Professional Documents
Culture Documents
ประกอบการอบรมรถจักรยานยนต
ส่วนงานศูนย์ฝึกอบรมด้านงานขายและเทคนิค
บริ ษทั เอ.พี.ฮอนด้า จากัด
1
• รายละเอียดทางเทคนิค CRF250L
หัวข้ อ รายการ ค่ ามาตรฐาน
ขนาด ความยาวตัวรถ 2,195 มม. ( 86.41นิ้ว )
ความกว้างตัวรถ 819 มม. ( 32.08 นิ้ว )
ความสู งตัวรถ 1,195 มม. ( 47.04 นิ้ว )
ระยะห่ างระหว่างล้อหน้า - ล้อหลัง 1,445 มม. ( 56.88 นิ้ว )
ระยะห่ างจากพื้น 253 มม. ( 9.96 นิ้ว )
น้ าหนักสุ ทธิ 147 กก. Kg (324 lbs)
ตัวถัง แบบตัวถัง TWIN TUBE
ระบบกันสะเทือนหน้า แบบเทเลสโคปิ คขนาด Ø37 (TELESCOPIC FORK)
ระยะยุบตัวของโช๊คอัพหน้า 222 มม. (8.74 นิ้ว)
ระบบกันสะเทือนหลัง โมโนโช๊คแบบโปรลิงค์ปรับได้ 5ระดับ (PRO-LINK)
โช๊คอัพหลัง แบบโมโนโช๊ค(SINGLE EFFECTED TUBE TYPE)
ระยะยุบตัวของโช๊คอัพหลัง 240 มม.(9.44 นิ้ว)
ขนาดยางหน้า 3.00 -21 51P
ขนาดยางหลัง 120 / 80 - 18 M/C 62 P
ยางหน้ายีห่ ้อ IRC GP-21F Z (IRC)
ยางหลังยีห่ ้อ IRC GP-22R Z (IRC)
แรงดันลมยาง หน้า 150kPa, 22 ปอนด์ / นิ้ว2
หลัง 150kPa, 22 ปอนด์ / นิ้ว3
มุมแคสเตอร์ / ระยะเทรล 27o 35' / 113 มม.
ความจุถงั น้ ามันเชื้ อเพลิง 7.7 ลิตร
เครื่ องยนต์ กระบอกสู บ X ระยะชัก 76.0 X 55.0 มม. ( 2.99 X 2.17 นิ้ว )
ปริ มาตรกระบอกสู บ 249.6 ซม.3 ( 15.23 นิ้ว3 )
อัตราส่ วนการอัด 10.7 : 1
ระบบขับเคลื่อนวาล์ว โซ่ราวลิ้นขับเพลาลูกเบี้ยวคู่ (DOHC)
ไส้กรองอากาศ ไส้กรองกระดาษแบบเปี ยก (Viscous)
น้ าหนักเครื่ องยนต์ 34.5 กิโลกรัม
การวางเครื่ องยนต์ สู บเดียวมุมเอียง 20o จากแนวดิ่ง
2
• รายละเอียดทางเทคนิค CRF250L
หัวข้ อ รายการ ค่ ามาตรฐาน
เครื่ องยนต์ วาล์วไอดี เปิ ด ที่ 1 ม.ม. 20๐ ก่อนศูนย์ตายบน
ปิ ด ( 0.04 นิ้ว ) 35๐ หลังศูนย์ตายล่าง
วาล์วไอเสี ย เปิ ด 40๐ ก่อนศูนย์ตายล่าง
ปิ ด 0๐ หลังศูนย์ตายบน
ระยะห่ างวาล์ว (ขณะเย็น ) วาล์วไอดี 0.16 ± 0.03 มม. (0.006 ± 0.001นิ้ว)
วาล์วไอเสี ย 0.27 ± 0.03 มม. (0.011 ± 0.001นิ้ว)
ความจุน้ ามันเครื่ อง หลังเปลี่ยนถ่าย 1.4 ลิตร ( 1,400 ซี ซี. )
เปลี่ยนไส้กรอง 1.5 ลิตร ( 1,500 ซี ซี. )
หลังประกอบเครื่ องยนต์ 1.8 ลิตร ( 1,800 ซี ซี. )
ระบบหล่อลื่น ใช้แรงดัน / แบบอ่างเปี ยก
แบบเพลาข้อเหวี่ยง แบบประกอบเป็ นชุด
ปั๊ มน้ ามันเครื่ อง แบบหมุน (TROCHOID)
ระบบระบายความร้อน ระบายความร้อนด้วยน้ า
ความจุของน้ ายาหล่อเย็น ที่หม้อน้ า และเครื่ องยนต์ 1,020 ซี ซี. (1.02 ลิตร)
ที่หม้อน้ าสารอง 160 ซี ซี. (0.16 ลิตร)
ระบบ ระบบจ่ายน้ ามันเชื้ อเพลิง PGM-FI ( PROGRAMMED FUEL INJECTION )
จ่ายน้ ามันเชื้ อเพลิง ขนาดของคอคอด 36 มม. ( 1.417 นิ้ว )
ปั๊ มแรงดันสู ง แบบใบพัด ( TURBINE PUMP )
หัวฉี ด แบบ 12 รู
ความต้านทานของหัวฉี ด 11 - 13 โอห์ม ที่ 20๐ C / 68๐ F
แรงดันน้ ามันเชื้ อเพลิงที่รอบเดินเบา 343 kPa ( 3.50 Kgf / Cm2 )
ความเร็ วรอบเดินเบา 1,450 ± 100 รอบต่อนาที
ระบบส่ งกาลัง การเปลี่ยนเกียร์ 1-N-2 -3-4-5-6
ระบบจุดระเบิด ควบคุมการจุดระเบิดล่วงหน้าด้วยคอมพิวเตอร์
ระบบสตาร์ ทเครื่ องยนต์ สตาร์ ทไฟฟ้ า
หัวเทียนมาตรฐาน SIMR8A9 (NGK) IRIDIUM TYPE
3
• รายละเอียดทางเทคนิค CRF250L
หัวข้ อ รายการ ค่ ามาตรฐาน
ระบบส่ งกาลัง ระยะห่ างเขี้ยวหัวเทียน 0.80 - 0.90 มม. (0.031-0.035 นิ้ว)
คลัทช์ แบบเปี ยกหลายแผ่นซ้อนกัน
อัตราทดขั้นสุ ดท้าย 2.857 (40/ 14)
อัตราทดเกียร์ เกียร์ 1 3.333 (40 / 12)
เกียร์ 2 2.117 (36 / 17)
เกียร์ 3 1.571 (33 / 21)
เกียร์ 4 1.304 (30 / 23)
เกียร์ 5 1.115 (29 / 26)
เกียร์ 6 0.962 (26 / 27)
จังหวะจุดระเบิด 10 ๐ ก่อนศูนย์ตายบน ที่รอบเดินเบา
ระบบแสงสว่าง แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ (V - Ah) YTX7L-BS (12V-6Ah)
ฟิ วส์หลัก 30A
ฟิ วส์รอง 5A , 10A
ข้อแนะนาการใช้ น้ ามันเครื่ อง น้ ามันเครื่ องฮอนด้า สาหรับเครื่ องยนต์ 4 จังหวะ
JASO T 903 Standard : MA , Viscosity : SAE 10W 30
การใช้น้ ายาน้ าหล่อเย็น HONDA PRE - MIX COOLANT
4
• ตารางบารุงรักษา
ในตารางบารุ งรักษาจะระบุไว้วา่ ควรทาการบารุ งรักษาบ่อยแค่ไหนสิ่งใดที่จาเป็ นประจาต้องเอาใจใส่
รายละเอียดต่างๆ ที่มีในตารางบารุ งรักษาได้กาหนดขึ้นมาเพื่อใช้บารุ งรักษารถจักรยานยนต์ที่มีการใช้งาน
ตามปกติ แต่ถา้ หากการใช้งานด้วยความเร็ วสูงโดยไม่ได้หยุดพักหรื อใช้งานในพื้นที่เปี ยก และมีฝนมาก
ุ่
รถจักรยานยนต์ยอ่ มต้องมีการบารุ งรักษา และทาการตรวจเช็คให้บอ่ ยขึ้นกว่าการใช้งานตามปกติ
5
• ตารางบารุงรักษา CRF250L
แล้ วแต่ ระยะใด ระยะทางที่อ่านได้ บนเรือนไมล์ (หมายเหตุ : 1)
ระยะเวลา
ถึงก่ อน 1
X 1,000 ก.ม 6 12 18 24 30 36
X 1,000 ไมล์ 0.6 4 8 12 16 20 24
รายการ
หมายเหตุ 1 เดือน 0 6 12 18 24 30 36
* สายนา้ มันเชื้อเพลิง I I I
* การทางานของคันเร่ ง I I I
* ไส้ กรองอากาศ หมายเหตุ 2 R R
ท่ อระบายเรือนไส้ กรองอากาศ หมายเหตุ 3 C C C C C C
หัวเทียน I = ทุกๆ 24,000 กม. (16,000ไมล์ ) R = ทุกๆ 48,000 กม. (32,000ไมล์ )
* ระยะห่ างวาล์ ว I I
นา้ มันเครื่อง R R R R
กรองนา้ มันเครื่อง R R R R
* รอบเดินเบาเครื่องยนต์ I I I I
นา้ หล่ อเย็น หมายเหตุ 6 I I I
* ระบบระบายความร้ อน I I I
* ระบบเติมอากาศบาบัดไอเสีย (SASS) I I I
* ระบบบาบัดไอระเหยนา้ มันเชื้อเพลิง (EVAP) I I
โซ่ ขบั เคลือ่ น หมายเหตุ 4 I , L = ทุกๆ 1,000 กม. (600ไมล์ )
รองรับโซ่ ขบั เคลือ่ น หมายเหตุ 4 I I I
นา้ มันเบรค หมายเหตุ 5 I I I I I I
การสึ กหรอของผ้ าเบรค I I I I I I
ระบบเบรค I I I I
* สวิทช์ ไฟเบรค I I I
* ไฟหน้ า I I I
ระบบคลัทช์ I I I I I I I
ขาตั้งข้ าง I I I
* ระบบกันสะเทือน I I I
* น๊ อต โบ้ ลท์ และสกรู หมายเหตุ 4 I I I I
** ล้ อ / ยาง หมายเหตุ 4 I I I I I I I
** ลูกปื นคอ I I I I
6
• โครงตัวถังรถรุ่ น CRF250L
เป็ นแบบดับเบิล้ เครเดิ้ล (DOUBLE CRADLE FRAME TYPE)
ภาพแสดง : โครงรถแบบดับเบิ้ลเครเดิ้ล
โครงตัวถังแบบนี้ได้ออกแบบให้มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรับแรง
กระทาต่างๆได้เป็ นอย่างดี โดยทัว่ ไปเป็ นที่ยอมรับกันว่าโครงตัวถัง
รู ปสามเหลี่ยมเป็ นโครงสร้างที่ทาให้เกิดความแข็งแรงมากโครงตัวถัง
แบบเครเดิ้ลเป็ นโครงสร้างที่นารู ปสามเหลี่ยม 2 รู ปรวมเข้าด้วยกัน
จึงทาให้เกิดความแข็งแรงเพิม่ ขึ้นอย่างมาก นอกจากนั้นตาแหน่ งที่
รองรับเครื่ องยนต์ก็ทาให้แข็งแรงเป็ นพิเศษ แรงต่างๆ ที่กระทาจาก
ภายนอกจะส่ งผ่านโครงตัวถังโดยตรงโดยไม่ตอ้ งผ่านเครื่ องยนต์
• หมายเลขตัวถัง • หมายเลขตัวเครื่อง
MLHMD38SXD5000001 MD38E-0000001
7
การตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ ก่อนส่ งมอบ
P.D.I. ( PRE-DELIVERY INSPECTION ) หมายถึง การตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ก่อนการส่ ง
มอบให้กบั ลูกค้า นายช่างประจาศูนย์บริ การฮอนด้า มีหน้าที่โดยตรงในการตรวจสภาพก่อนส่ งมอบ เพือ่ ให้
มัน่ ใจว่ารถจักรยานยนต์คนั ดังกล่าวอยูใ่ นสภาพปกติ ระบบต่างๆ พร้อมใช้งาน และหากมีปัญหาผิดปกติทาง
ศูนย์บริ การ จะได้ดาเนิ นการแก้ไขให้ตรงตามมาตรฐานรวม
ถึงอธิ บายวิธีการใช้รถสิ ทธิ ประโยชน์การรับประกันคุณภาพ
ทั้งนี้เพือ่ สร้างความพึงพอใจให้กบั ลูกค้า จนกลายเป็ นความ
ประทับใจในตัวสิ นค้าและบริ การจากฮอนด้าสู งสุ ด
8
• การทางานของกุญแจล๊อคคอ, สามารถใช้ลูกกุญแจ
เปิ ด-ปิ ดได้ทุกดอก
การตรวจสภาพของเครื่องยนต์
• ระดับน้ ามันเครื่ อง ควรอยูร่ ะหว่างขีดบอกระดับสู งสุ ด
ความจุน้ ามันเครื่ อง
1.4 ลิตร หลังถ่าย
1.5 ลิตร เปลี่ยนไส้กรอง ขีดบอกระดับสู ง
ขีดบอกระดับตา่
1.8 ลิตร หลังผ่าเครื่ อง
• เช็คระดับน้ ามันเบรคหน้า ในขณะที่ต้ งั รถจักรยานยนต์
ให้ตรงบนพื้นราบ ขีดบอกระดับตา่
ระดับน้ ามันเบรคควร
อยูเ่ หนื อตาแหน่ งขีด
บอกระดับต่า
• เช็คระดับน้ ามันเบรคหลัง ในขณะที่ต้ งั รถจักรยานยนต์
ให้ตรงบนพื้นราบ
ระดับน้ ามันเบรคควร UPPER
ระดับสู ง
• เช็คระดับน้ าในถังสารอง ขณะเครื่ องยนต์อยูใ่ นอุณหภูมิ
ทางานโดยตั้งรถให้ตรง
• ขีดบอกระดับสูง
• ขีดบอกระดับต่า
9
• การรั่วซึ มของ ของเหลว
• ท่อยางต่างๆ
การทางานของเครื่องยนต์
• สภาพภายนอกของแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ ที่ใช้เป็ นรุ่ น YTX7L-BS ( 12V-6 Ah )
• ทดสอบการทางานของสวิทช์คลัทช์
การสตาร์ ทขณะไม่อยูใ่ นเกียร์ ว่างต้องบีบมือคลัทช์เพือ่ ตัด
กาลังของเครื่ องยนต์ก่อนจึงสามารถสตาร์ ทเครื่ องยนต์ได้
10
• ระบบตัดการทางานของเครื่ องยนต์โดยขาตั้งข้าง
1. เช็คสภาพของสปริ งขาตั้งข้าง และความคล่องตัว
2. นัง่ คร่ อมรถฯ ยกขาตั้งข้างขึ้น และเข้าเกียร์ ว่าง
3. สตาร์ ทเครื่ องยนต์ บีบคลัทช์เข้า และเข้าเกียร์
4. ลดขาตั้งข้างลง เครื่ องยนต์ดบั และระบบสตาร์ ทไม่ทางาน
• อุ่นเครื่ องยนต์ให้ถึงอุณหภูมิทางานแล้วตรวจวัดรอบเดิน
เบาของเครื่ องยนต์
• ค่ามาตรฐาน ( 1,450 ± 100 รอบ/นาที )
ข้ อควรระวัง : ก่อนสตาร์ ทเครื่ องยนต์ตอ้ งตรวจเช็คระดับ
น้ ามันเครื่ อง และระดับน้ าหล่อเย็นก่อนเสมอ
• เสี ยงการทางานของเครื่ องยนต์
11
• การทางานของสวิทช์แฮนด์
• การทางานของแตร
• การทางานของสวิทช์ไฟสู ง-ต่า
• การทางานของไฟเลี้ยว
• การทางานของไฟเบรค-ไฟท้ายและไฟส่ องป้ ายทะเบียน
ระบบรองรับและขับเคลือ่ น
• สภาพของยาง (ล้อหน้า-หลัง)
• การแกว่งของล้อ (ล้อหน้า-หลัง)
• เติมลมยางให้ได้ตามค่ามาตรฐานกาหนด แรงดันลมยาง
ขณะยางเย็น กิโลปาสคาล ( กก./ซม2, ปอนด์/นิ้ว2 )
ขับขี่คนเดียวหรือ หน้า 150 ( 1.50, 22 )
มีผ้ ูซ้อนท้ าย 1 คน หลัง 150 ( 1.50, 22 )
ขนาดของยาง
ยางหน้ า : 3.00-21 51P, IRC GP321F Z
ยางหลัง : 120/80-18M/C 62P, IRC GP-22R
• ตรวจความตึงหย่อนของโซ่ขบั ล้อ ( DID 520VF-106LE )
ความตึงหย่อนควรอยูร่ ะหว่าง 25-35 มม. ( 1.0-1.4 นิ้ว )
• ตรวจคลิ๊บล๊อคโซ่
ปากคลิ๊บล๊อคต้องอยู่
ตรงข้ามกับทิศทาง
การหมุนของโซ่
12
• ตรวจอัตราขันแน่ นของน๊อตเพลาล้อหน้า
มาตรฐาน 73.5 นิ วตัน-เมตร ( 7.5 กก.-ม., 53 ฟุต-ปอนด์ )
• ตรวจอัตราขันแน่ นของน๊อตเพลาล้อหลัง
มาตรฐาน 88 นิ วตัน-เมตร ( 9.0 กก.-ม., 65 ฟุต-ปอนด์ )
• การทางานของโช๊คอัพหน้า-หลัง, การรั่วซึ ม
ระบบบังคับเลีย้ ว, ระบบเบรค
• การเลี้ยวของแฮนด์
• การทางานของเบรคหน้า-หลัง
13
อุปกรณ์ เสริมและอำนวยควำมสะดวก
• ติดตั้งกระจกมองหลัง
ปรับมุมมองกระจกมองหลังให้เห็นชัดเจน โดยสามารถ
มองเห็นหัวไหล่ของผูข้ บั ขี่เล็กน้อยเป็ นเกณฑ์
• ตรวจเครื่ องมือประจารถ
• ตรวจกุญแจล๊อคหมวกกันน็อค
14
• ระบบกันสะเทือนหน้ าและโช๊ คอัพหน้า
โช๊คอัพหน้าเป็ นแบบหัวกลับของโชว่า ซึ่ งแบบที่ใช้ในรถรุ่ นนี้ เป็ นแบบที่แยกการทางาน
ของด้านลูกสู บโช๊คกับด้านสปริ งแยกออกจากกัน โช๊คอัพหน้าด้านขวาเป็ นด้านสปริ งโช๊ค
อัพหน้าด้านซ้ายเป็ นด้านลูกสู บ แกนโช๊คอัพที่เลื่อนขึ้นลง มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 43 มม.
ซึ่ งโดดเด่นทั้งในเรื่ องของการทางาน การดูดซับยับยั้งแรง และมีระยะยุบถึง 250 มม. นอก
จากนี้แต่ละส่ วนของโช๊คที่แยกการทางานกัน ยังทาให้เกิดความแข็งแกร่ ง มีประสิ ทธิ ภาพ
ยังส่ งผลให้รถสามารถวิ่งผ่านสภาพพื้นที่ ที่แตกต่างกันได้ดีเยีย่ ม
• สวิงอาร์ ม
สวิงอาร์ มของรถรุ่ นนี้ได้รับการออกแบบและผลิตจากอลูมิเนี ยม
หล่อแบบชิ้นเดียว เพือ่ เป็ นการเพิม่ ประสิ ทธิ ภาพของระบบ
กันสะเทือนหลัง สวิงอาร์ มอลูมิเนี ยมมีมวลหรื อน้ าหนักที่
เบา จึงช่วยลดการดีดเด้งของระบบกันสะเทือนได้ดี การผลิต
โดยการหล่อ ยังให้ความเป็ นอิสระมากขึ้นในการออกแบบ
รู ปทรงและผลิตสวิงอาร์ มให้ได้ การขับขี่ที่แคล่วคล่องว่องไว
มีความแข็งแกร่ งเหมาะสม สมดุลย์ นอกเหนื อจากรู ปทรงเรี ยว
ในส่ วนของการออกแบบภายนอก ในส่ วนของการบริ การยัง
คานึ งถึงการทางานของระบบกันสะเทือน คือต้องการน้ าหนัก
เบาเพือ่ ช่วยลดการดีดเด้งของระบบกันสะเทือนดังที่กล่าวมาแล้ว
15
• ระบบกันสะเทือนหลังและโช๊ คอัพหลัง
ระบบกันสะเทือนหลัง มีระยะยุบ 240 มม. และประกอบ
ด้วยโช๊คอัพหลังออกแบบเป็ นหัวกลับ กระบอกชั้นเดียวมี
ลูกสู บที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 มม. มีแรงดันก๊าซภายใน
ยังผลให้ระบบกันสะเทือนหลังมีคุณลักษณะที่ดีเลิศในเรื่ อง
ของการดูดซับแรงกระแทก นอกจากนี้ คุณลักษณะและโครง
สร้างหลักของระบบกันสะเทือนแบบโปร-ลิ้งค์ ( Pro - Link )
ช่วยลดแรงกระแทก ให้การทรงตัวเป็ นเยีย่ ม
• ระบบกันสะเทือนหลังแบบโปร-ลิง้ ค์ (Pro-Link)
ระบบกันสะเทือนแบบนี้การเหวี่ยงตัวของ • แกนล้อหลัง
• ระยะยุบตัวมากสุ ด
สวิงอาร์ ม กับระยะขึ้นลงของล้อจะมีผลต่อ • โช๊คอัพหลัง
การเปลี่ยนแปลงการดูดซับแรงกระแทกของ • แขนยึดโช๊คอัพหลัง
โช๊ค เช่น เมื่อล้อเริ่ มต้นขึ้นลงหรื อระยะขึ้น
ลงน้อย โช๊คอัพจะนุ่มและเริ่ มแข็งขึ้นเมื่อ • ก้านจับแขนยึดโช๊ค
ระยะยุบตัวของโช๊คมากขึ้น และแข็งที่สุด • ระยะยืดตัวมากสุ ด
• การปรับสปริงโช๊ คอัพหลัง
ความยาวสปริงอิสระ มาตรฐาน = 247.7 มม. • แป้ นเกลียวปรับความแข็งสปริ ง
• แป้ นเกลียวปรับ
• อัตราขันแน่น
ความแข็งสปริ ง
: 39-49 นิวตัน-เมตร
16
• หัวเทียน
เครื่ องยนต์เบนซินนั้นจะได้รับกาลังจากแรงดันบีบอัดตัวของแก๊สเชื้อเพลิง ที่เกิดจากการผสมกันระหว่างอากาศและน้ ามันแล้วเกิดการระเบิด
โดยหัวเทียนทาหน้าที่จุดประกายไฟให้กบั แก๊สนี้ ซึ่งแหล่งกาเนิดของกระแสไฟจะเริ่ มมาจากแบตเตอรี่ แล้วไหลเข้าไปในตัวคอยล์เพื่อสร้าง
ไฟฟ้ าแรงดันสูง และถูกส่งต่อมาที่หวั เทียนเพื่อคายประจุสร้างประกายไฟสาหรับการเผาไหม้ถา้ ไม่มีหวั เทียนเครื่ องยนต์จะไม่ทางานดังนั้น
หัวเทียนถือเป็ นชิ้นส่วนที่มีความสาคัญเนื่องจากการทางานของมันจะส่งผลโดยตรง ต่อการทางานของเครื่ องยนต์ ดังนั้นนายช่างเองจะต้องรู้
และเข้าใจ สามารถแนะนาให้ผใู้ ช้รถให้เข้าใจถึงการเลือกใช้หวั เทียนให้ตรงกับการใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิ ภาพในการใช้งานอย่างถูกต้อง
ข้ อดีของหัวเทียนแบบ IRIDIUM
1. เพิ่มประสิทธิ ภาพการเผาไหม้
2. เพิ่มกาลังม้าและอัตราเร่ ง
3. อายุการใช้งานยาวนานกว่าหัวเทียนทัว่ ไป
4. ลดปัญหาเขม่าสะสมทาให้โอกาสที่หวั เทียนบอดลดลง
5. ต้องการแรงเคลื่อนไฟฟ้ าต่าจึงสามารถใช้งานกับสายหัวเทียนทัว่ ไปได้ดี
6. สามารถจุดระเบิดได้ดีที่ระดับส่วนผสมของอากาศต่อน้ ามันบางกว่าปกติ
7. สามารถใช้ได้กบั เครื่ องยนต์เบนซินทัว่ ไปโดยเฉพาะอย่างยิง่ เครื่ องยนต์ Turbocharger, Supercharger รวมทั้งเครื่ องยนต์ที่ใช้ Nitrous Oxide
ภาพแสดง : ระยะห่างของเขี้ยวหัวเทียน
จุดวาบไฟ เขี้ยวดินปาดให้หน้าเล็กลง
เนื่องจากปลายแกนกลางมีขนาดเล็กมาก
จุดวาบไฟจึงขยายตัวได้มากกว่า ยิง่ กว่านั้น
ปลายเขี้ยวดินยังปาดให้หน้าเรี ยวเล็กลง
ภาพแสดง : การใช้เครื่ องมือวัดที่ถูกต้อง
17
มุมแคสเตอร์ / ระยะเทรล (Caster angle / Trail Length)
ความคล่องตัวในการขับขี่และการทรงตัวที่ดีของรถจักรยานยนต์ มีความสัมพันธ์กบั องค์ประกอบที่สาคัญ
หลายประการ เช่น ระยะห่ างช่วงล้อ การเฉลี่ยน้ าหนัก ตาแหน่ งจุดศูนย์ถ่วงและสมรรถนะของระบบรองรับขนาดและ
สมรรถนะของยางตาแหน่ งการขับขี่แต่อย่างไรก็ตามองค์ประกอบพื้นฐานที่สาคัญที่สุดก็คือมุมแคสเตอร์ และระยะเทรล
875 มม.
253 มม.
18
ยางรถจักรยานยนต์
ยางที่ใช้ในรถจักรยานยนต์รุ่น CRF250L นี้เป็ นแบบมียางใน
ความกว้ างของยาง
ความสู งของยาง
แก้มยาง (Side)
ยางบาง (Inner Linner)
มีเฉพาะยางไม่ ใช้ ยางใน ขดลวด (Bead)
(Tubeless Tire) เส้ นผ่ าศู นย์ กลางของยาง
1 2 3 45
ขนาดของยางและโครงสร้ าง
1. ความกว้างของหน้ายาง
2. สัดส่ วนความสูงของแก้มยางเทียบ
กับความกว้างของหน้ายาง
3. เส้นผ่าศูนย์กลางของยาง
4. ดัชนีการรับน้ าหนัก
5. สัญลักษณ์ความเร็ ว
ยางหน้ า
ยางหน้ า 3.00 - 21 51P, IRC GP32FZ
3.00 ยางกว้ าง 3 นิ้ว
21 เส้ นผ่าศูนย์ กลางวงล้อ 21 นิ้ว
51 ดัชนีการรับน้าหนัก
P รองรับความเร็วสู งสุ ด 150 กม./ชม.
หมายเหตุ : โดยปกติวงล้อของรถวิบากจะมีรูสาหรับยึดตัวล๊อคยางในเพื่อไม่ให้ยางในเคลื่อนตัวในขณะขี่บนทาง
ขรุ ขระแต่ในรถรุ่ น CRF250L จะไม่มีตวั ล๊อคยางใน
ยางหลัง
ยางหลัง 120 / 80 - 18M/C 62P, IRC GP22R
120 / 80 ยางกว้ าง 120 มม. / สู ง 96 มม.
18 ส้ นผ่าศูนย์ กลางวงล้อ 18 นิ้ว
M /C ผลิตมาเพือ่ ใช้ กบั รถจักรยานยนต์
62 ดัชนีการรับน้าหนัก
P รองรับความเร็วสู งสุ ด 150 กม./ชม.
19
การปรับตั้งวาล์ ว
การตรวจสอบ
ข้อควรจา
• ตรวจสอบและปรับตั้งระยะห่ างวาล์วในขณะที่เครื่ องยนต์เย็น (อุณหภูมิต่ากว่า 35๐C / 95๐F)
• หลังจากตรวจสอบระยะห่ างวาล์วแล้วให้ตรวจสอบรอบเดินเบาเครื่ องยนต์
• การตรวจสอบและปรับตั้งระยะห่ างวาล์วสามารถทาได้ในขณะที่เครื่ องยนต์ประกอบอยูก่ บั ตัวถัง
20
• วัดระยะห่ างโดยสอดฟิ ลเลอร์ เกจเข้ าระหว่ างกระเดื่องวาล์ ว
และแผ่ นชิม
ระยะห่ างวาล์ ว : ไอดี : 0.16 ± 0.03 มม. ( 0.006 ± 0.001 นิว้ )
ไอเสี ย : 0.27 ± 0.03 มม. ( 0.011 ± 0.001 นิว้ )
• การปรับตั้ง
ถอดโบ้ลท์ แหวนรองกันรั่วและแกนกระเดื่องวาล์ว จากนั้นเลื่อน
แกนกระเดื่องวาล์วออกและถอดแผ่นชิมออก สาหรับรถรุ่ นนี้
สามารถปรับตั้งระยะห่ างวาล์วได้โดยไม่ตอ้ งถอดเพลาลูกเบี้ยว
• วัดความหนาของแผ่นชิม และจดบันทึกไว้คานวณหาความ
หนาของแผ่นชิมอันใหม่โดยใช้สมการด้านล่างนี้
A=(B-C)+D
A = ความหนาของแผ่ นชิมอันใหม่
B = ระยะห่ างวาล์ วที่วดั ค่ าได้
C = ระยะห่ างวาล์ วมาตรฐาน
D = ความหนาของแผ่ นชิมอันเดิม
• ต้องแน่ ใจว่าความหนาของแผ่นชิมถูกต้องโดยการวัดแผ่นชิม
ด้วยไมโครมิเตอร์ และตกแต่งบ่าวาล์วถ้าเขม่าสะสมเป็ นผลให้
ขนาดที่คานวณได้มากกว่า 2.900 มม.
ข้ อควรจา : แผ่นชิมมีท้ งั หมด 69 แผ่ น ซึ่ งมีความหนาที่แตกต่างกัน โดยเริ่ มจากแผ่นบางที่สุด
(ความหนา 1.200 มม. - 2.900 มม.) โดยแต่ละแผ่นจะมีความหนาแตกต่างกัน 0.025 มม.
1.800 mm
21
• ประกอบแผ่นชิมใหม่ตามค่าที่ได้จากการคานวณบนแผ่นรองสปริ ง
กระเดื่องวาล์ว
วาล์ว และต้องประกอบแผ่นชิมใหม่ให้ตรงตามตาแหน่ งเดิมประ
กอบแกนกระเดื่องวาล์วในขณะที่จดั ให้รูของกระเดื่องวาล์ว และ
ฝาสู บตรงกัน จากนั้นหมุนเพลาลูกเบี้ยวโดยการหมุนเพลาข้อเหวี่ยง
ทวนเข็มนาฬิกาหลายๆรอบ ทาการตรวจสอบระยะห่ างวาล์วอีกครั้ง
แผ่นชิม
22
ไส้ กรองอากาศ
ข้ อควรระวัง : ห้ ามทาความสะอาดไส้ กรองอากาศ
ไส้กรองอากาศเป็ นไส้กรองกระดาษแบบเปี ยก ( วิสกัส ) เป็ นไส้กรองที่พฒั นาจากไส้กรองกระดาษ
แบบแห้ง ซึ่ งได้มีการเคลือบสารดักจับฝุ่ นไว้ ทาให้ประสิ ทธิ ภาพการดักจับฝุ่ นดีข้ ึน
การถอด / การประกอบ
ถอดฝาครอบข้างด้านขวาออก
ถอดสกรู [1] ถอดฝาครอบเรื อนไส้กรองอากาศ [2]
ถอดไส้กรองอากาศ [3] ออกจากเรื อนไส้กรองอากาศ
[3] โดยดึงหู ล็อคที่ไส้กรองอากาศให้หลุดจากเดือยที่เรื อน
ไส้กรองอากาศ จากนั้นดึงตัวไส้กรองอากาศออกมา
[1] ตรวจสอบ หากพบว่าไส้กรองอากาศสกปรกหรื อ
อุดตัน ให้เปลี่ยนไส้กรองอากาศอันใหม่การประกอบ
ให้ประกอบชิ้นส่ วนย้อนลาดับการถอดให้ถูกต้อง
[2]
สารดักจับฝุ่ น
23
ระบบควบคุมการปล่ อยไอระเหยนา้ มันเชื้อเพลิง
( EVAPORATIVE EMISSION CONTROL SYSTEM : EECS )
รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ จะถูกออกแบบและพัฒนาให้เป็ นมิตรกับสิ่ งแวดล้อมมากขึ้น โดยมีการออก
แบบและติดตั้งระบบควบคุมไอระเหยน้ ามันเชื้ อเพลิง ( Evaporative Emission Control System ) เพือ่ ทาให้ไอ
ระเหยของน้ ามันเชื้ อเพลิงมีปริ มาณน้อยที่สุด ซึ่ งในการควบคุมไอระเหยของน้ ามันเชื้ อเพลิงภายในถังจะถูกดูด
ซับและกาจัดก่อนปล่อยสู่ บรรยากาศ
ถังน้ ามันเชื้อเพลิง
โซลินอยด์ควบคุมการกาจัดไอระเหย ไอระเหยน้ามันเชื้อเพลิง
น้ ามันเชื้อเพลิง
อากาศบริสุทธิ์
การทางาน
เมื่อเกิดไอระเหยของน้ ามันเชื้ อเพลิงภายในถังฯ ไอระเหยจะลอยขึ้นไปด้านบนของถังฯและไหลผ่าน
ท่อทางไปยังกล่องดักไอระเหยน้ ามันเชื้ อเพลิง ซึ่ งภายในกล่องนี้จะมีไส้กรองดูดซับประสิ ทธิ ภาพสู งอยู่ ไอระเหย
น้ ามันเชื้ อเพลิงนี้จะถูกไส้กรองนี้ดูดซับไว้และปล่อยอากาศดีออกสู่ บรรยากาศ
เมื่อติดเครื่ องยนต์และเมื่อเครื่ องยนต์ถึงอุณหภูมิทางาน กล่อง ECM จะสัง่ ให้ โซลินอยด์วาล์วเปิ ด
เมื่อความเร็ วรอบของเครื่ องยนต์สูงเกินกว่า 3,000 รอบ / นาที ไอระเหยที่ถูกไส้กรองดูดซึ ม / ซับไว้ก็จะถูกดูด
ผ่านท่อทาง ตามแรงดูดที่เกิดจากสุ ญญากาศไปยังท่อไอดีเพือ่ นาเข้าไปสู่ กระบวนการเผาไหม้ภายในห้องเผาไหม้
ซึ่ งจะเกิดขั้นตอนดังที่กล่าวมาแล้ววนเวียนไปเรื่ อยๆ
24
ส่ วนประกอบของระบบ
ระบบควบคุมไอระเหยน้ ามันเชื้ อเพลิงของรถจักรยานยนต์รุ่น CRF250L ส่ วนประกอบของระบบ
จะอยูต่ อนกลางของรถ บริ เวณใต้เรื อนลิ้นเร่ ง เหนื อมอเตอร์ สตาร์ ท
[1]
[2]
TANK = ท่ อรับไอระเหยเชื้อเพลิงจาก
AIR = ท่ ออากาศบริสุทธิ์ ส่ วนบนของถังน้ามัน
UP
ด้ านขวา
ด้ านซ้ าย
25
2. โซลินอยด์ควบคุมการกาจัดไอระเหยน้ ามันเชื้ อเพลิง ( EVAP Purge Control Solenoid Valve )
จะทาหน้าที่ควบคุมการไหลของไอระเหยที่ถูกดูดโดยสุ ญญากาศที่ท่อไอดีออกจากกล่องดักไอระเหยน้ ามัน
เชื้ อเพลิงไปเผาไหม้ในห้องเผาไหม้ของเครื่ องยนต์เมื่อเครื่ องยนต์ทางาน กล่อง ECM จะสัง่ ให้โซลินอยด์เปิ ด
เมื่อเครื่ องยนต์มีความเร็ วรอบเกินกว่า 3,000 รอบ / นาที และอุณหภูมิเครื่ องยนต์ได้อุณหภูมิทางาน
ไปท่ อไอดี
ท่ ออากาศบริสุทธิ์
ท่ อระบายไอ
และของเหลว
26
ระบบควบคุมไอเสียจากห้ องเครื่องยนต์
( Crankcase Emission Control System : CECS )
แหล่ งกำเนิดไอเสี ย
กระบวนการเผาไหม้ ก่อให้เกิดก๊าซคาร์ บอนมอนนอกไซด์ (CO) ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx)
และก๊าซไฮโดรคาร์ บอน (HC) การควบคุมการแพร่ กระจายของก๊าซไฮโดรคาร์ บอนนั้นมีความสาคัญเป็ นอย่างยิง่
เนื่องจากก๊าซไฮโดรคาร์ บอนเป็ นสารเคมีที่เราสามารถมองเห็นได้ในรู ปแบบของควันเมื่อกระทบเข้ากับแสงอาทิตย์
ส่ วนก๊าซคาร์ บอนมอนนอกไซด์และไนโตรเจนออกไซด์เราไม่สามารถมองเห็นได้ในรู ปแบบของควัน แต่เป็ นก๊าซ
ที่มีพิษต่อร่ างกาย
บริ ษทั ฮอนด้ามอเตอร์ จากัด ได้ใช้ประโยชน์หลายๆระบบ โดยมีจุดประสงค์เพือ่ ลดจานวน
ก๊าซคาร์ บอนมอนนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์ บอนที่ออกมาจากเครื่ องยนต์เพือ่ ลดภาวะโลกร้อน
เรือนลิน้ เร่ ง
เรือนไส้ กรองอากาศ
ท่ อระบายจากห้ องเครื่องยนต์
อากาศบริสุทธิ์
ไอเสี ยจากห้ อง
เครื่องยนต์
27
ระบบควบคุมอากาศบาบัดไอเสีย
( Secondary Air Supply System : SASS )
โซลินอยด์ เรื อนไส้กรองอากาศ
ลิน้ กันกลับ
อากาศบริ สุทธิ์
ชุดเรื อนลิน้ เร่ ง ไอเสี ยระบาย
จากห้องเครื่ อง
ส่ วนประกอบของระบบ
[1] กล่อง ECM [2] โซลินอยด์วาล์ว [3] ลิ้นกันกลับ
หน้ าที่การทางาน
เป็ นระบบที่ติดตั้งเข้ามาเพือ่ บาบัดไอเสี ยให้สะอาดก่อนปล่อยออกสู่ บรรยากาศ
โดยการเติมอากาศเข้าไปในท่อไอเสี ยที่พอร์ ตไอเสี ย เพือ่ ทาการเผาไหม้น้ ามันเชื้ อเพลิงที่หลง
เหลือจากการเผาไหม้ในกรณี ที่ส่วนผสมหนา ซึ่ งที่บริ เวณพอร์ ตไอเสี ยจะมีอุณหภูมิสูงอยูแ่ ล้ว
ดังนั้นเมื่อเติมอากาศเข้าไปก็จะสามารถเกิดการลุกไหม้ได้อีกครั้งหนึ่ง เป็ นการกาจัดไอน้ ามัน
เชื้ อเพลิงที่หลงเหลือจากการเผาไหม้ภายในห้องเผาไหม้ จึงทาให้ไอเสี ยสะอาดขึ้น
หมายเหตุ : กล่อง ECM จะส่ งสัญญาณให้โซลีนอยด์ทาการเปิ ดให้อากาศบริ สุทธิ ผ่านเมื่อ
เครื่ องยนต์มีความเร็ วรอบเกิน 4,200 รอบ/ต่อนาที
28
ระบบระบายความร้ อน
ระบบระบายความร้อนในรถจักรยานยนต์จะแบ่งได้เป็ น 2 แบบ ดังนี้
1. ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ
2. ระบบระบายความร้อนด้วยน้ า
ทั้ง 2 ระบบนี้ มีขอ้ ดี - ข้อเสี ย แตกต่างกันออกไป โดยการออกแบบเครื่ องยนต์ในแต่ละรุ่ นก็จะ
ออกแบบระบบระบายความร้อนที่เหมาะสมกับรุ่ นนั้นๆ สาหรับรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ ใช้ระบบระบายความ
ร้อนด้วยน้ าทั้งระบบ เพือ่ การรักษาอุณหภูมิให้เหมาะสม เครื่ องยนต์จึงทางานได้อย่างเต็มประสิ ทธิ ภาพ
ส่ วนประกอบของระบบ
ถังน้ำสำรอง
เทอร์ โมสตัท
ปั๊มน้ำ
29
1. หม้ อนา้
ทาหน้าที่ระบายความร้อนออกจากน้ าร้อนที่มาจากเครื่ องยนต์ โดยน้ าร้อนจะไหลเข้ามาที่หม้อน้ าทาง
ด้านบน จากนั้นน้ าจะไหลไปตามท่อน้ าจานวนมากที่แผงระบายความร้อน ที่ท่อน้ านี้จะมีครี บระบายความร้อนติด
ตั้งอยู่ ความร้อนของน้ าจะถ่ายเทไปยังครี บระบายความร้อนนี้ พัดลมดูดอากาศจะหมุนและดูดเอาอากาศเย็นพัดผ่าน
ครี บระบายความร้อน พาความร้อนออกจากจากครี บระบายความร้อน ทาให้ครี บระบายความร้อนมีอุณหภูมิต่าลง
ส่ งผลให้น้ าร้อนที่เข้ามาทางด้านบนของหม้อน้ ามีอุณหภูมิลดลง เมื่อน้ าไหลผ่านท่อน้ ามาถึงด้านล่างของหม้อน้ า
น้ าที่ถูกระบายความร้อนแล้วก็จะถูกปั๊ มน้ าดูดน้ าไประบายความร้อนให้กบั เครื่ องยนต์ต่อไป
2. เทอร์ โมสตัท
เทอร์ โมสตัทติดตั้งอยูร่ ะหว่างเครื่ องยนต์กบั หม้อน้ ามีหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของเครื่ องยนต์ให้อยูใ่ น
ค่าที่เหมาะสม ตลอดเวลา โดยป้ องกันไม่ให้น้ าถูกระบายความร้อนไปก่อนโดยที่ยงั ไม่ถึงอุณหภูมิทางานซึ่ งทาได้
โดยการควบคุมอัตราการไหลของน้ าหล่อเย็นที่จะไหลไปยังหม้อน้ า เทอร์ โมสตัทจะมีการทางาน 2 ช่วงคือ
1. ขณะเครื่องยนต์ มีอุณหภูมิต่า
30
เทอร์ โมสตัทจะปิ ดช่องทางน้ าไม่ให้น้ าหล่อเย็นไหลไประบายความร้อนที่หม้อน้ าได้ ซึ่ งจะทาให้
น้ าหล่อเย็นมีอุณหภูมิสูงขึ้นจึงทาให้เครื่ องยนต์มีอุณหภูมิสูงขึ้นจนถึงอุณหภูมิทางานได้เร็ ว เครื่ องยนต์จึงทางาน
ได้อย่างเต็มประสิ ทธิ ภาพ
2. ขณะเครื่องยนต์ มีอุณหภูมิสูง
ใบพัดปั๊ มน้ ำ
31
5. นา้ หล่ อเย็น
เพือ่ เพิม่ ประสิ ทธิ ภาพในการระบายความร้อนของเครื่ องยนต์ จาเป็ นต้องใช้น้ ายาหล่อเย็นแทน
การใช้น้ าธรรมดาในการระบายความร้อน โดยน้ ายาหล่อเย็นจะมีจุดเดือดสู งกว่าน้ าปกติและยังมีคุณสมบัติ
ในการป้ องกันสนิ ม
ข้ อควรระวัง : อย่าเปิ ดฝาหม้อน้ าหรื อถอดท่อทางน้ าในขณะที่เครื่ องยนต์ยงั ร้อนอยู่ อาจทาให้เกิดอันตราย
ได้ควรปล่อยให้เครื่ องยนต์เย็นลงก่อน จึงทาการบริ การ
การติดเครื่ องยนต์ ควรทาในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก หรื อมีเครื่ องดูดควันจาก
ปลายท่อไอเสี ย เพราะการติดเครื่ องยนต์ในที่อบั ทึบ อาจเป็ นอันตรายต่อสุ ขภาพ
การเติมน้ าหล่อเย็นให้เติมในถังสารองเท่านั้น ห้ามเปิ ดฝาหม้อน้ าเด็ดขาดนอกจาก
เพือ่ การเปลี่ยนถ่ายน้ าหล่อเย็นใหม่เท่านั้น
หลังจากการบริ การระบบควรติดเครื่ องยนต์ตรวจสอบการรั่วทุกครั้ง
การเติมนา้ หล่ อเย็น
เติมน้ าหล่อเย็นที่แนะนาในถังน้ าสารองจนถึงขีดบอกระดับสู ง[1]
ฝาปิ ดถังน้ าสารอง
ข้ อควรระวัง
•ใช้น้ าหล่อเย็นแบบผสมแล้วของฮอนด้าซึ่ งประกอบไปด้วยสารยับยั้งการเกิดสนิ ม ขอแนะนา
ให้ใช้กบั ชิ้นส่ วนของเครื่ องยนต์ที่เป็ นอะลูมิเนี ยมเมื่อจะทาการเติมหรื อเปลี่ยนน้ าหล่อเย็น
ประกอบฝาปิ ดถังน้ าสารอง
นา้ หล่ อเย็นที่แนะนา : นา้ หล่ อเย็นแบบผสมแล้ วของฮอนด้ า
น้าหล่อเย็นแบบผสมแล้วของฮอนด้ ามีข้อดีคอื
• ง่ ายต่ อการใช้ งานเติมได้ ทันทีไม่ ต้องผสม
• อายุการใช้ งาน 2 ปี
• ช่ วยป้องกันการกัดกร่ อนหม้ อน้า (โดยเฉพาะหม้ อน้าอลูมิเนียม) และป้องกันการเกิดสนิม
เพราะน้าทั่วไปมีส่วนผสมของสารแขวนลอยของแร่ โลหะต่ างๆที่ทาให้ เกิดสนิม
• ช่ วยควบคุมความร้ อนในระบบหล่อเย็นของเครื่องยนต์ ป้องกันปัญหาความร้ อนสู งเกิน
ของเครื่องยนต์ (Over Heat)
• ไม่ เกิดการแข็งตัวของน้ายาในสภาพอากาศที่เย็นและความกดอากาศต่า
32
ระบบหล่ อลืน่
• การเปลีย่ นไส้ กรองนา้ มันเหล่ อลืน่ ครั้งแรกที่ 1,000 กม.
และครั้งต่ อไปทาการเปลีย่ นทุกๆ 12,000 กม.
33
ท่อไอเสี ย
ท่อไอเสี ยท่อนหลัง
(MUFFLER)
ฝาครอบท่อไอเสี ย
(MUFFLER COVER)
ท่อไอเสี ยท่อนหน้า
ตัวป้ องกันท่อไอเสี ย (EXHAUST PIPE)
(EXHAUST PIPE PROTECTOR)
ภาพแสดง : ชิ้นส่วนประกอบของท่อไอเสี ย
การทางานของกรองไอเสี ย (CATALYSTIC)
รถจักรยานยนต์รุ่นนี้ได้ติดตั้งอุปกรณ์แคทาไลติก (CATALYSTIC) ไว้ที่ตรงบริ เวณส่ วนกลาง
ของท่อไอเสี ย โดยทาหน้าที่เปลี่ยนไอเสี ย 3 ชนิ ดได้แก่ไฮโดรคาร์ บอน (HC) คาร์ บอนมอนอกไซด์ (CO)
และไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ที่อยูใ่ นไอเสี ยของเครื่ องยนต์ โดยเปลี่ยนเป็ นคาร์ บอนไดออกไซด์ (CO2)
ไนโตรเจน (N2) ออกซิ เจน (O2) และไอน้ า (H2O) ด้วยปฏิกิริยาทางเคมีออกซิ เดชัน่ (OXYDATION)
และรี ดกั ชัน่ (REDUCTION) สมการเคมีดา้ นล่างแสดงถึงปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้น โดยปฏิกิริยาสามารถเกิด
ขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ แต่ว่าอัตราการเกิดขึ้น จะช้ามาก ดังนั้นจึงต้องใช้สารเร่ งปฏิกิริยาหรื อแคทาลิสต์
(CATALYST) เพือ่ ให้ปฏิกิริยาเคมีเกิดเร็ วขึ้น
2CO + O2 --------> 2CO2
CxHy + O2 --------> CO2 + H2O
2NOx --------------> N2 + O2
ภายในอุปกรณ์แคทาไลติกจะประกอบไปด้วย
โลหะ 2 ชนิ ด ชิ้นหนึ่งเคลือบด้วยโรเดียมเพือ่ เร่ ง
ปฏิกิริยารี ดกั ชัน่ อีกชิ้นหนึ่งจะเคลือบด้วยแพลทินม่ั
เป็ นตัวเร่ งปฏิกิริยาออกซิ เดชัน่
ภายในประกอบรวมกันอยู่ กว่า 300 ช่องทาให้
พื้นที่ผิวในการทาปฏิกิริยาเคมีเพิม่ มากขึ้นส่ งผลให้
ประสิ ทธิ ภาพการลดปริ มาณก๊าชพิษเพิม่ สู งขึ้น
34
โซ่ ขบั เคลือ่ น
การตรวจสอบความหย่ อนของโซ่ ขบั เคลือ่ น
ก่อนทาการตรวจสอบความหย่อนของโซ่ ให้ปิดสวิทช์
25 - 35 มม.
กุญแจจุดระเบิดไปที่ตาแหน่ ง " OFF " ทุกครั้งจอดรถ
ด้วยขาตั้งข้างและเปลี่ยนเกียร์ รถให้อยูใ่ นตาแหน่ งเกียร์
ว่างตรวจสอบความหย่อนของโซ่ ที่ตาแหน่ งกึ่งกลางระ
หว่างสเตอร์ หน้าและสเตอร์ หลัง
ความหย่ อนของโซ่ : 25 - 35 มม.
ความหย่อนของโซ่ที่เกินกว่าปกติ 50 มม. ( 2.0 นิ้ว )
น๊ อตล๊อคโบ้ ลท์ ปรับความตึงโซ่
หรื อมากกว่า อาจทาให้เกิดความเสี ยหายกับตัวถังได้
การปรับตั้ง
คลายน๊อตยึดเพลาล้อหลัง
คลายน๊อตล๊อคโบ้ลท์ปรับตั้งความตึงโซ่และหมุน
โบ้ลท์ปรับตั้งความตึงโซ่ท้ งั สองด้านจนกระทัง่ ได้ โบ้ ลท์ ปรับตั้ง
น๊ อตยึดเพลาล้อหลัง
ระดับความหย่อนของโซ่ตามต้องการ
[2]
20 ฟุต-ปอนด์ )
[1]
35
ระบบการจ่ ายนา้ มันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด ( PGM-FI )
• ส่ วนประกอบของระบบ PGM - FI
1. ตัวตรวจจับสั ญญาณ (Sensor)
1.1 ตัวตรวจจับแรงดันสัมบูรณ์ในท่อไอดี (MAP sensor)
1.2 ตัวตรวจจับอุณหภูมิอากาศ (IAT sensor)
1.3 ตัวตรวจจับตาแหน่ งลิ้นเร่ ง (TP sensor)
1.4 ตัวตรวจจับอุณหภูมิน้ าหล่อเย็น (ECT sensor)
1.5 ตัวตรวจจับตาแหน่ งเพลาข้อเหวี่ยง (CKP sensor)
1.6 ตัวตรวจจับปริ มาณออกซิ เจน (O2 sensor)
1.7 ตัวตรวจจับการเอียงของรถ (Bank Angle Sensor)
2. ปั๊ มนา้ มันเชื้อเพลิง (Fuel Pump)
3. หัวฉีด (Injector)
4. วาล์ วควบคุมอากาศรอบเดินเบา ( IACV : Idle Air Control Valve )
5. หลอดไฟแสดงความผิดปกติ (MIL : Malfunction Indicator Lamp)
6. กล่ องควบคุมการทางานของเครื่องยนต์ ( ECM : Engine Control Module)
7. เรือนลิน้ เร่ ง (Throttle Body)
• สวิทช์ดบั เครื่ องยนต์
• สวิทช์จุดระเบิด
• ECM
• ขั้วตรวจสอบ DLC
• หัวฉี ด
• วาล์วควบคุมอากาศ
รอบเดินเบา
• ตัวตรวจจับ • ชุดเซนเซอร์ :
ปริ มาณออกซิเจน - ตัวตรวจจับแรงดันสัมบูรณ์ในท่อไอดี
- ตัวตรวจจับอุณหภูมิอากาศ
• ตัวตรวจจับอุณหภูมิน้ าหล่อเย็น - ตัวตรวจจับตาแหน่งลิน้ เร่ ง
• ตัวตรวจจับ
• ตัวตรวจจับตาแหน่งเพลาข้อเหวี่ยง ความเร็ วของรถ
36
1. ตัวตรวจจับสั ญญาณ ( SENSOR )
มีหน้าที่ตรวจจับความเปลี่ยนแปลงสภาวะต่างๆ ของเครื่ องยนต์ เพือ่ ส่ งข้อมูลต่างๆ ไปยังกล่อง
ECM แล้วนาข้อมูลเหล่านั้น ไปประมวลผลเพือ่ หาปริ มาณการฉี ด และจังหวะในการจุดระเบิดที่เหมาะสม
ซึ่ งตัวตรวจจับเหล่านี้มีความสาคัญต่อระบบ PGM - FI เป็ นอย่างยิง่
ตัวตรวจจับแรงดัน
(ซิลิโคน ไดอะแฟรม)
ECM OUTPUT VOLTAGE
5V
MAP SENSOR 5V 3.41V
OUTPUT
VOLTAGE
0.5V
แอมปลิไฟเออร์ 13 kPa 120 kPa
LOW HIGH PRESSURE
ทางเข้าสุ ญญากาศ
37
1.2 ตัวตรวจจับอุณหภูมิอากาศ : IAT sensor ( Intake Air Temperature Sensor )
ตัวตรวจจับอุณหภูมิอากาศ
ทาหน้าที่ตรวจจับอุณหภูมิของอากาศที่บรรจุ
เข้ากระบอกสู บ แล้วเปลี่ยนเป็ นสัญญาณ
ทางไฟฟ้ าส่ งไปยังกล่อง ECM เพือ่ ปรับเปลี่ยน
ระยะเวลาในการฉี ดน้ ามันเชื้ อเพลิงให้เหมาะสม
ภาพแสดง : โครงสร้างภายในชุดเซนเซอร์
THERMISTOR
OUTPUT
ECM VOLTAGE
5V 4.63V
IAT SENSOR
INPUT
VOLTAGE
38
1.3 ตัวตรวจจับตำแหน่ งลิน้ เร่ ง : TP sensor ( Throttle Position Sensor )
OUTPUT
VOLTAGE
ความต้านทานที่เปลี่ยนค่าได้ ECM
5V 4.76 V
TP SENSOR
OUTPUT
VOLTAGE
0.29 V
FULL CLOSE FULL OPEN
หน้าสัมผัส
THROTTLE VALVE OPENING DEGREE
39
1.4 ตัวตรวจจับอุณหภูมินำ้ หล่ อเย็น : ECT sensor ( Engine Coolant Temperature Sensor )
THERMISTOR
INPUT
VOLTAGE
40
1.5 ตัวตรวจจับตำแหน่ งเพลำข้ อเหวีย่ ง : CKP sensor ( Crank Shaft Position Sensor )
กล่อง ECM
ล้อแม่เหล็ก
INPUT
VOLTAGE
INPUT
ตัวตรวจจับตำแหน่ง VOLTAGE
เพลำข้อเหวี่ยง
ภำพแสดง : ตัวตรวจจับตำแหน่งเพลำข้อเหวี่ยง
41
ตัวตรวจจับปริ มาณออกซิ เจน ติดตั้งอยูท่ ี่ฝาสู บบริ เวณปากท่อไอเสี ยด้านซ้าย ภายในประกอบด้วย
แผ่นเซอร์ โคเนี ย ( ZIRCONIA ) ที่ฉาบด้วยแพลทินมั่ ( PLATINUM ) ซึ่ งมีลกั ษณะเป็ นรู รอบๆ เพือ่ ตรวจจับก๊าซ
ไอเสี ยที่เกิดจากการเผาไหม้ในขณะนั้น ว่าเครื่ องยนต์เผาไหม้สมบูรณ์เพียงใด ถ้าเครื่ องยนต์เผาไหม้ไม่สมบูรณ์
ตัวตรวจจับปริ มาณออกซิ เจนจะไม่สามารถตรวจจับออกซิ เจนในก๊าซไอเสี ยได้ กล่อง ECM ก็จะสั่งลดปริ มาณ
การฉี ดน้ ามันเชื้ อเพลิงให้น้อยลงจนกว่าจะจับปริ มาณออกซิ เจนในก๊าซไอเสี ยได้
และในทางกลับกันถ้าตัวตรวจจับปริ มาณออกซิ เจน ในก๊าซไอเสี ยพบปริ มาณออกซิ เจนมาก
กล่อง ECM จะเพิม่ ปริ มาณการฉี ดให้สมั พันธ์กบั การทางานของเครื่ องยนต์
ATMOSPHERE
(บรรยากาศ)
ELECTROMOTIVE
( VOLTAGE )
ECM HIGH
O2 SENSOR
RICH AIR/FUEL RATIO
LOW
INTAKE IGNITION INTAKE IGNITION
PROCESS COMPRESSION EXHAUST COMPRESSION EXHAUST
ข้อควรระวัง :
- ห้ ามใช้ นา้ มันเครื่อง จาระบี นา้ หรือสารละลายอืน่ ๆทุกชนิด ใส่ ไปในรู อากาศตัวตรวจจับปริมาณออกซิ เจน
- ห้ ามใช้ นา้ มันเครื่อง จาระบี นา้ หรือสารละลายอืน่ ๆทุกชนิด ใส่ ภายในปลัก๊ ตัวตรวจจับปริมาณออกซิ เจน
- ต้ องเปลีย่ นตัวตรวจจับปริมาณออกซิ เจนใหม่ เมื่อตก - หล่ น
42
2. ปั๊ มนำ้ มันเชื้อเพลิง ( Fuel Pump )
43
3. หัวฉีด ( Injector )
ทาหน้าที่ฉีดน้ ามันเชื้ อเพลิงให้เป็ นฝอยละออง เพือ่ ผสมกับอากาศบริ เวณท่อไอดี ก่อนผ่านวาล์วไอดี
เข้าสู่ กระบอกสู บ หัวฉี ดที่ใช้เป็ นแบบไฟฟ้ าคือบังคับการเปิ ดของหัวฉี ดโดยโซลินอยด์สร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้ า
เพือ่ ยกเข็มหัวฉี ดขึ้น และปิ ดโดยใช้แรงดันสปริ ง
การทางาน
น้ ามันเชื้ อเพลิงจากถังน้ ามันจะถูกสร้างแรงดันให้สูงขึ้นด้วยปั๊ มน้ ามันเชื้ อเพลิง ควบคุมแรงดัน
โดยตัวควบคุมแรงดันแล้วส่ งน้ ามันไปยังหัวฉี ด โดยผ่านตะแกรงกรองที่อยูด่ า้ นบน ลงไปยังเข็มหัวฉี ดที่ปลาย
ด้านล่างของหัวฉี ด ซึ่ งในขณะที่หวั ฉี ดยังไม่ทางาน เข็มหัวฉี ดจะถูกสปริ งดันให้แนบสนิ ทอยูก่ บั บ่าของ
เข็มหัวฉี ด จังหวะนี้จะไม่มีการฉี ดน้ ามันเชื้ อเพลิง
กล่อง ECM จะสั่งให้หวั ฉี ดทางานโดยต่อวงจรไฟฟ้ าที่มาจากหัวฉี ดลงกราวนด์ ทาให้โซลินอยด์
เกิดสนามแม่เหล็ก ดูดพลังเยอร์ ที่อยูต่ รงกลางขึ้น เข็มหัวฉี ดที่ติดเป็ นชุดเดียวกับพลังเยอร์ ก็จะยกตัวขึ้นจากบ่า
ของเข็มหัวฉี ด ทาให้น้ ามันเชื้ อเพลิงที่มีแรงดันสู ง ( 343 kPa ) ถูกฉี ดออกมาในลักษณะเป็ นฝอยละออง
เพือ่ ผสมกับอากาศก่อนเข้าสู่ กระบอกสู บ
44
4. วาล์ วควบคุมอากาศรอบเดินเบา : IACV ( Idle Air Control Valve )
ทาหน้าที่ควบคุมปริ มาณอากาศที่เข้าสู่ เครื่ องยนต์โดยไม่ผ่านทางลิ้นเร่ ง โดยทาให้วาล์วควบคุม
อากาศรอบเดินเบาเคลื่อนที่ สอดคล้องกับสัญญาณเข้าที่มาจากกล่อง ECM เพือ่ ที่จะรักษาความเร็ วรอบของ
เครื่ องยนต์ให้ได้ตามที่กาหนดไว้ที่ 1,450 ± 100 รอบต่อนาที
ภาพแสดง : ตาแหน่งการติดตั้งวาล์วควบคุมอากาศรอบเดินเบา
การทางาน
เมื่อเปิ ดสวิทช์กุญแจกล่อง ECM จะสัง่ ให้มอเตอร์ ปรับระยะดึงวาล์วควบคุมอากาศเข้าหาตัวมอเตอร์
ในขณะที่ทาการตรวจวัดอุณหภูมิน้ าหล่อเย็นของเครื่ องยนต์ กล่อง ECM จะทาให้มอเตอร์ ปรับระยะหมุนเพือ่
เลื่อนวาล์วควบคุมอากาศรอบเดินเบากลับคืนตาแหน่ งที่เหมาะสม ซึ่ งเป็ นตาแหน่ งที่มีปริ มาณของอากาศที่เข้ามา
เพียงพอต่อการสตาร์ ทติดเครื่ องยนต์ได้
เมื่อเครื่ องยนต์ยงั ไม่ถึงอุณหภูมิทางาน กล่อง ECM จะควบคุมตาแหน่ งของวาล์วควบคุมอากาศ
รอบเดินเบาเพือ่ ที่จะเพิม่ ปริ มาณของอากาศที่เข้ามา เพือ่ ให้ความเร็ วรอบของเครื่ องยนต์ถูกรักษาให้อยูท่ ี่
1,700 ± 100 รอบต่อนาที
เมื่อเครื่ องยนต์มีอุณหภูมิสูงขึ้น กล่อง ECM จะสั่งวาล์วควบคุมอากาศรอบเดินเบาคืนกลับตาแหน่ ง
เดิมเพือ่ ลดปริ มาณของอากาศและควบคุมรอบเดินเบาของเครื่ องยนต์ให้อยูท่ ี่ 1,450 ± 100 รอบต่อนาที
วาล์วควบคุม
วาล์วควบคุม อากาศรอบ
อากาศรอบ เดินเบา
เดินเบา
45
5. หลอดไฟแสดงความผิดปกติ (MIL : Malfunction Indicator Lamp)
มีหน้าที่ควบคุมการทางานทั้งหมดของระบบ
PGM - FI โดยรับสัญญานต่างๆจากตัวตรวจจับ
แล้วนาไปประมวลผล การสั่งจ่ายน้ ามันเชื้ อเพลิง
กาหนดจังหวะจุดระเบิด, การตัด - ต่อการสั่งจ่าย
น้ ามันเชื้ อเพลิง, ระบบควบคุมอากาศวงจรเดินเบา
ระบบตรวจสอบความผิดปกติของระบบ PGM-FI
46
7. เรือนลิน้ เร่ ง (Throttle Body)
เป็ นที่ติดตั้งของชุดเซนเซอร์, ชุดวาล์วควบคุมอากาศรอบเดินเบา และหัวฉี ดน้ ามันเชื้ อเพลิง
ขนาดคอคอด 36 มิลลิเมตร
หัวฉีด
ฉนวนท่อไอดี
ข้อต่อหัวฉีด
ชุดวาล์วควบคุม
อากาศรอบเดินเบา
47
• ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ PGM - FI
ECM • หัวฉี ด
• ควบคุมการฉี ดน้ ามัน
เชื้อเพลิง • ปั๊ มน้ ามัน
เชื้อเพลิง
• ควบคุมการทางานของ
• ตัวตรวจจับ
ปั๊ มน้ ามันเชื้อเพลิง
• ความดันในท่อไอดี
• ตาแหน่งลิ้นเร่ ง
• อุณหภูมิอากาศ • ควบคุมการทางานของ • คอยล์จุดระเบิด
ระบบจุดระเบิด
• ตัวตรวจจับตาแหน่ง • หลอดไฟแสดง
เพลาข้อเหวี่ยง ความผิดปกติ
• ควบคุมการทางานของ
หลอดไฟแสดงความผิดปกติ
• วาล์วควบคุมอากาศ
• ตัวตรวจจับอุณหภูมิ • ควบคุมความเร็ วรอบเดิน รอบเดินเบา
น้ าหล่อเย็น
• ควบคุมการทางานของ
• วาล์วโซลินอยด์ควบคุม
วาล์วโซลินอยด์ควบคุมอากาศ
อากาศบาบัดไอเสี ย
บาบัดไอเสี ย ระบบ EVAP
ระบบ PAIR
• ตัวตรวจจับปริ มาณ
ออกซิ เจน • ควบคุมการทางานของ • วาล์วโซลินอยด์ควบคุม
วาล์วโซลินอยด์ควบคุมการ
ไหลของไอน้ ามันระบบ EVAP การไหลของไอน้ ามันระบบ
EVAP
48
การเรียกดูข้อมูลปัญหา
ขั้นตอน
1. ปิ ดสวิทช์กุญแจไปที่ตาแหน่ ง " OFF "
2. เปิ ดเบาะนัง่ ขึ้น ถอดฝาครอบแบตเตอรี่ ถอดฝาครอบขั้วตรวจสอบ แล้วต่อเครื่ องมือพิเศษ
ตาแหน่ งการต่ อสาย : สายสี นา้ เงิน กับ สายสี เขียว
3. เปิ ดสวิทช์กุญแจไปที่ตาแหน่ ง " ON " สังเกตุการทางานของหลอดไฟแสดงความผิดปกติ
ไม่ มีข้อมูลปัญหา
ดับ
ติด
มีข้อมูลปัญหา
ดับ
มีรหัสความผิดปกติที่จดั เก็บอยูใ่ นหน่วยความจา
0.3 วินาที
49
การลบข้ อมูลในหน่วยความจา
ขั้นตอนต่ อจากการเรียกดูข้อมูลปั ญหาแล้ ว
1. ถอดเครื่ องมือพิเศษออก แล้วต่อกลับให้ทนั ภายในเวลา 5 วินาที
ต่อกลับภายในเวลา 5 วินาที
50
การปรับตั้งตัวตรวจจับตาแหน่งลิน้ เร่ ง
หลังจากมีการถอด-ประกอบชุดเซนเซอร์ ต้องทาการปรับตั้งตัวตรวจจับตาแหน่ งลิ้นเร่ งทุกครั้ง
ชุดเซนเซอร์
ข้ อควรจา
• ต้องแน่ ใจว่าไม่มีขอ้ มูลรหัสข้อขัดข้องจัดเก็บอยูใ่ นกล่อง ECM ถ้ามีขอ้ มูลรหัสข้อขัดข้องจัดเก็บอยูใ่ นกล่อง ECM
จะไม่สามารถปรับตั้งตัวตรวจจับตาแหน่ งลิ้นเร่ งได้
ขั้นตอน ต่ อจากการลบข้ อมูลแล้ ว และเครื่องมือพิเศษยังต่ ออยู่กับขั้วตรวจสอบ
1. ปิ ดสวิทช์ แล้วถอดขั้วต่อตัวตรวจจับอุณหภูมิน้ าหล่อเย็น แล้วช๊อตขัวสายด้วยสายพ่วงดังภาพ
ตาแหน่ งการต่ อสาย : สายสี เหลือง/นา้ เงิน กับ เขียว/ขาว
เปิ ดสวิทช์ไปที่
ตำแหน่ง "ON"
51
3. ตรวจสอบการกะพริ บของหลอดไฟแสดงความผิดปกติ หลังจากปลดสายพ่วงออกหลอดไฟจะดับ
แล้วกะพริ บแสดงว่าการปรับตั้งสาเร็ จ
4. ปิ ดสวิทช์ไปที่ตาแหน่ ง "OFF"
5. ต่อขั้วต่อตัวตรวจจับอุณหภูมิน้ าหล่อเย็น
6. ปลดเครื่ องมือออกจากขั้วตรวจสอบ
7. ประกอบชิ้นส่ วนกลับ
52
ระบบการตรวจสอบความผิดปกติ
เป็ นระบบที่ติดตั้งเข้ามาเพือ่ อานวยความสะดวกให้กบั นายช่าง โดยระบบจะตรวจสอบการทางานของ
ตัวตรวจจับ ( SENSOR ) อยูต่ ลอดเวลา และเมื่อใดที่ระบบตรวจพบความผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวตรวจจับ ระบบจะ
แสดงผลออกมาทางหลอดไฟแสดงความผิดปกติ ที่อยูบ่ นหน้าปั ดโดยหลอดไฟจะกะพริ บเป็ นรหัสปั ญหาต่างๆ
• รหัสแสดงความผิดปกติ
เมื่อเปิ ดสวิทช์กุญแจไปที่ตาแหน่ ง " ON " หลอดไฟแสดงความผิดปกติจะติด 2 วินาทีแล้วดับลง
ถ้าระบบตรวจพบความผิดปกติของตัวตรวจจับต่างๆหลอดไฟแสดงความผิดปกติ จะกะพริ บเป็ นรหัสเพือ่ แจ้งปั ญหา
ให้ทราบ
53
รหัสแสดงความผิดปกติจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ รหัสเดี่ยวและรหัสคู่
• รหัสเดี่ยว
เป็ นการแสดงรหัสข้อขัดข้องแบบ 1 สัญญาณ ( กะพริ บสั้น ) โดยการกะพริ บของหลอดไฟแสดง
ความผิดปกติ ตามจานวนครั้งของรหัสด้วยความถี่ที่เท่ากัน
0.3 วินาที
0.4 วินาที
รหัส 7
• รหัสคู่
เป็ นการแสดงรหัสข้อขัดข้องแบบ 2 สัญญาณ ( กะพริ บยาว - สั้น ) โดยการกะพริ บของหลอดไฟ
แสดงความผิดปกติ ตามจานวนครั้งของรหัสด้วยการกะพริ บยาว และกะพริ บสั้นสลับกัน
1.3 วินาที
0.5 วินาที
0.3 วินาที
รหัส 12
54
• ตารางแสดงรหัสปัญหา
55
• ตารางแสดงรหัสปัญหา
56
เปรียบเทียบอุปกรณ์ รถจักรยานยนต์ ร่ ุ น CBR250R กับ CRF250L
• ขนาด 36 มม.
• ขนาด 38 มม. • หมายเลข GQ32A
• หมายเลข GQ9JA • เปลี่ยนฝาครอบหัวฉีด
หัวฉี ด (Injector) หัวฉี ด (Injector)
• หัวฉีดมี 12 รู • หัวฉีดมี 12 รู
57
เปรียบเทียบอุปกรณ์ รถจักรยานยนต์ รุ่ น CBR250R กับ CRF250L
ปั๊ มน้ ามันเชื้ อเพลิง (Fuel Pump) ปั๊ มน้ ามันเชื้ อเพลิง (Fuel Pump)
58
KZZA : PGM - FI
PGM-FI SYSTEM DIAGRAM
รี เลย์สตาร์ท สวิทช์สตาร์ท
เรคกูเลเตอร์/
เรคติไฟเออร์
เซนเซอร์ตรวจจับ วาล์วควบคุมไอน้ ามัน
ตาแหน่งเพลาข้อเหวี่ยง
รี เลย์ควบคุม
ปั๊มน้ ามันเชื้อเพลิง
สวิทช์ไฟ ปั๊ มน้ ามันเชื้อเพลิง
สวิทช์คลัทช์
เกียร์ว่าง
เรื อนไมล์
ตัวตรวจจับการเอียงของรถ
รี เลย์ควบคุมการ
ตัวตรวจจับความดันในท่อไอดี ทางานของพัดลม
ตัวตรวจจับตาแหน่งลิ้นเร่ ง หัวฉี ด
พัดลมระบาย
ตัวตรวจจับอุณหภูมิอากาศ ความร้อน
คอยล์จุดระเบิด
วาล์วควบคุมอากาศ
บาบัดไอเสี ย
ตัวตรวจจับอุณหภูมิน้ าหล่อเย็น
ขั้วตรวจสอบ
ตัวตรวจจับปริ มาณ
ออกซิเจน
วาล์วควบคุมอากาศรอบเดินเบา
59
ระบบสตาร์ ท
ฟิ วส์หลัก (30 A)
สวิทช์จุดระเบิด ฟิ วส์ (10 A)
แบตเตอรี่
รี เลย์สตาร์ท
สวิทช์สตาร์ท
สวิทช์ดบั เครื่ องยนต์
ไดโอด
สวิทช์ไฟ
การทางาน
ไฟจากแบตเตอรี่ ข้ วั บวก ไปที่รีเลย์หลัก ออกจากรี เลย์หลักเข้าฟิ วส์หลัก 30 A ออกมาสายสี แดง/ขาว
เข้าสวิทช์จุดระเบิด ออกจากสวิทช์จุดระเบิด สายสี ดา/แดง เข้าฟิ วส์ 10A ออกสายสี ดา/เขียว เข้าสวิทช์ดบั เครื่ องยนต์
ออกจากสวิทช์ดบั เครื่ องยนต์สายสี ดา/น้ าเงิน เข้าสวิทช์สตาร์ ท ออกจากสวิทช์สตาร์ ทสายสี เหลือง/แดง เข้าขั้วขดลวด
ของรี เลย์สตาร์ ท ออกจากรี เลย์สายสี เขียว/แดง เข้าไดโอด ออกจากไดโอดสายสี เขียวอ่อน/แดง เข้าสวิทช์ไฟเกียร์ ว่าง
ลงกราวนด์ เกิดสนามแม่เหล็กที่ขดลวดรี เลย์สตาร์ ท ดูดหน้าคอนแทคให้ต่อกัน ไฟจึงสามารถไหลผ่านหน้าคอนแทค
รี เลย์สตาร์ ทออกมาเข้ามอเตอร์ สตาร์ ท ลงกราวนด์ ครบวงจรเครื่ องยนต์หมุน
60
ระบบจุดระเบิด
สวิทช์ตดั การทางานของเครื่ องยนต์ที่ขาตั้งข้าง
ฟิ วส์หลัก (30 A) สวิทช์จุดระเบิด
ขึ้น
ฟิ วส์ (10 A) ลง
แบตเตอรี่ ตัวตรวจจับ
สวิทช์ดบั เครื่ องยนต์ การเอียง
คอยล์
จุดระเบิด
กล่อง ECM
ตัวตรวจจับตาแหน่งเพลาข้อเหวี่ยง
สวิทช์ไฟเกียร์ว่าง
เงื่อนไขการทางาน
ไฟที่ออกจากกล่อง ECM 2 เส้น สี เขียว/แดง ไปที่สวิทช์ไฟเกียร์ วา่ ง และสี เขียว/ส้ม ไปที่
สวิทช์ตดั การทางานที่ขาตั้งข้าง อย่างน้อย 1 เส้นต้องลงกราวนด์ ระบบจึงจะสามารถทางานได้ เช่น
- ถ้ารถไม่ได้อยูใ่ นเกียร์ ว่างก็ตอ้ งเอาขาตั้งข้างขึ้น ระบบจุดระเบิดจึงจะสามารถทางานได้
- ถ้ารถอยูใ่ นเกียร์ ว่างจะเอาขาตั้งข้างขึ้น หรื อลง ระบบจุดระเบิดก็สามารถทางานได้
การทางาน
ไฟจากขั้วบวกแบตเตอรี่ ผ่านฟิ วส์หลัก 30 A ออกมาสายสี แดง/ขาว เข้าสวิทช์จุดระเบิด ออกมา
สายสี ดา/แดง เข้าฟิ วส์ 10 A ออกสายสี ดา/เขียว เข้าสวิทช์ดบั เครื่ องยนต์ ออกจากสวิทช์สายสี ดา/น้ าเงิน
แยกเป็ น 3 ทาง
ทางที่ 1 ไปเลี้ยงกล่อง ECM
ทางที่ 2 ไปเลี้ยงคอยล์จุดระเบิด ออกจากคอยล์จุดระเบิดสายสี ขาว/เหลือง ไปลงกราวนด์ที่ ECM
ทางที่ 3 ไปเซนเซอร์ ตรวจจับการเอียง ออกจากเซนเซอร์ สายสี แดง/น้ าเงิน ไปลงกราวนด์ที่ ECM
61
กรณีเอาขาตั้งข้ างขึน้ และรถอยู่ในเกียร์ ว่าง
ไฟจากกล่อง ECM สายสี เขียว/ส้ม วิ่งไปที่สายสี เขียว/ขาว เข้าสวิทช์ตดั การทางานที่ขาตั้งข้าง
ออกมาสายสี เขียวลงกราวนด์ กล่อง ECM สัง่ ให้ระบบจุดระเบิดพร้อมทางาน
ไฟจากกล่อง ECM สายสี เขียว/แดง เข้าไปที่ไดโอด ออกมาสายสี เขียวอ่อน/แดง เข้าสวิทช์ไฟ
เกียร์ ว่างลงกราวนด์ กล่อง ECM สั่งให้ระบบจุดระเบิดพร้อมทางาน
เมื่อสตาร์ ทเครื่ องยนต์ เซนเซอร์ ตรวจจับตาแหน่ งเพลาข้อเหวี่ยงส่ งสัญญาณมาที่กล่อง ECM
สายสี น้ าเงิน/เหลือง กับขาว/เหลือง กล่อง ECM ก็จะสั่งให้คอยล์จุดระเบิดผลิตไฟแรงเคลื่อนสู งไปกระโดด
ที่เขี้ยวหัวเทียนในจังหวะและเวลาที่เหมาะสมกับการทางานของเครื่ องยนต์
62
WIRING DIAGRAM
HL
ST
REAR
IG
SPEEDOMETER PAIR CONTROL PUMP BRAKE BATTERY
SOLENOID UNIT IGNITION
BANK SWITCH LIGHT
BAT
VALVE
IG
BI
Bu
ANGLE SWITCH
BAT
HORN TURN 4P
BAT
VS SENSOR SENSOR SIGNAL R
GND
NEUTRAL
VSP
SP SIG
SP GND
IGN(Vcc)
BATT
FUEL
FI
TEMP
TURN L
HIGH BEAM
TURN R
RELAY
Y/R
G/R
Bl
R/W
R/W
IG
IGP
Y/R
Bl/Y
Bl/O
Bl/G
OUT
Bl/Bu
Bl/Bu
Bu/W
9
8
7
6
5
4
3
2
1
IGN
11
16
15
14
13
12
10
F/PUMP -
F/PUMP +
SENDER +
OUT
2P
GND
BI
JUNCTION BOX
16P
P
2P EVAP PURGE
Bl/R
R/W
BI
BI
P
G
Bl
CONTROL
Y/R
O/G
R/Bl
G
Bl/W
Lg
Bl/Bu
3P SOLENOID
Bl
G
O
BI
Bl
Y/R
Lb
12P
Bu
Bl/Y
R/Bu
Bl/O
Bl/G
Bl/Bu
Bl/Bu
Bu/W
Bl/R
Y/W
W/R
G/Bl
Lg/Bl
G/Bu
W/Bu
VALVE
3P 2P
G
Gr
3P 3P 2P Br
Bl/O
Bu BI BI 9P 3P
G
G
G
G
G
G
G
G
G
BI BI
G
Bu
Bl/R
R/W
Y/BI
BI/Bu
Bl/R
G/Bl
W/R
Y/W
Br/R
G/Y
Bl/O
Y/R
G/Y
Bl/Y
Bl/O
Bl/G
Bl/Bu
Bu/W
2P Lb
6P BI
G G RIGHT REAR TURN SIGNAL LIGHT
Lb Lb Lb 12V 21W
2P O
2P Lb G G LEFT REAR TURN SIGNAL LIGHT
O O O 12V 21W
Lb Lb
G G
Bl Bl Bl
RIGHT FRONT TURN SIGNAL LIGHT BRAKE/TAILLIGHT
12V 21W G/Y G/Y G/Y 12V 21/5W
2P O G G G
O O
G G
63
12V 21W
3P Bl
W
Bu
G
HEADLIGHT
12V 35/35W
G
Bl/W
G/O
Y
Y
Y
P/W
Bl/Bu
W/Y
Lg/R
Bu/Y
W
Bl/Bu
Bl/Bu
Bl/Bu
Gr
Lb
Lg
Bu
G/R
1P
G/O
Bl/O
Bu/W
G
G
G
G
BI 3P
G/Bl
2P G
Y
Y
Y
G
G
3P 3P
R/W
Gr BI
14P
BI
Gr
Bl
Br
Bu
G
G/R
Bl/Y
Bl/R
Bl/R
Bl/G
Bl/G
Bl/O
Bl/O
R/W
Br/R
Bl/W
Bl/W
Lg/R
Bl/W
Bl/W
Lg/Bl
Bl/Bu
Bl/Bu
Bl/Bu
G/W
Y
Y
Y
W/Y
Lg/R
JOINT
Bu/Y
Y
5P
W
Gr
Lb
Lg
Y/R
Bu
G/W
G/R
Lg/Bl
G/O
Bl/O
Gr/Bu
Bu/W
G/R
Bl/Bu
INJECTOR DOWN
5P UP
FRAME FRAME FRAME FRAME
O2 SENSOR GROUND GROUND GROUND GROUND
1 2 3 4
TA
PB
SG
THL
IGNITION
VCC
COIL REGULATOR/
1 2 3 4 5 6 SENSOR UNIT SIDESTAND RECTIFIER
FUEL FAN SWITCH
PUMP CONTROL
O
O
W
Y
P
Y
Lb
Gr
Gr
Lb
Lg
G
G
Bu
Br
Bu
G/R
G/O
Bl/O
Y/R
G/R
G/R
G/O
O/G
Y/Bl
W/Y
P/W
CKP
G/Bl
W/R
Bl/G
G/W
G/W
Bu/W
Bl/W
Bu/Y
Y/Bu
Br/Bl
Br/Bl
Y/Bu
Br/W
R/Bu
Br/W
G/Bu
Lg/Bl
ALTERNATOR
Bl/Bu
Bu/Bl
Bu/Bl
RELAY RELAY
W/Bu
Bu/W
Bu/W
Gr/Bu
NEUTRAL
DIODE NEUTRAL SENSOR
33P 4P 3P SPARK SWITCH
HO
BAT
HL
W
R
L
Bl Bl PLUG
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
L
R
Y
G
LO
HI
FUSE BOX
Bu
Bl/Bu
TA
BA
LG
O2
PB
SG
INJ
TW
IGP
THL
FLR
VSP
PG1
PG2
PCP
SCS
PCS
VCC
PCM
IMOV
EX-AI
FANC
HORN
IGPLS
FI-IND
4P
K-LINE
IACV2A
IACV1A
IACV2B
IACV1B
TW-IND