Professional Documents
Culture Documents
00015595
00015595
รายงานผลการตรวจสอบ
การตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพ
การใช้รถและเครือ่ งจักรกล
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 - 2563
กรมชลประทาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
30 กันยายน 2565
- สำเนำ - Update 6 ต.ค. 65
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช 2560) ได้บัญญัติหลักการสำคัญ
เกี่ยวกับหน้าที่ของรัฐไว้ในมาตรา 62 วรรคแรกว่า รัฐต้องรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด
เพื่ อ ให้ ฐานะทางการเงินการคลังของรัฐมีเสถียรภาพและมั่นคงอย่างยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยวินัย
การเงินการคลังของรัฐ และจัดระบบภาษี ให้เกิ ดความเป็นธรรมแก่สัง คม ซึ่งพระราชบัญญัติวิ นั ย
การเงิ น การคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 44 ได้บัญญัติหลักการสำคัญในเรื่องการบริหารจัดการ
ทรัพย์สินของหน่วยงานของรัฐไว้ว่า การบริหารจัดการทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครองหรือการกำกับ
ดูแลของหน่ว ยงานของรัฐ ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและกฎที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณา
ประโยชน์ของรัฐและประชาชน ความคุ้มค่าและความประหยัด ซึ่งต้องกระทำด้วยความรอบคอบ
ระมัดระวัง และมีการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และต้องไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินนั้น
โดยการบริหารจัดการทรัพย์สินได้ถูกกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ
ภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ และการบริหารจัดการทรัพย์สินต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและ
หนังสือสั่งการของหน่ ว ยงานของรัฐ ที่เกี่ยวข้อ งโดยเคร่งครัด ซึ่ ง ต้ อ งดำเนินการด้ว ยความสุจริต
คุ้มค่า โปร่งใส มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และตรวจสอบได้
ความสำคัญของการบริหารรถและเครื่องจักรกลอันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ที่ใช้
เป็นทรัพยากรทางการบริหารประเภทหนึ่งที่ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำเนินการหรือการบริหาร
จั ด การที่เรียกว่า 4 M โดยการบริหารภาครัฐจำเป็นต้องมี พัสดุ (Material) อันเป็นอุปกรณ์ห รือ
เครื่องมือที่สำคัญในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุพันธกิจขององค์กร ดังนั้น การจัดหา
ให้ได้มา การควบคุม การใช้ ป ระโยชน์ การบำรุ ง รั ก ษาและการจำหน่ ายพั ส ดุ ต้ อ งดำเนิ น การให้
เป็ น ไปตามพระราชบั ญ ญั ติ การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครั ฐ พ.ศ. 2560 และระเบียบ
กระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และระเบียบอื่น ๆ
อย่างเคร่งครัด
กรมชลประทานเป็นหน่ว ยงานของรัฐ ที่มีภ ารกิจสำคัญที่เกี่ยวกับการดำเนิ น การ
ก่อสร้างด้านการชลประทาน และการบริหารจัดการด้านชลประทาน ซึ่งต้องใช้รถและเครื่องจักรกล
เป็นจำนวนมากเพื่อให้การดำเนินการตามภารกิจบรรลุเป้าหมาย รถและเครื่องจักรกลของกรมชลประทาน
ส่วนใหญ่ ได้แก่ เครื่องจักรกลประเภทต่าง ๆ เรือประเภทต่าง ๆ และยานพาหนะประเภทต่าง ๆ เป็นต้น
ประกอบกับในรายงานการเงินของกรมชลประทานจะมีทรัพย์สินประเภทรถและเครื่องจักรกลที่แสดง
มูลค่าสูงอย่างเป็น สาระสำคัญ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริหาร
จัดการรถและเครื่องจักรกลของกรมชลประทาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการใช้จ่ายเงินหรือใช้ประโยชน์ใน
ทรั พ ย์ สิน ของแผ่น ดิน ว่า ได้ดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และ
แบบแผนการปฏิบัติราชการหรือไม่ และเป็ น ไปตามวั ต ถุ ป ระสงค์ ประหยั ด เกิ ด ผลสั ม ฤทธิ์ และ
มีประสิทธิภ าพหรือไม่ จึงได้กำหนดให้มี การตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการใช้รถและ
เครื่ อ งจั ก รกลของกรมชลประทาน ประจำปี พ.ศ. 2562 - 2563 การตรวจสอบดั ง กล่ า ว
เป็นการปฏิบัติหน้าที่และอำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน
พ.ศ. 2561 โดยมีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อให้ทราบว่าการใช้รถและเครื่องจักรกลเป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และแบบแผน การปฏิบัติราชการ (2) เพื่อให้ทราบว่าการจัดหา
การใช้และการควบคุมรถและเครื่องจักรกล เกิดผลสัมฤทธิ์ และมี ประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ที่
กรมชลประทานกำหนดไว้หรือไม่ (3) เพื่อให้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในการใช้รถและเครื่องจักรกล
ของกรมชลประทาน
จากการตรวจสอบผลสั ม ฤทธิ์ และประสิ ท ธิ ภ าพการใช้ รถและเครื่ อ งจัก รกลของ
กรมชลประทาน ประจำปี พ.ศ. 2562 – 2563 พบการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบและหนังสือสั่ง
การที่เกี่ยวข้อง การขาดการวางแผนการใช้งานรถและเครื่องจักรกลในแต่ละปี อีกทั้งระบบการควบคุม
ภายในยังไม่เพียงพอและขาดระบบการติดตามตรวจสอบการใช้งานรถและเครื่องจักรกล ส่งผลให้การใช้
รถและเครื่องจักรกล โดยสามารถแยกประเด็นข้อตรวจพบที่สำคัญได้ จำนวน 3 ประเด็น ดังนี้
1 การไม่ ป ฏิ บั ต ิ ต ามกฎหมาย ระเบี ย บ และหนั ง สื อ สั่ ง การที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ การใช้ ร ถและ
เครื่องจักรกลที่ส่งผลให้การใช้รถและเครื่องจักรกลขาดประสิทธิภาพ
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ทำการตรวจสอบรถและเครื่องจักรกลของส่วนราชการ
ภายในกรมชลประทาน จำนวน 18 หน่ว ยงาน มีรถและเครื่องจักรกลที่เลือกตรวจสอบจำนวน
369 รายการ พบว่า ส่วนราชการภายในกรมชลประทานหลายหน่วยงานไม่ต่อทะเบียนรถและเครื่องจักรกล
ไม่นำใบคู่มือจดทะเบียนไปประทับตราได้รับการยกเว้นภาษี ไม่สามารถนำใบคู่มือ จดทะเบียนรถและ
เครื่องจักรกลมาให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบได้ ไม่มีการทำประกันภัยรถและเครื่องจักรกล
ไม่มีการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียของรถและเครื่องจักรกลอีกทั้งไม่พบ
การรายงานผลการตรวจสอบมลพิษฯ ที่ต้องส่งไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งมีข้อสังเกตที่สำคัญ คือ หน่วยงานหลักของกรมชลประทานที่มีหน้าที่ควบคุม กำกับดูแลการใช้
งานรถและเครื่องจักรกลของกรมชลประทาน ซึ่งได้แก่ สำนักเครื่องจักรกลและส่วนบริหารเครื่องจักรกล
ที่กระจายอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ก็มิได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ รวมทั้งหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้องกับ
การใช้รถและเครื่องจักรกลแต่อย่างใด โดยประเด็นที่ไม่มีใบคู่มือการจดทะเบียนให้ตรวจสอบ พบว่า
การไม่ต่อทะเบียน การไม่ไปประทับตราได้รับการยกเว้นภาษี การไม่ทำประกันภัยรถยนต์ โดยการที่ไม่
ปฏิบัติให้เป็นไปตาม กฎหมาย ระเบียบ และหนังสือสั่งการสำหรับในเรื่องของใบคู่มือจดทะเบียน
ไม่ว่าจะไม่มีให้ตรวจสอบ ไม่มีการต่อทะเบียน หรือการไม่ประทับตราได้รับยกเว้นภาษี และการไม่ทำ
ประกั น ภั ย นั้น เจ้ า หน้ าที่ ไ ด้ ชี้แ จงว่ า เกิ ด จากกรมการขนส่ง ทางบกหรื อ สำนักงานขนส่งจังหวัด
แนะนำให้รถและเครื่องจักรกลที่มิได้มีอุปกรณ์หรือแผ่นสะท้อนแสงไปดำเนินการติดตั้งให้เรียบร้อย
ก่อนยื่นเสียภาษีประจำปี แต่กรมชลประทานไม่สามารถดำเนินการตามคำแนะนำได้ ส่งผลให้ไม่
สามารถยื่นเสียภาษีประจำปีได้ ประกอบกับเจ้าหน้าที่กรมชลประทานไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่อง
การจัดการในเรื่องดังกล่าว และผู้บริหารของส่วนราชการนั้นไม่ได้ควบคุมดูแลให้มีการนำใบคู่มือจดทะเบียน
ไปประทับตรายกเว้น ภาษีทุกครั้ง ส่ว นในกรณีที่ไม่มีคู่มือจดทะเบียนให้ตรวจสอบ พบว่ารถและ
เครื่องจักรกลของกรมชลประทานมักมีการโอนใช้ในระหว่างหน่วยงาน ทำให้ผู้ใช้รถที่รับโอนมาแต่
ไม่ได้รับมอบเอกสารใบคู่มือจดทะเบียนจากหน่วยงานผู้โอนและไม่มีการติดตามให้มีการจัดส่งเอกสาร
ดังกล่าว ประกอบกับรถและเครื่องจักรกลบางรายการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทานเป็นผู้ซื้อ
และส่งมอบมาที่กรมชลประทาน แต่ไม่ได้ส่งมอบเอกสารใบคู่มือจดทะเบียนมาด้วย สำหรับกรณีใบคู่มือ
จดทะเบียนสู ญ หาย บางส่ ว นเกิด จากรถและเครื่อ งจัก รกลที่มีอ ายุก ารใช้ง านเกิน 20 ปี ทำให้
เจ้าหน้าที่ไม่มี การควบคุมดูแลในเรื่องการจัดให้มีใบคู่มือจดทะเบียนและการไม่ทำประกันภัยรถและ
เครื่องจักรกล เกิ ด จากเจ้าหน้าที่ ที่รับ ผิดชอบดูแลรถและเครื่องจักรกลไม่ทราบว่าต้องมีการจัดทำ
ประกันภัยรถและเครื่องจักรกลของทางราชการ
(2)
กรณี การไม่ ตรวจวั ด มลพิ ษ ทางอากาศและระดั บเสี ยงจากท่ อ ไอเสี ยของรถและ
เครื ่ อ งจั ก รกล รวมทั ้ ง การไม่ ท ำรายงานผลการตรวจสอบเรื ่ อ งดั ง กล่ า วไปยั ง กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่ามีห น่ว ยงานที่ไม่ได้ตรวจวัดในสัดส่ว นถึงร้อยละ 61
(ตรวจสอบ 18 หน่วยงาน พบว่า ไม่ได้นำรถและเครื่องจักรกลไปตรวจวัดมลพิษฯ ถึง 11 หน่วยงาน)
และทั้ง 18 หน่วยงานที่ตรวจสอบมิได้มีการจัดทำรายงานผลการตรวจสอบมายังกรมชลประทานแต่
อย่างใด สาเหตุที่ไม่มีการตรวจวัดมลพิษ เนื่องจากเครื่องตรวจวัดมลพิษฯ มีอายุการใช้งานนาน ปัจจุบัน
ไม่สามารถทำงานได้เพราะชำรุด ไม่สามารถหาอะไหล่ได้ เพราะบริษัทตัวแทนจำหน่ายบางบริษัทเลิก
กิจ การ ประกอบกับ ขาดบุคลากรที่มีความรู้ในการตรวจสอบเรื่องมลพิษฯ และหลายแห่ง ไม่ให้
ความสำคัญกับการควบคุมดูแลและบำรุงรักษารถและเครื่องจักรกลที่อยู่ในกำกับดูแลของตนเอง ส่งผล
ให้ ที่กรมชลประทานไม่ร ายงานผลการตรวจวัดมลพิษฯ ส่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมได้นั้น สำนักเครื่องจักรกลชี้แจงว่าตามระเบียบสำนักนายกว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523
ให้จัดทำรายงานส่งกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ระเบียบกรมชลประทาน
ว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547 กำหนดให้จัดทำรายงานส่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักเครื่องจักรกลจึงเกิดความสับสนและไม่ได้ดำเนินการจัดส่งรายงานตามที่ระเบียบกำหนดไว้
จากการที่กรมชลประทานมิได้ควบคุมกำกับดูแลรถและเครื่องจักรกลให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ และหนังสือสั่งการต่าง ๆ ส่งผลให้ผู้บริหารกรมชลประทานจะไม่สามารถวางแผนการใช้รถ
และเครื่องจักรกลทั้งหมดของกรมชลประทานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากรถและเครื่องจักรกล
หลายรายการไม่ได้ผ่านการตรวจสภาพจากกรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัด ไม่ได้มี
การตรวจวัดมลพิษฯ ซึ่งเป็นเหตุให้ไม่ทราบสภาพอันควรของรถและเครื่องจักรกลว่า ควรมีการซ่อม
บำรุงแล้วหรือไม่ นอกจากนี้ กรมชลประทานจะไม่มีข้อมูลที่จะพิจารณาว่ารถและเครื่องจั กรกล
รายการใดที่เป็นต้นเหตุ ให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เนื่องจากขาดการบำรุงรักษา
เครื่องยนต์ให้ดีเพีย งพอ จนอาจเป็นเหตุให้ ระบบการเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่ส มบูรณ์และเกิด
ปั ญ หาควั น ดำ ซึ ่ ง เป็ น ส่ ว นหนึ ่ ง ของต้ น เหตุ ม ลพิ ษ ทางอากาศที ่ เ กิ ด จากการใช้ ง านรถและ
เครื่องจักรกลของทางราชการ
2 กรมชลประทานขาดการวางแผนการใช้งานรถและเครื่องจักรกลในแต่ละปี ระบบการควบคุม
ภายในเกี่ยวกับการใช้งานรถและเครื่องจักรกล และระบบติดตามตรวจสอบเพื่อให้การใช้งานรถ
และเครื่องจักรกลยังขาดความเหมาะสมและไม่มีประสิทธิภาพ
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบการวางแผนการปฏิบัติงานการใช้รถและ
เครื่องจักรกลประจำปี และการตรวจถึงการปฏิบัติตามระบบควบคุมภายในที่เกี่ยวกับการใช้งานรถ
และเครื่องจักรกลของส่วนราชการภายในกรมชลประทาน จำนวน 15 หน่วยงาน มีรถและเครื่องจักรกล
ที่เลือกตรวจสอบ จำนวน 296 รายการ พบว่า กรมชลประทานขาดการวางแผนการปฏิบัติงาน
การใช้รถและเครื่องจักรกลประจำปี และเมื่อตรวจสอบการจัดทำแผนโครงการฯ ยังพบว่าในหลาย
แผนโครงการฯ ไม่มีการระบุถึงรถและเครื่องจักรกลที่จะต้องใช้ ในแผนโครงการฯ ดังกล่าว แต่ ใน
กรณี ที่ แ ผนโครงการฯ มีการระบุถึงรถและเครื่องจักรกลที่ใช้ในโครงการฯ กลับพบว่าการใช้รถและ
เครื่องจักรกลจริงไม่สอดคล้องกับรถและเครื่องจักรกลที่ระบุไว้ในแผนโครงการฯ อีกทั้งไม่มีการควบคุม
การใช้งานรถและเครื่องจักรกลให้เป็นไปตามกฎหมายที่ได้กล่าวถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินที่อยู่ใน
การดูแลของรัฐจะต้องเป็นไปอย่างคุ้มค่า ประหยัด และขาดระบบติดตามตรวจสอบเพื่อให้การใช้งานรถ
(3)
และเครื่องจักรกลเกิดประสิทธิภาพและมีความเหมาะสม โดยพบว่ามีส่วนราชการภายในกรมชลประทานถึง
11 หน่วยงาน ที่รถและเครื่องจักรกลทุกรายการไม่มีการวางแผนการปฏิบัติงานประจำปี พ.ศ. 2563
โดยใน 11 หน่วยงาน มีถึง 6 หน่วยงานที่ไม่มีการกำหนดการใช้รถและเครื่องจักรกลเพื่อไปปฏิบัติงาน
ในแผนโครงการฯ แต่เมื่อตรวจสอบถึงการใช้รถและเครื่องจักรกลที่ไปปฏิบัติงานในแผนโครงการฯ จริง
ก็พบว่า มีเพียง 2 หน่วยงาน ที่มีการนำรถและเครื่องจักรกลไปปฏิบัติงานในโครงการได้อย่างสอดคล้อง
กับแผนโครงการฯ ที่วางไว้ ได้แก่ โครงการชลประทานชุมพรและส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 4
(จังหวัดนครราชสีมา) ส่วนที่เหลืออีก 13 หน่วยงาน การนำรถและเครื่องจักรกลไปใช้งานจริงไม่
สอดคล้องกับแผนโครงการฯ ที่วางไว้ และเมื่อตรวจสอบถึงการใช้รถและเครื่องจักรกลให้คุ้มค่าและมี
ประสิทธิภาพ พบว่า ส่วนราชการภายในกรมชลประทานที่เลือกตรวจสอบมีการนำรถและเครื่องจักรกล
ไปใช้งานจริงเกิน 90 วัน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เพียง 136 รายการ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45
ของจำนวนที่เลือกตรวจสอบ และพบว่า มีรถและเครื่องจักรกลถึง 34 รายการ ที่ไม่มีการใช้งานเลย
นอกจากนี้ยังมีรถและเครื่องจักรกลอีก 3 รายการ ที่ไม่ทราบว่านำไปใช้ในโครงการใด และนำไปใช้งานเป็น
จำนวนกี่วัน เนื่องจากไม่มีการจัดทำสมุดบันทึกการใช้รถและเครื่องจักรกล
3 ระบบการควบคุมภายในไม่เพียงพอส่งผลให้การปฏิบัติงานขาดประสิทธิภาพ
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบการบันทึกและการแสดงรายการทรัพย์สิน
ประเภทรถและเครื่องจักรกลที่บันทึกอยู่ในระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์
(GFMIS) โดยสอบยันกับข้อมูลทะเบียนคุมพัสดุ ซึ่งอยู่ในระบบสินทรัพย์ (AMS) ของส่วนราชการภายใน
กรมชลประทาน จำนวน 15 หน่วยงาน มีรถและเครื่องจักรกลที่เลือกตรวจสอบจำนวน 296 รายการ
พบว่า รถและเครื่องจักรลที่เลือกตรวจสอบได้ถูกบันทึกในระบบ GFMIS เป็นจำนวน 133 รายการ
แต่บันทึกในทะเบียนคุมทรัพย์สินเป็นจำนวน 296 รายการ นั้นหมายถึงมีรถและเครื่องจักรถึง 163 รายการ
ที่ไม่ถูกบันทึกในระบบ GFMIS โดยมีสัดส่วนถึงร้อยละ 55 ของจำนวนที่เลือกตรวจสอบ และได้เข้า
สังเกตสภาพรถและเครื่องจักรกลก็พบว่า รถและเครื่องจักรกลของกรมชลประทานหลายรายการไม่ได้มี
ตราเครื่องหมายของหน่วยงาน อักษรย่อ “ชป.” และเลขหมายประจำรถและเครื่องจักรกล และมิได้ขอ
ยกเว้นเป็นจำนวนถึง 22 รายการ และการทำตราเครื่องหมายไม่เป็นไปตามระเบียบฯ เป็นจำนวนถึง
19 รายการ นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบการทำอักษรย่อ “ชป.” และเลขหมายประจำรถและเครื่องจักรกล
พบว่า ไม่มีการทำเลขหมายโดยมิได้ขอยกเว้นเป็นจำนวนถึง 25 รายการ และการจัดทำเลขหมาย
ไม่เป็นไปตามระเบียบฯ อีก 43 รายการ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ขยายผลการตรวจสอบ
เพื่อดูการควบคุมการใช้งานรถและเครื่องจักรกลทั้ง 296 รายการ จึงพบว่า การนำรถและเครื่องจักรกล
ไปใช้งานโดยไม่ทำใบขออนุญาตใช้รถและเครื่องจักรกล (แบบ 3) มีเป็นจำนวน 58 รายการ และไม่จัดทำ
สมุดบันทึกการใช้รถและเครื่องจักรกล (แบบ 4) เป็นจำนวนมากถึง 186 รายการ สำหรับการตรวจสอบ
การควบคุมการเบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นการตรวจสอบต่อเนื่องจากการไม่ทำใบขออนุญาตใช้รถ
และเครื่องจักรกล และไม่จัดทำสมุดบันทึกการใช้รถและเครื่องจักรกล เนื่องจากกรมชลประทานเป็น
หน่วยงานขนาดใหญ่ที่มีการจัดซื้อและการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณมาก จึงพบว่ารถและเครื่องจักรกล
บางรายการไม่ได้กำหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง (แบบ 7) ไว้ ไม่มีการจัดทำเอกสาร
เบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และการจัดทำบัญชีวัสดุ พด.43 ที่แสดงถึงการรับ การจ่าย และจำนวน
คงเหลือของน้ำมันเชื้อเพลิง (ทะเบียนคุมการเบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง) ไม่ครบถ้วน ดังนี้ รถและ
เครื่องจักรกลส่วนใหญ่มีการกำหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งแม้จำนวนที่ไม่ได้มีการ
(4)
กำหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงไว้เพียง 16 รายการ แต่ก็แสดงให้เห็นว่า การเบิกจ่าย
น้ำมันเชื้อเพลิงของรถทั้ง 16 รายการ ไม่ได้มีการตั้งเกณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพของรถและเครื่องจักรกล
ดังกล่าว และพบว่า รถและเครื่องจักรกลจำนวน 46 รายการ ไม่มีเอกสารเบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อ
แต่มีการนำรถและเครื่องจักรกลดังกล่าวไปเติมน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 4
(จังหวัดนครราชสีมา) และส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 7 (จังหวัดสงขลา) ซึ่งไม่มีการจัดทำเอกสารการ
เบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นจำนวนถึง 36 รายการ ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงาน ถือเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่
ในการควบคุมดูแลการใช้รถและเครื่องจักรกลที่ควรจะปฏิบัติตามระบบการควบคุมภายในที่มีอยู่ได้
อย่างครบถ้วน ส่วนการไม่จัดทำบัญชีวัสดุ พด.43 (ทะเบียนคุมการเบิกจ่ายน้ำ มันเชื้อเพลิง ) พบว่า
รถและเครื่ อ งจั ก รกล จำนวน 27 รายการ ไม่ มี ก ารจั ด ทำบั ญ ชี วั ส ดุ พด.43 นอกจากนี้ผลการ
ตรวจสอบการซ่อมบำรุงรถและเครื่องจักรกลพบว่า มีการนำรถและเครื่องจักรกลไปซ่อมบำรุงโดยไม่ทำใบ
แจ้งซ่อมบำรุงเป็นจำนวนถึง 51 รายการ และมีการซ่อมบำรุงโดยไม่ทำสมุดรายละเอียดการซ่อม
บำรุงเป็น จำนวนถึง 70 รายการ การที่กรมชลประทานได้ ก ำหนดให้มี ก ารควบคุ มดูแลในเรื่ อ ง
การซ่อมบำรุงรถและเครื่องจักรกลอย่างชัดเจน โดยการออกระเบียบว่าด้วยการใช้ยานพาหนะ พ.ศ. 2547
แล้ว ซึ่ง ถือว่าเป็นการสร้างระบบการควบคุมภายในที่ดี แต่ผู้บริหารก็ควรต้องมีการตรวจสอบและ
ทบทวนว่าระบบที่วางไว้ว่ายังคงมีการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนและสม่ำเสมอ
หรือไม่ และตรวจสอบการดูแลรักษารถและเครื่องจักรกลให้พร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่อง โดยจาก
การตรวจสอบเอกสารประกอบการซ่อมบำรุง จึงพบว่า มีรถและเครื่องจักรกลจำนวนที่ไม่พร้อมใช้งานถึง
15 รายการ
สาเหตุของการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือสั่งการที่
เกี่ยวข้องกับรถและเครื่องจักรกล เกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ฯลฯ อย่างครบถ้วน ประกอบกับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นเห็นความสำคัญของการดำเนินการ
ตามแผนโครงการฯ ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้าง การบริหารจัดการด้านชลประทานเป็นหลัก โดยมิได้ให้
ความสำคัญในการดูแลการใช้ร ถและเครื่องจักรกล ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินหลักในการดำเนินการของ
กรมชลประทานอย่างดีเพียงพอ ทำให้ไม่สามารถกล่าวได้ว่ากรมชลประทานมีการบริหารจัด การ
ทรัพย์สินที่มีอยู่ให้ใช้ประโยชน์ได้ อย่างสูงสุด
(5)
สารบัญ
หน้า
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร (1)
สารบัญ (6)
สารบัญตาราง (9)
สารบัญแผนภูมิ (10)
บทที่ 1 บทนำ
ความเป็นมาในการตรวจสอบ 1
วัตถุประสงค์การตรวจสอบ 2
ขอบเขตการตรวจสอบ 2
วิธีการตรวจสอบ 3
บทที่ 2 ผลการตรวจสอบและข้อเสนอแนะ
การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และแบบแผนการ 5
ปฏิบัติราชการ
ไม่มีการต่อทะเบีย นรถและเครื่องจักรกล ไม่ได้นำสมุดคู่มือจดทะเบียนไป 5
ประทั บ ตราได้ ร ั บ การยกเว้ น ภาษี ไม่ ม ี ส มุ ด คู ่ ม ื อ จดทะเบี ย นรถและ
เครื่องจักรกลให้ตรวจสอบ และไม่ทำประกันภัยรถและเครื่องจักรกล
การไม่ต่อทะเบียนรถและเครื่องจักรกล 7
การไม่นำใบคู่มือจดทะเบียนไปประทับตราได้รับการยกเว้นภาษี 10
การไม่ ส ามารถนำใบคู ่ ม ื อ จดทะเบี ย นรถและเครื ่ อ งจั ก รกลมาให้ 12
ตรวจสอบ
การไม่ทำประกันภัยรถและเครื่องจักรกล 13
ข้อเสนอแนะ 14
ไม่มีการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียของรถและ 15
เครื่องจักรกลและไม่พบการรายงานผลการตรวจสอบ
การไม่นำรถและเครื่องจักรกลบางรายการไปตรวจวัดมลพิษทางอากาศ 19
และระดับเสียงจากท่อไอเสียของรถเครื่องจักรกล
การไม่จัดทำรายงานผลการตรวจสอบมลพิษทางอากาศและระดับเสียง 21
จากท่อไอเสียของรถเครื่องจักรกลส่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม
ข้อเสนอแนะ 22
การไม่วางแผนการใช้รถและเครื่องจักรกลในแต่ละปี การไม่ควบคุมการใช้งานรถ 23
และเครื่องจักรกล และการขาดระบบติดตามตรวจสอบเพื่อให้การใช้งานรถและ
เครื่องจักรกลเกิด ความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
บทที่ 2 ผลการตรวจสอบและข้อเสนอแนะ (ต่อ)
ส่วนราชการภายในกรมชลประทานหลายแห่งไม่มีการวางแผนการปฏิบัติงาน 23
การใช้รถและเครื่องจักรกลประจำปี และการจัดทำแผนโครงการฯ ไม่
กำหนดการใช้รถและเครื่องจักรกลในแผนโครงการฯ นั้น หากบางแผน
โครงการฯ จะกำหนดการใช้รถและเครื่องจักรกลไว้ แต่พบว่ารถและ
เครื่องจักรกลที่ใช้ไม่สอดคล้องกับที่กำหนดไว้ในแผนโครงการฯ
การไม่วางแผนการปฏิบัติงานการใช้รถและเครื่องจักรกลประจำปี 26
การจัดทำแผนโครงการฯ โดยไม่กำหนดรถและเครื่องจักรกลไว้ในแผน 28
โครงการฯ และการใช้ ร ถและเครื ่ อ งจั ก รกลไม่ เ ป็ น ไปตามที่
กำหนดไว้ในแผนโครงการฯ
การนำรถและเครื ่ อ งจั ก รกลไปปฏิ บ ั ต ิ ง านในโครงการฯ โดยไม่ 29
สอดคล้องกับรายการรถและเครื่องจักรกลที่ถูกกำหนดไว้ในแผน
โครงการฯ
ข้อเสนอแนะ 32
ส่วนราชการภายในกรมชลประทานหลายแห่งไม่มีการควบคุมการใช้งานรถ 33
และเครื่องจักรกลให้เป็นไปตามกฎหมาย ขาดระบบติดตามตรวจสอบ
เพื่อให้การใช้งานรถและเครื ่อ งจั กรกลเกิดประสิ ทธิภ าพและมีค วาม
เหมาะสม
ข้อเสนอแนะ 36
ระบบการควบคุมภายในไม่เพียงพอ ส่งผลให้การปฏิบัติงานขาดประสิทธิภาพ 37
การบันทึกและการแสดงรายการทรัพย์สินประเภทรถและเครื่องจักรกลที่ 37
บันทึกอยู่ในระบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ ไ ม่
ถูกต้องและไม่ครบถ้วน
ข้อเสนอแนะ 40
การทำตราเครื่องหมายของหน่วยงานและการทำเลขหมายประจำรถและ 40
เครื่องจักรกลของกรมชลประทานไม่เป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้
การทำตราเครื่องหมายของหน่วยงานไว้ด้านข้างนอกรถและเครื่องจักรกล 43
ไม่เป็นไปตามระเบียบฯ และไม่ครบถ้วน
การทำอักษรย่อ “ชป.” พร้อมเลขหมายประจำรถและเครื่องจักรกลไว้ 45
ด้านข้างนอกรถไม่เป็นไปตามระเบียบฯ และไม่ครบถ้วน
ข้อเสนอแนะ 48
การควบคุมการใช้งานรถและเครื่องจักรกล 48
การจัดทำใบขออนุญาตใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 3 ไม่เป็นไปตาม 49
ระเบียบฯ
(7)
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
บทที่ 2 ผลการตรวจสอบและข้อเสนอแนะ (ต่อ)
การจัดทำสมุดการใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 4 ไม่เป็นไปตาม 52
ระเบียบฯ
ข้อเสนอแนะ 55
การควบคุมการเบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง 56
การไม่กำหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง (แบบ ๗) 57
การไม่จัดทำเอกสารเบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง (พด.32 และ พด.33) 59
การไม่จัดทำบัญชีวัสดุ (พด.43) แสดงการรับ-จ่าย-คงเหลือ ประเภท 62
วั ส ดุ เ ชื ้ อ เพลิ ง และหล่ อ ลื ่ น (ทะเบี ย นคุ ม การเบิ ก จ่ า ยน้ ำ มัน
เชื้อเพลิง)
ข้อเสนอแนะ 66
การควบคุมการซ่อมบำรุงรถและเครื่องจักรกล 67
การไม่จัดทำใบแจ้งซ่อมบำรุง 68
การไม่จัดทำสมุดรายละเอียดการซ่อมบำรุง (แบบ 6) 70
ข้อเสนอแนะ 72
การดูแลรักษารถและเครื่องจักรกลให้พร้อมใช้งาน 72
ข้อเสนอแนะ 75
(8)
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้า
1 ตารางแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับใบคู่มือจดทะเบียนและการประกันภัย 6
2 ตารางแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับการตรวจวัดมลพิษฯ และการรายงานผลการ 17
ตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสีย
3 ตารางแสดงข้อมูลของส่วนราชการภายในกรมชลประทานแยกรายละเอียดข้อตรวจพบ 26
เกี่ยวกับการวางแผนการปฏิบัติงานใช้รถและเครื่องจักรกล
4 ตารางแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับสถิติการปฏิบัติงานของรถและเครื่องจักรกล 34
5 ตารางแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับการบันทึกและการแสดงรายการทรัพย์สิน 37
ประเภทรถและเครื่องจักรกลในระบบ GFMIS ไม่ตรงกับทะเบียนคุมทรัพย์สิน
6 ตารางแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับการทำตราเครื่องหมายของหน่วยงานไว้ที่รถ 42
และเครื่องจักรกล
7 ตารางแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับการทำอักษรย่อ “ชป.” พร้อมเลขหมาย 45
ประจำรถและเครื่องจักรกลของกรมชลประทาน
8 ตารางแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับการควบคุมการใช้งานรถและเครื่องจักรกล 49
9 ตารางแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับการไม่มีการกำหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลือง 58
น้ำมันเชื้อเพลิง (แบบ 7)
10 ตารางแสดงข้อตรวจพบเกี่ยวกับรถและเครื่องจักรกลที่ไม่จัดทำเอกสารเบิกจ่าย 60
น้ำมันเชื้อเพลิง (พด.32 และ พด.33)
11 ตารางแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับการไม่จัดทำบัญชีวัสดุ (พด.43) 65
12 ตารางแสดงข้ อ มู ล ข้ อ ตรวจพบเกี ่ ย วกั บ การควบคุ ม การซ่ อ มบำรุ ง รถและ 68
เครื่องจักรกล กรณีจัดทำใบแจ้งซ่อมบำรุงและการจัดทำสมุดรายละเอียดการ
ซ่อมบำรุง (แบบ 6)
13 ตารางแสดงข้ อ มู ล ข้ อ ตรวจพบเกี ่ ย วกั บ การตรวจสอบการใช้ ง านรถและ 73
เครื่องจักรกล
สารบัญแผนภูมิ
แผนภูมิที่ หน้า
1 การแสดงสัดส่วนของหน่วยงานที่ดำเนินการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับ 18
เสียงจากท่อไอเสียของรถและเครื่องจักรกล และการไม่รายงานการตรวจวัด
มลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมทราบ
2 การแสดงสัดส่วนของรถและเครื่องจักรกลที่เกี่ยวกับการวางแผนการปฏิบัติการใช้ 27
รถและเครื่องจักรกลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
3 การแสดงสัดส่วนของรถและเครื่องจักรกลที่มีการกำหนดให้ปฏิบัติงานในแผน 29
โครงการฯ หรือกิจกรรมของโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2563
4 การแสดงสถิติ ก ารปฏิบ ั ติ งานของรถและเครื่ อ งจั กรกลจำนวน 296 รายการ 35
ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2562
5 การแสดงสั ด ส่ ว นการบั น ทึ ก ข้ อ มู ล รถและเครื ่ อ งจั ก รกลในระบบ AMS 39
เปรียบเทียบกับการบันทึกข้อมูลในระบบ GFMIS
6 การแสดงสัดส่วนการทำตราเครื่องหมายของหน่วยงานไว้ด้านข้างนอกรถและ 44
เครื่องจักรกล
7 การแสดงสั ด ส่ ว นการทำอั ก ษรย่ อ “ชป.” พร้ อ มเลขหมายประจำรถและ 47
เครื่องจักรกลไว้ด้านข้างนอก
8 การแสดงสัดส่วนการจัดทำใบขออนุญาตใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 3 ของส่วน 51
ราชการภายในกรมชลประทานที่เลือกตรวจสอบรถและเครื่องจักรกล จำนวน
296 รายการ
9 การแสดงสัดส่วนการจัดทำสมุดบันทึกการใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 4 54
10 การแสดงสัดส่วนการกำหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง (แบบ 7) 57
11 การแสดงสัดส่วนการจัดทำเอกสารเบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของรถและเครื่องจักรกล 62
12 การแสดงสัดส่วนการจัดทำบัญชีวัสดุ (พด.43) แสดงการรับ-จ่าย-คงเหลือ ประเภท 64
วัสดุเชื้อเพลิงและหล่อลื่น (ทะเบียนคุมการเบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง)
13 การแสดงสัดส่วนการจัดทำใบแจ้งซ่อมบำรุงของรถและเครื่องจักรกล 69
14 การแสดงสัดส่วนการจัดทำสมุดรายละเอียดการซ่อมบำรุง (แบบ 6) ของรถและ 70
เครื่องจักรกล
15 การแสดงสัดส่วนผลการตรวจสอบสังเกตการณ์สภาพความพร้อมใช้งานของรถและ 74
เครื่องจักรกล
- สำเนำ -
บทที่ 1
บทนำ
ควำมเป็นมำในกำรตรวจสอบ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช 2560) ได้บัญญัติหลักการส าคัญ
เกี่ยวกับหน้าที่ของรัฐไว้ในมาตรา 62 วรรคแรกว่า รัฐต้องรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้ฐานะทางการเงินการคลังของรัฐมีเสถียรภาพและมั่นคงอย่ างยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยวินัย
การเงินการคลังของรัฐ และจัดระบบภาษีให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม ซึ่ง พระราชบัญญัติวินัย
การเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 44 ได้บัญญัติหลักการสาคัญในเรื่องการบริหารจั ดการ
ทรัพย์สินของหน่วยงานของรัฐไว้ว่า การบริหารจัดการทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครองหรือการกากับ
ดูแลของหน่วยงานของรัฐ ให้เป็นไปตามที่กาหนดไว้ในกฎหมายและกฎที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณา
ประโยชน์ของรัฐและประชาชน ความคุ้มค่าและความประหยัด ซึ่งต้องกระทาด้วยความรอบคอบ
ระมัด ระวัง และมีก ารบริห ารความเสี่ย งอย่า งเหมาะสม และต้อ งไม่ก่ อ ให้เ กิด ความเสียหายแก่
ทรัพย์สินนั้น โดยการบริหารจัดการทรัพย์สินได้ถูกกาหนดไว้ในพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและ
การบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ และการบริหารจัดการทรัพย์สินต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับและหนังสือสั่งการของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ซึง่ ต้องดาเนินการด้วยความสุจริต
คุ้มค่า โปร่งใส มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และตรวจสอบได้
ความสาคัญของการบริหารรถและเครื่องจักรกลอันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ที่ใช้เป็น
ทรัพยากรทางการบริหารประเภทหนึ่งที่ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดาเนินการหรือการบริหารจัดการ
ที่เรียกว่า 4 M ซึ่งประกอบด้วย 1. Man 2. Money 3. Material 4. Management โดยการบริหาร
ภาครัฐจาเป็นต้องมี พัสดุ (Material) อันเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่สาคัญในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อ
ขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุพันธกิจขององค์กร ดังนั้น การจัดหาให้ได้มา การควบคุม การใช้ประโยชน์
การบารุงรักษา และการจาหน่ายพัสดุ ต้องดาเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้าง
และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
พ.ศ. 2560 และระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากรถและเครื่ องจักรถือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง
หน่วยงานของรัฐจาเป็นต้องมีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ ในการดาเนินงาน รัฐจึงได้บัญญัติกฎหมายขึ้นมา
ควบคุมการใช้รถและเครื่องจักรกล ประกอบกับ รถและเครื่องจักรกลของส่วนราชการไม่มีภาระใน
การเสียภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ดังนั้น หน่วยงานของรัฐจึงจาเป็นต้องมีการควบคุมการใช้งาน
ของรถและเครื่องจักรกล และมีการตรวจสอบเพื่อให้รถและเครื่องจักรกลมีสภาพสมบูรณ์และยังคงมี
สมรรถภาพที่จะใช้งานได้ มีความปลอดภัยในการใช้งาน รวมทั้งการใช้งานรถและเครื่องจักรกลของรัฐ
จะต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ดังนั้น หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลและใช้งานรถและ
เครื่องจักรกลที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวกับรถและเครื่องจักรกลของราชการ อีกทั้ง
ต้องปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างแก่ประชาชน เป็นเหตุให้ภาครัฐต้องกาหนดระเบียบการควบคุมให้สูงกว่า
มาตรฐานกลางสาหรับพัสดุอื่น ๆ เช่น ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 หรือ
ระเบียบอื่น ๆ ตามประเภทของหน่วยงานของรัฐนั้น ๆ ซึ่งระเบียบดังกล่าวได้กาหนดถึงการใช้รถและ
เครื่ องจั กรกลที่ มีวั ต ถุป ระสงค์ใ ห้ น าไปใช้ เ พื่ อ กิจ การอั นเป็ นส่ ว นรวมของส่ ว นราชการ หรือ เพื่ อ
ประโยชน์ของทางราชการ ตามหลักเกณฑ์ที่ส่วนราชการเจ้าของรถนั้นได้กาหนดขึ้น และหน่วยงานของ
2
วิธีกำรตรวจสอบ
1. ศึกษา ทาความเข้าใจเกี่ยวกับ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และ
แบบแผนการปฏิบั ติร าชการ เช่น คาสั่ ง คู่มือ และแนวทางการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการใช้รถและ
เครื่องจักรกล และหนังสือสั่งการต่าง ๆ
2. ตรวจสอบความมีอยู่จริงและสภาพในปัจจุบัน ความพร้อมใช้งาน โดยสุ่มสังเกตการณ์
ตรวจสอบรถและเครื่องจักรกลในเรื่องเกี่ยวกับสภาพโดยทั่วไป การเคลื่อนที่ การใช้งาน ความพร้อมใช้งาน
ในภาพรวม และอื่น ๆ
3. ตรวจสอบการใช้รถและเครื่องจักรกล การควบคุมและการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง
โดยสุ่มตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
4. ตรวจสอบการบารุงรักษาและซ่อมแซมรถและเครื่องจักรกล โดยสุ่มตรวจสอบ
เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการบารุงรักษาและการซ่อมแซม
5. สอบถามหรือสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องหรือผู้รับผิดชอบควบคุมดูแลรถและ
เครื่องจักรกลของส่วนราชการภายในกรมชลประทาน และการขอข้อมูลเพื่อประกอบการตรวจสอบ
โดยให้เจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานสามารถชี้แจงเหตุผลและแสดงพยานหลักฐานของตนได้
6. การวิเคราะห์ข้อมูล การเปรียบเทียบข้อมูล เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ของข้อมูล
และตรวจสอบรายการที่ผิดปกติ
บทที่ 2
ผลกำรตรวจสอบและข้อเสนอแนะ
สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบการใช้รถและเครื่องจักรกลของส่วนราชการ
ภายในกรมชลประทาน เพื่อพิจารณาว่าการใช้รถและเครื่องจักรกลของกรมชลประทานเป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และแบบแผนการปฏิบัติราชการ เกิดผลสัมฤทธิ์ มีประสิทธิภาพ และ
เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ กรมชลประทานกาหนดไว้ในการจัดหา การใช้ และการควบคุมรถและ
เครื่องจักรกล และเพื่อให้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในการใช้รถและเครื่องจักรกลของส่วนราชการ
ภายในกรมชลประทาน จานวน 18 หน่วยงาน ซึ่งครอบคลุมรถและเครื่องจักรกล จานวน 369 รายการ
โดยมีรายละเอียดหน่วยงานทั้ง 18 หน่วยงาน ดังนี้
1. สานักเครื่องจักรกล
2. สานักงานชลประทานที่ 2 จังหวัดลาปาง
3. สานักงานชลประทานที่ 3 จังหวัดพิษณุโลก
4. สานักงานชลประทานที่ 5 จังหวัดอุดรธานี
5. สานักงานชลประทานที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี
6. สานักงานชลประทานที่ 13 จังหวัดกาญจนบุรี
7. สานักงานชลประทานที่ 14 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
8. สานักงานชลประทานที่ 15 จังหวัดนครศรีธรรมราช
9. โครงการชลประทานนครนายก
10. โครงการชลประทานมหาสารคาม
11. โครงการชลประทานชัยนาท
12. โครงการชลประทานชลบุรี
13. โครงการชลประทานชุมพร
14. โครงการชลประทานระนอง
15. โครงการชลประทานสุราษฎร์ธานี
16. โครงการส่งน้าและบารุงรักษาแม่ลาว (จังหวัดเชียงราย)
17. ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 4 (จังหวัดนครราชสีมา)
18. ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 7 (จังหวัดสงขลา)
จากการตรวจสอบการใช้รถและเครื่องจักรกลของส่วนราชการภายในกรมชลประทาน
ทั้ง 18 หน่วยงานพบว่า การใช้รถและเครื่องจักรกลของส่วนราชการภายในกรมชลประทานไม่เป็นไปตาม
กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และแบบแผนการปฏิบัติราชการ รวมทั้งการใช้รถและ
เครื่องจักรกลยังไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการควบคุมรถและเครื่องจักรกล ขาดประสิทธิภาพ ส่งผลให้
ไม่ส ามารถกล่าวได้ว่าการใช้ร ถและเครื่องจักรกลดังกล่าวเกิดผลสัมฤทธิ์ เนื่องจากผู้บริห ารของ
ส่ว นราชการภายในกรมชลประทานหลายหน่ว ยงานยัง ไม่ได้ให้ความสาคัญในการควบคุมกากับ
ดูแลให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานรถและเครื่องจักรกลปฏิบัติตามระบบการควบคุมภายใน
ที่เกี่ยวกับการใช้รถและเครื่องจักรกลอย่างเพียงพอ โดยสามารถสรุปผลการตรวจสอบได้ ดังนี้
5
4. ส่ ว นบริ ห ารเครื่ อ งจั ก รกลที่ 7 (จั ง หวั ด สงขลา) ไม่ น าใบคู่ มื อ จดทะเบี ย นไป
ประทับตราได้รับยกเว้นภาษี เป็นจานวน 13 รายการ จากจานวนที่ เลือกตรวจสอบทั้งหมดจานวน
20 รายการ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 65
ซึ่งจะเห็นได้ว่าสานักเครื่องจักรกลที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลการใช้รถและเครื่องจักรกล
กลับไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และแบบแผนการปฏิบัติราชการ
โดยมีสัดส่วนการไม่นาใบคู่มือจดทะเบียนของรถและเครื่องจักรกลที่ตรวจสอบไปประทับตราได้รับยกเว้น
เสียภาษีสูงที่สุด โดยจากการตรวจสอบพบเพียงเอกสารแสดงการยื่นต่อทะเบียนรถและเครื่องจักรกล
แต่ในสมุดคู่มือจดทะเบียนรถและเครื่องจักรกลไม่พบตราประทับที่ระบุว่ารถและเครื่องจักรกลดังกล่าว
ได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมชลประทานชี้แจงว่าได้นารถและเครื่องจักรกลไปยื่นเสียภาษีประจาปี
(ต่อ อายุท ะเบี ย น) แล้ว แต่ลืม นาสมุด คู่ มื อ จดทะเบีย นไปประทั บ ตราได้รั บ ยกเว้น ภาษี ทั้ง นี้
ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 6 (3) ระบุไว้ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถที่ยังมิได้เสียภาษีประจาปี
และระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการดาเนินการเกี่ยวกับ ทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่า
ด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2562 ข้อ 17 วรรคแรก ระบุไว้ว่า รถทุกคันที่จดทะเบียนแล้ว ต้องเสียภาษีรถประจาปี
เว้นแต่รถที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีประจาปี และข้อ 17 วรรคสอง ระบุไว้ว่า รถที่ได้รับการยกเว้น
ภาษีร ถประจาปี เจ้าของรถต้องยื่นขอรับการยกเว้นภาษีประจาปีทุกปี นั่นแสดงว่าถึงแม้รถของ
กรมชลประทานจะเป็นรถที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีประจาปี แต่กรมชลประทานยังคงมี หน้าที่
ต้องไปยื่นขอการยกเว้นภาษีประจาปีทุกปี ซึ่งตามระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547
ข้อ 24 ระบุไว้ว่า ให้หน่วยงานเจ้าสังกัดหรือหน่วยงานทาการเสียภาษีรถยนต์ประจาปี ณ สานักงาน
ผู้รับชาระภาษีตามกฎหมาย หรือต่อใบอนุญาตใช้เรือ ซึ่งหากรถดังกล่าวได้รับการยกเว้นภาษี เจ้าหน้าที่
ผู้เกี่ยวข้องต้องนาใบคู่มือจดทะเบียนไปประทับตราได้รับการยกเว้นภาษี จึงจะถือว่าเป็นการปฏิบัติ
ที่ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่กล่าวข้างต้น
สาเหตุที่ส่วนราชการภายในกรมชลประทานไม่ได้นาใบคู่มือจดทะเบียนไปประทับตรา
ได้รับยกเว้นภาษี เนื่องจาก
(1) เจ้าหน้าที่กรมชลประทานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ให้ความสาคัญในการนาใบคู่มือจดทะเบียน
ไปประทับตราได้รับยกเว้นภาษี แม้ว่าจะมีการยื่นเสียภาษีประจาปี (ต่ออายุทะเบียน) แล้วก็ตาม
ด้วยอาจเห็นว่าตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 30 ได้ระบุให้รถยนต์ของส่วนราชการ
ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีประจาปีแล้ว จึงไม่ได้ให้ความสาคัญกับการประทับตราที่กล่าวข้างต้น
(2) ผู้บริหารที่กากับดูแลส่วนราชการภายในกรมชลประทานดังกล่าวยังไม่ได้ควบคุมดูแล
และกาชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องนาใบคู่มือจดทะเบียนไปประทับตราได้รับยกเว้นภาษีทุกครั้ง
แม้ว่าจะเป็นรถและเครื่องจักรกลของหน่วยงานราชการก็ตาม
จากการที่ใบคู่มือจดทะเบียนประจารถและเครื่องจักรกลของกรมชลประทานไม่มี
การประทับตราได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยกฎหมายและระเบียบดังกล่าวมีเจตนาที่ จะบริหารจัดการ ควบคุม และนาข้อมูลไปจัดทาระบบ
เกี่ยวกับรถที่ต้องเสียภาษีประจาปีกับรถที่ได้รับการยกเว้นภาษีประจาปี เพื่อประโยชน์ในการกากับดูแล
ของรัฐและประโยชน์ในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ เมื่อเรียกตรวจสอบรถยนต์ที่ใช้อยู่ในที่
สาธารณะก็จะสามารถตรวจสอบเอกสารหลักฐาน (ใบคู่มือจดทะเบียน) ถึงการเสียภาษีได้อย่างถูกต้อง
ซึ่งหากมีข้อกาหนดทางกฎหมายและระเบียบของหน่วยงานให้ถือปฏิบัติแล้ว และผู้บริหารได้ควบคุมดูแล
ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่กาหนดไว้ นั่นหมายถึงการมีระบบการควบคุมภายในที่ดี
12
หากแต่หน่วยงานใดไม่ได้มีการปฏิบัติตามระบบการควบคุมภายในนั้น ซึ่งแม้จะเห็นว่าเป็นเรื่องเพียง
เล็กน้อยที่ไม่ส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายกับหน่วยงานได้โดยตรงในทันที แต่ก็ถือว่าจะเป็นเหตุให้
เจ้าหน้าที่กรมชลประทานไม่ให้ความสาคัญกับระบบการควบคุมภายใน (กฎหมายหรือระเบียบ) ที่หน่วยงาน
ได้วางไว้ จนอาจก่อให้เกิดการละเว้นและละเลยการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ
ที่กาหนดไว้ ซึ่งในที่สุดอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับหน่วยงานได้ นอกจากนี้การไม่นาใบคู่มือจดทะเบียน
ประจารถและเครื่องจักรกลไปประทับตราได้รับการยกเว้นภาษี อาจเกิดจากผู้ควบคุมดูแลการใช้รถ
และเครื่องจักรกลมิได้นารถและเครื่องจักรกลบางรายการไปต่อทะเบียน ทาให้รถและเครื่องจักรกล
ดังกล่าวมิได้รับการตรวจสภาพ การนารถและเครื่องจักรกลที่ไม่ได้ต่อทะเบียนหรือที่ไม่ได้ตรวจสภาพ
ไปใช้งานนอกจากจะเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแล้วอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของรัฐและ
ของประชาชนด้วย
ค. กำรไม่สำมำรถนำใบคู่มือจดทะเบียนรถและเครื่องจักรกลมำให้ตรวจสอบ
สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินขอให้ส่วนราชการภายในกรมชลประทานที่เลือกตรวจสอบ
ส่งใบคู่มือจดทะเบียนรถและเครื่องจักรกลในกากับดูแลทั้งหมดมาเพื่อตรวจสอบ แต่พบว่ามีหน่วยงาน
จานวน 10 หน่วยงาน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 55 ของจานวนที่เลือกตรวจสอบ ซึ่งมีรถและเครื่องจักรกล
ที่ตรวจสอบ จานวน 40 รายการ ที่หน่วยงานไม่สามารถส่งใบคู่มือจดทะเบียนมาให้ตรวจสอบได้ และ
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10 ของจานวนที่เลือกตรวจสอบ (รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 1 ตาราง
แสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับใบคู่มือจดทะเบียนและการประกันภัย ช่อง (5)) สาหรับส่วนราชการ
ภายในกรมชลประทานที่ไม่มีใบคู่มือจดทะเบียนรถและเครื่องจักรกลให้ตรวจสอบเป็นจานวนสูงสุด 4
หน่วยงาน มีรายละเอียด ดังนี้
1. ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 4 (จังหวัดนครราชสีมา) มีรถและเครื่องจักรกลที่ไม่มี
ใบคู่มือจดทะเบียนให้ตรวจสอบเป็นจานวนถึง 10 รายการ จากจานวนที่ เลือกตรวจสอบทั้งหมด 26
รายการ ถือว่ามีสัดส่วนของการไม่มีใบคู่มือจดทะเบียนให้ตรวจสอบสูงที่สุด คิดเป็นร้อยละ 38
2. ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 7 (จังหวัดสงขลา) มีรถและเครื่องจักรกลที่ไม่มีใบคู่มือ
จดทะเบียนให้ตรวจสอบเป็นจานวนถึง 6 รายการ จากจานวนที่เลือกตรวจสอบทั้งหมด 20 รายการ
ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนของการไม่มีใบคู่มือจดทะเบียนให้ตรวจสอบ คิดเป็นร้อยละ 30
3. สานักงานชลประทานที่ 14 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีรถและเครื่องจักรกลที่ไม่มี
ใบคู่มือจดทะเบียนให้ตรวจสอบเป็นจานวนถึง 5 รายการ จากจานวนที่เลือกตรวจสอบทั้งหมด 20
รายการ ถือว่ามีสัดส่วนของการไม่มีใบคู่มือจดทะเบียนให้ตรวจสอบ คิดเป็นร้อยละ 25
4. สานักงานชลประทานที่ 15 จังหวัดนครศรีธรรมราช มีรถและเครื่องจักรกลที่ไม่มี
ใบคู่มือจดทะเบีย นให้ตรวจสอบเป็น จานวนถึง 5 รายการ จากจานวนที่เลือกตรวจสอบทั้งหมด
20 รายการ ถือว่ามีสัดส่วนของการไม่มีใบคู่มือจดทะเบียนให้ตรวจสอบ คิดเป็นร้อยละ 25
ทั้งนี้ ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 4 และ 7 ถือเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้กากับของ
สานักเครื่องจักรกลที่เป็นหน่วยงานหลักของกรมชลประทานซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมดูแลรถและ
เครื่องจักรกลทั้งหมด แต่กลับมีการบริหารจัดการ ควบคุมดูแลการใช้รถและเครื่องจักรกลที่ไม่ถูกต้อง
ครบถ้วน ทั้งที่ควรจะเป็นแบบอย่างให้ส่วนราชการภายในกรมชลประทานหน่วยงานอื่น ๆ ได้ถือปฏิบัติตาม
ซึ่งส่วนราชการภายในกรมชลประทานไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานควบคุม หน่วยงานในส่วนภูมิภาค หรือ
หน่วยงานอื่น ๆ ที่จะต้องเป็นผู้ดาเนินการจดทะเบียน หรือต่อทะเบียนจะต้องจัดเก็บใบคู่มือจดทะเบียน
13
การรายงานผลการตรวจสอบดังกล่าวไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีรายละเอียด
ปรากฎตามตารางแสดงข้อมูลของส่วนราชการภายในกรมชลประทาน ดังนี้
ตำรำงที่ 2 ตำรำงแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับกำรตรวจวัดมลพิษฯ และกำรรำยงำนผล
กำรตรวจวัดมลพิษทำงอำกำศและระดับเสียงจำกท่อไอเสีย
รถและ กำรตรวจวัดมลพิษทำง ไม่รำยงำนผล
เครื่องจักรกล อำกำศและระดับเสียง กำรตรวจสอบมลพิษ
ที่ตรวจสอบ จำกท่อไอเสีย ทำงอำกำศและระดับ
ชื่อหน่วยงำน (จำนวน) มี ไม่มี เสียงจำกท่อไอเสียไป
กำรตรวจวัด กำรตรวจวัด ยังกระทรวง
(จำนวน) (จำนวน) ทรัพยำกรธรรมชำติ
และสิ่งแวดล้อม
(จำนวน)
(1) (2) (3) (4) (5)
1. สานักเครื่องจักรกล 22 - 22 22
2. สานักงานชลประทานที่ 2 20 20 - 20
3. สานักงานชลประทานที่ 3 20 5 15 20
4. สานักงานชลประทานที่ 5 21 - 21 21
5. สานักงานชลประทานที่ 7 20 19 1 20
6. สานักงานชลประทานที่ 13 20 - 20 20
7. สานักงานชลประทานที่ 14 20 - 20 20
8. สานักงานชลประทานที่ 15 20 18 2 20
9. โครงการชลประทานนครนายก 20 20 - 20
10. โครงการชลประทานมหาสารคาม 22 22 - 22
11. โครงการชลประทานชัยนาท 9 6 3 9
12. โครงการชลประทานชลบุรี 41 41 - 41
13. โครงการชลประทานชุมพร 16 16 - 16
14. โครงการชลประทานระนอง 9 9 - 9
15. โครงการชลประทานสุราษฎร์ธานี 20 - 20 20
16. โครงการส่งน้าฯแม่ลาว 23 23 - 23
17. ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 4 26 - 26 26
18. ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 7 20 - 20 20
รวมทั้งสิ้น 369 199 170 369
18
จากตารางแสดงข้อมูล ของส่วนราชการภายในกรมชลประทานที่แยกรายละเอียด
ข้อตรวจพบข้างต้น มีประเด็นข้อตรวจพบทั้งสิ้น 2 ประเด็น คือ ส่วนราชการภายในกรมชลประทาน
ไม่ได้นารถและเครื่องจักรกลทุกรายการไปตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียของ
รถเครื่องจักรกล และไม่พบการรายงานผลการตรวจสอบมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสีย
ของรถเครื่องจักรกล ตามแบบ 9 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถแสดงสัดส่วนการตรวจวัดมลพิษทางอากาศฯ
และการรายงานผลการตรวจวัดมลพิษทางอากาศฯ ของส่วนราชการภายในกรมชลประทานที่นารถ
และเครื่องจักรกลที่เลือกตรวจสอบ ไปตรวจวัดมลพิษทางอากาศฯ กับรถและเครื่องจักรกลที่ไม่นาไป
ตรวจวัดมลพิษทางอากาศฯ เป็นไปตามแผนภูมิ ดังนี้
รายงานผลการตรวจสอบมลพิษทางอากาศ ระดับ
เ สี ย ง จ า ก ท่ อ ไ อ เ สี ย ใ ห้ กั บ ก ร ะ ท ร ว ง 18
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
การตรวจสอบสภาพมลพิษของรถและเครื่องจักรกล
ทุ ก ระยะ 6 เดื อ น หรื อ ทุ ก ระยะทาง 15,000 7 4 7
กิโลเมตร
0 5 10 15 20
จานวนหน่วยงานที่สานักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ
แผนภูมิที่ 1 กำรแสดงสัดส่วนของหน่วยงำนที่ดำเนินกำรตรวจวัดมลพิษทำงอำกำศและระดับเสียง
จำกท่อไอเสียของรถและเครื่องจักรกล และกำรไม่รำยงำนกำรตรวจวัดมลพิษทำงอำกำศ
และระดับเสียงจำกท่อไอเสียให้กระทรวงทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมทรำบ
จากแผนภูมิดังกล่าวแสดงให้ทราบว่า ส่วนราชการภายในกรมชลประทานไม่ปฏิบัติให้
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และแบบแผนการปฏิบัติราชการ ในเรื่อง
การตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียของรถและเครื่องจักรกลเป็นสัดส่วนที่สูงมาก
ถึงร้อยละ 61 (ไม่ตรวจสอบสภาพมลพิษของรถฯ จานวน 11 หน่วยงาน จาก 18 หน่วยงานที่เลือก
ตรวจสอบ) และไม่พบการรายงานการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียของรถและ
เครื่องจักรกลในกากับดูแลของส่วนราชการภายในกรมชลประทานที่ต้องส่งให้หน่วยควบคุมเป็นสัดส่วนถึง
ร้อยละ 100 (ไม่มีรายงานการตรวจสอบสภาพมลพิษของรถฯ ทุกหน่วยงานที่ตรวจสอบ) ส่งผลให้
กรมชลประทานไม่สามารถจัดทารายงานการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสีย
เพื่อส่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ รายละเอียดผลการตรวจสอบทั้ง 2 ประเด็น
มีดังนี้
19
ก. กำรไม่นำรถและเครื่องจักรกลบำงรำยกำรไปตรวจวัดมลพิษทำงอำกำศและระดับเสียงจำกท่อ
ไอเสียของรถเครื่องจักรกล
ผลการตรวจสอบที่พบว่าส่วนราชการภายในกรมชลประทานไม่ได้นารถและเครื่องจักรกล
ไปตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียของรถและเครื่องจักรกลตามข้อกาหนดที่ระบุไว้
ในระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 18 ทวิ วรรคแรก
และวรรคสอง และระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547 ข้อ 79 ส่งผลให้เกิด
ปั ญหามลภาวะในเรื่ อ งฝุ่ น ละอองขนาดเล็ ก (ฝุ่ น PM 2.5 หรือชื่อเต็ม คือ Particulate matter with
diameter of less than 2.5 micron) ซึ่งเป็นฝุ่นละอองขนาดจิ๋วที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน เป็น 1 ใน 8
ตัววัดมาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศ ทาให้ทุกภาคส่วนมีการรณรงค์ที่จะลดปริมาณฝุ่น PM 2.5
ทั้งนี้การตรวจวัดค่า PM 2.5 ต้องเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 36
(พ.ศ. 2553) เรื่อง กาหนดมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ในบรรยากาศโดยทั่วไป
ต้นเหตุหลักที่ทาให้เกิดฝุ่น PM 2.5 คือ
1. ไอเสียจากรถยนต์หรือจากการจราจร ซึ่งจากข้อมูลโดยกรมควบคุมมลพิ ษพบว่า
การเผาไหม้น้ามันดีเซลบวกกับการจราจรที่ติดขัด น่าจะเป็นต้นเหตุที่สาคัญที่สุด
2. อากาศพิษจากปล่องโรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้
เชื้อเพลิงฟอสซิล หรือเชื้อเพลิงที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะถ่านหิน
3. การเผาในที่โล่งและในที่ไม่โล่ง ซึ่งเกิดจากการเผาเศษวัสดุเหลือใช้ของภาคการเกษตร
เพื่อเตรียมการเพาะปลูก การเผาป่า และการเผาขยะ
จึงเห็นได้ว่าปัญหาการเกิด PM 2.5 เพิ่มขึ้นในประเทศไทยมีต้นเหตุหลักจากไอเสีย
ของรถยนต์ที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้ของเครื่องยนต์น้ามันดีเซลไม่สมบูรณ์ โดยมีสาเหตุจากการขาด
การบารุงรักษาเครื่องยนต์อย่างเพียงพอ และการใช้งานรถและเครื่องจักรกลนานเกินอายุการใช้งาน
ตามปกติ การตรวจสอบของสานักงานการตรวจเงินแผ่นดินจึงให้ความสาคัญในการควบคุมดูแล
การตรวจสภาพรถและเครื่องจักรกลอย่างสม่าเสมอ และเป็นไปตามที่กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติ
คณะรัฐมนตรี และแบบแผนการปฏิบัติราชการที่กาหนดไว้ ทั้งนี้ กรมชลประทานได้กาหนดให้ทุกหน่วยงาน
ที่มีรถและเครื่องจักรกลต้องจัดทาแบบรายงานการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสีย
ของรถและเครื่อ งจัก รกลสาหรับ ส่ว นราชการภายในกรมชลประทานทั่ว ประเทศ ตามระเบีย บ
กรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547 ข้อ 79 ที่ระบุว่า “ให้หน่วยงานควบคุมหรือหน่วยงาน
เจ้าสังกัดเป็นผู้ดาเนินการตรวจสอบและดูแลสภาพรถราชการมิให้มีมลพิษทางอากาศและระดับเสียง
จากท่อไอเสียเกินระดับมาตรฐานที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกาหนด ให้ตรวจสอบ
มลพิษของรถราชการทุกระยะ 6 เดือน หรือทุกระยะทาง 15,000 กิโลเมตร แล้วแต่จะถึงกาหนด
อย่างใดก่อน และภายหลังการซ่อมบารุงที่เกี่ยวกับการทางานของรถและเครื่องยนต์ทุกครั้ง เมื่อพบว่า
รถคันใดมีมลพิษเกินระดับมาตรฐาน ให้ดาเนินการแก้ไข ซ่อมบารุงหรือปรับแต่งสภาพเครื่องยนต์ให้ดี
ทันที” นอกจากนั้น เพื่อให้การปฏิบัติในเรื่องเกี่ยวกับการตรวจวัด มลพิษทางอากาศและระดับเสียง
จากท่อไอเสียของรถและเครื่องจักรกลเป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
แห่งชาติ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 64 ที่ระบุว่า ยานพาหนะที่จะนามาใช้จะต้องไม่
ก่อให้เกิดมลพิษเกินกว่ามาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกาเนิดที่กาหนดตามมาตรา ๕๕ ซึ่งได้ระบุ
ไว้ว่า “ให้รัฐมนตรีโดยคาแนะนาของคณะกรรมการควบคุมมลพิษและโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
20
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีอานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากาหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกาเนิด
สาหรับควบคุมการระบายน้าทิ้ง การปล่อยทิ้งอากาศเสีย การปล่อยทิ้งของเสีย หรือมลพิษอื่นใดจาก
แหล่งกาเนิดออกสู่สิ่งแวดล้อมเพื่อรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ได้มาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามที่
กาหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้” และระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และ
ที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 18 ทวิ ที่สรุปได้ว่า ส่วนราชการต้องตรวจสอบและดูแลสภาพรถของหน่วยงาน
ไม่ให้มีมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียเกินระดับมาตรฐานที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมกาหนด การตรวจสอบมลพิษของรถราชการอยู่ในดุลยพิ นิจของหัวหน้าส่วนราชการ
ที่สามารถดาเนินการได้ตามความเหมาะสม แต่ต้องดาเนินการตรวจสอบรถราชการทุกคันในครั้งแรก
ให้เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ระเบียบมีผลบังคับ (คือวันที่ 8 กรกฎาคม 2523) และต้องทา
การตรวจสอบมลพิษของรถราชการทุกระยะ 6 เดือน หรือทุกระยะทาง 15,000 กิโลเมตร แล้วแต่
อย่างใดจะถึงกาหนดก่อน และภายหลังการซ่อมบารุงที่เกี่ยวกับระบบการทางานของเครื่องยนต์ก็ต้อง
มี ก ารตรวจสอบมลพิ ษ ของรถราชการทุ ก ครั้ ง ซึ่ ง เมื่ อ พบว่ า รถราชการคั น ใดมี ม ลพิ ษ เกิ น ระดั บ
มาตรฐาน จะต้องดาเนินการแก้ไข ซ่อมบารุงหรือปรับแต่งสภาพเครื่องยนต์ให้ดีทันที
ซึ่งในการตรวจสอบมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียของรถราชการทุกคัน
จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานค่าควันดาจากรถเมื่อตรวจวัดด้วยเครื่องมือ ในระบบต่าง ๆ รวมทั้งต้อง
เป็นไปตามเกณฑ์การตรวจวัดและวิธีการตรวจวัดค่าควันดาของรถยนต์ตามข้อกาหนดแนบท้ายประกาศ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กาหนดมาตรฐานค่าควันดาของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์
แบบจุดระเบิดด้วยการอัด ประกาศ ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 และประกาศกรมการขนส่งทางบก
เรื่อง กาหนดเกณฑ์มาตรฐานและวิธีการตรวจวัดค่าควันดาจากท่อไอเสียของรถตามกฎหมายว่าด้วย
การขนส่งทางบก พ.ศ. 2562 ประกาศ ณ วันที่ 29 มีนาคม 2562
จากการที่ส านั กงานการตรวจเงินแผ่ นดินได้ ตรวจสอบรถและเครื่ องจั กรกลของกรม
ชลประทานในเรื่องที่เกี่ยวกับมลพิษทางอากาศ ซึ่งสอดคล้องกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
โดยการตรวจสอบการจัดทาแบบการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียของรถและ
เครื่องจักรกลทั้ง 369 รายการ พบว่า ส่ว นใหญ่ร ถและเครื่อ งจัก รกลของส่ว นราชการภายใน
กรมชลประทานไม่ได้มีการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียของรถและเครื่องจักรกล
ซึ่งเป็นจานวนถึง 170 รายการ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46 ของจานวนที่เลือกตรวจสอบ (รายละเอียด
ปรากฏตามตารางที่ 2 ตารางแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับการตรวจวัดมลพิษฯ และการรายงาน
ผลการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสีย ช่อง (4))
นอกจากกรมชลประทานจะไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และแบบแผนการปฏิบัติราชการที่เกี่ยวกับการตรวจวัดมลพิษ ซึ่งจะส่งผลให้การใช้รถและเครื่องจักรกล
ของกรมชลประทานไม่มีประสิทธิภาพแล้ว ในฐานะที่กรมชลประทานเป็นหน่วยงานของรัฐจึงควรจะเป็น
แบบอย่างที่ดีต่อประชาชนในการดูแลรักษารถและเครื่องจักรกลให้มีสภาพที่สมบูรณ์ ไม่สร้างปัญหาควันดา
กรมชลประทานควรต้องกากับดูแลให้รถและเครื่องจักรกลที่ใช้งานไม่ก่อให้เกิดภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็ก
(PM 2.5) ซึง่ เป็นต้นเหตุให้เกิดมลพิษกับสภาพแวดล้อม
สาเหตุที่ส่วนราชการภายในกรมชลประทานไม่มีการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและ
ระดับเสียงจากท่อไอเสียของรถและเครื่องจักรกล เนื่องจาก
21
(1) เครื่องตรวจวัดมลพิษทางอากาศและเสียงของรถและเครื่องจักรกลที่ส่วนราชการ
ภายในกรมชลประทานใช้อยู่เป็นเครื่องเก่า มีอายุการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน ปัจจุบันไม่สามารถ
ใช้งานได้เพราะชารุด และไม่สามารถจัดหาอะไหล่เพื่อซ่อมแซมได้ เนื่องจากบริษัทตัวแทนจาหน่าย
บางบริษัทได้เลิกกิจการ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างขอตั้งงบประมาณเพื่อจัดซื้อเครื่องมือใหม่มาทดแทน
(2) ส่วนราชการภายในกรมชลประทานบางแห่งขาดบุคลากรที่มีความรู้ในการตรวจสอบ
มลพิษทางอากาศและเสียงของรถและเครื่องจักรกลของราชการ
(3) ส่วนราชการภายในกรมชลประทานบางแห่งไม่ให้ความสาคัญกับการควบคุมดูแล
และบารุงรักษาทรัพย์สินประเภทรถและเครื่องจักรกลของทางราชการ
ข. กำรไม่จัดทำรำยงำนผลกำรตรวจสอบมลพิษทำงอำกำศและระดับเสียงจำกท่อไอเสียของรถ
เครื่องจักรกลส่งกระทรวงทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม
จากการที่สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบการนารถและเครื่องจักรกลของ
ส่วนราชการภายในกรมชลประทานไปตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียแล้ว
พบว่า มีหน่วยงานหลายแห่งไม่ได้นารถและเครื่องจักรกลไปตรวจวัดมลพิษทางอากาศฯ จึง ได้ทาการ
ตรวจสอบการจัดทารายงานผลการตรวจสอบมลพิษทางอากาศและระดับเสียจากท่อไอเสียของรถและ
เครื่องจักรกล และส่งไปรวบรวมเป็นรายงานผลการตรวจสอบมลพิษทางอากาศฯ ของกรมชลประทาน
ที่ต้องส่งไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย
รถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 18 ทวิ กาหนดไว้ และระเบียบกรมชลประทาน
ว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547 ข้อ 80 ผลการตรวจสอบพบว่า กรมชลประทานไม่ได้มีการจัดทารายงาน
ผลการตรวจสอบมลพิ ษ ทางอากาศและระดั บ เสี ย จากท่ อ ไอเสี ย ของรถและเครื่ อ งจั ก รกลไปยั ง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้เห็นความสาคัญในเรื่องการตรวจสอบมลพิษทางอากาศฯ
และระดับเสียงจากท่อไอเสียของรถและเครื่องจักรกลของทางราชการ ที่ส่วนราชการจะต้องทาการ
ตรวจสอบสภาพรถและเครื่องจักรกลเป็นประจาทุกปีและต้องรายงานผลการตรวจวัดมลพิษทางอากาศ
และระดับเสียงจากท่อไอเสียตามระเบียบของนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และ
ที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 18 ทวิ วรรคสี่ และระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547 ข้อ 80
ดังนั้น การที่กรมชลประทาน โดยสานักเครื่องจักรกลไม่ได้จัดทาและเสนอรายงานผลการตรวจวัดมลพิษ
ทางอากาศฯ และระดับเสียงจากท่อไอเสียของรถและเครื่องจักรกลให้กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม และไม่ได้กากับดูแลและกาชับให้ส่วนราชการภายในกรมชลประทานทาการตรวจวัด
มลพิษทางอากาศ ฯ และรายงานผลมายัง สานักเครื่องจักรกลตามระเบียบที่กล่าวข้างต้นนั้น ทาให้ส่วน
ราชการภายในกรมชลประทานทุกแห่งที่เลือกตรวจสอบไม่มีการจัดทารายงานผลการตรวจสอบมลพิษทาง
อากาศฯ ส่งมายังสานักเครื่องจักรกล (รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 2 ตารางแสดงข้อมูลข้อตรวจพบ
เกี่ยวกับการตรวจวัดมลพิษฯ และการรายงานผลการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อ
ไอเสีย ช่อง (5))
สาเหตุที่กรมชลประทานไม่มีการรายงานการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียง
จากท่อไอเสียของรถและเครื่องจักรกลส่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้น สานัก
เครื่องจักรกลได้ชี้แจงว่า ตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 ให้จัดทา
รายงานส่งกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (ปัจจุบันคือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
22
ข้อเสนอแนะ
1. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานสั่งการเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมดูแลรถและเครื่องจักรกลของ
ส่วนราชการภายในกรมชลประทานเป็นผู้ดาเนินการสารวจว่า ในส่วนราชการมีรถและเครื่องจักรกล
รายการใดที่ไม่ได้ดาเนินการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียของรถและเครื่องจักรกล
และไม่ได้รายงานผลการตรวจสอบมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียไปยังหน่วยงานควบคุม
(สานักเครื่องจักรกล) โดยให้รายงานผลการสารวจดังกล่าวให้กับอธิบดีกรมชลประทานทราบ เพื่อมอบหมาย
ให้มีการติดตามและกากับดูแลให้ ส่วนราชการภายในกรมชลประทานทุกหน่วยได้ปฏิบัติตามระเบียบ
กรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547 ข้อ 79 และข้อ 80 และปฏิบัติตามระเบียบสานัก
นายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบมลพิษทางอากาศฯ
2. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานสั่งการให้หน่วยงานควบคุมชี้แจงเหตุผลการไม่ทา
การรายงานผลการดาเนินการให้กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (ปัจจุบัน คือ กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 18 ทวิ มายังกรมชลประทานเพื่อทราบปัญหา และให้เสนอแนวทางการแก้ไข
ปัญหาที่จะให้ทุกส่วนราชการภายในกรมชลประทานมีการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียง
จากท่อไอเสียภายในเวลาที่กาหนดและจัดส่งรายงานผลการตรวจวัดมายังหน่วยงานควบคุมก่อนจะทา
การรวบรวมเป็นรายงานผลการดาเนินการของกรมชลประทานต่อไป
3. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานพิจารณาถึงแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่ส่งผล
ต่อการปฏิบัติงานของเจ้ าหน้ าที่ รวมทั้งยังส่งผลให้ห น่วยงานมีการบริห ารจัดการทรัพย์สิน ที่ข าด
ประสิทธิภาพและไม่เป็นไปตามที่ระเบียบกาหนดไว้ ตลอดจนเร่งดาเนินการตรวจวัดมลพิษทางอากาศ
และระดับเสียงจากท่อไอเสียของรถและเครื่องจักรกล และรายงานผลการตรวจวัดมลพิษทางอากาศ
และระดับเสียงจากท่อไอเสียให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไป
โดยถูกต้องตามที่ระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547 กาหนดไว้อย่างเคร่งครัด
23
รวมทั้งการเป็นแบบอย่างที่ดีต่อประชาชนในฐานะหน่วยงานราชการ และเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์
ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่มีแนวโน้มสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม
แห่งชาติ ฉบับที่ 36 (พ.ศ. 2553) เรื่อง กาหนดมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน
ในบรรยากาศโดยทั่วไป ประกาศ ณ วันที่ 28 มกราคม 2553
ข้อตรวจพบข้อที่ 2 กำรไม่วำงแผนกำรใช้รถและเครื่องจักรกลในแต่ละปี กำรไม่ควบคุมกำรใช้งำน
รถและเครื่องจักรกล และกำรขำดระบบติดตำมตรวจสอบเพื่อให้กำรใช้งำนรถและเครื่องจักรกล
เกิดควำมเหมำะสมและมีประสิทธิภำพ
2.1 ส่วนรำชกำรภำยในกรมชลประทำนหลำยแห่งไม่มีกำรวำงแผนกำรปฏิบัติงำนกำรใช้
รถและเครื่องจักรกลประจำปี และกำรจัดทำแผนโครงกำรฯ ไม่กำหนดกำรใช้รถและเครื่องจักรกล
ในแผนโครงกำรฯ นั้น หำกบำงแผนโครงกำรฯ จะกำหนดกำรใช้รถและเครื่องจักรกลไว้ แต่พบว่ำรถ
และเครื่องจักรกลที่ใช้ไม่สอดคล้องกับที่กำหนดไว้ในแผนโครงกำรฯ
ในการดาเนินการใด ๆ กระบวนการทางานที่จะทาให้การดาเนินงานประสบความสาเร็จ
และมีคุณภาพ ผู้บริหารมักจะคานึงถึงกระบวนการดาเนินงานตามวงจร PDCA คือ วงจรบริหารสี่ขั้นตอน
ที่ประกอบไปด้วย Plan (การวางแผน) Do (การปฏิบัติ) Check (การตรวจสอบ) และ Act (การดาเนินการ)
ซึ่งเป็นวงจรที่ใช้ในการควบคุมและพัฒนากระบวนการดาเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หน่วยงานสามารถ
ปรับปรุงและพัฒนากระบวนการดาเนินงาน รวมทั้งสามารถบริหารความเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที
และสาเร็จตามวัตถุประสงค์ โดยกระบวนการดาเนินงานที่มีคุณภาพตามวงจร PDCA สามารถอธิบายได้ดังนี้
1. P = Plan (ขั้นตอนการวางแผน) หมายถึง การกาหนดเป้าหมาย การวิเคราะห์
และสังเคราะห์เพื่อหาวิธีการและกระบวนการให้บรรลุเป้าหมายนั้น ๆ
2. D = Do (ขั้น ตอนการปฏิบัติ) หมายถึง การปฏิบัติตามแผน ตามขั้นตอนและ
เงื่อนไขต่าง ๆ ที่กาหนดไว้ กรณีที่ไม่สามารถดาเนินการได้เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยสิ่งแวดล้อม
ทั้งภายในและภายนอก จะต้องมีการปรับแผนในระหว่างการดาเนินการโดยมีเหตุผลประกอบ
3. C = Check (ขั้นตอนการตรวจสอบ) หมายถึง ขั้นตอนการตรวจสอบซึ่งเป็นขั้นตอน
หาช่องทางและวิธีพัฒนากระบวนการต่าง ๆ ให้เร็วขึ้นหรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการจัดลาดับ
ความสาคัญของโอกาส และอุปสรรคต่าง ๆ ในกระบวนการ
4. A = Act (ขั้นตอนการดาเนินการ) หมายถึง การดาเนินการหลังจากที่มีการพัฒนา
กระบวนการต่าง ๆ ให้มีการทางานที่ดีขึ้น เร็วขึ้น ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงแก้ไขกระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ
ซึ่งขั้นตอนการวางแผนถือเป็นกระบวนการในขั้นตอนแรกที่สาคัญที่สุดในกระบวนการ
ดาเนินงานที่มีคุณภาพ เพราะในขั้นตอนนี้เป็นการกาหนดเป้าหมายและวิธีการที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นได้
ในการบริหารจัดการที่แม้จะยึดถือกระบวนการดาเนินงานที่มีคุณภาพโดยใช้การดาเนินการ
ตามวงจร PDCA ที่กล่าวข้างต้น แต่สิ่งสาคัญที่ ผู้บริหารในทุกลาดับชั้นภายในองค์กรจะต้องมี คือ
การบริหารจัดการภายใต้หลักธรรมาภิบาล (Good Governance) ซึ่งหมายถึงการบริหารกิจการหรือ
องค์กรให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นส่วนเสริมสร้างความเข้มแข็งหรือสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่องค์กร
เพื่อเกิดความยุติธรรม ความโปร่งใส และความมีส่วนร่วม ทั้งนี้องค์กรของรัฐทุกแห่งจะต้องสร้างระบบ
บริหารจัดการภายใต้หลักธรรมาภิบาล โดยมีการดาเนินงานเป็นไปตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยองค์กรของรัฐเป็นผู้มีบทบาท
24
ในการวางรากฐานและรักษากฎระเบียบต่าง ๆ การสร้างธรรมาภิบาลขององค์กรนั้นจาเป็นต้องอาศัยระบบ
การจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ มีภาระรับผิดชอบภายใต้กฎหมายและนโยบายที่โปร่งใสตรวจสอบได้
หลักการพื้นฐานของธรรมมาภิบาลในองค์กรตามที่ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย
การสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๒ กาหนดไว้ ประกอบด้วยหลักการ
๖ หลักการ ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ
และหลักความคุ้มค่า ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. หลักนิติธรรม (The Rule of Law) คือ การปฏิบัติตามกฎหมายกฎระเบียบต่าง ๆ
ซึ่งรวมถึงการไม่เลือกปฏิบัติ การไม่ทาตามอาเภอใจ การไม่ละเมิดกฎหมาย และการไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
2. หลักคุณธรรม (Morality) คือ การยึดมั่นถือมั่นในคุณธรรมความถูกต้อง รวมถึงมี
ความซื่อสัตย์จริงใจและยึดมั่นในความสุจริต ระดับกิจการหลักคุณ ธรรม คือ การดาเนินกิจการด้วย
ความมีจริยธรรม เช่น การปกปิดข้อเท็จจริงหรือตกแต่งตัวเลขทางบัญชีเพื่อหวังประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง
3. หลักความโปร่งใส (Accountability) คือ ความถูกต้องชัดเจนปฏิบัติตามหลักการ
ที่ควรจะเป็น มีกระบวนการตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งความหมายของ “Accountability” ในระดับกิจการ
หมายถึง “ความรับผิดชอบที่อธิบายได้” ซึ่งเป็นภาระบทบาทของผู้บริหารในแง่ข้อผูกพันที่จะยอมรับ
ความรับผิดชอบ และสามารถชี้แจงให้เหตุผลเพื่ออธิบายการกระทาของตนเองได้
4. หลักการมีส่วนร่วม (Participation) คือ การให้โอกาสบุคคลที่เกี่ ยวข้องเข้ามามี
ส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ที่สาคัญ รวมทั้งการเปิดรับฟังความคิดเห็นเพื่อรับคาแนะนา
มาร่วมวางแผนและปฏิบัติให้บรรลุวัตถุประสงค์ ในองค์กรจะกาหนดให้มีคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วย
บุคคลที่มีประสบการณ์หลากหลายมาช่วยบริหารงานขององค์กรให้บรรลุวัตถุประสงค์ก็ได้
5. หลักความรับผิดชอบ (Responsibility) คือ ความรับผิดชอบในงานของตน
6. หลักความคุ้มค่า (Cost Effectiveness or Economy) คือ การบริหารจัดการให้
เกิดประโยชน์สูงสุดในระดับองค์กร ซึ่งหมายถึงการบริหารจัดการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดหรือเกิด
มูลค่ามากที่สุด เช่น การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า เป็นต้น
สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินใช้หลักธรรมาภิบาลที่กล่าวมาข้างต้นเป็นกรอบใน
การพิจารณาถึงการใช้รถและเครื่องจักรกลของส่วนราชการภายในกรมชลประทานควบคู่ไปกับข้อกาหนด
ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีและแบบแผนการปฏิบัติราชการสาหรับการตรวจสอบ
การใช้รถและเครื่องจักรกลของกรมชลประทาน โดยได้เลือกส่วนราชการภายในกรมชลประทาน จานวน
15 หน่วยงานเพื่อทาการตรวจสอบในประเด็นการวางแผนการปฏิบัติงานใช้รถและเครื่องจักรกล
โดยมีรถและเครื่องจักรกลที่ได้เลือกตรวจสอบเป็นจานวนทั้งสิ้น 296 รายการ พบว่า ส่วนราชการภายใน
กรมชลประทานหลายแห่งไม่มีการวางแผนการปฏิบัติงานการใช้รถและเครื่องจักรกลประจาปี และใน
การจัดทาแผนโครงการฯ ก็ไม่มีการกาหนดรถและเครื่องจักรกลที่จะใช้ปฏิบัติงานในแผนโครงการฯ รวมถึง
พบว่าการปฏิบัติงานของรถและเครื่องจักรกลบางรายการไม่สอดคล้องกับรถและเครื่องจักรกลที่ถูก
กาหนดให้ปฏิบัติงานในแผนโครงการฯ นั้น จากผลการตรวจสอบดังกล่าวถือได้ว่า กรมชลประทานยังไม่ได้
ให้ความสาคัญในเรื่องเกี่ยวกับการวางแผนการใช้รถและเครื่องจักรกลของกรมชลประทาน แม้ว่ารถและ
เครื่องจักรกลจะถือเป็นทรัพย์สินหลักที่ใช้ในการปฏิบัติงานของกรมชลประทานเองและถือเป็นทรัพย์สินที่มี
จานวนมากและมีมูลค่าสูง อีกทั้งยังกระจายอยู่ในการควบคุมดูแลและใช้งานในส่วนราชการภายใน
กรมชลประทานทั่วประเทศ ดังนั้น การวางแผนการใช้รถและเครื่องจักรกลจึงถือเป็นเรื่องที่ สาคัญใน
การบริหารจัดการทรัพย์สิน ซึ่งส่วนราชการจาเป็นต้องมีการควบคุมดูแล วางแผนการใช้งาน วางแผน
25
การบารุงรักษารถและเครื่องจักรกลที่อยู่ในครอบครอง เนื่องจากการบริหารจัดการทรัพย์สินประเภทรถและ
เครื่องจักรกลจะมีความสัมพันธ์กับการใช้จ่ายงบประมาณ ตั้งแต่การรับจัดสรรงบประมาณเพื่อให้ได้มาซึ่ง
รถและเครื่องจักรกล การรับจัดสรรงบประมาณเพื่อการซ่อมบารุงรักษารถและเครื่องจักรกล การรับจัดสรร
งบประมาณเพื่อการจัดหาน้ามันเชื้อเพลิง และการรับจัดสรรงบประมาณเพื่อการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถ
และเครื่องจักรกล ดังนั้น หากกรมชลประทานขาดการวางแผนการปฏิบัติงานการใช้รถและเครื่องจักรกล
ประจาปี และขาดการวางแผนการใช้รถและเครื่องจักรกลในแผนโครงการต่าง ๆ นั่นอาจหมายถึง การขอรับ
จัดสรรงบประมาณที่เกี่ยวกับการจัดหาน้ามันเชื้อเพลิงหรือการซ่อมบารุงรถและเครื่องจักรกล เป็นการ
ขอรับจัดสรรงบประมาณโดยไม่มีฐานข้อมูลเพื่อรองรับการของบประมาณอย่างเพียงพอ
ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี
พ.ศ. 2542 ได้กาหนดถึงการบริหารจัดการที่ดีในภาครัฐต้องมีหลักธรรมาภิบาล (Good Governance)
ซึ่ง ประกอบด้ว ย 6 หลัก การที่ก ล่าวข้างต้น สาหรับ การบริห ารจัดการรถและเครื่องจัก รกลของ
กรมชลประทานนั้น ผู้บ ริห ารควรคานึง ถึง หลัก ธรรมาภิบ าลที่สาคัญ 3 ข้อ คือ หลัก นิติธ รรม
หลักความโปร่งใส และหลักความคุ้มค่า กล่าวคือ 1) หลักนิติธรรม (The Rule of Law) ถือเป็นบทบาท
ที่ ผู้ บริ หารของทุ กองค์ กรจะต้ องยึ ดมั่ นในการปฏิ บั ติ ตามกฎหมายและระเบี ยบต่ าง ๆ เพื่ อให้ การ
ดาเนินการเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่กาหนดไว้ ซึ่งส่วนใหญ่กฎหมายและระเบียบจะวางไว้
เพื่อให้เกิดระบบการควบคุมภายในที่ดี และเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม สาหรับ
การใช้รถและเครื่องจักรกลของส่วนราชการภายในกรมชลประทานจะต้องยึดถือกฎหมายและระเบียบ
ที่เกี่ยวข้องกับรถและเครื่องจักรกล เช่น พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ระเบียบสานักนายกว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 ระเบียบกรมชลประทานว่าด้ว ยยานพาหนะ
พ.ศ. 2547 ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการดาเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมาย
ว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2562 นอกจากนี้กรมชลประทานจะต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและหนังสือ
สั่ งการจากหน่ วยงานต่ าง ๆ ที่เกี่ย วข้องกับ รถและเครื่ อ งจั กรกล เป็นต้น 2) หลั กความโปร่ ง ใส
(Accountability) ถือเป็นภาระบทบาทของผู้บริหารในเรื่องของข้อผูกพันหรือความเต็มใจที่จะรับผิดชอบ
รวมทั้งความสามารถในการรายงานชี้แจงให้เหตุผลเพื่ออธิบายการกระทาของตนเอง และสามารถตอบ
คาถามของทุกฝ่ายที่เกี่ย วข้องได้ ซึ่ง หากผู้บริห ารของส่ว นราชการภายในกรมชลประทานมีการ
วางแผนการใช้ รถและเครื่ องจั กรกลประจ าปี และมี การวางแผนโครงการฯ ที่ สามารถก าหนดกรอบ
หรือประมาณการได้ว่าแผนโครงการดังกล่าวจาเป็นต้องใช้รถและเครื่องจักรกลประเภทใด เป็นจานวน
เท่าไหร่ ผู้บริหารของส่วนราชการภายในกรมชลประทานก็จะสามารถอธิบายเหตุผลความจาเป็นใน
การใช้รถและเครื่ องจั กรกลเหล่ านั้นได้ และสามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดรถและเครื่องจักรกลบาง
รายการจึงไม่ถูกใช้งานในแต่ละปีงบประมาณ นอกจากนี้หากไม่สามารถใช้รถและเครื่องจักรกลตามที่
ได้กาหนดไว้ในแผนโครงการฯ ได้ ผู้ บริห ารก็จะสามารถอธิบ ายถึ งสาเหตุที่ ไม่ส ามารถใช้ร ถและ
เครื่องจักรกลดังกล่าวได้เช่นกัน และ 3) หลักความคุ้มค่า (Cost – Effectiveness or Economy) คือ
หลักที่กล่าวถึงการบริหารจัดการรถและเครื่องจักรกล ซึ่งเป็นทรัพยากรของกรมชลประทานให้เกิดประโยชน์
อย่า งคุ ้ม ค่า ซึ ่ง หมายถึง การเกิด ประโยชน์ส ูง สุด หรือ เกิด มูล ค่า มากที ่ส ุด ในการใช้ร ถและ
เครื่องจักรกล หากกรมชลประทานไม่ได้มีการจัดทาแผนการใช้รถและเครื่องจักรกลประจาปีและไม่มี
การระบุว่ารถและเครื่องจักรกลใดจะต้องใช้ในการปฏิบัติงานในแผนโครงการฯ ใดแล้ว การบริหาร
จัดการรถและเครื่องจักรกลภายในกรมชลประทานอาจไม่สามารถกล่าวได้ว่ามีการบริหารจัดการอย่าง
คุ้มค่าสูงสุดแล้ว
26
ผลจากการตรวจสอบพบว่า ส่วนราชการภายในกรมชลประทานหลายแห่งไม่มีการวางแผน
การปฏิบัติงานการใช้รถและเครื่องจักรกลประจาปี และการจัดทาแผนโครงการฯ ไม่มีการกาหนดรถและ
เครื่ องจั กรกลที่ ใช้ ปฏิบั ติงานในแผนโครงการฯ นั้น รวมทั้งการปฏิบัติงานของรถและเครื่องจักรกลไม่
สอดคล้องกับแผนโครงการฯ มีรายละเอียดปรากฎตามตารางแสดงข้อมูลของส่วนราชการภายในกรม
ชลประทาน ดังนี้
ตำรำงที่ 3 ตำรำงแสดงข้อมูลของส่วนรำชกำรภำยในกรมชลประทำนแยกรำยละเอียดข้อตรวจพบ
เกี่ยวกับกำรวำงแผนกำรปฏิบัติงำนใช้รถและเครื่องจักรกล
รถและ ไม่มีกำรวำง ไม่มี ไม่มีกำรใช้ กำรปฏิบัติงำน
เครื่องจักรกลที่ แผนกำร กำรกำหนดให้ รถและ ของรถและ
ตรวจสอบ ปฏิบัติงำน รถและ เครื่องจักรกล เครื่องจักรกล
(จำนวน) ใช้รถฯ เครื่องจักรกล ปฏิบัติงำนใน ไม่สอดคล้อง
ชื่อหน่วยงำน ประจำปี ปฏิบัติงำนใน แผนโครงกำรฯ กับแผน
งบประมำณ แผนโครงกำรฯ (จำนวน) โครงกำรฯ
พ.ศ. 2563 (จำนวน) (จำนวน)
(จำนวน)
(1) (2) (3) (4) (5) (6)
1. สานักเครื่องจักรกล 22 22 22 2 20
2. สานักงานชลประทานที่ 2 20 - - 1 1
3. สานักงานชลประทานที่ 3 20 20 2 1 1
4. สานักงานชลประทานที่ 5 21 21 21 5 16
5. สานักงานชลประทานที่ 7 20 20 18 1 17
6. สานักงานชลประทานที่ 13 20 20 6 2 6
7. สานักงานชลประทานที่ 14 20 20 8 2 6
8. สานักงานชลประทานที่ 15 20 14 3 1 4
9. โครงการชลประทานนครนายก 20 20 20 11 9
10. โครงการชลประทานมหาสารคาม 22 22 22 - 22
11. โครงการชลประทานชัยนาท 9 9 9 2 7
12. โครงการชลประทานชุมพร 16 1 1 1 -
13. โครงการชลประทานสุราษฎร์ธานี 20 20 20 - 20
14. ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 4 26 5 - - -
15. ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 7 20 20 3 5 2
รวมทั้งสิ้น 296 234 155 34 131
จากตารางแสดงข้อมูลของส่วนราชการภายในกรมชลประทานที่แยกรายละเอียด
ข้อตรวจพบข้างต้น มีประเด็นข้อตรวจพบทั้งสิ้น 3 ประเด็น คือ
ก. กำรไม่วำงแผนกำรปฏิบัติงำนกำรใช้รถและเครื่องจักรกลประจำปี
สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบการวางแผนการปฏิบัติงานการใช้รถและ
เครื่องจักรกลประจาปีของส่วนราชการภายในกรมชลประทานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จานวน 15 หน่วยงาน
27
หน่วยงานที่มีการวางแผน
12% ปฏิบัติงานทุกรายการที่ตรวจสอบ
9%
หน่วยงานที่มีการวางแผน
79% ปฏิบัติงานเพียงบางรายการ
หน่วยงานที่ไม่มีการวางแผนการ
ปฏิบัติงานทุกรายการ
แผนภูมิที่ 2 กำรแสดงสัดส่วนของรถและเครื่องจักรกลที่เกี่ยวกับกำรวำงแผนกำรปฏิบัติกำรใช้รถ
และเครื่องจักรกลประจำปีงบประมำณ พ.ศ. 2563
28
ไม่มีการกาหนดแผนโครงการฯหรือ
48% 52% กิจกรรมของโครงการใน
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2563
มีการกาหนดแผนโครงการฯหรือ
กิจกรรมของโครงการใน
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2563
ใช้รถและเครื่องจักรกลเพื่อการปฏิบัติงานก่อสร้างจากสานักเครื่องจักรกลหรือหน่วยงานอื่น การขออนุมัติ
ใช้รถและเครื่องจักรกลดังกล่าวมิได้มีการวางแผนล่วงหน้า แต่จะขออนุมัติใช้เมื่อจาเป็นต้องใช้งานจริง
(3) ส่วนราชการภายในกรมชลประทานที่มีหน้าที่ดาเนินการในโครงการขนาดเล็ก
ซึ่งรถและเครื่องจักรกลในครอบครองอาจถูกยืมไปใช้งานในภารกิจของหน่วยงานขนาดใหญ่ ดังนั้น
จึงมักจะไม่มีการจัดทาแผนการปฏิบัติงานประจาปี รวมทั้งไม่มีการกาหนดการใช้รถและเครื่องจักรกล
ที่จะปฏิบัติงานในแผนโครงการฯ
(4) กรมชลประทานมีส่วนราชการเป็นจานวนมาก และมีโครงสร้างหน่วยงานที่ซับซ้อน
เป็นผลให้การสื่อสารระหว่างส่วนราชการภายในกรมชลประทานไม่ชัดเจน จนหลายหน่วยงานไม่ได้
วางแผนการปฏิบัติงานประจาปี เพื่อให้ทราบว่าในปีงบประมาณหนึ่ง ๆ จะมีการใช้รถและเครื่องจักรกล
ประเภทใด เป็นจานวนเท่าไหร่ และไม่ได้กาหนดจานวนและประเภทของรถและเครื่องจักรกลที่ต้อง
ใช้ปฏิบัติงานตามแผนโครงการฯ ดังนั้น การใช้รถและเครื่องจักรกลไปปฏิบัติงานในโครงการจึงเป็น
การพิจารณาจากรถและเครื่องจักรกลที่มีอยู่ในขณะนั้น
จากผลการตรวจสอบดังกล่าวแสดงว่า ส่วนราชการภายในกรมชลประทานส่วนใหญ่
ขาดการวางแผนการปฏิบัติงานการใช้รถและเครื่องจักรกลในแต่ละปี ส่งผลให้ผู้บริหารของกรมชลประทาน
ไม่สามารถบริหารจั ดการรถและเครื่ องจักรกลได้อย่างมีประสิ ทธิภาพอย่างแท้จริง การใช้รถและ
เครื่องจักรกลจึงเป็นเพียงการควบคุมดูแลการใช้รถและเครื่องจักรกลเฉพาะหน้าในการปฏิบัติงานแต่
ละครั้งเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้การไม่จัดทาแผนการปฏิบัติงานใช้รถและเครื่องจักรกลทุกรายการ
ในแต่ละปี จะทาให้ผู้บริหารในระดับสูงของกรมชลประทานไม่มีข้อมูลที่ใช้พิจารณาถึงความเพียงพอ
ของจานวนรถและเครื่องจักรกลที่สามารถนามาใช้งานในแต่ละปีได้ จึงอาจเป็นเหตุให้กรมชลประทาน
ต้องจัดซื้อรถและเครื่องจักรกลเพิ่มเติมจนอาจมีรถและเครื่องจักรกลบางประเภทเกินความจาเป็นได้
และอาจขาดรถและเครื่องจักรกลบางประเภทได้ ด้านการที่ส่วนราชการภายในกรมชลประทานส่วน
ใหญ่ไม่ได้ให้ความสาคัญและไม่ได้กาหนดให้มีการระบุรถและเครื่องจักรกลที่จะต้องนาไปปฏิบัติงานไว้
ในแผนโครงการฯ ส่งผลให้ขาดการควบคุมดูแลการใช้รถและเครื่องจักรกลอย่างเต็มประสิทธิภาพ
รวมทั้งอาจเป็นช่องโหว่ที่ทาให้การประมาณการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องไม่เหมาะสม หรือเกิดการใช้งาน
รถและเครื่องจั กรกลในแต่ล ะปี ไม่ตรงความเป็นจริง จนทาให้การกาหนดวงเงินเพื่อขอรับจัด สรร
งบประมาณสาหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องดังกล่าว (ตัวอย่างวงเงินค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องขอรับ
จัดสรรงบประมาณโดยอาศัยฐานข้อมูลจากการประมาณการการใช้รถและเครื่องจักรกลในปีนั้น ได้แก่
ค่าน้ ามันเชื้ อเพลิ งและค่าบ ารุ งรั กษา เป็ นต้น) มิได้เกิดจากฐานข้ อมูล ที่ เหมาะสมเพี ยงพอที่ ก รม
ชลประทานควรจะต้องประมาณการจ านวนและประเภทของรถและเครื่องจักรกลที่จะใช้งานใน
โครงการต่าง ๆ ในปีงบประมาณนั้นอย่างชัดเจน
ข้อเสนอแนะ
1. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานสั่งการโดยให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสารวจการจัดทา
แผนการปฏิบัติงานสาหรับรถและเครื่องจักรกลประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และรายงานผล
การสารวจดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้บริหารทราบ เพื่อเป็นข้อมูลสาหรับการพิจารณาจัดทา
แผนการปฏิบั ติงานส าหรับ รถและเครื่ องจั กรกลของกรมชลประทานอย่างถูกต้องเหมาะสมต่ อ ไป
โดยให้มอบหมายสานักเครื่องจักรกลเป็นผู้ดูแลรวบรวมข้อมูลในภาพรวมของแผนการปฏิบัติงาน
สาหรับรถและเครื่องจักรกลประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของกรมชลประทานต่อไป
33
2. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ความสาคัญกับ
การจัดทาแผนการปฏิบัติงานประจาปีของรถและเครื่องจักรกลของทุกส่วนราชการภายในกรมชลประทาน
ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานสนับสนุนรถและเครื่องจักรกลให้หน่วยงานอื่น หรือเป็นหน่วยงานที่ควบคุมดูแล
และใช้งานรถและเครื่องจักรกล ซึ่งต่างก็ต้องจัดทาแผนการปฏิบัติงานสาหรับรถและเครื่องจักรกล
เป็นประจาทุกปีงบประมาณ โดยอาจพิจารณาถึงการนากระบวนการดาเนินงานที่มีคุณภาพตามวงจร
PDCA มาใช้ หรือกระบวนการอื่น ๆ ที่เห็นว่าจาเป็น
3. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องซึ่งทาหน้าที่ควบคุม
กากับดูแลการใช้รถและเครื่องจักรกลของส่วนราชการภายในกรมชลประทานทุกหน่วยงานที่ต้อง
จัดทาแผนโครงการฯ ในแต่ละปีงบประมาณ จะต้องกาหนดรถและเครื่องจักรกลที่คาดว่าจาเป็นต้อง
ใช้ปฏิบัติงานในแผนโครงการฯ นั้น เพื่อรวบรวมข้อมูลว่าในแต่ละปีจะมีรถและเครื่องจักรกลรายการใด
เป็นจานวนเท่าใดที่อยู่ในการควบคุมดูแลต้องนาไปใช้ปฏิบัติงาน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ใน
การพิจารณาถึงวงเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถและเครื่องจักรกลดังกล่าว ไม่ว่าจะ
เป็นค่าน้ามันเชื้อเพลิงหรือค่าซ่อมแซมบารุงรักษาก็ตาม ซึ่งจะทาให้การขอรับจัดสรรงบประมาณใน
ค่าใช้จ่ายดังกล่าวมีความเหมาะสม สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่มีการประมาณไว้ จึงจะส่งผลให้การใช้จ่าย
งบประมาณดังกล่าวเป็นไปโดยประหยัด ถูกต้อง และคุ้มค่า
2.2 ส่วนรำชกำรภำยในกรมชลประทำนหลำยแห่งไม่มีกำรควบคุมกำรใช้งำนรถและ
เครื่องจักรกลให้เป็นไปตำมกฎหมำย ขำดระบบติดตำมตรวจสอบเพื่อให้กำรใช้งำนรถและเครื่องจักรกล
เกิดประสิทธิภำพและมีควำมเหมำะสม
จากการนาเสนอข่าวของสื่อสาธารณะถึงปัญหาการที่หน่วยงานภาครัฐมีการจัดซื้อทรัพย์สิน
เกินความจาเป็นและไม่มีการใช้งานที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่องานราชการหรือต่อประชาชน
ประกอบกับผลการตรวจสอบของสานักงานการตรวจเงินแผ่นดินด้านการตรวจสอบการเงินได้ให้ข้อสังเกต
ที่ตรวจพบว่า ทรัพย์สินของหน่วยงานของรัฐจานวนหลายรายการชารุดหรือไม่มีการใช้งานเป็นระยะ
เวลานาน ซึ่งข้อสังเกตดังกล่าวอาจสันนิษฐานได้ว่า หน่วยงานของรัฐบางหน่วยให้ความสาคัญกับ
การบริหารจัดการทรัพย์สินไม่เพียงพอ ทาให้การบริหารจัดการทรัพย์สินไม่มีความคุ้มค่า หรือการใช้งาน
ส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายเกินความจาเป็นและมิได้คานึงถึงประโยชน์สูงสุดที่รัฐหรือประชาชนควรได้รับ
สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินจึงเห็นความสาคัญในการตรวจสอบการใช้รถและเครื่องจักรกลของ
หน่วยงานรัฐ เพื่อให้การใช้รถและเครื่องจักรกลตลอดถึงการควบคุมดูแลเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีและแบบแผนการปฏิบัติราชการ และเป็นไปตามหลักความคุ้มค่า ความประหยัด
และเกิดประโยชน์สูงสุด
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีและแบบแผนการปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้องกับ
การบริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดความคุ้มค่า ความประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุด ได้แก่
1. พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
มาตรา ๔๔ ระบุไว้ว่า “การบริหารจัดการทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครองหรือ
การกากับดูแลของหน่วยงานของรัฐ ให้เป็นไปตามที่กาหนดไว้ในกฎหมายและกฎที่เกี่ยวข้อง โดยต้อง
พิจารณาประโยชน์ของรัฐและประชาชน ความคุ้มค่าและความประหยัด ซึ่งต้องกระทาด้วยความรอบคอบ
ระมัด ระวัง และมีก ารบริห ารความเสี่ย งอย่า งเหมาะสม และต้อ งไม่ก่อ ให้ เ กิด ความเสียหายแก่
ทรัพย์สินนั้น”
34
78
80 69 67
70
60 45
50 34
40
30
20 3
10
0
วางแผน และบริหารงบประมาณที่เกี่ยวกับรถและเครื่องจักรกลของกรมชลประทานได้อย่างถูกต้องและ
เหมาะสม
ข้อตรวจพบข้อที่ 3 ระบบกำรควบคุมภำยในไม่เพียงพอส่งผลให้กำรปฏิบัติงำนขำดประสิทธิภำพ
3.1 กำรบันทึกและกำรแสดงรำยกำรทรัพย์สินประเภทรถและเครื่องจักรกลที่บันทึกอยู่
ในระบบริหำรกำรเงินกำรคลังภำครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ถูกต้องและไม่ครบถ้วน
สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบการควบคุม (Test of control) ของการบันทึก
บัญชีและการแสดงรายการทรัพย์สินประเภทรถและเครื่องจักรกลที่บันทึกอยู่ในระบบบริหารการเงิน
การคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Government Fiscal Management Information System : GFMIS)
การตรวจสอบการทาตราเครื่องหมายและการทาหมายเลขประจารถและเครื่ องจักรกลที่ต้องปรากฏ
บนรถและเครื่องจักรกลของส่วนราชการภายในกรมชลประทานทั้ง 15 หน่วยงาน ซึ่งมีรถและเครื่องจักรกล
ที่สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบทั้งสิ้น 296 รายการ พบว่าทรัพย์สินของกรมชลประทาน
หลายรายการที่บันทึกในทะเบียนคุมทรัพย์สินไม่ปรากฏในระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบ
อิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) และบางรายการไม่สามารถสอบยันกันได้ ซึ่งข้อมูลในระบบ GFMIS จะเป็น
ข้อมูลที่ถูกนาไปแสดงอยู่ในรายงานการเงินของกรมชลประทาน เป็นผลให้สานักงานการตรวจเงิน
แผ่นดินไม่อาจแสดงความเห็นต่อรายงานการเงินของกรมชลประทานได้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบ
ต่อความเชื่อมั่นในรายงานการเงินของกรมชลประทานที่เป็นหน่วยงานขนาดใหญ่ มีภารกิจที่ต้องใช้รถ
และเครื่อ งจัก รกลหรือทรัพ ย์สิน อื่น ๆ เป็น จานวนมาก เพื่อ มุ่ง ดาเนินงานให้บรรลุตามภารกิจที่
กรมชลประทานได้ตั้งเป้ าหมายไว้ การควบคุมดูแลรถและเครื่องจักรกลต้องเป็นไปตามระเบียบ
กระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ ๒๐๓ ที่ระบุว่า
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับมอบพัสดุแล้วให้ดาเนินการดังต่อไปนี้
(๑) ลงบัญชีหรือทะเบียนเพื่อควบคุมพัสดุแล้วแต่กรณีแยกเป็นชนิดและแสดงรายการ
ตามตัวอย่างที่คณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กาหนด โดยให้มี
หลักฐานการรับเข้าบัญชีหรือทะเบียนไว้ประกอบรายการด้วย
(๒) เก็บรักษาพัสดุให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดภัย และให้ครบถ้วนถูกต้องตรงตาม
บัญชีหรือทะเบียน
ตำรำงที่ 5 ตำรำงแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับกำรบันทึกและกำรแสดงรำยกำรทรัพย์สิน
ประเภทรถและเครื่องจักรกลในระบบ GFMIS ไม่ตรงกับทะเบียนคุมทรัพย์สิน
ไม่มีการบันทึกข้อมูลรายการของ
45% รถและเครื่องจักรกลในระบบ
55% GFMIS
มีการบันทึกข้อมูลรายการของ
รถและเครื่องจักรกลในระบบ
GFMIS
ก. กำรทำตรำเครื่องหมำยของหน่วยงำนไว้ด้ำนข้ำงนอกรถและเครื่องจักรกลไม่เป็นไปตำมระเบียบฯ
และไม่ครบถ้วน
จากการตรวจสอบการทาตราเครื่องหมายด้านข้างนอกรถและเครื่องจักรกลทั้งสอง
ข้างพบว่า
1) การทาตราเครื่องหมายของหน่วยงานไว้ด้านข้างนอกรถและเครื่องจักรกลทั้งสองข้าง
เป็นไปตามที่ระเบียบฯ กาหนดไว้ จานวน 255 รายการ คิ ดเป็นสัดส่วนร้อยละ 86 ของจานวนที่
เลือกตรวจสอบ
2) การทาตราเครื่องหมายของหน่วยงานไว้ด้านข้างนอกรถและเครื่องจักรกลทั้งสองข้าง
แต่ไม่เป็นไปตามที่ระเบียบฯ กาหนดไว้ จานวน 19 รายการ คิดเป็น สัดส่วนร้อยละ 6 ของจานวนที่
เลือกตรวจสอบ
3) ไม่ทาตราเครื่องหมายของหน่วยงานไว้ด้านข้างนอกรถและเครื่องจักรกลทั้งสองข้าง
และไม่มีการขอยกเว้นตามที่ระเบียบฯ กาหนดไว้ จานวน 22 รายการ คิดเป็น สัดส่วนร้อยละ 8 ของ
จานวนที่เลือกตรวจสอบ
โดยมีรายละเอียดของข้อตรวจพบกรณีการทาตราเครื่องหมายของหน่วยงานไว้ด้านข้างนอก
ซึ่งพบว่า ส่วนราชการภายในกรมชลประทานจานวน 4 หน่วยงาน มีรถและเครื่องจักรกล จานวนรวม
19 รายการ (จานวนที่เลือกตรวจสอบ 86 รายการ) ที่มีการจัดทาตราเครื่องหมายของหน่วยงานไว้ด้านข้าง
นอกรถและเครื่องจักรกลทั้งสองข้าง แต่ตราเครื่องหมายของหน่วยงานไม่เป็นไปตามข้อกาหนดในระเบียบฯ
ได้แก่ สานักงานชลประทานที่ 2 จังหวัดลาปาง จานวน 2 รายการ สานักงานชลประทานที่ 14 จังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ จานวน 12 รายการ ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 4 (จังหวัดนครราชสีมา) จานวน
2 รายการ ส่ว นบริห ารเครื่อ งจัก รกลที่ 7 (จัง หวัด สงขลา) จานวน 3 รายการ โดยมี สานักงาน
ชลประทานที่ 14 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ทาตราเครื่องหมายของหน่ว ยงานไว้แต่มิได้เป็น ไป
ตามระเบียบฯ เป็นจานวนสูงที่สุดถึง 12 รายการ จากจานวนที่เลือกตรวจสอบ 20 รายการ คิดเป็น
สัดส่วนร้อยละ 60 ของจานวนที่เลือกตรวจสอบ ตัวอย่างการทาตราเครื่องหมายของหน่วยงานที่ไม่
เป็นไปตามระเบียบฯ เช่น ใช้การติดสติกเกอร์เครื่องหมายของหน่วยงานแทนการพ่นสีขาวตามที่ระเบียบ
กาหนดไว้ (รายละเอียดปรากฎตามตารางที่ 6 ตารางแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับการทาตรา
เครื่องหมายของหน่วยงานไว้ที่รถและเครื่องจักรกล ช่อง (4))
44
นอกจากนี้ยังตรวจพบว่า ส่วนราชการภายในกรมชลประทานที่มีรถและเครื่องจักรกล
ซึ่งไม่ได้จัดทาตราเครื่องหมายของหน่วยงานไว้ด้านข้างนอกรถและเครื่องจักรกลทั้งสองข้าง และไม่ได้
ขอยกเว้นตามที่ระเบียบฯ ต่อปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การมีตราเครื่องหมายของหน่วยงาน
ซึ่งมีจานวนถึง 8 หน่วยงาน และมีรถและเครื่องจักรกลที่ไม่ได้ จัดทาตราเครื่องหมายของหน่วยงาน
เป็นจานวน 22 รายการ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13 ของจานวนที่เลือกตรวจสอบ (167 รายการ)
ได้แก่ สานักงานชลประทานที่ 2 จังหวัดลาปาง จานวน 4 รายการ สานักงานชลประทานที่ 5 จังหวัด
อุดรธานี จานวน 4 รายการ สานักงานชลประทานที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี จานวน 1 รายการ
สานักงานชลประทานที่ 14 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จานวน 2 รายการ สานักงานชลประทานที่ 15
จังหวัดนครศรีธรรมราช จานวน 4 รายการ โครงการชลประทานนครนายก จานวน 1 รายการ
โครงการชลประทานสุราษฎร์ธานี จานวน 3 รายการ และส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 7 (จังหวัดสงขลา)
จานวน 3 รายการ (รายละเอียดปรากฎตามตารางที่ 6 ตารางแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับ
การทาตราเครื่องหมายของหน่วยงานไว้ที่รถและเครื่องจักรกล ช่อง (5))
โดยสามารถแสดงสั ด ส่ ว นการท าตราเครื่ อ งหมายของหน่ ว ยงานได้ ต ามแผนภู มิ
ดังต่อไปนี้
8%
6%
มี, เป็นไปตามระเบียบฯ
มี, ไม่เป็นไปตามระเบียบฯ
86%
ไม่มี, ไม่เป็นไปตามระเบียบฯ และไม่
มีการขอยกเว้น
8%
8%
มี, เป็นไปตามระเบียบฯ
15%
มี, ไม่เป็นไปตามระเบียบฯ
69% ไม่มี, แต่มีการขอยกเว้น
ไม่มี, และไม่มีการขอยกเว้น
แผนภู มิ ที่ 7 กำรแสดงสั ด ส่ ว นกำรท ำอั ก ษรย่ อ “ชป.” พร้ อ มเลขหมำยประจ ำรถและ
เครื่องจักรกลไว้ด้ำนข้ำงนอก
จากแผนภูมิที่ 6 และ 7 ข้างต้นแสดงให้เห็นว่าส่วนราชการภายในกรมชลประทาน
ยังคงมีบางหน่วยงานที่การจัดทาตราเครื่องหมายของหน่วยงานและการจัดทาอักษรย่อ “ชป.” พร้อม
เลขหมายประจารถและเครื่องจักรกลไว้ด้านข้างนอกไม่ถูกต้องตามที่ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่า
ด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ
พ.ศ. 2547 ที่กาหนดไว้ เป็นจานวนถึง 11 หน่วยงาน ซึ่งการไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ
การกาหนดให้รถและเครื่องจักรกลของทางราชการต้องมีเครื่องหมายของหน่วยงานและเลขหมาย
ประจารถและเครื่องจักรกลนั้น จะเป็นเหตุให้ส่วนราชการภายในกรมชลประทานขาดระบบการควบคุม
การใช้รถและเครื่องจักรกลที่ดี เนื่องจากการกาหนดเครื่องหมายของหน่วยงานและเลขหมายประจา
รถและเครื่องจักรกลจะเป็นการทาให้ทราบว่า รถและเครื่องจักรกลดังกล่าวจะต้องใช้ในการปฏิบัติ
หน้าที่ราชการเท่านั้น นอกจากนี้ เลขหมายประจารถและเครื่องจักรกลจะช่วยในการควบคุมการใช้งาน
รถและเครื่องจักรกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สาเหตุที่ส่วนราชการภายในกรมชลประทานไม่จัดทาตราเครื่องหมายของหน่วยงาน
และเลขหมายประจารถและเครื่องจักรกลไว้ด้านข้างนอกรถและเครื่องจักรกลทั้งสองข้างตามระเบียบฯ
ที่เกี่ยวข้องข้างต้น เนื่องจาก
(1) เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ
พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งเป็นระเบียบที่สาคัญที่ใช้ควบคุมดูแลการใช้รถและเครื่องจักรกลของกรมชลประทาน
(2) เจ้าหน้าทีท่ ี่รับผิดชอบไม่ได้ให้ความสาคัญกับการตรวจตราเครื่องหมายและอักษรย่อ
“ชป.” พร้อมเลขหมายประจารถและเครื่องจักรกล ที่มีอยู่แล้วแต่ถูกลบเลือนไปตามสภาพการใช้งาน
48
ซึ่งหากเป็นกรณีนี้ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบควบคุมดูแลรถและเครื่องจักรกลจะต้องดาเนินการจัดให้มี
ตราเครื่องหมายและอักษรย่อ “ชป.” พร้อมเลขหมายประจารถและเครื่องจักรกลใหม่ให้ชัดเจนอยู่เสมอ
(3) เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบไม่ได้ให้ความสาคัญกับการขอยกเว้นการมีตราเครื่องหมาย
ของหน่วยงานและเลขหมายประจารถและเครื่องจักรกล ซึ่งต้องขออนุมัติปลัดกระทรวง ทั้งนี้ ต้องอธิบาย
เหตุผลถึงความไม่ปลอดภัยหรือความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติงานไว้อย่างชัดเจน
ข้อเสนอแนะ
1. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานจัดให้มีการอบรมหรือจัดทาสื่อการอบรมทางออนไลน์
เกี่ยวกับระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบ
กรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้และแลกเปลี่ยนการดาเนินการ
ตามระเบียบดังกล่าวระหว่างส่วนราชการภายในของกรมชลประทาน
2. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการควบคุมดูแล
การใช้รถและเครื่องจักรกลของกรมชลประทาน ทาการสารวจตรวจสอบตราเครื่องหมายและอักษร
“ชป.” พร้อมเลขหมายประจารถและเครื่องจักรกลทุก รายการที่อยู่ในครอบครองว่ามีสภาพที่ชัดเจน
อยู่หรือไม่ หากพบว่ามีสภาพลบเลือนด้วยสาเหตุใด ๆ ก็ตาม ขอให้ทาการรายงานผลการสารวจตรวจสอบ
ให้กับผู้บังคับบัญชาเพื่อทาการแก้ไขให้มีสภาพใหม่ ชัดเจนแล้วรายงานให้ผู้บริหารทราบต่อไป
3. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานสั่งการให้มี การตรวจสอบว่ามีรถและเครื่องจักรกล
รายการใดจาเป็นต้องขอยกเว้นการมีตราเครื่องหมายและอักษรย่อ “ชป.” พร้อมเลขหมายประจารถ
และเครื่องจักรกล และให้ทารายงานขออนุมัติปลัดกระทรวงเพื่อขอยกเว้นต่อไป และสั่งการให้ทุก
ส่วนราชการภายในกรมชลประทานพิจารณาทบทวนเหตุผลและความจาเป็นของการยกเว้นการมีตรา
เครื่องหมายและอักษรย่อ “ชป.” พร้อมเลขหมายประจารถและเครื่องจักรกลอย่างสม่าเสมอในช่วงเวลา
ที่เหมาะสม
3.3 กำรควบคุมกำรใช้งำนรถและเครื่องจักรกล
จากการตรวจสอบการควบคุมการใช้งานรถและเครื่องจักรกลของส่วนราชการภายใน
กรมชลประทาน โดยได้ตรวจสอบใบขออนุญาตใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 3 และสมุดบันทึกการใช้
รถและเครื่องจักรกล แบบ 4 ซึ่งกรมชลประทานได้กาหนดแบบทั้ง 2 แบบ ขึ้นเพื่อควบคุมการใช้รถ
และเครื่องจักรกลที่จะเป็นประโยชน์กับงานราชการของกรมชลประทาน และเป็นการควบคุมการใช้
รถและเครื่องจักรกลที่มุ่งถึงการวัดประสิทธิภาพของรถและเครื่องจักรกลที่อยู่ในกากับดูแล ให้มีการใช้งาน
อย่างเต็มประสิทธิภาพ และควบคุมการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงของรถและเครื่องจักรกลในแต่ละรายการ
รวมถึงการบารุงรักษาในช่วงเวลาที่เหมาะสม
การตรวจสอบการควบคุมการใช้งานรถและเครื่องจักรกลโดยพิจารณาถึงการกาหนดให้มี
เอกสารในการควบคุมการใช้รถและเครื่องจักรกลเป็นไปตามระเบียบฯ ดังต่อไปนี้
1 ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ข้อ 13 วรรค 4 ใบขออนุญาตใช้รถสวนกลาง รถรับรอง และรถรับรองประจา
จังหวัดให้ใช้ตามแบบ ๓ ท้ายระเบียบนี้
2 ระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547
49
ข้อ 46 ข้าราชการจะใช้ยานพาหนะส่วนกลางจะต้องทาเรื่องขอใช้ยานพาหนะต่อ
หัวหน้าหน่วยงานผู้ควบคุมยานพาหนะให้มีข้อความอย่างน้อยตามตัวอย่างแบบ 3 แนบท้ายระเบียบนี้
ตำรำงที่ 8 ตำรำงแสดงข้อมูลข้อตรวจพบเกี่ยวกับกำรควบคุมกำรใช้งำนรถและเครื่องจักรกล
รถและเครื่องจักรกล ใบขออนุญำตใช้รถและ แบบสมุดบันทึกกำรใช้รถและ
ที่ตรวจสอบ เครื่องจักรกล (แบบ 3) เครื่องจักรกล (แบบ 4)
ชื่อหน่วยงำน (จำนวน) (จำนวน) (จำนวน)
ทำ ไม่ทำ ไม่ใช้งำน ทำ ไม่ทำ ไม่ใช้งำน
(1) (2) (3) (4) (5) (6) (7) (8)
1. สานักเครื่องจักรกล 22 21 - 1 22 - -
2. สานักงานชลประทานที่ 2 20 20 - - 20 - -
3. สานักงานชลประทานที่ 3 20 14 6 - - 20 -
4. สานักงานชลประทานที่ 5 21 14 7 - - 21 -
5. สานักงานชลประทานที่ 7 20 18 1 1 2 18 -
6. สานักงานชลประทานที่ 13 20 19 - 1 14 5 1
7. สานักงานชลประทานที่ 14 20 17 2 1 - 18 2
8. สานักงานชลประทานที่ 15 20 7 13 - 5 15 -
9. โครงการชลประทานนครนายก 20 11 9 - - 20 -
10. โครงการชลประทานมหาสารคาม 22 22 - - - 22 -
11. โครงการชลประทานชัยนาท 9 7 - 2 - 7 2
12. โครงการชลประทานชุมพร 16 15 - 1 15 - 1
13. โครงการชลประทานสุราษฎร์ธานี 20 20 - - - 20 -
14. ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 4 26 26 - - 26 - -
15. ส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 7 20 - 20 - - 20 -
รวมทั้งสิ้น 296 231 58 7 104 186 6
จากการตรวจสอบการจัดทาเอกสารในการควบคุมการใช้งานรถและเครื่องจักรกลทั้ง
ใบขออนุญาตใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 3 และสมุดบันทึกการใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 4 พบว่า
การปฏิบัติในเรื่องดังกล่าวไม่เป็นไปตามระเบียบฯ ที่กล่าวข้างต้น โดยสามารถแยกประเด็นข้อตรวจพบ
ทั้งสิ้น 2 ประเด็น คือ
ก. กำรจัดทำใบขออนุญำตใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 3 ไม่เป็นไปตำมระเบียบฯ
ส่ ว นราชการภายในกรมชลประทานส่ ว นใหญ่ มี ก ารจั ดท าใบขออนุ ญ าตใช้รถและ
เครื่องจักรกล แบบ 3 ตามที่ระเบียบกาหนดไว้ แต่ยังคงมีรถและเครื่องจักรกลบางรายการที่ถู ก
นาไปใช้งานโดยไม่ได้จัดทาใบขออนุญาตใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 3 ซึ่งถือเป็นการไม่ปฏิบัติตาม
ระเบียบที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
1 ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ข้อ 13 วรรค 4 ใบขออนุญาตใชรถสวนกลาง รถรับรอง และรถรับรองประจา
จังหวัดใหใชตามแบบ ๓ ท้ายระเบียบนี้
50
2%
ไม่มีการจัดทาใบขออนุญาตใช้รถ
20%
และเครื่องจักรกล แบบ 3
มีการจัดทาใบขออนุญาตใช้รถและ
78% เครื่องจักรกล แบบ 3
ไม่มีการใช้งานในระหว่างปี พ.ศ.
2562 - 2563
จากแผนภูมขิ ้างต้นแสดงให้เห็นว่าส่วนราชการภายในกรมชลประทานที่ควบคุมการใช้
รถและเครื่องจักรกลไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบฯ ที่กาหนดให้ รถและเครื่องจักรกลทุกรายการจะต้อง
จัดทาใบขออนุญาตเมื่อมีการขอใช้ รถและเครื่องจักรกล นั่นหมายถึงเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมการใช้รถและ
เครื่องจักรกล ไม่ได้ให้ความสาคัญกับการปฏิบัติตามระเบียบฯ และไม่ตระหนักถึงการควบคุมภายในที่
สาคัญ ในกรณีที่จะนารถราชการออกไปใช้งาน ซึ่งจาเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากผู้มีอานาจสั่งใช้รถ
และเครื่องจักรกลทุกครั้ง การที่นารถและเครื่องจักรกลออกไปใช้งานโดยไม่ได้รับอนุมัติก่อน จึงถือ
เป็นจุดอ่อนของระบบการควบคุมภายในที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการ
สาเหตุที่ส่วนราชการภายในกรมชลประทานไม่จัดทาใบขออนุญาตใช้รถและเครื่องจักรกล
แบบ 3 ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องข้างต้น เนื่องจาก
(1) ผู้บริหารของส่วนราชการภายในกรมชลประทานแต่ละแห่งไม่ได้ให้ความสาคัญ
กับการปฏิบัติตามระเบียบฯ โดยอาจจะคานึงถึงการปฏิบัติงานตามภารกิจเท่านั้น และไม่มีการกากับ
ดูแลให้เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมการใช้รถและเครื่องจักรกลให้ความสาคัญกับการมี ใบขออนุญาตฯ ที่ต้อง
ได้รับอนุมัติจากผู้มีอานาจทุกครั้งก่อนนารถและเครื่องจักรกลออกไปใช้งาน
(2) ส่ ว นราชการภายในกรมชลประทานมีภ ารกิจจาเป็นเร่งด่ว นที่ต้องใช้ ร ถและ
เครื่องจักรกลเสมอ ทาให้เจ้าหน้าที่ทรี่ ับผิดชอบจัดทาใบขออนุญาตใช้รถและเครื่องจักรกลไม่ครบถ้วน
(3) กรมชลประทานมิได้มีการสอบทานการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
มติคณะรัฐมนตรี และแบบแผนปฏิบัติราชการที่เกี่ยวกับการควบคุมการใช้รถและเครื่องจักรกลมาโดยตลอด
ส่งผลให้ส่วนราชการภายในของกรมชลประทานละเลยการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบ ฯลฯ โดยเฉพาะ
ทรัพย์สินหลักที่ใช้ในการปฏิบัติงานของกรมชลประทาน ได้แก่ รถและเครื่องจักรกล ที่จาเป็นต้องให้ผู้ที่
เกี่ยวข้องทุกฝ่ายให้ความสาคัญกับระบบควบคุมภายในที่กรมชลประทาน ซึ่งหมายถึง กฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี แนวปฏิบัติที่กรมชลประทานประกาศใช้ เป็นต้น และให้มีการควบคุมดูแล
ให้ทุกส่วนราชการภายในกรมชลประทานต้องปฏิบัติตามระบบควบคุมภายในที่กรมชลประทานได้วางไว้
ข. กำรจัดทำสมุดกำรใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 4 ไม่เป็นไปตำมระเบียบฯ
ส่วนราชการภายในกรมชลประทานส่วนใหญ่มีการจัดทาสมุดการใช้รถและเครื่องจักรกล
แบบ 4 ตามที่ระเบียบกาหนดไว้ แต่อย่างไรก็ตามยังมี ส่วนราชการภายในกรมชลประทานบางส่วน
ที่ไม่มีการจัดทาสมุดการใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 4 ซึ่งถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
กับการจัดทาเอกสารในการควบคุมการใช้รถและเครื่องจักรกล ได้แก่
1 ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ข้อ 14 ให้ส่วนราชการจัดใหมีสมุดบันทึกการใช้รถส่วนกลาง รถรับรอง รถรับรอง
ประจาจังหวัด ประจารถแต่ละคัน สมุดบันทึกอย่างน้อยให้มขี ้อความตามแบบ ๔ ท้ายระเบียบนี้
ส่วนราชการต้องควบคุมพนักงานขับรถให้ลงรายการไปตามความเป็นจริง
2 ระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547
ข้อ 48 ให้หน่วยงานจัดให้มีสมุดบันทึกการใช้ยานพาหนะส่วนกลางประจากรม
ยานพาหนะส่ว นกลาง หน่วยงานประจายานพาหนะแต่ละคัน รายการบันทึกแตกต่างกันไปตาม
ประเภทยานพาหนะอย่างน้อยให้มีข้อความตามแบบ 4 แนบท้ายระเบียบนี้ หน่วยงานต้องควบคุม
พนักงานขับรถยนต์ให้ลงรายการใช้ตามความเป็นจริง
53
ไม่มีการจัดทาสมุดการใช้รถและ
2% เครื่องจักรกล แบบ 4
35%
63% มีการจัดทาสมุดการใช้รถและ
เครื่องจักรกล แบบ 4
ไม่มีการใช้งานในระหว่างปี พ.ศ.
2562 - 2563
จากแผนภูมิข้างต้นแสดงให้เห็นว่าการจัดทาสมุดการใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 4
ส่วนใหญ่ไม่เป็นไปตามที่ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547 ที่กาหนดไว้ โดยมีสัดส่วนของรถและ
เครื่องจักรกลที่ไม่ได้จัดทาสมุดการใช้รถและเครื่องจักรกลสูงถึงร้อยละ 63 ของจานวนที่เลือกตรวจสอบ
ซึ่งนอกจากจะเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่า วแล้ว ยังถือว่าระบบการควบคุมภายในที่ภาครัฐ
จัดให้มีขึ้นสาหรับการใช้งานรถและเครื่องจักรกลของกรมชลประทานมีข้อบกพร่องอย่างเป็นสาระสาคัญ
การที่ส่วนราชการภายในกรมชลประทานที่ควบคุมการใช้รถและเครื่องจักรกลจาเป็นต้องจัดให้มีสมุด
บันทึกการใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 4 ก็เพื่อเป็นการควบคุมการใช้รถและเครื่องจักรกลให้มี
ประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นเครื่องมือในการวางแผนดูแล ซ่อมบารุง ตลอดถึงใช้เป็นข้อมูลประกอบ
การพิจารณาในเรื่องการควบคุมการใช้น้ามันเชื้อเพลิงด้วย ดังนั้น จึง แสดงให้เห็นว่า กรมชลประทาน
ยังมีข้อบกพร่องในเรื่องการควบคุมภายในที่ดีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิด
ความเสียหายแก่รัฐได้
สาเหตุ ที่ ส่ ว นราชการภายในกรมชลประทานไม่ ไ ด้ จั ด ท าสมุ ด การใช้ ร ถและ
เครื่องจักรกล แบบ 4 ให้ถูกต้องครบถ้วนทุกรายการนั้น เนื่องจาก
(1) เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการจัดทา
สมุดบันทึกการใช้รถและเครื่องจักรกลตามที่ระเบียบกาหนดไว้ ทาให้ในการปฏิบัติงานจริงเจ้าหน้าที่
จึงไม่ได้ให้ความสาคัญในการบันทึกรายการในสมุดบันทึกการใช้รถและเครื่องจักรกล
(2) ผู้บริหารของส่วนราชการภายในกรมชลประทานที่เป็นผู้กากับดูแลการปฏิบัติงาน
และการใช้ทรัพย์สินของหน่วยงานนั้น ๆ ไม่ได้มีการควบคุมดูแลให้พนักงานขับรถทุกคนที่นารถและ
เครื่องจักรกลออกใช้งานต้องจัดทาสมุดบันทึกการใช้รถและเครื่องจักรกล และลงรายการการใช้งาน
รถและเครื่องจักรกลในทุกสิ้นวันที่ออกปฏิบัติงาน ทาให้พบว่าผู้ใช้รถและเครื่องจักรกลบางรายแม้จะมี
สมุดบันทึกการใช้รถเครื่องจักรกล แบบ 4 แล้ว แต่การบันทึกรายการในสมุดบันทึกการใช้รถและ
เครื่องจักรกลก็ไม่ได้เป็นปัจจุบัน
(3) ด้วยกรมชลประทานมีภารกิจหลักเกี่ยวกับ การพัฒนาแหล่งน้าตามศักยภาพของ
ลุ่มน้าให้เพียงพอ และจัดสรรน้าให้กับผู้ใช้น้าทุกประเภท เพื่อให้ผู้ใช้น้าได้รับน้าอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
ตลอดจนป้องกันความเสียหายอันเกิดจากน้า ดังนั้น ผู้บริหารของกรมชลประทานจึงให้ความสาคัญใน
การปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจหลัก และอาจให้ความสาคัญในเรื่องการควบคุมบริหารทรัพย์สินของ
กรมชลประทานน้อยกว่างานในภารกิจหลัก โดยเฉพาะการขาดการตรวจสอบเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน
ให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถและเครื่องจักรกล
ข้อเสนอแนะ
1. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานสั่งการให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องซึ่งควบคุมดูแลรถและ
เครื่องจักรกลของทุกส่วนราชการภายในกรมชลประทาน ทาการสารวจข้อมูลรถและเครื่องจักรกลของ
หน่วยงานว่า มีรถและเครื่องจักรกลที่ไม่ได้ จัดทาใบขออนุญาตใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 3 และ
ไม่ได้จัดทาสมุดการใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 4 เป็นจานวนเท่าใด พร้อมแจ้งสาเหตุที่หน่วยงาน
ไม่ได้มีการจัดทา แบบ 3 และ แบบ 4 โดยให้ รายงานผลการสารวจดังกล่าวอย่างเป็นลายลักษณ์
อักษรให้ผู้บริหารทราบ เพื่อนาข้อมูลดังกล่าวไปพิจารณาแก้ไขข้อบกพร่อง ซึ่งจะทาให้การใช้รถและ
เครื่องจักรกลของกรมชลประทานมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
56
2. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานให้ความสาคัญกับการควบคุมการใช้ทรัพย์สินของ
กรมชลประทาน โดยเฉพาะทรัพย์สินประเภทรถและเครื่องจักรกลที่เป็นทรัพย์สินที่เคลื่อนย้ายได้ และ
มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นค่าบารุงรักษา ค่าซ่อมแซม ค่าน้ามันเชื้อเพลิ ง
และค่าล่วงเวลาในการปฏิบัติงาน ที่จะต้องสัมพันธ์กับการใช้รถและเครื่องจักรกล ซึ่งการกาหนดให้ผู้ใช้รถ
และเครื่องจักรกลต้องจัดทาใบขออนุญาตใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 3 และบันทึกข้อมูลการใช้รถ
และเครื่องจักรกลลงในสมุดการใช้รถและเครื่องจักรกล แบบ 4 ถือเป็นการสร้างระบบการควบคุม
ภายในของหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น ผู้บริหารกรมชลประทานจึงควรกาหนดให้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับ
การใช้รถและเครื่องจักรกลเป็นระยะ ๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ทุกส่วนราชการของกรมชลประทานได้
ดาเนินการตามระเบียบที่กรมชลประทานได้กาหนดไว้อย่างแท้จริง และให้ผู้บริหารสั่งการให้กลุ่มตรวจสอบ
ภายในเพิ่มบทบาทในการตรวจสอบการใช้รถและเครื่องจักรกลของส่วนราชการภายในกรมชลประทาน
โดยจัดทาแผนการตรวจสอบในเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า เจ้าหน้าทีผ่ ู้ปฏิบัติงานยังคงปฏิบัติตาม
ระบบควบคุมภายในที่กรมชลประทานวางไว้อย่างสม่าเสมอและต่อเนื่อง
3. ขอให้ผู้บ ริห ารกรมชลประทานให้ความสาคัญกับการควบคุมภายในที่ดีและมี
ประสิทธิภาพ สร้างค่านิยมกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้เข้าใจและเห็นความสาคัญของการควบคุมภายในทีด่ ี
และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งหน่วยงานส่วนกลางที่เป็นหน่วยงานหลักควรมีการสอบทานการปฏิบัติงาน
ของหน่วยงานส่วนภูมิภาค เพื่อสามารถเสนอแนะแนวทางการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง และเป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีและแบบแผนการปฏิบัติราชการ
3.4 กำรควบคุมกำรเบิกจ่ำยน้ำมันเชื้อเพลิง
กรมชลประทานเป็นหน่วยงานขนาดใหญ่ที่มีการจัดซื้อและการใช้น้ามันเชื้อเพลิงใน
ปริมาณมาก เนื่องจากภารกิจของกรมชลประทานเกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างในด้านการชลประทาน
การควบคุมการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงจึงเป็นเรื่องที่มีความสาคัญ เนื่องจากน้ามันเชื้อเพลิงเป็นวัสดุที่
มีความเสี่ยงในการสูญหายหรือเสียหาย หากระบบการเบิกจ่ายและการจัดเก็บไม่มีความรัดกุมและไม่
เรียบร้อยอย่างเพียงพอ ซึ่งอาจะทาให้กรมชลประทานเกิดความเสียหายได้ ดังนั้น ผู้บริหารกรมชลประทาน
จึงควรให้ความสาคัญกับ การบริห ารพัส ดุคงคลังประเภทน้ามันเชื้อเพลิง สานักงานการตรวจเงิน
แผ่นดินได้ทาการตรวจสอบการควบคุมการใช้จ่ายและเก็บรักษาน้ามันเชื้อเพลิง โดยให้มีการตรวจสอบ
การกาหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิง (แบบ 7) การจัดทาเอกสารเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง
และการจัดทาทะเบียนคุมการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง (บัญชีวัสดุแสดงการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง )
ซึ่งการจัดทาเอกสารทั้ง 3 รายการข้างต้น ถือเป็นการจัดให้มีระบบการควบคุมภายในสาหรับการใช้
รถและเครื่องจักรกล รวมถึงการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง ซึ่ง เป็นไปตามระเบียบและคาสั่งที่กาหนดไว้
ดังต่อนี้ ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ระเบียบ
กรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง
ภาครัฐ พ.ศ. 2560 รวมทั้งคาสั่งกรมชลประทานที่เกี่ยวข้องกับรถและเครื่องจักรกล หรือการเบิกจ่าย
น้ามันเชื้อเพลิง จากการตรวจสอบเอกสารทั้ง 3 รายการข้างต้น เพื่อพิจารณาถึงระบบการควบคุมภายใน
ที่เกี่ยวกับการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงของส่วนราชการภายในกรมชลประทานว่า การเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง
เพื่อนาไปใช้ปฏิบัติงานมีการจัดทาเอกสารประกอบการเบิกจ่ายครบถ้วนหรือไม่ รวมทั้งมีการควบคุม
ปริมาณการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงโดยใช้เกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิงตามที่หน่วยงานได้กาหนด
ไว้หรือไม่ โดยได้ทาการตรวจสอบรถและเครื่องจักรกลของส่วนราชการภายในกรมชลประทาน พบว่า
57
ก. กำรไม่กำหนดเกณฑ์กำรใช้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง (แบบ ๗)
จากการตรวจสอบการกาหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิง (แบบ 7) ที่
กรมชลประทานได้กาหนดให้ทุก ส่ วนราชการภายในกรมชลประทานทาการส ารวจเกณฑ์การใช้
สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิงของรถและเครื่องจักรกล เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการเบิกจ่ายและการตรวจสอบ
การเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงของรถและเครื่องจักรกลแต่ละรายการในหน่วยงานนั้น พบว่า รถและ
เครื่องจักรกลที่ตรวจสอบส่วนใหญ่มกี ารกาหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิง (แบบ 7) สาหรับ
รถและเครื่องจักรกลแต่ละรายการ โดยเป็นไปตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ
พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547 ที่กาหนดไว้
การที่รถและเครื่องจักรกลบางรายการไม่มีการกาหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลื องน้ามันเชื้อเพลิง (แบบ 7)
ถือว่าเป็นการไม่ปฏิบัติเป็นไปตามระเบียบและคาสั่งที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1 ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ข้อ 10 ในแต่ละปีงบประมาณ ส่วนราชการต้องสารวจและกาหนดเกณฑ์การใช้
สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของรถทุกคัน เพื่อเป็นหลักฐานในการเบิกจ่ ายเชื้อเพลิง และการตรวจสอบของ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบ
2 ระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547
ข้อ 71 ในแต่ละปีงบประมาณให้หน่วยงานสารวจเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ของยานพาหนะแต่ละเลขหมายประจายานพาหนะเพื่อเป็นมาตรฐานการเบิกจ่ายและการตรวจสอบ
ให้มีข้อความอย่างน้อยตามตัวอย่างแบบ 7 แนบท้ายระเบียบนี้
จากการตรวจสอบการกาหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิง (แบบ 7) พบรถ
และเครื่องจักรกล จานวน 280 รายการ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 95 ของจานวนที่เลือกตรวจสอบ มี
การกาหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิง (แบบ 7) แต่มีรถและเครื่องจักรกลอีกถึง 16 รายการ
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5 ของจานวนที่เลือกตรวจสอบ ทีไ่ ม่มีการกาหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ามัน
เชื้อเพลิง (แบบ 7) ซึ่งสัดส่วนตามที่กล่าวมาข้างต้นสามารถแสดงได้ตามแผนภูมิดังต่อไปนี้
16
ไม่มีกาหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิง
มีการกาหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิง 280
กรมชลประทานไม่ได้ปฏิบัติตามระบบการควบคุมภายในที่ดีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งกรมชลประทาน
ได้กาหนดไว้เป็นระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547 จึงถือ เป็นความเสี่ยงที่อาจ
ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ กรมชลประทานได้ และยังถือว่าหน่วยงานทั้ง 6 หน่วยงานข้างต้นไม่ได้
ปฏิบัติตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ
ระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547
สาเหตุที่ส่วนราชการภายในกรมชลประทานไม่มีการกาหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลื อง
น้ามันเชื้อเพลิง (แบบ 7) สาหรับรถและเครื่องจักรกลทั้งหมดที่อยู่ในควบคุมดูแล เนื่องจาก
(1) เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบมีการกาหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิงของรถ
และเครื่องจักรกลแต่ละคันในอัตราเดียวกันตั้งแต่ปีงบประมาณ 2561 จนถึงปี 2563 โดยชี้แจงว่า
เกิดจากความเข้าใจคาดเคลื่อนในการปฏิบัติให้เป็นไปตามที่ระเบียบฯ ที่กาหนด
(2) เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบขาดความรู้ความเข้าใจ และไม่ให้ ความสาคัญในการสารวจ
และกาหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองของรถและเครื่องจักรกลทุกคัน
(3) เครื่องวัดระยะทาง (ไมล์) ของรถและเครื่องจักรกลบางรายการเสียหาย ชารุด ทาให้
เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบไม่สามารถบันทึกระยะทางเพื่อใช้คานวณเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิงได้
ข. กำรไม่จัดทำเอกสำรเบิกจ่ำยน้ำมันเชื้อเพลิง (พด.32 และ พด.33)
จากการตรวจสอบเอกสารเบิก จ่ายน้ามันเชื้อเพลิงของรถและเครื่องจักรกล จานวน
ทั้งสิ้น 296 รายการ พบว่า ส่วนราชการภายในกรมชลประทานส่วนใหญ่ได้จัดทาเอกสารเบิกจ่าย
น้ามันเชื้อเพลิง สาหรับรถและเครื่องจักรกลที่ควบคุมดูแลและถูกนาไปใช้งาน การจัดทาเอกสาร
การเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงเป็น ไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
พ.ศ. 2560 ที่กาหนดไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีส่วนราชการภายในกรมชลประทานบางแห่งที่เมื่อ
นารถและเครื่องจักรกลไปใช้งานและต้องเบิกน้ามันเชื้อเพลิงแต่ ไม่มีการจัดทาเอกสารเบิกจ่ายน้ามัน
เชื้อเพลิง ซึง่ ตามคาสั่งกรมชลประทานที่ 138/2561 เรื่อง การบริหารงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างและ
การบริห ารพัส ดุข องกรมชลประทาน ได้ให้ทุก หน่ว ยงานถือ ปฏิบัติต ามแนวทางปฏิบัติเ กี่ย วกั บ
การบริหารงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของกรมชลประทาน ซึ่งได้กล่าวถึงการควบคุม
และการเบิกจ่ายพัสดุไว้ในข้อที่ 16 โดยมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายวัสดุประเภทน้ามัน
เชื้อเพลิงที่ต้องจัดทาเอกสารหลักฐานการเบิกจ่ายใบเบิกจ่ายพัสดุ (พด.32 หรือ พด.33 แล้วแต่กรณี)
และการไม่จัดทาเอกสารหลักฐานการเบิกจ่ายดังกล่าวก็ถือว่าส่วนราชการภายในกรมชลประทานนั้น
ไม่ปฏิบัติตามที่ระเบียบกาหนดไว้
รายละเอียดของระเบียบและคาสั่งที่เกี่ยวข้องกับการจัดทาเอกสารหลักฐานการเบิกจ่าย
น้ามันเชื้อเพลิงที่ใช้ประกอบการตรวจสอบ ได้แก่
1. ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พ.ศ. 2560
ข้อ ๒๐๕ การจ่ายพัสดุ ให้หัวหน้าหน่วยพัสดุที่มีหน้าที่เกี่ ยวกับการควบคุมพัสดุ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าหน่วยงานของรัฐเป็นหัวหน้าหน่วยพัสดุ เป็นผู้สั่งจ่ายพัสดุ
ผู้จ่ายพัสดุต้องตรวจสอบความถูกต้องของใบเบิกและเอกสารประกอบ (ถ้ามี) แล้ว
ลงบัญชี หรือทะเบียนทุกครั้งที่มีการจ่าย และเก็บใบเบิกจ่ายไว้เป็นหลักฐานด้วย
60
5%
16%
ไม่มีการจัดทาเอกสารเบิกจ่าย
น้ามันเชื้อเพลิง
มีการจัดทาเอกสารเบิกจ่ายน้ามัน
เชื้อเพลิง
79% ไม่มีการใช้งานในระหว่างปี พ.ศ.
2562 - 2563
แผนภูมทิ ี่ 11 กำรแสดงสัดส่วนกำรจัดทำเอกสำรเบิกจ่ำยน้ำมันเชื้อเพลิงของรถและเครื่องจักรกล
สาเหตุ ที่ ส่ ว นราชการภายในกรมชลประทานบางหน่ ว ยงานมี ก ารน ารถและ
เครื่องจักรกลไปเติมน้ามันเชื้อเพลิงโดยไม่มีการจัดทาเอกสารเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง เนื่องจาก
(1) เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบมีความเข้าใจคาดเคลื่อนว่า ใช้สมุดเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง
ตามบัญชีวัสดุ (พด.43) แทนเอกสารการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงได้
(2) เจ้าหน้าที่ผู้ รับผิดชอบขาดความรู้ ความเข้าใจในการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามที่
ระเบียบฯ และคาสั่งที่กาหนดไว้
(3) ผู้ บั งคับ บั ญชาตามล าดับชั้น ไม่ได้ตรวจสอบและสอบทานการปฏิบัติงานของ
เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง ซึ่งจะต้องมีเอกสารเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงที่
ได้รับอนุมัติจากผู้มีอานาจ รวมทั้งมีการระบุจานวนและประเภทของน้ามันเชื้อเพลิ งทุกครั้งก่อนทา
การจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงให้กับรถและเครื่องจักรกลทุกรายการ
ค. กำรไม่จัดทำบัญชีวัสดุ (พด.43) แสดงกำรรับ -จ่ำย-คงเหลือ ประเภทวัสดุเชื้อเพลิงและหล่อ
ลื่น (ทะเบียนคุมกำรเบิกจ่ำยน้ำมันเชื้อเพลิง)
จากการตรวจสอบบัญชีวัสดุ (พด.43) แสดงการรับ-จ่าย-คงเหลือ ประเภทวัสดุเชื้อเพลิง
และหล่อลื่น (ทะเบียนคุมการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง) ของส่วนราชการภายในกรมชลประทาน จานวน
15 แห่ง เพื่อตรวจสอบว่าการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงสาหรับรถและเครื่องจักรกลที่สานักงานการตรวจ
เงินแผ่นดิน ได้ตรวจสอบทั้งสิ้น 296 รายการ มีการจัดทาหรือบันทึกในบัญชีวัสดุ (พด.43) แสดง
การรับ-จ่าย-คงเหลือ ประเภทวัสดุเชื้อเพลิงและหล่อลื่น (ทะเบียนคุมการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิ ง)
อย่างครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ และปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
พ.ศ. 2560 และคาสั่งกรมชลประทาน ที่ 138/2561 เรื่อง การบริหารงานด้านการจัดซื้อจัดจ้าง
และการบริหารพัสดุของกรมชลประทาน ทีก่ าหนดไว้ โดยพบว่าบางหน่วยงานไม่มีการจัดทาบัญชีวัสดุ
63
5%
ไม่มีการจัดทาบัญชีวัสดุแสดง
9%
เบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง (ทะเบียน
คุมการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง)
มีการจัดทาบัญชีวัสดุแสดง
เบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง (ทะเบียน
คุมการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง)
86%
ไม่มีการใช้งานในระหว่างปี พ.ศ.
2562 - 2563
สาเหตุที่ส่วนราชการภายในกรมชลประทานนารถและเครื่องจักรกลไปใช้งานและมี
การเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงแต่ไม่มีการบันทึกการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงลงในบัญชีวัสดุ (พด.43) เนื่องจาก
(1) เจ้าหน้าที่ผู้ รับผิดชอบขาดความรู้ ความเข้าใจในการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามที่
ระเบียบฯ และคาสั่งที่กาหนดไว้
(2) ผู้บังคับบัญชาตามลาดับชั้นในส่วนราชการภายในกรมชลประทานไม่ได้ตรวจสอบ
และสอบทานการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบที่มีหน้าที่จัดทาทะเบียนคุมการเบิกจ่ายน้ามัน
เชื้อเพลิงซึ่งได้แก่บัญชีวัสดุ (พด.43) ให้เป็นปัจจุบันและมีความถูกต้องตรงกับการเบิกจ่ายน้ามัน
เชื้อเพลิงจริงในแต่ละวัน
(3) ผู้บริหารที่ดูแลทางด้านพัสดุไม่ได้มีการติดตามตรวจสอบหรือเน้นย้าให้หัวหน้า
ส่วนราชการภายในกรมชลประทานทุกแห่งให้ความสาคัญกับการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงที่จาเป็นต้อง
จัดทาเอกสารประกอบการเบิกจ่ายและบันทึกการเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงทุกครั้ง เพื่อจะได้ทราบถึง
จานวนและประเภทของน้ามันเชื้อเพลิงของกรมชลประทานทั้งหมดว่ามีจานวนเท่าใด กระจายอยู่ที่
ส่วนราชการภายในกรมชลประทานใดบ้ าง เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการน้ามันเชื้อเพลิ ง ใน
ภาพรวมต่อไป
ข้อเสนอแนะ
1. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานสั่งการให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องสารวจข้อมูล รถและ
เครื่องจักรกลของส่วนราชการภายในกรมชลประทานทุกแห่งว่า รถและเครื่องจักรกลทุกรายการได้มี
การกาหนดเกณฑ์ การใช้สิ้น เปลืองน้ามัน เชื้อเพลิง (แบบ 7) ครบทุกรายการหรือไม่ หากรถและ
เครื่องจักรกลรายการใดไม่ได้กาหนดเกณฑ์ การใช้สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิง (แบบ 7) ไว้ ให้หัวหน้า
ส่วนราชการภายในกรมชลประทานชี้แจงเหตุผลและให้ความเห็นถึงวิธีการที่จะกาหนดเกณฑ์การใช้
สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิง (แบบ 7) หรือวิธีปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้เกิดการควบคุมปริมาณการใช้จ่าย
น้ามันเชื้อเพลิงในรถและเครื่องจักรกลในแต่ละรายการ และสั่งการให้มีการตรวจสอบว่าส่วนราชการ
ภายในกรมชลประทานแห่งใดที่มีการกาหนดเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิง (แบบ 7) แล้ว แต่
มิได้กากับดูแลให้การใช้น้ามันเชื้อเพลิงแของรถและเครื่องจักรกลแต่ละรายการเป็นไปตามเกณฑ์ที่
กาหนด หรือปรับปรุงเกณฑ์การใช้สิ้นเปลืองน้ามันเชื้อเพลิง (แบบ 7) ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
เพื่อหาแนวทางในการควบคุมกากับดูแลส่วนราชการภายในกรมชลประทานต่อไป จนกว่าจะสามารถ
ปฏิบัติได้ตามระเบียบฯ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน
2. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานสั่งการให้มีการสารวจข้อมูลรถและเครื่องจักรกล
ของส่วนราชการภายในกรมชลประทานทุกแห่งว่า ส่วนราชการภายในกรมชลประทานใดที่ไม่ได้จัดทา
เอกสารเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงสาหรับรถและเครื่องจักรกลที่มีการเบิกใช้น้ามันเชื้อเพลิง พร้อมกับให้
ส่วนราชการภายในกรมชลประทานที่บกพร่องในการปฏิบัติเรื่องดังกล่าวชี้แจงเหตุผลที่ไม่ได้จัดทา
เอกสารเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิง เพื่อดาเนินการให้เป็นไปตามระเบียบฯ ที่เกี่ยวข้ องและคาสั่งของ
กรมชลประทานต่อไป และหาแนวทางที่จะทาให้ส่วนราชการภายในกรมชลประทานทุกแห่งต้องจัดทา
เอกสารเบิกจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงทุกครั้ง ที่มีการจ่ายน้ามันเชื้อเพลิงให้กับรถและเครื่องจักรกลที่ออกไป
ปฏิบัติงาน
3. ขอให้ ผู้ บ ริ ห ารกรมชลประทานสั่ ง การให้ หั ว หน้ า พั ส ดุ ที่ ค วบคุ ม ดู แ ลรถและ
เครื่องจักรกลของส่วนราชการภายในกรมชลประทานทุกแห่งกากับดูแลให้มีการบันทึกรายการรับ จ่าย
67
ซ่อมบารุงโดยไม่มีการจัดทาใบ
17% ซ่อมบารุง
28%
ซ่อมบารุงโดยมีการจัดทาใบ
ซ่อมบารุง
55%
สามารถใช้งานได้ตามปกติ
แผนภูมิที่ 13 กำรแสดงสัดส่วนกำรจัดทำใบแจ้งซ่อมบำรุงของรถและเครื่องจักรกล
จากตารางและแผนภูมิข้างต้นแสดงให้ทราบว่ารถและเครื่องจักรกลที่เลือกตรวจสอบ
จานวน ๒๙๖ รายการ มีการซ่อมบารุงเป็นจานวนถึง ๒๑๓ รายการ โดยจานวนดังกล่าวมีรถและ
เครื่องจักรกลเป็นจานวนถึง ๕๑ รายการ ที่มีการซ่อมบารุงแต่ไม่ได้จัดทาใบแจ้งซ่อมบารุง (รายละเอียด
ปรากฎตามตารางที่ 12 ตารางแสดงข้อมู ลข้อตรวจพบเกี่ยวกับการควบคุมการซ่อมบารุงรถและ
เครื่องจักรกล กรณีจัดทาใบแจ้งซ่อมบารุงและการจัดทาสมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ 6) ช่อง
(3) และ (4)) จานวนรถและเครื่องจักรกลที่มีการซ่อมบารุง 213 รายการ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๗1
ของจานวนที่เลือกตรวจสอบ และมีรถและเครื่องจักรกลที่เหลือเพียง ๘๓ รายการ ที่ในระหว่างปี
พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๓ สามารถใช้งานได้ตามปกติ จึงเห็นได้ว่า ส่วนราชการภายในกรมชลประทานมิได้
ควบคุมการซ่อมบารุงรถและเครื่องจักรกลให้เป็นไปตามหลักการควบคุมภายในที่ดี ซึ่งผู้ใช้รถและ
เครื่องจักรกลควรต้องมีการจัดทาใบแจ้งซ่อมบารุง ทุกครั้ง เมื่อพบว่ารถและเครื่องจักรกลดังกล่าว
ไม่สามารถนาออกปฏิบัติงานได้ และจาเป็นต้องได้รับการซ่อมบารุง เนื่องจากใบแจ้งซ่อมบารุงแสดง
ถึงรถคันดังกล่าวได้รับการพิจารณาว่าสมควรได้รับการซ่อมบารุงจากผู้มีอานาจตามที่กรมชลประทาน
70
กาหนดไว้ ข้อตรวจพบดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ากรมชลประทานยังมีจุดอ่อนของการควบคุมภายในที่ดี
และมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมชลประทานได้
ข. กำรไม่จัดทำสมุดรำยละเอียดกำรซ่อมบำรุง (แบบ 6)
จากการตรวจสอบการจัดทาสมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ 6) ของรถและ
เครื่องจักรกลที่สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบทั้งสิ้น 296 รายการ พบว่ารถและเครื่องจักรกล
ส่วนใหญ่มกี ารจัดทาสมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ 6) ซึ่งเป็นไปตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 20 กาหนดว่า ให้ส วนราชการจัดทาสมุด
แสดงรายการซ่อมบารุงรถแต่ละคันตามตัวอย่างแบบ ๖ ท้ายระเบียบนี้ และระเบียบกรมชลประทาน
ว่าด้ว ยยานพาหนะ พ.ศ. 2547 ข้อ 77 ที่กาหนดว่า ทุก ครั้ง ที่มีก ารซ่อ มบารุง และซ่อ มแซม
ยานพาหนะให้มีการบันทึกรายละเอียดตลอดจนค่าใช้จ่ายไว้ในสมุดประจาแต่ละหมายเลขประจา
ยานพาหนะ ให้มีข้อความอย่างน้อยตามตัวอย่างแบบ 6 แนบท้ายระเบียบนี้
จากการที่ได้ตรวจสอบการจัดทาสมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ 6) ของรถและ
เครื่องจักรกลพบว่า รถและเครื่องจักรกลส่วนใหญ่ร้อยละ ๗๐ มีการซ่อมบารุงและได้จัดทาสมุด
รายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ 6) ประจารถและเครื่องจักรกล แต่ยังมีรถและเครื่องจักรกลอีกร้อย
ละ ๓๐ ที่ไม่มีการจัดทาสมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ 6) ซึ่งในจานวนดังกล่าวเป็นรถและ
เครื่องจักรกลที่ซ่อมบารุงโดยไม่จัดทาสมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ 6) เป็นจานวนถึง ร้อยละ
24 ของจานวนที่เลือกตรวจสอบ ในขณะที่ยังมีรถและเครื่องจักรกลอีกร้อยละ 6 ที่ยังใช้งานได้ตามปกติ
และไม่พบสมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ 6) ที่ส่วนราชการภายในกรมชลประทานควรจะให้มี
เพื่อควบคุมประวัติการซ่อมบารุงรถและเครื่องจักรกลทุกรายการ ซึ่งสัดส่วนตามที่กล่าวมาข้างต้น
สามารถแสดงได้ตามแผนภูมดิ ังต่อไปนี้
มีการซ่อมบารุงแต่ไม่มีการจัดทา
6% สมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง
24%
มีการซ่อมบารุงและมีการจัดทา
สมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง
70%
ในระหว่างปี 2562-2563
สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่ไม่
มีการจัดทาสมุดรายละเอียดการ
ซ่อมบารุง
จากตารางและแผนภูมิข้างต้นแสดงให้ทราบว่ารถและเครื่องจักรกลที่มีการซ่อมบารุง
ในระหว่างปี พ.ศ. 2562 – 2563 นั้น ส่วนใหญ่มีการจัดทาสมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ 6)
ถูกต้องตามที่ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ
ระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547 ที่กาหนดไว้ โดยมีจานวนสูงถึง 207 รายการ
แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีรถและเครื่องจักรกลที่ยังไม่ปฏิบัติเรื่องดังกล่าวให้ถูกต้องและเป็นไปตามระเบียบฯ
ทีก่ ล่าวข้างต้น จานวน ๘๙ รายการ (รายละเอียดปรากฎตามตารางที่ 12 ตารางแสดงข้อมูลข้อตรวจพบ
เกี่ยวกับการควบคุมการซ่อมบารุงรถและเครื่องจักรกล กรณีจัดทาใบแจ้งซ่อมบารุงและการจัดทาสมุด
รายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ 6) ช่อง (6) - (8)) และแม้ว่าจะมีจานวนรถและเครื่องจักรกลที่ยังไม่
ปฏิบัติเรื่องดังกล่าวให้ถูกต้องและเป็นไปตามระเบียบฯ ที่ไม่สูงมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับรถและ
เครื่องจักรกลที่เลือกตรวจสอบก็ตาม แต่ก็ถือว่ากรมชลประทานยังขาดระบบการควบคุมภายในที่ดี
ในการนารถและเครื่องจักรกลไปซ่อมแซม จนอาจกล่าวได้ว่าการบริหารจัดการรถและเครื่องจักรกลที่อยู่
ในครอบครองของกรมชลประทานยังขาดประสิทธิภาพ
จากข้อมูลที่ปรากฏในตารางที่ 12 จะเห็นได้ว่าส่วนบริหารเครื่องจักรกลที่ 7 (จังหวัด
สงขลา) มีรถและเครื่องจักรกลที่เลือกตรวจสอบ จานวน 20 รายการ พบว่า มีการซ่อมบารุงโดยไม่มี
การจัดทาใบแจ้งซ่อมบารุงทั้ง 20 รายการ และยังพบว่าไม่จัดทาสมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ ๖)
เป็นจานวน 6 รายการ และสานักงานชลประทานที่ 2 จังหวัดลาปาง มีรถและเครื่องจักรกลที่เลือก
ตรวจสอบ จานวน 20 รายการ พบว่า มีการซ่อมบารุงและมีการจัดทาใบแจ้งซ่อมบารุงทั้ง 20 รายการ
แต่ไม่มีการจัดทาสมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ ๖) ทั้ง 20 รายการ เช่นกัน ซึ่งสานักเครื่องจักรกล
ถือเป็นหน่วยงานหลักที่ควรเป็นแบบอย่างของการมีระบบการควบคุมภายในที่ดี และมีการปฏิบัติตาม
ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับรถและเครื่องจักรกล แต่กลับไม่ปฏิบัติตามระเบียบฯ หรือหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
โดยพบว่ามีรถและเครื่องจักรกลที่ต้องซ่อมบารุง แต่ไม่ได้จัดทาใบแจ้งซ่อมบารุง จานวน 3 รายการ
และไม่จัดทาสมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง จานวน 1 รายการ จากจานวนที่เลือกตรวจสอบทั้งหมด
22 รายการ แม้ว่าการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องของสานักบริหารเครื่องจักรกลจะมีจานวนไม่มากเมื่อเทียบ
กับ ส่ว นราชการภายในกรมชลประทาน 2 หน่ว ยงานข้างต้น แต่เมื่อพิจารณาถึงหน้าที่ของสานัก
เครื่องจักรกลต้องถือว่าสานักเครื่องจักรกลควรดาเนินการในการบริหารจัดการรถและเครื่องจักรกลใน
ครอบครองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ฯลฯ และจะต้องวางระบบการควบคุมภายในที่ดี
และปฏิบัติตามระบบการควบคุมภายในที่วางไว้ เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับ ส่วนราชการภายในของ
กรมชลประทานอื่น ๆ
สาเหตุที่ส่วนราชการภายในกรมชลประทานไม่มีการจัดทาใบแจ้งซ่อมบารุงและสมุด
รายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ 6) เนื่องจาก
(1) เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบขาดความรู้ ความเข้าใจในการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามที่
ระเบียบฯ และหลักการควบคุมภายในที่จัดให้มีใบแจ้งซ่อมบารุงรถและเครื่องจักรกลที่กรมชลประทาน
ได้วางไว้
(2) ผู้ บั งคับ บั ญชาตามล าดับชั้น ไม่ ได้ตรวจสอบและสอบทานการปฏิบัติงานของ
เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานในส่วนต่าง ๆ
(3) ผู้บริหารของกรมชลประทานไม่ได้ซักซ้อมความเข้าใจในเรื่องการจัดให้มีใบแจ้ง
ซ่อมบารุงทุกครั้งเมื่อต้องขออนุมัติการซ่อมบารุง และการจัดให้มีสมุดรายละเอียดการซ่อมบารุงประจา
รถและเครื่องจักรกลทุกคัน ไม่ว่ารถและเครื่องจักรกลนั้นจะมีการซ่อมบารุงหรือไม่ก็ตาม การดาเนินการ
72
ของส่วนราชการภายในกรมชลประทานในเรื่องดังกล่าวจะเป็นการปฏิบัติตามที่เคยปฏิบัติมา โดย
ไม่ได้คานึงถึงการมีระบบควบคุมภายในเกี่ยวกับการซ่อมบารุงรถและเครื่องจักรกลที่จะต้องปฏิบัติ
ตามระเบียบฯ และระบบควบคุมภายในที่วางไว้ ส่งผลให้การซ่อมบารุงรถและเครื่องจักรกลในหลาย
รายการไม่มีเอกสารแสดงการอนุมัติให้นารถและเครื่องจักรกลไปซ่อมบารุง จนอาจเป็นเหตุให้การเบิกจ่าย
ค่าซ่อมบารุงจะไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ซึ่งอาจเกิดผลกระทบกับผู้ปฏิบัติงานที่ไม่ทราบขั้นตอนการปฏิบัติงาน
ที่แท้จริง ปัญหาดังกล่าวจึงถือได้ว่า เกิดจากการขาดระบบการกากับดูแลและติดตามจากฝ่ายบริหาร
ในแต่ละลาดับชั้น ทาให้ถึงแม้กรมชลประทานจะมีระเบียบกรมชลประทานว่าด้วยยานพาหนะ พ.ศ. 2547
และได้วางระบบการควบคุมภายในสาหรับการซ่อมบารุงรถและเครื่องจักรกลไว้อย่างดีเพียงใดก็ตาม
แต่หากผู้ปฏิบัติมิได้ดาเนินการตามระเบียบฯ และระบบการควบคุมภายในที่วางไว้ การมีระเบียบฯ
และระบบการควบคุมภายในที่ดีเพียงใดก็ถือเป็นการสูญเปล่า และอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อ
กรมชลประทานได้ ซึ่งจากคาชี้แจงของเจ้าหน้าที่ระบุว่า การใช้งานรถและเครื่องจักรกลเป็นการปฏิบัติงาน
นอกสถานที่เป็นส่วนใหญ่ เมื่อมีการซ่อมบารุงจึงไม่มีการจัดทาสมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง รถและ
เครื่องจักรกล (แบบ 6)
ข้อเสนอแนะ
1. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานสั่งการให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องสารวจข้อมูล รถและ
เครื่องจักรกลของหน่วยงานกรมชลประทานที่ไม่มีการจัดทาใบแจ้งซ่อมบารุง และไม่มีการจัดทาสมุด
รายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ 6) พร้อมทั้งให้เสนอรายงานข้อมูลดังกล่าวมายังผู้บริหารอย่างเป็น
ลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นข้อมูลสาหรับการบริหารจัดการและควบคุมการซ่อมบารุงรถและเครื่องจักรกล
อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
2. ขอให้ผู้บริหารกรมชลประทานสั่งการและควบคุมกากับดูแลให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง
มีการจัดทาใบแจ้งซ่อมบารุง และให้จัดทาสมุดรายละเอียดการซ่อมบารุง (แบบ 6) ตามระเบียบที่
เกี่ยวข้อง และระบบการควบคุมภายในที่กรมชลประทานได้วางไว้อย่างเคร่งครัด
3. ขอให้ผู้บ ริห ารกรมชลประทานให้ความสาคัญ กับการควบคุมภายในที่ดีและมี
ประสิทธิภาพ สร้างค่านิยมกับเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานให้เข้าใจและเห็นความสาคัญของการมีระบบ
การควบคุมภายในที่ดี รวมทั้งหน่วยงานส่วนกลางที่เป็นหน่วยงานหลักควรเป็นต้นแบบในการปฏิบัติ
ตามระเบียบฯ และระบบการควบคุมภายในที่เกี่ยวข้อง และให้มี หน้าที่สอบทานการปฏิบัติงานของ
ส่วนราชการภายในที่อยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อสามารถแนะนาแนวทางการปฏิบัติงานที่ถูกต้องและ
เป็นไปตามระเบียบฯ รวมทั้งระบบการควบคุมภายในที่วางไว้
4. กรมชลประทานควรจัดให้มีการอบรมให้ความรู้กับผู้มีหน้าที่ในการควบคุมดูแลรถ
และเครื่องจักรกล และผู้ปฏิบัติงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับรถและเครื่องจักรกล เพื่อให้ได้รับทราบระเบียบฯ
และระบบการควบคุมภายในที่เกี่ยวกับรถและเครื่องจักรกลทั้งหมด และเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่
ถูกต้องตรงกันทั้งผู้ปฏิบัติและผู้กากับดูแล ซึ่งจะลดปัญหาในการปฏิบัติงานได้
3.6 กำรดูแลรักษำรถและเครื่องจักรกลให้พร้อมใช้งำน
กรมชลประทานเป็นหน่วยงานที่มี ภารกิจที่สาคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรน้า
โดยเฉพาะการพัฒนาแหล่งน้า การจัดสรรน้า และการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากน้า ซึ่งการดาเนินการ
เพื่อตอบสนองภารกิจที่สาคัญดังกล่าว จึงมีความจาเป็ นต้องใช้รถและเครื่องจักรกลจานวนมาก ซึ่ง
หมายความว่ากรมชลประทานจะต้องดูแลและซ่อมแซมบารุงรักษารถและเครื่องจักรกลของหน่วยงาน
73
รถและเครื่องจักรกลไม่พร้อมใช้งาน 15
รถและเครื่องจักรกลพร้อมใช้งาน 281
แผนภูมิที่ 15 กำรแสดงสัดส่วนผลกำรตรวจสอบสังเกตกำรณ์สภำพควำมพร้อมใช้งำนของรถ
และเครื่องจักรกล
จากตารางและแผนภูมิข ้า งต้น แสดงให้ เ ห็น ว่า รถและเครื่อ งจัก รกลที ่มีส ภาพ
ความพร้อมใช้งานมีจานวนสูงถึง 281 รายการ จากจานวนที่เลือกตรวจสอบ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ
95 ซึ่งแสดงถึงการที่กรมชลประทานถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหาร
พัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พ.ศ. 2560
แต่ยังคงมีรถและเครื่องจักรกลที่มีสภาพไม่พร้อมใช้งาน เป็นจานวน 15 รายการ ที่ไม่ปฏิบัติให้เป็นไป
75
พร้อมใช้งานตามที่กฎหมายและระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุ
ภาครัฐ พ.ศ. 2560 ได้กาหนดไว้อย่างเคร่งครัด
4. ขอให้ ผู้ บ ริ ห ารกรมชลประทานให้ความสาคัญกับการควบคุมภายในที่ดีและมี
ประสิทธิภาพ สร้างค่านิยมกับเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานให้เข้าใจและเห็นความสาคัญของการควบคุม
ภายในที่ดีและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งหน่วยงานส่วนกลางที่เป็นหน่วยงานหลักควรมีการสอบทาน
การปฏิบัติงานของหน่วยงานส่วนภูมิภาค เพื่อสามารถเสนอแนะแนวทางการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีและแบบแผนการปฏิบัติราชการ