Professional Documents
Culture Documents
หัวข้ อ อาการแสดงทางจิตเวช
วัตถุประสงค์ หัวข้ อ
เมื่อนิสิตจบการศึกษาหัวข้อนี้แล้วสามารถ
1. ทราบว่าผูป้ ่ วยโรคทางจิตเวชจะมาพบแพทย์ดว้ ยอาการผิดปกติอย่างไรบ้าง
2. ทราบว่าอาการที่ผดิ ปกติน้ นั จัดอยูใ่ นการตรวจสภาพจิตข้อใด
3. ทราบชื่อของอาการที่ผดิ ปกติแต่ละอาการ
เนื้อหาหัวข้ อ
1. อาการทางจิตเวชแบ่งออกเป็ นกลุ่มใหญ่ ๆ ตามหัวข้อการตรวจสภาพจิต
2. ศัพท์เฉพาะที่ใช้เรี ยกชื่ออาการที่ผดิ ปกติแต่ละอาการ
3. รายละเอียดของแต่ละอาการที่ผปู ้ ่ วยแสดงออกหรื อสามารถตรวจพบได้
กิจกรรมการเรียนการสอน จว 301
1. การบรรยาย
2. การศึกษาค้นคว้าจากตาราและเอกสารประกอบอื่น ๆ
3. จัดให้มีการซักถามปั ญหาในชั้นเรี ยน
สื่ อการสอน
1. Power Point
2. เอกสารคาสอน เรื่ องอาการแสดงทางจิตเวช
แผนการสอน จว 301
1. อธิบายวัตถุประสงค์ 5 นาที
2. อาการทางจิตเวชแบ่งออกเป็ นกลุ่มใหญ่ ๆ 5 นาที
3. รายละเอียดของแต่ละอาการย่อย
ในกลุ่มอาการใหญ่ 70 นาที
4. ตัวอย่างผูป้ ่ วยที่มีอาการแสดงต่าง ๆ 30 นาที
5. สรุ ปและซักถาม 10 นาที
การวัดผลและการประเมินผล
1. สังเกตการมีส่วนร่ วมในการเรี ยน
2. ให้ตอบคาถามเพื่อสังเกตความเข้าใจ
3. สอบปลายภาค
เอกสารประกอบ
1. เอกสารคาสอนเรื่ อง อาการแสดงทางจิตเวช
อาการแสดงทางจิตเวช
รศ.พญ.วันเพ็ญ ธุรกิตต์ วณ
ั ณการ
Delusion of Reference หลงผิดว่า พฤติ ก รรมของคนอื่ นมี ค วามหมายถึ ง ตนเอง เหตุ ก ารณ์ หรื อ
สิ่ งแวดล้อมมีความหมายถึงตนเอง อย่างเช่น ดูทีวี หรื อฟั งวิทยุ ก็หลงผิดว่าเขาเอาเรื่ องของตนเองไปเล่นเป็ น
ละครออกที วีหรื อ วิท ยุ เวลาเดิ น ไปตามท้องถนนเห็ น คนจับ กลุ่ ม คุ ย ถึ ง เรื่ อ งของตนเองต่ า งจาก idea of
reference ที่มีความ fix กว่า พบในโรคจิตเภท
ล่วงรู ้ความคิดหมด
Obsession ความคิด ความรู ้สึก หรื อแรงผลักดัน ซึ่ งเกิ ดซ้ า ๆ ตลอดเวลาโดยไม่สามารถต้านทาน
ได้ ผูป้ ่ วยจะย้าคิดอยูใ่ นเรื่ องหนึ่งทั้ง ๆ ที่ไม่ตอ้ งการจะคิด แต่ไม่สามารถบังคับได้ หรื อไม่สามารถใช้เหตุผล
อื่น ๆ มาช่วยไม่ให้คิดได้ พบในโรคประสาทย้าคิดย้าทา (obsessive compulsive disorders) และโรคจิตเภท
Acrophobia กลัวความสู ง
Algophobiaกลัวความเจ็บปวด
Xenophobia กลัวคนแปลกหน้า
Zoophobia กลัวสัตว์
5.2.1 Hysterical Anesthesia การสู ญเสี ยความรู ้สึกสัมผัส ซึ่ งเป็ นผลจากข้อขัดแย้งภายในจิตใจ เช่น
การชาบริ เวณ ขนขาหรื อลาตัวเป็ นต้น
5.2.3 Macropsia การเห็ นวัต ถุ ใ หญ่ ก ว่า ความเป็ นจริ ง ( ทั้ง micropsia และ macropsiaมี ส าเหตุ
ทางด้านร่ ายกาย ได้แก่ complex partial seizure )
5.3 Halluoination เป็ นการรับรู ้ ความรู ้ สึกต่าง ๆ โดยไม่มีสิ่งเร้ า เช่ น การได้ยินเสี ยงโดยไม่มีคนพูด
หรื อเห็นภาพโดยไม่มีตวั ตนจริ ง ๆ ได้แก่
5.3.3 Auditory Hallucination ประสาทหลอนทางการได้ยิน เป็ นเสี ยงคนพูดหรื อเป็ นเสี ยงต่าง ๆ
อย่างเช่น ดนตรี พบในโรคจิตที่มีสาเหตุจากจิตใจ และโรคจิตที่มีสาเหตุทางร่ างกาย
5.3.11 Hallucinosis ประสาทหลอน บ่อย ๆ ทางเสี ยง สัมพันธ์กบั ภาวะติดสุ ราเรื้ อรังและเกิ ดใน
ขณะที่ sensorium ดี
5.4 Illusion การรับรู ้ สิ่งที่ มากระตุน้ ผิดไปจากความจริ ง เช่ น เห็ นต้นไม้เป็ นเปรต เห็ นสุ นัขเป็ นหมู
เป็ นต้น พบบ่อยในช่วง delirium และในคนที่มีความคิดหวาดระแวง
6.2 Poverty of Speech พูดน้อย และเสี ยงมักเป็ น tone เดียว ไม่มีสูง ต่า
6.4 Sensory Aphasia การเสี ยความสามารถในการเข้าใจภาษาพูด หรื อภาษาเขียน แต่ยงั พูดได้ เรี ยกอีก
ชื่อว่า Wernike’s fluent หรื อ receptive aphasia
6.5 Nominal aphasia มีค วามยากล าบากในการเรี ย กชื่ อวัตถุ พบในคนที่ มี lesion ระหว่า ง angular
gyus และ temperal gyrus
6.7 Incoherence กระแสคาพูดที่พูดออกมา ส่ วนมากฟังไม่ค่อยรู ้เรื่ องหรื อไม่ค่อยเข้าใจ ซึ่ งเป็ นเพราะ
เหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่ งต่อไปนี้ ขาดความเชื่ อมโยงที่มีเหตุผลหรื อมีความหมายระหว่างคา ระหว่างวลี หรื อ
ระหว่างประโยค ใช้คาพูดแปลก ๆ ใช้ไวยากรณ์ ที่ผิด ๆ ตัวอย่างเช่ น แพทย์ถาม “หนู ไม่สบายเป็ นอะไร”
คนไข้ตอบ “หนู ปวดท้อง เขาคิด เขาทา มีเขาก็คงตอบน้องเรื่ องตั้งแต่ยงั ไงเล็ก ๆ นะ เหมือนอยูใ่ นเตาไฟด้วย
แสบกันเองซี่ กลัวจังเลย เก้าอี้อยูก่ รุ งเทพ” พบในโรคจิตเภท โรคจิตทางอารมณ์ และโรคจิตที่เกิดจากสภาวะ
ทางร่ างกาย
7.4 Jamai vu เป็ นความรู ้สึกต่อสถานที่ที่เคยไป เคยอยูแ่ ล้วว่าไม่เคยอยู่ ทั้ง deja vu และ jamai vu พบ
ได้ในคนปกติที่อยูใ่ นภาวะเหนื่อยล้า โรคจิตเภท, โรคของสมอง หรื อในโรคฮิสทีเรี ย
เอกสารอ้างอิง
1. American Psychiatric Association. Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorder. 5th ed.
Washington DC : American Psychiatric Association, 2013:189-233.
2. Kaplan HI,Sadock BJ,Grebb JA,ed.Synopsis of psychiatry.11 th ed.Baltimore:
William&Wilkins,2015:387-426