Professional Documents
Culture Documents
การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความเรียบผิวในกระบวนการกลึง เหล็กกล้าไร้สนิม AISI 316L โดยการออกแบบการทดลองด้วยวิธีไชนิน
การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความเรียบผิวในกระบวนการกลึง เหล็กกล้าไร้สนิม AISI 316L โดยการออกแบบการทดลองด้วยวิธีไชนิน
บทคัดย่อ
ความขรุขระของผิวงานเป็นดัชนีชี้วัดคุณภาพผิวงานในอุตสาหกรรมการตัดเฉือนโลหะ การเลือกสภาวะในการตัดเฉือน
ที่เหมาะสมเป็นแนวทางหนึ่งที่ใช้ลดความขรุขระของผิวงาน การศึกษานี้มีจุดประสงค์เพื่อลดความขรุขระของผิวงาน
โดยการหาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความขรุขระและหาสภาวะที่เหมาะสมของกระบวนการกลึงชิ้นส่วนเครื่องจักรกล
ทีท่ ำ� จากเหล็กกล้าไร้สนิม การออกแบบการทดลองด้วยวิธไี ชนินถูกใช้ศกึ ษาผลกระทบของปัจจัย 5 ปัจจัยและใช้หาสภาวะ
ที่เหมาะสมของปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความขรุขระของผิวงาน นอกจากนี้ การวิเคราะห์รูปจากกล้องจุลทรรศน์อิเล็คตรอน
แบบส่องกราดและกล้องจุลทรรศน์ใช้ในการตรวจสอบความแตกต่างของมีดกลึง ลักษณะเศษงานกลึง และลักษณะ
ผิวชิ้นงานกลึงของสภาวะเดิมและสภาวะที่เหมาะสม ผลการศึกษาพบว่า ความเร็วตัดและความลึกในการป้อนเป็นปัจจัย
ทีม่ ผี ลกระทบต่อความขรุขระของผิวงานโดยเฉลีย่ อย่างมีนยั ส�ำคัญ โดยมีสภาวะทีเ่ หมาะสมคือ ความเร็วตัด 150 เมตร/นาที
และความลึกในการป้อน 0.8 มิลลิเมตรเป็นสภาวะที่ท�ำให้สามารถลดความขรุขระของผิวงานลงได้
ค�ำส�ำคัญ : กระบวนการกลึง เหล็กกล้าไร้สนิม ความขรุขระผิว สภาวะที่เหมาะสม วิธีไชนิน
Abstract
Surface roughness on machined part is a key performance index of surface quality for metal machining
industry. Selecting an appropriate machining condition is a way to reduce surface roughness. This study aimed
to reduce surface roughness by determining the significant factors affecting surface roughness and to obtain
the optimal machining condition in turning operation of a stainless steel machine component. The Shainin design
of experiment method was used to investigate the effect of five machining factors and to determine the optimal
machining condition of the significant factors on surface roughness. Furthermore, analyses of scanning electron
microscope and optical microscope images were used to investigate the differences of cutting tools, chips, and
* Corresponding author.
Email address: pj_toyo@hotmail.com (Junlabuddee, P.), charn_sa@kku.ac.th* (Saikaew, C.)
doi: 10.14456/kkuenj.2015.6
72 KKU ENGINEERING JOURNAL January–March 2015;42(1)
surface quality of the machined parts between machining conditions under the existing machining condition
and the optimal machining condition. The results showed that cutting speed and depth of cut were the significant
factors affecting the average surface roughness with the optimal machining condition at the cutting speed of
150 m/min and the depth of cut of 0.8 mm used for reducing the surface roughness.
Keywords : Turning operation, Stainless steel, Surface roughness, Optimal machining condition, Shainin’s
method
รูปที่ 5 ลักษณะของชิ้นงานเสีย
KKU ENGINEERING JOURNAL January–March 2015;42(1) 75
การออกแบบการทดลองด้วยวิธีไชนินโดยใช้วิธี
การค้นหาตัวแปร มีคำ� นิยามของปัจจัยทีม่ คี วามส�ำคัญมาก
ที่สุดเรียกว่า Red X และปัจจัยที่มีความส�ำคัญอันดับสอง
เรียกว่า Pink X และปัจจัยที่มีความส�ำคัญอันดับสาม
เรียกว่า Pale pink X โดยปัจจัยเหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อ
ผลตอบสนองที่เรียกว่า Green Y [8] ระดับของปัจจัยที่
น�ำมาพิจารณาในการออกแบบการทดลองนี้ถูกแบ่งออก
เป็นสองระดับคือ ระดับที่ 1 เรียกว่า “Best Level (B)”
ซึ่งจะแทนระดับที่ผู้วิจัยคิดว่าเป็นระดับที่น่าจะเหมาะสม
ในกระบวนการผลิต และระดับที่ 2 เรียกว่า “Marginal
Level (M)” ซึ่งจะแทนระดับเดิมของกระบวนการผลิตนั้น
การออกแบบการทดลองด้วยวิธีไชนินโดยใช้วิธีการค้นหา
ตัวแปรมีขั้นตอนย่อยลงไปอีก ซึ่งแสดงดังรูปที่ 6 รูปที่ 6 ขั้นตอนย่อยหลักการค้นหาตัวแปร (Variables
search)
ารค้นหา 4. ผลการวิจัยและอภิปราย ของระดับJOURNAL
ENGINEERING ใหม่ [Best Level (+)] สามารถคานวณได้ เปลี่ยนระดับเ
6 ดังนีบ้ ใหม่ [Best Level (+)] สามารถคานวณได้ เปลีระดั
ของระดั บของปั
่ยนระดั บเหมืจจอ
4.1 ผลการวิเคราะห์ด้วยวิธีไชนิน
76 ดังนี้ KKU
CLBENGINEERING
MedianB JOURNAL 2.776
d
January–March ระดัตารางที
2015;42(1) บของปัจ่ 4จัยแลอื่น
1.81
จากการรวบรวมปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกระทบ 2.776 ( 0.079 /1.81 ) 0.511 0.121 ตารางที่ 4 และสา
d
CLB Median 0.511
B 2.776 1.81 ตารางที่ 4 ผ
ต่4.อกระบวนการผลิ
ผลการวิจัยและอภิ ตและคุ ปราย ณภาพของชิ้นงาน ซึ่งได้ และขอบเขตควบคุ 2.776 (ม0บนและล่
0.511และขอบเขตควบคุ 0.511 า0ระดั
.079 / 1.81าม)งของ
บนและล่ .121บเดิมบเดิม
งของระดั
ของขั่ ้น4ตอนที
ตารางที ผลกา่
ศึ4.1
กษาค้ นคว้าเคราะห์
ผลการวิ มาจากงานวิ ด้วยวิธจีไัยชนิหลายเรื
น ่องและการ [Marginal Level
[Marginal
และขอบเขตควบคุ Level (-)] สามารถค
(-)]
มบนและล่ สามารถค� ำนวณได้
างของานวณได้ ระดัดดังบังนีนีเดิ้ ้ ม
ของขั# ้นตอนที
Process่ 2 แv
สอบถามข้จากการรวบรวมปั
อมูลจากวิศวกรที่มจีสจั่วยนเกี ที่ค่ยาดว่
วข้อางจะมีของบริ
ผลกระทบษัท [Marginal CLM Level Median (-)] สามารถค
M 2 .776 านวณได้
d ดังนี้
1.81 # Process varia
กรณี ศ ก
ึ ษา ซึ ง
่ มี ท ง
้ ั หมดจ านวน 5 ปั จ จั ย ได้ แ ก่ ความเร็ ว
ต่อกระบวนการผลิตและคุณภาพของชิ้นงาน ซึ่งได้ศึกษา CLM MedianM 2.776 1.81 / 1.81 ) 0.642 0.121 0 .642 2 .776 (
d
0 .079 1 A (+)
ค่าเส้0น.642
กลาง สามารถค านวณได้ ดังนี้ 1 A (+)
ตัค้ดนคว้ ามาจากงานวิ
(Cutting speed) จอััยตหลายเรื ราป้อน่อ(Fงและการสอบถามข้
eed) ความลึกในการอมูล ค่าเส้2(Center
.น กลาง
776 line)
(Center
( 0.079 / 1.81 ) line)
0.642 สามารถค�
0.121 ำนวณได้ 2 A (-) Oth
ป้จากวิ ศวกรที่มีสof่วนเกี
อน (Depth cut)่ยวข้อัตอราการไหลของน้
ง ของบริษัทกรณี ศึกอษา
าหล่ เย็น ซึ่งมี ค่าดัเส้งนนีกลาง
้ Median
CL
(Center line) สามารถคานวณได้ดังนี้
B MedianM 0.642 0.511 0.576 2 A3(-)B (+) Oth
ทั้งหมดจ�ำนวน 5 ปัจจัยได้แก่ ความเร็วตัด (Cutting 2 2
(Coolant flow rate) และประเภทของการเคลือบเม็ดมีด MedianB MedianM 0.642 0.511
speed) อัตราป้อน (Feed) ความลึกในการป้อน (Depth of ตารางที CL 0.576 3 B4(+)B (-) Oth
(Coating type) การพิ ส จ
ู น์ ค วามสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งความ ่ 3 ปัจ2จัยและผลการทดลองระดั 2 บเดิมและ
cut) อัตราการไหลของน�ำ้ หล่อเย็น (Coolant flow rate) และ 4 B5(-)C (+) Oth
ขรุ ขระของผิวชิ้นงานอกับเม็ บตัดวแปรทั ้ง5 สามารถกระท ระดั
าได้สูจน์ ตารางที บ่ ใหม่
ตารางที 3 ปั่ จ3จัยปัและผลการทดลองระดั
จจัยและผลการทดลองระดั บเดิมบและ เดิมและระดั บ
ประเภทของการเคลื มีด (Coating type) การพิ
น้ งาน วกัิธบีกตัารวแปร ระดับใหม่
จากการออกแบบการทดลองด้ ใหม่ปัจจัย ระดับเดิม ระดับใหม่ 5 C6(+)C (-) Oth
ความสัมพันธ์ระหว่างความขรุขวระของผิ ยวิธีไชนิวนชิโดยใช้
[Marginal
ระดับเดิม ระดับระดั [Best level
ค้ทัน้ งหาตั
5 สามารถกระท�
วแปร เพื่อหาปัำจได้ จัยจทีากการออกแบบการทดลอง
่มีผลกระทบต่อผิวงาน ปัจจัย ปัจจัย เดิมบใหม่ ระดับใหม่ หน่ว6ย C7(-)A (+) C (+) Oth
level
[Marginal (-)] [Best (+)]
level หน่ ว ย
สด้าเร็วยวิจในกระบวนการกลึ
ธีไชนินโดยใช้วิธีกงารค้นหาตัวแปร เพื่อหาปัจจัย [Marginal [Best level
7 A8(+)A C(-)(+)C (-)Oth
ที่มีผลกระทบต่ อ ผิ ว งานส� ำ เร็ จ ในกระบวนการกลึ ง A level (-)]110level (-)](+)] 150 (+)] หน่วm/min ย
ขั้นตอนที่ 1 ของการออกแบบการทดลอง
ขั้นตอนที่ 1 ของการออกแบบการทดลองด้วย A B A 1100.04 110 1500.06 m/min 150 mm/rev m/min8 A9(-)DC(+) (-) Oth
ด้วยวิธีไชนิน โดยใช้ วิธีการค้นหาตัวแปรด้วยการ
วิธีไชนินโดยใช้วิธีการค้นหาตัวแปรด้วยการก�ำหนดปัจจัย B C B 0.04 0.5 0.04 0.06 0.8 0.06 mm/rev mm
mm/rev
9 D10(+)D (-) Oth
กและค่
าหนดปั จ จั ย และค่ า ระดั บ ของปั
าระดับของปัจจัย แสดงผลการทดลองในตารางที่ 3 จ จั ย แสดงผลการ C 0.5 0.8 mm
ทดลองในตารางที / d สามารถ C D 0.5100% 0.8 50% mm - 10 D11(-)E (+) Oth
ค่าอัตราส่วน D / d่ สามารถค� 3 ค่าอัตราส่ วน Dจากผลการทดลอง
ำนวณได้ D 100% 50% -
D E 100% TiCN + -
50%
คทีานวณได้
่ 1-3 ซึ่งเป็จากผลการทดลองที
นค่าความขรุขระผิว่ ของชิ 1-3 ้นซึงานที
่งเป็นค่่ผา่าความ
นการกลึง E TiAlN TiCN + - 11 E12(+)E (-) Oth
TiAlN TiCNAl+2O3 + TiN -
ได้ขผระผิ
ขรุ ลดังวนีของชิ
้ ้นงานที่ผ่านการกลึง ได้ผลดังนี้ E Al2O3 + TiN 12 E (-)A (+) C (+) Oth
ผลการทดลองที่ 1 TiAlN0.706 Al2O3 + 0.511 TiN - µm 13
D 0.642 0.511 ผลการทดลองที่ 1 0.706 0.511 µm A (+)E C(+)(+)
d
(0.706 0.623 ) (0.518 0.443 ) / 2
1.65 ผลการทดลองที ่
ผลการทดลองที 1
ผลการทดลองที่ 2 ่ 2 0.706
0.642 0.6420.511
0.518 µm µm µm13
0.518
Oth
E14(+)A (-) C (-)
µm µm µm A (-)E(-)
ผลการคานวณได้ผลการค�คำ่านวณได้
อัตราส่วคน่าอัตDราส่
/ dวมากกว่ 1.25 า ผลการทดลองที
น D / dา มากกว่
ผลการทดลองที่ 2 ่ 3่ 3 0.6420.6230.6230.5180.4430.443
ผลการทดลองที
14
C (-)
Oth
ซึ่งถือว่าขั้นตอนนี้ผ่าน และทาการทดลองต่อใน
1.25 ซึ่ ง ถื อ ว่ า ขั้ น ตอนนี้ ผ ่ า น และท� ำ การทดลองต่ อผลการทดลองที่ 3 0.623 0.443 µm E(-)
การสลับบเปลี
การสลั เปลี่ย่นระดั
ยนระดั บจากระดั
บจากระดั บ Best
บ Best Level
Level
ขัในขั ้นตอนที
้นตอนที ่2่2 เป็น Marginal Level ของปับของปั
จจากระดั
จัยแรก
ขั้นตอนที่ 2 ขอบเขตควบคุมจากข้อมูล Green เป็ค่ านความขรุ Marginal
การสลับเปลี ่ยLevel
นระดั จจัยบทีแรกค่ Best
ดิ ว่ทีา่คมีLevel
ิดผว่ลกระทบต่
ามี อ
ขั้นตอนที่ 2 ขอบเขตควบคุมจากข้อมูล ข ระผิ ว ของชิ้ น งานมากที่ สุ ด โดยให้ ป ั จ จั ย
ปร Y (ค่าความขรุขระผิวของชิน้ งาน) ของระดับทัง้ สองสามารถ เป็นผลกระทบต่ Marginal อค่าLevel ความขรุของปั
ที่เหลืออยู่ในระดับเดิม แล้วจึงท�ำการทดลองทุกปัจจัย
ขระผิจจัวของชิ
ยแรก้นทีงานมากที ่คิดว่ามี ่สุด
Green Y JOURNAL
จ(ค่ากสมการ
าความขรุ(1)
ขระผิ
และวของชิ
(2) ที้นช่ วงาน ) ของระดั
อ่ มัน่ บ95% ผลกระทบต่โดยให้
ค�ำนวณได้
ENGINEERING ่ งความเชื และท�ปำอการทดสอบยื
ัจค่จัายความขรุ
ที่เหลืออยู น่ในระดั
ขระผิ บเดิ้นมงานมากที
ยันวผลของปั
ของชิ แล้จจัวยจึและอิ
งทาการ ่สุดทธิพลร่วม
ทัขอบเขตควบคุ
ของระดั ้งสองสามารถค
บใหม่ [Best านวณได้
Level จา(+)]
มบนและล่ ากสมการ
งของระดั
สามารถค (1)านวณได้
บใหม่ และ (2) Level
[Best ที่ เปลี่ยโดยให้
นระดั
ทดลองทุ
ของขัปบัจเหมื อทีกนขั
จั้นยตอนที จ้นจั่ อตอนที
่เปัหลื 3ยอยู
และท ่ าการทดสอบยื
ด้่ใวนระดั 2 บผลการสลั
ยการสลั เดิบมเปลี บจึนงเปลี
แล้่ยวนระดั บ่ยผลของ
ยัทนาการ นเหมือนขั้นตอน
ดังนีช่(+)] สามารถค�
ว้ งความเชื ่อมัำ่นนวณได้
95% ดขอบเขตควบคุ
ังนี้ มบนและล่าง ระดับทดลองทุ ของปั
ปัทีจ่ จั2จยจักผลการสลั
ยปัอืจ่นจัๆยทและท
และอิ ของขั ้นาการทดสอบยื
ธิพบลร่เปลี วตอนที
ม่ยของขั ่ 2้นบและ
นระดั ตอนทีน3ยัจ่ นแสดงดั
ของปั ๆง ของขับ้นตอน
3ยด้อืว่นยการสลั
จัผลของ
CLB MedianB 2.776
d
ปัจจั่ ที4ย่และอิ
ตารางที 2 และทธิ3พแสดงดั
และสามารถน งของขั
ลร่วมาไปแสดงผลดัตารางที
้นตอนที่ 4 และสามารถน�
ง่รูป3ทีด้่ 7วยการสลั ำไปแสดงผล
บ
1.81 ดังรูปที่ 7
0.511 2.776 ( 0.079 / 1.81 ) 0.511 0.121
ตารางที่ 4 ผลการสลับเปลี่ยนระดับของปัจจัยอื่นๆ
และขอบเขตควบคุมบนและล่างของ ระดับเดิม
ของขั้นตอนที่ 2 และ 3
[Marginal Level (-)] สามารถคานวณได้ดังนี้
d # Process variation Ra Control limit Result
CLM MedianM 2.776
1.81
0.642 2.776 ( 0.079 / 1.81 ) 0.642 0.121 1 A (+) Others(-) 0.537 0.521-0.763
สาคัญ
ค่าเส้นกลาง (Center line) สามารถคานวณได้ดังนี้ 2 A (-) Others(+) 0.652 0.390-0.632
MedianB MedianM 0.642 0.511
KKU ENGINEERING JOURNAL January–March 2015;42(1) 77
ตารางที่ 5 การวิเคราะห์ปัจจัย
AB AM
0.323 0.518 0.652
0.423 0.443 0.841
CB
0.326 0.846
รูปที่ 8 อิทธิพลของความเร็วตัดต่อค่าความขรุขระผิว
0.511
Median 0.443 Median 0.746
0.537 0.688 0.706
0.718 0.387 0.642
CM
0.685 0.623
0.497
Median 0.627 Median 0.642
รูปที่ 9 อิทธิพลของความลึกในการตัดต่อค่าความขรุขระ
จากนัน้ น�ำผลลัพธ์ทไี่ ด้คำ� นวณหาค่าอิทธิพลหลัก ผิว
(Main effect) และอิทธิพลร่วม (Interaction effect)
ระหว่างปัจจัย A และ C ดังนี้
10
ชิ้น
10
ชิ้น
20
ชิ้น
20
ชิ้น รูปที่ 12 ลักษณะเศษงานกลึงของสภาวะเดิมและ
สภาวะที่เหมาะสม
รูปที่ 11 รูปทีคมตั ดของมี
่ 11 คมตั ดของมี ดกลึ
ดกลึงงทีที่ผ่ผ่า่านการกลึ นการกลึ งของสภาวะเดิม สภาวะเดิม
งของสภาวะ สภาวะที่เหมาะสม
รูปที่ 13 ลักษณะผิ วชิน้ งานกลึงของสภาวะเดิมและสภาวะ
และสภาวะที ่เหมาะสม
เดิมและสภาวะที ่เหมาะสม
การเปรียบเทียบลักษณะเศษ ( Chip) งาน 1 ชิ้น ที่เหมาะสม
การเปรี ยบเทียบลักษณะเศษ (Chip) งานกลึง
กลึงของสภาวะเดิมและสภาวะที่เหมาะสมด้วยกล้อง 5. สรุป
ของสภาวะเดิมและสภาวะทีเ่ หมาะสมด้วยกล้องจุลทรรศน์
จุลทรรศน์แสดงดังรูปที่ 12 เศษที่เกิดขึ้นที่สภาวะเดิมมี
แสดงดัลังกรูษณะหยิ ป ที่ 12 เศษที่ เ กิ ด ขึ้ น ที่ ส ภาวะเดิ ม มี ลั ก ษณะ
กหยอย (Tangle chips) ซึ่งเป็นแบบที่ไม่ 10 ผลการวิเคราะห์การทลองด้วยวิธีไชนินแสดง
หยิกหยอย (Tangle chips) ซึ
ต้องการให้เกิดขึ้นในการตัด เพราะเศษจะเสียดสีผิวหน้า ชิ้น
่ ง เป็ น แบบที ่ ไ ม่ ต ้ อ งการ ให้ เ ห็ น ว่ า ความเร็ ว ตั ด และความลึ ก ในการป้ อ นตั ด
ให้เกิดขึชิ้น้นงานที
ในการตั ด เพราะเศษจะเสี
่ตัดแล้วอีกครั้งหรือเกิดการพันยุ่งเหยิงกับมีด ย ดสี ผ ิ ว หน้ า ชิ ้ น งาน เป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อค่าความขรุขระผิวของชิ้นงาน
ที่ ตั ด แล้ ว อี ก ครั ้ ง หรื อ เกิ ด การพั
ตัด เกิดอันตรายกับพนักงานที่ปฏิบัติงาน ผลิตภาพของ 20 น ยุ ่ ง เหยิ ง กั บ มี ด ตั ด อย่ า งมี นั ย ส� ำ คั ญ ซึ่ ง เป็ น ตั ว ชี้ วั ด คุ ณ ภาพของชิ้ น งาน
เกิ ด อั นการทตรายกั บ พนั ก งานที
างานไม่ดี จะทาให้ผิวชิ้นงานเสียหายและเศษ ่ ป ฏิ บ ั ต ิ ง าน ผลิ ต ภาพของ ชิ้น ค่าสภาวะที่เหมาะสม คือ ความเร็วตัด 150 เมตร/นาที
การท�ำงานไม่ ด ี จะท� ำ ให้ ผ ิ ว ชิ
โลหะจะไปรวมและเกาะติดอยู่ที่มุมของมีด[13] ในขณะ ้ น งานเสี ย หายและเศษโลหะ ความลึ ก ในการป้ อ นตั ด 0.8 มิ ล ลิ เ มตร ท� ำ ให้ ไ ด้ ค ่ า
จะไปรวมและเกาะติ ด อยู ่ ท ่ ี ม
ที่เศษที่เกิดขึ้นที่สภาวะที่เหมาะสมมีลักษณะขด ุ ม ของมี ด [13] ในขณะที รู ป
่ เ ที
ศษ ่ 13 ลั ก ษณะผิ วชิ้นงานกลึ
ความขรุ ขระผิงของสภาวะเดิ
วน้อยลง การยื มและนยันผลการทดลองกระท�ำโดย
ทีเ่ กิดขึน้ (Helical
ทีส่ ภาวะทีchips)เ่ หมาะสมมี
ซึ่งเป็นแบบที่ยลอมรั กั ษณะขด
บให้เกิดขึ้น(Helical
ได้ในการ chips) สภาวะที่เหมาะสม
การทดลองกลึงชิน้ งานทีส่ ภาวะเดิม และสภาวะทีเ่ หมาะสม
ซึ่งเป็นตัแบบทีด ไม่เสีย่ ยดสี อมรั บให้
ผิวหน้ าชิ้นเงาน
กิดขึไม่้นพได้ ันยุ่งใเหยิ นการตั
งกับมีดดตัดไม่ เ สี ย ดสี
5. สรุป สภาวะละ 10 ชิ้น แล้วน�ำมาวัดค่าความขรุขระผิว และ
ผิวหน้าผลิชิ้ตนภาพของการท
งาน ไม่พันางานไม่ ยุ่งเหยิ ทาให้ งกัผบิวชิมี้นดงานเสีตัด ยผลิ
หาย[14] ตภาพของ ผลการวิเคราะห์ ท�กำารทลองด้
การเปรีวยวิย บเที
ธีไชนิยน บผล ที่ ส ภาวะที่ เ หมาะสมท� ำ ให้ ค ่ า
การท� ำรูงานไม่
ปที่ 13 แสดงลัท� ำ ให้กษณะผิ
ผิ ว ชิ้ นวชิงานเสี
้นงานกลึยงของ หายสภาวะเดิ [14] มรู ป ทีแสดงให้ ่ 13 เห็นว่าความขรุ
ความเร็วตัขดระผิ วลดลงกในการป้
และความลึ นอกจากนี
อน ้ ยังได้ศึกษาการสึกหรอ
แสดงลักษณะผิวชิ้นงานกลึงของสภาวะเดิมและสภาวะ ของเครื่องมือตัด ด้วยการส่องด้วยกล้องอิเล็คตรอนแบบ
ที่เหมาะสมซึ่งพบว่า ที่สภาวะที่เหมาะสม ลักษณะของ ส่องกราด เมื่อใช้งานผ่านไปตามระยะเวลาที่แตกต่างกัน
ผิวชิ้นงานเรียบมีความขรุขระผิวน้อยกว่าสภาวะเดิม และส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อดูผิวของชิ้นงานที่ผ่าน
การกลึง และลักษณะเศษงานกลึง สภาวะที่เหมาะสม
ของปัจจัยนี้สามารถน�ำไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิต
เพื่อปรับปรุงคุณภาพผิวชิ้นงานส�ำเร็จรูปในกระบวนการ
กลึงชิ้นส่วน Pump PLF ของโรงงานกรณีศึกษาได้
6. กิตติกรรมประกาศ
งานวิจัยนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณวิจัย
โดย ทุนอุดหนุนและส่งเสริมการท�ำวิทยานิพนธ์ ประจ�ำ
ภาคปลาย ปีการศึกษา 2556 มหาวิทยาลัย ขอนแก่น และ
ขอขอบคุณวิศวกรบริษทั ผลิตชิน้ ส่วนเครือ่ งจักรกลแห่งหนึง่
ในจังหวัดอุดรธานี ทีใ่ ห้ความอนุเคราะห์ขอ้ มูลต่างๆ ในการ
รูปที่ 12 ลักษณะเศษงานกลึงของสภาวะเดิมและสภาวะ ทดลองในครัง้ นี้ ตลอดจนให้ความรูใ้ นเรือ่ งลักษณะของเสีย
ที่เหมาะสม ที่เกิดขึ้น
KKU ENGINEERING JOURNAL January–March 2015;42(1) 81