Professional Documents
Culture Documents
Roof Truss โครงถักหลังคา
Roof Truss โครงถักหลังคา
( ) ( ) ( )
)
o rd (
Top ch
Bottom chord ( )
รูปแบบของโครงถัก
รูปแบบโครงถักที่มักนิยมนามาใช้เป็นโครงหลังคาในประเทศไทยมีดังนี้
โครงถักแบบโฮว์ (Howe Truss) จันทันเอียงเป็นจั่วสองข้างเท่ากัน ขื่ออยู่ในแนวราบ มีท่อนยึดดิ่ง
ระยะห่างเท่ากัน และมีท่อนยึดทแยงเอียงลงเข้าหากึ่งกลางช่วง โดยมีรูปร่างตามช่วงความยาวที่
เพิ่มขึ้นดังในรูป
โครงถักแบบโฮว์ยกระดับ มักนิยมในโครงหลังคาช่วงยาวเช่นในโรงงานหรือโกดังเก็บสินค้า
การวางแปบนโครงถัก
การวางแปซึ่งรับน้าหนักบรรทุกจากวัสดุมุงหลังคา บนจันทันของโครงถักจะวางตรงกับจุดต่อเพื่อให้
แรงภายในโครงถักมีเฉพาะแรงตามแนวแกนตามสมมุติฐานในการวิเคราะห์
L
x
center of
gravity
D x x
y
B
y y’
x
a
D x’ x’
x
t
L
y’ y
E
Butt Joint
4-Bolts Cleat
Rafter or
steel frame
t
Jo i n
Lap Broad Flange
2-Bolts Cleat
Broad Flange
Bolt at Rafter or
End of Lap steel frame
Narrow Flange
ความยาวของวัสดุมุงเป็นปัจจัยสาคัญในการกาหนดระยะห่างของแปซึ่งจะต้องสั้นกว่าโดยเผื่อ
ระยะวาดพาดตามความลาดเอียงของหลังคา เช่น วัสดุมุงคือ กระเบื้องลอนคู่ ยาวแผ่นละ 1.20
เมตร หลังคาเอียงทามุม 15o ระยะช่อง (Panel) ของโครงถัก 1.00 เมตร จะได้ระยะห่างในแนวเอียง
ของแปเท่ากับ 1.00/cos 15o = 1.04 เมตร ดังแสดงในรูป
m
1.04
m
1. 0 4
15o
1.00 m 1.00 m
Y X DH =
holes dia.
B
2T 2T
T T
Tmax Tmax
3T q
R
3T
R
เหล็กเส้นกันแอ่นจะถูกยึดกับแปโดยทาเกลียวที่ปลายแล้วขันน๊อตยึด ดังนั้นในแต่ละช่วงจึง
ต้องเบี่ยงหลบกันเพื่อให้สามารถทาการติดตั้งขันเกลียวได้
TRUSS
PURLIN
S/2
S
SAG ROD
S/2
TRUSS
SECONDARY TRUSS
G
C IN
A
BR
BR
AC
IN
G
PRIMARY TRUSS
แบบหลังคาโครงถัก
จะประกอบด้วย แบบแปลน แบบด้านหน้า แบบด้านข้าง ซึ่งแสดงตาแหน่งและช่วงความยาวโครงถัก
หลัก โครงถักรอง องค์อาคารยึดรั้ง และ แป แบบขยายโครงถักหลัก โครงถักรอง และแบบขยายจุด
ต่อต่างๆ
Bracing Purlins
T2 T2 T2 T2 T2
T1
T1
T1
T1
T1
T1
T2 T2 T2 T2 T2
T2 T2 T2 T2 T2
T2 T2
TRUSS T1
Fixed Roller
Support Support
T1 T1 T1 T1 T1 T1
T2 T2 T2 T2 T2
T2 T2 T2 T2 T2
. . .