บรักษาพยานหลักฐานโดยเร่งด่วน
ก่อนการเปิ ดกระบวนการแสวงหาข้ อเท็จจริง .............................. 38
(6) มาตการใด ๆ เพื่อแสวงหาข้ อเท็จจริงให้ สมบูรณ์ ......................... 40
2.1.4 เงื่อนไขในการมีคาสัง่ กาหนดมาตรการทุเลาการบังคับตามกฎ
หรื อคาสัง่ ทางปกครอง ................................................................. 49
2.1.5 กระบวนวิธีพิจารณาคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง 51
2.1.6 แบบของคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง .......... 53
2.1.7 ผลของคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง ............ 53
2.1.8 การโต้ แย้ งคาสัง่ เกี่ยวกับการทุเลาการบังคับตามกฎ
หรื อคาสัง่ ทางปกครอง ................................................................. 54
2.2 การทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองตามกฎหมายเยอรมัน 56
2.2.1 ความเป็ นมา ............................................................................... 56
2.2.2 หลักการพื ้นฐานการทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง . 58
2.2.3 การทุเลาการบังคับตามคาสัง่ ทางปกครอง ตามมาตรา 80 ............. 61
(1) หลักเกณฑ์การขอทุเลาการบังคับตามมาตรา 80 วรรคหนึง่
แห่งกฎหมายวิธีพิจารณาคดีปกครอง (VwGO) .......................... 62
(2) ข้ อยกเว้ นของหลักการทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง
(Die Ausnahmen von der aufschiebenden Wirkung) ........... 65
(3) การให้ หยุดปฏิบตั กิ ารให้ เป็ นไปตามคาสัง่ ทางปกครอง
(Aussetzung der Vollziehung)............................................... 71
(4) การกาหนดหรื อการขอให้ กลับมามีผลทุเลาการบังคับ
(Die Anordnung oder Widerherstellung der
aufchiebenden Wirkung) (มาตรา 80 วรรคห้ าถึงวรรคแปด) .... 72
(5) การมีผลเป็ นการทุเลาการบังคับกรณีคาสัง่ ทางปกครองซึง่ มีผลสองทาง
(Die aufschiebenden Wirkung bei Verwaltungsakt mit
Doppelwirkung (Drittwirkung)) .............................................. 74
(9)
2.2.4 การขอคุ้มครองชัว่ คราวในกระบวนการตรวจสอบกฎ ตามมาตรา 47
วรรคหก แห่งกฎหมายวิธีพิจารณาคดีปกครอง .............................. 75
(1) ลักษณะสาคัญของการกาหนดมาตรการคุ้มครองชัว่ คราว ........... 76
(2) เขตอานาจศาลในการกาหนดมาตรการคุ้มครองชัว่ คราว ............. 77
(3) ผู้ที่มีสิทธิยื่นคาร้ องขอคุ้มครองชัว่ คราว....................................... 77
(4) เงื่อนไขในการพิจารณามีคาสัง่ คุ้มครองชัว่ คราว .......................... 78
(5) การพิจารณามีคาสัง่ คุ้มครองชัว่ คราว ......................................... 79
(6) ผลของคาสัง่ คุ้มครองชัว่ คราว .................................................... 79
(10)
3.3.4 การมีคาสัง่ เกี่ยวกับการทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง 105
(1) กรณีศาลมีคาสัง่ ไม่รับคาขอทุเลาการบังคับ
ตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง .................................................. 105
(2) กรณีศาลมีคาสัง่ ยกคาขอทุเลาการบังคับ
ตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง .................................................. 119
(3) กรณีศาลมีคาสัง่ ให้ ทเุ ลาการบังคับตามกฎ
หรื อคาสัง่ ทางปกครอง ............................................................. 129
3.4 การแจ้ งคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง .................. 132
3.5 การมีผลของคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง ........... 133
3.6 การอุทธรณ์คาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง ............. 134
3.6.1 ผู้มีสิทธิอทุ ธรณ์ ........................................................................... 134
3.6.2 การอุทธรณ์และการพิจารณาคาร้ องอุทธรณ์
คาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง....................... 135
3.6.3 การพิจารณาคาร้ องอุทธรณ์คาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎ
หรื อคาสัง่ ทางปกครอง ................................................................. 136
3.7 การคุ้มครองชัว่ คราวก่อนฟ้องคดี ......................................................... 137
3.7.1 การคุ้มครองชัว่ คราวก่อนฟ้องคดีตามพระราชบัญญัตกิ ารกักเรื อ
พ.ศ. 2534 .................................................................................. 139
3.7.2 การคุ้มครองชัว่ คราวก่อนฟ้องคดีตามข้ อกาหนดคดีทรัพย์สินทางปั ญญา
และการค้ าระหว่างประเทศ .......................................................... 141
(11)
4.1.2.กรณีที่ศาลปกครองเห็นว่าการให้ กฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง
มีผลบังคับใช้ ตอ่ ไป จะทาให้ เกิดความเสียหายอย่างร้ ายแรง
ที่ยากแก่การเยียวยาแก้ ไขในภายหลัง........................................... 150
(1) การเป็ นผู้เสียหายที่สามารถยื่นคาร้ องขอให้ ศาลมีคาสัง่
ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง ............................ 151
(2) การพิจารณาเงื่อนไขความเสียหายที่เกิดขึ ้นแก่ผ้ ฟู ้ องคดี
ของศาลปกครอง...................................................................... 154
4.1.3.กรณีที่ศาลปกครองเห็นว่า การทุเลาการบังคับตามกฎหรื อ
คาสัง่ ทางปกครองนัน้ ไม่เป็ นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ
หรื อแก่บริการสาธารณะ .............................................................. 159
4.2 ปั ญหาการพิจารณาตามกระบวนการขันตอนก่ ้ อนการมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับ
ตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง ............................................................. 163
4.2.1 การพิจารณาเงื่อนไขในการรับคาฟ้องของผู้ฟ้องคดีไว้ พิจารณา ....... 164
4.2.2 การพิจารณาเงื่อนไขในการมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทาง
ปกครองไม่ครบทุกเงื่อนไข ........................................................... 168
4.3 ปั ญหากรณีศาลปกครองชันต้ ้ นใช้ หลักเกณฑ์มาตรการบรรเทาทุกข์ชวั่ คราว
ในการพิจารณาคาร้ องขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง . 170
4.4 ปั ญหาเรื่ องการใช้ สิทธิอทุ ธรณ์ โต้ แย้ งคาสัง่ ที่เกี่ยวกับการทุเลาการบังคับ
ตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง ของศาลปกครองชันต้ ้ น .......................... 173
4.4.1.กรณีที่ศาลปกครองชันต้ ้ นมีคาสัง่ ให้ ทเุ ลาการบังคับตามกฎ
หรื อคาสัง่ ทางปกครอง ................................................................. 173
4.4.2.กรณีที่ศาลปกครองชันต้ ้ นมีคาสัง่ ยกคาขอทุเลาการบังคับตามกฎ
หรื อคาสัง่ ทางปกครอง ................................................................. 175
(12)
1
บทนำ
ส าหรั บ บทที่ 4 จะเป็ นการศึก ษาปั ญ หาเกี่ ย วกับ การใช้ ดุล พิ นิ จ ของศาลในการ
พิจารณามีคาสัง่ เกี่ยวกับทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่
กาหนดไว้ ในระเบียบของที่ ประชุม ใหญ่ ตุลาการในศาลปกครองสูง สุด ว่าด้ วยวิธี พิจ ารณาคดี
ปกครอง พ.ศ. 2543 การพิจารณาในกระบวนการขันตอนก่ ้ อนการมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎ
หรื อคาสั่งทางปกครอง การนากระบวนพิจารณาเพื่อกาหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ ชั่วคราวมา
พิจารณาคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง ตลอดจนถึงปั ญหาในการอุทธรณ์
โต้ แย้ งหรื อการตรวจสอบการใช้ ดุลพินิจในการมีคาสั่งเกี่ ยวกับการทุเลาการบังคับตามกฎหรื อ
คาสัง่ ทางปกครองของศาลปกครองชันต้ ้ นโดยศาลปกครองสูงสุด ในอดีตเมื่อแรกเริ่ มในการก่อตัง้
ศาลปกครองนัน้ ปั ญหาในการกาหนดวิธีการชัว่ คราวก่อนการพิพากษาในศาลปกครองมีสาเหตุมา
จากความล่า ช้ าในการมี ค าสั่ง ดัง กล่า วของศาลปกครอง และการใช้ อานาจของศาลปกครอง
ในการมีคาสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสั่งทางปกครองค่อข้ างจากัด แต่ในปั จจุบนั พบว่า
ศาลได้ ใช้ อานาจในการมีคาสัง่ อนุญาตให้ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสั่งทางปกครองมากขึน้
แต่ในบางกรณีศาลปกครองได้ มีคาสัง่ กาหนดการทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง
ที่แตกต่างไปจากหลักเกณฑ์ปกติทวั่ ไป จนบางครัง้ การมีคาสัง่ ดังกล่าวของศาลอาจก้ าวล่วงเข้ าไป
ใช้ อานาจบริ หารเสมือนว่าศาลเป็ นฝ่ ายปกครองเสียเอง และการมีคาสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ
หรื อคาสัง่ ทางปกครองในบางกรณีนนไม่ ั ้ ปฏิบตั ติ ามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่ระเบียบของที่ประชุมใหญ่
ดังกล่าวกาหนดไว้ เช่น คาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองของศาลนัน้ ก่อให้ เกิด
ผลกระทบหรื อเป็ นอุปสรรคแก่การบริ หารงานของรัฐ หรื อการบริ การสาธารณะ เป็ นต้ น โดยผู้เขียน
ได้ มีการเสนอแนวทางการแก้ ปัญหาและข้ อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับการมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับ
ตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองในคดีปกครองของไทยไว้ ในบทที่ 5 ต่อไป
ในการศึกษานี ้ ผู้เขียนจะทาการศึกษาในลักษณะของการวิจัยเอกสาร บทบัญญัติ
ของกฎหมายที่เกี่ ยวข้ อง โดยเปรี ยบเทียบกับบทบัญญัติแห่งกฎหมายของประเทศเยอรมันและ
ประเทศฝรั่งเศส และศึกษากรณีคาสัง่ เกี่ยวกับการทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง
ที่ น่าสนใจในกรณี ต่างๆ เพื่ อ นามาใช้ เป็ นข้ อมูลประกอบการวิเ คราะห์ ถึง ปั ญหาและแนวทาง
ข้ อเสนอแนะในการแก้ ไขปั ญหาในเรื่ องการมีคาสัง่ เกี่ยวกับการทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่
ทางปกครองในคดีปกครองของไทยให้ มีความสมบูรณ์และเหมาะสมยิ่งขึ ้นต่อไป
บทที่ 1
1
อภิ รดี สุท ธิ ส มณ์ , “มาตรการหรื อวิ ธี การชั่วคราวก่ อนการพิพ ากษาในคดีปกครอง”,
(วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต คณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , 2548), น. 4.
4
5
2
บรรเจิ ด สิ ง คะเนติ. หลักกฎหมายเกี่ ย วกับ การควบคุม ฝ่ ายปกครอง, พิ ม พ์ ครั ง้ ที่ 3
(กรุงเทพมหานคร : วิญญูชน, 2551), น. 294-295.
6
ทางปกครองอื่ น เช่น ตามสัญ ญาทางปกครอง เป็ นต้ น ซึ่ง กว่าที่ ศาลจะบัง คับตามสิทธิ ไ ด้ นัน้
จาต้ องรอให้ ศาลมีคาพิพากษาหรื อคาสั่งเสียก่อน ในการดาเนินกระบวนพิจารณาคดีของศาล
ตั ้งแต่ก ารตรวจคาฟ้ องจนถึง การมีคาพิพ ากษา หรื อ คาสัง่ เสร็ จ เด็ด ขาดในแต่ล ะคดีไ ม่อ าจ
ปฏิเ สธได้ ว่า จะต้ อ งใช้ ร ะยะเวลาเนิ่น นาน เมื่อ ศาลมีคาพิพ ากษาหรื อคาสั่ง ประการใดแล้ ว
หากจะมี แต่วิธีการบังคับคดีตามคาพิพากษาหรื อคาสั่งนัน้ ก็ หาเป็ นการเพียงพอที่จะคุ้มครอง
ประโยชน์ของคู่ความฝ่ ายที่ชนะคดีไม่ บางคราวคู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งจาต้ องร้ องขอความคุ้มครอง
จากศาลในระหว่างพิจารณาคดี เพราะถูกคูค่ วามอีกฝ่ ายหนึ่งที่ร้ ูตวั ว่ าตนจะต้ องแพ้ คดี กระทาการ
อย่า งใดอย่า งหนึ่ง ทาให้ เ กิด ความเสีย หายขึ น้ แก่สิท ธิ ห รื อ ทรัพ ย์สิน ในการบัง คับ คดีข องตน
หรื อทาให้ การดาเนินกระบวนพิจ ารณาของศาลเป็ นไปอย่า งล่าช้ า ทัง้ นี ้ เพื่อหลบเลี่ยงการถูก
บัง คับ คดีในภายหน้ า ซึ่งหากไม่ได้ รับความคุ้มครองจากศาลอย่างทันท่วงที แล้ วในบางกรณีเป็ น
ความเสียหายที่ ไม่มี ทางจะแก้ ไ ขหรื อแก้ ไ ขได้ ยากในภายหลัง ก็ จ ะส่ง ผลให้ การบัง คับคดีตาม
ค าพิ พ ากษาหรื อ ตามค าสั่ง ศาลนัน้ ไร้ ผล ด้ ว ยเหตุผ ลดัง กล่ า วนี ก้ ฎหมายจึ ง ได้ บัญ ญั ติ ใ ห้ มี
มาตรการหรื อวิธีการคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณา เพื่อให้ ค่คู วามฝ่ ายที่
ได้ รับความเดือดร้ อนหรื อเสียหายมาร้ องขอรับความคุ้มครองจากศาลโดยด่วน เพื่อขจัดปั ดเป่ า
ความเสียหายนัน้ ๆ ก่อนที่ศาลจะมีคาพิพากษาหรื อมีคาสัง่ ทังนี ้ ้จะต้ องเป็ นไปตามเงื่อนไขหรื อ
เหตุผลอันสมควร จึงอาจกล่าวได้ วา่ “วิธีการชัว่ คราวก่อนการพิพากษาเป็ นกระบวนการที่กาหนดขึ ้น
เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของคูก่ รณีในระหว่างพิจารณา”3
ในทางกลับกันมาตรการหรื อวิธีการชัว่ คราวก่อนการพิพากษานี ้ อาจส่งผลอย่างรุนแรง
ต่อ คู่ค วามฝ่ ายที่ ถูก บัง คับ ตามค าสั่ง ได้ ถ้ า หากเหตุผ ลที่ ใ ช้ ย กอ้ า งในการขอให้ ศ าลก าหนด
มาตรการหรื อ วิธี ก ารคุ้ม ครองชั่ว คราวนัน้ ไม่เ ป็ นความจริ ง ตามที่ก ล่า วอ้ า ง ก็จ ะทาให้ เ กิด
ความไม่เป็ นธรรมต่อคูค่ วามฝ่ ายที่ต้องถูกบังคับตามคาสัง่ กรณีดงั กล่าวหากเกิดขึ ้นในคดีปกครอง
แล้ วย่อมส่งผลกระทบที่รุนแรงและอาจมีผลต่อคนจานวนมาก และโดยปกติแล้ วมักจะมากกว่าคดี
ที่ เ อกชนเป็ นคู่ก รณี กัน เนื่ อ งจากคดี ป กครองประเด็น ข้ อ พิ พ าทส่ว นใหญ่ เป็ นการฟ้ องขอให้
เพิ ก ถอนกฎหรื อ ค าสั่ง ทางปกครองที่ ไ ม่ช อบด้ ว ยกฎหมาย ผลของการที่ ศ าลมี ค าสั่ง ก าหนด
มาตรการหรื อวิธีการคุ้มครองชั่วคราวอาจส่งผลต่อการบริ หารงานของรัฐและบริ การสาธารณะ
ของรั ฐ ที่ จ ะต้ องหยุดชะงักลง ดัง นัน้ มาตรการหรื อวิธี การคุ้ม ครองชั่วคราวก่ อนการพิพ ากษา
3
กฤตยชญ์ ศิริเ ขต, ศาลปกครอง ค าอธิ บายพระราชบัญญัติจัดตัง้ ศาลปกครองและ
วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542, พิมพ์ครัง้ ที่ 2 (กรุงเทพมหานคร : วิทยพัฒน์, 2544), น. 105.
7
โดยทั่ว ไปแล้ ว ไม่ว่า จะเป็ นคดี แ พ่ง หรื อ คดี ป กครองหลัก เกณฑ์ ที่ ศ าลจะน ามาใช้
พิจ ารณาเพื่ อมี ค าสั่ง กาหนดมาตรการหรื อวิธี การชั่วคราวก่อ นการพิพ ากษาจะคล้ ายคลึง กัน
กล่าวคือ การที่ศาลจะกาหนดมาตรการคุ้มครองชัว่ คราวได้ นนั ้ คูค่ วามฝ่ ายที่ได้ รับความเดือดร้ อน
เสียหายหรื ออาจจะเดือดร้ อนเสี ยหายต้ องยื่นคาขอต่อศาลโดยจะยื่นมาพร้ อมกับ คาฟ้ องหรื อ
ยื่น มาในเวลาใด ๆ ก่อนศาลมี คาพิพากษาก็ ได้ โดยในคาขอนัน้ จะต้ องเปิ ดเผยข้ อเท็จจริ งและ
พฤติการณ์ ที่จ าเป็ นให้ ศาลทราบ หรื อแสดงให้ เ ห็นอย่างชัดแจ้ ง ว่า หากศาลไม่ก าหนดวิธี การ
คุ้มครองชัว่ คราวในระหว่างพิจารณาคดีแล้ ว จะทาให้ เกิดความเสียหายที่ยากแก่การเยียวยาแก้ ไ ข
ในภายหลังอย่างไร
ในการพิจารณาคาขอ ศาลจะทาการไต่สวนจนเป็ นที่พ อใจของศาลว่าคาขอนัน้ มี
เหตุเ ป็ นที่น่า เชื่อ ถื อ ได้ และมีเ หตุส มควรที่จ ะนาวิธี ก ารคุ้ม ครองชั่ว คราวตามที่ข อนัน้ มาใช้
8
สาหรับ เงื่ อ นไขที่ศ าลนามาใช้ พิจ ารณาเพื่อ มีคาสั่ง กาหนดมาตรการหรื อ วิธี ก ารชั่ว คราวนัน้
ศาลจะต้ องเห็นว่า4
(1) พฤติการณ์ของจาเลยที่เป็ นเหตุแห่งการฟ้องคดีนนั ้ เป็ นที่นา่ เชื่อได้ ว่าน่าจะไม่ชอบ
ด้ วยกฎหมาย สาหรับคดีปกครองโดยส่วนมากแล้ ว มักจะเป็ นการโต้ แย้ งเกี่ ยวกับกฎหรื อคาสั่ง
ทางปกครอง ดังนัน้ ศาลจะต้ องเห็นว่ากฎหรื อคาสั่งทางปกครองที่เป็ นเหตุแห่ง การฟ้ องคดีนัน้
น่าจะไม่ชอบด้ วยกฎหมาย
(2) มีเหตุจาเป็ นรี บด่วน (urgent necessity) ถื อเป็ นหลักการพืน้ ฐานในการขอให้
ศาลออกคาบังคับฝ่ ายเดียว เช่นเดียวกับหลักเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม (equity) ในระบบ
Common Law การที่ศาลใช้ ดุล พินิจ พิจ ารณานาหลักเพื่อประโยชน์แห่ง ความยุติธ รรมมาใช้
ศาลจะพิจารณาถึงเหตุอนั สมควรในคาขอของผู้ร้องขอ ว่ามีความเกี่ยวข้ องกับประโยชน์สาธารณะ
บ้ างหรื อไม่ มีความจาเป็ นเร่งด่วนที่จะต้ องเยียวยาแก้ ไขอย่างไร และหากศาลอนุญาตตามคาขอ
แล้ วจะเกิ ดปั ญ หาในทางปฏิ บตั ิใดหรื อไม่ ในระบบกฎหมายของประเทศฝรั่ งเศสตามประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เรี ยกวิธีการคุ้มครองชัว่ คราวแบบนี ้ว่า “Ex parte injunction” หรื อ
ในระบบ Common law เรี ยกคาสัง่ แบบนี ้ว่า “temporary restraining order” ในการพิจารณา
คาขอ “Ex parte injunction” ศาลจะพิจารณาถึงเหตุผลและการแสดงให้ ศาลเห็นถึงความจาเป็ น
ในการร้ อ งขอต่อศาลให้ มีคาสัง่ เช่น นั ้น และไม่เ หมาะสมอย่า งไรหากคู่ก รณีมีโ อกาสคัด ค้ า น
คาสัง่ ก่อน แต่ทงั ้ นี ้ คู่กรณี มี โอกาสคัดค้ านคาสั่งศาลได้ ตามระยะเวลาที่ กาหนด รวมทัง้ เสนอ
พยานหลักฐานใหม่ได้ ด้วย กรณีที่ศาลเห็นว่ามีความจาเป็ นเร่งด่วนที่จะต้ องได้ รับความคุ้มครอง
จากศาลในทันที โดยส่ว นมากมักเป็ นกรณี ที่สิทธิ เสรี ภ าพขัน้ พื น้ ฐานถูกกระทบอย่างร้ ายแรง
การพิจารณาว่าเรื่ องใดมีความจาเป็ นเร่งด่วนหรื อไม่นนั ้ อาจจะพิจารณาจากข้ อเท็จจริ งหรื อเหตุ
ที่เป็ นข้ ออ้ างในการขอให้ มีการกาหนดมาตรการชั่วคราว ซึ่ง เหตุจ าเป็ นเร่ งด่วนนัน้ จะต้ องมีอยู่
ในขณะพิจารณาคาขอให้ กาหนดมาตรการชัว่ คราว เช่น หน่วยงานทางปกครองกาลังดาเนินการให้
มีการลงนามในสัญญาซื ้อขายคอมพิวเตอร์ ซึง่ เป็ นขันตอนที ้ ่อาจเกิดขึ ้นได้ ทกุ ขณะอันอาจส่งผลต่อ
ผู้ร้องขอจะต้ องเสียสิทธิเป็ นคูส่ ญ ั ญา
(3) การให้ จาเลยกระทาต่อไปนัน้ จะทาให้ เกิดความเสียหายอย่ างร้ ายแรงที่ยากแก่
การเยียวยาแก้ ไขในภายหลัง หรื อการให้ กฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองมีผลใช้ บงั คับต่อไปจะทาให้ เกิด
ความเสียหายอย่างร้ ายแรง อันยากแก่การเยียวยาแก้ ไขในภายหลัง
4
อภิรดี สุทธิสมณ์, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 1, น. 8-9.
9
5
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 29 บัญญัตวิ า่
“การจากัดสิทธิและเสรี ภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ จะกระทามิได้ เว้ นแต่โดย
อาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี ้กาหนดไว้ และเท่าที่เป็ น
และจะกระทบกระเทือนสาระสาคัญแห่งสิทธิและเสรี ภาพนันมิ ้ ได้
กฎหมายตามวรรคหนึ่งต้ องมีผลใช้ บงั คับเป็ นการทัว่ ไป และไม่ม่งุ หมายให้ ใช้ บงั คับแก่
กรณี ใ ดกรณี ห นึ่ง หรื อบุคคลใดบุค คลหนึ่ง เป็ นการเฉพาะเจาะจง ทัง้ ต้ อ งระบุบ ทบัญญัติแ ห่ง
รัฐธรรมนูญที่ให้ อานาจในการตรากฎหมายนันด้ ้ วย…”
6
คาสัง่ คาร้ องศาลแพ่งที่ 16374/2536.
11
ประเด็น ที่ ต้อ งพิ จ ารณาต่อ ไปเกี่ ย วกับ คาขอคุ้ม ครองชั่ว คราว คือ ค าขอคุ้ม ครอง
ชัว่ คราวต้ องเป็ นคนละประเด็นกับการพิพากษาในเนื ้อหาของคดี 7 เช่นกรณีที่ฟ้องว่าเจ้ าหน้ าที่ของ
รัฐหรื อหน่วยงานทางปกครองละเลยต่อหน้ าที่ไม่ออกใบอนุญาตให้ ถ้ าศาลพิพากษาว่าเป็ นการ
ละเลยต่อ หน้ า ที่จ ริ ง ก็ต้ อ งสั่ง ให้ เ จ้ า หน้ า ที่ห รื อ หน่ว ยงานของรัฐ ดาเนิน การพิจ ารณาในเรื่ อ ง
ดังกล่าวให้ แต่ถ้าในคาฟ้องดังกล่าวมีคาขอให้ ศาลมีคาสัง่ ให้ เจ้ าหน้ าที่หรื อหน่วยงานทางปกครอง
ออกใบอนุญ าตให้ เ ป็ นการชั่ว คราวก่อ น หากศาลมีคาสั่ง กาหนดมาตรการชั่ว คราวให้ ก็มีผ ล
เท่ากับว่าศาลได้ ลงไปวินิจฉัยในเนื ้อหาของคดีแล้ ว คือ มีคาสัง่ ให้ เจ้ าหน้ าที่หรื อหน่วยงานทางปกครอง
ออกใบอนุญาตให้ ซึ่งถือว่าเป็ นการวินิจฉัยคดีเป็ นการล่วงหน้ าไปแล้ ว ดังนัน้ การใช้ ดลุ พินิจของศาล
ในการกาหนดมาตรการคุ้มครองชัว่ คราวจะต้ องจากัดขอบเขตการใช้ อานาจให้ เหมาะสม มิเช่นนัน้
แล้ วศาลก็สามารถสัง่ มาตรการคุ้มครองชัว่ คราวอย่างใดก็ได้ โดยแทบไม่มีขอบเขต
สาหรับมาตรการหรื อวิธีการชัว่ คราวที่ศาลกาหนดให้ มีขึ ้นระหว่างการพิจารณาคดี
ของศาลนัน้ ไม่ว่าจะเป็ นคดีแพ่งหรื อคดีปกครองต่างก็มีจุดประสงค์อย่างเดียวกัน คือ มาตรการนัน้ ๆ
จะต้ องสามารถคุ้มครองสิทธิหรื อสถานะของบุคคลที่เป็ นคูค่ วามในคดีมิให้ ถกู กระทบกระเทือนใน
ระหว่างการดาเนินกระบวนพิจารณาของศาลได้ มาตรการที่ศาลนามาใช้ นอกจากที่บญ ั ญัติไว้ ใน
กฎหมายแล้ ว ในระบบกฎหมายของบางประเทศศาลอาจกาหนดให้ มีมาตรการเยียวยาอย่างอื่นได้
เช่น ในระบบกฎหมายของประเทศสหรั ฐ อเมริ กา มาตรการคุ้ม ครองชั่วคราวในคดีแพ่ง ที่ ศาล
นามาใช้ เยียวยาให้ แก่บุคคลในระหว่างพิจารณาคดีอาจแบ่งได้ เป็ น 2 ประการ คือ มาตรการเยียวยา
โดยกฎหมาย (a legal remedy) อันได้ แก่ การชดใช้ ค่าเสียหายเป็ นเงินสาหรับความเสียหาย
ที่ เ กิ ดจากการถูกละเมิ ดสิ ทธิ และมาตรการเยี ยวยาตามหลักเพื่ อประโยชน์ แห่ง ความยุติธ รรม
(an equity remedy) ซึ่งจะนามาใช้ ในกรณี การบังคับกับบุคคลเท่านัน้ (in-personam jurisdiction)
มิได้ นามาใช้ ในกรณีของการบังคับเอากับทรัพย์สิน (not in in-rem proceeding) สาหรับมาตรการ
เยียวยาตามหลักเพื่อประโยชน์แห่ง ความยุติธ รรม (an equity remedy) นี ้ จะถูก นามาใช้ เป็ น
มาตรการเสริ มในกรณี ที่มาตรการเยียวยาทางกฎหมายไม่มีประสิทธิ ภาพ หรื อ ไม่เ พี ย งพอต่อ
การเยี ย วยาแก้ ไ ขในเรื่ อ งใดเรื ่ อ งหนึ ่ง ได้ ซึ ่ง อาจจะต้ อ งมี ม าตรการพิเ ศษ ในการเยี ยวยา
ความเสียหายตามที่โจทก์ ร้องขอ กล่าวโดยสรุ ป มาตรการที่ศาลจะกาหนดให้ มีขึน้ นัน้ โดยมากแล้ ว
ศาลมักจะมี ค าสั่ง เช่ น ค าสั่งให้ กระท าการหรื องดเว้ นกระท าการ ค าสั่งป้ องกั นความเสี ย หาย
ในอนาคต และคาสัง่ ให้ จาเลยเยียวยาให้ โจทก์กลับคืนสูส่ ถานะเดิม เป็ นต้ น
7
อภิรดี สุทธิสมณ์, อ้างแล้ว เชิ งอรรถที ่ 1, น. 11.
12
8
พระราชบัญญัติจดั ตังศาลปกครองและวิ
้ ธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 66
บัญญัตวิ า่
“ในกรณีที่ศาลปกครองเห็นสมควรกาหนดมาตรการหรื อวิธีการใดๆ เพื่อบรรเทาทุกข์ให้ แก่
คู่กรณี ที่เกี่ ยวข้ องเป็ นการชัว่ คราวก่ อนการพิพากษาคดี ไม่ว่าจะมีคาร้ องขอจากบุคคลดังกล่าว
หรื อ ไม่ ให้ ศ าลปกครองมี อ านาจก าหนดมาตรการหรื อ วิ ธี ก ารชั่ว คราว และออกค าสั่ง ไปยัง
หน่วยงานทางปกครองหรื อเจ้ าหน้ าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้ องให้ ปฏิบตั ิได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่
กาหนดโดยระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด
การก าหนดหลัก เกณฑ์ แ ละวิ ธี ก ารตามวรรคหนึ่ ง ให้ ค านึ ง ถึ ง ความรั บ ผิ ด ชอบของ
หน่วยงานทางปกครองหรื อเจ้ าหน้ าที่ของรัฐและปั ญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ ้นแก่การบริ หารงานของ
รัฐประกอบด้ วย”
13
การกาหนดมาตรการหรื อ วิธี ก ารใด ๆ เพื่ อ บรรเทาทุก ข์ ชั่ว คราวให้ แ ก่คู่ก รณี ที่ เ กี่ ย วข้ อ งไว้ ใ น
ภาค 2 หมวด 5 วิธี ก ารชัว่ คราวก่อนการพิพากษา ข้ อ 69 - 77 ซึ่งได้ บญ ั ญัติการกาหนดวิธีการ
ชัว่ คราวก่อนการพิพ ากษาออกเป็ น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 การทุเลาการบัง คับตามกฎหรื อคาสั่ง
ทางปกครอง 9 ส่วนที่ 2 การบรรเทาทุกข์ชวั่ คราว10
ในชันยกร่
้ างระเบียบที่ประชุมใหญ่ของตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณา
คดีปกครอง ในส่วนของวิธีการชัว่ คราวก่อนการพิพากษานัน้ ผู้ยกร่างเห็นควรให้ มีการนากฎหมาย
วิธี พิจารณาคดีปกครองของประเทศฝรั่ งเศสมาใช้ เป็ นต้ นแบบในการยกร่ างกฎหมาย โดยการน า
มาตราที่บัญญัติไว้ ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีในศาลปกครองชัน้ ต้ นและศาลปกครอง
ชันอุ
้ ทธรณ์ ซึ่งเป็ นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ ก่อนที่จะมีการปฏิรูปกฎหมาย ใน ปี ค.ศ. 2000 หรื อ
ก่อนที่ประเทศฝรั่งเศสจะได้ มีการจัดทาประมวลกฎหมายว่าด้ วยกระบวนการยุติธรรมทางปกครอง
(Code de justice administrative) โดยมีมาตรการที่สาคัญ 2 มาตรการ คือ มาตรการทุเลาการบังคับ
ตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง (le sursis à exécution) และมาตรการฉุกเฉิน (mesures d’urgence)
สาหรับประเทศไทยเมื่อจะนามาตรการดังกล่าวมาใช้ บงั คับ ผู้ยกร่างเห็นควรให้ นามาเฉพาะมาตรการ
ที่เ ป็ นลัก ษณะเด่น ของระบบกฎหมายของประเทศฝรั่งเศส คือ “การทุเลาการบังคับตามกฎหรื อ
คาสั่ง ทางปกครอง” (le sursis à execution) โดนเน้ นเฉพาะว่าเป็ นมาตรการที่ ใช้ ส าหรั บ กรณี
ที่ มีการฟ้องขอให้ เพิกถอนกฎหรื อคาสั่งทางปกครองเท่านัน้ ซึ่งมีหลักเกณฑ์และวิธีพิจารณาคดี
ที่คล้ ายคลึงกับระบบวิธีพิจารณาคดีของศาลปกครองฝรั่งเศส
สาหรั บ คาฟ้ องประเภทอื่ น นอกเหนื อ จากคาฟ้ องขอให้ เ พิ ก ถอนกฎหรื อ คาสั่ง
ทางปกครอง ได้ แก่ คาฟ้องที่เกี่ยวกับเจ้ าหน้ าที่หรื อหน่วยงานของรัฐละเลยต่อหน้ าที่ หรื อปฏิบตั ิ
หน้ าที่ล่าช้ าเกินสมควร คาฟ้องให้ ช ดใช้ ค่าสินไหมทดแทนอันเนื่ องมาจากการที่เจ้ าหน้ าที่ หรื อ
หน่วยงานของรั ฐ กระทาละเมิ ด หรื อคาฟ้ องเกี่ ยวกับสัญ ญาทางปกครองนัน้ จ าเป็ นที่ จ ะต้ อ ง
กาหนดมาตรการชัว่ คราวอื่นๆ มาใช้ บงั คับให้ เหมาะสมกับคาฟ้องคดีประเภทเหล่านี ้ ผู้ยกร่ างได้
พยายามหามาตรการหรื อวิธีการที่เหมาะสมสามารถนามาใช้ บงั คับได้ จ ริ ง กับคดีปกครองไทย
9
การขอทุเ ลาการบัง คับ ตามกฎหรื อ ค าสั่ง ทางปกครองในที่ นี ห้ มายถึ ง การขอทุเ ลา
การบัง คับ ตามกฎหรื อ ค าสั่ง ทางปกครองที่ มี ก ารฟ้ องคดี ต่อ ศาลเพื่ อ ขอให้ เ พิ ก ถอนกฎหรื อ
ค าสั่ง ทางปกครอง เพราะการฟ้ องคดี ไ ม่ มี ผ ลเป็ นในการทุเ ลาการบัง คับ ตามกฎหรื อ ค าสั่ง
ทางปกครองนันได้้ เว้ นแต่ศาลจะสัง่ เป็ นอย่างอื่น
10
ไชยเดช ตัน ติเ วสส, คู่มื อ เรื่ อ ง มาตรการหรื อวิ ธี ก ารชั่ วคราว, (กรุ ง เทพมหานคร :
สานักงานศาลปกครอง), น. 45-46.
14
ซึ ่ง เมื ่ อ พิจ ารณาแล้ ว เห็น ว่า ก่อ นที ่ จ ะมี ก ารจัด ตั ง้ ศาลปกครองนั น้ ศาลยุ ต ิธ รรมได้ เ คย
รั บ ฟ้ องคดี ป กครองเช่ น เดี ย วกับ การรั บ เรื่ อ งราวร้ องทุก ข์ ข องคณะกรรมการวิ นิ จ ฉัย ร้ องทุก ข์
โดยการรั บ ฟ้ องคดีปกครองดังกล่าวคู่ความก็สามารถยื่นคาขอให้ ศาลกาหนดมาตรการชั่วคราว
ก่ อนการพิ พ ากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิ ธี พิ จ ารณาความแพ่ ง ภาค 4 ลัก ษณะ 1 เช่ น
โจทก์ ฟ้ องว่ า จ าเลย (หน่ว ยงานของรั ฐ ) กระท าละเมิ ด ต่อ โจทก์ โ ดยการก่ อ สร้ างทางปิ ดกัน้
ทางเข้ าออกโรงสีข้าวของโจทก์ส่ถู นนหลวงซึ่งมีทางเข้ าออกทางเดียวทาให้ โจทก์ได้ รับความเสียหาย
และขอให้ ศ าลมี คาสั่งห้ ามจาเลยกระทาซ ้าหรื อกระทาต่อไปซึ่งเป็ นการละเมิดตามที่ถูกฟ้องร้ อง
หรื อโจทก์ฟ้องขอให้ ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็ นผู้มีสิทธิ ครอบครองในที่ดินพิพาท และขอให้ ศาล
มี คาสั่ง ห้ า มจาเลยกระทาการใดๆ ในที่ดิน พิพ าทก่อ นที่ศ าลจะมีคาพิพ ากษา เป็ นต้ น ดัง นัน้
ผู้ยกร่ างจึง เห็นสมควรให้ นามาตรการหรื อวิธี การชั่วคราวที่ บญ ั ญัติไ ว้ ในประมวลวิธี พิจ ารณา
ความแพ่งมาใช้ บงั คับกับคดีปกครองเป็ นอีกมาตราหนึง่ ซึง่ เรี ยกว่า “การบรรเทาทุกข์ชวั่ คราว11”
บทบัญ ญั ติ ม าตรา 66 แห่ง พระราชบัญ ญั ติ จัด ตัง้ ศาลปกครองและวิ ธี พิ จ ารณา
คดีปกครอง พ.ศ. 2542 จึงเป็ นบทบัญญัติทั่วไปที่บญ ั ญัติหลักการการกาหนดมาตรการหรื อ
วิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ให้ แก่คกู่ รณีเป็ นการชัว่ คราวก่อนการพิพากษาไว้ อย่างกว้ าง ๆ ว่าเป็ นอานาจ
ดุลพินิจของศาลและบัญญัติกรอบรายละเอียดของหลักเกณฑ์และวิธีการที่จะกาหนดโดยระเบียบ
ของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดไว้ ในวรรคสองว่า ต้ องคานึงถึงความรั บผิดชอบ
ของหน่วยงานทางปกครองหรื อเจ้ าหน้ าที่ของรัฐ และปั ญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ ้นแก่การบริ หารงาน
ของรั ฐ ด้ วย ซึ่ ง ที่ ประชุม ใหญ่ ตุล าการในศาลปกครองสูง สุดได้ ก าหนดหลักเกณฑ์ และวิ ธี การ
เกี่ยวกับการกาหนดวิธีการชัว่ คราวก่อนการพิพากษาไว้ ในหมวด 5 ตังแต่ ้ ข้อ 69 - 77 แห่งระเบียบ
ของที่ ป ระชุม ใหญ่ ตุล าการในศาลปกครองสูง สุด ว่ าด้ วยวิ ธี พิ จ ารณาคดี ปกครอง พ.ศ. 2543
ทั ง้ นี ้ บทบั ญ ญั ติ แ ห่ ง กฎหมายดัง กล่ า ว ก าหนดให้ การทุ เ ลาการบัง คับ ตามกฎหรื อ ค าสั่ ง
ทางปกครองและการบรรเทาทุก ข์ ชั่วคราว มี โ ครงสร้ างวิธี พิ จ ารณาของศาลแยกออกจากกัน
เป็ นสองส่วน ดังนี ้
11
มาตรการบรรเทาทุกข์ชวั่ คราว คือ มาตรการอย่างใดๆ ที่ศาลนามาใช้ โดยให้ มีผลเป็ น
การชัว่ คราว เพื่อเป็ นการคุ้มครองประโยชน์ของคู่กรณี ถือเป็ นมาตรการเสริ มที่กฎหมายกาหนด
ให้ มี ขึน้ เพื่อใช้ ในกรณี ทั่วไปนอกเหนื อไปจากมาตรการทุเลาการบัง คับตามกฎหรื อคาสั่ง ทาง
ปกครอง โดยมาตรการบรรเทาทุกข์ ชั่วคราวในคดีปกครองอาจแบ่งเป็ น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
มาตรการในเชิงป้องกันและมาตรการในเชิงบังคับ
15
1.4.1 การทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครอง
การทุเ ลาการบัง คับตามกฎหรื อคาสั่ง ทางปกครอง หมายความว่า การให้ กฎหรื อ
คาสั่ง ทางปกครองไม่มี ผ ลบัง คับทางกฎหมายในระหว่า งที่ คดีนัน้ อยู่ใ นระหว่างการพิ จ ารณา
พิพากษา หรื อในระหว่างระยะเวลาอุทธรณ์ในกรณีที่มีการอุทธรณ์คาพิพากษา หรื อจนกว่าศาลจะ
มี คาสั่ง ถึ ง ที่ สุด มาตรการชั่ว คราวดัง กล่าวใช้ ส าหรั บคดี พิพ าทที่ เกี่ ย วกับ การที่ ห น่วยงานทาง
ปกครองหรื อเจ้ า หน้ าที่ ของรั ฐ กระทาการโดยไม่ช อบด้ วยกฎหมาย โดยการออกกฎหรื อคาสั่ง
ทางปกครอง ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติจดั ตังศาลปกครองและวิ ้ ธีพิจารณา
คดีปกครอง พ.ศ. 254312 ผู้ฟ้องคดีจงึ นาคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ ศาลปกครองมีคาสัง่
เพิกถอนกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองดังกล่าว ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะขอกล่าวต่อไปในบทที่ 3
12
พระราชบัญญัตจิ ดั ตังศาลปกครองและวิ
้ ธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543
มาตรา 9 วรรคหนึง่ (1) บัญญัตวิ า่
“ศาลปกครองมีอานาจพิจารณาพิพากษาหรื อมีคาสัง่ ในเรื่ องดังต่อไปนี ้
(1) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรื อเจ้ าหน้ าที่ของรัฐกระทาการโดยไม่
ชอบด้ วยกฎหมายไม่ว่าจะเป็ นการออกกฎ คาสั่งหรื อการกระทาอื่นใดเนื่องจากกระทาโดยไม่มี
อานาจหรื อนอกเหนืออานาจหน้ าที่หรื อกระทาโดยไม่ถกู ต้ องตามกฎหมาย หรื อโดยไม่ถกู ต้ องตาม
รูปแบบขันตอน้ หรื อวิธีการอันเป็ นสาระสาคัญที่กาหนดไว้ สาหรับการกระทานัน้ หรื อโดยไม่สจุ ริ ต
หรื อมีลกั ษณะเป็ นการเลือกปฏิบตั ทิ ี่ไม่เป็ นธรรม หรื อมีลกั ษณะเป็ นการสร้ างขันตอนโดยไม่
้ จาเป็ น
หรื อสร้ างภาระให้ เกิดกับประชาชนเกินสมควร หรื อเป็ นการใช้ ดลุ พินิจโดยไม่ชอบ”
16
1) กรณี ขอบรรเทาทุก ข์ ชั่ว คราว กรณี นี ผ้ ้ ูฟ้ องคดี จ ะต้ องยื่ น ค าร้ องให้ ศ าลมี คาสั่ง
ก าหนดมาตรการหรื อ วิ ธี ก ารคุ้ม ครองอย่ า งใดๆ เพื่ อบรรเทาทุ ก ข์ ชั่วคราวก่ อ นการพิ พ ากษา
โดยจะยื่นคาขอมากับคาฟ้อง หรื อยื่นในเวลาใดก็ได้ ก่อนศาลมีคาพิพากษาหรื อคาสัง่ ชี ้ขาดคดี
2) กรณีขอให้ ค้ มุ ครองประโยชน์ กรณีนี ้ผู้ยื่นคาขออาจเป็ นผู้ฟ้องคดี ผู้ถกู ฟ้องคดีหรื อ
บุคคลอื่นก็ได้ โดยยื่นคาขอในเวลาใดก็ได้ ก่อนศาลมีคาพิพากษาหรื อคาสัง่ ชี ้ขาดคดี วัตถุประสงค์
ก็เพื่อให้ ศาลมีคาสั่งกาหนดวิธีค้ มุ ครองประโยชน์ของผู้ขอ หรื อเพื่อประโยชน์ในการบัง คับตาม
คาพิพากษาเมื่อคดีสิ ้นสุด เมื่อยื่นคาขอมาแล้ วการพิจารณาคาขอบรรเทาทุกข์ชวั่ คราวนี ้จะต้ องกระทา
โดยองค์คณะ โดยไม่ต้องมีคาแถลงการณ์ของตุลาการผู้แถลงคดี เว้ นแต่องค์คณะจะเห็นสมควรให้ มี
คาแถลงการณ์ ในกรณีดงั กล่าวคาแถลงการณ์นนจะกระท ั้ าด้ วยวาจาก็ได้ ศาลอาจสัง่ ให้ ตามคาขอ
หรื อยกคาขอก็ได้ กรณีสงั่ ไม่รับหรื อยกคาขอ คาสัง่ นันจะถื ้ อเป็ นที่สดุ 13
ดังนัน้ การบรรเทาทุกข์ชวั่ คราวจึงเป็ นกรณีอื่น นอกเหนือจากการที่ผ้ ฟู ้ องคดีอาจขอให้
ศาลมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองตามข้ อ 69 ดังกล่าวมาแล้ ว อาจมีกรณีที่
คูก่ รณีมีความจาเป็ นต้ องขอให้ ศาลมีคาสัง่ กาหนดมาตรการหรื อวิธีการคุ้มครองชัว่ คราวอย่างใด ๆ
เพื่อบรรเทาทุกข์ชวั่ คราวก่อนการพิพากษาหรื อเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอในระหว่างพิจารณา
หรื อเพื่อบังคับตามคาพิพากษาก็ได้ 14 เช่น การที่ผ้ ูถกู ฟ้องคดี(เอกชน) กระทาซ ้าหรื อกระทาต่อไป
ซึง่ การละเมิด หรื อผิดสัญญา หรื อกระทาการที่ถกู ฟ้องร้ อง หรื อสัง่ ให้ นายทะเบียนระงับการจดทะเบียน
แก้ ไ ขเปลี่ ยนแปลงทางทะเบีย นไว้ ชั่วคราวจนกว่า คดี จ ะถึง ที่ สุด หรื อคู่กรณี ข อให้ ศ าลสั่ง ให้ มี
การนาทรั พย์ สิ นหรื อเงิ นที่ พิพาทมาวางต่อศาลหรื อตัวบุคคลภายนอก ฯลฯ ในระหว่างพิจารณา
หรื อ เพื่ อบัง คับตามคาพิพากษา ทัง้ นี ้ เพื่ อมิ ให้ เกิดความเสียหายที่ยากแก่การเยียวยาแก้ ไ ขได้
ในภายหลั ง ซึ่ ง ศาลย่ อมพิ จ ารณาพิ พ ากษาค าสั่ง ดัง กล่ าว หากกรณี เป็ นไปตามหลั กเกณฑ์
ที่กาหนดไว้ ใน ข้ อ 75 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณา
คดีปกครอง พ.ศ. 254315
13
กฤตยญช์ ศิริเขต, อ้างแล้ว เชิ งอรรถที ่ 4, น. 108 .
14
สถาบันวิจัยและให้ คาปรึ กษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ . รายงานวิจัยเรื่ องมาตรการ
ชัว่ คราวก่อนการพิพากษา, (กรุงเทพมหานคร : สานักงานศาลปกครอง, 2545), น. 101.
15
ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2543 ข้ อ 75 บัญญัตวิ า่
“นอกจากที่กล่าวในข้ อ 69 ในเวลาใดๆ ก่อนศาลมีคาพิพากษาหรื อคาสัง่ ชี ้ขาดคดี ผู้ฟ้อง
คดีอาจยื่นคาขอให้ ศาลมีคาสั่งกาหนดมาตรการหรื อวิธีการคุ้มครองอย่างใดๆ เพื่อ บรรเทาทุกข์
17
(อนุโ ลม ตาม ปวิพ . มาตรา 26618 ซึ่ง จะต้ องอนุโลมนาหลักเกณฑ์ ก ารพิ จ ารณาคาขอรวมทัง้
เงื่ อนไขในการออกค าสั่ง ตาม ปวิ พ. มาตรา 26719 และมาตรา 26820 และผลของค าสั่งตาม
มาตรา 269 มาใช้ ด้วย)
เสี ยหายที่ โจทก์ อาจได้ รับต่อไป เนื่ องจากการกระทาของจ าเลย หรื อมีคาสั่งชั่วคราวห้ ามมิ ให้
จาเลยโอน ขาย ยักย้ าย หรื อจาหน่ายซึ่งทรัพย์สินที่พิพาท ทรัพย์สินของจาเลย หรื อมีคาสัง่ ให้ หยุด
หรื อป้องกันการเปลืองไปเปล่า หรื อการบุบสลายซึ่งทรัพย์สินดังกล่าว ทังนี ้ ้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
หรื อศาลจะมีคาสัง่ เป็ นอย่างอื่น
(3) ให้ ศาลมีคาสัง่ ให้ นายทะเบียน พนักงานเจ้ าหน้ าที่ หรื อบุคคลอื่นผู้มีอานาจหน้ าที่ตาม
กฎมาย ระงับการจดทะเบียน การแก้ ไขเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน หรื อการเพิกถอนการจดทะเบียน
ที่เกี่ ยวกับทรัพย์สินที่พิพาท หรื อทรัพย์สินของจาเลย หรื อที่เกี่ ยวกับการกระทาที่ถูกฟ้องร้ องไว้
ชั่ว คราวจนกว่า คดี จ ะถึ ง ที่ สุด หรื อ ศาลจะมี ค าสั่ง เป็ นอย่า งอื่ น ทัง้ นี ้ เท่า ที่ ไ ม่ขัด หรื อ แย้ ง ต่อ
บทบัญญัตแิ ห่งกฎหมายที่เกี่ยวข้ อง
(4) ให้ จบั กุมและกักขังจาเลยไว้ ชวั่ คราว
18
มาตรา 266 บัญญัตวิ า่ “ในกรณีที่มีเหตุฉกุ เฉินเมื่อโจทก์ยื่นคาขอตามมาตรา 254 โจทก์
จะยื่นคาร้ องรวมไปด้ วย เพื่อให้ ศาลมีคาสัง่ หรื อออกหมายตามที่ขอโดยไม่ชกั ช้ าก็ได้
เมื่อได้ ยื่นคาร้ องเช่นว่านี ้มาแล้ ว วิธีพิจารณาและชี ้ขาดคาขอนัน้ ให้ อยู่ภายใต้ บทบัญญัติ
มาตรา 267 มาตรา 268 และมาตรา 269”
19
มาตรา 267 บัญญัตวิ ่า “ให้ ศาลพิจารณาคาขอเป็ นการด่วน ถ้ าเป็ นที่พอใจจากคาแถลง
ของโจทก์หรื อพยานหลักฐานที่โจทก์ได้ นามาสืบ หรื อที่ศาลได้ เรี ยกมาสืบเองว่าคดีนนเป็ ั ้ นคดีมีเหตุ
ฉุกเฉิ นและคาขอนัน้ มีเ หตุผลสมควรอันแท้ จริ ง ให้ ศาลมี คาสั่งหรื อออกหมายตามที่ขอภายใน
ขอบเขตและเงื่อนไขไปตามที่เห็นจาเป็ นทันที ถ้ าศาลมีคาสัง่ ให้ ยกคาขอ คาสัง่ เช่นว่านี ้ให้ เป็ นที่สดุ
จาเลยอาจยื่นคาขอโดยพลันให้ ศาลยกเลิกคาสัง่ หรื อหมายนันเสี ้ ย และให้ นาบทบัญญัติ
แห่งวรรคก่อนมาใช้ บงั คับโดยอนุโลม คาขอเช่นว่านี ้อาจทาเป็ นคาขอฝ่ ายเดียวโดยได้ รับอนุญาต
จากศาล ถ้ าศาลมีคาสัง่ ยกเลิกคาสัง่ เดิมตามคาขอ คาสัง่ เช่นว่านี ้ให้ เป็ นที่สดุ
การที่ศาลยกเลิกคาขอในเหตุฉกุ เฉิน หรื อยกเลิกคาสัง่ ที่ได้ ออกตามคาขอในเหตุฉกุ เฉินนัน้
ย่อมไม่ตดั สิทธิโจทก์ที่จะเสนอคาขอตามมาตรา 254 นันใหม่ ้ ”
20
มาตรา 268 บัญญัติว่า “กรณี ที่มีคาขอในเหตุฉุกเฉิ น ให้ ศาลมีอานาจที่จะใช้ ดุลพินิจ
วินิจฉัยว่าคดีนนมี ั ้ เหตุฉกุ เฉินหรื อไม่ ส่วนวิธีการที่ศาลจะกาหนดนัน้ หากจาเป็ นต้ องเสื่อมเสียแก่
สิทธิของคูค่ วามในประเด็นแห่งคดี ก็ให้ เสื่อมเสียเท่าที่จาเป็ นแก่กรณี”
บทที่ 2
การทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครองตามกฎหมายต่ างประเทศ
1
บรรเจิด สิงคะเนติ, ความรู้ เบื ้องต้ นเกี่ยวกับคดีปกครองเยอรมัน , (กรุ งเทพมหานคร :
โครงการตาราและวารสารนิตศิ าสตร์ คณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , 2547), น. 159.
19
20
2
กมลชัย รัตนสกาววงศ์, หลักกฎหมายปกครองเยอรมัน, (กรุงเทพมหานคร : ศูนย์ยโุ รปศึกษา
แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2544), น. 192.
21
2.1 การทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครองตามกฎหมายฝรั่งเศส
3
อภิ ร ดี สุท ธิ ส มณ์ , “มาตรการหรื อวิ ธี การชั่วคราวก่ อนการพิพ ากษาในคดีปกครอง”,
(วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต คณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , 2548), น 14.
22
4
นั น ทวั ฒ น์ บรมานั น ท์ , หลั ก พื น้ ฐานกฎหมายปกครองฝรั่ ง เศส, พิ ม พ์ ค รั ง้ ที่ 2
(กรุงเทพมหานคร : วิญญูชน, 2551), น. 172.
5
ไชยเดช ตันติเวสส, คูม่ ือ เรื่ องมาตรการหรื อวิธีการชัว่ คราว, (กรุงเทพมหานคร : สานักงาน
ศาลปกครอง, 2543), น. 15.
23
ธรรมนู ญ สมศัก ดิ์, “วิ ธี ก ารชั่ว คราวก่ อ นการพิ พ ากษาคดี ป กครอง”, (วิ ท ยานิ พ นธ์
6
7
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะ, “รายงานวิจัยเรื่ องมาตรการชั่วคราวก่อนการพิพากษา”,
สถาบันวิจัยและให้ ค าปรึ กษาแห่งมหาวิ ทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอต่อ ส านักงานศาลปกครอง,
2545, น. 51.
8
ยงยุทธ อนุกูล และคณะ, หลักกฎหมายปกครองฝรั่งเศส, (กรุ งเทพมหานคร : สานักงาน
ศาลปกครอง, 2547), น. 188.
9
เอกบุญ วงศ์สวัสดิก์ ลุ และคณะ, “รายงานวิจยั เรื่ องวิธีพิจารณาคดีปกครองเปรี ยบเทียบ”,
สถาบันวิจัยและให้ คาปรึ กษาแห่ง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอต่อสานักงานศาลปกครอง,
2549, น. 160.
25
10
วรเจตน์ ภาคีรัตน์. อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 7. น. 52-53.
26
อนึ่ ง ทฤษฎี นี ม้ ี นักวิ ชาการบางส่ วนไม่ เห็ นด้ วย แต่นัก วิ ช าการส่ ว นใหญ่ แ ล้ ว ยอมรั บ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาแห่ง รัฐถึงกับให้ ระบุว่า หลักเรื่ องคาสั่งที่ มีผลใช้ บงั คับได้ ทันทีนีเ้ ป็ นกฎ
พื ้นฐานของกฎหมายมหาชนฝรั่งเศส (la règle fondamentale du droit public)
อย่างไรก็ ดี แม้ ว่าหลักที่ว่า การฟ้องคดีไ ม่มีผลเป็ นการทุเลาการบังคับตามกฎหรื อ
คาสัง่ ทางปกครอง จะมีเหตุผลสนับสนุนทัง้ ในทางทฤษฎีและในทางปฏิบตั ิ แต่หลักนี ้ก็มีข้อเสีย
เช่นกัน กล่าวคือ การปล่อยให้ กฎหรื อคาสั่งทางปกครองมีผลบัง คับต่อไป แม้ จ ะมีการฟ้ องคดี
ต่อศาล อาจทาให้ การฟ้องคดีเป็ นการเปล่าประโยชน์ เนื่องจากกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองดังกล่าว
ได้ ส่งผลจนเสร็ จสิ ้นไปแล้ ว ทัง้ ๆ ที่เป็ นกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองที่ไม่ชอบด้ วยกฎหมาย ซึ่ง มีค่า
เท่ากับทาให้ คาสัง่ เพิกถอนกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองดังกล่าวของศาล เป็ นแต่เพียงการเพิกถอน
ในทางทฤษฎี เท่านัน้ นอกจากนี ้ แม้ ในทางกฎหมายคาสั่งเพิกถอนจะเป็ นการลบล้ างทุกสิ่งทุก
อย่างที่เกิดขึ ้นจากกฎหรื อคาสัง่ ที่ถูกเพิกถอน แต่ในความเป็ นจริ งนันสิ ้ ่งที่ส่งผลไปแล้ วไม่อาจลบ
ล้ างได้ จะกระทาได้ ก็คือ การกระทาการขึ ้นใหม่ที่เป็ นการกระทาให้ ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม
เท่าที่จะกระทาได้ ซึง่ ในบางกรณีอาจทาให้ ใกล้ เคียงกับสภาพเดิมได้ หรื อด้ วยการชดใช้ คา่ เสียหาย
แต่ในบางกรณีผลของการดาเนินการตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง ไม่อาจทาให้ สิ่งที่เกิดขึ ้นไป
แล้ วกลับคืนสูส่ ภาพเดิมได้ เช่น การทาลายโบราณสถาน ซึ่งมีคากล่าวของศาสตราจารย์ Hauriou
ว่า “ไม่มีค่าทดแทนใดในโลกนี ้ที่จะมาชดเชยการทาลายโบราณสถานได้ อีก ” ด้ วยเหตุนี ้ หลักใน
เรื่ องการฟ้องคดีไม่มีผลเป็ นการทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง จึงต้ องมีกลไกเพื่อ
แก้ ไขปั ญหาดังกล่าว ซึ่งกลไกที่สาคัญก็คือ การใช้ อานาจศาลในการกาหนดมาตรการชั่วคราว
สัง่ ให้ ทเุ ลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง11
อนึ่ง หลัก การฟ้ องคดี ไ ม่มี ผลเป็ นการระงับ การบัง คับตามค าสั่ง ทางปกครองนัน้
นอกจากจะมีข้อยกเว้ นด้ วยการให้ ศาลมีอานาจสัง่ ทุเลาการบังคับฯ และยังมีข้อยกเว้ นอีกประการหนึ่ง
คือ ข้ อยกเว้ นตามกฎหมาย กล่าวคือ มีกฎหมายบัญญัติไว้ โดยเฉพาะว่า การฟ้องคดีบางอย่างมี
ผลเป็ นการทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง เช่น12
- การฟ้องคดีโต้ แย้ งคาสัง่ อนุญาตหรื อปฏิเสธการใช้ ประโยชน์ในที่ดินเพื่อการเกษตร
ซึ่งสัง่ โดยฝ่ ายปกครองที่มีอานาจ หลังจากที่ได้ หารื อคณะกรรมการจังหวัดว่าด้ วยโครงสร้ างทาง
เกษตรกรรมแล้ ว
11
เอกบุญ วงศ์สวัสดิก์ ลุ และคณะ. อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 9. น. 162.
12
วรเจตน์ ภาคีรัตน์. อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 7. น. 53-54.
27
13
Jacquinot, Nathalie, แผ่ น เสี ย งการบรรยายทางวิ ช าการครั ง้ ที่ 1/2554 หั ว ข้ อ
มาตรการชั่ว คราวก่ อ นการพิ พ ากษา (Les référés) ณ ส านัก งานศาลปกครอง วัน อัง คารที่
22 กุมภาพันธ์ 2554.
14
ในบางตาราเรี ยกมาตรการดังกล่าวว่า “การห้ ามกระทาการไว้ ก่อน” เนื่องจากมาตรการ
ดัง กล่า วนี ้ เป็ นมาตรการที่ ก ฎหมายกาหนดให้ มี ขึน้ เพื่ อน ามาใช้ แ ทนมาตรการเดิม ที่ เ รี ยกว่า
sursis à execution ซึ่ ง มี ก ารแปลเป็ นภาษาไทยว่ า การทุ เ ลาการบัง คับ ตามกฎหรื อ ค าสั่ ง
ทางปกครอง ดังนัน้ เมื่อมีการแก้ ไขบทบัญญัติของกฎหมาย จึงหลีกเลี่ยงการใช้ คาว่า “มาตรการ
ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง” เพื่อป้องกันมิให้ เกิดความสับสนกับมาตรการตาม
กฎหมายเดิม แต่ในการศึกษาวิทยานิพนธ์เล่มนี ้ ผู้เขียนขอใช้ คาว่า “มาตรการทุเลาการบังคับตาม
กฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง เนื่องจากผู้เขียนได้ ทาการศึกษาเฉพาะบทบัญญัติกฎหมายของประเทศ
ฝรั่งภายหลังที่ได้ มีการแก้ ไขกฎหมายในปี ค.ศ. 2000 แล้ วเท่านัน้
29
15
เอกสารประกอบการบรรยายของ Mme. Célia Verot Maitres des requêtes สภาแห่งรัฐ
ฝรั่ ง เศส เรื่ อ ง “การทุเ ลาการบัง คับ ตามกฎหรื อ ค าสั่ง ทางปกครอง” แปลและเรี ย บเรี ย ง โดย
ดร.บุบผา อัครพิมาน ผู้อานวยการศูนย์กฎหมายปกครองเปรี ยบเทียบ วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2547
ณ ห้ องประชุม 1 ชัน้ 37 สานักงานศาลปกครอง, น. 264 – 265.
30
มีผลใช้ บงั คับได้ ทนั ที” และ “หลักการโต้ แย้ งคาสัง่ ทางปกครองไม่มีผลเป็ นการทุเลาการบังคับตาม
คาสั่ง ดัง กล่าว” ซึ่ง เป็ นหลักการที่ สภาแห่ง รั ฐ ถื อว่าเป็ นหลักการพื น้ ฐานของกฎหมายฝรั่ ง เศส
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาลปกครองจะไม่สงั่ ทุเลาการบังคับตามคาสัง่ ทางปกครองที่เป็ นการปฏิเสธ
การออกใบอนุญาตหรื อการปฏิเสธการให้ ประโยชน์ เช่น คาสัง่ ปฏิเสธไม่ออกใบอนุญาตให้ ก่อสร้ าง
อาคาร คาสัง่ ปฏิเสธไม่ให้ ทนุ การศึกษา เป็ นต้ น
นอกจากนี ้การพิจารณาหลักเกณฑ์เงื่อนไขในการมีคาสั่งทุเลาการบังคับตามคาสั่ง
ทางปกครองนัน้ ศาลปกครองตีความตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขดังกล่าวค่อนข้ างเคร่งครัด ดังนี16้
เงื่อนไขแรก คือ การบังคับตามคาสัง่ ทางปกครองจะก่อให้ เกิดผลที่ยากแก่การเยียวยา
แก้ ไขในภายหลังสาหรับผู้ฟ้องคดี (des consequences difficilement réparables) ซึ่งศาลปกครอง
ตีความว่า ความเสียหายที่เป็ นผลมาจากคาสัง่ ทางปกครองนันจะต้ ้ องเป็ นความเสียหายที่ไม่อาจ
เยี ยวยาแก้ ไ ขได้ (consequences irréversibles) เช่น การเริ่ ม ก่อสร้ างตามใบอนุญาตจะทาให้
อุทยานทางธรรมชาติหรื อประวัติศาสตร์ เสียหาย นอกจากนี ้ศาลปกครองยังได้ วางแนวบรรทัดฐาน
ในการปฏิเสธการทุเลาการบัง คับในคดีที่ผ้ ูฟ้องคดีเพียงแต่เรี ยกร้ องค่าเสียหายเป็ นจานวนเงิ น
เท่านัน้ เพราะเห็นว่ากรณีดงั กล่าวผู้ฟ้องคดีสามารถได้ รับการการเยียวยาในภายหลังได้ เสมอด้ วย
การสัง่ จ่ายเงินให้ จานวนหนึง่
เงื่ อ นไขประการที่ ส อง คื อ ค าฟ้ องต้ อ งมี ข้ อ เท็ จ จริ ง และข้ อ กฎหมายที่ ห นัก แน่ น
(argument juridique sérieux) เพี ย งพอที่ จ ะท าให้ มี ก ารเพิ ก ถอนค าวิ นิ จ ฉั ย ทางปกครอง
แต่ในทางปฏิบตั ินนศาลปกครองจะพิ
ั้ จารณาจากเอกสารที่เกี่ ยวข้ องอย่างลึกซึ ้ง และจะสั่งให้ มี
การทุเลาการบังคับต่อเมื่อมีข้อมูลหนักแน่นพอที่จะทาให้ เชื่อว่าคาสัง่ ทางปกครองนันไม่ ้ ชอบด้ วย
กฎหมายเท่านัน้ จึงทาให้ กระบวนการพิจารณาคดีโดยฉุกเฉินไม่คอ่ ยจะมีประโยชน์มากนัก
นอกจากนี ้ ในบางกรณี แม้ ว่าข้ อเท็จจริ งจะปรากฏเงื่ อนไขครบถ้ วนพอที่ศาลจะสั่ง
ทุเลาการบังคับตามคาสั่งทางปกครองนัน้ แต่ศาลก็อาจปฏิเสธที่จะมีคาสั่งทุเลาการบังคับตาม
คาสั่ง ดัง กล่า วได้ เมื่ อปรากฏว่า การที่ ศาลมี ค าสั่ง ไม่ทุเ ลาการบัง คับ นัน้ เป็ นไปเพื่ อประโยชน์
สาธารณะ อย่างไรก็ตาม แม้ ว่าศาลจะอ้ างเหตุผลเพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่การปฏิเสธดังกล่าว
ของศาลก็เท่ากับเป็ นการปฏิเสธไม่ให้ ความยุติธรรมนั่นเอง ส่วนรายละเอียดในเรื่ องหลักเกณฑ์
เงื่ อนไขและวิธี การในการมี คาสั่ง ทุเลาการบัง คับตามกฎหรื อคาสั่ง ทางปกครองตามกฎหมาย
ฝรั่งเศสนัน้ จะขอกล่าวในหัวข้ อต่อไป
16
เพิ่งอ้าง, น. 266.
31
17
อภิรดี สุทธิสมณ์, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 3, น. 37.
18
Saisi d'une demande en ce sens justifiée par l'urgence, le juge des référés
peut ordonner toutes mesures nécessaires à la sauvegarde d'une liberté fondamentale
à laquelle une personne morale de droit public ou un organisme de droit privé chargé
de la gestion d'un service public aurait porté, dans l'exercice d'un de ses pouvoirs, une
atteinte grave et manifestement illégale. Le juge des référés se prononce dans un délai
de quarante-huit heures.
32
ภายใน 48 ชัว่ โมง โดยความจาเป็ นเร่งด่วนนี ้จะต้ องพิจารณาจากข้ อเท็จจริ งเป็ นรายกรณีๆ ไป เช่น
ในคดี Cons. Marcel ศาลเห็นว่า กรณีผ้ รู ้ องถูกยึดบัตรประจาตัวประชาชนถือว่ามีความเร่ งด่วน
ที่จะต้ องคืนบัตรดังกล่าวให้ เพื่อที่เจ้ าของบัตรจะสามารถนาไปใช้ ในชีวิตประจาวันได้ แต่ในคดี
La Mosquée ศาลเห็นว่า คาสัง่ ของเทศบาลที่ห้ามมิให้ เข้ าไปทาพิธีกรรมทางศาสนาในอาคารที่
อันตรายนัน้ ไม่ถือเป็ นกรณีเร่งด่วน เพรามีการเสนอที่อื่นที่เหมาะสมให้ แล้ ว
(2.2) เสรี ภาพขันพื
้ ้นฐานของผู้ฟ้องคดีกาลังจะถูกกระทบกระเทือน
สิทธิเสรี ภาพในที่นี ้อ้ างอิงไปถึงหลักรัฐธรรมนูญและหลักการได้ รับการรับรองคุ้มครอง
โดยคาประกาศสิ ทธิ ม นุษยชนและพลเมื อง เช่น เสรี ภาพในการเดินทางเมื่ อมี การปฏิเสธออก
หนัง สื อเดินทางให้ กั บบุคคลหนึ่ง บุคคลใด หรื อสิทธิ ในการลี ภ้ ัยเมื่ อมี การปฏิ เสธรั บผู้ลี ภ้ ัยเข้ า
ประเทศ หรื อสิทธิในครอบครัวเมื่อมีการเนรเทศชาวต่างประเทศซึ่งบุตรของเขาเป็ นชาวฝรั่งเศส
และสิทธิเสรี ภาพนีย้ งั รวมถึงสิทธิเสรี ภาพตามกฎหมายอื่นๆ และสิทธิเสรี ภาพที่เกิดจากแนวคา
พิพากษาของศาลต่างๆ ได้ แก่ ศาลปกครอง ศาลรัฐธรมนูญ และศาลวินิจฉัยชี ้ขาดเขตอานาจศาล
เป็ นต้ น ซึง่ ที่ผา่ นมามีแนวคาพิพากษาของศาลปกครอง (สภาแห่งรัฐ) ไว้ ในกรณี ดังต่อไปนี 19้
- เสรี ภาพในการแสดงความคิดเห็น
- เสรี ภาพในการแต่งงาน
- เสรี ภาพในการถือครองทรัพย์สิน
- เสรี ภาพในการหยุดงานประท้ วง
- เสรี ภาพในการใช้ ชีวิตครอบครัวอย่างปกติ
- เสรี ภาพในการให้ ความยินยอมให้ แพทย์ในการรักษา
อนึ่ง ตามแนวคาพิพากษาถื อว่า สิทธิ ในที่อยู่อาศัย สิทธิ ในการประกอบอาชีพของ
ชาวต่างชาติที่เข้ าเมืองโดยไม่ถกู ต้ อง สิทธิในการเล่นและเข้ าร่วมแข่งขันกีฬา สิทธิในการศึกษาต่อ
ในระดับปริญญาเอก ไม่ถือเป็ นเสรี ภาพขันฐาน ้
อย่างไรก็ตาม สาหรับกรณีใดจะถือว่าสิทธิถกู กระทบอย่างร้ ายแรงหรื อไม่นนั ้ ก็จะต้ อง
พิจารณาเป็ นรายกรณี ๆ ไป มิใช่ว่าเมื่อสิทธิเสรี ภาพขันพื ้ ้นฐานถูกกระทบแล้ วจะเข้ าเงื่อนไขในการที่
ศาลจะมี คาสั่งทุเลาการบังคับ ทุกกรณี โดยคาพิพ ากษาของศาลวิ นิจ ฉัย ชี ข้ าดเขตอานาจศาล
และสภาแห่งรั ฐถื อว่า กรณี ร้ายแรงต้ องเป็ นกรณี ที่เป็ นอุปสรรคต่อการใช้ เสรี ภาพดัง กล่าวของ
บุคคล มิใช่เป็ นเพียงแต่การรบกวนการใช้ สิทธิเท่านัน้
19
เอกบุญ วงศ์สวัสดิก์ ลุ และคณะ, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 9, น. 167.
33
20
อภิรดี สุทธิสมณ์, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 3, น. 38.
21
มาตรการใดๆ เพื่อการฉุกเฉิน หรื อ le référé – conservatoire นี ้ ในทางวิชาการแปลชื่อ
มาตรการนี ้จากภาษาฝรั่งเศสมาเป็ นภาษาไทย จึงเกิดชื่อเรี ยกในทางภาษาไทยที่มีความแตกต่าง
กัน หลายชื่ อ เช่น มาตรการก่ อ นการพิ พ ากษาเพื่ อ คุ้ มครองสิ ท ธิ ข องคู่ค วาม มาตรการก่ อ น
การพิพากษากรณีสงั่ ห้ ามกระทาการต่อไป และมาตรการป้องกันความเสียหาย เป็ นต้ น แต่ในที่นี ้
ผู้เขียนขอใช้ คาว่า “มาตรการใดๆ เพื่อการฉุกเฉิน”
34
22
En cas d'urgence et sur simple requête qui sera recevable même en l'absence
de décision administrative préalable, le juge des référés peut ordonner toutes autres
mesures utiles sans faire obstacle à l'exécution d'aucune décision administrative.
23
เอกบุญ วงศ์สวัสดิก์ ลุ และคณะ, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 9, น. 169.
35
แต่เดิมมานันการใช้
้ มาตรการนี ้มีเงื่อนไขอีกประการหนึ่ง คือ มาตรการที่กาหนดขึ ้นจะ
มีผลกระทบต่อการวินิจฉัยในเนือ้ หาของคดีนนั ้ ไม่ได้ ทังนี ้ ้ เพื่อป้องกันมิให้ ผ้ พู ิพากษานายเดียว
ก้ า วล่ว งเข้ า ไปวิ นิ จ ฉัย ปั ญ หาข้ อ กฎหมาย ซึ่ ง อยู่ใ นอ านาจพิ จ ารณาพิ พ ากษาขององค์ ค ณะ
ซึ่ง รั บฟ้ องคดีนนั ้ ไว้ ด้ วยเหตุนีผ้ ้ ูพิพ ากษานายเดียวจึง ไม่สามารถมี คาสั่ง ให้ เพิกถอนคาสั่ง ใดๆ
หรื อสั่ง ให้ คู่กรณี ฝ่ ายหนึ่ง ฝ่ ายใดชดใช้ ค่าเสี ยหายได้ กล่า วอี กนัยหนึ่ง ก็ คือ ไม่สามารถสั่ง การ
เกี่ยวกับประเด็นข้ อโต้ แย้ งแห่งคดี อันเป็ นเรื่ องที่อยู่ในอานาจพิจารณาขององค์คณะได้ นอกจากนี ้
ศาลยังไม่อาจกาหนดมาตรการชั่วคราวโดยมีพืน้ ฐานจากการพิจารณาเกี่ ยวกับความชอบด้ วย
กฎหมายหรื อสถานะทางกฎหมายของเอกสาร สถานการณ์ หรื อลักษณะของการกระทาใดได้ เช่น
จะออกมาตรการชั่ว คราวให้ ขับ ไล่ ผ้ ู บุ ก รุ ก ออกจากที่ ส าธารณะประโยชน์ โ ดยพิ จ ารณาว่ า
การครอบครองดังกล่าวเป็ นการครอบครองโดยไม่ชอบด้ วยกฎหมายไม่ได้ และสภาแห่งรัฐวินิจฉัยว่า
“ผู้พิพากษานายเดียวไม่มีอานาจพิจารณาความชอบด้ วยกฎหมายของการกระทาทางปกครอง”
อย่างไรก็ตาม เงื่ อนไขดังกล่าวก็มีข้อยกเว้ นตามแนวคาพิพากษาของสภาแห่งรัฐว่า
แม้ จะเป็ นประเด็นในเนื ้อหาของคดี แต่หากไม่มีการโต้ แย้ งที่มีน ้าหนัก (la contestation sérieuse)
ผู้พิพากษานายเดียวก็มีอานาจกาหนดมาตรการชัว่ คราวในประเด็นดังกล่าวได้ โดยไม่ถือว่าเป็ น
การก าหนดมาตรการชั่ว คราวที่ มี ผ ลกระทบต่อ การวิ นิ จ ฉั ย ในเนื อ้ หาของคดี ดัง เช่ น ในกรณี
การกาหนดมาตรการชั่วคราวโดยมีคาสัง่ ให้ ขับไล่ผ้ ูบุกรุ กออกจากที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
เพราะเห็นว่าเป็ นการครอบครองโดยไม่ถกู ต้ องนันสามารถกระท ้ าได้ หากผู้บกุ รุก ไม่ได้ มีข้อโต้ แย้ ง
ที่หนักแน่น เพี ยงพอ ส าหรั บการพิจ ารณาว่าอะไรเป็ นข้ อโต้ แย้ ง ที่ มี นา้ หนักหรื อไม่นัน้ เป็ นสิ่ง ที่
กระทาได้ แม้ วา่ ต่อมาศาลอาจจะมีคาพิพากษาไปในทิศทางอื่นก็ตาม
24
ในทางวิ ช าการมาตรการดัง กล่ า วมี ชื่ อ เรี ยกอี ก อย่ า งว่ า “มาตรการให้ ว างเงิ น เป็ น
หลักประกันก่อนการพิพากษา” หรื อ “มาตรการให้ ชาระหนี ้ไว้ ก่อน”
25
Les dispositions des articles R. 621 – 3 à R. 621 - 11, à l'exception du second
alinéa de l'article R. 621 - 9, ainsi que des articles R. 621 - 13 et R. 621 - 14 sont
applicables aux constats mentionnés à l'article R. 531-1.
37
26
Le juge des référés statue par des measures qui présentment un caractère
provisoire. II n’est pas saisi du principal et se pronounce dans les meilleurs délais.
27
อภิรดี สุทธิสมณ์, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 3, น. 40 – 41.
38
ไม่สามารถกาหนดมาตรการนี ้ได้ เพราะเป็ นเพียงการโต้ แย้ งเท่านันและไม่ ้ ใช่การโต้ แย้ งที่มีน ้าหนัก
สาหรับการพิจารณาว่าการโต้ แย้ งใดมีน ้าหนักหรื อไม่นนั ้ จะต้ องพิจารณาข้ อเท็จจริงเป็ นกรณี ๆ ไป
อย่า งไรก็ ดี แม้ ข้อ เท็จ จริ ง ที่ เ กิ ด ขึน้ จะเข้ าเงื่ อนไขตามที่ ก ฎหมายกาหนดไว้ ก็ ตาม
ศาลก็ อ าจใช้ ดุล พิ นิ จ ปฏิ เ สธการก าหนดมาตรการนี ก้ ็ ไ ด้ หากการก าหนดมาตรการดั ง กล่า ว
ก่อให้ เกิดผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะและการบริ หารงานยุติธรรมที่ดี นอกจากนี ้ ในกรณีที่
ผู้ขอเป็ นหน่วยงานของรัฐ แม้ ข้อเท็จจริ งจะครบเงื่ อนไขตามที่กฎหมายกาหนด แต่ศาลก็ต้องมี
คาสัง่ ยกคาขอ หากปรากฏว่าหน่วยงานของรัฐสามารถใช้ วิธีการบังคับทางปกครองได้ หรื อคาขอ
ดังกล่าวมีวตั ถุประสงค์หรื อผลเป็ นการลบล้ างการทุเลาการบังคับตามมาตรการบังคับทางปกครอง
ซึง่ ถูกโต้ แย้ ง
เมื่อศาลมีคาสัง่ ในเรื่ องดังกล่าวนี ้ มาตรา R 541-228 กาหนดให้ ศาลต้ องรี บแจ้ งคาร้ อง
ไปให้ ผ้ ทู ี่อาจเป็ นผู้ถูกฟ้องคดีโดยด่วน พร้ อมทังก ้ าหนดวันที่ให้ ทาบันทึกคาให้ การด้ ว ย ตามแนว
คาพิพากษาของสภาแห่งรัฐ โดยการสัง่ การในเรื่ องนี ้ต้ องเคารพต่อหลักการฟั งความทังสองฝ่ ้ าย
แต่ไม่จาเป็ นที่จะต้ องมีการนัง่ พิจารณาเพื่อไต่สวน
(5) การแต่ ง ตั ง้ ผู้ เ ชี่ ย วชาญเพื่ อค้ นหาและพิสู จ น์ ข้ อเท็จ จริ ง รวมทั ง้ การสื บ
และเก็ บ รั ก ษาพยานหลั ก ฐานโดยเร่ งด่ ว นก่ อ นเปิ ดกระบวนการแสวงหาข้ อ เท็จ จริ ง
(le référé - constat)29
มาตรการนี ้ใช้ ในกรณีร้องขอให้ มีการพิสจู น์สภาพข้ อเท็จจริ งอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ ก่อน
เพื่ อ ประโยชน์ ใ นการด าเนิ น คดี ต่ อ ไป ทั ง้ นี ้ กฎหมายได้ บัญ ญั ติ ม าตรการดัง กล่ า วไว้ ใน
มาตรา R.531-130 แห่งประมวลกฎหมายว่าด้ วยกระบวนการยุติธรรมทางปกครอง โดยสามารถ
28
Notification de la requête présentée au juge des référés est immédiatement
faite au défendeur éventuel, avec fixation d'un délai de réponse.
29
มาตรการชัว่ คราวประเภทนี ้ในทางวิชาการมีชื่อเรี ยกที่แตกต่างกันไป เช่น มาตรการให้
สืบพยานไว้ ก่อนพิพากษา มาตรการเร่งด่วนเพื่อตรวจสอบข้ อเท็จจริงไว้ ก่อน เป็ นต้ น
30
S'il n'est rien demandé de plus que la constatation de faits, le juge des référés
peut, sur simple requête qui peut être présentée sans ministère d'avocat et même en
l'absence d'une décision administrative préalable, désigner un expert pour constater
sans délai les faits qui seraient susceptibles de donner lieu à un litige devant la
juridiction.
39
32
มาตรการชั่ว คราวประเภทนี ม้ ี ชื่ อ เรี ย กในทางวิ ช าการอี ก ชื่ อ ว่า “มาตรการแสวงหา
ข้ อเท็จจริง” และ “มาตรการเร่งด่วนเพื่อสืบข้ อเท็จจริงโดยผู้เชี่ยวชาญ"
33
Le juge des référés peut, sur simple requête et même en l'absence de
décision administrative préalable, prescrire toute mesure utile d'expertise ou
d'instruction.
Il peut notamment charger un expert de procéder, lors de l'exécution de travaux
publics, à toutes constatations relatives à l'état des immeubles susceptibles d'être
affectés par des dommages ainsi qu'aux causes et à l'étendue des dommages qui
surviendraient effectivement pendant la durée de sa mission.
Les demandes présentées en application du présent chapitre sont dispensées
du ministère d'avocat si elles se rattachent à des litiges dispensés de ce ministère.
41
34
เอกบุญ วงศ์สวัสดิก์ ลุ และคณะ, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 9, น. 176.
35
Notification de la requête présentée au juge des référés est immédiatement
faite au défendeur éventuel, avec fixation d'un délai de réponse.
43
2) มาตรการเกี่ ย วกับ สัญ ญาพัส ดุแ ละสัญ ญามอบให้ เอกชนด าเนิ น การแทนรั ฐ
ในเรื่ องทรัพยากรนา้ พลังงาน การขนส่ง และการโทรคมนาคม (le référé concernant les
marchés et délégation dans les secteurs de l’eau, de l’énergie, des transports et des
télécommunications)
ตามมาตรา L 551-2 โดยมีหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี ้
(1) ในกรณีที่มีการฝ่ าฝื นหลักเกณฑ์ในเรื่ องการประกาศแจ้ ง และการให้ มีการแข่งขัน
สาหรับการเข้ าทาสัญญาบางประเภทกับรัฐ ในส่วนที่เกี่ ยวกับทรัพยากรน ้า พลังงาน การขนส่ง
และการโทรคมนาคม ตามที่ ก าหนดไว้ ใ นมาตรา 72 แห่ง รั ฐ บัญ ญัติ เลขที่ 92-1282 ลงวัน ที่
11 ธันวาคม 1992 ว่าด้ วยวิธีการเกี่ยวกับการทาสัญญาบางประเภทเรื่ องทรัพยากรน ้า พลังงาน
การขนส่ง และโทรคมนาคม ผู้ที่มี ส่วนได้ เสีย ซึ่งได้ แก่ ผู้มี สิทธิ เข้ าทาสัญญาและผู้ที่อาจได้ รับ
ความเสียหายจากการฝ่ าฝื นดังกล่าว อาจยื่นคาร้ องขอต่อศาลก่อนที่จะมีการทาสัญญาเพื่อให้
กาหนดมาตรการอย่างหนึ่ง อย่างใดได้ แต่ศาลอาจสั่ง ให้ เ ลื่ อ นการท าสัญญาไปได้ มี กาหนด
ระยะเวลาไม่เกิน 20 วัน
(2) อธิบดีศาลปกครองชันต้ ้ นหรื อผู้ที่อธิบดีศาลปกครองชันต้
้ นมอบหมาย มีอานาจสัง่
ให้ ผ้ ทู ี่ฝ่าฝื นดาเนินการให้ เป็ นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายดังกล่าวกาหนดไว้ ภายในระยะเวลาที่
กาหนด หากไม่มีการปฏิบตั ิตาม ศาลมีอานาจสัง่ ปรับชัว่ คราว และหากไม่มีการปฏิบตั ิตามคาสัง่
อีกศาลมีอานาจสัง่ ปรับถาวรได้
(3) สาหรับวิธีการพิจารณาของศาลนัน้ เป็ นทางเดียวกับกรณีตามมาตรา L 551-1 คือ
มาตรการในเรื่ องเกี่ ยวกับภาษี (le référéำ่ fiscal) กล่าวคือ เป็ นไปตามมาตรา L 522-136 แห่ง
ประมวลกฎหมายว่าด้ วยกระบวนการยุติธ รรมทางปกครองที่ กาหนดว่า มาตรการชั่วคราวใน
คดีภาษี ทางตรงและภาษี ธุรกิจให้ เป็ นไปตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดในมาตรา L 279 แห่งประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาคดีภาษี อากร ซึ่งมาตราดังกล่าวได้ กาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขไว้
ดังนี ้
36
Le juge des référés statue au terme d'une procédure contradictoire écrite ou orale.
Lorsqu'il lui est demandé de prononcer les mesures visées aux articles L. 521-1
et L. 521-2, de les modifier ou d'y mettre fin, il informe sans délai les parties de la date
et de l'heure de l'audience publique.
Sauf renvoi à une formation collégiale, l'audience se déroule sans conclusions
du rapporteur public.
45
ผู้ว่า ราชการจัง หวัด ฟ้ องคดี แ ละขอให้ ทุเ ลาการบัง คับ ตามมติ ห รื อ ค าสั่ง ขององค์ ก รปกครอง
ส่ ว นท้ องถิ่ น เนื่ อ งจากในประเทศฝรั่ ง เศส ผู้ ว่ า ราชการจัง หวัด มี อ านาจในการก ากั บ ดูแ ล
(contrôle de tutelle) องค์ ก รปกครองส่ ว นท้ องที่ อ ยู่ ใ นเขตจัง หวั ด ของตน องค์ ก รปกครอง
ส่ว นท้ อ งถิ่ น จะต้ อ งแจ้ ง มติ ห รื อ ค าสั่ง ของตนที่ อ อกมาบัง คับ ใช้ ใ ห้ ผู้ว่ า ราชการจัง หวัด ทราบ
ในกรณีที่ผ้ ูว่าราชการจังหวัดเห็นว่า มติหรื อคาสัง่ ดังกล่าวไม่ชอบด้ วยกฎหมายก็สามารถนามติ
หรื อคาสัง่ ดังกล่าวไปฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้ เพิกถอนมติหรื อคาสัง่ นันได้ ้ ในการฟ้องคดีนนั ้
ผู้ว่า ราชการจัง หวัด อาจมี ค าขอให้ ศ าลปกครองมี ค าสั่ง ทุเ ลาการบัง คับ ตามมติห รื อ ค าสั่ง นัน้
ไว้ ก่อนก็ได้ ซึ่งตามมาตรา 2131-6 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายทัว่ ไปว่าด้ วยองค์กรปกครอง
ส่วนท้ องถิ่ นบัญ ญัติให้ ศาลโดยอธิ บดีศาลปกครองชัน้ ต้ นหรื อตุลาการที่ อธิ บดีม อบหมายต้ อ ง
สั่ง ทุเ ลาตามคาขอของผู้ว่าราชการจังหวัดดัง กล่าว หากในชั น้ ไต่สวนปรากฏว่า คาฟ้ องมี เหตุ
อันควรเชื่อที่หนักแน่นว่ามติหรื อคาสัง่ ที่ถูกนามาฟ้องคดีนนไม่ ั ้ ชอบด้ วยกฎหมาย ทังนี ้ ้ ศาลต้ องมี
คาสัง่ ภายในสองเดือน และผู้ที่ไม่พอใจคาสัง่ ดังกล่าวสามารถอุทธรณ์ ต่อศาลปกครองชันต้ ้ นได้
ภายใน 15 วัน นับแต่วนั รับแจ้ งคาสัง่ ศาล37
ข. การทุเ ลาการบัง คับตามมติหรื อคาสั่งขององค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่ นเกี่ ยวกับ
การผังเมือง สัญญาพัสดุ และการมอบให้ เอกชนดาเนินกิจการบริ การสาธารณะ ตามมาตรา L 554-2
แห่งประมวลกฎหมายศาลปกครองที่บญ ั ญัตใิ ห้ นามาตรา L 2131-6 วรรคสี่ แห่งประมวลกฎหมาย
ทั่วไปว่าด้ วยองค์กรปกครองส่ วนท้ องถิ่ นมาใช้ บัง คับ ซึ่ง บทบัญญัติม าตราดัง กล่าวกาหนดให้
การฟ้องคดีของผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวกับการผังเมือง (urbanisme) สัญญาพัสดุ (marchés publics)
ที่ได้ กระทาภายในสิบวันนับแต่วนั ที่ได้ รับแจ้ งมติหรื อคาสัง่ ของเทศบาล (commune) หรื อองค์กร
ปกครองส่วนท้ องถิ่น หรื อสหกรณ์ร่วมระหว่างเทศบาลในเรื่ องดังกล่าวมีผลเป็ นการทุเลาการบังคับ
ตามมติหรื อคาสั่งของหน่วยงานดังกล่าวไว้ มีกาหนดระยะเวลาหนึ่งเดือน และเมื่อพ้ นกาหนด
ระยะเวลาดัง กล่า วแล้ ว ศาลปกครองโดยอธิ บ ดี ศ าลปกครองชัน้ ต้ น หรื อ ตุล าการผู้ซึ่ ง อธิ บ ดี
มอบหมายยังไม่มีคาสัง่ ใด ให้ มติหรื อคาสัง่ ดังกล่าวกลับมามีผลใช้ บงั คับ
ค. การทุเลาการบังคับตามมติหรื อคาสัง่ ขององค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นที่มีผลกระทบ
ต่อการใช้ เสรี ภาพของบุคคล ตามมาตรา L 554-3 แห่งประมวลกฎหมายศาลปกครอง ที่บญ ั ญัติให้
น ามาตรา 2131-6 วรรคห้ าและวรรคหก รวมทัง้ มาตรา L 3121-1 วรรคหกและวรรคเจ็ ด
และมาตรา L 4142-1 วรรคห้ าและวรรคหก แห่งประมวลกฎหมายทั่วไปว่าด้ วยองค์กรปกครอง
ส่วนท้ องถิ่น มาใช้ บงั คับ บทบัญญัติดงั กล่าวบัญญัติให้ ศาลมีคาสั่งทุเลาการบังคับตามมติหรื อ
37
มาตรา R 554-1 แห่งประมวลกฎหมายว่าด้ วยกระบวนการยุตธิ รรมทางปกครอง
47
คาสั่ง ดัง กล่าวไว้ ก่อนได้ โดยจะต้ องพิจ ารณามี คาสั่ง ภายใน 48 ชั่วโมง และการโต้ แย้ ง คาสั่ง
ในกรณีนี ้ให้ กระทาในรูปของการอุทธรณ์ตอ่ สภาแห่งรัฐ ทังนี ้ ้ ภายใน 15 วันนับแต่วนั รับแจ้ งคาสัง่
ซึ่งสภาแห่งรัฐโดยประธานแผนกคดีปกครองหรื อตุลาการที่ประธานฯ มอบหมาย ต้ องพิจารณา
อุทธรณ์ให้ แล้ วเสร็จภายใน 48 ชัว่ โมงเช่นกัน
ง. การทุเลาการบังคับตามมติหรื อคาสัง่ ขององค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นที่มีผลกระทบ
ต่ อ ความมั่น คง ตามมาตรา L 554-4 แห่ ง ประมวลกฎหมายว่ า ด้ วยกระบวนการยุ ติ ธ รรม
ทางปกครอง ที่บญ ั ญัติให้ นามาตรา L 1111-7 วรรคสี่และวรรคห้ าแห่งประมวลกฎหมายทัว่ ไป
ว่าด้ วยองค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นมาใช้ บงั คับ กล่าวคือ ในกรณีที่ผ้ วู ่าราชการเห็นว่ า การกระทา
(คาสั่งขององค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่ น) มีลักษณะเป็ นการกระทบต่อการดาเนินการหรื อความ
มัน่ คงของการจัดตัง้ เกี่ยวกับการป้องกันประเทศ อาจยื่นคาฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้ ยกเลิก
การกระทานัน้ เพราะเหตุดงั กล่าวได้ โดยไม่ต้องพิจารณาว่าการกระทาดังกล่าวชอบด้ วยกฎหมาย
หรื อ ไม่ ในกรณี นี ผ้ ้ ู ว่ า ราชการจัง หวัด อาจมี ค าขอให้ ศ าลโดยประธานแผนกคดี ป กครองใน
สภาแห่ง รั ฐ สั่ง ทุเ ลาการบัง คับ ตามค าสั่ง ขององค์ ก รปกครองส่ว นท้ อ งถิ่ น ได้ ซึ่ง ศาลจะต้ อ ง
พิพากษาให้ แล้ วเสร็จภายใน 48 ชัว่ โมง
จ. การทุเ ลาการบัง คับ ตามมติ ห รื อ ค าสั่ง ของหน่ ว ยงานสาธารณสุ ข ที่ เกี่ ย วกั บ
สัญญาพัสดุ ตามมาตรา L 554 - 5 แห่งประมวลกฎหมายว่าด้ วยกระบวนการยุติธรรมทางปกครอง
ซึง่ บัญญัตใิ ห้ นามาตรา L 6145 - 6 แห่งประมวลกฎหมายสาธารณสุขมาใช้ บงั คับ ซึ่งมาตราดังกล่าว
บัญ ญัติว่าการทาสัญ ญาพัสดุของหน่วยงานสาธารณสุขมี ผลใช้ บังคับเมื่อผู้ว่าราชการจั งหวัด
ได้ รับแจ้ ง หากผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นว่า การทาสัญญาดังกล่าวไม่ชอบด้ วยกฎหมายให้ มีอานาจ
ฟ้องคดีต่อศาลปกครองภายในสองเดือนนับแต่วันได้ รับแจ้ ง ในการนี ้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจมี
ค าขอให้ ศ าลทุเ ลาหรื อ ระงับ การบัง คับ ตามค าสั่ง หรื อ มติ ข องหน่ ว ยงานดัง กล่ า วไว้ ก่ อ นได้
และหากในระหว่างการพิจารณาข้ อเท็จจริ งปรากฏว่า มีเหตุอนั ควรเชื่อว่า คาสัง่ หรื อมติที่ถกู ฟ้อง
น่าจะไม่ชอบด้ วยกฎหมาย ต้ องมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามที่ผ้ วู า่ ราชการจังหวัดร้ องขอ
(2) กรณีที่หน่วยงานของรัฐบางแห่งเป็ นผู้ฟ้องคดี แบ่งออกเป็ น 5 กรณี คือ
ก. การทุเ ลาการบัง คับ ตามมติข องคณะกรรมการบริ ก ารหน่ ว ยงานสาธารณสุข
ตามมาตรา L 554 – 6 แห่งประมวลกฎหมายว่าด้ วยกระบวนยุติธรรมทางปกครอง ที่บญ ั ญัติให้ นา
มาตรา L 6143 – 4 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายทัว่ ไปว่าด้ วยองค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นมาใช้
บังคับ มาตราดังกล่าวบัญญัติให้ อานาจผู้อานวยการสานักงานสาธารณสุขภาคในการฟ้องคดีต่อ
ศาลปกครอง ในกรณี ที่เห็นว่า มติของคณะกรรมการบริ หารหน่วยงานสาธารณสุขไม่ชอบด้ วย
48
38
เอกบุญ วงศ์สวัสดิกลุ และคณะ, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 9, น. 179 – 185.
39
อภิรดี สุทธิสมณ์, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 3, น. 32 – 33.
52
(1) การรับคาร้ อง
การยื่นคาร้ องขอให้ ศาลออกมาตรการชัว่ คราวก่อนพิพากษานัน้ ศาลปกครองฝรั่งเศส
ไม่ ไ ด้ เคร่ ง ครั ด ว่ า จะต้ อ งน าค าร้ องมายื่ น ที่ ศ าลเท่ า นั น้ ผู้ ร้ องสามารถยื่ น ค าร้ องผ่ า นทาง
เครื่ อ งโทรสารโดยไม่มี ก ารลงนาม และแม้ ไ ม่มี ห นัง สื อ มอบอ านาจให้ ฟ้ องคดี ก รณี ผ้ ูฟ้ องคดี
มีสถานะเป็ นนิตบิ คุ คล ศาลก็สามารถรับคาร้ องได้ ทังนี ้ ้ ศาลเห็นว่าไม่ควรใช้ เหตุผลในเรื่ องเงื่อนไข
การรั บ ค าร้ องมาอ้ า งที่ จ ะปฏิ เ สธไม่รับ ค าร้ องของผู้ฟ้ องคดี แต่ก็มี ก รณี ที่ ศ าลจะไม่รั บ คาร้ อง
ไว้ พิจารณาเช่นกันหากเป็ นกรณีที่คาขอไม่เร่งด่วน หรื อเมื่อศาลพิจารณาคาขอแล้ วเห็นว่าคาขอนัน้
ไม่อยู่ในอานาจของศาลปกครอง หรื อเป็ นคาขอที่มิอาจรับไว้ พิจารณาได้ หรื อคาขอนัน้ ไม่มีมูล
ตุลาการที่มีอานาจกาหนดมาตรการชั่วคราวอาจมีคาสัง่ ยกคาขอนัน้ โดยแสดงเหตุผลประกอบ
คาสัง่ ด้ วย
(2) กระบวนวิธีพิจารณา
จากเดิมกระบวนวิธีพิจารณามาตรการชัว่ คราวก่อนการพิพากษากฎหมายกาหนดให้
ต้ องพิจารณาตัดสินโดยองค์คณะ ในระบบกฎหมายใหม่นี ้การทาคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อ
คาสัง่ ทางปกครอง (référé - suspension) ให้ กระทาได้ โดยตุลาการนายเดียว (juge unique)
เรี ยกว่า ตุลาการผู้กาหนดมาตรการก่อนการพิพากษา (juge des référé) ซึ่งจะต้ องไม่ใช่ตลุ าการ
เจ้ าของสานวน กฎหมายกาหนดให้ ตลุ าการที่มีอานาจกาหนดมาตรการชัว่ คราว ได้ แก่ ประธาน
ศาลปกครองชันต้ ้ นและประธานศาลปกครองชันอุ ้ ทธรณ์ รวมทังตุ ้ ลาการที่ได้ รับการแต่งตังให้
้ ทา
หน้ าที่นี ้โดยเฉพาะ เป็ นต้ น การที่กฎหมายกาหนดให้ ตลุ าการนายเดียวสามารถกาหนดมาตรการ
ชัว่ คราวก่อนพิพ ากษาได้ เป็ นผลเนื่องมาจาก การพิจารณาตัดสินโดยองค์คณะเป็ นปั จจัยที่สาคัญ
ที่ทาให้ กระบวนพิจารณาดาเนินไปอย่างล่าช้ า แม้ วา่ การพิจารณาตัดสินโดยตุลาการเพียงคนเดียว
อาจมีความผิพลาดเกิดขึ ้นได้ ง่ายกว่าการตัดสินโดยองค์คณะก็ตาม แต่คาตัดสินดังกล่าวก็เป็ น
เพียงมาตรการชัว่ คราวเท่านัน้
การพิจารณาคาร้ องของศาลจะดาเนินกระบวนวิธีพิจารณาคดีแบบฟั งความสองฝ่ าย
คือ การแสวงหาข้ อเท็จจริงเปิ ดโอกาสให้ ผ้ ทู ี่เกี่ยวข้ องสามารถโต้ แย้ งและเสนอพยานหลักฐาน โดย
ที่คาร้ องของผู้ฟ้องคดีจะถูกส่งไปยังฝ่ ายปกครองเพื่อให้ โอกาสแก่ฝ่ายปกครองได้ โต้ แย้ งคัดค้ าน
ซึง่ ขันตอนนี
้ ้จะต้ องกระทาภายในระยะเวลาที่สนมาก ั้ และคูก่ รณีสามารถโต้ แย้ งคัดค้ านด้ วยวาจา
ในกระบวนการไต่สวนได้
53
2.1.6 แบบของคาสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครอง
รู ปแบบของคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสั่งทางปกครอง แต่เดิมนัน้ รู ปแบบ
ของคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง เฉพาะคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อ
ค าสั่ง ทางปกครองเท่ า นัน้ ที่ ต้ อ งให้ เ หตุผ ล ส่ ว นค าสั่ง ไม่ ทุเ ลาการบัง คับ ตามกฎหรื อ ค าสั่ง
ทางปกครองนัน้ มาตรา 54 วรรค 5 แห่ง รั ฐ กฤษฎี กา ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 1963 ก าหนดว่า
ค าสั่ ง ไม่ ทุ เ ลาการบั ง คับ ไม่ ต้ องให้ เหตุ ผ ล แต่ ต่ อ มารั ฐ กฤษฎี ก าเลขที่ 84 – 819 ลงวั น ที่
29 สิ ง หาคม 1984 ได้ ย กเลิ ก ข้ อ ความดัง กล่า ว ส่ว นศาลปกครองชัน้ ต้ น และศาลปกครอง
ชันอุ
้ ทธรณ์ มาตรา R.99 แห่งประมวลกฎหมายว่ากระบวนการยุติธรรมทางปกครองบัญญัติให้
คาสัง่ เกี่ยวกับคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองต้ องให้ เหตุผล ไม่ว่าจะเป็ นคาสัง่
ทุเลาการบังคับหรื อไม่ทุเลาการบังคับ ปั จจุบนั มาตรา L 9 แห่งประมวลกฎหมายว่าด้ วยศาลปกครอง
บัญญัตใิ ห้ คาพิพากษาทุกคาพิพากษาต้ องให้ เหตุผล40
ในทางปฏิ บัตินัน้ แต่เ ดิม นัน้ ศาลมักจะให้ เหตุผ ลไว้ เ พี ย งสัน้ ๆ ว่า จากข้ อเท็จ จริ ง
สมควรหรื อหรื อไม่สมควรที่จะทุเลาการบังคับ โดยไม่ระบุรายละเอียดไว้ ด้ วยเหตุที่ศาลเกรงว่าตน
จะต้ องถูกผูกมัดกับเหตุผลดังกล่าว เพราะคาสัง่ ในชันค ้ าขอทุเลานี ้เป็ นเพียงคาสั่งที่ถือเป็ นกรณี
ชัว่ คราว ซึ่งอาจถูกเปลี่ยนแปลงในชัน้ การพิจารณาในคาฟ้องหลักได้ แต่ในปั จจุบนั มีแนวโน้ มที่จะ
มีการให้ เหตุผลที่มีรายละเอียดยิ่งขึ ้น โดยในเบื ้องต้ นสภาแห่งรัฐได้ บงั คับให้ ศาลอุทธรณ์ต้องระบุ
เหตุผลในการสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองว่ามีเหตุผลหนักแน่น (moyen sérieux)
เพียงใด ทัง้ นี ้ เพื่อ ที่จะได้ สามารถควบคุมตรวจสอบคาพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ไ ด้ สะดวกขึน้
ซึ่งต่อมาศาลปกครองชันอุ ้ ทธรณ์ก็บงั คับให้ ศาลปกครองชันต้ ้ นต้ องระบุเหตุผลดังกล่าวไว้ ในคาสัง่
เช่นกัน และสภาแห่งรัฐเองก็ระบุเหตุผลดังกล่าวไว้ ในคาพิพากษาของตนเองด้ วย
2.1.7 ผลของคาสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครอง
เมื่อศาลได้ พิจารณาคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองแล้ ว ศาลก็จะ
มีคาสั่งในเรื่ องดังกล่าว โดยที่คาสั่ง ทุเลาการบัง คับตามกฎหรื อคาสั่งทางปกครองไม่มีอานาจ
เด็ดขาดเพราะเป็ นเพียงคาสัง่ ในระหว่างพิจารณา ไม่ใช่การวินิจฉัยในเนื ้อหาของคดี จึงมีผลเป็ น
การชัว่ คราวเท่านัน้ 41 ซึ่งศาลจะมีคาสัง่ ได้ ใน 2 กรณี สาหรับการดาเนินการตามคาสัง่ นัน้ แยกได้
เป็ น 2 กรณี คือ
40
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะ, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 7, น. 67.
41
อภิรดี สุทธิสมณ์, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 3, น. 26.
54
2.1.8 การโต้ แ ย้ ง ค าสั่ งเกี่ ย วกั บ การทุ เ ลาการบั ง คั บ ตามกฎหรื อ ค าสั่ งทาง
ปกครอง
การโต้ แ ย้ ง ค าสั่ง เกี่ ย วกับ การทุเ ลาการบัง คับตามกฎหรื อค าสั่ง ทางปกครองของ
ศาลปกครองชันต้ ้ น อาจโต้ แย้ งได้ ด้วยการอุทธรณ์ ฎีกา หรื อขอให้ พิจารณาคดีใหม่42
(1) อุทธรณ์ คาสัง่ ของศาลปกครองชันต้ ้ นที่สั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทาง
ปกครอง สามารถอุทธรณ์ตอ่ ศาลอุทธรณ์หรื อสภาแห่งรัฐ (สาหรับบางกรณี) ได้ โดยต้ องยื่นอุทธรณ์
ภายใน 15 วัน นับแต่วนั ได้ รับแจ้ งคาสัง่ นัน้ ทังนี
้ ้ โดยคูก่ รณีฝ่ายใดฝ่ ายหนึ่ง หรื อผู้ที่ออกคาสัง่ ทาง
ปกครองที่ถกู สัง่ ทุเลาการบังคับตามคาสัง่ นัน้ เพราะโดยปกติแล้ วผู้ที่เข้ ามาเป็ นคูค่ วามในคดีมกั จะ
เป็ นรัฐมนตรี ของกระทรวงที่ เกี่ ยวข้ อง ดังนัน้ จึงอาจเป็ นไปได้ ว่าในบางกรณี ที่ผ้ ูออกคาสั่ง ทาง
42
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะ, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 7, น. 68.
55
43
บุบผา อัครพิมาน. “Le Sursis à exécution.” เอกสารแปลประกอบคาบรรยายของ
นางสาวเซลิอา เวโร ณ สานักงานศาลปกครอง, เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2548, น. 268.
44
สานักงานศาลปกครอง, “รวมรายงานผลการประชุมใหญ่สมาคมศาลปกครองสูงสุด
ระหว่างประเทศ ครัง้ ที่ 1 ถึงครัง้ ที่ 8 เรื่ องศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองเปรี ยบเทีย บ”,
พิมพ์ครัง้ ที่ 1, 2550, น. 117.
56
2.2 การทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครองตามกฎหมายประเทศเยอรมัน
45
วรเจตน์ ภาคีรัตน์, “ข้ อพิจารณาเปรี ยบเทียบองค์กรวินิจฉัยคดีปกครองของสาธารณรัฐ
ฝรั่งเศสและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน”, วารสารนิตศิ าสตร์ , ฉบับที่ 4 ปี ที่ 25, น. 717.
57
46
Nigel Foster & Satish Sule, German Legal System and Laws, ( New York :
OXFORD UNIVERSITY PRESS), p. 296.
47
สานักงานศาลปกครอง, “เอกสารประกอบการบรรยายพิเศษ เรื่ อง ภาระหน้ าที่ และ
กระบวนวิ ธี พิ จ ารณาความของศาลปกครองเยอรมัน โดย ศาสตราจารย์ ดร. Karl – Peter
Sommermann ระหว่างวันที่ 12-15 ธันวาคม 2543”, น. 13-14.
58
48
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะ, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 7, น.82.
49
ไชยเดช ตันติเวสส, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 5, น 3.
59
50
สานักงานศาลปกครอง, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 47, น. 1.
51
อภิรดี สุทธิสมณ์, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 3, น. 44.
60
52
An objection and a rescissory action shall have suspensive effect. This shall
(1)
also apply to constitutive and declaratory administrative acts, as well as to administrative acts
with a double effect (section 80a).
62
53
Anke Freckmann and Thomas Wegerich, THE GERMAN LEGAL SYSTEM.
(London : Sweet and Maxwell Limited, 1999), p. 250.
63
54
อภิรดี สุทธิสมณ์, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 3, น. 47.
55
บุบผา อัครพิมาน, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 43,.น. 263.
56
(1) An administrative act shall become effective vis-à-vis the person for whom it
is intended or who is affected thereby at the moment he is notified thereof. The
administrative act shall apply in accordance with its tenor as notified.
64
57
ไชยเดช ตันติเวสส, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 5, น. 3-4.
58
อภิรดี สุทธิสมณ์, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 3, น. 47.
59
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะ, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 7, น.85.
65
60
(2) The suspensive effect shall only fail to apply
1. if public charges and costs are called for,
66
61
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะ, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 7, น.86.
68
62
อภิรดี สุทธิสมณ์, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 3, น. 48.
69
เป็ นไปตามมาตรา 80 วรรคสาม 63 บทบัญ ญั ติ ม าตรา 80 วรรคสอง ล าดับ ที่ 4 ซึ่ ง กล่ า วถึ ง
ประโยชน์ ม หาชนหรื อ ประโยชน์ ไ ด้ เ สี ย ที่ ส าคัญ ของคู่ก รณี ไม่ ไ ด้ ห มายความว่ า ประโยชน์
ของมหาชนมี เ หนื อ กว่ า ประโยชน์ เ อกชนเสมอไป เพื่ อ ให้ ออกค าสั่ ง ปฏิ บั ติ ต ามค าสั่ ง
ทางปกครองได้ ทัน ที แต่ เ ป็ นกรณี ที่ ต้ องชั่งน า้ หนัก ทัง้ ส่ ว นที่ เ ห็ น ด้ ว ยและส่ ว นที่ ไ ม่ เ ห็ น ด้ ว ย
(Abwägungsentscheidung) แล้ ว จึงกาหนดให้ ปฏิบตั ิตามทันที และมีโอกาสเป็ นไปได้ อย่างมาก
ว่า ค าอุทธรณ์ หรื อคาฟ้ องมี เ หตุผ ลรั บ ฟั ง ได้ (Erfolgsaussicht) ในกระบวนวิ ธี พิ จารณาหลักจะถูก
ตรวจสอบเพียงคร่าวๆ หรื ออย่างหยาบ แต่ก็มีความสาคัญในการชัง่ น ้าหนักประโยชน์ได้ เสีย64
บทบัญญัตขิ องมาตรา 80 วรรคสอง ลาดับที่ 4 มีความเห็นส่วนหนึ่งว่า ประโยชน์ของ
มหาชนจะต้ องเป็ นเรื่ องที่สาคัญด้ วย ไม่ใช่ แค่สาหรับกรณีประโยชน์ได้ เสียของคู่กรณี อันสาคัญ
(überwiegend) กรณีคาสัง่ ทางปกครองซึ่งมีผลสองด้ าน (Verwaltungsakt mit Drittwirkung) เท่านัน้
นอกจากนัน้ เห็ นว่ าประโยชน์ มหาชนธรรมดาไม่ เป็ นเหตุผลเพี ยงพอที่ จะต้ องด าเนิ นการทันที
หากต้ องเป็ นเรื่ องที่กระทบประโยชน์มหาชนเป็ นพิเศษเท่านันที ้ ่อาจกระทาได้
หากปรากฏว่าคาสัง่ ให้ บงั คับการทันทีไม่ชอบด้ วยกฎหมาย ศาลปกครองต้ องกลับมา
กาหนดให้ มีผลการบังคับเลื่อนไปอีกหรื อมีผลเป็ นการทุเลาการบังคับ (Wiederherstellung der
aufschiebendene Wirkung) ตามมาตรา 80 วรรคห้ า VwGO65 ฝ่ ายปกครองไม่อาจจะออกคาสัง่
ใหม่ได้ อีก
63
(3) In cases falling under subsection 2 No. 4, the special interest in immediate
execution of the administrative act shall be reasoned in writing. No special reasoning
shall be required if the authority takes an emergency measure designated as such in the
public interest where a delay is likely to jeopardise the success, in particular with
impending disadvantages for life, health or property as a precautionary measure.”
64
ไชยเดช ตันติเวสส, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 5, น. 7 - 8.
65
(5) On request, the court dealing with the main case may completely or partly
order the suspensive effect in cases falling under subsection 2 Nos. 1 to 3, and may
restitute it completely or partly in cases falling under subsection 2 No. 4. The request
shall already be admissible prior to filing of the rescissory action. If the administrative
act has already been implemented at the time of the decision, the court may order the
rescission of implementation. The restitution of the suspensive effect may be made
70
(3) The court may, on request, alter or rescind measures in accordance with
subsections 1 and 2 or take such measures. Section 80, subsections 5 to 8, shall apply
mutatis mutandis.
72
67
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะ, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 7, น.89.
68
(7) The court dealing with the main case may amend or rescind orders
regarding requests in accordance with subsection 5 at any time. Each party concerned
may request an amendment or rescission because of altered circumstances or because
of circumstances not asserted in the original proceedings without fault.
69
(8) The presiding judge may decide in urgent cases.
74
70
อภิรดี สุทธิสมณ์, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 3, น. 53-55.
71
(1) On request, the court may, even prior to the lodging of an action, make an
interim order in relation to the subject-matter of the dispute if the danger exists that the
enforcement of a right of the plaintiff could be prevented or considerably impeded by
means of an alteration of the existing state. Interim orders shall also be admissible to
settle an interim condition in relation to a contentious legal relationship if this regulation
appears necessary, above all with ongoing legal relationships, in order to avert major
disadvantages or prevent immanent force or for other reasons.
(2) The court dealing with the main case shall have jurisdiction for the issuance
of interim orders. This shall be the court of first instance and, if the main case is pending
76
1. ลักษณะสาคัญของการกาหนดมาตรคุ้มครองชั่วคราว
ในระบบกฎหมายเยอรมันแตกต่างจากระบบของกฎหมายฝรั่งเศสและของไทยมิใช่
กฎทุกประเภทที่จะขอให้ ศาลปกครองสามารถตรวจสอบได้ กฎที่อาจเป็ นวัตถุแห่งการตรวจสอบ
ของศาลปกครองในระบบกฎหมายเยอรมันได้ นนั ้ มิใช่กฎเกณฑ์ที่องค์กรฝ่ ายปกครองอาศัยอานาจ
ตามกฎหมายแม่บทตราขึ ้นทุกประเภท แต่จากัดเฉพาะกฎบางประเภทเท่านัน้ คือ กฎที่องค์กรฝ่ าย
ปกครองตราขึ ้นโดยอาศัยอานาจจากประมวลกฎหมายก่อสร้ าง เช่น ประกาศผังเมือง เป็ นต้ น72
in the proceedings for an appeal on points of fact and law, the court of appeal on points
of fact and law. Section 80, subsection 8, shall apply mutatis mutandis.
(3) Sections 920, 921, 923, 926, 928 to 932, 938, 939, 941 and 945 the Code of
Civil Procedure shall apply mutatis mutandis to the issuance of interim orders
(4) The court shall decide by means of an order.
(5) The provisions contained in subsections 1 to 3 shall not apply to cases falling
under sections 80 and 80a
72
วรเจตน์ ภาคีรั ตน์ , “การฟ้ องคดี ขอให้ ต รวจสอบความชอบด้ วยกฎหมายของกฎ
ในระบบกฎหมายเยอรมัน”, วารสารวิชาการศาลปกครอง, ปี ที่ 5 ฉบับที่ 2, น. 4 (พฤษภาคม –
สิงหาคม 2548)
77
2. เขตอานาจศาลในการกาหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว
ศาลปกครองชัน้ สูง แห่ง มลรั ฐ หรื อ ศาลสูง คดี ป กครอง (Oberverwaltungsgericht
Nerwaltungsgerichtshot) เป็ นศาลที่ มี เ ขตอ านาจในการตรวจสอบความชอบด้ ว ยกฎหมาย
ของกฎ และมีอานาจในการออกคาสั่งระงับการใช้ กฎ ดังนัน้ การออกคาสั่งระงับใช้ กฎเป็ นการ
ชัว่ คราวจึงไม่อยูใ่ นอานาจของศาลอื่นๆ รวมทังศาลรั
้ ฐธรรมนูญด้ วย
4. เงื่อนไขในการพิจารณามีคาสั่งคุ้มครองชั่วคราว
ผู้ที่จะยื่นคาขอคุ้มครองชัว่ คราวตามมาตรา 47 วรรคหก ได้ นนั ้ ต้ องปรากฏต่อศาลว่า
(4.1) ไม่สามารถที่จะได้ รับความคุ้มครองสิทธิในทางอื่นได้
กรณี ถ้ า สามารถใช้ สิท ธิ ต ามมาตรา 80 และมาตรา 123 ได้ จะขอใช้ สิท ธิ ต าม
มาตรา 47 วรรคหกไม่ไ ด้ เช่น มี การออกกฎมาบังคับใช้ และเจ้ าหน้ าที่ ฝ่ายปกครองออกคาสั่ง
ทางปกครองตามกฎนัน้ กรณีเช่นนี ้จะยื่นขอให้ ระงับการใช้ กฎไม่ได้ จะต้ องใช้ สิทธิตามมาตรา 80
เพราะวิ ธี ก ารขอคุ้ม ครองชั่ว คราวในชัน้ ของการอุท ธรณ์ โ ต้ แ ย้ ง ค าสั่ง ทางปกครองมี ผ ลดี ก ว่า
ซึ่ง จะมีผ ลเป็ นการระงับการบัง คับทางปกครองได้ ทันที หากยื่ นคาขอตามมาตรา 47 วรรคหก
ศาลก็จะมีคาสัง่ ไม่อนุญาต
(4.2) กฎนัน้ น่ า จะไม่ ช อบด้ ว ยกฎหมาย และกฎนัน้ ได้ ส่ ง ผลกระทบในทางลบ
อย่างรุนแรงกับผู้ยื่นคาร้ อง ซึง่ จาเป็ นต้ องคุ้มครองโดยเร็ว
กล่าวคือ คาสั่ง คุ้ม ครองชั่วคราวจะต้ องเป็ นไปเพื่ อป้องกันความเสี ยหายที่ อาจจะ
เกิดขึ ้นอย่างรุนแรง (zur Abwehr schwerer Nachteile) หรื อมีเหตุจาเป็ นอื่นใดที่มิอาจหลีกเลี่ยง
ได้ (aus anderen wichtigen Gründen dringend geboten) ท าให้ ต้ อ งมี ก ารคุ้ม ครองชั่ว คราว
กรณี เ ช่นนี ศ้ าลจะต้ องมี คาสั่ง อนุญาตโดยไม่สิ ทธิ ใช้ ดุลพินิจ โดยศาลจะต้ องชั่ง นา้ หนักความ
เสียหายที่จะเกิดขึ ้นหากปล่อยให้ มีการบังคับใช้ กฎต่อไป แล้ วปรากฏในภายหลังว่ากฎนันไม่ ้ ชอบ
ด้ วยกฎหมาย กับความเสียหายที่จะเกิดขึ ้นหากศาลสั่งคุ้มครองชัว่ คราวและปรากฏในภายหลังว่า
กฎนัน้ ชอบด้ วยกฎหมายประกอบกัน แต่ทงนี ั ้ ถ้ ือมิได้ ว่าเป็ นการวินิจฉัยหรื อตัดสินผลแห่งคดีไป
ก่อน ถ้ าหากศาลเห็นว่ากฎนัน้ น่าจะชอบด้ วยกฎหมาย ศาลก็ จะไม่กาหนดมาตรการคุ้ม ครอง
ชัว่ คราวให้ กบั ผู้ยื่นคาร้ อง ผู้ยื่นคาร้ องจาต้ องยอมรับสภาพบังคับของกฎนันไปก่ ้ อน และไปแสดง
ข้ อเท็จจริงให้ ศาลเห็นในกระบวนการพิจารณาคาฟ้องหลัก
79
5. การพิจารณามีคาสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาล
กระบวนวิธีพิจารณาตามมาตรา 47 วรรคหก ถือเป็ นกระบวนวิธีพิจารณาเฉพาะแยก
ออกจากกระบวนวิธีพิจารณาคดีหลัก โดยศาลจะทาคาวินิจฉัยในรู ปของคาสัง่ (Beschluß) และ
แสดงเหตุผลประกอบด้ วย หัวหน้ าคณะหรื อตุลาการผู้รับผิดชอบสานวนไม่สามารถออกคาสัง่ โดย
ล าพัง ได้ แต่จ ะต้ อ งมี ก ารยื่ น ค าร้ องต่อ ศาลโดยบุค คลที่ มี สิ ท ธิ ยื่ น ค าร้ องขอให้ ศ าลตรวจสอ
ความชอบด้ วยกฎหมายของกฎ คาร้ องดังกล่าวจะต้ องระบุหน่วยงานที่ถูกร้ อง โดยหน่ว ยงาน
ที่ถูกร้ องนันจะต้
้ องเป็ นหน่วยงานที่ออกกฎดังกล่าว ซึ่งอาจจะไม่ใช่หน่วยงานที่จะต้ องบังคับการ
ตามกฎก็ได้ การสัง่ คุ้มครองชัว่ คราวจะทาในรูปขอคาสัง่ (Beschluß) โดยศาลจะดาเนินกระบวน
พิจารณาด้ วยวาจา (คื อให้ คู่กรณี ชี แ้ จง) หรื อไม่ก็ ได้ และการมี ค าสั่งของศาลจะต้ องกระท าโดย
องค์คณะ
เนื ้อหาของคาสัง่ ที่ให้ มีการคุ้มครองชัว่ คราว ศาลอาจจะสัง่ ให้ ระงับการบังคับใช้ กฎนัน้
ทังฉบั
้ บ หรื ออาจจะสัง่ ระงับใช้ บางมาตราก็ได้ ซึ่งอยู่ในดุลพินิจของศาล หรื อศาลอาจจะสัง่ ให้ ใช้
มาตรการอื่นที่จะป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ ้นกับผู้ร้อง หรื อศาลอาจจะกาหนดให้ กฎนันใช้ ้
บังคับต่อไป แต่จะกาหนดเงื่อนไขการใช้ บงั คับเพิ่มเติมก็ได้
6. ผลของคาสั่งคุ้มครองชั่วคราว
กรณีที่ศาลมีคาสัง่ ระงับการบังคับใช้ กฎเป็ นการชัว่ คราว ผลของคาสัง่ ศาลที่ให้ มีการ
ระงับใช้ กฎไม่วา่ จะทังฉบั
้ บหรื อบางมาตรา จะมีผลเป็ นการทัว่ ไปและมีผลผูกพันกับทุกคน แต่หาก
ศาลใช้ มาตรการเยี ยวยาอื่ นที่มิ ใช่การระงับใช้ กฎ มาตรการดังกล่าวนัน้ จะมี ผลผูกพันเฉพาะ
คู่ค วามเท่า นัน้ ค าสั่ง ของศาลที่ จ ะก าหนดมาตรการคุ้ม ครองชั่ว คราวหรื อไม่นัน้ ถื อ เป็ นที่ สุด
ผู้ยื่นคาร้ องขอไม่อาจอุทธรณ์ตอ่ ไปได้
อนึ่ง การสัง่ ระงับการบังคับใช้ ก ฎชัว่ คราวไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อคาสัง่ ทางปกครองที่
ออกไปก่อนหน้ านัน้ และผู้รับคาสัง่ ทางปกครองก็ไม่อาจใช้ กระบวนการร้ องขอให้ ระงับการบังคับใช้
กฎชัว่ คราวขอให้ ศาลสัง่ ระงับการบังคับตามคาสัง่ ทางปกครองได้ หากผู้รับคาสัง่ ทางปกครองผู้ใด
ต้ อ งการมิ ใ ห้ มี ก ารบัง คับ การตามค าสั่ง ทางปกครอง ผู้นัน้ ต้ อ งไปอุท ธรณ์ โ ต้ แ ย้ ง และฟ้ องคดี
โดยอาศัยรูปแบบคาฟ้องขอให้ เพิกถอนคาสัง่ ทางปกครอง (Anfechtungsklage) ซึ่งจะมีในเงื่อนไข
ในการฟ้องคดีและการคุ้มครองชัว่ คราวในอีกลักษณะหนึง่ 73
73
วรเจตน์ ภาคีรัตน์, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 72, หน้ า 12.
บทที่ 3
การทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครองตามกฎหมายไทย
3.1 ความหมายของการทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครอง
1
กฤตยชญ์ ศิริเขต, ศาลปกครอง คาอธิบายพระราชบัญญัติจดั ตังศาลปกครองและวิ
้ ธี
พิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542, พิมพ์ครัง้ ที่ 2 . (กรุงเทพมหานคร : วิทยพัฒน์, 2544), น. 105.
2
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะ, “รายงานวิจัยเรื่ องมาตรการชั่วคราวก่อนการพิพากษา”,
สถาบันวิจัยและให้ ค าปรึ กษาแห่งมหาวิ ทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอต่อ ส านักงานศาลปกครอง,
2545, น. 94.
80
81
3
สานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง, การทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง,
(กรุงเทพมหานคร : สานักงานศาลปกครอง, 2551), น. 2.
4
ไชยเดช ตันติเวสส, คูม่ ือ เรื่ องมาตรการหรื อวิธีการชัว่ คราว, (กรุงเทพมหานคร : สานักงาน
ศาลปกครอง, 2543), น. 45.
82
หลักการที่ กาหนดไว้ ในข้ อ 69 วรรคหนึ่ง แห่ง ระเบียบดังกล่าวมิไ ด้ ใช้ บัง คับกับ คดี
ทุก ประเภทที่ อ ยู่ใ นอ านาจของศาลปกครอง กล่ า วคื อ มาตรา 9 แห่ ง พระราชบัญ ญั ติ จัด ตัง้
ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 นัน้ ศาลปกครองมีอานาจพิจารณาพิพากษา
คดีที่อาจแบ่งออกเป็ นประเภทหลักๆ 5 ประเภท คือ
(1) การโต้ แย้ งการกระทาต่างๆของเจ้ าหน้ าที่และหน่วยงานของรัฐ เช่น การออกคาสัง่
การออกกฎ ฯลฯ
(2) การโต้ แย้ งการละเว้ นการกระทาตามอานาจหน้ าที่หรื อปฏิบตั หิ น้ าที่ลา่ ช้ า
(3) คดีพิพ าทเกี่ ย วกับการกระทาละเมิด หรื อ ความรับ ผิด อย่า งอื่น ของหน่ว ยงาน
ทางปกครองหรื อเจ้ าหน้ าที่ของรัฐ
(4) คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง และ
(5) คดีที่มีกฎหมายกาหนดให้ หน่วยงานของรัฐฟ้องคดีต่อศาล เพื่อบังคับให้ บุคคล
กระทาการหรื อละเว้ นกระทาการ และคดีที่มีกฎหมายกาหนดให้ อยูใ่ นอานาจของศาลปกครอง
แต่คดีที่จะขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองนัน้ จากัดอยู่เพียงเฉพาะ
คดี ที่ ขอให้ เพิ กถอนกฎหรื อค าสั่ง ตาม มาตรา 9 วรรคหนึ่ ง (1) เท่ านัน้ ดังนัน้ คดี ป ระเภทอื่ น ๆ
ไม่ว่าเกี่ ยวกับการละเว้ นการปฏิบัติหน้ าที่ หรื อปฏิ บตั ิหน้ าที่ ล่าช้ า ละเมิ ด หรื อสัญญาทางปกครอง
ย่อมไม่อาจขอให้ ศาลมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับได้
ส าหรั บ การกระท าใดจะเป็ น “กฎ” หรื อ “ค าสั่ง ทางปกครอง” นัน้ มาตรา 3 แห่ ง
พระราชบัญญัติจัดตังศาลปกครองและวิ
้ ธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ได้ ให้ คานิยามของ
คาว่า ”กฎ” ไว้ ว่า หมายความถึง พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ข้ อบัญญัติท้องถิ่น
ระเบียบ ข้ อบังคับ หรื อบทบัญญัติอื่นที่มีผลเป็ นการทัว่ ไป โดยไม่ม่งุ หมายให้ ใช้ บงั คับแก่กรณี ใด
หรื อบุคคลใดเป็ นการเฉพาะ ส่วนคาว่า “คาสัง่ ทางปกครอง” นัน้ พระราชบัญญัติจดั ตังศาลปกครองและ
้
วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มิได้ มีบทบัญญัติให้ นิยามไว้ จึงต้ องถือความหมายของคาว่า
“คาสัง่ ทางปกครอง” ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. 25395 ที่กาหนดไว้
ว่า “คาสั่ง ทางปกครอง” หมายถึง การใช้ อานาจตามกฎหมายของเจ้ า หน้ า ที่ที่มีผ ลเป็ นการ
สร้ างนิติสมั พันธ์ขึ ้นระหว่างบุคคล ในอันที่จะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรื อมีผลกระทบ
ต่อสถานภาพของสิท ธิ ห รื อ หน้ า ที่ข องบุค คล ไม่ว่า จะเป็ นการถาวรหรื อ ชั่ว คราว เช่น การสั่ง
การ การอนุมตั ิ การวินิจฉัยอุทธรณ์ การรับรอง และการรับจดทะเบียน แต่ไม่หมายความรวมถึง
การออกกฎ และการอื่นที่กาหนดไว้ ในกฎกระทรวง
5
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะ, อ้างแล้ว เชิ งอรรถที ่ 2, น. 94 - 96.
83
6
คาสัง่ ของศาลปกครองอุดรธานีในคดีหมายเลขดาที่ 485/2554 ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2554
86
7
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 107/2546 และคาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 113/2546.
8
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 778/2547.
88
9
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 699/2552.
10
เอกบุ ญ วงศ์ ส วั ส ดิ์ กุ ล และคณะ, “รายงานวิ จั ย เรื่ องวิ ธี พิ จ ารณาคดี ป กครอง
เปรี ยบเทียบ”, สถาบันวิจัยและให้ คาปรึ กษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอต่อสานักงาน
ศาลปกครอง, 2549, น. 179.
89
(1) กรณี ผู้ ฟ้ องคดีม ีค าขอให้ ศ าลมีค าสั่ ง ทุเ ลาการบัง คับ ตามกฎหรื อ
คาสั่งทางปกครอง
ผู้ฟ้องคดีอาจขอมาในคาฟ้องหรื อยื่นคาขอมาในเวลาใดๆ ก่อนศาลมีคาพิพากษาหรื อ
มีคาสัง่ ชี ้ขาดคดี เพื่อขอให้ ศาลมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองที่เป็ นเหตุ
แห่งการฟ้องคดี อันจะมีผลเป็ นการชะลอหรื อระงับการบังคับตามผลของกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง
ไว้ เป็ นการชั่วคราว13 โดยคาขอดังกล่าวต้ องแสดงให้ เห็นอย่างชัดแจ้ งว่า ประสงค์จะขอทุเลาการ
บังคับตามกฎหรื อคาสั่งทางปกครองใด และการให้ กฎหรื อคาสั่ง ทางปกครองนัน้ มี ผลใช้ บงั คับ
11
อัครวิทย์ สุม าวงศ์. “วิธี พิจ ารณาคดีปกครอง”. วารสารวิช าการศาลปกครอง. ปี ที่ 1
ฉบับที่ 2 น. 36, (พฤษภาคม – สิงหาคม 2544)
12
ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2543 ข้ อ 71 บัญญัตวิ า่
“เมื่อได้ รับคาขอตามข้ อ 69 และเป็ นกรณี ที่ศาลมิได้ มีคาสั่งตามข้ อ 70 ให้ ศาลส่งสาเนา
คาขอให้ ค่กู รณีชี ้แจงและแสดงพยานหลักฐานโดยด่วน แล้ วนัดไต่สวนเพื่อมีคาสัง่ เกี่ยวกับคาขอ
ดังกล่าวโดยเร็ว
ในกรณีที่ไม่มีคาขอตามข้ อ 69 แต่ศาลเห็นว่ามีเหตุสมควรที่จะทุเลาการบังคับตามกฎหรื อ
คาสั่ง ทางปกครองที่เ ป็ นเหตุแ ห่ง การฟ้ องคดี ให้ ศาลมีอานาจสั่ง ทุเ ลาการบัง คับตามกฎหรื อ
คาสั่งทางปกครองนัน้ โดยจะไต่สวนก่อนหรื อไม่ก็ได้ ”
13
บรรเจิ ด สิ ง คะเนติ. หลัก กฎหมายเกี่ ยวกับการควบคุม ฝ่ ายปกครอง, พิม พ์ ครั ง้ ที่ 3
(กรุงเทพมหานคร : วิญํูชน, 2551), น. 298–299.
90
14
ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2543 ข้ อ 69 วรรคสองและสาม
15
เผด็จ โชคเรื องสกุล, คาอธิบายกฎหมายว่าด้ วยศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง.
พิมพ์ครัง้ แรก (กรุงเทพมหานคร : นิตธิ รรม, 2553), น. 376.
16
สานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 3, น. 11.
91
17
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดาที่ อ.13/2544 ลงวันที่
22 มีนาคม 2545.
18
กฤตยญช์ ศิริเขต, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 1, น. 107.
92
คาสั่ง ซึ่งคาขอให้ ศ าลมี คาสั่ง ให้ ง ดการบัง คับ ใช้ ตามพระราชกฤษฎี กาทัง้ สองฉบับ เป็ นคาขอ
ทุเลาการบังคับตามกฎ19
(2) ผู้ฟ้ องคดี ฟ้ องขอให้ ศาลเพิ กถอนประกาศจังหวัดภูเก็ ต เรื่ องกาหนดห้ ามการประกอบ
กิจกรรมที่เป็ นการทาลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ อมบริ เวณทะเล จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2549
โดยมี ค าขอให้ ศาลมี ค าสั่ ง ให้ ชะลอการบั ง คั บ ตามประกาศดั ง กล่ าวไว้ เป็ นการชั่ วคราวก่ อ น
การพิพากษา20
ตัวอย่างคดีที่ผ้ ฟู ้ องคดีขอทุเลาการบังคับตามคาสัง่ ทางปกครอง
(1) ผู้ฟ้องคดีฟ้องขอให้ ศาลเพิกถอนคาสัง่ พักใช้ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ โดยมีคา
ขอให้ ศาลมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามคาสัง่ ดังกล่าวไว้ เป็ นการชัว่ คราวก่อนการพิพากษา21
(2) ผู้ฟ้ องคดีฟ้ องขอให้ ศาลเพิกถอนใบอนุญาตจัดตัง้ โรงงาน โดยมี คาขอให้ ศาล
มีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามคาสัง่ ดังกล่าวไว้ เป็ นการชัว่ คราวก่อนการพิพากษา22
อนึง่ ในกรณีที่ผ้ ฟู ้ องคดีมีคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง หากปรากฏว่า
ศาลมีคาสั่งเกี่ ยวกับคาขอดังกล่าวโดยไม่มีการนัดไต่สวนคู่กรณี ก่อนที่จะมีคาสั่งเกี่ยวกับคาขอ
ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองของผู้ฟ้องคดี ศาลปกครองสูงสุดถือว่าเป็ นกรณีที่
คดีดงั กล่าวปรากฏเหตุที่มิได้ ปฏิบตั ิตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรื อระเบียบของที่ประชุมใหญ่
ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 ในส่วนที่ว่าด้ วยการแสวงหา
ข้ อเท็จจริงตามข้ อ 112 วรรคหนึง่ (2) แห่งระเบียบดังกล่าว23ดังรายละเอียดคาสัง่ ดังนี ้
19
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดาที ฟ.14/2548 ลงวันที่
15 พฤศจิกายน 2548.
20
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 65/2550.
21
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 122/2546 และที่ 125/2546.
22
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 484/2548.
23
ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2453 ข้ อ 112 วรรคหนึง่ (2) บัญญัตวิ า่
“อ านาจในการพิ จ ารณาอุ ท ธรณ์ ค าพิ พ ากษาหรื อ ค าสั่ ง ของศาลปกครองชั น้ ต้ น
โดยศาลปกครองสูงสุดให้ รวมถึง...
(๒) เมื่อคดีปรากฏเหตุที่มิได้ ปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตแิ ห่งกฎหมายหรื อระเบียบนี ้ในส่วนที่ว่า
ด้ วยการแสวงหาข้ อเท็จจริ ง หรื อมีเหตุที่ศาลได้ ปฏิเสธการไต่สวนพยานตามที่ผ้ ูอุทธรณ์ มีคาขอ
และศาลปกครองสูง สุดเห็นว่ามีเหตุอันสมควร ให้ มีอานาจสั่ ง ให้ ยกคาพิพ ากษาหรื อคาสั่ง ของ
93
(2) กรณีศาลเห็นสมควรทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครอง
การสัง่ ทุเลาการบังคับทางปกครองนี ้ โดยปกติแล้ วผู้ฟ้องคดีต้องมีคาขอต่อาลเพื่อขอ
ห้ าลมีคาสัง่ กาหนดมาตรการทุเลาการบังคับให้ แก่ผ้ ฟู ้ องคดี แต่ในขณะเดียวกัน ศาลก็อาจมีคาสัง่
ทุเลาการบังคับได้ เองโดยผู้ฟ้องคดีไม่ได้ มีคาขอมาก็ได้ ในกรณีที่ศาลเห็นสมควรมีคาสัง่ ทุเลาการ
บังคับให้ ตุลาการเจ้ าของสานวนมีอานาจออกคาสัง่ ได้ โดยไม่ต้องเสนอองค์คณะ โดยจะไต่สวนก่อน
หรื อไม่ก็ได้ กรณีนีแ้ ตกต่างจากกรณี ที่ผ้ ูฟ้องคดีมีคาขอให้ ท ุเลาการบัง คับ ตามกฎหรื อ คาสัง่ ทาง
25
กฤตยชญ์ ศิริเขต, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 1, น. 106.
95
ผู้ถูก ฟ้ องคดี แ ละผู้ร้ องสอดดัง กล่ า วย่ อ มสร้ างความสับ สนทัง้ แก่ ข้ าราชการและลูก จ้ า งของ
สานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และทาให้ หน่วยงานรับตรวจและหน่วยงานอื่ นที่เกี่ยวข้ องซึ่งเป็ น
หน่วยงานภายนอกเกิดความสับสนในอานาจหน้ าที่ของผู้ปฏิบตั ิงานสานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ไปด้ วย อันเป็ นอุปสรรคทาให้ ภาระหน้ าที่ในการตรวจสอบการใช้ เงินของแผ่น ดินขาดประสิทธิภาพ
เพราะข้ าราชการในสานักงานการตรวจเงินแผ่นดินไม่ทราบว่าจะต้ อ งถื อปฏิบตั ิตามคาสั่งของ
ผู้บงั คับบัญชาคนใด ซึง่ หากปล่อยให้ สถานการณ์เช่นนี ้ดารงต่อไป ย่อมทาให้ การตรวจสอบการใช้
จ่ายเงิ น ของแผ่นดินต้ อ งด าเนิ น การล่า ช้ าส่ง ผลกระทบหรื อ เกิ ดความเสี ย หายที่ จ ะตามมาอี ก
นานับประการ อาจร้ ายแรงจนยากแก่การเยียวยาแก้ ไขในภายหลัง อีกทัง้ การทุเลาการบังคับตาม
คาสั่งดังกล่าวไม่เป็ นอุปสรรคแก่การบริ หารงานของรัฐหรื อแก่การบริ การสาธารณะแต่อย่างใด
จึงควรมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามคาสัง่ สานักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่ 184/2553 เรื่ อง ยกเลิกคาสัง่
แต่ง ตัง้ รองผู้ว่า การตรวจเงิ น แผ่น ดินให้ รั ก ษาราชการแทนผู้ว่า การตรวจเงิ น แผ่น ดิน ลงวัน ที่
18 สิงหาคม 2553 ของผู้ถกู ฟ้องคดีไว้ เป็ นการชัว่ คราวก่อนการพิพากษา จนกว่าศาลจะมีคาพิพากษา
หรื อมีคาสัง่ เป็ นอย่างอื่น26
อย่างไรก็ตามเรื่ องการสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสั่งทางปกครองตามคาขอนี ้
เป็ นเรื่ องส าคัญ เพราะเป็ นการเข้ าไปแทรกแซงการบริ หารราชการของหน่วยงานทางปกครองหรื อ
เจ้ าหน้ าที่ของรัฐ ดังนัน้ จึงต้ องพิจารณาออกคาสัง่ โดยองค์คณะ มิใช่โดยตุลาการเจ้ าของสานวน
เพียงคนเดียวเหมือนคาสัง่ อื่นๆ ในคดี
3.3.2 อานาจดุลพินิจของศาลปกครองในการสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรื อ
คาสั่งทางปกครอง
กล่าวคือ การมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองเป็ นเรื่ องดุลพินิจ
ของศาลปกครองในการมี ค าสั่ง ดัง กล่ า ว แม้ ว่ า ในค าขอทุ เ ลาการบัง คับ ของผู้ ฟ้ องคดี จ ะมี
องค์ ประกอบครบตามเงื่ อนไขที่ กฎหมายก าหนดและเพี ยงพอที่ ศาลปกครองจะสามารถมี ค าสั่ง
ทุเลาการบัง คับ ตามกฎหรื อ ค าสั่ง ทางปกครองได้ ก็ ต าม หากศาลปกครองเห็ น ว่ า การทุเ ลา
การบัง คับ ดัง กล่ า วจะมี ผ ลกระทบ หรื อ ท าให้ การบริ ห ารงานภาครั ฐ หรื อ บริ ก ารสาธารณะ
หยุดชะงักลง ศาลปกครองก็อาจมีคาสัง่ ไม่รับคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง
ของผู้ฟ้องคดีไ ว้ พิจ ารณาก็ไ ด้ หรื อศาลปกครองเห็นว่าคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสั่ง
26
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดาที่ 1306/2553 ลงวันที่
15 ตุลาคม 2553.
98
3.3.3 การสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครองกรณีมีการยื่นคาขอ
โดยมีเหตุฉุกเฉิน
ในระบบกฎหมายปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองของประเทศไทยนัน้ ยังไม่มี
บทบัญญัติในเรื่ องการไต่สวนฉุกเฉิ นในคดีปกครองกาหนดไว้ เป็ นการเฉพาะ จึงจาเป็ นต้ องนา
หลักการเรื่ อ งการไต่ส วนคาร้ องกรณี ฉุก เฉิ น ที่ บ ทบัญ ญัติไ ว้ ใ นประมวลกฎหมายวิ ธี พิ จ ารณา
ความแพ่งมาใช้ เท่าที่ไม่ขดั ต่อวิธีพิจารณาคดีปกครอง
โดยคดีแพ่งได้ กาหนดนิยามความหมายของคาว่า เหตุฉุกเฉิน หมายถึง กรณีที่ศาล
ต้ องมีคาสัง่ โดยรี บด่วน หากช้ าไปจะเสียความยุติ ธรรมหรื อก่อความอยุติธรรม 27 เช่น โจทก์เคยใช้
ทางในที่ ดินของจ าเลยผ่านเข้ าออกมาเป็ นเวลาหลายสิบปี ต่อมาจ าเลยก่อกาแพงปิ ดกัน้ ทาง
ดังกล่าวทาให้ โจทก์เข้ าออกไม่ได้ ต้องใช้ บนั ไดพาดเพื่อปี นข้ ามกาแพง กรณีดงั กล่าวนี ้ ความทุกข์
ของโจทก์สมควรได้ รับการปั ดเป่ าทันทีหากไม่มีการกาหนดมาตรการคุ้มครองระหว่างการพิจารณา
อย่างเร่ ง ด่วนแล้ ว ก็จะก่อให้ เกิดความอยุติธรรมแก่โจทก์ เป็ นต้ น นอกจากนี ้ ยังมีบางตาราได้
กาหนดนิยามความหมายของกรณีที่มีเหตุฉกุ เฉิน คือ กรณีที่หากไม่ดาเนินการตามที่โจทก์ขอแล้ ว
โจทก์จะได้ รับความเสียหายหรื อเดือดร้ อนอย่างแท้ จริ งและไม่สามารถจะบรรเทาความเสียหาย
หรื อความเดือนร้ อนนัน้ ให้ กลับมาสู่ปกติไ ด้ 28 หากเปรี ยบเทียบกับคดีปกครองแล้ ว เหตุฉุกเฉิ น
ก็หมายถึงกรณีที่โจทก์อาจได้ รับความเสียหายที่ยากแก่การเยียวยาแก้ ไขได้ ในภายหลัง และความ
เสียหายนันเป็้ นความเสียหายที่ใกล้ จะเกิดขึ ้น หากศาลปกครองไม่ได้ กาหนดมาตรการคุ้มครอง
อย่างทันท่ว งที ความเสี ยหายนัน้ อาจทวี ความรุ นแรงมากขึน้ ก็ ไ ด้ เช่น ในกรณี ที่ ฝ่ ายปกครอง
ออกคาสัง่ ให้ รือ้ อาคารที่อยูอ่ าศัยของผู้ฟ้องคดี และเจ้ าหน้ าที่ฝ่ายปกครองกาลังใช้ มาตรการบังคับ
27
ประที บ อ่า ววิ จิ ตรกุล , ค าอธิ บ ายประมวลกฎหมายวิ ธี พิ จ ารณาความแพ่ง ภาค 4
ฉบับ Concise ตอน 1 คาบังคับ หมายบังคับคดี วิธีการคุ้มครองชัว่ คราว พร้ อมตัวอย่างภาคปฏิบตั ิ,
(กรุงเทพมหานคร : สานักอบรมกฎหมายแห่งเนติบณ ั ฑิตยสภา, 2553), น. 197.
28
สมศักดิ์ เอี่ ยมพลับใหญ่, ไต่สวนฉุกเฉิ น ไต่สวนขอคุ้ม ครองชั่วคราว ร้ องขอกัน ส่วน
ร้ องขัดทรั พ ย์ ร้ องขอรั บชาระหนีจ้ านอง ร้ องขอเฉลี่ ยทรั พย์ , พิม พ์ ครั ง้ ที่ 3 (กรุ ง เทพมหานคร :
นิตธิ รรม, 2553), น. 141.
99
29
วรรณชัย บุญบ ารุ ง และคณะ, ประมวลกฎหมายวิ ธี พิ จารณาความแพ่ง ฉบับอ้ า งอิ ง ,
พิมพ์ครัง้ ที่ 2 (กรุงเทพมหานคร : วิญํูชน 2552), น. 709.
30
คาสัง่ ศาลฎีกาที่ 4554/2536.
31
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 266 บัญญัตวิ า่
“ในกรณีมีเหตุฉุกเฉิ น เมื่อโจทก์ยื่นคาขอตามมาตรา 254 โจทก์จะยื่นคาร้ องรวมไปด้ วย
เพื่อให้ ศาลมีคาสัง่ หรื อออกหมายตามที่ขอโดยไม่ชกั ช้ าก็ได้
เมื่ อ ได้ ยื่ น ค าร้ องเช่ น ว่ า มานี ้ วิ ธี พิ จ ารณาและชี ข้ าดค าขอนัน้ ให้ อยู่ ภ ายใต้ บัง คับ
บทบัญญัตมิ าตรา 267 มาตรา 268 และมาตรา 269”
100
โจทก์ ไ ด้ นับ นัน้ อาจเพิ่ ม ความรุ น แรงมากยิ่ง ขึน้ กฎหมายจึง ได้ ก าหนดมาตรการที่ จ ะบรรเทา
ความเดือดร้ อนของโจทก์เป็ นการฉุกเฉินขึ ้นมา
32
คาสัง่ ศาลฎีกาที่ 970/2519.
33
คาสัง่ ศาลฎีกาที่ 2071/2519
101
(2) วิธีการยื่นคาขอในเหตฉุกเฉิน
ในการยื่นคาขอในกรณีฉกุ เฉินนัน้ โจทก์ต้องมีคาร้ อง 2 ฉบับ
(1) คาขอคุ้ม ครองชั่วคราว ซึ่ง หากเปรี ยบเที ยบกับประมวลกฎหมายวิธี พิจ ารณา
ความแพ่งก็คือ คาร้ องตามมาตรา 25434 แต่หากเป็ นคดีปกครองก็คือ คาร้ องขอทุเลาการบังคับตาม
กฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง หรื อคาร้ องขอให้ ศาลกาหนดมาตรการเพื่อบรรเทาทุกข์ชวั่ คราวนัน่ เอง
(2) คาร้ องในกรณีฉกุ เฉินตาม
ในการเขี ย นค าร้ องกรณี ฉุ ก เฉิ น นัน้ ต้ อ งพิ จ ารณาข้ อเท็ จ จริ ง เป็ นกรณี ไ ป โดยดู
พฤติการณ์แห่งคดีในแต่ละเรื่ อง เช่น กรณีการกู้ยืมเงินก็ต้องพิจารณาเกี่ยวกับทรัพย์ สินของจาเลย
ว่าจาเลยมีพฤติการณ์ ที่ยักย้ ายทรัพย์สินไปให้ พ้นอานาจศาลหรื อจาหน่ายทรัพย์สินของจาเลย
เพียงใด เพื่อเป็ นแนวทางในการร่ างคาร้ องให้ ศาลเห็นว่า หากมิได้ ดาเนินการเป็ นการด่วนแล้ ว
จาเลยก็สามารถจาหน่ายหรื อยักย้ ายทรัพย์สินนันท ้ าให้ โจทก์ ไม่สามารถบังคับคดีเอากับทรั พย์สิน
นันได้
้ อนั เป็ นเหตุให้ โจทก์ได้ รับความเสียหาย สาหรับการเขียนคาร้ องกรณีฉุกเฉินในคดีปกครอง
ผู้ฟ้องคดีต้องบรรยายความเสียหายที่ตนอาจได้ รับ หากศาลไม่กาหนดมาตรการชั่วคราวให้ แก่
ผู้ฟ้องคดีอย่างเร่งด่วน
(3) การพิจารณาคาขอในกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
้ องเป็ นไปตามที่กาหนดไว้ ในมาตรา 27635 วรรคหนึ่ง
การพิจารณาคาขอในกรณีฉกุ เฉินนันต้
แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาแพ่ง ได้ แก่36
34
สมชัย ฑีฆาอุตมากร, ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ภาค 4 วิธีการชัว่ คราว
ก่อนการพิพากษาและการบังคับตามคาพิพากษาหรื อคาสัง่ , (กรุงเทพมหานคร : พลสยาม พริ น้ ติ ้ง
(ประเทศไทย), 2552), น. 131.
35
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 267 บัญญัตวิ า่
“ให้ ศาลพิ จ ารณาค าขอเป็ นการด่ ว น ถ้ าเป็ นที่ พ อใจจากค าแถลงของโจทก์ ห รื อ
พยานหลักฐานที่โจทก์ได้ นามาสืบหรื อที่ศาลได้ เรี ยกมาสืบเองว่า คดีนนเป็ ั ้ นคดีมีเหตุฉุกเฉินและ
คาขอนัน้ มี เหตุผลมควรอันแท้ จ ริ ง ให้ ศาลมี คาสั่ง หรื อออกหมายตามที่ขอภายในขอบเขตและ
เงื่อนไขเป็ นไปตามที่เห็นจาเป็ นทันที ถ้ าศาลมีคาสัง่ ให้ ยกคาขอ คาสัง่ เช่นว่านี ้ให้ เป็ นที่สดุ
จาเลยอาจยื่นคาขอโดยพลันให้ ศาลยกเลิกคาสัง่ หรื อหมายนันเสี ้ ย และให้ นาบทบัญญัติ
ในวรรคก่อนมาใช้ บงั คับโดยอนุโลม คาขอเช่นว่านี ้อาจทาเป็ นคาขอฝ่ ายเดียวโดยได้ รับอนุญาต
จากศาล ถ้ าศาลมีคาสัง่ ยกเลิกคาสัง่ เดิมตามคาขอ คาสัง่ เช่นว่านี ้ให้ เป็ นที่สดุ
102
(1) ศาลต้ อ งพิจ ารณาค าขอเป็ นการด่ว น กล่า วคื อ ศาลต้ อ งไต่ส วนเป็ นการด่ว น
ในทันทีทนั ใด เพื่อพิจารณาว่ากรณีมีเหตุฉกุ เฉินหรื อไม่ เช่น
โจทก์ยื่นคาขอในเหตุฉกุ เฉินพร้ อมกับยื่นคาขอให้ ศาลใช้ วิธีการชัว่ คราวก่อนพิพากษา
ศาลสัง่ นัดไต่สวนในอีก 4 วันต่อมา กับสัง่ ให้ สง่ สาเนาให้ จาเลยทราบ และเมื่อไต่สวนแล้ วได้ มีคาสัง่
ให้ จาเลยนาบุตรไปมอบแก่โจทก์ ภายใน 3 วัน นับแต่วันได้ รับทราบ ดัง นี ้ ถื อว่าศาลชัน้ ต้ นมิไ ด้
พิจารณาคาขอของโจทก์ เป็ นการด่วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 267
และมาตรา 269 แต่เป็ นการพิจารณาไต่สวนคาร้ องของโจทก์อย่างวิธีธรรมดา37
(2) ศาลมีอานาจให้ ทาอย่างใดอย่างหนึง่ หรื อหลายอย่าง ดังต่อไปนี ้
(2.1) ศาลทาการไต่สวนโดยฟั งคาแถลงของโจทก์ แล้ วสัง่ คาร้ องโดยไม่ต้องไต่สวนฟั ง
พยานหลักฐานของโจทก์ก็ได้
(2.2) ศาลไต่สวนโดยฟั งพยานหลักฐานของโจทก์ที่นามาสืบ
(2.3) ศาลทาการไต่สวนโดยฟั งพยานหลักฐานที่ศาลได้ เรี ยกมาสืบเอง
(3) คาสัง่ ของศาลมี 2 กรณี คือ
(3.1) อนุญาตตามคาขอ ในกรณี ที่เป็ นที่ พอใจแก่ศาลตามที่ ไต่สวนว่าคดีนัน้ เป็ นคดี
ที่มีเหตุฉุกเฉินและคาขอนันมี ้ เหตุสมควรอันแท้ จริ งให้ ศาลมีคาสัง่ หรื อออกหมายตามที่ขอภายใน
ขอบเขตและเงื่อนไขตามที่เห็นจาเป็ นในทันที
(3.2) ศาลยกคาขอ เมื่อศาลพิจารณาแล้ วเห็นว่าคดีนัน้ ไม่มีเหตุฉุกเฉินและไม่มีเหตุ
สมควรอันแท้ จริง ให้ ศาลมีคาสัง่ ยกคาขอและคาสัง่ เช่นว่านี ้เป็ นที่สดุ
(4) ผลของคาสัง่ ยกคาขอ
เมื่อศาลยกคาขอในเหตุฉกุ เฉิน ย่อมมีผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ตามมาตรา 267 วรรคหนึง่ และวรรคสาม ได้ แก่
(4.1) คาสัง่ ให้ ยกคาขอเป็ นที่สดุ ไม่วา่ จะเป็ นคาสัง่ ของศาลชันต้
้ นหรื อศาลอุทธรณ์ ดัง
ตัวอย่างนี ้
38
คาสัง่ ศาลฎีกาที่ 407/2519.
104
39
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลางในคดีห มายเลขดาที่ 1998/2550 ลงวันที่
31 ตุลาคม 2550.
40
มาตรา 268 บัญญัตวิ า่ “ในกรณีที่มีเหตุฉกุ เฉิน ให้ ศาลมีอานาจที่จะใช้ ดลุ พินิจวินิจฉัยว่า
คดีนนมี
ั ้ เหตุฉกุ เฉินหรื อไม่ ส่วนวิธีการที่ศาลจจะกาหนดนัน้ หากจาเป็ นต้ องเสื่อมเสียแก่สิทธิของ
คูค่ วามในประเด็นแห่งคดี ก็ให้ เสื่อมเสียเท่าที่จาเป็ นแก่กรณี”
105
ตามที่โจทก์ขอในเหตุฉกุ เฉิน ก็อาจมีการรื อ้ กาแพงนี ้เท่าที่จาเป็ นก็ได้ แม้ เป็ นที่เห็นได้ ชดั ว่าจาเลย
ต้ องเสียหายไปก็ตาม41
3.3.4 การมีคาสั่งเกี่ยวกับการทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครอง
การมีคาสัง่ เกี่ยวกับการทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองนัน้ ศาลอาจมี
คำสั่งได้ 3 กรณี ตามเงื่ อนไขที่กฎหมายกาหนด คือ คาสั่งไม่รับคาขอของผู้ฟ้องคดีไว้ พิจารณา
คำสั่งยกคาขอของผู้ฟ้องคดี และคาสั่ง ให้ ทุเลาการบัง คับตามคาขอของผู้ฟ้ องคดี โดยในกรณี
ที่ศาลจะมีคาสัง่ อนุญาตให้ ทเุ ลาการบังคับตามคาขอของผู้ฟ้องคดีนนั ้ เป็ นดุลพินิจของศาลตามที่
ได้ กล่าวมาแล้ วในข้ างต้ น ส่วนคาสัง่ ไม่รับคาขอทุเลาการบังคับตามคาขอของผู้ฟ้องคดี และคาสัง่
ยกคาขอของผู้ฟ้องคดีนนั ้ ศาลไม่มีอานาจใช้ ดลุ พินิจ หากข้ อเท็จจริ งปรากฏตามเงื่อนไขของกฎหมาย
ศาลต้ องมีคาสัง่ ไม่รับคาขอทุเลาการบังคับ หรื อยกคาขอทุเลาการบังคับตามคาขอของผู้ฟ้องคดี
แล้ วแต่กรณี ดังนี ้
1. กรณีศาลมีคาสั่งไม่ รับคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครอง
เมื่อศาลปกครองได้ รับคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ของผู้ฟ้องคดีที่ได้ ยื่นมา
พร้ อมกับคาฟ้ อง หรื อยื่น มาภายหลัง ในเวลาใดๆ ก่อ นศาลมี คาพิพ ากษาหรื อ คาสั่ง ชี ข้ าดคดี
ศาลจะต้ องดาเนินการไต่สวนเพื่อหาข้ อเท็จจริ ง โดยในการวินิจฉัยคาขอทุเลาตามกฎหรื อคาสั่ง
ทางปกครองศาลจะพิจ ารณาจากคาขอ คาให้ การ คาชี แ้ จง และพยานหลัก ฐานที่ยื่นต่อศาล
รวมทัง้ สาระที่ ไ ด้ จ ากการให้ ถ้อยคาของคู่กรณี และพยานบุค คลในวัน ไต่ส วนประกอบกัน เมื่ อ
ศาลปกครองพิจารณาคาร้ องแล้ วเห็น ว่าคาร้ องขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง
ของผู้ฟ้องคดีมีลกั ษณะอย่างใดอย่างหนึ่งตามข้ อ 70 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาล
ปกครองสูงสุดว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 254342 ศาลจะมีคาสั่งไม่รับคาขอทุเลาการ
บังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองไว้ พิจารณา ดังนี ้
41
ประทีบ อ่าววิจิตรกุล. อ้างแล้วในเชิ งอรรถที ่ 22. น. 202 – 202.
42
ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2543 ข้ อ 70 บัญญัตวิ า่
“ในกรณีที่ศาลเห็นว่าคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองใด ยื่นโดยไม่มี
ข้ ออ้ างหรื อข้ อเท็จจริ งเพียงพอ หรื อไม่มีเหตุผลหรื อสาระอันควรได้ รับการพิจารณา หรื อเห็นได้
อย่างชัดแจ้ งว่าไม่สมควรมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง หรื อเป็ นกรณีที่ศาล
106
จะสั่งไม่รับคาฟ้องนันไว้
้ พิจารณาและจะสั่งจาหน่ายคดี ออกจากสารบบความแล้ ว ให้ มีอานาจ
สั่งไม่รับคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองนัน้ คาสัง่ ดังกล่าวให้ เป็ นที่สดุ ”
107
หรื อข้ อ เท็ จ จริ ง เพี ย งพอ ศาลจึง มี คาสั่ง ไม่รั บ คาขอทุเ ลาการบัง คับ ตามคาสั่ง ทางปกครอง
ไว้ พิจารณา43
นอกจากนี ้ยังมีกรณีที่ผ้ ฟู ้ องคดีเป็ นนิติบุคคลประเภทบริ ษัทจากัดฟ้องว่า ได้ รับความ
เดือดร้ อนหรื อเสียหายจากคาสัง่ ของคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้ซื ้อที่ดินจัดสรรกรุ งเทพมหานคร
(ผู้ถูกฟ้องคดี) ที่สงั่ ให้ ผ้ ฟู ้ องคดีดาเนินการปรั บปรุ งถนนและบ่อบาบัดน ้าเสีย ให้ สามารถใช้ บาบัด
น ้าเสียได้ ภายใน 60 วัน นับแต่วนั ที่ได้ รับหนังสือแจ้ งคาสัง่ หากถึงกาหนดเวลาดังกล่าวผู้ฟ้องคดี
ไม่ป ฏิ บัติต ามจะมี ค วามผิ ด ตามมาตรา 65 แห่ง พระราชบัญ ญัติก ารจัด สรรที่ ดิน พ.ศ. 2543
ผู้ฟ้ องคดี จึง ฟ้ องขอให้ ศ าลเพิ กถอนคาสั่ง ของผู้ถูกฟ้ องคดี เนื่ อ งจากผู้ถูกฟ้ องคดี พ ยายามให้
ผู้ถูกฟ้ องคดี ดาเนิน การตามค าสั่ง ของผู้ถูก ฟ้ องคดี หากผู้ถูกฟ้ องคดี ไ ม่ ป ฏิ บัติตามจะต้ องถูก
ดาเนินคดีตามกฎหมายอาญาในส่วนปกครอง
ศาลปกครองกลางวินิจฉัยว่า ผู้ฟ้องคดีอ้างแต่เพียงว่า ผู้ถูกฟ้องคดีได้ พยายามให้
ผู้ฟ้องคดีดาเนินการตามคาสัง่ หากผู้ฟ้องคดีไม่ปฎิบตั ิตามจะถูกดาเนินคดีตามกฎหมายอาญา
ในส่วนปกครอง โดยไม่ไ ด้ แสดงให้ เ ห็น อย่างชัดแจ้ ง ว่า การให้ คาสั่ง ดัง กล่า วมี ผลบัง คับต่อไป
จะทาให้ เกิดความเสียหายที่ยากแก่การเยียวยาแก้ ไขในภายหลังอย่างไร คาขอของผู้ฟ้องคดีจึง
มี ลักษณะเป็ นคาขอที่ ยื่นโดยไม่มี ข้ออ้ างหรื อข้ อเท็จ จริ ง เพี ยงพอตามข้ อ 70 แห่ง ระเบียบของ
ที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดี ปกครอง พ.ศ. 2543 ศาลจึงมี
คาสัง่ ไม่รับคาขอทุเลาการบังคับตามคาสัง่ ทางปกครองของผู้ฟ้องคดี44
1.2 คาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองไม่มีเหตุผลหรื อสาระอันควร
ได้ รับการพิจารณา
กล่าวคือ กรณี ที่ผ้ ูฟ้ องคดียื่นคาขอทุเลาการบัง คับตามกฎหรื อคาสั่ง ทางปกครอง
แต่ศาลพิจารณาแล้ วเห็นว่า คาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองของผู้ฟ้องคดีนนั ้
ไม่มีเหตุผล หรื อสาระอันสมควรที่จะได้ รับการพิจารณา เพื่อมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับดังกล่าวตามคาขอ
ของผู้ฟ้องคดี จากการศึกษาพบว่าศาลปกครองกลางใช้ หลักเกณฑ์ในการพิจารณาที่หลากหลาย
ดังตัวอย่างต่อไปนี ้
43
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดาที่ 1304/2548 ลงวันที่
28 พฤศจิกายน 2548.
44
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดาที่ 307/2548 ลงวันที่
30 มิถนุ ายน 2548.
108
45
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดาที่ 734/2550 ลงวันที่
26 เมษายน 2550.
109
46
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดาที่ 4100/2544 ลงวันที่
25 ธันวาคม 2544.
110
47
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดาที่ 2277/2549 ลงวันที่
3 สิงหาคม 2550.
48
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดาที่ 1900/2545 ลงวันที่
26 ธันวาคม 2545.
111
49
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดาที่ 501/2546 ลงวันที่
29 เมษายน 2546.
112
ดัง กล่า ว ต่อ มาคณะรั ฐ มนตรี มี ม ติใ ห้ ก ระทรวงพาณิ ช ย์ ไ ปด าเนิ น การแก้ ไ ขเพิ่ ม เติม ประกาศ
กระทรวงพาณิชย์ ฉบับลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2546 ที่ห้ามการนาเข้ าเฉพาะไม้ สกั ซุงและไม้ สกั แปร
รู ป โดยให้ ห้ามการนาเข้ าครอบคลุมถึ งสิ่งประดิษฐ์ เครื่ องใช้ หรื อสิ่งอื่นใดที่ทาด้ วยไม้ สกั ด้ วย ผู้
ฟ้องคดีเห็นว่าประกาศดังกล่าวยังไม่ได้ ออกมาใช้ บงั คับ ผู้ฟ้องคดีจงึ มีสิทธินาเข้ าซึ่งสิ่งของดังกล่าว
ได้ และขอให้ ศาลมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง โดยสัง่ ให้ กระทรวงการคลัง
สัง่ กรมศุลกากรให้ จดั เก็บภาษี อากรปากระวางสาหรับสิ่งประดิษฐ์ เครื่ องใช้ หรื อสิ่งอื่นใดที่ทาด้ วย
ไม้ แถบชายแดนจัง หวัดตากที่ ผ้ ูฟ้ องคดีไ ด้ นาเข้ ามาจากประเทศพม่าไปก่อนจนกว่ากระทรวง
พาณิชย์จะมีประกาศฉบับใหม่ออกมาใช้ บงั คับ
ศาลปกครองกลางวิ นิ จ ฉัย ว่า ค าสั่ง ของผู้ถูก ฟ้ องคดี ที่ สั่ง การให้ ห น่ว ยงานทาง
ปกครองหรื อเจ้ าหน้ าที่ของรัฐผู้เกี่ยวข้ อนาไปปฏิบตั ิตอ่ ผู้ฟ้องคดี เป็ นคาสัง่ ที่กระทบต่อสถานภาพ
ของสิทธิหรื อหน้ าที่ของผู้ฟ้องคดีซึ่งมีอาชีพค้ าขายสิ่งประดิษฐ์ เครื่ องใช้ หรื อเครื่ องอื่นใดที่ทาด้ วย
ไม้ สกั จากประเทศพม่า จึงเป็ นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกล่าวหาว่าเจ้ าหน้ าที่ของรัฐกระทาการโดยไม่
ชอบด้ วยกฎหมายตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตัง้ ศาลปกครองและวิธี
พิจาณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ศาลจึงมีคาสัง่ รับคาฟ้องไว้ พิจารณา
การขอให้ ศาลมีคาสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสั่งทางปกครองใด เพื่อให้ มีผล
เป็ นการชะลอหรื อระงับการบังคับตามผลของกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองไว้ เป็ นการชัว่ คราว ตามที่
บัญ ญัติไ ว้ ใ นข้ อ 69 แห่ง ระเบี ย บของที่ ป ระชุม ใหญ่ ตุลาการในศาลปกครองสูง สุด ว่า ด้ วยวิ ธี
พิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 นัน้ กฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองจะต้ องมีผลใช้ บงั คับและเกิดผล
กระทบกับสิ ทธิ หรื อส่ วนได้ เ สี ยของผู้ขอแล้ ว เมื่ อข้ อเท็จจริ ง ปรากฏว่าคณะรั ฐ มนตรี เพียงแต่มี
มติ ใ ห้ ก ระทรวงพาณิ ช ย์ ไ ปด าเนิ น การแก้ ไ ขเพิ่ ม เติ ม ประกาศกระทรวงพาณิ ช ย์ ฉ บับ ลงวัน ที่
11 กรกฎาคม 2546 ที่ห้ามการนาเข้ าเฉพาะไม้ สกั และไม้ ซุงแปรรูป โดยให้ ห้ามเพิ่มเติมครอบคลุม
ถึงสิ่งประดิษฐ์ เครื่ องใช้ หรื อสิ่งอื่นใดที่ทาด้ วยไม้ สกั ด้ วย ซึ่งกรณีดงั กล่าวจะมีผลเป็ นการบังคับ
การห้ า มน าเข้ า สิ่ ง ประดิ ษ ฐ์ เครื่ อ งใช้ หรื อ สิ่ ง อื่ น ใดที่ ท าด้ ว ยไม้ ไ ด้ ก็ ต่อ เมื่ อ มี รั ฐ มนตรี ว่ า การ
กระทรวงพาณิชย์ได้ ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์เพิ่มเติม และประกาศดังกล่าวได้ ประกาศใน
ราชกิ จ จานุเ บกษาแล้ วตามมาตรา 5 (1) และมาตรา 25 แห่ง พราชบัญญัติการส่ง ออกไปนอก
และการนาเข้ ามาในราชอาณาจักรซึ่งสิ นค้ า พ.ศ. 2522 ดังนัน้ เมื่อปั จจุบนั ประกาศดังกล่าวยัง
ไม่ได้ ออกมามีผลใช้ บงั คับ ผู้ฟ้องคดีจึงยังไม่อาจขอให้ ทุเลาการบังคับ ในเรื่ องดังกล่าวได้ การที่
ผู้ฟ้ องคดีไ ด้ รับความเดื อดร้ อนเสี ย หายเนื่ องจากได้ นาเข้ าซึ่ง สิ นค้ าดัง กล่า วจากประเทศพม่า
แต่ถูกเจ้ าหน้ าที่ของกรมศุลกากรปฏิเสธไม่ยอมจัดเก็บภาษี อากรปากระวาง เป็ นเรื่ องที่ต้องว่า
113
50
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลางในในคดีหมายเลขดา 1820/2545 ลงวันที่
6 กุมภาพันธ์ 2547.
114
51
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดาที่ 2856/2544 ลงวันที่
14 พฤศจิกายน 2545.
52
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดาที่ 1618/2546 ลงวันที่
3 พฤศจิกายน 2546.
115
53
ค าสั่ ง ระหว่ า งพิ จ ารณาของศาลปกครองกลางในคดี ห มายเลขด าที่ 2744/2544
ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2544.
54
ค าสั่ง ระหว่ า งพิ จ ารณาของศาลปกครองกลางในคดี ห มายเลขด าที่ 1653/2550
ลงวันที่ 6 กันยายน 2550.
117
(2) กรณี ที่ ศ าลฟั ง ข้ อเท็ จ จริ ง ว่า ยัง ไม่มี เหตุแ ห่ง ความเดื อ ดร้ อนเสี ย หายและการ
แสวงหาข้ อเท็จจริ งในคดีใกล้ ที่จะได้ ข้อเท็จจริ งเพียงพอที่ศาลจะพิจารณาพิพากษาหรื อมีคาสั่ง
ชี ้ขาดในเนื ้อหาแห่งคดีได้ แล้ ว เช่น
กรณีผ้ ฟู ้ องคดีฟ้องว่า กระทรวงมหาดไทย (ผู้ถกู ฟ้องคดีที่ 1) มีคาสัง่ ไม่อนุญาตให้ ผ้ ฟู ้ องคดี
ซึ่ ง เป็ นคนต่า งด้ า วเข้ า มาในราชอาณาจัก ร เป็ นเหตุใ ห้ พ นัก งานสอบสวนจับ กุม ผู้ ฟ้ องคดี
ผู้ ฟ้ องคดี เห็นว่าเป็ นการกลั่นแกล้ งผู้ฟ้องคดี จึงนาคดีมาฟ้องของให้ ศาลเพิกถอนคาสัง่ ดังกล่าว
ต่อมาในระหว่างการแสวงหาข้ อเท็จจริ ง ผู้ฟ้องคดีได้ ยื่นคาร้ องขอทุเลาการบังคับตามคาสั่งทาง
ปกครองของผู้ถูกฟ้ องคดี เนื่ องจากศาลอุทธรณ์ มี คาสั่ง ให้ ขังผู้ฟ้องคดีไว้ ในระหว่างฎี กาในคดี
ความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปื นฯ และลหุโทษ ซึ่งผู้ฟ้องคดีคาดว่าผู้ฟ้องคดีมีทางที่จะชนะ
คดีอาญาดังกล่าวได้ ในที่สดุ และหากคดีอาญาดังกล่าวถึงที่สดุ ให้ ยกฟ้องและปล่อยตัวผู้ฟ้องคดี
ออกจากเรื อนจาแล้ ว ผู้ถกู ฟ้องคดีอาจจะดาเนินการส่งผู้ฟ้องคดีออกนอกราชอาณาจักร ทาให้ ผ้ ูฟ้องคดี
ไม่ มี โ อกาสได้ ต่ อ สู้ ค ดี ป กครองได้ ด้ ว ยตนเองตามที่ ผ้ ู ฟ้ องคดี ป ระสงค์ และอาจไม่ ไ ด้ รั บ
ความยุติธรรม ผู้ฟ้องคดีจึงขอให้ ศาลมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามคาสัง่ ดังกล่าวไว้ จนกว่าผลของ
คดีจะถึงที่สดุ
ศาลปกครองกลางวินิจฉัยว่า หากศาลฎีกามีคาพิพากษายืนตามคาพิพากษาศาลอุทธรณ์
และปล่อยตัวผู้ฟ้องคดีจากเรื อนจา ซึ่งแม้ ว่าผู้ถูกฟ้องคดีจะมีอานาจส่งตัวผู้ฟ้องคดีกลับออกไป
นอกราชอาณาจักรได้ แต่ผ้ ฟู ้ องคดีก็มีสิทธิขอประกันตัวในระหว่างการส่งกลับได้ ตามมาตรา 54
วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัตคิ นเข้ าเมือง พ.ศ. 2522 และในขณะนี ้ผู้ถกู ฟ้องคดีก็ถกู คุม ขังไว้ ตาม
คาพิพ ากษาของศาลอุท ธรณ์ กรณี จ ึง ไม่มีเ หตุเ กี่ ย วกับ การที่ผ้ ูฟ้ องคดีต้ อ งถูก ส่ง ตัว ออกไป
นอกราชอาณาจักรในขณะนี ้โดยทันที ซึ่งศาลจะนามาพิจารณาว่าสมควรให้ มีการทุเลาการบังคับ
ตามค าสั่ง ดัง กล่ า วหรื อ ไม่ อย่ า งไร ประกอบกับ การแสวงหาข้ อ เท็ จ จริ ง ในคดี นี ใ้ กล้ ที่ จ ะได้
ข้ อเท็จจริ งเพียงพอที่ศาลจะพิจารณาพิพากษาหรื อมีคาสัง่ ชี ้ขาดในเนื ้อหาแห่งคดีได้ แล้ ว จึงเป็ น
กรณีที่เห็นได้ อย่างชัดแจ้ งว่าไม่สมควรมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามคาสัง่ ทางปกครองตามข้ อ 70
แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543
ศาลจึงมีคาสัง่ ไม่รับคาขอทุเลาการบังคับตามคาสัง่ ทางปกครองไว้ พิจารณา55 เป็ นต้ น
55
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดาที่ 1712 – 1713/2545
ลงวันที่ 9 กันยายน 2546.
118
56
คาสัง่ ศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขแดงที่ 525/2545, ที่ 1587/2545, ที่ 615/2546.
57
คาสัง่ ศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขแดงที่ 1524/2545, ที่ 317/2549.
58
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขแดงที่ ฟ.22/2550
119
(ก) ผู้ฟ้ องคดีไ ม่ใช่ผ้ ูมี สิทธิ ฟ้ องคดีตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่ง พระราชบัญญัติ
จัด ตัง้ ศาลปกครองและวิธี พ ิจ ารณาคดีป กครอง พ.ศ. 2542 ศาลมีค าสั ่ง ไม่รับ ค าฟ้ องไว้
พิจารณาและให้ จาหน่ายคดีออกจากสารบบความ และมีคาสัง่ ไม่รับคาขอทุเลาการบังคับตามกฎ
หรื อคาสัง่ ทางปกครองไว้ พิจารณา59
(ข) ผู้ฟ้องคดีไม่ได้ ดาเนินการเพื่อแก้ ไขความเดือดร้ อนหรื อเสียหายก่อนฟ้องคดีตาม
มาตรา 42 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจดั ตังศาลปกครองและวิ
้ ธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ศาลมีคาสั่งไม่รับคาฟ้องไว้ พิจารณาและให้ จาหน่ายคดีออกจากสารบบความ และไม่รับคาขอ
ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองไว้ พิจารณา60
จากข้ อความที่ได้ ศกึ ษามาข้ างต้ นนัน้ ศาลมีอานาจสัง่ ไม่รับคาขอทุเลาการบังคับตาม
กฎหรื อ คาสั่ง ทางปกครอง และค าสั่ง ดัง กล่ า วของศาลเป็ นที่ สุ ด ผู้ ฟ้ องคดี ไ ม่ อ าจยื ่ น
อุท ธรณ์ ต ่อ ศาลปกครองสูงสุดได้ นอกจากนีใ้ นกรณี ที่ศาลมีคาสั่งอนุญาตให้ ถอนฟ้องและให้
จาหน่ายคดี คาขอทุเลาการบังคับย่อมตกไปด้ วย61
มีข้อสังเกตว่า การมีคาสัง่ ไม่รับคาขอไว้ พิจารณานัน้ ข้ อ 70 ไม่ได้ กาหนดไว้ เป็ นพิเศษ
ว่าเป็ นอานาจของใคร ดังนัน้ จึงควรต้ องเป็ นไปตามที่กาหนดไว้ ในข้ อ 72 ที่ว่าการมีคาสัง่ เกี่ยวกับ
คาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง ให้ กระทาโดยองค์คณะ หลังจากตุลาการผู้แถลงคดี
ได้ เสนอคาแถลงการณ์แล้ ว
2.กรณีศาลมีคาสั่งยกคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครอง
ตามระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสู งสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดี
ปกครอง พ.ศ. 2543 ข้ อ 7162 กรณี ศาลตรวจคาขอแล้ วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีได้ แสดงให้ เห็นอย่าง
59
คาสัง่ ศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขแดงที่ 645/2545, ที่ 1088/2546, ที่ 322/2549,
ที่ 118/2550.
60
คาสัง่ ศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขแดงที่ 295/2545, ที่ 317/256, ที่ 240/2550.
61
คาสัง่ ศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขแดงที่ 666/2546.
62
ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2543 ข้ อที่ 71 บัญญัตวิ า่
“เมื่ อได้ รับคาขอตามมาตรา 69 และเป็ นกรณี ที่ศาลมิ ไ ด้ มี คาสั่งตามข้ อ 70 ให้ ศาลส่ง
สาเนาคาขอให้ ค่กู รณี ทาคาชีแ้ จงและแสดงพยานหลักฐานโดยด่วน แล้ วนัดไต่สวนเพื่อมีคาสั่ง
เกี่ยวกับคาขอดังกล่าวโดยเร็ว
120
63
ระเบี ย บของที่ ป ระชุ ม ใหญ่ ตุ ล าการในศาลปกครองสู ง สุ ด ว่ า ด้ วยวิ ธี พิ จ ารณา
คดีปกครอง พ.ศ. 2543 ข้ อ 76 วรรคหนึง่ บัญญัตวิ า่
“คาสั่งของศาลในการกาหนดมาตรการหรื อวิธีการคุ้มครองอย่างใดๆ เพื่อบรรเทาทุกข์
ชัว่ คราวก่อนการพิพากษา หรื อวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอในระหว่างพิจารณา หรื อเพื่อ
บังคับตามคาพิพากษา ให้ กระทาโดยองค์คณะ โดยไม่ต้องมีคาแถลงการณ์ของตุลาการผู้แถลงคดี
เว้ นแต่องค์คณะจะเห็นสมควรให้ มีคาแถลงการณ์ ในกรณีดงั กล่าวคาแถลงการณ์นนั ้ จะกระทา
ด้ วยวาจาก็ได้ ”
122
64
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 204/2549.
124
65
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 331/2550.
125
66
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 4/2550.
128
67
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 353/2550.
129
3.กรณีศาลมีคาสั่งให้ ทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครอง
เมื่อตุลาการผู้แถลงคดีได้ เสนอคาแถลงการณ์ตอ่ องค์คณะแล้ ว ศาลต้ องพิจารณาว่า
คาขอให้ ทเุ ลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองของผู้ฟ้องคดี รวมถึงกรณีที่ศาลเห็นควรให้ มี
การทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองด้ วย ว่าเป็ นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกาหนดไว้
ตามมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติจดั ตังศาลปกครองและวิ
้ ธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ประกอบกับข้ อ 72 วรรคสาม แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วย
วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 ดังนี ้
3.1 กฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองที่ถกู นามาฟ้องคดีนนั ้ น่าจะไม่ชอบด้ วยกฎหมาย
การพิจารณาเงื่อนไขในกรณีที่กฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองน่าจะไม่ชอบด้ วยกฎหมาย
นัน้ ในชั น้ นี เ้ ป็ นการพิ จ ารณาเพื่ อ กาหนดมาตรการห รื อ วิ ธี ก ารชั่ว คราวก่ อ นการพิพากษา
เท่านัน้ มิได้ เป็ นการพิจารณาให้ ลึกลงไปถึงเนื ้อหาของคดี ซึ่งโดยหลักแล้ วมาตรการชั่ว คราวหรื อ
วิธี ก ารชั ่ว คราวก่อ นการพิพ ากษานั น้ หากพิจ ารณาจากชื ่อ ก็เ ป็ นการบ่ง บอกแล้ ว ว่าเป็ น
มาตรการ “ชั่วคราว” ที่ ศาลกาหนดขึน้ เพื่ อยับยัง้ หรื อระงับความเสี ยหายที่ จะเกิ ดขึน้ แก่คู่ความใน
ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ผลของคาสัง่ จะมีผลบังคับใช้ เป็ นการชัว่ คราว คือ ในช่วงก่อนที่
68
คาสัง่ ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดาที่ 145/2549 ลงวันที่
31 พฤษภาคม 2549.
130
69
เผด็จ โชคเรื องสกุล, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 15, น. 378.
70
ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธี พิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2543 ข้ อ 72 วรรคสาม บัญญัตวิ า่
131
74
ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2543 ข้ อ 72 วรรคสี่ บัญญัตวิ า่
“ให้ ศาลแจ้ งคาสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองให้ ค่กู รณีและผู้ออกกฎ
หรื อคาสั่งดังกล่าวทราบโดยพลัน และให้ คาสั่งศาลมีผลเมื่อผู้ออกกฎหรื อคาสั่งได้ รับแจ้ งคาสั่ง
นันแล้
้ ว”
133
3.5 การมีผลของคาสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหรือคาสั่งทางปกครอง
75
สานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 3, น. 25.
134
3.6.1 ผู้มีสิทธิอุทธรณ์
คาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองก็ดี คาสั่งกาหนดมาตรการหรื อ
วิธีการคุ้มครองอย่างใดๆ เพื่อบรรเทาทุกข์ชวั่ คราวก่อนการพิพากษาก็ดี หรื อวิธีการเพื่อคุ้มครอง
ประโยชน์ของผู้ขอในระหว่างการพิจารณาหรื อเพื่อบัง คับตามคาพิพากษาก็ดี ผู้ที่มีส่วนได้ เสี ย
สามารถอุท ธรณ์ คาสั่ง นัน้ ได้ 76โดยระเบีย บของที่ป ระชุม ใหญ่ต ุล าการในศาลปกครองสูง สุด
ว่า ด้ ว ยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ข้ อ 73 กาหนดให้ ผ้ ูมีส่วนได้ เสียเป็ นผู้มีสิทธิ อุทธรณ์
คาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองของศาลปกครองชันต้ ้ นต่อศาลปกครองสูงสุด
ได้ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ ผ้ ูนัน้ ได้ รับแจ้ ง หรื อทราบคาสั่ง ศาล ศาลปกครองสูงสุดได้ ตีความ
วางหลักกฎหมายคาว่า “ผู้มีส่วนได้ เสีย ” ดังกล่าวไว้ ในคาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 1/2544 และ
3/2544 ว่า “ผู้มีส่วนได้ เสีย หมายถึง ผู้ถูกฟ้องคดี หรื อบุคคลภายนอกผู้ที่ได้ รับความเดือดร้ อน
หรื อเสียหาย หรื ออาจจะเดือดร้ อนหรื อเสียหายโดยไม่อาจหลี กเลี่ยงได้ อันเนื่องจากผลของคาสัง่
ที่ศาลกาหนดมาตรการเพื่อบรรเทาทุกข์ชวั่ คราวก่อนการพิพากษา ได้ แก่ หน่วยงานทางปกครอง หรื อ
เจ้ าหน้ าที่ รัฐที่ถูกฟ้อง หรื อบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่ค่กู รณี ที่ถูกเรี ยกเข้ ามาในคดี หรื อเข้ ามาในคดีเอง
โดยการร้ องสอด ตามข้ อ 78 แห่ง ระเบียบที่ประชุม ใหญ่ของตุล าการในศาลปกครองสูง สุด ว่า
ด้ วยวิธี พิจ ารณาคดี ปกครอง พ.ศ. 2543 หรื อบุคคลภายนอกผู้ได้ รับความเดือดร้ อนหรื อเสียหาย
หรื ออาจจะเดือดร้ อนหรื อเสียหายโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อันเนื่องมาจากผลของกฎหรื อคาสัง่ ทาง
76
กฤตยญช์ ศิริเขต. อ้างแล้วในเชิ งอรรถที ่ 1. น. 109.
135
3.6.2.การอุ ท ธรณ์ ค าร้ องอุ ท ธรณ์ ค าสั่ งทุ เ ลาการบั ง คั บ ตามกฎหรื อ ค าสั่ ง
ทางปกครอง
ผู้มีส่วนได้ เสียมีสิทธิอุทธรณ์ คาสัง่ ทุเลาการบังคับ ตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองต่อ
ศาลปกครองสูงสุดภายใน 30 วัน นับแต่วนั ที่ผ้ นู นได้ ั ้ รับแจ้ งหรื อทราบคาสัง่ 79เพื่อขอให้ ศาลระงับ
คาสัง่ ของศาลปกครองชันต้ ้ น ที่สงั่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองไว้ เป็ นการชัว่ คราว
ก่อ นการวินิจ ฉัย อุท ธรณ์ ตามข้ อ 73 วรรคหนึ่ง แห่ง ระเบีย บของที่ ป ระชุม ใหญ่ ต ุล าการใน
77
อาพล เจริญชีวินทร์ , อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 72, น. 451.
78
ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2543 ข้ อ 115 บัญญัตวิ า่
”ในกรณี ที่ มี ก ารอุ ท ธรณ์ ค าสั่ง ทุ เ ลาการบัง คับ ตามกฎหรื อ ค าสั่ง ทางปกครองของ
ศาลปกครองชัน้ ต้ น ตามข้ อ 73 และผู้อุท ธรณ์ มี ค าขอให้ ศ าลปกครองสูง สุด ระงับ ค าสั่ง ทุเ ลา
การบัง คับ ตามกฎหรื อค าสั่ง ทางปกครองของศาลปกครองชัน้ ต้ น ดัง กล่าวไว้ เ ป็ นการชั่วคราว
ถ้ าศาลปกครองสูงสุดเห็นว่าคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองนัน้ ทาให้ หรื อจะ
ท าให้ เกิ ด ความเสี ย หายอย่ า งร้ ายแรงต่ อ ประโยชน์ ส าธารณะหรื อ ต่ อ สิ ท ธิ ข องผู้ อุ ท ธรณ์
ศาลปกครองสูง สุดมี อานาจสั่ง ระงั บคาสั่ง ทุเลาการบัง คับตามกฎหรื อคาสั่ง ทางปกครองของ
ศาลปกครองชันต้ ้ นไว้ เป็ นการชัว่ คราวจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคาสัง่ อุทธรณ์นน” ั้
79
ชาญชัย แสวงศักดิ,์ คาอธิบายกฎหมายจัดตังศาลปกครองและวิ
้ ธีพิจารณาคดีปกครอง,
พิมพ์ครัง้ ที่ 6 (กรุงเทพมหานคร : วิญํูชน, 2550), น. 283.
136
80
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะ, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 2, น.99.
81
อาพล เจริญชีวินทร์ , อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 72, น. 452.
137
82
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะ, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 2, น.99.
138
83
ภัทรศักดิ์ วรรณแสง. ลักษณะพิเศษของการดาเนินกระบวนพิจารณาในศาลทรัพย์สิน
ทางปั ญญาและการค้ าระหว่างประเทศ. บทความกฎหมายจากห้ องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ศาลยุติธรรม
จาก http:/ / www.library.coj.go.th/indexarticle2.php?Idmain=4&&No=5&&Title=ก ฎ ห ม า ย
ทรัพย์สินทางปั ญญา&&page=
84
มาตรการทางดังกล่าวมีที่มาจากคดี Anton Piller KG V. Manufacturing Process Ltd.
(1976) Ch.55. หรื อที่เรี ยกว่า Anton Piller Oder ซึ่งในคดีดงั กล่าว ศาลอังกฤษวางหลักว่า ศาลมี
อานาจที่จะสัง่ ให้ บคุ คลใดระงับการกระทาใดๆ ที่จะเป็ นการทาลายพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้ อง และ
อาจถูกนาเสนอในคดีที่ผ้ รู ้ องจะฟ้องบุคคลนัน้ โดยผู้ร้องขอคาสัง่ ศาลดังกล่าวอาจได้ รับหมายศาล
ไปดาเนินการตามที่ร้องขอได้ โดยไม่จาเป็ นต้ องไต่สวนพยานของจาเลย แต่ผ้ รู ้ องต้ องแสดงให้ ศาล
เห็นว่าผู้ร้องจะได้ รั บความเสียหายอย่างมากและเป็ นที่เชื่อได้ ว่าจะมีการทาลายพยานหลักฐาน
ตามความตกลงว่าด้ วยสิทธิในทรัพย์สินทางปั ญญาที่เกี่ยวกับการค้ า (TRIPs)
139
85
พระราชบัญ ญัติกักเรื อ พ.ศ. 2534 มาตรา 4 บัญ ญัติว่า “ภายใต้ บัง คับมาตรา 5
และมาตรา 6 ก่อนฟ้องคดีตอ่ ศาลไม่วา่ ลูกหนี ้จะมีภูมิลาเนาในราชอาจักรหรื อไม่ก็ตาม เจ้ าหนี ้ซึ่งมี
ภูมิลาเนาในราชอาณาจักรอาจขอให้ ศาลมีคาสัง่ กักเรื อลาหนึ่งลาใดที่เป็ นของลูกหนี ้ หรื อลูกหนี ้
เป็ นผู้ครอบครองเพื่ อให้ เ พียงพอที่ จ ะเป็ นประกันช าระหนีต้ ามสิทธิ เรี ยกร้ องเกี่ ยวกับเรื อนัน้ ได้
โดยทาเป็ นคาร้ องยื่นต่อศาลที่เรื อซึง่ เจ้ าหนี ้ขอให้ สงั่ กักอยู่หรื อจะเข้ ามาอยูใ่ นเขตศาล”
86
เนตินาฏ คงทอง, “วิธีการคุ้มครองชัว่ คราวในคดีแพ่ง : ศึกษากรณีความเป็ นไปได้ ในการ
นาวิ ธี ค้ ุม ครองชั่ว คราวก่อ นฟ้ องไปใช้ ใ นคดี แ พ่ง ”, (วิท ยานิพ นธ์ ม หาบัณฑิ ต คณะนิ ติศ าสตร์
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, 2543), น. 55.
140
87
มาตรา 8 วรรคสองและวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัตกิ ารกักเรื อ พ.ศ. 2534 บัญญัตวิ า่
“ถ้ าเป็ นที่พอใจจากพยานหลักฐานที่เจ้ าหนี ้นามาสืบว่าสิทธิเรี ยกร้ องเกี่ยวกับเรื อที่ยกขึ ้น
อ้ า งเป็ นเหตุใ นการขอกัก เรื อ นัน้ มี มูล และในกรณี ที่ เ รื อ ที่ เ จ้ า หนี ข้ อให้ ศ าลสั่ง กั ก มิ ไ ด้ อ ยู่ใ น
ราชอาณาจัก รในวัน ที่ ยื่ น ค าร้ อง เจ้ า หนี ไ้ ด้ แ สดงเป็ นที่ พ อใจแก่ ศ าลว่ า เรื อ นัน้ จะเข้ ามาใน
ราชอาณาจักรและจะเข้ ามาอยูใ่ นเขตศาล ให้ ศาลสัง่ กักเรื อนัน้
ในการสัง่ กักเรื อตามวรรคสอง ถ้ าเป็ นกรณีที่ลกู หนี ้ไม่มีภูมิลาเนาในราชอาณาจักร ศาลจะ
สัง่ ให้ เจ้ าหนี ้นาหลักประกันตามที่ศาลเห็นสมควรมาวางต่อศาลก่อนการบั งคับตามคาสัง่ กักเรื อ
เพื่อเป็ นประกันความเสียหายเนื่องจากการกักเรื อ ซึ่งเจ้ าหนี ้อาจต้ องรับผิดต่อลูกหนีก้ ็ได้ แต่ใน
กรณีที่ลูกหนี ้มีภูมิลาเนาในราชอาณาจักรให้ ศาลสัง่ ให้ เจ้ าหนี ้นาหลักประกันมาวางต่อศาลก่อน
การบังคับตามคาสัง่ กักเรื อทุกกรณี เว้ นแต่เจ้ าหนี ้จะได้ แสดงให้ เป็ นที่พอใจแก่ศาลว่า ทรัพย์สินอื่น
ของลูกหนี ้อยูใ่ นราชอาณาจักรมีไม่เพียงพอที่จะชาระหนี ้ให้ แก่เจ้ าหนี ้”
141
88
เสมรชัย บุญเลิศ, “มาตรการคุ้มครองชัว่ คราวก่อนฟ้องคดี : กรณีศกึ ษาการละเมิดสิทธิ
ในทรั พ ย์ สิ น ทางปั ญ ญาตามข้ อ ก าหนดคดี ท รั พ ย์ สิ น ทางปั ญ ญาและการค้ า ระหว่า งประเทศ
พ.ศ. 2540”, (วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต คณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยรามคาแหง, 2543), น. 43.
142
89
ไชยยศ วรนันท์ศิริ, “คาสัง่ ระงับหรื อละเว้ นการกระทาในคดีทรัพย์สินทางปั ญญา”, ดุลพาห,
น. 101 (ฉบับเดือนกรกฎาคม - กันยายน 2540)
90
ข้ อ ก าหนดคดี ท รั พ ย์ สิ น ทางปั ญ ญาและการค้ า ระหว่ า งประเทศ พ.ศ. 2540 ข้ อ 12
บัญญัตวิ า่
“คาขอให้ ศาลมีคาสัง่ ตามมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 หรื อมาตรา
77 ทวิ แห่งพระราชบัญญัตสิ ิทธิบตั ร พ.ศ. 2522 หรื อมาตรา 116 แห่งพระราชบัญญัติเครื่ องหมาย
การค้ า พ.ศ. 2534 หรื อบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้ วยทรัพย์สินทางปั ญญาอื่น ต้ องบรรยายถึง
ข้ อเท็จจริงที่แสดงว่ามีเหตุที่จะฟ้องบุคคลอื่นเป็ นจาเลย และมีเหตุเพียงพอที่จะทาให้ เชื่อว่าสมควร
ที่ศาลจะมีคาสัง่ อนุญาตตามคาขอนัน้ รวมทังจะต้ ้ องมีบนั ทึกถ้ อยคายืนยันข้ อเท็จจริ งของผู้ร้ ูเห็น
เหตุแห่งการขอนัน้ เพื่อสนับสนุนข้ ออ้ างดังกล่าว”
91
พระราชบัญญัตลิ ิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 65 บัญญัตวิ า่
143
หรื อมาตรา 77 ทวิ93 แห่งพระราชบัญญัติสิทธิบตั ร พ.ศ. 2522 หรื อตามมาตรา 11694 แห่งพระราชบัญญัติ
เครื่ องหมายการค้ า พ.ศ. 2534 ต้ องบรรยายข้ อเท็จจริงให้ ครบถ้ วนตามข้ อกาหนดดังกล่าว
ในกรณีที่ศาลพิจารณาคาขอคุ้มครองชัว่ คราวก่อนฟ้องคดี และมีคาสัง่ อนุญาตตาม
คาขอนัน้ ต้ องปรากฏข้ อเท็จจริงในคาขอ ดังนี95้
ทังนี
้ ้ โดยให้ คานึงถึงความเสียหายว่าจะเกิดขึ ้นแก่ ฝ่ายใดฝ่ ายหนึ่งมากกว่ากันเพียงใด
เป็ นสาคัญ
ถ้ าศาลมีคาสัง่ ให้ ยกคาขอนัน้ คาสัง่ เช่นว่านี ้ให้ เป็ นที่สดุ ”
96
วัส ติงสมิตร, กฎหมายทรัพย์สินทางปั ญญาและการค้ าระหว่างประเทศ : ตัวบทพร้ อม
ข้ อสัง เกตเรี ยงมาตราและคาวินิจ ฉัยของประธานศาลฎี กา, พิมพ์ ครั ง้ ที่ 2 (กรุ ง เทพมหานคร :
นิตธิ รรม), 2544.
97
ข้ อ ก าหนดคดี ท รั พ ย์ สิ น ทางปั ญ ญาและการค้ า ระหว่ า งประเทศ พ.ศ. 2540 ข้ อ 15
บัญญัตวิ า่
“ในกรณี ที่ศาลมี คาสั่ง อนุญาตตามข้ อ 13 ให้ ศาลพิเคราะห์ ถึง ความเสี ยหายที่ อาจจะ
เกิดขึน้ แก่ผ้ ูที่จะถูกฟ้องเป็ นจาเลย แล้ วสั่งให้ ผ้ ูขอวางเงินหรื อหาหลักประกันมาให้ ตามจานวน
ภายในระยะเวลาและกาหนดเงื่อนไขอย่างใดตามที่ศาลเห็นสมควร สาหรับความเสียหายที่อาจ
เกิดขึ ้นดังกล่าว”
145
98
ข้ อกาหนดคดีทรัพย์สินทางปั ญญาและการค้ าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2540 ข้ อ 17 วรรคหนึ่ง
บัญญัตวิ า่
“ในกรณี ที่ศาลมี ค าสั่ง อนุญาตตามข้ อ 13 ถ้ าผู้ขอมิ ไ ด้ ฟ้ องคดีเกี่ ย วกับคาขอที่ มี คาสั่ง
อนุญาตนันภายในสิ
้ บห้ าวัน นับแต่วนั ที่ศาลมีคาสัง่ หรื อภายในระยะเวลาที่ศาลกาหนด ให้ ถือว่า
คาสัง่ นันเป็
้ นอันยกเลิกเมื่อครบกาหนดดังกล่าว”
99
คดีดาที่ ค.ค. 1/2542.
146
ของจ าเลย เพื่ อ เป็ นประกัน การช าระหนี แ้ ก่ โจทก์ ตามพระราชบัญ ญัติการกัก เรื อ พ.ศ. 2534
ศาลชันต้ ้ นไต่สวนแล้ วมีคาสัง่ ให้ กกั เรื อของจาเลยไว้ 100
แต่บางกรณีศาลมีคาสัง่ ไม่อนุญาตตามคาขอให้ ค้ มุ ครองชัว่ คราวก่อนฟ้องคดี และมีคาสัง่
ยกคาร้ องของผู้ร้อง หากคาขอนันไม่ ้ ปรากฏข้ อเท็จจริงครบถ้ วนตามเงื่อนไขที่กฎหมายกาหนด เช่น
ผู้ร้องเป็ นผู้ทรงสิทธิบตั รการประดิษฐ์ ชื่อ “แผงสาหรับการสร้ างสระว่ายน ้า” โดยได้ ยื่น
ขอรับสิทธิบตั ร เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2541 และกรมทรัพย์สินทางปั ญญาได้ ออกสิทธิบตั รให้ เมื่อ
วันที่ 5 เมษายน 2549 สิทธิบตั รดังกล่าวนี ้มีอายุค้ มุ ครองถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 ต่อมาผู้ร้องได้
ทราบว่า ผู้จะถูกฟ้องได้ ร่วมกันละเมิดสิทธิบตั รของผู้ร้อง โดยผลิต ใช้ ขาย มีไว้ เพื่อขาย เสนอขาย
หรื อนาเข้ ามาในราชอาณาจัก รซึ่ง แผงส าหรั บสร้ างสระว่ายนา้ ที่ มี คุณลักษณะตรงกันกับแผง
สาหรับการสร้ างสระว่ายน ้าตามสิทธิบตั รของผู้ร้อ งโดยไม่ได้ รับอนุญาต โดยแผงสาหรับการสร้ าง
สระว่ายน ้าจานวนมากกาลังจะถูกส่งไปประเทศอียิปต์ และยังปรากฏว่าผู้จะถูกฟ้องได้ ยื่นคาขอ
สิทธิบตั รแผงสาหรับการสร้ างสระว่ายน ้าดังกล่าวต่อกรมทรัพย์สินทางปั ญญา โดยใช้ ชื่อแสดงถึง
การประดิษฐ์ ว่า “ผนังสาเร็ จรู ปในการทาสระว่ายน ้า” และในขณะนี ้ผู้จะถูกฟ้องคดียงั ได้ ผลิต ใช้
มี ไว้ เพื่อขาย เสนอขายหรื อนาเข้ าผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบตั รการประดิษฐ์ ของผู้ร้อง โดยไม่ชอบด้ วย
กฎหมายและไม่ได้ รับอนุญาตจากผู้ร้อง และเนื่องจากผู้จะถูกฟ้องได้ จดั เตรี ยมที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์
ที่ผลิตขึ ้นโดยละเมิดสิทธิบตั รของผู้ร้องไปยังต่างประเทศ อันเป็ นการยักย้ ายทรัพย์สินที่พิพาททังหมด ้
หรื อบางส่วนให้ พ้ นจากอานาจศาล และเป็ นการทาซา้ หรื อเป็ นการกระทาต่อไปซึ่ง การละเมิ ด
สิทธิบตั รของผู้ร้อง ซึ่งจะทาให้ ผ้ รู ้ องได้ รับความเสียหาย ดังนันผู ้ ้ ร้องจึงยื่นคาร้ องขอให้ ศาลมีคาสัง่
คุ้มครองชัว่ คราวให้ ผ้ จู ะถูกฟ้องระงับหรื อละเว้ นการกระทาอันเป็ นการละเมิดสิทธิบตั รของผู้ร้อง
ศาลชัน้ ต้ นพิเคราะห์แล้ วเห็นว่า ผู้ร้องไม่ได้ ส่งบันทึกยืนยันข้ อเท็จจริ งของผู้ร้ ูเห็นเหตุ
แห่งการขอ ศาลสอบถามทนายผู้ร้องแล้ วทราบว่า ทนายผู้ร้องมีบนั ทึกถ้ อยคาของนางสาวชิดชนก
ที่เพียงแต่ไปพบนายกิตติพงษ์ พนักงานของผู้จะถูกฟ้องทังสี ้ ่และได้ รับคาอธิบายถึงประเภทของ
สระว่ายน ้าและวัสดุที่ใช้ สร้ างสระว่ายน ้าเท่านัน้ ยังไม่อาจยืนยันได้ ว่าสระว่ายน ้าของผู้จะถูกฟ้องทังสี ้ ่
มีการผลิตที่ละเมิดสิทธิบตั รของผู้ร้อง ทังผู ้ ้ จะถูกฟ้องทั ้งสี่ยื่น คาขอรับสิทธิบตั รต่อกรมทรัพย์สิน
ทางปั ญญาไว้ แล้ ว แต่ยงั ไม่ได้ รับอนุญาต กรณีจึงไม่แน่ใจว่าผู้ร้องจะได้ รับความเสียหายหรื อไม่
เมื่อคานึงถึงความเสียหายที่ทงสองฝ่ ั้ ายจะได้ รับแล้ วก็ยงั ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะมีคาสัง่ อนุญาต
ตามคาขอ จึงมีคาสัง่ ให้ ยกคาร้ อง101 เป็ นต้ น
100
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 2827/2539.
101
คดีดาที่ ค.ค. 1/2553
บทที่ 4
1
พระราชบัญญัติจดั ตังศาลปกครองและวิ
้ ธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 66
บัญญัตวิ า่
“ในกรณีที่ศาลปกครองเห็นสมควรกาหนดมาตรการหรื อวิธีการใดๆ เพื่อบรรเทาทุกข์ให้ แก่
คูก่ รณีที่เกี่ยวข้ องเป็ นการชัว่ คราวก่อนการพิพากษาคดี ไม่ว่าจะมีคาร้ องจากบุคคลดังกล่าวหรื อไม่
ให้ ศ าลปกครองมี อานาจกาหนดมาตรการหรื อ วิธี ก ารชั่วคราวและออกค าสั่ง ไปยัง หน่วยงาน
ทางปกครองหรื อเจ้ าหน้ าที่ ของรั ฐที่เกี่ ยวข้ องให้ ปฏิบตั ิได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนด
โดยระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด
การกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตามวรรคหนึ่ง ให้ คานึงถึงความรับผิดชอบของหน่วยงาน
ทางปกครองหรื อเจ้ า หน้ าที่ ของรั ฐ และปั ญ หาอุป สรรคที่ อ าจเกิ ดขึน้ แก่ก ารบริ หารงานของรั ฐ
ประกอบด้ วย”
2
ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2543 ข้ อ 72 วรรคสาม บัญญัตวิ า่
147
148
ตามกระบวนวิธี พิจ ารณา การพิจ ารณาเงื่ อนไขของศาลในชัน้ วิธี การชั่วคราวนี ้ ควรพิจ ารณา
แต่เพียงว่ากฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองที่เป็ นเหตุแห่งการฟ้องคดีนนั ้ มีเหตุอนั ควรสงสัยว่า “น่าจะ”
หรื อ “อาจจะ” ไม่ชอบด้ วยกฎหมายก็เพียงพอแล้ ว
ดังกรณี คาสั่งทุเลาการบังคับตามค าสั่งทางปกครอง ในคดี ที่บริ ษั ท กสท โทรคมนาคม
จากัด (มหาชน) ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้องคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) และสานักงาน
คณะกรรมการกิ จการโทรคมนาคมแห่ งชาติ ผู้ถูกฟ้ องคดี ต่อศาลปกครองกลาง เพื่ อขอให้ ศาล
เพิกถอนประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่ อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาต
ให้ ใช้ คลื่นความถี่ เ พื่อประกอบกิจ การโทรศัพ ท์เคลื่อนที่ IMT ย่าน 2.1 GHz และให้ ระงับการ
ประมูลและการอนุญาตให้ ใช้ คลื่นความถี่ดงั กล่าว3
ศาลปกครองได้ มีคาสัง่ อนุญาตให้ ทเุ ลาการบังคับตามคาสัง่ ของผู้ถกู ฟ้องคดี (กทช.)
โดยกล่าวว่า “ผู้ถกู ฟ้องคดีที่ 2 (กทช.) จะดาเนินการตามมาตรา 51 วรรคหนึ่ง (1) (3) (4) และ (5)
แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกากับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543 และตารางฯ ตลอดจนคณะกรรมการร่ วมต้ องจัดสรรคลื่น
ความถี่ ระหว่างกิ จ การวิทยุก ระจายเสี ย และวิท ยุโ ทรทัศ น์ แ ละกิ จ การวิท ยุโ ทรคมนาคมแล้ ว ”
ศาลจึ งสรุ ปว่ า “การก าหนดนโยบายและจัดท าแผนแม่ บทกิ จการโทรคมนาคมและแผนความถี่
วิทยุของผู้ถกู ฟ้องคดีที่ 2 ตามมาตรา 51 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติดงั กล่าว จึง มีปัญหา
ความชอบด้ วยกฎหมาย ด้ วยเหตุนี ้ การออกประกาศของผู้ถกู ฟ้องคดีที่ 2 จึงน่าจะไม่ชอบด้ วย
กฎหมาย”
จากค าสั่ง ของศาลปกครองดัง กล่ า วจะเห็ น ได้ ว่ า เงื่ อ นไขที่ ศ าลใช้ ป ระกอบการ
พิจารณามีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามคาสัง่ ทางปกครอง กรณีที่กฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองที่เป็ นเหตุ
แห่งการฟ้องคดีนนั ้ น่าจะไม่ชอบด้ วยกฎหมาย ศาลได้ พิจารณาลงไปถึงเนือ้ หาของคดี โดยการ
3
ศาลปกครองกลางได้ มีคาสัง่ รับ ฟ้องและได้ มีคาสัง่ กาหนดมาตรการหรื อวิธีการคุ้มครอง
เพื่อบรรเทาทุกข์ชวั่ คราวก่อนการพิพากษา โดยสัง่ ให้ ผ้ ถู ูกฟ้องคดี (กทช.) ระงับการอนุญาตให้ ใช้
คลื่นความถี่ดงั กล่าว รวมทังการด้ าเนินการตามประกาศ 3 G เป็ น ”กฎทางปกครอง” ผู้ถกู ฟ้องคดี
ได้ อทุ ธรณ์คาสัง่ ศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดได้ มีคาสัง่ ว่า คาสัง่ ของศาลปกครองกลางที่
กาหนดมาตรการหรื อวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชวั่ คราวก่อนการพิพากษานัน้ ไม่ชอบด้ วย
กฎหมาย จึงให้ แก้ คาสัง่ ของศาลปกครองกลางเป็ นว่า “ทุเลาการบังคับ” ตามประกาศ 3G ไว้ ก่อน
โดยสั่ง ให้ ผ้ ูถูกฟ้ องคดีร ะงับการอนุญ าตให้ ใช้ คลื่ นความถี่ 3 G และการดาเนิ นการต่อไปตาม
ประกาศ 3G จนกว่าคดีจะถึงที่สดุ หรื อจนกว่าศาลจะมีคาสัง่ เป็ นอย่างอื่น”
150
4
รวีพันธ์ พิทักษ์ ชาติวงศ์ , “จดหมายเหตุกฎหมายปกครอง เรื่ อง คาสั่งศาลปกครองที่ให้
ระงับ การประมูล คลื่ น ความถี่ 3G ไว้ ชั่ว คราว”.บทความจากเว็ ป ไซด์ นิ ติร าษฎร์ : นิ ติศ าสตร์
เพื่อราษฎร เข้ าถึงได้ จาก http : www.enlightened - jurists.com.
151
โดยความเสี ยหายที่ เ กิ ด ขึน้ นัน้ อาจเป็ นได้ ทัง้ ความเสี ย หายที่ เ กิ ด ขึน้ แก่เ อกชนเพี ย งคนเดี ย ว
และความเสียหายที่เกิดขึ ้นแก่สาธารณะหรื อสังคมส่วนรวม ประเด็นปั ญหาในการพิจารณาเงื่อนไข
ในข้ อนี ้แยกอธิบายได้ 2 กรณี ดังนี ้
(1) การเป็ นผู้เสียหายที่สามารถยื่นคาร้ องขอให้ ศาลมีคาสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ
หรื อคาสัง่ ทางปกครอง
วัตถุประสงค์หลักในการกาหนดมาตรการหรื อวิธีการชัว่ คราวก่อนการพิพากษานั ้น
ก็เ พื่ อ คุ้ม ครองสิ ท ธิ แ ละประโยชน์ ข องคู่ค วามอัน เนื่ อ งมากจากการด าเนิ น กระบวนพิ จ ารณา
พิพากษาที่ล่าช้ าและใช้ เวลาค่อนข้ างยาวนาน หากศาลไม่กาหนดให้ กฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองที่
เป็ นเหตุแห่งการฟ้องคดีนนั ้ มีผลทุเลาการบังคับ ก็จะทาให้ กฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองยังคงมีผล
บังคับต่อไป ฝ่ ายปกครองจึงสามารถใช้ มาตรการบังคับทางปกครองกับผู้ฟ้องคดี เพื่อบังคับการให้
เป็ นไปตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองนั ้นได้ การใช้ อานาจดังกล่าวของฝ่ ายปกครองอาจสร้ าง
ความเสียหายให้ แก่ผ้ ฟู ้ องคดีได้ ซึ่งหากความเสียหายที่ผ้ ฟู ้ องคดีได้ รับนันเป็ ้ นความเสียหายที่มี
ความรุ นแรง จนกระทัง่ แม้ ว่าจะมีคาสัง่ หรื อคาพิพากษาที่ตดั สินให้ ผ้ ฟู ้ องคดีชนะคดีนนั ้ ก็ไม่สามารถ
เยียวยาหรื อแก้ ไ ขให้ ผ้ ูฟ้ องคดีกลับคือสู่สถานะเดิม ได้ ทาให้ กระบวนพิจ ารณาคดีของศาลนัน้
มีผลเฉพาะในทางทฤษฎีเท่านัน้ ไม่สามารถเยียวยา และคุ้มครองสิทธิของผู้ฟ้องได้ จริ งในทางปฏิบตั ิ
ดังนัน้ ศาลจะทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสั่งทางปกครองได้ ต่อเมื่อผู้ฟ้องคดีแสดงให้ เห็นถึง
ความเสียหายของตนเองไม่ใช่ของบุคคลอื่น
แนวคิดดังกล่าวไม่ต่างจากกฎหมายปกครองฝรั่งเศสหรื อกฎหมายประชาคมยุโรป
ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสั่งทางปกครองก่อนศาลมีคาพิพากษาหรื อมีคาสั่งชีข้ าด
คดีนนั ้ เป็ นอานาจตุลาการที่จาเป็ นเพื่อเป็ นหลักประกันแก่ “ผู้ฟ้องคดี” ว่าผู้ฟ้องคดีจะสามารถ
ได้ รับประโยชน์จากการฟ้องร้ องและต่อสู้คดี อานาจของตุลาการในการทุเลาการบังคับตามกฎ
หรื อคาสัง่ ทางปกครองจึงเป็ นส่วนหนึ่งของหลักประกันสิทธิเสรี ภาพของประชาชนในการฟ้องร้ อง
และต่อสู้คดีตามหลักกฎหมายมหาชนนัน่ เอง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสถือว่าเป็ นหลักที่กฎหมาย
ลาดับรองจะลดทอนหรื อขัดแย้ งไม่ได้ ตัวอย่างกรณี ที่ เป็ นปั ญหาในการพิจารณาเงื่ อนไขกรณี
การเป็ นผู้เสียหายของผู้ฟ้องคดี ดังนี ้
กรณี ที่บริ ษัท กสท โทรคมนาคม จากัด (มหาชน) ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้องคณะกรรมการ
โทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) และสานักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ผู้ถกู ฟ้องคดี
ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ ศาลเพิกถอนประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
เรื่ อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ ใช้ คลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT
152
ย่าน 2.1 GHz และให้ ระงับการประมูลและการอนุญาตให้ ใช้ คลื่นความถี่ดงั กล่าว ตามที่ได้ กล่าว
มาแล้ วข้ างต้ นนัน้
จากการพิจ ารณาคาสั่ง ศาลปกครองสูง สุดนัน้ ไม่ปรากฏว่าศาลปกครองสูง สุดได้
พิจารณาว่า หากศาลไม่ทเุ ลาการบังคับตามประกาศ 3G โดยปล่อยให้ มีการประมูลตามประกาศ
3G ต่อไป และต่อมาผู้ฟ้องคดีเป็ นฝ่ ายชนะคดี จะเกิดความเสี ยหายผู้ฟ้ องคดีที่ไม่อาจเยียวยา
แก้ ไขได้ อันจะทาให้ ผ้ ฟู ้ องคดีไม่ได้ รับประโยชน์จากคาพิพากษาอย่างไร
ตรงกันข้ ามศาลปกครองสูงสุดได้ พิจารณาว่า “การที่ศาลจะมีคาสัง่ ให้ ทเุ ลาการบังคับ
ตามกฎต่อไป จึงมีผลกระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้ องไม่มากนัก ” ซึ่งเป็ นเรื่ องที่ไม่เกี่ยวข้ องกับประเด็น และ
ได้ พิจารณาต่อไปอีกว่า
“หากต่อ มาศาลมี ค าวิ นิ จ ฉั ย ว่ า การกระท าของผู้ถูก ฟ้ องคดี ทัง้ สองไม่ ช อบด้ ว ย
กฎหมาย ย่อมก่อให้ เกิดกรณีฟ้องร้ องเกี่ยวกับผลการประมูล ทาให้ เกิดปั ญหายุง่ ยากตามมา”
การพิ จ ารณาคาสั่ง ของศาลปกครองดัง กล่าวยัง ไม่อ าจทราบแน่ชัดว่า การที่ ศาล
กล่าวว่า “เกิดการฟ้องร้ องเกี่ยวกับการประมูล ” และ “ทาให้ เกิดปั ญหายุ่งยากซับซ้ อนตามมา” นัน้
หมายถึง ผู้ใดถูกฟ้องและปั ญหาที่ ยุ่งยากตามมานันคื ้ อ ปั ญหาอะไร แต่อาจจะพออนุมานได้ ว่า
การฟ้ องคดี ที่ ศ าลกล่ า วถึ ง นัน้ หมายถึ ง การฟ้ องร้ องผู้ ถูก ฟ้ องคดี และปั ญ หาที่ ต ามมา คื อ
ปั ญ หาในความรั บ ผิ ด ของผู้ ถูก ฟ้ องคดี ต่ อ การประมูล ที่ ท าไปโดยไม่ มี อ านาจ ซึ่ ง เท่ า กั บ ว่ า
ศาลปกครองสูงสุดมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามประกาศ 3G โดยอ้ างความยุ่งยากซับซ้ อนที่อาจจะ
เกิดขึ ้นแก่ผ้ ถู ูกฟ้องคดีเอง โดยมิได้ พิจารณาว่าผู้ฟ้องคดีจะได้ รับความเสียที่ยากแก่การเยียวยา
แก้ ไขในภายหลังจากประกาศ 3G อย่างไร
ดังนัน้ การที่ศาลปกครองสูงสุดมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามประกาศของผู้ถูกฟ้องคดี
เพื่อคุ้มครองผู้ถกู ฟ้องคดีเองนัน้ จึงไม่ตรงกับหลักเกณฑ์และวัตถุประสงค์ของหลักกฎหมายว่าด้ วย
การทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง ที่มีไว้ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ฟ้องคดีเท่านัน้
ไม่ใช่ค้ ุมครองผู้ถูกฟ้ องคดี การที่ ศาลอ้ างความเสี ยหายของบุ คคลอื่ น เช่น ผู้เข้ าร่ วมประมูล หรื อ
ผู้ที่เกี่ยวข้ องนันย่
้ อมไม่สอดคล้ องกับหลักเกณฑ์ข้างต้ น
ศาลประชาคมยุโรปได้ ปฏิเสธมาโดยตลอดที่จะทุเลาคาสัง่ ทางปกครอง หากผู้ฟ้องคดี
อ้ างเพียงว่า จะเกิดความเสียหายแก่การบริหารราชการของฝ่ ายปกครองเองซึ่งเป็ นผู้ถกู ฟ้องคดีเอง
หรื อของบุคคลที่ 3 ศาลประชาคมยุโรปกล่าวไว้ อย่างชัดแจ้ งว่า ความเสียหายที่ไม่อาจเยียวยาได้
นัน้ ต้ องเป็ นความเสียหายของผู้ฟ้องคดีเองเท่านัน้ ศาลประชาคมยุโรปเห็นว่า กรณีที่ฝ่ายปกครอง
ถูกฟ้องร้ อง โดยผู้ฟ้องคดีกล่าวหาว่าคาสัง่ ทางปกครองไม่ชอบด้ วยกฎหมายและแม้ ศาลจะเชื่อว่า
153
คาสัง่ นันน่
้ าจะไม่ชอบด้ วยกฎหมายก็ตาม แต่ผ้ ฟู ้ องคดีจะมาขอทุเลาการบังคับคาสัง่ ทางปกครอง
โดยอ้ างว่า หากปล่อยให้ คาสัง่ มีผลต่อไปและต่อมาหากศาลเพิกถอนคาสั่งทางปกครองในภายหลัง
จะทาให้ การบริ หารราชการของฝ่ ายปกครองเองที่มีปัญหาอันยากแก่การเยียวยา เช่นนี ้อ้ างไม่ได้
ศาลประชาคมยุโรปเห็นว่าการชัง่ น ้าหนักระหว่างความเสี่ยงในเรื่ องความเสียหายที่จะเกิดขึ ้นแก่
ฝ่ ายปกครอง หากฝ่ ายปกครองยังคงบังคับตามคาสัง่ ของตนต่ อไป และหากต่อมาคาสัง่ ดังกล่าว
ถูกศาลเพิกถอนในภายหลัง กับประโยชน์ที่ฝ่ายปกครองจะได้ รับจากการบังคับตามคาสัง่ ของตน
นันเป็
้ นเรื่ องการตัดสินใจของฝ่ ายปกครองเองในฐานะที่เป็ นผู้ถูกฟ้องคดี แต่ผ้ ฟู ้ องคดีจะอ้ างเอา
ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ ้นแก่ฝ่ายปกครอง เพื่อขอให้ ศาลทุ เลาคาสัง่ ของฝ่ ายปกครองเองไม่ได้
ผู้ฟ้องคดีมีหน้ าที่จะต้ องแสดงให้ ศาลเห็นถึงความเสียหายของตนเองมิใช่ของคนอื่น5
ศาลปกครองฝรั่งเศสก็ได้ วางหลักในทานองเดียวกันนี ้ว่า การขอทุเลาการบังคับตาม
กฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองนัน้ ผู้ฟ้องคดีจะต้ องแสดงให้ เห็นถึงความเสียหายที่ตนแบกรับเป็ นการ
เฉพาะตัว และความเสี ยหายนัน้ ต้ องเป็ นความเป็ นหายที่ แน่นอนสามารถพิสูจน์ ได้ มิ ใช่ความ
เสียหายที่กล่าวอ้ างแต่เพียงลอยๆ ในอนาคต กล่าวคือ ผลที่เกิดขึน้ จากการบังคับใช้ คาสั่งทาง
ปกครองต้ องยากแก่การเยียวยาแก้ ไข และเป็ นผลที่ยากแก่การทาให้ กลับคืนและการชดใช้ ด้วยการ
จ่ายเงินทดแทนไม่สามารถชดใช้ ได้ อย่างสมบูรณ์ 6 โดยทัว่ ไปแล้ ว ด้ วยเหตุแห่งเงื่อนไขนี ้ ทาให้ ศาล
มัก จะไม่ทุเ ลากฎทางปกครองที่ ใ ช้ บัง คับ เป็ นการทั่ว ไปในลัก ษณะที่ เ ป็ นการจัด ระเบี ย บการ
ประกอบอาชีพ หรื อวิชาชีพ หรื อการประกอบกิจการ
อนึ่ง เมื่ อ พิ จ ารณาเหตุข องความเสี ย หายที่ ผ้ ูฟ้ องคดี ก ล่า วอ้ า งกรณี ก ารย้ า ยของ
ลูกค้ านัน้ จะเห็นได้ ว่า การที่ผ้ ใู ช้ บริ การอาจจะเลิกการใช้ บริ การระบบ 2G เพื่อย้ ายไปใช้ บริ การ
โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ของผู้ชนะการประมูลนัน้ ไม่อาจถือได้ ว่า เป็ นเรื่ องเฉพาะตัวที่ทาให้ กฎมีผล
ต่อผู้ฟ้องคดีในลักษณะที่ไม่แตกต่างไปจากคาสัง่ ทางปกครองที่มีถึงผู้ ฟ้องคดี อันทาให้ ผ้ ฟู ้ องคดี
ได้ รับผลกระทบเป็ นการเฉพาะตัวแตกต่างจากประชาชนคนอื่น ๆ เพราะหากถือว่า “การมีโอกาส
หรื อมีเสรี ภาพในการเลือกรับบริ การมากขึ ้น” เป็ นเรื่ องที่ให้ ประกาศ 3G เกี่ยวข้ องกับผู้ฟ้องคดีเป็ น
การ “เฉพาะตัว ” ท าให้ ผ้ ูฟ้ องคดีมี สิท ธิ ฟ้ องคดี แล้ ว ก็ เ ท่า กับ ว่า ผู้ใ ช้ บ ริ ก ารทุก รายที่ อาจได้ รั บ
ผลกระทบจากการมีโอกาสหรื อเสรี ภาพในการเลือกรับบริ การมากขึ ้น เช่น ผู้ปกครองที่ไม่ประสงค์
5
รวีพนั ธ์ พิทกั ษ์ชาติวงศ์, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 4, น.
6
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะ, “รายงานวิจัยเรื่ องมาตรการชั่วคราวก่อนการพิพากษา”,
สถาบันวิจัยและให้ ค าปรึ กษาแห่งมหาวิ ทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอต่อ ส านักงานศาลปกครอง,
2545, น. 68.
154
7
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 533/2551.
8
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 448/2551.
156
9
คาสัง่ ศาลปกครองเชียงใหม่ในคดีหมายเลขดาที่ 306/2545 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2545.
10
คาสัง่ ศาลปกครองเชียงใหม่ในคดีหมายเลขดาที่ 306/2545 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2547.
158
11
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 562/2549.
159
12
สานักงานคณะกรรมการข้ าราชการพลเรื อน, หลักกฎหมายมหาชนกับการบริ หารงานภาครัฐ,
พิมพ์ครัง้ ที่ 1 (กรุงเทพมหานคร, 2545), น. 30.
13
นันทวัฒน์ บรมานันท์ , หลักกฎหมายปกครองเกี่ ยวกับการสาธารณะ, พิมพ์ครัง้ ที่ 4.
(กรุงเทพมหานคร : วิญญูชน, 2552), น. 142.
161
14
ประชาไท, ใบตองแห้ ง สัมภาษณ์ วรเจตน์ ภาคีรัตน์ : “ถึงเวลาทบทวนศาลปกครอง”.
[ออนไลน์]. เข้ าถึงได้ จาก : http://prachatai3.info/journal/2010/09/31307.
162
15
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 3 วรรคหนึง่ บัญญัตวิ า่
“อานาจอธิปไตยเป็ นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริ ย์ผ้ ทู รงเป็ นประมุข ทรงใช้ อานาจ
นันทางรั
้ ฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัตแิ ห่งรัฐธรรมนูญนี ้”
163
16
พระราชบัญญัติจดั ตังศาลปกครองและวิ
้ ธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 9
วรรคหนึง่ (1) บัญญัตวิ า่
“ ศาลปกครองมีอานาจพิจารณาพิพากษา หรื อมีคาสัง่ ในเรื่ องดังต่อไปนี ้
(1) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรื อเจ้ าหน้ าที่ของรัฐกระทาการโดยไม่
ชอบด้ วยกฎหมายไม่ว่าจะเป็ นการออกกฎ คาสั่งหรื อการกระทาอื่นใดเนื่องจากกระทาโดยไม่มี
164
17
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 547/2551.
166
18
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 67 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง
บัญญัตวิ า่
“สิทธิ ของบุคคลที่ จ ะมี ส่วนร่ วมกับรั ฐ และชุมชนในการอนุรักษ์ บารุ ง รั กษาและการได้
ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ และในการคุ้มครอง ส่งเสริ ม
และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้ อม เพื่อให้ ดารงชีพอยู่ได้ อย่างปกติและต่อเนื่องในสิ่งแวดล้ อมที่จะไม่
ก่ อ ให้ เ กิ ด อัน ตรายต่อ สุข ภาพอนามัย สวัส ดิภ าพ หรื อ คุณ ภาพชี วิ ต ของตน ย่อ มได้ รั บ ความ
คุ้มครองตามความเหมาะสม
การด าเนิ น โครงการหรื อ กิ จ กรรมที่ อ าจก่ อให้ เ กิ ด ผลกระทบต่ อชุม ชนอย่า งรุ นแรงทัง้
ทางด้ านคุณภาพสิ่งแวดล้ อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ จะกระทามิได้ เว้ นแต่จะได้ ศกึ ษา
และประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้ อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชน และจัดให้ มี
กระบวนการรับฟั งความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีสว่ นได้ เสียก่อน รวมทังได้ ้ ให้ องค์ก ารอิสระซึ่ง
ประกอบด้ วยผู้แทนองค์การเอกชนด้ านสิ่งแวดล้ อมและสุขภาพ และผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่
จัดการการศึกษาด้ านสิ่งแวดล้ อมหรื อทรัพยากรธรรมชาติหรื อด้ านสุขภาพ ให้ ความเห็นประกอบ
ก่อนมีการดาเนินการดังกล่าว”
167
19
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 287/2545.
170
อื่นที่ศาลปกครองมิได้ แสดงเหตุผลในการปรับบทกฎหมายประกอบการพิจารณาเงื่อนไขในการมี
คาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง เช่น
กรณี ที่ ผ้ ูฟ้ องคดี ฟ้ องกรมการปกครอง ที่ 1 นายทะเบี ย นท้ อ งถิ่ น เทศบาลต าบล
บางเมือง ที่ 2 ผู้ถูกฟ้องคดี เพื่อขอให้ เพิกถอนคาสัง่ จาหน่ายชื่อและรายการบุคคลของผู้ฟ้องคดี
ออกจากทะเบี ย นบ้ าน และผู้ ฟ้ องคดี มี ค าร้ องขอทุ เ ลาการบัง คับ ตามค าสั่ง ทางปกครอง
ศาลปกครองชันต้ ้ นพิจารณาแล้ ว มีคาสั่งให้ ทุเลาการบังคับตามคาสัง่ ทางปกครอง โดยให้ เหตุผลว่า
ประเด็นพิพาทในคดีนี ้เป็ นเรื่ องการดาเนินการทางทะเบียนราษฎร์ แต่มีปัญหาอันสืบเนื่องมาจาก
การวินิจฉัยเกี่ ยวกับสัญชาติของผู้ฟ้องคดี ซึ่งในคาฟ้ องได้ กล่าวอ้ างข้ อเท็จจริ งและพฤติการณ์
สนับสนุนมากเพียงพอสมควรที่ศาลจะพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปได้ และการกระทาที่เป็ นเหตุ
แห่งการฟ้องคดีนี ้ แม้ จะไม่ใช่การวินิจฉัยเกี่ยวกับสัญชาติของผู้ฟ้องคดีโดยตรง แต่ก็เป็ นหลักฐาน
ทางทะเบียนเกี่ยวกับสถานะของบุคคล ซึ่ง เป็ นเรื่ องสาคัญและการมีหลักฐานเกี่ยวกับสถานะ
ของบุค คลใดไม่ตรงตามสถานะที่แท้ จริ ง ย่อมทาให้ บุคคลนัน้ ได้ รับความเสียหายที่ยากแก่การ
เยียวยาแก้ ไขในภายหลัง ประกอบกับการให้ คงชื่อและรายการบุคคลของผู้ฟ้องคดีในทะเบียนบ้ าน
(ทร.14) ไว้ อย่างเดิม ก็ไม่ถึงขนาดจะเป็ นปั ญหาอุปสรรคแก่กาบริหารงานของรัฐแต่อย่างใด
จากการพิจารณาคาสัง่ ดังกล่าวจะเห็นได้ วา่ ศาลปกครองชันต้้ นไม่ได้ ระบุข้อกฎหมาย
ที่ศาลใช้ ในการกาหนดวิธีการชัว่ คราวก่อนการพิพากษา ตามข้ อ 72 วรรคสาม แห่งระเบียบของ
ที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 นอกจากนี ้
ยัง มี ค าสั่ง อื่ น ๆ อี ก เช่ น ค าสั่ง ศาลปกครองสูง สุด ที่ 2-3/2550 ค าสั่ง ระหว่ า งพิ จ ารณาของ
ศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดาที่ อ.1/2548 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2548 เป็ นต้ น
20
ข้ อ 72 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ของตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณา
คดีปกครอง พ.ศ. 2543.
21
ข้ อ 71 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ของตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณา
คดีปกครอง พ.ศ. 2543.
22
ข้ อ 75 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ของตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณา
คดีปกครอง พ.ศ. 2543.
23
ข้ อ 76 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ของตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณา
คดีปกครอง พ.ศ. 2543.
172
24
ข้ อ 77 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ของตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธี
พิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543.
173
พิจ ารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 แต่การที่ ศาลปกครองชัน้ ต้ นเห็นว่ากรณี ดงั กล่าวเป็ นเรื่ อง
การบรรเทาทุกข์ชวั่ คราวก่อนการพิพากษา และได้ ดาเนินกระบวนพิจารณาไปตามข้ อ 75 ข้ อ 76
และข้ อ 77 แห่งระเบียบดังกล่าวนัน้ เป็ นการดาเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ มิได้ ปฏิบตั ิตาม
ข้ อ 112 วรรคหนึง่ (1) ในส่วนที่ว่าด้ วยการทาคาพิพากษาและคาสัง่ กรณีจึงต้ องเพิกถอนกระบวน
พิจารณาดังกล่าวตามข้ อ 7 วรรคหนึ่ง แห่งระเบียบเดียวกัน ศาลปกครองสูงสุดจึง มีคาสั่งให้ ยก
คาสัง่ ของศาลปกครองชันต้ ้ นและส่งสานวนคืนไปยังตุลาการศาลปกครองชัน้ ต้ น เพื่อให้ ดาเนิน
กระบวนพิจารณาที่ถกู ต้ องต่อไป25
จากกรณีดงั กล่าวข้ างต้ น ผู้เขียนเห็นว่าการกาหนดมาตรการทุเลาการบังคับตามกฎ
หรื อคาสัง่ ทางปกครอง และมาตรการบรรเทาทุกข์ชวั่ คราวนัน้ มีหลั กเกณฑ์ เงื่อนไข และกระบวน
วิธีพิจารณาที่แตกต่างกันโดยสิน้ เชิง จึงไม่สามารถใช้ หลักเกณฑ์เดียวกันมาพิจารณามีคาสัง่ ได้
เนื่องจากวัตถุประสงค์และผลกระทบจากการมีคาสั่งอนุญาตให้ ค้ มุ ครองชั่วคราวทัง้ สองกรณี มี
ความแตกต่างกัน ศาลจึงควรใช้ หลักเกณฑ์การพิจารณาที่ถูกต้ องและเหมาะสมในการกาหนด
มาตรการชัว่ คราวทังสองกรณี
้
25
คาสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ 613/2549.
174
26
ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2543 ข้ อ 73 วรรคหนึง่ บัญญัตวิ า่
“คาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง ให้ ผ้ มู ีส่วนได้ เสียมีสิทธิอุทธรณ์ต่อ
ศาลปกครองสู งสุ ดได้ ภายในสามสิ บวันนับแต่ วั นที่ ผ้ ู นั น้ ได้ รั บแจ้ งหรื อทราบค าสั่ งศาล โดยผู้ อุ ทธรณ์
อาจมีคาขอให้ ศาลปกครองสูงสุดมีคาสัง่ ระงับคาสัง่ ของศาลปกครองชันต้ ้ นที่สงั่ ให้ ทเุ ลาการบังคับ
ตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองไว้ เป็ นการชัว่ คราวก่อนการวินิจฉัยอุทธรณ์ก็ได้ ”
27
อภิ รดี สุทธิ ส มณ์ , “มาตรการหรื อวิธี การชั่วคราวก่อนการพิพ ากษาในคดีปกครอง”,
(วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต คณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , 2548), น. 79.
28
อาพล เจริญชีวินทร์ , คาอธิบายการฟ้องและการดาเนินคดีในศาลปกครอง, พิมพ์ครัง้ ที่ 4.
(กรุงเทพมหานคร : นิตธิ รรม, 2550), น. 451.
175
29
ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้ วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2543 ข้ อ 70 บัญญัตวิ า่
“ในกรณีที่ศาลเห็นว่าคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองใด ยื่นโดยไม่มี
ข้ ออ้ างหรื อข้ อเท็จจริ งเพียงพอ หรื อไม่มีเหตุผลหรื อสาระอันควรได้ รับการพิจารณา หรื อเห็นได้
อย่างชัดแจ้ งว่าไม่สมควรมีคาสัง่ ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง หรื อเป็ นกรณีที่ศาล
จะสัง่ ไม่รับคาฟ้องคดีนนไว้ ั ้ พิจารณาและจะสัง่ จาหน่ายคดีออกจากสารบบความแล้ ว ให้ มีอานาจ
สัง่ ไม่รับคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองนัน้ คาสัง่ ดังกล่าวให้ เป็ นที่สดุ ”
ข้ อ 73 วรรคสอง บัญญัตวิ า่ “คาสัง่ ยกคาขอทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง
ให้ เป็ นที่สดุ ”
176
30
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และคณะ, อ้างแล้วเชิ งอรรถที ่ 6, น. 68.
บทที่ 5
บทสรุปและข้ อเสนอแนะ
177
178
เมื่ อพิจ ารณาระเบี ยบดัง กล่าวพบว่า มี การกาหนดเงื่ อ นไขในการที่ ศาลจะมี คาสั่ง อนุญาตให้
ทุเลาการบังคับตามกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองไว้ 3 ประการ คือ กฎหรื อคาสัง่ ทางปกครองที่เป็ น
เหตุแห่งการฟ้องคดีนนั ้ น่าจะไม่ชอบด้ วยกฎหมาย การให้ กฎหรื อคาสั่ งทางปกครองนัน้ มีผลใช้
บัง คับต่อไปจะทาให้ เ กิ ดความเสี ย หายอย่างร้ ายแรงแก่ผ้ ูฟ้ องคดีจ นยากแก่การเยี ยวยาแก้ ไ ข
ในภายหลัง และการมี ค าสั่ง ทุเ ลาการบัง คับ ตามกฎหรื อค าสั่ง ทางปกครองนัน้ จะต้ อ งไม่เ ป็ น
อุปสรรคหรื อมีผลกระทบต่อ การบริ หารงานของรัฐหรื อแก่บริ การสาธารณะ ปั ญหาที่เกิ ดขึน้ ใน
กรณีนี ้เกิดจากการตีความและการใช้ ดลุ พินิจของศาลปกครองในการตีความข้ อเท็จจริ งให้ เข้ ากับ
องค์ประกอบตามเงื่ อนไขที่ศาลจะมี คาสั่ง ให้ ทุเลาการบัง คับตามกฎหรื อคาสั่ง ทางปกครองได้
โดยผู้เขียนจะขออธิบายปั ญหาและข้ อเสนอแนะแนวทางแก้ ไข โดยแยกอธิบายทีละเงื่อนไข ดังนี ้
เป็ นระบบวิ ธี พิ จารณาที่ เรี ยบง่ ายและผู้ฟ้ องคดี สามารถด าเนิ นกระบวนพิจารณาได้ ด้ วยตนเอง
ดังนัน้ การพิจารณาคาขอศาลจาต้ องพิจารณาในมุมของประชาชนธรรมดา มิใช่พิจารณาถ้ อยคา
ศัพ ท์ เ ทคนิคเป็ นส าคัญ ประกอบกับต่อมาได้ มี กรณี ที่ คาสั่ง ทางปกครองมี ผลกระทบสิทธิ ของ
ผู้ฟ้องคดีคล้ ายคลึงกับในกรณี นี ้ และศาลปกครองก็ได้ มีคาสั่งให้ ทุเลาการบังคับตามคาขอของ
ผู้ฟ้องคดี เช่น กรณีผ้ ถู กู ฟ้องคดีมีคาสัง่ เพิกถอนสัญชาติของผู้ฟ้องคดี เป็ นต้ น
ในประเทศฝรั่ ง เศสนัน้ ได้ มี ก ารก าหนดให้ ใ ช้ ม าตรการก่ อ นการพิ พ ากษาในเรื่ อ ง
เสรี ภ าพ (référé-liberté) ซึ่ง เป็ นมาตรการที่ มี ขึน้ ใหม่เ พื่ อ พิ ทัก ษ์ สิ ท ธิ เ สรี ภ าพขัน้ พื น้ ฐานของ
ประชาชนที่ ไ ด้ รั บ ผลกระทบอย่ า งรุ น แรงจากการกระท าของฝ่ า ยปกครอง โดยก าหนดให้
ศาลปกครองสามารถมี ค าสั่ง ก าหนดมาตรการใด ๆ ที่ จ าเป็ นต่อ การคุ้ม ครองสิ ท ธิ เ สรี ภ าพ
ขันพื
้ ้นฐานของประชาชนได้ ผู้เขียนเห็นว่ามาตรการดังกล่าวเป็ นมาตรการที่สาคัญในการนามาใช้
คุ้ม ครองสิท ธิ เ สรี ภ าพขั น้ พื น้ ฐานของประชาชน เนื ่ อ งจากสิท ธิ ขั น้ พื น้ ฐานเป็ นสิท ธิ ที ่ มี
ความส าคัญ ต่อ การด ารงชี วิ ต ของประชาชนและเป็ นสิ ท ธิ ที่ ไ ด้ รั บ การรั บ รองและคุ้ม ครอง
ตามรัฐธรรมนูญ ดังนันจึ ้ งสมควรที่จะมีมาตรการในลักษณะที่ค้ มุ ครองสิทธิ ขนพื ั ้ น้ ฐานดังกล่าว
ของประชาชนมิให้ ถกู กระทบกระเทือนจากกฎหรื อคาสัง่ ทางปกครอง
นอกจาการพิจารณาในเรื่ องระดับความเสียหายที่ผ้ ฟู ้ องคดีได้ รับแล้ ว ผู้ฟ้องคดียงั ต้ อง
เป็ นผู้ที่ได้ รับความเสียหายโดยตรงจากการบัง คับ ใช้ ก ฎหรื อ คาสั่ง ทางปกครองที่ เ ป็ นเหตุแ ห่ง
การฟ้ องคดีนัน้ ดัง เช่น กรณี ที่ บริ ษัท กสท โทรคมนาคม จ ากัด (มหาชน) ฟ้ องเพิกถอนประกาศ
คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่ อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ ใช้ คลื่นความถี่
เพื่อประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G ซึ่งความเสียหายที่ผ้ ฟู ้ องคดีอ้าง คือ กรณีการ
ย้ ายของลูกค้ าหรื อผู้ใช้ บริ การในการเลิกใช้ บริ การในระบบ 2G นัน้ ผู้เขียนเห็นว่าความเสียหายที่
ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้ างนัน้ ไม่ได้ เป็ นผลโดยตรงจากประกาศของผู้ถูกฟ้องคดี เพราะความเสียหายที่
อ้ างนัน้ เป็ นความเสียหายในด้ าน “รายได้ ” ซึ่งเป็ นความเสียหายในอนาคต เนื่องจากผู้ชนะการ
ประมูลต้ องใช้ เวลาในการสร้ างโครงข่ายโทรคมนาคม 3G เป็ นเวลานานและเป็ นความเสี ยหายที่
ไม่ ไ ด้ มี ความใกล้ ชิ ดกั บการเพิ กถอนประกาศ 3G แม้ ว่ า จะมี ก ารเพิ ก ถอนประกาศ 3G แล้ ว
หากประชาชนใช้ เสรี ภาพของตนเลือกใช้ บริ การ 3G ของบริ ษัท ทีโอที จากัด (มหาชน) ซึ่งสามารถ
ให้ สมั ปทานหรื อบริ การในระบบ 3G ได้ รายได้ ของผู้ฟ้องคดีก็ยงั คงลดลงอยู่ดี ความเสียหายที่
ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้ างนันก็
้ ยงั คงมีอยูต่ อ่ ไป
ศาลปกครองได้ ให้ เหตุผลเพิ่มเติม ในกรณี นีอ้ ีกว่า เพื่อไม่ให้ เกิดความยุ่งยากในการ
ฟ้องร้ องกันตามมาในภายหลัง ซึ่งการที่ศาลให้ เหตุผลประกอบคาสัง่ ในลักษณะดังกล่าวนัน้ แสดง
181
ในการออกค าสั่ง การกระท าดัง กล่ า วย่ อ มขัด ต่อ วัต ถุป ระสงค์ ข องกฎหมาย เนื่ อ งจากไม่ มี
การตรวจสอบความถูกต้ องของข้ อเท็จจริ งโดยการนัดไต่สวน และการถ่วงดุลตรวจสอบการใช้
ดุล พินิจโดยคาแถลงการณ์ ของตุลาการผู้แถลงคดี ผู้เขียนเห็นว่าควรมี การกาหนดหลักเกณฑ์
ในการพิจารณาเพื่อมีคาสัง่ คุ้มครองชัว่ คราวแต่ละประเภทให้ ชดั เจน เพื่อใช้ เป็ นแนวทางในการออก
คาสัง่ คุ้มครองชัว่ คราวทังสองประเภท
้ เพื่อให้ ศาลสามารถใช้ หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการ
กาหนดมาตราชัว่ คราวได้ ถกู ต้ องตามเจตนารมณ์ของกฎหมายต่อไป
หนังสือ
189
190
อ าพล เจริ ญ ชี วิ น ทร์ . ค าอธิ บ ายการฟ้ องและการด าเนิ น คดี ใ นศาลปกครอง. พิ ม พ์ ค รั ง้ ที่ 4.
กรุงเทพมหานคร: นิตธิ รรม , 2550.
วิทยานิพนธ์
บทความ
ไชยยศ วรนัน ท์ ศิ ริ . ”ค าสั่ง ระงับ หรื อ ละเว้ น การกระท าในคดี ท รั พ ย์ สิ น ทางปั ญ ญา.” ดุล พาห
(เดือนกรกฎาคม - กันยายน 2540).
192
เอกสารอื่น ๆ
ไชยเดช ตันติเวสส. “คูม่ ือ เรื่ อง มาตรการหรื อวิธีการชัว่ คราว.” คูม่ ือการปฏิบตั ิงานเสนอต่อสานักงาน
ศาลปกครอง, 2545.
สานักงานศาลปกครอง. “รวมรายงานผลการประชุมใหญ่สมาคมศาลปกครองสูงสุดระหว่างประเทศ
ครัง้ ที่ 1 ถึงครัง้ ที่ 8 เรื่ องศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองเปรี ยบเทียบ.” รายงาน
การประชุมเสนอต่อสานักงานศาลปกครอง. พิมพ์ครัง้ ที่ 1, 2549.
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พระราชบัญญัตจิ ดั ตังศาลปกครองและวิ
้ ธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
Books
Nigel Foster , Satish Sule. German Legal System and Law OXFORD UNIVERSITY PRESS.
New York : USA, 1988.
.
Anke Freckmann, Thomas Wegerich. THE GERMAN LEGAL SYSTEM. Sweet and Maxwell
Limited : London, 1999.
เอกสารอิเล็คทรอนิคส์
Jacquinot, Nathalie. แผ่ น เสี ย งการบรรยายทางวิ ช าการครั ง้ ที่ 1/2554 หัว ข้ อ มาตรการชั่ว คราว
ก่อนการพิพากษา (Les référés) ณ สานักงานศาลปกครอง วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554.
ประวัตกิ ารศึกษา
195