Professional Documents
Culture Documents
ตามแบบฉบับสวนโมกขพลาราม
โดย
หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปญโญ
ก
ค�ำน�ำ
_________________
สืบเนื่องจาก ๒ หนังสือสวดมนต์ด้งั เดิมของส�ำนักสวนโมกขพลาราม คือ คู่มอื
อุบาสกอุบาสิกา และ สวดมนต์แปลบทพิเศษต่างๆ ที่พิมพ์มาตั้งแต่ปีพุทธศักราช
๒๔๘๑ และ ๒๕๑๗ ได้ รับการเลือกใช้ ขยายวงอย่างต่อเนื่องแพร่หลายมานาน โดยใน
วาระแห่งการเฉลิมฉลองพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ พุทธศักราช ๒๕๕๕ หอ-
จดหมายเหตุพุทธทาส อิน ทปั ญ โญ ได้ ริ เ ริ่ ม จั ด ท�ำ “บทสวดมนต์ ๙ พระสู ต ร
ปฐมโพธิกาล ทีพ่ ระพุทธองค์ทรงแสดงเมือ่ ๒๖๐๐ ปี ทีแ่ ล้ว” โดยแสดงที่มาพร้อม
เรียบเรียงแสดงความเป็ นมาอย่างสังเขปและค�ำแปลของแต่ละพระสูตรเพื่อการศึกษา
ค้ นคว้ าต่อและประกอบการเจริญจิตตภาวนา ได้ รับความชื่นชอบก่อเกิดกุศลฉันทะ มี
การจัดพิมพ์เผยแผ่และเลือกใช้ ถงึ ขณะนี้เกือบ ๑๐๐,๐๐๐ เล่ม พร้ อมกับข้ อเสนอแนะ
ให้ พิจารณาท�ำหนังสือสวดมนต์ในลักษณะเดียวกันนี้ออกมา
หอจดหมายเหตุพทุ ธทาส อินทปัญโญ จึงได้ นำ� บทสวดมนต์จากทัง้ ๒ เล่มของ
ส�ำนักสวนโมกขพลารามมาร้อยเรียงในลักษณะการรักษาต้นฉบับเดิม และรวมให้ เป็ น
เล่มเดียวกัน โดยแทรกแสดงที่มาและความเป็ นมาอย่างสังเขปไว้ตามล�ำดับ ทั้งนี้เพื่อ
เป็ นการต่อยอดและขยายผลว่าด้วยบทสวดมนต์ การสวดมนต์ ตามแบบอย่างทีพ่ ทุ ธทาสภิกขุ
บุกเบิกการท�ำวัตรสวดมนต์แปลไว้ แล้ ว การอ้ างอิงที่มาจากพระไตรปิ ฎกตามที่พุทธ-
ทาสภิกขุระบุไว้ ในบทสวดมนต์ท้งั สองเล่ มมีความแตกต่างในเรื่องข้ อและหน้ า ด้ วย
พระไตรปิ ฎกมีการพิมพ์หลายครั้งหลายชุด ซึ่งฉบับที่หอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ ใช้
อ้ างอิงคือ “พระไตรปิ ฎกภาษาบาลีและภาษาไทย ฉบับเฉลิมพระเกียรติ พระบาท
สมเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หัว เนื่ อ งในการจั ด งานฉลองสิ ริ ร าชสมบัติ ค รบ ๖๐ ปี
พุทธศักราช ๒๕๔๙” มหาเถรสมาคมสอบทานแก้ ไขล่าสุด มีการเพิ่มเติมบางบทที่
ควรต่อการสวดเพื่อการเจริญจิตตภาวนา และลดทอนบางบทที่มีการใช้ น้อย พร้ อม
กับเติมภาคศาสนพิธที ม่ี กี ารใช้ อยู่เนืองๆ โดยได้ เพิ่มบทน�ำ “ฟ้ าสางทางการสวดมนต์”
ที่พุทธทาสภิกขุแสดงในวาระครบรอบ ๕๐ ปี สวนโมกข์ เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม
ข
ค�ำแนะน�ำเกี่ยวกับการอ่าน การสวดมนต์แบบสวนโมกขพลาราม*
_________________
เกี่ยวกับการสวด : ถ้ าถือตามระเบียบที่ใช้ อยู่ในสวนโมกขพลาราม ไชยา ก็ว่าค�ำ
บาลี ด้ วยเสียงสูงแหลม, ว่าค�ำแปลไทย ด้ วยเสียงทุ้มต�่ำ สลับกันไป, ซึ่งท�ำให้ ฟังง่ายและ
ไพเราะกว่าที่จะท�ำเสียงเสมอกัน. การหยุดนั้นหยุดตามที่มจี ุด เช่นจุดจุลภาค ( , ) เป็ นต้ น,
หยุดให้ เสียงขาดตอน ; ส่วนทีใ่ ดเพียงแต่เว้ นวรรคไว้ ไม่มจี ุดเช่นนั้นสวดให้ เป็ นแต่เพียง “ยั้ง”
คือเอื้อนเสียงยาว จนจวนจะหยุด, ไม่ถงึ กับหยุดเงียบ, แล้ วว่าวรรคที่ถดั ต่อไปได้ เลย,
จนกว่าจะถึงที่มจี ุด จึงจะหยุด อย่างเรียกว่าขาดเสียง. ถ้ าจะสวดให้ ไพเราะเต็มที่ ต้ องฝึ ก
การสวดจากบุคคล หรือจากเทปบันทึกเสียง โดยตรง.
_______________________________________________________________________________________________
*ตัดตอนจากค�ำชี้แจงส�ำหรับการพิมพ์ ครั้งที่ ๔๕ ของธรรมทานมูลนิธิ และเพิ่มวิธอี ่าน เ-ย
ง
๑
ฟ้าสางทางไหว้พระสวดมนต์
_________________
หน้า
ค�ำน�ำ ก
ค�ำแนะน�ำเกี่ยวกับการอ่าน การสวดมนต์แบบสวนโมกขพลาราม ค
ฟ้ าสางทางไหว้ พระสวดมนต์ ง
ภาค ๑ ค�ำท�ำวัตร เช้า และ เย็น
ค�ำบูชาพระรัตนตรัย 3 (๑)
ค�ำท�ำวัตรเช้า
ปุพพภาคนมการ 7 (๒)
๑. พุทธาภิถุติ 7 (๒)
๒. ธัมมาภิถุติ 10 (๔)
๓. สังฆาภิถุติ 11 (๕)
๔. รตนัตตยัปปณามคาถา 13 (๖-๗)
๕. สังเวคปริกติ ตนปาฐะ 15 (๘)
ค�ำท�ำวัตรเย็น
๑. พุทธานุสสติ 22 (๑๒)
๒. พุทธาภิคีติ 23 (๑๒-๑๓)
๓. ธัมมานุสสติ 26 (๑๕)
หน้า
๔. ธัมมาภิคีติ 27 (๑๖)
๕. สังฆานุสสติ 30 (๑๘)
๖. สังฆาภิคีติ 32 (๑๙)
ภาค ๒ สวดมนต์พเิ ศษบางบท
๑. ปุพพภาคนมการ 34 (๒๑)
๒. สรณคมนปาฐะ 36 (๒๑-๒๒)
๓. อัฏฐสิกขาปทปาฐะ 38 (๒๒-๒๓)
๔. ท๎วัตติงสาการปาฐะ 40 (๒๓)
๕. เขมาเขมสรณทีปิกคาถา 44 (๒๔)
๖. อริยธนคาถา 47 (๒๕)
๗. ติลักขณาทิคาถา 50 (๒๕-๒๖)
๘. ภารสุตตคาถา 52 (๒๗)
๙. ภัทเทกรัตตคาถา 54 (๒๘)
๑๐. ธัมมคารวาทิคาถา 58 (๒๙)
๑๑. โอวาทปาติโมกขคาถา 62 (๓๐-๓๑)
๑๒. ปฐมพุทธภาสิตคาถา 65 (๓๒)
๑๓. ปัจฉิมพุทโธวาทปาฐะ 67 (๓๓)
๑๔. บทพิจารณาสังขาร 69 (๓๔)
ภาคผนวก
๑. สัพพปัตติทานคาถา 72 (๓๖)
๒. ปัฏฐนฐปนคาถา 74 (๓๗-๓๘)
๓. อุททิสสนาธิฏฐานคาถา 77 (๔๐)
หน้า
๔. ค�ำสาธุการเมื่อพระเทศน์จบ 81 (๔๓-๔๔)
๕. อริยมรรคมีองค์แปด 85 (๔๖)
๖. ปัจจเวกขณ์องค์อโุ บสถศีล 95 (๕๑)
๗. ปฏิจจสมุปบาท 105
๘. กรณียเมตตสูตร 110
๙. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร 115 [๑]
๑๐. อิทปั ปัจจยตาปฏิจจสมุปบาท 122 [๑๑]
๑๑. ธาตุปัจจเวกขณปาฐะ 127 [๓๙]
๑๒. ตังขณิกปัจจเวกขณปาฐะ 130 [๔๑]
๑๓. มงคลสูตร 133
ภาคศาสนพิธี
บทพระให้ พร 146
ค�ำอธิษฐานเข้ าพรรษา (ส�ำหรับฆราวาส) 148
บทแผ่เมตตา 148
อธิบายศัพท์บทสวดมนต์ 149
1
ภาค ๑
ค�ำท�ำวัตร เช้า และ เย็น
_________________
(ค�ำบู ชาพระรัตนตรัย)
ตามแบบเก่าในสวดมนต์ฉบับหลวง
ค�ำท�ำวัตรเช้า
(ปุพพภาคนมการ)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔
มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [๓. โอปัมมวรรค]
๗. จูฬหัตถิปโทปมสูตร ข้อที่ ๒๘๘ – ๒๙๙
ว่าด้วยอุปมาด้วยรอยเท้าช้าง สูตรเล็ก
และ
5
ค�ำท�ำวัตรเช้า
อีกแห่งหนึ่ง
6
ค�ำท�ำวัตรเช้า
ค�ำ____________
ท�ำวัตรเช้า
(ปุพพภาคนมการ)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงเริ่มต้ นสวดนอบน้ อมแด่พระผู้มพี ระภาคเจ้ าเถิด.
____________
โย โส ตะถาคะโต,
พระตถาคตเจ้ านั้น พระองค์ใด ;
อะระหัง,
เป็ นผู้ไกลจากกิเลส ;
8 (๒ - ๓)
ค�ำท�ำวัตรเช้า
สัมมาสัมพุทโธ,
เป็ นผู้ตรัสรู้ชอบได้ โดยพระองค์เอง ;
วิชชาจะระณะสัมปั นโน,
เป็ นผู้ถงึ พร้ อมด้ วยวิชชา (ความรู้แจ้ ง) และจรณะ (ความประพฤติ) ;
สุคะโต,
เป็ นผู้ไปแล้ วด้ วยดี ;
โลกะวิทู,
เป็ นผู้ร้ โู ลกอย่างแจ่มแจ้ ง ;
อะนุ ตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ,
เป็ นผู้สามารถฝึ กบุรษุ ที่สมควรฝึ กได้ อย่างไม่มใี ครยิ่งกว่า ;
สัตถา เทวะมะนุ สสานัง,
เป็ นครูผ้ ูสอน ของเทวดาและมนุษย์ท้งั หลาย ;
พุทโธ,
เป็ นผู้ร้ ู ผู้ต่นื ผู้เบิกบานด้ วยธรรม ;
ภะคะวา,
เป็ นผู้มคี วามจ�ำเริญ จ�ำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ;
โย อิมงั โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพ๎รห๎มะกัง, สัสสะมะณะพ๎ราห๎มะ-
ณิง ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญญา สัจฉิกตั ว๎ า ปะเวเทสิ,
พระผู้มีพระภาคเจ้ าพระองค์ใด, ได้ ทรงท�ำความดับทุกข์ให้ แจ้ งด้ วยพระ
ปัญญาอันยิ่งเองแล้ ว, ทรงสอนโลกนี้พร้ อมทั้งเทวดา มาร พรหม, และหมู่
สัตว์พร้ อมทั้งสมณพราหมณ์, พร้ อมทั้งเทวดาและมนุษย์ให้ ร้ ตู าม ;
9 (๓)
ค�ำท�ำวัตรเช้า
โย ธัมมัง เทเสสิ,
พระผู้มพี ระภาคเจ้ าพระองค์ใด, ทรงแสดงธรรมแล้ ว ;
อาทิกลั ย๎ าณัง,
ไพเราะในเบื้องต้ น,
มัชเฌกัลย๎ าณัง
ไพเราะในท่ามกลาง,
ปะริโยสานะกัลย๎ าณัง
ไพเราะในที่สดุ ,
สาตถัง สะพ๎ยญ
ั ชะนัง เกวะละปะริปณ
ุ ณัง ปะริสทุ ธัง พ๎รห๎มะจะริยงั ปะกาเสสิ,
ทรงประกาศพรหมจรรย์ คือแบบแห่งการปฏิบตั อิ นั ประเสริฐ บริสทุ ธิ์
บริบูรณ์ สิ้นเชิง, พร้ อมทั้งอรรถะ (ค�ำอธิบาย) พร้ อมทั้งพยัญชนะ (หัวข้ อ) ;
ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ,
ข้ าพเจ้ าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระผู้มพี ระภาคเจ้ า พระองค์น้ัน ;
ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ.
ข้ าพเจ้ านอบน้ อมพระผู้มพี ระภาคเจ้ า พระองค์น้ัน ด้ วยเศียรเกล้ า.
(กราบระลึกพระพุทธคุณ)
ค�ำท�ำวัตรเช้า
(๒. ธัมมาภิถุติ)
พระราชนิพนธ์ของวชิรญาณภิกขุ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) สมัยที่ทรงผนวช
เฉพาะภาษาบาลีจากสวดมนต์ฉบับหลวง
ค�ำท�ำวัตรเช้า
(๓. สังฆาภิถุติ)
พระราชนิพนธ์ของวชิรญาณภิกขุ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) สมัยที่ทรงผนวช
เฉพาะภาษาบาลีจากสวดมนต์ฉบับหลวง
ค�ำท�ำวัตรเช้า
ปาหุเนยโย,
เป็ นสงฆ์ควรแก่สกั การะที่เขาจัดไว้ ต้อนรับ ;
ทักขิเณยโย,
เป็ นผู้ควรรับทักษิณาทาน ;
อัญชะลิกะระณีโย,
เป็ นผู้ท่บี ุคคลทั่วไปควรท�ำอัญชลี ;
อะนุ ตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ,
เป็ นเนื้อนาบุญของโลก, ไม่มนี าบุญอื่นยิ่งกว่า ;
ตะมะหัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ,
ข้ าพเจ้ าบูชาอย่างยิ่ง, เฉพาะพระสงฆ์หมู่น้ัน ;
ตะมะหัง สังฆัง สิระสา นะมามิ.
ข้ าพเจ้ านอบน้ อมพระสงฆ์หมู่น้ัน ด้ วยเศียรเกล้ า.
(กราบระลึกพระสังฆคุณ)
ค�ำท�ำวัตรเช้า
(๔. รตนัตตยัปปณามคาถา)
พระราชนิพนธ์ของวชิรญาณภิกขุ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) สมัยที่ทรงผนวช
เฉพาะภาษาบาลีจากสวดมนต์ฉบับหลวง
ค�ำท�ำวัตรเช้า
สังโฆ สุเขตตาภ๎ยะติเขตตะสัญญิโต,
พระสงฆ์เป็ นนาบุญอันยิ่งใหญ่กว่านาบุญอันดีท้งั หลาย ;
โย ทิฏฐะสันโต สุคะตานุ โพธะโก,
เป็ นผู้เห็นพระนิพพาน, ตรัสรู้ตามพระสุคต, หมู่ใด ;
โลลัปปะหีโน อะริโย สุเมธะโส,
เป็ นผู้ละกิเลสเครื่องโลเล เป็ นพระอริยเจ้ า มีปัญญาดี ;
วันทามิ สังฆัง อะหะมาทะเรนะ ตัง,
ข้ าพเจ้ าไหว้ พระสงฆ์หมู่น้ัน โดยใจเคารพเอื้อเฟื้ อ.
อิจเจวะเมกันตะภิปูชะเนยยะกัง,*
วัตถุตตะยัง วันทะยะตาภิสงั ขะตัง,
ปุญญัง มะยา ยัง มะมะ สัพพุปัททะวา,
มา โหนตุ เว ตัสสะ ปะภาวะสิทธิยา.
บุญใด ที่ข้าพเจ้ าผู้ไหว้ อยู่ซ่ึงวัตถุสาม, คือ พระรัตนตรัย อันควรบูชายิ่ง
โดยส่วนเดียว, ได้ กระท�ำแล้ วเป็ นอย่างยิ่งเช่นนี้น้ ี , ขออุปัททวะ (ความชั่ว)
ทั้งหลาย, จงอย่ามีแก่ข้าพเจ้ าเลย, ด้ วยอ�ำนาจความส�ำเร็จ อันเกิดจาก
บุญนั้น.
____________________
* เนยยะกัง อ่านว่า ไนยยะกัง
15 (๘)
ค�ำท�ำวัตรเช้า
(๕. สังเวคปริกิตตนปาฐะ)
พระราชนิพนธ์ของวชิรญาณภิกขุ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) สมัยที่ทรงผนวช
เฉพาะภาษาบาลีจากสวดมนต์ฉบับหลวง
____________
อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปั นโน,
พระตถาคตเจ้ าเกิดขึ้นแล้ ว ในโลกนี้ ;
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ,
เป็ นผู้ไกลจากกิเลส, ตรัสรู้ชอบได้ โดยพระองค์เอง ;
ธัมโม จะ เทสิโต นิยยานิโก,
และพระธรรมที่ทรงแสดง เป็ นธรรมเครื่องออกจากทุกข์ ;
อุปะสะมิโก ปะรินพิ พานิโก,
เป็ นเครื่องสงบกิเลส, เป็ นไปเพื่อปรินิพพาน ;
สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต,
เป็ นไปเพื่อความรู้พร้ อม, เป็ นธรรมที่พระสุคตประกาศ ;
มะยันตัง ธัมมัง สุตว๎ า เอวัง ชานามะ :-
พวกเราเมื่อได้ ฟังธรรมนั้นแล้ ว, จึงได้ ร้ อู ย่างนี้ว่า :-
ชาติปิ ทุกขา,
แม้ ความเกิดก็เป็ นทุกข์ ;
ชะราปิ ทุกขา,
แม้ ความแก่กเ็ ป็ นทุกข์ ;
มะระณัมปิ ทุกขัง,
แม้ ความตายก็เป็ นทุกข์ ;
16 (๘ - ๙)
ค�ำท�ำวัตรเช้า
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา,
แม้ ความโศก ความร�่ำไรร�ำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ
ความคับแค้ นใจ ก็เป็ นทุกข์ ;
อัปปิ เยหิ สัมปะโยโค ทุกโข,
ความประสบกับสิ่งไม่เป็ นที่รักที่พอใจ ก็เป็ นทุกข์ ;
ปิ เยหิ วิปปะโยโค ทุกโข,
ความพลัดพรากจากสิ่งเป็ นที่รักที่พอใจ ก็เป็ นทุกข์ ;
ยัมปิ จฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง,
มีความปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้ ส่งิ นั้น นั่นก็เป็ นทุกข์ ;
สังขิตเตนะ ปั ญจุปาทานักขันธา ทุกขา,
ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ท้งั ๕ เป็ นตัวทุกข์ ;
เสยยะถีทงั ,
ได้ แก่ส่งิ เหล่านี้ คือ :-
รูปูปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็ นที่ต้งั แห่งความยึดมั่น คือรูป ;
เวทะนู ปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็ นที่ต้งั แห่งความยึดมั่น คือเวทนา ;
สัญญูปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็ นที่ต้งั แห่งความยึดมั่น คือสัญญา ;
สังขารูปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็ นที่ต้งั แห่งความยึดมั่น คือสังขาร ;
วิญญาณู ปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็ นที่ต้งั แห่งความยึดมั่น คือวิญญาณ ;
17 (๙ - ๑๐)
ค�ำท�ำวัตรเช้า
เยสัง ปะริญญายะ,
เพื่อให้ สาวกก�ำหนดรอบรู้อปุ าทานขันธ์ เหล่านี้เอง,
ธะระมาโน โส ภะคะวา,
จึงพระผู้มพี ระภาคเจ้ านั้น เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่,
เอวัง พะหุลงั สาวะเก วิเนติ,
ย่อมทรงแนะน�ำสาวกทั้งหลาย เช่นนี้เป็ นส่วนมาก ;
เอวังภาคา จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี พะหุลา ปะวัตตะติ,
อนึ่ง ค�ำสัง่ สอนของพระผู้มพี ระภาคเจ้ านั้น, ย่อมเป็ นไปในสาวกทัง้ หลาย,
ส่วนมาก, มีส่วนคือการจ�ำแนกอย่างนี้ว่า :-
รูปัง อะนิจจัง, รูปไม่เที่ยง ;
เวทะนา อะนิจจา, เวทนาไม่เที่ยง ;
สัญญา อะนิจจา, สัญญาไม่เที่ยง ;
สังขารา อะนิจจา, สังขารไม่เที่ยง ;
วิญญาณัง อะนิจจัง, วิญญาณไม่เที่ยง ;
รูปัง อะนัตตา, รูปไม่ใช่ตวั ตน ;
เวทะนา อะนัตตา, เวทนาไม่ใช่ตวั ตน ;
สัญญา อะนัตตา, สัญญาไม่ใช่ตวั ตน ;
สังขารา อะนัตตา, สังขารไม่ใช่ตวั ตน ;
วิญญาณัง อะนัตตา, วิญญาณไม่ใช่ตวั ตน ;
สัพเพ สังขารา อะนิจจา, สังขารทั้งหลายทั้งปวง ไม่เที่ยง ;
สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ. ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่ใช่ตวั ตน ดังนี้.
เต (หญิงว่า : ตา) มะยัง โอติณณาม๎หะ,
พวกเราทั้งหลาย เป็ นผู้ถูกครอบง�ำแล้ ว ;
18 (๑๐ - ๑๑)
ค�ำท�ำวัตรเช้า
ชาติยา,
โดยความเกิด ;
ชะรามะระเณนะ,
โดยความแก่ และความตาย ;
โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ,
โดยความโศก ความร�่ำไรร�ำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ
ความคับแค้ นใจ ทั้งหลาย ;
ทุกโขติณณา,
เป็ นผู้ถูกความทุกข์ หยั่งเอาแล้ ว ;
ทุกขะปะเรตา,
เป็ นผู้มคี วามทุกข์ เป็ นเบื้องหน้ าแล้ ว ;
อัปเปวะนามิมสั สะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยา ปั ญญาเยถาติ.
ท�ำไฉน การท�ำที่สดุ แห่งกองทุกข์ท้งั สิ้นนี้, จะพึงปรากฏชัด แก่เราได้ .
(ส�ำหรับอุบาสก อุบาสิกาสวด)
จิ ระปะรินพิ พุตมั ปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา,
เราทั้งหลายผู้ถงึ แล้ วซึ่งพระผู้มพี ระภาคเจ้ า
แม้ ปรินิพพานนานแล้ ว พระองค์น้ัน เป็ นสรณะ ;
ธัมมัญจะ สังฆัญจะ,
ถึงพระธรรมด้ วย, ถึงพระสงฆ์ด้วย ;
ตัสสะ ภะคะวะโต สาสะนัง ยะถาสะติ ยะถาพะลัง มะนะสิกะโรมะ อะนุ -
ปะฏิปัชชามะ,
19 (๑๑)
ค�ำท�ำวัตรเช้า
(ส�ำหรับภิกษุสามเณรสวด)
จิ ระปะรินพิ พุตมั ปิ ตัง ภะคะวันตัง อุททิสสะ อะระหันตัง สัมมาสัมพุทธัง,
เราทั้งหลาย อุทศิ เฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้ า, ผู้ไกลจากกิเลส, ตรัสรู้ชอบ
ได้ โดยพระองค์เอง, แม้ ปรินิพพานนานแล้ ว พระองค์น้ัน ;
สัทธา อะคารัสม๎ า อะนะคาริยงั ปั พพะชิตา,
เป็ นผู้มศี รัทธา ออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้ องด้ วยเรือนแล้ ว,
ตัสม๎ ิง ภะคะวะติ พ๎รห๎มะจะริยงั จะรามะ,
ประพฤติอยู่ซ่ึงพรหมจรรย์ ในพระผู้มีพระภาคเจ้ าพระองค์น้ัน,
ภิกขูนงั สิกขาสาชีวะสะมาปั นนา ;
ถึงพร้ อมด้ วยสิกขาและธรรมเป็ นเครื่องเลี้ยงชีวิต ของภิกษุท้งั หลาย ;
ตัง โน พ๎รห๎มะจะริยงั อิมสั สะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ
สังวัตตะตุ.
ขอให้ พรหมจรรย์ของเราทั้งหลายนั้น, จงเป็ นไปเพื่อการท�ำที่สดุ แห่ง
กองทุกข์ท้งั สิ้นนี้ เทอญ.
(จบค�ำท�ำวัตรเช้า)
..... ..... ..... ..... ..... ..... .....
20
ค�ำท�ำวัตรเย็น
พุทธานุสสติ
(ตั้งแต่ “ตัง โข ปะนะ ... ภะคะวา ติ”)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยฎก เล่มที่ ๑
มหาวิภังค์ [ปฐมภาค]
[เวรัญชกัณฑ์]
เรื่องเวรัญชพราหมณ์ กล่าวตู่พระพุทธเจ้า ข้อ ๑
ค�ำท�ำวัตรเย็น
อีกแห่งใน
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย
ฉักกนิบาต [๑. ปฐมปัณณาสก์]
๓. อนุตตริยวรรค
๕. อนุสสติฏฐานสูตร ข้อ ๒๕
ว่าด้วยอนุสสติฏฐาน ๖ ประการ
นอกจากนี้ยังปรากฏในที่อ่นื อีก ฯลฯ
ค�ำ____________
ท�ำวัตรเย็น
(ค�ำบูชาพระ และปุพพภาคนมการ ใช้ อย่างเดียวกับค�ำท�ำวัตรเช้ า)
(๑. พุทธานุสสติ)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง พุทธานุ สสะตินะยัง กะโรมะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงน้ อมระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้ าเถิด.
____________
ตัง โข ปะนะ ภะคะวันตัง เอวัง กัลย๎ าโณ กิตติสทั โท อัพภุคคะโต,
ก็กติ ติศพั ท์อนั งามของพระผู้มพี ระภาคเจ้ านั้น, ได้ ฟุ้งไปแล้ วอย่างนี้ว่า :-
อิติปิ โส ภะคะวา,
เพราะเหตุอย่างนี้ๆ พระผู้มพี ระภาคเจ้ านั้น ;
อะระหัง,
เป็ นผู้ไกลจากกิเลส ;
สัมมาสัมพุทโธ,
เป็ นผู้ตรัสรู้ชอบได้ โดยพระองค์เอง ;
วิชชาจะระณะสัมปั นโน,
เป็ นผู้ถงึ พร้ อมด้ วยวิชชา (ความรู้แจ้ ง) และจรณะ (ความประพฤติ) ;
สุคะโต,
เป็ นผู้ไปแล้ วด้ วยดี ;
โลกะวิทู,
เป็ นผู้ร้ โู ลกอย่างแจ่มแจ้ ง ;
อะนุ ตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ,
เป็ นผู้สามารถฝึ กบุรษุ ที่สมควรฝึ กได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า;
สัตถา เทวะมะนุ สสานัง,
เป็ นครูผ้ ูสอน ของเทวดาและมนุษย์ท้งั หลาย ;
23 (๑๒ - ๑๓)
ค�ำท�ำวัตรเย็น
พุทโธ,
เป็ นผู้ร้ ู ผู้ต่นื ผู้เบิกบานด้ วยธรรม ;
ภะคะวา-ติ.
เป็ นผู้มคี วามจ�ำเริญ จ�ำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้.
(๒. พุทธาภิคต
ี ิ)
พระราชนิพนธ์ของวชิรญาณภิกขุ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) สมัยที่ทรงผนวช
เฉพาะภาษาบาลีจากสวดมนต์ฉบับหลวง
ค�ำท�ำวัตรเย็น
ค�ำท�ำวัตรเย็น
ธัมมานุสสติ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต
[๑. ปฐมปัณณาสก์] ๓. อนุตตริยวรรค
๕. อนุสสติฏฐานสูตร ข้อ ๒๕
ว่าด้วยอนุสสติฏฐาน ๖ ประการ
(๓. ธัมมานุสสติ)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง ธัมมานุ สสะตินะยัง กะโรมะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงน้ อมระลึกถึงพระคุณของพระธรรมเจ้ าเถิด.
____________
ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
พระธรรม เป็ นสิ่งที่พระผู้มพี ระภาคเจ้ าได้ ตรัสไว้ ดแี ล้ ว ;
สันทิฏฐิโก,
เป็ นสิ่งที่ผ้ ูศกึ ษาและปฏิบตั ิ พึงเห็นได้ ด้วยตนเอง ;
อะกาลิโก,
เป็ นสิ่งที่ปฏิบตั ไิ ด้ และให้ ผลได้ ไม่จำ� กัดกาล ;
เอหิปัสสิโก,
เป็ นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อ่นื ว่า ท่านจงมาดูเถิด ;
โอปะนะยิโก,
เป็ นสิ่งที่ควรน้ อมเข้ ามาใส่ตวั ;
ปั จจัตตัง เวทิตพั โพ วิญญูหี-ติ.
เป็ นสิ่งที่ผ้ ูร้ กู ร็ ้ ไู ด้ เฉพาะตน ดังนี้.
..... ..... ..... ..... ..... ..... .....
27 (๑๖)
ค�ำท�ำวัตรเย็น
(๔. ธัมมาภิคีติ)
พระราชนิพนธ์ของวชิรญาณภิกขุ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) สมัยที่ทรงผนวช
เฉพาะภาษาบาลีจากสวดมนต์ฉบับหลวง
ค�ำท�ำวัตรเย็น
ค�ำท�ำวัตรเย็น
(หมอบกราบลง)
ค�ำท�ำวัตรเย็น
สังฆานุสสติ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต
[๑. ปฐมปัณณาสก์] ๓. อนุตตริยวรรค
๕. อนุสสติฏฐานสูตร ข้อ ๒๕
ว่าด้วยอนุสสติฏฐาน ๖ ประการ
(๕. สังฆานุสสติ)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง สังฆานุ สสะตินะยัง กะโรมะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงน้ อมระลึกถึงพระคุณของพระสังฆเจ้ าเถิด.
____________
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มพี ระภาคเจ้ า หมู่ใด, ปฏิบตั ดิ แี ล้ ว ;
อุชปุ ะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มพี ระภาคเจ้ า หมู่ใด, ปฏิบตั ติ รงแล้ ว ;
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มพี ระภาคเจ้ า หมู่ใด, ปฏิบตั เิ พื่อรู้ธรรมเป็ นเครื่อง
ออกจากทุกข์แล้ ว ;
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มพี ระภาคเจ้ า หมู่ใด, ปฏิบตั สิ มควรแล้ ว ;
ยะทิทงั ,
ได้ แก่บุคคลเหล่านี้คือ :
31 (๑๘)
ค�ำท�ำวัตรเย็น
ค�ำท�ำวัตรเย็น
(๖. สังฆาภิคีติ)
พระราชนิพนธ์ของวชิรญาณภิกขุ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) สมัยที่ทรงผนวช
เฉพาะภาษาบาลีจากสวดมนต์ฉบับหลวง
ค�ำท�ำวัตรเย็น
(หมอบกราบลง)
_____________________ _________________________________________________________________________________________
๑
บทขอให้ งดโทษนี้ มิได้ เป็ นการขอล้ างบาป, เป็ นเพียงการเปิ ดเผยตัวเอง ; และค�ำว่าโทษในที่น้ ีมไิ ด้ หมายถึง
กรรม : หมายเพียงโทษเล็กน้ อยซึ่งเป็ น “ส่วนตัว” ระหว่างกันที่พึงอโหสิกนั ได้ . การขอขมาชนิดนี้ ส�ำเร็จผลได้ ในเมื่อผู้ขอ
ตั้งใจท�ำจริงๆ, และเป็ นเพียงศีลธรรม หรือสิ่งที่ควรประพฤติ.
33 (๑๙ - ๒๐)
ค�ำท�ำวัตรเย็น
(หมอบกราบลง)
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,
ด้ วยกายก็ดี ด้ วยวาจาก็ดี ด้ วยใจก็ดี ;
สังเฆ กุกมั มัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
กรรมน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้ ากระท�ำแล้ ว ในพระสงฆ์ ;
สังโฆ ปะฏิคคัณห๎ ะตุ อัจจะยันตัง,
ขอพระสงฆ์ จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น ;
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ.
เพื่อการส�ำรวมระวัง ในพระสงฆ์ ในกาลต่อไป.
(จบค�ำท�ำวัตรเย็น)
..... ..... ..... ..... ..... ..... .....
34 (๒๑)
ภาค ๒
สวดมนต์ พเิ ศษ บางบท
____________
(๑.ปุพพภาคนมการ)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงเริ่มต้ นสวดนอบน้ อมแด่พระผู้มพี ระภาคเจ้ าเถิด.
____________
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต,
ขอนอบน้ อมแด่พระผู้มพี ระภาคเจ้ า พระองค์น้ัน ;
อะระหะโต,
ซึ่งเป็ นผู้ไกลจากกิเลส ;
สัมมาสัมพุทธัสสะ.
ตรัสรู้ชอบได้ โดยพระองค์เอง.
(๓ ครัง้ )
สวดมนต์พิเศษบางบท
สรณคมนปาฐะ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ
๑. สรณะ ๓
ว่าด้วยการถึงพระรัตนตรัย
สวดมนต์พิเศษบางบท
(๒. สรณคมนปาฐะ)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง ติสะระณะคะมะนะปาฐัง ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดบาลีว่าด้ วยการถึงสรณะ ๓ ประการเถิด.
____________
สวดมนต์พิเศษบางบท
อัฏฐสิกขาปทปาฐะ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ
๒. สิกขาบท ๑๐ ในขุททกปาฐะ
สวดมนต์พิเศษบางบท
(๓. อัฏฐสิกขาปทปาฐะ)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง อัฏฐะสิกขาปะทะปาฐัง ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดสิกขาบท ๘ ประการเถิด.
____________
ปาณาติปาตา เวระมะณี,
เจตนาเป็ นเครื่องเว้ นจากการฆ่า ;
อะทินนาทานา เวระมะณี,
เจตนาเป็ นเครื่องเว้ นจากการถือเอาสิ่งของ ที่เจ้ าของไม่ได้ ให้ แล้ ว ;
อะพ๎รห๎มะจะริยา เวระมะณี,
เจตนาเป็ นเครื่องเว้ นจากการกระท�ำอันมิใช่พรหมจรรย์ ;
มุสาวาทา เวระมะณี,
เจตนาเป็ นเครื่องเว้ นจากการพูดไม่จริง ;
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี,
เจตนาเป็ นเครื่องเว้ นจากการเสพของเมา มีสรุ าและเมรัยเป็ นต้ น,
อันเป็ นที่ต้งั ของความประมาท ;
วิกาละโภชะนา เวระมะณี,
เจตนาเป็ นเครื่องเว้ นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล ;
นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะ ทัสสะนะ มาลา คันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ
มัณฑะนะ วิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี,
เจตนาเป็ นเครื่องเว้ น จากการฟ้ อนร�ำ, การขับเพลง การดนตรี, การดูการ
เล่นชนิดเป็ นข้ าศึกต่อกุศล, การทัดทรงสวมใส่ การประดับ การตกแต่งตน,
ด้ วยพวงมาลา ด้ วยเครื่องกลิ่น และเครื่องผัดทา ;
อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมะณี.
เจตนาเป็ นเครื่องเว้ นจากการนั่งนอนบนที่นอนสูง และที่นอนใหญ่.
..... ..... ..... ..... ..... ..... .....
39
สวดมนต์พิเศษบางบท
ท๎วัตติงสาการปาฐะ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ
๓. อาการ ๓๒
สวดมนต์พิเศษบางบท
(๔. ท๎วัตติงสาการปาฐะ)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง ท๎วตั ติงสาการะปาฐัง ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดบาลีว่าด้ วยอาการ ๓๒ เถิด.
____________
อัตถิ อิมสั ม๎ ิง กาเย, ในร่างกายนี้มี :
เกสา ผมทั้งหลาย,
โลมา ขนทั้งหลาย,
นะขา เล็บทั้งหลาย,
ทันตา ฟันทั้งหลาย,
ตะโจ หนัง,
มังสัง เนื้อ,
นะหารู เอ็นทั้งหลาย,
อัฏฐี กระดูกทั้งหลาย,
อัฏฐิมิญชัง เยื่อในกระดูก,
วักกัง ไต,
หะทะยัง หัวใจ,
ยะกะนัง ตับ,
กิโลมะกัง พังผืด,
ปิ หะกัง ม้ าม,
ปั ปผาสัง ปอด,
อันตัง ล�ำไส้ ,
อันตะคุณงั ล�ำไส้ สดุ ,
อุทะริยงั อาหารในกระเพาะ,
41 (๒๓)
สวดมนต์พิเศษบางบท
กะรีสงั อุจจาระ,
ปิ ตตัง น�ำ้ ดี,
เสม๎หงั เสลด,
ปุพโพ หนอง,
โลหิตงั โลหิต,
เสโท เหงื่อ,
เมโท มัน,
อัสสุ น�ำ้ ตา,
วะสา น�ำ้ เหลือง,
เขโฬ น�ำ้ ลาย,
สิงฆานิกา น�ำ้ เมือก,
ละสิกา น�ำ้ ลื่นหล่อข้ อ,
มุตตัง น�ำ้ มูตร,
มัตถะเก มัตถะลุงคัง เยื่อมันสมอง ในกระโหลกศีรษะ,
อิติ ดังนี้แล.
_______________________________________________________________________________________
ค�ำแปลโกฏฐาส ๓๒ นี้ มีผดิ จากที่เคยแปลมาก่อนบ้ าง ทั้งนี้โดยสอบสวนค้ นคว้ าได้ ใหม่ ซึ่งใกล้ ต่อความถูกต้ อง
มากกว่า จึงแปลไว้ ดงั นี้ – พุทธทาสภิกขุ
42
สวดมนต์พิเศษบางบท
เขมาเขมสรณทีปิกคาถา
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ ธรรมบท
๑๔. พุทธวรรค หมวดว่าด้วยเรื่องพระพุทธเจ้า
๖. เรื่องปุโรหิตอัคคิทัต ข้อ ๑๘๘ – ๑๙๒
สวดมนต์พิเศษบางบท
สวดมนต์พิเศษบางบท
(๕. เขมาเขมสรณทีปิกคาถา)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง เขมาเขมะสะระณะทีปิกะคาถาโย ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดคาถาแสดงที่พ่ึงอันเกษมและไม่เกษมเถิด.
____________
พะหุง เว สะระณัง ยันติ ปั พพะตานิ วะนานิ จะ,
อารามะรุกขะเจต๎ยานิ มะนุ สสา ภะยะตัชชิตา,
มนุษย์เป็ นอันมาก เมื่อเกิดมีภัยคุกคามแล้ ว, ก็ถอื เอาภูเขาบ้ าง
ป่ าไม้ บ้าง, อาราม และรุกขเจดีย์บ้าง เป็ นสรณะ ;
เนตัง โข สะระณัง เขมัง เนตัง สะระณะมุตตะมัง,
เนตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ.
นั่น มิใช่สรณะอันเกษมเลย, นั่น มิใช่สรณะอันสูงสุด ;
เขาอาศัยสรณะ นั่นแล้ ว ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ท้งั ปวงได้ .
โย จะ พุทธัญจะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ สะระณัง คะโต,
จัตตาริ อะริยะสัจจานิ สัมมัปปั ญญายะ ปั สสะติ,
ส่วนผู้ใดถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็ นสรณะแล้ ว,
เห็นอริยสัจจ์คือ ความจริงอันประเสริฐสี่ ด้ วยปัญญาอันชอบ ;
ทุกขัง ทุกขะสะมุปปาทัง ทุกขัสสะ จะ อะติกกะมัง,
อะริยญั จัฏฐังคิกงั มัคคัง ทุกขู ปะสะมะคามินงั ,
คือเห็นความทุกข์, เหตุให้ เกิดทุกข์, ความก้ าวล่วงทุกข์เสียได้ .
และหนทางมีองค์แปดอันประเสริฐ เครื่องถึงความระงับทุกข์ ;
เอตัง โข สะระณัง เขมัง เอตัง สะระณะมุตตะมัง,
เอตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ.
นั่นแหละ เป็ นสรณะอันเกษม, นั่น เป็ นสรณะอันสูงสุด ;
เขาอาศัยสรณะ นั่นแล้ ว ย่อมพ้ นจากทุกข์ท้งั ปวงได้ .
..... ..... ..... ..... ..... ..... .....
45
สวดมนต์พิเศษบางบท
อริยธนคาถา
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
[๑๑. โสตาปัตติสังยุต] ๓. สรกานิวรรค
๖. ปฐมอนาถปิณฑิกสูตร ข้อ ๑๐๒๒
ว่าด้วยจ�ำแนกโสตาปัตติยังคะ ๔ ด้วยอาการ ๑๐
สวดมนต์พิเศษบางบท
อีกแห่งหนึ่ง
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรคสังยุต
[๑๒. สัจจสังยุต] ๖. สัปปัญญวรรค
๑. สคาถกสูตร ข้อ ๑๐๔๗
ว่าด้วยผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเป็นโสดาบัน
สวดมนต์พิเศษบางบท
(๖. อริยธนคาถา)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง อะริยะธะนะคาถาโย ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดคาถาว่าด้ วยทรัพย์อนั ประเสริฐเถิด.
____________
ยัสสะ สัทธา ตะถาคะเต อะจะลา สุปะติฏฐิตา,
ศรัทธา ในพระตถาคตของผู้ใด ตั้งมั่นอย่างดี ไม่หวั่นไหว ;
สีลญ
ั จะ ยัสสะ กัลย๎ าณัง อะริยะกันตัง ปะสังสิตงั ,
และศีลของผู้ใดงดงาม เป็ นที่สรรเสริญที่พอใจ ของพระอริยเจ้ า ;
สังเฆ ปะสาโท ยัสสัตถิ อุชภุ ูตญ
ั จะ ทัสสะนัง,
ความเลื่อมใสของผู้ใดมีในพระสงฆ์, และความเห็นของผู้ใดตรง ;
อะทะฬิทโทติ ตัง อาหุ อะโมฆันตัสสะ ชีวิตงั ,
บัณฑิตกล่าวเรียกเขาผู้น้ันว่า คนไม่จน, ชีวิตของเขาไม่เป็ นหมัน ;
ตัสม๎ า สัทธัญจะ สีลญ
ั จะ ปะสาทัง ธัมมะทัสสะนัง,
อะนุ ยญุ เชถะ เมธาวี สะรัง พุทธานะสาสะนัง.
เพราะฉะนั้น เมื่อระลึกได้ ถึงค�ำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ าอยู่,
ผู้มปี ัญญาควรก่อสร้ างศรัทธา ศีล ความเลื่อมใส และความเห็นธรรม
ให้ เนืองๆ.
สวดมนต์พิเศษบางบท
ติลักขณาทิคาถา
(ตั้งแต่ สัพเพ สังขารา อะนิจจาติ ... เอสะ มัคโค วิสุทธิยา)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ธรรมบท
๒๐. มัคควรรค หมวดว่าด้วยทางหนีจากความชั่วสู่ความดี
๒. – ๔ . เรื่องภิกษุ ๕๐๐ รูปอีกเรื่องหนึ่ง [๒๗๗]-[๒๗๙]
สวดมนต์พิเศษบางบท
สวดมนต์พิเศษบางบท
(๗. ติลักขณาทิคาถา)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง ติลกั ขะณาทิคาถาโย ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดคาถาว่าด้ วยพระไตรลักษณ์เป็ นอาทิเถิด.
____________
สัพเพ สังขารา อะนิจจาติ ยะทา ปั ญญายะ ปั สสะติ,
เมื่อใดบุคคลเห็นด้ วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง ;
อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา,
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็ นทุกข์ ที่ตนหลง ;
นั่นแหละ เป็ นทางแห่งพระนิพพาน อันเป็ นธรรมหมดจด.
สัพเพ สังขารา ทุกขาติ ยะทา ปั ญญายะ ปั สสะติ,
เมื่อใด บุคคลเห็นด้ วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงเป็ นทุกข์ ;
อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา,
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็ นทุกข์ ที่ตนหลง ;
นั่นแหละ เป็ นทางแห่งพระนิพพาน อันเป็ นธรรมหมดจด.
สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปั ญญายะ ปั สสะติ,
เมื่อใด บุคคลเห็นด้ วยปัญญาว่า ธรรมทั้งปวงเป็ นอนัตตา ;
อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา,
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็ นทุกข์ ที่ตนหลง ;
นั่นแหละ เป็ นทางแห่งพระนิพพาน อันเป็ นธรรมหมดจด.
อัปปะกา เต มะนุ สเสสุ เย ชะนา ปาระคามิโน,
ในหมู่มนุษย์ท้งั หลาย, ผู้ท่ถี งึ ฝั่งแห่งพระนิพพานมีน้อยนัก ;
อะถายัง อิตะรา ปะชา ตีระเมวานุ ธาวะติ,
หมู่มนุษย์นอกนั้น ย่อมวิ่งเลาะอยู่ตามฝั่งในนี่เอง.
51 (๒๖)
สวดมนต์พิเศษบางบท
สวดมนต์พิเศษบางบท
ภารสุตตคาถา
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙ สังยุตตนิกาย
ขันธวารวรรค [๑. ขันธสังยุต] มูลปัณณาสก์ ๓. ภารวรรค
๑. ภารสูตร ข้อ ๒๒
ว่าด้วยขันธ์ ๕ เป็นภาระ
พระผู้ มี พ ระภาคเจ้ า ทรงแสดงภารสูต รนี้ แก่ เ หล่ า ภิ ก ษุ ท่ ีพ ระนครสาวั ต ถี
พระองค์ได้ ตรัสว่ า ดูก่อนภิกษุ ท้ังหลาย ก็ภาระเป็ นไฉน ? พึงกล่ าวว่ า ภาระ คือ
อุปาทานขันธ์ ๕
อุปาทานขันธ์ ๕ เป็ นไฉน ? ได้ แก่ อุปาทานขันธ์ คือรูป อุปาทานขันธ์ คือ
เวทนา อุปาทานขันธ์ คือสัญญา อุปาทานขันธ์ คือสังขาร และอุปาทานขันธ์ คือวิญญาณ
ดูก่อนภิกษุท้งั หลาย นี้เรียกว่า ภาระ พระผู้มพี ระภาคเจ้ าเมื่อตรัสข้ อความเหล่านี้แล้ ว
ต่อจากนั้นทรงกล่าวเป็ นคาถาว่า
(๘. ภารสุตตคาถา)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง ภาระสุตตะคาถาโย ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดคาถาพระสูตรว่าด้ วยขันธ์ ๕ เป็ นของหนักเถิด.
____________
ภารา หะเว ปั ญจักขันธา,
ขันธ์ท้งั ห้ า เป็ นของหนักเน้ อ ;
ภาระหาโร จะ ปุคคะโล,
บุคคลแหละ เป็ นผู้แบกของหนักพาไป ;
ภาราทานัง ทุกขัง โลเก,
การแบกถือของหนัก เป็ นความทุกข์ ในโลก ;
53 (๒๗)
สวดมนต์พิเศษบางบท
ภาระนิกเขปะนัง สุขงั ,
การสลัดของหนัก ทิ้งลงเสีย เป็ นความสุข ;
นิกขิปิต๎วา คะรุง ภารัง,
พระอริยเจ้ า สลัดทิ้งของหนัก ลงเสียแล้ ว ;
อัญญัง ภารัง อะนาทิยะ,
ท้งั ไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่น ขึ้นมาอีก ;
สะมูลงั ตัณห๎ งั อัพพุยห๎ ะ,
ก็เป็ นผู้ถอนตัณหาขึ้นได้ กระทั่งราก ;
นิจฉาโต ปะรินพิ พุโต.
เป็ นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มสี ่วนเหลือ.
..... ..... ..... ..... ..... ..... .....
54 (๒๘)
สวดมนต์พิเศษบางบท
ภัทเทกรัตตคาถา
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ [๔. วิภังควรรค]
๑. ภัทเทกรัตตสูตร ข้อ ๒๗๒ – ๒๗๕
ว่าด้วยลักษณะผู้มรี าตรีเดียวเจริญ
(๙. ภัทเทกรัตตคาถา)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง ภัทเทกะรัตตะคาถาโย ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดคาถาว่าด้ วยผู้มรี าตรีเดียวเจริญเถิด.
____________
อะตีตงั นาน๎วา* คะเมยยะ นัปปะฏิกงั เข อะนาคะตัง,
บุคคลไม่ควรตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ ว ด้ วยอาลัย ;
และไม่พึงพะวงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง ;
ยะทะตีตมั ปะหีนนั ตัง อัปปั ตตัญจะ อะนาคะตัง,
สิ่งเป็ นอดีตก็ละไปแล้ ว ; สิ่งเป็ นอนาคตก็ยังไม่มา ;
____________________
* นาน๎วา อ่านว่า นา-นะ-วา
55 (๒๘)
สวดมนต์พิเศษบางบท
สวดมนต์พิเศษบางบท
ธัมมคารวาทิคาถา
(ตั้งแต่ “เย จะ อตีตา ... พุทธานะสาสะนัง”)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [๑.ปฐมปัณณาสก์] ๓. อุรุเวลวรรค
๑. ปฐมอุรุเวลสูตร ข้อ ๒๑
ว่าด้วยผู้มขี ันธ์ ๔ สมบูรณ์ย่อมเคารพธรรม
สวดมนต์พิเศษบางบท
สวดมนต์พิเศษบางบท
(๑๐. ธัมมคารวาทิคาถา)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง ธัมมะคาระวาทิคาถาโย ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดคาถาแสดงความเคารพพระธรรมเป็ นอาทิเถิด.
____________
เย จะ อะตีตา สัมพุทธา เย จะ พุทธา อะนาคะตา,
โย เจตะระหิ สัมพุทโธ พะหุนนัง โสกะนาสะโน,
พระพุทธเจ้ าบรรดาที่ล่วงไปแล้ วด้ วย, ที่ยังไม่มาตรัสรู้ด้วย,
และพระพุทธเจ้ าผู้ขจัดโศกของมหาชนในกาลบัดนี้ ด้ วย ;
สัพเพ สัทธัมมะคะรุโน วิหะริงสุ วิหาติ จะ,
อะถาปิ วิหะริสสันติ เอสา พุทธานะธัมมะตา.
พระพุทธเจ้ าทั้งปวงนั้น ทุกพระองค์ เคารพพระธรรม,
ได้ เป็ นมาแล้ วด้ วย, ก�ำลังเป็ นอยู่ด้วย, และจักเป็ นด้ วย,
เพราะธรรมดา ของพระพุทธเจ้ าทั้งหลาย เป็ นเช่นนั้นเอง.
59 (๒๙ - ๓๐)
สวดมนต์พิเศษบางบท
สวดมนต์พิเศษบางบท
โอวาทปาติโมกขคาถา
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ ธรรมบท
๑๔. พุทธวรรค
หมวดว่าด้วยเรื่องพระพุทธเจ้า
๔. เรื่องปัญหาพระอานนทเถระ ข้อ ๑๘๓ – ๑๘๕
สวดมนต์พิเศษบางบท
_________________________________________________________________________________________
๑
อภิญญา ความรู้ย่ิง, ความรู้เจาะตรงยวดยิ่ง, ความรู้ช้ันสูง มี ๖ อย่างคือ ๑. อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้
๒. ทิพพโสต หูทพิ ย์ ๓. เจโตปริยญาณ ญาณที่ให้ ทายใจคนอื่นได้ ๔. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณทีท่ ำ� ให้ ระลึกชาติได้
๕. ทิพพจักขุ ตาทิพย์ ๖. อาสวักขยญาณ ญาณทีท่ ำ� ให้ อาสวะสิ้นไป, ห้ าอย่างแรกเป็ นโลกียอภิญญา ข้อสุดท้ายเป็ นโลกุตตร-
อภิญญา.
62 (๓๐ - ๓๑)
สวดมนต์พิเศษบางบท
(๑๑. โอวาทปาติโมกขคาถา)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง โอวาทะปาติโมกขะคาถาโย ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์เถิด.
____________
สวดมนต์พิเศษบางบท
ปาติโมกเข จะ สังวะโร,
การส�ำรวมในปาติโมกข์ ;
มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสม๎ ิง,
ความเป็ นผู้ร้ ปู ระมาณในการบริโภค ;
ปั นตัญจะ สะยะนาสะนัง,
การนอน การนั่ง ในที่อนั สงัด ;
อะธิจิตเต จะ อาโยโค,
ความหมั่นประกอบในการท�ำจิตให้ ย่ิง ;
เอตัง พุทธานะสาสะนัง.
ธรรม ๖ อย่างนี้ เป็ นค�ำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ าทั้งหลาย.
สวดมนต์พิเศษบางบท
ปฐมพุทธภาสิตคาถา
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ
ธรรมบท ๑๑. ชราวรรค
หมวดว่าด้วยสิ่งที่คร�่ำคร่าชราทรุดโทรม
๘. เรื่องปฐมโพธิกาล ข้อ ๑๕๓ – ๑๕๔
พระผู้ มีพระภาคเจ้ าตรั สเล่ าให้ พระอานนท์ฟังว่ า ก่ อนแต่ การตรั สรู้ ฯลฯ
ตถาคตยังเป็ นโพธิสตั ว์อยู่ นั่ง ณ ใต้ ต้นโพธิ์ เมื่อพระอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้ า ก�ำจัด
มารและหมู่พลแห่งมารได้ แล้ ว ในปฐมยาม ท�ำลายความมืดที่ปกปิ ดปุพเพนิวาสญาณ
ในมัชฌิมยาม ช�ำระทิพยจักษุให้ หมดจด ในปั จฉิมยาม อาศัยความกรุณาในหมู่สตั ว์
จึงหยั่งญาณลงในปัจจยาการ (อาการที่อาศัยกันเกิดขึ้น คือ ปฏิจจสมุปบาท) พิจารณา
ปั จจยาการนั้น ด้ วยอ�ำนาจอนุโลม (ตามล�ำดับ) และปฏิโลม (ทวนล�ำดับ) ในเวลา
ก่อนอรุณขึ้น จึงบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณพร้ อมด้ วยอัศจรรย์มากมาย ได้ เปล่ ง
อุทานด้ วยความเบิกบานหฤทัย จึงกล่าวคาถาเหล่านี้ว่า “อเนกชาติ สํสารํ...ตณฺหานํ
ขยมชฺฌคา”.
65 (๓๒)
สวดมนต์พิเศษบางบท
(๑๒. ปฐมพุทธภาสิตคาถา)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง ปะฐะมะพุทธะภาสิตะคาถาโย ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดคาถาที่พระพุทธเจ้ าตรัสครั้งแรกเถิด.
____________
สวดมนต์พิเศษบางบท
ปัจฉิมพุทโธวาท
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒
ทีฆนิกาย มหาวรรค
[๓. มหาปรินิพพานสูตร] ข้อ ๒๑๘
เรื่องพุทธปรินิพพาน
สวดมนต์พิเศษบางบท
(๑๓. ปัจฉิมพุทโธวาทปาฐะ)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง ปั จฉิมะพุทโธวาทะปาฐัง ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดพระโอวาทครั้งสุดท้ ายของพระพุทธเจ้ าเถิด.
____________
สวดมนต์พิเศษบางบท
บทพิจารณาสังขาร
(ตอนต้ นตั้งแต่ “สัพเพ สังขารา ... สัพเพ ธัมมา”)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต
[๓. ตติยปัณณาสก์] (๑๔) ๔. โยธาชีววรรค
๔. อุปปาทาสูตร ข้อ ๑๐๖๒
ว่าด้วยสิ่งที่มีอยู่ตลอด
สวดมนต์พิเศษบางบท
(๑๔. บทพิจารณาสังขาร)
บทนี้ไม่ต้องพนมมือ ให้ พิจารณาค�ำแปลไปพร้ อมกัน
(ทุกเวลาท�ำวัตรเช้ าและเวลาเข้ านอน)
____________
สัพเพ สังขารา อะนิจจา,
สังขารง คือร่างกายจิตใจ, แลรูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดทั้งสิ้น,
มันไม่เที่ยง ; เกิดขึ้นแล้ วดับไป มีแล้ วหายไป.
สัพเพ สังขารา ทุกขา,
สังขารคือร่างกายจิตใจ, แลรูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดทั้งสิ้น,
มันเป็ นทุกข์ทนยาก ; เพราะเกิดขึ้นแล้ ว, แก่ เจ็บ ตายไป.
สัพเพ ธัมมา อะนัตตา๑,
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง, ทั้งที่เป็ นสังขาร แลมิใช่สงั ขาร ทั้งหมดทั้งสิ้น,
ไม่ใช่ตวั ไม่ใช่ตน ; ไม่ควรถือว่าเรา ว่าของเรา ว่าตัวว่าตนของเรา.
____________
_________________________________________________________________________________________________
๑
บทพิจารณาสังขารนี้เป็ นของเก่า แต่ได้ แก้ ไขค�ำแปลของบทที่ว่า สัพเพ ธัมมา อะนัตตา ซึ่งยังผิดพลาดอยู่
โดยทีแ่ ปลค�ำว่า ธัมมา เท่ากับ สังขาร, ซึ่งผิดหลักธรรมและเป็ นไปไม่ได้, จึงได้แก้ไขเสียใหม่ ตามทีป่ รากฏอยูน่ ้นั . – พุทธทาสภิกขุ
70 (๓๔ - ๓๕)
สวดมนต์พิเศษบางบท
อะธุวงั ชีวิตงั ,
ชีวิตเป็ นของไม่ย่ังยืน ;
ธุวงั มะระณัง,
ความตายเป็ นของยั่งยืน ;
อะวัสสัง มะยา มะริตพั พัง,
อันเราจะพึงตายเป็ นแท้ ;
มะระณะปะริ โยสานัง เม ชีวิตงั ,
ชีวิตของเรา มีความตาย เป็ นที่สดุ รอบ ;
ชีวิตงั เม อะนิยะตัง,
ชีวิตของเรา เป็ นของไม่เที่ยง ;
มะระณัง เม นิยะตัง.
ความตายของเรา เป็ นของเที่ยง.
วะตะ,
ควรที่จะสังเวช ;
อะยัง กาโย,
ร่างกายนี้ ;
อะจิ รงั ,
มิได้ ต้งั อยู่นาน ;
อะเปตะวิญญาโณ,
ครั้นปราศจากวิญญาณ ;
ฉุ ฑโฑ,
อันเขาทิ้งเสียแล้ ว ;
71 (๓๕)
สวดมนต์พิเศษบางบท
อะธิเสสสะติ,
จักนอนทับ ;
ปะฐะวิง,
ซึ่งแผ่นดิน ;
กะลิงคะรัง อิวะ,
ประดุจดังว่าท่อนไม้ และท่อนฟื น ;
นิรตั ถัง.
หาประโยชน์มไิ ด้ .
ภาคผนวก
____________
(กรวดน�้ำตอนเช้า)
(๑. สัพพปัตติทานคาถา)
พระราชนิพนธ์ของวชิรญาณภิกขุ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) สมัยที่ทรงผนวช
เฉพาะภาษาบาลีจากสวดมนต์ฉบับหลวง
ภาคผนวก
ภาคผนวก
(๒. ปัฏฐนฐปนคาถา)
พระราชนิพนธ์ของวชิรญาณภิกขุ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) สมัยที่ทรงผนวช
เฉพาะภาษาบาลีจากสวดมนต์ฉบับหลวง
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ภาคผนวก
(กรวดน�้ำตอนเย็น)
อุททิสสนาธิฏฐานคาถา
บทที่ ๑, ๒, ๔ เป็ นค�ำกรวดน�ำ้ ของเก่ามีในท้ายหนังสือสวดมนต์ทว่ั ไป เฉพาะบทที่ ๓ มีทม่ี าจาก พุทธฺ าปทาน
(๓. อุททิสสนาธิฏฐานคาถา)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง อุททิสสะนาธิฏฐานะคาถาโย ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดคาถาว่าด้ วยการอุทศิ และอธิษฐานเถิด.
____________
บทที่ ๑
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ ด้ วยบุญนี้ อุทศิ ให้
อุปัชฌายา คุณุตตะรา อุปัชฌาย์ ผู้เลิศคุณ
อาจะริยูปะการา จะ แลอาจารย์ ผู้เกื้อหนุน
มาตา ปิ ตา จะ ญาตะกา ทั้งพ่อแม่ แลปวงญาติ
สุริโย จันทิมา ราชา สูรย์จันทร์ แลราชา
คุณะวันตา นะราปิ จะ ผู้ทรงคุณ หรือสูงชาติ
พ๎รห๎มะมารา จะ อินทา จะ พรหมมาร และอินทราช
โลกะปาลา จะ เทวะตา ทั้งทวยเทพ และโลกบาล
ยะโม มิตตา มะนุ สสา จะ ยมราช มนุษย์มิตร
มัชฌัตตา เวริกาปิ จะ ผู้เป็ นกลาง ผู้จ้องผลาญ
สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ ขอให้ เป็ นสุขศานติ์
ทุกทั่วหน้ า อย่าทุกข์ทน
78 (๔๐ - ๔๑)
ภาคผนวก
บทที่ ๒
เย เกจิ ขุททะกา ปาณา สัตว์เล็ก ทั้งหลายใด
มะหันตาปิ มะยา หะตา ทั้งสัตว์ใหญ่ เราห�ำ้ หั่น
เย จาเนเก ปะมาเทนะ มิใช่น้อย เพราะเผลอผลัน
กายะวาจามะเนเหวะ ทางกายา วาจาจิต
ปุญญัง เม อะนุ โมทันตุ จงอนุโม ทนากุศล
คัณห๎ นั ตุ ผะละมุตตะมัง ถือเอาผล อันอุกฤษฏ์
เวรา โน เจ ปะมุญจันตุ ถ้ ามีเวร จงเปลื้องปลิด
สัพพะโทสัง ขะมันตุ เม อดโทษข้ า อย่าผูกไว้ ๒
________________________________________
๒ ถ้ าจะหยุดว่าเพียงเท่านี้ ให้ เปลี่ยน “อย่าผูกไว้ ” เป็ น “ทั่วหน้ าเทอญ”.
79 (๔๑ - ๔๒)
ภาคผนวก
บทที่ ๓
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔ ขุททกนิกาย
อปทาน [ปฐมภาค]
เถราปทาน ๑.พุทธวรรค
๑. พุทธาปทาน ข้อ ๔๙ – ๕๒
บุพประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ภาคผนวก
บทที่ ๔
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ ด้ วยบุญนี้ ที่เราท�ำ
อิมินา อุททิเสนะ จะ แลอุทศิ ให้ ปวงสัตว์
ขิปปาหัง สุละเภ เจวะ เราพลันได้ ซึ่งการตัด
ตัณห๎ ปุ าทานะเฉทะนัง ตัวตัณหา อุปาทาน
เย สันตาเน หินา ธัมมา สิ่งชั่ว ในดวงใจ
ยาวะ นิพพานะโต มะมัง กว่าเราจะ ถึงนิพพาน
นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ มลายสิ้น จากสันดาน
ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว ทุกๆ ภพ ที่เราเกิด
อุชจุ ิ ตตัง สะติปัญญา มีจิตตรง และสติ
ทั้งปัญญา อันประเสริฐ
สัลเลโข วิริยมั ห๎ ินา พร้ อมทั้ง ความเพียรเลิศ
เป็ นเครื่องขูด กิเลสหาย
มารา ละภันตุ โนกาสัง โอกาส อย่าพึงมี
แก่หมู่มาร สิ้นทั้งหลาย
กาตุญจะ วิริเยสุ เม เป็ นช่อง ประทุษร้ าย
ท�ำลายล้ าง ความเพียรจม
พุทธาทิปะวะโร นาโถ พระพุทธผู้ บวรนาถ
ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม พระธรรมที่ พึ่งอุดม
นาโถ ปั จเจกะพุทโธ จะ พระปัจเจ กะพุทธสม-
สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง ทบพระสงฆ์ ที่พ่ึงผยอง
81 (๔๓ - ๔๔)
ภาคผนวก
(๔. ค�ำสาธุการเมื่อพระเทศน์จบ)
____________
บทนี้เป็ นของเก่า ปรับปรุงใหม่เล็กน้ อย
(เมื่อพระแสดงธรรมจบ ให้ รับสาธุการพร้ อมกันด้ วยถ้ อยค�ำข้ างล่างนี้ท้งั หมด, ว่าเป็ นวรรค
หยุดตามที่จุดไว้ ทุกๆ จุด)
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ภาคผนวก
อริยมรรคมีองค์แปด
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒
ทีฆนิกาย มหาวรรค
๙. มหาสติปัฏฐานสูตร
ว่าด้วยการเจริญสติปัฏฐานสูตรใหญ่
ธัมมานุปัสสนา สัจจบรรพ มัคคสัจจนิทเทส ข้อ ๔๐๒
ภาคผนวก
ใส่ใจสติปัฏฐานข้ อโน้ นเจ้ าค่ะ ชาวกุรุกจ็ ะกล่าวรับรองว่า สาธุ สาธุ แก่นาง สรรเสริญ
ด้ วยถ้ อยค�ำต่างๆ เป็ นต้ นว่า ชีวิตของเจ้ าเป็ นชีวิตดีสมกับที่เจ้ าเกิดมาเป็ นมนุษย์ พระ
สัมมาสัมพุทธเจ้ าทรงอุบตั มิ าเพื่อประโยชน์แก่เจ้ าแท้ ๆ
ในข้ อนี้ มิใช่ชาวกุรุท่เี กิดมาเป็ นมนุษย์ประกอบด้ วยการใส่ใจสติปัฏฐาน แต่
พวกเดียวเท่านั้น แม้ แต่สตั ว์เดรัจฉาน ที่อาศัยชาวกุรุอยู่กใ็ ส่ใจ เจริญสติปัฏฐานด้ วย
เหมือนกัน อริยมรรคมีองค์แปดนี้พระพุทธองค์กล่าวแสดงอยู่ในมหาสติปัฏฐานสูตร
พุทธทาสภิกขุคัดเฉพาะบทมัคคสัจจนิทเทสนี้ออกมา.
(๕. อริยมรรคมีองค์แปด)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง อะริยฏั ฐังคิกะมัคคะปาฐัง ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดหนทางอันประเสริฐซึ่งประกอบด้ วยองค์แปดเถิด.
____________
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ภาคผนวก
วิวิจเจวะ กาเมหิ,
สงัดแล้ วจากกามทั้งหลาย,
วิวิจจะ อะกุสะเลหิ ธัมเมหิ,
สงัดแล้ วจากธรรมที่เป็ นอกุศลทั้งหลาย,
สะวิตกั กัง สะวิจารัง, วิเวกะชัง ปี ติ สุขงั ปะฐะมัง ฌานัง อุปะสัมปั ชชะ
วิหะระติ ;
เข้ าถึงปฐมฌาน, ประกอบด้ วยวิตกวิจาร, มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวก
แล้ วแลอยู่ ;
วิตกั กะวิจารานัง วูปะสะมา,
เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง,
อัชฌัตตัง สัมปะสาทะนัง เจตะโส, เอโกทิภาวัง, อะวิตกั กัง อะวิจารัง,
สะมาธิชงั ปี ติสุขงั ทุติยงั ฌานัง อุปะสัมปั ชชะ วิหะระติ ;
เข้ าถึงทุตยิ ฌาน, เป็ นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน,
ให้ สมาธิเป็ นธรรมอันเอกผุดมีข้ นึ , ไม่มวี ิตก ไม่มวี ิจาร,
มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้ วแลอยู่ ;
ปี ติยา จะ วิราคา,
อนึ่ง เพราะความจางคลายไปแห่งปี ติ,
อุเปกขะโก จะ วิหะระติ, สะโต จะ สัมปะชาโน,
ย่อมเป็ นผู้อยู่อเุ บกขา, มีสติและสัมปชัญญะ,
สุขญ
ั จะ กาเยนะ ปะฏิสงั เวเทติ,
และย่อมเสวยความสุขด้ วยนามกาย,
ยันตัง อะริยา อาจิ กขันติ, อุเปกขะโก สะติมา สุขะวิหารี ติ,
ชนิดที่พระอริยเจ้ าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้น้ันว่า,
“เป็ นผู้อยู่อเุ บกขา มีสติ อยู่เป็ นปรกติสขุ ” ดังนี้,
92 (๕๐)
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ปัจจเวกขณ์องค์อุโบสถศีล
(ตั้งแต่ “ยาวะชีวัง อะระหันโต ... อุปะวุตโถ ภะวิสสะติ.)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต
[๒. ทุติยปัณณาสก์] (๗) ๒.มหาวรรค
๑๐. อุโปสถสูตร ข้อ ๙๖๕-๙๗๗
ว่าด้วยอุโบสถ ๓ อย่าง
ภาคผนวก
ภาคผนวก
๖. ปัจจเวกขณองค์อุโบสถศีล
[(น�ำ) หันทะ มะยัง อุโปสะถัฏฐังคะ ปั จจะเวกขะณะ ปาฐัง ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดพระบาลีว่าด้ วยการพิจารณาองค์อโุ บสถศีลเถิด.
____________
(องค์อุโบสถที่ ๑)
ยาวะชีวงั อะระหันโต,
จ�ำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต, พระอรหันต์ท้งั หลาย,
ปาณาติปาตัง ปะหายะ,
ท่านละการฆ่าสัตว์ท่มี ชี ีวิตแล้ ว,
ปาณาติปาตา ปะฏิวิระตา,
เว้ นขาดจากการฆ่าสัตว์มชี ีวิตแล้ ว,
นิหิตะทัณฑา นิหิตะสัตถา,
ทิ้งเครื่องทุบตีแล้ ว, ทิ้งเครื่องศัสตราแล้ ว,
ลัชชี ทะยาปั นนา,
มีความละอายแก่บาป, ถึงพร้ อมแล้ วด้ วยความขวนขวายเพราะกรุณา,
สัพพะปาณะภูตะหิตานุ กมั ปิ โน วิหะรันติ,
เป็ นผู้เฉยไม่ได้ ในการเกื้อกูลแก่สตั ว์มชี ีวิตทั้งปวง ;
ภาคผนวก
(องค์อุโบสถที่ ๒)
ยาวะชีวงั อะระหันโต,
จ�ำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต, พระอรหันต์ท้งั หลาย,
อะทินนาทานัง ปะหายะ,
ท่านละการถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ให้ แล้ ว,
อะทินนาทานา ปะฏิวิระตา,
เว้ นขาดจากการถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ให้ แล้ ว,
ทินนาทายี ทินนะปาฏิกงั ขี,
ถือเอาแต่ส่งิ ของที่เขาให้ , มีความมุ่งหวังแต่ส่งิ ของที่เขาให้ ,
อะเถเนนะ สุจิภูเตนะ อัตตะนา วิหะรันติ,
97 (๕๒)
ภาคผนวก
(องค์อุโบสถที่ ๓)
ยาวะชีวงั อะระหันโต,
จ�ำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต, พระอรหันต์ท้งั หลาย,
อะพ๎รห๎มะจะริยงั ปะหายะ,
ท่านละความประพฤติอนั มิใช่พรหมจรรย์เสียแล้ ว,
พ๎รห๎มะจารี อาราจารี,
เป็ นผู้ประพฤติพรหมจรรย์, ประพฤติห่างไกลจากกามคุณ,
98 (๕๒ - ๕๓)
ภาคผนวก
(องค์อุโบสถที่ ๔)
ยาวะชีวงั อะระหันโต,
จ�ำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต, พระอรหันต์ท้งั หลาย,
มุสาวาทัง ปะหายะ,
ท่านละการพูดเท็จแล้ ว,
มุสาวาทา ปะฏิวิระตา,
เว้ นขาดจากการพูดเท็จแล้ ว,
99 (๕๓)
ภาคผนวก
สัจจะวาทิโน สัจจะสันธา,
เป็ นผู้พูดแต่คำ� จริง, ธ�ำรงไว้ ซ่ึงความจริง,
เฐตา ปั จจะยิกา,
เป็ นผู้มคี ำ� พูดเชื่อถือได้ , เป็ นผู้พูดมีเหตุผล,
อะวิสงั วาทะกา โลกัสสะ,
ไม่เป็ นคนลวงโลก ;
ภาคผนวก
(องค์อุโบสถที่ ๕)
ยาวะชีวงั อะระหันโต,
จ�ำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต, พระอรหันต์ท้งั หลาย,
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานัง ปะหายะ,
ท่านละการเสพของเมา มีสรุ าและเมรัยเป็ นต้ น, อันเป็ นที่ต้งั ของความ
ประมาทแล้ ว,
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา ปะฏิวิระตา,
เว้ นขาดจากการเสพของเมา มีสรุ าและเมรัยเป็ นต้ น, อันเป็ นที่ต้งั ของ
ความประมาทแล้ ว ;
ภาคผนวก
(องค์อุโบสถที่ ๖)
ยาวะชีวงั อะระหันโต,
จ�ำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต, พระอรหันต์ท้งั หลาย,
เอกะภัตติกา,
ท่านมีอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว,
รัตตูปะระตา,
งดการบริโภคในราตรี,
วิระตา วิกาละโภชะนา,
เว้ นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล ;
ภาคผนวก
(องค์อุโบสถที่ ๗)
ยาวะชีวงั อะระหันโต,
จ�ำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต, พระอรหันต์ท้งั หลาย,
นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะ ทัสสะนะ มาลา คันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ
มัณฑะนะ วิภูสะนัฏฐานา ปะฏิวิระตา,
ท่านเป็ นผู้เว้ นขาดแล้ ว, จากการฟ้ อนร�ำ การขับเพลง การดนตรี,
การดูการเล่นชนิดเป็ นข้ าศึกต่อกุศล, การทัดทรงสวมใส่ การประดับ
การตกแต่งตน, ด้ วยพวงมาลา ด้ วยเครื่องกลิ่นและเครื่องผัดทา ;
ภาคผนวก
(องค์อุโบสถที่ ๘)
ยาวะชีวงั อะระหันโต,
จ�ำเดิมแต่ต้นจนตลอดชีวิต, พระอรหันต์ท้งั หลาย,
อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนัง ปะหายะ,
ท่านละการนอนบนที่นอนสูง และที่นอนใหญ่แล้ ว,
อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา ปะฏิวิระตา,
เว้ นขาดจากการนอนบนที่นอนสูง และที่นอนใหญ่แล้ ว,
นีจะเสยยัง กัปเปนติ, มัญจะเก วา ติณะสันถะระเก วา,
ย่อมส�ำเร็จการนอนบนที่นอนอันต�่ำ, บนเตียงน้ อย,
หรือบนเครื่องลาดอันท�ำด้ วยหญ้ า ;
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ปฏิจจสมุปบาท
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
[๑.นิทานสังยุต] ๑.พุทธวรรค
๑. ปฏิจจสมุปปาทสูตร ข้อ ๑
ว่าด้วยปฏิจจสมุปบาท
(๗. ปฏิจจสมุปบาท)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง ปะฏิจจะสะมุปปาทัง ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดปฏิจจสมุปบาทเถิด.
____________
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ภาคผนวก
กรณียเมตตสูตร
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ
๙. เมตตสูตร ข้อ ๑-๑๐
ว่าด้วยการแผ่เมตตาจิต
และ
สุตตนิบาต ๘. เมตตสูตร ข้อ ๑๔๓-๑๕๒
ภาคผนวก
(๘. กรณียเมตตสูตร)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง กรณียะเมตตะสุตตะ ปาฐัง ภะณามะเส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงสวดพระบาลีว่าด้ วยกรณียเมตตสูตรเถิด.
____________
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ธัมมจักกัปปวัตตนสุตตปาฐะ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔
มหาวรรค [๑. มหาขันธกะ]
๖. ปัญจวัคคิยกถา ข้อ ๑๐ – ๑๘
ว่าด้วยพระปัญจวัคคีย์
และ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
[๑๒. สัจจสังยุต] ๒. ธัมมจักกัปปวัตตนวรรค
๑. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ข้อ ๑๐๘๑
ว่าด้วยทรงแสดงพระธรรมจักร
ภาคผนวก
ภาคผนวก
(๙. ธัมมจักกัปปวัตตนสุตตปาฐะ)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง ธัมมะจักกัปปะวัตตนะสุตตะปาฐัง ภะณามะ เส. ]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงกล่าวธัมมจักกัปปวัตตนสูตรเถิด
____________
ภาคผนวก
อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปปาทปาฐะ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
๑. นิทานสังยุต ๒. อาหารวรรค
๑๐. ปัจจยสูตร ข้อ ๒๐
ว่าด้วยธรรมที่อาศัยกันเกิดขึ้น
(๑๐. อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปปาทปาฐะ)
[(น�ำ) หันทะ มะยัง ปะฏิจจะสะมุปปาทะธัมเมสุ
อิทปั ปัจจะยะตาทิธมั มะปาฐัง ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย จงกล่าวพระสูตรอิทปั ปัจจยตาปฏิจจสมุปบาทเถิด
____________
กะตะโม จะ ภิกขะเว ปะฏิ จจะสะมุ ปปาโท, ดูก่อนภิกษุ ท้ังหลาย,
ก็ปฏิจจสมุปบาทเป็ นอย่างไรเล่า?
(๑) ชาติ ปัจจะยา ภิกขะเว ชะรามะระณัง, ดูก่อนภิกษุ ท้ังหลาย,
เพราะชาติเป็ นปัจจัย, ชรามรณะย่อมมี. อุปปาทา วา ภิกขะเว ตะถาคะตานัง,
อะนุ ปปาทา วา ตะถาคะตานัง, ดูก่อนภิกษุท้งั หลาย, เพราะเหตุท่พี ระตถาคต
ทั้งหลาย, จะบังเกิดขึ้น ก็ตาม, จะไม่บงั เกิดขึ้น ก็ตาม, ฐิตาวะ สา ธาตุ, ธรรมธาตุ
นั้น ย่อมตั้งอยู่แล้ ว นั่นเทียว, ธัมมัฏฐิตะตา, คือความตั้งอยู่แห่งธรรมดา, ธัมมะ-
นิยามะตา, คือความเป็ นกฎตายตัวแห่งธรรมดา, อิทปั ปั จจะยะตา, คือความที่
เมื่อมีส่งิ นี้ส่งิ นี้ เป็ นปัจจัย, สิ่งนี้ส่งิ นี้ จึงเกิดขึ้น.
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ภาคผนวก
๑๑. ธาตุปัจจเวกขณปาฐะ
บทสรุปหัวใจพระพุทธศาสนาเรื่องสุญญตาและอนัตตา ที่พระบูรพาจารย์ประกอบ
ขึ้นเป็ นบทศึกษาบทแรกส�ำหรับผู้ท่จี ะเข้ ามาอุปสมบท ในพระพุทธศาสนา ใช้ สบื ๆ กันมา
ปรากฏอยู่ในหนังสือสวดมนต์ฉบับหลวง เป็ นต้ น
ภาคผนวก
ภาคผนวก
๑๒. ตังขณิกปัจจเวกขณปาฐะ
ปาฐะนี้เข้ าใจว่า พระบูรพาจารย์นำ� มาจากพระบาลี มู.ม. ๑๒/๑๗/๑๔ และฯลฯ ใช้
เป็ นบทพิจารณาปัจจัยสี่ สืบๆ กันมาปรากฏอยู่ในหนังสือสวดมนต์ฉบับหลวง เป็ นต้ น.
ภาคผนวก
มงคลสูตร
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ
๕. มงคลสูตร ข้อ ๑ – ๑๓
ว่าด้วยมงคลสูงสุด ๓๘ ประการ
ภาคผนวก
(๑๓. มงคลสูตร)
[(น�ำ)หันทะ มะยัง มังคะละสุตตะคาถาโย ภะณามะ เส.]
ขอเชิญ เราทั้งหลาย สวดคาถาว่าด้ วยมงคลเถิด.
____________
ภาคผนวก
(พระผูม้ ีพระภาคเจ้าทรงตรัสตอบว่า)
ภาคผนวก
ภาคผนวก
ตะโป จะ พ๎รห๎มะจะริยญ
ั จะ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส,
การประพฤติพรหมจรรย์
อะริยะสัจจานะทัสสะนัง การเห็นอริยสัจทั้งหลาย
นิพานะสัจฉิกิริยา จะ การท�ำพระนิพพานให้ แจ้ ง
เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๔ ข้ อนี้ เป็ นมงคลอันสูงสุด
ค�ำบูชาพระรัตนตรัย ก่อนอาราธนาศีล
____________
อะระหัง, สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,
พระผู้มพี ระภาคเจ้ า, เป็ นพระอรหันต์, บริสทุ ธิ์หมดจดจากกิเลส เครื่อง
เศร้ าหมองทั้งหลาย, ได้ ตรัสรู้ถูกถ้ วนดีแล้ ว;
อิเมหิ สักกาเรหิ, ตัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ.
ข้ าพเจ้ าบูชา, ซึ่งพระผู้มพี ระภาคเจ้ านั้น, ด้ วยเครื่องสักการะเหล่านี้.
(กราบ)
ส๎วากขาโต, ภะคะวะตา ธัมโม,
พระธรรมคือศาสนา, อันพระผู้มีพระภาคเจ้ า, แสดงไว้ ดแี ล้ ว;
อิเมหิ สักกาเรหิ, ตัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ.
ข้ าพเจ้ าบูชา, ซึ่งพระธรรมเจ้ านั้น, ด้ วยเครื่องสักการะเหล่านี้.
(กราบ)
สุปะฏิปันโน, ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
หมู่พระสงฆ์ผ้ ูเชื่อฟัง, ของพระผู้มีพระภาคเจ้ า, ปฏิบตั ดิ แี ล้ ว;
อิเมหิ สักกาเรหิ, ตัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ.
ข้ าพเจ้ าบูชา, ซึ่งหมู่พระสงฆเจ้ านั้น, ด้ วยเครื่องสักการะเหล่านี้.
(กราบ)
..... ..... ..... ..... ..... ..... .....
138
ภาคศาสนพิธี
ภาคศาสนพิธี
การอาราธนาศีล
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
(ว่า ๓ จบ)
ค�ำอาราธนาศีล ๕
____________
____________________________________________
๑
ถ้ าว่าผู้เดียว เปลี่ยน มะยัง เป็ น อะหัง , ยาจามะ เป็ น ยาจามิ
140
ภาคศาสนพิธี
ค�ำกล่าวไตรสรณคมน์
____________
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
(ว่า ๓ จบ)
ภาคศาสนพิธี
ค�ำสมาทาน ศีล ๕
____________
ภาคศาสนพิธี
ค�ำแปล :-
ข้ าแต่ ท่านผู้เจริญ! ข้ าพเจ้ าทั้งหลาย, พวกหนึ่ง ขอศีล ๕ พร้ อมทั้งไตร-
สรณคมน์, พวกหนึ่ง ขอศีล ๘ พร้ อมทั้งไตรสรณคมน์, เพื่อการรักษาแยกกันๆ ของ
แต่ละคนๆ.
แม้ ครั้งที่ สอง ...ฯลฯ ...
แม้ ครั้งที่ สาม ...ฯลฯ ...
ค�ำอาราธนาศีล ๘
____________
ค�ำสมาทานศีล ๘
____________
ภาคศาสนพิธี
ค�ำอาราธนาธรรม
____________
ภาคศาสนพิธี
ค�ำอาราธนาพระปริตร
____________
ค�ำแปล :-
ขอพระคุณเจ้ าโปรดสวดพระปริตรอันเป็ นมงคล เพื่อป้ องกันความวิบัติ
เพื่อความส�ำเร็จในสมบัตทิ กุ ประการ เพื่อให้ ทุกข์ ภัย โรค อันตรายใดๆ ทุกชนิด
จงพินาศสูญไป
ภาคศาสนพิธี
ค�ำถวายภัตตาหาร แด่พระสงฆ์
____________
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
(ว่า ๓ จบ)
(ว่าพร้อมกัน)
๑
อิมานิ มะยัง ภันเต, ภัตตานิ , สะปะริวารานิ, ภิกขุสงั ฆัสสะ, โอโณ-
๑
ชะยามะ. สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสงั โฆ, อิมานิ, ภัตตานิ , สะปะริวารานิ,
ปะฏิคคัณหาตุ, อัมหากัญเจวะ, มาตาปิ ตุอาทีนญั จะ, ญาตะกานัญจะ, กาละ-
กะตานัง, ทีฆะรัตตัง, หิตายะ สุขายะ.
ค�ำแปล :-
ข้ า แต่ พ ระภิ ก ษุ ส งฆ์ ผ้ ู เ จริ ญ , ข้ า พเจ้ า ทั้ง หลาย, ขอน้ อ มถวาย, ซึ่ ง
๒
ภัตตาหาร , พร้ อมกับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้, แด่พระภิกษุสงฆ์
๒
ขอพระภิกษุสงฆ์จงโปรดรับ, ซึ่งภัตตาหาร , พร้ อมกับทั้งบริวารทั้งหลาย
เหล่านี้, ของข้ าพเจ้ าทั้งหลาย, เพื่อประโยชน์, เพื่อความสุข, แก่ข้าพเจ้ าทั้งหลาย,
แก่ญาติท้งั หลาย, มีมารดาบิดาเป็ นต้ น, และผู้ท่ลี ่ วงลับไปแล้ วด้ วย, (คือ...)*
ตลอดกาลนานเทอญ.
_________________________________________________________________________________________________
๑-๑. ถ้ าถวายภัตตาหารอุทศิ ให้ ผ้ ูตาย แก้ เป็ น “มะตะกะภัตตานิ” ทั้ง ๒ แห่ง
๒-๒. ถ้ าถวายภัตตาหารอุทศิ ให้ ผ้ ูตาย แก้ เป็ น “มตกภัตตาหาร” ทั้ง ๒ แห่ง
* ข้ อความในวงเล็บ, กล่าวเฉพาะเมื่อถวายภัตตาหารอุทศิ ให้ ผ้ ูตาย ที่ประสงค์ระบุช่ ือ, โดยใส่ช่ ือผู้ตายลงที่...นั้นด้ วย
146
ภาคศาสนพิธี
ค�ำถวายสังฆทาน (แบบทั่วไป)
____________
**
อิมานิ มะยัง ภันเต, ภัตตานิ, สะปะริวารานิ, ภิกขุสงั ฆัสสะ, โอโณ-
**
ชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสงั โฆ, อิมานิ, ภัตตานิ, สะปะริวารานิ,
ปะฏิคคัณห๎ าตุ, อัมห๎ ากัง, ทีฆะรัตตัง, หิตายะ สุขายะ.
ค�ำแปล :-
**
ข้ าแต่พระสงฆ์ผ้ ูเจริญ, ข้ าพเจ้ าทั้งหลาย, ขอน้ อมถวาย, ซึ่งภัตตาหาร, กับ
ทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้, แด่พระภิกษุสงฆ์.
**
ขอพระภิกษุ สงฆ์จงรับ, ซึ่งภัตตาหาร, กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่ านี้,
ของข้ าพเจ้ าทัง้ หลาย, เพื่อประโยชน์และความสุข, แก่ข้าพเจ้ าทัง้ หลาย, สิ้นกาลนาน
เทอญ.
_________________________________________________________________________________________________
** ถ้ าสังฆทานนั้นไม่มอี าหารและถวายหลังเที่ยงไปแล้ ว เปลี่ยนค�ำว่า ภัตตานิ เป็ น กัปปิ ยะภัณฑานิ และ
เปลี่ยนค�ำว่า ภัตตาหาร เป็ น กัปปิ ยภัณฑ์
บทพระให้พร
____________
(กรวดน�ำ้ )
ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะรัง
ห้ วงน�ำ้ ที่เต็มย่อมยังสมุทรสาครให้ บริบูรณ์ได้ ฉันใด
เอวะเมวะ อิโต ทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ
ทานทีท่ า่ นอุทศิ ให้ แล้ วแต่โลกนี้, ย่อมส�ำเร็จประโยชน์แก่ผ้ทู ล่ี ะโลกนี้ไปแล้ ว
ได้ ฉันนั้น.
147
ภาคศาสนพิธี
ภาคศาสนพิธี
ค�ำอธิษฐานเข้าพรรษา (ส�ำหรับฆราวาส)
____________
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
(ว่า ๓ จบ)
อิมงั เตมาสัง วัสสัง, อิทงั กิจจัง, อุตตะโรตตะรัง, กะริสสามีติ อะธิษฐามิ.
ทุตยิ มั ปิ , อิมงั เตมาสัง วัสสัง, อิทงั กิจจัง, อุตตะโรตตะรัง, กะริสสามีติ อะธิษฐามิ.
ตะติยมั ปิ , อิมงั เตมาสัง วัสสัง, อิทงั กิจจัง, อุตตะโรตตะรัง, กะริสสามีติ อะธิษฐามิ.
ค�ำแปล :-
ตลอดพรรษา ๓ เดือน ในฤดูฝนนี้ ข้ าพเจ้ า ขอตั้งจิตอธิษฐานว่าจะบ�ำเพ็ญ
กรณียกิจดังนี้ให้ ย่ิงๆ ขึ้นคือ...........................................................................
.................................................................................................................
แม้ ครั้งที่สอง ...ฯลฯ ...
แม้ ครั้งที่สาม ...ฯลฯ ...
..... ..... ..... ..... ..... ..... .....
บทแผ่เมตตา
____________
สัพเพ สัตตา
สัตว์ท้งั หลายที่เป็ นเพื่อนทุกข์, เกิด แก่ เจ็บ ตาย, ด้ วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ
จงเป็ นสุขเป็ นสุขเถิด, อย่าได้ มเี วรซึ่งกันและกันเลย,
อัพย๎ าปั ชฌา โหนตุ
จงเป็ นสุขเป็ นสุขเถิด, อย่าได้ พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย,
อะนีฆา โหนตุ
จงเป็ นสุขเป็ นสุขเถิด, อย่าได้ มคี วามทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย,
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้ พ้นจากทุกข์ภัย, ทั้งสิ้นเทอญ.
..... ..... ..... ..... ..... ..... .....
149
อธิบายศัพท์บทสวดมนต์
ช) สัตว์ทีม่ ีหา้ ขันธ์ [สัพพปั ตติทานคาถา น.72(๓๖)] ได้ แก่ สัตว์ในกามภพ เช่น
มนุษย์ สัตว์ เทวดา จะมีกายกับจิต หรือมีขนั ธ์ ๕ ครบ, กายคือรูปขันธ์ จิต คือนาม
ขันธ์ ๔ ได้ แก่ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
สัตว์ทีม่ ีหนึง่ ขันธ์ คือ ผู้ท่เี กิดมามีขนั ธ์เดียว ได้ แก่ อสัญญีพรหม หรือที่เรียกว่า
152
๓. อนาคามิผล ผลอันพระอนาคามีพึงเสวย
๔. อรหัตตผล ผลคือความเป็ นพระอรหันต์, ผลอันพระอรหันต์พึงเสวย
ผล ๔ นี้ บางทีเรียกว่า สามัญญผล ผลของความเป็ นสมณะ, ผลแห่งการ
บ�ำเพ็ญสมณธรรม
นิพพาน หรือ อสังขตธาตุ ๑
นิพพาน สภาพที่ดบั กิเลสและกองทุกข์แล้ ว, ภาวะที่เป็ นสุขสูงสุด เพราะไร้
กิเลสไร้ ทุกข์ เป็ นอิสรภาพสมบูรณ์
๑. สอุปาทิเสสนิพพาน นิพพานยังมีอปุ าทิเหลือ
๒. อนุปาทิเสสนิพพาน นิพพานไม่อปุ าทิเหลือ
หมายเหตุ: ตามค�ำอธิบายนัยหนึ่งว่า
๑. = ดับกิเลส ยังมีเบญจขันธ์เหลือ (= กิเลสปรินิพพาน)
๒. = ดับกิเลส ไม่มเี บญจขันธ์เหลือ (= ขันธปรินิพพาน)
หรือ
๑. = นิพพานของพระอรหันต์ผ้ ูยังเสวยอารมณ์ท่นี ่าชอบใจและไม่น่าชอบใจ
ทางอินทรีย์ ๕ รับรู้สขุ ทุกข์อยู่
๒. = นิพพานของพระอรหันต์ผ้ ูระงับการเสวยอารมณ์ท้งั ปวงแล้ ว
๖. ไม่เกิดในชนชาติมลิ ักขะ
๗. ไม่เกิดในท้ องของนางทาสี
๘. ไม่เป็ นคนนิยตมิจฉาทิฏฐิ
๙. ไม่เป็ นคนกลับเพศ
๑๐. ไม่ทำ� อนันตริยกรรมห้ าอย่าง
๑๑. ไม่เป็ นคนโรคเรื้อน
๑๒. อัตตภาพสุดท้ ายไม่เวียนมาในก�ำเนิดดิรัจฉาน
๑๓. ไม่มอี ตั ตภาพใหญ่กว่าช้ าง
๑๔. ไม่เกิดในขุปปิ ปาสิกเปรตและนิชฌามตัณหิกเปรต
๑๕. ไม่เกิดในจ�ำพวกกาลกัญชิกาสูรทั้งหลาย
๑๖. ไม่เกิดในอเวจีนรก
๑๗. ไม่เกิดในโลกันตริกนรก
๑๘. ไม่เป็ นมารในสวรรค์ช้ันกามาวจร ไม่เกิดในอสัญญีภพในรูปาวจรภูมิ
ไม่เกิดในภพสุทธาวาส ไม่เกิดในอันติมภพ ไม่ก้าวไปสู่จักรวาลอื่น
๕. โผฏฐัพพะ สัมผัสทางกาย
ห้ าอย่างนี้ เฉพาะส่วนที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เรียกว่า กามคุณ
ฺ สฏฺวสฺเส
ทยฺยรฏฺสฺส เตปิ ฎกํ ๒๕๔๙ พุทธฺ วสฺเส ภูมพิ ลสฺส ปรมินทฺ รมหาราชวรสฺส ปริปุณณ
สิริรชฺชมงฺคล มหกมฺมกาเล ทยฺยสงฺฆมหาเถรสมาคเมน มุททฺ าปิ ตา
พระไตรปิ ฎกภาษาไทย ฉบับเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั เนือ่ งในการจัด
งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙ มหาเถรสมาคมจัดพิมพ์.
ธรรมทานมูลนิธ.ิ คู่มอื อุบาสกอุบาสิกา ภาค ๑-๒ ท�ำวัตร เช้า-เย็น และสวดมนต์พเิ ศษบางบท
แปลไทย ของ ส�ำนักสวนโมกขพลาราม ไชยา. พิมพ์ครั้งที่ ๙๓. กรุงเทพฯ : ธรรมสภา,
๒๕๕๕.
ธรรมทานมูลนิธ.ิ สวดมนต์แปล บทพิเศษต่างๆ ทีใ่ ช้ในสวนโมกขพลาราม. พิมพ์ครั้งที่ ๒๖.
กรุงเทพฯ : ธรรมทานมูลนิธ,ิ ๒๕๕๓.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตโฺ ต). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. พิมพ์ครั้งที่ ๑๖.
๒๕๕๑.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตโฺ ต). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. พิมพ์ครั้งที่ ๑๑.
๒๕๕๑.
วศิน อินทสระ. ธรรมบท ทางแห่งความดี เล่ม ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๘. กรุงเทพฯ : ธรรมดา, ๒๕๕๕.
วศิน อินทสระ. ธรรมบท ทางแห่งความดี เล่ม ๒. พิมพ์ครั้งที่ ๗. กรุงเทพฯ : ธรรมดา, ๒๕๕๕.
วศิน อินทสระ. ธรรมบท ทางแห่งความดี เล่ม ๓. พิมพ์ครั้งที่ ๔. กรุงเทพฯ : ธรรมดา, ๒๕๔๘.
วศิน อินทสระ. ธรรมบท ทางแห่งความดี เล่ม ๔. พิมพ์ครั้งที่ ๕. กรุงเทพฯ : ธรรมดา, ๒๕๕๓.
สมเด็จพระสังฆราช (ปุสสฺ เทว). สวดมนต์ฉบับหลวง. พิมพ์ครั้งที่ ๑๖. กรุงเทพฯ : มหามกุฏราช-
วิทยาลัย, ๒๕๓๘.
สุชีพ ปุญญานุภาพ. พระไตรปิ ฎก ฉบับส�ำหรับประชาชน. พิมพ์ครั้งที่ ๑๗. กรุงเทพฯ :
มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๕๐.
5500001017984