You are on page 1of 56

RELATIVE

CLAUSE

RELATIVE CLAUSE คืออะไร


Relative clause คือ อนุประโยคที่ทำหน้ าที่
เหมือนกับ Adjective นั่ นคือขยายคำนามที่
อยู่ข้างหน้ า Relative clause จะช่วยให้รู้ว่า
คำนามที่กำลังพูดถึงคืออันไหน คนไหน
หรือสิ่ งไหนกันแน่ อย่างชัดเจนเลย เวลาที่ใช้
relative clause จะมี relative pronoun
(who, whom, which, that, whose) วางอยู่
ด้านหน้ า หรืออาจจะมี Relative Adverbs (
when, where, why), วางอยู่ด้านหน้ าคำนาม
เพื่อขยายคำนามนั้ น
ตัวอย่างประโยค
The man who is wearing the glasses is our
new English teacher.
= ผู้ชายที่กำลังสวมแว่น คือครู สอน
ภาษาอังกฤษคนใหม่ของเรา

ในประโยคข้างบน “who is wearing the glasses”


เรียกว่า Relative Clause และอยู่หลังคำนาม
“the woman” เพื่อขยายคำนาม หากทิ้งประโยคนั้ น
ไปยังมีประโยคที่สมบูรณ์:
The man is our new English teacher.
แต่ความหมายจะไม่ชัดเจน เราไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้ น
คือคนไหน
ตัวอย่างประโยค
The little girl is Tom’s daughter. She is
smiling at you.

เสามารถผสมผสานสองประโยคนี้ เป็ นหนึ่ ง


ประโยคที่ใช้ relative pronoun คือ:
The little girl, who is smiling at you, is
Tom’s daughter.
= เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่กำลังยิ้มให้คุณคือ
ลูกสาวของทอม
ประเภทของ RELATIVE CLAUSE

Relative clause แบ่งออกเป็ น 2 ชนิ ด คือ


Defining Relative clause
Non-defining Relative clause
DEFINING RELATIVE CLAUSE คืออะไร

Defining relative clause คือ relative clause ที่ระบุเจาะจง


ลงไปว่าหมายถึงใคร อันไหน ถ้าไม่รุ บุเจาะจงจะทำให้เกิด
ความเข้าใจผิดได้

DEFINING RELATIVE CLAUSE คืออะไร


Defining relative clause ใช้เมื่อคำนามเป็ นคำนามไม่


แน่ นอน และไม่ได้ใช้เครื่องหมายจุลภาคเพื่อเว้นวรรคออก
จากประโยคหลัก เพราะ Defining relative clause มีหน้ าที่
เพื่อขยายและระบุคำนามที่มันตามหลังดังนั้ นจึงไม่สามารถ
ตัดออกได้
ตัวอย่างประโยค
DEFINING RELATIVE CLAUSE

The man whom you just met yesterday is a famous


lawyer.
= ผู้ชายที่คุณเพิ่งพบเมื่อวานนี้ เป็ นทนายความที่
มีชื่อเสียงมาก
ตัวอย่างประโยค
DEFINING RELATIVE CLAUSE

Do you remember the time when we first met each


other?
= คุณจำเวลาที่เราพบกันครั้งแรกได้ไหม?
NON- DEFINING RELATIVE CLAUSE
คืออะไร

Non-defining relative clause คือ relative clause ที่เสริม


ข้อมูลเข้าไปเฉย ๆ เป็ นการอธิบายขยายความเพิ่มเติมให้กับ
คำนาม ซึ่งเป็ นที่เข้าใจกันดีอยู่แล้วระหว่างผู้พูดและผู้ฟั ง จะ
ตัดทิ้งออกไปก็ได้ และจะอยู่ในเครื่องหมายจุลภาค (comma)
NON- DEFINING RELATIVE CLAUSE
คืออะไร


relative clause คือ อนุประโยคที่ให้ข้อมูลเพิ่ม
Non-defining
เติมเกี่ยวกับบุคคล สิ่ งของ หรือเหตุการณ์ที่ได้รับการระบุแล้ว
non-defining relative clause จึงไม่จำเป็ นต้องอยู่ในประโยค
เพราะถ้าไม่มีประโยคนั้ นก็จะยังสมเหตุสมผล เรายังสามารถรู้
ได้ว่าคำนาม บุคคล สิ่ งของที่เราได้กล่าวถึงก่อนหน้ านี้ มันคือ
อะไร
ตัวอย่างประโยค
NON- DEFINING RELATIVE CLAUSE

Bangkok, which is the capital of Thailand, has been


developing rapidly in recent years.
= กรุ งเทพมหานคร ซึ่งเป็ นเมืองหลวงของประเทศไทยมีการ
พัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปี ที่ผ่านมา
ตัวอย่างประโยค
NON- DEFINING RELATIVE CLAUSE

Chiang Mai, which I visited last summer, is very


beautiful.
= เชียงใหม่ เมืองที่ฉันไปเมื่อฤดูร้อนที่แล้วนั้ นสวยงามมาก
NON- DEFINING RELATIVE CLAUSE

หมายเหตุ: เพื่อสามารถแยกได้ว่า อนุประโยคได้คือ


Non – defining relative clause เราสามารถสังเกตได้จาก
เมื่ออนุประโยคตามหลังและขยายคำนามที่เฉพาะ
เมื่ออนุประโยคตามหลังและขยายคำนามที่มาพร้อมกับคำ
คุณศั พท์บ่งบอกความเป็ นเจ้าของ possessive adjective
(my, his, her, their, your, our, its)
NON- DEFINING RELATIVE CLAUSE

เมื่ออนุประโยคตามหลังและขยายคำนามที่มาพร้อมกับคำนำ
หน้ านาม this, that, these, those,…
RELATIVE Relative Pronoun คือ ประพันธสรรพนาม
PRONOUNS หรือ คำสรรพนามที่เอาไว้ใช้ขยายประโยค
ให้ประธานหรือกรรมในประโยคยาวขึ้น
และมีรายละเอียดมากขึ้น โดยที่เราจะใช้
คืออะไร ประพันธสรรพนามนำหน้ าส่วนขยายที่เรา
เรียกว่า relative clause และอีกกรณีก็คือ
ใช้เชื่อมต่อกับประโยคที่สมบูรณ์แล้ว
Who
ใช้เมื่อพูดถึงคน เราจะใช้คำว่า who ตามหลังคำนามด้านหน้ าที่เกี่ยวกับคน
และคำว่า who จะต้องทำหน้ าที่เป็ นประธานของกริยาที่ตามมาด้านหลัง
Who
The man who is sitting by the fireplace is my father.
= ผู้ชายที่นั่ งข้างเตาผิงคือพ่อของฉัน
That is the boy who helped me to find your house.
= นั่ นคือเด็กผู้ชายที่ช่วยฉันหาบ้านของคุณ
Whom
ใช้ whom เมื่อพูดถึงคน เพื่อขยายคำนามที่เป็ นกรรมของคำกริยาที่ตามหลัง
Whom
The woman whom you saw yesterday is my aunt.
= ผู้หญิงที่คุณเห็นเมื่อวานคือคุณน้ าของฉัน
Logan is a business owner whom we are in contact with.
= โลกานเป็ นเจ้าของธุ รกิจคนที่เราได้ติดต่อด้วย
ในประโยคข้างบน คำว่า a business owner หรือเจ้าของธุ รกิจ
เป็ นกรรมของกริยาและคำบุพบท are in contact with
Which
ใช้เป็ น Relative Pronoun เพื่อขยายคำนามที่เป็ นสิ่ งของหรือสัตว์ และสามารถ
เป็ นทั้งประธานหรือกรรมในประโยคได้ ซึ่งจะมีความหมายเหมือนกับคำว่า
that แต่ดูเป็ นทางการมากกว่า เพราะฉะนั้ นจึงเหมาะสำหรับการเขียนเรียง
ความมากกว่า
Which
This is the book which I like best.
= นี่ คือหนั งสือที่ผมชอบมากที่สุด
ในประโยคนี้ which ใช้เพื่อขยายคำนาม the book ที่ทำหน้ าที่เป็ นกรรมในประโยค
This species of fish, which is found in Thailand, is rare.
= ปลาชนิ ดนี้ ซึ่งพบในประเทศไทยนั้ นหายาก
ในประโยคนี้ which ใช้เพื่อขยายคำนาม the book ที่ทำหน้ าที่เป็ น
ประธานในประโยค
That
คำว่า That เป็ น relative pronoun หรือคำสรรพนามสัมพัทธ์ที่ใช้ระบุถึงทั้งบุคคลและ
สิ่ งของ โดยคำว่า that สามารถใช้แทน Whom Whom และ which ใน
Defining relative clause
That
This is the book that I like best.
= นี่ คือหนั งสือที่ผมชอบมากที่สุด
My father is the person that I admire most.
= คุณพ่อคือคนที่ฉันเคารพนั บถือมากที่สุด
RELATIVE
ADVERB Relative Adverb คือคำกริยาวิเศษณ์ที่ทำ
หน้ าที่เชื่อมคำ กับอนุประโยค เพื่อขยาย
ความเพิ่มเติมให้รู้ว่า เมื่อไร ที่ไหน ทำไม
คืออะไร ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 คำคือ when where และ
why
RELATIVE
ADVERB This is the shop in which I bought my bike.
=> This is the shop where I bought my bike.
คืออะไร = นี่ คือร้านที่ฉันซื้อจักรยาน
WHERE
ใช้ where เพื่อขยายคำนามที่บ่งบอกสถานที่ ใช้เป็ นกรรมของประโยค แปลว่า
สถานที่ซึ่ง ที่
มีโครงสร้างประโยค
N(place) +WHERE + S + V
WHERE
The hotel wasn’t very clean. We stayed at that hotel.
=> The hotel where we stayed wasn’t very clean.
แปลว่า โรงแรมที่เราพักไม่ค่อยสะอาด
WHERE
This is my hometown. I was born and grew up here.
=> This is my hometown where I was born and grew up.
แปลว่า นี่ คือบ้านเกิดของฉันที่ฉันเกิดและเติบโต
WHERE
The restaurant was near the airport. We had lunch there.
=> The restaurant where we had lunch was near the airport.
แปลว่า ร้านอาหารที่เราทานอาหารกลางวันอยู่ใกล้สนามบิน
WHEN
ใช้ when เป็ น Relative Adverb เพื่อขยายคำนามหรือวลีเพื่อบ่งบอกเวลา

มีโครงสร้างประโยค
N (time) + WHEN + S + V
WHEN
Do you still remember the day? We first met on that day.
=> Do you still remember the day when we first met?
= คุณยังจำวันแรกที่เราได้พบกันได้ไหม
WHEN
That was the day. I met my wife on this day.
=> That was the day when I met my wife.
= นั่ นคือวันที่ผมได้พบกับภรรยาของผม
WHEN
I don’t know the time. She will come back then.
=> I don’t know the time when she will come back.
= ฉันไม่รู้ว่าเวลาเมื่อไรที่เธอจะกลับมา
WHY
ใช้ why เป็ น Relative Adverb ในอนุประโยคเพื่อบอกเหตุผล และโดยปกติเรา
จะใช้แทนวลี for the reason, for that reason
มีโครงสร้างประโยค
N (reason) + WHY + S + V
WHY
I don’t know the reason. You didn’t go to school for that reason.
=> I don’t know the reason why you didn’t go to school.
= ฉันไม่รู้เหตุผลว่าทำไมคุณถึงไม่ไปโรงเรียน
WHY
I don’t know the reason why she left me.
= ฉันไม่รู้เหตุผลว่าทำไมหล่อนทิ้งฉันไป
การลดรู ปของ RELATIVE CLAUSE

ตัด relative pronoun ออก แล้วเปลี่ยน


verb ให้เป็ น present participle (V+ing)
ตัวอย่าง
The girl who is sitting next to the
กรณีที่ 1 only boy in the class is my sister
=> The girl sitting next to the only
ลดรู ปของ
boy in the class is my sister
RELATIVE CLAUSE = ผู้หญิงที่นั่ งข้างผู้ชายคนเดียวในชั้น
ในกรณีที่ประธาน เรียนคือน้ องสาวของฉัน

กระทำกริยานั้ น
(ACTIVE RELATIVE CLAUSE)
ซึ่งมี which และ who เป็ นประธาน
สามารถลดรู ปได้ หากหลัง which และ
who มีกริยาในรู ป passive form
(BE + past participle) ลดรู ปโดยตัด
which/who และ to be ออกเหลือแต่
กรณีที่ 2 past participle
ตัวอย่าง
ลดรู ปของ RELATIVE CLAUSE
The house which is being built at
ในกรณีที่ประธานถูกกระทำ the moment belongs to Mr. Thomas.
(PASSIVE RELATIVE CLAUSE) => The house built at the moment
belongs to Mr. Thomas.
= บ้านที่กำลังสร้างในขณะนี้ เป็ นของนาย
โธมัส
Strawberries which are grown in
California are delicious.
=> Strawberries grown in California
กรณีที่ 2 are delicious.
ลดรู ปของ RELATIVE CLAUSE = สตรอว์เบอร์รีที่ปลูกในแคลิฟอร์เนี ยมี
รสชาติอร่อย
ในกรณีที่ประธานถูกกระทำ
(PASSIVE RELATIVE CLAUSE)
สำหรับ relative clause สามารถลดรู ปให้เป็ นรู ป
To-infinitive ได้ เมื่อมีวลีเช่น the first, the second, the last,
the only หรือการเปรียบเทียบขั้นสูงสุด
( Superlative Degree ) นำหน้ า relative pronoun

ตัวอย่าง
The first student who comes to class has to clean the
board.
กรณีที่ 3 => The first student to come to class has to clean the
ลดรู ปของ RELATIVE CLAUSE board.
= นั กเรียนคนแรกที่มาเรียนต้องทำความสะอาดกระดาน
เป็ นรู ปแบบ TO-INFINITIVE The only picture which was painted yesterday was
Mary’s.
=> The only picture to be painted yesterday was Mary’s.
= รู ปเดียวที่ได้วาดเมื่อวานคือของแมรี่
ในอนุประโยค adjective clause ซึ่งมี who, which และ that
เป็ นประธาน เราสามารถลดรู ปได้หากหลัง who, which และ
that มี to be และให้ตัด to be ออกด้วย เมื่อลดรู ปแล้ว จะ
เป็ นกลุ่มคำนาม จะมีตัวอย่างเช่น
Football, which is a very popular sport, is good for
health.
=> Football, a very popular sport, is good for health.
= ฟุตบอลเป็ นกีฬายอดนิ ยมที่ดีต่อสุขภาพ
กรณีที่ 4 ในอนุประโยคแบบ defining relative pronoun, to be จะ
การลดรู ปของ RELATIVE CLAUSE เปลี่ยนเป็ นรู ป V-ing คือ being:
I like the man who is always humorous.
ที่มี TO BE => I like the man being always humorous.
= ฉันชอบผู้ชายที่มีอารมณ์ขันเสมอ
สำหรับอนุประโยคที่มีรู ปแบบ relative pronoun + to be +
adjective
เมื่อลดรู ป relative pronoun เราจะลดรู ปของ to be ด้วย และ
นำ adjective คำคุณศั พท์ก่อนหน้ าคำคามที่จะขยายความ
ตัวอย่างเช่น
My grandmother, who is sick, never leaves the house.
กรณีที่ 4 => My sick grandmother never leaves the house.
การลดรู ปของ RELATIVE CLAUSE = ยายของฉันป่ วยและไม่เคยออกจากบ้าน

ที่มี TO BE
ข้อควรจำเมื่อใช้ RELATIVE CLAUSE

1 – หากมีบุพบทในอนุประโย relative clause เราสามารถวางคำบุพบทก่อนหรือหลังอนุประโยค


ก็ได้ โดยคำบุพบทมักจะตามหลัง whom หรือ which ที่เป็ นกรรมในประโยค
ตัวอย่างเช่น
Mr. Brown is a nice teacher. We studied with him last year.
สามารถเขียนตาม 2 วิธีดังต่อไปนี้
=> Mr. Brown, with whom we studied last year, is a nice teacher.
=> Mr. Brown, whom we studied with last year, is a nice teacher.
แปลว่า คุณบราวน์ ที่เราเรียนด้วยเมื่อปี ที่แล้วเป็ นครู ที่ดี
2 – เราจะสามารถใช้ which เป็ น relative pronoun เพื่อขยายทั้งอนุประโยคที่อยู่ข้างหน้ า
ตัวอย่างเช่น
She can’t come to my birthday party, which makes me sad.
= เธอมางานวันเกิดฉันไม่ได้ ซึ่งทำให้ฉันเสียใจมาก
3 – เมื่อ whom ใช้เพื่อขยายคำนามที่เป็ นกรรม เราสามารถใช้ who แทน whom ได้
ตัวอย่างเช่น
I’d like to talk to the man whom / who I met at your birthday party.
= ฉันอยากจะคุยกับผู้ชายคนที่ฉันได้เจอในงานวันเกิดคุณ
4 – ใน Defining Relative clause เราสามารถละทิ้ง relative pronoun อย่างเช่น whom, which
เมื่อทำหน้ าที่เป็ นกรรมในอนุประโยค
มีตัวอย่างประโยคเช่น
The girl you whom met yesterday is my close friend.
=> The girl you met yesterday is my close friend.
= ผู้หญิงที่คุณพบเมื่อวานคือเพื่อนสนิ ทของฉัน
The book which you lent me was very interesting.
=> The book you lent me was very interesting.
= หนั งสือที่คุณให้ยืมฉันน่ าสนใจมาก
5 – วลีที่บ่งบอกจำนวน some of, both of, all of, neither of, many of, none of สามารถนำ
หน้ า whom, which และ whose ได้
เมีตัวอย่างประโยคเช่น
I have two sisters, both of whom are students.
= ฉันมีพี่สาวสองคน ซึ่งทั้งคู่ยังเป็ นนั กเรียน
She tried on three dresses, none of which fitted her.
= เธอลองชุดสามชุด แต่ไม่มีชุดไหนที่เหมาะกับเธอเลย
6 – เราไม่ใช้ Who และ That ตามหลังบุพบท
RELATIVE CLAUSE ที่ต้องใช้ THAT
โดยไม่สามารถใช้ WHICH ได้

1 – ต้องใช้ relative pronoun เป็ น that เมื่อวลีหรือคำนามนำหน้ า relative clause มีทั้งนามที่บ่ง


บอกบุคคลและสิ่ งของ
ตัวอย่างเช่น
I can see a girl and her dog that are running in the park.
= ฉันเห็นเด็กผู้หญิงและสุนั ขของเธอที่กำลังวิ่งอยู่ในสวนสาธารณะ
2 – ต้องใช้ relative pronoun เป็ น that เมื่อ relative clause ตามหลังคำนามที่มีคำคุณศั พท์ใน
รู ปการเปรียบเทียบขั้นสูงสุด
ตัวอย่างเช่น
This is the most interesting book that I’ve ever read.
= นี่ เป็ นหนั งสือที่น่ าสนใจที่สุดที่ฉันเคยอ่านมา
3 – ต้องใช้ relative pronoun เป็ น that เมื่อ relative clause ตามหลังคำนามหรือนามวลีที่มีคำว่า
all, only และ very
ตัวอย่างเช่น
That is all the things that I can say.
= นั้ นคือทุกอย่างที่ฉันสามารถพูดได้
I bought the only coat that the shop had.
= ฉันซื้อเสื้อโค้ทตัวเดียวที่ทางร้านมี
4 – ต้องใช้ relative pronoun เป็ น that เมื่อ relative clause ตามหลัง Indefinite Pronoun
(สรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะ)
ตัวอย่างเช่น
He never says anything that pleases people.
= เขาไม่เคยพูดอะไรที่ทำให้ผู้อื่นพอใจ
She’ll tell you something that you want to know.
= เธอจะบอกคุณบางอย่างที่คุณอยากรู้
THANK YOU
Punika Seanghom

Fongfa.magazine

You might also like