MapInfo Professional 10.5 PDF

หนา
1. ความรูเบื้องตนระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
1.1 ความหมายของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร 1
1.2 องคประกอบของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร 1
1.3 การกําหนดตําแหนงบนแผนที่ 7
1.4 มาตราสวน (Scale) 12
2. การเรียนรูกอ นการใชโปรแกรม MapInfo Professional

2.1 คําศัพทที่ควรทราบใน MapInfo Professional 13
2.2 ลักษณะไฟลขอมูล (File Types) 14
2.3 หนาตางและเมนูการทํางานของโปรแกรม MapInfo Professional 15
3. การเปดโปรแกรม MapInfo Professional

3.1 เปดโปรแกรม MapInfo Professional จากเมนู Start 19
3.2 เปดโปรแกรม MapInfo Professional บน Desktop 19
4. การทํางานบน MapInfo Professional

4.1 การเปดไฟลขอมูลโดยคําสั่ง Open 21
4.2 การเปดไฟลขอมูลโดยคําสั่ง Open Universal Data 25
4.3 การปดไฟลขอมูล 29
4.4 การบันทึกไฟลขอมูล 30
5. ชุดเครื่องมือใน MapInfo Professional สวนของ Standard Toolbar

5.1 เครื่องมือในสวนของ Standard Toolbar 35
Lotus Consulting International Co., Ltd.

1st Floor, Crystal Garden Building, 217/1 Sukhumvit Soi 4, Klongtoey, Bangkok 10110 THAILAND
Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
www.lotusconsulting.co.th บริษัทขอสงวนลิขสิทธิ์หามเปลี่ยนแปลง แกไข คัดลอก และเผยแพรโดยไมไดรับอนุญาต
6. ชุดเครื่องมือใน MapInfo Professional สวนของ Main Toolbar
6.1 เครื่องมือ Main Toolbar สวนของการเลือก (Select) 41
6.2 เครื่องมือ Main Toolbar สวนของการมุมมองแผนที่ 48
6.3 การตั้งคาการแสดงผลของหนาตางแผนที่ 51
6.4 เครื่องมือเรียกดูขอมูลจากหนาตางแผนที่ (Info Tool) 52
6.5 เครื่องมือใน Main Toolbar สวนอื่น ๆ 53
7. เครื่องมือควบคุมชั้นแผนที่ (Layer Control)

7.1 เครื่องมือควบคุมชั้นแผนที่ (Layer Control) 57
7.2 การใชเครื่องมือแสดงปายชื่อ (Label) 65
8. ชุดเครื่องมือใน MapInfo Professional สวนของ Drawing Toolbar

8.1 เครื่องมือ Drawing Toolbar 73
8.2 เครื่องมือสําหรับเลือก Style, สี, ขนาด ของ Object 74
8.3 เครื่องมือสําหรับวาด Object 79
8.4 คําสั่ง SNAP, AUTOTRACE และ AUTONODE 84
8.5 การแกไขรูปราง Object (Reshape Node) และการเพิ่ม Node (Add Node) 86
9. การนําเขาฐานขอมูลใหกับขอมูลแผนที่
9.1 การนําเขาตารางฐานขอมูล 87
10. การวิเคราะหขอมูลเชิงพื้นที่ (Geographic Analysis)

10.1 การสรางพื้นที่กันชน (Buffer) 92
10.2 การเปลี่ยนพื้นที่ของ Buffer 95
10.3 การสรางขอบเขตพื้นที่รูปปด (Convex Hull) 95
10.4 การสรางพื้นที่รูปปดภายในเสนที่ตัดกัน (Enclose) 96
11. การนําเขาขอมูลจากภาพราสเตอร (Raster Image)

11.1 การกําหนดจุดควบคุมคาพิกัดใหกับภาพราสเตอรที่มีคาพิกัด (Image Registration) 97
11.2 การปรับแกคาพิกัดใหกับภาพราสเตอร (Modify Image Registration) 101
11.3 การปรับแกภาพราสเตอร (Adjust Image Styles) 102
11.4 การกําหนดจุดควบคุมคาพิกัดใหกับภาพราสเตอรที่ไมมคี าพิกัด (Image Registration) 104

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
12. การนําเขาฐานขอมูลใหกับขอมูลแผนที่
12.1 การนําเขาขอมูลโดยการใชคําสั่ง Update Column 109
13. การเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงโครงสราง/รูปแบบของ Table

13.1 การเปลี่ยนแปลงโครงสรางของชั้นขอมูลแผนที่ 118
13.2 การลบชั้นแผนที่ 119
13.3 การเปลี่ยนชื่อชั้นแผนที่ 119
13.4 การเรียบเรียงชั้นแผนที่ 120
14. การเปดไฟลขอมูล Microsoft Excel

14.1 การเปดไฟลขอมูล Microsoft Excel 121
15. การสรางขอมูลจุดจากคาพิกัด (Create Points)

15.1 การสรางขอมูลจุดจากคาพิกัด (Create Points) 124
16. การรวมชั้นแผนที่ดวยคําสัง่ Append Row to Table

16.1 คําสั่ง Append Row to Table 128
17. การเชื่อมโยงตารางฐานขอมูลกับฐานขอมูลภายนอก
17.1 การเชื่อมโยงขอมูลดวย Update Column แบบ Join โดยใชความสัมพันธเชิงขอมูลพื้นที่ 132
17.2 การเชื่อมโยงตารางฐานขอมูล (Update Column) แบบ Join (Database) 136
18. การเชื่อมโยงแผนที่กับขอมูลภายนอกดวย HotLink

20.1 การเชื่อมโยง Object กับขอมูลภายนอก (HotLink) 141
19. เครื่องมือ Google Earth Connection Utility

19.1 ขั้นตอนการติดตั้งเครื่องมือ Google Earth Connection Utility 147
19.2 การใชงาน Google Earth Connection Utility สําหรับ export เปนขอมูลเวกเตอร (KML) 148
19.3 โปรแกรมเพิ่มเติมใหจัดเรียง Font ใหสวยงาม 152

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
20. การวิเคราะหขอมูลดวยแผนที่เฉพาะเรื่อง (Thematic Map)
20.1 การวิเคราะหขอมูลดวยแผนที่เฉพาะเรื่อง 156
20.2 การนําหนาตางคําอธิบายสัญลักษณ (Legend) แสดงในหนาตาง Map 178
20.3 การสรางแผนที่ 3มิติแบบ Prism Map 180
21. การสืบคนขอมูลดวย SQL Select

21.1 การใชคําสั่ง SQL Select 182
22 การแปลงไฟลขอมูล
22.1 การแปลงไฟลขอมูลดวยคําสั่ง Universal Translator 189
22.2 การแปลงไฟลขอมูลดวยคําสั่ง Export 193
23. การพิมพแผนที่ (Layout)

23.1 การพิมพแผนที่ Layout 195
24. การสรางชั้นแผนที่ในรูปแบบเอกสารไฟล PDF

24.1 การบันทึกชั้นแผนที่ในรูปแบบเอกสารไฟล PDF จากหนาตาง Map 204
24.2 การบันทึกชั้นแผนที่ในรูปแบบเอกสารไฟล PDF จากหนาตาง Layout 210
บรรณานุกรม 213

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 1
ความรูเบื้องตนระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
1.1 ความหมายของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร หรือ Geographic Information System (GIS) คือ การใชระบบคอมพิวเตอร
ในการนําเขา จัดเก็บ จัดเตรียม ดัดแปลง แกไข วิเคราะห นําเสนอ และแสดงผลขอมูลเชิงพื้นที่และขอมูลเชิง
บรรยาย
GIS เปนระบบขอมูลเชิงพื้นที่ หรือขอมูลที่มีคาพิกัดตําแหนง เปนการผสมผสานการทํางานระหวาง
กระบวนวิธีวิเคราะห รวมกับระบบฐานขอมูลที่มีการอางอิงเชิงพิกัด GIS จึงเปนระบบของการใหคําตอบเชิง
พื้นที่ โดยใชเทคโนโลยีของคอมพิวเตอรในการดําเนินการในขั้นตอนตาง ๆ
GIS เปนเครื่องมือที่มีประโยชนตอการจัดการ การบริหารและวางแผนการใชทรัพยากรธรรมชาติ
สามารถติดตามความเปลี่ยนแปลงของขอมูลทางดานพื้นที่ไดอยางมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเปนระบบที่เกี่ยว
ของกับระบบการไหลเวียนของขอมูล และการผสมผสานขอมูลจากแหลงขอมูลตางๆ เชน ขอมูลปฐมภูมิ ขอมูล
ทุติยภูมิ เพื่อใชเปนขาวสารที่มีคุณคา
1.2 องคประกอบของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
องคประกอบที่สําคัญของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร ประกอบดวย
1) ขอมูล (Data)
2) เครื่องคอมพิวเตอร และอุปกรณตาง ๆ (Hardware)
3) โปรแกรม หรือระบบซอฟตแวร (Software)
4) ขั้นตอนการปฎิบัติงาน (Procedure)
5) บุคลากร (User)

1st Floor, Crystal Garden Building, 217/1 Sukhumvit Soi 4, Klongtoey, Bangkok 10110 THAILAND -1-
Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
องคประกอบของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
1.2.1 ขอมูล (Data)

ขอมูลเปนองคประกอบที่สําคัญในระบบสารสนเทศทั่วไป รวมทั้งระบบสารสนเทศภูมิศาสตร ใน
ระยะแรกฐานขอมูลไดจัดเก็บโดยใชโปรแกรมกระดาษคํานวณ (Spread Sheet) และพัฒนาเปนระบบฐาน ขอมูล
เชิงสัมพันธ (Relational Database) และในปจจุบันมีการพัฒนาระบบฐานขอมูลเชิงวัตถุ (Object - Oriented
Database) สิ่งที่เก็บอยูในฐานขอมูลประกอบดวย ขอมูลตัวเลขและตัวอักษร ซึ่งขอมูล 2 วิธีนี้ ไมเพียงพอสําหรับ
GIS ดังนั้นจําเปนตองใชวัตถุเชิงนามธรรมแทนสิ่งตางๆ ที่มีอยูจริง โดยเรียกวัตถุเชิงนามธรรมวา "ฟเจอร
(Feature)” แบงเปน 3 ชนิดไดแก จุด เสน และพื้นที่
ขอมูลในระบบ GIS แบงเปน 2 ประเภท คือ

1) ขอมูลเชิงพื้นที่ (Spatial Data) คือ ขอมูลแผนที่ หรือสวนของกราฟก
2) ขอมูลอธิบายพืน้ ที่ หรือขอมูลลักษณะประจํา (Non-Spatial Data หรือ Attribute Data) คือ ขอมูล
บรรยายหรือสวนของตารางฐานขอมูล

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
1. ขอมูลเชิงพื้นที่ คือ ขอมูลที่แสดงตําแหนงทางภูมิศาสตรของพื้นที่ (Geo-Referenced Data) ขอมูล
เชิงพื้นที่มี 2 ชนิด ไดแก ขอมูลเวกเตอร (Vector Data) และขอมูลราสเตอร (Raster Data)
1.1 ลักษณะของขอมูลเวกเตอร คือ ขอมูลที่สรางจากจุดพิกัด (X, Y) หากมีมากกวา 1 จุดจะ
สามารถประกอบกันเปนขอมูลเสนและมีทิศทาง สําหรับขอมูลพื้นที่จะประกอบดวยจุดพิกัดอยางนอย 3 จุด เรียก
ขอมูลลักษณะวา “อ็อบเจกต (Object)”
การทํางานดาน GIS สวนใหญจะใชขอมูลเวกเตอรในการแสดงผลและการวิเคราะห เพราะ
สามารถเชื่อมโยงขอมูลเชิงพื้นที่กับฐานขอมูลได ขอมูลเวกเตอรมี 3 ประเภท (ดังแสดงในภาพที่ 1.1) ไดแก
1) ขอมูลจุด (Points) เชน ที่ตั้งโรงเรียน ที่ตั้งหมูบาน ที่ตั้งโรงพยาบาล ที่ตั้งของศาลากลาง
จังหวัด เปนตน
2) ขอมูลเสน (Lines, Polyline, Arc) เชน ถนน ทางรถไฟ ทางน้ํา แนวทอประปา เปนตน
3) ขอมูลพื้นที่หรือขอบเขตพื้นที่ (Polygons, Boundary, Area, Region) เชน ขอบเขตการ
ปกครอง พื้นที่ปาไม พื้นที่การศึกษา เขตการเลือกตั้ง พื้นที่การแพรกระจายของเชื้อโรค
เปนตน
ขอมูลจุด (Points) ขอมูลเสน (Lines) ขอมูลพื้นที่ (Polygons)
ภาพที่ 1.1 แสดงลักษณะของขอมูลเวกเตอร

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
1.2 ลักษณะของขอมูลแบบราสเตอร คือ ขอมูลที่แสดงเปนลักษณะของตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ
เรียกวา "จุดภาพ" (Grid Cell หรือ Pixel) เรียงตอเนื่องกันในแนวราบและแนวดิ่ง สามารถอางอิงคาพิกัดทาง
ภูมิศาสตรได ในแตละจุดภาพเก็บคาไว 1 คา ตัวอยางของขอมูลราสเตอร ไดแก ภาพถายดาวเทียม รูปถายทาง
อากาศ ภาพที่ไดจากการสแกน ขอมูลระดับความสูง (Dem: Digital Elevation Model) ดังภาพที่ 1.2
ภาพที่ 1.2 แสดงลักษณะของขอมูลแบบราสเตอร
1.2.1.2 ขอมูลอธิบายพื้นที่หรือขอมูลลักษณะประจํา คือ สวนของตารางฐานขอมูล เพื่ออธิบายขอมูล

เชิงพื้นที่ หรือเรื่องราวที่สนใจจะเก็บไวในฐานขอมูล ประกอบดวยตัวแปรหรือฟลดและขอมูลที่สัมพันธกับ
อ็อบเจกตบนแผนที่ ดังภาพที่ 1.3
ภาพที่ 1.3 แสดงตารางฐานขอมูล

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ขอมูลจุด เสน และพื้นที่
สรุปโครงสรางของขอมูล
1.2.2 เครื่องคอมพิวเตอรและอุปกรณตาง ๆ (Hardware)

เครื่องคอมพิวเตอรและอุปกรณตางๆ เรียกรวมกันวา "ระบบฮารดแวร (Hardware)" มีบทบาทสําคัญ
ในการสนับสนุนกระบวนการทํางานดาน GIS ประกอบดวย เครื่องคอมพิวเตอร อุปกรณนําเขา เชน Mouse,
Digitizer, Scanner อุปกรณจัดเก็บขอมูล เชน แผนดิสเกต ซีดีรอม อุปกรณแสดงผลขอมูล เชน Printer Plotter
ฯลฯ อุปกรณแตละชนิดจะมีหนาที่ตางกันออกไป ทําใหระบบฮารดแวรทั้งหมดจะตองมีสมรรถนะเพียงพอ
สําหรับการจัดเก็บและการจัดการขอมูลที่มีปริมาณมาก รวมทั้งตองมีความสามารถรองรับกับการทํางานของ
ซอฟตแวรได
1.2.3 โปรแกรมหรือซอฟตแวร (Program/Software)

โปรแกรมหรือซอฟตแวร คือ ชุดคําสั่งที่มีหนาที่ควบคุมการทํางานตางๆ ของคอมพิวเตอรและอุปกรณ
ทั้งหมด ใชในการจัดการระบบและสั่งงานตาง ๆ เพื่อใหระบบฮารดแวรทํางาน หรือใหฮารดแวรทํางานตาม
วัตถุประสงค โดยทั่ว ๆ ไปชุดคําสั่งของซอฟตแวร GIS จะประกอบดวย หนวยของการนําเขาขอมูล การจัดเก็บ
ขอมูลและการจัดการขอมูล หนวยวิเคราะห การแสดงผลขอมูล การแปลงไฟลขอมูลและหนวยการตอบโตกับ
ผูใชงาน สามารถแบงได 2 ประเภท ไดแก โปรแกรมระบบ และโปรแกรมประยุกต

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
1.2.4 บุคลากร (User/Peopleware)
บุคลากร คือ ผูใชงาน GIS ไมวาจะเปนผูใชงานฮารดแวร ซอฟตแวร จะตองมีความเขาใจในขอมูลเชิง
พื้นที่ มีความชํานาญในการใชงานซอฟตแวร ตลอดจนมีความรูในสาขาวิชาอื่น ๆ เพื่อนํา GIS ไปประยุกตใชให
เกิดประโยชนตอไป ฉะนั้นบุคลากรจึงเปนสวนสําคัญที่สุดในระบบ GIS
1.2.5 ขั้นตอนการปฏิบตั ิงาน (Procedure)

ขั้นตอนการปฎิบัตงาน คือ การที่บุคลหรือองคกรนั้นๆ นําเอาระบบ GIS ไปใชงาน ซึ่งกระบวนการ
หรือขั้นตอนการทํางานในแตละหนวยงาน ในแตละเรื่อง จะมีวิธีการจัดการที่แตกตางกันกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู
กับหลายปจจัย เชน ฐานขอมูล และ ผลลัพธที่ตองการ ฉะนั้นผูปฏิบัติงานตองเลือกวิธีการในการจัดการกับ
ขอมูลที่มีและปญหาตางๆที่ใหเหมาะสมที่สุด สําหรับของหนวยงานนั้นๆ เอง
ตัวอยางรูปแบบการปฏิบัติงานในระบบ GIS

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
1.3 การกําหนดตําแหนงบนแผนที่
ในแตละวันมนุษยตั้งคําถามกับคําวา “ที่ไหน” “เมื่อไหร” “อยางไร” อยูเสมอ เชน นาย ก จะตองทราบ
วาบานนาย ข อยูที่ไหน เขาจะตองเดินทางไปเสนทางใด ใชเวลามากนอยแคไหน หากนาย ก ทราบตําแหนง
ที่ตั้งของบานนาย ข ดีแลว ก็จะสามารถตอบคําถามขางตนได แตถาหากเปนบริเวณที่หางไกล ไมรูจักและไม
คุนเคยกับสถานที่นั้นมากอน ก็ตองใชวิธีการบอกตําแหนงใหเปนที่เขาใจกัน ซึ่งก็คือ แผนที่ ดังนั้นการกําหนด
ตําแหนงบนแผนที่ คือการกําหนดตําแหนงที่ตั้งของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง วาอยู ณ ตําแหนงใดหรือบริเวณใดของแผนที่
เนื่องจาก GIS เปนระบบสารสนเทศที่รวบรวมขอมูลเชิงพื้นที่ จากแหลงขอมูลและมาตราสวนตางๆ
หากขอมูลดังกลาวใชระบบอางอิงที่แตกตางกัน จะทําใหขอมูลไมสามารถซอนทับกันได หรือแมจะซอนทับกัน
ไดแตมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ทําใหการเชื่อมโยงขอมูลที่ซอนทับกันหรือใกลเคียงกันไมสามารถดําเนินการได
ระบบอางอิงในการกําหนดตําแหนงที่แสดงบนแผนที่ทั่วไป สามารถแสดงได 2 ระบบ ไดแก
1) ระบบพิกัดทางภูมิศาสตร (Geographic Coordinate)
2) ระบบพิกัดกริด (Grid Coordinate)
1.3.1 ระบบพิกัดทางภูมิศาสตร
ระบบพิกัดทางภูมิศาสตร คือ ระบบอางอิงคาพิกัดสากล เปนที่ยอมรับกันทุกประเทศทั้งในอดีตและ
ปจจุบัน ตั้งอยูบนพื้นฐานที่วาโลกมีลักษณะกลมเปน 3 มิติ (Spherical Coordinate System) และทุกตําแหนงของ
จุดบนพื้นโลกจะมีระบบบอกคาพิกัดทางราบเปนคาละติจูด ลองจิจูด มีคาเปนคาทางมุมคิดเปนองศา (degree)
ลิปดา (minute) และพิลิปดา (second) กําหนดให 1 องศา เทากับ 60 ลิปดา และ 1 ลิปดา เทากับ 60 พิลิปดา
การที่โลกหมุนรอบแกนของโลก ทําใหทราบจุดที่ตั้งบนขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต เสนที่ลากจากขั้ว
โลกเหนือมายังขั้วโลกใตและตัดกับเสนศูนยสูตรเปนมุมฉากนั้น เรียกวา เสนเมอริเดียน (Meridian) หรือ เสน
แวง ตอนปลายของทุกเสนจะบรรจบที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต และบริเวณเสนศูนยสูตรจะมีระยะหาง
ระหวางเสนมากกวาบริเวณขั้วโลก ซึ่งตําแหนงเริ่มตนของเสนเมอริเดียนนั้นเริ่มที่เมืองกรีนิช (Greenwich)
ประเทศอังกฤษ เรียกวา เสนเมอริเดียนเริ่มแรก หรือเสนเมอริเดียนปฐม (Prime Meridian) ใชเปนมาตรฐานใน
การนับคาลองจิจูด ดังนั้นคาลองจิจูดที่เสนเมอริเดียนเริ่มแรกนี้จึงมีคาเทากับ 0° 0 ' 00 "
ลองจิจูด (Longitude) คือ ระยะทางที่วัดเปนมุมไปทางตะวันออกและตะวันตกของเสนเมอริเดียน
เริ่มแรก หากวัดไปทางตะวันออกของเสนเมอริเดียนจะมีคา 0 – 180 องศาตะวันออก และถาวัดไปทางตะวันตก
ของเสนเมอริเดียนเริ่มแรกจะมีคา 0 – 180 องศาตะวันตก การบอกคาลองจิจูดจะบอกคาองศาตามดวยทิศทางของ
คาวาทางตะวั นออกหรื อตะวันตก เชน ลองจิจูด ที่ 90 องศาตะวั นออก เปนต น ดั งนั้น ลองจิจูด ที่ 180 องศา
ตะวันออกและลองจิจูดที่ 180 องศาตะวันตกจะทับกันพอดี ดังภาพที่ 1.4

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 1.4 การกําหนดตําแหนงโดยอาศัยพิกัดทางภูมิศาสตร
ละติจูด (Latitude) คือ ระยะทางที่วัดเปนมุมไปทางเหนือและทางใตของเสนศูนยสูตร (Equator) เสนที่

ลากไปตามตําแหนงตางๆที่มีคาละติจูดเดียวกันรอบโลกเรียกวา เสนขนาน (Parallel) หรือเสนรุง ตําแหนง
เริ่มตนของคาละติจูด คือตําแหนงที่อยูบนเสนศูนยสูตร มีคาเทากับ 0° 0 ' 00 " คาละติจูดที่วัดไปทางเหนือของ
เสนศูนยสูตรจะมีคาเทากับ 0 – 90 องศาเหนือ คาละติจูดที่วัดไปทางใตของเสนศูนยสูตรจะมีคาเทากับ 0 - 90
องศาใต
ภาพที่ 1.5 พิกัดภูมิศาสตรที่ปรากฏบนแผนที่

(พิกัดภูมิศาสตรที่ปรากฏบนแผนที่ทั่วไปจะปรากฏที่มุมทั้งสี่ของแผนที่ แนวลองจิจูด คือ เสนขอบในทางดิ่งหรือ
ทางตั้ง และแนวละติจูด คือ เสนขอบในแนวนอน)

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ในระวางแผนที่จะปรากฏเปนกากบาทสีดํา ซึ่งเปนจุดตัดของแนวลองจิจูดและแนวละติจูด และที่ขอบ
ระวางแผนที่จะมีขีดเสนตรงสั้น ๆ เปนเครื่องหมาย แสดงคาลิปดากํากับ ระยะหางระหวางเสนโครงพิกัด
ภูมิศาสตรจะแตกตางกันตามมาตราสวนของแผนที่ เชน แผนที่มาตราสวน 1:250,000 จะมีชวงหางเทากับ 15
ลิปดา แผนที่มาตราสวน 1:50,000 มีชวงหางเทากับ 5 ลิปดา แผนที่มาตราสวน 1:25,000 มีชวงหาง 1 ลิปดา เปน
ตน ตามตัวอยางในภาพที่ 1.5 จุด A มีคาลองจิจูด เทากับ 100 องศา 50 ลิปดา ตะวันออก และมีคาละติจูดเทากับ
19 องศา 20 ลิปดาเหนือ
เนื่องจากโลกมีลักษณะกลมปองตรงกลาง ทําใหระยะทางที่วัดตามพื้นโลกตามแนวลองจิจูดและละติจูด
นั้นมีคาไมคงที่ กลาวคือ คาละติจูดระยะ 1 องศาบริเวณเสนศูนยสูตรจะยาวเทากับ 68.7 ไมล ในขณะที่
บริเวณใกลขั้วโลกจะยาวเทากับ 69.4 ไมล เปนตน นอกจากนี้การหาตําแหนงหรือการคํานวณระยะทางนั้นหา
ไดคอนขางลําบาก เพราะตองคํานวณเปนองศา จึงมีการคิดคนการหาตําแหนงบนแผนที่ดวยพิกัดกริด โดยมุง
หมายเพื่อใชในกิจการทหาร
1.3.2 พิกัดกริด
พิกัดกริด คือระบบพิกัดทางภูมิศาสตรที่แปลงคาเสนรุง เสนแวงที่มีลักษณะเปน 3 มิติ ใหเปนลักษณะ
พื้นราบ 2 มิติ (Cartesian Coordinate System) ระบบพิกัดกริดประกอบดวยเสนขนาน 2 ชุดในแนวตั้งและ
แนวนอนตัดกันเปนมุมฉาก ทําใหเกิดสี่เหลี่ยมจัตุรัส ระบบพิกัดกริดมีหลายระบบดวยกัน เชน Mercator,
Transverse Mercator, Universal Polar Stereographic Grid (UPS Grid) และ Universal Transverse Mercator เปน
ตน สําหรับเสนกริดที่นํามาใชในประเทศไทยตามกรมแผนที่ทหารนั้น ใชระบบยูนิเวอรซัลทรานเวอรสเมอรเค
เตอร (Universal Transverse Mercator Grid :UTM) เปนระบบที่บอกตําแหนงเปนคาระยะทางมีหนวยเปนเมตร
ตารางกริดทุกตารางมีขนาดเทากันและมีรูปรางเหมือนกันทุกประการ ตามภาพที่ 1.6 โดยครอบคลุมพื้นที่
ระหวางละติจูดที่ 84 องศาเหนือ ถึง ละติจูด 80 องศาใต ภายในพื้นที่นี้จะถูกแบงออกเปนเขต (zone) ซึ่งไดแบง
ออกเปน 60 โซน แตละโซนกวาง 6 องศา ตามแนวลองจิจูด โซนที่ 1 ตั้งอยูระหวางลองจิจูดที่ 180°ตะวันตก ถึง
174°ตะวันตกในแตละโซนจะมีเสนเมอริเดียนยานกลาง (Central Meridian) 1 เสน ในโซนที่ 1 เสนเมอริเดียน
ยานกลางคือ 177 องศาตะวันตกซึ่งจะตัดกับเสนศูนยสูตรเปนมุมฉาก เรียกวา จุดศูนยกําเนิด

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 1.6 กริดและเลขอักษรประจําเขตกริด
คาพิกัดของจุดศูนยกําเนิดในแตละเขตมี 2 คา ไดแก คาพิกัดทางเหนือ (Northing) ใหอักษรยอวา N และคาพิกัด

ทางตะวันออก (Easting) ใชอักษรยอวา E
เพื่อหลีกเลี่ยงคาพิกัดที่เปนคาลบ จึงมีการกําหนดคาสมมติ เปนคาพิกัดที่จุดศูนยกําเนิดของแตละโซน
คาสมมตินี้มี 2 คา ไดแก คาพิกัดสมมติทางเหนือ (False Northing) และคาพิกัดสมมติทางตะวันออก (False
Easting) บริเวณที่อยูตอนเหนือของเสนศูนยสูตรหรือซีกโลกเหนือ จุดศูนยกําเนิดของแตละโซนจะถูกสมมติให
มีคากริดเปน
คาพิกัดสมมติทางเหนือ = 0 เมตร
คาพิกัดสมมติทางตะวันออก = 500,000 เมตร
บริเวณที่อยูตอนใตของเสนศูนยสูตรหรือซีกโลกใต จุดศูนยกําเนิดของแตละโซนจะถูกสมมติใหมีคากริดเปน
คาพิกัดสมมติทางเหนือ = 10,000,000 เมตร
คาพิกัดสมมติทางตะวันออก = 500,000 เมตร
การแบงโซนขางตนเปนการแบงตามแนวลองจิจูด จึงมีการกําหนดเลขอักษรประจําเขตกริดเพื่อแบง
พื้นที่ตามแนวละติจูด ออกเปนแถว (row) แถวละ 8 องศา รวมทั้งสิ้น 20 แถว แตแถวที่ 20 ซึ่งเปนแถวสุดทายจะ
มีความยาว 12 องศา เนื่องจากเหตุผลทางการเมือง ตามภาพที่ 1.6 ประเทศไทยมีเลขอักษรประจําเขตกริด เทากับ
47N, 47P, 47Q และ 48N, 48P, 48Q อยูในเขต 2 โซน ไดแก โซน 47 และ โซน 48 โดยมีเสนลองจิจูดที่ 102
องศา เปนแนวแบงโซน

1st Floor, Crystal Garden Building, 217/1 Sukhumvit Soi 4, Klongtoey, Bangkok 10110 THAILAND - 10 -
Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
จากการกําหนดโซนของกริดที่มีขนาด 6 องศา x 8 องศา และ 6 องศา x 12 องศา แตละโซนจะถูก
แบงยอยเปนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีความยาวดานละ 100,000 เมตร เรียกวา จัตุรัสแสนเมตร และถูกแบงยอยเปน
จัตุรัสหมื่นเมตร จัตุรัสพันเมตร และจัตุรัสรอยเมตร ตามลําดับ ในแผนที่ภูมิประเทศของกรมแผนที่ทหาร
มาตราสวน 1:50,000 จะแบงยอยถึงจัตุรัสพันเมตร ตามตัวอยางในภาพที่ 1.7
ภาพที่ 1.7 จัตุรัส 1,000 เมตร
จัตุรัสพันเมตร (1,000 meter Square) จัตุรัสพันเมตรมีขนาด 1,000 x 1,000 เมตร ที่เสนกริดในแนวราบ

เสนแรก มุมลางซายของระวางแผนที่จะระบุตัวเลขประจําเสนกริด ตามตัวอยางในรูป คือ 884,000m N.
หมายถึง คาพิกัดสมมติทางเหนือหรือระยะทางเหนือขึ้นไปจากเสนศูนยสูตรมีคาเทากับ 884,000 เมตร และที่
เสนกริดในแนวดิ่งเสนแรก มุมลางซายของระวางแผนที่ระบุตัวเลขประจําเสนกริด คือ 335,000m E. หมายถึง คา
พิกัดสมมติทางตะวันออกเทากับ 335,000 เมตร ทั้งนี้คาพิกัดของเมอริเดียนยานกลางมีคาพิกัดสมมติทาง
ตะวันออกเทากับ 500,000 เมตร เสนกริดนี้อยูหางเสนเมอริเดียนยานกลางไปทางตะวันตกมีระยะทาง 165,000
เมตร
ในภาพที่ 1.7 สามารถระบุคาพิกัดของจุดที่ 1 และจุดที่ 2 ดังนี้
จุดที่ 1 คาพิกัดสมมติทางเหนือ (Northing) เทากับ 885,000 เมตร
คาพิกัดสมมติทางตะวันออก (Easting) เทากับ 336,000 เมตร
จุดที่ 2 คาพิกัดสมมติทางเหนือ (Northing) เทากับ 891,000 เมตร
คาพิกัดสมมติทางตะวันออก (Easting) เทากับ 342,000 เมตร

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
1.4 มาตราสวนแผนที่ (Scale)
คืออัตราสวนระหวางระยะทางบนแผนที่กับระยะทางจริงในภูมิประเทศ เชน แผนที่มาตราสวน 1 :
50,000 หมายถึง เมื่อวัดระยะบนแผนที่ได 1 หนวย จะมีระยะทางในภูมิประเทศวัดได 50,000 หนวยโดยหนวยวัด
ความยาวจะตองเปนหนวยเดียวกัน เชน กําหนดหนวยวัดระยะเปนเซนติเมตร มีความหมายวา ระยะบนแผนที่ 1
เซนติเมตร ใชแทนระยะทางในภูมิประเทศวัดได 50,000 เซนติเมตร
แผนที่มาตราสวนใหญจะแสดงรายละเอียดไดมาก แตจะครอบคลุมพื้นที่ในภูมิประเทศไดนอย ในขณะ
ที่แผนที่มาตราสวนเล็กจะแสดงรายละเอียดไดนอยแตจะครอบคลุมพื้นที่ในภูมิประเทศไดกวาง ดังภาพที่ 1.8
แสดงแผนที่ ที่มีมาตราสวนตางกัน
แผนที่มาตราสวน 1 : 50,000 แผนที่มาตราสวน 1 : 12,500
ภาพที่ 1.8 แสดงแผนที่ที่มีมาตราสวนตางกัน

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 2
การเรียนรูกอนการใชโปรแกรม MapInfo Professional
2.1 คําศัพทที่ควรทราบในโปรแกรม MapInfo Professional
Table คือ ชั้นแผนที่ในโปรแกรม MapInfo Professional ประกอบดวยขอมูล 2 สวน ไดแก

1. ขอมูลแผนที่ (Map Data) 2. ขอมูลตาราง (Attribute Data)
Browser คือ ตารางฐานขอมูลหรือขอมูลเชิงบรรยาย ที่แสดงรายละเอียดประจํา Object ในสวนของ

Browser ประกอบดวย ฟลด (Field) หรือ คอลัมน (Column) เปนตัวแปรในตารางฐานขอมูล
และ เรคคอรด (Record) หรือแถวในตารางฐานขอมูล
Workspace คือ โครงงานที่บันทึกคาการแสดงผล เชนการกําหนดรูปแบบ สี ขนาดของ Object การวางปาย
ชื่อหนาตางของแผนที่และตารางฐานขอมูลของการทํางานครั้งลาสุด เพื่อใชทํางานในครั้ง
ตอไป
Mapper คือ แผนที่ ที่มีขอมูลกราฟกที่ จุด (Point), เสน (Line), พื้นที่ (Polygon) และตัวอักษร (Text)
Object คือ ขอมูลบนแผนที่ ไดแก จุด เสน พื้นที่ และตัวอักษร
Layout คือ การนําแผนที่มาจัดเรียง เพื่อจะจัดพิมพรายงาน/แผนที่ตามมาตราสวนที่ตองการ และเพิ่ม
สวนประกอบตางๆ เชน เข็มทิศ โลโก ตารางขอมูล คําอธิบายสัญลักษณ
Selection คือ การเลือกขอมูลจาก Object หรือ เลือกขอมูลในตารางขอมูล
Layer คือ ชั้นแผนที่ (Map Layer) หรือ เรื่องราว (Themes) เพื่อแปลสภาพภูมิประเทศในโลก เปน
เรื่องๆ ละแผนที่
Layer Control คือ เครื่องมือควบคุมการทํางานของชั้นแผนที่

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
Thematic Map คือ การแสดงผลขอ มู ล และการวิ เ คราะห จ ากฐานข อมู ล ด ว ยวิธี ท างสถิติ เ บื้ อ งต น
เรียกวา "การทําแผนที่เฉพาะเรื่อง"
Geocode คือ กระบวนการนําเขาขอมูลจากตารางฐานขอมูลที่มีอยู ใหเปนขอมูลจุด
Label คือ ปายชื่อของอ็อบเจกตบนแผนที่
2.2 ลักษณะไฟลขอมูล (File Type)

2.2.1 ลักษณะไฟลขอ มูลของโปรแกรม MapInfo Professional
1) Filename.tab คือ ไฟลขอมูลหลัก ระบุโครงสรางของชั้นแผนที่และระบบพิกัด
2) Filename.map คือ ไฟลที่บรรจุรูปแบบ คาพิกัด ของขอมูลกราฟกในหนาตางแผนที่
3) Filename.dat คือ ไฟลที่บรรจุขอมูลในตารางฐานขอมูล
4) Filename.id คือ ไฟลที่ใชเชื่อมโยงความสัมพันธระหวางขอมูลเชิงพื้นที่(*.map)และ
ขอมูลเชิงบรรยาย (*.dat)
5) Filename.ind คือ ไฟลที่บรรจุดัชนีของตารางฐานขอมูล เพื่อใชในการคนหา
2.2.2 ลักษณะไฟลขอ มูลสําหรับราสเตอร

1) Filename.tab คือ ไฟลขอมูลที่ระบุระบบโครงสรางแผนที่ คาพิกัดที่ใชในการกําหนดควบคุมคา
พิกัด
2) Filename.bil , .sid , .gen , .ntf, .ecw, .url, .tif, .grc, .bmp, .gif, .tga, .jpg, .pcx, .jp2, .png, .wmf,
.emf คือ ไฟลของรูปภาพ (Image) ที่แสดงภาพราสเตอร
2.2.3 ลักษณะไฟลขอ มูลสําหรับโครงงาน

Filename.wor คือไฟลขอมูลที่ใชเรียกเปดขอมูลในลักษณะของโครงงาน ที่มีการกําหนดคาสไตลตาง ๆ
ของหนาตางแผนที่ การกําหนดขนาดของหนาตางวินโดว การทําแผนที่เฉพาะเรื่อง หรือ การสราง Layout กอน
พิมพ
2.2.4 สกุลกลางของโปรแกรม MapInfo Professional

Filename.mif หรือ MapInfo Interchange Format ไฟลที่เปนสกุลกลางของโปรแกรม MapInfo
Professional ที่เก็บคาของขอมูลกราฟก เปนไฟลที่สามารถเปดชั้นแผนที่ในโปรแกรม GIS อื่น หากโปรแกรม
รองรับไฟลของ MapInfo
Filename.mid หรือ MapInfo Interchange Data ไฟลที่เปนสกุลกลางของโปรแกรม MapInfo
Professional ที่เก็บคาของขอมูลในตารางฐานขอมูล

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
2.3 หนาตางและเมนูการทํางานของโปรแกรม MapInfo Professional
2.3.1 หนาตางของโปรแกรม MapInfo Professional
หนาตางของโปรแกรม MapInfo Professional เปน Desktop GIS ที่ใชงานทํางานบนระบบวินโดว เมนู
และเครื่องมือการทํางานในโปรแกรม MapInfo Professional บางสวนจึงเหมือนกับ MS Window และ MS
Offices ดังภาพที่ 2.1
Program Title Menu Bar Toolbar

Attribute Data/Browser
Buttonpad
Map Window
Graph Window
Layer Control
Layout Window
Status Bar
ภาพที่ 2.1 แสดงหนาตางและเครื่องมือตาง ๆ ของโปรแกรม MapInfo Professional
การแสดงแผนที่และฐานขอมูลในโปรแกรม MapInfo Professional จะแสดงบนหนาตาง (Window)

ประกอบดวย 5 หนาตาง ดังนี้

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
1) หนาตางตารางขอมูล (Browser Window) คือ หนาตางแสดงฐานขอมูล สามารถเปดหนาตาง
ตารางขอมูลไดที่เมนู Window > New Browser Window หรือ คลิกที่ปุม New Browser
2) หนาตางแผนที่ (Map Window) คือ หนาตางแสดงแผนที่ ที่มีระบบพิกัดอางอิง (Geo-referenced)

และแผนที่ ที่ไมมีระบบพิกัดอางอิง (Non - Earth) แสดงไดทั้งขอมูลเวกเตอรและขอมูลราสเตอร สามารถเปด
หนาตางแผนที่ไดที่เมนู Window > New Map Window หรือ คลิกที่ปุม New Mapper
3) หนาตางสรางกราฟ (Graph Window) คือ หนาตางสรางกราฟและแผนภูมิ เพื่อใชในการวิเคราะห

และแสดงผลขอมูลทางสถิติ สามารถเปดหนาตางแผนที่ไดที่เมนู Window > New Graph Window หรือ คลิกที่
ปุม New Grapher
4) หนาตางสําหรับการจัดพิมพแผนที่ (Layout Window) คือ หนาตางสําหรับการจัดพิมพแผนที่ ตาราง

ขอมูล กราฟเพือ่ ใชในการนําเสนอ สามารถเปดหนาตางแผนที่ไดที่เมนู Window > New Layout window หรือ
คลิกที่ปุม New Layout
5) หนาตางการสรางขอบเขตพื้นที่ใหม (Redistrict Window) คือ หนาตางการสรางขอบเขตพื้นใหม

จากขอมูลพื้นที่ที่มีอยูเดิม เชน กําหนดภูมิภาคจากขอบเขตจังหวัด สามารถเปดหนาตางแผนที่ไดที่เมนู Window
> New Redistrict Window หรือ คลิกที่ปุม New Redistricter
2.3.2 เมนูการทํางานของโปรแกรม MapInfo Professional
เมนูการทํางานของโปรแกรม MapInfo Professional มีรายละเอียดดังตอไปนี้
Menu bar
File คือ เมนูที่ควบคุมการเปด/ปดไฟล หรือ Table การบันทึกขอมูล (Save) การบันทึก

ขอมูลที่แกไข หรือสรางขึ้นมาใหม การบันทึกแผนที่ภาพราสเตอร การบันทึกผลของ
การคนหาตาง ๆ และการยกเลิกการแกไขแผนที่ และการพิมพแผนที่
Edit คือ เมนูที่ใชทํางานกับอ็อบเจกตของแผนที่ ไดแก การตัด การคัดลอก การวาง การ
ลบ Object มีการทํางานเหมือนใน MS Office รวมทั้งการแสดงรายละเอียดของ
Object เชน ขนาดของพื้นที่ ความยาว คาพิกัดของ Object เปนตน

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
Tools คือ เมนูที่สําหรับใชเครื่องมือ หรือโปรแกรมประยุกต (Application) ที่สรางมาจาก
โปรแกรม MapBasic มีเครื่องมือหลายแบบใหเลือกใชงาน เชน เครื่องมือในการ
แปลงข อ มู ล ทาง GIS จากโปรแกรมอื่ น เป น .tab และเครื่ อ งมื อ แปลงข อ มู ล จาก
MapInfo ไปใช ในโปรแกรมอื่น รวมทั้งโปรแกรม Crystal Report สําหรับรายงาน
Object คือ เมนูที่สหรับการจัดการอ็อบเจกตของแผนที่ ไดแก การรวม การแบง Object การ
สรางพื้นที่กันชน การแสดงตําแหนงของอ็อบเจกตพื้นที่มีพื้นที่ซอนทับกันหรือเกิด
ชองวาง การสรางพื้นที่เครือขายจากอ็อบเจกตแบบจุด
Query คือ เมนูที่ใชในการเลือก สอบถาม คนหา การคํานวณคาทางสถิตแิ บบตางๆ
Table คือ เมนูสําหรับจัดการขอมูล Table เชน การอัพเดทขอมูลในตาราง การรวม Table
การนําเขาขอมูลจากตารางฐานขอมูลแปลงมาเปนขอมูลแบบจุด การรวมขอมูลโดย
การใชขอมูลในคอลัมน การแปลงคาในการนําเขาหรือสงออกเปนแฟมขอมูลที่เปน
มาตรฐานกลาง รวมทั้งการทํางานกับ Tableไดแก การแกไขปรับโครงสรางของ
Table และการปรับการรีจีสเตอรภาพ หรือการแกไขภาพราสเตอร
Options คือ เมนูที่ใชสําหรับการกําหนดรูปแบบการทํางานของโปรแกรม เชน การกําหนด
สไตลให Object Toolbars การแสดงคําอธิบายสัญลักษณของแผนที่ แสดงหนาตาง
ของโปรแกรม MapBasic และที่สําคัญคือ การกําหนดคา Preference ตาง ๆ เชน การ
กําหนดหนวยวัดกระดาษ และการ กํ า หนดป 2000 การกํ า หนดสี สั ญ ลั ก ษณ ก าร
ไฮไลทอ็อบเจกตที่ถูกเลือก การกําหนดการแสดงคาพิกัดภูมิศาสตรในรูปแบบ องศา
ลิปดา พิลิปดา เปนตน
Windows คือ เมนูสําหรับเรียกแสดงหนาตางแบบตาง ๆ เชน หนาตางของแผนที่ ตารางขอมูล
การสรางกราฟ เปนตน การ Redraw แผนที่ การเรียงหนาตางที่เปดไว รวมทั้งแสดง
รายชื่อของหนาตางที่ไดเปดทํางานอยู
Help คือ เมนูของคูมือการใชงาน MapInfo สามารถคนหาเรื่องที่ตองการทราบได

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
Shortcut Menu สามารถใชเมนูนี้โดยการคลิกเมาสปุมขวาขณะอยูหนาตางแผนที่ เพื่อเรียก Shortcut
ขึ้นมา เครื่องมือใน Shortcut บางอยางจะเหมือนกับเครื่องมือใน Toolbar ดังภาพที่ 2.3
ภาพที่ 2.3 แสดงเมนูลัด (Shortcut Menu)
Toolbar Option เครื่องมือในการจัดการเกี่ยวกับToolbar หากมีแถบเครื่องมือบางอันหายไป สามารถ

เรียก Toolbar ขึ้นมาโดยการคลิกเมาสปุมขวา ขณะที่วางเมาสไวที่แถว Toolbar หรือที่ Option > Toolbars….
ภาพที่ 2.4 แสดง Toolbar Option

คลิกที่ ; Large Buttons เพื่อเปลี่ยนไอคอนของแถบเครื่องมือ ใหมีขนาดใหญ
*** หมายเหตุ ตังแต MapInfo Professional V10.0 นั้น เมื่อมีการจัดเรียงแถบเครื่องมือไวตาํ แหนงใด
โปรแกรมจะทําการบันทึกคาแบบอัตโนมัติ

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 3
การเปดโปรแกรม MapInfo Professional
การเปดโปรแกรม MapInfo Professional สามารถเปดใชงานได 2 วิธี ดังนี้
3.1 เปดโปรแกรม MapInfo Professional จากเมนู Start

โดยไปที่เมนู Start >Program >MapInfo >MapInfo Professional v10.5
ภาพที่ 3.1 แสดงการเปดโปรแกรม MapInfo Professional จากเมนู Start
3.2 เปดโปรแกรม MapInfo Professional บน Desktop

มีขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
1) ดับเบิลคลิกไอคอน ที่ Desktop หรือที่ Start> Program>MapInfo>MapInfo

Professional 10.5

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
2) ระบบจะแสดงหนาตาง Quick Start ดังภาพที่ 3.2
ภาพที่ 3.2 แสดงหนาตาง Quick Start
คําอธิบายหนาตาง Quick Start
~ Restore Previous Session

รายการนี้เปนการเรียกการทํางานครั้งสุดทายกอนออกจากโปรแกรม MapInfo Professional ขึ้นมา
ทํางานตอ ตัวอยางเชน ไดเปด Table A, Z ขึ้นมาทํางานในครั้งที่แลว เมื่อเลือกรายการนี้ Table A และ Table Z
จะถูกเปดขึ้นมา โดยรูปแบบหนาตางการทํางานจะเหมือนกับครั้งที่แลวทุกประการ
~ Open Last Used Workspace : Tds_pro+.wor (หรือ Filename.wor)

รายการนี้จะได Workspace ที่ไดเปดทํางานในครั้งที่แลว หรือเปน Workspace ที่ไดจากการบันทึก
การทํางานครั้งสุดทายกอนจะออกโปรแกรม MapInfo Professionalตัวอยางเชน ครั้งที่ผานมาไดเปด Workspace
ชื่อ Tds_pro+ ขึ้นมาทํางาน และกอนจะออกจาก MapInfo ได Save Workspace ดวย เมื่อมาทํางานแลวเลือก
รายการนี้ ก็จะไดหนาตางของแผนที่ รูปรางเหมือนกับการทํางานครั้งที่แลว
~ Open a Workspace
รายการนี้ จะสามารถเขาไปเลือกรายชื่อ Workspace ที่ได Save ไว ซึ่งเหมือนกับการใชคําสั่ง File
> Open…. แลวเลือก File of Type เปน Worksapce (*.wor)
~ Open a Table
รายการนี้ จะสามารถเลือกรายชื่อ Table ที่มีอยูได ซึ่งเหมือนกับการใชคําสั่ง Open… แลวเลือก File
of Type เปน MapInfo (*.tab)

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 4
การทํางานบนโปรแกรม MapInfo Professional
4.1 การเปดไฟลขอมูล
4.1.1 การเปดไฟลขอมูลโดยคําสั่ง Open
การเป ด ไฟล ข อ มู ล เป น การเป ด ชั้ น แผนที่ โครงงาน ไฟล รู ป ภาพ หรื อ ฐานข อ มู ล เพื่ อ ทํ า งานบน
โปรแกรม MapInfo Professional มีขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
1) เปดที่เมนู File > Open หรือ คลิกปุม Open
ขณะที่เปดจะปรากฏหนาตาง Open ดังภาพที่ 4.1 หากตองการเลือกมากกวา 1 ชั้นแผนที่ใหกด
ปุม Ctrl หรือ Shift คางไวเพื่อเลือกชั้นแผนที่ ที่ตองการ
ภาพที่ 4.1 แสดงหนาตาง Open
2) เลือกลักษณะของไฟลขอมูล
เลือกไฟลขอมูลที่ตองการเปดในในชอง Files of type ดังภาพที่ 4.2 ตัวอยางเปนการเปดชั้น
แผนที่ เลือก File of Type เปน MapInfo (*.tab)

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 4.2 แสดงลักษณะของไฟลขอมูล
ลักษณะของไฟลขอมูลอื่นๆ อธิบายรายละเอียดดังนี้
• MapInfo (*.tab) คือ ไฟลขอมูลหลักเพื่อเปดชั้นแผนที่หรือฐานขอมูลของโปรแกรม MapInfo
• Workspace (*.wor) คือ ไฟลโครงงานที่ถูกสรางขึ้นมา จากการบันทึกโครงงานหรือ Save
Workspace ซึ่งเปนการบันทึกการทํางานของหนาจอปจจุบัน เพื่อในการทํางานในครั้งตอไป
สามารถเปดไฟล โครงงานที่บันทึกไวมาทํางานไดทันที
• Microsoft Access Database (*.mdb, *.accdb) คือ ไฟลฐานขอมูลที่สรางจาก MS Access XP,
2003(*.mdb) และ MS Access 2007 (*.accdb)
• Microsoft Excel (*.xls, *.xlsx) คือ ไฟลฐานขอมูลที่สรางจาก MS Excel XP, 2003 และ MS
Excel 2007 (*.xlsx)
• dBASE DBF (*.dbf) คือ ไฟลฐานขอมูลสกุล dBASE DBF (*.dbf)
• ESRI (R) Shapfile (*.shp) คือ ไฟลขอมูลของ ESRI ArcView สามารถเปดไดโดยตรง กําหนด
รูปแบบ และสีของอ็อบเจกตได รวมทั้งกําหนดคาพิกัดเสนโครงแผนที่ (Projection) ได
• Raster Image คือ ไฟลรูปภาพที่ไดจากการสแกน ไดแก ไฟลรูปภาพสกุลตาง ๆ ดังนี้ *.bil,
*.sid, *.adf, *.gen, *.ntf, *.ecw, *.url, *.png, *.tif, *.grc, *.bmp, *.psd, *.gif, *.tga, *.jpg, *.jp2,
*.j2k *.wmf, *.emf , *.map
• Grid Image คือ ไฟลขอมูลระดับชั้นความสูง ไดแก ไฟลที่มีนามสกุลตาง ๆ ดังนี้ *.adf, *.flt,
*.txt, *.asc, *.grd, *.mig, *.dto, *.dt1, *.dt2, *.dem

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
• Delimited ACII (*.txt) คือ ไฟลขอมูลแบบ Text File
• Lotus 1-2-3 คือ ไฟลขอมูลของโปรแกรมคํานวณ Lotus 1-2-3 ไดแก ไฟลที่มีนามสกุล *.wk1,
*.wk2, *.wk3, *.wk4
• Comma delimited CSV (*.csv) คือ ไฟลขอมูลที่จัดเรียงขอมูลในรูปแบบตารางโดยใช
เครื่องหมาย Comma (,) คั่น
3) เลือกรูปแบบการแสดงขอมูล โดยเลือกรูปแบบการแสดงขอมูลในชอง Preferred ดังภาพที่ 4.3
ภาพที่ 4.3 แสดงรูปแบบของการแสดงขอมูล
รูปแบบของการแสดงขอมูล (Preferred View) เปนการกําหนดรูปแบบการแสดงผลของไฟลที่เลือกเปด

ในรูปแบบตาง ๆ ดังนี้
• Automatic คือ การแสดงขอมูลโดยไมกําหนดรูปแบบการเปดไฟลขอมูล โปรแกรมจะ
แสดง หนาตางแผนที่ใหโดยอัตโนมัติ หากชั้นแผนที่มีระบบเสนโครงแผน
ที่ และมีตําแหนงเดียวกัน โปรแกรมจะแสดงหนาตางแผนที่เดียวกัน แตถา
ชั้นแผนที่มีระบบพิกัด หรือตําแหนงที่แตกตางกันก็จะแสดงคนละหนาตาง
• Browser คือ การกําหนดใหแสดงขอมูลเฉพาะในสวนของตารางฐานขอมูลเทานั้น
• Current Mapper คือ การกําหนดใหชั้นแผนที่ที่เปดใหมแสดงอยูในหนาตางแผนที่ที่เปดอยู
• New Mapper คือ การกําหนดใหชั้นแผนที่ที่เปดใหมแสดงอยูในหนาตางแผนที่ใหม
• No View คือ การกําหนดใหไฟลขอมูลที่เปดใหมไมแสดงชั้นขอมูลแผนที่ และตาราง
ฐานขอมูล

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
4) คลิกที่ชั้นขอมูล District
5) คลิกปุม Open ระบบจะแสดงหนาตางแผนที่ ที่แสดงชั้นแผนที่ที่เลือกไว ดังภาพที่ 4.4
ภาพที่ 4.4 หนาตาง Open และหนาตางแผนที่

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
4.2 การเปดไฟลขอมูลโดยคําสั่ง Open Universal Data
ตั้งแต MapInfo v9.0 นั้นไดเพิ่มความสามารถใหแสดงผลขอมูลรูปแบบ DWG, DXF, DGN, ESRI
E00, ESRI GeoDatabase, ESRI Personal GeoDB (MDB), SDTS และ VPF ไดโดยตรง และใน MapInfo v10.5
ไดเพิ่มความสามารถในการแสดงผลขอมูลไฟลสกุล *.KMZ และ *.KML ซึ่งเปนสกุลไฟลของ Google Earth ได
อีกดวย นอกจากนี้ยังแสดงผลขอมูลรูปแบบอื่นๆ ไดมากกวา 140 รูปแบบ โดยวิธีการดังตอไปนี้
1) ไปที่เมนู File > Open Universal Data…
ภาพที่ 4.5 แสดงการเปดไฟลขอมูลดวยเมนู Open Universal Data…

2) ระบบจะแสดงหนาตาง Specify Input Data Source ดังภาพที่ 4.6 จากนั้นคลิกปุมจุดไขปลาหลัง
ชอง Format เพื่อเลือกรูปแบบไฟลขอมูลที่ตองการเปด
ภาพที่ 4.6 แสดงหนาตาง Specify Input Data Source

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
3) ระบบจะแสดงหนาตาง FME Reader Gallery เลือกรูปแบบไฟลขอมูลที่ตองการ แลวคลิกปุม OK
ภาพที่ 4.7 แสดงหนาตาง FME Reader Gallery
4) ระบบจะแสดงหนาตาง Specify Input Data Source อีกครั้ง คลิกปุมจุดไขปลาหลังชอง Dataset เพื่อ

เลือกไฟลขอมูลที่ตองการเปด ดังภาพที่ 4.8
5) คลิกปุม Coordinate System เพื่อเลือกระบบพิกัด ดังภาพที่ 4.8
กําหนด Projection ใหกับขอมูล
ภาพที่ 4.8 แสดงหนาตาง Specify Input Data Source

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6) สามารถคลิกปุม Parameter เพื่อตั้งคาการแสดงผลขอมูล โดยใหคงรูปแบบของขอมูลตนฉบับ
หรือกําหนดรูปแบบใหม ตัวอยางเปนกรณีเปดไฟล AutoCAD (*.dxf) ดังภาพที่ 4.9
กําหนดรูปแบบ
สไตล Object ได
ภาพที่ 4.9 แสดงหนาตาง AutoCAD DWG/DXF Parameters
7) ตัวอยางผลลัพธจากการเปดไฟล AutoCAD (DWG/DXF) โดยวิธี Open Universal Data…ดังภาพ

ที่ 4.10
ภาพที่ 4.10 แสดงหนาตางผลลัพธจากการเปดไฟลโดยวิธี Open Universal Data…

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
8) กรณีที่ผูใชตองการใหสามารถเปดไฟลขอมูลอีกมากกวา 140 รูปแบบ ใหคลิกปุม More Formats...
ในหนาตาง FME Reader Gallery แลวระบบจะ link ไปยังเว็บไซต www.safe.com ใหดาวนโหลดโปรแกรม
FME 2010 และติดตั้ง ดังภาพที่ 4.11
ภาพที่ 4.11 แสดงหนาตางเว็บไซต www.safe.com
9) เมื่อติดตั้งและขอ Evaluation License เรียบรอยแลว ในหนาตาง FME Reader Gallery จะมีรูปแบบ

ไฟลขอมูลเพิ่มอีกมากกวา 140 รูปแบบ ดังภาพที่ 4.12
ภาพที่ 4.12 แสดงหนาตาง FME Reader Gallery

หมายเหตุ : การเปดไฟลขอมูลโดยวิธี Open Universal Data นั้นชั้นแผนที่จะเปน Read Only ไมสามารถ Edit
ปรับแกได หากตองการปรับแกขอมูลตอง Save Copy As เปนชั้นแผนที่ใหม และการเปดไฟล Formats ESRI Arc
…. จะตอง มี License ของ ESRI software

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
4.3 การปดไฟลขอมูล
การปดไฟลขอมูล หรือ Table ในโปรแกรม MapInfo Professional สามารถทําได 2 แบบ คือ
4.3.1 การปดไฟลขอมูลหรือ Table บางไฟลขอมูล

ในการปดไฟลขอมูลหรือ Table บางไฟลขอมูลสามารถทําได ดังนี้
1) ไปที่เมนู File > Close Table
2) จะปรากฏหนาตาง Close Table ใหเลือกไฟลขอมูลที่ตองการปด แตถาตองการปดไฟลขอมูลไดครั้ง
ละหลายไฟลขอมูล ใหกดปุม Ctrl หรือ Shift คางไว แลวเลือกไฟลขอมูลที่ตองการปด ดังภาพที่ 4.5
3) คลิกปุม Close
ภาพที่ 4.10 แสดงการเลือกปดไฟลขอมูลมากกวา 1 ชั้นขอมูล
4.3.2 การปดไฟลขอมูลทั้งหมด
ในการปดไฟลขอมูลทั้งหมดที่เปดทํางานอยูบนหนาตางแผนที่ (Map) สามารถทําได ดังนี้
1) ไปที่เมนู File > Close All หรือ คลิกที่ปุม
2) ไฟลขอมูลทุกชั้นขอมูลที่เปดอยูบนหนาตางแผนที่จะถูกปดไปพรอมกับหนาตางแผนที่
การปดหนาตางโดยคลิกที่ปุม Close Window (เครื่องหมายกากบาทบนหนาตางดานขวามือ) มิใชเปน

การปดขอมูลออกจากโปรแกรม แตเปนการปดหนาตางแผนที่โดยที่ขอมูลยังเปดอยูแตไมแสดงผลเทานั้น ให
สังเกตไดจากเมนูปุม ถายังเปนปุมสีปกติ แสดงวา ยังมีชั้นแผนที่เปดใชงานในโปรแกรมอยู ถาเปนปุมสี
เทา แสดงวาไมมีชั้นแผนที่เปดใชงานอยูในโปรแกรม

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
4.4 การบันทึกไฟลขอมูล
การบันทึกไฟลขอมูล สามารถบันทึกได 5 วิธี คือ
4.4.1 การบันทึกโดย ใชคําสั่ง Save Table
การบันทึกโดยใชคําสั่งนี้เปนการบันทึกขอมูลที่ไดมีการเปลี่ยนแปลง ปรับแกบนหนาตางแผนที่ และ
ตารางฐานขอมูล เพื่อใหขอมูลที่ไดมีการเปลี่ยนแปลง ปรับแก แทนที่ขอมูลเกาที่มีอยู ปุม Save Table หรือคําสั่ง
Save Table จะสามารถใชไดก็ตอเมื่อมีการแกไข หรือเปลี่ยนแปลงขอมูล ซึ่งขั้นตอนการทํางานมี ดังนี้
1) ไปที่เมนู File > Save Table หรือ คลิกปุม Save Table
ภาพที่ 4.11 แสดงการเขาสูเมนู Save Table
2) ระบบจะแสดงหนาตาง Save Table เพื่อยืนยันการบันทึกชั้นขอมูลนั้น ๆ

3) ในกรณีที่ไดมีการเปลีย่ นแปลงหลายชั้นขอมูลระบบจะแสดงหนาตาง Save Table ใหเลือกชั้นขอมูล
ที่ตองการทําการบันทึก สามารถเลือกบันทึกหลายชั้นขอมูลไดโดยการกดปุม Ctrl หรือ Shift คาง
แลวเลือกชั้นขอมูลที่ตองการบันทึก
4) คลิกปุม Save
4.4.2 การบันทึกโดย ใชคําสัง่ Save Copy As

การบันทึกขอมูลวิธีนี้จะเปนการคัดลอกไฟลขอ มูลที่เปดอยู โดยไฟลขอมูลที่คัดลอกใหมจะมีโครงสราง
และรายละเอียดของขอมูลเหมือนกับไฟลขอมูลเกาทุกประการ ซึ่งขั้นตอนการทํางานมี ดังนี้
1) ไปที่เมนู File > Save Copy As
2) ระบบจะแสดงหนาตาง Save Copy As

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
3) เลือกขอมูลที่ตองการคัดลอก จากนั้นคลิกปุม Save As ดังภาพที่ 4.12
ภาพที่ 4.12 หนาตาง Save Copy As
4) ระบบจะแสดงหนาตาง Save Copy As of Table As ดังภาพที่ 4.13

5) ไดเรคทรอรี่ที่ตองการจัดเก็บไฟลขอมูล และใสชื่อชั้นแผนที่ในชอง File name
6) คลิกปุม Save
ภาพที่ 4.13 หนาตาง Save Copy As of Table As
4.4.3 การบันทึกโดย ใชคําสั่ง Save Query

การบันทึกขอมูลวิธีนี้จะสามารถบันทึกขอมูลไดเมื่อมีการใชคําสั่ง Query เทานั้น (การใชคําสั่ง Query
จะอธิบายในขั้น Advance) ผลลัพธที่ไดเปนไฟลสกุล *.qry

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
4.4.4 การบันทึกโดย ใชคําสั่ง Save Workspace
การบันทึกขอมูลวิธีนี้ เปนการบันทึกขอมูลในรูปแบบของโครงงาน ระบบบันทึกคาการแสดงผล เชน
การกําหนดรูปแบบ สี ขนาดของ Object การวางปายชื่อ หนาตางของแผนที่และตารางฐานขอมูลของการทํางาน
ครั้งลาสุด เพื่อใชทํางานในครั้งตอไป ผลลัพธที่ไดเปนไฟลสกุล *.Wor ขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
1) ไปที่เมนู File > Save Workspace หรือคลิกที่ปุม
2) เลือกไดเรคทรอรี่ที่เก็บไฟล
3) ในชอง File name ใหพิมพชื่อของไฟลขอมูล คลิกปุม Save เพื่อจัดเก็บ ดังภาพที่ 4.14
ภาพที่ 4.14 แสดงการบันทึกโครงงาน (Save Workspace)
4.4.5 การบันทึกโดยใชคําสั่ง Save Window As

การบันทึกขอมูลดวยวิธีนี้ เปนการบันทึกการแสดงผลในหนาตางแผนที่ ใหเปนไฟลรูปภาพ ไดแก
*.png, *.tif, *.bmp, *.psd, *.gif, *.tga, *.jpg, *.jp2, *.wmf, *.emf ซึ่งในโปรแกรม MapInfo Professional ไดมี
การเพิ่มเติมความสามารถของการ Save Window As ขึ้นมา มีขั้นตอนการทํางานดังนี้
1) จัดวางหนาตางแผนที่ใหอยูภาพในตําแหนงตองการ
2) ไปทีเ่ มนู File > Save Window As หรือคลิกที่ปุม ดังภาพที่ 4.15

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 4.15 แสดงการ Save Window As
3) เลือกไดเรคทรอรี่ที่เก็บไฟล
4) ในชอง File name ใหพิมพชื่อของไฟลรูปภาพ
5) ในชอง Save As type ใหเลือกสกุลไฟลรูปภาพที่ตองการ ดังภาพที่ 4.16
ภาพที่ 4.16 แสดงการเลือก File Type ของภาพ

6) คลิกปุม Save เพื่อจัดเก็บ
7) ระบบจะแสดงหนาตาง Save Window As ดังภาพที่ 4.17

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 4.17 แสดงหนาตาง Save Window As
คําอธิบายภาพที่ 4.15
1) ชอง Resolution ใหกําหนดความละเอียดของภาพ (ถาความละเอียดสูง ไฟลจะมีขนาดใหญ)
; Create a Geographically Referenced Tab File คือ โปรแกรม MapInfo จะสรางสกุลไฟล
.tab เพื่ออางอิงคาพิกัดใหกับไฟลภาพที่สรางขึ้น (สามารถนําไฟลภาพที่บันทึกนี้ เปดซอนทับกับ ขอมูลที่มีอางอิง
ระบบคาพิกัดได)
; Use Antialiasing คือ ไฟลภาพที่ไดจะมีการปรับความคมชัดของ Pixel ใหไมเปนหยัก
2) คลิกปุม Save เพื่อจัดเก็บ
นอกจากนี้ตั้งแตเวอรชั่น 9.0 ไดเพิ่มความสามารถใหบันทึกหนาตางแผนที่เปนไฟลรูปภาพสกุลไฟล
GeoTIFF (*.tif) ได ดังภาพที่ 4.18
GeoTIFF(*.tif)
ภาพที่ 4.18 แสดงหนาตาง Save Window As เปนสกุลไฟล GeoTIFF (*.tif)

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 5
ชุดเครื่องมือในโปรแกรม MapInfo Professional
ในสวนของ Standard Toolbar
Open Save
Workspace Workspace Print to PDF New Redistricter
New Table Bing Hybrid Save Window Copy Undo New Mapper Help
Open Save Table Cut Paste New New New

Print Window
Bing Aerial Browser Grapher Layout
Close All
แถบเครื่องมือ Standard Toolbar
5.1 เครื่องมือใน Standard Toolbar
5.1.1 เครื่องมือ New Table
เปนเครื่องมือที่ใชในการสรางชั้นขอมูลแผนที่ขึ้นมาใหมหรือ สราง Table ขึ้นมาใหมโดยจะตอง

ออกแบบโครงสรางขอมูลเอง สามารถเปดหรือใชคําสั่งนี้ไดจากเมนู File > New Table เมื่อใชคําสั่ง New Table
จะไดหนาตางขึ้นมา ดังภาพที่ 5.1

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
เมื่อสราง Table เสร็จแลว ใหเปด สวนของการ
Browser ของ Table นั้นขึ้นมา ออกแบบโครงสราง
เมื่อสราง Table เสร็จแลว ให
แสดงหนาตาง Map ขึ้นมาใหม
เมื่อสราง Table เสร็จแลว ใหชั้น แผน ออกแบบโครงสรางใหม

ที่ที่สรางขึ้นมาใหซอนอยูกับชั้นแผน
ที่ที่เปดอยูกอนแลว
รูปแบบโครงสราง Table เหมือนกับ
Table ที่เปดอยูกอน สามารถเลือกได
วาจะใชโครงสรางของ Table ใด
ภาพที่ 5.1 หนาตาง New Table
การสราง Table ใหม จะตองกําหนดโครงสรางขอมูลตารางของ Table นั้นเอง โดยจะตองกําหนด

รูปแบบของแตละ Field ในตาราง ซึ่งโปรแกรม MapInfo Professional มีรูปแบบของ Field ดังนี้
เพิ่มจํานวน Field
ลดจํานวน Field
กําหนดชื่อของ Field
กําหนดเสนโครงแผนที่
ชนิด (Type) ของ Filed และระบบคาพิกัด
ความกวางของ Filed กรณีที่เลือก Type

เปน Character หรือ Decimal
ภาพที่ 5.2 การออกแบบโครงสรางของ Table

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ชนิด (Type) ของ Field ในตารางขอมูลมีดังนี้
Character คือ ตัวอักษร กําหนดความกวางไดถึง 254 ตัวอักษร สามารถใสตัวเลขได แตไม

สามารถนําตัวเลขนั้นมาคํานวณคาทางคณิตศาสตรไดเพราะ MapInfo จะเห็นเปนแค
ตัวอักษรเทานั้น
Integer คือ ตัวเลขจํานวนเต็ม ตั้งแต -2,000,000,000 ถึง +2,000,000,000
Small Integer คือ ตัวเลขจํานวนเต็ม แตใชพื้นที่ในการเก็บนอยกวา Integer คือตั้งแต -32,768 ถึง
+32,767
Float คือ ตัวเลขทศนิยม ที่ไมจํากัดจํานวนจุดทศนิยม
Decimal คือ ตัวเลขที่มีทศนิยม ผูใชจะตองกําหนดจํานวนจุดทศนิยม และความกวางของ Field
Date คือ ขอมูลประเภท วัน เดือน ป
Time คือ ขอมูลประเภท เวลา
Date/Time คือ ขอมูลประเภท วัน เดือน ป และเวลา
Logical คือ คาทางตรรกศาสตร เปน จริง (T) และ เท็จ (F)
5.1.2 เครื่องมือ Open Table

การเปดไฟลขอมูล MapInfo ไดกลาวไวขางตนแลว ซึ่งการเปดสามารถเปดไดหลายลักษณะ เชน
MapInfo (*.tab), Workspace (*.wor), Microsoft Access (*.mdb) เปนตน สามารถเปดไดครั้งละ 1 ไฟล หรือ
หลายไฟลได โดยการกด Shift หรือ Ctrl คางไว
5.1.3 เครื่องมือ Open Workspace

การเปดไฟล Workspace (*.wor) ที่มีการบันทึกโครงงานไว (เรื่องการบันทึกแบบ Workspace อยูใน
หนาที่ 31 ) เมื่อคลิกที่ปุมนี้ ระบบจะแสดงหนาตาง Open Workspace โดย File of Type จะเปนไฟล *.wor เพื่อ
สรางความสะดวกในการเปดเฉพาะขอมูลโครงงาน ดังภาพที่ 5.3

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 5.3 หนาตาง Open Workspace
5.1.4 เครื่องมือ Save Table หรือ เมนู File > Save Table
เครื่องมือที่ใชในการจัดเก็บขอมูล ดังที่กลาวไปแลวขางตนเรื่องการบันทึกไฟลขอมูล เครื่องมือนี้จะ
ทํางานเมื่อมีการแกไขขอมูล
5.1.5 เครื่องมือ Save Workspace หรือที่เมนู File>Save Workspace

การบันทึกโครงงาน หรือ Workspace ไดกลาวไวแลวขางตน ดังหนาที่ 31
5.1.6 เครื่องมือ Close All หรือที่เมนู File > Close All

การปดทุกชั้นแผนที่ที่เปดจากโปรแกรม
5.1.7 เครื่องมือ Save Window หรือที่เมนู File > Save Window As

การบันทึกการแสดงผลขอมูลเปนไฟลรูปภาพ ไดกลาวไวแลวขางตน ดังหนาที่ 31 – 32
5.1.8 เครื่องมือ Print หรือ เมนู File > Print

เครื่องมือที่ใชพิมพเอกสาร เปนการพิมพงานขณะทํางานที่หนาจอปจจุบันออกมา สามารถพิมพไดทั้ง
หนาตางแผนที่และหนาตางของขอมูลตารางฐานขอมูล
5.1.9 เครื่องมือ Print to PDF หรือ เมนู File>Print to PDF

เครื่องมือสําหรับการพิมพขอมูลแผนที่ใหเปนเอกสารไฟล PDF แบบมีชั้นขอมูลแผนที่ และตาราง
ฐานขอมูล รวมทั้งคาพิกัดตําแหนงของแผนที่ดวย รายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่อง การสรางชั้นแผนที่ในรูปแบบ
เอกสารไฟล PDF (หลักสูตรขั้นสูง)

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
5.1.10 เครื่องมือ Cut หรือ เมนู Edit > Cut
เครื่องมือที่มีลักษณะคลายกับ Ms Office ทั่วไป สามารถ Cut ในสวน Object หรือในสวนขอมูลตาราง
ก็ได แตจะตองมีการ Edit Table ดวย
5.1.11 เครื่องมือ Copy หรือ มนู Edit > Copy

เครื่องมือที่ใช คัดลอกเปนอ็อบเจกตบนแผนที่และขอมูลในตารางฐานขอมูล
5.1.12 เครื่องมือ Paste หรือ เมนู Edit > Paste

เครื่องมือที่ใช วางขอมูลที่ไดมีการตัดหรือคัดลอก
5.1.13 เครื่องมือ Undo หรือ เมนู Edit > Undo

เครื่องมือที่ใช ยกเลิกคําสั่งครั้งสุดทายที่ทํา โดยที่จะยกเลิกกลับไปมาไดครั้งเดียวเทานั้น
5.1.14 เครื่องมือ Browser Window หรือ เมนู Window > New Browser Window
เครื่องมือที่ใช เรียกดูขอมูลที่เปนตารางฐานขอมูล
5.1.15 เครื่องมือ Map Window หรือ เมนู Window > New Map Window
เครื่องมือที่ใช แสดงหนาตางแผนที่หรือกราฟก
5.1.16 เครื่องมือ Graph Window หรือ เมนู Window > New Graph Window
เครื่องมือที่ใช สรางและแสดงหนาตางกราฟ
5.1.17 เครื่องมือ Layout หรือ เมนู Window > New Layout Window
เครื่องมือที่ใชแสดงหนาตางสําหรับการจัดพิมพแผนที่ตามมาตราสวนที่กําหนดไว
5.1.18 เครื่องมือ Redistrict Window หรือ เมนู New Redistrict Window

เครื่องมือที่ใช แสดงหนาตางการสรางขอบเขตพื้นที่ใหม
5.1.19 เครื่องมือ Help เครื่องมือชวยเหลือ

เครื่องมือที่ใช ชวยเหลือเกี่ยวกับการใชเครื่องมือและคําสั่งตางๆ ในโปรแกรม MapInfo Professional

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 6
ในสวนของ Main Toolbar
Selection Marquee Select
Radius Select Polygon Select
Boundary Select Unselect All
Invert selection Graph Select
Zoom In Zoom Out
Change View Grabber
Info Tool HotLink Tool
Label Drag Map Window
Layer Control Ruler Tool

Show/Hide Legend Statistics
Set Target District Assign Select Object
Clip Region on/off Set Clip Region
Create a Scale bar

Display Table List
แถบเครื่องมือ Main Toolbar

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ในบทนี้ขอยกตัวอยางขอมูลที่เปน Polygon ซึ่งเปนขอบเขตอําเภอ คือ Table ที่ชื่อ District.tab และ
ขอมูล Point ซึ่งเปนที่ตั้งหมูบาน คือ Table ที่ชื่อ Village.tab ในอันดับแรก จะตองเปดขอมูล ขึ้นมากอน โดยมี
ขั้นตอนดังนี้
1) ไปที่ File > Open…
• File of type เปน MapInfo (*.tab)
• Preferred เปน Current Mapper ดังภาพที่ 6.1
2) ไปที่ C:\Training\Nonthaburi\Distraict.tab กดปุม Ctrl คางไว และ เลือก Village.tab
3) คลิก Open แผนที่ทั้งสองก็จะปรากฏขึ้น
ภาพที่ 6.1 แสดงหนาตาง Open และการกําหนดรูปแบบการแสดงผลขอมูลแผนที่
4) เพื่อใหแนใจวาแผนที่ดังกลาวเปดมาหรือยังให คลิก เมาส ปุมขวา เพื่อเลือก View Entire

Layer>All Layer
การเลือกขอมูลกราฟกสามารถเลือกไดจากหนาตางของ Map หรือเลือกจากหนาตางของ Browser ก็ได

เพราะหนาตางทั้งสองมีความเชื่อมโยงกันระหวางขอมูลตารางกับขอมูลแผนที่โดยไปที่หนาตางของ Window >
Tile Window ก็จะเห็นความสัมพันธดังกลาว

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6.1 เครื่องมือ Main Toolbar สวนของการเลือก (Select)
เครื่องมือใน Main Toolbar จะเปนเครื่องมือที่เกี่ยวกับการเลือก Object บนแผนที่ หรือการเลือกจาก
ขอมูลที่เปนเรคคอรด จากตารางขอมูล เครื่องมือใน Main Toolbar มีการเลือก 8 แบบ คือ
แถบเครื่องมือ Main สวนของการเลือก
6.1.1 เครื่องมือ Select Tool

การใชเครื่องมือ Select จะใชในการเลือก Object ไดครั้งละ 1 Object หรือเรคคอรดในตาราง กรณีที่
ตองการเลือกหลาย ๆ Object หรือเรคคอรดใหกด Shift บนคียบอรดคางไว
การเลือกแบบนี้เปนการเลือกแบบชั่วคราว สามารถนําขอมูลที่ไดจากการเลือกมาสรางเปนแผนที่ก็ได
หรือสรางกราฟ ดูตารางขอมูล วิเคราะห แสดงแผนที่เฉพาะสวนที่เลือกก็ได
ขั้นตอนในการทํางาน
1) จาก Main Toolbar เลือก Select
2) คลิกเมาสที่ Object หรือเรคคอรด 1 ครั้ง (ถาตองการเลือกมากกวา 1 Object หรือ Object
ใหกดปุม Shift ที่คียบอรดคางไว)
3) ถาตองการใหแสดงขอมูลเฉพาะสวนที่เลือก ไปที่ Window > New Browser Window
แลวเลือก Selection ดังภาพที่ 6.2
4) เมื่อกดปุม OK Selection จะเปลี่ยนเปน Query 1 Browser และถามีการแสดงขอมูล
Selection ตอไป ก็จะได Query…Browser ตอ ๆ ไป เชน Query 1, Query2…, QueryXX)

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 6.2 แสดงการเลือกขอมูลโดยเครือ่ งมือ select
6.1.2 เครื่องมือ Marquee Select

เครื่องมือ Marquee Select ใชในการเลือก Object ภายในกรอบสี่เหลี่ยมโดยจะเลือกเฉพาะ Object ที่จุด
กึ่งกลางของ Object หรือ Centroids อยูภายในกรอบสี่เหลี่ยมเทานั้น
1) จาก Main Toolbar เลือก Marquee Select เมาสจะเปลี่ยนเปนรูปมือ
2) คลิกเมาสคาง แลววาดเปนกรอบสี่เหลี่ยม คลุมพื้นที่บริเวณที่ตองการ ดังภาพที่ 6.4
3) เมื่อปลอยเมาส ระบบจะเลือก Object ดังภาพที่ 6..4
คลิกเมาสลากเปน ขอมูลที่ถูกเลือก
กรอบสี่เหลี่ยม
ภาพที่ 6.4 แสดงการเลือกโดยใชเครื่องมือ Marquee Select

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6.1.3 เครื่องมือ Radius Select
เครื่องมือ Radius Select เปนเครื่องมือที่ใชเลือก Object เปนแนวรัศมีโดยเริ่มจากจุดที่คลิกลงไปบน
Object ที่ตองการจะวาดรัศมีออกไป โดยจะเลือกเฉพาะ Object ที่จุด Centroids อยูภายในรัศมีวงกลมเทานั้นถา
ตองการ Object อื่นอีกใหกด Shift คางไว แลวเลือก
1) คลิกที่ Radius Select เมาสจะเปลี่ยนเปนรูปมือ
2) คลิกเมาสปุมซายคางไว แลววาดกรอบเปนวงกลมตามรัศมีตามที่ตองการ ดังภาพที่ 6.5
3) โดยจะแสดงระยะรัศมีอยูที่แถบสถานะ (ดานมุมซายลางของโปรแกรม MapInfo) ดังภาพที่ 6.6
แสดงการเลือกขอมูล
ขอมูลที่ถูกเลือก
ภาพที่ 6.5 แสดงการเลือกโดยใชเครื่องมือ Radius Select
ภาพที่ 6.6 แสดงแถบสถานะที่แสดงระยะรัศมีการเลือก

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6.1.4 เครื่องมือ Polygon Select
เครื่องมือ Polygon Select เปนเครื่องมือที่ใชในการเลือก Object บนแผนที่จากรูปวาดพื้นที่ปดตามที่
ตองการ Polygon Select เปนเครื่องมือที่สามารถวาดพื้นที่ปดไดอยางอิสระ วาดไดตามที่ตองการ จุด Centroids
ของ Object ตองอยูภายในพื้นที่ปดที่วาดถึงจะเลือกได และตองมีการ Selectable ใน Layer Control
1) คลิกที่ปุม Polygon Select เมาสจะเปลี่ยนเปนรูปมือ

2) วาดขอบเขตตามที่ตองการ เมื่อสิ้นสุดขอบเขตที่ตองการแลวใหดับเบิ้ลคลิกเมาสซาย ดังภาพที่ 6.7
แสดงการเลือกขอมูล
ขอมูลที่ถูกเลือก
ภาพที่ 6.7 แสดงการเลือกขอมูลโดย Polygon Select

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6.1.5 เครื่องมือ Boundary Select
เครื่องมือ Boundary Select เปนการเลือกขอมูล/Object ที่อยูภายในขอมูลที่เปนพื้นที่รูปปด (Polygon)
โดยจะเลือกขอมูลที่อยูชั้นบนสุดเสมอ โดยจะเลือกเฉพาะ Object ที่จุด Centroids อยูภายใน Polygon และตองมี
การ Selectable ใน Layer Control
1) คลิกที่ Boundary Select เมาสจะเปนเปนรูปบวก
2) คลิกที่ขอมูลพื้นที่ของ District (ถาคลิกที่จุด Village จะไมสามารถเลือกได)
3) ขอมูล Village ที่อยูในอําเภอนัน้ ก็จะถูกเลือก ดังภาพที่ 6.8
4) ไปที่ Window > New Browser Window เลือกที่ Selection เพื่อดูขอมูลหมูบ านที่เลือกไว
5) จะได Query1 Browser หรืออืน่ ๆ ดังภาพที่ 6.8
ภาพที่ 6.8 แสดงการเลือกขอมูลโดย Boundary Select

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6.1.6 เครื่องมือ Unselect All
เครื่องมือที่ใชสําหรับยกเลิกการเลือกขอมูลที่เลือกอยูทั้งหมด ดังภาพที่ 6.9
ขอมูลที่ไดจากการ Select ผลจากการใชเครื่องมือ Unselect
ภาพที่ 6.9 แสดงการยกเลิกการเลือกขอมูล
6.1.7 เครื่องมือ Invert Select

เครื่องมือ Invert Select เปนเครื่องมือที่ใชในการเลือกขอมูล หรือ Object ที่ไมไดเลือกไว หรือเปนการ
เลือก Object ที่ตรงกันขามกับที่เลือกไวกอน ดังภาพที่ 6.10
ขอมูลที่เลือกโดยเครื่องมือ
ขอมูลที่เลือก Invert Select
ภาพที่ 6.10 แสดงการเลือกขอมูลแบบ Invert Select

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6.1.8 เครื่องมือ Graph Select
เครื่องมือที่ใชในการเลือกขอมูลจากหนาตางกราฟ ซึ่งจะสัมพันธกันกับ Object และตารางฐานขอมูลที่
นํามาสรางกราฟ
6.2 เครื่องมือ Main Toolbar สวนของการมุมมองแผนที่
ภาพที่ 6.11 แสดงเครื่อมือในการจัดการมุมมองของแผนที่
เครื่องมือใน Main Toolbar จะเปนเครื่องมือที่เกี่ยวกับมุมมองแผนที่อยู 4 แบบ คือ
6.2.1 เครื่องมือ Zoom- in

คือ เครื่องมือที่ใชสําหรับขยายแผนที่เพื่อแสดงรายละเอียดของแผนที่มากขึ้น มีลักษณะการใชงาน 2
ลักษณะ ไดแก
1) ขยายแบบคลิกครั้งเดียว เมื่อคลิกปุม Zoom-in แลว ใหคลิก 1 ครั้งตรงบริเวณที่ตองการจะ
ขยายแผนที่ โดยจะขยายใหเห็นรายละเอียดของแผนที่ 1 เทา
2) ขยายแบบเลือกเปนกรอบสี่เหลี่ยม เมื่อคลิกปุม Zoom-in แลว ใหคลิกเมาสปุมซายคางไว
แลวลากเปนกรอบสี่เหลี่ยมบริเวณที่ตองการ แผนที่ที่อยูภายในกรอบสี่เหลี่ยม จะขยายใหเห็นรายละเอียดมากขึ้น
6.2.2 เครื่องมือ Zoom-out

คือ เครื่องมือที่ใชสําหรับยอแผนที่ใหมีขนาดเล็กลง ซึ่งลักษณะการใชงานจะเหมือนกับการใชเครื่องมือ
Zoom-in

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6.2.3 เครื่องมือ Change View
คือ เครื่องมือที่ใชยอ-ขยายแผนที่ โดยการกําหนดความกวางของหนาตางแผนที่ มาตราสวน หรือจุด
กึ่งกลางของหนาตางแผนที่ ซึ่งมีลักษณะการใชงาน ดังนี้
1) ไปที่เมนู Map > Change View หรือ คลิกปุม หรือเรียกใชงานจากเมนูลัด
(Shortcut) โดยการคลิกเมาสปุมขวา เลือก Change View
2) ระบบจะแสดงหนาตาง Change View ดังภาพที่ 6.12
ภาพที่ 6.12 แสดงหนาตาง Change View
Zoom (Window Width) คือ การยอ ขยาย แผนที่ โดยกําหนดความกวางของระยะที่แผนที่แสดง ณ
หนาจอปจจุบัน
Map Scale คือ การยอ ขยาย แผนที่ โดยกําหนดมาตราสวนแผนที่
Center of Window คือ การแสดงแผนที่ โดยการใสคาพิกัด X, Y ที่ตองการแสดง ณ ตําแหนง
กึ่งกลางของหนาตางแผนที่
การกําหนดคาการแสดงแผนที่ทั้ง 2 แบบในหนาตางนี้ จะแปรผันตามกัน ไมวาจะเปนแบบ Zoom
(Window Width) หรือแบบ Map Scale เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง คาใดคาหนึ่ง อีกแบบหนึ่งก็จะมีการเปลี่ยนแปลง
คาดวย

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6.2.4 เครื่องมือ Grabber
คือ เครื่องมือที่ใชการในการเลื่อนแผนที่ โดยคลิกเมาสปุมซายคางไว แลวเลื่อนแผนที่ไปยังตําแหนงที่
ตองการ
นอกจากนี้ สามารถแสดงแผนที่ในลักษณะตางๆ ไดแก การกลับไปแสดงภาพแผนที่เดิม (Previous
View) และการแสดงแผนที่ทั้งหมด (View Entire Layer)
6.2.4.1 การกลับไปแสดงภาพแผนที่เดิม (Previous View) คือ การกลับไปแสดงแผนที่กอนหนาที่จะ

มีการ ยอ ขยาย เลื่อน หรือเปลี่ยนการแสดงแผนที่ ครั้งลาสุด มีวิธีการทํางาน ดั้งนี้
1) ไปที่เมนู Map > Previous View หรือเรียกใชงานจากเมนูลัด (Shortcut) โดยการคลิกเมาส
ปุมขวา เลือก Previous View
2) ระบบจะกลับไปแสดงแผนที่กอนหนานี้
6.2.4.2 การแสดงแผนที่ทั้งแผน (View Entire Layer) คือ การแสดงแผนที่ตามขอบเขตของชั้นแผนที่

บางชั้นแผนที่ หรือแสดงภาพรวมของแผนที่ทั้งหมด มีการทํางานดังนี้
1) ไปที่เมนู Map > View Entire Layer หรือคลิกเมาสปุมขวา เลือก View Entire Layer หรือ
2) จะปรากฏหนาตาง View Entire Layer เพื่อเลือกแสดงแผนที่ ดังภาพที่ 6.13
3) เลือกชั้นแผนที่ เพื่อแสดงเฉพาะพื้นที่ที่ครอบคลุมชั้นแผนที่ที่เลือก หรือเลือก All Layers
เพื่อแสดงภาพรวมทั้งหมด ดังภาพที่ 6.13
ภาพที่ 6.13 แสดงหนาตาง View Entire Layer

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6.3 การตั้งคาการแสดงผลของหนาตางแผนที่
การตั้งคาการแสดงหนวยของคาพิกัด หนวยวัดระยะทาง และหนวยคํานวณพื้นที่ ดังภาพที่
6.14 มีวิธีการดังนี้
1) ไปที่เมนู Map > Options
2) จะปรากฏหนาตาง Map Options ใหเลือกหนวยการแสดงผลตามรายการในสวนของ Map Units
Coordinate Units คือ หนวยแสดงคาพิกัดภูมิศาสตร (degrees) และหนวยแสดงคา
พิกัดกริด (meters)
Distance Units คือ หนวยวัดระยะทาง
Area Units คือ หนวยคํานวณเนื้อที่
3) คลิกปุม OK
ภาพที่ 6.14 แสดงหนาตางการแสดงหนวยของคาพิกัด ระยะทาง และเนื้อที่
ที่แถบสถานะ (Status Bar) ดานมุมลางซายของโปรแกรม จะแสดงหนวยการคํานวณของหนาตางแผน

ที่ ดังภาพที่ 6.15 สามารถเลือกแสดงตามความกวางของหนาตางแผนที่ (Zoom (Window Width)) มาตราสวน
(Map Scale) และแสดงคาพิกัดของตําแหนง (Cursor Location) ขณะที่เลื่อนเคอรเซอรบนหนาตางแผนที่
ภาพที่ 6.15 แสดงแถบสถานะ แสดงหนวยการแสดงของหนาตางแผนที่

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6.4 เครื่องมือเรียกดูขอมูลจากหนาตางแผนที่ (Info Tool)
เครื่องมือ Info Tool คือ เครื่องมือใชสําหรับ ดูรายละเอียดของขอมูลที่แสดงบนหนาตางแผนที่ มี
ขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
1) คลิกปุม สถานะของเมาสพอยเตอร จะเปลี่ยนเปนเครื่องหมายบวก
2) คลิกที่อ็อบเจกตที่ตองการดูรายละเอียด
3) ในกรณีที่มีชั้นแผนที่มากกวา 1 ชั้นแผนที่ หนาตาง Info Tool จะแสดงขอมูลของอ็อบ
เจกตที่คลิกเลือก ดังภาพที่ 6.16 Info Tool ซึ่งจะแสดงรายละเอียดของ Village และ District
2 ชั้นแผนที่
แสดงขอมูลของอ็อบเจกต
2 อ็อบเจกตใน 2 ชั้นแผนที่
ภาพที่ 6.16 แสดงหนาตาง Info Tool
4) ตามตัวอยางในภาพที่ 6.16 หากตองการดูรายละเอียดของ Village

5) ใชเมาสคลิกที่ชั้นขอมูล Village ที่หนาตาง Info Tool สถานะของเมาสพอยเตอรจะ
เปลี่ยนเปนรูปมือ ก็จะไดผลลัพธตามภาพที่ 6.17
คลิก << เพื่อดูขอมูลของชั้นแผนที่ ที่อยูดานบน

คลิก >> เพื่อดูขอมูลของชั้นแผนที่ ที่อยูดานลาง ชื่อชั้นแผนที่ที่
คลิก List เพื่อแสดงอ็อบเจกตที่ถูกเลือกทั้งหมด แสดงขอมูล
ภาพที่ 6.17 แสดงรายละเอียดของ Village

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6.5 เครื่องมือ Main Toolbar ในสวนอื่น ๆ
6.5.1 เครื่องมือ HotLink
เครื่องมือ HotLink คือ เครื่องมือที่ใช แสดงรูปภาพ ไฟลวีดีโอ เอกสาร เชื่อมตอไปยังเว็บไซตตาง ๆ
(รายละเอียดเพิ่มเติมในบทที่ 9 เรื่องการเชื่อมโยงแผนที่กับขอมูลภายนอกดวย HotLink)
6.5.2 เครื่องมือ Label

เครื่องมือ Label คือ เครื่องมือที่ใช แสดงปายชื่อ ซึ่งผูใชสามารถกําหนดรูปแบบการแสดงปายชื่อไดตาม
6.5.3 เครื่องมือ Drag Map Window

เครื่องมือ Drag Map Window นี้ใชแสดงหนาตางแผนที่โปรแกรมอื่นๆ เชน MS Word, MS Excel, MS
Power Point และ CorelDraw ไดเทานั้น ตั้งแตใน MaPinfo v.8.5 ไดเพิ่มความสามารถของเครื่องมือ Drag Map
ใหสามารถดึงแผนที่ หรือ Drag & Drop ชั้นแผนที่จากหนาตางแผนที่ไปยังหนาตางแผนที่อื่นได ตัวอยาง เชน
1) คลิกเลือก แลวคลิกคางในหนาตางที่ 1 แลวลากไปยังหนาตางที่ 2 แลวปลอย

2) ทุกชั้นแผนที่ที่แสดงในหนาตางที่ 1 จะถูกแสดงในหนาตางที่ 2 รวมทั้ง การแสดงขอมูล
แผนที่เฉพาะเรื่อง (Thematic Map) ดวย ดังภาพที่ 6.18
ภาพที่ 6.18 การใชเครื่องมือ Drag Map Window

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6.5.4 เครื่องมือ Layer Control
เครื่องมือ Layer Control คือ เครื่องมือที่ใชควบคุมการทํางานของชั้นแผนที่ ซึ่งใน MapInfo v10.0 นี้
Layer Control ไดเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม ใหใชงานงายขึ้น (รายละเอียดในบทที่ 7 หนา 57)
6.5.5 เครื่องมือ Ruler

เครื่องมือ Ruler คือ เครื่องมือที่ใช วัดระยะทาง จะแสดงเปนหนาตางโดยคลิกที่จุดเริ่มตน แลวลากเมาส
ไปยังจุดปลายทางที่ตองการ ดังภาพที่ 6.19
ภาพที่ 6.19 แสดงหนาตาง Ruler
6.5.6 เครื่องมือ Show/Hide Legend

เครื่องมือ Show/Hide Legend คือ เครื่องมือที่ใชแสดงคําอธิบายสัญลักษณ
6.5.7 เครื่องมือ Show/Hide Statistics

เครื่องมือ Show/Hide Statistics คือ เครื่องมือที่ใชแสดงขอมูลทางสถิติ เชน ผลรวม (sum) คาเฉลี่ย
(average) เปนตน
6.5.8 เครื่องมือ Set Target District

เครื่องมือ Set Target District คือ เครื่องมือที่ใช สรางขอบเขตขอมูลใหม (District) เชน ภูมิภาค เขตการ
เลือกตั้ง
6.5.9 เครื่องมือ Assign Selected Object
เครื่องมือ Assign Selected Object คือเครื่องมือที่ใชใสขอมูลของขอบเขตที่สรางใหมลงในตารางฐาน
ขอมูล หลังจากที่เลือกอ็อบเจกต
6.5.10 เครื่องมือ Set Clip Region On/Off

เครื่องมือ Set Clip Region On/Off คือ เครื่องมือที่ใช เลือกเปด-ปดการแสดงรายละเอียดหลังจาก Set
Clip Region
6.5.11 เครื่องมือ Set Clip Region

เครื่องมือ Set Clip Region คือ เครื่องมือที่ใชเลือกแสดงรายละเอียดของอ็อบเจกตบนแผนที่ภายพื้นที่
เฉพาะสวนที่เลือก

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6.5.12 เครื่องมือ Scale Bar เครื่องมือใหมที่เพิ่มขึ้นใน MapInfo Version 10.0
เครื่องมือ Scale Bar คือ เครื่องมือที่ใชสรางมาตราสวนแผนที่ และแสดงที่หนาตาง Map โดยจะ
เปลี่ยนแปลงระยะของมาตราสวนตามระยะมุมมองของแผนที่แบบอัตโนมัติ ขั้นตอนการทํางาน คือ
1) คลิกที่เครื่องมือ Scale Bar
2) ระบบจะแสดงหนาตาง Create Adornment ดังภาพที่ 6.20
ใชคาตามที่กําหนดใน Preference
ภาพที่ 6.20 แสดงหนาตาง Adornment
3) กรณีที่เลือก Select a default position คลิก Finish ไดเลย ระบบก็จะสราง Scale Bar ที่หนาตาง Map
4) กรณีที่เลือก Specify a custom position (from top left) ระยะวัดจากมุมซายของหนาตาง
- Move Right : ระยะหางจากมุมซายของหนาตาง Map มาทางขวามือ หนวยเซนติเมตร
- Move down : ระยะหางจากมุมซายของหนาตาง Map ลงมาดานลาง หนวยเซนติเมตร
5) คลิก Next ระบบจะหนาตาง Create Scale Bar ดังภาพที่ 6.21
รูปแบบของมาตราสวน
มาตราสวนแบบหนวยวัดเดียวกัน
ภาพที่ 6.21 แสดงหนาตาง Create Scale Bar

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
Bar Length: กําหนดความยาวทั้งหมดของมาตราสวน โดยความยาวจริงจะเปลี่ยนแปลง
ตามกัน
; Add Cartographic Scale กําหนดใหมาตราสวนแสดงผลแบบหนวยวัดเดียวกัน
Bar Type รูปแบบของมาตราสวน
Check bar
Solid Bar
Line
Tick Bar
หมายเหตุ ขั้นตอนและรายละเอียดการใชงานแตละเครื่องมือจะอธิบายเพิ่มเติมในบทตอ ๆ ไป

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 7
เครื่องมือควบคุมชั้นแผนที่ (Layer Control)
7.1 เครื่องมือควบคุมชั้นแผนที่ (Layer Control)

เครื่องมือควบคุมชั้นแผนที่ (Layer Control) เปนเครื่องมือที่ใชในการควบคุมการแสดงผลของชั้นแผนที่
จัดลําดับการแสดงผลของชั้นแผนที่ การเลือก การแกไขชั้นแผนที่ การกําหนดเฉดสีให Object การกําหนดขนาด
และสีของตัวอักษรเพื่อแสดงผล การกําหนดการแสดงรูปภาพ เปนตน สามารถเขาสูเครื่องมือควบคุมชั้นแผนที่
ได 3 วิธี ดังนี้
1) คลิกเมาสปุมขวา แลวเลือก Layer Control
2) ไปที่เมนู Map > Layer Control
3) คลิกปุม Layer Control
ใน MapInfo v10.0 ไดเปลี่ยนแปลงรูปแบบของ Layer Control เปนแบบใหม เพื่อใหใชงานสะดวก และ

งายขึ้น ดังภาพที่ 7.1
ชื่อไตเติ้ลหนาตาง Map
เปลี่ยนชื่อได โดยคลิกเมาสขวา
เลือก Rename
ภาพที่ 7.1 แสดงหนาตาง Layer Control แบบใหม

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
คําอธิบายภาพที่ 7.1 หนาตาง Layer Control
สวนของปุม Button
Add Layers เครื่องมือสําหรับเพิ่มชั้นขอมูลในหนาตาง Map ที่ทํางานอยู คลิกที่ไอคอน

ระบบจะแสดงหนาตาง ดังภาพที่ 7.2 เลือกชั้นขอมูลที่ตองการ แลวคลิก OK
ภาพที่ 7.2 แสดงหนาตาง Add Layers
Remove Layers เครื่องมือสําหรับถอดชั้นแผนที่ออกจากหนาตาง Map ที่ทํางานอยู คลิกที่ชื่อ

ชั้นแผนที่ที่ตองการ แลวคลิกที่ ระบบจะแสดงหนาตางยืนยัน ดังภาพที่ 7.3 คลิกที่ OK ระบบจะถอดชั้น
แผนที่ออกจากหนาตาง Map
ภาพที่ 7.3 แสดงหนาตาง Remove Layers
Move Layers Up เครื่องมือสําหรับเลื่อนชั้นแผนที่ขึ้น คลิกเลือกชั้นขอมูลที่ตองการ (เลือก

มากกวา 1 ชั้นได) แลวคลิกที่ไอคอน ชั้นขอมูลที่ถูกเลือกจะเลื่อนขึ้น 1 ขั้น ถาตองการความรวดเร็ว ให
คลิกเมาสคาง แลวลากไปยังตําแหนงที่ตองการ

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
Move Layers Down เครื่องมือสําหรับเลื่อนชั้นแผนที่ลง คลิกเลือกชั้นขอมูลที่ตองการ (เลือ ก
มากกวา 1 ชั้นได) แลวคลิกที่ไอคอน ชั้นขอมูลที่ถูกเลือกจะเลื่อนลง 1 ขั้น ถาตองการความรวดเร็ว ให
คลิกเมาสคาง แลวลากไปยังตําแหนงที่ตองการ
Layer Properties เครื่องมือสําหรับการจัดการกับ Style และปายชื่อของชั้นแผนที่ เลือกชั้น

แผนที่ที่ตองการ แลวคลิกที่ไอคอน ระบบจะแสดงหนาตาง Layer Properties ดังภาพที่ 7.4
รายละเอียดอยูในเรื่องการใชเครื่องมือ
แสดงปายชื่อ (Label) หนาที่ 61
2
Display Mode 1
ปรับความโปรงใส
ของ Object
3
กําหนด Style ของ Object
สําหรับ Object ที่วาดขึ้นใหม
ภาพที่ 7.4 แสดงหนาตาง Layer Properties
คําอธิบายหนาตางที่ 7.4 (สวน Layer Display)

1. Display Mode
สวน Display Mode คือ เครื่องมือที่ใชสําหรับกําหนดรูปแบบ สี และขนาดของอ็อบเจกตในชั้นแผนที่ ที่
แสดงบนหนาตางแผนที่ สามารถกําหนดไดหลายชั้นแผนที่
การกําหนดโดยการใชเครื่องมือ Display นี้ เปนเพียงการกําหนดเพียงชั่วคราว และทุกอ็อบเจกตของชั้น
แผนที่นั้น ๆ จะมีการแสดงผลแบบเดียวกัน และเมื่อยกเลิกการใชเครื่องมือ Display นี้ อ็อบเจกตก็จะกลับมา
แสดงผลรูปแบบ สี และขนาดตามเดิม

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ขั้นตอนการทํางานของ Style Override
1) คลิก 9 ในชอง Style Override
2) คลิกที่ เลือกรูปแบบของ Object ที่ตองการวาดทับ (แบบชั่วคราว)
3) ระบบจะเปลี่ยนทุก Object บนชั้นแผนที่นั้นๆ ตามที่เลือกไว
ขั้นตอนการทํางานของ Use Stacked Styles (ฟงกชั่นที่เพิ่มขึ้นใน MapInfo Professional v10.5) เปนการ

กําหนดรูปแบบสัญลักษณแบบใหม โดยเลือกสัญลักษณมาซอนทับกันได เพื่อเกิดสัญลักษณแบบใหมขึ้นมา
1) คลิก 9 ในชอง Style Override
2) คลิก 9 ในชอง Use Stacked Styles
3) คลิกที่ เลือกรูปแบบของ Object ที่ตองการวาดทับ (แบบชั่วคราว) ตัวอยางใชชั้นแผน
ที่ Village ระบบจะแสดงหนาตาง Stacked Symbol Styles ดังภาพที่ 7.5
4) คลิกเลือกสัญลักษณที่ตองการใหซอนทับกับ โดยกดปุม Add เพื่อเพิ่มสัญลักษณ ดังภาพที่ 7.5
ภาพที่ 7.5 แสดงหนาตาง Stacked Symbol Style

5) คลิก OK หรือ Preview เพื่อแสดงผลลัพธบนแผนที่ดังภาพที่ 7.6
ภาพที่ 7.6 แสดงหนาตางแผนที่ที่ใช Style Override แบบ Stacked Style

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
2. Zoom Layering
สวน Zoom Layering คือ การกําหนดระยะการแสดงผลชั้นแผนที่ขณะที่ยอ-ขยายแผนที่ เพื่อเลือกแสดง
ชั้ น แผนที่ ใ นระยะที่ เ หมาะสม มี ป ระโยชน ต อ การแสดงภาพกราฟ ก บนหน า ต า งแผนที่ สามารถมองเห็ น
รายละเอียดบนแผนที่ไดชัดเจน ไมแสดงรายละเอียดบนหนาตางแผนที่มากเกินไป โดยการกําหนดพิสัยตาม
ระยะทางของหนาตางแผนที่ (Window Width)
1) คลิก 9 ในชอง Display within Zoom Range
2) ใสคา ระยะของการแสดงผล
• Min. Zoom คือ การกําหนดคาระยะทางนอยที่สุด
• Max. Zoom คือ การกําหนดคาระยะทางมากที่สุด
3) คลิก OK
ตัวอยางการกําหนดคา Zoom Rang ดังภาพที่ 7.7
ภาพที่ 7.7 แสดงการหําหนดคา Display within Zoom Range
จากภาพที่ 7.7 มีคา Min. Zoom เทากับ 5 กิโลเมตรและมีคา max. Zoom เทากับ 30 กิโลเมตร
หมายความวา โปรแกรมจะแสดงแผนที่เมื่ออยูในระยะ 5 - 30 กิโลเมตร หากอยูในระยะการแสดงผลที่นอยกวา
5 กิโลเมตร หรือมากกวา 30 กิโลเมตร จะไมสามารถมองเห็นชั้นแผนที่นั้นได
เมื่อระยะการมองเห็นอยูนอกเหนือคาพิสัยที่กําหนดในชวงการมองเห็น (Visible) จะมีเครื่องหมาย *
แสดงอยูดานหนาชั้นแผนที่ที่ถูกกําหนดคาการแสดงผลไว

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
3. สวนที่ 3 Show Line Direction, Show Nodes และ Show Centroids
; Show Line Direction การแสดงทิศทางของขอมูลที่เกิดจากการวาดเสน (Line/Polygon)
ดังภาพที่ 7.8
ภาพที่ 7.8 แสดงทิศทางของเสนทาง
; คือ การแสดง Node ของอ็อบเจกตที่เปนเสน และพื้นที่ ดังภาพที่ 7.7
ภาพที่ 7.9 แสดง Node ของอ็อบเจกต
; Show Centroids คือ การแสดงจุดศูนยกลางของอ็อบเจกตพื้นที่ ดังภาพที่ 7.10
ภาพที่ 7.10 แสดงจุดศูนยกลางของ Polygon

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
Modify Thematic Map เครื่องมือสําหรับการจัดการชั้นขอมูลแผนที่เฉพาะเรื่อง (Thematic Map)
รายละเอียดเพิ่มเติมจะกลาวในหลักสูตรขั้นสูง (Advance) เรื่องการสรางแผนที่เฉพาะเรื่อง
Hotlink Options เครื่องมือสําหรับการกําหนดคาการสราง Hotlink รายละเอียดเพิ่มเติมจะ

กลาวในบทที่ 10 เรื่องการเชือ่ มโยงแผนที่กับขอมูลภายนอกดวย Hotlink
เครื่องมือใน Layer Control สวน Setting
Visible เครื่องมือที่ใชสําหรับควบคุมการมองเห็นชั้นแผนที่บนหนาตางแผนที่ เมื่อตองการ

ใหชั้นแผนที่ใดแสดงผลบนหนาตางแผนที่ ใหคลิก 9 ในชองสี่เหลี่ยมใหตรงกับ
ชองVisible และตรงกับชั้นแผนที่นั้น
Layer Style รูปแบบของประเภทของชั้นแผนที่นั้น ไดแก จุด (Points), เสน (Lines), พื้นที่

(Polygons) และภาพราสเตอร รวมทั้งกรณีที่มีการสรางแผนที่เฉพาะเรื่อง (Thematic
Map) และสราง Style Override ดวย
Group Layer ใน MapInfo V10.0 ผูใชสามารถสรางกลุมของชั้นแผนที่ได โดยคลิกเมาสขวาที่ไต

เติ้ลใน Layer Control และสามารถลากชั้นแผนที่มาใสใน Group Layer ได
Editable เครื่องมือที่ใชสําหรับกําหนดการปรับแกในชั้นขอมูล เมื่อตองการแกไขชั้นขอมูลใด

ก็ตาม ใหคลิกที่ไอคอน ที่ชั้นขอมูลนั้นๆ ไอคอนจะเปลี่ยนเปนสี (เดิมจะสี
เทา) สามารถ Edit ไดครั้งละ 1 Layer เทานั้น
Selectable เครื่องมือที่ใชสําหรับกําหนดการเลือกอ็อบเจกตในชั้นขอมูล เมื่อตองการใหชั้น

ขอมูลใดสามารถเลือก Object ได ใหคลิกที่ไอคอน ที่ชั้นขอมูลนั้นๆ ไอคอน
จะเปลี่ยนเปนสี ถาไมตองการใหเลือกได ใหคลิกไอคอนซ้ํา จะเปลี่ยนเปนสีเทา
Automatic Label เครื่องมือสําหรับกําหนดการแสดงปายชื่อของชั้นขอมูล เมื่อตองการใหชั้นขอมูลใด

แสดงปายชื่อใหคลิกที่ไอคอน ที่ชั้นขอมูลนั้น กรณีที่ตองการจัดการปายชื่อให
คลิกเมาสขวาที่ไอคอน เลือก Layer Properties หรือดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อชั้นเลเยอร
(รายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่อง การใชเครื่องมือแสดงปายชื่อ (Label))
Automatic Map Drawing เครื่องมือสําหรับหยุดการวาดขอมูล กรณีที่ชั้นขอมูลมีขนาดใหญ การอาน

ขอมูลจะชา

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
Layer Control Options เครื่องมือสําหรับตั้งคาการแสดงขอมูลใน Layer Control ดังภาพที่ 7.11
ภาพที่ 7.11 แสดงหนาตาง Layer Control Options
คําอธิบายภาพที่ 7.11 Layer Control Options
~ List all maps แสดงทุกชั้นขอมูลแผนที่ที่เปดอยูในทุกหนาตาง Map

~ List Only the active map แสดงเฉพาะชั้นขอมูลแผนที่ที่เปดอยูในหนาตาง Map ที่ active อยู
~ Collapse list to save space แสดงทุกชั้นขอมูลแผนที่ที่เปดอยูในทุกหนาตาง Map แตใน
หนาตาง Map ที่ active จะแสดงรายชื่อชั้นแผนที่ สวนหนาตางที่
ไม active จะยุบไว
; Confirm removal of layers ถามยืนยันทุกครั้งที่มีการถอด (Remove) ชั้นแผนที่ออกจาก Layer

Control
; Show ToolTips when cursor is over layer list แสดง ToolTips เมื่อเคอรเซอรเมาสอยูที่ชั้นแผน
ที่ หรือเครื่องมือใน Layer Control
; Show icons for styles and layer type แสดงรูปแบบ Object ดานหนาชั้นขอมูล
Help เครื่องมือสําหรับดแสดงเอกสารชวยเหลือการใชงาน (Help)

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
7.2 การใชเครื่องมือแสดงปายชื่อ (Label)
Label คือ เครื่องมือที่ใชสําหรับแสดงปายชื่อของอ็อบเจกตบนหนาตางแผนที่ โดยนําฐานขอมูลขึ้นมา
แสดงบนหนาตาง Map สามารถกําหนดรูปแบบ สี ขนาด และตําแหนงของตัวอักษรได
ขั้นตอนการในทํางาน
1) คลิกที่ไอคอน ที่ชื่อชั้นขอมูลที่ตองการแสดงปายชื่อในหนาตาง Layer Control ตัวอยาง
คลิกที่ชั้นขอมูล District
2) ระบบจะแสดงปายชื่อโดยนําขอมูลในตารางคอลัมนแรกที่เปนตัวอักษร (Character) ขึ้นมา
แสดง ดังภาพที่ 7.12
ภาพที่ 7.12 แสดงปายชื่อของชั้นขอมูล District
3) กรณีที่ตองเปลี่ยนปายชื่อ ใหดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อชั้นขอมูล ระบบจะแสดงหนาตาง Layer

Properties ขึ้นมา ใหเลือกคลิกแท็บ Label Display ดังภาพที่ 7.13

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 7.13 แสดงหนาตาง Layer Properties แทบ Label Display
4) เลือกคอลัมนทตี่ องการแสดงปายชื่อจากชอง Label with:

5) กําหนดรูปแบบของตัวอักษร, ขนาดตัวอักษร และสี ที่ปุม
6) กําหนดตําแหนง และรูปแบบการจัดวางของปายชื่อ ไดจาก Default Position ดังภาพที่ 7.14
ภาพที่ 7.14 กําหนดตําแหนงและรูปแบบการจัดวางจาก Default Position
7) คลิกที่ปุม OK เมื่อกําหนดรูปแบบตาง ๆ แลว ระบบจะแสดงปายชื่อบนหนาตางแผนที่ ดังภาพที่

7.15

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 7.15 การแสดงปายชื่อ
ตัวอยางการแสดงปายชื่อแบบ Horizontal labels
ภาพที่ 7.16 การแสดงปายชื่อแบบ Horizontal labels

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ตัวอยางการแสดงปายชื่อแบบ Rotate labels with segments
ภาพที่ 7.17 การแสดงปายชื่อแบบ Rotate labels with segments
ตัวอยางการแสดงปายชื่อแบบ Curve labels along segments
ภาพที่ 7.18 การแสดงปายชื่อแบบ Curve labels along segments

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ตั้งแต MapInfo v10.0 ไดเพิ่มสวนของการจัดการกับปายชื่อไวในหนาตาง Layer Properties แท็บ
Labeling Rules ดังภาพที่ 7.19
ภาพที่ 7.19 หนาตาง Layer Properties แท็บ Labeling Rules
คําอธิบาภาพที่ 7.19 สวน Adjustments

~ Discard overlapping text ปายชื่อจะไมสามารถแสดงแบบซอนทับกันได
~ When overlaps occur try other positions เมื่อปายชื่อจะตองแสดงแบบซอนทับ ระบบจะเลือกตําแหนงใหม
เพื่อไมใหซอนทับกัน
~ Allow overlapping text ปายชื่อสามารถแสดงแบบซอนทับกันได
แถบกําหนดความโคงของปายชื่อตามความโคง
ของเสน ถา % มากความโคงจะนอยลง
Allow duplicate Text ปายชื่อสามารถแสดงแบบซ้ํากันได

Label Partial Obeject ปายชื่อจะปรับตําแหนงการแสดงผล เมื่อมีการเลื่อนหนาตางแผนที่

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
7.2.1 การแสดงปายชื่อโดยใชคําสัง่ Expression
7.2.1.1 การแสดงปายชื่อจาก 2 คอลัมนและใหมีระยะหางระหวางปายชื่อ (ตัวอยาง ใชชั้นขอมูล
District )
1) ในชอง Label with ใหเลือก Expression ระบบจะแสดงหนาตาง Expression ดังภาพที่ 7.20
ภาพที่ 7.20 แสดงหนาตางLabel Option และ Expression
2) เลือกคอลัมนทตี่ องการแสดงปายชื่อจากชองคอลัมน เชน Amphoe

3) ระบบจะแสดงหนาตาง และเลือกเครื่องหมายบวก ( + ) จากชอง Operators ดังภาพที่ 7.21
ภาพที่ 7.21 การกําหนดเงือ่ นไขในหนาตาง Expression

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
3) พิมพเครื่องหมายคําพูด (“ ”) และเคาะ Spacebar เพื่อเวนวรรคในเครื่องหมายคําพูด
จากนั้นเลือกเครื่องหมายบวก ( + ) จากชอง Operators และเลือกคอลัมนที่ 2 ที่ตองการแสดงปายชื่อ (ตัวอยางใน
ที่นี้คือคอลัมน District ซึ่งเปนขอมูลชื่ออําเภอภาษาอังกฤษ) ดังภาพที่ 7.22
4) คลิกปุม Verify เพื่อตรวจสอบความถูกตอง ระบบจะแสดงหนาตางที่มีขอความ Syntax is
Correct ดังภาพที่ 7.22
ภาพที่ 7.22 เงื่อนไขการแสดงปายชื่อ และการตรวจสอบความถูกตอง
6) คลิกปุม OK ระบบจะแสดงปายชื่อบนหนาตางแผนที่โดยมีชื่ออําเภอทั้งภาษาไทยและ
ภาษาอังกฤษพรอมทั้งเวนวรรคระหวางชื่อดังภาพที่ 7.23
ภาพที่ 7.23 แสดงปายชื่อในหนาตางแผนที่

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
7.5.1.2 การแสดงปายชื่อแบบ 2 บรรทัด
1) ในชอง Label with ใหเลือก Expression เลือกคอลัมนที่ตองการแสดงปายชื่อในบรรทัด
บน และเครื่องหมายบวก( + ) จาก Operators จากนั้นคลิกปุม Functions เลือก Chr$
2) ใสตัวเลข 10 หรือ 13 ในวงเล็บของ Chr$ (เลข 10 และ 13 มีความหมายเทากับ Enter
หรือการตัดคําขึ้นบรรทัดใหม) และเครื่องหมายบวก ( + ) จาก Operators รวมทั้งเลือกคอลัมนที่ตองการใหแสดง
ปายชื่อในบรรทัดลาง ดังภาพที่ 7.24
ภาพที่ 7.24 เงื่อนไขของการแสดงปายชื่อ
3) คลิกปุม Verify แลว OK ระบบจะแสดงปายชื่อบนหนาตางแผนที่ โดยปายชื่อจะอยูคนละ

บรรทัด ดังภาพที่ 7.25
ภาพที่ 7.25 ระบบแสดงปายชื่อแบบ 2 บรรทัด

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 8
ในสวนของ Drawing Toolbar
8.1 เครื่องมือ Drawing Toolbar
เครื่องมือ Drawing Toolbar
คําอธิบายภาพสัญลักษณเครื่องมือ Drawing Toolbar
Symbol คือ เครื่องมือที่ใช นําเขาขอมูลประเภทจุด

Line คือ เครื่องมือที่ใช นําเขาขอมูลประเภทเสนตรง
Polyline คือ เครื่องมือที่ใช นําเขาขอมูลประเภทเสนตรงตอเนื่อง
Arc คือ เครื่องมือที่ใช นําเขาขอมูลประเภทเสนโคง
Polygon คือ เครื่องมือที่ใช นําเขาขอมูลประเภทพื้นที่หลายเหลี่ยม
Ellipse คือ เครื่องมือที่ใช นําเขาขอมูลประเภทพื้นที่วงกลมและวงรี
Rectangle คือ เครื่องมือที่ใช นําเขาขอมูลประเภทพื้นที่สี่เหลี่ยม
Rounded Rectangle คือ เครื่องมือที่ใชนําเขาขอมูลประเภทพื้นที่สี่เหลี่ยมมุมมน

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
Text คือ เครื่องมือที่ใช นําเขาขอมูลประเภทตัวอักษร
Frame คือ เครื่องมือที่ใช ในหนาตางของ Layout เพื่อใชในการวาดกรอบของ
ขอมูลที่ตองการ เพื่อแสดงรายงาน
Reshape คือ เครื่องมือที่ใช แสดง Node ใหอ็อบเจกต
Add Node คือ เครื่องมือที่ใช ปรับแก Node ของอ็อบเจกต
Symbol Style คือ เครื่องมือที่ใช กําหนดลักษณะของการนําเขาขอมูลประเภทจุด
Line Style คือ เครื่องมือที่ใช กําหนดลักษณะของการนําเขาขอมูลประเภทเสน
Region Style คือ เครื่องมือที่ใช กําหนดลักษณะของการนําเขาขอมูลประเภทพื้นที่
Text Style คือ เครื่องมือที่ใช กําหนดลักษณะของการนําเขาขอมูลประเภทตัวอักษร
การวาด Object ใน MapInfo สามารถทําได 2 วิธี คือ การเลือก Style, สี, ขนาด ของ Object กอนที่จะ
วาด หรือการวาด Object กอน แลวคอยเปลี่ยน Style, สี และขนาด เปนตน
8.2 เครื่องมือสําหรับเลือก Style, สี, ขนาด ของ Object

8.2.1 เครื่องมือ Symbol Style
เปนเครื่องมือสําหรับการเลือกใชรูปแบบ (Style) สี ขนาด ของขอมูลประเภทจุด (Point) ตั้งแต MapInfo
Professional v10.0 ไดเปลี่ยนรูปแบบของหนาตาง Symbol Style ใหมีขนาดใหญและกวางขึ้น และเพิ่มกลุมของ
Symbol ในสวนของ Custom Symbol เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ในสวนของตารางสัญลักษณและตารางสี ไดเพิ่มการ
แสดงเสนกริดเพื่องายตอการเลือกสัญลักษณและสีไว ดังภาพที่ 8.1 และ 8.2 ตามลําดับ
เลือกชุดของ Symbols
Symbols ที่เพิ่มมาใหม
ตารางสัญลักษณ
ตัวอยาง Symbols ที่เพิ่มขึ้น
ภาพที่ 8.1 แสดงการเลือกรูปแบบประเภทจุด

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
เลือกสี
เสนกริดที่เพิ่มขึ้น
ภาพที่ 8.2 แสดงเสนกริดที่เพิ่มขึ้นในของตารางสี
ขั้นตอนการเพิ่มสัญลักษณแบบจุด (Custom Symbol) ในสวนของ Symbol Style
1) คลิกปุม Symbol Style ที่ Drawing Tool Bar

2) ระบบจะแสดงหนาตาง Symbol Style ขึ้นมา
3) เลือก Font Custom Symbols กดปุม Add และเลือกไดเรคเทอรี่ที่เก็บไฟลรูปภาพไว
ระบบจะแสดงหนาตางดังภาพที่ 8.2
1. เลือก Font: Custom Symbols
2. กดปุม Add
ภาพที่ 8.2 แสดงหนาตาง Symbol Style

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
4) เลือกไฟลรูปภาพที่ตองการ Add กดปุม Open ระบบจะแสดงหนาตาง Add Custom
Symbol Results เพื่อแสดงการ Copy ไฟล จากนั้นกดปุม OK ดังภาพที่ 8.4
ภาพที่ 8.4 แสดงหนาตางSymbol Style
5) ระบบจะแสดงหนาตาง Symbol Style ในชอง Symbol จะมี Symbol ที่ผูใชทําการ Add

เพิ่มขึ้น ดังภาพที่ 8.5

หมายเหตุ ตั้งแตใน MapInfo Professional v9.5 ไฟลรูปภาพที่นํามาทําเปน Symbol สามารถใชสกุลไฟล
*.bmp; *.gif; *.png; *.jpg; *.jp2; *.j2k; *.pcx; *.psd; *.tif; *.tga; *.ecw และเลือก Font แบบ Custom Symbol
เทานั้นในการเพิ่ม Symbol

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ตั้งแต MapInfo Professional v9.0 ก็ไดเพิ่มรูปแบบ Symbols สัญลักษณที่เกี่ยวกับสาธารณูปการ อุบัติภัย
และภัยธรรมชาติ คือ Symbol style Font ที่ชื่อขึ้นตนดวยคําวา ERS……ดังภาพที่ 8.6
ภาพที่ 8.6 แสดงรูปแบบ Symbols ที่เพิ่มขึ้นตั้งแตในเวอรชั่น 9.0

นอกจากนี้ยังสามารถสรางกลุมของสัญลักษณ (Symbol) ในสวนของ Custom Symbol ดังที่กลาวไว
ขางตน (หนาที่ 70) ได และจัดการกับกลุมของ Custom Symbol ไดโดยผูใชสามารถสรางโฟลเดอรเพื่อจัดการชุด
สัญลักษณตามที่ตองการใชงาน ดังภาพที่ 8.7
ภาพที่ 8.7 แสดงชื่อกลุมของ Custom Symbols ที่เพิ่มขึ้น

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
8.2.2 เครื่องมือ Line Style
เปนเครื่องมือสําหรับการเลือกใชรูปแบบ สี ขนาด ของขอมูลประเภทเสน (Line)
ภาพที่ 8.8 แสดงการเลือกรูปแบบประเภทเสน
8.2.3 เครื่องมือ Region Style

เปนเครื่องมือสําหรับการเลือกใชรูปแบบ (Style) สี ขนาด ของขอมูลประเภทพื้นที่ (Polygon)
รูปแบบลวดลายภายใน
พื้นทีแ่ ละสีพื้น
รูปแบบของเสนขอบ
และสีของเสน
ภาพที่ 8.9 แสดงการเลือกรูปแบบประเภทพื้นที่

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
8.2.4 เครื่องมือ Text Style
เปนเครื่องมือสําหรับการเลือกรูปแบบ สี ขนาด ของตัวอักษร ของขอมูลประเภทตัวอักษร (Text)
รูปแบบของตัวอักษร
สีตัวอักษร
ภาพที่ 8.10 แสดงการเลือกรูปแบบประเภทตัวอักษร
8.3 เครื่องมือสําหรับวาด Object
8.3.1 เครื่องมือ Symbol

เปนเครื่องมือที่ใชในการนําเขาขอมูลประเภทจุด โดยมีขั้นตอนดังนี้
1) คลิกที่ปุม Symbol ที่ Drawing Tool Bar
2) คลิกยังตําแหนงที่ตองการจะลงจุด
3) หากตองการจะยายจุดดังกลาวใหใชเครื่องมือ Selection คลิกเลือกจุดนั้น แลว
คลิกคางไว และลากไปยังตําแหนงที่ตองการ หรือดับเบิ้ลคลิกที่จุด แลวใสคาพิกัดที่ตองการ เพื่อใหจุดนั้นยายไป
ยังคาพิกัดที่ใส
ภาพที่ 8.11 หนาตาง Point Object

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
8.3.2 เครื่องมือ Line
เปนเครื่องมือที่ใชในการนําเขาขอมูลที่เปนแนวเสน โดยมีขนั้ ตอนดังนี้
1) คลิกปุม Line ที่ Drawing Tool Bar
2) คลิกเมาสที่ Map Window กดแลวลากไปยังตําแหนงที่ตองการแลวปลอยมือ จะได
เสนตรง 1 เสน ถากด Shift ที่แปนคียบอรดคางไวในขณะคลิกแลวลากเสน ลองบิดเอียงไปมา จะไดเสนที่มีมุม
เอียง 45 องศาจากแนวเดิม
3) ในกรณีที่จะวาดเสนตอจากแนวเสนเดิมใหกดปุม S (Snap) ที่แปนคียบอรด จะปรากฏ
เครื่องหมายบวกเปนเสนประ ขึ้นมาเมื่อเลื่อนเมาสไปเจอ Node ของอีกเสน (รายละเอียดเรื่อง Snap หนา 80)
4) หากตองการกําหนดความยาวของเสน ใหดับเบิลคลิกแลวใสคาพิกัดจุดเริ่มตน และคา
ความยาว หรือกดปุม Style เพื่อเปลี่ยน Style ของเสนนั้นได
ภาพที่ 8.12 หนาตาง Line Object

8.3.3 เครื่องมือ Polyline
เปนเครื่องมือที่ใชในการนําเขาขอมูลที่เปนแนวเสนเหมือนกับ Line แตจะแตกตางกันตรงที่ สามารถ
วาดแนวเสนไดอยางอิสระ โดยมีขั้นตอนในการทํางานดังนี้
1) คลิกปุม Polygon ที่ Drawing Tool Bar
2) คลิกเมาสซายที่ Map Window แลววาดเปนแนวตามที่ตองการ สามารถวาดไดอยางอิสระ
เมื่อตองการหยุดที่ตําแหนงใดใหดับเบิลคลิก ณ ตําแหนงนั้น หรือใหกดปุม ESC
ภาพที่ 8.13 เสนที่ไดจากการวาดดวย Polyline

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
3) ถาหากวาตองการดูรายละเอียดของจํานวนเสน Line Segment และความยาวของเสน หรือ
เปลี่ยนสไตลของเสนไดโดยการดับเบิลคลิก ที่เสนนั้นก็จะปรากฏหนาตาง Polyline Object ขึ้นมา
ภาพที่ 8.14 หนาตาง Polyline Object
8.3.4 เครื่องมือ Arc

เปนเครื่องมือที่ใชในการนําเขาขอมูลที่เปนแนวเสนโคง โดยมีขั้นตอนดังนี้
1) คลิกปุม Arc ที่ Drawing Tool Bar
2) คลิกเมาสวาดเปนแนวเสนโคงตามที่ตองการ
3) ถาตองการใหแนวเสนโคง เปนรูปวงกลมให Select ที่ Object ของเสนโคงดังกลาวแลว
กดที่ปุม Reshape แลวใชเมาสคลิกลงไปที่จุด Node แลวทําการลากแนวเสนดังกลาวไปหายังจุดเริ่มตน ก็จะได
วงกลมขึ้นมา 1 วงกลม
8.3.5 เครื่องมือ Polygon

เปนเครื่องมือที่ใชในการนําเขาขอมูลที่เปนพื้นที่รูปปด มีลักษณะเปนรูปแบบอิสระขึ้นอยูกับ ผูใชงาน
โดยมีขั้นตอนดังนี้
1) คลิกปุม Polygon ที่ Drawing Tool Bar
2) ใหวาดแนวพื้นที่ตามที่ตองการไดโดยคลิกที่จุดเริ่มตน แลวคลิกตอไปเรื่อยๆ จนกวาจะถึง
จุดเริ่มตนสิ้นสุดใหดับเบิ้ลคลิก หรือกด ESC หรือบางครั้งก็ไมจําเปนตองวาดแนวพื้นที่มาจบที่จุดทายก็ได
เพียงดับเบิ้ลคลิกแนวจุดสุดทายจะวิ่งมาหาจุดเริ่มตนโดยอัตโนมัติ

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
8.3.6 เครื่องมือ Ellipse
เปนเครื่องมือที่ใชในการนําเขาขอมูลที่เปนพื้นที่รูปปดที่เปนวงกลมหรือวงรี โดยมีขั้นตอนการวาดดังนี้
1) คลิกปุม Ellipse ที่ Drawing Tool Bar
2) คลิกเมาสคางไว ขณะที่ลากออกมาเปนแนวรัศมีออกตามขนาด ที่ตองการ
3) ถาตองการใหเปนรูปวงกลมในขณะที่วาด โดยไมตองปรับรูปรางอีกครั้งใหกดปุม Shift
คางไวในขณะที่วาด
4) หากตองการรัศมีวงกลมหรือวงรีที่มีรัศมีแนนอน ก็ดับเบิลคลิกที่วงกลมหรือวงรีดังกลาว
แลวใสคารัศมีทางแกน X และทางแกน Y ตามที่ตองการได ดังภาพที่ 8.15
ภาพที่ 8.15 หนาตาง Ellipse Object
5) ถาหากวาไมใชวิธีแบบดังกลาวใหเลือก วงกลม หรือวงรี เมื่อเราเลือกแลวจะมีปุมสีดํา

ขึ้นมาใหเลือกไปที่ปุมดังกลาวแลวทําการ Reside ขนาดไดตามที่ตองการ
8.3.7 เครื่องมือ Rectangle

เปนเครื่องมือที่ใชในการนําเขาขอมูลพื้นที่รูปปดที่เปนสี่เหลี่ยม โดยมีขั้นตอนดังนี้
1) คลิกปุม Rectangle ที่ Drawing Tool Bar
2) คลิกเมาสคาง แลวลากออกมาตามขนาดที่ตองการแลวปลอยเมาส ก็จะไดสี่เหลี่ยมตามที่
3) ถาตองการความกวาง ความสูง เปนคาที่แนนอนก็ใหดับเบิลคลิกที่สี่เหลี่ยมนั้น แลวใสคา

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
8.3.8 เครื่องมือ Round Rectangle
เปนเครื่องมือที่ใชในการนําเขาขอมูลพื้นที่รูปปดที่เปนสี่เหลี่ยมมุมมน โดยมีขั้นตอนดังนี้
1) คลิกปุม Round Rectangle ที่ Drawing Tool Bar
2) คลิกลากเมาสออกมาแลวปลอย ก็จะไดรูปสี่เหลี่ยมที่มีมุมมนตามที่ตองการ
3) ถาตองการที่จะกําหนดความกวาง ความสูง ความโคงของมุม ก็ใหดับเบิ้ลคลิกที่ Object
นั้นแลวจะปรากฏหนาตาง Round Rectangle ขึ้นมา ใหใสตางๆ ไดตามตองการ
8.3.9 เครื่องมือ Text

เปนเครื่องมือที่ใชในการนําเขาขอมูลที่เปนขอความ สวนใหญจะใชพิมพขอความในหนาตางของ
Layout โดยมีขั้นตอนดังนี้
1) คลิกปุม Text ที่ Drawing Tool Bar

2) พิมพขอความที่ตองการ ถาหากวาตองการแกไขขอความดังกลาวใหใช Select ดับเบิลคลิก
ที่ขอความ ระบบจะแสดงหนาตาง Text Object ขึ้นมา
3) หากตองการจะเปลี่ยนรูปแบบ สี ขนาดของตัวอักษรใหดับเบิลคลิกไปที่ Style แลวทําการ
เปลี่ยนตามตองการได แลวคลิก OK ขอความที่ไดก็จะปรากฏตามที่แกไขไป ดังภาพที่ 8.16
ภาพที่ 8.16 หนาตาง Text Object

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
8.4 เครื่องมือ SNAP, AUTOTRACE และ AUTONODE
1) ใช Snap ในกรณีที่ตองการวาดขอมูลเสนตอจากแนวเสนเดิมใหกดปุม S (Snap) ที่
แปนคียบอรด (ระบบจะแสดงคําวา Snap ที่ Status bar ขึ้นมา) เมื่อจะวาดเสนตอเนื่องปรากฏเครื่องหมายบวกเปน
เสนประ เพื่อทําใหเสนเชื่อมตอกันสนิท ไมเกิดชองวาง ดังภาพที่ 8.17
ภาพที่ 8.17 การใช Snap เพื่อวาดเสนตอเนื่อง
3) ใช AutoTrace ในกรณีที่ตองการวาดขอมูลพื้นที่รูปปดที่มีดานใดดานหนึ่งของติดกัน ใหกดปุม T

(ระบบจะแสดงคําวา AutoTrace ที่ Status bar ขึ้นมา) เมื่อผูใชจะวาดพื้นที่รูปปดที่ ระบบจะทําลอกลาย
พื้นที่ดานขางที่อยูติดกันนั้นให ใน MapInfo v.8.5 ไดปรับปรุงเสนที่ทําการ Trace ใหมีความชัดเจนมาก
ขึ้น ดังภาพที่ 8.18
บริเวณทีท่ ําการลอกลาย
(AUTOTRACE)
ภาพที่ 8.18 การใช AutoTrace เพื่อวาดพื้นที่รูปปดที่อยูติดกัน

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
3) ใช AutoNode ในกรณีที่ตองการวาดขอมูลเสนที่มีลักษณะโคงเวามากใหกดปุม N
(ระบบจะแสดงคําวา AutoNode ที่ Status bar ขึ้นมา) เมื่อวาดขอมูลเสน โดยไมตองคลิกเมาส เพียงแตลากเมาส
ไปตามตองการไดเลย ดังภาพที่ 8.19
ภาพที่ 8.19 การใช AutoNode ในการวาดเสนโคงและตอเนื่อง
~ สามารถกําหนดระยะหางแตละ Node ที่เมนู Option > Preference > Map Window >
Editing ระบบจะแสดงหนาตาง Map Preference ดังภาพที่ 8.20
ภาพที่ 8.20 การกําหนดระยะหางแตละ Node

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
8.5 การแกไขรูปราง Object (Reshape Node) และการเพิ่ม Node (Add Node)
8.5.1 เครื่องมือ Reshape
เครื่องมือ Reshape คือ เครื่องมือสําหรับแกไขรูปรางของอ็อบเจกตที่มีการ Editing มีขั้นตอนการทํางาน
ดังนี้
1) คลิกปุม Selection เลือกอ็อบเจกตที่ตองการแกไขรูปราง
2) คลิกปุม Reshape จะปรากฏ Node ที่อ็อบเจกต
3) เลือก Node โดยกดเมาสคางไวแลวลากหรือดึง Node ไปยังตําแหนงที่ตองการ ดังภาพที่
8.21
ภาพที่ 8.21 การแกไขรูปรางอ็อบเจกตดวย Reshape
4) ถาตองการเพิ่ม Node ใหกดที่ปุม Add Node แลวคลิกที่ตําแหนงที่ตองการเพิ่ม

Node ดังภาพที่ 8.22 ระบบจะเพิ่ม Node ขึ้นมา
ภาพที่ 8.22 การเพิ่ม Node ดวยเครื่องมือ Add Node
5) ถาตองการลบ Node ใหเลือกที่ Node ที่ตองการลบ แลวกดปุม Delete ที่แปนคียบอรด
หมายเหตุ เครื่องมือ Add Node จะใชไดก็ตอเมื่อผูใชเลือกเครื่องมือ Reshape กอน

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 9
การนําเขาฐานขอมูลใหกับขอมูลแผนที่
9.1 การนําเขาตารางฐานขอมูล
การนําเขาตารางฐานขอมูล ที่ผานมาไดอธิบายการนําเขาขอมูลแผนที่ไปแลว การนําเขาขอมูลในสวน
ของตารางฐานขอมูลนั้น สามารถทําได 3 วิธี คือ
1) การนําเขาขอมูลจากเครื่องมือ Info Tool
2) การนําเขาขอมูลจากหนาตาง Browser
3) การนําเขาขอมูลโดยการใชคําสั่ง Update Column...
9.1.1 การนําเขาขอมูลจากเครื่องมือ Info Tool
1) เปดชั้นขอมูลที่ตองการนําเขา ตัวอยาง คือชั้นขอมูล Landmark (Editable ใน Layer Control
ดวย)
2) ทําการนําเขาขอมูลประเภทจุด
3) คลิกปุม Into Tool เมาสจะเปลี่ยนเปนกากบาท
4) คลิกที่จุด หรือ Object ที่ตองการใสฐานขอมูล ระบบจะแสดงหนาตาง Info tool ดังภาพที่ 9.1
5) กรอกรายละเอียดของขอมูลในหนาตาง Info Tool
ภาพที่ 9.1 หนาตาง Info Tool

6) เมื่อใสรายละเอียดของขอมูลเรียบรอยแลว ใหคลิกที่เครื่องมือ Save Table เพื่อบันทึก
ขอมูลที่ไดมีการนําเขา

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
9.1.2 การนําเขาขอมูลจากหนาตาง Browser
1) เปดชั้นขอมูลที่ตองการนําเขาขอมูล ตัวอยาง คือชั้นขอมูล Landmark
2) ไปที่เมนู Window > New Browser Window
3) ระบบจะแสดงหนาตาง Browse Table เลือกชั้นขอมูลที่ตองการนําเขา ดังภาพที่ 9.2
ภาพที่ 9.2 เลือกแสดงหนาตาง Browser

4) คลิกปุม Ok ระบบจะแสดงหนาตาง ตารางฐานขอมูลที่เลือกเปด
5) ถาตองการใหระบบแสดงหนาตางแผนที่และหนาตางตารางฐานขอมูลพรอมกัน ไปที่เมนู
Window > Tile Windows
6) ระบบจะแสดงหนาตางตารางฐานขอมูลและหนาตางแผนที่พรอมกัน เพื่อใสรายละเอียดของ
ขอมูล ดังภาพที่ 9.3
ภาพที่ 9.3 การแสดงหนาตางแผนที่และหนาตางตารางพรอมกัน

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
7) หนาตางตารางฐานขอมูลและหนาตางแผนที่จะมีความสัมพันธกัน เมื่อใชเครื่องมือ Select
เลือกที่หนาตางใดหนาตางหนึ่ง อีกหนาตางก็จะถูกเลือกดวยเชนกัน
8) เมื่อใสรายละเอียดของขอมูลเรียบรอยแลว ใหคลิกปุม Save Table เพื่อบันทึกขอมูลที่
ไดมีการนําเขา
9.1.3 การนําเขาขอมูลโดยการใชคําสัง่ Update Column

การใชคําสั่ง Update Column จะใชในกรณีที่มีการกรอกขอมูลที่ซ้ํา ๆ กัน ในแตละบรรทัดตัวอยางเชน
ตองการจะบอกประเภทของขอมูลวาเปน สถานที่ราชการ ในคอลัมนประเภท มีขั้นตอนการทํางานดังนี้
1) เปดชั้นขอมูลที่ตองการนําเขาขอมูล ตัวอยาง คือชั้นขอมูล Landmark
2) เปดหนาตางตาราง ที่เมนู Window > New Browser เลือกชั้นขอมูล Landmark
3) จัดเรียงหนาตางตารางและหนาตางแผนที่ใหแสดงพรอมกัน ดวยคําสั่ง Window > Tile
Window ระบบจะแสดงผล ดังภาพที่ 9.4
รูปที่ 9.4 การแสดงหนาตางแผนที่และหนาตางตารางพรอมกัน
4) ไปที่เมนู Table > Update Column ระบบจะแสดงหนาตาง Update Column ดังภาพที่ 9.5
ภาพที่ 9.5 หนาตาง Update Column

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ชอง Table to update เลือกชั้นขอมูลที่ตองการ Update ตัวอยาง คือ ชั้นขอมูล
ที่ชื่อ Landmark
ชอง Column to Update ฟลดที่ตองการ Update จากตัวอยางคือ ฟลดที่ชื่อ Type
ชอง Get Value from Table ระบบจะเลือกชั้นขอมูลที่ตองการ Update ใหอัตโนมัติ
ตัวอยางคือ ชั้นขอมูล Landmark
ชอง Value พิมพคําที่ตองการ Update โดยจะตองพิมพใหอยูใน
เครื่องหมายคําพูด (“”) จากตัวอยาง ขอมูลที่ตองการ
Update คือ คําวา สถานที่ราชการ โดยจะตองพิมพ ดังนี้
“สถานที่ราชการ” ดังภาพที่ 9.5
Browse Results การเลือกวาจะแสดงหนาตางตารางฐานขอมูล หรือไม
5) เมื่อคลิก OK ระบบจะทําการ Update รายละเอียดของขอมูลในฟลดชื่อ ประเภท ดังภาพที่ 9.6
ภาพที่ 9.6 ขอมูลที่ถูก Update ในฟลดประเภท
หมายเหตุ กรณีที่ตองการใสขอมูลบางสวน ใหเลือก (Select) ขอมูลที่ตองการกอน แลวทําการ Update

เฉพาะที่ selecting

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ตัวอยางการใสขอมูลดวย Update Column
1. ตองการใสหมายเลขลําดับที่ใหเรียงตั้งแต 1 – ขอมูลแถวสุดทาย ดังภาพที่ 9.7
ภาพที่ 9.7 แสดงหนาตาง Update Column และผลลัพธที่ได

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 10
การวิเคราะหขอมูลเชิงพื้นที่ (Geographic Analysis)
10.1 การสรางพื้นที่กันชน (Buffer)

การสรางพื้นที่กันชน (Buffer) คือ การทําพื้นที่กันชนรอบ Objects ตามรัศมีที่กําหนด เชน การสรางรัศมี
5 กิโลเมตรรอบตําแหนงที่เกิดโรคระบาด หรือการสรางเขตกันชนแนวเขตพื้นที่อุทยานแหงชาติในรัศมี 3
กิโลเมตร เพื่อปองกันการบุกรุกพื้นที่อุทยาน เปนตน
การสรางพื้นที่กันชน มีขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
1) คลิกปุม Selection เลือก Objects ที่ตองการสรางพื้นที่กันชน
2) ไปที่เมนู Objects > Buffer หรือ คลิกเมาสปุมขวา แลวเลือก Edit Objects > Buffer
3) ระบบจะแสดงหนาตาง Buffer Objects ดังภาพที่ 10.1
กําหนดรัศมีของ Buffer เอง
ใชขอมูลในคอลัมนใดคอลัมนหนึ่ง
คาความโคงมนของ Buffer
ภาพที่ 10.1 หนาตาง Buffer Objects

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
~ One Buffer of all Objects คือ การสราง Buffer แบบนี้ Buffer ที่ได จะมีลักษณะ
การตัดสวนพื้นที่ที่มีการซอนทับกันออก Buffer ที่ได
จะกลายเปน Objects เดียว ดังภาพที่ 10.2
~ One Buffer of each Object การสราง Buffer แบบนี้ Buffer ที่ได จะมีลักษณะแยก
จากกัน ดังภาพที่ 10.3
ภาพที่ 10.2 แสดงผลที่ไดจากคําสั่ง ภาพที่ 10.3 แสดงผลที่ไดจากคําสั่ง

One Buffer of all objects One Buffer for each object
ตัวอยาง การสรางพื้นที่กันชน (Buffer) จากขอมูลจุด

1) File > Open ตัวอยางเปดชั้นแผนที่ Village.tab, Road.tab และ district.tab
2) ไปที่ Layer Control คลิก Editable ที่ Cosmetic Layer ดังภาพที่ 10.4
ภาพที่ 10.4 Editable ที่ Cosmetic Layer

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
3) คลิกเลือกจุดที่ตั้งของ Villageที่ตองการจะสรางพื้นที่กันชน (Buffer)
4) ไปที่เมนู Object>Buffer
5) ระบบจะแสดงหนาตาง Buffer ดังภาพที่ 10.5
ภาพที่ 10.5 กําหนดรายละเอียดการสราง Buffer
6) กําหนดรายละเอียดตาง ๆ แลวคลิก OK จะปรากฏพื้นที่ Buffer ดังภาพที่ 10.6
ภาพที่ 10.6 แสดงพื้นที่กันชน (Buffer) ที่สรางขึ้น

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
10.2 การเปลีย่ นพื้นที่ของ Buffer
การเปลี่ยนพื้นที่ของ Buffer ใหเปนเสน มีขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
1) คลิกปุม Selection เลือก Object ที่ตองการเปลี่ยนเปนเสน
2) ไปที่เมนู Objects > Convert to Polyline พื้นที่รูปปดจะ กลายเปนเสน ดังภาพที่ 10.7
ภาพที่ 10.7 แสดงการเปลี่ยน Objects ประเภทพื้นที่เปนเสน
10.3 การสรางขอบเขตพืน้ ที่รูปปด (Convex Hull)

การสรางพื้นที่รูปปดใหคลุม Objects ที่ตองการ โดยที่สามารถเลือกประเภทของขอมูลไดทั้งที่เปน จุด
เสนและพื้นที่ โดยการกดปุม Shift ที่แปนคียบอรดคางขณะเลือก Objects มีขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
1) คลิกปุม Selection เลือก Object ทั้งหมดที่ตองการสรางพื้นที่รูปปด
2) ไปที่เมนู Objects > Convex Hull หรือ คลิกเมาสปุมขวา แลวเลือก Edit Objects > Convex Hull
3) ระบบจะแสดงหนาตาง Create Convex Hull คลิกที่ OK
4) ระบบจะแสดงพื้นที่รูปปด ดังภาพที่ 10.8
ภาพที่ 10.8 พื้นที่รูปปดที่สรางจากขอมูลจุด

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
10.3 การสรางพื้นที่รูปปดภายในเสนที่ตัดกัน (Enclose)
ใชสําหรับสรางขอบเขตพื้นที่รูปปด จากการเลือก Object ประเภทเสนที่ตัดกัน เชน เสนทางถนน มี
ขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
1) คลิกปุม Selection เลือก Object ประเภทเสนทุกเสนที่ตัดกัน ที่ตองการสรางพื้นที่รูปปด
2) ไปที่เมนู Objects> Enclose หรือ คลิกเมาสปุมขวา แลวเลือก Edit Objects > Enclose
3) ระบบจะแสดงหนาตาง Create Region Objects from Enclosed Areas ดังภาพที่ 10.9
ภาพที่ 10.9 หนาตาง Create Region Objects from Enclosed Areas
4) ระบบจะสรางพื้นที่รูปปดภายใน Object ประเภทเสนที่ตัดกัน ดังภาพที่ 10.10
ภาพที่ 10.10 แสดงหนาตางการทําพื้นที่รูปปดภายในเสนที่ตัดกัน

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 11
การนําเขาขอมูลจากภาพราสเตอร (Raster Image)
11.1 การกําหนดจุดควบคุมคาพิกัดใหกับภาพราสเตอรที่มีคาพิกัด (Image Registration)

ภาพราสเตอร (Raster Image) คือ แผนที่กระดาษที่สแกนแลว โปรแกรม MapInfo Professional
สามารถเปดไฟลราสเตอร ไดหลาย สกุลไฟล อาทิ JPEG, GIF, TIFF, PCX, PING, PSD, WMF, ECW,
GRD/GRC, ASRP, ADRG, CADRG, NITF, BMP, TGA (Targa), และ BIL (SPOT satellite) ของภาพถาย
ดาวเทียม Spot รวมทั้ง JPEG2000 (Joint Photographic Experts Group) โดยเปดเปน MapInfo Table เมื่อทําการ
กําหนดจุดควบคุมคาพิกัด (Register) ใหกับภาพราสเตอร (Raster) แลวสามารถที่จะใชเมาสในการขอมูลจาก
หนาจอได (Head-up Digitizing)
ขั้นตอนการเปดขอมูล ภาพราสเตอร
1) ไปที่เมนู File > Open Table ระบบจะแสดงหนาตาง ดังภาพที่ 11.1 ในชอง Files of Type ใหเลือกเปน
Raster Image
2) เลือกไดเรคทรอรี่ที่เก็บขอมูล และเลือกไฟลที่ตองการเปด
3) คลิกปุม Open ระบบจะสรางแฟมขอมูลนามสกุล .TAB ชนิด Read only
ภาพที่ 11.1 การเปดไฟลภาพราสเตอร

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
4) ระบบจะแสดงหนาตางการแสดงภาพดังภาพที่ 11.2
• Display คือ การแสดงแผนที่โดยไมมีการอางอิงคาพิกัดพิกัดภูมิศาสตร
• Register คือ การแสดงแผนที่โดยการอางอิงคาพิกัดทางภูมิศาสตร
5) คลิกปุม Register ระบบจะแสดงหนาตาง Image Registration แผนที่ ดังภาพที่ 11.3
ภาพที่ 11.2 หนาตางยืนยันการ Register
ภาพที่ 11.3 หนาตาง Image Registration

6) คลิกปุม Projection เพื่อเลือกรูปแบบของเสนโครงแผนที่ ใหกําหนดเสนโครงแผนที่และดาตัม
(Datum)
• ในสวนของ Category เลือก Universal Transverse Mercater (WGS 84)
• ในสวนของ Category Members เลือก UTM Zone 47, Northern Hemisphere
(WGS84)
รูปที่ 11.4 แสดงหนาตาง Choose Projection

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
7) คลิกปุม Units เพื่อกําหนดหนวยของคาพิกัด (เมตร/องศา) ดังภาพที่ 11.5
ภาพที่ 11.5 แสดงหนาตาง Units

8) เลื่อน Scroll bar หาตําแหนงที่จะกําหนดจุดควบคุมคาพิกัด
• ปุม + สําหรับขยายแผนที่
• ปุม – สําหรับยอแผนที่ใหขยายภาพใหเห็นชัดเจนขึ้น
9) คลิกที่ปุม Add (กอนการกําหนดจุดคาพิกัด จะตองคลิกที่ปุม Add กอนเสมอ)
10) คลิกเมาสยงั ตําแหนงที่ตองการ ซึ่งตองเปนตําแหนงที่ แกน X ตัดกับ แกน Y จะไดหนาตาง
Edit Control Point ดังภาพที่ 11.6
• ชอง Map X: ใสคาพิกัดแกน X
• ชอง Map Y: ใสคาพิกัดแกน Y
11) คลิก OK
ภาพที่ 11.6 แสดง หนาตาง Edit Control Point
12) แลวเลื่อนภาพแผนที่ไปยังตําแหนงที่ 2 ที่ตองการจะกําหนดคาพิกัด

13) คลิกที่ปุม Add แลวคลิกเมาสที่จุดตัดและใสคาพิกัด X ,Y
14) การกําหนดจุดควบคุมคาพิกัด จะตองกําหนดอยางนอย 4 ตําแหนง ดังภาพที่ 11.7

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 11.7 แสดงหนาตางการกําหนดจุดควบคุมคาพิกัดใหกับภาพราสเตอร
15) เมื่อใหคาพิกัดครบทั้ง 4 ตําแหนง คลิกปุม OK

16) โปรแกรมจะเปดภาพแผนที่ขึ้นมา ซึ่งแผนที่ ที่เปดขึ้นมานั้นจะมี สกุลไฟลเปน Filename.Tab
หมายเหตุ
• คา Error (Pixels) ของจุดควบคุมไมควรเกิน 4 พิกเซล
• ในการปดขอมูลภาพราสเตอรที่ทําการกําหนดจุดควบคุมคาพิกัดเรียบรอยแลว สวนของ Files
of Type ตองเลือกเปน MapInfo [*.tab]
• ภาพราสเตอรทนี่ ํามา Register ควรผานการปรับแกความเอียง และคาความผิดพลาดตางๆ
เรียบรอยแลว เพราะ MapInfo สามารถแสดงภาพราสเตอรได แตไมสามารถปรับแกความผิดพลาดตางๆ ของภาพ
ได หากภาพมีความเอียงหรือคาผิดพลาดตางๆ แลว จะดึง Object ของแผนที่ใหเอียงตามภาพไป
• ภาพราสเตอรทแี่ สดงบนหนาตางแผนที่ โปรแกรมจะมีการกําหนดการแสดงผลโดยอัตโนมัติ
(Zoom Layering) กรณีที่ภาพไมแสดงผล ในหนาตาง Layer Control จะแสดงเครื่องหมาย * ไวดานหนาชัน้ แผน
ที่นั้นๆ ดังภาพที่ 11.8
• ถาตองการใหภาพราสเตอร แสดงผลทุกระยะมุมมอง ใหดับเบิ้ลคลิกที่ชั้นแผนที่นั้น แลวคลิก
3 ที่ชอง Display within zoom Range ออก ดังภาพที่ 11.8

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 11.8 แสดงการปลดระยะการมองเห็นภาพราสเตอร
• ภาพราสเตอรทแี่ สดงผลไดรวดเร็วคือภาพ *.tif และ *.jpg สวนภาพ *.bmp นั้นและแสดง

ผลไดชา ถึงแมวา BMP File จะมีขนาดที่เล็กกวา Tiff File ก็ตาม
• ภาพราสเตอรควรมีความละเอียดของภาพ (Resolution) ประมาณ 150 – 300 dpi เพราะถาความ
ละเอียดของภาพมีมากจะทําใหไฟลมีขนาดใหญ และแสดงผลไดชา
11.2 การปรับแกคาพิกัดใหกับภาพราสเตอร (Modify Image Registration)

หากตองการเปลี่ยนหรือเพิ่ม ตําแหนงที่กําหนดจุดใหกับภาพราสเตอรทกี่ ําหนดจุดควบคุมคาพิกัดแลว
หรือตองการปรับแกคา Error (Pixels) สามารถทําไดดังนี้
1) ไปที่เมนู Table > Raster > Modify Image Registration ระบบจะแสดงหนาตางการกําหนดจุด
ควบคุมคาพิกัดใหอีกครั้ง ดังภาพที่ 11.9
2) ในกรณีที่ตองการเจุดพิ่มตําแหนง ในการกําหนดจุดควบคุมคาพิกัด ใหคลิกปุม Add
3) จากนั้นก็ทําตามขั้นตอนของการกําหนดจุดควบคุมคาพิกัด
4) ในกรณีที่ตองการแกไขเฉพาะคาพิกัดของตําแหนงเดิมใหเลือกบรรทัดที่แสดงคาของจุดควบคุมที่
ตองการแกไข จากนั้นคลิกปุม Edit

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 11.9 แสดงหนาตางการปรับแกคาพิกัด
11.3 การปรับแกภาพราสเตอร (Adjust Image Styles)

หากภาพราสเตอรที่แสดงบนหนาตางแผนที่ไมคมชัด มองไมเห็นรายละเอียด สามารถปรับความคมชัด
(Contrast) ความเขม (Brightness) และความโปรงใส (Translucency) ของภาพราสเตอรได โดยเฉพาะความ
โปรงใสมีประโยชนในการมองทะลุไดในกรณีที่นําไปซอนทับภาพราสเตอร หรือเวกเตอรอื่น สามารถทําได 2
วิธี ดังนี้
11.3.1 วิธีที่ 1 การปรับแกจากเมนู Adjust Image Style
1) ไปที่เมนู Table > Raster > Adjust Image Styles ระบบจะแสดงหนาตาง ดังภาพที่ 11.10
ภาพที่ 11.10 แสดงหนาตาง Adjust Image Styles

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
- ในกรณีที่ตองการปรับแกความคมชัด ใหเลื่อนปรับแกที่ Contrast
- ในกรณีที่ตองการปรับแกความเขม ใหเลื่อนปรับแกที่ Brightness
- ในกรณีที่ตองการปรับแกความโปรงใส ใหเลื่อนปรับแกที่ Translucency
11.3.2 วิธีที่ 2 การปรับความโปรงใสสามารถปรับไดจาก Layer Control

1) ไปที่ Layer Control คลิกเลือกชั้นขอมูลราสเตอรที่ตองการใหโปรงใส
2) คลิกปุม Layer Properties หรือดับเบิ้ลคลิกที่ชั้นขอมูลราสเตอร
3) คลิก ; ที่ Style Override
4) คลิกปุมเหมือนตารางหมากรุก ลาง Style Override
5) ระบบจะแสดงหนาตาง Image Registration ดังภาพที่ 11.11
ภาพที่ 11.11 การปรับความโปรงใสสามารถปรับไดจาก Layer Control

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
11.4 การกําหนดจุดควบคุมคาพิกัดใหกับภาพราสเตอรที่ไมมีคาพิกัด (Image Registration)
กรณีที่ผูใชมีขอมูลภาพราสเตอรที่ไมมีคาพิกัด แลวตองการนํามาใชกับขอมูลแผนที่ที่คาพิกัดแลวนัน้
ผูใชสามารถนําภาพราสเตอรมาตรึงคาพัด หรือทํา Image Registration โดยอาศัยคาพิกัดจากขอมูลแผนที่ Vector
ที่มีคาพิกัดได ซึ่งมีขั้นตอนการทํางานดังนี้
1) ไปที่เมนู File > Open Table > ระบบจะแสดงหนาตาง Open
2) เลือกไดเรคทรอรี่ที่เก็บขอมูล และเลือกไฟลที่ตองการเปด เชน C:\Tarining\Nonthaburi\Road.tab
เพื่อเปดชั้นขอมูลถนน ซึ่งเปนขอมูลที่มีคาพิกัดแลว
3) ระบบจะแสดงหนาตางดังภาพที่ 11.12
ภาพที่ 11.12 หนาตางชั้นขอมูล Road
4) ไปที่เมนู File > Open Table ระบบจะแสดงหนาตาง ดังรูปที่ 11.14

5) ในชอง Files of Type ใหเลือก Raster Image
6) เลือกไดเรคทรอรี่ที่เก็บขอมูล และเลือกไฟลที่ตองการ เชน C:\Training\Register\Nonthaburu_1.jpg
7) คลิกปุม Open ระบบจะสรางแฟมขอมูลนามสกุล .TAB ชนิด Read only

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 11.13 การเปดไฟลภาพราสเตอร
8) ระบบจะแสดงหนาตาง Image Registration แสดงภาพราสเตอรดังภาพที่ 11.14

• Display คือ การแสดงแผนที่โดยไมมีการอางอิงคาพิกัดพิกัดภูมิศาสตร
• Register คือ การแสดงแผนที่โดยการอางอิงคาพิกัดทางภูมิศาสตร
9) คลิกปุม Register ระบบจะแสดงหนาตาง Image Registration แผนที่ ดังภาพที่ 11.15
ภาพที่ 11.14 หนาตางยืนยันการ Register
ภาพที่ 11.15 หนาตาง Image Registration

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
10) คลิกปุม Projection เพื่อเลือกรูปแบบของเสนโครงแผนที่ โดยเลือกรูปแบบเดียวกับชั้นขอมูล Road
ในที่นี้คือ ระบบ Universal Transverse Mercater (WGS 84)/UTMZ Zone 47, Northern Hemisphere (WGS84)
11) กําหนดหนวย Units คือ Meters
11) คลิกที่ปุม Add (กอนการกําหนดจุดคาพิกัด จะตองคลิกที่ปุม Add กอนเสมอ)
12) คลิกเมาสยังตําแหนงที่ตองการกําหนดจุดคาพิกัดที่ 1 ในภาพราสเตอร ดังภาพที่ 11.17
กําหนดตําแหนงจุดคาพิกัด
ภาพที่ 11.17 หนาตางแสดงกําหนดจุดคาพิกัดที่ 1

13) คลิกเมาสยังตําแหนงเดียวกันของชั้นขอมูล Road ในหนาตาง Map เพื่อใหระบบดึงคาพิกัดจาก
ขอมูลแผนที่ Vector ที่มีคาพิกัดมาใช
14) ระบบจะแสดงหนาตาง Edit Control Point ดังภาพที่ 11.18

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
กําหนดตําแหนง
จุดคาพิกดั ใน Map
ภาพที่ 11.18 หนาตางแสดงกําหนดจุดคาพิกัดที่ 1

16) แลวเลือ่ นภาพราสเตอรไปยังตําแหนงที่ 2 ที่ตองการจะกําหนดคาพิกัด
17) คลิกที่ปุม Add แลวคลิกเมาสยังตําแหนงที่ตองการกําหนดคาพิกัดจุดที่ 2 ในหนาตาง
Image Registration
18) ทําขั้นตอนซ้ําตามรูปที่ 11.18 แตเลือกตําแหนงใหมที่ตรงกับตําแหนงที่คลิกบนภาพราสเตอร เพื่อใช
คาพิกัดจากหนาตาง Map
19) การกําหนดจุดควบคุมคาพิกัด จะตองกําหนดอยางนอย 4 ตําแหนง ดังภาพที่ 11.19
ภาพที่ 11.19 แสดงหนาตางการกําหนดจุดควบคุมคาพิกัดใหกับภาพราสเตอร

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
20) เมื่อใหคาพิกัดครบทั้ง 4 ตําแหนง คลิกปุม OK
21) โปรแกรมจะเปดภาพแผนที่ขึ้นมา ซึ่งแผนที่ที่เปดขึ้นมานั้นจะมี สกุลไฟลเปน Filename. Tab
(ดังตัวอยางก็คอื Nonthaburi_1.tab)
ภาพที่ 11.19 แสดงหนาตางผลลัพธจากการกําหนดจุดควบคุมคาพิกัดใหกับภาพราสเตอร

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 12
การนําเขาฐานขอมูลใหกับขอมูลแผนที่ดวยคําสั่ง Update Column
12.1 การนําเขาขอมูลโดยการใชคําสั่ง Update Column

การใชคําสั่ง Update Column เพื่อตองการใสขอมูลที่ซ้ํา ๆ หรือขอมูลที่เกิดจากการคํานวณคาตาง ๆ ใน
กรณีที่มีขอมูลอยูแลว ผูใชสามารถกําหนดคาที่ตองการใสไดตามตองการ แตกรณีที่ตองการใสคาของขอมูล โดย
อาศัยคําสั่งในการคํานวณรูปแบบตาง ๆ จะตองใชคําสั่งในสวนของ ฟงกชนั่ ทํางาน เชน ตองการคํานวณขนาด
ของพื้นที่ หรือคํานวณความยาวของขอมูลเสน เปนตน
คําสั่ง Update ในสวนของ ฟงกชั่น นั้น มีคําสั่งอยูเปนจํานวนมาก ในตัวอยางจะขอแนะนําเพียงบาง
คําสั่ง เทานั้น
12.1.1 ฟงกชนั่ การคํานวณคาทางขอมูลภูมิศาสตร
1. การคํานวณขนาดพื้นที่ มีขั้นตอนการทํางานดังนี้
1) เปดชั้นแผนที่ที่เปนขอมูลพื้นที่รูปปด (Polygon) ตัวอยางคือ District.tab
2) เพิ่ม Field หรือ Column เพื่อรองรับขอมูลขนาดพื้นที่
3) ไปที่ Table>Maintenance>District
4) Add Field >Area_Km โดย Type เปน Float หรือ Decimal ก็ได ดังภาพที่ 12.1
ภาพที่ 12.1 แสดงหนาตาง Modify Table Structure: District

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
5) คลิกที่ OK
6) ไปที่ Table >Update Column ระบบจะแสดงหนาตาง ดังภาพที่ 12.2
ภาพที่ 12.2 แสดงหนาตาง Update Column
ชอง Table to Update เลือกชั้นขอมูลที่ตองการ Update ตัวอยาง คือ District
ชอง Column to Update ฟลดที่ตองการ Update จากตัวอยางคือ ฟลด Area_km
ชอง Get Value from Table ระบบจะเลือกชั้นขอมูลที่ตองการ Update ใหคือ District
ชอง Value กรอกขอมูลที่ตอ งการ กรณีนี้เปนการคํานวณขนาดพื้นที่ของแตละ
Object คลิกที่ Assist เพื่อใช ฟงกชั่น
หนาตาง Expression คลิกที่ Functions เลือก Area ในหนาตาง Expression ระบบจะ
แสดงขอความ Area(obj, “sq km”) เพื่อคํานวณขนาดพื้นที่
8) ระบบจะคํานวณขนาดพื้นที่ของแตละ Object ในชั้นขอมูล District ดังภาพที่ 12.3

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 12.3 หนาตางตารางแสดงขอมูลขนาดพื้นที่ หนวยเปนตารางกิโลเมตร
2. การคํานวณความยาวของขอมูลเสน มีขั้นตอนการทํางานดังนี้
1) เปดชั้นแผนที่ที่เปนขอมูลเสน (line/polyline) ตัวอยางคือ Road.tab
2) เพิ่ม Field หรือ Column เพื่อรองรับขอมูลความยาว
3) ไปที่ Table>Maintenance>Road
4) Add Field >Length_m โดย Type เปน Float หรือ Decimal แลวคลิกที่ OK
5) ไปที่ Table >Update Column ระบบจะแสดงหนาตาง ดังภาพที่ 12.4

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
7) ระบบจะแสดงหนาตางตารางแสดงผลลัพธที่ไดจากการคํานวณความยาว ดังภาพที่ 12.5
ภาพที่ 12.5 แสดงหนาตางตารางแสดงขอมูลความยาวของขอมูลเสน
12.1.2 ฟงกชนั่ วันเดือนป และเวลา

1. ฟงกชั่นวันเดือนป มีขั้นตอนการทํางานดังนี้
1) เปดชั้นแผนที่ที่ตองการใสขอมูล วันเดือนป เพื่อใหฐานขอมูลการระบุ วันเวลาลาสุดของขอมูล
2) เพิ่ม Field หรือ Column เพื่อรองรับขอมูลวันเดือนป และเวลา
3) ไปที่ Table>Maintenance>Village (ตัวอยางใช Village.tab)
4) Add Field >DATE โดย Type เปน Date ดังภาพที่ 12.6
ภาพที่ 12.6 แสดงหนาตางModify Table Structure: Village

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
5) ไปที่ Table >Update Column ระบบจะแสดงหนาตาง เพื่อใสขอมูลวันที่ ดังภาพที่ 12.7
7) ระบบจะแสดงหนาตางตารางแสดงขอมูลวันเดือนป ปจจุบัน ดังภาพที่ 12.8
ภาพที่ 12.8 แสดงหนาตางตารางแสดงขอมูลวันเดือนปปจจุบัน

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ตั้งแตในเวอรชั่น 9.0 ไดเพิ่มฟงกชั่นเกี่ยวกับเวลา และ วันเดือนป/เวลา เพื่อใชเก็บขอมูลเรือ่ งมิติของ
เวลา สามารถใชเปนทางเลือกหนึ่งในการวิเคราะหขอมูลได โดยใชฟงกชั่นดังนี้
2. ฟงกชั่นเวลา มีขั้นตอนการทํางานดังนี้
1) เพิ่ม Field หรือ Column เพื่อรองรับขอมูลเวลา โดยไปที่ เมนู Table>Maintenance>Village
(ตัวอยางใช Village.tab)
2) Add Field >Time โดย Type เปน Time ดังภาพที่ 12.9
ภาพที่ 12.9 แสดงหนาตาง Modify Table Structure: Village
3) ไปที่เมนู Table > Update Column ระบบจะแสดงหนาตางใหใสขอมูลเวลาโดยที่ปุม Assist ใส

คาฟงกชั่น CurTime ดังภาพที่ 12.10

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 12.10 แสดงหนาตางการ Update ขอมูลเวลา
4) ระบบจะแสดงหนาตางตาราง Browser ที่บรรจุขอมูลเวลาปจจุบัน ดังภาพที่ 12.11
ภาพที่ 12.11 แสดงหนาตาง Village Browser และผลลัพธจากการ Update Time

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
3. ฟงกชั่นวันเดือนป/เวลา ซึ่งเปนการ Update วันเดือนปและเวลา ใสในคอลัมนเดียวกัน ซึ่งมีขั้นตอน
การทํางานดังนี้
1) เพิ่ม Field หรือ Column เพื่อรองรับขอมูลวันเดือนป/เวลา โดยไปที่ เมนู
Table>Maintenance>Village (ตัวอยางใช Village.tab)
2) Add Field >Date_Time โดย Type เปน Date/Time ดังภาพที่ 12.12
ภาพที่ 12.12 แสดงหนาตาง Modify Table Structure: Village
3) ไปที่เมนู Table > Update Column ระบบจะแสดงหนาตางใหใสขอมูลวันเดือนป และ เวลา

โดยที่ปุม Assist ใสคาฟงกชั่น Cur ดังภาพที่ 12.13

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 12.13 แสดงหนาตางการ Update ขอมูลวันเดือนป และเวลา
4) ระบบจะแสดงหนาตางตาราง Browser ที่บรรจุขอมูลวันเดือนปและเวลาปจจุบัน ดังภาพที่

12.14
ภาพที่ 12.14 แสดงหนาตาง Village Browser และผลลัพธจากการ Update Date/Time

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 13
การเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงโครงสราง/รูปแบบของ Table
13.1 การเปลี่ยนแปลงโครงสรางของชั้นขอมูลแผนที่
การเปลี่ยนแปลงโครงสรางของชั้นขอมูลแผนที่ มีขั้นตอนดังนี้
1) ไปที่เมนู Table > Maintenance > Table Structure
2) ระบบจะแสดงหนาตาง View/Modify Table Structure เลือกชั้นขอมูลที่ตองการแกไข
แลวคลิกที่ OK
3) ระบบจะแสดงหนาตาง Modify Table Structure ดังภาพที่ 13.1
ภาพที่ 13.1 แสดงหนาตาง View /Modify Table Structure
4) คลิกที่ Add Field ถาตองการเพิ่ม Field หรือ Column

5) คลิกที่ Field แลวคลิกที่ Remove Field เพื่อทําการถอด Field นั้นออกจาก Table
6) ถาตองการเปลี่ยนแปลงชื่อ, Type ใหคลิกเลือกที่ Filed ที่ตองการกอน จากนั้นก็แกไขตาม
หมายเหตุ ทุกครั้งที่มีการแกไขหรือเปลี่ยนแปลงโครงสรางของชั้นขอมูลหรือ Table ระบบจะทําการปด

หนาตาง Map และ หนาตาง Browser ของ Table ที่มีการเปลี่ยนแปลง

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
13.2 การลบชั้นแผนที่
การลบชั้นแผนที่ มีขั้นตอนดังนี้
1) ไปที่เมนู Table > Maintenance > Delete Table
2) ระบบจะแสดงหนาตาง Delete Table คลิกเลือกที่ Table ที่ตองการลบ แลวคลิกที่ OK
3) ระบบจะแสดงหนาตางเพื่อแจงเตือน การใชคําสั่ง Delete Table จะไมสามารถกูไฟลคืน
ได เพราะระบบจะทําการลบ Table นั้นออกจากเครื่องคอมพิวเตอร ดังภาพที่ 13.2
ภาพที่ 13.2 แสดงหนาตาง Delete Table และคําเตือน
13.3 การเปลี่ยนชื่อชั้นแผนที่
การเปลี่ยนชื่อชั้นแผนที่ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1) ไปที่เมนู Table > Maintenance >Rename Table
2) ระบบจะแสดงหนาตาง Rename Table คลิกเลือกที่ Table ที่ตองการเปลี่ยนชื่อ
3) ระบบจะแสดงหนาตาง Rename Table ใหเปลี่ยนชื่อที่ชอง File Name ดังภาพที่ 13.3
4) ระบบจะเปลี่ยนชื่อ โดยเปลี่ยนทุกสกุลไฟล
ภาพที่ 13.3 แสดงหนาตาง Rename Table

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
13.4 การเรียบเรียงชั้นแผนที่
การเรียบเรียงชั้นแผนที่ เพื่อลบชองวางในตารางขอมูลที่เกิดจากการลบขอมูลทั้ง Object และ Browser
มีขั้นตอนดังนี้
1) ไปที่เมนู Table > Maintenance >Pack Table
2) ระบบจะแสดงหนาตาง Pack Table เลือกชัน้ แผนที่ที่ตองจัดระเบียบ และเลือกตัวเลือกที่ 3 ดังภาพที่
13.4
ภาพที่ 13.4 หนาตาง Pack Table

3) เมื่อคลิกที่ OK ระบบจะทําการปดหนาตางแผนที่ และหนาตางตารางของชั้นแผนที่ที่ Pack Table ดัง
ภาพที่ 13.5
ภาพที่ 13.5 แสดงหนาตาง Browser ของชั้นแผนที่ที่ Pack Table แลว
หมายเหตุ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแกไขโครงสราง Table ดวยคําสั่ง Table Structure หรือ Pack Table จะทําให
Table นั้นถูกปดออกจาก หนาตาง Map ที่ทํางานอยู และหนาตางตารางก็จะถูกปดไป ผูใชจะตองคลิกที่ Add
Table ขึ้นมาอีกในครั้งใน Layer Control หรือ New Map Window ขึ้นมาใหม และ New Browser Window

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 14
การเปดไฟลขอมูล Microsoft Excel
14.1 การเปดไฟลขอมูล Microsoft Excel

โปรแกรม MapInfo Professional สามารถเปดไฟลขอมูลจากโปรแกรมอื่น ๆ เพื่อนํามาใชเปน
ฐานขอมูลไดหลายโปรแกรม รวมถึง Ms Excel ที่สามารถเปดไดโดยตรง ซึง่ ตั้งแต MapInfo Professional v7.8ได
เพิ่มความสามารถในการเปดไฟลขอมูล Ms Excel ที่มีจํานวนแถว (Row) มากถึง 65,536 แถว (กรณีไฟล MS.
Excel XP และ Ms Excel 2003) และ MapInfo Professional v10.0 นั้นไดเพิ่มความสามารถในการรองรับการเปด
ไฟล Ms Excel 2007 ซึ่งมีจํานวนแถวมากถึง 1 ลานแถวได และขั้นตอนในการเปดขอมูลจะสะดวกและงายขึ้น
กวา Version กอน นอกจากนี้ตั้งแต MapInfo Professional v8.0 ยังไดเพิ่มความสามารถในการอานและเขียน
ไฟลขอมูล Ms Excel (*.xls) ไดโดยเพิ่มปุม Create Copy in MapInfo format for read/write ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1) ไปที่เมนู File > Open ระบบจะแสดงหนาตาง Open
2) เลือกไดเรคทรอรี่ ที่เก็บไฟลเอกสาร MS Excel
3) ในชอง Files of type เลือก Microsoft Excel (*.xls, *.xlsx)
4) ระบบจะแสดงรายชื่อของไฟลเอกสาร (*.xls) ใหคลิกเลือกที่ชื่อไฟลเอกสารนั้น
5) กรณีที่ตองการเปดไฟล โดยสามารถแกไขขอมูลได ใหคลิกเครื่องหมายถูก 9 ที่ปุม Create Copy in
MapInfo format for read/write ดังภาพที่ 14.1
ภาพที่ 14.1 การเปดไฟลเอกสาร Ms Excel

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6) คลิก open ระบบจะแสดงหนาตาง Excel Information เพื่อเลือกหนาของ Worksheet, คอลัมน และ
แถว (Row) ของขอมูล
7) ใหคลิก 9 ในชอง Use Row Above Selected Range for Column Titles จากนั้น MapInfo จะทําการ
เลือก Header จะนํามาใชใน MapInfo โดยอัตโนมัติ ดังภาพที่ 14.2
ภาพที่ 14.2 คลิก 9 ที่ Use Row Above Selected Range for Column Title
8) คลิก OK ระบบจะแสดงหนาตาง Set Field Properties เพื่อแสดงชื่อคอลัมน และประเภท (Type) ของ

คอลัมน ดังภาพที่ 14.3
ภาพที่ 14.3 Set Field Properties

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
9) คลิกปุม OK ระบบจะแสดงหนาตางตารางที่เปดจากไฟล MS Excel และสามารถแกไขขอมูลได
ภาพที่ 14.4 หนาตางตารางของไฟลเอกสาร Excel

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 15
การสรางขอมูลจุดจากคาพิกัด (Create Points)
15.1 การสรางขอมูลจุดจากคาพิกัด (Create Points)

การการสรางขอมูลประเภทจุด คาพิกัดที่ใช คือ คาลองจิจดู (X) และคาละติจูด (Y) หรือ คาพิกัดกริด
Easting (X) และคาพิกัดกริด Northing (Y) ซึ่งคาพิกัดเหลานี้เก็บมาจากเครื่อง GPS แลวนําคาพิกัดดังกลาวมา
บันทึกเปนตารางฐานขอมูล ในตัวอยางนี้จะเก็บคาพิกัดไวในโปรแกรม MS Excel โดยมีขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
1) ไปที่เมนู File > Open
2) ในชอง Files of type เลือก Microsoft Excel (*.xls)
3) เลือกเปดไฟลขอมูลที่ไดบันทึกคาพิกัดจุด GPS ไว จากตัวอยางไฟลชื่อ Health Care1xls
4) กรณีที่ตองการเปดไฟลโดยสามารถแกไขขอมูลได ใหคลิกเครื่องหมายถูกที่ปุม Create Copy in
MapInfo format for read/write ดังภาพที่ 15.1
ภาพที่ 15.1 การเปดไฟลขอมูลที่มีการบันทึกคาพิกัด
5) เมื่อคลิก OK ระบบจะแสดงหนาตาง Excel Information

6) คลิก 9ในชอง Use Row Above Selected Range for Column Titles เพื่อใชชื่อฟลดของ MS
Excel มาเปนชื่อฟลดของขอมูลในโปรแกรม MapInfo Professional ดังภาพที่ 15.2

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 15.2 หนาตาง Excel Information
8) ระบบจะแสดงหนาตาง Set Field Propertiesเพื่อแสดงชื่อคอลัมน และประเภท (Type) ของคอลัมน
ภาพที่ 15.3 หนาตาง Set Field Properties
9) คลิกปุม OK ระบบจะแสดงหนาตางตารางฐานขอมูลที่เปดไดจาก MS Excel ดังภาพที่ 15.4
ภาพที่ 15.4 หนาตางตารางขอมูลคาพิกัด

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
10) ไปที่เมนู Table > Create Points ระบบหนาตาง Create Points ดังภาพที่ 15.5
ภาพที่ 15.5 หนาตาง Create Points
11) ชอง Create Points for Table ใหเลือก Table ที่ชื่อวา Health Care1.xls
12) ชอง Using Symbol ใหคลิกเลือกสัญลักษณ สี และขนาด ตามที่ตองการ
13) ชอง Get X Coordinate from Column เลือกคอลัมนที่เก็บคาพิกัด X ตัวอยางคือ Co_X
14) ชอง Get Y Coordinate from Column เลือกคอลัมนที่เก็บคาพิกัด Y ตัวอยางคือ Co_Y
15) ในสวนของ Projection ตองกําหนดใหตรงกับคาพิกัดที่กําหนดไวในเครื่อง GPS ดังภาพที่ 15.6
ภาพที่ 15.6 การกําหนด Projection
(***ถากําหนดคาตาง ๆ ผิดจะมีจุดขึ้นมาเพียงจุดเดียว หรือ จุดมีลักษณะเรียงเปนเสนตรง)

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
- ถาคลิก 9 ในชอง ระบบจะแสดงคอลัมนที่ไมไดกําหนด
Type เปนขอมูลตัวเลข ใหเลือกในสวนของ Get X Coordinate from Column และ Get Y Coordinate from
Column
- ถาคลิก 9 ชอง ระบบจะสรางขอมูลจุดขึ้นมาใหม
โดยจะสรางทับขอมูลชุดเดิม
16) เมื่อคลิก OK แลว ไปที่เมนู Window > Map Window

17) ระบบจะแสดงตําแหนงขอมูลจุดตาง ๆ ที่สรางจากคาพิกัด ดังภาพที่ 15.7
ภาพที่ 15.7 ขอมูลจุดที่สรางจากคาพิกัด

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 16
การรวมชั้นแผนที่ดวยคําสั่ง Append Row to Table
16.1 คําสั่ง Append Row to Table

การใชคําสั่ง Append Row to Table สามารถใชในกรณีที่ตองการรวมขอมูลจากหลายชั้นขอมูล (Table)
ใหรวมอยูในชั้นขอมูล (Table) เดียวกัน หรือรวมเพื่อสรางเปนชั้นขอมูล (Table) ใหม ซึง่ หลักสําคัญในการรวม
โดยวิธีนี้คือ ชัน้ ขอมูล (Table) ที่นํามารวมกันนั้นจะตองมีโครงสรางตาราง (Structure) ที่เหมือนกัน มีขั้นตอน
ดังนี้
ตัวอยาง ขอมูลที่ตองการรวมกันในที่นี้คือ ชั้นขอมูล “Health Care1” และ “Health Care2” ซึ่งเปนชั้น
แผนที่แสดงตําแหนงของสถานที่ทองเที่ยวในจังหวัดเชียงใหมทั้งสองชั้น ตองการจะรวมใหอยูในชั้นขอมูล
“Health Care1” ชั้นเดียวเทานั้น
1) เปดชั้นขอมูลที่ตองการรวมกัน ในที่นี้คือ Health Care1.tab, Health Care2.tab และ
District.tab ระบบจะแสดงหนาตาง ดังภาพที่ 16.1
ภาพที่ 16.1 แสดงหนาตางชั้นขอมูลที่ตองการ Append

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
2) เปดหนาตางตารางของทั้ง 2 ชั้นขอมูล เพื่อดูโครงสรางของขอมูลวาเหมือนกันหรือไม ที่เมนู
Window > New Browser เลือก Health Care1 และHealth Care2
3) ระบบจะแสดงหนาตางตารางของทั้ง 2 ตารางดังภาพที่ 16.2
Health Care1 Browser

มี 60 เรคคอรด
Health Care2 Browser

มี 65 เรคคอรด
ภาพที่ 16.2 หนาตางตารางของHealth Care1 และHealth Care2

4) เปรียบเทียบตารางของทั้ง 2 ตารางวาโครงสรางเหมือนกันหรือไม (ชื่อคอลัมนไมเหมือนกันไม
เปนไร แตขอมูลขางในควรจะเปนขอมูลแบบเดียวกัน)
5) ไปที่เมนู Table> Append Row to Table ระบบจะแสดงหนาตาง ดังภาพที่ 16.3
ภาพที่ 16.3 แสดงหนาตาง Append Row to Table

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
Append Table คือ ชั้นขอมูลตนทางที่ตองการนําไปรวม
To Table คือ ชั้นขอมูลปลายทางที่ขอมูลถูกสงมาบรรจุ
6) จากตัวอยางในที่นี้ Append Table เลือกชั้นขอมูล Health Care2 และ To Table เลือกชั้นขอมูล
Health Care1
8) ขอมูลในชั้นขอมูล Health Care2 (ทั้งขอมูลแผนที่และขอมูลตาราง) จะถูกนําไปบรรจุในชั้น
ขอมูล Health Care1
9) จํานวนเรคคอรดของขอมูล Health Care1จะเพิ่มขึ้น (เดิมมี 60 เรคคอรด จะเพิ่มเปน 125 เรคคอรด)
ขอมูลของ Health Care2

ที่ถูกรวมเขากับ Health Care1
(รวมทั้งหมด 125 เรคคอรด)
ภาพที่ 16.4 หนาตางตารางของHealth Care1

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
10) จากนั้นบันทึกโดยไปที่เมนู File > Save Table หรือคลิกปุม ระบบจะแสดงหนาตาง Save
Table เพื่อใหเลือกชั้นขอมูลที่ตองการบันทึก ดังรูปที่ 16.5
ภาพที่ 16.5 หนาตาง Save Table
11) ปดขอมูล Health Care2 ไปที่ File > Close Table เลือก Health Care2
12) ระบบจะแสดงหนาตางแผนที่ของ Health Care1, District และหนาตางตาราง Health Care1
ภาพที่ 16.6 หนาตางแสดงผลลัพธจากการ Append

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 17
การเชื่อมโยงตารางฐานขอมูลกับฐานขอมูลภายนอก
จากบทที่ 14 และ 15 เรือ่ งการเปดไฟลเอกสาร Excel และ การสรางขอมูลจุดจากคาพิกัดแลว นอกจากนี้

สามารถนําตารางฐานขอมูลจากโปรแกรม Excel และโปรแกรมฐานขอมูลอืน่ ๆ เชน Access หรือ dBASE มา
เชื่อมโยงกับฐานขอมูลของ MapInfo และยังสามารถทําการเชื่อมโยงขอมูล โดยอาศัยความสัมพันธในเชิงขอมูล
พื้นที่ หรือแผนที่ได โดยอาศัยคําสั่งการ Update Column แบบ Join ในการเชื่อมโยงขอมูล ดังตัวอยางตอไปนี้
17.1 การเชื่อมโยงขอมูลดวย Update Column แบบ Join โดยใชความสัมพันธในเชิงขอมูล

พื้นที่
ตอเนื่องจากบทที่ 15 และบทที่ 16 ไฟลขอมูลที่ไดจากการ Create Points และ Append Table แลว คือ
ชั้นแผนที่ Health_Care1.tab สามารถนํามาใชงานตอไปได
1) ไปที่เมนู File > Open ระบบจะแสดงหนาตาง Open
2) เลือกไดเรคทรอรี่ ที่เก็บไฟลขอมูลที่ตองการเปด ตัวอยาง คือชั้นแผนที่ Health_Care1.tab และ
District. tab
3) ระบบจะแสดงหนาตางแผนที่ ดังภาพที่ 17.1
ภาพที่ 17.1 แสดงหนาตางแผนที่

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ตัวอยาง ตองการใสขอมูลในฐานขอมูลวา แตละจุดของ Health_Care1ตั้งอยูที่อําเภอใด โดยจะทําการ
Update ขอมูลมาจากแผนที่ซอนทับกันอยู ดังหนาตางแผนที่ดานบน (ภาพที่ 17.1)
1) ทําการเพิ่ม Column ใหกับชั้นแผนที่ Health_Care1 โดยไปที่เมนู Table > Maintenance > Table
Structure เลือก Health_Care1
2) คลิกที่ปุม Add Field เพื่อรองรับขอมูลที่จะเชื่อมโยงมาจากชั้นแผนที่ District
• ชอง Name พิมพชื่อ Filed ตัวอยางคือ District ดังภาพที่ 17.2
• ชอง Type กําหนดเปน Character
• ชอง Width กําหนดความกวาง เปน 40
ภาพที่ 17.2 Add Filed เพื่อรองรับการเชื่อมโยงฐานขอมูล
3) เมื่อคลิกปุม OK ระบบจะปดหนาตางแผนที่ Health_Care1

4) ที่หนาตาง Layer Control คลิกที่ปุม Add เพื่อเพิ่มชั้นแผนที่ Health_Care1บนหนาตางแผนที่ปจจุบัน

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 17.3 หนาตาง Layer Control และ Add Layer
5) ระบบจะแสดงหนาตางแผนที่ เหมือนกับภาพที่ 17.1

6) ไปที่เมนู Table > Update Column
7) ระบบจะแสดงหนาตาง Update Column ดังภาพที่ 17.4
• ชอง Table to Update คือ ชั้นขอมูลที่ตองการ Update จากตัวอยางคือ ชั้นขอมูล
Health_Care1
• ชอง Column to Update คือ คอลัมน ที่ตองการ Update ขอมูล จากตัวอยาง คือ คอลัมน
District

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
• ชอง Get Value From Table คือชั้นขอมูลที่ตองการนําคามาเชื่อมโยง จากตัวอยาง คือ
ชั้นขอมูล District
8) คลิกที่ปุม Join… เพื่อกําหนดเงื่อนไขของการเชื่อมโยง ระบบจะแสดงหนาตาง Specify Join ดังภาพที่
17.5
รูปที่ 17.5 หนาตาง Specify Join
9) คลิกเลือกที่ Where Object from Table District เพื่อเลือกเงือ่ นไขความสัมพันธเชิงแผนที่ วาชั้นแผน

ที่ District มีความสัมพันธกับชั้นแผนที่ Health_Care1
• เลือก Contains Object from table Health_Care1 คือ ชั้นแผนที่ District บรรจุดวยหรือมี
ขอมูล Object ของ Health_Care1 อยูขางใน
• เลือก Intersects Object from table Health_Care1 คือ ชั้นแผนที่ District มีการตัดกัน กับ
ขอมูล Object ของ Health_Care1
หมายเหตุ ไมสามารถเลือก is within เพราะขอมูล District เปนพื้นที่รูปปด (Polygon) ไมสามารถอยูขางในขอมูล
Health Care1 ที่เปนขอมูลจุด (Point) ได
10) คลิกที่ OK เพื่อกลับไปหนาตาง Update Column

11) ชอง Calculate คือรูปแบบการคํานวณ ตัวอยางเลือก Value เพราะใชคาของขอมูลตามจริง ไมมี
การคํานวณ
12) ชอง Of คือ คอลัมนที่เราตองการขอมูล ตัวอยางคือ ชื่ออําเภอ อยูในคอลัมน AMPHOE
13) คลิก ; สวนของ Browse Results เพื่อจะแสดงหนาตางตารางฐานขอมูลผลลัพธ
14) คลิกปุม OK ระบบจะแสดงหนาตางผลลัพธ ดังรูปที่ 17.6

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
รูปที่ 17.6 หนาตางผลลัพธจากการ Update Column แบบ Join โดยใชความสัมพันธในเชิงขอมูลพื้นที่
17.2. การเชื่อมโยงตารางฐานขอมูล (Update Column) แบบ Join (Database)

1) ไปที่เมนู File > Open
2) ในชอง Files of type เลือก Microsoft Excel (*.xls)
3) เปดฐานขอมูลจากไฟล Excel ตัวอยางคือไฟล ชื่อ Pop2008_subdistrict.xls ดังภาพที่ 17.7
ภาพที่ 17.7 แสดงหนาตาง Open เพื่อเปดไฟล Ms Excel

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
4) ทําตามขั้นตอนการเปดไฟล Excel ในบทที่ 5 ดังภาพที่ 17.8
ภาพที่ 17.8 แสดงการเปดไฟล Ms Excel
5) ระบบจะแสดงหนาตางตารางของไฟล Pop2008_subdistrict.xls ดังภาพที่ 17.9
ภาพที่ 17.9 หนาตางตาราง Pop2008_Subdistrict
6) เปด Table ที่ตองการเชื่อมโยงกับฐานขอมูลจากไฟล Excel ตัวอยางคือ Subdistrict. TABไปที่เมนู

File > Open เลือกไฟล Subdistrict. TAB
7) ไปที่เมนู Table > Maintenance > Table Structure เลือก Subdistrict

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
8) คลิกที่ปุม Add Field เพื่อเพิ่มคอลัมนมารองรับขอมูลที่จะเชื่อมโยงมาจากไฟลขอมูล Excel
• ชอง Name พิมพชื่อ Filed ตัวอยางคือ TOTAL_MALE_2008
• ชอง Type กําหนดเปน Integer
• Add Field อื่นๆ ไดแก TOTAL_FEMALE_2008, TOTAL_POP_2008 และ
TOTAL_HOUSE_2008 ตามลําดับ กําหนด Type เปน Integer ทุกฟลด ดังภาพที่ 17.10
รูปที่ 17.10 Add Filed เพื่อรองรับการเชื่อมโยงฐานขอมูล
7) เมื่อคลิกปุม OK ระบบจะปดหนาตางแผนที่ Subdistrict

8) ไปที่เมนู Window > New Map Window เพื่อเปดหนาตางแผนที่ Subdistrict ดังภาพที่ 17.11
ภาพที่ 17.11 การเปดหนาตางแผนที่ Subdistrict

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
9) ในที่นี้จะขอยกตัวอยางการ Update Column TOTAL_MALE_2008
10) ไปที่เมนู Table > Update Column ระบบจะแสดงหนาตาง Update Column ดังภาพที่ 17.12

ชอง Table to Update คือชั้นขอมูลที่ตองการ Update จากตัวอยาง คือ ชั้นขอมูลที่ชื่อ Subdistrict
ชอง Column to Update คือคอลัมนที่ตองการ Update จากตัวอยาง คือ คอลัมนชื่อ
TOTAL_MALE_2008
ชอง Get Value From Table คือชั้นขอมูลที่ตองการนําคามาเชื่อมโยง จากตัวอยาง คือ ชั้นขอมูล
Pop2008_Subdistrict (ไฟลเอกสาร Excel)
ชอง Calculate คือ รูปแบบการคํานวณ ตัวอยางเลือก Value เพราะใชคาของขอมูลตาม จริง
ไมมีการคํานวณ
ชอง Of คือคอลัมนที่ตองการนําคามาเชื่อมโยง ตัวอยางเลือก TOTAL_MALE
11) คลิกที่ปุม Join… เพื่อกําหนดเงื่อนไขของการเชื่อมโยง ระบบจะแสดงหนาตาง Specify Join

ภาพที่ 17.13 หนาตาง Specify Join

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
• ชอง Where คือ คอลัมนของ Table Subdistrict ที่มีขอมูลเหมือนกับคอลัมนในไฟล Excel
จากตัวอยางคือ SDIST_Code (รหัสตําบล)
• ชอง matches คือ คอลัมนของไฟล Pop2008_subdistrict ที่มีขอมูลเหมือนกับ
คอลัมนในไฟล Subdistrict จากตัวอยางเลือก SDIST_Code (รหัสตําบล)
12) คลิกปุม OK เพื่อกลับไปยังหนาตาง Update Column

13) คลิก ; สวนของ Browse Results เพื่อจะแสดงหนาตางตารางฐานขอมูลผลลัพธ
14) คลิกปุม OK ระบบจะแสดงหนาตางผลลัพธ ดังภาพที่ 17.14
ภาพที่ 17.14 แสดงหนาตางผลลัพธจากการ Update Column แบบ Join
15) จากนั้นทําการ Update Column ที่เหลือ ไดแก TOTAL_FEMALE_2008, TOTAL_POP_2008

และ TOTAL_HOUSE_2008 ตามลําดับ
16) เมื่อ Update ขอมูลจนครบทุกคอลัมนแลว จะไดผลลัพธ ดังภาพที่ 17.15
ภาพที่ 17.15 แสดงหนาตางผลลัพธจากการ Update Column แบบ Join

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 18
การเชื่อมโยงแผนที่กับขอมูลภายนอกดวย Hotlink
18.1 การเชื่อมโยงอ็อบเจกตกับขอมูลภายนอก (HotLink)

HotLink คือ เครื่องมือที่ใชสําหรับแสดงรูปภาพ, ไฟลขอมูล, ไฟลเอกสาร เชน ไฟลที่อยูในรูปของ MS
Word , MS Excel , MS Power Point , ภาพวีดีโอ, รูปภาพ หรือเว็บไซตตาง ๆ เพื่อทําการเชื่อมตอไปยัง
อินเตอรเน็ต และตั้งแต MapInfo v9.0 ไดเพิ่มความสามารถใหเชื่อมโยงขอมูลไดหลายคอลัมน (Multiple
Hotlink) โดยมีข้นั ตอนการทํางาน ดังนี้
1) เพิ่มฟลดในชั้นขอมูลที่ตองการทํา HotLink จากตัวอยางเลือกชั้นขอมูลที่ชื่อวา สถานที่
ราชการ.tab
2) ไปที่เมนู Table > Maintenance > Table Structure
3) ระบบจะแสดงหนาตาง View/Modify Table Structure
4) เลือกชั้นขอมูลที่ตองการทํา HotLink จากตัวอยาง คือ ชั้นขอมูลที่ชื่อ สถานที่ราชการ
5) ระบบจะแสดงหนาตาง Modify Table Structure
6) คลิกปุม Add Field
ชอง Name เปลี่ยนชื่อฟลดที่เพิ่มใหม จากตัวอยาง เปลี่ยนเปนชื่อ รูปภาพ
ในชอง Type เลือกลักษณะของขอมูล ตัวอยางเลือกเปน Character
ในชอง Width ใชสําหรับกําหนดจํานวนของตัวอักษร
โดยในกรณีนี้ใหเพิ่มฟลดจํานวน 4 ฟลดไดแก
Field Type Width
Picture Character 50
VDO Character 50
Website Character 60
Other Character 60

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 18.1 การเปลี่ยนชื่อ เลือกชนิดและจํานวนตัวอักษรของฟลด
7) คลิกปุม OK จะกลับสูหนาตางแผนที่
8) ไปที่หนาตาง Layer Control
9) ชั้นขอมูลที่เพิ่มฟลดจะไมมีในหนาตาง Layer Control ใหคลิกปุม Add
10) ระบบจะแสดงหนาตาง Add Layer s
11) เลือกชั้นขอมูล “สถานที่ราชการ” ดังภาพที่ 18.2
ภาพที่ 18.2 แสดงหนาตาง Add Layers
12) เลือกชั้นชอมูล “สถานที่ราชการ” แลวคลิกปุม OK

13) คลิกที่เครื่องมือ Info Tool แลวคลิกที่ Object 1 ครั้ง จะแสดงหนาตาง Info Tool
14) ใส ไ ดเรคทรอรี่ ห รื อ Path ที่ เก็ บ ไฟลรู ปภาพ วี ดี โอ เว็บ ไซต และไฟล อื่ นๆที่ ต อ งการทํ า
Hotlink ในคอลัมน Picture, VDO, Website และ Other ตามลําดับ ดังภาพที่ 18.2

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 18.2 การใส Path ที่เก็บไฟลที่เก็บรูปภาพ
15) ไปที่หนาตาง Layer Control

16) คลิกทีช่ ั้นขอมูลที่ไดใสไดเรคทรอรี่ เพื่อทํา Hotlink ไว
17) คลิกปุม HotLink Options. ระบบจะแสดงหนาตาง HotLink Options
ภาพที่ 18.3 แสดงหนาตาง สถานที่ราชการ Hotlink Options

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ปุม Add: เพิ่มฟลดที่ตองการทํา Hotlink
ปุม Remove: ลบฟลดที่ไมตองการทํา Hotlink ออก
ปุม Up: เลื่อนลําดับฟลดที่ตองการทํา Hotlink ขึ้น
ปุม Down: เลื่อนลําดับฟลดที่ตองการทํา Hotlink ลง
Filename Expression: เลือกคอลัมนที่ไดใสไดเรคทรอรี่หรือ Path ในการทํา Hotlink ไวให

ฟลดที่ Add เขามา
Alias Expressions: เลือกคอลัมนหรือกําหนดชื่อใหมที่ตองการใหแสดงแทนที่ไดเรคทรอรี่ลิงค
File location are relative to table location: คลิก เมื่อตองการใหระบบสรางความสัมพันธระหวางชั้น

แผนที่กับไฟลที่ตองการทํา Hotlink กรณีที่ชั้นแผนที่และไฟลที่ตองการทํา
Hotlink นั้นอยูในไดเรคทรอรีเ่ ดียวกัน
Activate HotLink on : เลือกลักษณะการทํา HotLink ดังนี้
• Labels คือ การทํา HotLink เมื่อคลิกที่ปายชื่อ
• Objects คือ การทํา HotLink เมื่อคลิกที่ Object
• Labels & Objects คือ การทํา HotLink เมื่อคลิกที่ปายชื่อหรืออ็อบเจกต
; Save options to table metadata เปนการสราง HotLink ใหกับชั้นขอมูลนี้ทุกครั้งที่เปดใชงาน
18) เมื่อตั้งคาการทํา Hotlink แลวระบบจะแสดงหนาตาง ดังภาพที่ 18.4
กําหนดชื่อใหมหรือ
ใชชื่อคอลัมน แทน
ไดเรคทรอรี่ลิงค
ภาพที่ 18.4 แสดงการตั้งคาการทํา Hotlink

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
19) จากนั้นคลิกปุม OK
20) ใชเมาสคลิกปุม สถานะของเมาสพอยเตอรจะเปลี่ยนเปนรูป ใหคลิก
ที่อ็อบเจกต 1 ครั้ง
21) ระบบจะแสดงรายชื่อไฟลที่ไดตั้งคาการทํา Hotlink ไวโดยผูใชสามารถเลือกแสดงไฟลที่
ตองการได ดังภาพที่ 18.5
ภาพที่ 18.5 แสดงการใชเครื่องมือ HotLink
22) ระบบจะแสดงไฟลตามที่ไดสราง Link ไว ตัวอยางกรณีเชื่อมโยงกับไฟลรูปภาพดังภาพที่ 18.6
ภาพที่ 18.6 แสดงภาพที่ไดจากการใชเครื่องมือ Hotlink เชื่อมโยงกับไฟลรูปภาพ

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
23) ตัวอยางกรณีเชื่อมโยงกับไฟลวีดิโอ ดังภาพที่ 18.7
ภาพที่ 18.7 แสดงภาพที่ไดจากการใชเครื่องมือ Hotlink เชื่อมโยงกับไฟลวีดิโอ
24) ตัวอยางกรณีเชื่อมโยงกับเว็บไซต ดังภาพที่ 18.8
ภาพที่ 18.8 แสดงภาพที่ไดจากการใชเครื่องมือ Hotlink เชื่อมโยงกับเว็บไซต

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 19
เครื่องมือ Google Earth Connection Utility
เครื่องมือ Google Earth Connection Utility เปนเครื่องมือที่ใช export ชั้นแผนที่แบบเวกเตอร (Vector

File) ที่มีระบบพิกัดทางภูมิศาสตร ซึ่งสรางจากโปรแกรม MapInfo Professional ไปแสดงบนโปรแกรม Google
Earth (GE) โดยจะ export ชั้นแผนที่ ไปซอนทับกับบริเวณแผนที่โลกใน GE ซึ่งจะแสดงขอมูลลักษณะสามมิติ
โดยขอมูลเวกเตอรจะ export เปนไฟลสกุล KML (Keyhole Markup Language) สามารถ export ไดทั้งขอมูลจุด
(Point) เสน (line, Polyline) พื้นที่ (Polygon) และ ตัวอักษร (Text)
19.1 ขั้นตอนการติดตั้งเครื่องมือ Google Earth Connection Utility

1) โหลดเครือ่ งมือ Google Earth Connection Utility โดยไปที่เมนู Tools> Tool Manager…
2) ระบบจะแสดงหนาตาง Tool Manager
• คลิก 5 Loaded หากตองการโหลดเครื่องมือมาใชงานเฉพาะครั้งนี้เทานั้น
• คลิก 5 Autoload หากตองการใหระบบโหลดเครื่องมือนี้ทุกครั้งที่เปดโปรแกรม ดัง
ภาพที่ 19.1 แสดงการ Add เครื่องมือ Google Earth Connection Utility
3) เครื่องมือจะถูกโหลดมาโดยอยูที่เมนู Map > Google EarthLink และ แสดงไอคอน ที่ Toolbar

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
19.2 การใชงาน Google Earth Connection Utility สําหรับ Export เปนขอมูลเวกเตอร
(KML)
1) เลือก Object ที่ตองการ export เพียงบาง object หรือ เลือก object ทั้งหมดใน Layer นั้นๆ ที่เมนู
Query > Select All from…
2) คลิกเมนู Map > Google EarthLink >Export to Google Earth หรือ คลิกไอคอน
3) จะปรากฏหนาตาง Export to Google Earth ดังภาพที่ 19.2
ภาพที่ 19.2 หนาตาง Export to Google Earth แบบเวกเตอร
~ Show View (export as static image): ขอมูลที่ export ไปยัง Google Earth จะเปนไฟลรูปภาพ
สกุลไฟล jpg
~ Show Layer (export object as KML): ขอมูลที่ export ไปยัง GE จะมีลักษณะเปนไฟล KML
4) คลิกเลือก Export selected objects (KML) แลวกด OK

5) จะปรากฏหนาตาง Export Map Objects to Google Earth ดังรูปที่ 19.3

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
เลือกคอลัมนที่ตองการให
แสดงใน Google Earth
ภาพที่ 19.3 หนาตาง Export Map Object to Google Earth
• Output Path: เลือกไดเรคทรอรี่สําหรับบันทึกไฟล KML
• File Name: ชื่อของไฟล KML
• Description: คําอธิบายชั้นแผนที่ (โปรแกรมจะใสจํานวน object ที่ export ออกไปให อัตโนมัติ)
Select the source for the Place:
• เลือกชองแรก : ระบบจะแสดง List รายชื่อของ Object เปนชื่อ MapInfo Saved Objects
• เลือกชองที่สอง : เลือกคอลัมภที่ตองการใหแสดงเปน List รายชื่อของ Object
Position objects (Height in meters):
• Follow Terrain: ใหผลลัพธที่ export ไปยัง GE สามารถแสดงลักษณะสามมิติตามภูมิประเทศ
• Height Value: การกําหนดคาระดับความสูงใหกับobject ที่เลือกไว
• Height Field: ระบุฟลดหรือคอลัมนที่ใชกําหนดความสูงของแตละ Object
• Choose Columns: เลือกคอลัมนที่ตองการใหแสดงใน Google
5 Extend objects to ground: ใหชั้นแผนที่ติดกับพื้นผิวไมลอยเหนือพื้นผิว
5 Send to Google Earth now: คลิกเครื่องหมายถูกหากตองการใหสงไปแสดงใน Google Earth โดยทันที

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
7) ขอมูลจุดและฐานขอมูลที่ผูใชเลือก export ออกไป จะแสดงใน Google Earth ดังภาพที่ 19.4
ภาพที่ 19.4 แสดงตําแหนงของขอมูลจุดและฐานขอมูลที่ Export ไปยัง Google Earth
หมายเหตุ: ตั้งแตใน MapInfo V10.0 ไดปรับปรุงรูปแบบไฟล KML ใหสนับสนุนภาษาไทย โดยรูปแบบที่บันทึก

เปนแบบ UTF-8 ทําใหไฟลที่เปดใน Google Earth นั้น สามารถแสดงภาษาไทยได

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ตัวอยางไฟลรปู แบบขอมูลที่ Export ไปยัง Google Earth

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
19.3 โปรแกรมเพิ่มเติมใหจัดเรียง Font ใหสวยงาม
เมื่อ Export ขอมูลไปยัง Google Earth แลวนั้น ผูใชสามารถสงไปไดทั้งขอมูลที่เปนกราฟก และ
ฐานขอมูล ซึ่งหากฐานขอมูลเปนภาษาไทยก็สามารถแสดงภาษาไทยได แตลักษณะการจัดเรียงตัวอักษร จะไม
คอยสวยงาม และไมคอยเปนระเบียบ มีวิธีแกไข ดังนี้
1) คลิกเมนู Start > Run แลวพิมพ regedit
2) จะปรากฏหนาตาง Registry Editor ใหเลือกเมนู File > Import แลวเลือกไฟล Thai_for_GE.reg
3) ระบบจะแสดงหนาตางวา “Information in C:\......has been successfully entered into the registry>”
กด OK ก็จะสามารถแสดงภาษาไทยใน Google Earth ไดอยางสวยงาม ดังภาพที่ 19.8
ภาพที่ 19.8 แสดงหนาตางขอมูลภาษาไทยของจุดที่แสดงบน Google Earth
หมายเหตุ: ไฟล Thai_for_GE.reg สามารถ Download ไดที่ www.thaigoogleerath.com

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 20
การวิเคราะหขอมูลดวยแผนที่เฉพาะเรื่อง (Thematic Map)
การวิเคราะหขอมูลดวยแผนที่เฉพาะเรื่อง คือ การวิเคราะหขอมูลทางภูมิศาสตร โดยกระบวนการใหสี
ขนาด แบบรูป (Pattern) หรือสัญลักษณตางๆ เพื่อบอกเรื่องราว (Theme) อ็อบเจกตบนแผนที่ ขอมูลที่นําเสนอบน
แผนที่เฉพาะเรื่องเหลานี้เปนไดทั้งขอมูลเชิงคุณภาพและปริมาณ ขอมูลเชิงคุณภาพสามารถแสดงในรูปแบบของ
แผนที่โคโรเพลท (Choroplate) แตละหนวยพื้นที่จะแสดงคาขอมูลเดียวกัน เชน แผนที่ดิน แผนที่การใชที่ดนิ
แผนที่แสดงผลการสํามะโนประชากร เปนตน สวนขอมูลเชิงปริมาณสามารถนํามาจําลองเปนเสนเทาหรือสราง
เปนพื้นผิวตอเนื่อง โดยกําหนดคาขอมูลเปนตัวเลขหรือพิสัย (Range) แสดงความแตกตางของพื้นที่ดวยเสนเทา
(Isoline) ที่ลากเชื่อมจุดตางๆ ที่มีคาเทากัน เชน แผนที่เสนชั้นความสูง (Contour Line) แผนที่เสนชั้นความกด
อากาศ เปนตน สําหรับ MapInfo เวอรชั่น 8.0 นั้นไดสนับสนุนการวิเคราะหขอมูลดวยแผนที่เฉพาะเรื่อง
(Thematic Map) มากขึ้น อาทิเชน สามารถแสดงแผนที่เฉพาะเรื่อง (Thematic Map) ประเภท Ranges และ
Individual ซอนทับกันไดกรณีที่เลือกรูปแบบ Region Style เปนโปรงใส, สามารถจัดเรียงรายชื่อแผนที่เฉพาะ
เรื่อง (Thematic Map) แบบ Individual และกําหนดรูปแบบการแสดงคําอธิบายสัญลักษณ (Legend) ใน Frame
ได และ เพิ่ม Template ในการสรางแผนที่เฉพาะเรื่องมากขึ้น เปนตน จนกระทั่ง MapInfo เวอรชั่น 8.5 ได
สนับสนุนการวิเคราะหขอมูลดวยแผนที่เฉพาะเรื่อง (Thematic Map) มากขึ้นอีก คือ สามารถบันทึกชั้นแผนที่
Thematic ไวกับ Table โดยทีไ่ มตองบันทึกเปน Workspace ทําใหอํานวยความสะดวกใหกับผูใชไดมากขึ้น
รูปแบบของแผนที่เฉพาะเรื่องมี 7 แบบดวยกัน คือ
1) การใหสีตามคาขอมูล (Range)
2) กราฟแทง (Bar Chart)
3) กราฟวงกลม หรือกราฟครึง่ วงกลม (Pie Chart / Haft Pie Chart)
4) การใหคาตามขอมูลดวยสัญลักษณที่มีขนาดตาง ๆ กัน (Graduate)
5) การแทนคาขอมูลดวยความหนาแนนของจุด (Dot Density)
6) การใหสีตามกลุมขอมูล (Individual Shading)
7) สรางเปนแผนที่กริด (Grid) หรือแผนที่ที่มีเฉดสีตอเนื่องโดยไมมีขอบเขต
แผนที่เฉพาะเรื่อง ที่สรางดวยวิธีการใหสีตามคาขอมูลการใหสีตามกลุมขอมูล การแทนคาขอมูลดวย

ความหนาแนนของจุด และการใหคาตามขอมูลดวยสัญลักษณที่มีขนาดตาง ๆ กัน เปนรูปแบบการทําแผนที่จาก
ขอมูลเพียง 1 ชุด อาทิ เชน

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
• แผนที่ ที่ใหสีตามคาขอมูล (Range Map) จะแบงคาของขอมูลที่อยูในสดมภหนึ่ง หรือชุดหนึ่ง
ออกเปนพิสัย (Range) และกําหนดสีใหกับขอมูลแตละพิสัยเพื่อใหแผนที่แสดงสีตามคาขอมูลที่อยูในพิสัย
เหลานั้น ซึ่ง MapInfo ไดแบงการกําหนดพิสัยออกเปน 6 ลักษณะ ดังนี้
1) พิสัยจํานวนเทา (Equal Count) คือการจัดขอมูลที่มีคาเทากันใหอยูในพิสัยเดียวกัน โดยจํานวน
ความถี่หรือจํานวนขอมูลในแตละคาพิสัยจะถูกนับเขาไวในพิสัยแตละพิสัยจะมีจํานวนเทากันหรือมีจํานวน
ใกลเคียงกัน เชน ถาจํานวนขอมูลมี 100 เรคคอรด กําหนดคาพิสัยไว 4 ชวงคาขอมูลในแตละชวงพิสัยถูกเฉลี่ยใน
แตละชวง ๆ ละ 25 เรคคอรด ซึ่งจะแตกตางกับการจัดพิสัยลักษณะที่สอง คือ
2) พิสัยชวงเทา (Equal Range) ซึ่งจะกําหนดคาต่ําสุด – สูงสุดของแตละพิสัยไว โดยความตาง
ของคาสูงสุดและต่ําสุดจะเทากัน คาขอมูลในเรคคอรดใดตรงกับชวงคาพิสัยใดก็จะถูกจัดเขาไปอยูในชวงพิสัย
นั้น
3) พิสัยตามธรรมชาติ (Natural Break) การสรางพิสัยทางขั้นตอนวิธี Algorithm โดยจะมีการ
เรียงลําดับขอมูลเมื่อมีการกําหนดจํานวนพิสัย คาขอมูลใดจะอยูในชวงพิสัยใด ขึ้นอยูกับวาคาขอมูลนั้นมีเกาะ
กลุมกับคาเฉลี่ยเลขคณิตในพิสัยใด ซึ่งเปนวิธกี ารที่จะนําเสนอขอมูลที่ในลักษณะที่ใชคาเฉลี่ยของแตละชวงพิสัย
เปนตัวแทนของขอมูลทั้งหมด
4) พิสัยคอวไทล (Quantiling) จะสรางพิสัยโดยใชตําแหนงขอมูลที่อยูตรงคาควอไทล
(Quantiling) ของตัวแปรมาใชแบงพิสัยของขอมูลชุดนั้น เพื่อดูการกระจายตัวของขอมูลตามตัวแปรนั้นๆ ในแผน
ที่ เชน ใชคาควอไทลแบงประชากรทั้งหมดเปนสี่สวนแลวใหตวั แปรประชากรเมืองมาวาดเปนแผนที่เพื่อแสดง
การกระจายความเปนเมืองของรัฐตาง ๆ
5) คากลาง (Mean) คือ การใชสรางพิสัย โดยจะตัดพิสัยตรงกลางที่คาเฉลี่ยเลขคณิตของขอมูล
ทั้งหมด จากนั้นพิสัยที่อยูดานบนและดานลางของจุดที่ตัดครั้งแรกนี้จะถูกตัดชวงออกอีกดวยคาเฉลี่ยเชนกัน
6) กําหนดเอง (Custom) คือ การกําหนดคาพิสัยโดยไมใชหลักการทางสถิติใด ๆ หากแตจะ
กําหนดตามความพอใจของผูท ําแผนที่
• แผนที่กราฟแทง (Bar Chart Map) คือ วิธีการนําเสนอขอมูลหลาย ๆ ชุดที่เกี่ยวของกัน เพื่อแสดง

การเปรียบเทียบคาขอมูลเหลานั้นบนพื้นที่เดียว ผลที่แสดงจะเปนกราฟแทง
• แผนที่กราฟวงกลม (Pie Chart Map) คือ วิธีการนําเสนอขอมูลหลาย ๆ ชุดที่เกี่ยวของกัน เพื่อ
แสดงการเปรียบเทียบคาขอมูลเหลานั้นบนพื้นที่เดียว ผลที่แสดงจะเปนกราฟวงกลม
• แผนที่จุดหนาแนน (Dot Density Map) คือ รูปแบบแผนที่เฉพาะเรื่องที่แสดงถึงความหนาแนน
เชน ความหนาแนนของประชากรตอพื้นที่ เปนตน

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
• แผนที่จุดตางขนาด (Graduated Map) คือ แผนที่เฉพาะเรื่องที่แสดงถึงการเจริญเติบโต ทั้งแผน
ที่จุดหนาแนนและจุดที่ตางขนาดกัน มีประโยชนในการแสดงถึงความหนาแนนทางภูมิศาสตร แตละจุดที่อยูใน
แผนที่จุดหนาแนน จะแสดงถึงจํานวนความหนาแนนทางภูมิศาสตร อธิบายไดดังนี้ จุดในแผนที่จุดหนาแนน จะ
แสดงจํานวนคงที่จํานวนหนึ่ง หมายความวายิ่งมีจุดในแผนที่มากเทาใด ก็แสดงคาที่สูงมากขึ้นที่อยูในพื้นที่นั้น
สวนแผนที่จดุ ตางขนาดจะแสดงคาขอมูลในแตละแผนที่ดวยสัญลักษณ ๆ แตละตัวจะมีขนาดเปนสัดสวนตาม
คาที่ตรงกับพื้นที่นั้น ๆ
• แผนที่วาดตามกลุมขอมูล หรือบางครั้งเรียกก็เรียกวา แผนที่คาเฉพาะ (Individual Values หรือ
Value Shading) จะเนนที่การนําเสนอเพื่อจัดกลุมพื้นที่ทางภูมิศาสตรเปนกลุมยอย ๆ วาพื้นที่เหลานี้มีคุณสมบัติ
อยางใดอยางหนึ่งรวมกัน แผนที่ Value Shading จะกําหนดสี แบบรูป หรือขนาดใหแกขอมูลแตละชวงพิสัยนั้น
สามารถสรางไดบนแมปออปเจกตที่เปน จุด เสน หรือพื้นที่ เชน จุดของเมือง ซึ่งมีขนาดตางกันตามชั้นของ
เมืองหลวง จังหวัด อําเภอ เปนตน หรือถาเปนเสน ก็กําหนดสีหรือขนาดของเสนทางหลวงระหวางประเทศ
ทางหลวงระหวางภาค ทางหลวงระหวางจังหวัด ทางหลวงระหวางอําเภอ หรือ เสนทางน้ําที่มีขนาดและ
ความสําคัญตางกัน รวมทั้งถนนทั่วไป ซึ่งหากมีการสรางเฉดสีบนพื้นที่ ก็จะเรียกวา แผนที่โคโรแพลท แผนที่
ชนิดนี้ไดใชวิธีทางปริมาณวิเคราะหมากําหนดพิสัยหรือชวงชั้นของขอมูล
• แผนที่กริด (Grid Map / No Boundary Map) คือ แผนที่ ที่สรางเปนเซลลสี่เหลี่ยมเล็กๆ ติดตอกัน
ในลักษณะพิกเซลในรูปภาพที่สแกนเขามา แตละสี่เหลี่ยมแทนดวยคา ๆ หนึ่ง คาเหลานั้นจะนํามาประมาณคา
ดวยวิธีการตาง ๆ จากแผนที่จุดที่มีคา ขอมูลประเภทตัวเลขบรรจุอยู เชน แผนที่จุดความสูง นํามาสรางเปนแผนที่
แสดงความลาดเอียง หรือความสูงต่ําของภูมปิ ระเทศ หรือแผนที่สถานีวัดอากาศ ก็นํามาสรางเปนแผนที่แสดง
ภูมิอากาศ เปนตน

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
20.1 การวิเคราะหขอมูลดวยแผนที่เฉพาะเรื่อง มีขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
ขั้นแรกตองเปดชั้นแผนที่ (Table) ที่ตองการสรางแผนที่เฉพาะเรื่อง ในที่นี้คือ ชั้นแผนที่
Subdistrict.Tab โดยไปที่เมนู File > Open > Subdistrict.tab ระบบจะแสดงหนาตางดังภาพที่ 20.1
ภาพที่ 20.1 แสดงหนาตางชั้นแผนที่ District
20.1.1 การใหสีตามคาขอมูล (Range)

1) ไปที่เมนู Map > Create Thematic Map ดังภาพที่ 20.2
ภาพที่ 20.2 แสดงการเขาสูเมนู Create Thematic Map

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
2) ระบบจะแสดงหนาตาง Create Thematic Map - Step 1 of 3 ดังภาพที่ 20.3
ภาพที่ 20.3 แสดงหนาตาง Create Thematic Map - Step 1 of 3
3) คลิกปุม Range เลือกรูปแบบ Template และ คลิกปุม Next

4) ระบบจะแสดงหนาตาง Create Thematic Map - Step 2 of 3 ในชอง Table ใหเลือกชั้นขอมูลที่
ตองการทําเฉดสี
5) ในชอง Filed ใหเลือก ฟลด ที่ตองการทําเฉดสี ดังภาพที่ 20.4
ภาพที่ 20.4 แสดงการเลือกชั้นขอมูลและ ฟลด ที่ตองการทําเฉดสี
6) คลิกปุม Next ระบบจะแสดงหนาตาง Create Thematic Map - Step 3 of 3 เพื่อแสดงรูปแบบ

และตั้งคา ดังภาพที่ 20.5

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
กําหนดคาพิสัย
กําหนดรูปแบบและเฉดสี
กําหนดขอความ
คําอธิบายสัญลักษณ
กําหนดจํานวนแถวของ
คําอธิบายสัญลักษณ กําหนดขนาด
กําหนดใหบันทึกชั้นแผนที่
Thematic ไวกบั Table
ภาพที่ 20.5 หนาตาง Create Thematic Map - Step 3 of 3
7) คลิกปุม ระบบจะแสดงหนาตาง Customize Ranges เพื่อกําหนดคาพิสัย ดัง

ภาพที่ 20.6 หนาตาง Customize Ranges

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
8) คลิกปุม ระบบจะแสดงหนาตาง Customize Range Styles เพื่อกําหนดรูปแบบ
และเฉดสี ดังภาพที่ 20.7
ภาพที่ 20.7 หนาตาง Customize Range Styles
9) คลิกปุม ระบบจะแสดงหนาตาง Customize Legend เพื่อกําหนดรูปแบบและ

ขอความที่แสดงในหนาตางคําอธิบายสัญลักษณ (Legend) ดังภาพที่ 20.8
ภาพที่ 20.8 หนาตาง Customize Legend

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
10) สามารถใสตัวเลขในชอง Number of Columns เพื่อกําหนดจํานวนแถวในหนาตางคําอธิบาย
สัญลักษณ (Legend) เชน กําหนดเปนเลข 2 ระบบจะแสดงหนาตางคําอธิบายสัญลักษณดังภาพที่ 20.9
ภาพที่ 20.9 แสดงผลลัพธจากการกําหนดตัวเลขในชอง Number of Columns
11) คลิกเพื่อกําหนดขนาดคําอธิบายสัญลักษณในชอง Swatch Size โดยสามารถเลือกรูปแบบ Font

Size, Small หรือ Large ได ดังภาพที่ 20.10
ภาพที่ 20.10 แสดงการเลือกรูปแบบเพื่อกําหนดขนาดคําอธิบายสัญลักษณ

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ตั้งแตในเวอรชั่น 8.5 เรื่องการสราง Thematic map นั้นไดเพิ่มสวน Associate Theme with
Table ซึ่งใชสําหรับบันทึกชั้นแผนที่ Thematic ไวกับ Table โดยที่ไมตอง Save Workspace
• Save As Default Theme View : บันทึกชั้นแผนที่

Thematic ไวกับ Table
• Remove Default Theme View : ยกเลิกการบันทึกชั้น

แผนที่ Thematic ไวกับ Table
ภาพที่ 20.11 หนาตาง Modify Thematic Map
แตทั้งนี้ผูใชจะตองตั้งคาที่เมนู Options > Preferences > Map Window > แท็บ Display และคลิก
เครื่องหมายถูกที่ Automatically Open Default Theme กอนการใชงาน
ภาพที่ 20.12 หนาตาง Map Window Preferences

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
12) เมื่อกําหนดรายละเอียดตาง ๆ แลว คลิกปุม OK
13) ระบบจะแสดงเฉดสีการใหคาขอมูลบนหนาตางแผนที่ ดังภาพที่ 20.13
14) คลิกปุม Show/Hide Legend เพื่อแสดงหนาตางคําอธิบายสัญลักษณ
ภาพที่ 20.13 แผนที่การใหสีตามคาขอมูล
15) ในหนาตาง Layer Control จะปรากฏชั้นแผนที่ ที่ไดจากการทํา Thematic Map ดังภาพที่ 20.14
ภาพที่ 20.14 หนาตาง Layer Control

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
16) สามารถทําการแกไขเปลี่ยนแปลงรูปแบบไดโดยดับเบิ้ลคลิกที่เลเยอร Thematic ดังภาพที่ 20.15
ภาพที่ 20.15 การแกไข Thematic Map ในหนาตาง Layer Control
20.1.2 กราฟแทง (Bar Chart)

1) ไปที่เมนู Map > Create Thematic Map
2) ระบบจะแสดงหนาตาง Create Thematic Map - Step 1 of 3
3) คลิกปุม Bar Chart และคลิกปุม Next ดังภาพที่ 20.16
ภาพที่ 20.16 หนาตาง Create Thematic Map - Step 1 of 3 การเลือก Bar Chart

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
4) ระบบจะแสดงหนาตาง Create Thematic Map - Step 2 of 3 ในชอง Table ใหเลือกชั้นขอมูลที่
ตองการแผนภูมิแทง
5) ในชอง Fields from Table ใหเลือก ฟลด ที่ตองการทําแผนภูมิแทง และคลิกปุม Add ระบบ
จะนําฟลด ที่เลือกไปแสดงในสวน Field for Pie/Bar Chart ใหอัตโนมัติ ดังภาพที่ 20.17
ภาพที่ 20.17 การเลือก ฟลด ที่ตองการทําแผนภูมิแทง

6) คลิกปุม Next ระบบจะแสดงหนาตาง Create Thematic Map - Step 3 of 3 ดังภาพที่ 20.18

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
7) คลิกปุม OK ระบบจะแสดงแผนภูมิแทงแสดงการเปรียบเทียบจํานวนประชากรชายและ
ประชากรหญิง ดังภาพที่ 20.19
ภาพที่ 20.19 แผนที่การทํากราฟแทง
20.1.3. กราฟวงกลม หรือกราฟครึ่งวงกลม (Pie Chart / Haft Pie Chart)

กราฟวงกลม หรือกราฟครึง่ วงกลม (Pie Chart / Haft Pie Chart) มีขั้นตอนการทํางานเหมือนกราฟแทง
แตแตกตางกันที่หนาตาง Create Thematic Map - Step 1 of 3 โดยมีขั้นตอนดังนี้
3) คลิกปุม Pie Chart และคลิกปุม Next ดังภาพที่ 20.20

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
1) เมื่อทําทุกขั้นตอนเรียบรอยแลว ระบบจะแสดงผลบนหนาตางแผนที่ในลักษณะวงกลม และ
ครึ่งวงกลม ดังภาพที่ 20.21
ภาพที่ 20.21 แผนที่การทํากราฟวงกลม
20.1.4. การใหคาตามขอมูลดวยสัญลักษณที่มีขนาดตาง ๆ กัน (Graduate)

2) ระบบจะแสดงหนาตาง Create Thematic Map - Step 1 of 3 คลิกปุม Graduated และคลิกปุม
Next ดังภาพที่ 20.22
ภาพที่ 20.22 หนาตาง Create Thematic Map - Step 1 of 3 เลือก Graduated

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
4) ในชอง Table ใหเลือกชั้นขอมูลที่ตองการแสดงคาดวยสัญลักษณ
5) ในชอง Field ใหเลือก ฟลด ที่ตองการแสดงคาดวยสัญลักษณ
ภาพที่ 20.23 การเลือกชั้นขอมูลและ ฟลด ที่ตองการแสดงคาดวยสัญลักษณ

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
7) ตั้งคาตาง ๆ ใหเรียบรอย แลวคลิก OK ระบบจะแสดงแผนที่ดังภาพที่ 20.25
ภาพที่ 20.25 แผนที่การใหคาตามขอมูลดวยสัญลักษณที่มีขนาดตาง ๆ กัน (Graduate)
20.1.5. การแทนคาขอมูลดวยความหนาแนนของจุด (Dot Density)

2) ระบบจะแสดงหนาตาง Create Thematic Map - Step 1 of 3 เลือก Dot Density ดังภาพที่ 20.26
ภาพที่ 20.26 การเลือก Dot Density

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
3) คลิกปุม Next ระบบจะแสดงหนาตาง Create Thematic Map - Step 2 of 3 เพื่อเลือกชั้นขอมูล
และฟลดที่ตองการแทนคาขอมูลดวยความหนาแนนดวยจุด
5) คลิก OK ระบบจะแสดงคาของความหนาแนนดวยจุด ดังภาพที่ 20.28
ภาพที่ 20.28 แสดงการแทนคาของความหนาแนนดวยจุด

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
20.1.6. การใหสีตามกลุมขอมูล (Individual)
2) ระบบจะแสดงหนาตาง Create Thematic Map - Step 1 of 3 คลิกปุม Individual ดังภาพที่
20.29
ภาพที่ 20.29 แสดงการเลือก Individual

3) คลิกปุม Next ระบบจะแสดงหนาตาง Create Thematic Map - Step 2 of 3 เพื่อเลือกชั้นขอมูล
และฟลดที่ตองการแทนคาขอมูล
รูปที่ 20.30 หนาตาง Create Thematic Map - Step 3 of 3

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
5) คลิกปุม OK ระบบจะแสดงการใหสีตามคาของขอมูล ดังภาพที่ 20.31
ภาพที่ 20.31 แผนที่การใหสีตามกลุมขอมูล
6) ตั้งแต MapInfo เวอรชั่น 8.0 เปนตนมา ไดเพิ่มความสามารถในการจัดเรียงรายชื่อในหนาตาง

คําอธิบายสัญลักษณ (Legend) ได โดยคลิกเลือก Legend Label Order แบบ Custom > Order ดังภาพที่ 20.32
ภาพที่ 20.32 แสดงการจัดเรียงรายชื่อในหนาตาง Legend

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
20.1.7. การสรางแผนที่กริด (Grid) หรือแผนที่ที่มีเฉดสีตอ เนื่องโดยไมมีขอบเขต
แผนที่กริด คือ การสรางแผนที่จากขอมูลที่เปนเวกเตอร ใหเปนแผนที่ราสเตอร และตองมีขอมูลเปน
Numeric โดยโปรแกรมจะสรางตารางสี่เหลีย่ มเล็ก ๆ เปนพิกเซล ตามคาตัวเลือกที่กําหนดไว แลวถายขอมูล
Numeric จากจุดลงสูกริด โดยวิธีการ IDW คือการกระจายคามากไปนอย ตามระยะทางของรัศมีจากจุดที่กําหนด
แผนที่ที่สรางจะไมไดสรางซอนไวบนแผนที่ฐาน แตจะสรางเปน ชั้นขอมูลตางหาก โดยฟอรแมตของ
ชั้นขอมูลจะเปนแบบราสเตอรที่มีนามสกุล MIG ชื่อแผนที่ที่สรางโดยปกติ จะใชชื่อชั้นขอมูลของแผนที่ฐาน
ตามดวยชื่อฟลดที่นํามาสราง
1) เปดชั้นขอมูล Province.tab และ Contour.tab
2) ไปทีเ่ มนู Map > Create Thematic Map
3) ระบบจะแสดงหนาตาง Create Thematic Map - Step 1 of 3 ใหคลิกปุม Grid ดังภาพที่ 20.33
ภาพที่ 20.33 การเลือก Grid

5) ในชอง Table ใหเลือกชั้นขอมูลที่ตองการวิเคราะห
6) ในชอง Field ใหเลือกฟลด ที่ทําการวิเคราะห
7) ในสวนของ Grid Options ในชอง Table ใหเลือกชั้นขอมูลที่กําหนดขอบเขตของกริด
8) ในชอง Grid File Name ใหเลือกไดเรคทรอรี่ ที่จะจัดเก็บ โดยการคลิกปุม Browse…

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
• Setting คือ การกําหนดวิธีการคิดชวงพิสัยซึ่งมีใหเลือกหลายแบบ เชน Avg, Count, Sum, Min
และ Max
• Styles เพื่อกําหนดวิธกี ารคํานวณพิสัยของแตละชวง, สไตลของการ Interpolator สีในแตละ
ชวง และกําหนดเงาความสูงตอของภูมิประเทศ ทิศทางของแสงอาทิตย
10) คลิกปุม OK ระบบจะแสดงหนาตางดังภาพที่ 20.36
ภาพที่ 20.36 การสรางเปนแผนที่กริด
11) ภาพที่ไดจะมีลักษณะเปนพิกเซล (ตารางกริด) ซึ่งจะมีสีแตกตางกันตามขอมูลความสูง ดังภาพที่

20.37

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 20.37 แสดงคาของขอมูลแผนที่กริด
20.1.8 การสรางแผนที่แบบ 3มิติ

การสรางแผนที่แบบ 3มิติ หรือ 3D นั้นตองอาศัยขอมูลแผนที่กริดที่สรางขึ้นในขอ 20.1.7 มีขั้นตอนการ
ทํางานดังนี้
1) จากขอมูลแผนที่กริดในภาพที่ 20.38 จะนํามาสรางเปนแผนที่ 3มิติ ไปที่เมนู Map > Create
3DMap ดังภาพที่ 20.38
ภาพที่ 20.38 การเขาสูเมนู Create 3D Map

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
2) ระบบจะแสดงหนาตาง Create 3D Map ดังภาพที่ 20.39
ภาพที่ 20.39 แสดงหนาตาง Create 3D Map
3) คลิกปุม OK ระบบจะแสดงหนาตางแผนที่สามมิติ ดังภาพที่ 20.40
ภาพที่ 20.40 การทําแผนที่ 3 มิติ

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ตั้งแตในเวอรชั่น 8.5 นั้น ไดเพิ่มความสามารถให MapInfo สามารถเลือกรูปแบบการเปดไฟลสกุล
*.Grd ซึ่งเปน กริดไฟล ที่ไดจากโปรแกรม Vertical Mapper ใหเลือกเปดไดทั้งแบบ Grid File เพื่อนําไปสราง 3D
Map ได หรือเลือกเปดแบบ Raster File โดยผูใชตองทําการตั้งคาที่เมนู Options > Preferences > System
Setting… และเลือกในสวน Display Vertical Mapper GRD files as กอนการใชงาน ดังภาพที่ 20.41
ภาพที่ 20.41 หนาตาง System Setting Preferences
สําหรับการวิเคราะหขอมูลดวยแผนที่เฉพาะเรื่องสามารถจัดเก็บการแสดงแผนที่เฉพาะเรื่องเหลานี้ได
โดยการบันทึกเปนโครงงานดวยคําสั่ง Save Workspace ที่เมนู File > Save Workspace และอาจจัดเก็บเปน
รูปภาพไดโดยการใชคําสั่ง Save Window As ที่เมนู File > Save Window As

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
20.2 การนําหนาตางคําอธิบายสัญลักษณ (Legend) แสดงในหนาตาง Map
กรณีที่มีการสรางแผนที่เฉพาะเรื่อง หรือ Thematic Map นั้น โปรแกรมจะสรางหนาตางคําอธิบาย
สัญลักษณ หรือ Legend เพื่ออธิบายถึงขอมูลที่แสดงอยู ดังที่ไดสรางมาแลวทั้ง 7 แบบขางตน แตหนาตาง
Legend จะแสดงแบบลอย ๆ อยู ดังภาพที่ 20.42
ภาพที่ 20.42 แสดงหนาตางแผนที่และหนาตางคําอธิบายสัญลักษณ
การนําหนาตางคําอธิบายสัญลักษณ (Legend) แสดงใน Map มีขั้นตอนดังนี้

1) ไปที่เมนู Tool > Tool Manager > Legend Manager
2) คลิกเครื่องหมายถูกในชอง Loaded ที่ Tool Legend Manager เพื่อโหลดเครือ่ งมือมาใช ดังภาพ
ที่ 20.43
ภาพที่ 20.43 หนาตาง Tool Manager

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
3) ไปที่เมนู Tool > Thematic Legend Manager > Embed Thematic Legend ระบบจะแสดง
หนาตางดังภาพที่ 20.44
ภาพที่ 20.44 แสดงผลลัพธจากการนําหนาตาง Legend แสดงในหนาตาง Map
4) ระบบจะนําหนาตาง Legend แสดงบนหนาตาง Map ดังภาพที่ 20.45
ภาพที่ 20.45 แสดงผลลัพธจากการนําหนาตาง Legend แสดงในหนาตาง Map

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
5) ถาตองการนําหนาตาง Legend ออกจากหนาตาง Map ไปที่เมนู Tool > Thematic Legend
Manager > Remove embedded Thematic Legend
หมายเหตุ กอนการใชคําสั่ง Tool > Thematic Legend Manager > Embed Thematic Legend
ผูใชจะตองคลิกที่หนาตาง Map เพื่อใหการทํางานมาอยูที่หนาตาง Map กอนเสมอ
20.3 การสรางแผนที่ 3มิติแบบ Prism Map

การสรางแผนที่ 3 มิติแบบ Prism Map จะตองใชขอมูลที่เปนพื้นที่รูปปด (Polygon) เทานั้น และขอมูล
ที่ใชในการสรางจะตองเปนขอมูลที่เปนตัวเลข มีขั้นตอนดังนี้
ตัวอยางใชชั้นแผนที่ District จังหวัดนนทบุรี โดยจะใชขอมูลจํานวนประชากร มาสราง ระบบจะ
แสดงหนาตางแผนที่ดังภาพที่ 20.46
ภาพที่ 20.46 หนาตางแผนที่จังหวัดนนทบุรี

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ขั้นตอนการสราง Prism Map
1) ไปที่เมนู Map > Prism Map ระบบจะแสดงหนาตาง Create Prism Map ดังภาพที่ 20.47
เลือกชั้นแผนที่ทจี่ ะสราง
Prism Map เลือกคอลัมนที่มีขอมูลที่จะ
นํามาสราง Prism Map
ภาพที่ 20.47 หนาตาง Create Prism Map

2) คลิกที่ปุม OK
3) ระบบจะแสดงหนาตางแผนที่ที่สรางเปน Prism Map ดังภาพที่ 20.48
ภาพที่ 20.48 หนาตางแผนที่ 3มิติ แบบ Prism Map
วิธีการจัดเก็บหนาตางแผนที่ แบบ Prism Map มี 2 วิธีคือ

- การบันทึกโดยใชคําสั่ง File> Save Workspace
- การบันทึกเปนไฟลรูปภาพ ดวยคําสั่ง File > Save Window As

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 21
การสืบคนขอมูลดวย SQL Select
21.1 การใชคําสั่ง SQL Select

SQL Select ใชสําหรับการคนหาขอมูลมากกวา 1 ชั้นขอมูล และสามารถจัดกลุมขอมูลได ภาษาที่ใช
ในการคนหา เรียกวา SQL ซึ่งเปนมาตรฐานของภาษาที่ใชในฐานขอมูลเชิงสัมพันธ ดังนั้น SQL Select จึงเปน
คําสั่งที่ใชงานไดกวางและซับซอนกวา Select มีขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
1) ไปที่เมนู Query > SQL Select
2) ระบบจะแสดงหนาตาง SQL Select ดังภาพที่ 21.1
ภาพที่ 21.1 แสดงหนาตาง SQL Select
คําอธิบายความหมาย หนาตาง SQL Select

Select Columns คือ เลือกฟลดที่ตองการแสดง หรือสรางฟลดใหมเพื่อบรรจุขอมูลที่คนหา ถาใส
เครื่องหมาย * หมายความวา ใหแสดงขอมูลในทุกฟลดในชั้นขอมูลที่เลือกไว
From Tables คือ เลือกชั้นขอมูลที่ตองการคนหาขอมูลโดยการเลือกจากรายการในชอง Table
Where Condition คือ การสรางเงื่อนไขในการคนหาขอมูลโดยการใช Column Operator หรือ
Function จากรายการในการสรางประโยคเพื่อคนหาขอมูลในชองนี้
Group by Columns คือ การจัดกลุมขอมูลตาม ฟลด ที่กําหนด โดยใน ฟลด นั้น ตองมีการจัดกลุมของ
ขอมูลดวยจึงจะใชคําสั่งในชองนี้ได เชนชั้นขอมูลของอําเภอ มีการสราง ฟลด
เก็บขอมูลวาในแตละอําเภออยูในจังหวัดอะไรบาง

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
Order by Columns คือ การจัดเรียงขอมูลตามลําดับของ ฟลดที่กําหนด เชน ตองการเรียงขอมูล
จากมากไปหานอยโดยการใส Desc หลังฟลดหือคอลัมนที่เลือก
Into Table Named คือ การตั้งชื่อชั้นขอมูลที่จะบรรจุผลการเลือกโดย Default จะเปน Selection เมื่อมี
การแสดงผลในตารางฐานขอมูลชื่อของตารางฐานขอมูล จะเปลี่ยนเปนชื่อ Query
Browse Results คือ ชองที่ตองการใหแสดงตารางฐานขอมูลหรือไม
Table คือ ชองที่เก็บชั้นขอมูลที่เปดเพื่อใชในการคนหาขอมูล
Columns คือ ชองที่เก็บคอลัมนหรือ ฟลด ของชั้นขอมูลทั้งหมดที่เปด
Operator คือ ชองที่เก็บเครื่องหมายทางคณิตศาสตร ที่ใชสรางเงื่อนไข ตัวอยางเชน
Contains ใชในกรณีที่อ็อบเจกตขนาดใหญบรรจุอ็อบเจกตขนาดเล็กโดยจุดศูนยกลาง Object
เล็กตองอยูภายในอ็อบเจกตใหญ
Contains Entire ใชในกรณีที่อ็อบเจกตขนาดใหญบรรจุอ็อบเจกตขนาดเล็ก โดยอ็อบเจกตขนาด
เล็กตองอยูภายในอ็อบเจกตขนาดใหญทั้งหมด
Within Object A within Object B โดย Object A มีขนาดเล็กกวา B ใชในกรณีที่จุด
ศูนยกลางของ A อยูในขอบเขตของ อ็อบเจกต B
Entirely Within Object A Entirely Within Object B โดยอ็อบเจกต A มีขนาดเล็กกวา B และ
ขอบเขตของ A อยูภายในขอบเขตของ B
Intersect Object A Intersect Object B โดยอ็อบเจกต A และ B มีสวนหนึ่งสวนใดซอนทับ
กันหรืออ็อบเจกตอันหนึ่งอยูภายในอ็อบเจกต อีกอันหนึ่งทั้งหมด
Aggregates มีฟงกชั่นอยู 6 ชนิด โดยฟงกชั่นเหลานี้จะใชคูกับการ Group by Column โดยมี
รายละเอียดดังนี้
• Average คํานวณคาเฉลี่ยของขอมูลในคอลัมนหรือ ฟลด ที่กําหนดไวใน Group by
• Count(*) นับจํานวนเรคคอรดหรือแถว ที่ Group by
• Max หาคาสูงสุดที่อยูในคอลัมนที่ทํา Group by
• Min หาคาต่ําสุดที่อยูในคอลัมนที่ทํา Group by
• Sum คํานวณจํานวนรวมของคาขอมูลในคอลัมนที่ทํา Group by
• WtAvg คํานวณคาเฉลี่ยที่ Weigth น้ําหนักตามคอลัมนที่ทํา Group by
Functions เปนชองที่เก็บรายละเอียดฟงกชั่นตาง ๆ เชน

• Area เปนฟงกชั่นในการหาพื้นที่
• Centroidx เปนฟงกชั่นในการหาจุดศูนยกลางในแกน X
• Centroidy เปนฟงกชั่นในการหาจุดศูนยกลางในแกน Y

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
Save Template เปนการบันทึกเงื่อนไขที่เราสรางขึ้นเปนชื่อใหมโดยมีสกุล .qry
Load Template เปนการเรียกขอมูลที่บันทึกเปนสกุล .qry ขึ้นมาใช โดยไมสรางเงื่อนไขใหม
Clear เปนการ Clear รายละเอียดเงือ่ นไงที่สราง เพื่อตองการสรางเงื่อนไขใหม
Verify เปนการเช็คความถูกตองของ Syntax
ตัวอยางรูปแบบการใชคําสั่ง SQL Select
ตัวอยางที่ 1. ถาตองการทราบจํานวนหมูบานที่อยูในอําเภอ “ไทรนอย” และ “บางบัวทอง” โดยให

แสดงผลลัพธเฉพาะขอมูลชื่ออําเภอและชื่อหมูบานมีขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
1) เปดชั้นขอมูลที่ตองการคนหา คือ ชั้นขอมูล District และ Village
3) ในชอง from Table เลือกชั้นขอมูลที่ตองการคนหา คือ District และ Village
4) ในชอง where condition District.obj Contains Village.Obj And District.AMPHOE in ("
ไทรนอย", "บางบัวทอง")
5) ในชอง Select Columns เลือกคอลัมนที่ตองการใหแสดงผลลัพธ คือ District.AMPHOE และ
Village.Muban
ภาพที่ 21.2 แสดงเงื่อนไขของการคนหา

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6) เมื่อตรวจสอบความถูกตองแลว คลิกตกลง ระบบจะทําการคนหาหมูบานที่อยูในอําเภอไทร
นอยและบางบัวทอง ดังภาพที่ 21.3
ภาพที่ 21.3 แสดงหนาตางตารางฐานขอมูลและหนาตางแผนที่ที่คนหา
ตัวอยางที่ 2. การหาจํานวนผลตางของประชากรชายและจํานวนประชากรหญิงในแตละตําบลของ
อําเภอเมืองนนทบุรี โดยใหแสดงผลลัพธ คือ ชื่ออําเภอ, ชื่อตําบล, จํานวนประชากรชาย, จํานวนประชากรหญิง
และ ผลตางของจํานวนประชากรชายและจํานวนประชากรหญิง มีขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
1) เปดชั้นขอมูลที่ตองการคนหา คือ ชั้นขอมูล Subdistrict
3) ในชอง from Table เลือกชั้นขอมูลที่ตองการคนหา คือ Subdistrict
4) ในชอง where condition กําหนดเงื่อนไข AMPHOE = "เมืองนนทบุรี"
5) ในชอง Select Columns ใสชื่ออําเภอ, ชื่อตําบล, จํานวนประชากรชาย, จํานวนประชากรหญิง
และ จํานวนประชากรชาย – จํานวนประชากรหญิง คือ TAMBOL, AMPHOE, TOTAL_MALE,
TOTAL_FEMALE, (TOTAL_MALE - TOTAL_FEMALE)

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 21.4 แสดงเงื่อนไขของการคนหา
6) เมื่อตรวจสอบความถูกตองแลว คลิกตกลง ระบบจะทําการคนหาตามเงื่อนไข ดังภาพที่ 21.5
ภาพที่ 21.5 แสดงหนาตางตารางฐานขอมูลที่ไดจากการคนหา
ตัวอยางที่ 4. กรณีที่ตองการทราบวาถนนหมายเลข 306 ตัดผานตําบลใดบาง มีขั้นตอนการทํางาน ดังนี้

1) เปดชั้นแผนที่ที่ตองการ คือชั้นขอมูล Subdistrict และ Road
2) ไปทีเ่ มนู Query > SQL Select
3) ในชอง from Table เลือกชั้นขอมูลที่ตองการคือ Road และ Subdistrict

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
4) ในชอง Where condition คือ Road.ROUTE_NO = "306" And Road.obj Intersects
Subdistrict.obj ดังภาพที่ 21.6
ภาพที่ 21.6 การกําหนดเงื่อนไขใน SQL Select
5) คลิกที่ Versify เพื่อตรวจสอบความถูกตองของเงือ่ นไข คลิก OK

6) ระบบจะแสดงผลลัพธที่ได ดังภาพที่ 21.7
ภาพที่ 21.7 ผลลัพธที่ไดจากการสอบถาม
7) ผลที่ไดระบบจะนํา 2 ตารางฐานขอมูลมาตอกัน ทําใหจํานวนคอลัมนเพิ่มขึ้น

8) ถาผูใชเพิ่มเงื่อนไข โดยใหมีการ Group ขอมูลที่ซ้ํากัน ดวยคําถามสั่ง Group By Column

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
9) กําหนดเงื่อนไข ใหแสดงเฉพาะคอลัมนที่ตองการ โดยกําหนด Select Column
10) และกําหนดใหเรียงลําดับขอมูลตามชื่อถนน โดยกําหนด Order by Columns ดังภาพที่ 21.8
เลือกเฉพาะคอลัมนที่ตอ งการ
ใหแสดงในหนาตางผลลัพธ
Group ตามคอลัมนที่กําหนด
เรียงลําดับขอมูลตาม
คอลัมนที่กําหนด
ภาพที่ 21.8 การกําหนดเงื่อนไขใน SQL Select
11) คลิก Ok ระบบจะแสดงหนาตางตารางฐานขอมูล ดังภาพที่ 21.9
ภาพที่ 21.9 หนาตางตารางฐานขอมูลที่ไดจากการ Group Column และ Select Column

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 22
การแปลงไฟลขอมูล
22.1 การแปลงไฟลขอมูลดวยคําสั่ง Universal Translator

เครื่องมือ Universal Translator เปน MapBasic Application ใชเพื่อการในการแปลงไฟลขอมูลในระบบ GIS
โดยสามารถที่จะนําเขา และสงออกขอมูล Vector ซึ่ง Universal Translator สนับสนุนไฟล ดังนี้
• AutoCAD DWG/DXF
• ESRI ArcInfo Export (E00) (read and write)
• ESRI Shape
• Integraph/MicroStation Design
• MapInfo MID/MIF
• MapInfo TAB
• Spatial Data Transfer (SDTS) (read only)
• Vector Product Format (VPF) (read only)
การเรียกใชเครื่องมือ Universal Translator ทําไดโดยการโหลดเครื่องมือไวบนเมนู Tool โดยคลิกที่เมนู Tool

> Tool Manager ระบบจะแสดงหนาตาง Tool Manager ใหคลิก 9 ที่ Load และ Autoload ดังภาพที่ 22.1
ภาพที่ 22.1 หนาตาง Tool Manager

โดยปกติเมื่อผูใชติดตั้งโปรแกรม MapInfo Professional ระบบจะทําการ Autoload เครื่องมือนี้ใหอยูที่เมนู
Tool อยูแลว คือ Tool > Universal Translator

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
เมื่อผูใชโหลดเครื่องมือแลว ใหไปที่เมนู Tool > Universal Translator > Universal Translator ระบบจะแสดง
หนาตาง Universal Translator ดังภาพที่ 22.2
ภาพที่ 22.2 หนาตาง Universal Translator

ตัวอยางจะทําการแปลงไฟล ESRI Shape ใหเปนไฟล MapInfo *.tab ซึ่งมีขั้นตอนการทําดังนี้
1) ไปที่เมนู Tool > Universal Translator > Universal Translator ระบบจะแสดงหนาตาง Universal
Translator ใหเลือกไฟลตนฉบับและไฟลผลลัพธที่ตองการ พรอมทั้งเลือกไดเร็คเทอรรี่ที่จะบันทึกไฟลที่แปลงแลว
ภาพที่ 22.3 หนาตาง Universal Translator

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
2) และ คลิกปุม ระบบจะแสดงหนาตาง Choose Projection ใหเลือก Projection โดย
อางอิงตามไฟลขอมูลตนฉบับ ดังภาพที่ 22.4
ภาพที่ 22.4 แสดงหนาตาง Choose Projection
3) คลิกที่ปุม OK ระบบจะแสดงหนาตาง Translating ขึ้นมา รอสักครู ระบบจะแสดงหนาตางเตือนเมื่อ

การแปลงไฟลเสร็จสมบูรณ ดังภาพที่ 22.5
ภาพที่ 22.5 หนาตางการแปลงไฟลขอมูล และหนาตางแจงเตือนเมื่อการแปลงเสร็จสมบูรณแลว
4) เมื่อระบบแสดงขอความ Translation successful ใหคลิกที่ปุม OK

5) ระบบจะกลับมาที่หนาตาง Universal Translator อีกครั้ง ใหไปที่ Cancel เพื่อปดหนาตาง
6) ไปทีเ่ มนู File > Open เพื่อเปดไฟลที่ไดแปลงไปแลว โดยเลือกไดเร็คเทอรรี่ที่บันทึกไฟล ดังภาพที่
22.6

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 22.6 หนาตาง Open เพื่อเปดไฟลที่ไดแปลงแลว
7) เมื่อคลิกที่ปุม Open ระบบจะแสดงหนาตางแผนที่ ดังภาพที่ 22.7
ภาพที่ 22.7 หนาตางแผนที่ที่แสดงขอมูลที่แปลงจากขอมูลสกุลไฟลอื่น ๆ
หมายเหตุ การแปลงไฟลขอมูลสกุลไฟลอนื่ ๆ มีขั้นตอนการแปลงเหมือนที่ไดกลาวไวขางตน

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
22.2 การแปลงไฟลขอมูลดวยคําสั่ง Export
เปนการแปลงสกุลไฟล MapInfo (*.tab) ใหเปนสกุลไฟล MapInfo Interchange (*.mif), Delimited ASCII
(*.txt), AutoCAD DXF (*.dxf), dBASE DBF (*.dbf), Comma Delimited CSV (*.csv)
ตัวอยางที่ 1 การแปลงไฟลขอมูล MapInfo .tab เปนไฟล Comma delimited CSV (*.csv) ซึ่งจะสามารถสงออกได
เฉพาะขอมูลตาราง (Browser) เทานั้น ขั้นตอนการ Export มีดังนี้
1) เปดไฟลชั้นขอมูลที่ตองการแปลง ไฟล ตัวอยางคือ ขอมูลตารางของ Village.tab ดังภาพที่ 22.8
ภาพที่ 22.8 แสดงหนาตางตารางของ Village
2) ไปที่เมนู Table>Export ระบบจะแสดงหนาตาง Export Table to file

3) คลิกเลือก Save As type เปน Comma delimited CSV (*.csv) ดังภาพที่ 22.9
ภาพที่ 22.9 แสดงหนาตาง Export Table to File

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
4) คลิกเลือกไดเร็คทรอที่ที่ตองการแปลงไฟลขอมูล เก็บไว
5) คลิกที่ Save เพื่อสงออกไฟลขอมูลออกไป
6) ระบบจะแสดงหนาตาง Comma Delimited CSV Information
7) คลิก 9 ที่ชอง Use Frist Line for Column Tiltles เพื่อใหนําชื่อคอลัมนจากไฟล MapInfo ไปเปน
ชื่อคอลัมนในไฟล CSV ดวย ดังภาพที่ 22.10
ภาพที่ 22.10 แสดงหนาตาง Comma Delimited CSV Information
8) คลิกOK เพื่อสงออกไฟลขอมูลออกไปเปนไฟล CSV

9) ไฟลขอมูลที่ไดสงออกไป หรือ Export เปนไฟล CSV แลวนั้น สามารถนําไปเปดในโปรแกรม
Microsoft Excel ไดโดยตรง ดังภาพที่ 22.11
ภาพที่ 22.11 แสดงการเปดไฟล Village.csv ในโปรแกรม Ms Excel

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 23
การพิมพแผนที่
23.1 การพิมพแผนที่ Layout

23.1.1 การสรางแผนที่ในหนาตาง Layout
การสรางแผนที่ Layout เปนการสรางรายงานเพื่อจัดพิมพ ในบางครั้งสามารถสั่งพิมพจากหนาตาง
แผนที่ ที่ทํางานไดทันที เชน หนาตางแผนที่หนาตางตารางฐานขอมูล
สวนประกอบของ Layout ที่ใชในการพิมพแผนที่ประกอบดวย
ชื่อแผนที่
ทิศเหนือ
มาตราสวน
แผนที่
1) เปดแผนที่ที่ตองการ ที่ File> Open เลือกชัน้ แผนที่ หรือ Workspace ที่ตองการ (ตัวอยางคือ
แผนที่จังหวัดนนทบุรี)
2) จัดระยะการแสดงผลขอมูลแผนที่จากหนาตางแผนที่
3) ไปที่เมนู Window > New Layout Window
4) ระบบจะแสดงหนาตาง New Layout Window ดังภาพที่ 23.1
ภาพที่ 23.1 แสดงหนาตาง New Layout Window

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
คําอธิบายภาพที่ 23.1 หนาตาง New Layout Window
ชอง Create a new Layout window containing
~ One Frame for Window เลือกหนาตางแผนที่ ที่ตองการมาแสดงในหนาตาง
Layout
~ Frames for All Currently Open Window เลือกหนาตางปจจุบันมาแสดงในหนาตาง Layout
~ No Frame ไมแสดงแผนที่ในหนาตาง Layout
5) เลือกที่ One Frame for Window และคลิกปุม OK

6) ระบบจะแสดงหนาตาง Layout ดังภาพที่ 23.2
ภาพที่ 23.2 แสดงหนาตาง Layout
7) ขนาดที่แสดงอยูเปนกระดาษขนาด A4 ในบางครั้ง ขนาดกระดาษอาจไมพอกับมาตราสวนที่

ตองการพิมพ สามารถตั้งคากระดาษไดจากเมนู File > Page set up เลือกขนาดตามที่ตองการตามมาตราสวนที่จะ
พิมพ ทั้งนี้ตองขึ้นอยูกับ Diver ของเครื่องพิมพ
8) กรณีที่ไมมี Diver Printer ขนาดใหญ มีเพียง A4 สามารถกําหนดขนาดกระดาษใหมีขนาด
เทากับ A3 หรือขนาดอื่น ๆ ได
9) ถาตองการกําหนดความกวาง ความสูง ใหไปที่เมนู Layout > Options ระบบจะแสดงหนาตาง
Layout Display Options ดังภาพที่ 23.3 จากตัวอยาง ถากําหนดความกวาง 2 และ ความยาว 1 ที่ชอง Layout Size

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 23.3 แสดงหนาตาง Layout Display Options
Show frame contents: เปนสวนที่กําหนดการแสดงผลของหนาตาง layout โดยถาเลือก
Always: หนาตาง Layout เปลี่ยนแปลงตามหนาตาง Map ตลอดเวลา
Only when layout Window is Active: หนาตาง Layout ไมเปลี่ยนแปลงตามหนาตาง Map
แตจะแสดงเมื่อคลิกใหหนาตาง Layout Active เทานั้น
Never: หนาตาง Layout ไมมีการเปลี่ยนแปลงตามหนาตาง Map จะแสดงอีกครั้งเมือ่
ยกเลิกคําสั่งนี้
Layout Size: เปนสวนที่กําหนดจํานวนกระดาษในหนาตาง Layout โดยถาเลือก
Width: กําหนดจํานวนกระดาษในดานกวาง
Height: กําหนดจํานวนกระดาษในดานยาว
Enhanced Rendering: เปนสวนที่กําหนดความคมชัด ความโปรงใส ใหแก Text, Image และ
Objects ในหนาตาง layout โดยถาเลือก
Smooth Text: กําหนดความ Smooth ใหแกตัวอักษรใน Layout
Smooth Images: กําหนดความคมชัด และคุณภาพของภาพใน Layout
Smooth Lines & Border: กําหนดความ Smooth ใหแก Objects เชน เสน ใน Layout
Object Translucency: กําหนดความโปรงใสใหแก Objects ใน Layout

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
10) ผลลัพธที่ไดคือ มีความกวางกระดาษ A4 2 แผน ความสูงกระดาษ A4 1 แผน ดังรูป 23.4
ภาพที่ 23.4 แสดงหนาตาง Layout ที่ไดจากการกําหนดกระดาษ
10) ในกรณีที่เลือก No Frames จากหนาตาง New Layout Window ดังภาพที่ 23.5
ภาพที่ 23.5 แสดงการเลือกแบบ No Frames
11) คลิกปุม Frame โดยการคลิกเมาสปุมซายคางไว แลวลากเปนกรอบสี่เหลี่ยมบนหนาตาง

Layout แลวปลอยเมาส เพื่อกําหนดบริเวณในการวางแผนที่ ระบบจะแสดงหนาตาง Frame Object ดังรูป 23.6

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 23.6 แสดงหนาตาง Frame Object
12) ในชอง Window เลือกหนาตางที่ตองการจะพิมพ โดยพิมพที่มาตราสวน 1:1500,000

13) ในชอง Scale on Paper : 1 cm = 15 km
14) คลิก OK ขอมูลที่จะพิมพจะแสดงที่หนาตาง Layout ดังรูป 23.7
ภาพที่ 23.7 แสดงหนาตาง Layout
15) ผูใชสามารถยอ-ขยายขนาดกรอบของ Layout ไดและการจัดตําแหนงของกรอบภาพ โดยใช

เครื่องมือ Select คลิกที่กรอบแลวยอ-ขยาย หรือเลือ่ นตําแหนงตามตองการ

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
23.1.2 การใสชื่อแผนที่ ขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
1) คลิกปุม Text Style เพื่อกําหนดรูปแบบ ขนาดตัวอักษร ถาตองการพิมพภาษาไทยให
เลือกที่ Font ที่ชื่อลงทาย UPC
2) คลิกปุม Text และคลิกลงบนตําแหนงที่ตองการจะพิมพชื่อแผนที่
3) หากตองการแกไขใหดับเบิลคลิกที่ชื่อที่ตองการแกไข จะปรากฏหนาตางใหทําการแกไข
ภาพที่ 23.8 แสดงการใสชื่อแผนที่
23.1.3 การใสทิศเหนือ (North Arrow) มีขั้นตอนการทํางาน ดังนี้

1) ตั้งแต MapInfo Version 7.8 ผูใ ชสามารถกําหนดขนาดของ Symbol ไดถึง 240 ซึ่งเปนขนาดที่
ใหญ พอสําหรับการวางในหนาตาง Layout
2) คลิกที่ปุม Symbol Style ระบบจะแสดงหนาตาง Symbol Style ดังภาพที่ 23.9
ชอง Font MapInfo Arrow
Symbol เลือกรูปแบบของทิศเหนือตามตองการ
Color เลือกสีตามตองการ

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
4) คลิกที่ปุม Symbol
5) คลิกเมาสลงบนหนาตาง Layout บนตําแหนงที่ตองการ ดังภาพที่ 23.10
ภาพที่ 23.10 แสดงทิศเหนือ

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
22.1.4 การใสมาตราสวน (ScaleBar) มีขั้นตอนการทํางาน ดังนี้
1) ไปที่เมนู Tool > Tool Manager ระบบจะแสดงหนาตาง Tool Manager คลิก 9 ที่เครื่องมือ
ScaleBar และคลิกปุม OK ดังภาพที่ 23.11
ภาพที่ 23.11 แสดงการเลือก ScaleBar
2) ระบบจะแสดงเครื่องมือ ScaleBar
3) คลิกปุม ScaleBar และคลิกที่หนาตาง Layout บริเวณที่จะแสดงมาตราสวน
4) ระบบจะแสดงหนาตาง Warning ใหเลือก Ignore ดังภาพที่ 23.12
5) ระบบจะแสดงหนาตาง Warning ใหคลิก OK ดังภาพที่ 23.12
ภาพที่ 23.12 แสดงหนาตาง Warning

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
6) ระบบจะแสดงหนาตาง Draw Distance Scale in Mapper ดังภาพที่ 23.13
ภาพที่ 23.13 แสดงหนาตาง Draw Distance Scale in Mapper
7) เลือกหนวย ขนาด และสีที่ตองการ สรางมาตราสวน เมื่อกําหนดเรียบรอย คลิกปุม OK

8) ระบบจะแสดงมาตราสวนแผนที่ ดังภาพที่ 23.14
ภาพที่ 23.14 แสดงมาตราสวน
วิธีการจัดเก็บหนาตาง Layout มี 3 วิธีคือ

1. การบันทึกโดยใชคําสั่ง File> Save Workspace (สามารถกลับมาแกไขสวนประกอบอื่น ๆ ได)
2. การบันทึกเปนไฟลรูปภาพ ดวยคําสั่ง File > Save Window As
3. การบันทึกเปนเอกสารไฟล PDF (เพิ่มขึ้นใน MapInfo version 10.0)

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บทที่ 24
การสรางชั้นแผนที่ในรูปแบบเอกสารไฟล PDF
ตั้งแตใน MapInfo v.10.0 นั้นไดเพิ่มเครื่องมือในการบันทึกหนาตางแผนที่ หรือ หนาตาง Layout เปน
เอกสารไฟล PDF และไฟล PDF นั้นยังสามารถเปดปดชั้นแผนที่และปายชื่อไดตามตองการ และใน MapInfo
v10.5 ไดเพิ่มความสามารถของการบันทึกแผนที่ และ Layout เปนไฟลเอกสาร PDF ใหสามารถแสดงคาพิกัด
บนแผนที่ (Georegistered PDF) และแสดงฐานขอมูลในตารางขอมูล (Add Attribute data to PDF) ไดอีกดวย
การใชเครื่องมือนี้ไดนั้น ผูใชจําเปนตองติดตั้งโปรแกรม Adobe Acrobat Professional ตั้งแต เวอรชั่น 6

เปนตนไปไวในคอมพิวเตอร และเมื่อติดตั้งโปรแกรม MapInfo v.10 หรือ v10.5 จะสามารถใชเครื่องมือนี้ได
โดยอัตโนมัติ แตกรณีที่ตองการบันทึกเปนไฟล PDF ที่แสดงคาพิกัดและฐานขอมูลได จะตองติดตั้ง MapInfo
v10.5 เทานั้น แตการเปดไฟล PDF เพื่อดูคาพิกัดและฐานขอมูล สามารถเปดอานใน Acrobat Reader v.9.0 ได
24.1 การบันทึกชั้นแผนที่ในรูปแบบเอกสารไฟล PDF จากหนาตาง Map

1) เปดชั้นแผนที่หรือภาพถายดาวเทียมที่ตองการบันทึก แสดงปายชื่อ และจัดตําแหนงใหเรียบรอย
ภาพที่ 24.1 แสดงหนาตางแผนที่ที่ตองการบันทึกเปนไฟล PDF

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
2) ไปที่เมนู File > Print to PDF หรือคลิกที่ปุม ระบบจะแสดงหนาตาง Print และในชอง
Printer ที่ชอง Name คือ MapInfo PDF Printer Version 10.5 ดังภาพที่ 24.2
ภาพที่ 24.2 แสดงหนาตาง Print
3) คลิกปุม Properties เพื่อกําหนด ขนาดกระดาษ ความละเอียดของภาพ ลักษณะการวางกระดาษ

แนวตั้ง แนวนอนได โดยระบบจะแสดงหนาตาง MapInfo PDF Printer Version 10.5 Properties ใหคลิกเลือก
แท็บ Paper Setting ดังภาพที่ 24.3
ภาพที่ 24.3 แสดงหนาตาง MapInfo PDF Printer Version 24.0 Properties

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
Paper Size: กําหนดขนาดกระดาษ
Resolution: กําหนดความละเอียดของภาพ
Orientation: กําหนดการวางแนวกระดาษ แนวตั้งหรือ แนวนอน
Physical margin (millimeter) กําหนดระยะขอบของภาพบนกระดาษ
4) คลิกที่แท็บ Advance Options เพื่อกําหนดคา ดังภาพที่ 24.4
ภาพที่ 24.4 แสดงการกําหนดคาในแท็บ Advance Options
5) คลิกที่แท็บ PDF Options เพื่อกําหนดคาแนบไฟลตัวอักษรภาษาไทย เพื่อใหเอกสารแสดงภาษาไทย

ได ดังภาพที่ 24.5

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
ภาพที่ 24.5 แสดงการกําหนดคาในแท็บ PDF Options
6) คลิกปุม OK ระบบจะแสดงหนาตาง Print

7) คลิกที่ปุม PDF เพื่อกําหนดคาชั้นแผนที่ในเอกสาร PDF ดังภาพที่ 24.6
ภาพที่ 24.6 แสดงหนาตาง PDF Prefrences

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
8) คลิกปุม OK อีกครั้ง ระบบจะแสดงหนาตาง Output File Name เพื่อตั้งชื่อไฟล ดังภาพที่ 24.7
ภาพที่ 24.7 แสดงหนาตาง Output File Name
9) เมื่อบันทึกไฟลเรียบรอยแลว ระบบจะเปดไฟล PDF ดังภาพที่ 24.8
ภาพที่ 24.8 แสดงไฟลเอกสาร Layer PDF

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
10) ผูใชสามารถเลือก เปด-ปด การมองเห็น Layer ตางๆไดที่ เมนู Layer โดยการคลิกซ้ําที่ Layer นั้น
ภาพที่ 24.9 แสดงหนาตางการเปด-ปด Layer ในไฟล PDF
11) ผลลัพธจากการปดการมองเห็นบาง Layer ในที่นี้คือปด Layer ที่เปนภาพ Raster ดังภาพที่ 24.10
ภาพที่ 24.10 แสดงหนาตางการปด Layer ที่เปน Rater ในไฟล Layer PDF

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
12) คลิกที่ แลวคลิกบนแผนที่บริเวณใดก็ได ระบบจะแสดงคาพิกัดตําแหนงแผนที่ขึ้นมา ดัง
ภาพที่ 24.11 แสดงคาพิกัดตําแหนงแผนที่บนไฟล Layer PDF
24.2 การบันทึกชั้นแผนที่ในรูปแบบเอกสารไฟล PDF จากหนาตาง Layout

1) เปดชั้นแผนที่ หรือ Workspace ที่ตองการบันทึกไฟล PDF แลวจัด layout ใหเรียบรอย ดังภาพที่
24.12
ภาพที่ 24.12 แสดงหนาตาง Layout ที่จัดทําในโปรแกรม MapInfo Professional

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
2) ไปที่เมนู File> Print to PDF ระบบจะแสดงหนาตาง Print ในชอง Name คือ MapInfo PDF Printer
Version 10.5 ดังภาพที่ 24.12
ภาพที่ 24.12 แสดงหนาตาง Print
3) คลิกปุม Propertie ระบบจะแสดงหนาตาง MapInfo PDF Printer Version 10.5 Properties

4 ) ใหคลิกเลือกแท็บ Paper Setting เพื่อกําหนดขนาดกระดาษ ความละเอียดของภาพ ลักษณะการวาง
กระดาษแนวตั้ง แนวนอน ดังภาพที่ 24.13
จะตองกําหนดขนาดกระดาษ (Paper Size)

และแนวการวางกระดาษ (Orientation)
เทากับที่กําหนดในหนา Layout
ภาพที่ 24.13 แสดงหนาตาง MapInfo PDF Printer Version 10.5 Properties

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
5) คลิกที่แท็บ Advance Options และแท็บ PDF Options กําหนดคาเหมือนที่กลาวไวขางตน
(หนาที่ 129-130)
6) จากนั้นคลิกปุม OK ระบบจะแสดงหนาตาง Print ใหคลิกปุม OK อีกครั้ง
7) ระบบจะแสดงหนาตาง Output File Name เพื่อตั้งชื่อไฟล จากนั้นระบบจะบันทึกหนาตาง
Layout เปนไฟล PDF ดังภาพที่ 24.14
ภาพที่ 24.14 แสดงหนาตางไฟล PDF ที่บันทึกจากหนาตาง Layout

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105
บรรณานุกรม
โครงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม. 2541. คูมือการฝกอบรมระบบสารสนเทศภูมิศาสตร
สําหรับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม. กรุงเทพฯ.
พรทิพย กาญจนสุนทร. 2541. เอกสารประกอบการสอนวิชา แผนที่และการแปลตีความแผนที่. กรุงเทพฯ:

ภาควิชาภูมิศาสตร คณะสังคมศาสตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร
MapInfo Corporation. 2002. MapInfo Professional User’s Guide v7.0. New York.
MapInfo Corporation. 2008. MapInfo Professional User’s Guide v9.5. New York
Peter H. Dana. 1994. Map Projection Overview. University of Colorado
Available: http://www.colorado.edu/geography/gcraft/notes/mapproj/mapproj.html

Tel. (662) 254-8825-8 Fax. (662) 253-4105

MapInfo Professional 10.5 PDF

Uploaded by

Document Information

Original Title

Copyright

Available Formats

Share this document

Share or Embed Document

Sharing Options

Did you find this document useful?

Is this content inappropriate?

Copyright:

Available Formats

MapInfo Professional 10.5 PDF

Uploaded by

Copyright:

Available Formats

หนา

2. การเรียนรูกอ นการใชโปรแกรม MapInfo Professional

3. การเปดโปรแกรม MapInfo Professional

4. การทํางานบน MapInfo Professional

5. ชุดเครื่องมือใน MapInfo Professional สวนของ Standard Toolbar

Lotus Consulting International Co., Ltd.

7. เครื่องมือควบคุมชั้นแผนที่ (Layer Control)

8. ชุดเครื่องมือใน MapInfo Professional สวนของ Drawing Toolbar

10. การวิเคราะหขอมูลเชิงพื้นที่ (Geographic Analysis)

11. การนําเขาขอมูลจากภาพราสเตอร (Raster Image)

Lotus Consulting International Co., Ltd.

13. การเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงโครงสราง/รูปแบบของ Table

14. การเปดไฟลขอมูล Microsoft Excel

15. การสรางขอมูลจุดจากคาพิกัด (Create Points)

16. การรวมชั้นแผนที่ดวยคําสัง่ Append Row to Table

18. การเชื่อมโยงแผนที่กับขอมูลภายนอกดวย HotLink

19. เครื่องมือ Google Earth Connection Utility

Lotus Consulting International Co., Ltd.

21. การสืบคนขอมูลดวย SQL Select

23. การพิมพแผนที่ (Layout)

24. การสรางชั้นแผนที่ในรูปแบบเอกสารไฟล PDF

Lotus Consulting International Co., Ltd.

Lotus Consulting International Co., Ltd.

1.2.1 ขอมูล (Data)

ขอมูลในระบบ GIS แบงเปน 2 ประเภท คือ

Lotus Consulting International Co., Ltd.

ขอมูลจุด (Points) ขอมูลเสน (Lines) ขอมูลพื้นที่ (Polygons)

ภาพที่ 1.1 แสดงลักษณะของขอมูลเวกเตอร

Lotus Consulting International Co., Ltd.

ภาพที่ 1.2 แสดงลักษณะของขอมูลแบบราสเตอร

1.2.1.2 ขอมูลอธิบายพื้นที่หรือขอมูลลักษณะประจํา คือ สวนของตารางฐานขอมูล เพื่ออธิบายขอมูล

ภาพที่ 1.3 แสดงตารางฐานขอมูล

Lotus Consulting International Co., Ltd.

1.2.2 เครื่องคอมพิวเตอรและอุปกรณตาง ๆ (Hardware)

1.2.3 โปรแกรมหรือซอฟตแวร (Program/Software)

Lotus Consulting International Co., Ltd.

1.2.5 ขั้นตอนการปฏิบตั ิงาน (Procedure)

Lotus Consulting International Co., Ltd.

Lotus Consulting International Co., Ltd.

ละติจูด (Latitude) คือ ระยะทางที่วัดเปนมุมไปทางเหนือและทางใตของเสนศูนยสูตร (Equator) เสนที่

ภาพที่ 1.5 พิกัดภูมิศาสตรที่ปรากฏบนแผนที่

Lotus Consulting International Co., Ltd.

Lotus Consulting International Co., Ltd.

คาพิกัดของจุดศูนยกําเนิดในแตละเขตมี 2 คา ไดแก คาพิกัดทางเหนือ (Northing) ใหอักษรยอวา N และคาพิกัด

Lotus Consulting International Co., Ltd.

ภาพที่ 1.7 จัตุรัส 1,000 เมตร

จัตุรัสพันเมตร (1,000 meter Square) จัตุรัสพันเมตรมีขนาด 1,000 x 1,000 เมตร ที่เสนกริดในแนวราบ

Lotus Consulting International Co., Ltd.

แผนที่มาตราสวน 1 : 50,000 แผนที่มาตราสวน 1 : 12,500

ภาพที่ 1.8 แสดงแผนที่ที่มีมาตราสวนตางกัน

Lotus Consulting International Co., Ltd.

2.1 คําศัพทที่ควรทราบในโปรแกรม MapInfo Professional

Table คือ ชั้นแผนที่ในโปรแกรม MapInfo Professional ประกอบดวยขอมูล 2 สวน ไดแก

Browser คือ ตารางฐานขอมูลหรือขอมูลเชิงบรรยาย ที่แสดงรายละเอียดประจํา Object ในสวนของ

Lotus Consulting International Co., Ltd.

2.2 ลักษณะไฟลขอมูล (File Type)

2.2.2 ลักษณะไฟลขอ มูลสําหรับราสเตอร

2.2.3 ลักษณะไฟลขอ มูลสําหรับโครงงาน

2.2.4 สกุลกลางของโปรแกรม MapInfo Professional

Lotus Consulting International Co., Ltd.

Program Title Menu Bar Toolbar

การแสดงแผนที่และฐานขอมูลในโปรแกรม MapInfo Professional จะแสดงบนหนาตาง (Window)

Lotus Consulting International Co., Ltd.