Professional Documents
Culture Documents
้ งต้นเกีย่ วกับการเรียนเนติ
1.วิธีการเรียนโดยทัว่ ไป
่ นึ่ง : วิธีการเรียนโดยทัว่ ไป
บททีห
1. บททั่วไป
การเรียนและสอบเนติดาเนินการโดยสานักอบรมกฎหมายแห่งเนติบณ ั ทิตสภา
การเรียนนัน้ ก็ไปเรียนเพือ
่ ทีจ่ ะเข้าสอบวัดความรูร้ ะดับเนติบณั ทิต ซึง่ จะเข้าเรียน
หรือไม่เข้าเรียนแล้วไปสอบเลยก็ได้ครับ ไม่มก ี ารเช็คชือ่ ใดๆ ทัง้ สิน
้
การเรียนการสอน 1 ปี การศึกษาจะแบ่งเป็ น 2 ภาคครับ (ภาคต้นและภาคปลาย)
โดยมีสาขาวิชาทีต ่ อ
้ งเก็บ 4 สาขา (โดยเรียกกันทั่วไปว่า 4 ขา) ได้แก่
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายอาญา ซึง่ จะเรียนและสอบในภาคต้น และ
กฎหมายวิธีพจิ ารณาความแพ่ง กฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา
ซึง่ จะเรียนและสอบในภาคปลายครับ
2. การแต่งกาย
3. การสมัคร
ราคาในการสมัครเป็ นนักศึกษาอยูท
่ ป
ี่ ระมาณสองพันบาท สมัครสอบประมาณกลุม
่ วิชาละ
600 บาท ส่วนราคาสมัครเรียนภาคคา่ หนึ่งพันบาท
4. เวลาในการเรียน
การเรียนเนติบ ัณทิตนัน
้ โดยหลักจะเรียนกันตอนกลางวัน เรียกว่า ภาคปกติ 1 วัน มี 4
คาบ คาบละ 1 ชั่วโมง 40 นาที เริม ่ ตัง้ แต่ 8.00 เลิก 16.00 มีพกั ตอน 11.30-12.30
หน้าตาตารางก็ตามทีเ่ ห็นข้างล่างนี่ครับ
นอกจากนีจะมีการเรียนภาคคา่ ด้วยครับ คือเรียนตอนเย็น เวลา 17.00-20.00 ครับ
ซึง่ ก็ตอ
้ งสมัครเรียนภาคคา่ ต่างหากจากการสมัครเป็ นนักศึกษาและสมัครสอบ กล่าวคือ
ถ้าจะเข้าเรียนภาคกลางวันก็เข้าได้เลย ไม่มก ี ารเช็คบัตรอะไร แต่ถา้ เป็ นภาคคา่ ต้องสมัคร
เมือ่ สมัครแล้วก็จะได้บตั ร แล้วบางครัง้ ประตูทางเข้าก็จะตรวจว่ามีบตั รภาคคา่ ไหม
โดยเฉพาะต้นเทอม กับช่วงใกล้สอบก็จะตรวจบ่อยหน่ อยครับ ถ้าไม่มี คือ
ลืมเอามาก็ตอ ้ งไปทาบัตรชั่วคราว แต่ถา้ ไม่ได้สมัครก็จะเข้าห้องไม่ได้ครับ
โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าสมัครไปให้สน ิ้ เรือ
่ งเถอะครับ
เพราะตอนช่วงใกล้สอบทีจ่ ะมีการใบ้เมฆหมอกในชั่วโมงท้าย ๆ
ถ้าไม่มบ ี ตั รก็แย่หน่ อยครับ
5. คาบรรยาย
นอกจากนี้ในรวมคาบรรยาย จะมีบทบรรณาธิการ
ซึง่ ได้รวบรวมเอาฏีกาทีน ่ ่ าสนใจมาทาเป็ นรูปแบบคาถามคาตอบ
ซึง่ บางครัง้ ก็จะมีการนาเอาฏีกาเหล่านี้ไปออกข้อสอบด้วย
ขอแนะนาให้ตอ ้ งอ่านบทบรรณาธิการด้วยให้ได้
6. การสอบและข้อสอบ
แต่ถา้ ในข้อนัน
้ มีประเด็นน้อย และมีหลักกฎหมายไม่มาก ก็แยกอธิบายหลักกฎหมายก่อน
แล้วค่อยปรับบทไปทีละประเด็น หรือทีละข้อ ซึง่ ส่วนมากข้อสอบเนติจะมีประเด็นไม่มาก
ข้อละ 1-2 หรืออย่างมากไม่เกิน 3 (ส่วนมากก็ 2 มักมีการแยกเป็ น (ก) และ (ข)
จึงแนะนาการตอบข้อสอบแบบนี้มากกว่าครับ
มาตรา 58
(ก)………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…
ดังนัน
้ กรณี นาย ก. การทีศ
่ าลไม่อนุญาตให้รอ้ งสอดได้ จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
(ตอบคาตามคาถามเลย)
(ข)………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………
ดังนัน
้ กรณี นาย ข. การทีศ
่ าลไม่อนุญาตให้รอ้ งสอดได้ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(ตอบคาตามคาถามเลย)
จากเหตุผลทัง้ หมดตามทีไ่ ด้วน
ิ ิจฉัยไปแล้วข้างต้น สรุปได้วา่ (หรือ เห็นว่า) กรณี
(ก)การทีศ
่ าลไม่อนุญาตให้รอ้ งสอดได้ นัน้ ชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่กรณี
(ข)การทีศ่ าลไม่อนุญาตให้รอ้ งสอดได้ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ตอบแค่คาถามครับ
ไม่ควรตอบเกิน เพราะถ้าถูกก็แล้วไป แต่ถา้ ผิดจะถูกหักคะแนนได้ครับ)
้ ไปจึงจะผ่าน
ข้อสอบ ข้อละ 10 คะแนน รวม 100 คะแนน ต้องได้ 50 คะแนนขึน
49 ก็ตกนะครับ ไม่มก
ี ารปัด (หรือถีบ) ให้
1. การเข้าเรียนในห้อง
ข้อดีคอ
ื ถ้าตัง้ ใจเรียนแล้ว การกลับมาทบทวนจะทาได้งา่ ย
เพราะมันจะทาให้จาได้มากกว่า การทาความเข้าใจเอง
และก็จะทาให้ทราบว่าอาจารย์แต่ละท่านมีจุดทีเ่ น้น
ความสาคัญทีท ่ า่ นน่ าจะนาไปออกข้อสอบอยูต
่ รงไหนครับ
แต่ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคลด้วยครับ
ข้อเสียคือ การไปเรียนเนติมน ั ค่อนข้างไกล
อาหารการกินและสภาพแวดล้อมไม่ได้สะดวกสบายนักครับ
ก็มกั จะมีคนทีแ่ รกๆตัง้ ใจไว้วา่ จะไปเรียนทุกคาบ แต่ตอ
่ มาก็ถอดใจไปไม่ไหว
กลายเป็ นเบือ่ และเครียดแทน
2. การอ่านคาบรรยาย
การอ่านคาบรรยายนัน ้ ต้องอ่านบทบรรณาธิการให้ได้ครับ
ต้องมีขอ
้ สอบโผล่มาอยูใ่ นบทบรรณาธิการแน่ นอนทุกปี ครับ ไม่มากก็น้อย บางครัง้ ก็ 1-2
ข้อ แต่บางครัง้ ก็ประมาณ 3 ข้อต่อหนึ่งขาเลยทีเดียว ซึง่ นับว่าเยอะมาก
โดยวิธีเข้าเรียนและการอ่านคาบรรยายอาจทาผสมกันได้ครับ
บางวิชาชอบอาจารย์สอนก็เข้าเรียน บางวิชาไม่ชอบ
แต่มแ
ี นวโน้มการออกข้อสอบบ่อยก็อา่ นคาบรรยายเอา รวมๆกันไปครับ
3. การฟังเทป
ข้อดีคอื สะดวกสาหรับผูท
้ ไี่ ม่มเี วลาไปนั่งเรียน
แต่ยงั ไงก็ชอบการฟังอาจารย์สอนมากกว่าการอ่านหนังสือเอง ก็จะมีเอกชนจัดทา คือ
ไปนั่งอัดเทปมาให้ แล้วก็ลงในเน็ ต เราก็ไปเข้าไปสมัครเป็ นสมาชิก
แล้วก็โหลดมาฟังได้วนั ต่อวัน
4. การอ่านหนังสือ
เป็ นหนังสือทีพ
่ ยายามรวบรวมข้อสังเกตจากฎีกาต่างๆทุกฎีกาในเรือ ่ งนัน
้ ๆ
แล้วสรุปเป็ นประเด็นๆ เวลาอ่านก็อา่ นแค่หวั ข้อทีส่ รุปมาแล้วเป็ นประโยคสัน ้ ๆมาแล้ว
่ งในฎีกา ซึง่ ก็จะดีตรงทีไ่ ม่ตอ
แล้วถ้าไม่เข้าใจก็คอ่ ยอ่านเรือ ้ งอ่านฎีกาเต็ม ๆ
เค้าสรุปมาเป็ นประเด็นให้หมดแล้ว
ข้อเสีย คือ มันจะเยอะ และทุกเรือ่ ง ทุกมาตราจริง ๆ
โดยไม่มก ี ารเน้นอะไรให้เลยว่าตรงไหนสาคัญ แต่ก็เป็ นสิง่ ทีบ ่ างคนชอบมาก
ถึงขัน
้ บอกว่าอ่านแค่นี้ก็สอบผ่านได้ แต่โดยส่วนตัวพีว่ า่ จะใช้ได้ดีในภาคต้น คือ แพ่ง
อาญา ครับ โดยใช้กรณีทไี่ ม่ชอบเข้าเรียนของอาจารย์ทา่ นใดในวิชานัน ้ ๆเลย เช่น
ถ้าเรียนท่านอาจารย์เกียตริขจรแล้วชอบ ก็เรียนไป แต่ถา้ คา้ ประกัน จานองจานา
เรียนตามไม่ท ัน หรือไม่ชอบสไตล์การสอนของท่านอาจารย์ ก็มาอ่าน juris ได้ครับ
6. หนังสือข้อสอบเก่า
พีค่ ด
ิ ว่า เราก็เลือกวิธก ี ารทีม
่ ันเหมาะกับตัวเองดีทส ี่ ด
ุ ครับ อาจจะผสมกันก็ได้
อย่างพีก
่ ็ฟงั เทปเอา เพราะทางาน ไปเรียนไม่ได้
แล้วก็ฟงั เทปภาคคา่ เฉพาะอาจารย์ทฟ ี่ งั แล้วเข้าใจ และมีสถิตก ิ ารได้รบั เลือกข้อสอบสูง
ส่วนภาคปกติก็เน้นอ่านคาบรรยายเอา
และช่วงอาทิตย์สด ุ ท้ายทีม
่ เี มฆหมอกก็ลาไปเรียนบ้าง
และก็ไปติวดูวา่ เค้าเก็งเรือ ่ งอะไรกันบ้าง มีฎก ี าทีเ่ น้นฎีกาไหนบ้าง ทีส่ าคัญ คือ
ต้องมีวนิ ยั ในการเรียน คือ มีความสมา่ เสมอ อย่าท้อ หรือยอมแพ้ไป
หรือพักจนตามไม่ทน ั เผลอแป๊ ปเดียวก็ใกล้สอบแล้ว จะแย่เอาครับ
7. คาพิพากษาศาลฏีกา
เป็ นสิง่ ทีส่ าคัญในการเรียนเนติครับ เพราะมีอาจารย์ทา่ นกล่าวไว้วา่
การเรียนเนติไม่ได้เน้นทฤษฏีเหมือนการเรียนในมหาวิทยาลัย
ซึง่ จะทาให้มพ ี ื้นฐานทีแ ่ น่ นครับ แต่เน้นแนวปฏิบตั ขิ องศาลและพนักงานอัยการ
ว่าเมือ่ มีขอ ้ เท็จจริงเกิดขึน ้ จะวินิจฉัยไปทางไหน การเรียน และการออกข้อสอบ
จึงเน้นตัวบทกฎหมาย และฏีกาครับ
เพราะเป็ นแนวปฏิบตั ข ิ องศาลทีเ่ ป็ นตัวอย่างการปรับบทกฏหมายกับคดี
โดยตัวบทจะไม่เน้นลึกหรือลงถึงทฤษฏีเหมือนทีเ่ ราเรียนทีม ่ หาวิทยาลัย
แต่เน้นการนาไปใช้ เพราะฉะนัน ้ เวลาเรียนอาจารย์ทา่ นก็จะสอนหลักกฎหมาย
และก็ลงฏีกาในแต่ละเรือ่ งเลยครับ
8. การเลือกเรียน
ต้องบอกก่อนว่าพีม่ เี วลาอ่านแพ่งและอาญาน้อยมาก
เพราะตอนแรกไม่คด ิ จะเอาเนติ แต่มเี หตุการณ์ บางอย่างทาให้คด ิ ว่าควรเก็บเนติให้ได้ไว้
จึงเร่งอ่านแค่ 2-3 สัปดาห์สด ุ ท้าย พอมาเทอมสองจึงอ่านจริงจังมาก
เพือ
่ จะได้เก็บเนติให้เสร็จในปี เดียว เพราะคิดว่าไหน ๆก็อต ุ สาห์เก็บได้สองตัวแล้ว
เอาให้มน ั เสร็จ ๆไปเลย ดังนัน ้ ภาคแรกจึงมีขอ
้ มูลค่อนข้างน้อย
ขออนุญาตเอาข้อมูลของพีแ ่ ป้ งมารวมๆนะครับ
นิตก
ิ รรมสัญญา มีขอ
้ มูลว่าหากเรือ
่ งนิตก
ิ รรมสัญญาออกเป็ นข้อสอบ
ส่วนใหญ่ขอ้ สอบของอ.อัครวิทย์ มักจะได้รบั เลือก
หนี้ ผูอ
้ อกข้อสอบไม่แน่ นอนเท่าไรนัก อ่านอะไรก็ได้ทท
ี่ าให้เข้าใจ
เช่นเดียวกับนิตกิ รรมครับ
8.2 อาญา
8.3 วิแพ่ง
แนะนาให้เข้าเรียนของอาจารย์ทองธารครับ อาจารย์สอนดีมากๆ
ซึง่ ข้อสอบของอาจารย์ม ักจะได้รบั เลือก
แนะนาให้เข้าเรียนของท่านอาจารย์อรรถนิติ
โดยเฉพาะคาบสุดท้ายท่านจะสรุปให้วา่ เรือ
่ งอะไรสาคัญจุดไหน
รวมถึงสอนข้อสอบเก่าครับ
ข้อ 6 “เรือ
่ งคุม
้ ครองชั่วคราวก่อนพิพากษา”
่ หาวิทยาลัยแต่อย่างพึง่ กังวลครับ
ข้อนี้แม้วา่ จะไม่ได้เรียนทีม
เพราะส่วนใหญ่ขอ ้ สอบออกเรือ ่ งหลักๆ จริงๆ และฎีกาทีเ่ ก็งก็มไี ม่มากครับ
แล้วก็ออกมาตามทีเ่ ก็งจริงๆ
ข้อ 7 “เรือ
่ งบังคับคดี” ออกข้อสอบได้ไม่กม
ี่ าตรา เช่น 271, 287-289 ครับ
ซึง่ ข้อสอบก็มกั จะออกตัวบทครับ
ข้อ 8 “เรือ
่ งล้มละลาย”
แนะนาให้เรียนของอาจารย์ชีพ โดยเน้นคาบสุดท้าย
โดยเฉพาะช่วงประมาณครึง่ ชั่วโมงสุดท้ายทีท
่ า่ นจะทวนเนื้อหาให้
ข้อ 9 “เรือ
่ งฟื้ นฟูกจิ การ”
ให้เรียนของท่านอาจารย์เอือ
้ น ขุนแก้วครับ โดยเฉพาะประมาณ 2 คาบสุดท้าย
เรียนให้เข้าใจครับ ข้อสอบของท่านอาจารย์มกั ได้รบั เลือกเกือบทุกปี
ข้อ 10 “เรือ
่ งพระธรรมนูญศาล” จะเป็ นข้อสอบทีม่ ต
ี วั บทไม่มากครับ
และไม่ยากเกินไปครับ ก็ควรเน้นให้ดค ี รับ แนะนาให้เรียนของท่านอาจารย์อนันต์ครับ
ท่านสอนสัปดาห์ละชั่วโมงเท่านัน
้ ไม่มากจนเกินไปครับ และเน้นการทาข้อสอบเก่าครับ
8.4 วิฯอาญา
แนะนาให้เอาความรูท้ ม
ี่ หาลัยมาอ่านก่อนครับ เพราะจะคล้ายกันครับ
อย่างเช่นของท่านอาจารย์ปกป้ องครับ ท่านสอนไว้ดีมาก ส่วนทีเ่ นติขอแนะนาให้อา่ น
หรือเรียนของท่านอาจารย์จุลสิงห์ครับ (แนะนาให้อา่ คาบรรยายมากกว่าเข้าเรียนครับ
คาบรรยายท่านจะเรียงไว้ดีมากครับ)
ภาค 3 จะเป็ นเรือ
่ งของพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการครับ เช่น พวกคาร้องทุกข์
การสอบสวนเด็กการสั่งฟ้ องของอัยการ การชันสูตรพลิกศพ ฯลฯ
และเรียนของท่านอาจารย์ธานีครับ รวมกันสองท่านจะครบถ้วน
ทาข้อสอบได้ครอบคลุมแน่ นอนครับ
แนะนาให้เรียนของท่านอาจารย์ธานีและท่านอาจารย์ธานิศครับ
โดยเฉพาะท่านอาจารย์ธานี สรุปคือ ข้อ 4-5 ก็เรียนของท่านอาจารย์ธานี
และธานิศก็ครอบคลุมครับ
ข้อ 6 “เรือ
่ งสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุตธิ รรม” ช่วงหลังๆ
มานี้จะออกแต่เรือ ่ งการจับการค้น ก็เป็ นข้อทีส่ ามารถเก็บคะแนนได้ เพราะเรือ
่ งน้อย
scope ได้
ไม่คอ่ ยมีขอ
้ มูลครับ พีอ
่ า่ นชีทท่านอาจารย์จุณวิทย์ ตอนเรียนทีม
่ หาวิทยาลัย
และอ่านคาบรรยายของท่านอาจารย์จรัญครับ
ข้อ 9 “การจัดทาเอกสารทางกฎหมาย”
ก็ไม่ตอ
้ งคิดมากครับ ข้อนี้ จะป็ นพวกการเขียนจดหมายเชิญประชุมผูถ ้ อ
ื หุน
้
หรือร่างสัญญาครับ ซึง่ ถ้าเป็ นการร่างสัญญาก็ให้จาแบบฟอร์มไว้ครับ
แล้วก็เขียนๆไปให้ดูเป็ นเรือ
่ งเป็ นราวครับ
ข้อ 10 “ว่าความและถามพยาน
9. อ่านหนังสือไม่ทน
ั ทาอย่างไร
เนติไม่ตอ
้ งเน้นทีท ่ ฤษฏีมากครับ เน้นทีต
่ วั บทและฎีกา
การจดก็จดข้อสังเกตลงในประมวลเลยครับ
แล้วก็จดฎีกาทีอ ่ าจารย์สอนย่อไว้ให้เราเข้าใจครับ
แล้วสุดท้ายก็อา่ นเฉพาะตัวบทและฎีกาทีจ่ ดไว้เท่านัน้
ภาค 3: ปริมาณการเรียนกับแผนชีวต
ิ
ต้องเริม ่ อย่างนี้กอ
่ นครับว่า เนติไม่ใช่ทก ุ อย่างของการเรียนกฎหมาย
เส้นทางสายอาชีพนัน ้ มีมากมายหลายเส้นทางมาก การเรียนเนติ และเป็ นผูพ ้ พ
ิ ากษา
อัยการ ก็เป็ นเพียงเส้นทางหนึ่งทีเ่ ป็ นทีน ่ ิยมกันมากเท่านัน ้ แต่ก็ยงั มีเส้นทางอืน
่ ๆ เช่น
การเป็ นอาจารย์มหาวิทยาลัย การทาบริษท ั เอกชนทัง้ In House และ Law firm
ซึง่ ถ้าในแง่ของข้อเท็จจริงแล้ว อาชีพอืน ่ ๆ ทีไ่ ม่ใช่ผพ
ู้ พ
ิ ากษา และอัยการ
(อาจรวมถึงทนายความด้วย)
ไม่มค ี วามจาเป็ นทีจ่ ะต้องใช้วุฒเิ นติในการประกอบวิชาชีพครับ
จะมีผลก็แค่เล็กน้อยเท่านัน ้ เช่น
อย่างอาจารย์การจะขอเป็ นผูช ้ ว่ ยศาสตราจารย์ตามระเบียบ (ไม่แน่ ใจอัพเดท
รึเปล่านะครับ) ถ้าวุฒป ิ ริญญาตรีตอ ้ งสอนมากแล้ว 9 ปี แต่ถา้ มีเนติจะเหลือ 5 ปี ครับ หรือ
Law firm ถ้ามีเนติ มีต๋ว ั ทนายจะได้เงินเดือนเพิม ่ แต่ก็ไม่ใช่ความจาเป็ นหลักในวิชาชีพครับ
และผูท ้ ปี่ ระสบความสาเร็จในวิชาชีพกฎหมายมากมายก็ไม่ได้จบเนติ นั่นหมายความว่า
ความจริง คนทีไ่ ม่ได้จะเป็ นผูพ ้ พิ ากษา อัยการ จะไม่เรียนเนติก็ได้ครับ
แต่ในสภาพปัจจุบ ันนี้จะมีเหตุผลที่
บัณทิตนิตศ
ิ าสตร์ทจี่ บใหม่เกือบทุกสถาบันไม่วา่ จะประกอบอาชีพอะไร
ก็จะนิยมมาเรียนเนติกน ั เพราะ
1.เผือ
่ เปลืย่ นอาชีพในอนาคต ก็คงต้องยอมรับกันว่าอาชีพผูพ ้ พ
ิ ากษาเป็ นอาชีพทีม ่ ่น
ั คง
มีรายได้มากพอสมควรเลยทีเดียว และมีเกียรติในสังคมมาก ในขณะทีถ ่ า้ เป็ น Law Firm
จะมีรายได้มากกว่าจริง แต่ความมั่นคงจะน้อยกว่า
ดังนัน
้ บางคนจึงเรียนเนติไว้เผือ ่ ว่าวันหนึ่งจะสอบท่าน หรือ อัยการ และมีวุฒโิ ทแล้ว
ก็จะได้สบายขึน ้ ไม่ตอ
้ งสอบทัง้ เนติ ทัง้ ท่าน
2.ค่านิยมในสังคมปัจจุบน ั นิตศ
ิ าสตรบัณทิตทีอ่ ยากเป็ นผูพ
้ พ
ิ ากษามีคอ่ นข้างมาก
จึงมาเรียนเนติกน ั มาก แทบจะเรียกได้วา่ ทุกคนในคณะ มาเรียนเนติกน ั ทุกคน
บางครัง้ จึงมีการเอาเนติมาเป็ นเครือ ่ งวัดความสามารถกันในทางทีไ่ ม่คอ่ ยถูกต้องนัก
อาจมีการโจมตีกน ้
ั เพราะเหตุทไี่ ม่มวี ุฒเิ นติเกิดขึน
(ซึง่ โดยส่วนตัวผูเ้ ขียนไม่ชอบวิธีคด ิ ในลักษณะนี้)
ดังนัน
้ จึงสรุปเบือ้ งต้นได้วา่ เรามีวฒ ุ เิ นติบณ
ั ทิตไทยไว้ก็เป็ นประโยชน์ ครับ
แต่ตรงทีว่ า่ มีไว้นี้ จะใช้เวลากีป
่ ี ในการเก็บวุฒเิ นติทวี่ า่ นี้มานัน
้ จะต้องเลือกกันต่อไป
กล่าวคือ เนติไม่จาต้องเก็บให้ครบ 4 ขาในปี เดียวครับ สามารถสะสมได้ เช่น
ปี แรกผ่านไปแล้ว 2 ขา ปี ทีส่ องผ่านอีก 2 ขาก็จบได้ครับ
ดังนัน้ การเรียนเนติไม่จาเป็ นต้องไม่ทาอะไรเลยแล้วเรียนอย่างเดียว
เหมือนกับทีเ่ รียนทีม ่ หาวิทยาลัยครับ อาจจะเรียนไปด้วยทางานไปด้วยก็ได้ จบสองปี
สามปี ก็ไม่เป็ นไรเป็ นต้น
นอกจากนี้การทีจ่ ะสอบผูพ ้ พ
ิ ากษานัน้ จะสอบได้ก็อายุ 25 แต่ตอนเราจบมาก็อายุ 23
ก็ยงั มีเวลาอยูถ
่ งึ สอบเสร็จในปี เดียว ก็ยงั สอบท่าน (สนามใหญ่) ไม่ได้อยูด่ ี
นอกจากนี้ยงั มีปจั จัยอืน
่ อีก เช่น จะสอบผูพ ้ พ
ิ ากษาสนามเล็ก ก็ตอ
้ งจบโท
งัน
้ ก็เรียนโทไปด้วย เรียนเนติไปด้วย ใช้เวลา 2-3 ปี จบทัง้ เนติทง้ ั โทก็ได้
ก็เป็ นตัวเลือกหนึ่ง
1.เรียนเนติอย่างเดียวให้จบภายในปี เดียว
ทัง้ นี้ใครเลือกเรียนเนติอย่างเดียว
และวางแผนว่าเรียนเนติเสร็จจะเรียนโทต่อก็อย่าลืมเตรียมการสมัครโทปี ต่อไปไว้ดว้ ยนะ
ครับ เพราะเวลาการสอบเข้าโท จะใกล้เวลาการสอบเนติครับ
ซึง่ ก็จะต้องแบ่งเวลาให้ดีครับ รวมถึงคิดไว้ลว่ งหน้าครับว่าจะเอายังไง
เพราะไม่งน ้ ั ถึงสอบเนติเสร็จแต่ไม่ได้สมัครโทไป ก็ตอ ้ งอยูว่ า่ งๆไปหนึ่งปี ครับ
ไม่มป ี ระโยชน์ เลย หรือถ้าจะไปเรียนโทนอกก็เตรียมเรียนภาษาไว้
วางแผนไว้กอ ่ นก็ดค
ี รับ ทัง้ นี้ในการสอบเข้าเรียนโทกับสอบเนติทใี่ กล้ ๆกันนะครับ 2.
สาหรับคนทีจ่ ะเรียนโทไปด้วย เรียนเนติไปด้วย
ก็มขี อ
้ ดีครับ คือ ถึงตกเนติบา้ งก็ไม่ถงึ กับไม่ได้ทาอะไรเลยครับ อย่างน้อยก็มเี รียนโทอยู่
เรียกได้วา่ ก็กาลังก้าวไปเรือ
่ ยๆครับ แต่ก็มข ี อ้ เสียคือ มันจะค่อนข้างหนักครับ
และอาจเป็ นการจับปลาสองมือ สุดท้ายอาจจะทาได้ไม่ดีทง้ ั สองอย่าง
จึงต้องประเมินตนเองครับว่าจะไหวไหม เพราะเรียนโทก็ตอ ้ งไปเรียนตอนเย็น
แล้วตอนกลางวันก็ไปเรียนเนติ เนติกบั โทที่ มธ หรือ จุฬา ก็คอ่ นข้างไกลและรถติด
และช่วงทีส่ อบโทกับสอบเนติจะไม่หา่ งกันมากครับ ก็ตอ ้ งแบ่งเวลาอ่านหนังสือดีๆครับ
แต่ก็มท
ี หี่ นึ่งเนติทท
ี่ าแบบนี้มาแล้วมากกว่าหนึ่งคนครับ
และก็มค ี นทีท ่ าแบบนี้แล้วผ่านหมดอยูเ่ ช่นกันครับ
3. สาหรับคนทีท
่ างานไปด้วย เรียนเนติไปด้วย
แต่ถา้ ทา Law Firm หรือเอกชนเลย หนักแน่ ครับ เป็ นตัวเลือกทีเ่ หนื่อยหน่ อยนะครับ
ถ้าจะเป็ นผูพ
้ พ
ิ ากษาทีต่ อ้ งใช้เนติ และต้องทางานไปด้วย
5. ยังไม่เรียนเนติทน
ั ที ไปเรียนเมืองนอกก่อนเลย
6. จะไม่เรียนเนติเลยได้ไหม
สุดท้ายนี้ ขอให้ทก
ุ ท่านโชดดีในการสอบ เป็ นเนติบณ
ั ทิตไทยได้สมดังทีต
่ ง้ ั ใจครับ
วรพล มาลสุขุม นิติ มธ. รุน
่ 49 (v.malsukhum@gmail.com)