Professional Documents
Culture Documents
นอกจากนี้ยงั ได้รบั ความร่วมมือเป็ นอย่างดีจาก บริษทั เอเชีย ซิลโิ คนส์ โมโนเมอร์ จํากัด
บริษทั สยามเคมีคอลอินดัสตรี้ จํากัด บริษทั ระยอง เทอร์มนิ ลั จํากัด และบริษทั พีทที ี แทงค์ เทอร์มนิ ลั จํากัด
ในการให้ขอ้ มูลและอํานวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ ในการนําแบบตรวจสอบถังเก็บสารเคมีไปทดลอง
ใช้ ตลอดจนให้ความเห็นและข้อเสนอแนะ เพือ่ ให้คมู่ อื นี้มคี วามสมบูรณ์ครบถ้วนและเกิดประโยชน์สงู สุด
ต่อผูป้ ระกอบกิจการโรงงาน กรมโรงงานอุตสาหกรรมและคณะผูจ้ ดั ทําใคร่ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
คํานํา
บทที่ หน้ า
1 ความรู้ทวไป
ั่ 1-1
1.1 คําจํากัดความ 1-1
1.2 เกณฑ์การจําแนกประเภท 1-1
1.3 สมบัตทิ างกายภาพ 1-2
1.4 การสือ่ สารความเป็ นอันตราย 1-5
1.5 ชนิดของถังเก็บสารเคมีโดยทัวไป ่ 1-9
2 กฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง 2-1
2.1 การขออนุญาตก่อสร้างถังเก็บสารเคมี 2-1
2.2 การดําเนินงานเกีย่ วกับถังเก็บสารเคมี 2-3
3 การเลือกและออกแบบถังเก็บของเหลวไวไฟ 3-1
3.1 การเลือกและออกแบบถังเก็บของเหลวไวไฟ 3-1
3.2 การเลือกชนิดวัสดุสาํ หรับถังเก็บและส่วนประกอบของถัง 3-2
3.3 การเลือกชนิดและเกรดของเหล็ก 3-3
3.4 การออกแบบและการคํานวณความหนาของถังเก็บ 3-7
3.5 การเจาะรูและการติดตัง้ ท่อทีผ่ นังของถัง (Shell openings) 3-14
3.6 การคํานวณนํ้าหนักถังเก็บ 3-15
3.7 การเคลือบ / ปูผวิ ถังเก็บสารเคมี (Coating/Lining) 3-16
4 การเลือกสถานที่ 4-1
4.1 การเลือกพืน้ ทีส่ าํ หรับก่อสร้างถังเก็บสารเคมี 4-1
4.2 การจัดวางถังเก็บสารเคมี 4-7
5 การติ ดตัง้ และการใช้งานถังเก็บของเหลวไวไฟ 5-1
5.1 ส่วนประกอบพืน้ ฐานและอุปกรณ์วดั ระดับของเหลว 5-1
(Basic component and level devices)
5.2 อุปกรณ์สาํ หรับระบบระบายความดัน (Venting devices) 5-4
5.3 อุปกรณ์สาํ หรับป้องกันฟ้าผ่า และการต่อลงดิน (Lightning and Grounding system) 5-6
5.4 อุปกรณ์สาํ หรับระบบป้องกันและระงับไฟไหม้ (Fire protection device) 5-7
5.5 อุปกรณ์เฉพาะเพิม่ เติมอื่นๆ 5-10
ก
สารบัญ (ต่อ)
บทที่ หน้ า
6 การสร้างฐานรากคอนกรีต 6-1
6.1 คุณสมบัตกิ ารรับกําลังของชัน้ ดิน 6-1
6.2 การกําหนดขนาดฐานราก 6-2
6.3 นํ้าหนักกระทําบนฐานรากและแรงปฏิกริ ยิ า 6-3
6.4 การเลือกชนิดของฐานราก 6-3
6.5 นํ้าหนักและแรงกระทําต่อฐานราก 6-4
6.6 ขัน้ ตอนการออกแบบฐานรากถัง 6-5
6.7 การคํานวณฐานราก 6-7
6.8 การสร้างฐานรากคอนกรีต 6-7
7 มาตรการความปลอดภัยและแผนฉุกเฉิ น 7-1
7.1 มาตรการความปลอดภัยสําหรับถังเก็บของเหลวไวไฟ 7-1
7.2 แผนฉุกเฉิน 7-4
8 การตรวจสอบและการบํารุงรักษา 8-1
8.1 การตรวจทดสอบก่อนใช้งาน 8-1
8.2 การตรวจสอบระหว่างการใช้งาน 8-2
9 แบบตรวจสอบถังเก็บของเหลวไวไฟ (Checklist) 9-1
ภาคผนวก
ก.1 ตารางเปลีย่ นหน่วย
ข.1 ความสมดุลระหว่างเส้นผ่านศูนย์กลางและความสูงของถัง
ข.2 ข้อมูลเบือ้ งต้นทีต่ อ้ งการใช้ในการคํานวณ
ข.3 การคํานวณหาความหนาของเปลือกถัง (Shell) ชัน้ ที่ n
ข.4 ค่าความเค้นของวัสดุแต่ละชนิด
ข.5 การคํานวณค่าความเค้นสูงสุด
ข.6 ตัวอย่างวัสดุปผู วิ ถังเก็บของเหลวต่างๆ
ค ตัวอย่างการคํานวณสําหรับถังเก็บของเหลวไวไฟ
ง วิธกี ารอัดนํ้าเพือ่ ทดสอบความดัน (Hydrostatic test), วิธกี ารวัดค่าความดิง่ (Plumbness), วิธกี าร
วัดค่าโก่งตัวหรือยุบตัวของผนังถัง
เอกสารอ้างอิ ง
ข
สารบัญรูป
รูปที่ หน้ า
1.1 ช่วงของการระเบิด 1-3
1.2 ป้ายแสดงความเป็ นอันตรายของสารเคมีตามมาตรฐาน NFPA 1-6
1.3 ตัวอย่างการติดป้ายแสดงความเป็ นอันตรายบนถังเก็บสารเคมีตามมาตรฐาน NFPA 1-6
1.4 ชนิดของถังเก็บสารเคมี 1-9
1.5 ส่วนประกอบของถังเก็บชนิดหลังคาไม่เคลื่อนที่ 1-10
1.6 ส่วนประกอบของถังเก็บชนิดหลังคาเคลื่อนทีภ่ ายนอก 1-12
(External floating roof tank)
1.7 ส่วนประกอบของถังเก็บชนิดหลังคาเคลื่อนทีภ่ ายใน (Internal floating roof tank) 1-13
2.1 ขัน้ ตอนการขออนุ ญาตก่อสร้างถังเก็บสารเคมีตาม 2-2
พระราชบัญญัตคิ วบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
3.1 ค่าอุณหภูมใิ ช้งานทีเ่ หมาะสมสําหรับเหล็กแต่ละกลุ่ม 3-5
3.2 ข้อมูลเบือ้ งต้นของถังเก็บ 3-9
3.3 ส่วนประกอบบริเวณพืน้ ถัง 3-12
3.4 การเชื่อมบริเวณหลังคากับผนังถัง และบริเวณพืน้ ถังกับผนังถัง 3-14
3.5 การเจาะรูเพือ่ ติดตัง้ Nozzles และช่องคนลง 3-14
3.6 แนวทางการออกแบบถังเหล็กกล้าสําหรับเก็บของเหลวไวไฟ 3-17
4.1 ตัวอย่างรูปแสดงระยะห่างตามกฎหมายควบคุมอาคาร 4-2
4.2 ตัวอย่างรูปแสดงระยะห่างทีป่ ลอดภัยสําหรับถังเก็บสารเคมี 4-3
4.3 พืน้ ทีท่ ร่ี ถดับเพลิงไม่สามารถเข้าถึงได้ หรือ “Shadow zone” 4-7
6.1 สลักสมอยึดถัง 6-6
6.2 แป้นหูชา้ ง 6-7
7.1 การระบายของเหลวทีร่ วไหลไปยัั่ งพืน้ ทีก่ กั เก็บทีอ่ ยูร่ ะยะไกล 7-3
7.2 การบริหารจัดการแผนฉุกเฉิน 7-4
8.1 ตัวอย่างเครือ่ งมือวัดความหนาด้วยคลื่นเสียงชนิดอุลตร้าโซนิก 8-3
ค
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้ า
1.1 เกณฑ์สาํ หรับของเหลวไวไฟตามระบบ GHS 1-1
1.2 ตัวอย่างสารเคมีประเภทของเหลวไวไฟ 1-4
1.3 องค์ประกอบการสือ่ สารความเป็ นอันตรายสําหรับของเหลวไวไฟ 1-5
1.4 รายละเอียดและสรุปสัญลักษณ์ต่างๆ ของระบบ NFPA 1-7
1.5 เปรียบเทียบข้อดี-ข้อจํากัดของถังเก็บสารเคมีชนิดหลังคาไม่เคลื่อนที่ 1-14
กับชนิดหลังคาเคลื่อนที่
3.1 แสดงชนิดและความดันในการออกแบบสําหรับถังเก็บ 3-1
3.2 การเลือกชนิดถังเก็บของเหลวไวไฟ 3-2
3.3 ชนิดของเหล็กกล้าสําหรับ Plate ของถังเก็บของเหลวไวไฟ 3-3
3.4 ชนิดของเหล็กกล้าสําหรับ ท่อ ข้อต่อ และวัสดุทต่ี อ้ งใช้การตีขน้ึ รูป 3-6
ของถังเก็บของเหลวไวไฟ
3.5 ความหนาตํ่าสุดของเหล็กสําหรับผนังถังเก็บทีย่ อมรับได้ : tmin (มิลลิเมตร) 3-10
4.1 ระยะห่างทีป่ ลอดภัยสําหรับถังเก็บของเหลวไวไฟทีค่ วามดันไม่เกิน 17.2 psi 4-3
(หรือ 2.5 psig) ทีม่ ปี ริมาตร 1-500 ลูกบาศก์เมตร (D < 45 เมตร)
4.2 ระยะห่างทีป่ ลอดภัยสําหรับถังเก็บของเหลวไวไฟทีค่ วามดันมากกว่า 17.2 psi 4-5
(หรือ 2.5 psig) ทีม่ ปี ริมาตร 1-500 ลูกบาศก์เมตร (D < 45 เมตร)
5.1 ส่วนประกอบพืน้ ฐานและอุปกรณ์วดั ระดับของเหลว 5-2
5.2 อุปกรณ์สาํ หรับระบบระบายความดัน 5-5
5.3 อุปกรณ์สาํ หรับป้องกันฟ้าผ่า และการต่อลงดิน 5-7
5.4 อุปกรณ์สาํ หรับระบบป้องกันและระงับไฟไหม้ 5-8
6.1 กําลังแบกทานของดิน ตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 6-2
6.2 ข้อดี ข้อเสีย ของฐานรากแต่ละประเภท 6-3
8.1 การป้องกันการกัดกร่อน 8-4
8.2 ความถีใ่ นการตรวจสอบแต่ละประเภท 8-5
ง
บทที่ 1 ความรู้ทวไป
ั่
1.1 คําจํากัดความ
ตามคําจํากัดความของระบบ GHS “ของเหลวไวไฟ” หมายถึง ของเหลวทีม่ จี ุดวาบไฟไม่เกิน
93 องศาเซลเซียส
1.2 เกณฑ์การจําแนกประเภท
ด้วยคูม่ อื นี้มขี อบข่ายครอบคลุมถังเก็บของเหลวไวไฟ ดังนัน้ จึงยกแนวทางในการจําแนกประเภท
ของเหลวไวไฟ (Flammable liquids) ตามข้อกําหนดของระบบการจําแนกประเภทและติดฉลากสารเคมี
ทีเ่ ป็ นระบบเดียวกันทัวโลก ่ (Globally Harmonized System of Classification and Labelling of
Chemicals) หรือระบบ GHS โดยตามแนวทางการจําแนกประเภทของระบบ GHS ของเหลวไวไฟ
จําแนกเป็ นประเภทย่อยได้สป่ี ระเภทย่อยแสดงดังตารางที่ 1.1
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 1-1
1.3 สมบัติทางกายภาพ
ในการจัดเก็บของเหลวไวไฟ ผูป้ ระกอบกิจการโรงงานจําเป็ นต้องทราบสมบัตทิ างกายภาพ
พืน้ ฐานของของเหลวไวไฟ ดังนี้
1-2 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
รูปที่ 1.1 ช่วงของการระเบิด3
3
ปรับปรุงรูปจาก http://www.exveritas.com/introduction-to-expolsive-atmospheres/
4
พจนานุกรมเคมี (Dictionary of Chemistry), ISBN 978-616-7136-73-8 โดย รศ.ดร.สมพงศ์ จันทร์โพธิศรี
์
5
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 และสามารถสืบค้นจาก http://www.royin.go.th/dictionary/
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 1-3
Unstable liquid : เป็ นของเหลวทีส่ ามารถเกิดปฏิกริ ยิ าพอลิเมอร์ไรเซชัน่ สลายตัว ควบแน่น
ภายใต้สภาวะการทํางานปกติ
Stable liquid : เป็ นของเหลวทีไ่ ม่สามารถเกิดปฏิกริ ยิ าพอลิเมอร์ไรเซชัน่ สลายตัว ควบแน่น
ภายใต้สภาวะการทํางานปกติ
1-4 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
1.4 การสื่อสารความเป็ นอันตราย
เนื่องจากปจั จุบนั ยังไม่มขี อ้ กําหนดเรือ่ งการสือ่ สารความเป็ นอันตรายทีถ่ งั เก็บของเหลวไวไฟ
ในคูม่ อื ฉบับนี้แนะนําให้การสือ่ สารความเป็ นอันตรายทีถ่ งั เก็บของเหลวไวไฟ ควรเป็ นไปตามข้อกําหนด
ในระบบ GHS และ/หรือ NFPA ทัง้ นี้ ขึน้ อยูก่ บั กฎระเบียบทีเ่ กีย่ วข้องทีก่ าํ หนดโดยหน่วยงานทีก่ าํ กับ
ดูแลของเหลวไวไฟในแต่ละประเภท โดยสัญลักษณ์ของเหลวไวไฟตามระบบ GHS และความหมายของ
สัญลักษณ์ในแต่ละประเภทย่อยแสดงดังตารางที่ 1.3
2 อันตราย ของเหลวและไอระเหยไวไฟสูง
3 ระวัง ของเหลวและไอระเหยไวไฟ
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 1-5
Flammable
Health Reactivity
Special
1-6 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ตารางที่ 1.4 รายละเอียดและสรุปสัญลักษณ์ต่างๆ ของระบบ NFPA
ระดับ ความหมาย
0 ไม่ตดิ ไฟ
ต้องทําให้รอ้ นขึน้ ก่อนจึงจะสามารถลุกไหม้หรือติดไฟได้
1
จุดวาบไฟสูงกว่า 93.4 องศาเซลเซียส
ต้องทําให้อุ่นขึน้ หรือสูงกว่าอุณหภูมโิ ดยรอบจึงจะสามารถลุกไหม้ได้
2
จุดวาบไฟตัง้ แต่ 37.8 แต่ไม่ถงึ 93.4 องศาเซลเซียส
สามารถติดไฟได้ภายใต้อุณหภูมโิ ดยรอบในเกือบทุกสภาวะ
3
จุดวาบไฟตัง้ แต่ 22.8 แต่ไม่ถงึ 37.8 องศาเซลเซียส
4 มีไอและติดไฟได้งา่ ยทีอ่ ุณหภูมปิ กติ จุดวาบไฟตํ่ากว่า 22.8 องศาเซลเซียส
ระดับ ความหมาย
0 ไม่เป็ นอันตรายต่อสุขภาพ
1 สามารถทําให้เกิดการระคายเคือง
2 สามารถทําให้สญ
ู เสียความสามารถชัวขณะหรื
่ อบาดเจ็บเล็กน้อย
3 สามารถทําให้บาดเจ็บอย่างรุนแรงหรือถาวร
4 สามารถทําให้เสียชีวติ ได้
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 1-7
สีเหลือง :การทําปฏิ กิริยาที่เป็ นอันตราย สามารถแบ่งออกได้เป็ น 5 ระดับ คือ
ระดับ ความหมาย
0 เสถียร
สีขาว : อันตรายเฉพาะ
สัญลักษณ์ ความหมาย
ทําปฏิกริ ยิ าอย่างรุนแรงหรือระเบิดอย่างรุนแรงกับนํ้า
COR สารกัดกร่อน
OX สารออกซิไดซ์
สารกัมมันตรังสี
ACID กรด
ALK ด่าง
1-8 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
1.5 ชนิ ดของถังเก็บสารเคมีโดยทัวไป
่
ในปจั จุบนั ถังเก็บสารเคมีทใ่ี ช้ในภาคอุตสาหกรรม สามารถแบ่งออกเป็ น 3 ชนิด ดังรูปที่ 1.4
สําหรับถังเก็บของเหลวไวไฟ สามารถใช้เป็ นถังชนิดหลังคาไม่เคลื่อนที่ (Fixed roof tank) และถังชนิด
หลังคาเคลื่อนทีภ่ ายใน (Internal floating roof tank)
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 1-9
รูปที่ 1.5 ส่วนประกอบของถังเก็บชนิดหลังคาไม่เคลื่อนที่
1-10 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
คานหลัก จันทัน จันทัน
โครงถัก
เสาคํา้
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 1-11
1.5.2 ถังเก็บสารเคมีชนิ ดหลังคาเคลื่อนที่ (Floating roof tank)
1-12 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
Internal floating roof tank ถังชนิดนี้ ได้พฒ ั นาจากถังชนิดหลังคาเคลื่อนทีภ่ ายนอกทัวไป
่
จะมีหลังคาชนิดไม่เคลื่อนทีอ่ ยูภ่ ายนอกด้านบนของหลังคาชนิดเคลื่อนที่ เพือ่ ช่วยป้องกันการ
เกิดฟ้าผ่าบริเวณหลังคาของถังเก็บสารเคมี ช่องว่างระหว่างหลังคาชนิดไม่เคลื่อนทีแ่ ละ
หลังคาชนิดเคลื่อนทีอ่ อกแบบมาเพือ่ ใช้ในการหมุนเวียน และถ่ายเทอากาศสูส่ งิ่ แวดล้อม
ภายนอก ด้วยการออกแบบแบบนี้จะช่วยให้การสะสมของไอระเหยของสารเคมีหรือของเหลวที่
จัดเก็บในถังเก็บสารเคมีลดลง และลดโอกาสการเกิดการลุกติดไฟของไอระเหยดังกล่าว
สําหรับส่วนประกอบพืน้ ฐานของถังชนิดหลังคาเคลื่อนทีภ่ ายในแสดงในรูปที่ 1.7 สําหรับ
ลักษณะหลังคาไม่เคลื่อนทีท่ อ่ี ยูภ่ ายนอกด้านบน สามารถดูรายละเอียดเพิม่ เติมประกอบในถัง
ชนิดหลังคาไม่เคลื่อนที่
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 1-13
ตารางที่ 1.5 เปรียบเทียบข้อดี-ข้อจํากัดของถังเก็บสารเคมีชนิดหลังคาไม่เคลื่อนที่กบั ชนิดหลังคา
เคลื่อนที่
ชนิ ดของถังเก็บสารเคมี ข้อดี ข้อจํากัด
Fixed roof tank ประเภท - ออกแบบและติดตัง้ ง่าย - เหมาะใช้สาํ หรับของเหลวทีม่ คี ่าจุด
- Supported cone roof tank - เหมาะสําหรับกรณีทพ่ี น้ื ทีถ่ งั มีจาํ กัด วาบไฟมากกว่า 60 °C แต่สามารถ
- Self-supporting cone roof นํามาใช้กบั ของเหลวทีจ่ ุดวาบไฟน้อย
tank กว่า 60 °C กรณีทถ่ี งั มีเส้นผ่าน
ศูนย์กลางน้อยกว่า 15 เมตร1/
- ต้องก่อสร้างฐานรากทีแ่ ข็งแรงมากกว่า
เนื่องจากหลังคาแบบกรวยมีน้ําหนัก
มากกว่าหลังคาแบบโดม ราคาการ
ก่อสร้างฐานรากสูงกว่า
- อาจพิจารณาใช้ระบบควบคุม (Control
system) ทีเ่ หมาะสมรวมถึงควรจะมี
ระบบการปกคลุมด้วยก๊าซไนโตรเจน
หรือก๊าซเฉื่อย (Nitrogen/Inert gas
blanketing)2/
Fixed roof tank ประเภท - หลังคาทรงครึง่ วงกลม มีน้ําหนัก - เหมาะใช้สาํ หรับของเหลวทีม่ คี ่าจุด
Self-supporting dome roof น้อยกว่าหลังคาแบบกรวย ฐานราก วาบไฟมากกว่า 60 °C แต่สามารถ
tank รับนํ้าหนักน้อยกว่า ราคาการ นํามาใช้กบั ของเหลวทีจ่ ุดวาบไฟน้อย
ก่อสร้างฐานรากตํ่ากว่า กว่า 60 °C กรณีทถ่ี งั มีเส้นผ่าน
ศูนย์กลางน้อยกว่า 15 เมตร
- ออกแบบและติดตัง้ ยาก
- ไม่เหมาะสําหรับกรณีทพ่ี น้ื ทีถ่ งั มีจาํ กัด
- อาจพิจารณาใช้ระบบควบคุม (Control
system) ทีเ่ หมาะสมรวมถึงควรจะมี
ระบบการปกคลุมด้วยก๊าซไนโตรเจน
หรือก๊าซเฉื่อย
External floating roof tank - ไม่มชี อ่ งว่างทีเ่ ป็ นพืน้ ทีข่ องไอระเหย - เหมาะใช้สาํ หรับของเหลวทีม่ คี ่าจุด
ลดโอกาสการสะสมของไอระเหย วาบไฟน้อยกว่า 60 °C
และโอกาสทีอ่ าจเกิดบรรยากาศที่ - เหมาะสําหรับถังทีม่ เี ส้นผ่านศูนย์กลาง
สามารถติดไฟได้ 15 เมตรขึน้ ไป
- ลดการสูญเสียของเหลวเนื่องจากการ
ระเหย
- ช่วยลดการเกิดการปนเปื้ อนใน
อากาศ (Air pollution)
1-14 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ตารางที่ 1.5 เปรียบเทียบข้อดี-ข้อจํากัดของถังเก็บสารเคมีชนิดหลังคาไม่เคลื่อนที่กบั ชนิดหลังคา
เคลื่อนที่ (ต่อ)
ชนิ ดของถังเก็บสารเคมี ข้อดี ข้อจํากัด
Internal floating roof tank - ไม่มชี อ่ งว่างทีเ่ ป็ นพืน้ ทีข่ องไอระเหย - เหมาะใช้สาํ หรับของเหลวทีม่ คี ่าจุด
ลดโอกาสการสะสมของไอระเหย วาบไฟน้อยกว่า 60 °C
และโอกาสทีอ่ าจเกิดบรรยากาศที่ - เหมาะสําหรับถังทีม่ เี ส้นผ่านศูนย์กลาง
สามารถติดไฟได้ 15 เมตรขึน้ ไป
- ช่วยลดการเกิดการปนเปื้ อนใน - ราคาในการก่อสร้างสูง
อากาศ (Air pollution)
- ช่วยเพิม่ การป้องกันการเกิดเพลิง
ไหม้ได้
- มีอตั ราการปล่อยระบายไอออกสู่
ภายนอก (Vapor emission)
น้อยกว่าถังเก็บของเหลวชนิดหลังคา
เคลื่อนทีภ่ ายนอก เนื่องจาก ไม่ได้รบั
ผลกระทบจากการพัดของกระแสลม
(Wind effect)
หมายเหตุ จุดวาบไฟ ใช้การทดสอบด้วยวิธถี ว้ ยปิด (Closed-cup flash point)
1/ กรณีเลือกใช้ถงั เก็บแบบ Fixed roof tank สําหรับจัดเก็บของเหลวทีม่ จี ดุ วาบไฟน้อยกว่า 60 °C จะต้องพิจารณาถึงการติดตัง้ ระบบ
ความปลอดภัยเพิม่ เติม เช่น ระบบการปกคลุมด้วยก๊าซไนโตรเจนหรือก๊าซเฉื่อย (Nitrogen/Inert gas blanketing)
2/ การพิจารณาใช้ระบบการปกคลุมด้วยก๊าซไนโตรเจนหรือก๊าซเฉื่อย ให้พจิ ารณาจากชนิดของสาร ความอันตราย จุดวาบไฟ ผลกระทบ
ต่อสิง่ แวดล้อม ความดันไอของสารเหนือผิวของเหลว และอุณหภูมแิ วดล้อม ทีจ่ ดั เก็บสารเคมีนนั ้ ๆ
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 1-15
บทที่ 2 กฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 2-1
ขัน้ ตอนการขออนุญาต
2-2 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
2.2 การดําเนิ นงานเกี่ยวกับถังเก็บสารเคมี
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 2-3
ตัวอย่างแบบคําขออนุญาตก่อสร้าง ข.1
2-4 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
แบบ ข.1
คําขออนุญาตกอสรางอาคาร ดัดแปลงอาคาร หรือรื้อถอนอาคาร
เลขรับที่……………….
วันที…
่ …………………
ลงชื่อ…………ผูรับคําขอ
เขียนที.่ ..........................................................................
วันที่.......................... เดือน.................................................พ.ศ………….………
ขาพเจา…………………………………………………เจาของอาคารหรือตัวแทนเจาของอาคาร
เปนบุคคลธรรมดา อยูบานเลขที่……………….ตรอก/ซอย……………………………
ถนน…………………หมูท ี่………..ตําบล/แขวง…………………….อําเภอ/เขต……….………..จังหวัด…………………
เปนนิติบุคคลประเภท………….…….…………..จดทะเบียนเมื่อ……………….………
เลขทะเบียน…………………….………สํานักงานตัง้ อยูเลขที่………………………ถนน……………………………….…
หมูที่…….…..ตําบล/แขวง………………….………….อําเภอ/เขต………….……………….จังหวัด………………..…….
โดย……………………………………..ผูมีอํานาจลงชื่อแทนนิติบุคคลของผูขออนุญาต
อยูบานเลขที…
่ ……………ตรอก/ซอย……………….………..ถนน…………………………….……..หมูที่………..…….
ตําบล/แขวง……………………………..อําเภอ/เขต………………………………..จังหวัด…………………………..……..
ขอยื่นคําขอรับใบอนุญาต……………………………………..ตอเจาพนักงานทองถิ่น ดังตอไปนี้
ขอ 1 ทําการกอสรางอาคาร/ดัดแปลงอาคาร/รื้อถอนอาคาร ที่บานเลขที่…………………………
ตรอก/ซอย………………………………..ถนน…………………………..หมูท… ี่ ……ตําบล/แขวง………………….……
อําเภอ/เขต……………………………จังหวัด……………………………โดย……………………………………………..
เปนเจาของอาคาร ในที่ดินโฉนดที่ดิน เลขที่/น.ส.3เลขที่/ส.ค.1 เลขที่……………………………………………….………
เปนที่ดินของ………………………………………………………………………………………………………………….
ขอ 2 เปนอาคาร
(1) ชนิด………………………….จํานวน………………..เพื่อใชเปน………………………….
โดยมีที่จอดรถ ที่กลับรถ และทางเขาออกของรถ จํานวน…………….คัน
(2) ชนิด………………………….จํานวน………………..เพื่อใชเปน………………………….
โดยมีที่จอดรถ ที่กลับรถ และทางเขาออกของรถ จํานวน…………….คัน
(3) ชนิด………………………….จํานวน………………..เพื่อใชเปน………………………….
โดยมีที่จอดรถ ที่กลับรถ และทางเขาออกของรถ จํานวน…………….คัน
ตามแผนผังบริเวณ แบบแปลน รายการคํานวณประกอบแบบแปลน และรายการคํานวณทีแ่ นบมา
พรอมนี้
ขอ 3 มี………………………………………………………………เปนผูควบคุมงาน
………………………………………………………… ……………………………………เปนผูออกแบบและคํานวณ
ขอ 4 มี กําหนดแลวเสร็จใน……….วัน นับตั้งแตวันทีไ่ ดรบั ใบอนุญาต
ขอ 5 พรอมคําขอนี้ขาพเจาไดแนบเอกสารหลักฐานตาง ๆ มาดวยแลว คือ
(1) แผนผังบริเวณ แบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน จํานวน……….ชุด ชุดละ…………
(2) รายการคํานวณหนึ่งชุด จํานวน…………แผน (กรณีเปนอาคารสาธารณะ อาคารพิเศษหรือ
อาคารที่กอสรางดวยวัตถุถาวรและวัตถุทนไฟเปนสวนใหญ)
(3) หนังสือแสดงความเปนตัวแทนของอาคาร (กรณีตวั แทนเจาของอาคารเปนผูขออนุญาต)
-2-
(ลงลายมือชื่อ)………………………………………
(………………………………….)
ผูขออนุญาต
หมายเหตุ (1) ขอความใดที่ไมใชใหขดี ฆา
(2) ใสเครื่องหมาย ในชอง หนาขอความที่ตองการ
หมายเหตุของเจาหนาที่
จะตองแจงใหผูขออนุญาตทราบวา จะอนุญาตหรือไมอนุญาตหรือขยายเวลาภายใน
วันที…
่ ……………เดือน……………………………………..พ.ศ. ……………………
ผูขออนุญาตไดชําระคาธรรมเนียมใบอนุญาต………………………………เปนเงิน……………………บาท
และคาธรรมเนียมการตรวจแบบแปลน………………………..…………….เปนเงิน……………บาท ………………..สตางค
ตามใบเสร็จรับเงินเลมที…
่ …………………เลขที่…………………ลงวันที… ่ ……………เดือน………………..พ.ศ. ………..
ออกใบอนุญาตแลว เลมที… ่ ………..ฉบับ………….ลงวันที… ่ ………เดือน…………………พ.ศ…………
(ลงมือชื่อ)………………………………….
ตําแหนง………………………………
บทที่ 3 การเลือกและออกแบบถังเก็บของเหลวไวไฟ
3.1 การเลือกและออกแบบถังเก็บของเหลวไวไฟ
การเลือกและออกแบบถังเก็บของเหลวไวไฟ มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณา 2 ขัน้ ตอน ดังนี้
3.1.1 พิ จารณาจากความดันในการออกแบบ (Design pressure)
การเลือกมาตรฐานสําหรับใช้ออกแบบถังเก็บของเหลวไวไฟจะต้องพิจารณาจากค่าความดันใน
การออกแบบ (Design pressure) ซึง่ เป็ นความดันไอเหนือระดับของเหลวและมีคา่ ไม่น้อยกว่า 110%
ของค่าความดันไอทีแ่ ท้จริง (TVP)1 ของสารทีจ่ ะจัดเก็บทีอ่ ุณหภูมใิ ช้งานสูงสุดโดยแบ่งความดันในการ
ออกแบบออกเป็ น 3 ช่วงดังตารางที่ 3.1
1
ค่าความดันไอทีแ่ ท้จริง (True vapor pressure ; TVP) คือ ค่าความดันทีใ่ ช้บอกความสามารถในการกลายเป็ นไอของของเหลวในภาชนะ
ปิดทีส่ ภาวะสมดุล (Equilibrium) โดยทําการวัดทีอ่ ุณหภูมคิ งทีใ่ ดๆ อุณหภูมหิ นึ่งทีต่ อ้ งการ
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 3-1
ตารางที่ 3.2 การเลือกชนิดถังเก็บของเหลวไวไฟ
จุดวาบไฟ* ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถังเก็บ ประเภทถังเก็บ
จุดวาบไฟ < 60 °C < 15 เมตร Fixed roof tank**
≥ 15 เมตร Internal floating roof tank**
จุดวาบไฟ ≥ 60 °C ทุกขนาด Fixed roof tank
หมายเหตุ
* จุดวาบไฟในตารางเป็ นค่าอุณหภูมทิ ค่ี วามดันบรรยากาศซึง่ เป็ นอุณหภูมทิ ท่ี ดสอบด้วยวิธ ี Closed cup
** ในการพิจารณาเลือกใช้ถงั เก็บของเหลวไวไฟสําหรับจุดวาบไฟ < 60 °C ตามมาตรฐานความปลอดภัย ควรใช้ถงั เก็บแบบหลังคา
เคลื่อนทีภ่ ายใน (Internal floating roof tank) สําหรับถังเก็บทุกขนาด แต่กรณีทผ่ี ปู้ ระกอบกิจการโรงงานเลือกใช้ถงั เก็บแบบหลังคา
ไม่เคลื่อนที่ (Fixed roof tank) สําหรับถังเก็บเส้นผ่านศูนย์กลาง < 15 เมตร จะต้องพิจารณาถึงการติดตัง้ ระบบความปลอดภัยเพิม่ เติม
เช่น ระบบการปกคลุมด้วยก๊าซไนโตรเจนหรือก๊าซเฉื่อย เป็ นต้น
ในการเลือกวัสดุทจ่ี ะใช้สาํ หรับถังเก็บ ท่อ ข้อต่อ หน้าแปลน วัสดุทต่ี อ้ งใช้การตีขน้ึ รูป (Forging)2
ั ๊ างๆ สําหรับของเหลวไวไฟมีหลายชนิด และหลายเกรด เช่น เหล็กกล้า (Carbon steel หรือ Mild
ปมต่
steel), เหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless steel) เป็ นต้น การเลือกวัสดุสาํ หรับถังเก็บของเหลวไวไฟ
และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ ผูป้ ระกอบกิจการโรงงานจําเป็ นต้องคํานึงถึงปจั จัยดังต่อไปนี้
2
การตีขน้ึ รูป (Forging) หมายถึง กรรมวิธผี ลิตชิน้ ส่วนโดยไม่ตอ้ งผ่านกระบวนการหลอม โดยนําเหล็กมาให้ความร้อนทีอ่ ุณหภูมทิ ่ี
เหมาะสม ก่อนนําไปกด อัด หรือตีให้เป็ นรูปร่างตามทีต่ อ้ งการ แล้วนํามาประกอบทีห่ น้างาน การตีขน้ึ รูปทีอ่ ุณหภูมสิ งู (Hot forging)
จะใช้แรงในการตีน้อย ได้ขนาดเทีย่ งตรง แต่ผวิ งานไม่คอ่ ยดีนกั
3-2 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
3.3 การเลือกชนิ ดและเกรดของเหล็ก
สําหรับคูม่ อื ฉบับนี้จะแนะนําวัสดุทใ่ี ช้สาํ หรับถังเก็บทีอ่ า้ งอิงตามมาตรฐาน API 650 ซึง่ เป็ น
เหล็กกล้าทีม่ คี า่ Minimum yield strength ประมาณ 30-60 กิโลปอนด์ต่อตารางนิ้ว ซึง่ มีจาํ หน่ายและใช้
อยูใ่ นปจั จุบนั
การเลือกใช้แผ่นเหล็กสําหรับทําผนังถังเก็บของเหลวไวไฟ ให้พจิ ารณาชนิดและเกรดของแผ่น
เหล็ก (Plate) จากตารางที่ 3.3 ซึง่ เป็ นเกรดเหล็กทีส่ ามารถนําไปใช้สร้างถังเก็บของเหลวไวไฟ สําหรับ
อุณหภูมใิ ช้งานตัง้ แต่ 10 °C ขึน้ ไป ดังนัน้ ผูป้ ระกอบกิจการโรงงานสามารถเลือกใช้เหล็กเกรดใดก็ได้ใน
ตารางดังกล่าว โดยสามารถเลือกซือ้ เหล็กมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หรือมาตรฐาน JIS
ทีเ่ ทียบเท่ามาตรฐาน ASTM ซึง่ แบ่งกลุ่มของเหล็กออกเป็ น 6 กลุ่มตามกระบวนการผลิตเหล็ก และ
หลังจากเลือกเกรดเหล็ก และคํานวณความหนาของผนังถังเก็บในแต่ละชัน้ แล้ว ควรมีการตรวจสอบว่า
เกรดเหล็กทีเ่ ลือกเหมาะสมกับอุณหภูมใิ ช้งานหรือจําเป็ นต้องทํา Impact test เพิม่ เติม
3
สามารถดูชนิดและเกรดของเหล็กเพิม่ เติมจาก API 650 ตารางที่ 4-4a – (SI) Material group
4
ทีม่ า : API 650 หัวข้อ 4.2 : Material for Plate - ASTM Specification
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 3-3
ตารางที่ 3.3 ชนิดของเหล็กกล้าสําหรับ Plate ของถังเก็บของเหลวไวไฟ (ต่อ)
Plate specification ตาม API 650 Plate specification เทียบเท่า
กลุ่ม5
มาตรฐาน ความหนาสูงสุดที่
Grade มาตรฐาน มอก. มาตรฐาน JIS
ASTM6 สามารถผลิ ตได้ (มม.)
VI- Normalized, A537M/ A537 Class 1 45 G3115 SPV355N
มอก. 2060-254
Quenched, and Class 2 45 G3115 SPV450Q
Tempered, Killed, A633M/ A633 C 45 - G3126 SLA325
Fine-Grain Practice, D 45 - -
Reduce Carbon A678M/ A678 A 40 - -
B 45 - -
A737M/ A737 B 40 - G3126 SLA360
คําอธิบายกระบวนการผลิตในตาราง
: As Rolled เป็ นเหล็กทีถ่ ลุงและรีดตามกระบวนการทัวไป ่
: Killed เป็ นเหล็กทีถ่ ลุงแล้วไล่ก๊าซออกซิเจนออกจนหมดจากนัน้ นําไปรีดแล้วนําไปอบคืนให้เหนียว
: Normalized เป็ นกระบวนการนําเหล็กทีร่ ดี แล้วไปอบและทําให้เย็นลงเพือ่ ให้มกี ารจัดเรียงตัวของโครงสร้างและได้ขนาดของ grain เล็กลง
: Quenched and Tempered เป็ นกระบวนการเพิม่ ความแข็งทีผ่ วิ โดยการลดอุณหภูม ิ และเพิม่ ความเหนียวโดยการเพิม่ อุณหภูม ิ
: Semi-killed เป็ นเหล็กทีถ่ ลุงแล้วไล่กา๊ ซออกซิเจนออกบางส่วน จากนัน้ นําไปรีดแล้วนําไปอบคืนให้เหนียว
: Reduce carbon เป็ นเหล็กทีม่ ปี ริมาณคาร์บอนตํ่า
: Fine Grain Practice การปรับสภาพโครงสร้างให้มคี วามละเอียด
5
สามารถดูชนิดและเกรดของเหล็กเพิม่ เติมจาก API 650 ตารางที่ 4-4a – (SI) Material group
6
ทีม่ า : API 650 หัวข้อ 4.2 : Material for Plate - ASTM Specification
3-4 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
รูปที่ 3.1 ค่าอุณหภูมใิ ช้งานทีเ่ หมาะสมสําหรับเหล็กแต่ละกลุ่ม
(ทีม่ า : ปรับปรุงรูปจาก Figure 4.1a ใน API 650)
ข้อมูลเพิม่ เติม
ในกรณีทอี ่ ุณหภูมใิ ช้งานตํา่ กว่า 10 องศาเซลเซียส เมือ่ เลือกเกรดเหล็ก และคํานวณความหนาของผนังถังเก็บ
ในแต่ละชัน้ แล้ว ผูป้ ระกอบกิจการโรงงานจะต้องกลับมาดูตารางที ่ 3.3 ในช่องความหนาสูงสุดทีส่ ามารถผลิตได้ เพือ่
ตรวจสอบว่าความหนาของแผ่นเหล็กทีค่ าํ นวณได้มคี า่ อยูใ่ นเกณฑ์เกรดเหล็กทีเ่ ลือกมาใช้หรือไม่ ถ้าหากค่าความหนาที ่
คํานวณได้มคี า่ มากกว่าค่าความหนาสูงสุดทีส่ ามารถผลิตได้ผปู้ ระกอบกิจการโรงงานจะต้องเลือกเกรดของเหล็กใหม่
โดยเลือกจากกลุม่ เหล็กทีม่ สี มบัตทิ างกลสูงขึน้ นอกจากนี้ควรกลับมาตรวจสอบว่าเกรดเหล็กทีเ่ ลือกเหมาะสมกับ
อุณหภูมใิ ช้งานหรือจะต้องทํา Impact test เพิม่ เติม ดังรูปที ่ 3.1 (สามารถดูวธิ กี ารใช้งานกราฟในภาคผนวก ค)
สําหรับรายการมาตรฐานท่อเหล็กมีลกั ษณะดังนี้
A53 / A53M คือ ASTM A53 / A53M Standard Specification for Pipe, Steel, Black and
Hot-Dipped, Zinc-Coated, Welded and Seamless
A105/A105M คือ ASTM A105/A105M-14 Standard Specification for Carbon Steel
Forgings for Piping Applications
A106/A106M คือ ASTM A106/A106M-15 Standard Specification for Seamless Carbon
Steel Pipe for High-Temperature Service
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 3-5
A181/A181M คือ ASTM A181/A181M-14 Standard Specification for Carbon Steel
Forgings, for General-Purpose Piping
A333/A333M คือ ASTM A333/A333M-16 Standard Specification for Seamless and
Welded Steel Pipe for Low-Temperature Service and Other Applications with Required
Notch Toughness
A334/A334M คือ ASTM A334/A334M-04a (2016) Standard Specification for Seamless
and Welded Carbon and Alloy-Steel Tubes for Low-Temperature Service
A350/A350M คือ ASTM A350/A350M-15 Standard Specification for Carbon and Low-
Alloy Steel Forgings, Requiring Notch Toughness Testing for Piping Components
A524 คือ ASTM A524-96 (2012) Standard Specification for Seamless Carbon Steel
Pipe for Atmospheric and Lower Temperatures
ชนิดของเหล็กกล้าทีใ่ ช้สาํ หรับ ท่อ ข้อต่อ และวัสดุทต่ี อ้ งใช้การตีขน้ึ รูป (Forging) ของถังเก็บ
ของเหลวไวไฟแสดงตัวอย่างดังตารางที่ 3.4
3-6 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
การเลือกเกรดของเหล็กสําหรับทําท่อ มีขอ้ กําหนดดังนี้
ท่อทีน่ ํามาใช้เป็ น Manhole หรือ Nozzle ซึง่ เชื่อมต่อกับถังโดยตรงจะต้องเลือกท่อทีไ่ ม่มี
ตะเข็บ (Seamless)
ท่อทีไ่ ม่ได้เชื่อมต่อกับถังโดยตรงสามารถใช้ได้ทงั ้ แบบท่อมีตะเข็บ (Welded) และท่อทีไ่ ม่มี
ตะเข็บ (Seamless)
นอกจากพิจารณาชนิดของเหล็กสําหรับสร้างถังเก็บ ท่อ ข้อต่อ และวัสดุทต่ี อ้ งใช้การตีขน้ึ รูปแล้ว
ผูป้ ระกอบกิจการโรงงานยังต้องคํานึงถึงอุปกรณ์ทจ่ี ะใช้กบั ถังเก็บ เช่น ปมั ๊ วาล์ว ปะเก็น เป็ นต้น โดย
จะต้องพิจารณาจากความเข้ากันได้ และความทนทานต่อของเหลวทีจ่ ดั เก็บกับวัสดุสาํ หรับอุปกรณ์ต่างๆ
ซึง่ สามารถขอข้อมูลดังกล่าวได้จากผูข้ ายอุปกรณ์นนั ้ ๆ ดังตัวอย่างในภาคผนวก ข.6
3.4 การออกแบบและการคํานวณความหนาของถังเก็บ
หลังจากทราบชนิดและเกรดของเหล็กทีจ่ ะใช้ในการสร้างถังเก็บของเหลวไวไฟแล้ว ผูป้ ระกอบ
กิจการโรงงานจะต้องรวบรวมข้อมูลพืน้ ฐาน ได้แก่ เส้นผ่านศูนย์กลาง ระดับของของเหลว ค่าความ
ถ่วงจําเพาะ ค่าความเค้นของเหล็กแต่ละชนิด ขนาดแผ่นเหล็กทีม่ จี าํ หน่ายในท้องตลาด เพือ่ นําไปใช้
ประกอบการคํานวณความหนาของผนัง พืน้ ถัง และหลังคาของถังเก็บ อย่างไรก็ตาม ในการออกแบบ
ถังเก็บสารเคมีทุกประเภท จําเป็ นต้องใช้ผเู้ ชีย่ วชาญทีม่ คี วามรูแ้ ละประสบการณ์ดา้ นการออกแบบและ
สร้างถังเก็บเป็ นผูค้ าํ นวณและออกแบบถังเก็บดังกล่าว ซึง่ รายละเอียดทีจ่ ะอธิบายในหัวข้อต่อไปนี้
ได้รวบรวมข้อมูลพืน้ ฐานทีผ่ ปู้ ระกอบกิจการโรงงานควรทราบในแต่ละขัน้ ตอนทีอ่ ย่างน้อยต้องคํานึงถึง
และปฏิบตั ติ ามทีม่ าตรฐานกําหนด เพือ่ ให้เกิดความปลอดภัยในการดําเนินกิจกรรมต่างๆ เกีย่ วข้องกับ
ถังเก็บมากทีส่ ดุ สําหรับในหัวข้อนี้จะแบ่งรายละเอียดออกเป็ น 3 ส่วน ดังนี้
3.4.1 ผนังถังเก็บ
ในการคํานวณความหนาผนังถังเก็บ จะเริม่ คํานวณจากผนังชัน้ ล่างสุด โดยความหนาของผนังชัน้
ล่างสุดจะมีความหนามากทีส่ ดุ เนื่องจากต้องรับแรงดันและนํ้าหนักมากทีส่ ดุ แล้วจากนัน้ จึงคํานวณทีผ่ นัง
ชัน้ ทีอ่ ยูด่ า้ นบนถัดไปตามลําดับจนถึงชัน้ บนสุด โดยผูค้ าํ นวณจะต้องทราบข้อมูลเบือ้ งต้นดังต่อไปนี้
ข้อมูลของถัง
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 3-7
- ระดับการเติมของเหลวทัวไป ่ (Normal fill level) : เป็ นระดับของเหลวทีใ่ ช้งานทัวไป
่
ส่วนใหญ่กาํ หนดไว้ท่ี 80-90% ของระดับของเหลวออกแบบ
- ความสูงของผนังชัน้ บนสุด (Top of shell height) : เป็ นความสูงของถังทีว่ ดั จากแผ่นพืน้ ถัง
ถึงผนังชัน้ บนสุด ส่วนใหญ่ในการออกแบบจะคํานวณเผือ่ ความสูงไว้ประมาณ 10-20
เซนติเมตรจากระดับของเหลวออกแบบ
- ความจุสงู สุด (Maximum capacity) : เป็ นความจุของถังเก็บทีม่ ากทีส่ ดุ คํานวณจากระดับ
ของเหลวออกแบบ
- ความจุใช้งานสุทธิ (Net working capacity) : เป็ นความจุทใ่ี ช้งานทัวไปของถั
่ งเก็บ
ส่วนใหญ่กาํ หนดไว้ท่ี 80-90 % ของความจุสงู สุด
- ปริมาตรของเหลวใช้งานตํ่าสุดทีเ่ หลืออยูใ่ นถังเก็บ (Minimum capacity) : เป็ นปริมาตร
ของเหลวตํ่าสุดทีจ่ าํ เป็ นต้องเหลืออยูใ่ นถังเพือ่ สัมพันธ์กบั ระดับของเหลวออกแบบ
รายละเอียดข้อมูลของถังเก็บแสดงดังรูปที่ 3.2
ข้อมูลเฉพาะของสารที่จดั เก็บ
7
Handbook of Corrosion Data 2nd edition, edited by Bruce D. Craig, David S. Anderson, ASM International ®, 2002
(ISBN 0-87170-518-4)
3-8 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
รูปที่ 3.2 ข้อมูลเบือ้ งต้นของถังเก็บ
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 3-9
สําหรับตัวอย่างการคํานวณทีแ่ สดงในภาคผนวก ค กําหนดค่าอัตราการกัดกร่อนของเหล็กกับสาร
เมทานอลที ่ 0.508 มม.ต่อปี และสมมติคา่ อายุการใช้งานที ่ 30 ปี
- ค่าความเค้นสูงสุดขณะใช้งาน (Product design stress; Sd) และค่าความเค้นสูงสุดขณะอัด
นํ้าทดสอบ (Hydrostatic design stress; St ) ซึง่ เป็ นค่าเฉพาะสําหรับเหล็กแต่ละเกรดโดย
ตาม API 650 จะมีการกําหนดค่า Sd และ St ในภาคผนวก ข.5 สําหรับเหล็กตามมาตรฐาน
ASTM แต่กรณีทใ่ี ช้เหล็กตามมาตรฐานของแต่ละประเทศ เช่น มอก. (TIS) หรือ JIS
ผูค้ าํ นวณจะต้องคํานวณค่า Sd และ St เองจากสูตรด้านล่าง
3-10 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ถังเก็บของเหลวไวไฟอาจก่อสร้างด้วยวัสดุชนิดอื่น เช่น เหล็กกล้าไร้สนิม ซึง่ มี
วิธกี ารออกแบบผนังถังส่วนใหญ่เหมือนกับถังเหล็กกล้าในคูม่ อื ฉบับนี้ โดยมีขนั ้ ตอนทีแ่ ตกต่างกันคือ
ส่วนของการคํานวณค่าความเค้นสูงสุดขณะใช้งาน ; Sd และค่าความเค้นสูงสุดขณะอัดนํ้าทดสอบ ; St
โดยจะต้องคํานวณเองจากสูตรทีก่ าํ หนดข้างต้น ไม่มตี ารางสําเร็จรูปทีใ่ ช้งานได้เลยเหมือนเหล็กกล้า
ตามมาตรฐาน ASTM ทีร่ ะบุใน API 650 และหลังจากได้คา่ Sd , St แล้ว ให้นําค่าดังกล่าวมาคํานวณต่อ
เหมือนกับวิธกี ารคํานวณถังเหล็กกล้า
ในกรณีทต่ี อ้ งการให้ตดิ ตัง้ วงแหวนกันซึม (Drip ring) เพือ่ ป้องกันนํ้าซึมเข้าใต้กน้ ถังเก็บ โดย
วงแหวนกันซึมจะต้องมีความหนาอย่างน้อย 3 มิลลิเมตร และต้องเชื่อมด้วยวิธกี ารเชื่อมปิด
คลุมแบบต่อเนื่อง (Continuously seal-welded) ขอบของวงแหวนต้องยืน่ ออกมาด้านนอกจาก
ขอบฐานรากของถังอย่างน้อย 75 มิลลิเมตร และมีการดัดงอลงทีป่ ลายเป็ นมุมไม่เกิน 90º ตาม
รูปที่ 3.3 และอาจจะมีการเคลือบสารป้องกันการกัดกร่อนทีผ่ วิ ของวงแหวนเพิม่ เติม
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 3-11
รูปที่ 3.3 ส่วนประกอบบริเวณพืน้ ถัง
และกําหนดลักษณะแผ่นเหล็กรองผนังถังดังนี้
3.4.3 หลังคาถังเก็บ
ในการคํานวณตัวหลังคาและโครงสร้างรองรับต่างๆ ต้องมีการคํานวณและออกแบบเพือ่ ให้หลังคา
สามารถรองรับนํ้าหนักและแรงกระทําต่างๆ ทีอ่ าจเกิดขึน้ กับหลังคาดังนี้
3-12 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
แรงทีเ่ กิดจากแผ่นดินไหว (Seismic load)
แรงหรือนํ้าหนักอื่นๆ
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 3-13
9.5º ≤θ≤ 37º
การเจาะรูทถ่ี งั เพือ่ ติดตัง้ Nozzles และช่องคนลง (Manhole) เพือ่ การตรวจสภาพถัง ผูป้ ระกอบ-
กิจการโรงงานควรทราบความหมายของลักษณะการเจาะรูแบบต่างๆ รายละเอียดดังรูปที่ 3.5
3-14 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ในการเจาะรูทผ่ี นังถัง จะพิจารณาจากรูปทรงโดยเทียบระยะการเจาะถึงก้นถังระหว่างจุดที่
ต้องการเจาะกับ Bottom plate หรือ Annular plate
สําหรับระยะค่า A, B, C, D, E, F และ G สําหรับลักษณะของการเจาะรูแต่ละแบบและการกําหนด
ความหนาบริเวณ Manhole neck ทีค่ วามหนาของผนังกับขนาดของช่องคนลงขนาดต่างๆ จะแสดง
รายละเอียดอยูใ่ น API 650 เรือ่ ง Shell opening
3.6 การคํานวณนํ้าหนักถังเก็บ
ในการคํานวณนํ้าหนักรวมของถัง จะแบ่งการคํานวณออกเป็ น 2 ส่วน คือ
3.6.1 นํ้าหนักถังเปล่า
เป็ นผลรวมของนํ้าหนักแผ่นเหล็กทีน่ ํามาทําผนังถัง พืน้ ถัง และหลังคา กับนํ้าหนักของ
ส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ช่องคนลง ช่องเปิดบนหลังคา บันได ราวจับ วาล์วต่างๆ เป็ นต้น สําหรับนํ้าหนัก
แผ่นเหล็กแบนสามารถคํานวณจากสูตร ดังนี้
นํ้าหนัก (กิโลกรัม) = หนา (มม.) x กว้าง (มม.) x ยาว (มม.) x 0.00785
1000
เมือ่ 0.00785 คือ ค่าความถ่วงจําเพาะของแผ่นเหล็กแบน
ตัวอย่าง
นํ้าหนัก = 6 x 500 x 950 x 0.00785 = 22.37 กิโลกรัม
1000
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 3-15
3.7 การเคลือบ / ปูผิวถังเก็บสารเคมี (Coating /Lining)
นอกจากการเลือกประเภทถังเก็บ และข้อกําหนดเกีย่ วกับผนัง พืน้ และหลังคาถังเก็บแล้ว ขัน้ ตอน
ทีส่ าํ คัญอีกขัน้ ตอนหนึ่งคือ การเลือกวัสดุเคลือบ หรือปูผวิ ถังเก็บเพือ่ ป้องกันการกัดกร่อน ในการเลือก
วัสดุเพือ่ เคลือบ / ปูผวิ จะต้องคํานึงถึงวัตถุประสงค์ในการเคลือบผิวว่าเป็ นการเคลือบภายใน หรือเคลือบ
ภายนอกถังเก็บ เนื่องจากถ้าเป็ นการเคลือบผิวภายนอก วัสดุทใ่ี ช้จะต้องทนต่อสภาพภูมอิ ากาศ แสง
รังสี UV ขณะทีก่ ารเคลือบผิวภายใน วัสดุทใ่ี ช้จะต้องป้องกันการกัดกร่อนจากไอ และของเหลวภายในถัง
และตะกอนหรือสลัดจ์ทส่ี ะสมบริเวณพืน้ ถัง รวมทัง้ ไม่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนกับของเหลวทีจ่ ดั เก็บ
3.7.1 การเคลือบผิวภายนอก (External coating)
การเคลือบผิวภายนอก มีวตั ถุประสงค์เพือ่ ป้องกันการผุกร่อนจากสภาพอากาศทัวไป ่ ความชืน้
ฝน แสง รังสี UV ดังนัน้ การทาสีถงั เก็บของเหลวไวไฟด้วยสีกนั สนิม สีทม่ี สี ว่ นผสมของสาร Epoxy หรือ
พอลิยรู เี ทน (Polyurethane) ก็เป็ นวิธหี นึ่งทีใ่ ช้ในการป้องกันการผุกร่อนภายนอก
3.7.2 การเคลือบ/การปูผิวภายใน (Internal coating/ Lining)
การเคลือบผิวภายใน มีวตั ถุประสงค์เพือ่ ป้องกันการกัดกร่อนจากไอ และของเหลวภายในถัง
โดยพืน้ ฐานแล้วการเคลือบผิวภายในควรจะสามารถป้องกันการกัดกร่อนจากของเหลว และมีอายุใช้งาน
อย่างน้อย 10 ปี ในการเลือกวัสดุสาํ หรับเคลือบ / ปูผวิ ภายในจะต้องพิจารณาจากความเข้ากันได้กบั
ของเหลวทีจ่ ดั เก็บ หรือความทนทานต่อการกัดกร่อนของวัสดุนนั ้ ๆ โดยสามารถหาข้อมูลเรือ่ งการ
กัดกร่อนของสารกับวัสดุได้จาก Handbook of Corrosion Data ตามทีไ่ ด้กล่าวถึงในหัวข้อ 3.4.1
หรือสามารถขอตัวอย่างตาราง Compatibility resistant chart ได้จากบริษทั ผูใ้ ห้บริการเคลือบผิวถังเก็บ
ดังภาคผนวก ข.6 โดยให้เลือกวัสดุทส่ี ามารถทนต่อสารนัน้ ๆ มากทีส่ ดุ และข้อควรรูเ้ บือ้ งต้นสําหรับการ
เคลือบผิวภายในถังเก็บของเหลวไวไฟ มีดงั นี้
3-16 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
รูปที่ 3.6 แนวทางการออกแบบถังเหล็กกล้าสําหรับเก็บของเหลวไวไฟ
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 3-17
บทที่ 4 การเลือกสถานที่
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 4-1
ถ้าถนนสาธารณะมีความกว้างน้อยกว่า 10 เมตร ให้รน่ แนวอาคารห่างจากกึง่ กลางถนน
สาธารณะอย่างน้อย 10 เมตร
ถ้าถนนสาธารณะมีความกว้างตัง้ แต่ 10 เมตร ขึน้ ไป แต่ไม่เกิน 20 เมตร ให้รน่ แนวอาคาร
ห่างจากกึง่ กลางถนนสาธารณะอย่างน้อย 1 ใน 10 ของความกว้างสาธารณะ
ถ้าถนนสาธารณะมีความกว้างเกิน 20 เมตร ขึน้ ไป ให้รน่ แนวอาคารห่างจากกึง่ กลางถนน
สาธารณะอย่างน้อย 2 เมตร
4-2 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
รูปที่ 4.2 ตัวอย่างรูปแสดงระยะห่างทีป่ ลอดภัยสําหรับถังเก็บสารเคมี
ความหมายของระยะต่างๆ แสดงดังนี้
A คือ ระยะห่างจากทางสาธารณะทีอ่ ยูด่ า้ นใกล้ทส่ี ดุ หรืออาคารทีใ่ กล้ทส่ี ดุ ทีอ่ ยูใ่ นแนวเขต
เดียวกัน
B คือ ระยะห่างจากเขือ่ นกัน้ ล้อมรอบ (Dike) ถึงทางสาธารณะทีอ่ ยูด่ า้ นตรงข้าม
D คือ เส้นผ่านศูนย์กลางของถังเก็บสารเคมี
X คือ ระยะห่างจากผนังถังถึงผนังเขือ่ นกัน้ ล้อมรอบ (Shell-to-Dike)
Y คือ ระยะห่างระหว่างผนังของถัง (Shell-to-Shell)
ตารางที่ 4.1 ระยะห่างทีป่ ลอดภัยสําหรับถังเก็บของเหลวไวไฟทีค่ วามดันไม่เกิน 17.2 psi (หรือ 2.5 psig)
ทีม่ ปี ริมาตร 1-500 ลูกบาศก์เมตร (D < 45 เมตร)
ระยะห่างอย่างน้ อย (Minimum distance); เมตร
ปริ มาตร X -อ้างอิงตาม
ประเภทถังเก็บ
ระบบป้ องกัน (ลูกบาศก์ Table Y-อ้างอิงตาม Table
สารเคมี B1 A
เมตร) 22.11.2.5 ใน 22.4.2.1ใน NFPA 30
NFPA 30
สําหรับของเหลวที่เสถียร (Stable liquid) – อ้างอิงตาม Table 22.4.1.1(a), (b) ใน NFPA 30
Protection for 1/6 x ผลรวมของเส้น
1/2 x D 1/6 x D
Floating roof exposure2/ ผ่านศูนย์กลางของถังคูท่ ่ี
ไม่กาํ หนด 1.5
tank D (ไม่เกิน 52.5 อยูต่ ดิ กัน (แต่ตอ้ งไม่
ไม่ม ี 1/6 x D
เมตร) น้อยกว่า 0.9 เมตร)
Fixed roof tank มีระบบก๊าซ 1-10 1.5 0.25 1/6 x ผลรวมของเส้น
ทีม่ รี ะบบวาล์ว เฉื่อย (Inert > 10-45 2.25 0.25 ผ่านศูนย์กลางของถังคูท่ ่ี
1.5
ระบายแรงดัน system) หรือ > 45-114 3 0.25 อยูต่ ดิ กัน (แต่ตอ้ งไม่
ฉุกเฉิน มีระบบโฟม > 114-190 4.5 0.5 น้อยกว่า 0.9 เมตร)
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 4-3
ตารางที่ 4.1 ระยะห่างทีป่ ลอดภัยสําหรับถังเก็บของเหลวไวไฟทีค่ วามดันไม่เกิน 17.2 psi (หรือ 2.5 psig)
ทีม่ ปี ริมาตร 1-500 ลูกบาศก์เมตร (D < 45 เมตร) (ต่อ)
ระยะห่างอย่างน้ อย (Minimum distance); เมตร
ปริ มาตร X -อ้างอิงตาม
ประเภทถังเก็บ
ระบบป้ องกัน (ลูกบาศก์ Table Y-อ้างอิงตาม Table
สารเคมี B1 A
เมตร) 22.11.2.5 ใน 22.4.2.1ใน NFPA 30
NFPA 30
(Foam > 190-380 7.5 0.75
system) > 380-500 12 1.25
1-10 3 0.5
> 10-45 4.5 0.5 1/6 x ผลรวมของเส้น
Protection for > 45-114 6 0.5 ผ่านศูนย์กลางของถังคูท่ ่ี
1.5
exposure2/ > 114-190 9 1.0 อยูต่ ดิ กัน (แต่ตอ้ งไม่
Fixed roof tank
> 190-380 15 1.5 น้อยกว่า 0.9 เมตร)
ทีม่ รี ะบบวาล์ว
ระบายแรงดัน > 380-500 24 2.5
ฉุกเฉิน (ต่อ) 1-10 6 0.5
> 10-45 9 0.5 1/6 x ผลรวมของเส้น
> 45-114 12 0.5 ผ่านศูนย์กลางของถังคูท่ ่ี
ไม่ม ี 0.5
> 114-190 18 1.0 อยูต่ ดิ กัน (แต่ตอ้ งไม่
> 190-380 30 1.5 น้อยกว่า 0.9 เมตร)
> 380-500 40 2.5
สําหรับของเหลวที่ไม่เสถียร (Unstable liquid) -อ้างอิงตาม Table 22.4.1.1 (b) และ Table 22.4.1.5 ใน NFPA 30
ถังทีม่ รี ะบบ 1-10 3
ป้องกันอย่าง > 10-45 4.5 1/6 x ผลรวมของเส้น
ใดอย่างหนึ่ง
ต่อไปนี้ ; > 45-114 6 ไม่น้อยกว่า ผ่านศูนย์กลางของถังคูท่ ่ี
1.5
ระบบสเปรย์ > 114-190 9 7.5 อยูต่ ดิ กัน (แต่ตอ้ งไม่
นํ้าดับเพลิง, > 190-380 15 น้อยกว่า 0.9 เมตร)
Vertical tank ทีม่ ี
ฉนวนหรือ
ระบบวาล์ว > 380-500 24
ระบบหล่อเย็น
ระบายแรงดัน
1-10 7.5 ไม่น้อยกว่า 1.5 1/6 x ผลรวมของเส้น
ฉุกเฉิน
> 10-45 11.25 15 ผ่านศูนย์กลางของถังคูท่ ่ี
Protection for > 45-114 15 อยูต่ ดิ กัน (แต่ตอ้ งไม่
Exposure2/ > 114-190 22.5 น้อยกว่า 0.9 เมตร)
> 190-380 37.5
> 380-500 60
4-4 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ตารางที่ 4.1 ระยะห่างทีป่ ลอดภัยสําหรับถังเก็บของเหลวไวไฟทีค่ วามดันไม่เกิน 17.2 psi (หรือ 2.5 psig)
ทีม่ ปี ริมาตร 1-500 ลูกบาศก์เมตร (D < 45 เมตร) (ต่อ)
ระยะห่างอย่างน้ อย (Minimum distance); เมตร
ปริ มาตร X -อ้างอิงตาม
ประเภทถังเก็บ
ระบบป้ องกัน (ลูกบาศก์ Table Y-อ้างอิงตาม Table
สารเคมี B1 A
เมตร) 22.11.2.5 ใน 22.4.2.1ใน NFPA 30
NFPA 30
1-10 15
> 10-45 22.5 1/6 x ผลรวมของเส้น
> 45-114 30 ไม่น้อยกว่า ผ่านศูนย์กลางของถังคูท่ ่ี
ไม่ม ี 1.5
> 114-190 45 30 อยูต่ ดิ กัน (แต่ตอ้ งไม่
> 190-380 75 น้อยกว่า 0.9 เมตร)
> 380-500 120
1/
หมายเหตุ ระยะห่างจากเขือ่ นกัน้ ล้อมรอบ (Dike) ถึงทางสาธารณะทีอ่ ยูด่ า้ นตรงข้ามซึง่ จะต้องไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร
2/
Protection for exposure หมายถึงพืน้ ทีใ่ กล้เคียงถังเก็บสารเคมีมรี ะบบดับเพลิงหรือมีระบบนํ้าหล่อเย็นเพือ่ ป้องกันไฟ
ลุกลามกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 4-5
ตารางที่ 4.2 ระยะห่างทีป่ ลอดภัยสําหรับถังเก็บของเหลวไวไฟทีค่ วามดันมากกว่า 17.2 psi
(หรือ 2.5 psig) ทีม่ ปี ริมาตร 1-500 ลูกบาศก์เมตร (D < 45 เมตร) (ต่อ)
ระยะห่างอย่างน้ อย (Minimum distance); เมตร
ปริ มาตร B1 A X -อ้างอิงตาม Y-อ้างอิงตาม
ประเภทถังเก็บ
ระบบป้ องกัน (ลูกบาศก์ Table Table 22.4.2.1
สารเคมี
เมตร) 22.11.2.5 ใน ใน NFPA 30
NFPA 30
> 190-380 45 6.75 (แต่ตอ้ งไม่น้อย
ทุกประเภท (ต่อ)
> 380-500 72 11.25 กว่า 0.9 เมตร)
สําหรับของเหลวที่ไม่เสถียร (Unstable liquid) - อ้างอิงตาม Table 22.4.1.1 (b) และ Table 22.4.1.5 ใน NFPA 30
4-6 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
4.2 การจัดวางถังเก็บสารเคมี
สําหรับการจัดวางถังเก็บสารเคมีจะต้องคํานึงถึงลักษณะพืน้ ที่ สมบัตขิ องสารเคมี และการ
จัดเตรียมเส้นทางหนีไฟ หรือเส้นทางสําหรับรถดับเพลิงเพือ่ ให้สามารถเข้าช่วยเหลือได้กรณีมเี หตุ
ฉุกเฉิน โดยมีรายละเอียดดังนี้
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 4-7
บทที่ 5 การติ ดตัง้ และการใช้งานถังเก็บของเหลวไวไฟ
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 5-1
อุปกรณ์วดั ระดับของเหลว เป็ นอุปกรณ์วดั ระดับความสูงของของเหลวในถังเก็บ โดยแบ่งออกเป็ น
2 แบบ คือ แบบ Manual และแบบอัตโนมัติ สามารถเลือกชนิดอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
- แบบ Manual เช่น เทปวัดระดับทีไ่ ด้รบั การรับรองโดยสํานักงานกลางชังตวงวั่ ด กระทรวง
พาณิชย์ สําหรับอุปกรณ์ทจ่ี มุ่ ลงในของเหลวไวไฟจะต้องทําจากวัสดุไม่ก่อให้เกิดประกายไฟ
กรณีถงั เล็กสามารถใช้ตดิ ตัง้ Sight glass ได้
- แบบอัตโนมัติ เช่น อุปกรณ์วดั ระดับอัตโนมัติ (Auto level gauge) ทีใ่ ช้วดั และแจ้งระดับ
สารเคมีภายในถังเก็บ พร้อมทัง้ ติดตัง้ เชือ่ มต่อกับระบบแจ้งเตือนระดับของเหลวทีร่ ะดับ High
alarm หรือ Low alarm เพือ่ ให้ของเหลวอยูใ่ นระดับถังเก็บทีเ่ หมาะสม ไม่ให้สงู จนล้นหรือตํ่า
เกินไป
รูปตัวอย่าง และหน้าทีก่ ารทํางานของส่วนประกอบพืน้ ฐานและอุปกรณ์วดั ระดับของเหลว เพือ่ ให้
เกิดความรูค้ วามเข้าใจในอุปกรณ์เบือ้ งต้นแต่ละประเภท แสดงดังตารางที่ 5.1
ตารางที่ 5.1 ส่วนประกอบพืน้ ฐานและอุปกรณ์วดั ระดับของเหลว
ส่วนประกอบ รายละเอียด รูปตัวอย่าง
ส่วนประกอบพืน้ ฐาน
1) ช่องเปิดของถัง หรือทีเ่ รียกว่า Gauge hatches เป็ น
ช่องเปิดทีต่ ดิ ตัง้ บริเวณหลังคาของถัง
เก็บ เพื่อใช้วดั ระดับของสารทีบ่ รรจุ
อยูใ่ นถัง โดยเป็ นการวัดโดยใช้ระบบ
Manual นอกจากใช้เป็ นช่องในการ
วัดระดับแล้ว ยังสามารถเปิ ดฝาเพือ่
ตรวจวัดอุณหภูมภิ ายในถังเก็บหรือ
เก็บตัวอย่างของสารเคมี
2) ช่องคนลงทีห่ ลังคา เป็ นช่องเปิดทีอ่ ยูบ่ นหลังคาเพือ่ ให้
สามารถเข้าไปทํางาน ในระหว่างหยุด
ซ่อมบํารุงได้
5-2 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ตารางที่ 5.1 ส่วนประกอบพืน้ ฐานและอุปกรณ์วดั ระดับของเหลว (ต่อ)
ส่วนประกอบ รายละเอียด รูปตัวอย่าง
ของผนัง Shell ดังกล่าว
4) บ่อรองรับนํ้าหรือตะกอนที่ บ่อพักนํ้าหรือสารเคมีทต่ี กค้าง
พืน้ ภายในถังเก็บ (Sump) โดยทัวไป
่ sump จะตัง้ อยูบ่ ริเวณ
ตํ่าสุดของถังเก็บ
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 5-3
ตารางที่ 5.1 ส่วนประกอบพืน้ ฐานและอุปกรณ์วดั ระดับของเหลว (ต่อ)
ส่วนประกอบ รายละเอียด รูปตัวอย่าง
8) อุปกรณ์วดั ระดับของเหลว
8.1) เทปวัดระดับ เป็ นอุปกรณ์แบบ Manual ใช้วดั ระดับ
สารเคมีภายในถังเก็บผ่านช่องเปิด
บนหลังคา
5-4 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
กรณีทเ่ี ป็ นของเหลวไวไฟ จะต้องไม่มแี หล่งจุดติดไฟอยูใ่ กล้กบั ท่อดังกล่าว กรณีทใ่ี ช้ทอ่ ระบาย
ความดันควรพิจารณาติดตัง้ อุปกรณ์ดกั เปลวไฟ (Flame arrestor) เพิม่ เติม
Pressure safety valve (วาล์วนิรภัย) หรือ Pressure relief valve (วาล์วระบายแรงดัน)
เป็ นอุปกรณ์ความปลอดภัยของระบบมีหน้าทีห่ ลักคือระบายแรงดันภายในระบบออก ซึง่ จะทํางาน
เองโดยอัตโนมัตเิ มือ่ มีแรงดันเกินกว่าค่าทีต่ งั ้ ไว้
Pressure vacuum valve (หรือเรียกย่อๆ ว่า PV Valve) หรือ Breather valve เป็ นอุปกรณ์ความ
ปลอดภัยของระบบซึง่ จะทํางานเองโดยอัตโนมัติ มีหน้าทีห่ ลักคือ ระบายแรงดันภายในระบบออก
เมือ่ มีแรงดันเกินกว่าค่าทีต่ งั ้ ไว้ และเปิดให้อากาศภายนอกเข้ามาในถัง เมือ่ มีแรงดันของสภาวะ
สุญญากาศตํ่ากว่าทีก่ าํ หนดไว้
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 5-5
ตารางที่ 5.2 อุปกรณ์สาํ หรับระบบระบายความดัน (ต่อ)
ส่วนประกอบ รายละเอียด รูปตัวอย่าง
3) PV Valve หรือ Breather อุปกรณ์ชนิดนี้ถูกออกแบบเพือ่ ความ
valves ปลอดภัยของถังเก็บ ในกรณีทถ่ี งั มี
ความดันมากเกินปกติ ระบบนี้จะ
ระบายความดันออกมา เพือ่ ป้องกัน
ถังเก็บระเบิด ในทางตรงกันข้าม
หากภายในถังมีความดันลดลง
ระบบนี้จะเปิดและนําอากาศภายนอก
เข้าสูถ่ งั เก็บ เพื่อป้องกันถังยุบตัว
5.3 อุปกรณ์สาํ หรับป้ องกันฟ้ าผ่า และการต่อลงดิ น (Lightning and Grounding system)
ถังเก็บของเหลวไวไฟจะต้องมีการติดตัง้ ระบบป้องกันฟ้าผ่า และการต่อลงดินตามมาตรฐาน
วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) ซึง่ มีรายละเอียดดังนี้
อุปกรณ์ป้องกันฟ้าผ่า หรือระบบ Lightning : ถังเก็บทีอ่ ยูภ่ ายนอกอาคารจะต้องติดตัง้ ตัวนําล่อฟ้า
โดยจํานวนตัวนําล่อฟ้าจะต้องครอบคลุมบริเวณทีต่ อ้ งการป้องกันฟ้าผ่าได้ทงั ้ หมด และตัวนําล่อฟ้า
ทีเ่ ป็ นทองแดงควรมีความต้านทานจําเพาะไม่เกิน 0.02 โอห์มตารางมิลลิเมตรต่อเมตร หรือ
อะลูมเิ นียมทีม่ คี วามต้านทานจําเพาะไม่เกิน 0.03 โอห์มตารางมิลลิเมตรต่อเมตร เว้นแต่สถานทีท่ ม่ี ี
การผุกร่อนรุนแรง ให้ใช้ทองแดงเท่านัน้
กรณีถงั เก็บของเหลวไวไฟทีท่ าํ จากเหล็กความหนามากกว่า 5 มม. หรืออะลูมเิ นียมความหนา
มากกว่า 7 มม. ถือได้วา่ ตัวถังเก็บเป็ นตัวนําล่อฟ้าโดยธรรมชาติ จึงไม่ตอ้ งมีการติดตัง้ ตัวนําล่อฟ้า
เพิม่ เติม แต่จะต้องติดตัง้ ระบบสายดินให้เหมาะสม
การต่อลงดิน หรือระบบ Grounding : ถังเก็บของเหลวไวไฟจะต้องติดตัง้ สายดิน ทีม่ คี า่ ความ
ต้านทานไม่เกิน 10 โอห์ม ตาม "มาตรฐานการป้องกันฟ้าผ่า ภาคที่ 3" ของ วสท. โดยจํานวนจุด
ทีต่ ่อตัวนําลงดินจะต้องพิจารณาจากขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของถังเก็บ คือ
- กรณีถงั เก็บของเหลวไวไฟมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 20 เมตร ให้ต่อลงดิน 1 จุด
- กรณีถงั เก็บของเหลวไวไฟมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 20 เมตร ให้ต่อลงดินอย่างน้อย
2 จุด ตําแหน่งทีอ่ ยูต่ รงกันข้าม
สําหรับถังเก็บของเหลวไวไฟทีไ่ ม่ได้ตดิ ตัง้ ตัวนําล่อฟ้า ควรพิจารณาติดตัง้ ตัวนําลงดินอย่างน้อย 2
จุด และต่อเชือ่ มถึงกันทุกถัง โดยจะต้องมีการประสานกันระหว่างตัวถังกับตัวนําของระบบสายดิน
โดยการเชื่อม การบีบอัด การยึดด้วยสกรู เพือ่ กระจายกระแสฟ้าผ่าลงสูด่ นิ โดยไม่เกิดความ
เสียหายต่อตัวถัง
5-6 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
รูปตัวอย่าง และหน้าทีก่ ารทํางานของอุปกรณ์สาํ หรับป้องกันฟ้าผ่า และการต่อลงดิน เพือ่ ให้เกิด
ความรูค้ วามเข้าใจในอุปกรณ์เบือ้ งต้นแต่ละประเภท แสดงดังตารางที่ 5.3
ตารางที่ 5.3 อุปกรณ์สาํ หรับป้องกันฟ้าผ่า และการต่อลงดิน
ส่วนประกอบ รายละเอียด รูปตัวอย่าง
1) ตัวนําล่อฟ้า หรือสายล่อฟ้า เป็ นอุปกรณ์ทใ่ี ช้ดกั รับวาบฟ้าผ่า
เพือ่ ไม่ให้ฟ้าผ่าลงทีถ่ งั โดยตรง
1
อ้างอิงตาม กฎกระทรวงพลังงาน เรือ่ ง สถานทีเ่ ก็บรักษานํ้ามันเชือ้ เพลิง พ.ศ. 2551 ตีพมิ พ์ในราชกิจจานุ เบกษา เล่มที่ 125 ตอนที่ 48ก
ลงวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2551
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 5-7
ระบบนํ้าดับเพลิงและหล่อเย็น12(Water cooling / Sprinkler system) เป็ นระบบนํ้าทีม่ ไี ว้สาํ หรับ
ฉีดนํ้าหล่อเลีย้ งถังเมือ่ เกิดเพลิงไหม้ เพือ่ ลดอุณหภูมขิ องถังเก็บ ประกอบด้วย ท่อนํ้าและ
Sprinkler ชุดอุปกรณ์น้ําดับเพลิง และปืนฉีดนํ้าดับเพลิง ซึง่ มีขอ้ กําหนดเบือ้ งต้นดังนี้
- นํ้าหล่อเย็น ต้องมีปริมาณไม่น้อยกว่า 2 ลิตรต่อนาทีต่อตารางเมตร ในเวลา 1 ชัวโมง ่
- นํ้าดับเพลิง ต้องมีปริมาณนํ้าในอัตราไม่น้อยกว่า 1,900 ลิตรต่อนาที เป็ นเวลาไม่น้อยกว่า
30 นาที
รูปตัวอย่าง และหน้าทีก่ ารทํางานของอุปกรณ์สาํ หรับระบบป้องกันและระงับไฟไหม้ เพือ่ ให้เกิด
ความรูค้ วามเข้าใจในอุปกรณ์เบือ้ งต้นแต่ละประเภท แสดงดังตารางที่ 5.4
ตารางที่ 5.4 อุปกรณ์สาํ หรับระบบป้องกันและระงับไฟไหม้
ส่วนประกอบ รายละเอียด รูปตัวอย่าง
1) อุปกรณ์ดกั จับเปลวไฟ เป็ นอุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการดักจับเปลวไฟ
(Flame arrestor) เพือ่ ป้องกันการลุกติดไฟและการ
ระเบิด
1
อ้างอิงตาม กฎกระทรวงพลังงาน เรือ่ ง สถานทีเ่ ก็บรักษานํ้ามันเชือ้ เพลิง พ.ศ. 2551 ตีพมิ พ์ในราชกิจจานุ เบกษา เล่มที่ 125 ตอนที่ 48ก
ลงวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2551
5-8 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
5.5 อุปกรณ์เฉพาะเพิ่ มเติ มอื่นๆ
สําหรับถังเก็บของเหลวไวไฟ ผูป้ ระกอบกิจการโรงงานควรจะพิจารณาติดตัง้ ระบบควบคุมการ
ปลดปล่อยสาร (Emission) และอุปกรณ์ความปลอดภัยอื่นๆ เพิม่ เติม เพือ่ ให้เกิดประสิทธิภาพในการ
ใช้งานและควบคุมของเหลวไวไฟในถังเก็บ โดยเลือกใช้ระบบทีเ่ หมาะสมกับของเหลวทีจ่ ดั เก็บ ขณะที่
ของเหลวไวไฟทีม่ สี มบัตคิ วามเป็ นพิษด้วย จะต้องพยายามควบคุมไม่ให้มไี อระเหยปลดปล่อยออกสู่
บรรยากาศภายนอก
อุปกรณ์ความปลอดภัยอื่นๆ (Safety equipment)
- อุปกรณ์ตรวจจับก๊าซและไอระเหยของเหลวไวไฟ ทําหน้าทีต่ รวจจับไอระเหยของเหลวไวไฟ
โดยทัวไปจะติ
่ ั๊
ดตัง้ ใกล้กบั ถังเก็บ พืน้ ทีแ่ ละอุปกรณ์เปลีย่ นถ่ายสาร เช่น ปมและท่ อระบาย
โดยอาจอยูใ่ นรูปของเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น อินฟราเรด กล้องตรวจจับ (Optical beam) หรือ
ระบบ Catalytic oxidation เป็ นต้น
- อุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมขิ องเหลวไวไฟ ทําหน้าทีต่ รวจวัดอุณหภูมขิ องเหลว เหมาะสําหรับ
ของเหลวทีต่ อ้ งการควบคุมอุณหภูมใิ นการจัดเก็บ
- โทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เป็ นอุปกรณ์เพิม่ เติม โดยทัวไปถู ่ กนํามาใช้เพือ่ วัตถุประสงค์ดา้ น
การรักษาความปลอดภัย แต่สามารถนํามาใช้ประโยชน์ในการตรวจจับและเฝ้าระวังเมือ่ มีการ
เกิดไอระเหยของเหลวไวไฟ เกิดขึน้ ในบริเวณทีเ่ สีย่ ง
ระบบควบคุมการปลดปล่อยสาร (Emission) ในการควบคุมไอระเหยของของเหลวไวไฟ จะต้อง
พิจารณาถึงลักษณะการใช้งาน และมูลค่าของของเหลว และความเป็ นพิษของสาร ซึง่ มีวธิ กี าร
ควบคุมอยูห่ ลายวิธี เช่น
- ระบบการปกคลุมด้วยก๊าซไนโตรเจนหรือก๊าซเฉื่อย (Nitrogen/Inert gas blanketing) เป็ นวิธที ่ี
เหมาะกับของเหลวไวไฟทีร่ ะเหยกลายเป็นไอได้งา่ ย มีความไวไฟสูง และถูกออกซิไดซ์ดว้ ย
อากาศได้งา่ ย โดยติดตัง้ เพือ่ ป้องกันไอระเหยของเหลวไวไฟออกสูบ่ รรยากาศภายนอก และ
เพือ่ ป้องกันไม่ให้อากาศไหลเข้ามาในถังเก็บ และในกรณีทต่ี ดิ ตัง้ ระบบปกคลุมด้วยก๊าซเฉื่อยนี้
จะต้องพิจารณาติดตัง้ PV Valve ควบคูด่ ว้ ย
- ระบบเตาเผา (Incinerator) เป็ นวิธงี า่ ยทีส่ ดุ แต่ถา้ ติดตัง้ ระบบนี้จะต้องตรวจสอบมลสารที่
ระบายออกจากปล่องของเตาเผาเพิม่ เติมให้มคี า่ อยูต่ ามทีม่ าตรฐานกําหนด เนื่องจากวิธนี ้ี
อาจจะส่งผลให้ปริมาณก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และมลสารอื่นๆ เพิม่ ขึน้
- ระบบบําบัดมลพิษทางอากาศ เช่น ระบบบําบัดแบบตัวเร่งปฏิกริ ยิ า (Catalytic emission
control system) ระบบ Wet scrubber เหมาะสําหรับใช้บาํ บัดไอระเหยของเหลวไวไฟทีม่ ี
ความเป็ นพิษ เช่น เบนซีน ฟอร์มลั ดีไฮด์ เป็ นต้น โดยไอระเหยจากถังเก็บจะถูกส่งไปบําบัดใน
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 5-9
ระบบบําบัดมลพิษก่อนทีป่ ล่อยระบายออกสูบ่ รรยากาศภายนอก และต้องตรวจสอบมลสารที่
ระบายออกจากระบบบําบัดมลพิษให้มคี า่ อยูต่ ามทีม่ าตรฐานกําหนด
- ระบบ Vapor return line เหมาะสําหรับใช้กบั ไอระเหยของเหลวไวไฟทีม่ คี วามเป็ นพิษ
โดยจะดึงไอระเหยกลับเข้าสูถ่ งั เก็บ หรือเชื่อมต่อกับระบบบําบัดมลพิษทางอากาศ
5-10 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
บทที่ 6 การสร้างฐานรากคอนกรีต
6.1 คุณสมบัติการรับกําลังของชัน้ ดิ น
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 6-1
ในการออกแบบฐานรากรับแรงตามแนวแกนจะสมมุตใิ ห้แรงดันกระจายสมํ่าเสมอไม่วา่ จะเป็ นดิน
ชนิดใดทัง้ นี้กเ็ พือ่ ความสะดวกในการวิเคราะห์จากสมการ
q
qa u
F .S .
เมือ่ qu คือ หน่วยแรงทีท่ าํ ให้ฐานรากวิบตั ิ
F.S. คือ ตัวคูณความปลอดภัย (Factor of safety) ประมาณ 2.5 ถึง 3 ตามหลักทาง
วิศวกรรมธรณีเทคนิค
qa คือ หน่วยแรงของนํ้าหนักบรรทุกใช้งาน ถ้าออกแบบโดยวิธหี น่วยแรงใช้งาน
ก็จะนําไปใช้ได้ทนั ที
6.2 การกําหนดขนาดฐานราก
6-2 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
สําหรับฐานรากรับนํ้าหนักตรงศูนย์พน้ื ทีฐ่ านรากทีต่ อ้ งการ สามารถหาได้จากสมการ
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 6-3
ตารางที่ 6.2 ข้อดี ข้อเสีย ของฐานรากแต่ละประเภท (ต่อ)
ชนิ ดของฐานราก ข้อดี ข้อเสีย ข้อเสนอแนะ
ฐานพืน้ คอนกรีต 1. มีการทรุดตัวน้อย 1. ราคาค่อนข้างแพง 1. ใช้สาํ หรับถังขนาดเล็ก
(Concrete slab) 2. รับแรงจากผนังถังและ โดยเฉพาะสําหรับถังขนาด ไม่แนะนําใช้กบั ถังกว้างเกิน
กระจายแรงได้ดี ใหญ่ 6 เมตร เพราะราคาแพง
3. มีอตั ราการกัดกร่อนน้อย 2. อาจมีการแตกร้าวทีพ่ น้ื 2. เหมาะใช้กบั สภาพดินดี
4. สามารถออกแบบใช้กบั ถัง กรณีสภาพชัน้ ดินอ่อน หรือชัน้ ดินสภาพปานกลาง
ทีม่ สี มอยึดต้านการล้มควํ่า ทีจ่ ดั เตรียมใช้งาน
เนื่องจากแรงลมและแผ่นดิน
ไหว
ฐานถมหินเกล็ดบดอัด 1. ราคาถูก 1. จํากัดให้ใช้กบั ถังเล็กบน 1. ใช้บนสภาพดินดีเท่านัน้
แน่น (Compacted 2. ก่อสร้างง่าย ชัน้ ดินสภาพดี
granular fill) 3. วัสดุก่อสร้างหาได้งา่ ย 2. ไม่สามารถใช้กบั ถังทีม่ ี
สมอยึดต้านการล้มควํ่า
เนื่องจากแรงลมและ
แผ่นดินไหว
3. วัสดุหลุดออกจากฐานได้
ฐานเสาเข็ม 1. มีการทรุดตัวน้อย 1. มีราคาแพงทีส่ ดุ 1. ใช้ทาํ ฐานถังได้ทุก
(Pile foundation) 2. ใช้กบั ถังทีม่ สี มอยึดต้าน 2. มีการออกแบบยุง่ ยาก ประเภทบนสภาพดินอ่อน
การล้มควํ่าเนื่องจากแรงลม 3. ต้องการการเจาะสํารวจ และทีไ่ ม่เหมาะกับฐานชนิด
และแผ่นดินไหว ชัน้ ดิน อื่น
6.5 นํ้าหนักและแรงกระทําต่อฐานราก
6-4 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ให้คาํ นวณนํ้าหนักของฐานรากรวมเข้าไปด้วยกับนํ้าหนักของผนังถัง และให้วเิ คราะห์ถงั เป็ นชนิด
ไม่มสี มอยึด
6.5.5 แรงเฉือน –ให้ประเมินแรงเฉือนทะลุ (Punching shear) เมือ่ พิจารณาถึงความกว้างของฐานราก
ค่า Safety factor ของแรงเฉือนทะลุ แรงเฉือนทีข่ อบ และแรงเฉือนทีฐ่ าน (Edge shear and
base shear) ให้มคี า่ มากกว่า 1.5 เท่าแรงเฉือนทางเดียว (One-way shear)
ฐานรากอาจวิบตั โิ ดยการเฉือนเหมือนคานกว้างเช่นดังในกรณีของฐานรากรองรับผนัง หน้าตัด
วิกฤตอยูท่ ร่ี ะยะ d จากผิวเสา กําลังรับแรงเฉือนของคอนกรีตสามารถหาได้จากสมการ
Vc 0.53 fc'bd
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 6-5
หาค่าแรงอัดผนังทีย่ อมให้สงู สุด
แผ่นผนังถังเก็บสารเคมี (Upper shell course) กรณีทค่ี วามหนาของผนังทีค่ าํ นวณเพือ่ ต้าน
การล้มควํ่ามีคา่ มากกว่าความหนาออกแบบสําหรับการใช้งานทีภ่ าวะปกติ (สารเคมีอยูน่ ิ่ง)
จะต้องพิจารณาเพิม่ ความหนาของถังแต่ละชัน้
คํานวณสลักสมอยึดถัง (Anchorage of tanks) โดยรูปสลักสมอยึดถังแสดงดังรูปที่ 6.1
ขนาดและจํานวนสมอยึดถังต้องออกแบบตามแรงต้านทานของสมอยึดตํ่าสุด ตามเส้นรอบวง
ของผนังถัง โดยพิจารณาจากแรงลม (Wind load) โมเมนต์การล้มควํ่า และการลื่นไถล
(Sliding)
6-6 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
รูปที่ 6.2 แป้นหูชา้ ง
6.7 การคํานวณฐานราก
ในการคํานวณงานฐานรากจะต้องพิจารณาค่าโมเมนต์ลม้ ควํ่าสูงสุดเนื่องจากแรงแผ่นดินไหว ผู้
คํานวณจะต้องคํานึงถึงค่าดังต่อไปนี้
นํ้าหนักบรรทุกคงที่ + นํ้าหนักบรรทุกจร + แรงจากแผ่นดินไหว (Dead load + Product load
+ Earthquake load)
หาโมเมนต์ทก่ี ระทําทีฐ่ านราก (Moment at base of footing)
คํานวณ แรงกดแบกทานทีใ่ ต้ฐานราก (Bearing pressure under footing) เทียบกับแรงกด
แบกทานทีย่ อมให้ (Allowable pressure)
คํานวณจํานวนและขนาดเหล็กเสริม
6.8 การสร้างฐานรากคอนกรีต
6.8.1 วัสดุที่ใช้เป็ นแบบหล่อในงานฐานรากคอนกรีตหล่อในที่ ประกอบด้วย
แบบหล่อสําหรับงานคอนกรีตฐานราก ขึน้ อยูก่ บั ผิวหน้าคอนกรีตทีต่ อ้ งการภายหลังแกะแบบหล่อ
แบบหล่อสําหรับผิวคอนกรีตเปลือย ใช้แบบหล่อไม้อดั แบบเหล็ก แบบพลาสติก ทัง้ นี้ตอ้ ง
คํานึงถึงความสวยงามของรอยต่อ รอยจากการทาบของแบบหล่อภายหลังการถอดแบบ
แบบหล่อสําหรับผิวตกแต่ง ใช้แบบหล่อไม้ แบบหล่อไม้อดั แบบหล่อเหล็ก แบบพลาสติก หรือ
วัสดุสงั เคราะห์อ่นื ๆ ทีม่ ใี นท้องตลาด
อุปกรณ์ประกอบแบบหล่อ กรณีแบบหล่อเหล็กให้ใช้อป ุ กรณ์ประกอบของผูผ้ ลิตทุก
ส่วนประกอบสําคัญทีท่ าํ ให้เนื้องานคอนกรีตสมบูรณ์ เช่น แบบเข้ามุม ยูคลิป ฟอร์มไท เป็ นต้น
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 6-7
สารเคลือบแบบหล่อ ใช้สารเคลือบแบบหล่อเพือ่ ป้องกันการดูดซับนํ้าจากคอนกรีต สารป้องกัน
การยึดตัวกับผิวคอนกรีตและป้องกันผิวคอนกรีตเป็ นริว้ รอย
สารอุดรอยต่อขยาย กรณีงานทีต่ อ้ งมีรอยต่อในคอนกรีตให้ใช้สารอุดรอยต่อขยายตาม
มาตรฐาน ASTM D 994, D 1751, หรือ D 1752
วัสดุประกอบอื่นๆ ให้ใช้วสั ดุยางกันซึม ช่องเปิ ด สมอฝงั สมอยึด และวัสดุอ่นื ๆ ทีต่ อ้ งใช้ฝงั ตัว
ในเนื้อคอนกรีต ตามมาตรฐาน CRD C 513 หรือ CRD C 572
6.8.2 คุณสมบัติของเหล็กเสริมคอนกรีตในงานฐานรากคอนกรีตหล่อในที่ อย่างน้ อยจะต้องมี
คุณสมบัติดงั นี้
เหล็กเส้นกลม (SR-24) ใช้สาํ หรับเหล็กทีม่ ขี นาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 ถึง 9 มิลลิเมตร
คุณสมบัตติ ามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมมอก.20 - 2543 เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต :
เหล็กเส้นกลม
เหล็กข้ออ้อย (SD-30, 40, 50) ใช้สาํ หรับเหล็กทีม่ ขี นาดเส้นผ่านศูนย์กลางตัง้ แต่ 12 ถึง 32
มิลลิเมตร คุณสมบัตติ ามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.24 - 2548 เหล็กเส้นเสริม
คอนกรีต : เหล็กข้ออ้อย
6-8 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
การผสมคอนกรีตต้องใช้เครือ่ งผสมโดยทีเ่ ครือ่ งผสมจะต้องมีแผ่นป้ายแสดงความจุ และจํานวน
รอบต่อนาทีทเ่ี หมาะสม และจะต้องสามารถผสมซีเมนต์และนํ้าให้เข้ากันโดยทัวถึ ่ งภายในเวลา
ทีก่ าํ หนด และต้องสามารถปล่อยคอนกรีตออกได้โดยไม่เกิดการแยกตัว
สําหรับเวลาทีใ่ ช้ในการผสมคอนกรีตซึง่ มีปริมาณน้อยกว่า 1 ลูกบาศก์เมตร จะต้องไม่น้อยกว่า
2 นาที และให้เพิม่ อีก 20 วินาที สําหรับทุกๆ 1 ลูกบาศก์เมตร หรือส่วนของลูกบาศก์เมตรที่
เพิม่ ขึน้
ให้ผสมคอนกรีตเฉพาะเท่าทีต่ อ้ งการใช้เท่านัน้ ห้ามนําคอนกรีตทีก่ อ่ ตัวแล้วมาผสมต่อเป็ นอัน
ขาด และห้ามมิให้เติมนํ้าเพือ่ การยุบตัว
การเทคอนกรีตจะต้องเทให้ใกล้ตําแหน่ งทีต่ อ้ งการมากทีส่ ดุ เท่าทีจ่ ะทําได้ เพือ่ หลีกเลีย่ งการ
เกิดการแยกตัวเนื่องจากการเท และการไหลตัวของคอนกรีต ห้ามปล่อยคอนกรีตจากระยะสูง
เกินกว่า 2 เมตร นอกจากจะได้รบั อนุมตั จิ ากวิศวกรผูอ้ อกแบบ
ช่วงการบ่มคอนกรีตเป็ นช่วงทีส่ าํ คัญต่ออายุการใช้งานของคอนกรีต โดยหลังจากเทคอนกรีต
แล้วเสร็จและอยูใ่ นระยะกําลังแข็งตัวจะต้องป้องกันคอนกรีตนัน้ จากอันตรายทีอ่ าจเกิดขึน้ จากแสงแดด
แรงลม ฝนตก นํ้าไหล นํ้าเซาะ การเสียดสีต่างๆ และการบรรทุกนํ้าหนักเกินสมควร และนํ้าหนักกระทํา
ขณะก่อสร้างต่อโครงสร้างฐานรากเกินความสามารถการรับกําลังในแต่ละช่วงระยะเวลาระหว่างการบ่ม
คอนกรีตฐานราก
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 6-9
บทที่ 7 มาตรการความปลอดภัยและแผนฉุกเฉิ น
7.1 มาตรการความปลอดภัยสําหรับถังเก็บของเหลวไวไฟ
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 7-1
หัวข้อ มาตรการความปลอดภัยสําหรับของเหลวไวไฟ
อันตรายจากไอระเหย ติดตัง้ อุปกรณ์ตรวจวัดไอระเหยสารในอากาศ (Detector) เพือ่ ตรวจสอบการ
รัวไหลของของเหลวไวไฟในพื
่ น้ ทีถ่ งั เก็บ และควรมีการสอบเทียบอุปกรณ์
ตามระยะเวลาทีก่ าํ หนด
กรณีถงั เก็บอยูใ่ นอาคาร ควรจัดให้มกี ารระบายอากาศทีด่ ใี นบริเวณทีม่ กี ารใช้
งานของเหลวไวไฟ เช่น ติดตัง้ พัดลมระบายอากาศ เป็ นต้น
อันตรายจากการระเบิดและการ ห้ามทําให้เกิดประกายไฟ หรือเปลวไฟ รวมทัง้ กําจัดแหล่งกําเนิดความร้อนและ
ลุกติดไฟ อื่นๆ ในบริเวณพืน้ ทีถ่ งั เก็บ
ถังเก็บต้องมีการติดตัง้ ระบบป้องกันฟ้าผ่าทีเ่ หมาะสม โดยจํานวนตัวนําล่อฟ้า
จะต้องครอบคลุมบริเวณทีต่ อ้ งการป้องกันฟ้าผ่าได้ทงั ้ หมด และตัวนําล่อฟ้าทีเ่ ป็ น
ทองแดงควรมีความต้านทานจําเพาะไม่เกิน 0.02 โอห์มตารางมิลลิเมตร
ต่อเมตร หรืออะลูมเิ นียมทีม่ คี วามต้านทานจําเพาะไม่เกิน 0.03 โอห์มตาราง
มิลลิเมตรต่อเมตร กรณีถงั เก็บของเหลวไวไฟทีท่ าํ จากเหล็กความหนามากกว่า 5
มิลลิเมตร หรืออะลูมเิ นียมความหนามากกว่า 7 มิลลิเมตร ถือได้วา่ ตัวถังเก็บเป็ น
ตัวนําล่อฟ้าโดยธรรมชาติ
ถังเก็บต้องมีการต่อสายดิน โดยจํานวนจุดต่อลงดินพิจารณาจากขนาดของถัง
เก็บ และตรวจสอบระบบต่อสายดินของถังเก็บอย่างสมํ่าเสมอ โดยจํานวนจุดที่
ต่อลงดินจะต้องขึน้ กับขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของถังเก็บ
- กรณีมข ี นาดไม่เกิน 20 เมตร ให้ต่อลงดิน 1 จุด
- กรณีมข ี นาดมากกว่า 20 เมตร ให้ต่อลงดิน 2 จุด
อุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อ่นื ๆ ทีใ่ ช้งานทัง้ หมดต้องออกแบบพิเศษ
เพือ่ ป้องกันการแตก ร้าว แยก และทนต่อแรงระเบิด (Explosion proof)
ตามมาตรฐานสากลทีเ่ กีย่ วข้อง
ระบบท่อและวาล์ว ควรออกแบบให้สามารถป้องกันเปลวไฟเล็ดลอดออกสู่
ภายนอก เพือ่ จํากัดเปลวไฟลุกลาม (Fire proof)
จัดให้มรี ะบบป้องกันและควบคุมอัคคีภยั ได้แก่ ระบบโฟม ระบบนํ้าดับเพลิง
หัวฉีดนํ้าดับเพลิง ระบบสเปรย์น้ําดับเพลิง อุปกรณ์ชนิดมือถือ ระบบเตือนภัย
ฉุกเฉินในแต่ละจุดตามระยะทีก่ ฎหมายกําหนด
ตรวจสอบถังดับเพลิงและอุปกรณ์เป็ นระยะอย่างสมํ่าเสมอเพือ่ ให้สามารถใช้งาน
ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา
อันตรายจากการรัวไหล
่ ติดตัง้ อุปกรณ์วดั ระดับสารเคมีในถังทัง้ ระดับตํ่าสุดและสูงสุดทีอ่ นุญาตพร้อมกับ
ระบบเตือนเมือ่ ถึงระดับดังกล่าว
ควรสร้างเขือ่ นกัน้ ทีส่ ามารถกักเก็บของเหลวไวไฟทัง้ หมด เว้นแต่ทม่ี ถี งั เก็บ
มากกว่าหนึ่งถังให้สร้างเขือ่ นกัน้ ทีส่ ามารถจัดเก็บได้เท่ากับ 100% ของถังเก็บที่
มีขนาดใหญ่สดุ
เขือ่ นทีส่ ร้างจากคอนกรีตจําเป็ นต้องมีตวั อุดกันรัวที
่ ท่ าํ จากสารในกลุม่ Epoxy
เช่น Epoxy phenolic และต้องทํามาจากคอนกรีตเสริมเหล็ก ทีอ่ อกแบบให้
สามารถกันนํ้าและทนต่อแรงดันนํ้าได้ (Full hydrostatic head)
7-2 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
หัวข้อ มาตรการความปลอดภัยสําหรับของเหลวไวไฟ
พืน้ ทีถ่ งั เก็บจําเป็ นต้องมีบอ่ พัก พร้อมติดตัง้ ปมเพืั ๊ อ่ สูบนํ้าและ/หรือของเหลว เพือ่
รวบรวมนํ้าและ/หรือของเหลวส่งไปกําจัดตามหลักวิชาการ โดยแนวท่อ หรือ
พืน้ ทีใ่ ห้ของเหลวไหลมายังพืน้ ทีก่ กั เก็บควรมีความชันประมาณ 1%
การระบายของเหลวรัวไหลไปยั ่ งพืน้ ทีก่ กั เก็บทีอ่ ยูร่ ะยะไกลแสดงดัง
รูปที่ 7.1
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 7-3
หัวข้อ มาตรการความปลอดภัยสําหรับของเหลวไวไฟ
สภาพแวดล้อมการทํางาน และควบคุมให้อยูใ่ นระดับทีป่ ลอดภัย
ตรวจสุขภาพของผูป้ ฏิบตั งิ านปีละ 1 ครัง้
จัดให้มกี ารฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินไฟไหม้ ระเบิด สารเคมีหกรัวไหล ่ และการอพยพ
อย่างน้อยปี ละ 1 ครัง้
อื่นๆ ควรพิจารณาปริมาตรในการกักเก็บนํ้าทีใ่ ช้แล้วจากการดับเพลิง โดยประเมิน
จากสถาณการณ์ไฟไหม้ทค่ี าดว่าร้ายแรงทีส่ ดุ โดยพิจารณาจากตัวแปร
ดังต่อไปนี้
- ประเภทความเป็ นอันตรายของสารทีเ่ ก็บ
- ความพร้อมและศักยภาพของหน่ วยดับเพลิง และระยะเวลาทีใ่ ช้ในการมาถึง
พืน้ ทีเ่ พือ่ ควบคุมเพลิง
- อัตราการฉีดนํ้าในการดับเพลิงเพือ ่ ควบคุมเพลิง
- โครงสร้างพืน ้ ฐานในการป้องกันเพลิง เช่น ระบบตรวจจับเพลิงไหม้และระบบ
ดับเพลิงทีม่ อี ยูใ่ นพืน้ ที่ เป็ นต้น
7.2 แผนฉุกเฉิ น
แผนฉุกเฉิน หมายถึง การเตรียมแนวทางการดําเนินงานไว้ลว่ งหน้า สําหรับในกรณีทเ่ี กิด
เหตุการณ์ไม่คาดคิด ซึง่ ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บ การสูญเสียชีวติ และทรัพย์สนิ และผลกระทบต่อ
สิง่ แวดล้อมภายนอกสถานประกอบการ วัตถุประสงค์ในการจัดทําแผนฉุกเฉินนัน้ มีขน้ึ เพือ่ จํากัด
ผลกระทบทีเ่ กิดขึน้ และกําหนดขัน้ ตอนในการปฏิบตั หิ ากเกิดเหตุการณ์ขน้ึ จริง เพือ่ ป้องกันความสับสน
และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เบือ้ งต้น โดยในการบริหารจัดการแผนฉุกเฉินจะประกอบด้วยระยะ
พืน้ ฐาน 4 ส่วนดังรูปที่ 7.1
Mitigation : การป้องกัน เป็ นการใช้บทเรียนจากผลกระทบและ
อันตรายต่อชีวติ ทีผ่ า่ นมาในการวางแผนป้องกันภัยทีจ่ ะเกิดขึน้
Preparedness : การเตรียมพร้อม เป็ นการเตรียมความพร้อม
บุคลากร หรือผูใ้ ห้ความช่วยเหลือให้มคี วามเข้าใจในแผนและการใช้
แผน
Response : การตอบสนอง เป็ นการให้ความช่วยเหลือในระยะเวลา
สัน้ ๆ ขณะเกิดเหตุทนั ที
Recovery : การฟื้นฟู เป็ นการดูแลช่วยเหลือหลังระยะเกิดอุบตั ภิ ยั
7-4 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
เกีย่ วกับสารเคมีชนิดทีเ่ กิดเหตุเป็ นอย่างดี โดยการศึกษาข้อมูลจากข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี
(Safety Data Sheet) ของสารเคมีชนิดนัน้ ซึง่ จะระบุถงึ การระงับเหตุสารเคมีรวไหล
ั่ อุปกรณ์คมุ้ ครอง
ความปลอดภัยส่วนบุคคลทีเ่ หมาะสมสําหรับการระงับเหตุ สารดับเพลิง ทีเ่ หมาะสมในการระงับเหตุ
เพลิงไหม้สารเคมี สารเคมีทม่ี คี วามเป็ นอันตรายต่างกัน หรือมีความเป็ นอันตรายเฉพาะ เช่น
เมือ่ สารเคมีสมั ผัสกับนํ้าทําให้เกิดระเบิดได้ การระงับเหตุเพลิงไหม้จากสารเคมีจงึ ห้ามใช้น้ําในการ
ดับเพลิง เป็ นต้น
ในการจัดทําแผนฉุกเฉินควรประกอบด้วยข้อมูลทัวไปดั
่ งต่อไปนี้
ขอบข่ายและวัตถุประสงค์ของแผนฉุ กเฉิน
รายละเอียดและการประเมินสถานการณ์ฉุกเฉิน ความเป็ นอันตราย (รวมถึงความเป็ นอันตราย
จากธรรมชาติ ตามความเหมาะสม) และพืน้ ทีท่ อ่ี าจได้รบั ผลกระทบ
ชื่อ นามสกุล ตําแหน่ง และข้อมูลการติดต่อของพนักงานทีร่ บั ผิดชอบในการดําเนินการ
ตามแผนฉุกเฉิน และของพนักงานทีม่ หี น้าทีใ่ นการประสานงานในพืน้ ทีใ่ นการเข้าระงับเหตุ
หน้าทีค่ วามรับผิดชอบของพนักงานทีอ่ ยูใ่ นผังองค์กรทีเ่ กีย่ วข้องกับการจัดการสถานการณ์
ฉุกเฉินภายใต้แผนนี้ (ลําดับขัน้ ความรับผิดชอบ อํานาจหน้าทีใ่ นการปฏิบตั งิ าน)
โครงสร้างการแจ้งเหตุ และ/หรือการสือ่ สารทัง้ ภายในและภายนอก (ตามทีก่ าํ หนดโดย
กฎหมายทีเ่ กีย่ วข้องและ/หรือกระบวนการภายในโรงงาน)
อุปกรณ์และเครือ่ งมือทีจ่ าํ เป็ นต้องใช้สาํ หรับการเข้าปฏิบตั กิ ารเพือ่ ระงับเหตุ และทรัพยากร
ทีจ่ าํ เป็ นตามผลการประเมิน (สําหรับการสือ่ สารและการปฏิบตั กิ าร)
ขัน้ ตอนการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน และการฟื้นฟูพน้ื ที่ สําหรับสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ ทีไ่ ด้
กําหนดไว้ รวมทัง้ ในกรณีของการเตือนและการแลกเปลีย่ นข้อมูลกับหน่วยกูภ้ ยั ฉุกเฉินในพืน้ ที่
ข้อกําหนดเกีย่ วกับการซ้อมแผนฉุกเฉินร่วมกับหน่วยงานภายนอกทีเ่ กีย่ วข้อง
เช่น สถานีดบั เพลิง สถานีตาํ รวจ โรงพยาบาลในพืน้ ที่ เป็ นต้น
การประสานงาน บูรณาการ และเชื่อมโยงกับแผนอื่นๆ ทัง้ ภายใน เช่น แผนฉุกเฉินโรงงาน
แผนความต่อเนื่องของธุรกิจ เป็ นต้น และภายนอก เช่น แผนของโรงงานข้างเคียง และแผน
ระดับเทศบาลหรือจังหวัด เป็ นต้น
เมือ่ เกิดเหตุฉุกเฉินขึน้ บริเวณพืน้ ทีถ่ งั เก็บ อาจจะส่งผลกระทบต่อผูป้ ฏิบตั งิ าน สิง่ แวดล้อม
ประชาชนทีอ่ าศัยในบริเวณใกล้เคียง และการสูญเสียทรัพย์สนิ แต่ถา้ หากมีการป้องกัน ตรวจสอบ
และมีการเตรียมการทีด่ ใี นการรับสถานการณ์เมือ่ เกิดภาวะฉุกเฉิน จะสามารถระงับหรือลดขนาดของการ
สูญเสียชีวติ และทรัพย์สนิ ได้ วัตถุประสงค์ในการจัดทําแผนปฏิบตั กิ ารเหตุฉุกเฉินก็เพือ่ ทีจ่ ะควบคุมหรือ
กําจัดเหตุฉุกเฉินทีเ่ กิดขึน้ และกําหนดขัน้ ตอนในการระงับอุบตั ภิ ยั ได้อย่างทันสถานการณ์
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 7-5
7.2.1 แผนฉุกเฉิ นกรณี เกิ ดการรัวไหลจากถั
่ งเก็บของเหลวไวไฟ
ผูป้ ระสบเหตุของเหลวไวไฟรัวไหล
่ จากถังเก็บควรปฏิบตั ดิ งั นี้
7-6 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
การดําเนินการภายหลังเกิดเหตุฉุกเฉิน
- สอบสวนถึงสาเหตุของการเกิดอุบตั ภิ ยั เพือ่ เป็ นแนวทางในการป้องกันครัง้ ต่อไป
- สํารวจความเสียหาย
- ประเมินประสิทธิภาพของมาตรการป้องกัน และควบคุมเหตุฉุกเฉินทีใ่ ช้อยู่
- ประเมินประสิทธิภาพของทีมปฏิบตั กิ ารฉุกเฉิน เพือ่ ปรับปรุงแผนปฏิบตั กิ ารเหตุฉุกเฉินให้
มีประสิทธิภาพ
7.2.2 แผนฉุกเฉิ นกรณี เกิ ดเพลิ งไหม้ถงั เก็บของเหลวไวไฟ
ผูป้ ระสบเหตุกรณีเกิดเพลิงไหม้ถงั เก็บของเหลวไวไฟ ควรปฏิบตั ดิ งั นี้
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 7-7
บทที่ 8 การตรวจสอบและการบํารุงรักษา
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 8-1
8.2 การตรวจสอบระหว่างการใช้งาน
8.2.1 การตรวจสอบตามปกติ (Routine in-service inspection)
ในหัวข้อนี้เป็นการตรวจสอบสภาพถังเก็บสารเคมีดว้ ยสายตา (Visual inspection) ซึง่ ผูป้ ระกอบ
กิจการโรงงาน จะต้องจัดให้มกี ารตรวจสอบนี้อย่างสมํ่าเสมอ อย่างน้อย เดือนละ 1 ครัง้
การตรวจสอบด้วยสายตานี้จะตรวจสอบทีบ่ ริเวณผิวภายนอกของถังเก็บสารเคมี โดยการเดินรอบ
ั ่ าไม่มปี จั จัยใดๆ ทีท่ าํ ให้ถงั เกิดความเสียหายหรือเกิดอุบตั เิ หตุจน
ทัง้ ด้านข้างและด้านบนถังเพือ่ ให้มนใจว่
ทําให้ไม่สามารถใช้งานได้ โดยควรมีการตรวจสอบดังรายการต่อไปนี้
สภาพแวดล้อมของพืน้ ทีต่ งั ้ ถังเก็บโดยทัวไป่
สภาพทัวไปของถั
่ งเก็บของเหลว เช่น สภาพรอยเชื่อมภายนอก สภาพสีภายนอก รอยสนิม
และการผุกร่อน เป็ นต้น
สภาพ และความแข็งแรงของราวกันตกบนหลังคาถัง
สภาพทัวไปของพื
่ น้ ทีร่ องรับ เขือ่ นกัน้ และพืน้ ทีโ่ ดยรอบถัง เช่น รอยร้าว รอยรัว่ เป็ นต้น
การรัวซึ
่ มตามหน้าแปลน ข้อต่อ ท่อ และวาล์วต่างๆ
สภาพอุปกรณ์ประกอบถัง เช่น อุปกรณ์วดั ระดับของเหลว อุปกรณ์วดั อุณหภูมิ อุปกรณ์วดั
ความดัน อุปกรณ์นิรภัยระบายความดันต่างๆ เป็ นต้น
สภาพสายล่อฟ้า
สภาพสายดิน
สภาพอุปกรณ์ระบบนํ้าดับเพลิง เช่น สายฉีดนํ้า ปื นฉีดนํ้า หัวรับนํ้าดับเพลิง เป็ นต้น
สภาพอุปกรณ์ระบบโฟมดับเพลิง เช่น ถังโฟม Foam chamber เป็ นต้น
สภาพทัวไปของบ่
่ อพักนํ้าทีอ่ ยูภ่ ายในเขือ่ นล้อมรอบถังเก็บ
สภาพการทรุดตัวของฐานถัง และสภาพฐานถังความเอียงของถัง โดยพิจารณาว่าพืน้ ที่
โดยรอบมีรอยแตกร้าว หรือการทรุดตัวของฐานถัง
8.2.2 การตรวจสอบประจําปี (Annual inspection)
เป็ นการตรวจสอบสภาพถังเก็บสารเคมีดว้ ยสายตา (Visual inspection) ตามหัวข้อ 8.2.1 และวัด
ความหนาของผนังขณะทีม่ กี ารใช้งานโดยไม่รวมความหนาของฉนวน เฉพาะพื้นทีห่ รือจุดทีเ่ สีย่ งต่อการ
กัดกร่อนสูง สําหรับการตรวจสอบภายนอกขณะใช้งาน ซึง่ ผูป้ ระกอบกิจการโรงงาน จะต้องจัดให้มกี าร
ตรวจสอบนี้ อย่างน้อย ปี ละ 1 ครัง้
8-2 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
รูปที่ 8.1 ตัวอย่างเครือ่ งมือวัดความหนาด้วยคลื่นเสียงชนิดอุลตร้าโซนิก
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 8-3
ตารางที่ 8.1 การป้องกันการกัดกร่อน
การป้ องกันการกัดกร่อน จํานวนปี ที่เพิ่ มจากระยะเวลาเริ่ มต้น
การเคลือบผิวด้วยใยแก้วเสริมแรง (Fiberglass-reinforced) 5 ปี
ทีพ่ น้ื ถัง ตามข้อกําหนดใน API RP 652
การเคลือบผิวภายในแบบฟิลม์ บาง ตามข้อกําหนดใน API RP 652 2 ปี
การป้องกันการผุกร่อนแบบ Cathodic ทีพ่ น้ื ถังตามข้อกําหนด 5 ปี
ใน API RP 651
มีคา่ เผื่อสําหรับการกัดกร่อน (Corrosion Allowance) ทีพ่ น้ื ถัง ค่าเผื่อสําหรับการกัดกร่อนจริง – 150 mils
มากกว่า 0.038 เซนติเมตร ค่าอัตราการกัดกร่อน
พืน้ ถังทําจากเหล็กกล้าไร้สนิม และมีการประเมินจากผูเ้ ชีย่ วชาญ
ด้านการกัดกร่อนว่าสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกถังมีความ 10 ปี
เสีย่ งทีจ่ ะเกิดความเสียหายจากการกัดกร่อนตํ่า
ทีม่ า : Table 6.1 – Tank Safeguard ใน API 653
8-4 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ตารางที่ 8.2 ความถีใ่ นการตรวจสอบแต่ละประเภท
สรุปหัวข้อการตรวจสอบ ความถี่ ผูด้ าํ เนิ นการ
1. การตรวจทดสอบก่อนใช้งาน ก่อนใช้งาน ผูผ้ ลิตถังเก็บสารเคมี
- ตรวจสอบส่วนประกอบต่างๆ ตามข้อกําหนดของ
Appendix : API Std 650 Storage Tank Data
Sheet
- ตรวจสอบความแข็งแรงและรอยรัวซึ ่ มของถัง
ด้วยวิธกี ารอัดนํ้าเพือ่ ทดสอบความดัน
(Hydrostatic test)
- ตรวจสอบค่าการทรุดตัวและความเอียงของถัง
- ตรวจวัดความหนาของถัง
- ตรวจทดสอบอุปกรณ์นิรภัยทีใ่ ช้ระบายแรงดัน
- ตรวจทดสอบอุปกรณ์วดั ระดับ อุณหภูม ิ
ความดัน และอุปกรณ์แจ้งเตือนต่างๆ (ถ้ามี)
2. การตรวจสอบระหว่างการใช้งาน
2.1 การตรวจสอบตามปกติ เดือนละ 1 ครัง้ เจ้าของหรือผูด้ าํ เนินการ
(Routine in-service inspection) ประจําถังเก็บสารเคมี
- สภาพแวดล้อมของพืน้ ทีต่ งั ้ ถังเก็บโดยทัวไป ่
- สภาพทัวไปของถั
่ งเก็บของเหลวไวไฟ เช่น สภาพ
รอยเชื่อมภายนอก สภาพสีภายนอก รอยสนิม
และการผุกร่อน เป็ นต้น
- สภาพ และความแข็งแรงของราวกันตกบนหลังคาถัง
- สภาพทัวไปของพื ่ น้ ทีร่ องรับ และเขือ่ นกัน้ ล้อมรอบ
เช่น รอยร้าว รอยรัว่ เป็ นต้น
- การรัวซึ
่ มตามหน้าแปลน ข้อต่อ ท่อ และวาล์วต่างๆ
- สภาพอุปกรณ์ประกอบถัง
- สภาพสายล่อฟ้า
- สภาพสายดิน
- สภาพอุปกรณ์ระบบนํ้าดับเพลิง เช่น สายฉีดนํ้า
ปื นฉีดนํ้า หัวรับนํ้าดับเพลิง เป็ นต้น
- สภาพอุปกรณ์ระบบโฟมดับเพลิง เช่น ถังโฟม
Foam chamber เป็ นต้น
- สภาพทัวไปของบ่
่ อพักนํ้าทีอ่ ยูภ่ ายในเขือ่ น
ล้อมรอบถังเก็บ
- สภาพการทรุดตัวของฐานถัง และสภาพฐานถัง
ความเอียงของถัง โดยพิจารณาว่าพืน้ ทีโ่ ดยรอบมี
รอยแตกร้าว หรือการทรุดตัวของฐานถัง
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 8-5
ตารางที่ 8.2 ความถีใ่ นการตรวจสอบแต่ละประเภท (ต่อ)
สรุปหัวข้อการตรวจสอบ ความถี่ ผูด้ าํ เนิ นการ
2.2 การตรวจสอบประจําปี (Annual inspection) ปี ละ 1 ครัง้ เจ้าของหรือผูด้ าํ เนินการ
- วัดความหนาของผนังเฉพาะพืน้ ทีห่ รือจุดทีเ่ สีย่ งต่อ ประจําถังเก็บสารเคมีทม่ี ี
การกัดกร่อนสูง ประสบการณ์
2.3 การตรวจสอบภายนอก ขณะใช้งาน ทุก 5 ปี ผูม้ ปี ระสบการณ์ หรือบริษทั
(External inspection) ทีไ่ ด้รบั การรับรองตาม
- ตรวจสอบด้วยสายตา (Visual inspection) ตาม มาตรฐาน API
ข้อกําหนด Appendix : API Std 653 Checklist
for tank inspection สําหรับ Tank in-service
inspection checklist
- ตรวจวัดความเอียงของตัวถัง (Plumbness test)
- ตรวจวัดความหนาบริเวณผนังและหลังคาถังเก็บ
2.4 การตรวจสอบภายในของถังเก็บสารเคมี ระยะเวลาเริม่ ต้นควรจะ ผูม้ ปี ระสบการณ์ หรือบริษทั
(Internal inspection) ดําเนินการภายใน 10 ปี ทีไ่ ด้รบั การรับรองตาม
- ตรวจวัดความหนา โดยทําการวัดทุกแผ่นบริเวณพืน้ ถัง หลังจากเริม่ ใช้งานถังเก็บ มาตรฐาน API
- ตรวจสอบและทดสอบพืน้ ถัง แนวเชื่อมบริเวณเชื่อมต่อ และสามารถบวกจํานวนปี
ระหว่างผนังถังกับพืน้ ถัง และบริเวณใกล้เคียง เพิม่ เติมตามลักษณะการ
- ความเรียบของพืน้ ถัง การโก่งและทรุดของพืน้ ถัง ป้องกันการกัดกร่อนของ
การสึกกร่อนใต้พน้ื ถัง และตรวจหารอยรัวตามแนว
่ ถังนัน้ ๆ
เชื่อม ซึง่ ทําการตรวจสอบบริเวณรอยเชื่อมของพืน้
ถัง (Bottom plate)
- ตรวจสอบด้วยสายตา (Visual Inspection) ตาม
ข้อกําหนด Appendix : API Std 653 Checklist for
tank inspection สําหรับ Tank out-of-service
inspection checklist
8-6 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
บทที่ 9 แบบตรวจสอบถังเก็บของเหลวไวไฟ (Checklist)
1. ข้อมูลสถานประกอบการ
ชื่อสถานประกอบการ : เลขทะเบียนโรงงาน :
ทีอ่ ยู่ :
เบอร์โทรศัพท์ : โทรสาร :
วันทีเ่ ข้าสํารวจ :
ชื่อ-สกุล ผูก้ รอกแบบตรวจสอบ :
จํานวนถังเก็บของเหลวไวไฟ จํานวนถังเก็บสารกัดกร่อน จํานวนถังเก็บสารพิษ รวมทัง้ หมด
2. ข้อมูลสารเคมี
ชื่อสารเคมี (ชือ่ สามัญ) :
ค่าความถ่วงจําเพาะ (Max S.G.) : ค่า Corrosion Rate (ถ้ามี) มม./ปี
3. ข้อมูลถังเก็บสารเคมี
บริษทั ผูผ้ ลิตถัง: รหัสถังเก็บสารเคมี:
ประเภทถัง : [ ] Fixed roof tank [ ] Internal floating roof tank
ชนิดของวัสดุถงั เก็บ [ ] เหล็ก [ ] สแตนเลส [ ] อื่นๆ............................................................................
ปี ทส่ี ร้าง: อ้างอิงตาม API 650 Appendix :
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง : เมตร ความสูงของถัง (Shell height) : เมตร
ความจุสงู สุด (Max. Capacity) : ลบ.ม ความจุสทุ ธิทใ่ี ช้งาน (Net working capacity) : ลบ.ม
ลักษณะพืน้ ถังเก็บ [ ] แบบ Cone up [ ] แบบ Cone down [ ] แบบเอียงด้านเดียว
[ ] อื่นๆ ระบุ..........................
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 9-1
4. การตรวจสอบถังเก็บสารเคมี (กรณี ถงั ไม่ได้อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้ข้ามไปที่ข้อ 5)
[ ] API ระบุ Code................................................................
การออกแบบถังอ้างอิงตามมาตรฐาน [ ] ASME ระบุ Code...........................................................
[ ] อื่นๆ ระบุ..............................................................lll.......
ลักษณะหลังคา [ ] แบบ Cone [ ] แบบ Dome
ความหนาออกแบบ ; ผนังชัน้ ล่างสุด : มม. หลังคา: มม.
พืน้ ถัง มม.
วัสดุทใ่ี ช้เคลือบ/ปูผวิ ภายในถังเก็บ (ถ้ามี)
ฐานรากของถังเก็บ [ ] บนดิน [ ] แบบวงแหวนคอนกรีต [ ] แบบเข็มแผ่ [ ] อื่นๆ
5. การทดสอบถังก่อนส่งมอบ
การทดสอบรอยเชื่อมครัง้ ล่าสุด เมือ่ ................................................. (แนบผลทดสอบ)
การทดสอบ Hydrostatic test ครัง้ ล่าสุด เมือ่ ................................................. (แนบผลทดสอบ)
9-2 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
6. ข้อปฏิ บตั ิ สาํ หรับถังเก็บของเหลวไวไฟ
6.1 ที่ตงั ้ ถังเก็บของเหลวไวไฟ
ไม่
ข้อ รายละเอียด มี ไม่มี หมายเหตุ
เกี่ยวข้อง
6.1.1 ถังเก็บสารเคมีแยกออกจากพืน้ ทีก่ ระบวนการผลิต
และแบ่งโซนการจัดเก็บสารเคมีอย่างชัดเจน
6.1.2 ถังเก็บสารเคมีอยูห่ า่ งจากแหล่งนํ้าในระยะทีเ่ หมาะสม
6.1.3 กรณีมถี งั มากกว่า 1 ถัง ระยะห่างระหว่างถังเก็บสารเคมี
ทีอ่ ยูต่ ดิ กันไม่น้อยกว่า 0.9 เมตรเป็ นไปตามเกณฑ์ท่ี
เหมาะสม (ไม่น้อยกว่า 1/6 x ผลรวมของเส้นผ่าน
ศูนย์กลางของถังคูท่ อ่ี ยูต่ ดิ กัน)
6.1.4 ถังเก็บสารเคมีอยูห่ า่ งจากถนนสาธารณะตามทีก่ ฎหมาย
ควบคุมอาคารกําหนด
6.1.5 มีระยะทีร่ ถดับเพลิงสามารถฉีดสารดับเพลิงถึงได้ หรือมี
พืน้ ทีใ่ ห้รถดับเพลิงสามารถเข้าถึงได้อย่างน้อย 2 ด้าน
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 9-3
6.2 การติ ดตัง้ และการใช้งานถังเก็บ (ต่อ)
ไม่
ข้อ รายละเอียด มี ไม่มี หมายเหตุ
เกี่ยวข้อง
6.2.6 มีการใช้อุปกรณ์คมุ้ ครองความปลอดภัยส่วนบุคคล
ตลอดเวลาทีป่ ฏิบตั งิ าน
6.2.7 มีบ่อพัก เพือ่ รวบรวมนํ้าและ/หรือของเหลวในบริเวณ
พืน้ ทีถ่ งั เก็บ
6.2.8 มีการทําเครือ่ งหมายทีถ่ งั เก็บ มีการบ่งชีว้ สั ดุอุปกรณ์
เช่น วาล์ว สาย และท่อต่างๆ เป็ นต้น
6.2.9 มีการตรวจสภาพทัวไปของถั
่ งเก็บของเหลว เช่น
สภาพสีภายนอก รอยสนิม และการผุกร่อน เป็ นต้น
6.2.10 มีการตรวจสภาพ และความแข็งแรงของราวกันตก
บนหลังคาถัง
6.2.11 มีการตรวจการรัวซึ ่ มตามหน้าแปลน ข้อต่อ ท่อ และ
วาล์วต่างๆ
6.2.12 มีการตรวจสภาพทัวไปของพื่ น้ ทีร่ องรับ และเขือ่ นกัน้
ล้อมรอบ เช่น รอยร้าว รอยรัว่ เป็ นต้น
ส่วนประกอบถังเก็บของเหลวไวไฟ
6.2.13 มีชอ่ งเปิ ดของถัง (Access hatch)
6.2.14 มีชอ่ งคนลงอย่างน้อย 2 ช่อง และมีขนาดไม่น้อยกว่า
500 มม.
6.2.15 มีชอ่ งระบาย (Drain) เพือ่ สามารถใช้สงั เกตการรัวซึ
่ ม
ของพืน้ ถังได้
6.2.16 มีถุงบอกทิศทางลม
อุปกรณ์สาํ หรับถังเก็บของเหลวไวไฟ
6.2.17 มีอุปกรณ์วดั ระดับสารเคมี
[ ] วิธี Manual ระบุ.......................................
[ ] วิธอี ตั โนมัติ ระบุ.......................................
6.2.18 [ ] มีการติดตัง้ ระบบป้องกันฟ้าผ่าทีเ่ หมาะสม
(ยกเว้นกรณีทวี ่ สั ดุถงั เก็บมีความหนาอย่างน้อยตามที ่
มาตรฐานกําหนด)
9-4 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
6.2 การติ ดตัง้ และการใช้งานถังเก็บ (ต่อ)
ไม่
ข้อ รายละเอียด มี ไม่มี หมายเหตุ
เกี่ยวข้อง
6.2.19 มีการต่อสายดินทีถ่ งั เก็บตามทีม่ าตรฐานกําหนด
6.2.20 อุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อ่นื ๆ ทีใ่ ช้งานทัง้ หมดต้อง
ออกแบบพิเศษเพือ่ ป้องกันการแตก ร้าว แยก และทน
ต่อแรงระเบิด (Explosion proof)
6.2.21 มีระบบป้ องกันและควบคุมอัคคีภยั
[ ] ระบบโฟม
[ ] ระบบนํ้าดับเพลิง
[ ] ระบบสเปรย์น้ําดับเพลิง
[ ] ระบบเตือนภัยฉุกเฉิน
[ ] ถังดับเพลิงแบบคาร์บอนไดออกไซด์
[ ] ปืนฉีดนํ้าดับเพลิง
6.2.22 มีอปุ กรณ์สาํ หรับระบบระบายความดัน
[ ] Open vent หรือ Free vent
[ ] Pressure safety valve
[ ] PV Valve
[ ] อื่นๆ ระบุ..........................................................
6.2.23 มีอุปกรณ์ดกั จับเปลวไฟ โดยเฉพาะกรณีทเ่ี ป็ น
Open vent หรือ Free vent
6.2.24 มีการติดตัง้ อุปกรณ์ตรวจจับก๊าซและไอระเหย
ของเหลวไวไฟ
6.2.25 มีการติดตัง้ อุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมขิ องเหลวไวไฟ
6.2.26 มีการติดตัง้ อุปกรณ์ตรวจวัดความดันของเหลวไวไฟ
6.2.27 มีระบบควบคุมการปลดปล่อยสาร (Emission)
[ ] ระบบเตาเผา (Incinerator)
[ ] ระบบบําบัดมลพิษทางอากาศอื่นๆ
ระบุ .......................
[ ] ระบบ Vapor return line
[ ] ระบบการปกคลุมด้วยก๊าซไนโตรเจนหรือ
ก๊าซเฉื่อย (Nitrogen/Inert gas blanketing)
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 9-5
6.3 การปฏิ บตั ิ งานกับของเหลวไวไฟ
ไม่
ข้อ รายละเอียด มี ไม่มี หมายเหตุ
เกี่ยวข้อง
6.3.1 มีการอบรมความรูเ้ กีย่ วกับความเป็ นอันตรายของ
ของเหลวไวไฟ
6.3.2 มีการตรวจวัดปริมาณความเข้มข้นของสารอินทรีย์
ระเหยง่าย (VOCs) ในบรรยากาศ สภาพแวดล้อมการ
ทํางาน
6.3.3 มีการตรวจสุขภาพของผูป้ ฏิบตั งิ านปีละ 1 ครัง้
6.3.4 มีการฝึ กซ้อมแผนฉุกเฉินไฟไหม้ ระเบิด สารเคมี
หกรัวไหล
่ และการอพยพ อย่างน้อยปีละ 1 ครัง้
6.4 การตรวจสอบและการบํารุงรักษาระหว่างการใช้งาน
ไม่
ข้อ รายละเอียด มี ไม่มี หมายเหตุ
เกี่ยวข้อง
6.4.1 มีแผนการตรวจสอบตามปกติ
(Routine in-service inspection)
ตามความถีท่ ก่ี าํ หนด (1 ครัง้ ต่อเดือน)
โดยตรวจครัง้ ล่าสุดเมือ่
.......................................................
6.4.2 มีแผนการตรวจสอบประจําปี (In-service inspection)
ตามความถีท่ ก่ี าํ หนด (1 ครัง้ ต่อปี) โดยวัดความหนา
ของผนังขณะทีม่ กี ารใช้งานโดยไม่รวมความหนาของ
ฉนวน เฉพาะพื้นทีห่ รือจุดทีเ่ สีย่ งต่อการกัดกร่อนสูง
โดยตรวจครัง้ ล่าสุดเมือ่
.......................................................
9-6 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
6.4 การตรวจสอบและการบํารุงรักษาระหว่างการใช้งาน (ต่อ)
ไม่
ข้อ รายละเอียด มี ไม่มี หมายเหตุ
เกี่ยวข้อง
6.4.3 มีแผนการตรวจสอบภายนอกขณะใช้งาน
(External inspection) ตามความถีท่ ก่ี าํ หนด (ทุก 5 ปี)
ตามมาตรฐาน API 653 โดย
- ตรวจสอบด้วยสายตา (Visual inspection) ตาม
ข้อกําหนด Appendix : API Std 653 Checklist
for tank inspection สําหรับ Tank in-service
inspection checklist
- ตรวจวัดความเอียงของตัวถัง (Plumbness test)
- ตรวจวัดความหนาบริเวณผนังและหลังคาถังเก็บ
โดยตรวจครัง้ ล่าสุดเมือ่
......................................................
6.4.4 มีแผนการตรวจสอบภายในของถังเก็บสารเคมี
(Internal inspection) ตามมาตรฐาน API 653 โดย
- ตรวจวัดความหนา โดยทําการวัดทุกแผ่นบริเวณ
พืน้ ถัง
- ตรวจสอบและทดสอบพืน้ ถัง แนวเชื่อมบริเวณ
เชื่อมต่อระหว่างผนังถังกับพืน้ ถัง และบริเวณ
ใกล้เคียง
- ความเรียบของพืน้ ถัง การโก่งและทรุดของ
พืน้ ถัง การสึกกร่อนใต้พน้ื ถัง และตรวจหารอย
รัวตามแนวเชื
่ อ่ ม ซึง่ ทําการตรวจสอบบริเวณ
รอยเชื่อมของพืน้ ถัง (Bottom plate)
- ตรวจสอบด้วยสายตา (Visual inspection)
ตามข้อกําหนด Appendix : API Std 653
Checklist for tank inspection สําหรับ Tank
out-of-service inspection checklist
โดยตรวจครัง้ ล่าสุดเมือ่
.......................................................
กรมโรงงานอุตสาหกรรม 9-7
สรุปผลการตรวจสอบ
…….……………………......................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.................…….…………………….....................................................................................................
.................................…….……………………........................................……......................................
.................................…….……………………........................................……......................................
2)....................................................
9-8 กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ภาคผนวก ก.1
ตารางเปลี่ยนหน่ วย
Pressure, stress
lbf/in2 (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) 6.895 kPa (กิโลปาสคาล)
(ความดัน ความเค้น)
Force, weight
lbf (ปอนด์) 4.448 N (นิวตัน)
(แรง นํ้าหนัก)
ภาคผนวก ข.1
ความสมดุลระหว่างเส้นผ่านศูนย์กลางและความสูงของถัง
Height, Diameter, m.
ผลลัพธ์ที่
การ ได้จาก
ขัน้ ที่ สูตรที่ใช้ในการคํานวณ แทนค่าข้อมูลที่ได้ ลงในสูตร หน่ วย
ดําเนิ นการ การ
คํานวณ
1.1 หาค่าความ
สูงของ
เมตร
ของเหลวที่
Hn = H – (n-1)(h) Hn = ____- ( ___ - 1)( ____ ) Hn
นํามา (m.)
คํานวณ
Hn
a
By agreement between the Purchaser and the Manufacturer, the tensile strength of ASTM A 537M, Class 2, A 678M,
Grade B, and A 841M, Class 2, materials m be increased to 585 MPa minimum and 690 MPa maximum. The tensile
strength of the other listed materials may be increased to 515 MPa minimum and 620 MPa maximum. When this is done,
the allowable stresses s all be determined as stated in 5.6.2.1 and 5.6.2.2
b
By agreement between the Purchaser and the Manufacturer, the tensile strength of ASTM A 537M, Class 2 materials map
be increased to 550 MPa minimum and 690 MPA maximum. The tensile strength of the other listed materials may be
increased to 485 MPa minimum and 620 MPa maximum. When this is done, the allowable stresses s all be determined as
stated in 5.6.2.1 and 5.6.2.2
ทีม่ า : Table 5-2a- (SI) Permissible Plate Materials and Allowable Stresses
API 650 Welded Tanks for Oil Storage ADDENDUM 2011 Chapter 5 (Paper 5-13)
ภาคผนวก ข.5
การคํานวณค่าความเค้นสูงสุด
คํานวณหาค่าความเค้นสูงสุดขณะใช้งาน , Sd
2 2
Sd = x yield strength หรือ x tensile strength หน่วย เมกะพาสคาล (MPa)
3 5
ค่าความเค้นสูงสุดขณะอัดนํ้าทดสอบ, St
3 3
St = x yield strength หรือ x tensile strength หน่วย เมกะพาสคาล (MPa)
4 7
หลังจากคํานวณค่า Sd และ St จากแต่ละสูตรเสร็จแล้ว เราจะเลือกใช้คา่ Sd และ St ทีน่ ้อยทีส่ ดุ
ตัวอย่างการคํานวณค่าความเค้นสูงสุดขณะใช้งาน และค่าความเค้นสูงสุดขณะอัดนํ้าทดสอบ
ของเหล็กมอก. 1499-2541
2 2
จะได้ Sd = x 235 = 156 MPa หรือ x 400 = 160 MPa
3 5
3 3
St = x 175 = 176 MPa หรือ x 330 = 171 MPa
4 7
ดังนัน้ เหล็กมาตรฐาน มอก. 1499-2541 จะมีคา่ Sd = 156 MPa และค่า St = 171 MPa
ภาคผนวก ข.6
ตัวอย่างวัสดุปผู ิวถังเก็บของเหลวต่างๆ
Rubber (Natural)
Tygon (E-3606)
Cycolac (ABS)
PVC (Type 1)
Polyethylene
CERAMIC
Polyacetal
Neoprene
CARBON
KYNAR
RYTON
VITON
Silicon
Epoxy
Teflon
Nylon
Noryl
3
Acetaldehyde - D D A - A A D C B A A A - D B B D B C A
4
Acetone D D D A D B A D C B A A A A D D B C A D B
Alcohol Amyl A A B A C A A B B B A A A - A A D A A C A
Alcohol Benzyl - D B - A A A D D A - A A - A D - B B D A
Alcohol Butyl A A B A A A A - B B A A A - A A D A A A A
1
Alcohol Diacetone - D - - A A A - - D - A A - D D - D A D A
Alcohol Ethyl - A C - A B A B B A - A A A A A B A B A A
Alcohol Hexyl - - - - A A A - - A - A A - A A D B A A A
Alcohol Isobutyl - - - - A A A B - A - A A - A C B A A A A
Isopropyl - - - - A A A - - A - A A - A C C B A A A
4
Alcohol Methyl - B - A A C A D B A - A A A C B - A A A A
1 B D C A D A A D D D A A A A A D - D D D A
Benzene
1
Ethyl Acetate D D D A D A A D C C A A A - D D C D B D A
Ethylene Dichloride - D D A D A A - D A A C A - A D D D C D A
Methyl Ethyl Ketone D D - A D B A D D A A A A - D D C D A D B
1
Methyl Isobutyl Ketone D D - A D B A D - C A A A - D D C D C D B
Methyl Methacrylate - - - - - A - - - - - A A - D D - D D D A
Styrene - - - A A A - - - - - A A - B D D D D D A
2
Toluene, Toluol A D D A D A A D D D A A A A C D D D D D A
Footnotes
1. Polypropylene - Satisfactory to 72 °F 2. Polypropylene - Satisfactory to 120 °F
3. Polyacetal - Satisfactory to 72 °F 4. Ceramag - Satisfactory to 72 °F
หมายเหตุ : ตารางข้างต้น เป็ นการยกตัวอย่าง Compatibility Resistant Chart ทีไ่ ด้จากผูใ้ ห้บริการหนึ่งซึง่ อาจมีความเหมือนหรือ
แตกต่างจากทีอ่ ่นื ก็ได้ (ทีม่ า http://www.quickcutgasket.com/pdf/Chemical-Resistance-Chart.pdf เข้าถึงเมือ่
กรกฎาคม 2559)
×
D=
×
D = 9.54 เมตร
. ( . )
จากสมการ t = + CA
. × . ( . . )( . )
t = + 15.24
.
= + 15.24 = 16.79 มิลลิเมตร
ความหนาจากการอัดนํ้าทดสอบ
จากสมการ
4.9D(H − 0.3)
t =
S
. × . ( . . )
t =
= 1.83 มิลลิเมตร
เปรียบเทียบระหว่างค่า td = 16.79 มิลลิเมตร และ tt = 1.83 มิลลิเมตร
td > tt ดังนัน้ t1 = 16.79 มิลลิเมตร
ความหนาตํ่าสุดสําหรับเส้นผ่านศูนย์กลาง (D) < 15 เมตร ดังนัน้ tmin = 6 มิลลิเมตร
ความหนาออกแบบของ Shell (ts) เปรียบเทียบระหว่าง t1 = 16.79 มิลลิเมตร และ tmin = 6 มิลลิเมตร
tmin < t1 ดังนัน้ ts1 = 16.79 มิลลิเมตร
หลังจากทราบความหนาของชัน้ ล่างสุดแล้ว ให้กลับไปตรวจสอบว่าเกรดเหล็กทีเ่ ลือกมาเหมาะสมกับอุณหภูมใิ ช้งาน
หรือไม่ จากรูปที่ 3.1 (โดยพิจารณาอุณหภูมกิ ารใช้งานตามหัวข้อ 3.4) กรณีของเมทานอลทีเ่ ลือกพิจารณาอุณหภูมติ ่าํ สุดที่
มีโอกาสเกิดขึน้ ในขณะใช้งานของสถานทีต่ ดิ ตัง้ คืออุณหภูม ิ 15 องศาเซลเซียส
จากรูปจะเห็นว่าความหนาของเหล็กที่ 16.62 มิลลิเมตร สําหรับเหล็ก A36M Group I (As rolled, Semi-killed)
จะสามารถใช้งานได้ทอ่ี ุณหภูมไิ ม่ต่าํ กว่า -3 องศาเซลเซียส ขณะทีโ่ อกาสอุณหภูมใิ ช้งานตํ่าสุดอยูท่ ่ี 15 องศาเซลเซียส
แสดงว่าเกรดเหล็กทีเ่ ลือกใช้เหมาะสมกับการใช้งานโดยไม่ตอ้ งทํา Impact test
ความหนาชัน้ ถัดจากชัน้ ล่างสุด
ความสูงของเหลวทีน่ ํามาคํานวณ จากสมการ Hn = H – (n-1)(h)
ความสูงของของเหลว Hn = 7.0 – (1-1)(1.524) และ H1 = 7.0 m. (ชัน้ 1 คือ ชัน้ ล่างสุด)
H2 = 7.0 –(2-1)(1.524) = 5.476 (ชัน้ ที่ 2)
. × . ( . . )( . )
td = + 15.24 = 16.43 มิลลิเมตร
. × . ( . . )
tt = = 1.41 มิลลิเมตร
เลือก t1 = 16.43 มิลลิเมตร
แต่ tmin = 6 มิลลิเมตร ดังนัน้ ts2 = 16.43 มิลลิเมตร
ถังใบนี้ตอ้ งใช้แผ่นเหล็กผนังถังทัง้ หมด 5 ชัน้ ดังนี้
ชัน้ ที่ 1 : ts1 = 16.79 มิลลิเมตร
ชัน้ ที่ 2 : ts2 = 16.43 มิลลิเมตร
ชัน้ ที่ 3 : ts3 = 16.08 มิลลิเมตร (H3 = 7.0 -(3-1)(1.524) = 3.952 เมตร )
ชัน้ ที่ 4 : ts4 = 15.73 มิลลิเมตร (H4 = 7.0 -(4-1)(1.524) = 2.428 เมตร )
ชัน้ ที่ 5 : ts5 = 15.38 มิลลิเมตร (H5 = 7.0 -(5-1)(1.524) = 0.904 เมตร )
หลังจากทราบความหนาของเหล็กในแต่ละชัน้ เมือ่ ถึงขัน้ ตอนการสร้างถังจะต้องเลือกใช้เหล็กทีม่ คี วามหนาขัน้ ตํ่าอย่างน้อย
ตามทีอ่ อกแบบได้
ภาคผนวก ง
1
มาตรฐานผูท้ ดสอบโดยไม่ทาํ ลาย สําหรับการทดสอบและตรวจสอบถังเก็บนํ้ามันเชือ้ เพลิง ถังขนส่งนํ้ามันเชือ้ เพลิง
ระบบท่อขนส่งนํ้ามันเชือ้ เพลิง สถาบันพัฒนาเทคนิคพลังงาน (http://www.doeb.go.th/v5/show_km.php?tid=105)
ทํา การตรวจสอบค่ า การทรุ ด ตัว และความเอีย งของถัง ถ้า ค่ า ต่ า งๆ ยอมรับ ได้ ให้ทํ า การระบายนํ้ า
ออกจากถัง
2
Plumbness Test (https://lukmanwelding.wordpress.com/storage-tank/)
เอกสารอ้างอิ ง
13. Deutsche Industrie Normen (DIN). (1989). DIN 6618 : Part 1 Vertical Single-wall Steel Tanks
for the Above Ground Storage of Flammable and Non- Flammable Water Polluting Liquids.
14. National Fire Protection Association (NFPA). (2012). NFPA 30: Flammable and Combustible
Liquids Code.
15. National Fire Protection Association (NFPA). (2012). NFPA 704: Standard System for the
Identification of the Hazards of Materials for Emergency Response.
16. Basle Chemical Industry (BCI). (2009). Tank Farm Guidelines for the Chemical Industry
(TRCI).
กรณี ฉุกเฉินเกี่ยวกับสารเคมี
หมายเลขโทรศัพท์
หน่ วยงาน
ตลอด 24 ชัวโมง
่ เฉพาะเวลาทําการ
กรมโรงงานอุตสาหกรรม - 02-202-4000
ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม 1356 -
ศูนย์กชู้ พี นเรนทร 1669, 02-354-8222 -
กรมควบคุมมลพิษ 1650 02-298-2000
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 1784 0-2243-0020-27,
0-2241-7470-84
สํานักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 199 02-354-6858
กรุงเทพมหานคร
กองบังคับการตํารวจทางหลวง 1193, 0-2354-6007 -
สวพ. 91 1644, 0 2562 0033-4 -
จส. 100 1137, 02-249-9449-58 ต่อ 0 -
ร่วมด้วยช่วยกัน 1677 0-2730-2400