Professional Documents
Culture Documents
Tips English-Grammar
Tips English-Grammar
รวมแบบทดสอบในแต่ละ section
Introduction คำนำ
Adjectives คำคุณศัพท์
Adverbs คำกริยาวิเศษณ์
Verbs คำกริยา
Tenses กาล
Prepositions คำบุพบท
Pronouns คำสรรพนาม
Nouns คำนาม
Gerunds กริยาทีเ่ ติม ing
Articles คำนำหน้านาม
Auxiliary verbs กริยาช่วย
Comparisons การเปรียบเทียบ
Conjunctions คำสันธาน
Punctuation เครือ
่ งหมายวรรคตอน
Irregular Verbs กริยารูปพิเศษ
The Tenses
The simple Tenses
1. Present Simple S + V 1 (s, es)
2. Past Simple S + V2
3. Future Simple S + will, shall + V1
www.chrisdelivery.com Isan_Poem
Chris Delivery Episode 3 Isan_Poem_1
Chris Delivery Episode 4 Isan_Poem_2
Chris Delivery Episode 5 Isan_Poem_3
Chris Delivery Episode 6 Isan_Poem_4
Chris Delivery Episode 7
Chris Delivery Episode 8
Chris Delivery Episode 9
Chris Delivery Episode 10
Chris Delivery Episode 11
Chris Delivery Episode 12
Chris Delivery Episode 13
Chris Delivery Episode 14
Chris Delivery Episode 15
Chris Delivery Episode 16
I love you. ฉันรักคุณ
I really love you. ฉันรักคุณจริงๆ
I love you with all my heart. ฉันรักคุณหมดหัวใจ
I miss you. ฉันคิดถึงคุณ
I feel so lonely. ฉันเหงามาก
I’m so lonely without you. ไม่มีคณ ุ ฉันเหงามาก
I don’t want to be here without you. ฉันไม่อยากอยูท ่ น
ี่ ี้ ถ้าไม่มีคณ
ุ
Can you be my boy / girlfriend? คุณเป็ นแฟนฉันได้ไหม
I am single. ฉันเป็ นโสด
I don’t have anyone in my heart. ไม่มีใคร อยูใ่ นหัวใจ
I want to be with you. ฉันอยากอยูก ่ บั คุณ
I want to be with you all the time. ฉันอยากอยูก ่ บั คุณ ตลอดเวลา
I want to be with you forever. ฉันอยากอยูก ่ บั คุณตลอดไป
Why do you love me? ทำไมคุณถึงรักฉัน
Because you are……… เพราะว่าคุณ………..
I can’t forget you. ฉันลืมคุณไม่ได้
I dream about you all the time. ฉันฝันถึงคุณ ตลอดเวลา
I will dream about you every night. ฉันจะฝันถึงคุณ ทุกคืน
I will dream about you tonight คืนนี้ ฉันจะฝันถึงคุณ
You’re the woman of my dreams. คุณคือผูช ้ ายในฝัน
I want to know all about you. ฉันอยากรูเ้ รือ ่ งของคุณ
This is my first love. นี่เป็ นรักครัง้ แรกของผม
ประโยคคือกลุม
่ ของคำทีม
่ ีประธานและส่วนขยาย
แบ่งออกได้เป็ น 8 ชนิดคือ
คำนาม คำกริยา คำสรรพนาม คำกริยาวิเศษณ์ คำคุณศัพท์ คำบุพบท คำสันธานและคำอุทาน
verbs คำกริยา
nouns คำนาม
pronouns คำสรรพนาม
adverbs คำกริยาวิเศษณ์
adjectives คำคุณศัพท์
prepositions คำบุพบท
conjunctions คำสันธาน
interjections คำอุทาน
กลับไปยังหน้าเดิม
กลับไปยังหน้าเดิม
Adjectives คำคุณศัพท์
คำคุณศัพท์คอ
ื คำทีทำ
่ หน้าทีข
่ ยายคำนามหรือคำสรรพนาม ทีสำ
่ คัญมีดงั นี้
Descriptive adjectives
คือคำคุณศัพท์ทบ
ี่ อกลักษณะ คุณภาพ ขนาด สี รูปร่าง ของคำนามทีม
่ น
ั ประกอบเช่น
beautiful สวยงาม
ugly ขี้เหล่
new ใหม่
old เก่า
big ใหญ่
small เล็ก
clean สะอาด
dirty สกปรก
good ดี
bad เลว
She is beatiful.
Daeng's room is dirty.
Tammy is a good tennis player.
1. การเรียงลำดับคำคุณศัพท์ทม
ี่ ีอยูใ่ นประโยคเรียงได้ตามนี้
คำคุณศัพท์ทบ
ี่ อกสี ทีม
่ า(มาจากไหน) วัสดุ(ทำจากอะไร)
blue American leather
red Thai silk
Demonstrative adjectives
Proper Adjectives
Numeral Adjectives
Possessive Adjectives
กลับไปยังหน้าเดิม
Adjectives
ชนิดของ Adjective
1. Descriptive Adjective คือ "คำคุณศัพท์บอกลักษณะ" หมายถึง คำทีใ่ ช้ลกั ษณะหรือคุณภาพของคนสัตว์ สิง่ ของและสถานทีเ่ พือ
่ ให้ร
good, bad, tall, shot, black, fat, thin, fat, thin, clever, foolish, poor, rich, brave, cowardly, pretty, agly, happy, sor
ตัวอย่างเช่น :
The rich man lives in the big house. (คนรวยอาศัยอยูบ ่ า้ นหลังใหญ่)
A clever pupil can answer the difficult problem. (นักเรียนทีฉ ่ ลาดสามารถตอบปัญหายากได้
The black cat cuagh a smail bird. (แมวดำตัวนัน ้ จับนกได้)
ข้อสังเกต : rich, big, clever, difficult, black และ small เป็ นคุณศัพท์บอกลักษณะ
2. Proper Adjective คือ "คุณศัพท์บอกสัญชาติ" หมายถึง คำทีไ่ ปขยายนามเพือ ่ บอกสัญชาติ ซึง่ อันทีจ่ ริงมีรูปเปลีย่ นมาจาก
Proper Noun Proper Adjective
(เป็ นนามเฉพาะ) (เป็ นคุณศัพท์บอกสัญชาติ)
England English
America American
Thailand Thai
India Indian
Germany German
Italy Italian
Japan Japanese
China Chinese
ตัวอย่างเช่น :
John employs a chinese cook. (จอห์นจ้างพ่อครัวชาวจีนคนหนึ่ง)
Do you learn French literature? (คุณเรียนวรรณคดีฝรั่งเศสหรือ)
The English language is used by every nation. (ภาษาอังกฤษใช้ในทุกประเทศ)
ข้อสังเกต : Chinese, French, English เป็ นคำคุณศัพท์บอกสัญชาติ
1. เรียงไว้หน้าคำนามทีค่ ณ
ุ ศัพท์นน้ ั ไปขยายโดยตรงได้ เช่น
* The thin man can run very quickly.
(คนผอมสามารถวิง่ ได้เร็วมาก)
* A wise boy is able to answer a difficult problem.
(เด็กฉลาดสามารถตอบปัญหาทีย่ ากได้)
* The beautiful girl is wanted by a young boy.
(สาวสวยย่อมเป็ นทีห่ มายตาของเด็กหนุ่ม)
ข้อสังเกต : thin , wise , difficult , beautiful ,young เป็ น
คุณศัพท์เรียงขยายไว้หน้านามโดยตรง
4. เรียง Adjective ไว้หลังคำนามได้ ไม่วา่ นามนัน ้ จะทำหน้าทีเ่ ป็ นอะไรก็ตาม ถ้า Adjective ตัวนัน
้ มี
บุพบทวลี (Perpositional Phrase)มาขยายนามตามหลัง เช่น
* A parcel posted by mail today will reach him tomorrow.
(พัสดุทส
ี่ ง่ ทางไปรษณีย์วน ั นี้จะถึงเขาวันพรุง่ นี้)
ข้อสังเกต: posted เป็ น Adjective เรียงตามหลังนาม parcal ได้เพราะมีบุพบทวลี by mail today
* I have known the manager suitable for his position.
(ฉันได้รจู้ กั ผูจ้ ดั การซึง่ ก็มีความเหมาะสมสำหรับตำแหน่ งของเขา)
ข้อสังเกต: suitable เป็ นคุณศัพท์ เรียงไว้หลังนาม manager ได้เพราะมีบุพบท วลี for his position
* ข้อยกเว้น ในการใช้ Adjecive บางตัวเมือ ่ ไปขยายนาม
Adjective - Equivalent
จุดประสงค์(เพือ
่ อะไร) คำนาม
sport shoes
business tie
th,tenth.....
ยสรรพนามต้องอยูห
่ ลังตลอดไป) เพือ
่ บอกให้รลู้ กั ษณะคุณภาพ
ณะหรือคุณภาพของคนสัตว์ สิง่ ของและสถานทีเ่ พือ
่ ให้รวู้ า่ นามนัน
้ มีลกั ษณะอย่างไร ได้แก่คำว่า
ch, brave, cowardly, pretty, agly, happy, sorry, etc.
สามารถตอบปัญหายากได้)
อังกฤษ, คนอังกฤษ
อเมริกา, คนอเมริกน ั
ไทย, คนไทย
อินเดีย, คนอินเดีย
เยอรมัน, คนเยอรมัน
อิตาลี, คนอิตาเลีย่ น
ญีป่ น, ุ่ คนญีป
่ น
ุ่
จีน, คนจีน
าม เพือ
่ บอกให้ทราบปริมาณของสิง่ เหล่านัน
้ ว่า มีมากหรือน้อย (แต่ไม่บอกจำนวนแน่ นอน)ได้แก่
ขยายนาม เมือ
่ บอกจำนวนแน่ นอนของนามว่ามีเท่าไหร่ แบ่งเป็ นชือ
่ ย่อยได้ 3 ชนิด คือ
ของนาม ได้แก่
ลำดับทีข
่ องนามนัน
้ ๆ ได้แก่
นามเพือ
่ ให้เป็ นคําถามโดยจะวางไว้
าํ คุณศัพท์ทใี่ ช้ขยายนามเพือ
่ บอกความเป็ นเจ้าของของนาม ได้แก่ my,our,your,his,her,itsและtheir
กนามออกจากกันเป็ น อันหนึ่ง หรือส่วนหนึ่งได้แก่ each(แต่ละ), every(ทุกๆ), either(ไม่อน ั หนึ่ง), neither(ไม่ทง้ ั สอง)
ั ใดก็อน
ยเพือ
่ ให้เป็ นคําอุทาน ได้แก่ what
ตามหลังและในขณะเดียวกันก็ยงั ทําหน้าทีค
่ ล้ายส้นธาน
หลัง และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าทีเ่ ชือ
่ มประโยคหน้าและประโยคหลังให้กลมกลืนกันอีกด้วย
Adjective ตัวนัน
้ มี
านามทีม
่ น
ั ไปขยายนัน
้ ทุกครัง้ ไป เช่น
มาใช้เป็ น Adjective
รือสรรพนามได้ แต่วางไว้หลังนามทีม
่ น
ั ขยายเสมอ เช่น
ยายทุกครัง้ เช่น
นตำแหน่ งวางของวลีคณ
ุ ศัพท์นน
้ ั อยูห
่ น้านามก็มี อยูห
่ ลังนามก็มี เช่น
n ทีอ่ ยูข
่ า้ งหน้า
se ทีอ่ ยูข
่ า้ งหน้า
คำกริยาวิเศษณ์ ทำหน้าทีข
่ ยายคำคุณศัพท์ ขยายคำกริยาหรือ
ขยายคำกริยาวิเศษณ์ ดว้ ยกันซึง่ แบ่งออกเป็ นชนิดต่างดังต่อไปนี้
Adverbs of Frequency
Adverbs of Manner
happily อย่างมีความสุข
quickly อย่างอย่างรวดเร็ว
beautifully อย่างสวยงาม
late ล่าช้า
well ดี
carefully อย่างระมัดระวัง
fast เร็ว
Adverbs of Time
today วันนี้
tonight คืนนี้
yesterday เมือ
่ วาน
finally ในทีส่ ุด
last ครัง้ สุดท้าย
already เรียบร้อยแล้ว
soon ในเร็วๆนี้
before ก่อน
still ยังคง
every week ทุกๆสัปดาห์
Adverbs of Place
here ทีน ่ ี่
around รอบๆ
there ทีน ่ ่นั
somewhere ทีไ่ หนสักแห่ง
near ใกล้ๆ
Adverbs of Degree
very มาก
too มาก(เกินไป)
quite มาก(ทีเดียว)
almost เกือบจะ
Note:
1.ในกรณีทป ี่ ระโยคหนึ่งมีคำกริยาวิเศษณ์ อยูห่ ลายชนิดให้เรียงลำดับดังนี้ manner, place, time
The kids go to bed early.
He works hard every week.
He sang beautifully at the concert last night.
2. คำทีม ่ ีรูปเหมือนกันเป็ นได้ทง้ ั คำคุณศัพท์และคำกริยาวิเศษณ์ ได้แก่คำว่า
fast เร็ว
hard ยาก แข็ง
far ไกล
pretty มาก ทีเดียว
early เช้า เร็ว แต่เช้า
He runs fast.
He is a fast runner.
She works hard.
She is a hard worker.
คำกริยาวิเศษณ์ ส่วนใหญ่มาจากคำคุณศัพท์โดยการเติม ly ท้ายคำโดยมีหลักการทำดังนี้
1. เอาคำคุณศัพท์มาเติม ly ได้เลย เช่น
true truly
happy happily
angry angrily
4. คำคุณศัพท์ทลี่ งท้ายด้วย le ให้ตดั e ออก แล้วเติม y
simple simply
possible possibly
กลับไปยังหน้าเดิม
ADVERBS
HOW TO LEARN ?
(a) litte ใช้กบั นามทีน ั ไม่ได้ (uncountable noun) ซึง่ ย่อมต้องเป็ นเอกพจน์เสมอ เช่น (a) little water, (a) little snow
่ บ
(b) few ใช้กบั นามทีน ั ได้ (countable noun) ซึง่ ต้องเป็ นพหูพจน์เสมอ เช่น (a) few books, (a) few people
่ บ
ข้อแตกต่างระหว่าง a little (มี a) กับ little (ไม่มี a) a few (มี a) กับ few (ไม่มี a)
เมือ
่ มี a นำหน้า little หรือ few มีความหมายในทางรับ คือรับว่ามีอยูบ
่ า้ ง แม้จะน้อยก็ตาม เช่น
(แทบจะไม่มีเงินเหลืออยูเ่ ลย)
ถ้าผูพ
้ ูดนึกว่าแทบไม่มีเลย เขาก็ไม่ใช้ a ถ้าเขานึกว่ายังมีอยูบ
่ า้ ง เขา ก็ใช้ a นำหน้า (โดยทั่วๆไปประโยคภาษาอังกฤษมักจะมี
ADJECTIVES & ADVERBS
He is agood student.
2.เมือ
่ มี adjective 2 คำประกอบคำนามคำนามคำเดียวโดยปกติไม่นิยมใช้เชือ
่ ม เช่น
much ใชป
้ ระกอบนามนั บไมไ่ ด้ (uncountable) เชน
่ much water
Some&Any
Some,someใชใ้ นประโยคบอกเลา่ (affirmative)
้ ้ รวมทั งคำประสม
ทั นนี ้ (compound) ของ some และ any ด้วย เชน
่ somebody,anybody,something,anythingsome
Too&Enough
as well ใช้ในภาษาพู ดเหมื อนกั น และเป็ นคำที่ นิยมมากกว่า too (วางไว้ท้ายประโยคอย่าง too
Nearly, Almost
(ทอมสู งเกื อบ 5 ฟุ ต)
Adverbs of Time
place, time
ดังนี้
อย่างสวยงาม
อย่างเงียบๆ
อย่างยอดเยีย่ ม
อย่างแท้จริง
อย่างมีความสุข
อย่างฉุ นเฉี ยว
ง่ายๆ ชัดเจน
เป็ นไปได้
อ เช่น (a) little water, (a) little snow
ระโยคบอกเลา่ ถา้ เป็ นคำถามหรื อปฏิเสธนิ ยมใช้ much หรื อ many เชน
่
large quantity(of)
erd เชน
่ very much, very old
y,anybody,something,anythingsomeและany ใชป ้
้ ระกอบได้ทังนามนั ้ จะตอ
บได้และนามนั บไมไ่ ด้ ถา้ ประกอบนามนั บได้ นามนั น ้ งเป็ นพหูพจน์ เชน
่
คือคำทีแ
่ สดงการกระทำหรือถูกกระทำมีดงั ต่อไปนี้
smile ยิม ้
cry ร้องไห้
run วิง่
speak พูด
go ไป
come มา
sit นั่ง
sleep นอน
walk เดิน
I like to smile.
My dog runs quickly.
write เขียน
give ให้
buy ซื้อ
look มอง
close ปิ ด
kick เตะ
He writes novels.
I bought a car.
กริยารูปพิเศษ (Irregular verb) เมือ ่ เปลีย่ นเป็ นช่องทีส่ อง (Past tense) ช่องทีส่ าม (Past Participle)
จะมีรูปทีเ่ หมือนกันและรูปทีแ
่ ตกต่างกัน คลิกดูกริยารูปพิเศษเพิม ่
1 มีรูปเหมือนกันทัง้ สามช่อง
2. มีรูปทีแ
่ ตกต่างกัน
Infinitives
1.ใชัเป็ นประธาน
It is not difficult to learn English.
2. ใช้ตามหลังคำกริยา
It's starting to rain.
กริยาทีต
่ ามด้วย Infinitive ตามด้วย to ได้แก่คำว่า
hope หวัง
need ต้องการ
prepare เตรียม
except ยอมรับ
decide ตัดสินใจ
appear ปรากฎ
ask ขอร้อง
plan วางแผน
mean ตัง้ ใจ
remind เตือน
swear สาบาน
pretend เสแสร้ง
want ต้องการ
promise สัญญา
neglect เพิกเฉย
learn เรียนรู้
deserve สมควรได้รบั
manage จัดการ
กลับไปยังหน้าเดิม
Verb
Verb คือ "กริยา" ได้แก่ "คำทีใ่ ช้แสดงถึงการกระทำ หรือการถูกกระทำของคำทีเ่ ป็ นประธาน หรือเป็ นคำสอดแทรกเข้ามาทำหน้าทีช
่ ว่ ยก
เพือ
่ บอกถึงมาลา ( mood ) วาจก ( Voice ) และกาล ( Tense )"
ในภาษาอังกฤษแบ่ง verb ออกเป็ น 5 ชนิดด้วยกัน
Transitive Verb
ตัวอย่าง :
My father bought meat and eggs yesterday.
( คุณพ่อของฉันซื้อเนื้อและไข่มาเมือ
่ วานนี้ )
คำทีจ่ ะนำมาใช้เป็ นกรรมของสกรรมกริยา ( Object of a transitive Verb ) ได้นน
้ ั ได้แก่คำต่อไปนี้ คือ
Intransitive Verb
go ไป
stay พัก,อยู่
regret เสียใจ
ตัวอย่างเช่น :
Who comes?
( ใครมา )
ข้อสังเกต : หลัง comes ไม่ตอ ้ งมีกรรมมารับ เพราะได้เนื้อความสมบูรณ์
My sister dances very well.
( พี/่ น้องสาวของฉันเต้นรำได้ดีมาก )
ข้อสังเกต : หลัง dances ไม่ตอ ้ งมีกรรมมารับ เพราะได้เนื้อความสมบูรณ์ แล้ว ส่วน very well ทีต
่ ามหลังอยูน
่ น
้ ั ไม่ใช่กรรม แต่เป็ น
การกรรมมารับโดยตรง แต่ก็ยงั ต้องพึง่ หรืออาศัย คำหรือกลุม ่ คำอืน
่ ช่วยขยาย เพือ
่ ให้เนื
get = เป็ น , มี
grow = เจริญ , มี , เป็ น
feel = รูส้ ก
ึ
look = ดูเหมือน , ดูทา่
ตัวอย่างเช่น :
Helen looks unhappy.
( เฮเลนดูทา่ ไม่สบาย )
His plan proved useless.
( แผนการของเขาใช้ไม่ได้เลย )
ตัวดำดูเหมือนทำหน้าทีเ่ ป็ น object แต่ไม่ใช่ แท้ทจี่ ริงแล้วมันก็ทำหน้าทีเ่ ป็ น Subjective Complement
Finite Verb
Who comes?
( ใครมา )
The girls are coming early.
( พวกเด็กหญิงก็มาแต่เช้า )
ข้อสังเกต : ซึง่ เป็ นกริยาในประโยคข้างบนนี้ จะเห็นว่า ได้มีการเปลีย่ นแปลงไปตาม Tense และประธานของประโยคนัน
้ ๆ ทัง้ นี้ก็เพรา
Non - Finite Verb
Non - Finite Verb คือ "กริยาไม่แท้" หมายถึง "คำกริยาทีม ่ ไิ ด้นำมาใช้อย่างกริยาแท้ แต่ถูกนำมาใช้ทำหน้าทีเ่ ป็ นอย่างอืน
่ เช่น เป็ นนา
หรือเป็ นอืน
่ ใดได้ทง้ ั นัน
้ " ในภาษาอังกฤษแบ่งกริยาไม่แท้ ( Non - Finite Verb ) ออก
1. Infinitive = กริยาทีม
่ ี To นำหน้า ( To + Verb 1 ) เช่น to walk
2. Gerund = กริยาทีเ่ ติม ing ( Verb + ing ) เช่น walking , sleeping , smoking
Auxiliary Verb
Auxiliary Verb คือ "กริยานุเคราะห์" ( บางครัง้ ก็เรียกกริยาช่วย ( Helping Verb ) บ้าง , กริยาพิเศษ
Auxiliary Verb มีอยูท
่ ง้ ั หมด 24 ตัว คือ
1. หน้าทีข
่ อง Verb to be ใช้ทำหน้าทีช ่ ว่ ยกริยาตัวอืน
่ ได้ดงั ต่อไปนี้
1.1 วางไว้หน้ากริยาตัวทีเ่ ติม ing ทำให้ประโยคนัน ้ เป็ น Continuous Tense ซึง่ แปลว่า "กำลัง"
We are learning English
( เรากำลังเรียนภาษาอังกฤษ )
ตัด
อ่าน
ตี
เจ็บ
วาง ใส่
กิน
บิน
แตก หัก
สร้าง
มา
ทำ
ทำ สร้าง
จ่ายเงิน
ขโมย
คิด
คำ
could
ว่า
ว่า
ป็ นประธาน หรือเป็ นคำสอดแทรกเข้ามาทำหน้าทีช
่ ว่ ยกริยาตัวอืน
่ ก็ได้
อมีกรรมมาขยายตามหลัง เพือ
่ ให้เนื้อความของกริยาตัวนัน
้ ฟังเข้าใจ" สกรรมกริยาได้แก่กริยาต่อไปนี้
lose , wash, clean , etc.
นัน
้ ได้แก่คำต่อไปนี้ คือ
มีกรรมมารองรับ เพราะมีเนื้อความสมบูรณ์ อยูใ่ นตัวอยูแ
่ ล้ว" กริยาต่อไปนี้จดั อยูใ่ นประเภทอกรรมกริยาคือ
ม Tense และประธานของประโยคนัน
้ ๆ ทัง้ นี้ก็เพราะว่า come เป็ นกริยาแท้ ( Finite Verb ) นั่นเอง
าแท้ แต่ถูกนำมาใช้ทำหน้าทีเ่ ป็ นอย่างอืน
่ เช่น เป็ นนามบ้าง , เป็ นคุณศัพท์บา้ ง , เป็ นกริยาวิเศษณ์ บา้ ง
ดงถึงหน้าทีท
่ ต
ี่ อ
้ งกระทำ , แผนการ , การเตรียมการ , คำสั่ง , คำขอร้อง หรือความเป็ นไปได้ เช่น
ยคนัน
้ จะไม่มี Verb ตัวอืน
่ เข้ามาร่วมอยูก
่ บั Verb to be เช่น
จจำเป็ นทีต
่ อ
้ งกระทำ หลัง have to ต้องใช้กริยาช่อง 1 ตลอดไป เช่น
้ ไปไว้ตน
o do เข้ามาช่วย จะเอา have ( หรือ has ) ขึน ้ ประโยคเมือ
่ เป็ นคำถาม หรือเติม not หลัง have , has เมือ
่ ต้องการให้เป็ นปฏิเสธไม่ได้
า" หลัง had better ตามด้วย Verb ช่อง 1( เป็ น Infinitive Without "to" ) ใช้ในกรณีทค ิ ว่าจะเป็ นการดีทจี่ ะกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด หรือเหมาะสมทีจ่ ะประกอบกิจนัน
ี่ ด ้
เท่านัน
้ อย่าวางหลัง had เป็ นอันขาด ส่วนคำถามให้เอาเฉพาะ had ตัวเดียววางไว้ตน
้ ประโยค
ป็ นกริยาช่วย ( Helping - Verb ) ไม่มีสำเนียงแปล และเมือ่ ไปช่วยกริยาตัวใด Verb ทีต
่ ามหลัง do , does , did ไม่ตอ
้ งมี to นำหน้า เพราะเป็ น Infinitive Without "
gative ) หรือประโยคปฏิเสธ ( Negative ) ในกรณีทป ี่ ระโยคเหล่านัน
้ ต้องตรงตามหลักทฤษฎีทวี่ า่
t อยูแ
่ ล้วก็ไม่ตอ
้ งใช้ Verb to do มาช่วย
นซ้ำ ๆ ซาก ๆ เช่น
้ มาจริง ๆ
นักการกระทำขึน
ากริยาหลังในประโยคคำถามนัน
้ มากล่าวซ้ำในประโยคคำตอบ เช่น
้ เป็ นคำถามหรือปฏิเสธต้องเอา Verb to do ( ทีเ่ ป็ นกริยาช่วย ) มาช่วย do ( ทีเ่ ป็ นกริยาแท้อีกทีหนึ่ง ) ตามหลักทฤษฎีทวี่ า่ ...
แปลว่า "ทำ" ดังนัน
าล ( Future Tense ) และใช้กบั ประธานทีเ่ ป็ นบุรุษที่ 2 ( คือ you ) และบุรุษที่ 3 ( คือ He , She , It , They ) ตลอดถึงนามเอกพจน์ พหูพจน์ ทั่วไปทีม
่ าเป็ นประธานได
พือ
่ รอดูปฏิกริ ยิ าของผูท
้ ต
ี่ นพูดด้วยว่าจะเป็ นหรือทำอย่างทีช
่ กั นำหรือไม่ และตามกฎข้อนี้มกั ใช้ในคำถามเพือ
่ ความสุภาพ เช่น
่ จี่ ะต้องกระทำการให้คำแนะนำ ( duty , obligation หรือ advice ) ซึง่ มีความหมายเท่ากับ ought to โดยเฉพาะภาษาพูดจะใช้ should
ใช้แสดงถึงหน้าทีท
พ้นมาแล้ว เช่น
มาย โดยมีสน
ั ธาน so that, in order that นำหน้าประโยคของมัน เช่น
ยปราศจากข้อสงสัย เช่น
วประธาน กริยาตัวอืน ่ ามหลังเป็ น Infinitive Without "to" ซึง่ มีรายละเอียดของการใช้ดงั ต่อไปนี้
่ ทีต
ารให้เกียรติกบั ผูท
้ เี่ ราพูดด้วย เช่น
มสามารถหรือความเป็ นไปได้ในอดีตแต่ก็ไม่ได้ใช้ความสามารถนัน
้ เสีย เช่น
ร็จในสิง่ ทีต
่ อ
้ งประสงค์ ( may อยูต
่ น
้ ประโยคเสมอ ) เช่น
ะทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
นใจอย่างแน่ นอนให้ใช้ may แทน ) เปรียบเทียบจากตัวอย่างประโยค 2 ประโยคนี้ เช่น
ทีทำ
่ งานของเขาก็ได้ เมือ ่ พูดออกไปโดยไม่แน่ ใจเช่นนัน
้ จึงใช้ might มาเป็ นกริยาช่วย
ทำงานไม่ได้ไปไหน เพราะเห็นมาด้วยตาตัวเองแล้ว จึงเกิดความมั่นใจ 100% ว่า จิมจะต้องอยูท ่ ทำ
ี่ งานของเขา จึงใช้ may มาเป็ นกริยาช่วยอันแสดงถึงความมั่นใจ
ณะทีพ่ ูดถึงสิง่ ทีเ่ ป็ นอดีต เช่น
by the traffic or she might have had an accident.
พราะการจราจรทำให้ลา่ ช้า หรือว่าหล่อนได้รบั อุบตั เิ หตุ )
ht + have + Verb ช่อง 3 เพราะผูพ ้ ูดพูดไปในลักษณะวิเคราะห์เหตุการณ์ ไม่ใช่ขอ้ เท็จจริงทีป
่ ระจักษ์ กบั ตัวเองแล้ว
นกริยาแท้ ( Finite Verb ) ก็ได้ ใช้เป็ นกริยาช่วย ( Helping Verb ) ก็ได้ ดังจะได้อธิบายถึงรายละเอียดของการใช้ดงั นี้
ทีเ่ ป็ นบอกเล่า ( Affirmative ) แต่นิยมนำมาใช้ในประโยคคำถาม ( Interrogative ) หรือประโยคปฏิเสธ ( Negative ) หรือในประโยคทีม ้ ความเป็ นกึง่ ปฏิเสธ
่ ีขอ
บั Need นั่นคือจะใช้อย่างกริยาแท้ ( Finite Verb ) ก็ได้หรือจะใช้อย่างกริยาช่วย ( Helping Verb ) ก็ได้ ซึง่ มีรายละเอียดการใช้ดงั ต่อไปนี้
้ ไปไว้ตน
are ขึน ้ ประโยคได้เลย เช่น
Past ) แต่ถา้ ต้องการจะใช้ Past ต้องตามด้วย Perfect Infinitive ( คือ ought + to have +Verb ช่อง 3 อนึ่ง ought to จะใช้ should ( ทีแ
่ ปลว่า "ควรจะ
มาใช้ก็ตอ
่ เมือ ่ ่วั ระยะหนึ่ง ในอดีต แต่ปจั จุบน
่ กล่าวถึงการกระทำทีเ่ ป็ นปกตินิสยั อยูช ั การกระทำทีก
่ ล่าวถึงนัน ้ อีกแล้ว เพราะฉะนัน
้ มิได้กระทำหรือเกิดขึน ้ used to
หรือเหมาะสมทีจ่ ะประกอบกิจนัน
้ ๆ ในเวลานัน
้ แม้จะมีรูปเป็ นอ
เพราะเป็ น Infinitive Without "to" do , does ใช้กบั การกระทำ
คบอกเล่านัน ้ ไปไว้ตน
้ ขึน ้ ประโยคหรือเติม not ลงข้างหลัง do อย
พหูพจน์ ทั่วไปทีม
่ าเป็ นประธานได้ทง้ ั นัน
้ เช่น
เพราะฉะนัน
้ used to จึงต้องใช้กบั เหตุการณ์ หรือการกร
กลับไปยังหน้าเดิม
Tenses (กาล)
read a book.
I, You, We,They
drive a car.
เมือ
่ เราต้องการทำเป็ นประโยคปฎิเสธและประโยคคำถามให้เอา V to do(do,does)
มาเป็ นกริยาช่วยในประโยคคำถามทีเ่ ป็ นแบบ yes-no questionsให้เอา
do,does วางไว้หน้าประโยค
Note: เมือ
่ เอา V to do มาใช้ในประโยคปฎิเสธและประโยคคำถามกริยาแท้ไม่ตอ
้ งเติม s หรือ es
โครงสร้าง S+V2
้ และจบสิน
ใช้กบั เหตุการณ์ ทเี่ กิดขึน ้ ลงไปแล้วในอดีตและมักจะมีคำบอกเวลาอยูด
่ ว้ ย
เช่นคำว่า yesterday, last week, last month, last year, last summer, ago
We went to Canada last summer.
My family came to visit me last week.
เมือ
่ เราต้องการทำเป็ นประโยคปฎิเสธและประโยคคำถาม ให้นำเอา V to do(did) มาช่วย
Note: เมือ
่ นำเอา did มาใช้ในประโยคกริยาแท้จะต้องเปลีย่ นเป็ นช่องที1
่ เหมือนเดิม
เมือ
่ ต้องการทำเป็ นประโยคคำถามให้นำเอาV to be มาวางไว้หน้าประโยคได้เลย
ใช้เพือ
่ บรรยายเหตุการณ์ ทกำ ้ ในอดีตแล้วมีอีกเหตุการณ์ หนึ่งเข้ามาแทรก
ี่ ลังเกิดขึน
เหตุการณ์ ทกำ
ี่ ลังกระทำหรือกำลังเกิดขึน ้ ใช้ past continuous
เหตุการณ์ ทเี่ ข้ามาแทรกใช้ past simple
เมือ
่ ต้องการทำเป็ นประโยคคำถามให้เอา V to have (has,have)มาวางไว้ประโยค
ได้เลย
เมือ
่ ต้องการทำเป็ นประโยคปฎิเสธให้เติม not หลัง verb "to have" (has,have)
้ เรียบร้อยแล้วไปแล้วในขณะทีกำ
ใช้แสดงความสัมพันธ์ของสองเหตุการณ์ ทเี่ กิดขึน ่ ลังพูด ซึง่ เหตุการณ์ ทเี่ กิดขึน
้ ก่อนเราใช้
้ ทีหลังเราใช้เป็ น past simple tense
Past Perfect tense ส่วนเหตุการณ์ ทเี่ กิดขึน
When Paul arrived, Mary had just left.
It rained after we had finished playing football.
study?
work.
study.
ติม s หรือ es
าช่วย
work?
work?
work.
work.
ณ์ ใช้ดงั นี้
(,)
อไปอีก
พูด
time อยูด
่ ว้ ยเช่น
กับ
คต
ars.
กลับไปยังหน้าเดิม
Prepositions บุพบท
1. การใช้ in on at กับเวลา
in ใช้กบั ส่วนของวันเช่น
in the morning
in the afternoon
in the evening
้ เช่นเดือน ปี และฤดู
in ใช้กบั เวลาหรือระยะเวลาทีย่ าวขึน
in 2000
in summer
in June 1999
in the 21th century
in the past
in time
in the future
in a few months
in two hours
in a week's time
2. การใช้ in on at กับสถานที่
on ใช้เชือ
่ มต่อระหว่างสองทีเ่ ช่น
on Silom Road
on the way home
on ใช้กบั สำนวนต่อไปนี้
on business
on tour
on the radio
on air
on television
on the phone
on purpose
on fire
on the list
on pleasure
on duty
on guard
in ใช้กบั สถานทีท
่ ค
ี่ อ
่ นข้างใหญ่เช่นเมืองจังหวัด ประเทศหรือทวีปเช่น
in Chiang Mai
in Asia
in the world
in the army
in the sky
in the river
in the sea
in the parking lot
นอกจากนี้ยงั ยังมีคำว่า
during แปลว่า ระหว่าง
till, until ใช้เกีย่ วกับเวลาแปลว่า จนกระทั่ง จนถึง
before ใช้เกีย่ วกับเวลาแปลว่า ก่อน
after ใช้เกีย่ วกับเวลาแปลว่า หลัง
from ใช้กบั เวลาหรือสถานทีแ ่ ปลว่า นับตัง้ แต่
from...to แปลว่า จาก...ถึง
from...till แปลว่า ตัง้ แต่...ถึง
between... and แปลว่า ระหว่าง...ถึง
by แปลว่าด้วย(ใช้กบั การเดินทางด้วยยานพาหนะแปลว่า)
in front of แปลว่า ข้างหน้า
outside แปลว่า ข้างนอก ภายนอก
inside แปลว่า ข้างใน ภายใน
behind แปลว่า ข้างหลัง
กลับไปยังหน้าเดิม
Prepositions บุพบท
เวลาเทีย่ งวัน
เวลากลางคืน
เวลาเทีย่ งวัน
เวลาหกโมงเช้า
ในวันคริสต์มาส
ในตอนแรก
ในทันที
ในท้ายสุด
ในเวลาอาหารกลางวัน
ขณะนี้
วันอาทิตย์
วันจันทร์
วันอังคาร
วันพุธ
วันพฤหัสบดี
วันศุกร์
วันเสาร์
าชการ และวันหยุดต่างๆ
ในวันที่ 1 พฤษภาคม
ในวันคริสต์มาส
้ ปี ใหม่
ในวันขึน
ในวันหยุด
ในวันหยุด
ตรงเวลา
ในวันสงกรานต์
ในตอนเช้า
ในตอนบ่าย
ในตอนเย็น
น ปี และฤดู
ในปี 2000
ในฤดูรอ้ น
ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 1999
ในศตวรรษที่ 21
ในอดีต
ทันเวลา
ในอนาคต
ในอีก 2-3 เดือน
ภายในสองชั่วโมง
ในหนึ่งสัปดาห์
มืองหรือใช้
น
ทีบ ่ า้ น
ทีโ่ รงพยาบาล
ทีส่ นามบิน
ทีส่ ถานีขนส่ง
ทีป ่ ระชุม
ทีห ่ น้าต่าง
ทีแ ่ ม่นํ้า
ทีค ่ อนเสิร์ต
ทีป ่ ระตู
ทีง่ านเลี้ยง
ขณะทำงาน
อย่างดีทส
ี่ ุด
ตามความต้องการ
อย่างน้อยทีส่ ุด
ขาดทุน
อย่างแย่ทส ี่ ุด
มีอส
ิ ระ
บนถนนสีลม
ในระหว่างทางกลับบ้าน
บนโต๊ะ
บนเพดาน
บนทางข้างถนน
บนพื้น
บนรถไฟ
บนรถจักรยาน
บนผนัง
บนชายฝั่ ง
บนกระดาษ
ว่าด้วยเรือ
่ งธุรกิจ
ในขณะท่องเทีย่ ว
ในวิทยุ
ขณะออกอากาศ
ในโทรทัศน์
ทางโทรศัพท์
โดยตัง้ ใจ
ในขณะไฟไหม้
ในรายชือ ่
เพือ
่ ความสนุกสนาน
ในขณะปฎิบตั หิ น้าที่
เตรียมพร้อม
วัด ประเทศหรือทวีปเช่น
ในจังหวัดเชียงใหม่
ในทวีปเอเชีย
ในโลก
ในกองทัพ
ในท้องฟ้ า
ในแม่นํ้า
ในทะเล
ในลานจอดรถ
ง จนถึง
แต่
เช่น
My wife belongs to the club.
That car is mine.
This book is yours.
Their dog was hit by a car.
เอกพจน์ พหูพจน์
I - myself we - ourselves
you - yourself you - yourselves
he - himself they - themselves
she - herself
it - itself
I am working by myself.
He ate the whole cake by himself.
She cut herself while making dinner.
ดูตารางการเปรียบเทียบ
หลัง
งเสมอ
Possessive pronoun Reflexive pronoun
mine myself
yours yourself
ours ourselves
theirs themselves
his himself
hers herself
- itself
ด้แก่คำว่า
กลับไปยังหน้าเดิม
Nouns คำนาม
คำนามคือคำทีใ่ ช้เรียกชือ
่ คน สัตว์ สิง่ ของมีดงั นี้
Singular Plural
boat boats
hat hats
house houses
river rivers
chair chairs
boy boys
girl girls
computer computers
car cars
2.คำนามทีล่ งท้ายด้วย yหน้า y เป็ นพยัญชนะเมือ
่ ต้องการทำเป็ นนามพหูพจน์ให้เปลีย่ น y เป็ น i
Singular Plural
cry cries
fly flies
candy candies
city cities
lady ladies
baby babies
party parties
Singular Plural
tomato tomatoes
mango mangoes
potato potatoes
pamelo pameloes
hero heroes
4. คำนามพหูพจน์บางตัวจะเปลีย่ นรูปไปจากนามเอกพจน์
Singular Plural
woman women
man men
child children
knife knives
tooth teeth
foot feet
bus buses
person people
leaf leaves
wife wives
life lives
loaf loaves
box boxes
kiss kisses
glass glasses
cactus cacti
fungus fungi
nucleus nuclei
syllabus syllabi
thesis theses
crisis crises
phenomenon phenomena
criterion criteria
5. คำนามบางคำทีม
่ ีรูปเดียวกันทัง้ เอกพจน์และพหูพจน์
Singular Plural
sheep sheep
fish fish
species species
deer deer
Examples:
news ข่าว
The news is on at 6.30 p.m.
athletics:นักกีฬา นักกรีฑา
Athletics is good for young people.
liguistics:ภาษาศาสตร์
Linguistics is the study of language.
darts เกมปาเป้ า
Darts is a popular game in England.
politics การเมือง
trousers: กางเกงขายาว
My trousers are too tight.
jeans: กางเกงยีนส์
Her jeans are black.
glasses: แว่นตา
Those glasses are his.
scissors กรรไกร
shorts กางเกงขาสัน้
thanks ขอบใจ
stairs บันได
congratulations ขอแสดงความยินดี
wages ค้าจ้าง ค่าแรง
spectacles แว่นตา
goods สินค้า
b. มีรูปเป็ นเอกพจน์และพหูพจน์เช่น
three dogs สุนข ั สามตัว
ten ducks เป็ ดสิบตัว
a woman ผูห ้ ญิงหนึ่งคน
the shops. ร้านค้าหลายร้าน
b. นามทีบ
่ อกอาการ ความรูส้ ก
ึ สภาพ ลักษณะเช่น
richness ความรํ่ารวย
movement ความเคลือ ่ นไหว
beauty ความสวย
love ความรัก
knowledge ความรู้
2. verb + noun
work + man = workman กรรมกร
3. noun + verb
hair + cut = haircut การตัดผม
4. verb + prep.
hold + up = holdup การปล้น
5. adj.+ noun
green +house = greenhouse เรือนกระจก
quick + silver = quicksilver ปรอท
1. ชือ
่ นามสกุล และตำแหน่ ง
Somchai
the President of the United States
2 ชือ
่ งาน ชือ
่ ภาพยนตรชือ
่ หนังสือ
Death in Venice, The Barber of Seville
3.ชือ
่ เดือน ชือ
่ วัน และชือ
่ วันหยุด
Monday, October, Easter
4. คำคุณศัพท์ทม
ี่ าจากคำนามเฉพาะ
Thai cooking, a German car
5. ชือ
่ ทางภูมศ
ิ าสตร์
French Alps, the Nile , the Atlantic
6. ชือ
่ ถนน ชือ
่ อาคารสถานที่ ชือ
่ สวนสาธารณะ
Main Street, Central Park, Silom Road
กลับไปยังหน้าเดิม
ม
เรือ
หมวก
บ้าน
แม่นํ้า
เก้าอี้
เด็กผูช ้ าย
เด็กผูห ้ ญิง
เครือ่ งคอมพิวเตอร์
รถยนตร์
ร้องไห้
แมลงวัน
ลูกกวาด
เมือง
สุภาพสตรี
เด็กทารก
งานเลี้ยง
วัน
กุญแจ
ลิง
มะเขือเทศ
มะม่วง
มันฝรั่ง
ส้มโอ
วีระบุรุษ
สวนสัตว์
วิทยุ
โรงถ่ายทำ
ผูห
้ ญิง
ผูช้ าย
เด็ก
มีด
ฟัน
เท้า
รถบัส
คน ประชาชน
ใบไม้
ภรรยา
ชีวต ิ
ก้อน แถว (ขนมปัง)
กล่อง
จูบ
แก้ว กระจก
ต้นตะบองเพชร
เชื้อรา
นิวเคลียส
หลักสูตร
วิทยานิพนธ์
วิกฤติการณ์
ปรากฎการณ์
บรรทัดฐาน มาตรการ
แกะ
ปลา
ชนิด
กวาง
กลับไปยังหน้าเดิม
บไปยังหน้าเดิม
Gerunds กริยาทีเ่ ติม ing
1. ทำหน้าทีเ่ ป็ นประธานของกริยาเช่น
Walking is good for your health.
2. ทำหน้าทีเ่ ป็ นกรรมของกริยาเช่น
He stops smoking.
3. ทำหน้าทีเ่ ป็ นกรรมตามหลังคำบุพบทเช่น
Thank you for coming.
4. ใช้ในคำนามผสมเช่น
Swimming pool
Sleeping pill
2.forget ลืม
forget + to v 1 ลืมทำอะไรบางอย่าง
Don't forget to buy some milk on your way home.
forget + v ing ทำสิง่ นัน
้ ไปแล้วแต่ลืม
และตามด้วยโครงสร้างนี้I'll never forget ........ing
I'll never forget meeting Bill Clinton when he visited Thailand.
3. stop หยุด
stop +to v 1 หยุดทำอะไรบางอย่างเพือ
่ ไปทำอย่างอืน
่ แทน
Employess stop to have a break at 10 a.m.
stop + v ing เลิกทำหรือหยุดทำไปแล้ว
You should stop eating too much.
4.regret เสียใจ
regret +t o v 1เสียใจทีจ่ ะต้องบอกว่า
I regret to tell you that your dog died today.
regret + v ing เสียใจทีไ่ ด้ทำอะไรลงไปแล้ว
I regret drinking too much last night.
5. try
try + to V1 พยายามทำบางอย่างในสิง่ ทีย่ าก
I tried to study but I was too tired.
try +Ving ลองทำบางอย่าง
I tried calling you but your line was busy.
6. sorry
sorry +to V1 เป็ นการขอโทษในบางสิง่ ทีกำ ่ ลังกระทำหรือกำลังจะกระทำ
I'm sorry to have troubled you.
sorry for /about + Ving เสียใจกับสิง่ ทีผ
่ า่ นมาแล้ว
I'm sorry for troubling you.
กลับไปยังหน้าเดิม
กลับไปยังหน้าเดิม
Articles คำนำหน้านาม
หลักการใช้ a, an
2. ใช้ a, an นำหน้าคำนามเอกพจน์ทน
ี่ บ ่ ีความหมายเป็ น"หนึ่ง"
ั ได้เสมอทีม
She has a dog.
Give me an apple.
4. ใช้ a, an นำหน้านามเอกพน์ทแ
ี่ ปลเป็ นต่อ...(หน่ วย)
Oranges cost 50 baht a kilogram.
5. ใช้ a กับการเจ็บไข้ได้ป่วยเช่น
a stomachache, a headache, a fever
I ate somtam at lunch and now I have a stomachache.
หลักการใช้ the
1. ใช้กบั คำนามนับได้เอกพจน์และพหูพจน์ทเี่ ป็ นการชี้เฉพาะเจาะจงลงไปว่าคนไหน อันไหน สิง่ ไหน
รูปปฎิเสธ
is is not
am am not
are are not
was was not
were were not
do do not
does does not
did did not
has has not
have have not
had had not
can can not
could could not
may may not
might might not
will will not
would would not
shall shall not
should should not
must must not
need need not
dare dare not
ought ought not
used to used not to
verb to be ได้แก่คำว่า is, am, are, was, were แปลว่า"เป็ น, อยู,่ คือ"
be เป็ นรูปเดิมเมือ ่ กระจายรูปจะได้เป็ น is,am,are เปลีย่ นเป็ นช่องทีส่ องคือ was were และเปลีย่ นเป็ นช่องทีส่ ามคือ
ใช้กบั Present tense (ปัจจุบน ั กาล)
is ใช้กบั ประธานเอกพจน์
am ใช้กบั ประธานคำว่า I
are ใช้กบั ประธานพหูจน์
ใช้กบั Past tense (อดีตกาล)
was ใช้กบั ประธานเอกพจน์
wereใช้กบั ประธานพหูพจน์
หน้าทีข่ อง verb to be
1.ทำหน้าทีช ่ ว่ ยกริยาตัวอืน
่ ในประโยค continuous tense และประโยค Passive voice
They are watching tv.
She was writing to her parents.
A dog was killed by bad man.
2.ใช้กบั ประโยคทีม ่ ีคำนาม (noun) หรือคำคุณศัพท์ (adjective) ตามหลัง
We are students.
3.ใช้กบั ประโยคขอร้องและคำสั่ง(ในรูปของ be) เช่น
Be careful!
Be gentle!
may might
1.ใช้กบั การพูดถึงการมีโอกาสของบางสิง่ บางทีอาจเป็ นจริงหรืออาจจะเกิดขึน ้ เช่น
We may take a day off next week.
He might call me tonight.
2. might ไม่ได้เป็ น past ของ may เราจะใช้ might เมือ ่ เรามีโอกาสทีน
่ ้อยกว่า may เช่น
I may go to visit my parents in this weekend. (บางทีโอกาสจะเป็ น 50%)
Jane might go with me. (บางทีโอกาสจะเป็ น 30% )
3.การใช้ may/might กับ have ใช้แสดงการคาดคะเนทีอ่ าจจะเกิดขึน ้ ในอดีต
may/might + have +V3
She may have gone out when I phoned her.
A: I can't find my book.
B:You might have left it at school.
4. ใช้ may might ในการขออนุญาตเช่น
May I sit here?
I wonder if I might have another cup of coffee?
5. ใช้ may ในการอนุญาตและไม่อนุญาตเช่น
Children may not play alone in the pool.
A: May I turn the TV on?
B: Yes, of course you may.
will would
will
1.ใช้เมือ
่ เราพูดถึงอนาคต
I will go to school early tomorrow.
2.ใช้ will แสดงการขอร้องอย่างสุภาพเช่น
Will you open the door for me please?
shall should
shall
1.ใช้ในประโยคอนาคตกาล (Future tense) ตามปกติแล้ว shall ใช้กบั ประธาน I และ We
2. ใช้ในการเสนอหรือให้คำแนะนำ และใช้เมือ
่ ขอคำแนะนำเราจะใช้
Shall I...?
Shall we ...?
Shall I carry your books?
Shall we go shopping?
Should
1.ใช้เมือ
่ พูดเกีย่ วกับภาระหน้าทีแ ่ ละความคิดเห็นทีใ่ กล้เคียงกันเช่น
People should be careful about food.
She shouldn't act like that in public.
2. ใช้ Should I....? สำหรับการขอคำแนะนำ การยืน ่ มือช่วยเหลือ เช่น
Should I go out with him ?
Should I help you clean up this area?
3. ใช้เมือ่ กล่าวถึงสิง่ ทีค
่ วรจะทำแปลว่า"ควรจะ" เช่น
You work all day. You should take a rest.
้ หรืออาจจะเกิดหรือไม่ได้เกิดขึน
4. ใช้ should have +V3 ใช้พูดเกีย่ วกับอดีตโครงสร้างนี้ใช้กบั สิง่ ทีไ่ ม่ได้เกิดขึน ้ เช่น
They should have arrived here by now.
I should have written a note for him
5. ใช้กบั ประโยค if clause เช่น
If I had a lot of money, I would be happy.
must
แปลว่า "ต้อง"ตามด้วยกริยาช่องที่ 1มีหลักการใช้ดงั นี้
1. ใช้แสดงความจำเป็ นทีต
่ อ
้ งกระทำ
You must hand your homework in tomorrow.
2. ใช้ในการให้คำแนะนำหรือการสั่งกับตัวเราเองหรือกับบุคคลอืน
่ เช่น
He really must stop drinking.
You must sit there for two hours.
You mustn't talk in the classroom.
3. เราใช้ have to แทน must ได้
ความแตกต่างระหว่างการใช้ must และ have to
must เป็ นการสั่งความจำเป็ นมาจากบุคคลทีกำ ่ ลังพูดหรือกำลังฟัง
have to พูดถึงความจำเป็ นทีม ่ าจากภายนอกบางทีอาจจะเพราะว่ากฎหมาย
กฏระเบียบหรือเป็ นข้อตกลงเช่น
I must go home now. It's going to rain soon.
You must stop smoking.
I have to stop smoking because I'm sick.
mustn't ใช้บอกบุคคลไม่ให้ทำสิง่ นัน ้ สิง่ นี้
haven"t got to, don't have to ใช้พูดในบางสิง่ ทีไ่ ม่สำคัญเช่น
You mustn't tell Dang. มีความหมายว่า (Don't tell Dang.)
You don't have to tell your wife. หมายความว่า
(You can if you like, but it is not necessary.)
4. ใช้ must เมือ
่ พูดถึงสิง่ ทีเ่ ราแน่ ใจเช่น
The boy keeps crying. He must be really sick.
คำย่อ
isn't
-
aren't
wasn't
weren't
don't
doesn't
didn't
hasn't
haven't
hadn't
can't
couldn't
mayn't
mightn't
won't
wouldn't
shan't
shouldn't
mustn't
needn't
daren't
oughtn't
usedn't to
ve voice
บอกเล่าเป็ นประโยคคำถามและประโยคปฎิเสธ
นแทนเช่น
รอนุญาตเช่น
probability)
may เช่น
0%)
น I และ We
้ หรืออาจจะเกิดหรือไม่ได้เกิดขึน
ขึน ้ เช่น
แต่ทำไปแล้วเป็ นการเสียเวลาเปล่า
วเราเองด้วยมีความหมาย
sed to )
กลับไปยังหน้าเดิม
Comparisons การเปรียบเทียบ
การรเปรียบเทียบมีอยูด
่ ว้ ยกัน 3 แบบคือ
the same......as ใช้แสดงการเปรียบเทียบทีเ่ ท่ากัน คำทีใ่ ช้ระหว่าง the same ......as จะต้องเป็ นคำนาม เช่น
Kanda's salary is the same as mine. หรือ Kanda gets the same salary as me.
Note: หลัง as/than ถ้าไม่มี verb ตาม เราจะใช้ me/ him/ her/ them/ us
2. การเปรียบเทียบในขัน
้ กว่า (comparative degree) เป็ นการเปรียบเทียบคน 2 คน สิง่ ของ 2 สิง่ มีโครงสร้างดังนี้
Note: 1.ในการเปรียบเทียบขัน้ กว่าเราสามารถใช้ a bit , a little, a lot, much, far,หรือ rather ขยาย
adjective หรือ adverb เช่น
Prannee works much harder than Nittaya.
The blue car is rather nicer than the red one.
2. ในการเปรียบเทียบขัน้ กว่าเมือ
่ ต้องการแสดงให้เห็นการเพิม ้ หรือแปรตรงต่อกัน
่ ขึน
และในข้อความในส่วนทีส่ องมักจะเป็ นผลของข้อความในส่วนแรกมีโครงสร้างดังนี้
the + adj./adv ขัน
้ กว่า + (N) + (clause), the+ adj./adv ขัน ้ กว่า + (N) +(clause)
3. การเปรียบเทียบในขัน
้ สูงสุด (superlative degree) เป็ นการเปรียบเทียบให้เห็นทีส่ ุดมีโครงสร้างดังนี้
การเปลีย่ นขัน
้ ปกติให้เป็ นขัน
้ กว่าและขัน
้ สูงสุด
He is tall.
He is taller than me.
He is the tallest player on the team.
She is fat.
She is fatter than her sister.
She is the fattest girl in the company.
Math is easy.
Math is easier than chemistry.
Math is the easiest subject at school.
4. คำทีม
่ ีสองพยางค์และลงด้วย er, re, le และ ow เติม er ในขัน
้ กว่าและเติม est ในขัน
้ สุงสุด
I am clever.
I am cleverer than you.
I am the cleverest student in my grade.
7. คำคุณศัพท์ทม
ี่ ีสองพยางค์ออกเสียงยาวใช้ more และ most
คือ
use)
ทีส่ ุดมีโครงสร้างดังนี้
สูง
ยาว
สัน
้
อ่อน
หนา
แข็ง
รเติม
ใหญ่
ร้อน
ผอม
อ้วน
เศร้า
แห้ง
โชคดี
ง่าย
น่ ารัก สวยงาม
ขี้เกียจ
มีความสุข
นขัน
้ สุงสุด
ฉลาด
ง่าย
แคบ
ตื้น
ขม
มีเกียรติ
สุด
ช้า
ดัง
เร็ว
ฉลาด
เงียบ
หล่อ
ใจร้าย
ธรรมดา
มีประโยชน์
เห็นแก่ตวั
ซือ
่ สัตย์
อุดมสมบูรณ์
อันตราย
สวยงาม
น่ าสนใจ
ยาก
สำคัญ
เหมาะสม
ดี
เลว
มาก
น้อย
น้อย
ใกล้
ไกล
แก่ เก่า
กลับไปยังหน้าเดิม
Conjunctions คำสันธาน
She led the team not only in statistics but also by virtue of her enthusiasm.
Polonius said, "Neither a borrower nor a lender be."
Whether you win this race or lose it doesn't matter as long as you do your best.
กลั บไปยั งหน้าเดิม
nor so
และ...ไม่ ดังนัน
้
ากับกริยา คำนามกับคำนาม
gh แม้วา่ ถึงแม้วา่
นกระทั่ง
ss ถ้า
จนกระทั่ง
n เมือ ่
never เมือ ่ ไหร่ก็ตาม
re ทีซ ่ งึ่
reas ในขณะที่
rever ทีไ่ หนก็ตาม
e ทัง้ ๆที่
m.
r best.
กลับไปยังหน้าเดิม
Punctuation เครือ
่ งหมายวรรคตอน
Period ( . )
1.ใช้เมือ
่ จบประโยคในประโยคบอกเล่าหรือประโยคคำสั่ง
I saw the boy.
Let's go to the shop.
Give me the pen please.
2.ใช้หลังอักษรย่อต่างๆหรือคำย่อ
Dr.=Doctor, adv.=adverb U.S.A.=United States of America
Comma ( , )
1.ใช้ค่น
ั เพือ
่ แยกคำนามซ้อน
Thailand, a country in Asia, is famous for its beautiful temples.
3.ใช้แยกคำคุณศัพท์ทบ
ี่ อกสี
a blue, yellow bicycle
4.ใช้แยกคำคุณศัพท์ทตี่ ามหลังคำนาม
The modal is dark, tall and handsome.
5. คั่นข้างหน้าหรือข้างหลังชือ
่ เช่น
Christina, where have you been?
What would you like to eat, Pranee?
6. คั่นประโยคทีต
่ ามหลัง Yes, No และ Well ทีข ึ้ ต้นประโยค
่ น
Are you Thai? Yes, I am.
7. ใช้เพือ
่ แยกข้อความในประโยคคำพูดเช่น
He said, "They are happy."
8. คั่นระหว่างปี ทีต
่ ามหลังเดือน, ถนนกับเมือง,เมืองกับประเทศเช่น
Today is May 4th, 2000.
Semi-colon ( ; )
1. ใช้ค่น
ั ประโยคทีม
่ ีเครืองหมาย comma คั่นอยูแ
่ ล้วเช่น
Hello, Nittaya; Please come here.
2. ใช้ทำหน้าเพือ
่ เชือ
่ มประโยคสองประโยคทีม ่ ีเนื้อหาเกีย่ วพันกันวางไว้หน้า adverbได้แก่คำว่า
therefore(ดังนัน
้ ) besides(นอกจากนี้) เป็ นต้น
Canada is very cold; therefore people must wear heavy coats in the winter.
Colon ( : )
1.ใช้ colon ก่อนการประโยคอธิบาย
He decided to buy a car:he had to travel to the remote area.
2.ใช้แจ้งรายการ ซึง่ นิยมใช้หลังคำเหล่านี้ the following หรือ as follows เป็ นต้น เช่น
We require the following for our camping trip: tent, bags, and boots.
Question Mark ( ? )
ใช้กบั ประโยคคำถามเช่น
Is that food hot?
What is your nationality?
Do you like durian?
How tall are you?
Exclamation Mark ( ! )
ใช้หลังคำอุทานหรือประโยคอุทาน เช่น
Oh! you are so beautiful.
Watch out!
Go away!
Apostrophe ( ' )
Charles' school
2. ใช้คำย่อหรือรูปย่อ
can't (cannnot)
it's (it is)
I'd rather (I woud rather)
ใช้เขียนคร่อมข้อความทีเ่ ป็ นประโยคคำพูดเช่น
He said, "I am going home."
Hypen ( - )
ใช้เพือ
่ เชือ
่ มคำสองคำให้เป็ นคำเดียวกันเช่น
ex-husband
anti-American
two-day holiday
Dash ( - )
ใช้เพือ
่ เน้นข้อความทีแ
่ ทรกเข้ามาเพือ
่ อธิบายหรือใช้คน ั่ คำละไว้ในฐานทีเ่ ข้าใจหรือเปลีย่ นใหม่ เช่น
I got lost, forgot my bag, and missed my plane-- it was a terrible trip.
If I had a lot of money, I would ---Oh, what am I thinking? I will never be rich.
กลับไปยังหน้าเดิม
กลับไปยังหน้าเดิม
Irregular Verbs กริยารูปพิเศษ
Irregular Verbs
Infinitive Past Simple Past Participle
become became become
begin began begun
bend bent bent
bet bet bet
bite bit bitten (or bit)
bleed bled bled
blow blew blown
bring brought brought
build built built
burst burst burst
buy bought bought
cast cast cast
catch caught caught
choose chose chosen
cling clung clung
come came come
cost cost cost
dig dug dug
dive dived (or dove) dived
do did done
draw drew drawn
drink drank drunk
drive drove driven
eat ate eaten
fall fell fallen
fight fought fought
fling flung flung
fly flew flown
forbid forbade forbidden
forget forgot forgotten
freeze froze frozen
get got got (or gotten)
give gave given
go went gone
grind ground ground
grow grew grown
hang (pictures) hung hung
hang (people) hanged hanged
have had had
hide hid hidden
hurt hurt hurt
know knew known
lay laid laid
lead led led
leave left left
lend lent lent
lie lay lain
light lit lit
make made made
mistake mistook mistaken
pay paid paid
quit quitted (or quit) quit
ride rode ridden
ring rang rung
rise rose risen
run ran run
saw sawed sawn
say said said
see saw seen
seek sought sought
sell sold sold
set set set
shake shook shaken
shine shone shone
shrink shrank shrunk
sing sang sung
sink sank sunk
slide slid slid
speak spoke spoken
spin spun spun
split split split
spring sprang sprung
sting stung stung
stink stank stunk
strike struck struck
string strung strung
strive strove striven
swear swore sworn
swell swelled swollen
swim swam swum
swing swung swung
take took taken
teach taught taught
tear tore torn
think thought thought
throw threw thrown
wake woke waken
wear wore worn
weave wove woven
weep wept wept
wring wrung wrung
write wrote written
กลับไปยังหน้าเดิม
Thai
กลายเป็ น
เริม ่ ต้น
โค้ง งอ
พนัน
กัด ขบ ฉี ก
เลือดออก
พัด เป่ า ตี
นำมา เอามา
สร้าง ก่อสร้าง
ระเบิด
ซื้อ
ขว้าง
จับ ได้รบั
เลือก
เกาะ เอาเป็ นทีพ ่ งึ่
มา
ราคา
ขุด
ดำนํ้า
ทำ
ลาก วาด เขียน
ดืม ่
ขับ(รถ)
กิน
ตก หล่น
ต่อสู้
โยน พุง่ เหวีย่ ง
บิน
ห้าม ไม่อนุญาต
ลืม
เย็นจนแข็ง หนาว
เอา ได้รบั
ให้
ไป
บด ลับ
เติบโตขึน ้
แขวน ห้อย
แขวนคอ
มี
ซ่อน
ทำร้าย ทำอันตราย
รู้
วาง ออกไข่
นำ พา
ละทิง้ จากไป
ให้ยืม
นอน
จุดไฟ
ทำ
ทำผิด
จ่าย ชำระ ใช้ให้
หยุด ยุติ เลิก
ขี่ ขับ
สั่นกระดิง่ ดัง
ขึน ้ ลุกขึน ้
วิง่
เลือ ่ ย
พูด
เห็น
ค้นหา
ขาย
ตัง้ วาง จัด
เขย่า สั่น
ส่องแสง
หดลง สัน ้ ลง
ร้องเพลง
จม ถอยลง
สืน ่ ไถล เลือ ่ นไป
พูด
ม้วน กรอ ปั่ นฝ้ าย
แตก แยก
โดดอย่างเร็ว เด้ง
ต่อย แทง
ส่งกลิน ่ เหม็น
ตี ต่อย กระทบ
ผูกเชือก ขึงสาย
พยายาม ขันสู้
สาบาน ปฏิญาณ
โตขึน ้ หนาขึน ้
ว่ายนํ้า
แกว่ง เหวีย่ ง
เอา จับหยิบ
สอน
ฉี ก ขาด
คิด
เหวีย่ ง ขว้าง
ตืน ่ ปลุก
สวม ใส่
ทอผ้า สาน
ร้องไห้
บีบ คัน ้
เขียน
กลับไปยังหน้าเดิม
หลักการใช้
1) ใช้กบั เหตุการณ์ ทกี่ ระทำซ้ำๆ เป็ นประเพณีและเป็ นนิสยั (Repeated actions , customs and habits)
- He visits his family every weekend. (repeated action)
- Ethiopians celebrate Christmas on 7 January. (custom)
- He goes to be at nine o'clock every night. (habit)
นจะกำลังเกิดขึน ้
กริยาเหล่านี้แบ่งออกเป็ น 6 ชนิดคือ
have no control)
) , consider (พิจารณา) ,
ber (จำ) , recall (ระลึกได้) เช่น
หลักการใช้
1. ใชก ้ ั บเหตุการณ์ท่ีกำลังดำเนิ นอยูใ่ นขณะนัน ้ (It describes something HAPENING NOW.) โดยมากจะมีคำบอก
เวลา (Adverbs of Time) อยูด ่ ้วย ได้แก่ now , at this moment , at the moment , today , at present,
still เชน ่
- We are studying English at present.
- You are wearing school uniform today.
working.
I am
doing homework.
He, She, It reading in the library.
is
The boy writing some letters.
We, They , You playing tennis.
are
The boys
้ จำให้ดีนะคะ ฝึ กบอ่ ยๆ แลว้ จะเกง่ คะ่
หลั กการใช้ และโครงสร้าง ของ Tense แตล่ ะ tense นั น
OW.) โดยมากจะมีคำบอก
ay , at present,
วด
้ ้วย เชน
่ this week ,
กี่ยวกับการเคลื่อนไหว
กลับไปยังหน้าเดิม
Present Perfect Tense ใชก ้ ั บ Adverbs of time ตอ่ ไปนี้ since (ตั งแต ้ )่ , for (เป็ นเวลา) , just
(เพิ่งจะ), already (เรี ยบร้อยแลว้ ) , yet (ยั ง) , recently (เมื่อเร็วๆ นี้ ชว่ งนี้ ) , lately (เมื่อเร็วๆ นี้ ชว่ งนี้ ) , never (
ever (เคย) , so far (จากบัดนัน ้ จนบัดนี้ ) , up to now (จากบัดนัน ้ จนบัดนี้ ) , up to the present time (จนถึงปัจจุบัน
many times (หลายครัง้ ) , several times (หลายครัง้ ) , over and over (ครัง้ แลว้ ครัง้ เลา่ ) ,at last (ในที่สุด)
หลักการใช้
1. ใชก ้ ลา่ วถึงเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นในอดีต และยั งดำเนิ นหรื อมีผลตอ่ เนื่ องมาจนถึงปัจจุบัน มั กมีคำวา่ since และ for
since (ตั งแต้ )่ ใชก ้ ั บจุดเริ่ มตน
้ ของเหตุการณ์นัน ้ ๆ ในอดีต (a point of time in the past)
เชน่ since then (ตังแต ้ น ้ ) , since yesterday (ตังแต
่ ัน ้ เ่ มื่อวาน) , since six o'clock (ตังแต
้ ่ 6 โมง)
since last month (ตังแต ้ เ่ ดือนที่แลว้ ) , since Christmas , since World War II ,
since the beginning of the year , since I was born , since I was young.
(หลัง since จะตามดว้ ย คำ หรื อวลี ที่บอกอดีต หรื อ จะตามดว้ ย ประโยคที่มีกริ ยาเป็ นอดีต main clause)
- We have lived in this house since our father died.
- Since he has changed his job , he has been much happier.
- That child has grown very much since I last seen him.
- I have known him since 1990.
- I have never seen him since last year.
- My father has smoked since he was young.
(หมายเหตุ - แตถ ้ ความใน main clause เกี่ยวกั บระยะเวลาให้ใช้ present simple และ clause หลั ง since
่ า้ ขอ
ให้ใช้ past simple เชน
่
- It is (seems) a long time since our last holiday.
- It is eight years since I left university.
- It seems a long time since he left me.
- It is two weeks since I wrote to my boyfriend.
- How long is it since you moved into your new house?
5. ใชก ้ ลา่ วถึงเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นในอดีต แตไ่ มไ่ ด้บง่ เวลาที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน จะมีคำวา่ up to the present time ,
until now , so far , so far this month , at last,
- Up to the present time we have had no news from John.
- I have received no answer from him so far.
- He has finished his report at last.
6. ใชก ้ ลา่ วถึงเหตุการณ์ท่ีเกิดซ ้ำซากหลาย ๆ ครั ง้ จะมีคำวา่ many times, several times , over and over
- I have been to Hua-Hib many times.
- She has seen "Jurassic Park" several times.
- We have studied Tenses over and over.
7. ใชก ้ ลา่ วถึงเหตุการณ์ในอดีตที่สน ้ิ สุดลงแลว้ แตเ่ กี่ยวเนื่ องกั บเหตุการณ์หนึ่ งซึ่งเกิดขึ้นในปัจจุบันหรื ออนาคต
- Janet has bought a car so that she will have transportation to work.
- He has studied all day so that he can go to the dance tonight.
8. ใชก ้ ั บเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นในชว่ งระยะเวลาหนึ่ ง ซึ่งยังไมส ้ิ สุด จะมีคำวา่ this month , this year
่ น
- Have you had a holiday this year?
- You have done a lot of work this morning.
- I have read two books this week.
9. ใชใ้ นบทสนทนา จดหมาย รายงาน หนั งสือพิมพ์
Conversation --- I have lost my keys. Have you seen them? Yes, I have seen them.
Yes, I saw them yesterday. (ถา้ มีเวลาบอก ใช้ past simple)
Letters - -- Dear James,
I'm sorry that I haven't written to you for such a long time but I have been
very busy working for an examination.
ชว่ งนี้ ) , never (ไมเ่ คย) ,
ime (จนถึงปัจจุบัน) ,
าตลอดเดือนที่แลว้ ),
จุบันหรื ออนาคต
กลับไปยังหน้าเดิม
หลักการใช้
โครงสร้าง : S + V2
หลักการใช้
1. ใชก ้ ั บการกระทำที่เกิดขึ้นและสิน ้ สุดลงแลว้ ในอดีต ซึ่งจะมีคำที่บอกเวลาในอดีตกำกับไวอ้ ยา่ งชั ดเจน ดังนี้ คือ
yesterday (เมื่อวานนี้ ) , last night (week/month/ year/..etc.)(...ที่แลว้ ) , at that time (ในตอนนัน ้ ),
formerly (เมื่อกอ ่ น) , in the past (ในอดี ต ) , just now ่
(เมื อสั ก ครู ่ น้ ี ) , ago (ที่ แลว้ ), once (ครั ้
ง ่
หนึ ง),
in the old days (ในสมั ยกอ ่ น) , the day before yesterday (เมื ่ อวานซื น ) , the previous day
(วั นกอ ่ น), in those days (ในสมั ยนั น ้ ) , the other day (วั นกอ ่ น) , a few minutes ago
่
( 2-3 นาทีทีผา่ นมา), in 1990 , etc...
- They came to see me last Thursday.
- Two days ago I asked you to do the report.
- I didn't go to school yesterday.
- Did you learn French last year?
3. ใชก ้ ั บคำวา่ used to ซึ่งแสดงถึงการกระทำอั นเป็ นนิ สัย หรื อเคยปฏิบัติมาแลว้ ในอดีต และในปัจจุบัน
การกระทำอั นนั น ้ มิได้เกิดขึ้นอีก
used to + V1 (= เคยมาแลว้ ในอดีต) เชน ่
- Mr. Smith used to teach in Japan. (But now he teaches in Thailand.)
- In the past people used to travel on foot much more often.
- You used to live in that house , didn't you?
5. ใชก ้ ั บ clause หลั งสำนวน I would rather...... (ฉั นอยากจะ...) , It's time ...... (ถึงเวลาแลว้ ),
It's about time ........(ถึงเวลาแลว้ ) เชน
่
- I would rather you did your homework.
- It's time the children went to bed.
งชั ดเจน ดังนี้ คือ
กลับไปยังหน้าเดิม
I , He , She walking
was
John running.
at eleven o'clock yesterday.
We, You , They , swimming.
were
The boys sleeping
หลักการใช้
2. ใชก ้ ั บเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ท่ีกำลั งดำเนิ นอยูเ่ ป็ นเวลานานในเวลาเดียวกั นในอดี ซึ่งจะใช้ past continuous
้
กั บทั งสองเหตุ การณ์นัน้ เชน
่
- The students were thinking about their lunch while the teacher was explaining
new words.
(Two long actions happening at the same time in the past.)
- She was singing as I was sweeping the floor.
หมายเหตุ --- Clause ที่ตามหลัง when (เมื่อ) มักใช้ past simple สว่ น clause ที่ตามหลัง while (as) (ในขณะที่
มักใช้ past continuous แตถ ้
่ า้ เหตุการณ์ทังสองเหตุ ้ เกิดขึ้นในขณะเดียวกัน หรื อเกือบขณะเดียวกัน
การณ์นัน
้
ก็ให้ใช้ past simple ทังสองเหตุ การณ์ เชน
่
- They left the hall as I entered it.
4. ใชก ้ ั บการกระทำที่เกิดขึ้นซ ้ำซากในอดีต ในเวลาที่บง่ ไวช้ ั ดเจน
- Last year he was taking paino lessons every day.
- We were visiting my parents every evening while we were in Bangkok.
หมายเหตุ --- รู ปประโยคที่ใช้ past continuous ในขอ ้ 4 นี้ มีความหมายเหมือนกั บรู ปประโยคที่ใช้ past simple
และเรานิ ยมใชก
้ ั บ past simple มากกว า่
ven o'clock yesterday.
past continuous
มีอีกเหตุการณ์หนึ่ ง
หลักการใช้
3. ใชห ้ ลังคำวา่ that ในประโยค Indirect Speech ซึ่งเปลี่ยนมาจากประโยค Direct Speech เชน
่
- He told me that they had left about an hour before.
- They said that they had done the report.
Past Simple
กลับไปยังหน้าเดิม
หลักการใช้
1. ใชก ้ ั บเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นสองเหตุการณ์ในอดีต เหตุการณ์หนึ่ งเกิดขึ้นกอ ่ นและกำลังดำเนิ นอยูเ่ ป็ นเวลาตอ่ เนื่ องกัน
่ นที่จะมีเหตุการณ์หนึ่ งเกิดขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับ Past Perfect นั่นเอง แตต
กอ ่ า่ งกับ Past Perfect ตรงที่
เน้นถึงอาการที่ไดดำ้ เนิ น ตอ่ ่
เนื องกั นไปเท า
่ นั น้ เช น
่
- We had been discussing the matter for two and a half hours when he arrived.
(แสดงให้เห็นถึงการอภิปรายที่เริ่ มตน ้ กอ่ นที่เขาจะมาถึง และบางที่จะดำเนิ นตอ่ ไปอีก)
- When he came , she had been waiting for half an hour.
- She had been living in Phrae for ten years before she moved to Lampang.
หมายเหตุ -- กริ ยาบางตั วเทา่ นั น้ ที่ใชร้ ู ป Perfect Continuous ได้ เชน ่ wait , work , live , lie ,
่ ่
sleep,go, play , talk , sit , etc....ซึงเป็ นกริ ยาทีแสดงอาการได้นานๆ (long action)
หลักการใช้
หลักการใช้ to be going to
working
I, We shall running
be walking at this time tomorrow.
You , He , She , It learning
will
They , Samuel
หลั กการใช้
1. ใชก ้ ั บเหตุการณ์ท่ีจะเกิดขึ้นและจะกำลังเกิดขึ้นอยูใ่ นเวลาที่บง่ ไวช้ ั ดเจนในอนาคต เชน
่
- We'll be driving to the country at half past nine tomorrow.
(เราจะกำลังขับรถไปชนบทตอน 9.30 วันพรุ่ งนี้ )
- He'll be living in Australia this time next year.
- They'll be waiting at the airport when you arrive.
- Your parents will be thinking of you while you are taking the exam.
หลักการใช้
หลักการใช้
Tense นี้ มีวธิ ีใชเ้ หมือนกับ Future Perfect ตา่ งกันตรงที่วา่ เราใช้ Tense นี้ ก็เพื่อเน้นวา่ การกระทำได้ดำเนิ น
ตอ่ เนื่ องกันไปเมื่อถึงเวลานัน ้ การกระทำนัน ้ ก็ยังคงดำเนิ นอยูแ่ ละจะดำเนิ นตอ่ ไปอีก เชน
่
- By 2005 we'll have been living in Lampang for ten years.
(เมื่อถึงปี 2005 เราจะอาศั ยอยูใ่ นลำปางครบ 10 ปี = We came to live in Lampang in 1995.
We shall probably continue living in Lampang after 2005.)
- When we finish M.6, we 'll have been studying English for twelve years.
(เมื่อเราจบชั น้ ม.6 เราจะเรี ยนภาษาอั งกฤษครบ 12 ปี = We studied English in the past and after we
finish M.6 we probably continue studying English.)
- It will have been raining for one hour if it doesn't stop by four o'clock.
(ฝนจะตกได้ครบ 1 ชั ่วโมง ถา้ มันยังไมห
่ ยุดตกภายใน 4 โมงนี้ = It started raining at three o'clock
and it probably continue raining after that.)
กระทำได้ดำเนิ น
Chris Delivery Episode 3: Speak Out – Fashion photo shoot with Ploy Sherman
Conversations:
Welcome to my studio. ยินดีตอ ้ นรับสูโ่ รงถา่ ยของผม
What is your name? คุณชื่ออะไรครับ
I am Sherman, but you can call me Ploy. ฉั นชื่อเชอมาลคะ่ แตค ่ ุณเรี ยกฉั นวา่ พลอยก็ได้
Nice to meet you. ยินดีท่ีไดร้ ู้ จัก
What do you do now? ตอนนี้ คุณทำงานอะไรอยู ่
I am an actress, a model, an MC and used to be a DJ. ฉั นเป็ นนั กแสดงหญิง นางแบบ พิธีกร แลว้ ก็เคยเป็ น ดีเจมากอ ่ น
I do all that she does. ที่เธอทำฉันก็ทำเหมือนกัน
Are you a model? คุณเป็ นนางแบบหรื อเปลา่
I am a supper model. ฉันเป็ นสุดยอดนางแบบ
I heard you have been to many countries. ผมไดย้ ินมาวา่ คุณเคยไปมาหลายประเทศแลว้
Yes I have been to New York, Hawaii, Maui, India and around here. ใช่ ฉันเคยไปที่ นิ วยอร์ก ฮาวาย เมาอิ อินเดียแลว้ ก็ประเทศแถวๆนี้ คะ่
Yes, yes me too! ใชๆ่ ฉันด้วย!
I have been to New York. ฉันเคยไปที่ นิ วยอร์ก
So you have just been in Thailand. งั นคุ ้ ณก็เคยอยูแ่ คท ่ ่ีประเทศไทย
So are you ready to do photo shoots? คุณพร้อมที่จะถา่ ยแบบหรื อยั ง?
Today we are going to do four sets. วั นนี้ เราจะถา่ ยกั นสี่ชุด
You have to behave yourself. คุณอยา่ ซนให้มากนั ก
You understand? คุณเขา้ ใจใชไ่ หม?
But before we start, we are going to get you dressed up. แตก ่ อ่ นที่เราจะเริ่ ม เรามาหาชุดให้คุณใสก
่ ั นดีกวา่
You have to meet our stylist. คุณตอ ้ งพบช า
่ งแต ง
่ ตั ว ของเรา
I have the best stylist in town. ผมมีชา่ งแตง่ ตัวที่เด็ดสุดแลว้ ในเมืองเลย
You are going to make them look beautiful. คุณชว่ ยทำให้พวกเธอสวยที
Today, I will make you look beautiful. วันนี้ ฉันจะทำให้พวกคุณสวยสุดๆไปเลย
So you guys know each other now. พวกคุณรู้ จักกันดีแลว้
So, first of all what would you like to wear today? งั นอย ้ า่ งแรกเลย วั นนี้ คุณอยากใสช่ ุดอะไร?
I think we are going to start with a dress first. ฉั นคิดวา่ เราน่าจะเริ่ มดว้ ยชุดกระโปรงกอ ่ นดีกวา่
้
So can we have a beautiful dress? งั นขอชุดกระโปรงสวยๆหน่อย
So what would you like to wear? งั นคุ ้ ณอยากจะใสช่ ุดอะไรดี
I would like to wear a brown sack. ชั นขอใส ้ ถ่ ุงกระสอบสีน้ำตาล
Are you sure? แน่ใจหรื อ?
Get her a brown sack. เอาถุงกระสอบสีน้ำตาลมาใหเ้ ธอหน่อย
Moment please. รอซั กครู ่
This is good for you. อั นนี้ เหมาะกั บเธอแลว้
So girls, could you please go to the fitting room and we will come back to take some pictures. งันสาวๆ ้ เชิญพวกคุณไปที่หอ ้ งเสื้อผา้ แลว้ เดี๋ยวเราจ
ถา่ ยแบบกัน
That’s a beautiful dress! ชุดนัน ้ สวยมากเลย!
I meant the white one. ผมหมายถึงชุดขาว
Can you please take a seat? ชว่ ยกรุ ณานั่งลงด้วยครับ
And we are going to start taking the photo shoot. เดี๋ยวเราจะเริ่ มถา่ ยแบบกัน
So if you are ready, start posing and I am going to start shooting. งันถ ้ า้ พวกคุณพร้อมกันแลว้ ก็เตรี ยมวางทา่ ได้แลว้ ผมก็จะเริ่ มถา่ ย
Move to the back เขยิบไปขา้ งหลัง
To the Right ไปทางขวาหน่อย
Stand there. ยืนอยูต ้
่ รงนั น
Can you sit down please? ชว่ ยกรุ ณานั ่ งลงด้วยครั บ
Lie down นอนลง
Show me your hand. โผลม ่ ือให้ผมเห็นหน่อย
I want to make it more casual. ผมอยากจะใหม ้ ั นดูกันเองกวา่ นี้
I think I prefer spaghetti straps and a mini skirt. ฉันขอเสื้อสายเดี่ยวกับกระโปรงสั นแล ้ ว้ กันคะ่
้
What would you like us to wear? งันคุณอยากให้พวกเราใสช่ ุดอะไรดีคะ
How about jeans? งันยี้ นสเ์ ป็ นยังไง?
What kind of jeans? ยีนสแ์ บบไหน?
But, for you I think you should wear. แตสำ ่ หรับคุณผมวา่ คุณน่าจะใส ่
Because you are very tall. เพราะวา่ คุณเป็ นคนตั วสูง
May be, just jean pants. น่าจะลองใสก ่ างเกงยีนสด์ ูแลว้ กั น
I got it. ฉั นเขา้ ใจแลว้
I think the jeans are waiting for you in there. ในนั น ้ มียีนสข์ องคุณอยู ่
So I will see you in a few minutes. งันเดี ้ ๋ ยวผมเจอคุณในอีกสองสามนาที
I bring my own. ฉันเอาของฉันมาเองเลย
Do you like my jeans? ชอบยีนสข์ องฉันไหมคะ?
What are you wearing? คุณใสอ่ ะไรของคุณ?
No this is not jeans. ไมน ่ ่ี ไมใ่ ชย่ ีนสซ์ ั กหน่อย
Ok, let the professional show you. เดี๋ยวให้มืออาชีพสาธิตให้คุณดูดีกวา่
Vocabularies:
Photographer ชา่ งถา่ ยภาพ
Photo shoot การถา่ ยแบบ
Note: ใชคำ
้ วา่ “set” of photo shoot
Actress นักแสดงหญิง
Model นางแบบ
Supper อาหารมื้อเย็น
MC พิธีกร
DJ ดีเจ
Dress ชุดกระโปรง
้ า่
Pose การตังท
Post ไปรษณี ย ์
Lie down นอนลง
Behave yourself อยา่ ซนให้มากนั ก & การทำตั วดีๆให้เหมาะการ
Casual สบายๆ, กั นเอง & ลำลอง
Spaghetti straps เสื้อสายเดี่ยว
Mini skirt กระโปรงสั น้
Mini เล็ก
Mega ใหญม ่ หึมา
Pants (British English) กางเกงใน (อังกฤษ)
Pants (American English) กางเกงขายาว (อเมริ กัน)
กลับไปยังหน้าเดิม
Chris Delivery Episode 4: Say Hi – พูดคุยกับฝรั่งในรู ปแบบของ conversation
Sukhumvit.
สุขุมวิท
St. Theresa.
โรงเรี ยนเซนตเ์ ทเรซา่
Star
ดารา
Very interesting…
น่าสนใจมาก…
การสนทนากั บฝรั ่ งหรื อคนตา่ งชาติท่ีดี ไมค ่ วรจะเป็ นการถามคำตอบคำ แตเ่ ราควรจะตอ ้ งใสร่ ายละเอียดหรื อเรื่ องราวในสิง่ ที่เราพูดบา้ งแล
ถามเคา้ กลั บเหมือนกั น อั นที่งา่ ยที่สุดที่เรามั กจะถามฝรั ่ งกลั บกั นอยูเ่ ป็ นประจำก็คือคำวา่
And you?
แลว้ คุณละ่
Shopping cart
้ ปปิ้ ง
รถเข็นชอ
Toys
ของเลน
่
Robot
หุน
่ ยนต์
Size
ของเสื้อผา้ ที่ขายกันตามห้างมักจะมีตัวอักษรที่บง่ บอกถึงขนาดของเสื้อผา้ ดังนี้ :
Small (S)
ขนาดเล็ก
Medium (M)
ขนาดกลาง
Large (L)
ขนาดใหญ่
Underwear
้
ชุดชั นใน
(Note: เคล็ดในการจำงา่ ยๆก็คือให้นึกถึง “under” ที่แปลวา่ ใต้ กั บคำวา่ “wear” ซึ่งแปลวา่ สวมใส ่ นึ กเป็ นคำเดียวกั นวา่ “อะไรที่ใสอ่ ยูข่
Boxer
นักมวย
Shorts
กางเกงขาสั น้
Boxer shorts
กางเกงในแบบขาสั น้
้ ั งมีอีกประเภทที่เป็ นแบบรัดรู ปกวา่ boxer shorts ที่มีช่ือเรี ยกของมันเองซึ่งก็คือ “briefs”
(Extra: กางเกงในขาสั นย
Durian
ทุเรี ยน
Tangerine
สม
้ เขียวหวาน
Tissue roll
กระดาษชำระแบบมว้ น
Roll back
การยอ้ นสูอ่ ดีต หรื อ การปรับราคาใหถ
้ ูกลงในภาษาการคา้ & promotion
Pork belly
หมูสามชั น้
(Note: ที่ใชคำ
้ วา่ “pork” แทนที่จะใชคำ ้ หมายถึงแคเ่ นื้ อของหมู สว่ น pig นั น
้ วา่ “pig” ก็เพราะวา่ pork นั น ้ ก็คือหมูทังตั
้ วนะครั บ
Belly
พุง
Guava
ฝรั่ง
Chris Delivery Episode 4: Speak Out – Making Papaya Salad with ยิง่ ยง ยอดบั วงาม
Who’s that?
เรี ยกใครครับ
่ ั บสถานการณ์หรื อ context ที่ใช)้
(Note: หมายความวา่ “นั ่ นใครครั บ” ไดเ้ หมือนกั นขึ้นอยูก
Who’s that?
นั่นใครครับ
Sticky rice
ขา้ วเหนี ยว
This is a pestle.
นี่ คือสาก
I get it.
ผมเขา้ ใจแลว้
Papaya
มะละกอ
Chop
สั บ
Scrape
ขูด
Garlic
กระเทียม
Chilli
พริ ก
Fish sauce
น้ำปลา
Lemon
มะนาวสีเหลือง
Lime
มะนาวสีเขียว
Stinky
เหม็น
Fermented fish
ปลาร้า
(Note: ferment = หมั ก / fermentation = การหมั ก)
Black crab
ปูดำ
้ ั บกั บคำวา่ “crap” ที่แปลวา่ อึเด็ดขาดนะครั บ!)
(Note: อยา่ ใชส
Fish sauce
น้ำปลา
Spicy
เผ็ด
้ วา่ chilli ก็ได้ ซึ่งจริ งๆแลว้ คำวา่ spicy ก็หมายความวา่ “รสจัด” หรื อ “เครื่ องเทศเยอะ” ไดเ้ หมือนกัน เพราะคำวา่
(Extra: หรื ออาจใชคำ
Mild
รสออ่ น ไมเ่ ผ็ด
Tomato
มะเขือเทศ
(Extra: Tomatoes = มะเขือเทศหลายๆอั น)
Vegetables
ผั ก
Salty
เค็ม
่ งา่ ยๆให้นึกถึงคำวา่ “salt” ที่แปลวา่ เกลือครับ)
(Note: แคจำ
Sour
เปรี้ ยว
Shower
อาบน้ำ
Diarrhea
ทอ
้ งเสีย
Diary
บันทึกประจำวัน
Over there.
ทางนู ้ นครั บ
าจะมาลองดูประโยคสนทนาอื่นๆที่เราสามารถที่
ะคลอ่ งหรื อมีความกลา้
ngaging conversation กันดีกวา่ ครับ:
Table Tennis
ปิ งปอง
่ ปิ งปองที่ตอ
การสนทนาภาษาอั งกฤษ ก็เหมือนกั บการเลน ้ งมีการตีตอบโตก ่ ลอดเวลาของทั ง้ 2 ฝ่าย จึงจะนั บได้วา่ เป็ นการสน
้ ลั บไปกลั บมาอยูต
Golf course
สนามกอลฟ ์
(Note: ไมใ่ ช่ golf field นะครั บ!)
Putt
การเคาะลูก
Slam dunk
การยัดลูกลงหว่ ง (อยา่ งแรง)
Shuttlecocks
ลูกขนไก่
(Extra: cock แปลวา่ ไกต ้ คือไกต
่ ั วผู ้ สว่ น chicken นัน ่ ั วเมียครับ)
Shuttle
สิง่ ที่ไปกลั บระหวา่ งสองจุด
Shuttle bus
รถบั สรั บสง่ ระหวา่ งจุด
Space shuttle
ยานอวกาศที่นั่งไปกลับได้
(Note: ตา่ งจาก space rocket ที่จะถูกยิงออกแคค
่ รัง้ เดียว ไปแลว้ ไปลับไมก
่ ลับมานะครับ)
Darts
ลูกดอก
Play darts
ปาเป้า
Aim
เล็ง
Bull’s eye
จุดกลางของเป้า
Goalkeeper
ผูร้ ั กษาประตู
Gloves
ถุงมือ
Goalkeeper’s gloves
ถุงมือผูร้ ั กษาประตู
Snooker
สนุ กเกอร์
Chalk
ชอลก
์
Cue
้ ่ีใชแ
ไมท ้ ทงสนุ กเกอร์
Treadmill
เครื่ องวิง่ ออกกำลั งกาย
Stretching
การยืดเสน
้ ยืดสาย
Follow me.
ทำตามผมนะ
Left shoulder
ไหลซ่ ้าย
Right shoulder
ไหลข่ วา
Don’t move.
อยา่ ขยั บ
Bend
ยอ่ & โคง้
I am tired.
ฉันเหนื่ อย
(Note: ไมใ่ ช่ “tried” ที่แปลวา่ ทดลองแลว้ นะครั บ)
(Tips: เวลาออกเสียงก็คลา้ ยกั บการพูดวา่ คำวา่ fire)
Life weights
ยกน้ำหนั ก
(Note: หรื ออาจใชคำ
้ วา่ weight-lifting ก็ได้เหมือนกั นครั บ)
Inhale
หายใจเขา้
Exhale
หายใจออก
Breath
ลมหายใจ
Breathe
หายใจ
I’ll try.
ผมจะลองดู
Louder
ดังขึ้น
Faster
เร็วขึ้น
Harder
แรงขึ้น
I am sweaty.
ผมเหงื่อทว่ ม เลย
Be careful!!!
ระวั งตั วด้วย!!!
Toll
คา่ ผา่ นทาง
I have no choice.
ผมไมม่ ีทางเลือก
Stationery
เครื่ องเขียน
Itchy
คัน
Life / Elevator
ลิฟต์
Escalator
บันไดเลื่อน
Hug
กอด
Hold
กอด / การจับ
Kiss
จูบ
Teddy Bear
หมีเท็ดดี้
My Valentine
สุดที่รักของฉัน
(Note: จะใชก ้ )
้ ั นเฉพาะชว่ งเทศกาล Valentine เทา่ นัน
Feel
ึ
รู้ สก
Fill
เติม
Special
พิเศษ
Chris Delivery Episode 6: Speak Out – “No Wedding and a Funeral” with ภูริ
A cute couple
คูร่ ั กที่น่ารั ก
(Note: couple = คูร่ ั ก / Cute = น่ารั ก)
Who is she?
เธอเป็ นใคร
She is my aunt.
เธอเป็ น ป้า ของผม
I am his girlfriend.
ฉั นเป็ นแฟนเขา
He’s my lover!
เขาเป็ นชูข้ องฉัน!
I have to explain
ผมตอ้ งขออธิบาย
I am not your lover.
ผมไมไ่ ด้เป็ นชูข้ องคุณ
Lover
ชูร้ ั ก
Upcountry
ตา่ งจังหวัด
the bride
เจา้ สาว
the groom
เจา้ บา่ ว
The bridesmaid
เพื่อนเจา้ สาว
It fits me
ชุดพอดีตัวเลย
I am confused, man.
ผมสั บสนมาก
I was so drunk.
ผมเมา มาก
Naked!
โป๊ด้วย!
I have to be responsible.
ผมเลยตอ ้ งรับผิดชอบ
Good idea.
เป็ นความคิดที่ดี
I am shocked!
ผมตกใจมาก!
Surprise
ประหลาดใจ (ในทางที่ดี)
Shock
ตกใจ (ในทางแย)่
Booger
ขี้มูก
(Note: เป็ นคำแสลง)
Bouquet
ชอ่ ดอกไม้
(Note: ออกเสียงวา่ “โบ-เค” นะครับ ซึ่งจริ งๆแลว้ เป็ นภาษาฝรั่งเศส)
To make it romantic
เพื่อความโรแมนติค
Candles
เทียน
Don’t argue.
อยา่ ทะเลาะ กั น
Where is my flower?
ดอกไมข้ องฉันอยูไ่ หน
Wreath
พวงหรี ด
Incense stick
ธูป
wedding ceremony
งานแตง่ งาน
funeral
งานศพ
I am going to faint.
ฉันจะเป็ นลม
I can’t breathe.
ฉั นหายใจไมอ่ อก
Die quickly.
ตายเร็วๆ
Past
ผา่ นมาแลว้
To
กำลังจะถึง
Quarter
15 นาที
O’clock
สำหรั บบอกเวลาเต็มชั ่วโมง
่ ยี่สบ
สามทุม ิ (9:20 P.M.)
Nine: Twenty at night
(Note: เป็ นเวลา on-air ของ Chris Delivery นะคร้าบ อยา่ ลืม!)
5:05
Five: O-Five
(Note: O มาจากคำวา่ zero ซึ่งก็คือเลขศูนยน
์ ะครับ)
1:45
One: Forty-Five
Midnight
เที่ยงวัน
Midday
เที่ยงวัน
7:11
Seven: Eleven
(Tips: trick งา่ ยๆในการจำอั นหนึ่ งก็ให้นึกถึงร้าน 7-11 นะครั บ)
Today I am going to China Town to see some Chinese people and try some Chinese food.
Mandarin
ภาษาจีนกลาง
Cantonese
ภาษาจีนกวางตุง้
Canton
กวางตุง้
Drugstore
ร้านขายยา
(Note: คนหลายคนมั กออกเสียง drug ผิดเป็ น duck ซึงหมายถึงเป็ ด)
Drug
ยา
(Note: จะหมายถึงยาเสพติดก็ไดเ้ หมือนกัน)
Pharmacy / Drugstore
ร้านขายยา
Sea Horse
มา้ น้ำ
Chinese herbs
สมุนไพรจีน
Partnership
ห้างหุ้นสว่ น
Partner
คู่ หรื อ หุ้นสว่ น
Chestnuts
เกาลั ด
Shark fin
หูฉลาม
Shark
ปลาฉลาม
Fin
ครี บ
Public phone
โทรศั พทส์ าธารณะ
Phone booth
ตูโ้ ทรศั พทส์ าธารณะ
Shredded pork
หมูหยอง
Shred
ฉี กเป็ นชิ้นๆ
Goldsmith
ห้างทอง / ชา่ งทอง
Chris Delivery Episode 7: Speak Out – ทั กทายอามา่ ในวั นตรุ ษจีนกั บ อิม อชิตะ
I can't move
ฉันขยับตัวไมไ่ ด้
What happen?
เกิดอะไรขึ้น
I have cramps.
ฉั นเป็ นตะคริ ว
I hear that...
ผมได้ยินมาวา่ ...
Ancestors
บรรพบุรุษ
He looks similar.
เขาดูคลา้ ยกันเลย
great - grandfather
ปู่ทวด
great – grandmother
ยายทวด
grandfather
ตา,ปู่
grandmother
ยา่ ,ยาย
Chinese food
อาหารจีน
Chopsticks
ตะเกียบ
No gay
ไมใ่ ชเ่ กย ์
Go to take it by yourself.
ไปเอาเอง
I don't see.
ผมไมเ่ ห็นเลย
I don't know
ผมไมร่ ู้ วา่
Spoon
ชอ
้ น
to catch a frog!
ในการจับกบ!
I change my mind.
ฉั นเปลี่ยนใจ
I did my research.
ผมคน ้ ควา้ มาแลว้
You have to give a paper house.
คุณตอ
้ งให้บา้ นกระดาษ
servant
คนใช้
Burn
เผา
I'm so sorry.
ผมขอโทษครั บ
This is my mistake.
เป็ นความผิดพลาดของผมเอง
I want to be an engineer.
ฉันอยากเป็ นวิศวกร
Spare parts
อะไหล่
Spare
สำรอง
Parts
ชิน
้ ส่วน
Mechanic
ช่างซ่อมรถ
Fine
ค่าปรับ / การปรับ
Retrospective
หวนคิดถึงอดีต
Automatic
อัตโนมัติ
Corner
มุม
Caf?
ร้านกาแฟ
Coffee
กาแฟ
Crash helmet
หมวกกันน็อก
Crash
กระแทก
Helmet
หมวกทีใ่ ส่เพือ
่ ป้ องกัน
Chris Delivery Episode 8: Speak Out – To Be a Star with บี้ จาก The Star
A man in my dream.
ชายในฝัน
20 years ago!!!
20 ปี ทีแ
่ ล้ว
__ years ago
เมือ
่ __ ปี ทีแ
่ ล้ว
For __ years
เป็ นเวลา __ ปี แล้ว
I want to be a singer.
ผมอยากเป็ นนักร้อง
What do you want to be?
คุณอยากเป็ นอะไร
a musical instrument.
เครือ
่ งดนตรี
piano,
เปี ยโน
guitar
กีตา้ ร์
A lot of instruments
เครือ
่ งดนตรีมากมาย
Such as a microphone.
อย่างเช่น ไมโครโฟน
I brought my own.
ฉันนำมาเอง
I believed you.
ผมเชือ
่ คุณแล้ว
terrible -แย่
terrific –ยอดเยีย่ ม
Reverse
ทวนกลับ
It sounds terrible.
มันฟังดูแย่มาก
สนุนวิธีการเรียนรูภ
้ าษาอังกฤษโดยใช้สอ ื่ บันเทิงต่างๆ
ภาษาอังกฤษจากหนังใช่วา่ เราจะต้องดูหนังฝรั่งเสมอ
ห้เรา enjoy หนังได้ไม่เต็มทีเ่ พราะต้องเสียเวลาแยก
าะจริงๆแล้วการดูหนังไทยทีม ่ ี subtitle อังกฤษก็
Final Score มาให้ทก ุ ๆคนลองชมแล้วลองดูซวิ า่
ษาอังกฤษซักนิด!
ได้ใน section “Lifestyle” ของ website นะครับ)
กลับไปยังหน้าเดิม
Chris Delivery Episode 9: Say Hi - เรียนรูภ
้ าษาอังกฤษจากหนังสือพิมพ์
A Sky train carriage hangs off the end of the track in Malaysia.
Sky train Carriage
ตัวโบกี้รถไฟฟ้ า
Hangs off
ห้อยลงมา
Track
รางรถไฟ
FC = Football Club
Disappointed / Disappoint
ผิดหวัง
(Note: ในรูปแบบ past tense จะมี “ed” เติมเข้ามาหลังคำว่า disappoint)
During
ช่วงระหว่าง
Tennis match
การแข่งเทนนิส
Tourist police
ตำรวจท่องเทีย่ ว
Please don’t hit me.
กรุณาอย่าตีผม
Monk
พระ
Sprinkles / Sprinkle
โปรย & พรม
Holy water
น้ำมนต์
Marble
หินอ่อน
Temple
วัด
Admission fee
ค่าผ่านประตู
Visitors / Visitor
ผูม
้ าเยีย่ ม
Visit
เยีย่ ม
I am a Buddhist.
ผมนับถือศาสนาพุทธ
Take off
ถอด
Make merit
ทำบุญ
Donation
การบริจาค
Donate
บริจาค
Statue
รูปปั้น
Statue of Buddha
พระพุทธรูป
Statue of Liberty
เทพีเสรีภาพ
Emerald Buddha
พระแก้วมรกต
Chris Delivery Episode 9: Speak Out – Temple Visit and Making Merit with หยองลูกหยี
Behave.
ทำตัวดีๆ หน่ อย
Monk
พระ
Don't be angry.
อย่าโกรธนะค่ะ
I have his CD.
ดิฉน
ั มี ซีดีของท่าน
It's 12.30.
เทีย่ งครึง่ แล้ว
Afternoon
บ่าย
Pray
สวดมนต์
Pay respects
ไหว้
Make merit
ทำบุญ
Bird flu
ไข้หวัดนก
Catfish
ปลาดุก
Adam’s apple
ลูกกระเดือก
Again please.
พูดอีกครัง้ ได้ไหม
Pardon?
อะไรนะ
Knowledge
ความรู้
Know
รู้
Library
ห้องสมุด
Loan
ให้ยืม, การให้ยืม
Lend
ให้ยืม
Borrow
ขอยืม
Browse
ดูไปรอบๆ
Encyclopedia
สารานุกรม
Quiet
เงียบ
Quite
ค่อนข้าง
Please be quiet
กรุณาอย่าส่งเสียงดัง
Recommended
แนะนำ
Chris Delivery Episode 10: Speak Out – Snow White and Seven Dwarves with Top ดารณีนุช โพธิปิติ
Wrong story
ผิดเรือ
่ ง
You’re beautiful.
คุณสวย
Pretty+คำคุณศัพท์
ค่อนข้าง
Image
ภาพในจินตนาการ
7 dwarfs
คนแคระทัง้ เจ็ด
Don’t misunderstand.
อย่าเข้าใจผิด
Backache
ปวดหลัง
Stomachache
ปวดท้อง
Headache
ปวดหัว
Sore throat
เจ็บคอ
Pineapple
สับปะรด
Rose apple
ชมพู่
Custard apple
น้อยหน่ า
Adam’s apple
ลูกกระเดือก
Poisonous fruits
ผลไม้มีพษ
ิ
Passion fruit
เสาวรส
I told you.
ผมบอกแล้วไง
Pass out.
สลบ
Pass away
เสียชีวต
ิ
Disappointed
ผิดหวัง
คงจะมีคนไทยจำนวนไม่น้อยทีค ่ งจะตืน
่ อกตกใจทำอะไรไม่ถูกเมือ ่ จูๆ
่ ได้รบั phone call แล้วแทนทีจ่ ะเป็ นแฟนหรือกิก
๊ โทรมา
แต่เสียงทีม
่ าจากอีกข้างนึงกลับกลายเป็ นฝรั่งหรือต่างชาติพูดอังกฤษฉอดๆอย่างไม่มีทา่ ทีวา่ จะหยุด จนบางคนถึงกับ
ต้องงัดไม้ตายเด็ดอย่างการตอบกลับไปว่า:
หรือใช้มุขตัดบทสนทนาอย่างง่ายๆอย่าง:
My battery is dead.
แบตเตอรีห
่ มด
เพราะฉะนัน
้ วันนี้ผมจึงขอฝากประโยคทีค
่ ณ
ุ จะสามารถใช้ในการพูดโทรศัพย์รบั หน้าฝรั่ง โดยทีไ่ ม่ตอ
้ งใช้มุขหลีกเลีย่ งการคุยอย่างตัวอย่า
The caller
ผูโ้ ทรออก
The receiver
ผูร้ บั สาย
Don’t panic.
อย่าตกใจ
Bank
ธนาคาร
Commercial
เกีย่ วกับการค้า, โฆษณาโทรทัศน์
Branch
สาขา, กิง่ ก้าน
Customer service
แผนกบริการลูกค้า
Account
บัญชี
Fill in
กรอก
Deposit
ฝาก
Withdraw
ถอน
Teller
พนักงานธนาคาร
Bond
พันธบัตร
Chris Delivery Episode 11: Speak Out- The Bank Robbery With Andy เข็มพิมุข
I have a problem.
ฉันมีปญ
ั หา
1 million baht.
1 ล้านบาท
Where is my 1 baht?
เงินของฉันหายไปไหนตัง้ 1 บาท
Nine hundred and ninety-nine thousand, nine hundred and ninety – nine baht.
999,999 บาท
Very stingy.
งกมาก
Take it.
เอาไป
Everybody freeze!
ทุกคนหยุดอยูน
่ ิ่งๆ
You’re a professional.
คุณเป็ นมืออาชีพมาก
He is a bank rubber.
เขาเป็ นยางลบของธนาคาร!!!
Hold this.
ถือไว้
I have 1 baht.
ฉันมีเงิน 1 บาท
I’m hungry.
ผมหิว
Quickly
เร็วๆ
Step back.
ถอยหลังไป
Flight attendant
พนักงานต้อนรับบนเครือ
่ งบิน
How nice!
อะไรจะดีอย่างนี้
Take a poo
อุจจาระ
Get back!
ถอยไป!
That’s my gun.
นั่นปื นของผม
ม่ตอ
้ งใช้มุขหลีกเลีย่ งการคุยอย่างตัวอย่างข้างบนนะครับ แล้วคุณก็จะไม่ตอ
้ งกลัว phone call from hell อีกต่อไป!
กลับไปยังหน้าเดิม
Chris Delivery Episode 12 : Say Hi – S/X Syndrome
Pronunciation
การออกเสียง
Box
กล่อง
Six people
หกคน
Sick people
คนป่ วย
Goose boy
เด็กห่าน
Good boy
เด็กดี
Breast
หน้าอกผูห
้ ญิง
Bread
ขนมปัง
Bus
รถประจำทาง
Butt
ก้น
Lady
ผูห
้ ญิง
Ready
พร้อม
Ocean
มหาสมุทร
Ocean World
โลกใต้สมุทร
Crab
ปู
Weird
ประหลาด
Shrimp[s]
กุง้ ตัวเล็ก
Prawn[s]
กุง้ นาง ( กุง้ ขนาดกลาง)
Lobster
กุง้ มังกร
Angel
นางฟ้ า
Angle
มุมฉาก
Eel
ปลาไหล
Tunnel
อุโมงค์
Coral reef
แนวปะการัง
Coral
ปะการัง
Clownfish
ปลาการ์ตูน
Fish tank
ตูป
้ ลา
Chris Delivery Episode 12: Speak Out – “Finding Nemo” with Cindy สิรน
ิ ยา บิชอฟ
This is my friend.
นี่คอ
ื เพือ
่ นของผม
I know Aqua.
ฉันรูจ้ กั วงแอคควา
Diving
การดำน้ำ
Driving
การขับรถ
Mask
หน้ากาก
Snorkel
ท่อช่วยหายใจ
Fins
ตีนกบ
I’m good.
ฉันสบายดี
I want to go diving.
ฉันต้องการไปดำน้ำ
We speak English.
เราพูดภาษาอังกฤษกัน
Crocodile
จระเข้
What type of animals are there in the gulf of Thailand?
ในอ่าวไทยมีสตั ว์ชนิดไหนอยูบ
่ า้ ง
gulf of Thailand
อ่าวไทย
Golf
กีฬากอล์ฟ
Andaman Sea
ทะเลอันดามัน
Where is Nemo?
นีโมอยูไ่ หน
Go find Nemo.
ไปตามหานีโม
I’m so worried.
ผมกลุม
้ ใจจังเลย
What is that?
นั่นคืออะไร
It sounds awful.
มันเป็ นเสียงทีแ
่ ย่มาก
half-human half-fish.
ครึง่ มนุษย์ครึง่ ปลา
I have an idea.
ฉันมีหนึ่งแผนการ
Good idea.
เป็ นความคิดทีด
่ ี
My father said …
พ่อบอกว่า ...
Wait here.
คอยอยูท
่ น
ี่ ี่กอ
่ น
Sword
ดาบ
Island
เกาะ
5 เทคนิคในการอธิบายเมือ่ อกเสียงคำภาอังกฤษไม่ถูกต้อง
1. สะกดคำ
2. ใช้ภาษากาย
3. อธิบาย
4.เขียนหรือวาดรูป
5. run away (วิง่ หนี)
Anniversary
วาระครบรอบปี
Fair
งานแสดงสินค้า, ยุตธิ รรม
Refrigerator/ Fridge
ตูเ้ ย็น
Hand dryer
เครือ
่ งเป่ ามือให้แห้ง
Living room
ห้องรับแขก
Comfortable
สบาย
Electricity
เครือ
่ งใช้ไฟฟ้ า
Slim
บาง, ได้สดั ส่วน
Sensor
เครือ
่ งจับความเคลือ
่ นไหว
Human
มนุษย์
Multiple
หลากหลาย
Chris Delivery Episode 13: Speak Out- The Dog Hospital With Noowan
I’m a veterinarian.
ผมเป็ นสัตวแพทย์
I’m a vegetarian.
ฉันเป็ นมังสวิรตั ิ
Veterinarian
สัตวแพทย์
Vegetarian
ผูถ
้ ือมังสวิรตั ิ
I’m a vet.
ผมเป็ นสัตวแพทย์
Wet
เปี ยก
Vet(คำย่อของ Veterinarian)
สัตวแพทย์
I want to check
ฉันอยากตรวจดูวา่
Please come in
เชิญเข้ามาเลยครับ
I changed my mind.
ฉันเปลีย่ นใจแล้ว
I’m afraid my dog might
ฉันกลัวว่าสุนข
ั ของฉันอาจจะ
Rabies
โรคพิษสุนข
ั บ้า
Rabbits กระต่าย
I’m a model for the most expensive diamonds. ฉันเป็ นนางแบบให้กบั เพชรทีแ
่ พงทีส่ ุด
He is abnormal. เขาผิดปกติ
Calculator
เครื่ องคิดเลข
It doesn’t work.
มั นไมทำ
่ งาน
Comma
เครื่ องหมายจุลภาค
Two hundred and thirty - four thousand, five hundred and sixty – seven.
234,567
Million
หนึ่ งลา้ น
1,234,567
One million, two hundred and thirty - four thousand, five hundred and sixty – seven
Billion
พั นลา้ น
Directory board
กระดานชี้แจงขอ
้ มูล
Phone directory
รายนามหมายเลขผู้ใช้โทรศั พท์
Boots
รองเทา้ บูธส ์
Booth
ซุ้ม
Field trip
ทั ศนศึกษา
Signature
ลายเซ็น(เป็ นทางการ)
Autograph
ลายเซ็น(ไมเ่ ป็ นทางการ)
Come in.
เขา้ มาได้ครั บ
Take a seat
เชิญนั ่ งครั บ
Ms.
นางสาว
Mrs.
นาง
A quarter to nine
8โมง 45 นาที
Security guard
พนั กงานรั กษาความปลอดภั ย
Secretary
เลขานุ การ
Surname
นามสกุล
Sex
เพศ
Female
ผู้หญิง
Excellent
ยอดเยี่ยม
Put
ใส,่ วาง
Buddhist
ศาสนาพุทธ
If there is an emergency
ถ้ามีเหตุฉุกเฉิ น
3 languages.
สามภาษา
A little bit.
นิ ดหน่อยคะ่
Copper
ทองแดง
My name is Sarocha.
ดิฉันชื่อสโรชา
I study at Thammasat University.
่ ่ีมหาวิทยาลั ยธรรมศาสตร์
ดิฉันกำลั งศึกษาอยูท
Majoring in psychology.
เรี ยนวิชาเอกจิตวิทยา
I am my mother’s daughter!!!
ฉั นเป็ นลูกสาวของแมฉ
่ ั น!!!
Anything else.
มีอยา่ งอื่นอีกไหม
A little bit
นิ ดหน่อย
Chris Delivery Episode 15: Say Hi – The things you can say to Farang during Songkran
What is Songkran?
์ ืออะไร
สงกรานตค
When is Songkran?
์ ือชว่ งเวลาใด
วั นสงกรานตค
Take advantage
เอาเปรี ยบ
Motor
เครื่ องยนต์
Limited edition
ผลิตมาจำนวนจำกั ด
Ride
ขั บขี่
Pride
ความภูมิใจ
Classic car
รถโบราณ
Classic
ยอดเยี่ยมม, ดีเดน
่ ทุกสมั ย
Pickup truck
รถกระบะ
PR girls
สาวประชาสั มพั นธ์
Public Relations
ประชาสั มพั นธ์
Saloon
รถยนต์ 4 ประตู
Salon
ร้านทำผม
Park [P]
จอด
Reverse [R]
ถอยหลั ง
Neutral [N]
เกียร์วา่ ง
Drive [D]
ขั บ
Drive safely
ขั บรถอยา่ งปลอดภั ย
Chris Delivery Episode 15: Speak Out – Songkran Road Trip with PK
This is my girlfriend.
นี่ คือแฟนของฉั น
Cool
เย็น, เจว๋ ,เท่
I have a problem.
ฉั นมีปัญหา
Let’s go straight.
ตรงไปเลย
Shortcut
ทางลั ด
Turn right!!!
เลี้ยวขวา
Who farted?
ใครตดเนี่ ย
Fast
รวดเร็ว
Fart
ผายลม
I don’t understand.
ผมไมเ่ ขา้ ใจ
Bonnet[อั งกฤษ]
กระโปรงรถยนต ์
We are so lucky.
เราโชคดีมาก
คราวกอ่ นเราเคยพูดถึงการเรี ยนรู ้ ภาษาอั งกฤษโดยการดูหนั งไทยเปิ ด subtitle อั งกฤษไปแลว้ มาคราวนี้ ลอง advance ขึ้นมาอีกหน่อยดว้ ยการดูหนั งฝรั ่ งแตเ่ ปิ ด subtitle อั งกฤษดูบา้ งเพื่อ ที่เราจะไดเ้ ขา้ ใ
เคา้ พูดสื่อสารกั นในหนั งนั น
้ ใชคำ
้ กั นยั งไงบา้ ง
Chris Delivery Episode 16 - Speak Out: The Band Reunion with โต๋
It’s amazing how you can speak right to my heart. น่าประทั บใจที่เธอสามารถพูดได้ถึงกลางใจฉั น
Without saying a word, ไมต
่ ้องพูดอะไรเลย
You can light up the dark. เธอก็สามารถทำใหเ้ กิดแสงสวา่ งในความมืดได้
Try as I may. I could never explain, ขนาดฉั นได้ลองพยายามแลว้ ก็ยังอธิบายไมไ่ ด้วา่
What I hear when you don’t say a thing. ฉั นได้ยินอะไรบา้ งตอนที่เธอไมพ
่ ูดอะไร
The smile on your face รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
Lets me know that you need me. ทำให้ฉันรู้ ได้เลยวา่ เธอต้องการฉั นจริ งๆ
There’s a truth in your eyes, แลว้ ความจริ งจากดวงตาของเธอ
่ ีวันทิ้งฉั นไป
Saying you’ll never leave me. บอกวา่ เธอจะไมม
The touch of your hand สั มผั สจากมือของเธอ
Says you’ll catch me whenever I fall. บอกกั บฉั นวา่ เธอจะคอยจั บฉั นไวต ้ อนที่ฉันลืม
You say it best, when you say nothing at all. เธอพูดทุกอยา่ งได้ดีท่ีสุด เมื่อตอนที่เธอไมพ
่ ูดอะไรเลย
้ นฉั นได้ยินคนพูดกั นมากมาย
All day long I can hear people talking out loud. ตลอดทั งวั
But when you hold me near, แตเ่ มื่อเธอกอดฉั นไว้
You can drown out the crowd. เธอทำให้คนรอบๆขา้ งหายไป
Try as they may, they could never define, ถึงคนเขาจะพยายามกั นแคไ่ หน เขาก็อธิบายไมไ่ ด้
What’s been said between your heart and mine. วา่ เราพูดอะไรกั นระหวา่ งใจของเธอกั บฉั น
The smile on your face รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
Lets me know that you need me. ทำใหฉ
้ ั นรู้ ไดเ้ ลยวา่ เธอตอ
้ งการฉั นจริ งๆ
There’s a truth in your eyes, แลว้ ความจริ งจากดวงตาของเธอ
่ ีวันทิ้งฉั นไป
Saying you’ll never leave me. บอกวา่ เธอจะไมม
The touch of your hand. สั มผั สจากมือของเธอ
Says you’ll catch me whenever I fall. บอกกั บฉั นวา่ เธอจะคอยจั บฉั นไวต ้ อนที่ฉันลม้
You say it best, when you say nothing at all เธอพูดทุกอยา่ งได้ดีท่ีสุด เมื่อตอนที่เธอไมพ
่ ูดอะไรเลย
American and British English Usage
้ มูลนี้ แปลเรี ยบเรี ยงจาก www.scit.wlv.ac.uk/~jphb/american.html
หมายเหตุ ขอ
คำชี้ แจง
่ นที่ 1
สว
่ นที่ 2
สว
้ มูลในลั กษณะตอ่ เนื่ อง ตรงขา้ มกั บ digital ซึ่งเป็ นการเก็บเป็ นตั วเลข
แสดงขอ
้ ั งกฤษและอเมริ กัน
ยา่ งไมเ่ ป็ นทางการทังอ
ต์
ตใ์ นลักษณะที่เป็ นอาคาร American English ใช้ condoninium ในความหมายเดียวกัน
น้ำยอ่ ย
ศั พท ์
น ATM
icarbonate ใชในการประกอบอาหาร
ฤษมีท่ีมาจาก ผูท ้ ชาวฮั งกาเรี ยนชื่อ Laszlo Jozsef Biro ในชว่ งปี 1940's.
้ ่ีคิดคน
ยเครื่ องดื่ม
บน้ำ
ดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ภายในบา้ น .
อบ
ใชทำ
้ แฮมเบอร์เกอร์
้ ยว รถโดยสารในเมืองเรี ยก bus
coach เป็ นรถโดยสารระหวา่ งเมือง มีขันเดี
้
ป็ นรถโดยสาร 2 ชั น
รศั พท ์ )
อปปิ้ ง
ถีอ บางที่เรี ยก"the mobile" ในอังกฤษ
รายวัน บัญชีเดินสะพัด
จดการบริ ษัท
บางๆ กินเป็ นของวา่ ง
รใชแ ้ บบอเมริ กัน "city" หมายถึงพื้นที่ซ่ึงอยูใ่ นรู ปของรั ฐบาลทอ้ งถิ่นอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ ง
ชากรไมก ่ ่ีร้อย แตในการใชแ ้ บบ British English ชุมชนนั น ้ จะเป็ น city ก็ตอ่ เมื่อมีโบสถ ์
warrant ประกาศวา่ นั่นคือ city.
ดใหญส ่ ร้างถาวรขนาดเดิน เขา้ ไปได้
้
ารชั นประหย ั ดบนรถไฟหรื อเครื่ องบิน ใน British English คำวา่ "coach" คือรถโดยสาร
มใ่ ชร่ ถโดยสารประจำทาง
บเงินปลายทาง
อาศั ย British English คำวา่ "condominium" หมายถึงอาณาเขต ( territory)
งโดย 2 ประเทศ British English ไมแ่ ยกความแตกตา่ งระหวา่ งเชา่ กั บเป็ นเจา้ ของ
"condominium" หมายถึงเป็ นเจา้ ของมากกวา่ เชา่
ความเย็น
ด
บ ใน British English คำวา่ "cracker" หมายถึงขนมปังกรอบบางชนิ ดที่กินกั บชีส
าย
ummer time" หมายถึงระยะเวลาในชว่ ง summer.
ทางไปหรื ออาจมีวงเวียนให้กลั บรถ
เชน
่ ในโรงแรม
ก
ที่มักจะมีเคาน์เตอร์ยาวให้นั่งเหมือนห้องอาหารในรถไฟ
รั บคา่ ดูหนั ง ละคร สำหรั บนั กศกึ ษาหรื อผูส้ ูงอายุเป็ นตน
้ หรื อในการโฆษณาลดราคามั กจะ
ง และราคา concession ไวด ้ ้ ว ย ส ว
่ นการใช ใ
้ นโอกาสอื ่นๆจะเหมือนกัน.
างธุรกิจ
าของผูห้ ญิง
ขับขี่
ละขายผลิตภั ณฑส
์ ว่ นตั วดว้ ย เชน ้ .
่ สบู ่ ยาสีฟันเป็ นตน
การ
ไฟ
ะถม
ตึกที่อยูต
่ ิดพื้น first floor ของ British จึงหมายถึง second floor ของ American
ริ กัน
ถใชค ้ วามเร็วและจำกั ดทางเขา้ อเมริ กันใช้ "freeway", "highway", "beltway",
y", "express way", "parkway" ในความหมายที่ไมต ่ า่ งกั น British English ใช้ .
ในความหมายถึงถนนที่ตอ ้ งเสี ยคา ผ
่ ่า นทาง
.
้ วา่ "gas" ในความหมายของแกสที่เป็ นเปลวไฟ เขน
ลิงรถยนต์ . British ใชคำ ้ .
่ แกสหุงตม
อุปกรณ์ไฟฟ้า
กรรมและการคา้
บาล
ะ
นรถ
วลชน
ตการ์ด
ที่ ( รถพว่ ง )
ต์
อเมริ กัน ( เผา่ อินเดียนแดง )
ชใ้ นการรายงานคะแนนกีฬา American English จะพูด "two-oh" หรื อ"two to nothing",
English จะพูด "two-nil" สำหรับคะแนน 2-0.
ร์ลอยขา้ มถนน
ใน American English คำวา่ pantihose หมายถึงถุงน่องใสๆ และ tights ไมใ่ ส
้
น British English คำวา่ "pants" หมายถึงชุดชั นใน
็ ต์
ซน
ระโยค
สำหรั บหุ้มหอ
่ อาหาร
อซิ่ง
่ แยมสตรอเบอรี่
ปัง เชน
กชนที่ตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ า่ ย
งน่อง
รับวิง่
ยของ
พิ่ม
นดการ
ส
้
งตึกใน British ชั นของตึ กที่ติดดินเรี ยก ground floor ชั นเหนื
้ อขึ้นไปจึงเป็ น first floor
รอ 4 ประตู
เทา้
BE "shrimps" ใหญก ่ วา่ "prawns"
.
ร
"streetcar", "tramway" and "trolley"อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ ง แทนกันได้สำหรับ ยานพาหนะ
ไมไ่ ดใ้ ชกำ
้ ลังจากการเผาไหมภ ้ ายในเครื่ องยนต
์ แตอ่ ั งกฤษมีการใชต
้ า่ งกัน
car รถลากดว้ ยสายเคเบิล
ถที่วงิ่ บนราง เป็ นรถใชไ้ ฟฟ้า
bus รถบั สที่ใชไ้ ฟฟ้า.
ลชนใตด ้ ิน
บเงินในธนาคาร ร้านคา้ .
ป็ นบา้ น
นการเดินทาง
ติดคอมีปกตลบลงมา
งคม
รถยนต์
าน รอบอาคาร
ณย ์
Present Simple Tense
หลักการใช้
ึ้ ทางทิศตะวันออก)
The sun rises in the east. (พระอาทิตย์ขน
้ ในปัจจุบน
3. ใช้แสดงถึงการกระทำทีเ่ กิดขึน ั หรือสภาพทีเ่ ป็ นปัจจุบน
ั เช่น
The next semester begins in two weeks. (อีก 2 อาทิตย์จงึ จะเปิ ดเทอมหน้า)
หลักการใช้
1. เมือ
่ การกระทำดำเนินอยูใ่ นปัจจุบน
ั (ขณะพูด) และต่อเนื่องมาถึงบัดนัน
้ และจบในอนาคต เช่น
้ มากและบ่อยขึน
Accidents are happening more and more frequently. (อุบตั เิ หตุเกิดขึน ้ )
4. ถ้าประโยคเชือ
่ มด้วย and ( 2 ประโยค) ให้ตดั Verb to be ทีอ่ ยูห
่ ลัง and ออก เช่น
*กริยาทีนำ
่ มาใช้ใน Tense นี้ไม่ได้!!!*
2. กริยาทีแ
่ สดงถึงภาวะของจิต, แสดงความรูส้ ก
ึ , ความผูกพัน ไม่นิยมนำมาใช้ เช่น
I know him very well (ผมรูจ้ กั เขาดี) อย่าใช้ : I am knowing him very well.
หลักการเติม -ing
5). กริยาทีม
่ ี 2 พยางค์ออกเสียงหนักทีพ
่ ยางค์หลัง มีสระและตัวสะกดตัวเดียว เพิม
่ ตัวสะกด แล้วเติม -ing
[แบบอเมริกน
ั ] : travel => traveling, quarrel => quarreling
หลักการใช้
้ ในอดีต ดำเนินเรือ
1. การกระทำทีเ่ กิดขึน ่ ยมาจนปัจจุบน
ั เช่น
4. การกระทำซึง่ เริม
่ ต้น และสิน
้ สุดในอดีต แต่อาจเกิดได้อีก มี Adverb of Frequency ด้วย เช่น
*อย่าลืม!!! ต้องแม่นในการผันกริยาช่องที่ 3*
หลักการใช้
้ ในอดีต และสิน
1. เหตุการณ์ ทเี่ กิดขึน ้ สุดแล้ว มี Adverb บอกเวลาในอดีตกำกับด้วย เช่น
้ ในชั่วระยะเวลาหนึ่งในอดีต และระยะเวลานัน
3. เหตุการณ์ ทเี่ กิดขึน ้ ได้ลว่ งเลยมาแล้ว เช่น
4. ใช้แสดงถึงการสมมุตห
ิ รือข้อแม้ ในปัจจุบน
ั หรือในอนาคต ตามหลังคำว่า If, Unless, Wish เช่น
หลักการใช้
1. ใช้ในเหตุการณ์ ทแ
ี่ สดงอาการกำลังกระทำในอดีต เช่น
2. ใช้แสดงถึงการกระทำทีต
่ อ
่ เนื่องกันในอดีต เช่น
When I returned home, she was playing pingpong. (ตอนฉันกลับบ้าน เธอเล่นปิ งปองอย)ู่
้ พร้อมกันในอดีต ต้องใช้ Past Con ทัง้ คู่ มีคำว่า while หรือ as มาเชือ
4. เหตุการณ์ 2 อย่างทีเ่ กิดขึน ่ ม เช่น
หลักการใช้
้ ตามธรรมชาติ เช่น
1. เหตุการณ์ ทเี่ ป็ นอนาคตอันแท้จริง ต้องเกิดขึน
I will be twenty-one next year. ผมจะมีอายุ 21 ในปี หน้า (ห้ามใช้ :I am going to be twenty-one next year.)
2. ในประโยคทีเ่ ชือ
่ มด้วย If ใช้ได้เฉพาะ will และ shall เท่านัน
้
John will be successful if he tries hard.(ห้ามใช้ :John is going to be successful if he tries hard.)
3. กริยาทีแ
่ สดงการรับรู้ เช่น
I will remember this experience forever.(ห้ามใช้ :I am going to remember this experience forever.)
Question Tag
หลักการตัง้ ประโยคคำถาม
8. ประโยคคำสั่ง ขอร้อง เชื้อเชิญ ตรง Tag เติม คำว่า will you ได้เลย
้ ต้นด้วย That is, This is ส่วน Tag ใช้ isn't it? หรือ is it
1. ถ้าประโยคหน้าขึน
้ ต้นด้วย There is/ are/ was/ were ส่วน Tag ใช้ V. to be ตามประธานและ Tense + there
2. ถ้าประโยคหน้าขึน
้ ต้นด้วย These/ Those are ส่วน Tag ใช้ aren't they หรือ are they แล้วแต่กรณี
3. ถ้าประโยคหน้าขึน
he tries hard.)
perience forever.)
is interesting, is it?
The simple Tenses
1) Present Simple
2) Past Simple
3) Future Simple
การใช้
1) ใช้ present simple tense กับความจริงทีเ่ ป็ นกฏตายตัว ( general truth)
4) Birds fly.
นกบิน
Bassanio wants to go to Belmont to woo Portia. He asks Antonio to lend him money. Antonio
บัสสานิโอต้องการจะไปเบลมองค์เพือ
่ เกี้ยวพาราศีนางปอร์เซียเขาขอยืมเงินอันโตนิโอ อันโตนิโอบอกว่า ขณะนี้เขาไม่มีเงินเลย จนกว่าเรือจะ
กลับไปยังหน้าเดิม
Subject + verb2.
I came, he came, she came, it came, they came
การใช้
1.ใช้ past simple กับการกระทำซึง่ เกิดขึน ้ และจบลงไปแล้วในอดีต
ซึง่ มักจะมี คำแสดงอดีต รวมอยูด่ ว้ ยเสมอ เช่น
yesterday, ago, in 1970, last week, during the war, last mouth,once upon a time,last year
1. He arrived at four o'clock yesterday morning.
เขามาถึงตอนตีสเี่ ช้าวานนี้
2. I lived in Korat for three years.
ผมอยูโ่ คราชเป็ นเวลา 3 ปี (เคยอยูท ่ น
ี่ ่ น
ั 3 ปี ปัจจุบน
ั นี้มไิ ด้อยูท
่ น
ี่ น
้ั )
3. She went to the movies last night.
เมือ ่ คืนนี้หล่อนไปดูหนัง
เหตุการณืหลายเหตุการณ์ ทเี่ กิดติดต่อกันในอดีต ถ้าประสงค์จะพูดถึงเหตุการณ์ เหล่านัน
้ โดยไม่ประสงค์จะแสดงความเกีย่ ว พันกันก็ใช้
4. She drove into the car-park, got out of the car, closed all the windows.locked the doors, and
หล่อนขับไปยังทีจ่ อดรถ ลงจากรถ ปิ ดหน้าต่างทุกบาน ใส่กุญแจประตู แล้วก็เดินไปยังโรงหนัง
We'll be back.
They'll go home.
การใช้
้ ในอนาคต
ใช้กบั การกระทำทีจ่ ะเกิดขึน
ซึง่ ปกติจะมีคำแสงนาคต กำกับอยูด ่ ว้ ย เช่น
soon, shortly, tomorrow, tonight, next week, next month, next year, in a few minutes, a month from now
ข้อสังเกตทั่วไป
1. shall กับ will
คำสั่งสองนี้มีความหมายได้ 3 อย่าง คือ
1.แสดงความสมัครใจ (volition)
2.แสดงความจำใจ(obligation)
3.แสดงความเป็ นอนาคต(futurity)
ความหมายทัง้ สามนี้ แม้จะรูว้ า่ มันมีอยู่ แต่เราไม่สามารถชี้ให้เห็นถึงข้อแตกต่างอย่างชัดเจนได้ เป็ นค้วา่ เมือ
่ ใช้แสดงอนาคตนัน
้ ก็แสดงความ
2.'Pure' Future
โดยเหตุทค ี่ วามหมายของ will(shall) เป็ นได้หลายกรณีดงั กล่าวเมือ
่ ใช้ในความหมายทีแ่ สดงอนาคตอย่างแท้จริง จึงนิยมเรียกชือ
่ เสียใหม่
I shall be twenty-nine tomorrow.
พรุง่ นี้ผมจะมีอายุ(ครบ) 29 ปี
ในกรณีทป ี่ ระโยคเป็ น 'Pure' Future นัน ้ โดยปกติใช้ I shall, we shall เสมอ คำอืน
่ ๆใช้ will ทง้ ั หมด คือเป็ นไปตามกฎโดยเคร่งครัด
5.Will you?
มีความหมายเป็ นเชิงว่า คุณะกรุณา... ได้ไหม (= Are you willing to.. หรือ Would you like to ...) เช่น
Will you help me carry this bag?
คุณจะช่วยกรุณาถือกระเป๋ านี้ได้ไหม
6.เมือ
่ ประธานมีหลายตัวแม้จะมี I รวมอยูด
่ ว้ ยก็ใช้ will
You and I will both be promoted.
คุณและผมทัง้ สองคนจะได้เลือ
่ นขัน
้
กลับไปยังหน้าเดิม
Present Continuous
Present Continuous
รูปกริยา Subject + is(am,are) + (verb+ing).
การใช้
1.ใช้ present continuous เมือ ่ การกระทำนัน ้ กำลังดำเนินอยูต ่ อ
่ หน้า(ในขณะทีพ่ ูดประโยคนัน
้ )
1.The sun is shining.
ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสง
2.The bees are humming.
ฝูงผึง้ กำลังส่งเสียงหึง่
3.What are you doing?
คุณกำลังทำอะไร
ในกรณีทผ ี่ พ ้ นิยมเติมคำ just ลงข้างหน้า(just ในกรณีเช่นนี้ไม่มีคำแปลในภาษาไทย
ู้ ูดต้องการ เน้นคำว่า กำลัง ให้หนักแน่ นยิง่ จึน
4.The children are just having breakfast.
พวกเด็ก ๆ กำลังรับประทานอาหารเช้ากันอยู่
3.ใช้ present continuous แสดงเหตุการณ์ ในอนาคต ซึง่ คาดว่าจะต้องเป็ นเช่นนัน ้ แน่ นอน
การใช้ present coutinuous ในความหมายทีเ่ ป็ นอนาคตนี้ ปกติเขาใช้กบั กริาทีม
่ ีการเคลือ่ นที(่ verbs of movement)
1.We are going to Paris on Sunday.
วันอาทิตย์นี้เราจะไปนครปารีส
2.Dang is coming here next week and is staying here until May.
แดงจะมาทีน ่ ี่ในสัปดาห์หน้า และเขาจะอยูท
่ น
ี่ ี่จนถึงเดือนพฤษภาคม
3.What are you doing next Sunday?
วันอาทิตย์หน้าคุณจะทำอย่างไร
เมือ
่ ต้องการจะบอกว่า กำลังมีอาการเช่นนี้อยู่ คงใช้เพียง present simple เท่านัน
้ เช่น
1. I don't see anything here.(ไม่ใช่ I am not seeing....)
ผมไม่เห็นอะไรทีน ่ ี้เลย
2. I see what you mean. (ไม่ใช่ I am seeing...)
ผมเข้าใจว่าคุณหมายความถึงอะไร
3.Do you hear the noise? (ไม่ใช่ Are you hearing...)
ผมได้ยน ิ เสียงอะไรไหม
กลับไปยังหน้าเดิม
Past Continuous
การใช้
1.While one of the two thieves was working on the safe,the other was keeping watch for policemen.
่ โมยคนหนึ่ง(ในสองคน)กำลังจัดการกับตูเ้ ซฟอยูน
ขณะทีข ้ ั อีกคนหนึ่งก็(กำลัง)คอยดูตำรวจ
่ น
เมือ
่ ผมกลับบ้านนัน
้ ฝนกำลังตกอยู่
2.While the man was looking at the picture, a thief stole his purse.
ขณะทีช
่ ายคนนัน
้ กำลังดูรูปภาพอยู่ ขโมยได้ลกั เอากระเป๋ าสตางค์ของเขาไป
3.As I was walking along the theatre, a car mounted the pavement and crashed into a shop.
หมายเหตุ ควรสนใจความหมายของการตอบคำถามต่อไปนี้
คุณรูเ้ รือ
่ งงานใหม่ของอนงค์หรือเปล่า
หมายถึงว่า ภรรยาของผมถึงเรือ
่ งนัน
้ แล้วละ และผมก็ไม่สนใจ ไม่อยากจะรูเ้ รือ
่ งนัน
้ อีกเลย
กลับไปยังหน้าเดิม
Furture Continous(Progressive)
การใช้
่ ต้องการจะบอกว่า ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคตจะมีเหตุการณ์ อะไรกำลังดำเนินอยู่
1.ใช้ tense นี้ เมือ
การใช้ tense นี้จงึ ต้องมี คำบอกเวลา ณ จุดหนึ่งในอนาคตกำกับอยูด
่ ย้ เสมอ คำบอกเวลานี้อาจเป็ นกลุม
่ คำ หรือวลีก็ได้
Present Perfect
Past Perfect
้ ก่อนเวลาหนึ่งในอดีต
2. ใช้ past perfect กับเหตุการณ์ ทเี่ กิดขึน
1. Jane had never seen a lion until yesterday.
เจนไม่เคยเห็นสิงโตเลยจนกระทั่วเมือ่ วานนี้ (จึงได้เห็น)
2. Soon the police arrived at the scene of the robbery. But they were too late . The thieves has already gone.
ไม่ใช้พวกตำรวจก็ไปถึงทีโ่ จรกรรม แต่สายเกินไป พวกโจรพากันไปเสียแล้ว
กลับไปยังหน้าเดิม
Future Perfect
ิ า (เมือ
by eight o'clock ก่อน 8 นาฬก ิ า)
่ ถึง 8 นาฬก
การใช้
ใช้ได้เฉพาะกริยาทีม ้ ในอดีตและดำเนินติดต่อกันเรือ
่ ีการต่อเนื่อง ใช้กบั เหตุการ์ทเี่ กิดขึน ่ ยมาจนถึงปัจจุบน
ั เช่น
Bill has been living in Bangkok since 1975.
บิลอยูใ่ นกรุงเทพมาตัง้ แต่ปี 1975.
จะเห็นว่า การใช้ present perfect continuous ก็เหมือนกับการใช้ present perfect ธรรมดา เพียงแต่ perfect continuous
ปกติ : Bill has lived in Bangkok since 1975.
เน้นความต่อเนื่อง : Bill has been living in Bangkok since 1975.
บิลอยูใ่ นกรุงเทพมาตัง้ แต่ปี 1975.
ปกติ : He has worked on the problem for two hours so far.
เน้นความต่อเนื่อง : He has been working on the problem fo two hours so far.
เขาทำโจทย์มาเป็ นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว
Note ควรระวังว่ากริยาทีไ่ ม่แสดงควมต่อเนื่องของการกระทำ ( continuity of action ) จะใช้ tense นี้ไม่ได้
ผิด : The train has been arriving.
ถูก : The train has arrived.
ผิด : The clock has been stopping.
ถูก : The clock has stopped.
ระวังไม่ใช้ perfect continuous กับคำต่อไปนี้ just, already, never, finally
กลับไปยังหน้าเดิม
การใช้
หลัการเช่นเดียวกับการใช้ future perfect ธรรมดา เราจะใช้ perfect continuous เฉพาะเมือ ่ ต้องการเน้นความต่อเนื่องเท่านัน ้
คือใช้เมือ ่ ต้องการจะบอกวา เมือ ่ ถึงเวลาหนึ่งในอนาคต เหตุการณ์ อย่างหนึ่งซึง่ ดำเนินมาก่อนหน้านัน
้ ก็ยงั คงดำเนินอยูแ่ ละจะดำเนินต่อไปอีก
1.By eleven o'clock I shall have been working for three hours.
เมือ
่ ถึงเวลา 11 นาฬก ิ า ผมก็จะทำงาน(ติดต่อกันมา) ครบสามชั่วโมง (และผมก็จะทำงานต่อไปอีก)
จะเห็นว่าประโยคนี้ก็เหมือนประโยคทีว่ า่
By eleven o'clock I shall have worked for three hours.
เพียงแต่ประโยคหลังนี้ไม่ได้เน้นถึงการทำงานติดต่อกันมาเหมือนประโยคแรก ประโยคหลังนี้บอกเพียงว่า เมือ ่ ถึงเวลา
2. On August 12th we shall have been living in this house exacly four years.
เมือ่ ถึงวันที่ 12 สิงหาคม เราก็จะอยูบ ่ า้ นหลังนี้ครบ 4 ปี พอดี (และจะอยูต
่ อ
่ ไปอีก)
จงพิจารณาประโยคต่อไปนี้
1. It is now November.
ขณะนี้เป็ นเดือนพฤศจิกายน
2. I wrote this book in June.
ผมเขียนหนังสือนี้เมือ่ เดือนมิถุนายน
3. I have been writing this book for five months.
ผมเขียนหนังสือน้มาเป็ นเวลา 5 เดือนแล้ว(เขียนติดต่อกันมาเป็ นเวลา 5 เดือนละบัดนี้กำลังเขียนคู)่
4. In October I was still writing this book and had been writing this book.
เมือ
่ เดือนตุลาคม (ทีแ
่ ล้ว) ผมก็กำลังเรียนหนังสือนี้อยู่ และได้เขียนหนังสือนี้ (ติดต่อกันมา) เป็ นเวลา 4 เดือนแล้ว
5. In December I shall be writing this book and shall have been writing this book for six months.
ในเดือนธันวาคม(ทีจ่ ะถึงนี้) ผมก็คงจะกำลังเขียนหนังสือนี้อยูอ ่ ีก และ(ในตอนนัน ้ ) ผมก็จะเขียนหนังสือนี้ครบเวลา
6. I shall finish this book in January, when I shall have written this book seven months.
ผมจะเขียนหนังสือนี้จบในเดือนมกราคม(ทีจ่ ะถึงนี้) ซึง่ (ในตอนนัน ้ ) ผมก็จะเรียนหนังสือนี้มาเป็ นเวลา 7 เดือน
Adverbs
หลักการสังเกตจำกริยาวิเศษณ์ คอ
ื กริยาวิเศษณ์ สว่ นมากลงท้ายด้วย ly เพราะส่วนมากเปลีย่ นรูปมาจากคำคุณศัพท์ ตามหลักเกณฑ์ตอ
่ ไปนี้
1. เพิม
่ ly ท้ายคำคุณศัพท์เพือ
่ ให้เป็ นกริยาวิเศษณ์ เช่น slow = slowly, bad = badly
1. ขยายกริยา เช่น
2.ขยายคุณศัพท์ เช่น
He is very impertinent.
Kinds of Adverbs
เพือ
่ ให้เข้าใจอย่างชัดเจนและรูก ้ ในการพิจารณากริยาวิเศษณ์ จงึ อยากให้ตอ
้ ว้างขวางมากขึน ๋ ยเรียนการพิจารณาหน้าทีข
่ องกริยาวิเศษณ์ แต่ละ
2.Adverb of Time
คือคำวิเศษณ์ ทบ
ี่ อกเวลา จะพิสูจน์ได้โดยใช้ When ตัง้ คำถามถามได้เช่น
a.When did you meet him?
b.I met him yesterday.
3.Adverb of Number
คือคำวิเศษณ์ ทบ
ี่ อกจำนวนเวลา หรือระยะเวลา จะพิสูจน์ได้โดยใช้ How often สร้างเป็ นรูปประโยคคำถามถามได้ เช่น
How often does he do his homework?
He always does his homework.
7.Adverb of Reason
คือคำวิเศษณ์ ทแ
ี่ สดงเหตึผลอันสืบเนื่องมาจากการกระทำต่างๆ เช่น
a.He could't pass the exam.
b.She is hence unable to refute the charge.
8.Intersifying Adverb
คือคำวิเศษณ์ ซงึ่ เน้นกริยา หรือคุณศัพท์ เช่น
a.I was also absent from school.
b.Even I was punished.
9.Interrogative Adverb
คือคำวิเศษณ์ ทเี่ ป็ นคำถาม ซึง่ มีอยู่ 4 คำเท่านัน
้ เช่น
a.Where is Ladda?
b.When did you come?
c.Why are you angry?
d. How did you contrive it?
POSITION OF ADVERBS
2.Adverbs ทีต
่ อบคำถาม How ได้ จะวางไว้หน้าประโยค หรือวางหลังประโยคก็ได้ เช่น
He behaves badly.
3.Adverbs ทีต
่ อบคำถาม When ได้ จะวางไวหน้าประโยค หรือวางหลังประโยคก็ได้ เช่น
He will come tomorrow.
4.Adverbs ทีต
่ อบคำถาม How often "บ่อยเท่าไร" ตามปกติจะต้องวางไว้หน้ากริยาสำคัญ หรือกริยาแท้ของประโยค แต่มีคำทีว่ างหลังประ
5.Averbs ทีต
่ อบคำถาม Where ได้ ตามปกติจะต้องวางไว้หลังประโยค เช่น
6.เมือ
่ มีการใช้คำวิเศษณ์ และกลุม
่ คำวิเศษณ์ รว่ มกัน 3 ชนิดทีแ
่ ตกต่างกัน จะมีวธิ ีเรียงลำดับดังนัน
้
2.I was born at seven o'clock on a cold December evening in the year 1962.
่ นึ่งของประโยคได้ เช่น
7.Adverbs ทีใ่ ช้ตามหลักข้อ 1 และข้อ 4 ถ้าต้องการใช้พูดเน้นหรือย้ำ ภาษาพูดส่วนากทีว่ างไว้หน้า กริยาตัวทีห
You are late again! You always are late every day.
และการตอบคำถามสัน้ ๆ ซึง่ คำตอบนัน
้ มีกริยาเพียงตัวเดียว ก็ใช้คำวิเศษณ์ วางข้างหน้าได้ เช่น
การแสดงอนาคตโดย going to
1.ใช้ going to + verb แสดงความตัง้ ใจ เช่น
1. I am going to write Anong this evening.
คืนนี้ผม(ตัง้ ใจว่า) จะเขียนจดหมายถึงอนงค์
2.He says he is going to buy a new car next month.
เขาพูดว่าเขา(ตัง้ ใจว่า) จะซื้อรถใหม่สกั คันหนึ่งในเดือนหน้า
***ข้อสังเกต
1.ไม่นิยมใช้รูป going to + verb แสดง pure futerity (ความเป็ นอนาคตอย่างแท้จริง)
ผิด : I am going to be twenty-nine in September.
ถูก : I shall(will) be twenty-nine in September.
ผมจะมีอายุ(ครบ) 29 ปี ในเดือนกันยายนนี้.
2.ไม่นิยมใช้ going to ในประโยคอนาคตทีเ่ ป็ นเงือ่ นไข
ผิด : If you ever go to Japan you are going to like the food there.
ถูก : If you ever go to Japan you will like the food there.
ถ้าหากคุณได้ไปญีป ่ น ุ่ คุณคงจะชอบอาหารทีน
่ ่น
ั
Shall
เมือ
่ ใช้ shall กับ you, he , she, it , they, etc. อาจมีความหมายว่า
1.เป็ นเชิงให้สญั ญา (ผูพ้ ูดเป็ นผูใ้ ห้สญ
ั ญา)
1. If you work hard you Shall have a holiday on Saturday.
ถ้าพวกเธอทำงานให้จริงจัง ก็จะได้หยุดทุกวันเสาร์
2.You shall have the money as soon as I get it.
2.เป็ นเชิงบังคับ(ผูพ
้ ูดเป็ นผูบ
้ งั คับบัญชา)
1.If you children won't do as I tell you, you shan't go to the party
2.Do this or you shall be punished?
ทำสิง่ มิฉะนัน้ เธอจะถูกทำโทษ( = ทำนะถ้าไม่ทำจะโดนทำโทษ)
3.เป็ นเชิงแสดงความตกลงใจอย่างแน่ วแน่ (ของผูพ ้ ูด)
1.These people want to buy my house, but they shan't have it.
คนเหล่านี้อยากจะซื้อบ้านของผม แต่วา่ เขาไม่มีหวังจะได้มน ั หรอก
(เพราะผมตกลงใจอย่างแน่ นแน่ เสียแล้วว่าจะไม่ขาย)
2.The enemy shall not pass.
ศัตรูไม่มีทางทีจ่ ะผ่านไปได้หรอก
(เพราะเราตกลงใจอย่างแน่ วแน่ เสียแล้วว่าจะไม่ยอมให้มน ั ผ่านไปได้)
Will
ney. Antonio says that he hasn't any at the moment until his ships come to port.
อกว่า ขณะนี้เขาไม่มีเงินเลย จนกว่าเรือจะเข้าเทียบท่าแล้ว(เขาจึงจะมี)
สงค์จะแสดงความเกีย่ ว พันกันก็ใช้ tense นี้ได้ตลอด เช่น
he doors, and walked towards the cinema.
นค้วา่ เมือ
่ ใช้แสดงอนาคตนัน
้ ก็แสดงความจงใปด้วย ในตัว เป็ นต้น
ตอย่างแท้จริง จึงนิยมเรียกชือ
่ เสียใหม่ 'Pure' Future เช่น
ริงก็ตอ
้ งในนครลอนดอน รูปคำถามของ I และ We มักเป็ น Shall I? หรือ we? เสมอ ยกเว้นในกรณีตอ
่ ไปนี้
ณีเช่นนี้ไม่มีคำแปลในภาษาไทย)เช่น
ะโยคมักจะได้แก่ while)
รรยาบอกผมยังไมละเอียด
กลุม
่ คำ หรือวลีก็ได้
พียงว่า เมือ
่ ถึงเวลา 11 น. ผมก็จะทำงานครบ 3 ชั่วโมง ไม่ความหมายพิเศษอย่างอืน
่
จากคำคุณศัพท์ ตามหลักเกณฑ์ตอ
่ ไปนี้
คำต้องตัด e ทิง้ ก่อนเติม ly เช่น true = truly , due = duly ถ้าต๋อยจำหลักนี้ได้ ว่าเป็ นกริยาวิเศษณ์ นอกจากนี้ตอ
้ งจำว่ากริยาวิเศษณ์ มีหน้าที่ 3 อย่าง คือ ขยายกริยา ขย
คคำถามถามได้ เช่น
่ นึ่งของประโยคได้ เช่น
น้า กริยาตัวทีห
ght in the fields and in the streets, we shall fight in the hills; we shall never surrender."
ขา เราจะไม่มีวนั ยอม จำนนเป็ นอันเด็ดขาด"
or three hours , for two weeks, etc. อนึ่ง หลัง since เมือ ่ สดง point of time ซึง่ เป็ น past เช่น
่ เป็ นประโยคก็จะต้องเป็ น ประโยคทีแ
รรยาย (โดยปกติการบรรยายนัน
้ เขาก็บรรยายติดต่อกันมาไม่ใบรรยาแล้วหยุดแล้วบรรยายต่อ ดังนัน
้ ประโยคนี้จงึ ได้ใจความดีกว่าประโยคแรกมากดังกล่าวแล้ว
ษณ์ มีหน้าที่ 3 อย่าง คือ ขยายกริยา ขยายคุณศัพท์ และขยายกริยาวิเศษณ์ ดว้ ยกัน โดยพิจารณาจากหน้าทีเ่ ช่น
โยคแรกมากดังกล่าวแล้ว)
WORDS
คำในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็ นชนิดต่างๆได้ ๘ ชนิด ด้วยกันคือ
1. Noun คำนาม (คำทีใ่ ช้เรียกชือ
่ คน สัตว์ สิง่ ของ สถานที)่
2. Pronoun คำสรรพนาม (คำทีใ่ ช้แทนคำนาม)
3. Adjective คำคุณศัพท์ (คำขยายคำนาม)
4. Adverb คำกริยาวิเศษณ์ (คำขยายกริยา ฯลฯ ยกเว้นนาม กับ สรรพนาม
5. Verb คำกริยา ( อาการกระทำของประธาน)
6. Conjunction คำสันธาน (คำทีใ่ ช้เชือ ่ มอนุประโยคตัง้ แต่ 2 ประโยคขึน ้ ไป)
7. Preposition คำบุพบท (คำใช้เชือ ่ มแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำต่อคำ)
8. Interjection คำอุทาน (คำทีเปล่งออกมาลอยๆ เพือ ่ แสดงความรูส้ ก ึ ของอารมณ์ )
ในภาษาอังกฤษนัน ้ การสร้างประโยคจะใช้คำต่างๆเหล่านี้มาแต่งเป็ นประโยคขึน ้ ซึง่ คำแต่ละชนิดนี้จะมีลกั ษณะเฉพาะของตนเอง
คือมีหน้าทีต ่ า่ งกันและมีการวางตัวต่างกันด้วย ซึง่ ต่อไปนี้จะได้อธิบายพื้นฐานเรือ
่ งหลักการใช้คำต่างๆ เหล่านี้และหลักการแต่งประโยคอย่าง
NOUN
Noun คือคำทีใ่ ช้เป็ นชือ
่ ของ คน สัตว์ สิง่ ของและสถานที ่ แบ่งออกได้ 5 ชนิดคือ
1. Common Noun สามานยนาม ได้แก่นามทีเ่ ป็ นชือ ่ ไม่ชี้เฉพาะของ คน สัตว์ สิง่ ของ และสถานที ่ เช่น
2. Proper Noun วิสามานยนาม ได้แก่นามทีเ่ ป็ นชือ ่ เฉพาะของคน สัตว์ สิง่ ของ และสถานที ่ และจะต้องเขียนด้วยต
3. Collective Noun สมุหนาม ได้แก่นามทีเ่ ป็ นชือ ่ ของหมูค ่ ณะ, กลุม ่ , ฝูง เป็ นต้น ส่วนมากมัก จะเป็ นคำผสมทีค
่ รั่นด
้ กิรยิ าจึงต้องใช้ให้เป็ นพหูพจน์ดว้ ย (อนึ่งบางคำอาจเป็ นคำคำเดียวก็ได
ดังนัน
4. Material Noun วัตถุนาม ได้แก่นามทีเ่ ป็ นชือ ่ ของเนื้อวัตถุ ซึง่ ส่วนมากก็ได้แก่นามทีเ่ ป็ นของเหลว
5. Abstract Noun อาการนาม ได้แก่นามทีเ่ ป็ นชือ ่ ของลักษณะ, สภาวะ, และการกระทำ นามจำพวกนี้ไม่มีตวั ตน
หน้าทีข่ องนาม
นามทัง้ 5 ชนิดทีก ่ ล่าวมานัน
้ เวลานำไปพูดหรือเขียน สามารถทำหน้าทีไ่ ด้ 7 อย่างคือ
1. เป็ น Subject ของกิรยิ าในประโยคได้.
2. เป็ น Object ของกิรยิ าในประโยคได้.
3. เป็ น Object ของ Preposition (บุรพบท) ได้.
4. เป็ น Complement คือส่วนสมบูรณ์ ของกิรยิ าได้.
5. เป็ น Appositive คือเป็ นนามซ้อนนามได้.
6. เป็ น Address คือเป็ นนามเรียกขานได้ (และต้องใส่, Comma ด้วย).
7. เป็ น Possessive คือเป็ นนามแสดงความเป็ นเจ้าของได้ (และต้องใส่ Apostrophe’s ด้วย)
Pronoun
Pronoun (คำสรรพนาม) คือคำทีม
่ ีไว้สำหรับ(พูด,เขียน)แทนชือ
่ ของคน,สัตว์,สิง่ ของ,และสถานทีเ่ พือ
่ ป้ องกันมิให้กล่าวชือ ้ ซ้ำๆซากๆ ซึง่ เป
่ นัน
เอกพจน์ พหูพจน์
บุรุษที ่ 1 I we
บุรุษที ่ 2 you you
บุรุษที ่ 3 he, she, it the
2.1 เป็ นประธานของกิรยิ าในประโยค เช่น Your book is green, mine is red.
2.2 เป็ นส่วนสมบูรณ์ ของกิรยิ า เช่น this pencil is mine, that one is your.
2.3 ใช้เรียงตามหลังบุรพบท(คำเชือ
่ มคำ) เพือ ้ ได้เช่น A friend of yours
่ เน้นความเป็ นเจ้าของให้ชดั เจนขึน
·Whom (ใคร) ใช้ถามถึงบุคคลและเป็ นกรรมของกิรยิ าหรือบุรพบท (บางครัง้ ใช้ Who แทน). เช่น Whom do you love ?
· Which (สิง่ ไหน อันไหน) ใช้ถามถึงสัตว์, สิง่ ของ, เป็ นได้ทง้ ั ประธานและกรรม เช่น ถ้าเป็ นประธานไม่ตอ
้ งใช้กริยาอืน
่ ม
·Which (ที,่ ซึง่ ) ใช้แทนนามทีเ่ ป็ นสัตว์ สิง่ ของ เป็ นได้ทง้ ั ประธานและกรรม The animal which has wing is a bird.
·Where (อันเป็ นที)่ ใช้แทนนามทีเ่ ป็ นสถานที่ เป็ นได้ทง้ ั ประธานและกรรม เช่น The night club is the place
·What (อะไร,สิง่ ที)่ ใช้แทนนามทีเ่ ป็ นสิง่ ของ นามที่ What ไปแทนทำหน้าทีเ่ ป็ นประพันธ์สรรพนามนัน
้ ไม่ตอ
้ งปรากฏให้เห็นอยูข
่ า่ งหน้าเห
·When (เมือ
่ ,ที)่ ใช้แทนนามทีเ่ กีย่ วกับเวลา ,วัน, เดือน,ปี เช่น Sunday is the day when we don’t work.
·Why (ทำไม) ใช้แทนนามทีเ่ ป็ นเหตุผล (ส่วนมากใช้แทน reason ) เช่น This is the reason why I go to Hong Kong.
· That (ที,่ ซึง่ ) ใช้แทนคน, สัตว์, สิง่ ของ, และสถานทีไ่ ด้ แต่ตอ
้ งอยูใ่ นหลักเกณฑ์ 4 ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง อันได้แก่
each แต่ละ, either คนใดคนหนึ่ง, neither ไม่ใช่ทง้ ั สอง หรือไม่ใช่ทง้ ั สอง เช่น There are ten boy .
ลักษณะพจน์ของนามโดยทั่วไป
ในการสร้างประโยคนัน
้ จะต้องใช้กริยาให้สอดคล้องกับพจน์ของตัวประธาน ถ้าประธานเป็ นเอกพจน์กริยาก็ตอ
้ งเป็ นเอกพจน์ ถ้า
* ข้อยกเว้น มีนามหลายตัว หรือหลายลักษณะทีไ่ ม่อยูใ่ นหลักการทัง้ ทีก ้ ซึง่ เป็ นเรือ
่ ล่าวมาแล้วนัน ่ งทีล่ ะเอียดเกินไปทีเ่ ราควร
เพศของนาม
2. Feminine Gender เพศหญิง เช่น girl, woman …etc.
1. โดยการเปลีย่ นคำทัง้ คำจากเพศชายเป็ นเพศหญิง เช่น Boy เป็ น Girl เป็ นต้น
จบเรือ
่ งนามและสรรพนาม
Article
หลักทั่วไปของการใช้ A
คือเมือ
่ A นำหน้านามใดนามนัน
้ ต้องมีลกั ษณะครบ 4 ประการ อันได้แก่
หลักทั่วไปของการใช้ AN
คือเมือ
่ AN นำหน้านามใด นามนัน
้ จะต้องมีลกั ษณะครบ 4 ประการ คือ
* ข้อยกเว้น ห้ามใช้ AN นำหน้าคือ นามบางตัวทีข ึ้ ต้นด้วยสระ แต่อา่ นออกเสียงเป็ นพยัญชนะ”ย” นามตัวนัน
่ น ้ ให้ใช้
1. นามทีน
่ บ
ั ไม่ได้ทก
ุ ชนิด
2. นามพหูพจน์ทก
ุ ชนิด
หลักทั่วไปของการใช้ THE
ใช้นำหน้าได้ทก
ุ ชนิด ทุกประเภท นั่นคือ
4. เป็ นนามทีข ึ้ ต้นด้วยสระ ก็ใช้ The นำหน้าได้ (แต่ให้อา่ นว่า ดิ )
่ น
5. เป็ นนามทีน
่ บ
ั ได้ ก็ใช้ The นำหน้าได้
- ถ้านามนัน
้ มีบุรพบทวลีหรืออนุประโยคมา ขยายอยูข
่ า้ งหลัง ให้ใช้ the ทันที.
- ถ้านามนัน
้ ไม่มีบุรพบทวลีหรืออนุประโยคมาขยายอยูข
่ า้ งหลังให้ใช้ a, an ทันที
จบเรือ
่ ง Article
Adjective
Adj. เวลานำไปใช้นน
้ ั ปรกติมีวธิ ีใช้อยู ่ 2 วิธีคอ
ื
ชนิดของ Adj.
Adj. แบ่งออกเป็ น 8 ชนิดคือ.
1. Descriptive Adj. คุณศัพท์บอกลักษณะ(หรือคุณภาพ) เช่น Good, fat, tall, thin, rich ,etc.
2. Proper Adj. คุณศัพท์บอกชือ ่ เฉพาะ(บอกสัญชาติ)คือเป็ นAdj. ทีม่ ีรูปมาจากคำนามทีเ่ ป็ นชือ
่ เฉพาะ เช่น
3. Quantitative Adj. คุณศัพท์บอกปริมาณ(ว่ามากหรือน้อยเท่านัน ้ ) ได้แก่คำว่า many, much, little, some, any, all .
4. Numeral Adj. คุณศัพท์ทบ ี่ อกจำนวน(ว่ามีเท่าไร) ได้แก่คำว่า One, Two, Three…
5. Demonstrative Adj. คุณศัพท์ชี้เฉพาะ(เจาะจงว่าเป็ นคนนัน ้ คนนี้ มิได้หมายถึงคนอืน่ )ได้แก่คำว่า the, same, this, that, the
6. Possessive Adj. คุณศัพท์บอกเจ้าของ(มีรูปมาจากบุรุษสรรพนามที่ 3 )แต่เวลาใช้จะต้องมีนามตามหลังด้วยเสมอ ได้แก่คำว่า
7. Interrogative Adj. คุณศัพท์คำถาม (ใช้ขยายนามเพือ ่ ให้เป็ นคำถาม ต้องวางไว้หน้านามเสมอ ถ้าไม่มีนามตามหลังมันจะเป็ นปฤจฉา
8. Distributive Adj. คุณศัพท์แบ่งแยก(ใช้ขยายานามเพือ
่ แบ่งแยกให้เป็ นรายบุคคลหรือรายสิง่ ตามทีผ
่ พ
ู้ ูดต้องการ) และนามทีถ
่ ูกขยาย
จบเรือ
่ ง Adjective
Adverbs
Adverbs คือคำทีทำ
่ หน้าทีข
่ ยายกริยา, คุณศัพท์ , หรือขยาย Adverbs ด้วยกันก็ได้
- ถ้าขยาย Adverbs ให้เรียงไว้หน้า Adverbs เช่น The train runs very fast.
ชนิดของ Adverbs
1. Simple Adverbs กริยาวิเศษณ์ สามัญ ใช้ขยายกริยาธรรมดานี่เอง แบ่งได้ 6 หมวดคือ
1. Adverbs of time กริยาวิเศษณ์ บอกเวลา ได้แก่คำว่า now, ago, yesterday, ...
2. Adverbs of place กริยาวิเศษณ์ บอกสถานที ่ ได้แก่คำว่า near, far, in, out, …
3. Adverbs of frequency กริยาวิเศษณ์ บอกความสม่ำเสมอ ได้แก่คำว่า always, often, again, usually, …
4.Adverbs of Manner กริยาวิเศษณ์ บอกอาการ ได้แก่คำว่า well, slowly, . quickly, fast..
5. Adverbs of Quantity กริยาวิเศษณ์ บอกปริมาณมากน้อย ได้แก่คำว่า Many, much, very, too, quite…
6. Adverbs of affirmation or negation กริยาวิเศษณ์ บอกการรับหรือปฏิเสธ ได้แก่คำว่า
4. บอกกริยาอาการ ได้แก่คำว่า How (อย่างไร)(ใช้กบั do). 5. บอกปริมาณ ได้แก่คำว่า
- เมือ
่ วางไว้หน้านาม หรือหลัง Verb to be ก็จะเป็ น Adj.
จบเรือ
่ ง Adverbs
Verb
คำทีนำ
่ มาเป็ นกรรมของสกรรมกริยาได้ก็คอ
ื
5. วลีทก
ุ ชนิด เช่น I don’t know what to do.
Must
Need
Dear
หน้าทีข
่ อง Verb to do
Verb to ใช้ทำหน้าทีช
่ ว่ ยกริยาตัวอืน
่ ได้ดงั นี้.
หน้าทีข
่ อง Verb to have
หน้าทีข
่ อง Will, shall, would, should.
หน้าทีข
่ อง May, Might
1. เพือ
่ แสดงความมุง่ หมาย (เพือ
่ )
2. เมือ
่ แสดงความปรารถนา หรืออวยพรให้(ขอให้) *ต้องวางไว้หน้าประโยค.
3. เพือ
่ ช่วยถึงการอนุญาต หรือขออนุญาต(ควรจะ)
4. เพือ
่ แสดงความคาดคะเน (อาจจะ).
5. ช่วยเพือ
่ แสดงความสงสัย (อาจจะ).
2. ใช้ในกรณีทผ
ี่ พ
ู้ ูดไม่แน่ ใจว่าเขาจะทำอย่างนัน
้ จริง(แต่ถา้ แน่ ใจใช้ May แทน).
Need
Dear
Dear ถ้าเป็ นกริยาช่วยแปลว่า “ กล้า” ใช้ได้กบั ทุกบุรุษและทุกพจน์ และเป็ น“ ปัจจุบน
ั กาล คำตามหลังไม่มี
Ought to
Ought to แปลว่า “ควรจะ” เป็ นกริยาพิเศษเหมือน is หรือ do นั่นเอง อาจใช้
Used to
Used to แปลว่า “เคย” เป็ นกริยาพิเศษหมายความว่า “เคยกระทำอย่างใด อย่างหนึ่งเป็ นประจำ แต่บดั นี้ไม่ได้ก
จบเรือ
่ ง Verb
Conjunction
- As well as แปลว่า "เช่นเดียวกันกับ" (กริยาถือตามประธานตัวหน้า) เช่น He as well as
จบConjunction
Preposition
Preposition คำเดียวทีพ
่ บเห็นบ่อยๆและนิยมใช้กน
ั มากมีอยู ่ 44 คำคือ in, on, at, under, to, from, of, off, since, for, nea
Preposition คำเดียว
On : ใช้เพือ
่ บอกเวลาทีเ่ ป็ นวันของสัปดาห์ และวันที ่ วันสำคัญทางราชการ และวันสำคัญทางศาสนา เช่น on
On time แปลว่า ตรงเวลาพอดี (ตรงพอดี). เช่น He come on time. เขามาตรงเวลาพอดี.
In time แปลว่า ทันเวลา (ก่อนเวลา, ก่อนกำหนด). เช่น The train arrived at the station
Preposition วลี
้ ไปมารวมอยูด
Preposition วลี คือบุรพบทตัง้ แต่ 2 ตัวขึน ่ ว้ ยกัน และมีความหมายเสมือนเป็ นบุรพบทคำเดียว แ
บุรพบทชนิด 3 ตัวได้แก่บุรพบทต่อไปนี้คอ
ื
on account of : เนื่องจาก , in spite of : ถึงแม้วา่
in front of : ข้างหน้า , in back of : ข้างหลัง
on the point of : เกือบจะ , in consequence of : เนื่องจากว่า
จบเรือ
่ ง preposition
Tense
้ ง่ายๆตรงๆไม่ซบ
[1.1] S + Verb 1 + ……(บอกความจริงทีเ่ กิดขึน ั ซ้อน).
่ งทีจ่ ะเกิดหรือสำเร็จในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
[3.3] S + will,shall + have + Verb 3 +…(บอกเรือ
5. ใช้ในการเล่าสรุปเรือ
่ งต่างๆในอดีต เช่นนิยาย นิทาน.
6. ใช้ในประโยคเงือ
่ นไขในอนาคต ทีต
่ น ้ ต้นด้วยคำว่า If (ถ้า), unless (เว้นเสียแต่วา่
้ ประโยคจะขึน
8. ใช้ในประโยคทีค
่ ล้อยตามทีเ่ ป็ น [1.1] ประโยคตามต้องใช้ [1.1] ด้วยเสมอ.
[1.2] Present continuous tense เช่น He is walking. เขากำลังเดิน.
*หมายเหตุ กริยาทีทำ
่ นานไม่ได้ เช่น รัก ,เข้าใจ, รู,้ ชอบ จะนำมาแต่งใน Tense นี้ไม่ได้.
้ แล้วในอดีต และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบน
1. ใช้กบั เหตุการณ์ ทเี่ กิดขึน ั และจะมีคำว่า Since (ตัง้ แต่) และ for (
4. ใช้กบั เหตุการทีเ่ พิง่ จบไปแล้วไม่นาน(ไม่ได้ประทับใจอยู)่ ซึง่ จะมีคำเหล่านี้มาใช้รว่ มด้วยเสมอ คือ Just (
[1.4] Present perfect continuous tense เช่น He has been walking . เขาได้กำลังเดินแล้ว
4. ใช้ในประโยคทีค
่ ล้อยตามทีเ่ ป็ น [2.1] ประโยคคล้อยตามก็ตอ
้ งเป็ น [2.1] ด้วย.
[2.2] Past continuous tense เช่น He was walking . เขากำลังเดินแล้ว
[2.3] Past perfect tense เช่น He had walk. เขาได้เดินแล้ว.
[2.4] past perfect continuous tense เช่น He had been walking.
[3.1] Future simple tense เช่น He will walk. เขาจะเดิน.
้ ในอนาคต ซึง่ จะมีคำว่า tomorrow, to night, next week, next month
ใช้กบั เหตุการณ์ ทจี่ ะเกิดขึน
้ โดยธรรมชาติหรือจงใจก็ได้.
Will, shall ใช้กบั เหตุการณ์ ทเี่ กิดขึน
1. ใช้ในการบอกกล่าวว่าในอนาคตนัน
้ กำลังทำอะไรอยู่ (ต้องกำหนดเวลาแน่ นอนด้วยเสมอ).
- เกิดก่อนใช้ 3.2 S + will be, shall be + Verb 1 ing.
[3.3] Future prefect tens เช่น He will walked. เขาจะได้เดินแล้ว.
้ ไม่พร้อมกันในอนาคต มีหลักดังนี้.
2. ใช้กบั เหตุการณ์ 2 อย่างทีจ่ ะเกิดขึน
- เกิดทีห
่ ลังใช้ 1.1 S + Verb 1 .
[3.4] Future prefect continuous tense เช่น He will have been walking. เขาจะได้กำลังเดินแล้ว
จบเรือ
่ ง Tense
1. เป็ นประธานของกริยาก็ได้ เช่น To walk in the morning is good for health.
2. เป็ นกรรมของกริยาก็ได้ เช่น He like to speak English with his friend.
3. เป็ นส่วนสมบูรณ์ ของกริยาก็ได้ เช่น She has to go now.
5. เมือ
่ เรียงตามหลังอกรรมกริยา เป็ นกริยาวิเศษณ์ ของอกรรมกริยาตัวนัน
้ .
6. เมือ
่ เรียงตามหลังกริยาวิเศษณ์ หรือคุณศัพท์ ย่อมเป็ นกริยาวิเศษณ์ ขยายคำทีอ่ ยูห
่ น้ามัน
· Gerund คือคำกริยาทีเ่ ติม ing แล้วนำมาใช้อย่างนาม(กริยานาม) Verbal noun เช่น Walking, studying etc.
3. ใช้เป็ นกรรมของบุรพบทได้ เช่น We are found of learning English.
4. ใช้ทำหน้าทีเ่ ป็ นส่วนสมบูรณ์ ของกริยาได้ เช่น His duty is cleaning.
4. ใช้ทำหน้าทีเ่ ป็ นคำนามผสม(หรือคุณศัพท์) และนิยมใช้ Hyphen (-) มาคั่นไว้เสมอ เช่น Reading-room, Swimming pool …etc.
·Participle คือคำกริยาทีเ่ ติม ing บ้าง หรือเป็ นรูปกริยาช่อง 3 บ้าง แล้วนำมาใช้ทำหน้าทีอ่ ย่างอืน
่ มิได้ใช้เป็ นกริยาจริง
1. Present Participle คือกริยาช่องที่ 1 เติม ing แล้วนำมาใช้เป็ นครึง่ กริยาครึง่ คุณศัพท์ ได้แก่คำว่า
2. Past Participle คือกริยาช่องที ่ 3 ซึง่ อาจมีรูปมทาจากการเติม ed. ก็ได้ หรือมีรูปมาจาก การผันก็ได้ ได้แก่กริยาต่อไปนี้
3. Perfect Participle คือ “ Having + Verb 3” เช่น Having finish …+ Past Simple Tense
จบเรือ
่ ง Non-finite Verb
Question tags
1. ใส่เครือ
่ งหมาย Comma (,) ครั่นระหว่างประโยคหน้าและประโยค Question tags
………………………………,
Will you ?
………………………………,
Shall we ?
……………………………,
Will you ?
1. ตอบแบบสัน
้ [Short Answer].
จบเรือ
่ ง Question tags
prefixes ทีพ
่ บเห็นบ่อยมีอยู ่ 10 คำ คือ
(]) Un (ไม่) ใช้เติมหน้าคุณศัพท์ (adj.) หรือกริยาวิเศษณ์ (adv.) แล้วทำให้คำนัน
้ มีความหมายตรงข้าม เช่น…
สึกของอารมณ์ )
ต่ละชนิดนี้จะมีลกั ษณะเฉพาะของตนเอง
คำต่างๆ เหล่านี้และหลักการแต่งประโยคอย่างง่ายๆ
ทีเ่ พือ
่ ป้ องกันมิให้กล่าวชือ ้ ซ้ำๆซากๆ ซึง่ เป็ นการฟังไม่ไพเราะ
่ นัน
ทีน
่ ิยมใช้แพร่หลายมีอยู่ 6 ตัวคือ (รวมทัง้ which ด้วย)
าะจงว่าแทนคนนัน
้ คนนี้โดยตรง (ตรงข้ามกับ Definite Pronoun) ได้แก่คำว่า some, any, all, someone, somebody, anybody, few, everyone, man
ต้องไม่มีนามตามหลังด้วยจึงจะเรียกว่าเป็ นปฤจฉาสรรพนาม ได้แก่ Who , whom, whose , what, which ซึง่ มีวธิ ีใช้ดงั นี้.
r ? รถคันนี้เป็ นของใคร
ou ? อะไรทำให้คณ
ุ ล่าช้า.
รรม เช่น ถ้าเป็ นประธานไม่ตอ
้ งใช้กริยาอืน ี่ ุด ?.( อนึ่ง ปฤจฉาสรรพนาม Whose ,which, what นี้ ถ้าใช้โดยมีนามอ
่ มาช่วย Which is the best? อันไหนดีทส
่ มประโยค ซึง่ อาจเป็ นประธานของประโยคหลังได้ดว้ ย ได้แก่ Who, Whom, Whose, Which, Where, what, when, w
งหน้า และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าทีเ่ ชือ
้ งึ่ มาทีน
who came here last week is my cousin. ชายผูซ ่ ี่เมือ
่ สัปดาห์ทแ
ี่ ล้วเป็ นลูกพีล่ ูกน้องของฉัน.
้ งึ่ คุณพบเมือ
whom you saw yesterday is my brother. เด็กชายผูซ ่ วานนี้เป็ นน้องชายของผม.
ดังนัน
้ เมือ
่ มี Whose ก็ตอ ้ งึ่ พ่อของเข
้ งมีนามตามหลัง Whose เสมอ เช่น The girl whose father is a teacher goes to school every day. เด็กหญิงผูซ
club is the place where is not suitable for children. ไนท์คลับเป็ นสถานทีท
่ ไี่ ม่เหมาะสมสำหรับเด็กๆ(เป็ นประธานของอนุประโยค is not suitable for
พนามนัน
้ ไม่ตอ
้ งปรากฏให้เห็นอยูข
่ า่ งหน้าเหมือนประพันธ์สรรพนามตัวอืน
่ ทัง้ นี้เพราะถูกละไว้ในฐานะทีเ่ ข้าใจแล้ว เช่น I know what is in the box.
somebody, something, anyone, anything, anybody, anyone, everything, no one, nothing, etc. เช่น There is nothing
self . ผมได้พูดกับตัวท่านประธานาธิบดีเอง.
e are ten boy . Each has one hundred bath. มีเด็กอยู่ 10 คน แต่ละคนมีเงินอยูค
่ นละ 100 บาท.
คุณศัพท์
ธานเป็ นเอกพจน์กริยาก็ตอ ้ งเป็ นพหูพจน์ ซึง่ หลักในการดูวา่ นามนัน
้ งเป็ นเอกพจน์ ถ้าประธานเป็ นพหูพจน์กริยาก็ตอ ้ เป็ นเอกพจน์หรือพหูพจน์นน
้ ั ก็ให้ดูทท
ี่ า้ ยศัพท์นน
้ ั ๆคอ
างผูพ
้ ูดและผูฟ
้ งั ก็ให้ใช้ THE นำหน้าได้.
ห้เติม a , an ทันที แต่ถา้ นามนัน ้ มากล่าวอีกเป็ นครัง้ ที่ 2 ให้เติม the ทันที.
้ ถูกยกขึน
่ งั คับว่าจะต้องใช้วธิ ีใดวิธีหนึ่งเท่านัน
dj. พิเศษหลายตัวทีบ ้ ซึง่ เราจะไม่กล่าวถึง.
นชือ
่ เฉพาะ เช่น Thai (มาจาก Thailand), English (มาจาก England)…
much, little, some, any, all . เช่น He has many friend เขามีเพือ
่ นมาก.
ด้แก่คำว่า the, same, this, that, these, those, such, such a . เช่น He is in the same room. เขาอยูห ่ อ
้ งเดียวกัน.
องมีนามตามหลังด้วยเสมอ ได้แก่คำว่า my, your, our, his, her, its, there . เช่น His dog is white. สุนข
ั ของเขาสีขาว.
มเสมอ ถ้าไม่มีนามตามหลังมันจะเป็ นปฤจฉาสรรพนาม) ได้แก่คำว่า What (อะไร), Which (อันไหน) ,Whose (ของใคร) เช่น Whose house is that ?
ายสิง่ ตามทีผ
่ พ
ู้ ูดต้องการ) และนามทีถ ้ ต้องเป็ นเอกพจน์ตลอดไป ได้แก่คำว่า each, (แต่ละ), either (อันใดอันหนึ่ง, คนใดคนหนึ่ง), neither (ไม่ทง้ ั สอง), e
่ ูกขยายนัน
พันธ์กน
ั ได้แก่คำว่า Why, Where, When, How, Whenever, While , As, Wherever..
ทีทำ
่ หน้าทีช
่ ว่ ยกริยาด้วยก็ได้) เพือ
่ บอกถึง Tense (ช่วงเวลาทีก
่ ระทำ) Voice (ผูพ
้ ูด) Mood (อารมณ์ ?)
นประโยคเพียงลำพังไม่มีกริยาอืน
่ มาร่วมอยูด
่ ว้ ย ก็เป็ นกริยาแท้ แต่ถา้ มีกริยาอืน
่ มาร่วมอยูด
่ ว้ ยก็ทำหน้าทีเ่ ป็ นกริยาช่วย เช่น.
นอนาคต เพือ
่ แสดงความจงใจ เช่น I am to see my home every year. ฉันต้องไปเยีย่ มบ้านของฉันทุกๆปี เป็ นต้น.
g . . หลัง do, dose )
oun + Verb 3 . เช่น He has his house repaired. เขาให้ชา่ งซ่อมแซมบ้านของเขา.
ฏิเสธเท่านัน
้ และกริยาแท้ทต
ี่ ามหลัง Need ไม่ตอ
้ งใช้ To นำหน้า).
เป็ น“ ปัจจุบน
ั กาล คำตามหลังไม่มี To.
อย่างใด อย่างหนึ่งเป็ นประจำ แต่บดั นี้ไม่ได้กระทำแล้ว”(กริยาตามหลัง ต้องเป็ นกริยาช่อง 1 ตลอดไป และใช้ used to เหมือน is หรือ do ).
or, but, because, so, as, for, whether, until, after, before, if, though, that, when, beside เช่น He is sick so he go to see doctor
ระธานตัวหลัง).เช่น เช่น Neither you nor he studies mathematics. ทัง้ คุณและเขาไม่ได้เรียนคณิตศาสตร์.
Easter เพือ
่ บอกเวลาเฉพาะเจาะจง เช่น They want home at three o’clock, พวกเขากลับบ้านเวลา 15.00 น.
ศาสนา เช่น on Sunday, On New Year’s Day , On King’s Birthday. etc.
่ เี่ จาะจงภายในแห่งใดแห่งหนึ่งไม่วา่ ใหญ่หรือโตก็ได้ เช่น In the house, in a country เป็ นต้น.
ทีท
นประโยค เช่น During visiting Thailand, I had seen the Emerald Buddha Temple. ระหว่างการมาเทีย่ วประเทศไทย ฉันได้ไปชมวัด
She is standing between you and me. หล่อนยืนอยูร่ ะหว่างคุณและผม (เมือ
่ ใช้ between ต้องมี and ตามเสมอ).
e, on a motor-cycle..
ละมีความหมายเสมือนเป็ นบุรพบทคำเดียว แบ่งออกเป็ น 2 ชนิด คือ
บทตัวใดตามหลังอีกด้วย อย่างเช่น belong to (เป็ นของ ) , arrive at (มาถึงสถานทีเ่ ล็กๆ), ask…. for (ขอ), agree with (เห็นด้วย ตกลงด้วย
นัน ้ เมือ
้ ๆเกิดขึน ่ ใด ซึง่ เรือ
่ ง tense นี้เป็ นเรือ
่ งสำคัญ ถ้าเราใช้ tense ไม่ถูก เราก็จะสือ
่ ภาษากับเขาไม่ได้ เพราะในประโยคภาษาอังกฤษนัน
้ จะอยูใ่ นรูปของ
และกำลังทำต่อไปอีก).
อเนื่องไม่หยุด).
จในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง).
, หลังกริยา หรือสุดประโยคก็ได้).
มอ คือ Just (เพิง่ จะ), already (เรียบร้อยแล้ว), yet (ยัง), finally (ในทีส่ ุด) เป็ นต้น.
เขาได้กำลังเดินแล้ว.
3] นัน
้ ไม่เน้นว่าได้กระทำอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ส่วน [1.4] นี้เน้นว่ากระทำมาอย่างต่อเนื่องและจะกระทำต่อไปในอนาคตอีกด้วย.
ไปนี้มาร่วมด้วยเสมอในประโยค เช่น Yesterday, year เป็ นต้น.
(เช่น Always, every day ) กับคำวิเศษณ์ บอกเวลา (เช่น yesterday, last month ) 2 อย่างมาร่วมอยูด
่ ว้ ยเสมอ.
ร่วมอยูด
่ ว้ ยในประโยค เช่น all day yesterday etc.
กเป็ นกริยาทีทำ
่ นานไม่ได้ก็ใช้หลักข้อ 1 ) ถ้าแต่งด้วย 2.1 กับ 2.2 จะดูจืดชืดเช่น He was cleaning the house while I was cooking breakfast.
งของการกระทำที่ 1 ว่าได้กระทำต่อเนื่องไปจนถึงการกระทำที ่ 2 โดยมิได้หยุด เช่น When we arrive at the meeting , the lecturer had been speakin
รมชาติและนิยมใช้ใน ประโยคเงือ
่ นไข.
นำหน้ากลุม
่ คำทีบ
่ อกเวลาด้วย เช่น by tomorrow , by next week เป็ นต้น.
เขาจะได้กำลังเดินแล้ว.
งการกระทำที ่ 2 และจะกระทำต่อไปในอนาคตอีกด้วย.
Tense นี้เด็ดขาด.
จากกริยาก็ตาม แต่กลับทำหน้าทีเ่ ป็ นนามบ้าง , เป็ นคุณศัพท์บา้ ง, เป็ นกริยาวิเศษณ์ บา้ ง ,หรือเป็ นอืน
่ ใดก็ได้ อันไม่ใช่กริยาแท้.
กรณีทนำ
ี่ มาใช้ตามหลัง หรือขยายนามทีต
่ ามหลังคำกริยาพิเศษต่อไปนี้ do, does, did , will, would, shall, should, can, could, may, might, mu
มาใช้ทำหน้าทีอ่ ย่างอืน
่ มิได้ใช้เป็ นกริยาจริง แบ่งออกเป็ น 3 ชนิด คือ.
งคุณศัพท์ ได้แก่คำว่า Going, walking, eating, sleeping, coming, etc. ซึง่ มีวธิ ีใช้ดงั นี้.
จาก การผันก็ได้ ได้แก่กริยาต่อไปนี้ Walked, slept, gone . ..etc. มีวธิ ีใช้ดงั นี้.
+ Past Simple Tense เป็ นต้น ซึง่ Perfect Participle นี้ ทำหน้าทีเ่ ป็ นคุณศัพท์ของประธานในประโยคหลัง และต้องมีเครือ
่ งหมาย (,) ด้วย ซึง่ มีหลักการใช้มากม
ธ .
stion tagsให้ใช้กริยาช่วยตัวนัน
้ มารทำเป็ นประโยคคำถาม.
คของมัน แต่นิยมใช้ did มาแทนทุกครัง้ (เช่นเดียวกับ Verb to have ถ้าแปลว่ารับประธาน, ได้รบั โดยมิได้แปลว่า มี).
้ ต้องใช้รูปเดียวคือ.
าพยิง่ ขึน
ดิมนัน
้ มีความหมายผิดไปจากเดิม
หมายตรงข้าม เช่น…
กษาเอาเองต่อไป.
e house is that ? นัน
้ คือบ้านของใคร ? .
นหนึ่ง), neither (ไม่ทง้ ั สอง), every (ท
Verb to be (เป็ น, อยู,่ คือ) Verb
so he go to see doctor.
งกฤษนัน
้ จะอยูใ่ นรูปของ tense เสม
s cooking breakfast.
1. Noun ( คำนาม )
2. Pronoun (คำสรรพนาม )
3. Verb (คำกริ ยา )
เป็ นคำที่บอกอาการหรื อการกระทำ ( action ) หรื อบอกความเป็ นอยู ่ ( being ) หรื อสภาวะความเป็ นอยู ่ ( state of being )
เป็ นคำที่อธิบายหรื อขยาย noun หรื อ pronoun ใหไ้ ดั รายละเอียดเกี่ยวกั บคุณสมบั ติของสิง่ นั น
้ ๆ เพิ่มขึ้น เชน
่ new, ugly, ill, happy, afraid
การพิจารณาวา่ คำไหนเป็ นคำชนิ ดใด เราดู ที่การทำหน้าที่ ของมั นในประโยค คำๆเดี ยวอาจทำหน้าที่ อย่างหนึ่ งในประโยคหนึ่ ง แต่อ
Sentence ( ประโยค )
่ คำที่มาประกอบกันให้มีเนื้ อความสมบูรณ์ บอกการกระทำ ความเป็ นอยู ่ หรื อความเป็ นไป ของสิง่ หนึ่ งสิง่ ใด โดยทั่วไปประโยค
Sentence เป็ นกลุม
subject predicate
He lives in Bangkok. เขาอาศั ยอยูท ่ ่ีกรุ งเทพฯ
None of the students knew the answer. ไมม ่ ีนักเรี ยนคนใดรู้ คำตอบ
Phrase ( วลี )
In case of emergency, push the button. ในกรณี ฉุกเฉิ นให้กดปุ่ม (In case of emergency เป็ นวลี)
้ ญิงซึ่งนั ่ งที่เก้าอี้คือแมข่ องฉั น (sitting in the chair
The woman sitting in the chair is my mother. ผูห
มขึ้น เชน
่ new, ugly, ill, happy, afraid, careless.
กั บคำอื่นๆในประโยคอยา่ งไรเชน
่ on, at, in, from, within
example
องฉันงา่ ย
นทำงานอยูท ่ ่ีกรุ งเทพฯ
didn't come. จอหน ่ มรี่ ไมไ่ ดม
์ มาแตแ ้ า
Mary. ทุกคนมานอกจากแมรี ่
ดีหรื อ?
พูดได้ดี
. แหม! แพงจั ง
on. เรารั บประทานในตอนบา่ ย
a.เราดื่มชามื้อบา่ ย
noun
English.
adverb
slowly.
ามเป็ นไป ของสิง่ หนึ่ งสิง่ ใด โดยทั่วไปประโยคจะมี 2 ภาคคือ subject ( ภาคประธาน ) และ predicate ( ภาคแสดง )
จะเชื่อมติดอยูก
่ ั บอีก clause หนึ่ งเพื่อให้เป็ น 1 ประโยคกลา่ วคือ ในประโยคที่มี 2 ประโยคมารวมกันแตล่ ะประโยคคือ clause
กลับไปยังหน้าเดิม
Adjective
ตำแหน่ งของคุณศัพท์ ( Position )
Adjective ( คุณศัพท์ ) คือคำ ( word ) วลี ( phrase ) หรือประโยค ( sentence ) ซึง่ ใช้อธิบายหรือขยายคำนาม หรือสรรพนาม ให
กล่าวคือเป็ นการบอกให้รลู้ กั ษณะคุณสมบัตข
ิ องนามหรือสรรพนามนัน้ ว่าเป็ นอย่างไร เช่น good, bad, new, hot, my, this
หลักเกณฑ์อน
ื่ ๆ
1. คุณศัพท์ทป
ี่ ระกอบหน้านามไม่ได้ ต้องวางหลัง verb to be หรือ linking verb* เท่านัน
้ เรียกว่าเป็ น predicate adjective
เช่น
These two women look alike. ผูห ้ ญิง 2 คนนี้ดูเหมือนกัน ( look เป็ น linking verb, alike เป็ น predicative adj.)
The boy is asleep. เด็กชายกำลังนอนหลับ ( ทำเป็ น attributive adj. ได้คอ ื The sleeping boy. )
The sky is aglow. ท้องฟ้ าสว่างไสว ทำเป็ น attributive adj. ได้คอ
ื The glowing sky.
3. ถ้าคุณศัพท์นน
้ ั ทำหน้าทีข
่ ยายนามหรือสรรพนามทีเ่ ป็ นกรรมของประโยค ต้องวางคุณศัพท์ไว้หลังกรรมนัน
้ เพือ
่ ให้ได้ความชัดเจนยิง่ ข
4. เมือ
่ ใช้กบั ข้อความแสดงการวัด ( measurement) วางคุณศัพท์ไว้หลังนาม หรือสรรพนาม เช่น
My uncle is sixty years old. ลุงของฉันอายุ 60 ปี (ไม่ใช่ My uncle is old sixty years.)
This road is fifty feet wide. ถนนนี้กว้าง 50 ฟุต (ไม่ใช่ This road is wide fifty feet.)
5. เมือ
่ คุณศัพท์หลายคำประกอบนามหรือสรรพนามเดียว จะวางข้างหน้าหรือข้างหลังก็ได้ โดยจะต้องมี and มาคั่นหน้าคุณศัพท์ตวั ส
The building, old and unpainted, was finally demolished. ตึกซึง่ เก่าและสีทรุดโทรม
ในทีส่ ุดก็ถูกทุบทิง้ ( วางข้างหลัง ) หรือ
The old and unpainted building was finally demolished. ( วางข้างหน้า )
He bought a new, powerful and expensive car . เขาซื้อรถใหม่ทกำ
ี่ ลังแรงสูงและราคาแพง หรือ
He bought a car, new, powerful and expensive.
เช่น
Thailand is a country famous for its food and fruits. ไทยเป็ นประเทศทีม ่ ีชือ
่ เสียงในเรือ
่ งอาหารและผลไม้
(famous เป็ นคุณศัพท์ famous for food and fruits เป็ นข้อความขยายคำนาม country)
She is the woman suitable for the position. เธอเป็ นผูห ้ ญิงทีเ่ หมาะสมกับตำแหน่ ง
(suitable เป็ นคุณศัพท์ suitable for the position. เป็ นข้อความขยาย woman )
9. กลุม
่ ของคำทีเ่ ป็ นวลี ( phrase) หรืออนุประโยค ( clause ) เมือ
่ ขยายคำนาม ต้องวางหลังนามหรือสรรพนามทีม
่ น
ั ประกอบ เช่น
I like the picture on the wall which was painted by my friend. ฉันชอบรูปภาพทีแ ่ ขวนบนข้างซึง่ วาดโดยเพือ
่ นของฉัน
( on the wall เป็ นวลีขยาย the picture) ( which was painted by my friend เป็ นอนุประโยคขยาย the picture )
There is only one solution possible. (possible วางหลังคำนาม solution )
There are some tickets available. ( available วางหลังคำนาม tickets)
12. เมือ
่ adjective หลายคำประกอบคำนามเดียว ควรวางลำดับก่อนหลังดังนี้
Article
Demonstrative คำอธิบายลักษณะ
Possessive บอกจำนวนนับ
Indefinite สัญชาติแหล่งกำเนิด
คุณภาพลักษณะ รูปร่างขนาด อายุ สี
Adjective
A beautiful old Italian
An expensive antique
The four gorgeous long-stemmed red
Her short black
Our two big old English
Some delicious Thai
Many modern small
้
อขยายคำนาม หรือสรรพนาม ให้ได้ ความชัดเจนยิง่ ขึน
d, new, hot, my, this โดยทั่วไปการวางตำแหน่ ง คุณศัพท์ในประโยคจะวางได้ 2 แบบ
velopes เช่นกัน )
น predicate adjective ได้แก่
predicative adj.)
ระธานของประโยค ให้ได้ใจความสมบูรณ์ ทน
ี่ อกเหนือไปจาก
sound, taste, turn.
รรมนัน
้ เพือ ้ เช่น
่ ให้ได้ความชัดเจนยิง่ ขึน
กอบอยู่ เช่น
อสรรพนามทีม
่ น
ั ประกอบ เช่น
บนข้างซึง่ วาดโดยเพือ
่ นของฉัน
ยคขยาย the picture )
ไปนี้ เมือ
่ นำไปขยายคำนามทีเ่ ป็ นเอกพจน์และนับได้
นามรองทำหน้าที่
คุณศัพท์ นามหลัก
วัสดุ
touring car.
silver mirror.
roses.
hair.
sheep-dogs.
food.
brick houses.
กลับไปยังหน้าเดิม
Adjectives ( คำคุ ณศั พท์ )
Types (ชนิ ดของคุ ณศั พท์)
เชน
่ ประโยค
We learn the French literature every Monday. เราเรี ยนวรรณคดีฝรั ่ งเศสทุกวั นจั นทร์
I like Chinese food. ฉันชอบอาหารจีน
1.4 คำพิเศษ
ตัวอยา่ งเชน
่
เป็ นคำคุณศั พทช์ ้ีเฉพาะคำนาม ซึ่งระบุเจาะจงไปโดยชั ดแจง้ วา่ เป็ นคำนามอันไหน สิง่ ไหน หรื อคนใด แบง่ เป็ น 2 ชนิ ด
์ ่ึงไปขยายคำนามเพื่อแยกคำนามนั น
เป็ นคำคุณศั พทซ ้ ๆออกจากกั น เชน
่
หมายเหตุ คำคุณศั พทเ์ หลา่ นี้ จะตอ ่ ีคำนามตามหลั ง จะกลายเป็ นสรรพนาม ( pronoun )
้ งมีคำนามตามหลั งเพราะหากไมม
Pronoun Adjective
What did youWhat
see ?book did you read?
e
djective
จีน
ชาวฝรั่งเศส
อิตาลี
proper
adjective
Lebanese
Nepalese
Portuguese
Taiwanese
Vietnamese
proper
adjective
Libyan
Malaysian
Mexican
Moroccan
Mozambican
Nicaraguan
Nigerian
Norwegian
Panamanian
Paraguayan
Peruvian
Rhodesian
Romanian
Russian
Singaporean
Syrian
Tahitian
Tibetan
Zairean,Zairian
proper adjective
Omani
Pakistani
Yemeni
proper
adjective
Malay
Ceylonese
ามพิเศษอยา่ งไร เป็ นชนิ ดที่ใชม
้ ากที่สุด เชน
่
little
sufficient
Adjectives
Formation (การทำให้เป็ นคำคุ ณศั พท์ )
คำคุณศั พทน์ อกจากเป็ นด้วยตัวของมันเองแลว้ ยังสามารถนำชนิ ดของคำอื่นมาทำให้เป็ นคำคุณศั พทไ์ ด้ด้วย เชน ่
1. คำคุณศั พทท์ ่ีมาจากคำนามโดยการเติม Suffix ทา้ ยคำเชน
่
คำนาม คำคุ ณศั พท์
education การศก ึ ษา educational เกี่ยวกั บการศก ึ ษา
gold ทอง golden ทำด้วยทอง
fool ความโง่ foolish อยา่ งโงๆ่
care ระมัดระวัง careless ไมร่ ะมัดระวัง
friend เพื่อน friendly เป็ นเพื่อน
danger อันตราย dangerous เป็ นอันตราย
trouble ยุง่ ยาก troublesome ความยุง่ ยาก
dust ฝุ่น dusty เต็มไปด้วยฝุ่น
Adjectives
การเปรี ยบเที ยบคำคุ ณศั พท์ ( Comparison of Adjectives )
์ ่ีไปแสดงคุณภาพของนามเพื่อจะบอกให้รู้ว
การเปรี ยบเทียบคำคุณศั พท ์ ( Comparison of Adjectives ) เป็ นการเปรี ยบเทียบคำคุณศั พทท
การเปรี ยบเที ยบขั ้ นปกติ ( Positive Degree ) ใชเ้ ปรี ยบเทียบความเทา่ เทียมกั น ไมเ่ ทา่ เทียมกั น เชน
่ long, short, small , big , fas
การเปรี ยบเที ยบขั ้ นกวา่ ( Comparative Degree ) ใชเ้ ปรี ยบเทียบกั บนาม 2 จำนวน เชน ่ longer, shorter, smaller, bigger , fa
่ ้ ้
การเปรี ยบเที ยบขั ้ นสู งสุ ด ( Superlative Degree ) ใชเ้ ปรี ยบเทียบกั บนามทีมีจำนวนตั งแต่ 3 ขึนไป เชน ่ longest, shortest, small
1. การเปรี ยบเที ยบขั ้ นปกติ ( Positive Degree ) มี ตัวเชื่ อมหลายรู ปแบบดั งต่อไปนี้
รู ปแบบ as+ คุ ณศั พท์ขั้นปกติ ( positive degree) + as แสดงความ เทา่ เทียมกัน เชน
่
This pencil is as long as that one. ดินสอแทง่ นี้ ยาวเทา่ ๆกับแทง่ นัน
้
รู ปแบบ verb to be + similar to + นาม แปลวา่ เหมือนกั น คลา้ ยกั น เป็ นคำเชื่อมแสดงความเทา่ เทียมกั น เชน
่
This road is longer than that one. ถนนเสน ้ นี้ ยาวกวา่ เสน ้
้ นั น
You are taller than me. หรื อ You are taller than I am. เธอสูงกวา่ ฉั น
There are fewer students in this room than in that room. มีนักเรี ยนในห้องนี้ น้อยกวา่ ในห้องนัน ้
I spent less money than you. ฉั นใชจ้ า่ ยเงินน้อยกวา่ คุณ
There are more students in this room than in that room. มีนักเรี ยนในห้องนี้ มากกวา่ ในห้องนั น้
My mother have more money than my father. แมข่ องฉั นมีเงินมากกวา่ พอ่
หมายเหตุ ในกรณี ท่ี than ทำหน้าที่ เป็ น conjunction สรรพนาม ( pronoun )ที่ตามหลั ง than ซึ่งทำหน้าที่เป็ นประธาน ตอ
้ งมี
ในกรณี ท่ี than ทำหน้าที่ เป็ น preposition pronoun ที่ตามหลัง than ทำหน้าที่เป็ น object ไมต ้ งมี verb
่ อ
She eats less than me. than ทำหน้าที่เป็ น preposition ดั งนั น
้ pronounที่ตามหลั ง
เธอเป็ นคนกินน้อยกวา่ ฉัน than อยูใ่ นรู ป ของกรรม ( object ) คือ me จึงไมต ้ งมี verb ตาม
่ อ
3. การเปรี ยบเที ยบขั ้ นสู งสุ ด ( Superlative Degree ) รู ปแบบมี ดังนี้ the + คุ ณศั พท์ขั้นสู งสุ ด + นาม
ม
n
ตามหลั ง
มี verb ตาม
1. ใช้ a นำหน้าคำนามนับได้ เอกพจน์ ขึ้ นต้นด้วยพยั ญชนะและมี ความหมายทั ่ วไปในความหมาย หนึ่ ง โดยไม่ต้องการเน้นจำน
2. ใช้ an นำหน้าคำนามนับได้ เอกพจน์ข้ึ นต้นด้วยสระ และมี ความหมายทั ่ วไป เช่น an orange, an umbrella, an hour, a
หมายเหตุ
ถา้ คำนามนั บได้ เอกพจน์ นั น ้ ขึ้นตน ้ ด้วยสระ แตว่ า่ ออกเสียงเป็ นพยั ญชนะ ให้ใช้ a เชน ่ a uniform, a university, a European, a e
ถา้ คำนามนั บได้ เอกพจน์ นั น ้ มีคุณศั พท์นำหน้าขยาย ใหด ้ ู ดั ง ้
นี
-หากคำคุ ณศั พท์นัน ้ ขึ้นตน ้ ดว้ ยเสียงพยั ญชนะก็ใหใ้ ช้ a เชน ่ a sweet orange, a big umbrella
้
-หากขึนตน ้ ด้วย เสียงสระให้ใช้ an เชน ่ an old city, an ugly woman เป็ นตน ้
้ ขึ้นตน
ถา้ คำนามนั น ้ ด้วยพยั ญชนะ แตอ่ อกเสียงเป็ นสระ หรื อมี adjective ที่ข้ึนตน ้ ให้ใช้
้ ด้วยสระมาขยายขา้ งหน้านามนั น
-ออกเสียงเป็ นสระ เชน ่ an hour, an heir, an honor
-มีคุณศั พท์ท่ีข้ึนตน้ ด้วยสระ เชน ่ an important person
There is a shop on the corner. มีร้านอยู ่ 1 ร้านที่หัวมุม ( ใช้ a เพราะเป็ นการพูดถึงครั ง้ แรก
She runs three miles a day. เธอวิง่ วันละ 10 ไมล์ ( เป็ นกิจวัตร )
์ ระมาณเดือนละครัง้
I go to the cinema about once a month. ฉันไปดูภาพยนตป
6. ใช้ a, an หน้าชื่ อเฉพาะของผู้ มีช่ื อเสี ยงที่ รู้ จักทั ่ วไป เพราะมี คุณสมบั ติ ความสามารถ หรื ออุ ปนิ สั ยเหมื อนผู้ ท่ี ต้องการเปรี ยบเ
He is an Einstein. เขาเป็ นคนฉลาดเหมือนไอน์สไตน์
He is a Soontorn Poo of our school. เขาเป็ นคนที่แตง่ กลอนเกง่ ( เหมือนสุนทรภู)่ ของโรงเรี ยนเรา
หมายเหตุ แตถ
่ า้ ใช้ the แทน a หมายความวา่ คนเชน ้ มีคนเดียว
่ นั น
He is the Soontorn Poo of our school. เขาเป็ นคนที่แตง่ กลอนเกง่ ของโรงเรี ยนเรา ( เพียงคนเดียว
He is the Khun Phaen of our family. เขาเป็ นคนเจา้ ชู(้ เหมือนขุนแผน)คนเดียวในครอบครั วเรา
8. ใช้ a, an นำหน้าคำนามเอกพจน์ท่ี กล่าวถึ งการเป็ นสมาชิ กของกลุ ่มต่างๆ เช่น กลุ ่มอาชี พ เชื้ อชาติ ศาสนา
10. ใช้ a, an นำหน้านามที่ เป็ นสำนวนเกี่ ยวกั บการเจ็บไข้ได้ป่วย โครงสร้างคื อ have + a+ อาการเจ็ บป่วย
เช่น
11. ใช้ a,an ในสำนวนที่ มีคำต่อไปนี้ นำหน้าคื อ such, quite, rather, many
We didn't expect such a hot day. เราไมไ่ ดค ้ าดวา่ มั นจะเป็ นวั นที่อากาศร้อนเชน
่ นี้
He is quite a good boy. เขาเป็ นเด็กดีทีดียว
It was rather a short trip. มั นเป็ นการเดินทางที่คอ่ นขา้ งสั น้
Many a place in Thailand impressed them. สถานที่หลายแหง่ ในประเทศไทยประทับใจพวกเขามาก
Close one eye, and then the other. ปิ ดตาขา้ งหนึ่ งกอ
่ นแลว้ จึงปิ ดอีกขา้ ง
Bees carry pollen from one plant to another. ผึ้งนำเกสรดอกไมจ้ ากตน ้ หนึ่ งไปอีกตน
้
บได้ ( Countable Nouns ) และนามนั บไมไ่ ด้ ( Uncountable Nouns ) ซึ่งเป็ นเรื่ องคอ่ นขา้ งสั บสนสำหรั บผูเ้ รี ยนซึ่งที่ไมไ่ ด้ใชภ
้ าษาอั งกฤษเป็ นภาษาแม่
ทั ่วๆไป ( Singular )
้ ปเอกพจน์ Singular ) และพหูพจน์ ( Plural ) เพื่อให้นามนั น
ไมไ่ ด้ ( Uncountable Nouns ) ทั งรู ้ มีความหมายเฉพาะเจาะจง
มหมาย หนึ่ ง โดยไม่ต้องการเน้นจำนวน เช่น a woman, a dog, a dentist, a newspaper, a city , a book , a shop เช่น
้ ให้ใช้ an เชน
ขา้ งหน้านามนั น ่
รพูดถึงครั ง้ แรก )
รื ออุ ปนิ สั ยเหมื อนผู้ ท่ี ต้องการเปรี ยบเที ยบ
รี ยนเรา ( เพียงคนเดียว)
ดียวในครอบครั วเรา
a+ อาการเจ็ บป่วย
est ( เจ็บหน้าอก )
)
ทยประทับใจพวกเขามาก
อยา่ งเร่งรี บ
อารมณ์ดี/เสีย
เฝ้าดู
ตัดสินใจ
หาเลี้ยงชีพ
ทำผิด
ทำเสียงดั ง
กลา่ วสุนทรพจน์
อธิษฐาน
ทำให้ขายหน้า
ขอร้อง
โกหก
มอง ดู
เก็บเป็ นความลับ
อยูใ่ นฐานะที่จะ
อยา่ งมาก
ให้ขอ ้ สั งเกต
ลอ้ เลน ่
ครัง้ ที่เราตอ
้ งการเน้นตัวเลข สามารถใช้ one กับนามนับได้เอกพจน์ เชน
่
้ าษาอั งกฤษเป็ นภาษาแม่ ( Non-native speakers of English ) หรื อเรี ยนภาษาอั งกฤษ เป็ นภาษาตา่ งประเทศ ( English as a Foreign Language )
ชภ
s a Foreign Language ) เนื่ องจากเป็ นเรื่ องที่มักจะตั ดสินใจยากวา่ อะไรเป็ นนามนั บได้ และอะไรเป็ นนามนั บไมไ่ ด้ บางครั ง้ คำเดียวกั นสามารถเป็ นได้ทังสองอย
้ า่ ง เป็ นเรื่ อง
้
เดียวกั นสามารถเป็ นได้ทังสองอย า่ ง เป็ นเรื่ องที่มีกฎเกณฑม
์ าก และขณะเดียวกั น ก็มีขอ
้ ยกเวน
้ มากเชน
่ กั น ตอ
้ งอาศั ยความจำและประสบการณ์ ในการใชภ
้ าษา เป็ นเวลานานจึงจะ
ะสบการณ์ ในการใชภ
้ าษา เป็ นเวลานานจึงจะสามารถใชไ้ ด้อยา่ งถูกตอ
้ ง