You are on page 1of 150

แบบทดสอบ

หน่ วยการเรียนรู้ ที่ 3


การสื บพันธุ์ของพืชดอก
และการเจริญเติบโต
1. Perfect flower มีลกั ษณะตรงกับข้ อใด
1. มี calyx, corolla, androecium
2. มี calyx, bract, corolla, androecium
3. มี calyx, bract, corolla, gynoecium
4. มี perianth, androecium, gynoecium
วงกลีบรวม (Perianth)
กลีบเลีย้ งและกลีบดอกมีลกั ษณะเหมือนกัน
จนแยกไม่ ออกเรียกว่ า วงกลีบรวม (Perianth)
และเรียกแต่ ละกลีบว่ า กลีบรวม (Tepal)
ได้ แก่ บัวหลวง จําปี จําปา
เกสรเพศผู้
เกสรเพศเมีย
2. ปฏิสนธิซ้อนเป็ นปรากฏการณ์ ที่พบได้ ในสิ่ งมีชีวติ
ข้ อใด
1. เฟิ นและจิมโนสเปิ ร์ ม
2. จิมโนสเปิ ร์ มและแองจิโอสเปิ ร์ ม
3. จิมโนสเปิ ร์ ม
4. แองจิโอสเปิ ร์ ม
3. ส่ วนของพืชที่จัดว่าอยู่ในช่ วง แกมีโตไฟต์ ได้ แก่
1. เมล็ด ละอองเรณู โพลาร์ นิวเคลียส
2. โอวูล ละอองเรณู เซลล์ ไข่
3. โอวูล โพลาร์ นิวเคลียส เซลล์ ไข่
4. โพลาร์ นิวเคลียส เซลล์ ไข่ ละอองเรณู
4. สิ่ งมีชีวติ ชนิดใดมีวฏั จักรชีวติ ดังแสดงในภาพ
1. ยีสต์ Gamete (n)
2. ผึง้ n
(Mitosis)
3. พืชมีดอก Zygote (2n)

4. พืชไม่ มดี อก Meiosis


5. จากแผนภาพวัฏจักรชีวติ ของสิ่ งมีชีวติ ชนิดหนึ่ง การ
แบ่ งนิวเคลียสแบบ ไมโอซิส เกิดขึน้ ทีร่ ะยะใด
1. ก
Female gamete
2. ข
3. ค Gametophyte ก Zygote
4. ง ง Male gamete ข
Spore ค Sporophyte
6. จากภาพ A, B และ C คืออะไรตามลําดับ
1. ไมโอซิส ไมโทซิส ไมโทซิส 2. ไมโทซิส ไมโอซิส ไมโทซิส
3. ไมโทซิส ไมโอซิส ไมโอซิส 4. ไมโทซิส ไมโทซิส ไมโอซิส
A Spore B

Spore mother cell Gametophyte


C
Sporophyte Gamete

Zygote Fertilization
7. ข้ อใดแสดงส่ วนของพืชทีอ่ ยู่ในระยะ haploid
ก. ทัลลัสของเฟิ น
ข. โคนของแป๊ ะก๊ วย
ค. เหง้ าของเฟิ น
ง. ละอองเรณูของบัว
1. ก และ ข 2. ข และ ค
3. ค และ ง 4. ก และ ง
8. สิ่ งที่แตกต่ างกันของสนสามใบและยางพาราคือ
ข้ อใด
ก. รังไข่ ข. การปฏิสนธิ
ค. การสร้ างเมล็ด ง. การเรียงตัวของเส้ นใบ
1. ก และ ข 2. ข และ ค
3. ค และ ง 4. ก และ ง
9. ข้ อใดต่ อไปนีม้ จี ํานวนโครโมโซมเท่ ากับ n
1. เซลล์ ของกลีบดอก
2. เซลล์ ของอับเรณู
3. ไมโครสปอร์ มาเทอร์ เซลล์
4. ไมโครสปอร์
10. Megaspore ภายใน ovule และ microspore ภายใน
anther ของดอกข้ าวโพดพัฒนาไปเป็ นโครงสร้ างใด
ตามลําดับ
1. polar nuclei และ pollen
2. egg และ sperm
3. embryo และ endosperm
4. embryo sac และ pollen
ละอองเรณู (pollen grain) หรือ แกมีโทไฟต์ เพศผู้ (male gametophyte)
11. ถุงเอ็มบริโอ (embryo sac)ของชบาเทียบได้ กบั
โครงสร้ าง(structure)ใดของเฟิ นข้ าหลวงหลังลาย
1. อวัยวะสร้ างเซลล์ เพศเมีย(archegonium)
2. ไซโกต
3. แกมีโทไฟต์
4. อับสปอร์ (sporangium)
12. นิวเคลียสของเซลล์ ในข้ อใด ไม่ พบฮอมอโลกัส
โครโมโซม
ก. เซลล์ ของอับเรณู ข. เซลล์ ของออวุล
ค. เมกะสปอร์ ง. ทิวบ์ นิวเคลียส
1. ก และ ข 2. ข และ ค
3. ค และ ง 4. ก และ ง
13. พืชกลุ่มใดทีเ่ กิดจากการโคลน ( cloning )
ก. ต้ นสั กทีไ่ ด้ จากการเพาะเลีย้ งเนือ้ เยือ่
ข. ต้ นไผ่ แต่ ละต้ นในกอเดียวกัน
ค. ต้ นทับทิมทีไ่ ด้ จากเมล็ดทีเ่ กิดจากการผสมเกสรจากดอก
เดียวกัน
1. ก 2. ก ข
3. ข ค 4. ก ข ค
14. เซลล์ ของพืชดอกในข้ อใดทีม่ จี ํานวนโครโมโซม 1 ชุ ด ( n )
ก. โพลาร์ นิวคลีไอ ข. ไมโครสปอร์ มาเทอร์ เซลล์
ค. ไซโกต ง. ทิวบ์ นิวเคลียส
1. ก และ ข
2. ข และ ง
3. ก และ ง
4. ค และ ง
15. ข้ อใด ไม่ ถูกต้ องเกีย่ วกับการสื บพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอก
ทัว่ ไป
ก. พืชทีม่ ดี อกไม่ สมบูรณ์ เพศไม่ สามารถเกิดการถ่ ายละอองเรณูได้
ข. ในการสื บพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอกต้ องมีการแบ่ งเซลล์ แบบ
ไมโอซิสเพือ่ สร้ างเซลล์ สืบพันธุ์
ค. เมกะสปอร์ จะแบ่ งนิวเคลียสแบบไมโอซิสจะได้ นิวเคลียสจํานวน 8
นิวเคลียส เพือ่ พัฒนาเป็ นแกมีโทไฟต์ เพศเมีย
1. ก และ ข 2. ข และ ค
3. ก และ ค 4. ก , ข และ ค
16. การแบ่ งโพรโทพลาสซึมของเซลล์ ทไี่ ด้ จากการแบ่ งเซลล์ ใน
อับเรณูหลังระยะเทโลเฟส II ใช้ วธิ ีการแบ่ งเซลล์ แบบใดและ
เป็ นกระบวนการใด
1. ไมโอซิส การสร้ างสปอร์
2. ไมโอซิส การสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์
3. ไมโทซิส การสร้ างสปอร์
4. ไมโทซิส การสร้ างแกมีโทไฟต์
17. จํานวนนิวเคลียสของละอองเรณูของพืชมีดอก
โดยทัว่ ไป เมือ่ ตกลงบนยอดเกสรตัวเมียแล้ ว จะมีจํานวน
เท่ าใด
1. 1 นิวเคลียส
2. 2 นิวเคลียส
3. 3 นิวเคลียส
4. 4 นิวเคลียส
18. ในระยะทีล่ ะอองเรณูสร้ างหลอดละอองเรณูยนื่ เข้ าสู่ ก้านชู
ยอดเกสรตัวเมีย จะมีนิวเคลียส จํานวนเท่ าใดและในการเจริญ
ของเซลล์ แม่ ของเมกะสปอร์ ไปเป็ นถุงเอ็มบริโอมีการแบ่ ง ไม
โตซิสกีค่ รั้ง
1. 1 นิวเคลียส, 1 ครั้ง 2. 2 นิวเคลียส, 2 ครั้ง
3. 3 นิวเคลียส, 3 ครั้ง 4. 4 นิวเคลียส, 4 ครั้ง
19. ข้ อใดทีพ่ บว่ ามีกระบวนการแบ่ งนิวเคลียสแบบ ไมโอซิส
ก. ไมโครสปอโรไซต์ สร้ างไมโครสปอร์
ข. การสร้ างสเปิ ร์ มของละอองเรณู
ค. สปอร์ งอกเป็ นสปอโรไฟต์
ง. เมกะสปอร์ เจริญเป็ นถุงเอมบริโอ
1. ก 2. ข
3. ก ค 4. ข ง
20. การเปลีย่ นแปลงจาก ไมโครสปอร์ ไปเป็ น ละอองเรณู จะเป็ นไปตาม
ข้ อใด
1. แบ่ งนิวเคลียสแบบไมโทซิสไปเป็ นเจเนอเรทีฟนิวเคลียสและทิวป์
นิวเคลียส
2. แบ่ งนิวเคลียสแบบไมโอซิสเป็ นเจเนอเรทีฟนิวเคลียสและทิวป์
นิวเคลียส
3. แบ่ งนิวเคลียสแบบไมโทซิสไปเป็ นสเปิ ร์ มตัวที่ 1 และตัวที่ 2
4. แบ่ งนิวเคลียสแบบไมโอซิสไปเป็ นสเปิ ร์ มตัวที่ 1 และตัวที่ 2
ละอองเรณู (pollen grain) หรือ แกมีโทไฟต์ เพศผู้ (male gametophyte)
21. ละอองเรณู หมายถึงอะไร
1. เซลล์ ทไี่ ด้ จากการแบ่ งตัวแบบไมโอซิสของไมโครสปอร์ มาเธอร์ เซลล์
2. เซลล์ ทไี่ ด้ จากการแบ่ งตัวแบบไมโตซิสของนิวเคลียสในไมโครสปอร์
มาเธอร์ เซลล์
3. เซลล์ ทไี่ ด้ จากการแบ่ งตัวแบบไมโอซิสของไมโครสปอร์
4. เซลล์ ทไี่ ด้ จากการแบ่ งตัวแบบไมโตซิสของนิวเคลียสในไมโครสปอร์
22. เริ่มจาก megaspore mother cells และ microspore
mother cells จํานวน 6 เซลล์ เท่ า ๆ กัน เมือ่ สิ้นสุ ด
กระบวนการสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์จะได้ นิวเคลียส
ใน embryo sac และ ในละอองเรณู รวมทั้งสิ้น จํานวนเท่ าใด
ตามลําดับ
1. 24, 24 2. 24, 48
3. 48, 48 4. 48, 24
23. ในการแบ่ งเซลล์ ของ Spore mother cell เพือ่
สร้ างละอองเรณูน้ัน ใช้ วธิ ีการใด
1. mitosis
2. meiosis
3. mitosis ก่ อน meiosis
4. meiosis ก่ อน mitosis
24. ต้ นมะม่ วงมีโครงสร้ างใดเป็ นระยะแกมีโมไฟต์
เพศผู้และเพศเมียตามลําดับ
1. stamen , pistil
2. pollen grain, embryo sac
3. anther , ovary
4. microspore , ovule
25. ข้ อความในข้ อใดถูกต้ องเกีย่ วกับแกมีโทไฟต์
ก. เมือ่ สปอร์ แบ่ งเซลล์ จะได้ แกมีโทไฟต์
ข. แกมีโทไฟต์ เพศผู้ทเี่ ติบโตเต็มทีข่ องพืชดอก 2 เซลล์
ค. แกมีโทไฟต์ เพศผู้ของพืชดอกเคลือ่ นทีไ่ ด้ แต่ ของเพศ
เมียเคลือ่ นทีไ่ ม่ ได้
1. ก ข 2. ข ค
3. ก ค 4. ก ข ค
26. หลังการเกิดปฏิสนธิซ้อน (double fertilization) ใน
พืชมีดอก การเปลีย่ นแปลงข้ อใด ไม่ ถูกต้ อง
1. ออวุล เมล็ด
2. รังไข่ ผล
3. รังไข่ เปลือกหุ้มเมล็ด
4. โพลาร์ นิวเคลียส (polar nuclei) เอนโดสเปิ ร์ ม
27. ไมโครสปอร์ ของพืชชนิดหนึ่งมี 8
โครโมโซม เอนโดสเปิ ร์ มของพืชชนิดนี้ จะมี
โครโมโซมเท่ าใด
1. 8 2. 12
3. 16 4. 24
28. พืชชนิดหนึ่งมีจํานวนโครโมโซม 2n =20 โครงสร้ าง
ใดต่ อไปนีม้ โี อกาสมากทีส่ ุ ดจะพบโมเลกุล DNA ภายใน
นิวเคลียส 40 โมเลกุล
1. Megaspore Mother Call
2. Megaspore
3. Polar Nuclei
4. Endosperm
29. ช่ วงระยะแกมีโทไฟต์ ของพืชดอกที่ เจริญเต็มที่
แกมีโทไฟต์ เพศผู้และเพศเมียมีนิวเคลียสจํานวนเท่ าใด
แกมีโทไฟต์ เพศผู้ แกมีโทไฟต์ เพศเมีย
1. 2 7
2. 2 8
3. 3 7
4. 3 8
30. Sperm cell ตัวหนึ่งไปผสมกับ Polar nuclei ใน
Embryo sac ผลทีไ่ ด้ ทาํ ให้ เกิด
1. Endosperm มีจํานวน Chromosome =2n
2. Endosperm มีจํานวน Chromosome =3n
3. Embryo มีจํานวน Chromsome = 2n
4. Embryo มีจํานวน Chromsome = 3n
31. Double fertilization ในพืชดอกนั้นเกิดจาก
1. Sperm nucleus 1 อัน ไปรวมกับ Polar nuclei 2 อัน
2. Sperm nuclei 2 อัน จาก 1 Pollen ไปรวมกับ Egg
3. Pollen ไปตกบน Stigma และ Sperm nucleus ไป
รวมกับ Egg
4. Sperm nucleus อันหนึ่งรวมกับ Egg อีกอันหนึ่งไป
รวมกับ Polar nuclei
32. การงอกของหลอดละอองเรณูไปยังรังไข่ ของ
พืชดอกเป็ นการตอบสนองต่ อสิ่ งเร้ าในข้ อใด
1. แรงดึงดูดของโลก
2. สารเคมีบางอย่ าง
3.ความชื้นจากนํา้
4. ไข่ ซึ่งพร้ อมที่จะผสม
33. ในถุงเอมบริโอของพืช เซลล์ จะเกีย่ วข้ องกับ
การปฏิสนธิคอื
1. เซลล์ ไข่
2. เซลล์ ที่มโี พลานิวเคลียส
3. ทั้งเซลล์ ไข่ และเซลล์ ที่มโี พลานิวเคลียส
4. เซลล์ ที่อยู่ตรงข้ ามกับไมโครไพล์
34. ส่ วนของถั่วลิสงต้ ม ข้ าว และมะพร้ าว ทีน่ ํามา
รับประทาน เป็ นโครงสร้ างใดตามลําดับ
1. ผล เมล็ด เนือ้ ผล
2. ใบเลีย้ ง ผล เมล็ด
3. เมล็ด เอนโดเสปอร์ ม เอนโดสเปอร์ ม
4. เอนโดสเปอร์ ม ใบเลีย้ ง ใบเลีย้ ง
35. การเจริญของผลมะพร้ าวในข้ อใดถูกต้ อง
ก. จาวมะพร้ าวคือใบเลีย้ ง
ข. กะลาและเปลือกมะพร้ าวเจริญมาจากอินเทกิวเมนต์
ค. นํา้ มะพร้ าวเจริญมาจากแอมบริโอ
ง. เนือ้ มะพร้ าวเจริญมาจากเอนโดสเปิ ร์ ม
1. ก ข 2. ข ค
3. ก ง 4. ค ง
จาวมะพร้ าว

เนือ้ มะพร้ าว

mesocarp
exocarp
endocarp
36. ส่ วนของผลมะพร้ าวทีม่ โี ครโมโซม 3n คือ
1. เนือ้ มะพร้ าว
2. จาวมะพร้ าว
3. กะลามะพร้ าว
4. เปลือกมะพร้ าว
37. ผลของการปฏิสนธิซ้อนในพืช ทําให้ เกิดสิ่ งใด
1. เยือ่ สะสมอาหารและส่ วนทีจ่ ะเจริญให้ ต้น กล้ า
2. ถุงเอ็มบริโอและเยือ่ สะสมอาหารสํ าหรับ การเจริญเติบโต
ของเอ็มบริโอ
3. เอ็มบริโอและใบสะสมอาหารสํ าหรับการ เจริญเติบโต
ของเอ็มบริโอ
4. ผลและเมล็ดเพือ่ เจริญงอกไปเป็ นต้ น
38. พืชชนิดที่ 1 มีดอกเป็ นดอกเดีย่ ว มีรังไข่ แบบ apocarpous หลายอัน
พืชชนิดที่ 2 มีดอกเป็ นดอกช่ อ ดอกย่ อย แต่ ละดอกมีรังไข่ เดียว
เมือ่ เกิดการผสมเกสร และมีการเจริญของผลเกิดขึน้ ผลในตัวเลือกใด
ทีเ่ ป็ นผลของพืชทั้งสองชนิดนี้
1. พืชชนิดที่ 1 มีผลเป็ นผลกลุ่ม พืชชนิดที่ 2 มีผลเป็ นผลกลุ่ม
2. พืชชนิดที่ 2 มีผลเป็ นผลเดีย่ ว พืชชนิดที่ 2 มีผลเป็ นผลเดีย่ ว
3. พืชชนิดที่ 1 มีผลเป็ นผลเดีย่ ว พืชชนิดที่ 2 มีผลเป็ นผลกลุ่ม
4. พืชชนิดที่ 1 มีผลเป็ นผลกลุ่ม พืชชนิดที่ 2 มีผลเป็ นผลเดีย่ ว
รังไข่ แบบ apocarpous
มีเกสรเพศเมีย
แยกอิสระ
39. ผลในตัวเลือกใดที่เจริญมาจาก epigynous flower
1. มะเขือ, ลําไย, พริก, ลองกอง
2. ชมพู่,ฝรั่ง,แตงกวา,มังคุด
3. ชมพู่,มะเขือ,แตงกวา,พริก
4. มังคุด,ลิน้ จี่,แตงโม,ฝรั่ง
epigynous flower
ดอกทีร่ ังไข่ อยู่ใต้ ฐานรอง
ดอก ( Inferior ovary )
เช่ น ดอก ฝรั่ง ชมพู่
ฟักทอง แตงกวา
บวบ มังคุด
40. จงพิจารณาเซลล์ ทกี่ าํ หนดให้ ต่อไปนี้
ก. megaspore mother cell ข. microspore
ค. pollen ง. endosperm
จ. oogonium ฉ. primary oocyte
ช. seconday spermatocyte ซ. spermattid
จากเซลล์ ทกี่ าํ หนดให้ ด้านบนเซลล์ ทมี่ จี าํ นวนโครโมโซมหนึ่งชุด
(n) มีท้งั หมดกีข่ ้ อ
1. 4 ข้ อ 2. 5 ข้ อ
3. 6 ข้ อ 4. 7 ข้ อ
41. ข้ อใดหมายถึงการเพาะเลีย้ งเนือ้ เยือ่ พืช
1. การนําส่ วนกิง่ ของต้ นชบามาปักชําลงบนดินทีป่ ราศจากเชื้อโรค
2. การใช้ ส่วนตากกล้ วยไม้ มาเลีย้ งอาหารสั งเคราะห์ ในสภาพปลอดเชื้อ
3. การนําต้ นอ่ อนของผักกาดมาปลูกเลีย้ งในสารละลายแร่ ธาตุ
4. การนําส่ วนของตากุหลาบไปติดกับต้ นดอกกุหลาบพันธุ์ป่า
42. ข้ อใดทีพ่ บว่ ามีกระบวนการแบ่ งนิวเคลียสแบบไมโอซิส
A. ไมโครสปอไรไซต์ สร้ างไมโครสปอร์
B. การสร้ างสเปิ ร์ มของละอองเรณู
C. สปอร์ งอกเป็ นสปอโรไฟต์
D. เมกะสปอร์ เจริญเป็ นถุงเอ็มบริโอ
1. A 2. B
3. A C 4. B D
43. เซลล์ ในโครงสร้ างใดต่ อไปนีข้ องพืชดอกทีม่ กี ารแบ่ งเซลล์ แบบ
ไมโทซิส
1. เซลล์ ในออวุล (Ovule) ขณะมีการพัฒนาเพือ่ สร้ างไข่ (Egg)
2. เซลล์ ของไมโครสปอร์ (Microspore) ขณะพัฒนาเป็ นเรณู (Pollen)
3. เซลล์ ในอับเรณู (Pollen Sac) ทีจ่ ะพัฒนาเป็ นไมโครสปอร์ (Microspore)
4. เซลล์ ในรังไข่ (Ovary) ขณะมีการพัฒนาเพือ่ สร้ างแอนติโพดอล
(Antipodal)
ละอองเรณู (pollen grain) หรือ แกมีโทไฟต์ เพศผู้ (male gametophyte)
44. ดอกไม้ ชนิดใดมีฐานดอกร่ วม (Commom
Receptacle)
1. ดอกบัว
2. ดอกดาวเรือง
3. ดอกการเวก
ฐานดอกร่ วม
4.ดอกจามจุรี
ฐานดอกร่ วม
45. ข้ อใดเป็ นดอกช่ อ
1. ดอกมะลิ 1 ดอก
2. ดอกมะเขือ 1ดอก
3. ดอกมะม่ วง 1 ดอก
4. ดอกทานตะวัน 1 ดอก
46. ผลของพืชทีเ่ กิดจากดอกเดีย่ วทีม่ หี ลายรังไข่ จัดเป็ น
ประเภทใด
1. ผลเดีย่ วหลายผลบนกิง่
2. ผลกลุ่มทีอ่ ยู่รวมกันเป็ นผลเดียว
3. ผลรวมทีอ่ ยุ่รวมกันเป็ นผลเดียว
4. ผลกลุ่มทีอ่ ยู่รวมกันเป็ นผลเดียว หรือแยกเป็ นหลายผลบนกิง่
ผลกล่ มุ (aggregate fruit)
ผลกล่ มุ (aggregate fruit)
คือ ผลทีเ่ กิดจากรังไข่ หลายรังไข่ หรือกลุ่มของรังไข่ ในดอก
เดียวกันของดอกเดีย่ ว รังไข่ แต่ ละอันจะกลายเป็ นผลย่ อย
หนึ่งผล โดยลักษณะของดอกทีจ่ ะกลายเป็ นผลกลุ่มนั้น จะ
เป็ นดอก 1 ดอกและมีรังไข่ หลายอัน เช่ น ผลน้ อยหน่ า
สตรอเบอรี ผลกระดังงา การะเวก นมแมว จําปี จําปา
47. พืชข้ อใดต่ อไปนีท้ จี่ ัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน
1. ทุเรียน น้ อยหน่ า สั บปะรด
2. มะม่ วง เงาะ ลิน้ จี่
3. ขนุน ลูกยอ หม่ อน
4. มะม่ วง มะพร้ าว ลูกยอ
ผลรวม ( multiple fruit)
ผลรวม ( multiple fruit)
คือ ผลทีเ่ กิดจากรังไข่ ของดอกแต่ ละดอกของดอกช่ อ
เชื่อมรวมกันแน่ น รังไข่ เหล่ านีจ้ ะกลายเป็ นผลย่ อยๆ
เชื่อมรวมกันแน่ นจนคล้ ายเป็ นผลเดีย่ ว เช่ น
ผลสั บปะรด ขนุน สาเก ยอ หม่ อน มะเดือ่ แบล็คเบอรี่
48. โครงสร้ างใดทีท่ าํ หน้ าทีส่ ะสมอาหารเพือ่ เลีย้ งเอ็มบริโอ
ก. นํา้ มะพร้ าว ข. เนือ้ มะพร้ าว
ค. นํา้ มะเขือเทศ ง. เนือ้ ทีน่ ํา้ ของส้ ม
1. ก และ ข
2. ข และ ค
3. ค และ ง
4. ก และ ง

You might also like