Professional Documents
Culture Documents
FUCTION
FUCTION
Function
-1-
ฟังก์ชัน
(Function)
ฟังก์ชัน (function : f) คือ ความสัมพันธ์ชนิดพิเศษที่เกิดจากความสัมพันธ์ R จาก A ไป B ซึ่งเป็น
สับเซตของผลคูณคาร์ทีเชียน AxB A
นิยาม
1. Rf AxB
2. (xA) (yB) : (x,y) Rf หมายถึง สมาชิกทุกตัวในเซต A และ
สมาชิกบางตัวใน B เป็นคู่อันดับในความสัมพันธ์ Rf\
3. ฟังก์ชัน คือ ความสัมพันธ์ ซึ่งคู่อันดับใด ๆ สองคู่อันดับของความสัมพันธ์
นั้น ถ้ามีสมาชิกตัวหน้าเหมือนกันแล้ว สมาชิกตัวหลังต้องไม่ต่างกัน
ตัวอย่างที่ 2 จงบอกว่าแผนภาพแต่ละรูปต่อไปนี้
กาหนดว่าเป็นฟังก์ชันจาก A = {a,b,c} ไปยัง B={x,y,z} หรือไม่ เพราะเหตุใด
a x a x a x a x
b y b y b y b y
c z c z c z c z
(ก) (ข) (ค) (ง)
ไม่เป็น ไม่เป็น เป็น เป็น
เพราะไม่มีสมาชิก เพราะมีสมาชิกในเซต A เพราะมีสมาชิกในเซต A เพราะมีสมาชิกใน
ในเซต A ซ้า คือ (c,x),(c,z) ทุกตัว และสมาชิกในเซต เซต A ทุกตัว
B บางตัว
Discrete Structure
Function
-2-
โดย function f จาก A ไป B คือความสัมพันธ์จาก A ไป B ซึ่งมีคุณสมบัติ คือ
1. โดเมนของ f คือ A
2. ถ้า (a, b) , (a, b’) f แล้ว b = b’
เมื่อความสัมพันธ์มีคุณสมบัติตามนิยาม เรียกว่า ฟังก์ชันจาก A ไป B โดยเซต A คือโดเมน
(domain) ของฟังก์ชันและ เซต B คือโคโดเมน (Codomain)
ฟังก์ชันมักเขียนด้วยตัวอักษร เช่น f , g , … โดยเมื่อ f เป็นฟังก์ชันจาก A ไปยัง B เขียนแทนด้วย
f(a)
โดยเซตของค่าภาพ (image values) ทั้งหมด เรียกว่า ภาพของ f (Im(f) หรือ f(A)) จะเห็นว่า Im(f)
เป็นสับเซต (อาจจะเป็นสับเซตแท้) ของเซต B
a w
b x
c y
d z
จงหา
(ก) ภาพของแต่ละสมาชิกของ A
(ข) ภาพของ f
(ค) เขียน f ในรูปแบบของเซตคู่อับดับ
วิธีทา
(ก) ภาพของแต่ละสมาชิกของ A คือ f(a) = w , f(b) = z , f(c) = z , f(d) = y
(ข) ภาพของ f = { w,y,z }
(ค) เซตคู่อับดับของ f = {(a,w) , (b,z) , (c,z) , (d,y)}
ฟังก์ชันนี้สามารถเขียนด้วยสูตรทางคณิตศาสตร์ จะมีหลายวิธีที่อธิบายฟังก์ชันได้
ตัวอย่างที่ 6 ถ้า f เป็นฟังก์ชันจาก RR ซึ่งส่งเลขจานวนจริงแต่ละค่าไปยังกาลังสองของจานวนนั้น
f(x) = x2 หรือ xx2 หรือ y = x2
อ่านว่า “ส่งไปยัง”
x เป็นตัวแปรอิสระ
y เป็นตัวแปรตาม เนื่องจากค่าของ y ขึ้นอยู่กับค่า x
พิจารณาฟังก์ชัน f(x) = x2 จงหา
(ก) ค่าของ f ที่ 5 , -4 และ 0
(ข) f(y+2) และ f(x+h)
(ค) [f(x+h) – f(x)] / h
วิธีทา
(ก) ค่าของ f ที่ 5 หรือ f(5) = 52 = 25
ค่าของ f ที่ -4 หรือ f(-4) = (-4)2 = 16
ค่าของ f ที่ 0 หรือ f(0) = (0)2 = 0
(ข) f(y+2) = (y+2)2 = (y+2)(y+2) = y2 + 4y + 4
f(x+h) = (x+h)2 = (x+h)(x+h) = x2 + 2xh + h2
Discrete Structure
Function
-4-
(ง) [f(x+h) – f(x)] / h
= [ (x2 + 2xh + h2 ) – x2 ] / h
= 2x + h
นิยาม
เมื่อ A เป็นเซตใด ๆ เรียกฟังก์ชันจาก A A คือส่งสมาชิก แต่ละตัวไปยังตัวเอง
สาหรับสมาชิก a แต่ละตัวใน A เรียกว่า
ฟังก์ชันเอกลักษณ์ (identity function) บน A
เขียนแทนด้วย 1A หรือ 1 กล่าวคือ
1A(a) = a
w w w
w a a a
a x x x
x b b b
b y y y
y c c c
c z z z
z
(ก) (ข) (ค) (ง)
Discrete Structure
Function
-7-
ตัวอย่างที่ 15 ให้ A = { a, b, c, d, e } และ B เป็นเซตของอักษรในภาษาอังกฤษ ให้ f,g และ h เป็น
ฟังก์ชันจาก A ไปยัง B ดังนี้ จงพิจารณาว่าฟังก์ชันใดเป็นฟังก์ชันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง
(ก) f : a r (ข) g : a z (ค) h : a a
ba by bc
cs cx ce
d r d y dr
ee ez ey
a x r
b y s
c z t
A f B g C
วิธีทา (gof)(a) = g(f(a)) = g(y) = t
Discrete Structure
Function
- 10 -
(gof)(b) = g(f(b)) = g(x) = s
(gof)(c) = g(f(c)) = g(y) = t
นิยาม
ให้ f และ g เป็นฟังก์ชัน แล้ว Rf Dg
ฟังก์ชันประกอบของ f และ g เขียนแทนด้วย gof กาหนดโดย
(gof)(x) g(f(x)) สาหรับทุก x Df
ตัวอย่างที่ 22 ให้ f(x) = 2x-3 , g(x) = x3+4 จงหาสูตรของฟังก์ชันประกอบ gof(x) และ fog(x)
วิธีทา gof(x) = g(f(x))
= g(2x-3)
= (2x-3)3 +4
fog(x) = f(g(x))
= f(x3+4)
= 2(x3+4) – 3
= 2x3 +5
ตัวอย่างที่ 23 ให้ f(x) = 2x+1 และ g(x) = x2 -2 จงหาสูตรของฟังก์ชันประกอบ gof(x) และ fog(x)
วิธีทา gof(x) = g(f(x))
= g(2x+1)
= (2x+1)2 - 2
Discrete Structure
Function
- 11 -
= 4x2 + 4x + 1
fog(x) = f(g(x))
= f (x2 –2)
= 2 (x2 –2) +1
= 2x2 –4 +1
= 2x2 –3