Professional Documents
Culture Documents
2019 Meteor Showers BD PDF
2019 Meteor Showers BD PDF
ภาพพายุฝนดาวตกสิงโต ค.ศ. 1833 ประเทศสหรัฐอเมริกา (ภาพทำขึ้นภายหลังเมื่อปี ค.ศ. 1889 ลงในหนังสือ Bible Readings for
the Home Circle) เป็นเหตุการณ์สำคัญทำให้มีผู้ศึกษาเรื่องฝนดาวตก ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/Leonids
The picture is for education only. Thanks.
!1
สารบัญ
หน้า
4 คำนำ
5 ภาพรวม
6 ตารางฝนดาวตกปี 2562
11 รายละเอียดฝนดาวตกแต่ละกลุ่ม (ดูสารบัญย่อยในหน้าถัดไป)
25 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับดาวตกและฝนดาวตก
25 ดาวตก
30 ความเร็วของดาวตก
31 ความสว่างของดาวตก
32 สีดาวตก
33 เสียงดาวตก
34 ฝนดาวตก
38 ประวัติการสังเกตฝนดาวตก
43 ประเภทฝนดาวตก
44 วันเวลา
45 ดวงจันทร์
47 สถานที่
48 การดูฝนดาวตก
50 อุปกรณ์
51 การถ่ายภาพฝนดาวตก
53 กลุ่มดาว
56 แอปดูฝนดาวตก
57 อ้างอิง
59 หนังสือและบทความของผู้เขียน
!2
สารบัญย่อย
ฝนดาวตก
12 ควอดแดรนต์ (Quadrantids)
13 แอลฟาคนครึ่งม้า (α–Centaurids หรือ Alpha Centaurids)
14 พิณ (Lyrids)
15 เอตาคนแบกหม้อน้ำ (η-Aquariids หรือ Eta Aquariids)
16 เดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้ (Southern δ-Aquariids หรือ Southern Delta Aquariids)
17 เพอร์เซียส (Perseids)
18 มังกร (Dragonids)
19 นายพราน (Orionids)
20 สิงโต (Leonids)
21 แอลฟายูนิคอร์น (Alpha Monocerotids)
22 ท้ายเรือ-ใบเรือ (Puppid-Velids)
23 คนคู่ (Geminids)
24 หมีเล็ก (Ursids)
!3
คำนำ
ฝนดาวตกเป็นความอัศจรรย์อย่างหนึ่งของธรรมชาติ หากใครได้เห็นสักครั้งหนึ่งมักจะติดใจอยากชมอีก
ขอให้มีความสุขกับการชมฝนดาวตกนะครับ (^___^)
!4
ภาพรวม
ฝนดาวตกที่น่าสนใจในปี 2562 เริ่มตั้งแต่ต้นปีเลยคือ ฝนดาวตกควอดแดรนต์ (มากที่สุดวันที่ 4 มกราคม 2562 อัตราตก
สูงสุด 60-200 ดวงต่อชั่วโมง) ปีนี้ไม่มีแสงจันทร์รบกวน และเกิดในหน้าหนาว มีโอกาสที่ท้องฟ้าเปิดมาก (เมฆน้อย หรือไม่มีเมฆบัง)
ฝนดาวตกควอดแดรนต์จึงเป็นฝนดาวตกที่น่าดูที่สุดของปี 2562
!5
ฝนดาวตกปี 2562 เฉพาะฝนดาวตกหลัก (major showers) ที่มีดาวตกมากตั้งแต่ 10 ดวงต่อชั่วโมงขึ้นไป หรือที่น่าสนใจ
แอลฟาคนครึ่งม้า
31 ม.ค.
ศ. 8 ก.พ. 20:00 6-25+ ขึ้น 4 ค่ำ 09:05 21:10 06:55 18:21
α–Centaurids (ACE) - 20 ก.พ. 10%
พิณ
14-30 เม.ย. อ. 23 เม.ย. 18-90 แรม 4 ค่ำ
22:32 09:03 06:01 18:43
Lyrids (LYR) 80%
เอตาคนแบกหม้อน้ำ
19 เม.ย.
จ. 6 พ.ค. 21:00 40-85 ขึ้น 3 ค่ำ
06:54 20:07 05:54 18:47
η-Aquariids (ETA) - 28 พ.ค. 2%
เดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้
12 ก.ค.
อ. 30 ก.ค. 25 แรม 14 ค่ำ
03:47 17:23 06:00 19:00
Southern δ-Aquariids (SDA) - 23 ส.ค. 7%
เพอร์เซียส
17 ก.ค.
อ. 13 ส.ค.
09:00 110 ขึ้น 13 ค่ำ
17:27 03:56 06:04 18:53
Perseids (PER) – 24 ส.ค. -22:00 96%
มังกร 6-10 ต.ค. พ. 9 ต.ค. 13:00 10 ขึ้น 11 ค่ำ 15:35 02:22 06:16 18:06
Droconids (DRA) 83%
นายพราน
2 ต.ค.
อ. 22 ต.ค. 20 แรม 9 ค่ำ
00:05 13:35 06:19 17:56
Orionids (ORI) - 7 พ.ย. 47%
สิงโต
6-30 พ.ย. จ. 18 พ.ย. 05:30 10-20 แรม 7 ค่ำ
23:00 11:32 06:32 17:45
Leonids (LEO) 63%
แอลฟายูนิคอร์น 15-25 พ.ย. ศ. 22 พ.ย. 13:00 5-400 แรม 11 ค่ำ 02:00 14:40 06:34 17:45
Alpha Monocerotids (AMO) 28%
ท้ายเรือ-ใบเรือ
1-15 ธ.ค. ส. 7 ธ.ค. 10 ขึ้น 11 ค่ำ
14:31 02:13 06:43 17:46
Puppid-Velids (PUP) 78%
คนคู่
4-17 ธ.ค. ส. 14 ธ.ค. 140 แรม 3 ค่ำ
19:52 08:31 06:47 17:48
Geminids (GEM) 93%
หมีเล็ก
17-26 ธ.ค. จ. 23 ธ.ค. 10:00 10-50 แรม 12 ค่ำ
03:48 15:30 06:52 17:52
Ursids (URS) 13%
ที่มา:
ปฏิทินฝนดาวตก ค.ศ. 2019 ขององค์การอุกกาบาตสากล (IMO) https://www.imo.net/files/meteor-shower/cal2019.pdf
ปฏิทิน พ.ศ. 2562 มายโหรา https://www.myhora.com
เวลาขึ้น-ตกของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์จากแอป Celestron SkyPortal 3.0.1.2 ระบบ iOS 12.0
เรียบเรียงโดย พงศธร กิจเวช (อัฐ) Facebook: คนดูดาว Stargazer https://www.facebook.com/khondudao
!6
หมายเหตุ
3. วันและเวลาที่มีดาวตกมากที่สุดแต่ละปีอาจแตกต่างกัน
4. เวลาที่มีดาวตกมากที่สุดบางครั้งตรงกับเวลากลางวันในประเทศไทย ซึ่งไม่สามารถมองเห็นดาวตกได้
จึงจำเป็นต้องดูเวลากลางคืนที่ใกล้เคียงแทน อาจเป็นช่วงเช้ามืด หรือหัวค่ำของวันนั้น
!7
!8
!9
คำอธิบายตัวย่อในตารางปฏิทินฝนดาวตกของ IMO
ที่มาภาพ http://en.wikipedia.org/wiki/Right_ascension
!10
รายละเอียดฝนดาวตกแต่ละกลุ่ม
เรียงลำดับตามวันเวลาที่เกิดฝนดาวตก ตัวเลขในภาพคือวันที่
ข้อมูลใช้ขององค์การอุกกาบาตสากล (IMO) https://www.imo.net/ เป็นหลัก
และเว็บ NASA SKYCAL (Sky Events Calendar) https://eclipse.gsfc.nasa.gov/SKYCAL/SKYCAL.html มาเสริม
ขนาดดวงจันทร์
0% ไม่เห็นดวงจันทร์
50% ดวงจันทร์ครึ่งดวง
100% ดวงจันทร์เต็มดวง
!11
ฝนดาวตกควอดแดรนต์ (Quadrantids ชื่อย่อ QUA) ลำดับที่ 010
วันที่ 28 ธันวาคม 2561 – 12 มกราคม 2562
มากที่สุด IMO วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2562 เวลา 09:20 น. อัตราตกสูงสุด 120 (60-200) ดวงต่อชั่วโมง
NASA SKYCAL วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2562 เวลา 09:28 น. อัตราตกสูงสุด 120 ดวงต่อชั่วโมง
ล่าสุด ค.ศ. 2018 พบดาวตก 69 ดวงต่อชั่วโมง
จุดกระจาย α = 230◦ , δ = +49◦ กลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ (Boötes)
4 มกราคม 2562 จุดกระจายขึ้น 01:14 น. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มุมทิศ 36 องศา จุดกระจายตก 16:27 น.
ดวงจันทร์ข้างแรม 13 ค่ำ ขนาด 4% ดวงจันทร์ขึ้น 05:14 น. ดวงจันทร์ตก 16:39 น.
ดวงอาทิตย์ขึ้น 06:57 น. ดวงอาทิตย์ตก 18:00 น.
ความเร็ว 41 กิโลเมตรต่อวินาที ดัชนีความสว่าง 2.1 เกิดจากดาวเคราะห์น้อย 2003 EH1
ได้ชื่อจากกลุ่มดาวโบราณ Quadrans Muralis (เครื่องวัดมุม) ปัจจุบันกลุ่มดาวนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์
(Boötes) และกลุ่มดาวมังกร (Draco)
กราฟฝนดาวตกควอดแดรนต์ ค.ศ. 2018 http://www.imo.net/members/imo_live_shower?shower=QUA&year=2018
!12
ฝนดาวตกแอลฟาคนครึ่งม้า (α–Centaurids หรือ Alpha Centaurids ชื่อย่อ ACE) ลำดับที่ 102
วันที่ 31 มกราคม – 20 กุมภาพันธ์ 2562
มากที่สุด IMO วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 20:00 น. อัตราตกสูงสุด 6-25+ ดวงต่อชั่วโมง
NASA SKYCAL ไม่มีข้อมูล
จุดกระจาย α = 210◦ , δ = −59◦ ใกล้ดาว Alpha Centauri กลุ่มดาวคนครึ่งม้า (Centaurus)
8 กุมภาพันธ์ 2562 กลุ่มดาวคนครึ่งม้าขึ้น 23:22 น. ทิศตะวันออกเฉียงใต้ มุมทิศ 138 องศา กลุ่มดาวคนครึ่งม้าตก 08:52 น.
ดวงจันทร์ข้างขึ้น 4 ค่ำ ขนาด 10% ดวงจันทร์ขึ้น 09:05 น. ดวงจันทร์ตก 21:10 น.
ดวงอาทิตย์ขึ้น 06:55 น. ดวงอาทิตย์ตก 18:21 น.
ความเร็ว 58 กิโลเมตรต่อวินาที ดัชนีความสว่าง 2.0 ยังไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร
ค.ศ. 1974 และ 1980 เคยมีดาวตก 20-30 ดวงต่อชั่วโมง ในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ไม่มีกราฟข้อมูลดาวตก
!13
ฝนดาวตกพิณ (Lyrids หรือ April Lyrids ชื่อย่อ LYR) ลำดับที่ 006
วันที่ 14-30 เมษายน 2561
มากที่สุด IMO วันอังคารที่ 23 เมษายน 2562 ไม่ระบุเวลา อัตราตกสูงสุด 18-90 ดวงต่อชั่วโมง
NASA SKYCAL วันอังคารที่ 23 เมษายน 2562 เวลา 06:58 น. อัตราตกสูงสุด 20 ดวงต่อชั่วโมง
ล่าสุด ค.ศ. 2018 พบดาวตก 17 ดวงต่อชั่วโมง
จุดกระจาย α = 271◦ , δ = +34◦ ใกล้ดาววีกา (Vega) กลุ่มดาวพิณ (Lyra)
23 เมษายน 2562 จุดกระจายขึ้น 21:32 น. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มุมทิศ 54 องศา จุดกระจายตก 11:23 น.
ดวงจันทร์ข้างแรม 4 ค่ำ ขนาด 80% ดวงจันทร์ขึ้น 22:32 น. ดวงจันทร์ตก 09:03 น.
ดวงอาทิตย์ขึ้น 06:01 น. ดวงอาทิตย์ตก 18:43 น.
ความเร็ว 49 กิโลเมตรต่อวินาที ดัชนีความสว่าง 2.1 เกิดจากดาวหาง C/1861 G1 (Thatcher)
ค.ศ. 1982 มีดาวตก 90 ดวงต่อชั่วโมง
!14
ฝนดาวตกเอตาคนแบกหม้อน้ำ (η-Aquariids หรือ Eta Aquariids ชื่อย่อ ETA) ลำดับที่ 031
วันที่ 19 เมษายน – 28 พฤษภาคม 2562
มากที่สุด IMO วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม 2562 เวลา 21:00 น. อัตราตกสูงสุด 40-85 ดวงต่อชั่วโมง
NASA SKYCAL วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2562 เวลา 20:12 น. อัตราตกสูงสุด 60 ดวงต่อชั่วโมง
ล่าสุด ค.ศ. 2018 พบดาวตก 58 ดวงต่อชั่วโมง
จุดกระจาย α = 338◦ , δ = −1◦ ใกล้ดาวเอตา กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ (Aquarius)
6 พฤษภาคม 2562 จุดกระจายขึ้น 01:58 น. ทิศตะวันออก มุมทิศ 91 องศา จุดกระจายตก 13:57 น.
ดวงจันทร์ 6 พฤษภาคม 2562 ข้างขึ้น 3 ค่ำ ขนาด 2% ดวงจันทร์ขึ้น 06:54 น. ดวงจันทร์ตก 20:07 น.
ดวงอาทิตย์ขึ้น 05:54 น. ดวงอาทิตย์ตก 18:47 น.
ความเร็ว 66 กิโลเมตรต่อวินาที ดัชนีความสว่าง 2.4 เกิดจากดาวหางฮัลเลย์ (1P/Halley)
!15
ฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้ (Southern δ-Aquariids หรือ Southern Delta Aquariids ชื่อย่อ SDA) ลำดับที่ 005
วันที่ 12 กรกฎาคม – 23 สิงหาคม 2562
มากที่สุด IMO วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2562 ไม่ระบุเวลา อัตราตกสูงสุด 25 ดวงต่อชั่วโมง
NASA SKYCAL วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม 2562 เวลา 21:59 น. อัตราตกสูงสุด 20 ดวงต่อชั่วโมง
ล่าสุด ค.ศ. 2018 พบดาวตก 16 ดวงต่อชั่วโมง
จุดกระจาย α = 340◦ , δ = −16◦ ใกล้ดาวเดลตา กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ (Aquarius)
30 กรกฎาคม 2562 จุดกระจายขึ้น 21:00 น. ทิศตะวันออก มุมทิศ 106 องศา จุดกระจายตก 08:25 น.
ดวงจันทร์ 30 กรกฎาคม 2562 ข้างแรม 14 ค่ำ ขนาด 7% ดวงจันทร์ขึ้น 03:47 น. ดวงจันทร์ตก 17:23 น.
ดวงอาทิตย์ขึ้น 06:00 น. ดวงอาทิตย์ตก 19:00 น.
ความเร็ว 41 กิโลเมตรต่อวินาที ดัชนีความสว่าง 2.5 เกิดจากดาวหางในกลุ่ม Marsden
!16
ฝนดาวตกเพอร์เซียส (Perseids ชื่อย่อ PER) ลำดับที่ 007
วันที่ 17 กรกฎาคม – 24 สิงหาคม 2562
มากที่สุด IMO วันอังคารที่ 13 สิงหาคม 2562 เวลา 09:00-22:00 อัตราตกสูงสุด 110 ดวงต่อชั่วโมง
NASA SKYCAL วันอังคารที่ 13 สิงหาคม 2562 เวลา 13:53 น. อัตราตกสูงสุด 90 ดวงต่อชั่วโมง
ล่าสุด ค.ศ. 2018 พบดาวตก 89 ดวงต่อชั่วโมง
จุดกระจาย α = 48◦ , δ = +58◦ กลุ่มดาวเพอร์เซียส (Perseus)
13 สิงหาคม 2562 จุดกระจายขึ้น 21:54 น. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มุมทิศ 26 องศา จุดกระจายตก 14:30 น.
ดวงจันทร์ข้างขึ้น 13 ค่ำ ขนาด 96% ดวงจันทร์ขึ้น 17:27 น. ดวงจันทร์ตก 03:56 น.
ดวงอาทิตย์ขึ้น 06:04 น. ดวงอาทิตย์ตก 18:53 น.
ความเร็ว 59 กิโลเมตรต่อวินาที ดัชนีความสว่าง 2.2 เกิดจากดาวหาง Swift–Tuttle
!17
ฝนดาวตกมังกร (Draconids ชื่อย่อ DRA) ลำดับที่ 009
วันที่ 6-10 ตุลาคม 2562
มากที่สุด IMO วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562 เวลา 13:00 น. อัตราตกสูงสุด 10 ดวงต่อชั่วโมง
NASA SKYCAL ไม่มีข้อมูล
ล่าสุด ค.ศ. 2011 พบดาวตก 259 ดวงต่อชั่วโมง
จุดกระจาย α = 263◦ , δ = +56◦ กลุ่มดาวมังกร (Draco)
9 ตุลาคม 2562 กลุ่มดาวมังกรขึ้น 07:43 น. ทิศเหนือ มุมทิศ 16 องศา กลุ่มดาวมังกรตก 02:16 น.
ดวงจันทร์ข้างขึ้น 11 ค่ำ ขนาด 83% ดวงจันทร์ขึ้น 15:35 น. ดวงจันทร์ตก 02:22 น.
ดวงอาทิตย์ขึ้น 06:16 น. ดวงอาทิตย์ตก 18:06 น.
ความเร็ว 21 กิโลเมตรต่อวินาที ดัชนีความสว่าง 2.6 เกิดจากดาวหาง 21P/Giacobini–Zinner
เคยเกิดพายุฝนดาวตกเมื่อปี ค.ศ. 1933 และ 1946
!18
ฝนดาวตกนายพราน (Orionids ชื่อย่อ ORI) ลำดับที่ 008
วันที่ 2 ตุลาคม – 7 พฤศจิกายน 2562
มากที่สุด IMO วันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2562 ไม่ระบุเวลา อัตราตกสูงสุด 20 ดวงต่อชั่วโมง
NASA SKYCAL วันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2562 เวลา 06:12 น. อัตราตกสูงสุด 20 ดวงต่อชั่วโมง
ล่าสุด ค.ศ. 2017 พบดาวตก 30 ดวงต่อชั่วโมง
จุดกระจาย α = 95◦ , δ = +16◦ กลุ่มดาวนายพราน (Orion)
22 ตุลาคม 2562 จุดกระจายขึ้น 22:18 น. ทิศตะวันออก มุมทิศ 73 องศา จุดกระจายตก 11:10 น.
ดวงจันทร์ข้างแรม 9 ค่ำ ขนาด 47% ดวงจันทร์ขึ้น 00:05 น. ดวงจันทร์ตก 13:35 น.
ดวงอาทิตย์ขึ้น 06:19 น. ดวงอาทิตย์ตก 17:56 น.
ความเร็ว 66 กิโลเมตรต่อวินาที ดัชนีความสว่าง 2.5 เกิดจากดาวหางฮัลเลย์ (1P/Halley)
ค.ศ. 2007 เคยมีดาวตกมากถึง 90 ดวงต่อชั่วโมง
!19
ฝนดาวตกสิงโต (Leonids ชื่อย่อ LEO) ลำดับที่ 013
วันที่ 6-30 พฤศจิกายน 2562
มากที่สุด IMO วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562 เวลา 05:30 น. อัตราตกสูงสุด 10-20 ดวงต่อชั่วโมง
NASA SKYCAL วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562 เวลา 12:15 น. อัตราตกสูงสุด 15 ดวงต่อชั่วโมง
ล่าสุด ค.ศ. 2017 พบดาวตก 22 ดวงต่อชั่วโมง
จุดกระจาย α = 152◦ , δ = +22◦ กลุ่มดาวสิงโต (Leo)
18 พฤศจิกายน 2562 จุดกระจายขึ้น 00:17 น. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มุมทิศ 67 องศา จุดกระจายตก 13:23 น.
ดวงจันทร์ข้างแรม 7 ค่ำ ขนาด 63% ดวงจันทร์ขึ้น 23:00 น. ดวงจันทร์ตก 11:32 น.
ดวงอาทิตย์ขึ้น 06:32 น. ดวงอาทิตย์ตก 17:45 น.
ความเร็ว 71 กิโลเมตรต่อวินาที ดัชนีความสว่าง 2.5 เกิดจากดาวหาง 55P/Tempel–Tuttle
เคยเกิดพายุฝนดาวตกสิงโตเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1833 ประมาณว่ามีอัตราดาวตกมากกว่า 34,640 ดวงต่อชั่วโมง เป็นเหตุ
การณ์ที่ทำให้คนหันมาสนใจฝนดาวตก ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) มีข่าวเรื่องพายุฝนดาวตกสิงโต ทำให้คนไทยเริ่มรู้จักฝนดาวตก พายุ
ฝนดาวตกสิงโตจะเกิดทุก 33 ปี โดยประมาณ ครั้งสุดท้าย ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) และ 2001 มีดาวตก 3,000 ดวงต่อชั่วโมง
!20
ฝนดาวตกแอลฟายูนิคอร์น (α-Monocerotids หรือ Alpha Monocerotids ชื่อย่อ AMO) ลำดับที่ 246
วันที่ 15-25 พฤศจิกายน 2562
มากที่สุด IMO วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562 เวลา 13:00 น. อัตราตกสูงสุด 5-400 ดวงต่อชั่วโมง
NASA SKYCAL ไม่มีข้อมูล
ล่าสุด ค.ศ. 2017 พบดาวตก 7 ดวงต่อชั่วโมง
จุดกระจาย α = 117◦ , δ = +01◦ กลุ่มดาวยูนิคอร์น (Monoceros)
22 พฤศจิกายน 2562 กลุ่มดาวยูนิคอร์นขึ้น 21:10 น. ทิศตะวันออก มุมทิศ 92 องศา กลุ่มดาวยูนิคอร์นตก 09:11 น.
ดวงจันทร์ข้างแรม 11 ค่ำ ขนาด 28% ดวงจันทร์ขึ้น 02:00 น. ดวงจันทร์ตก 14:40 น.
ดวงอาทิตย์ขึ้น 06:34 น. ดวงอาทิตย์ตก 17:45 น.
ความเร็ว 65 กิโลเมตรต่อวินาที ดัชนีความสว่าง 2.4 ยังไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร
ปกติมีดาวตกน้อย 5 ดวงต่อชั่วโมง แต่บางปีจะมากและมีลักษณะพิเศษคือ เกิดดาวตกมากอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ เหมือนการ
ระเบิดหรือพุ่งทะลักออกมา (outburst) ในปี ค.ศ. 1995 มีอัตราดาวตกมากถึง 420 ดวงต่อชั่วโมง ติดต่อกัน 5 นาที
!21
ฝนดาวตกท้ายเรือ-ใบเรือ (Puppid-Velids ชื่อย่อ PUP) ลำดับที่ 301
วันที่ 1-15 ธันวาคม 2562
มากที่สุด IMO วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2562 เวลาไม่ระบุ อัตราตกสูงสุด 10 ดวงต่อชั่วโมง
NASA SKYCAL ไม่มีข้อมูล
ล่าสุด ค.ศ. 2017 พบดาวตก 20 ดวงต่อชั่วโมง
จุดกระจาย α = 123◦ , δ = −45◦ ระหว่างกลุ่มดาวท้ายเรือ (Puppis) และกลุ่มดาวใบเรือ (Vela)
7 ธันวาคม 2562 กลุ่มดาวใบเรือขึ้น 00:29 น. ทิศตะวันออกเฉียงใต้ มุมทิศ 141 องศา กลุ่มดาวใบเรือตก 09:37 น.
ดวงจันทร์ข้างขึ้น 11 ค่ำ ขนาด 78% ดวงจันทร์ขึ้น 14:31 น. ดวงจันทร์ตก 02:13 น.
ดวงอาทิตย์ขึ้น 06:43 น. ดวงอาทิตย์ตก 17:46 น.
ความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อวินาที ดัชนีความสว่าง 2.9 ยังไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร
!22
ฝนดาวตกคนคู่ (Geminids ชื่อย่อ GEM) ลำดับที่ 004
วันที่ 4-17 ธันวาคม 2562
มากที่สุด IMO วันเสาร์ที่ 14 เวลา 09:00 น. - วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562 เวลา 06:00 น. อัตราตกสูงสุด 140 ดวงต่อชั่วโมง
NASA SKYCAL วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562 เวลา 01:25 น. อัตราตกสูงสุด 120 ดวงต่อชั่วโมง
ล่าสุด ค.ศ. 2017 พบดาวตก 136 ดวงต่อชั่วโมง
จุดกระจาย α = 112◦ , δ = +33◦ กลุ่มดาวคนคู่ (Gemini)
14 ธันวาคม 2562 จุดกระจายขึ้น 19:33 น. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มุมทิศ 55 องศา จุดกระจายตก 09:21 น.
ดวงจันทร์ 14 ธันวาคม 2562 ข้างแรม 3 ค่ำ ขนาด 93% ดวงจันทร์ขึ้น 19:52 น. ดวงจันทร์ตก 08:31 น.
ดวงอาทิตย์ขึ้น 06:47 น. ดวงอาทิตย์ตก 17:48 น.
ความเร็ว 35 กิโลเมตรต่อวินาที ดัชนีความสว่าง 2.6 เกิดจากดาวเคราะห์น้อย 3200 Phaethon
!23
ฝนดาวตกหมีเล็ก (Ursids ชื่อย่อ URS) ลำดับที่ 015
วันที่ 17-26 ธันวาคม 2562
มากที่สุด IMO วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2562 เวลา 10:00 น. อัตราตกสูงสุด 10-50 ดวงต่อชั่วโมง
NASA SKYCAL วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2562 เวลา 10:00 น. อัตราตกสูงสุด 10 ดวงต่อชั่วโมง
ล่าสุด ค.ศ. 2017 พบดาวตก 26 ดวงต่อชั่วโมง
จุดกระจาย α = 217◦ , δ = +76◦ กลุ่มดาวหมีเล็ก (Ursa Minor)
23 ธันวาคม 2562 จุดกระจายอยู่บนท้องฟ้าทิศเหนือตลอดเวลา
ดวงจันทร์ข้างแรม 12 ค่ำ ขนาด 13% ดวงจันทร์ขึ้น 03:48 น. ดวงจันทร์ตก 15:30 น.
ดวงอาทิตย์ขึ้น 06:52 น. ดวงอาทิตย์ตก 17:52 น.
ความเร็ว 33 กิโลเมตรต่อวินาที ดัชนีความสว่าง 2.8 เกิดจากดาวหาง 8P/Tuttle
ค.ศ. 1945 เคยมีดาวตกมากถึง 169 ดวงต่อชั่วโมง และปี 1986 มีถึง 171 ดวงต่อชั่วโมง
กราฟฝนดาวตกหมีเล็ก ค.ศ. 2017 http://www.imo.net/members/imo_live_shower?shower=URS&year=2017
!24
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับดาวตกและฝนดาวตก
คำว่า “อุกกา” แปลว่า คบเพลิง, “บาต” แปลว่า ตก (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 หน้า 668 และ
1421) เมื่อรวมกัน “อุกกาบาต” แปลว่า คบเพลิงตก คือ แสงสว่างที่ตกลงมาจากอากาศ ดังนั้น “อุกกาบาต” จึงมีความหมายเดียวกับ
“ดาวตก” และ “ผีพุ่งไต้” สำหรับภาษาอังกฤษคำว่า meteor มาจากภาษากรีก meteōros แปลว่าแขวนอยู่ในอากาศ
แผนที่แสดงดาวตกลูกไฟที่ตรวจจับได้โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ 15 เมษายน 1988 – 25 กันยายน 2018
ที่มา Center for Near Earth Object Studies (CNEOS) https://cneos.jpl.nasa.gov/fireballs/
!25
บางครั้งเราอาจโชคดีได้เห็น “ขบวนดาวตก (meteor procession)” เห็นดาวตกต่อกันเป็นขบวนยาว เกิดจากดาวตกที่เป็น
“ลูกไฟเฉี่ยวโลก (Earth-grazing fireball หรือ Earth-grazer)” แตกออกเป็นหลาย ๆ ชิ้น เป็นปรากฏการณ์พิเศษที่นาน ๆ จะเกิดขึ้น
สักครั้ง ตัวอย่างเช่น ขบวนดาวตกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1783 เห็นในประเทศอังกฤษ, วันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1860 เห็นใน
สหรัฐอเมริกา และวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1913 เห็นในแคนาดาและสหรัฐอเมริกา นอกจากขบวนดาวตกนี้แล้วอาจมีดาวตกที่ลงมา
เป็นฝูง (swarm) อีกด้วย โดยเฉพาะจากฝนดาวตกวัว (Taurids)
ภาพดาวตกที่เป็นลูกไฟ (fireball) ของฝนดาวตกคนคู่ (Geminids) ทะเลทราย Mojave, California สหรัฐอเมริกา
โดย Wally Pacholka ที่มา : http://apod.nasa.gov/apod/ap091217.html
ดาวตกที่เมือง Chelyabinsk ประเทศรัสเซีย วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 เวลาท้องถิ่น 09:20 น. ตรงกับเวลาประเทศไทย
10:20 น. เป็นดาวตกชนิดระเบิด (bolide) เห็นแสงสว่างจ้าในเวลากลางวัน และมีเสียงระเบิดดังมาก
NASA คำนวณว่าอุกกาบาตนี้มีขนาดประมาณ 15-17 เมตร น้ำหนัก 7,000 – 10,000 ตัน ความแรงของการระเบิดมากถึงเกือบ 500
กิโลตัน (ประมาณ 30 เท่าของระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ. 1945)
เหตุการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บมากถึง 1,158 คน ส่วนใหญ่เกิดจากเศษกระจกหน้าต่างที่แตกเพราะแรงอัดอากาศกระแทก
ที่มาภาพ จากวีดิโอ โดย fed potapow https://www.youtube.com/watch?v=PPltv-9Tfvg
!26
มีผู้พบดาวตกชนิดระเบิดในประเทศไทย บริเวณกรุงเทพฯ และหลายจังหวัด
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2558 เวลา 08:40 น. และวันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 เวลา 20:40 น. ไม่มีผู้บาดเจ็บ
ภาพดาวตกชนิดระเบิด วันที่ 7 กันยายน 2558 เวลาในภาพ 08:57:42 น. (?) ทางด่วน แยกบางนา กรุงเทพฯ
ที่มาภาพ จากวีดิโอ โดย Tee aka Keng https://www.youtube.com/watch?v=odG_VDqwEXA
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ http://www.narit.or.th/index.php/pr-news/2236-fireball-september-2558-narit
ภาพดาวตกชนิดระเบิด วันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 เวลา 20:40 น. นนทบุรี
ที่มาภาพ จากวีดิโอ โดย voravud santiraveewan https://www.youtube.com/watch?v=tx7K1JtyBwQ
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ http://www.narit.or.th/index.php/pr-news/2306-fireball-2-november-2558
!27
ภาพหลุมอุกกาบาตบาริงเจอร์ (Barringer Crater) ในรัฐ Arizona ประเทศสหรัฐอเมริกา เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 กิโลเมตร
เกิดจากการชนของอุกกาบาตเมื่อประมาณ 49,000 ปีก่อน
ที่มา : http://apod.nasa.gov/apod/ap971117.html
ภาพดวงจันทร์ ด้านใกล้โลก (ซ้าย) และไกลโลก (ขวา) ถ่ายจากยานอวกาศ Lunar Reconnaissance Orbiter (LRO)
ภาพซ้าย ธันวาคม 2010, ภาพขวา ช่วงปี 2009-2011 จะเห็นหลุมอุกกาบาตมากมาย โดยเฉพาะด้านไกล ที่ไม่สามารถมองจากโลกได้
ที่มา ภาพซ้าย http://photojournal.jpl.nasa.gov/catalog/PIA14011
ภาพขวา http://photojournal.jpl.nasa.gov/catalog/PIA14021
!28
ภาพขบวนดาวตก คืนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1913 เมือง Toronto ประเทศแคนาดา วาดโดย Gustav Hahn
ที่มา : The Royal Astronomical Society of Canada
http://www.rasc.ca/meteor-procession-1913
!29
ความเร็วของดาวตก
องค์การอุกกาบาตสากล (IMO) ได้แบ่งความเร็วของดาวตกไว้ดังนี้
• ช้ามาก 11 กิโลเมตรต่อวินาที
• ปานกลาง 40 กิโลเมตรต่อวินาที
• เร็วมาก 72 กิโลเมตรต่อวินาที
!30
ความสว่างของดาวตก
ใช้เกณฑ์เดียวกับค่าความสว่างของดาวคือใช้โชติมาตรหรืออันดับความสว่าง (magnitude) โดยใช้โชติมาตรปรากฏ
(apparent magnitude) คือความสว่างที่ปรากฏให้เราเห็น การแบ่งโชติมาตรนั้นเริ่มโดยฮิปพาร์คัส (Hipparchus) นักดาราศาสตร์
ชาวกรีก เมื่อประมาณ 2 พันกว่าปีก่อน ต่อมาภายหลังมีผู้ปรับปรุงให้ละเอียดขึ้น ตัวเลขโชติมาตรนั้นยิ่งน้อยยิ่งสว่างมาก
ตัวอย่างเช่น โชติมาตร 1 สว่างกว่าโชติมาตร 2 โชติมาตรยิ่งติดลบยิ่งสว่าง
ตัวอย่างเช่น โชติมาตร -2 สว่างกว่าโชติมาตร -1 ในแผนที่ดาวนิยมบอกความสว่างหรือโชติมาตรด้วยขนาดของดาว
!31
สีดาวตก
นอกจากสีขาวแล้ว ดาวตกมีสีอื่น ๆ ได้ด้วย ขึ้นกับส่วนประกอบของดาวตกนั้น
• สีม่วงเกิดจากโพแทสเซียม (potassium)
• สีน้ำเงินหรือสีเขียวเกิดจากทองแดง (copper)
• สีเหลืองเกิดจากเหล็ก (iron)
• สีแสดหรือสีเหลืองเกิดจากโซเดียม (sodium)
• สีแดงเกิดจากซิลิเกต (silicate)
!32
เสียงดาวตก
บางครั้งเราอาจได้ยินเสียงของดาวตกด้วย โดยเฉพาะดาวตกขนาดใหญ่ที่เป็นลูกไฟ (fireball) เป็นเสียงหวีด ฟังดูน่ากลัว
หน่อย (อาจเพราะเหตุนี้คนโบราณเลยเรียกดาวตกว่า “ผีพุ่งไต้) ตัวผมเองเคยได้ยินเสียงดาวตกฝนดาวคู่ เมื่อวันที่ 14-15 ธันวาคม
2550 บนดอยปุย เชียงใหม่
Thomas Ashcraft จากหอดูดาว New Mexico สหรัฐอเมริกา ถ่ายวีดิโอที่มีเสียงดาวตกของฝนดาวตกคนคู่ (Geminids)
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2013 เวลาสากล (UT) 05:22:24 หรือตรงกับเวลาประเทศไทย 12:22:24 น. ชมและฟังได้ที่
www.spaceweather.com/images2013/14dec13/FBsDec142013_052224utGEM61_Ashcraft.mp4?
PHPSESSID=q5gd6l6jlovsbk9cannmli0hf4
!33
ฝนดาวตก (meteor shower)
เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดดาวตกในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ละดวงเหมือนพุ่งออกมาจากจุดเดียวกันบนท้องฟ้า เรียกว่า “จุดกระจาย
(radiant)” บางครั้งดาวตกมากกว่า 1,000 ดวงต่อชั่วโมง เรียกว่า “พายุดาวตก (meteor storm)” ฝนดาวตกเกิดจากการที่โลกผ่าน
ธารสะเก็ดดาว (meteoroid stream) ซึ่งเกิดจากซากดาวหางหรือดาวเคราะห์น้อยที่เคยผ่านมา ฝนดาวตกแต่ละกลุ่มมีช่วงเวลาการ
เกิดประจำปี จึงมีการตั้งชื่อฝนดาวตก โดยใช้ชื่อกลุ่มดาวหรือดาวสว่างบริเวณจุดกระจายเป็นชื่อฝนดาวตก ภาษาอังกฤษถ้าเป็นคำนาม
จะใช้ “ids” คำคุณศัพท์ใช้ “id” ต่อท้าย เช่น ฝนดาวตกคนคู่ (Geminids หรือ Geminid shower ใช้ตัวอักษรย่อ GEM)
มีจุดกระจายในกลุ่มดาวคนคู่ (Gemini)
ภาพฝนดาวตกคนคู่ (Geminids) พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่
14-15 ธันวาคม 2558 เวลา 21:26 – 04:37 น. โดยคุณกีรติ คำคงอยู่ (Antares StarExplorer) ที่มา: https://www.facebook.com/
AStarexplorer/photos/a.1432676640365461.1073741828.1432619180371207/1518929131740211/?type=3&theater
ภาพ perspective ถ่ายโดย June Ruivivar เมื่อปี 2004 การที่เราเห็นฝนดาวตกมีลักษณะเหมือนพุ่งกระจายออกมาจุด ๆ หนึ่งนั้น
เป็นผลจากมุมมองแบบ perspective (ทัศนมิติ) สิ่งที่อยู่ใกล้เหมือนพุ่งกระจายออกมาจากจุดที่อยู่ไกล
ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/Perspective_(graphical)
!34
ภาพวงโคจรของดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟตัน (3200 Phaeton) ที่ทำให้เกิดฝนดาวตกคนคู
่
ที่มา : http://ssd.jpl.nasa.gov/sbdb.cgi?sstr=3200;orb=1;cov=0;log=0;cad=0#orb
ภาพจำลองการเกิดฝนดาวตกคนคู่ (Geminids) ค.ศ. 2012 จากเว็บไซต์ Sky & Telescope
ที่มา : https://www.skyandtelescope.com/astronomy-news/observing-news/geminid-meteors-to-peak-the-night-of-
dec-13th/
!35
ภาพจำลองการเกิดฝนดาวตกคนคู่ (Geminids) ปี 2550 โดย วรเชษฐ์ บุญปลอด สมาคมดาราศาสตร์ไทย
จะเห็นดาวตกพุ่งออกจากจุดกระจาย (radiant) บริเวณกลุ่มดาวคนคู่ (Gemini) ไปทั่วท้องฟ้า
ผมเติมลูกศรและคำบรรยายเพิ่มเติมเพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างดาวตกของฝนดาวตกคนคู่ กับดาวตกทั่วไป
ลูกศรสีน้ำเงิน ด้านบนของภาพแสดงดาวตกของฝนดาวตกคนคู่ พุ่งออกจากจุดกระจาย (จุดศูนย์กลางหรือจุดแผ่รัศมี) กลุ่มดาวคนคู่
ลูกศรสีแดง ด้านล่างขวา แสดงดาวตกอื่นทั่วไป มาจากทิศตะวันตกไปทิศใต้ (ดาวตกทั่วไปมาจากทิศไหนก็ได้)
ที่มา : http://thaiastro.nectec.or.th/skyevnt/meteors/2007geminids.html
!36
ข้อมูลล่าสุด 6 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 ศูนย์ข้อมูลอุกกาบาต สหพันธ์ดาราศาสตร์สากล International Astronomical
Union (IAU) Meteor Data Center (MDC) มีรายชื่อฝนดาวตกทั้งหมด 957 กลุ่ม ได้รับการยืนยันแล้ว (established) 112 กลุ่ม
รายชื่อฝนดาวตก เฉพาะที่ได้รับการยืนยันแล้ว (established) 112 กลุ่ม
ที่มา http://pallas.astro.amu.edu.pl/~jopek/MDC2007/Roje/roje_lista.php?corobic_roje=1&sort_roje=0
!37
ประวัติการสังเกตฝนดาวตก
ภาพพายุฝนดาวตกสิงโต ค.ศ. 1833 ประเทศสหรัฐอเมริกา (ภาพทำขึ้นภายหลังเมื่อปี ค.ศ. 1889 ลงในหนังสือ Bible Readings for
the Home Circle) เป็นเหตุการณ์สำคัญทำให้มีผู้ศึกษาเรื่องฝนดาวตก ที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/Leonids
!38
ภาพ Denison Olmsted (ค.ศ. 1791-1859) ที่มา Smithsonian Libraries
http://www.sil.si.edu/DigitalCollections/hst/scientific-identity/cf/display_results.cfm?alpha_sort=O
ภาพบทความเรื่อง "Observations on the Meteors of November 13th, 1833 ของ Denison Olmsted
ในวารสาร The American journal of science and arts เล่มที่ 26 ปี 1834 หน้า 164
ที่มา https://www.biodiversitylibrary.org/page/30988943#page/186/mode/1up
!39
ในปี ค.ศ. 1866 โจวานนี สกาปาเรลี (Giovanni Schiaparelli) นักดาราศาสตร์ชาวอิตาเลียน ได้แสดงให้เห็นว่า
ดาวหางเทมเพล-ทัตเติล (55P/Tempel–Tuttle) ที่เพิ่งถูกค้นพบไม่นานในตอนนั้น เป็นที่มาของฝนดาวตกสิงโต
ภาพ Giovanni Schiaparelli (ค.ศ. 1835-1910) ที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/Giovanni_Schiaparelli
จากนั้นมาก็มีการศึกษาเรื่องฝนดาวตกมากขึ้น มีการจัดตั้งองค์กรเช่น
• สมาคมอุกกาบาตอเมริกัน (American Meteor Society ย่อว่า AMS) ในปี ค.ศ. 1911 https://www.amsmeteors.org/
• องค์การอุกกาบาตสากล (International Meteor Organization ย่อว่า IMO) ในปี ค.ศ. 1988 https://www.imo.net/
มีปฏิทินฝนดาวตกประจำปี ข้อมูลและกราฟจำนวนฝนดาวตกต่าง ๆ
!40
สำหรับประเทศไทย ผู้คนเริ่มรู้จักและให้ความสนใจฝนดาวตกเมื่อปี พ.ศ. 2541 เมื่อมีข่าวการกลับมาของพายุฝนดาวตก
สิงโตในปีนั้น ปัจจุบันเรามักได้ยินข่าวทางสื่อมวลชนต่าง ๆ ทั้งหนังสือพิมพ์, โทรทัศน์ ฯลฯ กันมากขึ้น แม้ประเทศไทยไม่มีองค์กรหรือ
หน่วยงานที่ศึกษาฝนดาวตกโดยเฉพาะ แต่ยังมีเว็บไซต์ที่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับฝนดาวตก เช่น
!41
ภาพปกหนังสือ พายุฝนดาวตก จัดพิมพ์โดย ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา กรมการศึกษานอกโรงเรียน
กระทรวงศึกษาธิการ พิมพ์ครั้งที่ 2 เดือนตุลาคม 2541 เป็นปีที่มีกระแสข่าวฝนดาวตกสิงโตครึกโครม และทำให้คนไทยเริ่มรู้จัก
ฝนดาวตกกันแพร่หลายในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
!42
ประเภทฝนดาวตก
เราอาจแบ่งฝนดาวตกเป็น 2 ประเภท ตามจำนวนดาวตกคือ
!43
วันเวลา
!44
ดวงจันทร์
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะเห็นดาวตกได้มากหรือน้อยคือดวงจันทร์ หากเป็นวันจันทร์เพ็ญหรือวันเดือนเพ็ญ (full moon)
ขึ้น 15 ค่ำ (บางครั้งอาจเป็นวันแรม 1 ค่ำ) ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่างรบกวนการดูดาวตกตลอดทั้งคืน
พอถึงวันจันทร์ดับหรือวันเดือนดับ (new moon) วันแรม 14 หรือ 15 ค่ำ หรือขึ้น 1 ค่ำ จะมองไม่เห็นดวงจันทร์ หรือไม่มี
แสงจันทร์รบกวนเลย
!45
ภาพซ้ายแสดงดวงจันทร์ในเดือนมกราคม 2557 ที่มา https://stardate.org/nightsky/moon
ภาพขวาเป็นปฏิทินเดือนเดียวกัน ที่มา https://www.myhora.com/home.aspx
วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นวันจันทร์ดับ (new moon) , วันที่ 8 จันทร์ครึ่งดวง (first quarter) , วันที่ 16 เป็นวัน
จันทร์เพ็ญ (full moon) , วันที่ 24 จันทร์ครึ่งดวง (last quarter) และวันที่ 31 เป็นวันจันทร์ดับ อีกครั้ง
!46
สถานที่
1. มืด ไม่มีแสงไฟรบกวน ยิ่งมืดก็ยิ่งมีโอกาสเห็นดาวตกจำนวนมากขึ้น เพราะดาวตกบางดวงอาจสว่างไม่มาก
3. เงียบ เพราะอาจได้ยินเสียงดาวตก
ภาพแสงไฟจากเมืองบริเวณรอบกรุงเทพฯ ปี 2555 เป็นมลภาวะทางแสง (light pollution) รบกวนการดูดาวตก
ที่มา Blue Marble Navigator – Night lights 2012 https://blue-marble.de/nightlights/2012
!47
การดูฝนดาวตก
1. มองด้วยตาเปล่าดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น กล้องดูดาว, กล้องดูนก (กล้องสายตา) ฯลฯ
2. ก่อนเริ่มดูอาจหลับตาสักพัก เพื่อปรับสายตาให้คุ้นเคยกับความมืด
4. สำหรับไฟฉายอาจใช้กระดาษแก้วสีแดงปิดไว้เพื่อลดแสงรบกวน (สีแดงรบกวนสายตาน้อยกว่าสีอื่น)
6. อาจดัดแปลงมือถือหรือแท็บเล็ตให้เป็นไฟฉายสีแดงได้โดยเปิดภาพที่มีแต่สีแดง ผมได้ทำภาพสีแดงไว้ให้
สามารถดาวน์โหลด (ฟรี) ได้ที่ Microsoft OneDrive https://1drv.ms/u/s!AqZMZTCy63wqqQD2C0RU3iVsfsbt
7. ไม่ควรใช้แฟลชถ่ายภาพ
8. ไม่ควรก่อกองไฟ เพราะจะมีแสงและควันรบกวน
!48
15. ดาวต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะเคลื่อนที่เหมือนดวงอาทิตย์คือ ขึ้นทางฝั่งทิศตะวันออก และตกทางฝั่งทิศตะวันตก
เราจะเห็นดาวเคลื่อนที่ตลอดเวลาทั้งคืน จุดกระจายฝนดาวตกก็เคลื่อนที่ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน
ดาวดวงเดียวที่เห็นอยู่กับที่คือดาวเหนือ (Polaris) เนื่องจากแกนโลกชี้ไปดาวเหนือ จะเห็นดาวต่าง ๆ
ทางฝั่งทิศเหนือเคลื่อนที่เป็นวงกลมรอบดาวเหนือ
21. อาจใช้ผ้าพลาสติกผืนใหญ่คลุมตัวเพื่อป้องกันน้ำค้าง
22. เสื้อกันฝนสามารถกันหนาวและกันน้ำค้างด้วย
!49
อุปกรณ์
1. นาฬิกา อาจใช้โทรศัพท์มือถือแทน
2. ไฟฉาย อาจใช้โทรศัพท์มือถือแทน
3. ถ่านไฟฉาย
4. กระดาษแก้วสีแดง สำหรับลดแสงไฟฉาย
5. เสื่อ หรือเก้าอี้ผ้าใบ
7. หมอน
10. ผ้าพันคอ
11. ถุงมือ
12. ถุงเท้า
13. ผ้าห่ม
14. ถุงนอน
!50
การถ่ายภาพฝนดาวตก
1. ไม่ควรหมกมุ่นกับการถ่ายภาพมากเกินไป ควรหาโอกาสรื่นรมย์กับการชมฝนดาวตกด้วย
5. ใช้ขาตั้งกล้อง
8. ใช้เลนส์มุมกว้าง
9. อาจเปิดรูรับแสงกว้างสุด
16. อาจทดลองเปลี่ยนค่า White Balance จากปกติ Auto เป็นอย่างอื่นเช่น Day Light หรือ Tungsten
17. เตรียมแบตเตอรี่และการ์ดความจำสำรอง
20. อาจถ่ายวีดิโอไว้ด้วย
!52
กลุ่มดาว (constellation)
ดาวบนท้องฟ้ามีจำนวนมาก เพื่อความสะดวกในการศึกษา จึงมีผู้แบ่งดาวเป็นกลุ่มต่าง ๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ ชนชาติต่าง ๆ
อาจแบ่งและเรียกชื่อแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น คนไทยภาคกลางเรียกว่ากลุ่มดาว “จระเข้” คนไทยภาคเหนือ, ภาคอีสาน
และคนลาวเรียกว่า “ช้าง” คนอินเดียเรียกว่า “ฤษีเจ็ดตน” คนจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี และเวียดนาม เรียกว่า “ทัพพี” คนอเมริกันเรียกว่า
“กระบวยตักน้ำ” คนอังกฤษเรียกว่า “คันไถ” (คนละกลุ่มกับดาวไถของไทย) หรือ “เกวียน” คนกรีกโบราณเรียกว่า “หมีใหญ่” ฯลฯ
ภาพจากโปรแกรม Stellarium
!53
เนื่องจากโลกหมุนรอบตัวเองจากทิศตะวันตกไปตะวันออก เราจึงเห็นดาวต่าง ๆ เคลื่อนที่สวนทางมาในทิศตรงกันข้าม
(คล้ายเวลานั่งรถแล้วเห็นต้นไม้หรืออาคารต่าง ๆ เคลื่อนที่เข้ามา ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เราเป็นฝ่ายเคลื่อนที่ต่างหาก) เห็นดาวต่าง ๆ เคลื่อน
ที่จากทิศตะวันออกไปตะวันตก เราเห็นดวงอาทิตย์, ดวงจันทร์ และดาวอื่น ๆ ขึ้นจากด้านทิศตะวันออกไปตะวันตก
จากภาพตัวอย่างด้านล่างเป็นท้องฟ้าในคืนวันที่ 1 มกราคม 2557 ตั้งแต่เวลา 20:00 – 23:00 น. จะเห็นดาวต่าง ๆ เคลื่อนที่จาก
ทิศตะวันออกไปตะวันตก หรือจากซ้ายไปขวา ลูกศรสีแดงแสดงการเคลื่อนที่ของดาวพฤหัสบดี (Jupiter) และกลุ่มดาวคนคู่ (Gemini)
ภาพดัดแปลงจาก http://www.heavens-above.com
!54
ในขณะที่โลกหมุนรอบตัวเอง โลกก็จะโคจรรอบดวงอาทิตย์ไปด้วย ทำให้แต่ละคืนในเวลาเดียวกัน เราจะเห็นดาวเคลื่อนจาก
ตำแหน่งเดิม โดยดาวฤกษ์จะขึ้นเร็วขึ้นประมาณคืนละ 1 องศา หรือ 4 นาที และทำให้เราเห็นกลุ่มดาวบนท้องฟ้าในเวลาเดียวกันของ
แต่ละเดือนแตกต่างกันไป เมื่อครบรอบ 1 ปี โลกโคจรกลับมาตำแหน่งเดิม เราก็จะเห็นกลุ่มดาวบนท้องฟ้าเหมือนเดิมอีกครั้ง ตัวอย่าง
เช่น วันที่ 1 มกราคม 2557 เวลา 20:00 น. (ภาพซ้ายบน) จะเห็นกลุ่มดาวบนท้องฟ้าเหมือนวันที่ 1 มกราคม 2558 เวลา 20:00 น.
(ซ้ายล่าง) และต่างจากท้องฟ้าวันที่ 1 กรกฎาคม 2557 เวลา 20:00 น. (ขวาบน) ดวงจันทร์ (Moon) และดาวเคราะห์ต่าง ๆ เช่น
ดาวอังคาร (Mars), ดาวพฤหัสบดี (Jupiter), ดาวศุกร์ (Venus), ดาวเสาร์ (Saturn) ฯลฯ จะไม่อยู่ประจำที่เหมือนกลุ่มดาวฤกษ์
ภาพดัดแปลงจาก http://www.heavens-above.com
!55
แอปดูฝนดาวตก
ปัจจุบันมีแอปมือถือและแท็บเล็ตสำหรับดูดาวและดูฝนดาวตกหลายแอป ในที่นี้ขอยกแอปที่ผมใช้ประจำคือ
Celestron SkyPortal (ดาวน์โหลดฟรี) โดย บริษัท Celestron ผู้ผลิตกล้องโทรทรรศน์ (กล้องดูดาว) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
Celestron SkyPortal 3.0.1.2 ใน iPad 5th generation (2017) จำลองการเกิดฝนดาวตกควอดแดรนต์ (Quadrantids)
วันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 2019 เวลา 04:00 น.
!56
อ้างอิง
หนังสือ
เว็บไซต์
3. สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ http://www.narit.or.th
4. สมาคมดาราศาสตร์ไทย http://thaiastro.nectec.or.th
8. Heavens-Above http://www.heavens-above.com
!57
9. International Astronomical Union (IAU) Meteor Data Center (MDC)
http://pallas.astro.amu.edu.pl/~jopek/MDC2007/index.php
15. NASA Worldview - Black Marble 2016 แสงไฟบริเวณประเทศไทย 8 ธันวาคม 2016 https://goo.gl/Mkvvy5
16. Olmsted, Denison. "Observations on the Meteors of November 13th, 1833". The American journal of
science and arts v.25, 1833-1834. p.363–411.
https://www.biodiversitylibrary.org/page/30964366#page/383/mode/1up
17. Olmsted, Denison. "Observations on the Meteors of November 13th, 1833" (continued). The American
journal of science and arts v.26, 1834. p.132-174.
https://www.biodiversitylibrary.org/page/30988911#page/154/mode/1up
!58
หนังสือ โดย พงศธร กิจเวช (อัฐ) เรียงตามลำดับเวลาที่พิมพ์ครั้งแรก
6. คู่มือดูฝนดาวตก ปี 2562 พิมพ์ 1 ตุลาคม 2561 จำนวน 60 หน้า ปรับปรุงทุกปี เริ่มพิมพ์ครั้งแรก 10 ธันวาคม 2555
บทความ
!59
11. ลัดดาแลนด์ (สถานที่จริง) : เวลาและความเปลี่ยนแปลง พิมพ์ครั้งแรก 2 มิถุนายน 2554, พิมพ์ครั้งที่ 3 ปรับปรุง
23 มิถุนายน 2554 จำนวน 39 หน้า
12. การทับศัพท์ halo แบบต่าง ๆ เป็นภาษาไทย พิมพ์ครั้งแรก 22 มิถุนายน 2554, พิมพ์ครั้งที่ 7 ปรับปรุง 24 มิถุนายน
2555 จำนวน 11 หน้า
13. การแก้ปัญหาภาษาไทยในโปรแกรม Stellarium พิมพ์ครั้งแรก 10 กรกฎาคม 2554, พิมพ์ครั้งที่ 3 ปรับปรุงและเพิ่มเติม
14 กุมภาพันธ์ 2556 จำนวน 25 หน้า
14. การดูเมฆเบื้องต้น พิมพ์ครั้งแรก 9 กันยายน 2554, พิมพ์ครั้งที่ 4 ปรับปรุง 24 มิถุนายน 2555 จำนวน 57 หน้า
!60