Professional Documents
Culture Documents
ชื่อโครงงาน การบําบัดน้ําเสียโดยใชจุลินทรียในปุยหมัก
ชื่อผูปฏิบัติ น.ส. ศศิกาญจน เตชะบรรณะปญญา
ชั้น มัธยมศึกษาปที่ 6
สถาบัน โรงเรียนศึกษานารี
นักวิทยาศาสตรพี่เลี้ยง ผูชวยศาสตราจารยดร.ภาวิณี ชัยประเสริฐ
บทคัดยอ
การบําบัดน้ําเสียโดยใชจุลินทรียในปุยหมัก เปนโครงงานที่ตองการศึกษาการทํางานของ จุลินทรียที่มี
อยูในปุยหมัก ซึ่งนอกจากจุลินทรียจะสามารถยอยสลายสารอินทรียในกองปุยหมักไดแลว ยังสามารถยอยสลาย
สารอินทรียในน้ําได โดยใชกระบวนการบําบัดน้ําเสียแบบไรอากาศหรือไรออกซิเจน ซึ่งเปนกระบวนการที่
เหมาะกับการบําบัดน้ําเสียที่มีความเขมขนของสารอินทรียสูง หรือมีคา COD สูง
ในการทําปุยหมักที่ทํากันทั่วไปในการเกษตร สวนใหญเปนการทําปุยหมักแบบไรนา ซึ่งเกิดจากิจกรรม
ของจุลินทรียหลายชนิดในธรรมชาติยอยสลายสารอินทรียซึ่งเปนองคประกอบของเศษพืช หรือเศษวัสดุตางๆ
จนกระทั่งไดสารอินทรียไมมีกลิ่น มีสีน้ําตาลปนดํา แตการทําปุยชนิดนี้ใชระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนขึ้นไป ซึ่ง
เปนระยะเวลาที่ยาวนาน แตสําหรับการทําโครงงานที่มีเวลาจํากัดวิธีดังกลาวจึงไมคอยเหมาะสมนัก จึงไดทําปุย
หมักวิธีเรงเชื้อโดยใชเชื้อ EM ซึ่งมีประสิทธิภาพในการยอยสลายอินทรีย ใชเสลานานเพียง 7-10 วันก็สามารถ
นํามาใชได ซึ่งปุยหมักชนิดนี้จะมีลักษณะเปนของเหลวสีเหลือง มีกลิ่นอมเปรี้ยวหรือมีกลิ่นเหมือนเชื้อเห็ด และ
สวนที่นําไปใชบําบัดน้ําเสียเปนของเหลวสีเหลือง ซึ่งมีวัตภาคเดียวกับน้ําเสีย คือสถานะเปนของเหลวเหมือนกัน
เมื่อนําน้ําจากปุยหมักมาเติมลงในน้ําเสีย ก็จะผสมเปนเนื้อเดียวกัน
ในการทําปุยหมักเพื่อนํามาบําบัดน้ําเสีย ไดใชวัสดุนําตางๆกันมาทําปุยหมัก ไดแก เศษเปลือกสับปะรด
และเศษผักคะนา เพื่อตองการทดลองหาวาจุลินทรียที่อยูในปุยหมักไดที่จากวัสดุชนิดใด มีประสิทธิภาพในการ
บําบัดน้ําเสียไดดีกวากัน
แตกอนที่จะนําปุยหมักที่หมักไดครบตามกําหนดไปบําบัดน้ําเสีย ตองมีการวัดปริมาณเชื้อจุลินทรียที่มี
ในน้ําที่ไดจากปุยหมัก โดยวัดจากคามวลชีวภาพ (Bio Mass) และนําน้ําจากปุยนั้นไปผสมกับน้ําเสียหรือน้ําแปงที่
ใชในการทดลองในอัตราสวนที่ตางๆกัน เพื่อนําไปเปรียบเทียบและคํานวณปริมาณของเชื้อจุลินทรียที่เหมาะสม
กับปริมาณสารอินทรียน้ําเสียที่นํามาทดลอง ซึ่งจะทําให เชื้อจุลินทรียสามารถบําบัดน้ําเสียไดอยางมีประสิทธิภาพ
เพราะถ า น้ํ า เสี ย มี ป ริ ม าณสารอิ น ทรี ย สู ง แต มี เ ชื้ อ จุ ลิ น ทรี ย อ ยู น อ ย เชื้ อ จุ ลิ น ทรี ย ก็ จ ะไม ส ามารถย อ ยสลาย
สารอินทรียที่มีอยูในน้ําเสียได
การตรวจวัดคุณภาพน้ําทําไดหลายวิธีโดยวัดจาก คาความเปนกรด-เบส (pH), คา DO, คา BOD, คา
COD, คา Alkalinity ฯลฯ สําหรับโครงงานการบําบัดน้ําเสียโดยใชจุลินทรียในปุยหมักนี้ตรวจวัดคุณภาพน้ําโดย
วัดจากคาความเปนกรด-เบส (pH) และคาCOD เพราะสามารถหลังจากใชอุปกรณตรวจวัดแลว ผลจะปรากฏทันที
และบันทึกผลไดทันที ไมตองนําไปคํานวณหลายขั้นตอน และไมเกิดความสับสนในการบันทึกผลและในระบบ
บําบัดน้ําเสียที่ดีจะตองมีคา pH ประมาณ 7 หรือเปนกลาง และคา COD จะตองต่ําลง
แตหลังจากการบําบัดน้ําแปง คุณภาพน้ําที่ผานการบําบัดโดยจุลินทรียในปุยหมักยังไมดีขึ้นเทาที่ควร
เห็นไดจากคา pH ซึ่งอยูมีสภาพเปนกรด และคา COD ในบางชวงยังมีการเพิ่มขึ้นบางและบางชวงก็ลดลงเพราะ
เชื้อจุลินทรียยังมีปริมาณนอยเมื่อเทียบกับปริมาณสารอินทรียหรืออาหาร จึงทีการยอยสลายสารอินทรียไดนอย
หรือไมสามารถบําบัดได และในการบําบัดน้ําเสียโดยใชปุยหมักที่หมักจาก เศษคะนา คา COD ลดลง และคา pH
สูงกวาระบบอื่นๆซึ่งอาจเปนไปไดวาจะมีเชื้อกลุมหนึ่งเกิดขึ้นในปุยหมักที่ไดจากการหมักเศษผักคะนา แตไมมีใน
ระบบอื่นๆและเปนเชื้อที่เหมาะสมตอการ ยอยสลายสารอินทรียใ นน้ําแปง
การบําบัดน้ําเสียโดยใชจุลินทรียในปุยหมัก ถามีการควบคุมคา pH ในระบบ และมีเชื้อมีการเจริญและมี
การขยายพันธุมาก ผลการทดลองนาจะไดผลดีกวานี้ คือคา COD จะลดลง และคา pH ประมาณ 7 และสามารถนํา
กระบวนการบําบัดน้ําเสียแบบไมใชอากาศ ไปรวมกับกระบวนการบําบัดน้ําเสียอื่นๆก็จะทําใหน้ําที่ผาการบําบัด
จะมีคุณภาพดีขึ้น และสามารถปลอยลงสูแหลงน้ําไดโดยไมทําให เกิดมลภาวะทางน้ํา
รายงานโครงงานวิทยาศาสตร (ฉบับยอ)
ความสําคัญและที่มาของโครงงาน
ในกระบวนการผลิตทางดานอุตสาหกรรม น้ํานับเปนปจจัยสําคัญอยางยิ่ง ปจจัยหนึ่งที่มีความจําเปน ทั้ง
ในแงของการดํารงชีวิตกระบวนการผลิต และในแงขององคประกอบเพิ่มเสริมในประบวนการการผลิตดังนั้นน้ํา
ทิ้งจากครัวเรือนที่มีคราบไขมันและสารอินทรียอยูสูง และน้ําทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมนอกจากจะมีอุณหภูมิที่
สูงแลว ยังมีสารอินทรีย สารอนินทรียปนอยูมากมาย เมื่อปลอยลงสูแหลงน้ําโดย ไมมีการบําบัดน้ําทิ้งเสียกอน สิ่ง
เหลานี้ก็จะสงผลกระทบตอสภาพแวดลอมใหเสื่อมโทรมลง
ปญหาเกี่ยวกับน้ําเสียเปนปญหาใหญ ซึ่งเกิดขึ้นอยางตอเนื่อง และทวีความรุนแรงขึ้นตามลําดับจึงเปน
เรื่องที่รอไมได ทุกคนตองรวมมือรวมใจในการแกไขทั้งที่เปนตนเหตุและปลายเหตุ กอนอื่นตองรวมมือกันใชน้ํา
อยางประหยัด ปริมาณน้ําทิ้งจะนอยลง ไมทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลและน้ําไขมันตางๆที่เกิดการประกอบอาหาร และการ
ลางภาชนะอุปกรณที่กอใหเกิดน้ําเสียลงสูแหลงน้ําที่มีผลใหปริมาณออกซิเจนละลายไดนอยลงทําใหเกิดน้ําเสียได
งาย
สําหรับการแกปญหาที่ปลายเหตุ คือการบําบัดน้ําเสีย เพื่อใหน้ําเสียมีคุณภาพดีกอนที่จะระบายลงสู
แมน้ําเพื่อไมใหเกิดผลกระทบตอสิ่งแวดลอม และสามารถนําน้ําที่ผานการบําบัดแลวมาใชไดอีก เชน นําไปรด
โคนตนไม รดสนามหญา ลางพื้นบาน หรือนําไปใชหลอเย็นของเครื่องจักรในโรงงาน อุตสาหกรรม เปนตน
สําหรับน้ําเสียที่มีความเขมขนของสารอินทรียสูง สามารถนําไปบําบัดโดยใชแบคทีเรียแอนแอโรบิก
(Anaerobic bacteria) เปนตัวยอยสลายสารอินทรียในน้ํา ทําใหคา COD ต่ําลง คุณภาพน้ําดีขึ้น ในขณะที่ปุยหมักที่
หมักจนครบกําหนดเวลาแลว คือจะมีลักษณะเปนของเหลวสีเหลืองๆ กลิ่นอมเปรี้ยวๆ หรือกลิ่นเหมือนเชื้อเห็ด
ซึ่งมีแบคทีเรียประเภทยอยสลายสารอินทรียโดยไมใหอากาศหรือแบคทีเรียแอนแอโรบิก (Anaerobic bacteria) อยู
สามารถนํามาบําบัดน้ําเสียที่มีปริมาณสารอินทรียปนอยูได
วัตถุประสงคของโครงงาน
1. เพื่อศึกษาผลการบําบัดเสียโดยใชน้ําปุย
2. เพื่อศึกษาวัตถุดิบตางชนิดในการทําปุยหมักที่มีผลตอการทํางานของแบคทีเรีย
วิธีดําเนินการ
1. ขั้นเตรียม
1.1 อุปกรณสําหรับหมักปุย
- ถัง 2 ถัง สําหรับหมักปุย
- เชื้อจุลินทรีย (เชื้อ EM) ชนิดเปนของเหลว
- ขยายเชื้อ EM
เชื้อ EM 2 ชอนโตะ : กากน้ําตาล 2 ชอนโตะ : น้ําสะอาด 1 ลิตร
ในถังปดฝาสนิท หมักไวอยางนอย 3 วัน
1.2 อุปกรณสําหรับบําบัดน้ําเสีย
- ขวดรูปชมพู 4 ขวด
- ขวดแกวมีฝาปดขนาดเล็ก 12 ขวด
- จุกยาง 2 รู เสียบทอนํากาซ
- สายยางขนาดเทากับทอนํากาซ
- น้ําแปงมันสําปะหลัง
2. ขั้นเตรียม
นําเศษผัก หรือผลไม มาตัดใหเปนชิ้นเล็กๆ ใสในถัง 3 ถัง
1. ถังที่ 1 ใสเศษเปลือกสับปะรด
2. ถังที่ 2 ใสเศษผักคะนา
3. ถังที่ 3 ใสเศษผักคะนาและเปลือกสับปะรดรวมกัน
2.2 ใสเชื้อจนทวมเศษผักผลไมพอดี ปดฝาใหสนิท
2.3 หมักปุยน้ํา ใชเวลาประมาณ 15 – 20 วัน
3. ขั้นเตรียม
หาปริมาณเชื้อตามวิธี V.S.S และ S.S.
- เชื้อ EM ขยาย
- ปุยหมักจากเปลือกสับปะรด
- ปุยหมักจากเศษผักคะนาและเปลือกสับปะรด
4. ขั้นทดสอบอัตราสวนที่เหมาะสมของปุยหมักและน้ําแปงมันสําปะหลัง
นําปุยน้ําที่หมักแตละชนิดตามเวลาที่กําหนด แลวนํามาเติมในน้ําเสียจากโรงงานแปงมันสําปะหลัง ซึ่งมี
สารอินทรียสูง และ COD สูง ในขวดแกวขนาดเล็ก
- ปุยหมักจากเปลือกสับปะรด : น้ําแปง 1:10, 2:10, 3:10, 4:10, 5:10
- ปุยหมักจากผักคะนา : น้ําแปง 1:10, 2:10, 3:10, 4:10, 5:10
- ปุยหมักจากเปลือกสับปะรดและผักคะนารวมกัน : น้ําแปง 1:10, 2:10, 3:10, 4:10, 5:10
4.2 หมักเปนเวลา 24 ชั่วโมง
4.3 วัดคุณภาพน้ําเสียที่ผานการบําบัดโดยใชปุยหมัก ที่หมักเปนเวลา 24 ชั่วโมง
5. ขั้นบําบัดน้ําเสีย
5.1 เลือกความเขมขนของปุยหมักและน้ําแปงที่เหมาะสมแลว ใสลงในขวดรูปชมพู ปดจุกยาง
ตอทอนํากาซใหสนิท
5.2 ขวดที่ 1 ปุยหมักจากเปลือกสับปะรด : น้ําแปง
ขวดที่ 2 ปุยหมักจากผักคะนา : น้ําแปง
ขวดที่ 3 เชื้อ EM : น้ําแปง
ขวดที่ 4 น้ําแปงอยางเดียว
5.3 วัดคุณภาพน้ําเสียที่ผานการบําบัดโดยใชปุยหมัก โดยวัก วันเวนวัน
- วัดคา COD
- วัดคา pH
ผลการทดลอง
1. ตาราง BIO MASS ของปุยและเชื้อ EM ขยาย (กรัม/ลิตร)
ชนิดของปุยหมัก S.S V.S.S
1. จากเปลือกสับปะรด 3.04 2.73
2. จากเศษผักคะนา 1.55 1.29
3. จากเปลือกสับปะรดและเศษผักคะนา 1.78 1.53
4. เชื้อ EM ขยาย 3.08 2.87
2. ตารางคา COD และ pH ของการหมักในขวดเล็กเปนเวลา 24 ชั่วโมง
2.1 คา COD เริ่มตนและหลังหมัก 24 ชั่วโมง (เจือจาง 1:10)
หมายเหตุ: + เพิ่มขึ้นจากเดิม
- ลดลงจากเดิม
* ไมไดวัดคา COD
2.2 คา pH เริ่มตนและหลังหมัก 24 ชั่วโมง
อัตราสวนน้ํา 1:10 2:10 3:10 4:10 5:10
:ปุย กอน หลัง กอน หลัง กอน หลัง กอน หลัง กอน หลัง
ชนิดของปุย
1.จากเปลือกสับปะรด 3.79 3.38 3.47 3.36 3.38 3.31 3.36 3.29 3.32 3.25
2.จากเศษผักคะนา 3.52 3.52 - - 3.79 3.81 - - 4.42 4.22
3.จากเปลือกสับปะรดและเศษผักคะนา - . - - - - - - - -
หมายเหตุ: - ไมไดวัดคา pH
3. ตารางคา COD และ pH ขั้นบําบัดจริง ในขวดรูปชมพู
ชนิดของปุย เปลือกสับปะรด เศษผักคะนา เชื้อ EM ขยาย น้ําแปงมันเปลา
วัน COD (เจือจาง pH COD (เจือจาง pH COD (เจือจาง pH COD (เจือจาง pH
เดือนป 1:10) 1:10) 1:10) 1:10)
29 พ.ย. 43 4500 3.51 2600 4.01 3000 3.48 4600 3.56
1 ธ.ค. 43 4500 3.52 2300 3.92 3500 3.39 4600 3.47
4 ธ.ค. 43 4500 3.67 2600 4.18 2600 3.56 4200 3.64
6 ธ.ค. 43 5000 3.93 2600 4.06 3800 3.61 4500 3.69
9ธ.ค. 43 -* 3.96 -* 3.90 -* 3.61 -* 3.70
18 ธ.ค. 43 4500 3092 2500 4.70 3300 3.76 5000 3.74
20 ธ.ค. 43 4700 4.00 1700 4.85 3300 3.83 4700 3.76
22 ธ.ค. 43 4100 - 1000 - 4000 - 5000 -
หมายเหตุ: -* ไมไดวัดคา COD เนื่องจาก COD Reacter หมด
สรุปและวิจารณผลการทดลอง
1. น้ําจากปุยหมักสามารถบําบัดน้ําเสียไดไมดีเทาที่ควร เปนเพราะปริมาณเชื้อจุลินทรียตออาหารยัง
นอยเกินไป เชื้อจุลินทรียจึงไมสามารถยอยอาหารไดอีเทาที่ควร
2. น้ําจากปุยหมักที่ไดจากการหมักเศษผักคะนา ทําใหคา COD ลดลงไดดีกวาน้ําจากปุยหมักที่ไดจาก
การหมัก เปลือกสับ ปะรด และน้ํา จากเชื้อ EM ขยายอย างเดีย ว ปริมาณเชื้อ น้ําจากปุ ย หมักเศษ
ผักคะนา มีนอยกวาที่ไดจากเปลือกสับปะรดและเชื้อ EM ซึ่งอาจเปนไปไดวาจะมีเชื้อกลุมหนึ่ง
เกิดขึ้นในปุยหมักที่ไดจากการหมักเศษผักคะนา และเปนเชื้อที่เหมาะสมตอการยอยสลายน้ําแปง
มันสําปะหลัง
3. จากการสังเกตคา ความเปนกรด- เบส หรือ pH เมื่อมีคา pH สูง คา COD ระบบจะนอยกวาในระบบ
ที่มี pH ต่ํา ในสภาวะที่เปนกรด
ขอเสนอแนะ
1. ศึกษาเมื่อเปลี่ยนสภาพความเปนกรดเปนเบส เพื่อเปรียบเทียบ
2. ถามีการศึกษาและควบคุมคาความเปนกรด-เบส ผลการทดลองคา COD นาจะลดลงมากกวานี้เพราะ
ความเปนกรด-เบส มีผลตอจุลินทรีย
3. สามารถตรวจสอบคุฯภาพน้ําโดยใชวิธี Alkalinity สามารถควบคุมกรด-เบสได
4. วิเคราะหจุลินทรีย โดยหากิจกรรมการยอยสลายสารอินทรีย ศึกษารูปราง ศึกษาสภาพความเปนกรดเบส
อุณหภูมิ และชนิดอาหาร ฯลฯ
5. ทดสอบโดยใชจุลินทรียหลายชนิดมาทําปุยหมัก เพื่อบําบัดน้ําเสียเปรียบเทียบกัน
เอกสารอางอิง
การไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทย 2543. นิทรรศการวิถีเพื่อการพัฒนาอยางยั่งยืน วันที่ 5-7 กรกฎาคม 2543 กอง
การพิมพ ฝายประชาสัมพันธ กฟผ. 87 หนา.
นิรนาม. (2536). การประยุกตใชจุลินทรีย อีเอ็ม เพื่อสุขภาพและสิ่งแวดลอมในวันนี้
โครงการปรับปรุงบํารุงดินดวยอินทรียวัตถุ, กลุมอินทรียวัตถุและวัสดุเหลือใช และกองอนุรักษดินและน้ํา กรม
พัฒนาที่ดิน 2537. คูมือรัญเรื่อง การปรับปรุงบํารุงดินดวยอิทรียวัตถุ มกราคม 2537 119 หนา