Professional Documents
Culture Documents
แบบฝึกอนุพันธ์อันดับสูง PDF
แบบฝึกอนุพันธ์อันดับสูง PDF
f(x + h) - f(x)
จากบทนิยาม จะได้ f/(x) = lim
h →0
การหา f/ เรียกว่า การหาอนุพันธ์ของฟังก์ชัน f
h
f(x + h) - f(x)
ถ้า lim
h →0
หาค่าได้ จะกล่าวว่า ฟังก์ชัน f มีอนุพันธ์ที่ x
h
หรือ ฟังก์ชัน f หาอนุพันธ์ได้ที่ x
f(x + h) - f(x)
ถ้า lim
h →0
หาค่าไม่ได้ เราจะกล่าวว่า ฟังก์ชัน f ไม่มีอนุพันธ์ที่ x
h
หรือ ฟังก์ชัน f หาอนุพันธ์ไม่ได้ที่ x
dy
สัญลักษณ์ที่ใช้แทนอนุพันธ์ของฟังก์ชัน f ที่ x เช่น f/(x), (อ่านว่า ดีวายบายดีเอกซ์) ,
dx
d dy d f(x + h) - f(x)
y/ และ f(x) เป็นต้น ดังนัน้ = y = f ( x) = lim
h →0
dx dx dx h
หมายเหตุ : dy
x
เพราะ dy คือ อนุพันธ์ของฟังก์ชัน f ที่ x
dx y dx
ไม่ได้หมายถึง d คูณ y หารด้วย d คูณ x
= 5 – 3x + 3h + x2 – 2hx + h2
f(x + h) - f(x)
lim
h →0
= lim (h - + 2x - 3)
h→0
h
ดังนั้น f/(x) = 2x – 3
2(x + h) 2 - 2x 2
= lim
h →0 h
2x 2 + 4xh + h 2 - 2x 2
= lim
h→0 h
= 4x
4xh + 2h 2 − 3h
= lim
h→0 h
= lim (4x + 2h − 3)
h→0
= 4x-3
f/(2) = 4(2) – 3 = 8 – 3
ดังนั้น f/(2) = 5
f(x + h) - f(x)
อัตราการเปลี่ยนแปลงของ y เทียบกับ x ขณะ x มีค่าใด ๆ คือ lim
h →0 h
1. หา f(x)
2. หา f(x + h)
3. หา f(x + h) – f(x)
f(x + h) - f(x)
4. หา
h
f(x + h) - f(x)
5. หา lim
h →0 h
26 - 10
= =8
2
f(x + h) - f(x)
(2) อัตราการเปลี่ยนแปลงของ y เทียบกับ x ขณะ x มีค่าใด ๆ คือ lim
h →0 h
จาก f(x) = x2 + 1
f(x + h) - f(x) (x + h) 2 + 1 - (x 2 + 1)
lim
h →0
= lim
h →0
h h
(x + 2hx + h 2 + 1 - x 2 - 1)
2
= lim
h →0 h
= lim (2x + h)
h →0
= 2x
4.9(t + h) 2 - 4.9t 2
=
h
9.8th + 4.9h 2
=
h
= 9.8t + 4.9h
1
(5) f(x) = 12 (6) f(x) = x 3
x
(1) อัตราการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของพื้นที่วงกลมเทียบกับความยาวของรัศมีเมื่อความยาวของ
รัศมีเปลี่ยนจาก r เป็น r+h
(1) อัตราการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเทียบกับความยาวของด้าน
(1) เมื่อ x เปลี่ยนจาก 2 ไปเป็น 2.2 (2) เมื่อ x เปลี่ยนจาก 2 ไปเป็น 2.1
11. จงหาอัตราการเปลี่ยนแปลงของปริมาตรของกรวยกลมตรง
dy d (-5)
วิธที า = = 0
dx dx
dy
ตัวอย่างที่ 2 กาหนดให้ y = 18 จงหา
dx
dy d (18)
วิธที า = = 0
dx dx
dy
สูตรที่ 2 ถ้า y = x แล้ว = 1
dx
dx
หมายเหตุ : = 1 หมายถึง อนุพันธ์ของฟังก์ชัน y เทียบกับ x ที่ x ใด ๆ เท่ากับ 1
dx
dy
สูตรที่ 3 ถ้า y = xn เมื่อ n เป็นจานวนจริงแล้ว = nx n - 1
dx
d (x n )
นั่นคือ = nx n - 1
dx
= 5x5 - 1
= 5x4
1 dy
ตัวอย่างที่ 4 กาหนดให้ y = จงหา
x4 dx
วิธที า จาก y = 1
x4
= x −4
d (x −4 )
dy
=
dx dx
= -4x-4 - 1
= -4x-5
= −
4
x5
dy
ตัวอย่างที่ 5 กาหนดให้ y = 3
x จงหา
dx
1
วิธที า 3
x = x3
dy
= d (x 3 )
dx dx
1
1 3 −1
= x
3
2
1 −3
= x
3
1
= 3
3 x2
dy
ตัวอย่างที่ 6 กาหนดให้ y = x4 + x2 จงหา
dx
วิธที า จาก y = x4 + x2
dy d (x 4 ) d (x 2 )
จะได้ = +
dx dx dx
= 4x4 - 1 + 2x2 - 1
= 4x3 + 2x
dy
ตัวอย่างที่ 7 กาหนดให้ y = x6 + 8 จงหา
dx
วิธที า จาก y = x6 + 8
dy d (x 6 ) d (8)
จะได้ = +
dx dx dx
= 6x6 - 1 + 0
= 6x5
วิธที า จาก y = x6 + x3 - x2 + 4
dy d (x 6 ) d (x 3 ) d (x 2 ) d (4)
จะได้ = + − +
dx dx dx dx dx
= 6x5 + 3x2 - 2x
d (x 4 ) d (x 2 )
f/(x) = −
dx dx
= 4x4 - 1 - 2x2 - 1
= 4x3 - 2x
dy
ตัวอย่างที่ 10 กาหนดให้ y = 5x2 - 3x จงหา และ f/(3)
dx
dy d (5x 2 - 3x)
จะได้ =
dx dx
d (x 2 ) dx
= 5 -3 = 5(2x) - 3(1) = 10x-3
dx dx
dy
จาก = 10x - 3
dx
f/(3) = 10(3) – 3 = 30 – 3 = 27
dy
จากสูตรที่ 7 สามารถเขียนได้ว่า = f(x)g/(x) + g(x) f/(x)
dx
dy
ตัวอย่างที่ 11 กาหนดให้ y = (x2 - 2x + 3)(2x + 5) จงหา
dx
d (2x + 5) d (x 2 - 2x + 3)
= (x 2 - 2x + 3) + (2x + 5)
dx dx
d f(x) d g(x)
g(x) - f(x)
dy
= dx
2
dx
dx [g(x)]
2x - 1
ตัวอย่างที่ 12 กาหนดให้ y = จงหา dy
2x + 1 dx
2x - 1
วิธที า จาก y =
2x + 1
dy d 2x - 1
จะได้ = 2x + 1
dx dx
d (2x - 1) d (2x + 1)
(2x + 1) - (2x - 1)
= dx dx
(2x + 1) 2
4x + 2 - 4x + 2 4
= =
(2x + 1) 2 (2x + 1) 2
4x 2 - 7x + 2
ตัวอย่างที่ 13 ให้ f(x) = จงหา f/(x)
3x 2 + 4
4x 2 - 7x + 2
วิธที า จาก f(x) =
3x 2 + 4
d 4x 2 - 7x + 2
f/(x) =
dx 3x 2 + 4
d (4x 2 - 7x + 2) d (3x 2 + 4)
(3x 2 + 4) - (4x 2 - 7x + 2)
= dx dx
(3x 2 + 4) 2
21x 2 + 20x - 28
=
(3x 2 + 4) 2
โจทย์ปญ
ั หาเกีย่ วกับการหาอนุพนั ธ์ของฟังก์ชนั พีชคณิตโดยใช้สตู ร
= 3x2 – 12
x2 – 4 = 0
(x - )(x + 2) = 0
ดังนั้นจะได้ x = 2 หรือ x = -2
วิธที า จาก y= x
ที่ x = 4 จะได้ y= 4 = 2
จาก y= x=x 2
1
dy d 2
จะได้ = (x )
dx dx
1
1 −2 1
= x =
2 2 x
dy 1 1
และที่ x = 4 จะได้ = =
dx 2 4 4
1
นั่นคือ เส้นสัมผัสเส้นโค้งที่จุด (4,2) และมีความชัน คือ
4
1
y–4 = ( x − 4)
4
หรือ 4y – 8 = x – 4
หรือ x – 4y + 4 = 0
1. จงหาอนุพันธ์ของฟังก์ชันต่อไปนี้
(1) y = –3 (2) y = x 3 + x
3
(3) y = x3 – 3x + 7 (4) y = − 5x 2 + x + 2 x − 1
x
3
(9) y = x(x2 + 1) (10) y = x + 2
x
(11) y = 3 (12) y = 1 + 3x
3x 2 + 1 1 − 3x
5 2
(13) s = t(12 − 12 ) (14) y = x − 3x 2+ 5x − 2
t x
6 +t−3
(15) s = 5t (16) y = 1 + 12 (3x 3 + 27)
t x x
2. จงหาอนุพันธ์ของฟังกันต่อไปนี้ที่จุดที่กาหนดให้
y2 − y
m=
x 2 − x1
2. ถ้ารู้สมการของเส้นตรง ให้จัดสมการในรูป
y = mx + c
การหาความชันของเส้นโค้งและความชันของเส้นสัมผัสเส้นโค้ง สามารถหาได้จากนิยามต่อไปนี้
ในการหาความชันของเส้นโค้งทีจ่ ุด (x1 , 𝑦1 )
วิธที า จาก y = x3
ดังนั้น f(x) = x3
dy f(x + h) - f(x)
= lim
h →0
dx h
(x + h) 3 - x 3
= lim
h→0 h
(x 3 + 3x 2 h + 3xh 2 + h 3 - x 3 )
= lim
h →0 h
= 3x2
[5(x + h) 2 - 6] - (5x 2 - 6)
= lim
h→0 h
5x 2 + 10hx + 5h 2 - 6 - 5x 2 + 6
= lim
h →0 h
สมการของเส้นสัมผัสเส้นโค้ง
- 3h - 2h 2
= lim
h →0
= lim (-3 - 2h)
h →0
= -3
h
[(x + h) - 3(x + h) 2 ] - (x - 3x 2 )
= lim
h→0 h
(x + h - 3x 2 - 6xh - 3 h 2 - x + 3x 2 )
= lim
h→0 h
= lim (1 - 6x - 3h)
h →0
= 1 – 6x
y+3 = -17x + 51
17x + y – 48 = 0
[(x + h) 3 - 2(x + h) 2 + 4] - [x 3 - 2x 2 + 4]
= lim
h →0 h
(x 3 + 3x 2 h + 3xh 2 + h 3 - 2x 2 - 2xh - h 2 + 4 - x 3 + 2x 2 - 4)
= lim
h →0 h
= 3x2 – 4x
y–4 = 4x – 8
4x – y – 4 = 0
แบบฝึกหัด ความชันของเส้นโค้ง
2+2
(3) y = x – x2 ที่จุดซึ่ง x = 1 (4) y = x ที่จุดซึ่ง x = 1
2 x
dy
= g (f(x)) f (u)
dx
dy d d
= g(u) (u)
dx du dx
d 5 d
= (u ) (2 x − 1)
du dx
= (5u4)(2) = 10u4
ดังนั้น f (x) = 10(2x-1)4
dy
ตัวอย่างที่ 2 ให้ y = 1 - 3x 2 จงหา
dx
dy dy du
โดยกฎลูกโซ่ จะได้ว่า =
dx du dx
1
d 2 d
= (u ) (1 − 3x 2 )
du dx
1
1 −
= ( u 2 ) (−6 x)
2
- 6x
=
2 u
- 3x
=
1 - 3x 2
1 dy
ตัวอย่างที่ 3 ให้ y = จงหา
3
2x 2 − 1 dx
2x 2 − 1
3 3
u
dy dy du
โดยกฎลูกโซ่ จะได้ว่า =
dx du dx
1
d −3 d
= (u ) (2 x 2 − 1)
du dx
4
1
= (− u 3 ) (4 x)
3
- 4x
=
33 (2x 2 − 1) 4
1. จงหาอนุพันธ์ของฟังก์ชันต่อไปนี้
(11) y = 1 (12) y = 1
x 2 + 2x 3
x 2 − 2x + 3
3
(13) y = (x – 3)3(2x + 1) (14) y= 2x + 1
1 − 2x
3
(15) y = (2x2+ 3) 8
(4x − 1)
3. กาหนดให้ F(x) = f(g(x)) และ g(2) = 4, g(2) = 5, f(2) = 6, f(4) = 9 จงหา F(2)
dy
f/(x) = y/ = แทน อนุพนั ธ์อนั ดับหนึง่
dx
d2y
f//(x) = y// = แทน อนุพนั ธ์อนั ดับสอง
dx 2
d3y
f///(x) = y/// = แทน อนุพนั ธ์อนั ดับสาม
dx 3
.
.
dn y
f(n)(x) = y(n) = แทน อนุพนั ธ์อนั ดับ n
dx n
f//(x) = 18x + 12
f///(x) = 18
d2y
= 60x2 + 12x
dx 2
d3y
= 120x + 12
dx 3
d4y
= 120
dx 4
f//(x) = 24x - 6
f//(1) = 24(1)-6 = 18
d dS d 2S
ดังนั้น a = =
dt dt dt 2
นัน่ คือ ความเร่งขณะเวลา t ใดๆ ก็คือ อนุพนั ธ์อนั ดับที่ 2 ของ S = f(t)
จงหา 1) ความเร็วขณะเวลา t ใด ๆ
2) ความเร่งขณะเวลา t ใด ๆ
3) ความเร่งขณะเวลา t = 2 วินาที
จะได้ v= dS
dt
= 12t2 – 4t + 3 เมตร/วินาที
1. จงหาอนุพันธ์อันดับที่ 2 ของฟังก์ชันต่อไปนี้
(4) f(x) = 3 x − 2 + 4x 2
x
2. จงหาอนุพันธ์อันดับที่ 3 ของฟังก์ชันต่อไปนี้
4. กาหนดให้ y = 6x4
x
(3) ความเร็วขณะเวลา t ใด ๆ
(3) ความเร็วในการเคลื่อนที่ของวัตถุขณะวินาทีที่ 4
f จะเป็นฟังก์ชันเพิ่มบนช่วง [a, b]
f จะเป็นฟังก์ชันลดบนช่วง [a, b]
1 3 1 2
ตัวอย่างที่ 1 ให้ f/(x) = x - x - 2x
3 2
จงหา (1) ช่วงที่ทาให้ f เป็นฟังก์ชันลด(2) ช่วงที่ทาให้ f เป็นฟังก์ชันเพิ่ม
1 3 1 2
วิธที า จาก f(x) = x - x - 2x
3 2
(x – 2)(x + 1) < 0
+ – +
-1 2
x2 – x – 2 > 0
(x – 2)(x + 1) > 0
+ – +
-1 2
วิธที า เริ่มต้นด้วยการหาอนุพันธ์ของฟังก์ชัน f
= 6(x2 – x - 2)
= 6(x + 1)(x - 2)
+ – +
-1 2
ค่าสูงสุดสัมพัทธ์ และค่าต่าสุดสัมพัทธ์
1. หา f/(x)
3.1 ตรวจสอบโดยพิจารณาจากความชันของเส้นสัมผัส
โดยวิธตี รวจสอบจากความชันของเส้นสัมผัส
ให้ 6x2 + 6x + 2 = 0
6(x2 + x – 2) = 0
6(x + 2)(x – 1) = 0
ดังนั้น x = -2, 1
= 3( x + 4)(x – 2)
ให้ f/(x) = 0
จะได้ว่า 3( x + 4)(x – 2) = 0
f//(x) = 6x + 6 = 6(x + 1)
ค่าสูงสุดสัมบูรณ์และค่าต่าสุดสัมบูรณ์
สาหรับทุก x ในโดเมนของ f
สาหรับทุก x ในโดเมนของ f
วิธกี ารหาค่าสูงสุดสัมบูรณ์และค่าต่าสุดสัมบูรณ์
1. หาค่าวิกฤติทั้งหมดในช่วงปิด [a, b]
2. หาค่าของฟังก์ชัน ณ ค่าวิกฤติที่ได้ในข้อ 1
จาก f(x) = x3 + x2 - 8x - 1
ให้ f./(x) = 0
ดังนั้น 3x2 + 2x - 8 = 0
(3x - 4)(x + 2) = 0
4 4
x = , -2 ค่าวิกฤต คือ x = และ x = -2
3 3
203
= −
27
= 11
= -17
f(2) = 23 + 22 - 8(2) - 1
= -5
4
ขัน้ ที่ 4 นาค่าของ f , f(-2), f(-4) และ f(2) มาเปรียบเทียบกัน
3
ดังนั้น - 2x + 4 = 0
x = 2
จึงสามารถตรวจสอบค่าวิกฤตว่า จะทาให้เกิดค่าสูงสุดสัมบูรณ์หรือค่าต่าสุดสัมบูรณ์หรือไม่
โดยใช้อนุพันธ์อันดับสอง
f//(x) = -2
f//(2) = -2 < 0
แสดงว่า x = 2 เป็นค่าวิกฤตที่ทาให้เกิดค่าสูงสุดสัมบูรณ์
โจทย์ปญ
ั หาเกีย่ วกับค่าสูงสุดหรือค่าต่าสุด
ในการแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับค่าสูงสุดหรือค่าต่าสุดจะต้องพิจารณาเงื่อนไขของฟังก์ชันที่กาหนดให้ว่า
มีโดเมนเป็นอย่างไร และปัญหาต้องการให้หาค่าสูงสุดสัมพัทธ์ ค่าต่าสุดสัมพัทธ์ ค่าสูงสุดสัมบูรณ์ หรือ
ค่าต่าสุดสัมบูรณ์
หลักเกณฑ์ทวั่ ๆ ไปในการแก้โจทย์ปญ
ั หาเกีย่ วกับค่าสูงสุดหรือค่าต่าสุด
1. ทาความเข้าใจกับปัญหาอย่างละเอียดให้ทราบแน่นอนว่าต้องการหาค่าสูงสุดหรือค่าต่าสุดของอะไร
ให้กาหนดสิ่งนั้นเป็น y หรือตัวแปรอื่นๆ ตามความเหมาะสมและควรวาดรูปประกอบ
3. เขียน y ในรูปของ x
dy
4. หาค่า หรือ y/ ซึ่งเป็นอัตราการเปลี่ยนแปลงของค่า y ที่ต้องการหาค่าสูงสุดหรือค่าต่าสุด
dx
เทียบกับตัวแปร x
dy
5. ให้ = 0 แล้วแก้สมการหาค่า x ซึ่งคือค่าวิกฤตของฟังก์ชันในข้อ 3
dx
ต่อไร่
c(f) = 24 – 2f
เพราะฉะนั้น f = 12
จาก c(f) = 24 – 2f
c(f) = –2
c(12) = –2 0
1. จงหาช่วงซึ่งทาให้ฟังก์ชันที่กาหนดให้ในแต่ละข้อต่อไปนี้เป็นฟังก์ชันเพิ่มและเป็นฟังก์ชันลด
2. จงหาค่าสูงสุดสัมพัทธ์และค่าต่าสุดสัมพัทธ์ของฟังก์ชันต่อไปนี้
3. จงหาค่าสูงสุดสัมบูรณ์และค่าต่าสุดสัมบูรณ์ของฟังก์ชันต่อไปนี้
(3) f(x) = x4 – 2x3 – 9x2 + 27 บนช่วง –2, 4 (4) f(x) = x3 + 5x – 4 บนช่วง–3, –1