You are on page 1of 21

บทที่ 1 เอกภพ

หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีบิ๊กแบง
1. การขยายตัวของเอกภพ
รับชมวีดิโอ
หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีบิ๊กแบง
1. การขยายตัวของเอกภพ
❑ เอ็ดวิน ฮับเบิล (Edwin Hubble) นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน
ได้สังเกตการเคลื่อนที่ของกาแล็กซีต่าง ๆ และวัดระยะห่างจาก
ผู้สังเกต(โลก)กับกาแล็กซี

❑ เมื่อนาข้อมูลมาเขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่างระยะห่างกับ
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของกาแล็กซีออกจากผู้สังเกต พบว่า
กราฟที่ได้มีลักษณะเป็นเส้นตรง
1 pc = 3.26 ปีแสง
1 ปีแสง = 𝟗. 𝟒𝟔𝟏 × 𝟏𝟎𝟏𝟐km
C ≈ 𝟑. 𝟎 × 𝟏𝟎𝟖 m/s
C ≈ 𝟑. 𝟎 × 𝟏𝟎𝟓 km/s
o จากกราฟ แสดงว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ของกาแล็กซี
ออกจากผู้สังเกต หรือ ความเร็วถอยห่าง (Recessional
velocity) แปรผันตรงกับระยะห่างระหว่างกาแล็กซีกับผู้
สังเกต
สามารถนาความสัมพันธ์นี้ว่า
กฎฮับเบิล-เลอร์แมท (Hubble Lemaite’s Law)

V คือ ความเร็วในการเคลื่อนที่ของกาแล็กซีออกจากผู้สังเกต
หรือความเร็วถอยห่าง (kms-1)
D คือ ระยะห่างระหว่างกาเล็กซีกับผู้สังเกต (Mpc)
H0 คือ ค่าคงตัวของฮับเบิล (Hubble constant) (73±2 kms-1/Mpc)
2. ไมโครเวฟพื้นหลังจากอวกาศ
▪ นักวิทยาศาสตร์ ได้ตั้งสมมติฐานว่า ถ้าเอกภพเริ่มต้นจากบิ๊กแบงเมื่อประมาณ 13,800 ล้านปีมาแล้ว เอกภพควร
มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดในช่วงวิวัฒนาการของเอกภพค้างอยู่ในอวกาศ ถ้าเอกภพมีการขยายตัว อุณหภูมิพื้น
หลังหรืออุณหภูมิเฉลี่ยของอวกาศควรลดลง และมีค่าสอดคล้องกับอุณหภูมิของการแผ่รังสีของคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้าที่เหลืออยู่
▪ รัลฟ์ อัลเฟอร์ (Ralph Alpher) และ โรเบิร์ต เฮอร์แมน (Robert Herman)ในปี พ.ศ. 2491 ได้พยายาม
คานวณหาอุณหภูมิพื้นหลังของเอกภพ ซึ่งได้ค่าประมาณ 5 เคลวิน
❖ในปี พ.ศ. 2508 อาร์โน เพนเซียส (Arno A. Penzias)และ โรเบิร์ต วิลสัน
(Robert W. Wilson) นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันจากห้องปฏิบัติการ
โทรศัพท์เบล ขณะทดสอบระบบเครื่องรับสัญญาณที่ติดอยู่กับกล้องโทรทรรศน์
วิ ท ยุ และพบสั ญ ญาณรบกวนในช่ ว งคลื่ น ไมโครเวฟตลอดเวลา แม้ มี ก าร
ปรับเปลี่ยนทิศทางของเสาอากาศแล้วก็ตาม ยังพบสัญญาณรบกวนอยู่ในทุก
ทิศทาง
❖เมื่ อ น าข้ อมู ล มาเปรี ย บเที ยบกั บ ผลจากแบบจาลองตามทฤษฎี บิ๊ก แบงของ
โรเบิร์ต ดิก (Robert Dicke) และคณะ ซึ่งกาลังศึกษาอุณหภูมิพื้นหลังของ
เอกภพ ทาให้ได้ข้อสรุปว่าคลื่นที่พบดังกล่าวเป็นไมโครเวฟพื้นหลังจากอวกาศ
o ในปี พ.ศ. 2532 NASA ได้ส่งดาวเทียมสารวจอวกาศโคบี (Cosmic Background Explorer : COBE)
ขึ้นไปในอวกาศ เพื่อตรวจสอบและยืนยันการพบไมโครเวฟพื้นหลังจากอวกาศ
o คลื่นไมโครเวฟพื้นหลังจากอวกาศมีการกระจาบยตัวอย่างสม่าเสมอในทุกทิศทางจากอวกาศ และมีความ
สอดคล้องกับการแผ่รังสีของวัตถุดาที่มีอุณหภูมิ 2.73 เคลวิน ซึ่งเป็นอุณหภูมิของเอกภพในปัจจุบันที่
ลดลงจากอุณหภูมิหลังบิ๊กแบง
บทที่ 1 เอกภพ
กาแล็กซีและกาแล็กซีทางช้างเผือก
กาแล็กซี
ช่วงเวลาประมาณ 300,000 ปี – 1,000 ล้านปีหลังบิ๊กแบง อะตอมของไฮโดรเจนและฮีเลียมรวมตัวกัน
เกิดเป็นเนบิวลา เนบิวลายุบตัวเกิดเป็นดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์อยู่รวมกันเป็นกาแล็กซี หรือดาราจักร
กาแล็กซีประกอบด้วยดาวฤกษ์หลายล้านดวงที่อยู่รวมกันเป็นระบบ เนบิวลา และสสารระหว่างดวงดาว
(Interstellar medium) โดยองค์ประกอบทั้งหมดของกาแล็กซีอยู่รวมกันด้วยแรงโน้มถ่วง
จากการสังเกตกาแล็กซีบนท้องฟ้าด้วยกล้องโทรทัศน์ พบว่า กาแล็กซีมีรูปร่างแตกต่างกัน เช่น กาแล็กซีรี
กาแล็กซีเลนส์ กาแล็กซีกังหัน กาแล็กซีกังหันแบบมีคาน และนอกจากนี้ยังมีกาแล็กซีอีกจานวนมากที่ไม่มี
รูปร่าง เรียกว่า กาแล็กซีไร้รูปแบบ
ประเภทของกาแล็กซี

กาแล็กซีรี กาแล็กซีเลนส์ กาแล็กซีกังหัน กาแล็กซีกังหันแบบมีคาน

กาแล็กซีเลนส์ กาแล็กซีรี กาแล็กซีกังหัน กาแล็กซีกังหันแบบมีคาน


ประเภทของกาแล็กซี
เราแบ่งกาแล็กซีตามรูปร่างที่ปรากฎ
1. กาแล็กซีรี (elliptical galaxy) เป็นกาแล็กซีที่เป็นรูปทรงรี ใช้
สัญลักษณ์ E โดย E0 มีความรีน้อยที่สุด และ E7 มีความรีมากที่สุด เช่น
กาแล็กซี Messier 87 กาแล็กซี Messier 59
2. กาแล็กซีกังหัน หรือ กาแล็กซีก้นหอย (spiral galaxy) ใช้สัญลักษณ์ S แบ่งได้ 2 ประเภทได้แก่
กาแล็กซีกังหันธรรมดา และ กาแล็กซีกังหันแบบมีคาน
2.1 กาแล็กซีกังหันธรรมดา โดยกาแล็กซีกังหันชนิด Sa มี
แขนใกล้ชิดกันกว่าชนิด Sb และ Sc และสัดส่วนของ
ขนาดนิวเคลียส Sa มากกว่า Sb และ Sc ตามลาดับ เช่น
M81, NGC 5457 กาแล็กซีแอนดรอเมดา เป็นกาแล็กซี
ชนิด Sb

2.2 กาแล็กซีกังหันแบบมีคาน ใช้สัญลักษณ์ SB โดย


กาแล็กซีกังหันมีคานชนิด SBa มีแขนใกล้ชิดกันกว่าชนิด
SBb และ SBc เช่น กาแล็กซีทางช้างเผือกเป็นกาแล็กซี
ชนิด SBb
3. กาแล็กซีเลนส์ หรือ กาแล็กซีลูกสะบ้า (lenticular galaxy) เป็นกาแล็กซีที่มีรูปทรง
คล้ายเลนส์นูน ใช้สัญลักษณ์ S0 เช่น NGC 2787, NGC 5866
4. กาแล็กซีไร้รูปแบบ เป็นกาแล็กซีที่มีรูปทรงแตกต่างจากกาแล็กซีปกติ เช่น กาแล็กซี IC3583
กาแล็กซีแมเจลแลนใหญ่ และกาแล็กซีแมเจลแลนเล็ก
สรุป
กิจกรรมกาแล็กซีทางช้างเผือก
ผลการทากิจกรรม
นิวเคลียส จาน ฮาโล ดุมกาแล็กซี ระบบสุริยะ

ดุมกาแล็กซี

ระบบสุริยะ

จาน

นิวเคลียส
ฮาโล
คาถามตอนที่ 2

2. นาคาที่กาหนดให้ข้างต้นเติมในช่องว่างหน้าข้อความให้สอดคล้องกับคาอธิบาย
ฮาโล
ก. …………………….บริ เวณที่อยู่รอบนอกสุดของกาแล็กซีทางช้างเผือก
นิวเคลียส
ข. …………………….บริ เวณที่มีจานวนดาวฤกษ์รวมตัวกันอย่างหนาแน่น
จาน
ค. ………………….บริ เวณที่มองเห็นเป็นเกลียวคล้ายกังหันและเป็นตาแหน่งที่อยู่ของระบบสุริยะ
คาถามท้ายกิจกรรม

แนวคาตอบ กาแล็กซีทางช้างเผือกมีรูปร่างเป็นกาแล็กซีกนั หันมีคาน


โครงสร้างประกอบด้วย นิวเคลียส จาน และฮาโล

แนวคาตอบ ระบบสุริยะอยู่ที่โครงสร้างส่วนที่เป็นจาน โดยอยู่ห่างจาก


ศูนย์กลางของกาแล็กซี ประมาณ 30,000 ปีแสง
สรุป
กาแล็กซีทางช้างเผือก มีโครงสร้างหลัก คือ นิวเคลียส จาน และ ฮาโล โดย
นิวเคีลยสอยู่ในส่วนที่เรียกว่า ดุมกาแล็กซี และตาแหน่งของระบบสุริยะอยู่ใน
บริเวณจานของกาแล็กซี

You might also like