Professional Documents
Culture Documents
คํานํา
กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวจึงได้จัดทําคู่มือการจัดการความปลอดภัย
โรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมที่มีฝุ่นระเบิดได้ใช้เป็นแนวทาง
ปฏิบัติเพื่อให้เกิดความปลอดภัย รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการกํากับดูแลและให้
คําปรึกษาแก่โรงงานอุตสาหกรรมเพื่อให้ประกอบกิจการโรงงานด้วยความปลอดภัย คู่มือการจัดการความ
ปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้เล่มนี้ ประกอบด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวกับ ชนิดของฝุ่นระเบิดได้ ทฤษฎีและ
สภาวะที่ทําให้เกิดการระเบิดของฝุ่น รวมถึงมาตรการป้องกันการระเบิดของฝุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ
ควบคุมฝุ่นและการกําจัดแหล่งจุดติดไฟ
กรมโรงงานอุตสาหกรรม
พ.ศ. 2553
กิตติกรรมประกาศ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณสํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ที่ช่วยประสานงานและอํานวยความ
สะดวกต่าง ๆ อย่างดียิ่ง กรมโรงงานอุตสาหกรรมขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
กรมโรงงานอุตสาหกรรม
พ.ศ. 2553
คณะทํางาน
ที่ปรึกษา
นายประพัฒน์ วนาพิทักษ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม
นายอุฤทธิ์ ศรีหนองโคตร รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม
นายประสงค์ นรจิตร์ ผู้อํานวยการสํานักเทคโนโลยีความปลอดภัย
คณะกรรมการประสานและรับมอบงาน
นางสาวรัตนา รักษ์ตระกูล สํานักเทคโนโลยีความปลอดภัย
นายประสาท รักพาณิชสิริ สํานักเทคโนโลยีความปลอดภัย
นางสาวอิสราภรณ์ วิจิตรจรรยากุล สํานักเทคโนโลยีความปลอดภัย
นายศุภวัฒน์ ธาดาจารุมงคล สํานักเทคโนโลยีความปลอดภัย
นางสาวปิยะพร เธียรเจริญ สํานักเทคโนโลยีความปลอดภัย
คณะผู้จัดทํา
รศ. วิชัย พฤกษ์ธาราธิกูล ภาควิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
มหาวิทยาลัยมหิดล
รศ. ดร. เฉลิมชัย ชัยกิตติภรณ์ ภาควิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
มหาวิทยาลัยมหิดล
รศ. ดร. วันทนี พันธุ์ประสิทธิ์ ภาควิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
มหาวิทยาลัยมหิดล
นางสาวสมรัก อ่องศรี ภาควิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
มหาวิทยาลัยมหิดล
นางสาวอินทิพร ทิพย์เนตร ภาควิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
มหาวิทยาลัยมหิดล
นางสาวพนิตนาฏ จักรเพชร ภาควิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
มหาวิทยาลัยมหิดล
นายสิทธิพงษ์ พยุงเกียรติบวร บริษัท ไทยสตีมเซอร์วิส แอนด์ ซัพพลาย จํากัด
สารบัญ
หน้า
บทที่ 1 สถานการณ์การระเบิดของฝุ่น 1
1.1 สถานการณ์และสถิติการระเบิดของฝุ่นในประเทศและต่างประเทศ 1
1.2 กรณีศึกษาการเกิดอุบัติเหตุจากการระเบิดของฝุ่น 3
กรณีที่ 1 โรงงานผลิตแป้งมันสําปะหลัง เกิดการระเบิดจากฝุ่นแป้ง 3
กรณีที่ 2 โรงงานทําเฟอร์นิเจอร์ไม้ เกิดการระเบิดจากฝุ่นไม้ที่ถุงกรองฝุ่น 8
บทที่ 2 ทฤษฎีการระเบิดของฝุ่น 12
2.1 คําจํากัดความ (Definitions) 12
2.2 องค์ประกอบและลักษณะการระเบิดของฝุ่น 15
2.3 ชนิดของฝุ่นระเบิดได้ 24
2.4 ประเภทโรงงานอุตสาหกรรมที่อาจมีฝ่นุ ระเบิดได้ 31
บทที่ 3 การประเมินอันตรายการระเบิดของฝุ่น 34
3.1 องค์ประกอบที่หนึ่ง เชื้อเพลิง (ฝุ่น) 36
3.2 องค์ประกอบที่สอง การฟุ้งกระจายของฝุ่น 39
3.3 องค์ประกอบที่สาม ขอบเขตหมอกฝุ่น 41
3.4 องค์ประกอบที่สี่ ออกซิเจน 42
3.5 องค์ประกอบที่ห้า แหล่งจุดติดไฟ 42
บทที่ 4 มาตรการป้องกันอันตรายจากการระเบิดของฝุ่น 45
4.1 ข้อกําหนดทั่วไป (General) 45
4.2 การออกแบบเชิงปฏิบัติ (Performance-Based Design Option) 48
4.3 การออกแบบระบบและสิ่งอํานวยความสะดวก (Facility and System Design) 49
4.4 อุปกรณ์กระบวนการผลิต (Process Equipment) 55
4.5 การควบคุมฝุ่นที่ฟ้งุ กระจายและการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบ 74
เรียบร้อย (Fugitive Dust Control and Housekeeping)
4.6 แหล่งจุดติดไฟ (Ignition Sources) 75
4.7 การป้องกันอัคคีภัย (Fire Protection) 81
4.8 การฝึกอบรมและขั้นตอนการปฏิบัติงาน (Training and Procedures) 84
4.9 การตรวจสอบและการซ่อมบํารุง (Inspection and Maintenance) 86
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
บทที่ 5 การจัดการความปลอดภัยโรงงานผลิตแป้งมันสําปะหลัง 88
5.1 กระบวนการผลิตแป้งมันสําปะหลัง 88
5.2 การประเมินจุดเสี่ยง 89
5.3 มาตรการความปลอดภัย 94
บทที่ 6 การจัดการความปลอดภัยโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ 103
6.1 กระบวนการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ 103
6.2 การประเมินจุดเสี่ยง 104
6.3 มาตรการความปลอดภัย 106
บทที่ 7 การจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง 111
7.1 กระบวนการใช้ การขนถ่าย การเก็บ และการลําเลียงถ่านหิน 111
7.2 การประเมินจุดเสี่ยง 112
7.3 มาตรการความปลอดภัย 116
บทที่ 8 กฎหมายและมาตรฐานเกี่ยวกับฝุ่นระเบิด 123
8.1 กฎหมายในประเทศและต่างประเทศ 123
8.2 มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง 126
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก.
ภาคผนวก ข.
ภาคผนวก ค.
ภาคผนวก ง.
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางที่ 1.1 แสดงสถิติการระเบิดของฝุ่นในประเทศสหรัฐอเมริกา 1
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 – พ.ศ. 2548
ตารางที่ 1.2 แสดงสถิติการระเบิดของฝุ่นในประเทศเยอรมนี 2
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 – พ.ศ. 2523
ตารางที่ 1.3 แสดงสถิติการระเบิดของฝุ่นในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 – พ.ศ. 2552 3
ตารางที่ 2.1 แสดงอุณหภูมิที่จุดติดไฟของฝุ่นชนิดต่าง ๆ แยกตามลักษณะว่าเป็นกองฝุ่นอยู่ 18
หรือเป็นหมอกฝุ่น
ตารางที่ 2.2 การจัดกลุ่มฝุ่นที่สามารถระเบิดได้ 21
ตารางที่ 2.3 แสดงการเปรียบเทียบค่าปัจจัยทีม่ ีผลต่อการระเบิดระหว่างฝุ่นแป้งชนิดต่าง ๆ 22
และฝุ่นอะลูมิเนียม
ตารางที่ 2.4 แสดงชนิดฝุ่นระเบิดได้ และประเภทโรงงานอุตสาหกรรมที่อาจมีฝ่นุ ระเบิดได้ 32
ตารางที่ 3.1 แสดงสถิติการเกิดอุบัติเหตุฝ่นุ ระเบิดที่เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ในสหรัฐอเมริกา 41
อังกฤษและเยอรมนี
ตารางที่ 4.1 เกณฑ์แนะนําการจําแนกพื้นที่ทางไฟฟ้า 54
ตารางที่ 5.1 แสดงจุดเสี่ยงและองค์ประกอบของห้าเหลี่ยมของการระเบิดในกระบวนการ 93
อบแป้งมันสําปะหลัง
ตารางที่ 5.2 แสดงจุดเสี่ยง ลักษณะการเกิดอันตราย สาเหตุการเกิดอันตราย และมาตรการ 95
ความปลอดภัย
ตารางที่ 6.1 แสดงจุดเสี่ยงและองค์ประกอบของห้าเหลี่ยมของการระเบิดของฝุ่นใน 106
กระบวนการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้
ตารางที่ 6.2 แสดงจุดเสี่ยง ลักษณะการเกิดอันตราย สาเหตุการเกิดอันตรายและมาตรการ 107
ความปลอดภัย
ตารางที่ 7.1 แสดงจุดเสี่ยงและองค์ประกอบของห้าเหลี่ยมการระเบิดของฝุ่นในกระบวนการ 114
ใช้ การขนถ่าย การเก็บ และการลําเลียงถ่านหิน
ตารางที่ 7.2 แสดงจุดเสี่ยง ลักษณะการเกิดอันตราย สาเหตุการเกิดอันตราย และมาตรการ 116
ความปลอดภัย
สารบัญรูป
หน้า
รูปที่ 1.1 แสดงกระบวนการอบแป้งมันสําปะหลัง 5
รูปที่ 1.2 แสดงอาคารโรงงาน บริเวณไซโคลนเย็น และห้องบรรจุแป้งเสียหาย 6
จากการระเบิด
รูปที่ 1.3 แสดงจุดที่มีไฟไหม้ท้งั ไส้กรองอากาศและท่อใต้ไซโคลนร้อน 7
รูปที่ 1.4 แสดงอุปกรณ์ที่เกิดการระเบิดครั้งที่ 2 8
รูปที่ 1.5 แสดงความเสียหายของไซโลเก็บฝุ่นไม้ 9
รูปที่ 1.6 แสดงการปริแตกของไซโลเก็บฝุ่นไม้ 9
รูปที่ 1.7 แสดงจุดติดตั้งมอเตอร์พัดลมเป่าถุงกรอง 10
รูปที่ 1.8 แสดงถุงกรองฝุ่นที่ถูกไฟไหม้ 10
รูปที่ 1.9 แสดงรอยไหม้ท่อดูดฝุ่นจากเครื่อง Sander Machine 10
รูปที่ 1.10 แสดงรอยไหม้จากท่อดูดฝุ่นจาก Sander Machine 10
รูปที่ 2.1 แสดงห้าเหลี่ยมของการระเบิดของฝุ่น 15
รูปที่ 2.2 แสดงการเปรียบเทียบช่วงความเข้มข้นของฝุ่นแป้งข้าวโพด 17
รูปที่ 2.3 แสดงค่าความดันอากาศเมื่อเกิดการระเบิดภายในพื้นที่ปิดที่ความเข้มข้นของ 21
ฝุ่นค่าหนึ่ง
รูปที่ 2.4 แสดงการเกิดระเบิดครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 23
รูปที่ 2.5 แสดงปรากฏการณ์การระเบิดของฝุ่นที่กองอยู่ที่พ้ืน 23
รูปที่ 3.1 องค์ประกอบการระเบิดของฝุ่น 34
รูปที่ 3.2 แสดงการประเมินความเสี่ยงการระเบิดของฝุ่น 35
รูปที่ 3.3 แสดงแหล่งจุดติดไฟ 42
รูปที่ 4.1 แสดงการทํางานการติดตั้งอุปกรณ์ระบายการระเบิดแบบ Deflagration 56
รูปที่ 4.2 แสดงโช๊คสกรูลําเลียง 57
รูปที่ 4.3 แสดงโรตารี่วาล์ว 58
รูปที่ 4.4 แสดงการเคลื่อนของการระเบิดแบบ Deflagration โดยใช้อุปกรณ์แยกเชิงกล 58
รูปที่ 4.5 แสดงการเคลื่อนของการระเบิดแบบ Deflagration โดยใช้การเบี่ยงเบนเปลวไฟ 58
รูปที่ 4.6 แสดงการเคลื่อนของการระเบิดแบบ Deflagration โดยใช้การกั้นแยกด้วย 59
สารเคมี
รูปที่ 4.7 เครื่องแยกด้วยลม 76
สารบัญรูป (ต่อ)
หน้า
รูปที่ 4.8 เครื่องแยกด้วยแม่เหล็ก 76
รูปที่ 4.9 แสดงการเชื่อมไซโล ทําให้เกิดการระเบิดของฝุ่น 79
รูปที่ 5.1 แสดงกระบวนการผลิตแป้งมันสําปะหลังชนิดมาตรฐาน โดยเส้นประแสดงถึง 89
กระบวนการที่สามารถเกิดการระเบิดของฝุ่นได้
รูปที่ 5.2 แสดงกระบวนการอบแป้งมันสําปะหลังโดยแถบสีส้มแสดงบริเวณความเข้มข้น 91
ฝุ่นอยู่ในช่วงระเบิดได้
รูปที่ 5.3 แสดงจุดติดตั้งประตูหรือแผงระบายการระเบิดแบบ Deflagration ที่ท่ออบแป้ง 99
ไซโคลนร้อน ไซโคลนเย็น ไซโล และ Bag House
รูปที่ 5.4 แสดงการติดตั้งเกทวาล์วความเร็วสูงพร้อมอุปกรณ์ตรวจจับความดันหรือแสง 100
รูปที่ 6.1 แสดงกระบวนการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ โดยเส้นประแสดงถึงกระบวนการที่ 104
สามารถเกิดการระเบิดของฝุ่นได้
รูปที่ 6.2 แสดงการติดตั้งเกทวาล์วความเร็วสูงพร้อมอุปกรณ์ตรวจจับความดันหรือแสง 108
รูปที่ 6.3 แสดงการติดตั้งแผงระบายการระเบิดแบบ Deflagration 108
รูปที่ 7.1 แสดงกระบวนการขนถ่าย การลําเลียง การเก็บ และการใช้ถ่านหิน 112
โดยเส้นประแสดงถึงกระบวนการที่สามารถเกิดฝุ่นระเบิดได้
รูปที่ 7.2 แสดงการติดตั้งประตูหรือแผงระบายการระเบิดแบบ Deflagration 119
รูปที่ 7.3 แสดงอุปกรณ์ระงับการระเบิด 119
รูปที่ 7.4 แสดงวาล์วความเร็วสูง 119
รูป ก.4.1 กราฟแสดงความดัน-เวลาของการระเบิด ก-2
รูป ก.4.2 แสดงแผงระบายการระเบิด ก-3
รูป ก.4.4 แสดงอุปกรณ์ดักเก็บฝุ่นที่ติดตั้งแผงระบาย ก-3
รูป ก.5.1 (a) ลําดับของการระงับการระเบิดแบบ Deflagration ของแป้งในภาชนะขนาด ก-5
35 ลูกบาศก์ฟุต
รูป ก.5.1 (b) กราฟความดันและเวลา ก-5
รูป ก.5.2 แสดงระบบระงับการระเบิดของเครื่องดักฝุ่น ก-6
รูป ก.6.1 แสดงการกั้นแยกด้วยวาล์วเปิดปิดความเร็วสูง ก-8
รูป ก.6.2 แสดงการจัดเรียงการทํางานของการกั้นแยกทางเคมี ก-8
รูป ข.1.1.1 แสดงอุปกรณ์ตรวจจับประกายไฟและประตูระบายทิ้ง ข-1
สารบัญรูป (ต่อ)
หน้า
รูป ข.1.1.2 แสดงระบบตรวจจับประกายไฟและดับไฟ ข-2
รูป ข.1.2.1 แสดงคลื่นพลังงานของไม้โอ๊คติดไฟและเปลวไฟน้ํามัน เปรียบเทียบกับ ข-3
ช่วงคลื่นที่อุปกรณ์ตรวจจับประกายไฟ/วัสดุติดไฟ มีความไวในการตรวจจับได้
รูป ข.2.1 ระบบตรวจจับประกายไฟขั้นต่ํา ข-5
รูป ข.2.4 ระบบตรวจจับประกายไฟและดับไฟสําหรับอุปกรณ์แยกอากาศ-วัสดุ ข-6
รูป ค.1 แสดงการลุกลามของแรงระเบิดเมื่อไม่มีการแยกออกจากกัน ค-1
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
บทที่ 1
สถานการณ์การระเบิดของฝุน่
1.1 สถานการณ์และสถิติการระเบิดของฝุ่นในประเทศและต่างประเทศ
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2328 เป็นต้นมา มีรายงานสถิติการระเบิดของฝุ่นในต่างประเทศ ทั้งในสหรัฐอเมริกา
ยุโรป และแอฟริกา โดย Abbasi and Abbasi ได้ทําการรวบรวมข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากการ
ระเบิดของฝุ่นในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2328 – พ.ศ. 2522 พบว่ามีการระเบิดจากฝุ่น จํานวน 42 ครั้ง มี
ผู้เสียชีวิต จํานวน 411 คน ผู้บาดเจ็บ จํานวน 2,346 คน เป็นการระเบิดจากฝุ่นแป้งเป็นส่วนใหญ่ จํานวน
19 ครั้ง รองลงมาคือ การระเบิดจากฝุ่นกํามะถัน จํานวน 9 ครั้ง ที่เหลือเป็นการระเบิดของฝุ่นเรซิน ผงดํา
(Black powder) ฝุ่นซิลิกอน และฝุ่นอะลูมิเนียม โดยโรงงานที่เกิดการระเบิดของฝุ่นจะเป็นโรงงานทําขนมปัง
โรงงานผลิตแป้ง โรงงานผลิตอาหารสัตว์ โรงงานผลิตปูนซิเมนต์ โรงงานหล่อโลหะ โรงงานผลิตไฟฟ้า
และเหมืองแร่ สําหรับจุดที่เกิดเหตุส่วนใหญ่ ได้แก่ ไซโล อุปกรณ์ลําเลียง ถังบรรจุ เครื่องบด เครื่องผสม
เตาอบ และเตาเผา เป็นต้น
1
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
2
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
1.2 กรณีศึกษาการเกิดอุบัติเหตุจากการระเบิดของฝุ่น
จากรายงานข้อมูล การเกิดอุบัติเ หตุจ ากการระเบิดของฝุ่น ในประเทศไทย ที่สํานัก เทคโนโลยี
ความปลอดภัย กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้สอบสวนหาสาเหตุอุบัติเหตุจากการระเบิดของฝุ่น 2 กรณี
โดยแต่ละกรณีมีรายละเอียดดังนี้
ข้อมูลทั่วไป
โรงงานที่เกิดอุบัติเหตุเป็นโรงงานผลิตแป้งมันสําปะหลังชนิดมาตรฐาน (Native Starch) มีกําลัง
การผลิ ต 250 ตั น แป้ ง แห้ ง /วั น โรงงานจะเดิ น เครื่ อ งจั ก รต่ อ เนื่ อ ง 24 ชั่ ว โมง วั ต ถุ ดิ บ ที่ ใ ช้ เ ป็ น หั ว มั น
สําปะหลังสด โดยกระบวนการผลิตจะเป็นการนําหัวมันสดมาบดหยาบ บดละเอียด แยกกากมันออกจากน้ํา
แป้ง ทําน้ําแป้งให้ข้น แยกแป้งออกจากน้ําด้วยเครื่องเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง จากนั้นนําแป้งหมาดที่ได้มาทํา
การอบแห้ง แล้วบรรจุ
3
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ข้อมูลเฉพาะ
แป้งมันสําปะหลัง องค์กรอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (OSHA: Occupational Safety and Health
Administration) สมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติ (NFPA: National Fire Protection Association) กําหนดให้
เป็นฝุ่นสันดาปได้ และอาจเกิดการระเบิดได้ ถ้าเป็นฝุ่นแป้งมันสําปะหลังที่มีขนาดเล็กกว่า 420 µm มีความ
เข้มข้นมากกว่า 125 g/m3 (Echoff 2003) และมีอุณหภูมิต่ําสุดที่จุดติดไฟ เท่ากับ 290๐C (กองฝุ่น) แต่ถ้าเป็น
หมอกฝุ่น อุณหภูมิต่ําสุดที่จุดติดไฟ เท่ากับ 450๐C (BARTEC)
จากรูป ที่ 1.1 การอบแป้งจะเริ่มจากแป้ง หมาดที่มีความชื้น 32-36% ถูกป้อนออกจากเครื่อง
สลัดแห้ง หมายเลข 1 แล้วส่งเข้าไปสลิงเกอร์ หมายเลข 2 ที่จะทําหน้าที่ตีแป้งให้แตกตัว จากนั้นความร้อน
จากชุดแลกเปลี่ยนความร้อน หมายเลข 4 ก็จะถูกส่งเข้ามายังสลิงเกอร์ เพื่อพัดพาเอาแป้งที่มีความชื้นสูง
ลอยขึ้นไปด้านบนตามท่ออบแป้ง หมายเลข 6 ที่ความสูงเหนือสลิงเกอร์ 2-4 เมตร จะมีความชื้นลดเหลือ
12-13% แป้งจะถูกส่งไปยังไซโคลนร้อน หมายเลข 7 จํานวน 6 ลูก โดยทางออกด้านบนของไซโคลนร้อน
จะมีพัดลมดูดเอาความชื้นและฝุ่นแป้งบางส่วนออกไป ไซโคลนร้อน 2 ลูก ด้านล่างจะต่อรวมกัน แล้ว
มีโรตารี่วาล์ว หมายเลข 8 สําหรับส่งแป้งลงไปข้างล่าง ดังนั้น ไซโคลนร้อน 6 ลูกจึงมีโรตารี่วาล์ว 3 ชุด
แป้งที่ตกลงมาจากโรตารี่วาล์วจะมาเข้าท่อส่งแป้ง หมายเลข 12 จากไซโคลนร้อนไปยังไซโคลนเย็น
หมายเลข 13 โดยใช้พัดลมดูดอากาศ ชุดไซโคลนเย็น หมายเลข 15 โรงงานแห่งนี้มีไซโคลนเย็นขนาด
เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.50 เมตร จํานวน 4 ลูก ทางออกด้านล่างของไซโคลนเย็นทั้ง 2 ลูก จะต่อรวมกัน
แล้วส่งแป้งไปยังตะแกรงร่อน หมายเลข 17 ใต้ตะแกรงร่อนจะมีไซโลเก็บแป้ง หมายเลข 18 แล้วส่งไป
ยังหัวบรรจุแป้ง หมายเลข 19 ต่อไป
4
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
5
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
การเกิดเหตุ
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2552 เวลาประมาณ 00.45 น. กระบวนการผลิตทํางานปกติ หลังจาก
การเปลี่ยนกะได้ 45 นาที ผู้ปฏิบัติงานได้ยินเสียงระเบิดขึ้น 2 ครั้ง ห่างกันเล็กน้อย โดยครั้งแรกเกิดขึ้นที่
ไส้กรองอากาศท่อลมเย็นที่อยู่ใต้ไซโคลนร้อน จากนั้นได้ยินเสียงระเบิดครั้งที่ 2 ที่ไซโคลนเย็นที่อยู่เหนือ
ห้องบรรจุแป้ง
ความเสียหายที่เกิดขึ้น
ผู้ปฏิบัติงานได้รับบาดเจ็บและหยุดงานเกิน 3 วัน จํานวน 3 คน โดยผู้ปฏิบัติงานที่ทําหน้าที่ควบคุม
ชุดอบแป้ง ได้รับบาดเจ็บจากไฟลวกใบหน้า แขนทั้งสองข้าง และหลัง ผู้ปฏิบัติงานที่ทําหน้าที่ปล่อยแป้งที่
ทํางานในห้องบรรจุแป้ง ซึ่งอยู่ใต้ไซโคลนเย็น ได้รับบาดเจ็บจากไฟลวกบริเวณใบหน้า แขนทั้งสองข้างและ
ด้านหลัง นอกจากนั้นยังตกจากที่สูง ทําให้ขาซ้ายหัก และผู้ปฏิบัติงานที่ทําหน้าที่บรรจุแป้ง ซึ่งทํางานใน
ห้องบรรจุแป้ง ได้รับบาดเจ็บจากไฟลวกบริเวณแขนซ้าย
ทรัพย์สินเสียหายกว่า 8 ล้านบาท อาคารโรงงานส่วนที่เสียหาย ได้แก่ ผนัง หลังคา บริเวณชุด
ไซโคลนเย็น และห้องบรรจุแป้ง ดังแสดงในรูปที่ 1.2 ส่วนเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เสียหายมาก ได้แก่
ไซโคลนเย็นทั้ง 4 ลูกขาดกลาง ท่อส่งแป้งระหว่างไซโคลนร้อนไปยังไซโคลนเย็น ขาดออกจากกัน ท่อ
ระบายอากาศจากไซโคลนเย็นกับพัดลมดูดอากาศขาดออกจากกัน
ข้อสันนิษฐานการเกิดเหตุ
การระเบิดของฝุ่นในครั้งนี้ มีการระเบิดต่อเนื่อง 2 ครั้ง ดังนี้
การเกิ ด ระเบิ ด ครั้ ง ที่ 1 ระเบิ ด ที่ ท่ อ อบแป้ ง หรื อ ชุ ด ไซโคลนร้ อ น ความเสี ย หายส่ ว นนี้ ไ ม่ ม าก
เนื่องจากความดันที่เกิดการระเบิดถูกระบายออกที่ประตูระบายการระเบิด (Deflagration Vent Door) ที่
ติดตั้งไว้ที่ท่ออบแป้ง สาเหตุที่ทําให้เกิดการระเบิด สันนิษฐานไว้ 2 กรณี
กรณีที่ 1 ในกรณีแป้งขาดรางเนื่องจากแป้งหมาดมีความชื้นสูงหรือแป้งเปียกมาก แป้งจะ
จับตัวเป็นก้อน และตกค้างสะสมอยู่ใต้สลิงเกอร์ เมื่อแป้งกองสะสมอยู่ได้รับความร้อนจากลมร้อนที่มี
6
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
7
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ผู้ปฏิบัติงานควบคุมชุดอบแป้งได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้ นอกจากนั้นความดันจากการระเบิดยังไปถึงไซโล
เก็บแป้งใต้เครื่องร่อนแป้ง และหัวบรรจุแป้ง ซึ่งจุดนี้ผ้ปู ฏิบัติงานได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้อีก 2 คน
แสดงด้านล่างของไซโคลนเย็นที่ฉีกขาด
ข้อมูลทั่วไป
โรงงานที่เกิดเหตุเป็นโรงงานทําเครื่องเรือน เครื่องใช้ในบ้านเรือน ไม้ประสานและไม้พาเลท ตั้งอยู่
ในจังหวัดชลบุรี การประกอบกิจการมีการใช้วัตถุดิบสําคัญคือ ไม้ยางพารา เครื่องจักรที่ใช้มีท้ังเลื่อยวงเดือน
เลื่อยสายพาน เครื่องไสไม้ เครื่องซอยไม้และเครื่องขัดกระดาษทราย
8
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
ข้อมูลเฉพาะ
การทําเฟอร์นิเจอร์ไม้ จะเริ่มจากการคัดขนาดไม้ แล้วนําไม้มาตัดซอยให้ได้ขนาด ไสไม้ให้มีความหนา
ตามต้องการ บางงานจะมีการตัดไม้ เจาะ – เซาะ ร่องไม้ ขัดกระดาษทรายเพื่อให้ผิวเรียบ ทุกขั้นตอน
เหล่านี้จะก่อให้เกิดฝุ่น มีท้งั ฝุ่นขนาดใหญ่และฝุ่นขนาดเล็ก ส่วนขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นการทาหรือพ่นสี ทั้งสี
รองพื้นและสีจริง จะมีปัญหาเกี่ยวกับสารเคมีโดยเฉพาะตัวทําละลาย จุดที่ก่อให้เกิดฝุ่นทางโรงงานจะมี
ระบบดูดอากาศแล้วมาผ่านระบบดักฝุ่นแบบถุงกรอง ด้านล่างจะมีไซโลเก็บฝุ่น ขนาดฝุ่นจะใหญ่หรือเล็ก
ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทํา จุดที่จะมีขนาดฝุ่นค่อนข้างเล็กคือ เครื่องขัดกระดาษทราย
ขนาดฝุ่นไม้ที่มีความเสี่ยงต่อการระเบิดของฝุ่นคือ 420 µm หรือเล็กกว่า ตาม NFPA 654 ความ
เข้มข้นต่ําสุดที่จะทําให้ฝุ่นระเบิดได้คือ 60 g/m3 (Echoff) และอุณหภูมิจุดติดไฟกรณีเป็นหมอกฝุ่น 400 oC
หรือกองฝุ่นเท่ากับ 300 oC ตาม BARTEC 330GmbH เยอรมนี
ความเสียหายที่เกิดขึ้น
• ผู้ปฏิบัติงานได้รับบาดเจ็บ 9 คน ลักษณะการบาดเจ็บคือ ถูกความร้อนจากเปลวไฟ
• ทรัพย์สินเสียหาย ประมาณ 200,000 บาท โดยเฉพาะที่ถุงกรองฝุ่นและไซโลเก็บฝุ่น เครื่องจักร
ในการผลิตไม่เสียหาย ท่อดูดอากาศเข้าถุงกรองและท่อดูดอากาศภายในโรงงานบางส่วนมีรอยไฟไหม้ แต่
ไม่มากนัก ยังใช้งานได้ รายละเอียดดังแสดงในรูปที่ 1.5 และรูปที่ 1.6
การเกิดเหตุ
โรงงานแบ่งการทํางานเป็น 2 กะคือ เวลา 08.00 – 17.00 น. และเวลา 17.40 - 02.00 น. ขณะ
เกิดเหตุเวลา 17.40 น. หลังจากการเปลี่ยนกะเล็กน้อย ผู้ปฏิบัติงานที่ทํางานในกระบวนการผลิต ได้แจ้งว่า
9
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
10
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
ข้อสันนิษฐานการเกิดเหตุ
เนื่องจากสภาพภายในห้องเก็บฝุ่นไม้และขี้เลื่อย จะมีท้งั ฝุ่นขนาดใหญ่และขนาดเล็ก โดยที่ฝุ่นขนาด
ใหญ่จะตกลงมาข้างล่าง ส่วนฝุ่นขนาดเล็กจะลอยขึ้นไปข้างบน แต่มีถุงกรองฝุ่นดักไว้ เมื่อฝุ่นในถุงดักฝุ่นตัน
ก็จะมีพัดลมเป่าให้ถุงสั่นเพื่อให้ฝุ่นตกลงมาโดยจะมีการสลับกันทํางานเป็นช่อง ๆ ไป ดังนั้นส่วนนี้อาจจะมี
ฝุ่นขนาดเล็กแขวนลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งอยู่ในช่วงความเข้มข้นต่ําสุดที่ระเบิดได้ (MEC) จากนั้นเมื่อมีความ
ร้อนหรือประกายไฟที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 260๐C เข้ามาก็จะทําให้เกิดการระเบิดของฝุ่นไม้ได้ ข้อสันนิษฐาน
ในการเกิดประกายไฟหรือความร้อน พอสรุปได้ดังนี้
1. เกิดจากความร้อนจากการขัดของเครื่องขัดกระดาษทราย (Sanding Machine) ทําให้มีอุณหภูมิ
สูง ซึ่งความร้อนจะถูกส่งไปยังฝุ่นที่ค้างในท่อ ทําให้ฝุ่นที่สะสมในท่อด้านบนเกิดการลุกไหม้ ความร้อนจาก
จุดนี้เองถูกพัดลมดูดเข้าไปยังไซโลเก็บฝุ่นไม้และขี้เลื่อย จุดสังเกต ท่อดูดฝุ่นเหนือเครื่องขัดกระดาษทรายมี
รอยไหม้ยาว 5 – 6 เมตร
2. เกิดจากไฟฟ้าสถิตขณะที่ฝุ่นไม้เคลื่อนที่ในท่อ ทําให้เกิดการลุกไหม้แล้วถูกพัดลมดูดอากาศ
ดูดความร้อนหรือประกายไฟจากฝุ่นไม้ เข้าไปยังไซโลเก็บฝุ่นไม้และขี้เลื่อย ข้อสังเกต ระบบท่อดูดฝุ่นไม่มี
การต่อฝาก (Bonding) ระหว่างหน้าแปลนของท่อดูดอากาศ รวมทั้งทางโรงงานไม่มีการต่อลงดิน (Grounding)
3. เกิดจากความร้อนหรือประกายไฟของมอเตอร์พัดลมเป่าทําความสะอาดถุงกรอง ที่อยู่ในไซโล
เก็บฝุ่นไม้และขี้เลื่อย เนื่องจากมอเตอร์ไม่ใช่เป็นชนิดทนการระเบิด (Explosion Proof) จึงทําให้เกิดความ
ร้อนสะสมสูงพอให้ฝ่นุ ลุกไหม้ แล้วมีฝ่นุ ละเอียดรั่วจากถุงกรองออกมาทําให้เกิดการระเบิดได้
11
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
บทที่ 2
ทฤษฎีการระเบิดของฝุ่น
12
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
13
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
14
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
2.2 องค์ประกอบและลักษณะการระเบิดของฝุ่น
วัสดุที่มาจากสิ่งมีชีวิตที่เป็นของแข็ง โลหะ และวัสดุที่ไม่ใช่โลหะ ซึ่งสามารถลุกไหม้ได้ถ้ามีขนาด
เล็ก ๆ และฟุ้งกระจายในอากาศด้วยความเข้มข้นที่เหมาะสม เมื่อเกิดความร้อนหรือประกายไฟก็สามารถ
เกิ ด การระเบิ ด ได้ ทฤษฎี ก ารระเบิ ด ของฝุ่ น มาจากทฤษฎี พื้ น ฐานของการเกิ ด ไฟ ที่ เ ราเรี ย กว่ า ทฤษฎี
สามเหลี่ยมของไฟประกอบด้วยเชื้อเพลิง แหล่งกําเนิดความร้อนและออกซิเจน แต่เพิ่มการฟุ้งกระจายของ
เชื้อเพลิง (ฝุ่น) และขอบเขตของหมอกฝุ่น ดังนั้นองค์ประกอบของการระเบิดของฝุ่นมี 5 องค์ประกอบ
เรียกว่า ห้าเหลี่ยมของการระเบิดของฝุ่น (The Dust Explosion Pentagon) ดังแสดงในรูปที่ 2.1
1. เชื้อเพลิง (ฝุ่น)
4. การฟุ้งกระจายของฝุ่น 5. ขอบเขตของหมอกฝุ่น
2. ออกซิเจน 3. แหล่งจุดติดไฟ
15
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
16
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
17
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
18
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
19
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
20
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
Pmax
ความดันจากการระเบิด dP
dt max
เวลา
21
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
2.2.3 ลักษณะการระเบิดของฝุ่น
การระเบิดของฝุ่นมีโอกาสเกิดทั้งในพื้นที่จํากัดและพื้นที่ไม่จํากัด นอกจากนั้น เมื่อมีการ
ระเบิดของฝุ่นแล้วอาจมีการเกิดการระเบิดครั้งที่สอง หรือครั้งต่อ ๆ ไปได้อีก
การระเบิดทั้งของก๊าซและฝุ่นในที่จํากัด จะรุนแรงมากกว่าการระเบิดในที่โล่ง เช่น การ
ระเบิดในท่อ ในภาชนะ หรือในอาคาร จะทําให้มีความดันสูงถึง 100 KPa แต่ถ้าเป็นที่โล่งจะเกิดความดัน
เพียง 2-3 KPa
การระเบิดของฝุ่นเกิดได้กับอนุภาคขนาดเล็กที่ติดไฟได้ จากรายงานของ Echoff ได้แสดง
การเพิ่มขึ้นของอัตราการเปลี่ยนแปลงความดันเทียบกับเวลาของแป้งมันฝรั่งและแป้งข้าวโพด จาก 200
เป็น 500 bar.m/s เมื่อพื้นที่ผิวของแป้งเพิ่มขึ้น หรือขนาดอนุภาคเล็กลง Bartdnecht ได้แสดงการลดขนาด
ของอนุภาคของโพลีเอทิลีนจาก 300 เป็น 100 µm ก่อให้เกิดอัตราการเปลี่ยนแปลงความดันเทียบกับเวลา
จาก 10 เป็น 170 bar.m/s ขนาดของอนุภาคกับความรุนแรงของการระเบิดจะเปลี่ยนแปลงตามชนิดของ
อนุภาคด้วย
22
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
23
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
2.3 ชนิดของฝุ่นระเบิดได้
จากการศึกษาชนิดของฝุ่นระเบิดได้ทั้งในสหรัฐอเมริกา โดย OSHA (Occupational Safety and
Health Administration), NFPA (National Fire Protection Association), CSB (The US Chemical Safety and
Hazard Investigation Board) และ U.S. Department of Agriculture และการศึกษาในเยอรมนี โดย Beck
พบว่าการกําหนดถึงลักษณะหรือสมบัติของฝุ่นระเบิดได้ ของ OSHA และ NFPA ค่อนข้างละเอียด ซึ่งอาจมี
ข้อมูลบางส่วนซ้ํากันบ้าง แต่ไม่มากนัก การกําหนดถึงลักษณะหรือสมบัติของฝุ่นระเบิดได้ของแต่ละ
หน่วยงานมีรายละเอียดดังนี้
24
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
25
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
26
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
27
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
28
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
29
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
30
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
2.4 ประเภทโรงงานอุตสาหกรรมที่อาจมีฝุ่นระเบิดได้
จากการศึกษาข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุจากการระเบิดของฝุ่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
และการศึกษาชนิดของฝุ่นระเบิดได้ในสหรัฐอเมริกา เช่น OSHA NFPA CSB และ U.S. Department of
Agriculture รวมถึงการสอบถามจากผู้มีประสบการณ์ เช่น พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เคยตรวจสอบโรงงานที่มี
การระเบิดของฝุ่น และผู้ประกอบกิจการโรงงาน มาประกอบการพิจารณา จึงสามารถแบ่งประเภทโรงงาน
อุตสาหกรรมต่าง ๆ ภายในประเทศที่อาจมีฝ่นุ ระเบิดได้ โดยแบ่งตามลําดับที่ ประเภทหรือชนิดของโรงงาน
ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง พ.ศ. 2535 ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ดังแสดงใน
ตารางที่ 2.4
31
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ชนิด
ลําดับที่ ประเภทหรือชนิดของโรงงาน
ฝุ่นระเบิดได้
9 โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับเมล็ดพืช หรือหัวพืช อย่างใดอย่างหนึ่ง แป้ง
หรือหลายอย่างดังต่อไปนี้
9(2) โรงงานผลิตแป้ง
เฉพาะโรงงานที่ผลิตหรือใช้ถ่านหิน
50(3) การทําเชื้อเพลิงก้อนหรือสําเร็จรูปจากถ่านหินหรือลิกไนต์ที่แต่งแล้ว ถ่านหิน
102 โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตหรือจ่ายไอน้ํา เฉพาะที่ใช้ถ่านหิน
เป็นเชื้อเพลิง
- โรงงานอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง
เฉพาะที่มีการเก็บในไซโล
2(5) การเก็บรักษาหรือลําเลียงพืช เมล็ดพืช หรือผลิตผลจากพืชในไซโล โกดัง ธัญพืช
หรือคลังสินค้า
7(1) การสกัดน้ํามันจากพืช ฯ
15(1) การทําอาหารผสมหรืออาหารสําเร็จรูปสําหรับเลี้ยงสัตว์
15(2) การป่นหรือบดพืช เมล็ดพืช ฯ
19(1) การทํา ป่น หรือบดมอลค์
19(2) การทําเบียร์
34(1) การเลื่อย ไส ซอย เซาะร่องหรือการแปรรูปไม้ ฯ ไม้
34(2) การทําวงกบ ขอบประตู ฯ
34(3) การทําไม้วีเนียร์ หรือไม้อัดทุกชนิด
37 โรงงานผลิตเครื่องเรือนหรือเครื่องตบแต่งภายในอาคารจากไม้ ฯ
11(3) การทําน้ําตาลทรายดิบหรือน้ําตาลทรายขาว น้ําตาลทราย
11(4) การทําน้ําตาลทรายดิบหรือน้ําตาลทรายขาวให้บริสุทธิ์
11(5) การทําน้ําตาลก้อนหรือน้ําตาลผง
7(5) การทําเนยเทียม ครีมเทียม หรือน้ํามันผสมสําหรับปรุงอาหาร อาหาร
59 โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการถลุง หลอม หล่อ รีด ดึง หรือผลิต โลหะ
เหล็กหรือเหล็กกล้าขั้นต้น (Iron and Steel Basic Industries)
- โรงงานที่มีการใช้โลหะทีม่ ีลกั ษณะเป็นผง เช่น Aluminium, Chromium,
Iron, Magnesium, Manganese, Tantalum, Tin, Titanium และ Vanadium
32
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
ชนิด
ลําดับที่ ประเภทหรือชนิดของโรงงาน
ฝุ่นระเบิดได้
44 โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตยางเรซินสังเคราะห์ ยางอีลาสโต พลาสติก
เมอร์ พลาสติกหรือเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งมิใช่ใยแก้ว
53(5) การทําพลาสติกเป็นเม็ด แท่ง ท่อ หลอด แผ่น ชิ้น ผง หรือรูปทรงต่าง ๆ
- โรงงานทําพลาสติกหรือเรซินที่เป็นผง เช่น Acrylic resins, Cellulosic
resins, Nylon resins, Polycarbonate resins, Polyethylene resins,
Polymethylene resins, Polypropylene resins, Rayon resins, Styrene
resins, Vinyl resins, Epoxy resins, Phenolic resins, Polyester resins และ
Polyurethane resins เป็นต้น
22(2) โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับสิ่งทอ ด้าย หรือเส้นใยฯ การทอหรือการ ฝุ่น, เส้นใยผ้า
เตรียมเส้นด้ายยืนสําหรับการทอ
24 โรงงานถักผ้า ผ้าลูกไม้หรือเครื่องนุ่งห่มด้วยด้ายหรือเส้นใยฯ
38(2) โรงงานผลิตเยื่อหรือกระดาษ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ได้แก่ กระดาษ
การทํากระดาษ กระดาษแข็ง หรือกระดาษที่ใช้ในการก่อสร้างชนิดที่ทํา
จากเส้นใย (Fiber) หรือแผ่นกระดาษไฟเบอร์
46 โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับยา อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ยา
(เฉพาะที่มีการบดหรือทํายาให้เป็นผง)
48(6) โรงงานผลิตคาร์บอนดํา คาร์บอนดํา
51 โรงงานผลิ ต ซ่ อ ม หล่ อ หรื อ หล่ อ ดอกยางนอกหรื อ ยางในสํ า หรั บ ยาง
ยานพาหนะที่เคลื่อนที่ด้วยเครื่องกล คนหรือสัตว์ (เฉพาะโรงงานผลิตยาง
รถยนต์ และผลิตยาง)
106 โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้ว โลหะ,
หรือของเสียจากโรงงาน มาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยผ่าน กระดาษ และ
กรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม พลาสติกเก่า
- เฉพาะโรงงานที่นําโลหะ, กระดาษและพลาสติกเก่ากลับมาใช้ใหม่
หมายเหตุ ลําดับที่ ประเภทหรือชนิดของโรงงานอุตสาหกรรม ตามกฎกระทรวง พ.ศ. 2535
33
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
บทที่ 3
การประเมินอันตรายการระเบิดของฝุน่
(Dust Explosion Hazard Assessment)
การประเมินอันตรายการระเบิดของฝุ่น สามารถทําได้โดยอาศัยทฤษฎีห้าเหลี่ยมของการระเบิด
ของฝุ่นมาเป็นแนวทางในการประเมิน โดยเริ่มพิจารณาตั้งแต่องค์ประกอบที่หนึ่งคือ ชนิดของฝุ่นกับขนาด
ของฝุ่น เพราะถ้าวัสดุที่ใช้เป็นวัสดุที่ไม่สันดาป ฝุ่นที่ได้ก็ไม่สามารถเกิดเป็นฝุ่นระเบิดได้ นอกจากนั้นยังต้อง
คํานึงถึงขนาดของฝุ่นด้วย ส่วนองค์ประกอบที่สอง เกี่ยวข้องกับการฟุ้งกระจายของฝุ่นกับความเข้มข้น
ของฝุ่น ในอากาศ ถ้าฝุ่นไม่ฟุ้งกระจายก็จะเกิดเพีย งการลุกไหม้แต่ไม่ร ะเบิด เช่นเดียวกับความเข้มข้น
ของฝุ่น ถ้าไม่ถึงค่า MEC ก็จะเกิดเพียงแต่การลุกไหม้ แต่ไม่เกิดการระเบิด องค์ประกอบที่สาม เกี่ยวกับ
ขอบเขตของหมอกฝุ่น ซึ่งอาจอยู่ในที่จํากัดหรือภาชนะหรือห้องในอาคารก็ได้หรืออยู่ในที่โล่ง ถ้าขอบเขต
ของหมอกฝุ่นอยู่ในที่จํากัด จะเกิดความรุนแรงของความดันขณะเกิดการระเบิดของฝุ่นมากกว่าการเกิด
การระเบิดในที่โล่ง นอกจากนั้นขอบเขตของหมอกฝุ่นจะทําให้ร้ขู อบเขตของความร้อนที่จะแพร่ขยายออกไป
ด้วย องค์ประกอบที่สี่ ออกซิเจนเป็นองค์ประกอบที่ควบคุมได้ยาก เนื่องจากปริมาณออกซิเจนที่อยู่ใน
อากาศ ก็เพียงพอที่จะก่อให้เกิดการระเบิดของฝุ่นได้
สํ า หรั บ องค์ ป ระกอบที่ ห้ า แหล่ ง จุ ด ติ ด ไฟนั บ เป็ น
องค์ประกอบที่สําคัญมากของการระเบิดของฝุ่น ถ้า
ควบคุ ม ได้ ก็ ไ ม่ เ กิ ด การระเบิ ด ของฝุ่ น เช่ น ถ้ า เรา
สามารถควบคุมไม่ให้มีความร้อนหรือพลังงานถึงจุดที่
ลุกติดไฟได้ของฝุ่น ก็จะไม่เกิดการระเบิด แต่อาจเกิด
ลุกไหม้ ดังแสดงในรูปที่ 3.1
อ ย่ า ง ไ ร ก็ ต า ม ห า ก ส า ม า ร ถ ค ว บ คุ ม
420 µ
องค์ประกอบของการระเบิดของฝุ่น ได้แก่ เชื้อเพลิง
(ชนิดของฝุ่น) ออกซิเจน และแหล่งจุดติดไฟอย่างใด
อย่างหนึ่ง จะสามารถป้องกันได้ท้ังการเกิดเพลิงไหม้
และการระเบิ ด ของฝุ่ น แต่ ถ้ า ควบคุ ม องค์ ป ระกอบ
เกี่ ย วกั บ การฟุ้ ง กระจายของฝุ่ น หรื อ ขอบเขตของ
หมอกฝุ่นจะสามารถป้องกันได้เฉพาะการระเบิดแต่
การเกิดเพลิงไหม้ยังคงมีอยู่ ขั้นตอนการประเมิน
อันตรายการระเบิดของฝุ่นแต่ละองค์ประกอบ ดังแสดง
ในรูปที่ 3.2 มีรายละเอียดดังนี้ รูปที่ 3.1 องค์ประกอบการระเบิดของฝุ่น
34
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
องค์ประกอบ ลําดับขั้นการเกิด ผล
ห้าเหลี่ยมของ
การระเบิดของฝุ่น
ไม่ใช่ ไม่จัดว่าเป็นฝุ่นระเบิดได้
ฝุ่นสันดาปได้
องค์ประกอบที่หนึ่ง ใช่
เชื้อเพลิง ไม่ใช่ ไม่จัดว่าเป็นฝุ่นระเบิดได้
ขนาดฝุ่น < 420 µm
ใช่
มีการฟุ้ง ฝุ่นกองอยู่กับพื้น
ลมหรือ
กระจายของฝุ่น หรือโครงสร้าง
อากาศเป่า
องค์ประกอบที่สอง หนา > 0.8 มม.
การฟุ้งกระจาย ใช่
ของฝุ่น ความเข้มข้นของ
ไม่ใช่ ไม่เกิดการระเบิดของฝุ่น
หมอกฝุ่น > MEC
ใช่
องค์ประกอบที่สี่ ไม่ใช่
ปริมาณ O2 ในอากาศเพียงพอ ไม่เกิดระเบิดหรือไฟไหม้
ออกซิเจน ใช่
เกิดการระเบิดของฝุ่น
35
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
การหาอัตราส่วนพื้นที่ผิวต่อปริมาตรของฝุ่นทรงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 420 µm
2
1. สูตรหาพื้นที่ผิวทรงกลม = 4 πr
2 2
คํานวณหาพื้นที่ผิวทรงกระบอก = 4 π (210) = 544,176.94 (µm)
3
2. สูตรหาปริมาตรทรงกลม = 4 πr
3
= 4 π (210)
3
คํานวณหาปริมาตรทรงกระบอก
3
3
= 38,792,386.08 (µm)
3. สัดส่วนพื้นที่ผิวต่อปริมาตร = 554,176.94 : 38,792,386.08
= 1 : 70
= 0.0143
แสดงว่า ถ้าสัดส่วนพื้นที่ผิวต่อปริมาตรของฝุ่นทรงแบนหรือเป็นเส้นใยยาว มีค่ามากกว่า 1 : 70 (0.0143)
จะจัดว่าเป็นฝุ่นที่ระเบิดได้
36
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
2
= 1,094,059.64 (µm)
2
2. สูตรหาปริมาตรทรงกระบอก = πr h
2
คํานวณหาปริมาตรทรงกระบอก = π (175) 820
3
= 78,893,245.51 (µm)
3. สัดส่วนพื้นที่ผิวต่อปริมาตร = 1,094,059.64 : 78,893,245.51
= 1 : 72
= 0.0138 แสดงว่าไม่จัดเป็นฝุ่นระเบิดได้
700 µm
440 µm
37
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
700 µm
440 µm
38
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
39
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
40
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
41
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
42
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
สําหรับแหล่งจุดติดไฟที่สําคัญมีดังนี้
3.5.1 เปลวไฟ (Flames) ที่เกิดจากการเชื่อม การตัด การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และการสูบ
บุหรี่ เป็นต้น ประกายไฟหรือลูกไฟที่เกิดบางครั้งมีอุณหภูมิสูง หรือมีพลังงานสูง โดยเฉพาะที่เกิดจากการ
เชื่อม ตัด เจียร ทําให้เกิดการลุกไหม้หรือระเบิดได้ แต่ถ้ามีอุณหภูมิไม่สูง เช่น จากลูกไฟจากท่อไอเสีย หรือ
การสูบบุหรี่ จะทําให้ฝุ่นเกิดการลุกไหม้ขนาดเล็ก แล้วขยายตัวจนมีอุณหภูมิสูงหรือพลังงาน เพียงพอที่จะ
ทําให้เกิดการระเบิดของฝุ่นได้
43
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
44
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
บทที่ 4
มาตรการป้องกันอันตรายจากการระเบิดของฝุน่
(Dust Explosion Protection)
เมื่อมีการประเมินอันตรายการระเบิดของฝุ่นแล้วพบว่าการประกอบกิจการโรงงานอาจเกิดการ
ระเบิดของฝุ่นได้ จึงจําเป็นต้องหามาตรการป้องกันอันตรายจากการระเบิดของฝุ่น โดยพิจารณาตั้งแต่
การออกแบบระบบอุปกรณ์ในกระบวนการผลิต และสิ่งอํานวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด
อันตรายจากการระเบิดของฝุ่น โดยเฉพาะระบบลําเลียงวัสดุชนิดต่าง ๆ เช่น ท่อส่งวัสดุ และลิฟต์กะพ้อ
ลําเลียง เป็นต้น และกําหนดมาตรการป้องกันอันตรายจากการระเบิดของฝุ่น เช่น ระบบระบายความดัน
การควบคุมฝุ่นที่ฟ้งุ กระจาย และการรักษาความสะอาด ทั้งเครื่องจักรและพื้นที่ต่าง ๆ ของอาคารการผลิต
การค้นหาแหล่งที่ก่อให้เกิดความร้อนหรือประกายไฟ และจัดฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานและผู้เกี่ยวข้องให้ทราบ
ถึงอันตรายจากการระเบิดของฝุ่น รวมถึงมีการตรวจสอบและการบํารุงรักษาระบบป้องกันอัคคีภัย และ
ระบบป้องกันการระเบิดอย่างถูกต้อง
มาตรการป้องกันอันตรายจากการระเบิดของฝุ่นอ้างอิงจากมาตรฐาน NFPA 654 มาตรฐานสําหรับ
การป้องกันเพลิงไหม้และการระเบิดของฝุ่นจากกระบวนการผลิต การแปรรูปและการเคลื่อนย้ายอนุภาค
ของแข็งสันดาปได้ ปี พ.ศ. 2549 โดยมีรายละเอียดดังนี้
45
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
46
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
(8) วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง
การเขียนแบบแปลนควรมีมาตราส่วนที่ถูกต้องและแสดงรายละเอียดที่จําเป็นครบถ้วน
เกี่ยวกับตําแหน่ง สถานที่ต้งั สิ่งก่อสร้าง ระบบท่อระบาย ปริมาณอากาศ อุณหภูมิ และความดันมาตรฐาน
สําหรับการระบาย แผนภูมิการควบคุมระบบไฟฟ้าและสายไฟฟ้า
47
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
48
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
49
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
50
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
51
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
52
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
53
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
54
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
d
มีเหตุการณ์เกิดฝุ่นรั่วไหลมากกว่า 3 ครั้งต่อปี หรือรั่วไหลต่อเนื่องทําให้เกิดการสะสมฝุ่นที่
ความหนานี้ ใน 24 ชั่วโมง
e
มี ก ารพบว่ า ฝุ่ น ที่ มี ค วามหนาแน่ น ต่ํ าที่ ค วามหนาประมาณ 1/64นิ้ ว จะก่ อ ให้ เ กิ ด การฟุ้ ง
กระจายในแต่ละก้าวเดิน
f
ตัวอย่าง National Electrical Manufacturers Association (NEMA) 12 หรือ ดีกว่า หมายเหตุ:
อุปกรณ์ทั่วไปที่ไม่ก่อให้เกิดความร้อนเช่น กล่องเชื่อมต่อ สามารถทําการผนึกป้องกันการทะลุผ่านของฝุ่น
โดยการอุดด้วยกาวซิลิโคน วิธีนี้สามารถใช้ในพื้นที่ซึ่งมีการปลดปล่อยฝุ่นออกมาในอัตราต่ําและสะสมเป็น
ระยะเวลานาน
g
เป็นเกณฑ์แนะนําสําหรับสถานประกอบการที่มีอยู่ก่อน สําหรับที่ใหม่ให้ใช้การจําแนกพื้นที่
ทางไฟฟ้าต่ําสุดคือ Class II, Division 2
55
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
56
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
57
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
58
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
59
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ก. ในบริเวณที่มีอันตรายของการระเบิด ภาชนะบรรจุชนิดอยู่กับที่ต้องตั้งอยู่
นอกอาคาร
ข. ภาชนะบรรจุชนิดยึดติดกับที่ สามารถตั้งอยู่ในอาคารได้ในกรณีใดกรณีหนึ่ง
ต่อไปนี้
ข.1 ภาชนะบรรจุชนิดยึดติดกับที่ ที่ได้รับการป้องกันตามข้อ 4.4.1.2 (1) ก.
4.4.1.2 (1) ค. 4.4.1.2 (1) ง. 4.4.1.2 (1) จ. หรือ 4.4.1.2 (1) ฉ.
ข.2 ภาชนะบรรจุชนิดยึดติดกับที่ เป็นไปตามเกณฑ์ทุกข้อต่อไปนี้
การระบายการระเบิด การออกแบบควรใช้ข้อมูลตาม NFPA 68
ข้อแนะนําสําหรับการระบายแรงดันการระเบิดแบบ Deflagration สําหรับการระบายการระเบิดโดยท่อ
จะต้องคํานึงถึงการลดลงของประสิทธิภาพของการระบายการระเบิดเนื่องจากท่อ ซึ่งท่อควรจะออกแบบ
ให้มีหน้าตัดอย่างน้อยใหญ่เท่ากับช่องระบาย และควรจะมีโครงสร้างที่แข็งแรงเท่า ๆ กับสิ่งปิดกั้นที่จะ
ระบาย เนื่องจากการโค้งงอจะก่อให้เกิดแรงดันขณะระบาย ดังนั้น ท่อระบายควรจะเป็นแนวตรงเท่าที่จะทํา
ได้ ถ้าหลีกเลี่ยงการโค้งไม่ได้ จะต้องเป็นโค้งที่กว้าง (มีรัศมียาว) ที่สุดที่จะทําได้
ข.2.1 ภาชนะบรรจุ ไ ด้ รั บ การติ ด ตั้ ง อุ ป กรณ์ ร ะบายการระเบิ ด แบบ
Deflagration ซึ่งระบายผ่านท่อออกไปสู่ภายนอก
ข.2.2 ประสิทธิภาพการระบายที่ลดลงเนื่องจากท่อต้องนํามาพิจารณา
ด้วย
ข.2.3 ระบบท่อได้รับการออกแบบให้ทนต่อการระเบิดแบบ Deflagration
ข.3 ภาชนะบรรจุ ช นิ ด ยึ ด ติ ด กั บ ที่ มี ค วามจุ ไ ม่ เ กิ น 8 ลู ก บาศก์ ฟุ ต (0.2
ลูกบาศก์เมตร)
ภาชนะขนาดเล็กสามารถก่อให้เกิดอันตรายของการระเบิด แต่วิธีการ
ป้องกันการระเบิดของภาชนะเหล่านี้จะไม่สามารถทําได้เสมอไป จึงควรคํานึงถึงอันตรายของการระเบิดเมื่อ
เลือกที่จะไม่มีการป้องกันการระเบิด
(3) การป้องกันภาชนะบรรจุชนิดยึดติดกับที่ (Fixed Bulk Storage Protection)
ก. ในบริเวณที่มีอันตรายของการระเบิด ต้องมีการป้องกันภาชนะบรรจุชนิดยึด
ติดกับที่ตามข้อ 4.4.1.2
ข. ภาชนะบรรจุชนิดยึดติดกับที่ซึ่งตั้งอยู่นอกอาคาร การประเมินความเสี่ยง
ต้องแสดงถึงระดับมาตรการป้องกันที่จําเป็น
ค. ข้อกําหนดในการป้องกันการระเบิดข้อ 4.4.1.2 จะไม่ใช้กับภาชนะบรรจุชนิด
ยึดติดกับที่ที่มีความจุน้อยกว่า 8 ลูกบาศก์ฟุต (0.2 ลูกบาศก์เมตร)
ง. ข้อ 4.4.2.3 (3) ไม่ใช้กับภาชนะบรรจุหรือภาชนะรองรับที่ใช้ในการขนส่ง
60
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
61
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
(5) การออกแบบระบบลําเลียงด้วยลมต้องจัดทําเอกสารโดยแสดงข้อมูลต่อไปนี้
ก. ข้อมูลขนาดอนุภาค
ข. ความเข้มข้นในอากาศที่ลําเลียงอนุภาค
ค. ศักยภาพของการเกิดปฏิกิริยาระหว่างอนุภาคที่ลําเลียงกับสารดับเพลิงที่ใช้
เพื่อป้องกันอุปกรณ์กระบวนการผลิต
ง. สมบัติการนําไฟฟ้าของอนุภาค
จ. สมบั ติ ท างกายภาพและทางเคมี ที่ มี ผ ลต่ อ การป้ อ งกั น เพลิ ง ไหม้ ข อง
กระบวนการผลิต
(6) ระบบลําเลียงด้วยลมที่เคลื่อนย้ายวัสดุจากส่วนการผลิตที่ทําให้เกิดเปลวไฟ
ประกายไฟ หรือวัสดุที่ร้อนต้องไม่เชื่อมต่อกับระบบลําเลียงด้วยลมของอนุภาคของแข็งสันดาปได้หรือ
ส่วนผสมที่สันดาปได้
4.4.3.3 การทํางานของระบบลําเลียง (Operations)
(1) ลําดับขั้นตอนของการทํางาน (Sequence of Operation)
ระบบลํ า เลี ย งด้ ว ยลมต้ อ งถู ก ออกแบบให้ มี ลํ า ดั บ ขั้ น ตอนการทํ า งานตาม
ช่วงเวลาตามที่ระบุในข้อ 4.4.3.3 (2) และ 4.4.3.3 (3)
(2) การเริ่มเดินเครื่อง (Startup)
ระบบลําเลียงด้วยลมต้องออกแบบให้ เมื่อเริ่มเดินเครื่อง ต้องมีความเร็วลม
คงที่ตามที่กําหนดก่อนที่จะรับวัสดุเข้าสู่ระบบ
(3) การหยุดเดินเครื่อง (Shutdown)
ระบบลําเลียงด้วยลมต้องออกแบบให้ เมื่อหยุดเดินเครื่อง ต้องมีความเร็วลม
เพียงพอที่จะถ่ายเทวัสดุออกจากระบบจนหมด
62
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
โลหะที่ พ บบ่ อ ยว่ า เป็ น วั ส ดุ สัน ดาปได้ ได้ แ ก่ แคดเมี ย ม โครเมี ย ม โคบอลท์
ทองแดง แฮฟเนียม เหล็ก ตะกั่ว แมงกานีส โมลิบดีนัม นิคเกิล นีโอเบียม พัลลาเดียม เงิน แทนทาลัม
วานาเดี ย ม และสั ง กะสี แม้ ว่ า โลหะเหล่ า นี้ จ ะมี ค วามสามารถการสั น ดาปน้ อ ยกว่ า โลหะอั ล คาไลน์
(อะลูมิ เนียม แมกนีเซียม ไทเทเนียม และเซอโคเนียม) ควรลําเลีย งด้วยความระมัดระวังเมื่ออยู่ในรูป
อนุภาคที่มีขนาดเล็ก
ในหลายกรณี น้ํ า เป็น สารดั บ เพลิ ง ที่ ย อมรั บ ได้ ถ้ า ใช้ อ ย่ า งเหมาะสม เครื่ อ ง
ตรวจจับประกายไฟหรือความร้อนแบบอินฟาเรดสามารถตรวจจับการลุกไหม้ของอนุภาคโลหะเหล่านี้ได้
ดังนั้น อนุภาคโลหะเหล่านี้ควรจะถือว่าเป็นอนุภาคของแข็งสันดาปได้ โดยไม่จําเป็นต้องเป็นโลหะอัลคาไลน์
ที่อันตราย
ก. หากไม่มีการกําหนดเป็นอย่างอื่น ให้ถือว่าอนุภาคโลหะมีสมบัติเกิดปฏิกิริยา
กับน้ํา และห้ามใช้สารดับเพลิงที่มีองค์ประกอบของน้ําในการดับเพลิงอนุภาคโลหะ
ข. ระบบสเปรย์น้ําความหนาแน่นสูงที่ออกแบบพิเศษต้องได้รับการรับรองจาก
หน่วยงานผู้มีอํานาจว่าสามารถใช้ได้
ค. ข้อ 4.4.4.1 (1) ก. ไม่ใช้กบั การเก็บรวบรวมฝุ่นเหล็กที่เกิดจากการพ่นทํา
ความสะอาดผิวโลหะ
(2) ระบบลําเลียงโลหะอัลลอยย์ที่มีสมบัติการติดไฟหรือการระเบิดคล้ายกับโลหะ
ตั้งต้นของอัลลอยย์ต้องมีการป้องกันเหมือนกับการลําเลียงโลหะตั้งต้น
4.4.4.2 อนุภาคเหล็ก นิเกิล ทองแดง และอนุภาคโลหะทรานซิชั่นอื่น ๆ (Iron, Nickel, Copper
and Other Transition Metal Particulates)
อนุภาคโลหะทรานซิชั่นที่สันดาปได้ต้องจําแนกเป็นชนิดที่เข้ากันได้กับน้ํา ไม่เข้ากัน
กับน้ํา หรือทําปฏิกิริยากับน้ํา ขึ้นอยู่กับข้อมูลทางกายภาพและทางเคมี ร่วมกับข้อมูลของหน่วยงานผู้มี
อํานาจ
63
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
64
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
4.4.7.6 การเชื่อมต่อระหว่างกระจกส่องดูกับท่อของกระจกส่องดูต้องให้ปลายชนกันและ
ผนึกไม่ให้อากาศและฝุ่นผ่านได้
4.4.7.7 การต่อฝากผ่านตลอดความยาวของกระจกส่องดูต้องต่อเนื่องตลอดหน้าตัดของ
กระจกส่องดูและมีความต้านทานกระแสไฟฟ้าไม่เกิน 1 โอห์ม
65
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
66
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
67
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
68
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
69
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
70
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
ง. ท่อรวบรวมฝุ่นของระบบดูดฝุ่นส่วนกลางสามารถพ่วงต่อได้
(5) อุปกรณ์แยกอากาศ-วัสดุต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์ก้นั แยก ตามข้อ 4.4.1.4
(6) การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันฟ้าผ่าต้องเป็นไปตาม NFPA 780, มาตรฐานสําหรับ
การติดตั้งระบบป้องกันฟ้าผ่า
(7) อากาศเสีย (Exhaust Air)
ก. อากาศเสียที่ออกจากอุปกรณ์แยกอากาศ-วัสดุ ต้องระบายออกนอกพื้นที่
ควบคุมและห่างจากช่องรับอากาศเข้า
ข. อากาศที่ถูกแยกออกจากอุปกรณ์แยกอากาศ-วัสดุสามารถใช้หมุนเวียน
กลับไปยังระบบลําเลียงด้วยลมได้โดยตรง
ค. อากาศที่ถูกแยกออกจากอุปกรณ์แยกอากาศ-วัสดุสามารถนํากลับไปยัง
อาคารได้เมื่อได้ปฏิบัติตามข้อ 4.3.2
(8) ระบบลําเลียงวัสดุมากกว่าหนึ่งชนิดซึ่งเป็นวัสดุที่เข้ากันไม่ได้ ต้องมีการทํา
ความสะอาดระบบก่อนที่จะนํามาลําเลียงวัสดุชนิดใหม่
4.4.13.2 การก่อสร้าง (Construction)
(1) วัสดุที่ไม่สันดาป (Noncombustible Material)
ก. อุปกรณ์แยกอากาศ-วัสดุต้องสร้างด้วยวัสดุที่ไม่สันดาป
ข. วัสดุตัวกรองสามารถใช้วัสดุสันดาปได้
(2) อัตราการไหลของวัสดุสูงสุด (Maximum Material Flow)
ก. ด้านในของอุปกรณ์แยกอากาศ-วัสดุ ต้องสร้างให้ลดขอบหรือมุมภายใน
เพื่อไม่ทําให้เกิดการสะสมของฝุ่น
ข. ด้านล่างของถังทรงกรวยต้องทําให้ลาดเอียง และระบบลําเลียงวัสดุที่ถ่ายเท
จากถังทรงกรวยนั้นต้องออกแบบให้สามารถรับอัตราการไหลของวัสดุจากระบบสูงสุดได้
(3) ช่องประตู (Access Doors)
ก. ต้องมีประตูหรือช่องเปิดสําหรับการเข้าไปตรวจสอบ ทําความสะอาด และการ
บํารุงรักษา
ข. ประตูหรือช่องเปิดจะต้องถูกออกแบบให้สามารถป้องกันการรั่วของฝุ่นได้
ค. ประตูสามารถใช้เป็นช่องระบายการระเบิดแบบ Deflagration ได้ ถ้าได้ถูก
ออกแบบโดยเฉพาะสําหรับวัตถุประสงค์ท้งั คู่
ง. ประตูต้องมีการต่อฝากและมีการต่อสายดิน
จ. ช่องประตูต้องทนต่อแรงดันของการระเบิด (Pred)
71
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
72
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
4.4.18 เครื่องอบแห้ง (Dryers) หมายรวมถึง ถาด (Tray) ถังกลม (Drum) ถังหมุนโรตารี่ (Rotary)
ฟูอิดไดเบท (Fluidized Bed) เครื่องดูดลม (Pneumatic) เครื่องสเปรย์ เครื่องอบวงแหวน (Ring) และเครื่องอบ
สุญญากาศ เครื่องอบและอุปกรณ์ควบคุมการทํางานควรออกแบบ สร้าง ติดตั้งและตรวจสอบให้การ
ทํางานของเครื่องทําลมร้อน เครื่องอบ และอุปกรณ์ระบายอากาศมีความปลอดภัย
4.4.18.1 ระบบทําความร้อนต้องเป็นไปตามข้อ 4.6.6
4.4.18.2 ตัวกลางให้ความร้อน (Drying Media)
(1) ห้ามไม่ให้หมุนเวียนตัวกลางให้ความร้อนที่สัมผัสกับวัสดุที่กําลังอบไปยัง
ห้องหรืออาคารต่าง ๆ
(2) การหมุนเวียนตัวกลางให้ความร้อนในกระบวนการอบแห้งจะทําได้ในสภาวะ
ต่อไปนี้
ก. ตั ว กลางให้ ค วามร้ อ นได้ รั บ การกํ า จั ด ฝุ่ น ออกโดยผ่ า นเครื่ อ งกรอง
อุปกรณ์แยกฝุ่น หรือการกําจัดฝุ่นโดยวิธีอื่น
ข. ตัวกลางให้ความร้อนในเครื่องอบแห้งที่เป็นสารไวไฟต้องควบคุมโดยการ
ลดความเข้มข้นของสารที่ให้ออกซิเจน หรือลดความเข้มข้นของวัสดุสันดาปได้ ตาม NFPA 69 มาตรฐาน
ด้านระบบป้องกันการระเบิด
4.4.18.3 เครื่องอบแห้งต้องทําด้วยวัสดุที่ไม่สันดาป
4.4.18.4 พื้นผิวภายในของเครื่องอบแห้งต้องออกแบบให้ลดการสะสมของวัสดุให้เหลือ
น้อยที่สุดและง่ายต่อการทําความสะอาด
4.4.18.5 ต้ องมี ป ระตูห รื อ ช่ อ งเปิ ด ในทุ ก ส่ ว นของเครื่อ งอบแห้ ง และสายพานลํ า เลี ย งที่
เชื่อมต่อกับเครื่องอบแห้งเพื่อทําการตรวจสอบ ทําความสะอาด บํารุงรักษา และสามารถใช้เครื่องดับเพลิง
แบบมือถือหรือสายฉีดน้ําดับเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.4.18.6 เมื่อมีอันตรายของการระเบิด ต้องทําการป้องกันอันตรายตามที่ระบุในข้อ 4.4.1.2
4.4.18.7 เมื่อมีอันตรายของเพลิงไหม้ ต้องทําการป้องกันอันตรายตามข้อ 4.7
73
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
4.5 การควบคุมฝุ่นที่ฟุ้งกระจายและการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบ
เรียบร้อย (Fugitive Dust Control and Housekeeping)
4.5.1 การควบคุมฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย (Fugitive Dust Control)
4.5.1.1 กระบวนการทีม่ ีการเกิดฝุ่นสันดาปได้ในการปฏิบตั ิงานปกติ ต้องมีการดูดฝุ่นอย่าง
ต่อเนื่องเพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นให้น้อยที่สุด
4.5.1.2 ฝุ่นที่เกิดนั้นต้องถูกลําเลียงไปยังอุปกรณ์รวบรวมฝุ่น
74
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
75
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
76
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
77
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
78
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
79
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
80
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
สําหรับการจําแนกฝุ่นสันดาปได้และพื้นที่อันตรายสําหรับการติดตั้งไฟฟ้าในพื้นที่ที่มีกระบวนการผลิตทาง
เคมี
81
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
4.7.2.5 อุปกรณ์ตรวจจับเพลิงไหม้เบื้องต้นทุกชนิดต้องเชื่อมต่อกับแผงควบคุมการตรวจจับ
เพลิงไหม้ด้วยวงจรรูปแบบ D หรือ E ตามที่อธิบายใน NFPA 72 ข้อกําหนดการเตือนเพลิงไหม้แห่งชาติ
4.7.2.6 อุปกรณ์แจ้งเหตุเพลิงไหม้ท้ังหมด ต้องเชื่อมต่อกับแผงควบคุมการตรวจจับเพลิงไหม้
ด้วยวงจรรูปแบบ Y หรือ Z ตามที่อธิบายใน NFPA 72 ข้อกําหนดการเตือนเพลิงไหม้แห่งชาติ
4.7.2.7 อุปกรณ์ควบคุมระบบดับเพลิง (System Releasing Devices)
(1) อุปกรณ์ควบคุมระบบดับเพลิงทั้งหมด ขดลวดโซลินอย หรือตัวส่งสัญญาณต้อง
เชื่อมต่อกับแผงควบคุมการตรวจจับเพลิงไหม้ด้วยวงจรรูปแบบ Z ตามที่อธิบายใน NFPA 72 ข้อกําหนดการ
เตือนเพลิงไหม้แห่งชาติ
(2) การควบคุมดูแลต้องรวมถึงความต่อเนื่องของอุปกรณ์ควบคุมระบบดับเพลิง ไม่
ว่าจะเป็นขดลวดโซลินอย สายชนวนจุดระเบิด หรืออุปกรณ์ชนิดอื่น
4.7.2.8 อุปกรณ์ควบคุมดูแลทั้งหมด ได้แก่ อุปกรณ์เฝ้าดูอุปกรณ์วิกฤต หรือการทํางานของ
ระบบตรวจจับเพลิงไหม้และระบบดับเพลิงต้องเชื่อมต่อกับแผงควบคุมการตรวจจับเพลิงไหม้ด้วยวงจร
รูปแบบ D หรือ E ตามที่อธิบายใน NFPA 72 ข้อกําหนดการเตือนเพลิงไหม้แห่งชาติ
4.7.2.9 ประตู/แด๊มเปอร์ระบายทิ้ง (Abort Gates and Abort Dampers)
(1) ประตู/แด๊มเปอร์ระบายทิ้งที่ใช้ในการป้องกันเพลิงไหม้ทุกจุดต้องเชื่อมต่อกับแผง
ควบคุมการตรวจจับเพลิงไหม้วงจรรูปแบบ Z ตามที่อธิบายใน NFPA 72 ข้อกําหนดการเตือนเพลิงไหม้
แห่งชาติ
(2) ต้องมีอุปกรณ์ติดตามความต่อเนื่องของอุปกรณ์บังคับการเริ่มทํางานของประตู
หรือแด๊มเปอร์ระบายทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นขดลวดโซลินอย สายชนวนจุดระเบิด หรืออุปกรณ์ชนิดอื่น
82
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
83
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
84
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
4.8.3.2 การฝึกอบรมครั้งแรกและการฝึกอบรมทบทวนต้องแน่ใจว่าผู้ปฏิบัติงานทุกคนมี
ความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่อไปนี้
(1) อันตรายที่มีอยู่ในสถานที่ทํางานของผู้ปฏิบัติงาน
(2) การปฐมนิเทศทั่วไปให้รวมถึงกฎความปลอดภัยของโรงงาน
(3) รายละเอียดของกระบวนการผลิต
(4) การใช้อุปกรณ์ การเดินเครื่องและปิดเครื่องที่ปลอดภัย และการปฏิบัติเมื่อเกิด
สภาวะผิดปกติ
(5) การทํางานที่เหมาะสมของระบบป้องกันอัคคีภัยและการระเบิดที่เกี่ยวข้อง
(6) กฎข้อบังคับและการซ่อมบํารุงอุปกรณ์
(7) กฎข้อกําหนดในการดูแลความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย
(8) แผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน บุคลากรทุกคนของโรงงานรวมทั้งผู้บริหาร ผู้ควบคุม
ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ทําหน้าที่ซ่อมบํารุง ควรได้รับการอบรมให้มีส่วนร่วมในแผนการควบคุมเหตุฉุกเฉิน ควร
ให้มีการอบรมทบทวนหน่วยดับเพลิงหรือทีมดับเพลิง
แผนฉุกเฉินควรมีองค์ประกอบดังนี้
- ระบบสัญญาณแจ้งเหตุ
- วิธีการอพยพสู่ภายนอก
- การลดผลกระทบต่อบุคลากรและชุมชนให้น้อยที่สุด
- การลดผลกระทบของการสูญเสียต่อทรัพย์สินและเครื่องมืออุปกรณ์
- การประสานงานระหว่างแผนกและระหว่างโรงงาน
- การประสานงานกับหน่วยงานภายนอก
- การให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องต่อสาธารณะ
บุ ค ลากรของโรงงานควรมี ก ารซ้ อ มแผนฉุ ก เฉิ น ประจํ า ปี ควรมี ก ารจํ า ลอง
สถานการณ์ผิดปกติของกระบวนการผลิตและปฏิบัติตามแผนฉุกเฉิน ควรมีการฝึกซ้อมอุบัติภัยร้ายแรงซึ่ง
จําลองสถานการณ์เป็นครั้งคราวโดยประสานงานและร่วมกับหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัย สถานีตํารวจ
และหน่วยงานฉุกเฉินอื่น ๆ ในท้องที่และโรงงานที่อยู่ใกล้เคียง
85
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
86
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
สถานการณ์จะอันตรายมากขึ้นถ้าใช้สีอะลูมิเนียม เพราะถ้าสีอะลูมิเนียมหลุดออกไปกระทบกับวัสดุในท่อ
หรือส่วนที่เป็นสีอะลูมิเนียมถูกกระทบด้วยวัสดุอื่น ความร้อนจากการกระทบเสียดสีอาจจะมากพอที่จะทํา
ให้อนุภาคอะลูมิเนียมติดไฟและก่อให้เกิดเพลิงไหม้ในส่วนถัดไป
(6) ห้ามใช้สีอะลูมิเนียมทาผิวภายในของโลหะ
4.9.2.3 การซ่อมบํารุงเครื่องแยกวัสดุ-อากาศ (Maintenance of Air-Material Separators)
(1) วิธีการกําจัดสิ่งเกาะติด (Means to Dislodge)
ก. เครื่องแยกวัสดุ-อากาศที่ติดตั้งอุปกรณ์กรองอนุภาคออกจากอากาศต้อง
ได้รับการตรวจสอบหาร่องรอยของการสึกกร่อน การเสียดสี หรือการอุดตันเป็นประจําตามคู่มือของผู้ผลิต
ข. อุปกรณ์กรองอนุภาคเหล่านี้ต้องได้รับการปรับตั้ง และหล่อลื่นเป็นประจํา
ตามคู่มือของผู้ผลิต
(2) เครื่องแยกวัสดุ-อากาศชนิดหมุนเวียนอากาศ (ไซโคลนและเครื่องกรองฝุ่นแบบ
ถุงกรอง) ต้องได้รับการบํารุงรักษาตามข้อ 4.3.3 ห้ามทดแทนตัวกรองด้วยวัสดุกรองชนิดอื่น ยกเว้นได้ทํา
การประเมินอันตรายของอัคคีภัยโดยละเอียดถี่ถ้วนและได้รับการพิจารณาทบทวนจากฝ่ายบริหาร
4.9.2.4 การซ่อมบํารุงประตูและแด๊มเปอร์ระบายทิ้ง (Maintenance of Abort Gates and
Abort Dampers) ต้องทําการปรับตั้งและหล่อลื่นประตูและแด๊มเปอร์ระบายทิ้งตามคําแนะนําในคู่มือผู้ผลิต
4.9.2.5 การซ่อมบํารุงระบบป้องกันอัคคีภัยและการระเบิด (Maintenance of Fire and
Explosion Protection Systems)
(1) ต้องทําการบํารุงรักษาระบบเฝ้าระวังอุปกรณ์ตรวจจับเพลิงไหม้ท้ังหมดตาม
ข้อกําหนดของ NFPA 72, ข้อกําหนดการเตือนเพลิงไหม้แห่งชาติ
(2) ต้องทําการบํารุงรักษาระบบดับเพลิงทั้งหมดตามที่ระบุในมาตรฐานการออกแบบ
และติดตั้งของระบบนั้น
(3) ต้องทําการบํารุงรักษาท่อระบายความดันที่เกิดจากการระเบิดแบบ Deflagration
ทั้งหมด
(4) ระบบการป้องกันการระเบิดและระบบก๊าซเฉื่อยทั้งหมดต้องบํารุงรักษาให้เป็นไป
ตามข้อกําหนดของ NFPA 69 มาตรฐานด้านระบบป้องกันการระเบิด
87
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
บทที่ 5
การจัดการความปลอดภัยโรงงานผลิตแป้งมันสําปะหลัง
5.1 กระบวนการผลิตแป้งมันสําปะหลัง
กระบวนการผลิตแป้งมันสําปะหลัง ดังแสดงในรูปที่ 5.1 เริ่มจากการรับหัวมันสําปะหลังสดเข้ามา
จากนั้นทําการบดหยาบและบดละเอียด แล้วทําการสกัดกากมันออกจากน้ําแป้ง นําน้ําแป้งมาทําให้ข้น แล้ว
เข้าสู่เครื่องแยกน้ําด้วยแรงเหวี่ยง จะได้แป้งหมาดที่มีความชื้นของแป้งประมาณ 34 – 36 % ป้อนเข้าสลิง
เกอร์พร้อมกับมีลมร้อนจากชุดแลกเปลี่ยนความร้อนของ Hot Oil ที่มีอุณหภูมิ 180 – 200 ๐C เข้ามาร่วม
ด้วย ทั้งแป้งหมาดและลมร้อนจะถูกส่งเข้าท่ออบแป้งที่ความสูงจาก สลิงเกอร์ 2 – 4 เมตร ความร้อนจะ
ทํ า ให้แ ป้ง มัน สํ า ปะหลัง มีค วามชื้น ลดลงเหลือ 12 – 13% กลายเป็น ฝุ่ น แป้ ง ที่ท างออกไซโคลนร้ อ น
อุณหภูมิจะลดลงเหลือ 58 – 62 ๐C ส่วนที่ใต้ไซโคลนร้อนแป้งมันสําปะหลังจะมีอุณหภูมิ 25 – 30 ๐C
ขึ้นกับอุณหภูมิภายนอก จากนี้แป้งมันสําปะหลังจะถูกส่งตามท่อไปยังไซโคลนเย็น ขณะนี้แป้งมันสําปะหลัง
ยังมีความชื้น 12 – 13% อุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้อง ที่ใต้ไซโคลนเย็นแป้งมันสําปะหลังจะตกลงมาผ่าน
ตะแกรงร่อนคัดขนาด แล้วส่งเข้าจัดเก็บในไซโล ก่อนส่งเข้าบรรจุต่อไป เนื่องจากกระบวนการผลิตแป้งมัน
สําปะหลังเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหาร จําเป็นต้องรักษาความสะอาด ดังนั้นเครื่องจักรต่าง ๆ ทั้งไซโคลน
ท่ออบแป้ง ตะแกรงร่อน และไซโล จึงต้องทําจากสแตนเลท
88
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
หัวมันสําปะหลัง ท่ออบแป้ง
(Tapioca Root) (Flash dryer)
การบดหยาบและละเอียด ไซโคลนร้อน
(Root Preparation) (Hot cyclone)
การสกัดกากมัน ไซโคลนเย็น
ออกจากน้ําแป้ง (Cool cyclone)
การทําน้ําแป้งข้น ตะแกรงร่อนคัดขนาด
(Refining)
จัดเก็บ
การแยกน้ํา (Silo storage)
ด้วยเครื่องเหวี่ยง
การบรรจุ
แป้งหมาด (Packing)
5.2 การประเมินจุดเสี่ยง
การประเมินจุดเสี่ยงต้องประเมินทุกขั้นตอนการผลิต โดยพิจารณาจากห้าองค์ประกอบของการ
ระเบิดของฝุ่น สําหรับโรงงานผลิตแป้งมันสําปะหลังพบว่ามีจุดเสี่ยงตั้งแต่ท่ออบแป้ง ไซโคลนร้อน ไซโคลน
เย็น ตะแกรงร่อนคัดขนาด การจัดเก็บ และการบรรจุ โดยมีรายละเอียดการประเมินดังนี้
89
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
90
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
91
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
92
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
ประกายไฟจากไฟฟ้ า สถิ ต เกิ ด ขึ้ น ได้ ต้ั ง แต่ สลิ ง เกอร์ เ ป็น ต้ น มา เพราะแป้ ง มั น
สําปะหลังจะเคลื่อนที่เสียดสีกันเอง หรือเสียดสีกับท่อในไซโคลนทั้งร้อนและเย็น จึงทําให้เกิดไฟฟ้าสถิตขึ้น
ในท่อส่งแป้ง
เปลวไฟจากการเกิดระเบิดครั้งแรก เช่น เกิดระเบิดครั้งแรกที่ท่ออบแป้ง เปลวไฟ
ทําให้เกิดความร้อนมาที่ไซโคลนร้อน หรือเกิดการระเบิดครั้งแรกที่ไซโคลนเย็น ทําให้เกิดเปลวไฟมายัง
ตะแกรงร่อน หรือบริเวณบรรจุแป้ง
93
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
5.3 มาตรการความปลอดภัย
เมื่อได้ประเมินจุดเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดการระเบิดของฝุ่นในกระบวนการผลิตแล้ว ซึ่งมีความ
เสี่ยงที่จะเกิดทั้งเพลิงไหม้และการระเบิดแบบ Deflagration ต้องนํามาวิเคราะห์ลักษณะการเกิดอันตราย
และหาสาเหตุการเกิดอันตราย เพื่อจัดทํามาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสมในการป้องกันและควบคุม
อันตรายตามจุดเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งมาตรการด้านการบริหารจัดการและมาตรการด้านการ
ป้องกันและระงับอัคคีภัย มีรายละเอียดดังนี้
5.3.1 มาตรการความปลอดภัยตามจุดเสี่ยง
เป็น การนําจุ ดเสี่ย งที่ไ ด้ จ ากตารางที่ 5.1 มาพิ จ ารณาถึ ง ลัก ษณะการเกิ ด อัน ตราย ซึ่ ง
เกิดขึ้นได้หลายลักษณะ โดยแต่ละลักษณะการเกิดอันตราย มาจากสาเหตุหลายกรณี แล้วจึงมากําหนด
เป็นมาตรการความปลอดภัย ดังมีรายละเอียดในตารางที่ 5.2
94
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
95
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
96
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
97
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
98
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
ประตูหรือแผงระบายการระเบิดแบบ Deflagration
อุปกรณ์ก้นั แยก วาล์วตอบสนองไวอัตโนมัติชนิดเกทวาล์วความเร็วสูง
99
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
5.3.2 มาตรการด้านการบริหารจัดการ
5.3.2.1 การควบคุมฝุ่นที่ฟุ้งกระจายและการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบ
เรียบร้อยโดยเฉพาะบริเวณบรรจุ มักมีฝุ่นฟุ้งกระจาย จําเป็นต้องมีการติดตั้งระบบดูดอากาศเฉพาะจุด
เพื่อรวบรวมฝุ่นที่ฟุ้งกระจายแล้วดูดไปยังอุปกรณ์รวบรวมฝุ่น บริเวณตะแกรงร่อน หัวบรรจุแป้ง รถยก
เครื่องชั่ง พื้น ผนังอาคาร ต้องทําความสะอาดทุกวัน เพื่อลดการสะสมของฝุ่น
ขณะทําความสะอาดพื้น ต้องทําให้เกิดหมอกฝุ่นน้อยที่สุด จึงหลีกเลี่ยงที่จะใช้
วิธีการกวาด ใช้ไอน้ําหรือลมเป่า วิธีที่ดีควรจะใช้เครื่องดูดฝุ่น แต่ต้องเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่ออกแบบมาให้ใช้
กับพื้นที่ที่มีฝ่นุ สันดาปได้เท่านั้น
5.3.2.2 การฝึกอบรมและขั้นตอนการปฏิบัติงาน (Training and Procedures)
(1) ต้องจัดทําขั้นตอนการปฏิบัติงานและการซ่อมบํารุง และแผนฉุกเฉิน
(2) ต้องทําการทบทวนแผนฉุกเฉินและขั้นตอนการปฏิบัติงานทุกปี และเมื่อมีการ
เปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต
(3) ต้องฝึกอบรมทบทวนให้กับผู้ปฏิบัติงานที่ทํางานอยู่บริเวณไซโคลนร้อน ไซโคลน
เย็น ห้องบรรจุ โกดังเก็บแป้งมันสําปะหลัง งานซ่อมบํารุง ต้องเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยใน
การทํางานกับฝุ่นสันดาปได้ ให้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่อไปนี้
ก. อันตรายที่มีอยู่ในสถานที่ทํางานของผู้ปฏิบัติงาน
ข. การปฐมนิเทศทั่วไปให้รวมถึงกฎความปลอดภัยของโรงงาน
ค. รายละเอียดกระบวนการผลิต
ง. การใช้อุปกรณ์ การเดินเครื่องและปิดเครื่องที่ปลอดภัย และการปฏิบัติเมื่อ
เกิดสภาวะผิดปกติ
จ. การทํางานที่เหมาะสมของระบบป้องกันอัคคีภัยและการระเบิดที่เกี่ยวข้อง
100
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
101
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
5.3.3 มาตรการด้านการป้องกันและระงับอัคคีภัย
5.3.3.1 ต้องจัดให้มีเครื่องดับเพลิงแบบมือถือที่มีความสามารถในการดับเพลิงอย่างน้อย
ระดับ 2A ในทุกอาคาร ให้เหมาะสมเพียงพอทุกพื้นที่ โดยต้องมีระยะห่างกันไม่เกิน 20 เมตร
5.3.3.2 ต้องทําการฝึกอบรมบุคลากรในการใช้เครื่องดับเพลิงแบบมือถือ ในลักษณะที่
ก่อให้เกิดการฟุ้งกระจายของฝุ่นน้อยที่สุด
ควรระมัดระวังอย่างยิ่งในการใช้เครื่องดับเพลิงแบบมือถือในสถานที่ที่มีฝุ่นสันดาป
ได้ แรงฉีดพ่นที่รวดเร็วไปยังจุดที่มีฝุ่นจะสามารถทําให้ฝุ่นฟุ้งกระจายเกิดเป็นหมอกฝุ่น เมื่อเกิดหมอกฝุ่น
จะมีอันตรายของการระเบิดแบบ Deflagration เสมอ ในกรณีที่เกิดหมอกฝุ่นเนื่องจากการดับเพลิง หมอก
ฝุ่นจะเกิดการจุดติดไฟและเกิดการระเบิดแบบ Deflagration ขึ้นได้อย่างแน่นอน
ดั ง นั้ น เมื่ อ ใช้ เ ครื่ อ งดั บ เพลิ ง แบบมื อ ถื อ ในบริ เ วณที่ มี ก ารสะสมของฝุ่ น ควร
ระมัดระวังการฉีดสารดับเพลิงไม่ให้ถูกฝุ่นที่สะสมอยู่หรือไม่ให้ฝุ่นเกิดการฟุ้งกระจาย โดยทั่วไปเครื่อง
ดับเพลิงจะถูกออกแบบให้ฉีดพ่นสารดับเพลิงในอัตราที่สูงสุด ดังนั้น จึงต้องมีวิธีการพิเศษในการใช้เครื่อง
ดับเพลิงเพื่อป้องกันอันตรายของการระเบิดแบบ Deflagration
5.3.3.3 ต้องจัดเตรียมน้ําสําหรับดับเพลิงในปริมาณที่เพียงพอที่จะส่งจ่ายน้ําให้กับอุปกรณ์
ฉีดน้ําดับเพลิงได้อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 30 นาที
5.3.3.4 ต้องจัดให้มีแผนระงับอัคคีภัยในโรงงาน ประกอบด้วย แผนการตรวจสอบด้าน
ความปลอดภัยอัคคีภัย แผนการอบรมเรื่องการป้องกันและระงับอัคคีภัย แผนการดับเพลิง และแผนการ
อพยพหนีไฟ โดยเก็บแผนนี้ไว้ที่โรงงาน พร้อมให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ และต้องปฏิบัติให้เป็นไป
ตามแผน
5.3.3.5 การทํางานที่ก่อให้เกิดความร้อนหรือประกายไฟที่อันตราย ต้องจัดให้มีการขอ
อนุญาต
5.3.3.6 จั ด เส้ น ทางหนี ไ ฟสํา หรั บ อพยพผู้ ป ฏิ บั ติ ง านทั้ ง หมดออกจากพื้ น ที่ อั น ตรายสู่ ที่
ปลอดภัย เช่น ถนนหรือสนามนอกอาคารโรงงานได้ภายใน 5 นาที
102
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
บทที่ 6
การจัดการความปลอดภัยโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้
6.1 กระบวนการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้
กระบวนการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ เริ่มจากนําไม้ยางพาราที่อัด อบน้ํายาแล้ว มาทําการตัดให้ได้
ขนาดตามที่ต้องการในการทําเฟอร์นิเจอร์แต่ละชนิด จากนั้นทําการแปรรูปไม้อีกครั้งด้วยเครื่องไสไม้ เซาะ
ร่องไม้ เจาะไม้ หรือซอยไม้ และนํามาขัดกระดาษทรายเพื่อให้ไม้มีความเรียบ ไม้ที่ผ่านการขัดกระดาษ
ทรายจะนํ า ไปทํ าสี แล้ ว ประกอบเป็น ชิ้ น งานเพื่ อ ส่ ง ขายต่ อ ไป สํ า หรั บ โรงงานเฟอร์ นิ เ จอร์ ไ ม้ บ างแห่ ง
หลั ง จากทํ า สี แ ล้ ว จะไม่ ป ระกอบชิ้ น งาน แต่ จ ะบรรจุ ชิ้ น งานในกล่ อ งเพื่ อ ให้ ผู้ ซื้ อ ประกอบเอง จาก
กระบวนการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ พบว่ากิจกรรมที่จะก่อให้เกิดฝุ่น มีต้ังแต่การตัด การแปรรูปไม้และการขัด
กระดาษทราย โดยฝุ่นที่เกิดขึ้นจะถูกดูดไปเก็บไว้ที่ Bag house และด้านล่างจะเป็นไซโลเก็บ ส่วนใหญ่จะมี
การแยกเก็บเป็นสายการผลิต เช่น การขัดกระดาษทราย จะมี Bag house และไซโล 1 ชุด การไสไม้จะมี
Bag house และไซโล 1 ชุด การตัดจะมี Bag house และไซโล 1 ชุด แต่ก็พบว่าถ้าเป็นโรงงานขนาดเล็ก จะ
ใช้วิธีการรวมสายการผลิตการตัดกับการไสไม้เข้าด้วยกัน โดยใช้ Bag house กับไซโลชุดเดียวกัน ดังแสดง
ในรูปที่ 6.1 แสดงกระบวนการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ โดยเส้นประแสดงถึงกระบวนการที่สามารถเกิดฝุ่น
ระเบิดได้
103
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ไม้ยางพาราที่อัด
อบน้ํายาแล้ว
ตัดให้ได้ขนาด
แปรรูปไม้ให้ได้ขนาดตาม
ความต้องการด้วยเครื่อง
เครื่องกรองฝุ่น ไซโลเก็บฝุ่นไม้
- ไสไม้
Bag House (ขี้เลื่อย, ขี้กบ)
- เซาะร่องไม้
- เจาะไม้
- ซอยไม้
เครื่องกรองฝุ่น
ขัดกระดาษทราย ไซโลเก็บฝุ่นไม้
Bag House
ทําสี
ประกอบชิ้นงาน
6.2 การประเมินจุดเสี่ยง
การประเมินจุดเสี่ยงต้องประเมินทุกขั้นตอนการผลิต โดยพิจารณาจากห้าองค์ประกอบของการ
ระเบิดของฝุ่น สําหรับโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้พบว่ามีจุดเสี่ยงที่เครื่องกรองฝุ่น (Bag House) และไซโล
เก็บฝุ่นไม้ (ขี้เลื่อย ขี้กบ) โดยมีรายละเอียดการประเมินดังนี้
104
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
เป็ น ส่ ว นใหญ่ ทั้ ง นี้ ข้ึ น อยู่ กั บ ขนาดของเครื่ อ งไส เครื่ อ งซอย และใบเลื่ อ ยวงเดื อ น แสดงให้ เ ห็ น ว่ า
กระบวนการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ จะมีขนาดฝุ่นเล็กกว่า 420 µm
105
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
6.3 มาตรการความปลอดภัย
เมื่อได้ประเมินจุดเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดการระเบิดของฝุ่นในกระบวนการผลิตแล้ว ซึ่งมีความ
เสี่ยงที่จะเกิดทั้งเพลิงไหม้และการระเบิดแบบ Deflagration ต้องนํามาวิเคราะห์ลักษณะการเกิดอันตราย
และหาสาเหตุการเกิดอันตราย เพื่อจัดทํามาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสมในการป้องกันและควบคุม
อันตรายตามจุดเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งมาตรการด้านการบริหารจัดการและมาตรการด้านการ
ป้องกันและระงับอัคคีภัย มีรายละเอียดดังนี้
6.3.1 มาตรการความปลอดภัยตามจุดเสี่ยง
เป็ น การนําจุดเสี่ย งที่ ไ ด้ จ ากตารางที่ 6.1 มาพิ จ ารณาถึ ง ลั ก ษณะการเกิ ด อั น ตราย ซึ่ง
เกิดขึ้นได้หลายลักษณะ โดยแต่ละลักษณะการเกิดอันตราย มาจากสาเหตุหลายกรณี แล้วจึงมากําหนด
เป็นมาตรการความปลอดภัย ดังรายละเอียดในตารางที่ 6.2
106
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
107
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
แผงระบายการระเบิด
แบบ Deflagration
6.3.2 มาตรการด้านการบริหารจัดการ
6.3.2.1 การควบคุมฝุ่นที่ฟุ้งกระจายและการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบ
เรียบร้อยโดยเฉพาะบริเวณเครื่องจักรต่าง ๆ เช่น เครื่องขัดกระดาษทราย เลื่อยสายพาน และเลื่อยวงเดือน
108
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
109
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
บุคลากรของโรงงานควรมีการซ้อมแผนฉุกเฉินประจําปี ควรมีการจําลอง
สถานการณ์ผิดปกติของกระบวนการผลิตและปฏิบัติตามแผนฉุกเฉิน ควรมีการฝึกซ้อมอุบัติภัยร้ายแรงซึ่ง
จําลองสถานการณ์เป็นครั้งคราวโดยประสานงานและร่วมกับหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัย สถานีตํารวจ
และหน่วยงานฉุกเฉินอื่น ๆ ในท้องที่และโรงงานที่อยู่ใกล้เคียง
6.3.3 มาตรการด้านการป้องกันและระงับอัคคีภัย
6.3.3.1 ต้องจัดให้มีเครื่องดับเพลิงแบบมือถือที่มีความสามารถในการดับเพลิงอย่างน้อย
ระดับ 4A ในทุกอาคาร ให้เหมาะสมเพียงพอทุกพื้นที่ โดยต้องมีระยะห่างกันไม่เกิน 20 เมตร
6.3.3.2 ต้องทําการฝึกอบรมบุคลากรในการใช้เครื่องดับเพลิงแบบมือถือ ในลักษณะที่
ก่อให้เกิดการฟุ้งกระจายของฝุ่นน้อยที่สุด
ควรระมัดระวังอย่างยิ่งในการใช้เครื่องดับเพลิงแบบมือถือในสถานที่ที่มีฝุ่นสันดาปได้
แรงฉีดพ่นที่รวดเร็วไปยังจุดที่มีฝุ่นจะสามารถทําให้ฝุ่นฟุ้งกระจายเกิดเป็นหมอกฝุ่น เมื่อเกิดหมอกฝุ่น จะมี
อันตรายของการระเบิดแบบ Deflagration ในกรณีที่เกิดหมอกฝุ่นเนื่องจากการดับเพลิง หมอกฝุ่นจะเกิด
การจุดติดไฟและเกิดการระเบิดแบบ Deflagration ขึ้นได้อย่างแน่นอน
ดั ง นั้ น เมื่ อ ใช้ เ ครื่ อ งดั บ เพลิ ง แบบมื อ ถื อ ในบริ เ วณที่ มี ก ารสะสมของฝุ่ น ควร
ระมัดระวังการฉีดสารดับเพลิงไม่ให้ถูกฝุ่นที่สะสมอยู่หรือไม่ให้ฝุ่นเกิดการฟุ้งกระจาย โดยทั่วไป เครื่อง
ดับเพลิงจะถูกออกแบบให้ฉีดพ่นสารดับเพลิงในอัตราที่สูงสุด ดังนั้น จึงต้องมีวิธีการพิเศษในการใช้เครื่อง
ดับเพลิงเพือ่ ป้องกันอันตรายของการระเบิดแบบ Deflagration
6.3.3.3 ต้องจัดเตรียมน้ําสําหรับดับเพลิงในปริมาณที่เพียงพอที่จะส่งจ่ายน้ําให้กับอุปกรณ์
ฉีดน้ําดับเพลิงได้อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 30 นาที
6.3.3.4 ต้องจัดให้มีแผนระงับอัคคี ภัยในโรงงาน ประกอบด้ วย แผนการตรวจสอบด้าน
ความปลอดภัยอัคคีภัย แผนการอบรมเรื่องการป้องกันและระงับอัคคีภัย แผนการดับเพลิง และแผนการ
อพยพหนีไฟ โดยเก็บแผนนี้ไว้ที่โรงงาน พร้อมให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ และต้องปฏิบัติให้เป็นไป
ตามแผน
6.3.3.5 อาคารหรือโกดังเก็บไม้หรือฝุ่นไม้ ต้องกั้นแยกจากพื้นที่ส่วนอื่นของอาคาร ด้วย
วัสดุที่มีอัตราการทนไฟไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง
6.3.3.6 โกดังหรืออาคารชั้นเดียว เก็บไม้หรือฝุ่นไม้ ทําด้วยโครงเหล็ก ต้องปิดหุ้มโครงเหล็ก
ด้วยวัสดุทนไฟหรือวิธีอื่นทําให้สามารถทนไฟได้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง
6.3.3.7 การทํางานที่ก่อให้เกิดความร้อนหรือประกายไฟที่อันตราย ต้องจัดให้มีการขออนุญาต
6.3.3.8 จัดเส้นทางหนีไฟสําหรับอพยพผู้ปฏิบัติงานทั้งหมดออกจากพื้นที่สู่ที่ปลอดภัย เช่น
ถนนหรือสนามนอกอาคารโรงงานได้ภายใน 5 นาที
110
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
บทที่ 7
การจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง
โรงงานที่มีการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง มีสถิติการระเบิดของฝุ่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
บ่อยครั้ง แต่ไม่มีข้อมูลรายละเอียดเพียงพอ จากฐานข้อมูลกรมโรงงานอุตสาหกรรม พ.ศ. 2553 พบว่ามี
โรงงานที่ใช้ถ่านหินทําเป็นเชื้อเพลิงก้อนหรือสําเร็จรูป ลําดับที่ 50(3) จํานวน 27 โรงงาน โรงงานประกอบ
กิจการเกี่ยวกับการผลิตหรือจ่ายไอน้ํา ลําดับที่ 102 เฉพาะที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง จํานวน 44 โรงงาน
นอกจากนั้นยังพบว่ามีการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น โรงงานปูนซีเมนต์ โรงงาน
หลอมโลหะ โรงงานกระดาษ โรงงานเยื่อกระดาษ โรงงานแก้ว และโรงงานที่ใช้หม้อน้ําโดยมีถ่านหินเป็น
เชื้อเพลิงอีกจํานวนมาก ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งทําให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็น
จํานวนมาก จึงต้องมีการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการใช้ การขนถ่าย การเก็บ และการลําเลียง
ถ่านหิน และประเมินจุดเสี่ยง เพื่อจัดทํามาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม ให้โรงงานสามารถประกอบ
กิจการได้อย่างปลอดภัยและมีการจัดการความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยมีรายละเอียดดังนี้
111
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
เครื่องย่อยถ่านหิน
(Pre Cut)
กะพ้อลําเลียง
ไซโลเก็บ
บดถ่านหิน
ลําเลียงด้วยลม
ไซโลเก็บ
ใช้งาน
7.2 การประเมินจุดเสี่ยง
การประเมินจุดเสี่ยงต้องประเมินตั้งแต่กระบวนการใช้ การขนถ่าย การเก็บ และการลําเลียงถ่านหิน
โดยพิจารณาจากห้าองค์ประกอบของการระเบิดของฝุ่น โดยมีรายละเอียดการประเมินดังนี้
112
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
113
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
114
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
115
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
7.3 มาตรการความปลอดภัย
เมื่อได้ประเมินจุดเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดการระเบิดของฝุ่นในกระบวนการใช้ การขนถ่าย การ
เก็บ และการลําเลียงถ่านหินแล้ว ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดทั้งเพลิงไหม้และการระเบิดแบบ Deflagration
ต้องนํามาวิเคราะห์ลักษณะการเกิดอันตราย และหาสาเหตุการเกิดอันตราย เพื่อจัดทํามาตรการความ
ปลอดภัยที่เหมาะสมในการป้องกัน ควบคุมอันตรายตามจุดเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งมาตรการด้านการ
บริหารจัดการและมาตรการด้านการป้องกันและระงับอัคคีภัย มีรายละเอียดดังนี้
7.3.1 มาตรการความปลอดภัยตามจุดเสี่ยง
เป็นการนําจุดเสี่ยงที่ได้จากตารางที่ 7.1 มาพิจารณาถึงลักษณะการเกิดอันตราย ซึ่งเกิดขึ้นได้
หลายลักษณะ โดยแต่ละลักษณะการเกิดอันตราย มาจากสาเหตุหลายกรณี แล้วจึงมากําหนดเป็นมาตรการ
ความปลอดภัย ดังรายละเอียดในตารางที่ 7.2
116
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
117
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
118
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
119
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
7.3.2 มาตรการด้านการบริหารจัดการ
7.3.2.1 การควบคุมฝุ่นที่ฟุ้งกระจายและมีการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบ
เรียบร้อยโดยเฉพาะบริเวณจุดลงถ่านหิน มักมีฝุ่นฟุ้งกระจาย จึงจําเป็นต้องมีการติดตั้งระบบดูดอากาศ
เฉพาะจุด เพื่อรวบรวมฝุ่นที่ฟุ้งกระจายไปยังอุปกรณ์รวบรวมฝุ่น โดยบริเวณพื้นผิวที่กองถ่านหิน โกดังเก็บ
ถ่านหิน สายพานลําเลียง เครื่องย่อยถ่านหิน ลิฟต์กะพ้อลําเลียง และผนังอาคาร ต้องมีการทําความ
สะอาดทุกวัน เพื่อลดการสะสมของฝุ่น
ขณะทําความสะอาดพื้ น ต้ องทําให้เกิดหมอกฝุ่นน้อยที่สุด จึงไม่ควรใช้วิ ธีการ
กวาด หรือใช้ไอน้ําหรือลมเป่า วิธีที่ดีควรจะใช้เครื่องดูดฝุ่น แต่ต้องเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่ออกแบบมาให้ใช้กับ
พื้นที่ที่มีฝุ่นสันดาปได้เท่านั้น
7.3.2.2 การฝึกอบรมและขั้นตอนการปฏิบัติงาน (Training and Procedures)
(1) ต้องจัดทําขั้นตอนการปฏิบัติงานและการซ่อมบํารุง และแผนฉุกเฉิน
(2) ต้องทําการทบทวนแผนฉุกเฉินและขั้นตอนการปฏิบัติงานทุกปี และเมื่อมีการ
เปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต
(3) ต้องฝึกอบรมทบทวนให้กับผู้ปฏิบัติงานที่ทํางานอยู่ที่โกดังเก็บถ่านหิน กองถ่าน
หิน สายพานลําเลียง เครื่องย่อยถ่านหิน ลิฟต์กะพ้อลําเลียง ไซโลเก็บถ่านหิน เครื่องบดถ่านหิน งานซ่อม
บํารุง โดยต้องเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทํางานกับฝุ่นสันดาปได้ ให้มีความรู้เกี่ยวกับ
เรื่องต่อไปนี้
ก. อันตรายที่มีอยู่ในสถานที่ทํางานของผู้ปฏิบัติงาน
ข. การปฐมนิเทศทั่วไปให้รวมถึงกฎความปลอดภัยของโรงงาน
ค. รายละเอียดกระบวนการผลิต
ง. การใช้อุปกรณ์ การเดินเครื่องและปิดเครื่องที่ปลอดภัย และการปฏิบัติเมื่อ
เกิดสภาวะผิดปกติ
จ. การทํางานที่เหมาะสมของระบบป้องกันอัคคีภัยและการระเบิดที่เกี่ยวข้อง
ฉ. กฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ เช่น การซ่อมบํารุงอุปกรณ์ การดูแลความ
สะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นต้น
ซ. แผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน บุคลากรทุกคนของโรงงานรวมทั้งผู้บริหาร ผู้ควบคุม
ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ทําหน้าที่ซ่อมบํารุง ควรได้รับการอบรมให้มีส่วนร่วมในแผนการควบคุมเหตุฉุกเฉิน ควร
ให้มีการอบรมทบทวนของหน่วยดับเพลิงหรือทีมดับเพลิง
120
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
แผนฉุกเฉินควรมีองค์ประกอบดังนี้
- ระบบสัญญาณแจ้งเหตุ
- วิธีการอพยพสู่ภายนอก
- การลดผลกระทบต่อบุคลากรและชุมชนให้น้อยที่สุด
- การลดผลกระทบของการสูญเสียต่อทรัพย์สินและเครื่องมืออุปกรณ์
- การประสานงานระหว่างแผนกและระหว่างโรงงาน
- การประสานงานกับหน่วยงานภายนอก
- การให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องต่อสาธารณะ
บุ ค ลากรของโรงงานควรมี ก ารซ้ อ มแผนฉุ ก เฉิ น ประจํ า ปี ควรมี ก ารจํ า ลอง
สถานการณ์ผิดปกติของกระบวนการผลิตและปฏิบัติตามแผนฉุกเฉิน ควรมีการฝึกซ้อมอุบัติภัยร้ายแรงซึ่ง
จําลองสถานการณ์เป็นครั้งคราวโดยประสานงานและร่วมกับหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัย สถานีตํารวจ
และหน่วยงานฉุกเฉินอื่น ๆ ในท้องที่และโรงงานที่อยู่ใกล้เคียง
7.3.2.3 การตรวจสอบและการซ่อมบํารุง (Inspection and Maintenance)
(1) ต้องจัดทําและปฏิบัติตามแผนการตรวจสอบ ทดสอบ และซ่อมบํารุงเพื่อให้
แน่ใจว่าระบบการป้องกันอัคคีภัยและการระเบิด รวมถึงการควบคุมการผลิตและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมีการ
ทํางานตามที่ได้ถูกออกแบบ
(2) แผนการตรวจสอบ ทดสอบ และซ่อมบํารุงต้องรวมถึงสิ่งต่อไปนี้
ก. อุปกรณ์ป้องกันและระงับอัคคีภัยและการระเบิด
ข. อุปกรณ์ควบคุมฝุ่น
ค. การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ง. แหล่งที่มีศักยภาพก่อให้เกิดการติดไฟ
จ. อุ ป กรณ์ ไ ฟฟ้ า กระบวนการผลิ ต และเครื่ อ งจั ก รกล รวมถึ ง อุ ป กรณ์
เชื่อมต่อของกระบวนการผลิต
ฉ. การเปลี่ยนแปลงของกระบวนการผลิต
ช. การหล่อลื่นตลับลูกปืน
(3) ต้องมีการเก็บบันทึกการซ่อมบํารุงและการซ่อมแซมที่ได้ดําเนินการแล้ว
7.3.3 มาตรการด้านการป้องกันและระงับอัคคีภัย
7.3.3.1 ต้องจัดให้มีเครื่องดับเพลิงแบบมือถือที่มีความสามารถในการดับเพลิงอย่างน้อย
ระดับ 4A ในทุกอาคาร ให้เหมาะสมเพียงพอทุกพื้นที่ โดยต้องมีระยะห่างกันไม่เกิน 20 เมตร
7.3.3.2 ต้องทําการฝึกอบรมบุคลากรในการใช้เครื่องดับเพลิงแบบมือถือ ในลักษณะที่ก่อให้เกิด
การฟุ้งกระจายของฝุ่นน้อยที่สุด
121
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ควรระมัดระวังอย่างยิ่งในการใช้เครื่องดับเพลิงแบบมือถือในสถานที่ที่มีฝุ่นสันดาปได้
แรงฉีดพ่นที่รวดเร็วไปยังจุดที่มีฝุ่นจะสามารถทําให้ฝุ่นฟุ้งกระจายเกิดเป็นหมอกฝุ่น เมื่อเกิดหมอกฝุ่น จะมี
อันตรายของการระเบิดแบบ Deflagration เสมอ ในกรณีที่เกิดหมอกฝุ่นเนื่องจากการดับเพลิง หมอกฝุ่นจะ
เกิดการจุดติดไฟและเกิดการระเบิดแบบ Deflagration ขึ้นได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น เมื่อใช้เครื่องดับเพลิงแบบมือถือในบริเวณที่มีการสะสมของฝุ่น ควรจะระวัง
การฉีดสารดับเพลิงไม่ให้ถูกฝุ่นที่สะสมอยู่หรือไม่ให้ฝุ่นเกิดการฟุ้งกระจาย โดยทั่วไป เครื่องดับเพลิงจะถูก
ออกแบบให้ฉีดพ่นสารดับเพลิงในอัตราที่สูงสุด ดังนั้น จึงต้องมีวิธีการพิเศษในการใช้เครื่องดับเพลิงเพื่อ
ป้องกันอันตรายของการระเบิดแบบ Deflagration
7.3.3.3 ต้องจัดเตรียมน้ําสําหรับดับเพลิงในปริมาณที่เพียงพอที่จะส่งจ่ายน้ําให้กับอุปกรณ์
ฉีดน้ําดับเพลิงได้อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 30 นาที
7.3.3.4 ต้องจัดให้มีแผนระงับอัคคีภัยในโรงงาน ประกอบด้วย แผนการตรวจสอบด้านความ
ปลอดภัยอัคคีภัย แผนการอบรมเรื่องการป้องกันและระงับอัคคีภัย แผนการดับเพลิง และแผนการอพยพ
หนีไฟ โดยเก็บแผนนี้ไว้ที่โรงงาน พร้อมให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ และต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามแผน
7.3.3.5 บริเวณที่มีการเก็บถ่านหิน มีพื้นที่ต้ังแต่ 1,000 ตารางเมตรขึ้นไป ต้องติดตั้งระบบ
ดับเพลิงอัตโนมัติ เช่น ระบบหัวกระจายน้ําดับเพลิงอัตโนมัติ (Automatic Sprinkler System) หรือระบบอื่นที่
เทียบเท่า
7.3.3.6 ต้องตรวจสอบ ทดสอบ และบํารุงรักษาระบบและอุปกรณ์สําหรับการป้องกันและ
ระงับอัคคีภัยให้สามารถพร้อมทํางานได้ตลอดเวลา
7.3.3.7 โกดังหรืออาคารเก็บถ่านหิน ต้องกั้นแยกจากพื้นที่ส่วนอื่นของอาคารด้วยวัสดุที่มี
อัตราการทนไฟไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง
7.3.3.8 โกดังหรืออาคารชั้นเดียวเก็บถ่านหินที่ทําด้วยโครงเหล็ก ต้องปิดหุ้มโครงเหล็กด้วย
วัสดุทนไฟหรือวิธีอื่นที่ทําให้สามารถทนไฟได้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง
7.3.3.9 การทํางานที่ก่อให้เกิดความร้อนหรือประกายไฟที่อันตราย ต้องจัดให้มีการขออนุญาต
7.3.3.10 จัด เส้ น ทางหนี ไ ฟสํ าหรั บ อพยพผู้ป ฏิ บัติ ง านทั้ง หมดออกจากพื้ น ที่ อัน ตรายสู่ ที่
ปลอดภัย เช่น ถนนหรือสนามนอกอาคารโรงงานได้ภายใน 5 นาที
122
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
บทที่ 8
กฎหมายและมาตรฐานเกี่ยวกับการระเบิดของฝุน่
8.1 กฎหมายในประเทศและต่างประเทศ
ในประเทศไทยขณะนี้ยังไม่พบว่าหน่วยงานใด มีการออกกฎหมายเกี่ยวข้องกับการระเบิดของฝุ่น
สําหรับในต่างประเทศโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาไม่มีกฎหมายบังคับโดยตรงเกี่ยวกับการระเบิดของฝุ่น
แต่การบังคับใช้กฎหมายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยเกี่ยวกับการระเบิดของฝุ่น ในหลายรัฐได้ใช้
มาตรฐานขององค์การป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติ (National Protection Fire Association) หรือ NFPA ส่วน
กฎหมายความปลอดภั ย และอาชี ว อนามั ย ที่ เ ป็ น กฎหมายหลั ก ของ OSHA ที่ บั ง คั บ ใช้ สํ า หรั บ สถาน
ประกอบการ อยู่ในข้อกําหนดทั่วไปที่นายจ้างต้องปฏิบัติ คือ General Duty Clause Section 5(a)(1) ได้
กําหนดให้นายจ้างต้องรักษาสถานที่ทํางานให้ปราศจากอันตราย (Recognized Hazards) ซึ่งอาจเป็นสาเหตุ
ให้เกิดการเสียชีวิตหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง (Death or Serious Physical Harm)
OSHA 29CFR: Part 1910 มาตรฐานสุขภาพและความปลอดภัยในการทํางาน (Occupational
Safety and Health Standard) เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัยในการทํางานโดยเฉพาะ มีการ
แบ่งย่อยเป็น Subpart ตั้งแต่ A – Z โดยจะกล่าวถึงเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับการระเบิดของฝุ่น เช่น การ
จัดระเบียบรักษาความสะอาด แผนปฏิบัติการฉุกเฉิน การระบายอากาศ การพ่นชิ้นงานโดยใช้สารไวไฟและ
สันดาปได้ อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล อุปกรณ์ดับเพลิง และรถบรรทุกอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยมี
รายละเอียดแต่ละ Subpart ดังนี้
Subpart D: 1910.22 ข้อกําหนดทั่วไปเกีย่ วกับการจัดระเบียบรักษาความสะอาด (General
Requirements: Housekeeping)
Subpart E: 1910.38 แผนปฏิบัติการฉุกเฉิน (Emergency Action Plans)
Subpart G: 1910.94 การระบายอากาศ (Ventilation)
Subpart H: 1910.107 การพ่นชิ้นงานโดยใช้สารไวไฟและสันดาปได้ (Spray Finishing Using
Flammable and Combustible Materials)
Subpart I: 1910.132 อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (Personal Protective
Equipment)
Subpart J: 1910.145 ข้อกําหนดเกี่ยวกับเครื่องหมายและป้ายสําหรับการป้องกันอุบัติเหตุ
(Specifications for Accident Prevention Signs and Tags)
Subpart J: 1910.146 ข้อกําหนดให้ขออนุญาตการทํางานในที่อับอากาศ (Permit-Required
Confined Spaces (references combustible dust))
123
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
สําหรับกฎหมายเกี่ยวกับการระเบิดของฝุ่นในประเทศยุโรป มีดังนี้
โดยรั ฐ สภาและสหภาพยุ โ รป ได้ อ อกคํ า สั่ ง ที่ 94/9/EC ลงวั น ที่ 23 มี น าคม 1994 กั บ คํ า สั่ ง ที่
1999/92/EC ลงวั น ที่ 16 ธั น วาคม 1999 เกี่ ย วข้ อ งกั บ การออกกฎเกณฑ์ ก ลางและระเบี ย บเกี่ ย วกั บ
บรรยากาศที่มีความเสี่ยงต่อการระเบิด ทั้งนี้ได้บังคับใช้เฉพาะฝุ่นอย่างเดียวแต่รวมถึงสารไวไฟอื่น ๆ เช่น
ก๊าซ ไอ หรือละอองด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้
คําสั่ง (Directive) ที่ 94/9/EC ของรัฐสภาและสหภาพยุโรป ลงวันที่ 23 มีนาคม 1994 กฎหมาย
เกี่ยวกับอุปกรณ์และระบบป้องกัน เพื่อใช้สําหรับบรรยากาศที่มีความเสี่ยงต่อการระเบิด มีรายละเอียดที่
เกี่ยวข้อง ดังนี้
มาตรา 1 ใช้บั งคับกับ อุปกรณ์และระบบป้องกันที่ใช้สําหรับบรรยากาศที่เ สี่ยงต่อการ
ระเบิด อุปกรณ์ด้านความปลอดภัย อุปกรณ์ควบคุมและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้นอกพื้นที่ที่มีบรรยากาศการ
ระเบิด
อุปกรณ์ (Equipment) หมายถึง อุปกรณ์ใดก็ตามที่มีศักยภาพในการก่อให้เกิด
แหล่งกําเนิดประกายไฟได้
ระบบป้องกัน (Protective System) หมายถึง อุปกรณ์ที่ออกแบบหยุดยั้งการเกิด
การระเบิดได้ทันทีทันใด และหรือจํากัดผลของการเกิดเปลวไฟจากการระเบิดและความดันจากการระเบิด
ได้
บรรยากาศการระเบิด (Explosive Atmospheres) หมายถึง พื้นที่ที่มีศักยภาพใน
การเกิดบรรยากาศการระเบิด
มาตรา 2 กําหนดให้ประเทศสมาชิกที่จะนําอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่กําหนดไว้ในมาตรา 1 มา
จําหน่ายและใช้งานในประเทศ ต้องไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยต่อคน สัตว์ และ
ทรัพย์สิน
124
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
125
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
8.2 มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง
มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับฝุ่นระเบิดได้ มี 2 หน่วยงาน คือ NFPA และ ASTM มีรายละเอียด ดังนี้
8.2.1 องค์ก ารป้ องกันอั ค คี ภัยแห่ งชาติ (NFPA) ของสหรัฐ อเมริ ก า ได้ กําหนดมาตรฐานที่
เกี่ยวข้องกับการเกิดฝุ่นระเบิดไว้ประมาณ 21 ฉบับ ตัวอย่างเช่น มีการออกมาตรฐานในการป้องกันการเกิด
ไฟไหม้และการเกิดระเบิดของฝุ่นในกระบวนการผลิตการเกษตร ในอุตสาหกรรมอาหาร ไม้และโลหะ
นอกจากนั้นยังมีมาตรฐานเกี่ยวกับการผลิต การเคลื่อนย้ายและการเก็บโลหะจําพวกแมกนีเซียม ไททาเนียม
เซอร์โครเนียม และลิเทียม เป็นต้น มีมาตรฐานเกี่ยวกับการจําแนกฝุ่นลุกไหม้ได้ และการกําหนดพื้นที่
ที่ต้องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ มาตรฐานการป้องกันการระเบิดในระบบและมีข้อแนะนําในการระบาย
การระเบิดอีกด้วย มีรายละเอียดดังนี้
NFPA 61, Standard for the Prevention of Fires and Dust Explosions in Agricultural and
Food Processing Facilities
NFPA 68, Guide for Venting of Deflagrations
NFPA 69, Standard on Explosion Prevention Systems
NFPA 70, National Electrical Code
NFPA 91, Standard for Exhaust Systems for Air Conveying of Vapors, Gases, Mists, and
Noncombustible Particulate Solids
NFPA 120, Standard for Fire Prevention and Control in Metal/Nonmetal Mining and Metal
Mineral Processing Facilities
NFPA 432, Code for the Storage of Organic Peroxide Formulations
NFPA 480, Standard for the Storage, Handling, and Processing of Magnesium Solids
and Powders
NFPA 481, Standard for the Production, Processing, Handling, and Storage of Titanium
NFPA 482, Standard for the Production, Processing, Handling, and Storage of Zirconium
NFPA 484, Standard for Combustible Metals, Metal Powders, and Metal Dusts
NFPA 485, Standard for the Storage, Handling, Processing, and Use of Lithium Metal
NFPA 495, Explosive Materials Code
126
กรมโรงงานอุตสาหกรรม คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้
NFPA 499, Recommended Practice for the Classification of Combustible Dusts and of
Hazardous (Classified) Locations for Electrical Installations in Chemical Process Areas
NFPA 505, Fire Safety Standard for Powered Industrial Trucks Including Type
Designations, Areas of Use, Conversions, Maintenance, and Operation
NFPA 560, Standard for the Storage, Handling, and Use of Ethylene Oxide for
Sterilization and Fumigat
NFPA 654, Standard for the Prevention of Fire and Dust Explosions from the
Manufacturing, Processing, and Handling of Combustible Particulate Solids
NFPA 655, Standard for Prevention of Sulfur Fires and Explosions
NFPA 664, Standard for the Prevention of Fires and Explosions in Wood Processing and
Woodworking Facilities
NFPA 1124, Code for the Manufacture, Transportation, Storage, and Retail Sales of
Fireworks and Pyrotechnic Articles
NFPA 1125, Code for the Manufacture of Model Rocket and High Power Rocket Motors
127
คู่มือการจัดการความปลอดภัยโรงงานที่มีฝุ่นระเบิดได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
บรรณานุกรม
Abbasi, T. and S.A. Abbasi; Dust explosion – case, cause, consequences, and control, Hazardous
materials, 2007
Clete R. Stephan; Coal Dust Explosion Hazard, Mine Safety and Health Administration Pittsburgh,
Pennsylania
Ebadat, V.; Dust Explosion analysis prevention and control, source:
http://www.schc.org/schcnewsite/events/2006/spring/october, 2007
Eckhoff, R.K.; Dust explosion in the Process Industries, 3 rd Gult Professional Publishing, USA. 2003.
International Social Security Association (ISSA); Static Electricity: Ignition hazards and protection
measures, Prevention Series No.2017 (E), Germany, 1996
International Social Security Association (ISSA); Dust Explosions: Protection against explosions due
to flammable dusts, Prevention Series No.2044 (E), Germany, 2003
International Social Security Association (ISSA); Dust Explosion Incidents: Their Causes, Effects and
Prevention, Prevention Series No.2051 (E), Germany, 2005
National Fire Protection Association; NFPA 654 Standard for the prevention of fire and dust
explosions from the manufacturing processing, and handling of combustible particulate
solids, 2006 edition
U.S.Chemical safety and Hazard Investigation Board (CSB); Investigation Report Combustible Dust
Hazard Study., 2006
Zeeuwen Pieter, Dust Explosions: What is the Risk? What are the statistics?, Paper Presented at
Euroforum Conference, Paris March 1997.
128
ภาคผนวก ก
ภาคผนวก ก. การป้องกันจากการระเบิด (Explosion Protection)
ภาคผนวก ก - 1
ระเบิด ควรคํานึงถึงอันตรายที่ทําให้พนักงานขาดออกซิเจนหรือหมดสติเนื่องจากก๊าซที่ใช้ไล่อากาศนั้นหรือ
เกิดจากการรั่ว
ข้อดีที่สําคัญของวิธีการทําให้เฉื่อยคือสามารถป้องกันการเกิดเผาไหม้ จึงไม่ก่อความเสียหายให้
ผลิตภัณฑ์
ข้อเสียของวิธีการทําให้เฉื่อยคือ
(1) ค่าใช้จ่ายจากการใช้ก๊าซเฉื่อย
(2) อาจทําให้ผ้ปู ฏิบัติงานได้รับอันตรายจากการขาดออกซิเจน
(3) ค่าซ่อมบํารุงสูง
ภาคผนวก ก - 2
รูป ก.4.2 แสดงแผงระบายการระเบิด
รูป ก.4.4 แสดงอุปกรณ์ดักเก็บฝุ่นที่ติดตั้งแผงระบาย
ภาคผนวก ก - 3
(4) ไม่เหมาะที่จะใช้กับวัสดุที่เป็นพิษหรือมีสมบัติกัดกร่อน
ภาคผนวก ก - 4
รูป ก.5.1 (a) ลําดับของการระงับการระเบิดแบบ Deflagration ของแป้งในภาชนะขนาด 35 ลูกบาศก์ฟตุ
ภาคผนวก ก - 5
รูป ก.5.2 แสดงระบบระงับการระเบิดของเครื่องดักฝุ่น
ภาคผนวก ก - 6
การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อให้เกิดอันตราย เมื่อการต่อเชื่อมถึงกันมีความจําเป็น ควรมี
อุปกรณ์ก้นั แยกการระเบิดแบบ Deflagration หรือส่วนที่ต่อเชื่อมต้องมีการระบาย
แม้ว่า NFPA 68 ข้อแนะนําสําหรับการระบายแรงดันการระเบิดแบบ Deflagration ระบุว่า การ
ระบายเป็นวิธีหนึ่งสําหรับการต่อเชื่อม การระบายใช้ได้เฉพาะกรณีอุปกรณ์ที่ถูกต่อเชื่อมได้รับการป้องกัน
จากการระเบิด
ความจําเป็นในการกั้นแยก ได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า ภาชนะที่เชื่อมต่อ
ด้วยกันสามารถทําให้เกิดการอัดตัวของก๊าซในภาชนะที่ถูกต่อเชื่อมหลังการระเบิดแบบ Deflagration ดังนั้น
เมื่อมีการเชื่อมต่อระหว่างภาชนะ ควรป้องกันด้วยการกั้นแยกทางกลไกหรือการกั้นแยกทางเคมี
ภาคผนวก ก - 7
ก.6.2 การกั้นแยกทางเคมี (Chemical Isolation)
การกั้นแยกทางเคมี ทําโดยการพ่นสารเคมีดับเพลิงอย่างรวดเร็วเข้าไปในท่อที่เชื่อมต่อกัน
รูป ก.6.2 แสดงการจัดเรียงการทํางานของการกั้นแยกทางเคมี เครื่องตรวจจับการระเบิดแบบ Deflagration
หรือแสง ทําหน้าที่ตรวจจับแรงดันการระเบิดแบบ Deflagration หรือเปลวเพลิง แล้วส่งสัญญาณไปที่ขวด
ดับเพลิงความเร็วสูงให้ทําการพ่นสารเคมีดับเพลิงออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการลุกลามของเปลว
เพลิงและวัสดุที่ติดไฟ
การกั้นแยกการระเบิดแบบ Deflagration ด้วยสารเคมีเป็นวิธีการที่ต่างกับระบบระงับแหล่ง
จุดติดไฟ (ประกายไฟ) ระบบนี้ทําหน้าที่ตรวจจับอนุภาคที่กําลังติดไฟที่เคลื่อนที่ไปตามท่อและทําการดับ
วัสดุน้ัน ด้วยการฉีดสเปรย์น้ํา ซึ่งไม่ได้ออกแบบให้ใช้สําหรับหยุดยั้งการระเบิดแบบ Deflagration เมื่อเริ่ม
เกิดการระเบิดและไม่สามารถป้องกันการลุกลามของการระเบิดแบบ Deflagration ไปยังอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ
กันได้
ภาคผนวก ก - 8
ภาคผนวก ข
ภาคผนวก ข. ข้อมูลพื้นฐานเรื่องระบบตรวจจับประกายไฟและดับไฟ
(Informational Primer on Spark Detection and Extinguishing Systems)
ภาคผนวก ข - 1
ข.1.1.2 ระบบตรวจจับประกายไฟและดับไฟ (Spark Detection and Extinguishing
Systems)
ระบบตรวจจับประกายไฟและดับไฟประกอบด้วยอุปกรณ์ตรวจจับหลาย ๆ ตัวที่
ติดตั้งอยู่บนท่อลําเลียง ตู้ควบคุมจะอยู่ในที่ที่เข้าถึงได้อย่างปลอดภัย และชุดโซลีนอยด์วาล์วและหัวสเปรย์
ติดตั้งบนท่อด้านปลายทางของอุปกรณ์ตรวจจับ ดังแสดงในรูป ข.1.1.2
เมื่อประกายไฟหรือวัสดุที่ติดไฟผ่านเข้า
มา อุ ป กรณ์ ต รวจจั บ จะส่ ง สั ญ ญาณเตื อ นไป
กระตุ้นวาล์วของระบบดับเพลิงให้สะสมปริมาณ
น้ําให้เพียงพอสําหรับการสเปรย์ก่อนที่ประกายไฟ
จะเดินทางมาถึง การสเปรย์น้ําควรมีระยะเวลาที่
นานพอเพื่อให้แน่ใจว่าประกายไฟถูกดับแล้วจึง
ปิดน้ํา วิธีนี้เป็นวิธีการลดปริมาณน้ําที่เข้าไปในท่อ
ให้น้อยที่สุด โดยที่ขณะนั้นระบบลําเลียงด้วยลม
ยังคงใช้งานอยู่โดยไม่ต้องปิด ประกายไฟที่เข้ามา
ในท่อจะถูกดับลง
รูป ข.1.1.2 แสดงระบบตรวจจับประกายไฟและดับไฟ
ภาคผนวก ข - 2
แสดงคลื่นพลังงานของไม้โอ๊คติดไฟและเปลวไฟน้ํามัน เปรียบเทียบกับช่วงคลื่นที่อุปกรณ์ตรวจจับประกาย
ไฟ/วัสดุติดไฟ มีความไวในการตรวจจับได้
ช่วงความไวของอุปกรณ์ตรวจจับประกายไฟหรือวัสดุติดไฟทับกับกราฟในรูป
ข.1.2.1 แสดงให้เห็นว่า อุปกรณ์ตรวจจับประกายไฟหรือวัสดุติดไฟตรวจจับการแผ่รังสีจากวัสดุติดไฟ
(ประกายไฟ) และเปลวไฟได้
ภาคผนวก ข - 3
อุปกรณ์ตรวจจับ แผงควบคุม และโซลีนอยด์วาล์ว ควรตรวจสอบได้และไว้ใจได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม
หากไม่สามารถคาดการณ์เวลาที่ประกายไฟถึงประตูระบายทิ้งได้ ระบบเหล่านี้ก็ไม่เหมาะสม
เวลาที่ป ระกายไฟเดิ น ทางมาถึ ง ขึ้ น อยู่ กั บ ความเร็ วลมในระบบลํา เลี ย งและ
ระยะห่างระหว่างอุปกรณ์ตรวจจับและระบบดับไฟ ระบบตรวจจับประกายไฟและดับไฟส่วนมากมีสูตร
คํานวณสําหรับระยะห่างระหว่างอุปกรณ์ตรวจจับกับประตูระบายทิ้งหรือระบบดับเพลิง โดยทั่วไปจะเป็น
ดังนี้
ความเร็วลมซึ่งหมายถึง ความเร็วของวัสดุติดไฟเป็นค่าคงที่และสามารถควบคุมได้
จึงจําเป็นต้องกําหนดความเข้มข้นของวัสดุเผาไหม้ให้น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของ LFL หรือ MEC ถ้าความเข้มข้น
เกินค่า LFL หรือ MEC การระเบิดจะเกิดขึ้นได้หากมีประกายไฟ ความเร็วของหน้าของเปลวไฟเท่ากับ
ผลรวมของความเร็วหน้าของเปลวของสารสันดาปในความเข้มข้นนั้นบวกกับความเร็วอากาศในระบบ
ลําเลียงนั้น เปลวการระเบิดจะเคลื่อนผ่านประตูระบายทิ้งก่อนที่ประตูจะทํางานหรือผ่านจุดดับไฟก่อนที่
วาล์วจะเปิดเพื่อพ่นสเปรย์น้ํา จึงเป็นเหตุผลว่าทําไมระดับความเข้มข้นของวัสดุสันดาปได้จึงมีความสําคัญ
มาก ระบบตรวจจับประกายไฟบนสายพานลําเลียงที่มีความเข้มข้นสูงกว่า LFL หรือ MEC จะไม่สามารถ
ช่วยป้องกันสถานที่น้นั หรือผู้ที่อยู่ในที่น้นั หากเกิดการปะทุระเบิด
ภาคผนวก ข - 4
และสามารถจุดติดไฟทําให้เกิดเพลิงไหม้ต่อไปซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่อยู่ในอาคารนั้น รูป ข.2.1 เป็น
แผนภูมิแสดงระบบนี้
ภาคผนวก ข - 5
ตรวจจับประกายไฟที่ทําหน้าที่กระตุ้นการทํางานของประตูระบายทิ้ง จะถูกติดตั้งที่ท่อออกจากภาชนะดัก
ฝุ่นเพื่อทําการตรวจจับขั้นที่สอง ระบบนี้ได้แสดงในรูป ข.2.4
ภาคผนวก ข - 6
หัวสเปรย์ ระบบน้ําสําหรับดับไฟจะต้องเชื่อถือได้และมีสวิตช์ควบคุมความดัน เนื่องจากระบบดับไฟติด
ตั้งอยู่กับท่อซึ่งอาจจะอยู่ภายนอก ควรจะมีวิธีการป้องกันไม่ให้น้ําแข็งตัวในท่อ หากระบบดับไฟมีการใช้
งานอย่ างสม่ํ าเสมอ ก็ไม่จําเป็นที่จะต้องใช้สารป้องกันการเยือกแข็ง แต่ระบบตรวจจับความร้อนเป็น
ส่วนประกอบที่ต้องมีในระบบ โดยมีเทอร์โมสแต็ทควบคุมอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนและส่งสัญญาณเตือน
เมื่อเกิดการเยือกแข็งของน้ํา
ประการสุดท้าย ส่วนประกอบที่ควรมีเป็นส่วนหนึ่งของระบบ คือ การทดสอบระบบ การ
บันทึกการเกิดเหตุ และอุปกรณ์ตรวจสอบการไหล
ภาคผนวก ข - 7
ภาคผนวก ค
ภาคผนวก ค. วิธีแยกการลุกลามของการระเบิด
(Deflagration Propagation Isolation Methods)
ค.1 หน้าเปลวไฟที่เกิดจากการระเบิดสามารถลุกลามผ่านระบบท่อที่เชื่อมต่อถึงกันไปยังอุปกรณ์อื่นที่ไม่มี
การป้องกันและจากอุปกรณ์ภายนอกอาคารเข้าไปยังภายในอาคาร รูป ค.1 แสดงการลุกลามของแรง
ระเบิดเมื่อไม่มีการแยกออกจากกัน วิธีการแยกดังในรูป 4.4.1.4 (2) ค. 4.4.1.4 (2) ง. และ 4.4.1.4 (2) จ.
สามารถใช้ป้องกันการลุกลามการระเบิดโดยการหยุดยั้งหน้าเปลวไฟได้
ควรจะพิจารณาทั้งทิศทางและขนาดของการลุกลามที่อาจจะเกิดขึ้น โดยปกติ การระเบิดของ
ฝุ่นจะเกิดในสภาวะที่เชื้อเพลิงมีความเข้มข้นมาก (สูงกว่าค่าอัตราส่วนเชื้อเพลิงต่ออากาศ) ทําให้ปริมาตร
ของการขยายหลายเท่าตัวจากปริมาตรเริ่มต้น
ภาคผนวก ค - 1
ความเสียหายของทรัพย์สินอย่างมีนัยสําคัญ ในกรณีตรงข้ามที่ไม่มีการป้องกันอย่างเพียงพอ การลุกลาม
ของเปลวไฟที่เกิดจากการระเบิดจะก่อให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงมากขึ้น
ค.3.1 ในกรณีที่มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลาย ๆ ตัวด้วยระบบท่อ โดยที่อุปกรณ์แต่ละตัวและแต่ละ
ท่อมีการติดตั้งอุปกรณ์ระบายการระเบิด การระเบิดของฝุ่นก็ยังสามารถลามไปทั่วทั้งระบบ อุปกรณ์
ระบายการระเบิดของภาชนะที่เกิดการระเบิดครั้งแรกจะป้องกันไม่ให้ภาชนะเสียหายจากแรงระเบิด ถ้า
ก่อนเกิดการระเบิด ความเข้มข้นภายในระบบท่อมีค่าต่ํากว่า MEC การระเบิดก็ยังสามารถลามไปยังภาชนะ
ถัดไปได้ แต่อุปกรณ์ระบายการระเบิดของภาชนะตัวนั้นจะสามารถป้องกันความเสียหายของภาชนะนั้นจาก
แรงระเบิด ในกรณีนี้ การติดตั้งอุปกรณ์ก้ันแยกการระเบิดจะไม่ช่วยลดความเสียหายของทรัพย์สินหรือ
อันตรายต่อชีวิตอย่างมีนัยสําคัญ
ค.3.2 ถ้าก่อนเกิดการระเบิด ความเข้มข้นของฝุ่นภายในเส้นท่อที่ต่อเชื่อมมีค่าสูงกว่า MEC การ
ลามไปตามท่อจะเพิ่มความเร่งของหน้าเปลวไฟ เมื่อไม่มีอุปกรณ์ระบายการระเบิดในระบบท่อ ความเร่ง
ของเปลวจะส่งผลให้เกิดความดันในภาชนะที่อยู่ปลายท่อและเกิดแรงดันสูงในภาชนะใบที่สอง การระเบิดใน
ลักษณะนี้ แม้ภาชนะนั้นจะมีอุปกรณ์ระบายการระเบิดแบบ Deflagration ซึ่งออกแบบถูกต้องตาม NFPA
68, ข้อแนะนําสําหรับการระบายแรงดันการระเบิดแบบ Deflagration ก็ไม่สามารถรับมือสภาวะที่รุนแรงนั้น
ได้ ภาชนะนั้ น จะเกิ ดระเบิ ด ออกอย่ างรุ น แรง ก่ อ ให้ เ กิ ดทรั พย์ สิ น เสี ย หายและอั น ตรายต่ อ ชี วิ ต ดัง นั้ น
อุปกรณ์ก้นั แยกการระเบิดจึงเป็นส่วนประกอบที่สําคัญในการจัดการความเสี่ยงจากอัคคีภัยและการระเบิด
ค.3.3 ในกรณีนี้ อุปกรณ์ดักฝุ่นจํานวนมากของไซโลบรรจุ การระเบิดพื้นฐานในอุปกรณ์ดักฝุ่น
สามารถทนต่ออันตรายจากการระเบิดในระดับที่ยอมรับได้ ถ้ามีการติดตั้งการระบายการระเบิดที่เพียงพอ
ทําหน้าที่ดักฝุ่นจากไซโลจํานวนมาก การระเบิดที่เกิดในอุปกรณ์ดักฝุ่นนี้ ก่อให้เกิดความเสียหายที่รุนแรง
ต่ออุปกรณ์ดักฝุ่นหากไม่มีการติดตั้งการระบายระเบิดที่เพียงพอตาม NFPA 68 ข้อแนะนําสําหรับการ
ระบายแรงดัน การระเบิ ดแบบ Deflagration ยิ่งไปกว่านั้ น การระเบิ ดนี้ สามารถทําให้เกิดการลามทวน
กระแสไปยังไซโลที่ต่อเชื่อมกันทั้งหมดและทําให้วัสดุที่เก็บในไซโลเกิดการติดไฟ ซึ่งจะทําให้เกิดความ
เสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และการหยุดชะงักของการผลิต ในกรณีนี้ ควรมีการติดตั้งอุปกรณ์ก้ันแยกการ
ระเบิดเหมือนกรณี ค 3.2
ภาคผนวก ค - 2
ภาคผนวก ง
ภาคผนวก ง. การใช้น้ําในการดับไฟที่เกิดจากอนุภาคของแข็งสันดาปได้
(Use of Water as Extinguishing Agent for combustible Particulate Solids)
ง.1 ดังที่ระบุว่าปฏิกิริยาของอนุภาคของแข็งสันดาปได้กับน้ํามีผลต่อประสิทธิภาพในการดับไฟด้วยน้ํา
อนุภาคของแข็งที่เข้ากันได้กับน้ําเป็นสารที่สามารถจะใช้น้ําในการดับไฟและไม่ทําปฏิกิริยากับ
น้ําและไม่เกิดสารผสมกับน้ํา ของแข็งเหล่านี้ ได้แก่
(1) ฝุ่นขี้เลื่อยไม้ เส้นใยไม้ ชิ้นไม้ขนาดเล็ก และขี้กบ
(2) ฝุ่นกระดาษที่เกิดจากการใช้ข้นั สุดท้าย
(3) ขยะจากชุมชน รวมถึงเชื้อเพลิงที่เกิดจากขยะ
(4) ก้อน เม็ด และฝุ่นถ่านหิน
(5) พลาสติกและกระดาษที่ถูกตัดเป็นชิ้น ๆ ในโรงงานรีไซเคิล
(6) ผงและเม็ดพลาสติก
(7) ไม้คอร์คป่นที่ใช้ในการผลิตวัสดุปูพ้ืน
(8) เศษผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเช่น เมล็ดน้ํามันพืชที่เหลือจากการหีบน้ํามัน เปลือกเมล็ด
วอลนัท เมล็ดโกโก้ในโรงงานปลอกเปลือก
(9) ขนสัตว์ปีกในเครื่องอบ
สมบัติทางเคมีและกายภาพ ขนาดของอนุภาค และอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตที่เกี่ยวข้องกับวัสดุ
ข้างต้นมักจัดอยู่ในประเภทเข้ากันได้กับน้ํา ข้อคํานึงที่สําคัญคือ การจุดติดไฟของหมอกฝุ่นในอุปกรณ์แยก
วัสดุ-อากาศ หรือในภาชนะเก็บ เมื่อเกิดแหล่งติดไฟที่ต้นทาง ความเสี่ยงจะลดลงถ้าประกายไฟหรือวัสดุที่
ติดไฟถูกตรวจจับและถูกดับลงก่อนที่จะเข้าไปในอุปกรณ์แยกหรือภาชนะเก็บ ในบางกรณี สามารถใช้ระบบ
ตรวจจับประกายไฟและดับไฟด้วยสเปรย์น้ําได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะวัสดุน้นั ไม่เสียหายเมื่อเปียกน้ํา
ในการอบ ตัด ย่อย และบดวัสดุ การใช้น้ําไม่ก่อให้เกิดปัญหากับวัสดุที่ถูกลําเลียงหรืออุปกรณ์
ที่ใช้ ตัวอย่างเช่น ในโรงงานไม้ ขี้เลื่อยมักจะขายเป็นวัตถุดิบสําหรับทําไม้อัดหรือใช้เป็นเชื้อเพลิงให้ความ
ร้อนกับโรงงาน ความชื้นที่เกิดจากระบบดับไฟจึงไม่สร้างปัญหากับการนําขี้เลื่อยไปใช้ ดังนั้น จึงสามารถใช้
การตรวจจับประกายไฟและดับไฟแบบสเปรย์น้ําในการป้องกันอัคคีภัยได้ สําหรับการใช้งานอื่น ๆ ระบบฉีด
น้ําดับไฟแบบต่อเนื่องจะมีความเหมาะสมกว่าแม้ว่าอาจจะทําให้มีการไหลของวัสดุหรือการผลิตหยุดชะงัก
ภาคผนวก ง - 2