Professional Documents
Culture Documents
55) 1
23 Apr 2016
2. ถ้ า 𝑆 เป็ นเซตของจานวนนับ 𝑛 ซึง่ ค.ร.น. ของ 720 และ 𝑛 มีคา่ เท่ากับ 10800
แล้ วสมาชิกของ 𝑆 ที่มีคา่ น้ อยที่สดุ มีคา่ เท่ากับเท่าใด
5. ผลบวกของคาตอบทังหมดของสมการ
้ 3𝑥 + 32−𝑥 = 4√3 มีคา่ เท่ากับเท่าใด
2 10
7. ในการกระจาย (𝑥 2 +
𝑥3
) โดยใช้ ทฤษฎีบททวินาม จะได้ วา่ พจน์คา่ คงตัวมีคา่ เท่ากับเท่าใด
8. ในการสอบวิชาประวัตศิ าสตร์ มีการสอบ 5 ครัง้ โดยที่อาจารย์ผ้ สู อนให้ น ้าหนักของผลการสอบครัง้ สุดท้ ายเป็ นสอง
เท่าของผลการสอบครัง้ อื่น ในการสอบสีค่ รัง้ แรก เด็กชายพลูสอบได้ คะแนนเฉลีย่ 86 เปอร์ เซ็นต์ ถ้ าเขาต้ องการผล
การสอบวิชานี ้เป็ น 90 เปอร์ เซ็นต์แล้ วเขาจะต้ องได้ คะแนนในการสอบครัง้ ที่ 5 เท่ากับกี่เปอร์ เซ็นต์
2
10. 6𝑥|𝑥 − 2| 𝑑𝑥 มีคา่ เท่ากับเท่าใด
0
2
√3 1
12. ถ้ า 𝑧 เป็ นจานวนเชิงซ้ อนซึง่ มี Im(𝑧) > 0 และสอดคล้ องกับสมการ (𝑧 + 2
) = −4
แล้ ว 𝑧 8 เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
√3 1 √3 1 1
1. − 2
−2 i 2. − 2
+2 i 3. 2
1 √3 1 √3
4. −2 − 2
i 5. −2 + 2
i
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ (ม.ค. 55) 5
14. กาหนดให้ 𝑢⃗ และ 𝑣 เป็ นเวกเตอร์ สามมิตซิ งึ่ ทามุมป้านต่อกัน และพื ้นที่ของรูปสีเ่ หลีย่ มด้ านขนานทีม่ ีด้านประกอบ
มุมเป็ น 𝑢⃗ และ 𝑣 มีคา่ เท่ากับ 3 ตารางหน่วย ถ้ า 𝑢⃗ และ 𝑣 มีขนาด 1 และ 5 หน่วย ตามลาดับแล้ ว
(2𝑢⃗ + 𝑣 ) ∙ (𝑢⃗ − 𝑣 ) มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. −27 2. −19 3. 0
4. 19 5. 27
15. กาหนดให้ H เป็ นไฮเพอร์ โบลาซึง่ มีสมการเป็ น 9𝑥 2 − 72𝑥 − 16𝑦 2 − 32𝑦 = 16 ถ้ า E เป็ นวงรี ซงึ่ มีจดุ ยอด
1
อยูท่ ี่จดุ โฟกัสของ H และมีความเยื ้องศูนย์กลางเท่ากับ √5 แล้ ว E คือสมการในข้ อใดต่อไปนี ้
(𝑥−4)2 (𝑦+1)2 (𝑥+4)2 (𝑦−1)2 (𝑥−4)2 (𝑦+1)2
1. 25
+ 16
= 1 2. 25
+ 16
= 1 3. 25
+ 20
= 1
(𝑥+4)2 (𝑦−1)2 (𝑥−4)2 (𝑦+1)2
4. 25
+ 20
= 1 5. 16
+ 9
= 1
6 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ (ม.ค. 55)
16. กาหนดให้ รูปสามเหลีย่ ม ABC มีมมุ A และมุม B เป็ นมุมแหลม ถ้ า cos 2A + 3 cos 2B = −2
และ cos A − √2 cos B = 0 แล้ ว cos C มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. 15 (√3 − √2) 2. 15 (√3 + √2) 3. 15 (2√3 − √2)
4. 15 (√2 + 2√3) 5. 15 (2√2 − √3)
20. ในการจัดเด็ก 7 คนซึง่ มีอายุ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ขวบ นัง่ เก้ าอี ้ 7 ตัวซึง่ ติดหมายเลข 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 โดย
กาหนดให้ เด็กที่จะนัง่ เก้ าอี ้หมายเลข 𝑘 ต้ องมีอายุมากกว่าหรื อเท่ากับ 𝑘 − 1 ขวบ จะมีจานวนวิธีในการจัดเท่ากับ
ข้ อใดต่อไปนี ้
1. 32 2. 60 3. 64
4. 120 5. 128
21. ข้ อมูลชุดหนึง่ เป็ นคะแนนจากการสอบวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรี ยนกลุม่ หนึง่ ถ้ าเพิ่มคะแนนให้ นกั เรี ยนทุกคนๆละ 3
คะแนน แล้ วจะทาให้ คา่ สถิตใิ นข้ อใดต่อไปนี ้มีคา่ ลดลง
1. ส่วนเบี่ยงเบนเฉลีย่ ของคะแนน 2. สัมประสิทธิ์ของพิสยั ของคะแนน
3. ค่าเฉลีย่ เลขคณิตของคะแนน 4. ค่ามัธยฐานของคะแนน
5. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนน
8 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ (ม.ค. 55)
23. พาราโบลารูปหนึง่ มีแกนสมมาตรขนานกับแกน Y มีจดุ ยอดอยูท่ จี่ ดุ (3, 9) และผ่านจุด (1, 5) บริ เวณที่ปิดล้ อม
ด้ วยพาราโบลารูปนี ้ และแกน X มีพื ้นที่เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. 9 ตารางหน่วย 2. 18 ตารางหน่วย 3. 27 ตารางหน่วย
4. 36 ตารางหน่วย 5. 54 ตารางหน่วย
24. กาหนดให้ 𝑔 เป็ นฟั งก์ชนั พหุนามซึง่ มีจดุ (2, −1) เป็ นจุดตา่ สุดสัมพัทธ์ และกราฟของ 𝑔 ผ่านจุด (1, 4)
ถ้ า 𝑐 เป็ นค่าคงตัวที่ทาให้ ฟังก์ชนั 𝑓 นิยามโดย 𝑓(𝑥) = {(𝑐𝑥 + 1)𝑔(𝑥) เมื่อ 𝑥 ≥ 1
2
2𝑥 + 10 เมื่อ 𝑥 < 1
ต่อเนื่องทีจ่ ดุ 𝑥 = 1 แล้ ว 𝑓 ′ (2) มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. −8 2. −4 3. 0
4. 4 5. 8
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ (ม.ค. 55) 9
25. ถ้ า 𝑎𝑛 = {
𝑛 เมื่อ 𝑛 เป็ นจานวนคี่ แล้ ว 40
𝑎𝑘 มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
2𝑛 เมื่อ 𝑛 เป็ นจานวนคู่ k 1
1. 860 2. 1060 3. 1080
4. 1240 5. 1440
𝑎 1−𝑎 1 0
26. ถ้ า 𝐴 = [1 + 𝑎 −𝑎
] เมื่อ 𝑎 เป็ นจานวนจริ งและ I = [
0 1
]
แล้ ว det(𝐴 − √2 I)(𝐴 − √3 I)(𝐴 − √5 I)(𝐴 − √7 I) มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. 48 − 13𝑎 2. (𝑎 − √2)(𝑎 − √3)(𝑎 − √5)(𝑎 − √7)
3. 17𝑎 4. 17
5. 48
𝑥2 𝑦2
27. กาหนดให้ 𝐸𝑛 เป็ นวงรี ที่มีสมการเป็ น 2
𝑎𝑛
+ 𝑏2 = 1 โดยที่ 𝑎𝑛 = 2𝑏𝑛 ≥ 0 ถ้ า 𝑎1 = 2 และ จุดยอดของ
𝑛
วงรี 𝐸𝑛 เป็ นจุดโฟกัสของวงรี 𝐸𝑛−1 ทุก 𝑛 ≥ 2 แล้ ว 𝑎𝑛 มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
n 1
1. 6 + 4√3 2. 8 + 4√3 3. 10 + 4√3
4. 15 5. 17
10 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ (ม.ค. 55)
𝑎 𝑏
30. กาหนดให้ 𝑀 = {[ ] | 𝑎, 𝑏, 𝑐, 𝑑 ∈ {−1, 0, 1}}
𝑐 𝑑
ถ้ าสุม่ เลือกเมทริ กซ์ หนึง่ เมทริ กซ์จากเซต 𝑀 แล้ ว ความน่าจะเป็ นทีจ่ ะได้ เมทริกซ์ที่มีอินเวอร์ สการคูณมีคา่ เท่ากับข้ อ
ใดต่อไปนี ้
1. 24
81
2. 31
81
3. 33
81
48 50
4. 81
5. 81
วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ (ม.ค. 55) 11
เฉลย
1. 6 7. 3360 13. 1 19. 3 25. 4
2. 675 8. 98 14. 2 20. 3 26. 5
3. 9 9. 3 15. 3 21. 2 27. 2
4. 3 10. 8 16. 3 22. 1 28. 3
5. 2 11. 1 17. 5 23. 4 29. 4
6. 2 12. 5 18. 2 24. 1 30. 4
แนวคิด
4. 3
A(1,–4 ,–3) วาดได้ ดงั รูป
ชิด OC
จะได้ cos 𝜃 = ฉาก = OA ดังนัน้ OC = OA cos 𝜃
7. 3360
𝑟 𝑟 𝑥 20−2𝑟
จะได้ แต่พจน์ต้องอยูใ่ นรูป (𝑛𝑟)𝑎𝑛−𝑟 𝑏𝑟 = (10𝑟)(𝑥 2)10−𝑟 (𝑥23) = (10𝑟) ∙ 𝑥 20−2𝑟 ∙ 𝑥23𝑟 = 2𝑟 (10
𝑟
)∙ 𝑥 3𝑟
ในพจน์ที่เป็ นค่าคงตัว 𝑥 จะต้ องตัดกันหมดไป นัน่ คือ 20 − 2𝑟 = 3𝑟 จะแก้ ได้ 𝑟 = 4
10∙9∙8∙7
แทนค่า 𝑟 จะได้ พจน์คา่ คงตัว คือ 24 (104
) = 16 ∙ 4∙3∙2∙1 = 3360
8. 98
ให้ การสอบทัง้ 5 ครัง้ ได้ คะแนน 𝑥1 , 𝑥2 , 𝑥3 , 𝑥4 , 𝑥5 เปอร์ เซ็นต์ ตามลาดับ
𝑥 +𝑥 +𝑥 +𝑥
4 ครัง้ แรก มีคา่ เฉลีย่ = 86% ดังนัน้ 1 2 4 3 4 = 86 จะได้ 𝑥1 + 𝑥2 + 𝑥3 + 𝑥4 = 344 …(∗)
ถ้ าให้ น ้าหนักชอง 4 ครัง้ แรก = 𝑤 จะได้ น ้าหนักของครัง้ ที่ 5 คือ 2𝑤
𝑤(𝑥1 +𝑥2 +𝑥3 +𝑥4 +2𝑥5 )
จะได้ คา่ เฉลีย่ แบบถ่วงน ้าหนัก = 𝑤𝑥1+𝑤𝑥 2 +𝑤𝑥3 +𝑤𝑥4 +2𝑤𝑥5
𝑤+𝑤+𝑤+𝑤+2𝑤
= 6𝑤
𝑥 +𝑥 +𝑥 +𝑥 +2𝑥
= 1 2 63 4 5
344+2𝑥5
= 6
344+2𝑥5 540−344
แต่ต้องการผลสอบ 90% ดังนัน้ 6
= 90 แก้ สมการ จะได้ 𝑥5 = 2
= 98
11. 1
เนื่องจาก 𝑥 − 1 , 𝑥 − 2 และ 𝑥 − 3 หาร 𝑃(𝑥) เหลือเศษ 1 และ 𝑃(𝑥) มีดีกรี 3
ดังนัน้ 𝑃(𝑥) = 𝑘(𝑥 − 1)(𝑥 − 2)(𝑥 − 3) + 1 …(∗) เมื่อ 𝑘 เป็ นตัวเลขอะไรก็ได้
และจากทฤษฎีเศษ ถ้ า 𝑥 − 4 หาร 𝑃(𝑥) ลงตัว จะได้ 𝑃(4) = 0
แทน 𝑥 = 4 ใน (∗) จะได้ 𝑃(4) = 𝑘(4 − 1)(4 − 2)(4 − 3) + 1
0 = 6𝑘 + 1
1
−6 = 𝑘
แทน 𝑘 = − 16 และ 𝑥 = 5 ใน (∗) จะได้ 1
𝑃(5) = − 6 (5 − 1)(5 − 2)(5 − 3) + 1 = −4 + 1 = −3
12 วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ (ม.ค. 55)
20. 3
เริ่ มจากคนที่ 7 เลือกได้ 2 แบบ (6, 7) ; คนที่ 6 เลือกได้ 5, 6, 7 แต่ต้องไม่ซ ้ากับที่คนที่ 7 เลือก → เหลือ 2 แบบ
คนที่ 5 เลือกได้ 4, 5, 6, 7 แต่ต้องไม่ซ ้ากับที่คนที่ 6 กับ 7 เลือก → เหลือ 2 แบบ เหมือนกัน
ทุกคน จะเลือกได้ 2 แบบ ยกเว้ นคนแรก เลือกไม่ได้ เหลือตัวไหนต้ องนัง่ ตัวนัน้ → 2 × 2 × 2 × 2 × 2 × 2 × 1
23. 4
แกนสมมาตรขนานแกน Y → แสดงว่าเป็ นพาราโบลาแบบคว่า-หงาย
โจทย์ถามพื ้นที่ที่ปิดล้ อมด้ วยพาราโบลาและแกน X → ต้ องอินทิเกรต
เพื่อให้ อินทีเกรตได้ งา่ ย จะใช้ สมการพาราโบลาในรูป 𝑦 = 𝑎(𝑥 − ℎ)2 + 𝑘
โจทย์ให้ จดุ ยอด = (3, 9) → จะได้ ℎ = 3 และ 𝑘 = 9 แทนในสมการกราฟ จะได้ 𝑦 = 𝑎(𝑥 − 3)2 + 9 …(∗)
จากกราฟผ่านจุด (1, 5) → แปลว่าแทน 𝑥 = 1 , 𝑦 = 5 จะได้ สมการเป็ นจริ ง : 5 = 𝑎(1 − 3)2 + 9
−4 = 𝑎(−2)2
−4 = 𝑎( 4 )
−1 = 𝑎
แทน 𝑎 = −1 ใน (∗) จะได้ สมการกราฟคือ 𝑦 = −(𝑥 − 3)2 + 9
= −(𝑥 − 3)2 + 9
= −(𝑥 2 − 6𝑥 + 9) + 9
= −𝑥 2 + 6𝑥 − 9 + 9
= −𝑥 2 + 6𝑥
หาพื ้นที่ที่ปิดล้ อมกับแกน X → หาจุดทีก่ ราฟตัดแกน X → แทน 𝑦 = 0 : 0 = −𝑥 2 + 6𝑥
0 = −𝑥(𝑥 − 6)
𝑥=0, 6
จะได้ พาราโบลาตัดแกน X ที่ 0 และ 6
6
ดังนัน้ พื ้นที่ = −𝑥 2 + 6𝑥 𝑑𝑥
0
6
𝑥3 6𝑥 2 𝑥3 6 63 03
= − 3
+ 2
𝑑𝑥 = − 3
+ 3𝑥 2 | = (− 3
+ 3(62 )) − (− 3
+ 3(02 ))
0 0
= −72 + 108 − 0 = 36
29. 4
มัธยฐาน จะอยูต่ วั ที่ 91+12
= 46 แต่ข้อนี ้ ต้ องรู้ ก่อนว่า 𝑎1 , 𝑎2 , 𝑎3 , … , 𝑎91 ไม่ได้ เรี ยงจากน้ อยไปมาก
ดังนัน้ มัธยฐาน จะไม่ใช่ 𝑎46 แต่เราต้ องเรียงข้ อมูลจากน้ อยไปมาก แล้ วหาว่าตัวที่ 46 มีคา่ เท่าไร
ถ้ าใช้ สตู รที่โจทย์ให้ จะได้ พจน์คู่ 𝑎2 , 𝑎4 , 𝑎6, … คือ 2, 4, 6, 8, 10, …
พจน์คี่ 𝑎1 , 𝑎3 , 𝑎5, … คือ 7, 15, 23, …
เราจะเอาพจน์คแู่ ละพจน์คี่ มาเรียงลาดับ จะเห็นว่า ทุกๆ 4 ตัวของพจน์คู่ จะเสียบพจน์คี่ระหว่างตัวที่ 3 กับ 4 ได้ เสมอ
พจน์คู่ : 2 , 4 , 6 , 8 , 10 , 12 , 14 , 16 , 18 , 20 , 22 , 24 , 26 , …
พจน์คี่ : 7 15 23
เครดิต
ขอบคุณ คุณ Runma Runkung ที่ช่วยตรวจสอบคาตอบนะครับ