Professional Documents
Culture Documents
with floorhardener
ขัน
้ ตอนการทำระบบพื้น Post Tension (CCL Bonded System)
1. ติดตัง้ ค้ำยัน, แบบพื้น และแบบข้าง
2. วางเหล็กเสริมล่าง
3. วางลวดอัดแรง และติดตัง้ ANCHORAGE ตามแบบ SHOP DRAWING
4. วางเหล็กเสริมบนบริเวณหัวเสา
5. เทคอนกรีต
6. ดึงลวดอัดแรงเมื่อกำลังอัดของคอนกรีตรูปทรงกระบอกไม่น้อยกว่า
240 ksc
7. อัดน้ำปูนเข้าท่อร้อยลวดอัดแรง
การดึงลวดอัดแรง (STRESSING)
1. เครื่องมือและอุปกรณ์การดึงลวดอัดแรง
- Hydraulic Pump
- Hydraulic Jack
- CCL Mastermatc, Proving Ring
2. การดึงลวดอัดแรง
การดึงลวดจะกระทำเมื่อกำลังอัดประลัยคอนกรีตรูปทรงกระบอกไม่น้อย
กว่า 240 กก. / ตร.ซม.
โดยจะทำตามลำดับดังนี ้
2.1 ก่อนดึงลวด ทำการ Calibrate เครื่องดึงลวดและทำเครื่องหมาย โดย
การพ่นสีไว้ที่ปลายลวด
ที่จะดึง เพื่อเป็ นระยะอ้างอิงในการวัดหาค่าระยะยืดของลวด (โดยทั่วไป
จะพ่นสีห่างจากกิ๊ฟ
จับลวดประมาณ 10 ซม.)
2.2 ทำการดึงลวด 50 % ของจำนวนลวดทัง้ หมดในแนว Main Tendon
หรือ ดึงกลุ่มเว้นกลุ่ม
2.3 ทำการดึงลวด 50 % ของจำนวนลวดทัง้ หมดในแนว Distribute
Tendon
2.4 ดึงลวดที่เหลือทัง้ หมดในแนว Main Tendon
2.5 ดึงลวดที่เหลือทัง้ หมดในแนว Distribute Tendon
2.6 หลังจากดึงลวดเสร็จเรียบร้อย จะทำการวัดระยะยืดจริง โดยวัดระยะ
จากกิ๊ฟ ถึงตำแหน่งพ่นสีที่ทำไว้
เพื่อนำค่าระยะยืดจริงของลวดเปรียบเทียบกับค่า Elongation ที่
ออกแบบไว้
2.7 กรณีที่วัดค่า Elongation จากการดึงลวด ได้ค่าไม่ตรงตามข้อกำหนด
จะต้องทำการดึงซ่อม หรือ
หาทางแก้ไขเป็ นกรณีไป
3. การควบคุมแรงดึงในเส้นลวด
3.1 ควบคุมแรงดึงจาก Pressure - Gage ที่เครื่อง Hydraulic Pump
ซึ่งได้รับการ Calibrate
จาก Load Cell หรือ Proving Ring ที่ได้รับการเทียบแรงจากสถาบันที่
เชื่อถือได้ทุก ๆ 6 เดือน
โดยใช้แรงดึง 75 % Eup. ซึง่ เท่ากับ 14 ตัน
3.2 เปรียบเทียบค่าระยะยืด จริงของลวดกับค่า Elongation ที่ได้
ออกแบบไว้ โดยค่าที่ได้จะแตกต่างกัน
ไม่เกิน 5 % (ตามข้อกำหนด)