Professional Documents
Culture Documents
Untitled
Untitled
อ. ชวี น
ิ มัลลิกะมาลย์
็ ปกติ
ทบทวน กรณีเรียกเก็บเงินตามเชค
ผู ้สงั& จ่าย ออกเชค็ ให ้เป็ นต่อ เป็ นต่อเอาเชค ็ ไป
ขึน
; เงินกับธนาคาร SCB และธนาคารจ่ายเงิน
ผู ้สงั& จ่าย สดตามเชค ็ หรือ เป็ นต่ออาจจะมีบญ ี ยูท
ั ชอ ่ ี&
ธนาคาร SCB เป็ นต่อก็เอาเชค ็ ไปเข ้าบัญชท ี ี&
ธนาคาร SCB เลย และธนาคารต ้องปฏิบต ั ใิ ห ้
ถูกต ้องตามมาตรา 1009
ธนาคาร เป็ นต่อ
SCB ผู ้สงั& จ่าย ออกเชค็ ให ้เป็ นต่อ เป็ นต่อเอาเชค ็ ไป
เข ้าธนาคาร BBL ซงึ& ตัวเองมีบญ ั ชอี ยู่ ธนาคาร
BBL จะเอาเชค ็ ไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร
SCB แล ้วก็จะเอาเงินเข ้าบัญชข ี องเป็ นต่อ (การ
ผู ้สงั& จ่าย เรียกเก็บเงินจะกระทําผ่านสํานักหักบัญช ี
เป็ นต่อ clearing house)
กรณีนี; ธนาคาร BBL จะเป็ นตัวแทน
ธนาคาร SCB เรียกเก็บเงิน โดยจะต ้องไปเก็บเงินจาก
ธนาคาร SCB
ธนาคาร BBL
ธนาคาร SCB จะมีฐานะเป็ น
้ น (paying bank)
ธนาคารผู ้ใชเงิ ธนาคาร BBL จะมีฐานะเป็ น ธนาคาร
ผู ้เรียกเก็บเงิน (collecting bank)
บทบัญญัตท
ิ ค ้ นตามเชค
ี& ุ ้มครองธนาคารใชเงิ ็ ขีดคร่อม
กรณีแรก
ผู ้สงั& จ่าย:
สมร หากเป็ นต่อได ้เชค็ ขีดคร่อม
ธนาคาร SCB มา และเป็ นต่อมี
บัญชธี นาคารไทยพาณิชย์พอดี
ธนาคาร เป็ นต่อ ็ ไปเข ้าบัญชธี นาคาร
เป็ นต่อนํ าเชค
SCB ไทยพาณิชย์
เมือ
& ธนาคาร BBL ขีดคร่อมเฉพาะให ้ตนเองแล ้ว ถ ้าธนาคาร
BBL กระทําถูกต ้องตามมาตรา 1000 ก็จะได ้รับความคุ ้มครอง
ตามมาตรา 1000
อธิบายมาตรา 998
ชวี น ็ ทีไ& ด ้รับจาก สหกรณ์ ม.
ิ นํ าเชค
ผู ้สงั& จ่าย:
เกษตร ไปเข ้าบัญช ี SCB ของตัวเอง
สหกรณ์ ม.
เกษตร
ธนาคาร ชวี น
ิ กรณีนเีP ป็ นการจ่ายเงินให ้กับผู ้ทรง
SCB ตัวจริง ก็ไม่มใี ครต ้องรับผิดจากการ
จ่ายเชค ็ นีP
เป็ นตอ
่ เหรียญทอง
ก่อนเรียกเก็บเงิน นาย
ธนาคาร หาย
เป็ นต่อ นิยม นิยมเป็ นผู ้ทรงโดย
SCB ชอบหรือไม่
หากไม่ปฏิบต ั ต
ิ าม 998 (เชน ่ ใชเงิ
้ นตามเชค ็ ขีดคร่อมด ้วย
เงินสด) ก็ต ้องรับผิดต่อเจ ้าของทีแ& ท ้จริงตาม 997
(2) ปฏิบต
ั ต
ิ ามมาตรา 998
(2) ปฏิบต
ั ต
ิ ามมาตรา 998
มาตรา 998 ธนาคารใดซงึ& เขานํ าเชค ็ ขีด ธนาคาร SCB ทีน 3 ายนิยมเอาเชค ็ ขีด
คร่อมเบิกเงิน ใชเงิ ้ นไปตามเชค ็ นัน
; โดย ้ นไป
คร่อมมาเรียกเก็บเงิน ต ้องใชเงิ
สุจริตและปราศจากประมาทเลินเล่อ โดยสุจริต และปราศจากประมาท
กล่าวคือว่าถ ้าเป็ นเชค ็ ขีดคร่อมทัว& ไปก็ใช ้
เลินเล่อ
เงินให ้แก่ธนาคารอันใดอันหนึง& ถ ้าเป็ นเชค ็
ขีดคร่อมเฉพาะก็ใชให ้ ้แก่ธนาคารซงึ& เขา
เจาะจงขีดคร่อมให ้โดยเฉพาะ หรือใช ้
ให ้แก่ธนาคารตัวแทนเรียกเก็บเงินของ
ธนาคารนัน ; ไซร ้ ท่านว่าธนาคารซงึ& ใชเงิ ้ น
ไปตามเชค ็ นัน
; ฝ่ ายหนึง& กับถ ้าเชค ็ ตกไปถึง ประเด็นทีข & ดี เสนใต้ ้ รศ.ไพทูรย์ ได ้อธิบาย
มือผู ้รับเงินแล ้ว ผู ้สงั& จ่ายอีกฝ่ ายหนึง& ต่างมี ว่า ”ถ ้าหากเชค ็ ขีดคร่อมนัน ; ได ้สง่ มอบถึง
ิ ธิเป็ นอย่างเดียวกัน และเข ้าอยูใ่ นฐานะ ผู ้รับเงินแล ้ว ผู ้สงั& จ่ายเชค ็ ขีดคร่อมย่อมไม่
สท
อันเดียวกันเสมือนดังว่าเชค ็ นัน ้ น
; ได ้ใชเงิ ต ้องรับผิดต่อผู ้รับเงินซงึ& เป็ นเจ ้าหนีอ ; ก
ี
ต่อไป”
ให ้แก่ผู ้เป็ นเจ ้าของอันแท ้จริงแล ้ว
สมร
กรณีนี\ ถ ้าธนาคาร SCB ทําถูกต ้อง SCB ไม่ต ้องรับผิดต่อเป็ นต่อเจ ้าของทีแ & ท ้จริง และหนีร\ ะหว่าง สมร
และเป็ นต่อก็ระงับไป (ตามทีก& ฎหมายบอกว่า กับถ ้าเชค ็ ตกไปถึงมือผู ้รับเงินแล ้ว ผู ้สงั& จ่ายมีสท
ิ ธิอย่าง
& ท ้จริง แม ้ว่า นิยมจะไม่ใชเ่ จ ้าของทีแ
เดียวกัน เสมือนว่า SCB จ่ายเงินให ้เจ ้าของทีแ & ท ้จริงก็ตาม)
็ ขีดคร่อมมาขอเบิกเงินสดจาก SCB จะมี
คําถาม หากนิยมเอาเชค
ผลอย่างไร?
สมร
L
BB
เป็ นตอ
่ เหรียญทอง
B
SC
r ica
e
Am
of
k เ ทพ
B an ร งุ
ก
าร
นาค กเก
บ็
ธ อื6 เ
รยี
เพ
็ ตัวแทนเรียกเก็บเงิน
เชค
้ นตามเชค
มาตรา 997 วรรคสอง ‘ใชเงิ ็ อันเขาขีดคร่อมทัว3 ไปเป็ นประการอืน
3
้ ้แก่ธนาคารใดธนาคารหนึง3 ’
นอกจากใชให
เป็ นตอ
่ เหรียญทอง
การลบล ้างไม่ถอ
ื ว่าชอบ
ด ้วยกฎหมาย
สมร
หากนายนิยมไปเรียกเก็บเงินตามเชค ็ ทีต
& นเอง ลบรอยขีดคร่อมไป ก็
ไม่มผ
ี ลต่อเชค็ (เชค
็ นัน
P ยังเป็ นเชค็ ขีดคร่อมอยู)่ หากธนาคารจ่ายเงิน
สดให ้นายนิยมไป ก็ยอ ่ มถือว่า ธนาคารจ่ายเงินไม่ชอบตามมาตรา
997 วรรคสอง (ในสว่ นทีว& า่ ใชเงิ้ นตามเชค ็ อันเขาขีดคร่อมทัว& ไปเป็ น
ประการอืน& นอกจากใชให ้ ้แก่ธนาคารใดธนาคารหนึง& )
นายเป็ นต่อทําเชค็ หายซงึ& เป็ นเชค ็ ขีดคร่อม นายนิยมเก็บได ้ และนาย
นิยมปลอมลายมือชอ ื& เป็ นต่อ เพือ
& สลักหลังให ้กับตนเอง อย่างไรก็
ตาม นายนิยมเห็นว่า หากนํ าเชค ็ ไปเรียกเก็บเงินก็ต ้องนํ าเชค
็ เข ้า
บัญชแ ี ละจะสามารถตามตัวนายนิยมได ้ นายนิยมได ้ลบรอยขีดคร่อม
ออกซงึ& การลบรอยขีดคร่อมนีไ P ม่อาจมองเห็นด ้วยตาเปล่าต ้องใช ้
กล ้องจุลทรรศน์ซงึ& ขยาย 70 กว่าเท่าของตาเปล่าดู จึงเห็นมีรอยขูด
และต ้องใชกล้ ้องแสงอุลตราไวโอเล็ตตรวจซาํP อีกจึงจะเห็นชด ั เจน
นายนิยมได ้ไปเบิกเงินสดจากธนาคาร และหนีไปดูไบ ดังนีP นายเป็ น
ต่อฐานะเจ ้าของเชค ็ ทีแท ้จริงสามารถฟ้ องให ้ธนาคารรับผิดได ้หรือไม่
สมร
คําพิพากษาฎีกานีห
_ มายความว่า การจ่ายเงินสดเป็ นการจ่ายโดยชอบ
ประเด็นทีก & ล่าวมาข ้างต ้น เป็ นเรือ
& ง ธนาคารผู ้รับฝากจะเรียกเก็บเงิน
ให ้ผู ้ทรงเชค็ โดยวิธต ั บัญชรี ะหว่างกันในรูป T/R (transfer)
ี ด
หากธนาคารทีผ ็ เอาเชค
& ู ้ทรงเชค ็ ไปเข ้ากับธนาคารผู ้จ่ายเป็ นคน
ละธนาคารจะมีผลอย่างไร
กรณีทส
ี& อง เป็ นต่อได ้เชค ็ ของธนาคาร
SCB ซงึ& เชค ็ นัน P ขีดคร่อม และ
ผู ้สงั& จ่าย: เป็ นต่อ เป็ นต่อไม่มบ ี ญั ชอี ยูท
่ ธ
ี& นาคาร
สมร
SCB และเป็ นต่อไม่สามารถ
เบิกเงินสด เพราะเป็ นเชค ็ ขีด
ธนาคาร คร่อม เป็ นต่อต ้องนํ าเชค ็ ไป
ธนาคาร KTB เข ้าบัญชธี นาคาร KTB ทีต & นมี
SCB บัญชอ ี ยู่
SCB BBL
สมร นายนิยมขโมยเชค ็ ของนายเป็ น
ต่อ และปลอมลายมือชอ ื& นาย
เป็ นต่อ โดยทําเป็ นการสลัก
เป็ นต่อ นิยม หลังลอยให ้กับตนเอง และนํ า
เชค ็ ไปเข ้าบัญช ี BBL เพือ& ให ้ไป
เรียกเก็บเงินธนาคาร SCB
SCB BBL
สมร
บทบัญญัตท ิ ค
ี& ุ ้มครอง
SCB BBL ธนาคาร (SCB) ทีเ& รียก
เก็บเงินคือ มาตรา
บทบัญญัตท ิ ค
ี& ุ ้มครอง 1000
ธนาคาร (SCB) ทีจ & า่ ย
คือ มาตรา 998
การที& BBL ไปเรียกเก็บเงินแทนนายนิยม (ผู ้ทรงทีไ& ม่ชอบด ้วย
กฎหมาย) ในประเด็นนีอ P าจจะมองได ้ว่า นายนิยมเป็ นตัวการ และ
ธนาคารเป็ นตัวแทน ซงึ& เป็ นการเรียกเก็บโดยไม่ชอบและเสย ี หายแก่
เจ ้าของทีแ& ท ้จริง (อ. เสาวนีย ์ หน ้า 414 เห็นว่าเป็ นละเมิด; อ. ไพทูรย์
เห็นว่าเป็ นความรับผิดตามกฎหมาย เชงิ อรรคที& 1 หน่า 435)
บทบัญญัตท ิ ค
ี& ุ ้มครอง
SCB BBL ธนาคาร (SCB) ทีเ& รียก
เก็บเงินคือ มาตรา
บทบัญญัตท ิ ค
ี& ุ ้มครอง 1000
ธนาคาร (SCB) ทีจ & า่ ย
คือ มาตรา 998
ธนาคาร
SCB
้
(1) มาตรา 1000 ใชเฉพาะกรณี ็ ขีดคร่อม
เชค
(2) ธนาคารเรียกเก็บเพือ
& ลูกค ้าของธนาคาร โดยธนาคารมีฐานะเป็ น
ตัวแทนเรียกเก็บ
็ นัน
ถ ้าเชค P ไม่มข ี คร่อมมาเรียกเก็บธนาคารใชส้ ท
ี ด ิ ธิมาตรา
995(5) ขีดคร่อมให ้ตนเองเพือ & ให ้ธนาคารได ้รับความ
คุ ้มครองได ้ (อย่างไรก็ตาม อ. เสาวนีย ์ เห็นว่า ไม่ใชกั้ บ
กรณีทธ ี& นาคารขีดคร่อมเอง)
้
มาตรา 1000 จะใชเฉพาะกรณี ทธี& นาคารเป็ นตัวแทนเรียกเก็บเงิน
เท่านัน ้
P ไม่ใชในกรณี ทธ
ี& นาคารเป็ นผู ้รับสลักหลัง
เชน ่ เชค
็ ลงวันทีล& ว่ งหน ้า แต่นายกอล์ฟไปแจ ้งธนาคารว่าตนเอง
ร ้อนเงินจะขอให ้พนักงานธนาคารใสเ่ งินให ้ไปก่อน แล ้วค่อยพอเบิก
เงินได ้ค่อยเอาเงินคืนให ้ธนาคาร ถ ้าธนาคารใสเ่ งินให ้เลยก็จะ
กลายเป็ นกรณีทธ ี& นาคารรับโอนเชค ็ และธนาคารจะกลายเป็ นผู ้ทรง
ซงึ& จะไม่ได ้รับความคุ ้มครองตามมาตรา 1000
(3) ธนาคารกระทําโดยสุจริต และปราศจากประมาทเลินเล่อ
หากไม่เข ้าเงือ
& นไขทังP 3 ประการ ธนาคารยังคงต ้องรับผิดต่อ
เจ ้าของทีแ
& ท ้จริง
ตัวอย่าง (เทียบเคียงคําพิพากษาฎีกาที3 6951/2562) นายเป็ นต่อไปซอ ื_ รถยนต์มอ ื
สองจาก บริษัท อดุลย์ รถมือสอง จํากัด ซงึ3 มีนายอดุลย์เป็ นกรรมการผู ้มีอํานาจ
กระทําแทน นายอดุลย์ยน ิ ดีขายรถให ้นายเป็ นต่อ ราคา 200,000 บาท แต่ได ้แจ ้งว่า
ให ้ชาํ ระหนีโ_ ดยใช ้ cashier เชค ็ สงั3 จ่ายบริษัท อดุลย์ รถมือสอง จํากัด นายเป็ นต่อ
จึงไปซอ ื_ cashier เชค็ จากธนาคาร SCB จํานวน 200,000 บาท โดยระบุชอ ื3 บริษัท
อดุลย์ รถมือสอง จํากัด เป็ นผู ้รับเงิน และมีการขีดคร่อมว่า ”A/C Payee Only” นาย
เป็ นต่อได ้ไปรับรถยนต์ พร ้อมสง่ มอบแคชเชย ี ร์เชค
็ ให ้นางสาวป้ อม ลูกจ ้างของนาย
อดุลย์ นางสาวป้ อมได ้ทําการยักยอกเชค ็ และปลอมลายมือชอ ื3 ของนายอดุลย์ และ
แอบนํ าตราประทับของบริษัท อดุลย์ รถมือสอง มาประทับ เพือ 3 ทําเป็ นการสลักหลัง
ลอย และนํ าเชค ็ ไปเข ้าบัญชข ี องตนทีธ 3 นาคาร BBL ธนาคาร BBL จึงไปเรียกเก็บเงิน
จากธนาคาร SCB ธนาคาร SCB จ่ายเงินเข ้าบัญชใี นธนาคาร BBL ของนางสาวป้ อม
ไป นางสาวป้ อมได ้ทําการปิ ดบัญช ี และหนีไป ตามตัวไม่พบ
คําพิพากษาฎีกาที& 4568/2530
ิ ธิในเชค
คําถาม นางสาวป้ อมมีสท ็ ในฐานะผู ้ทรงหรือไม่
สมลักษณ์และ
สมรวย หรือ ผู ้ถือ วาสนา
TMB จําเลย
(ธนาคารกรุงเทพ)
ปลอมว่า ผู ้รับเงินสลัก
หลังให ้ลูกจ ้าง
เป็ นการรับรองว่าลูกค ้าเอา
ให ้ธนาคารจําเลยที& 2 เรียกเก็บเงิน เชค ็ มาให ้ธนาคารเก็บเงิน
ธนาคาร ธนาคาร (ธนาคารมีฐานะเป็ น
ตัวแทนเรียกเก็บเงินไม่ใช ่
ผู ้ทรง)
ธนาคารจําเลยที& 2 รับรองการสลักหลัง
ศาลฎีกาวินจ
ิ ฉั ยว่า การรับรองการสลักหลังเป็ นการรับรองการทีล ู จ ้างของโจทก์ซงึ& เป็ นลูกค ้า
& ก
ของธนาคารสลักหลังให ้กับธนาคารเพือ & เรียกเก็บเงิน ธนาคารไม่ตอ ้ งพิสจู น์วา
่ การสล ักหล ัง
ก่อนหน้านนเป
ัJ ็ นการสล ักหล ังทีแ L ท้จริงหรือไม่ การกระทําของธนาคารจําเลยที& 2 ไม่
ประมาทเลินเล่อ จําเลยที& 2 ไม่รับผิดต่อเจ ้าของตัว~ ทีแ & ท ้จริง (กรณีนโี; จทก์น่าจะมีอํานาจฟ้ อง
็ ยังไม่ถงึ มือผู ้รับเงิน ถูกลูกจ ้างเอาไปเสย
เพราะเชค ี ก่อน)
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นนีP ศ. จิตติ ตังP ข ้อสงั เกตว่า ”เชค ็ ซงึ& ผู ้สงั&
จ่ายเขียนไว ้ แต่ยงั ไม่ได ้สง่ มอบให ้แก่ผู ้รับเงิน ยังไม่ถอ
ื ว่าเป็ นการ
ออกเชค ็ (issue) เพนะยังไม่มก ี ารสง่ มอบตามกฎหมายต ้องถือว่า
การแสดงเจตนายังไม่ไปถึงคูก ่ รณีอกี ฝ่ ายหนึง& ยังไม่เป็ นสญั ญา
ตัว™ เงิน” (คงสมบูรณ์หน ้า 432)
คําพิพากษาฎีกาที& 4/2512 เชค ็ ทีพ & พิ าทระบุชอ ื& โจทก์ โจทก์จงึ เป็ นผู ้ทรงโดยชอบ ก.
เป็ นแต่ผู ้ทําการแทนร ้านและเซน ็ สญ ั ญาในนามของร ้านไม่ใชผ ่ ู ้มีชอ
ื& ทีร& ะบุในเชค ็ ดัง; นัน
;
ก. จึงไม่ใชผ ่ ู ้ทรงเมือ
& โจทก์ได ้รับความเสย ี หายจากการกระทําของธนาคารจําเลย จึงมี
อํานาจฟ้ อง
เชค ็ พิพาทระบุชอ ื& SALWEEN INDENTING AGENCY ซงึ& เป็ นชอ ื& โจทก์จด
ทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์แล ้วเป็ นผู ้รับเงินและขีดคร่อมพร ้อมทัง; เขียนคําสงั& ว่า
ACCOUNT PAYEE ONLY คือเป็ นทํานองห ้ามเปลีย & นมือ ปรากฏว่าโจทก์ถอน ก. จาก
การเป็ นตัวแทนเสย ี แล ้ว ก.ไม่มอ ี ํานาจนํ าเชค ็ พิพาทเข ้าบัญชข ี องตนได ้ถึงแม ้ว่า
ธนาคารจําเลยเป็ นบุคคลภายนอกผู ้สุจริตไม่ทราบเรือ & งการบอกเลิกการเป็ นตัวแทนแต่
การทีธ & นาคารจําเลยนํ าเชค ็ เข ้าบัญชข ี อง ก.เท่ากับเป็ นการนํ าเชค ็ ของโจทก์ไปเข ้า
บัญชส ี ว่ นตัวของ ก. โดยเชอ ื& ว่าเป็ นตัวแทนของโจทก์ ซงึ& เห็นได ้ว่าเป็ นทางให ้เกิด
ความเสย ี หายแก่โจทก์ได ้เป็ นทางปฏิบต ั ท
ิ ธี& นาคารทัง; หลายไม่พงึ กระทํา ถือว่าธนาคาร
จําเลยประมาทเลินเล่อแม ้ธนาคารจําเลยจะสุจริตจริงแต่เมือ & ก. ไม่มส ี ท ิ ธิในเชค ็
ธนาคารจําเลยก็ต ้องรับผิดต่อโจทก์ผู ้เป็ นเจ ้าของอันแท ้จริงแห่งเชค ็ นัน; กรณีไม่เข ้า
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1000
็ ไปเข ้าบัญชต
กรณีนี; ข ้อเท็จจริงในคําฟ้ อง คือ นาย ก. ได ้นํ าเชค ี นเองทีธ
& นาคาร
กรุงศรี แล ้วธนาคารกรุงศรีไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารเกษตร และธนาคารเกษตร
จ่ายเงินไป กรณีนี; โจทก์ (SALWEEN INDENTING AGENCY) เป็ น “เจ ้าของเชค ็ ที&
แท ้จริง” สว่ น ก. เป็ นคนเอาเชค็ ไปโดยมิชอบ ศาลฎีกาวินจ ิ ฉั ยว่า “ธนาคารกรุงศรี
ไม่ได ้รับความคุ ้มครองตามมาตรา 1000
คําพิพากษาฎีกาที& 2290/2518 ทําให ้เห็นว่า หากธนาคาร
ปฏิบตั ผ
ิ ด
ิ จากทีบ
& ญ
ั ญัตไิ ว ้ในกฎหมายธนาคารต ้องรับผิด
็ ทีแ
กรณีนเีP จ ้าของเชค & ท ้จริง (BKL)ไม่สามารถพิสจ ู น์ได ้ว่า การ
ทีส
& มรเอาเงินเข ้าบัญชต ี วั เองก่อให ้เกิดความเสย
ี หายแก่บริษัท
อย่างไร
ประเด็น นายนิตพ ิ งศไ์ ด ้ บริจาคเงินให ้กับกระทรวงคมนาคมโดย
ระบุชอ ื& กระทรวงคมนาคมเป็ นผู ้รับเงินซงึ& เป็ นเชค ็ ของ
ธนาคารกรุงไทย และมีการขีดคร่อม ปรากฏว่า นายจินซงึ& เป็ น
หน ้าห ้องของรัฐมนตรีไปยักยอกเชด ็ นัน ื&
P พร ้อมปลอมลายมือชอ
นายศก ั ดิส
• ยาม รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม พร ้อมตราประทับ
โดยทําเป็ นการสลักหลังลอย ให ้กับนางสาวสมร นางสาวสมร
็ นัน
นํ าเชค ็ ไป
P ไปสลักหลังต่อให ้นายเป็ นต่อ นายเป็ นต่อ นํ าเชค
เข ้าบัญชธี นาคารไทยพาณิชย์เพือ & เรียกเก็บเงิน หากธนาคาร
ไทยพาณิชย์เรียกเก็บเงินแทนนายเป็ นต่อ และธนาคารกรุงไทย
จ่ายเงินเรียบร ้อยแล ้ว หากนายเป็ นต่อเบิกถอนเงินไปหมดแล ้ว
กระทรวงคมนาคมสามารถเรียกให ้ธนาคารกรุงไทย และ
ธนาคารไทยพาณิชย์รับผิดได ้หรือไม่
กระดาษทด
ื อ. ไพทูรย์ หน ้า 442)
ฎีกาที& 1702/2515 (จากหนังสอ
ในคดีดงั กล่าวข ้อเท็จจริงมีวา่ ลูกค ้านํ าเชค ็ ฝากเข ้าบัญชก ี ระแสรายวัน
ของตนทีธ & นาคารจําเลย โดยเชค ็ นัน
P เป็ นเชค ็ ขีดคร่อมสงั& จ่ายระบุชอ ื&
กองทัพอากาศเป็ นผู ้รับเงิน มีการสลักหลังโอนเชค ็ เชค ็ ทีน & ํ าฝากนัน P
เริม& ต ้นด ้วยการสลักหลังชอ ื& ผู ้รับเงินโดยมีลายมือชอ ื& (ปลอม) ของ
นายทหารอากาศซงึ& เป็ นกรรมการควบคุมดูแลเงินรายได ้ผลประโยชน์
ของกรมการบินพลเรือนนายหนึง& ลงไว ้ และประทับตราดวงตาปลอม
ซงึ& มีลก ั ษณะคล ้ายกับดวงตราของกรมการบินพลเรือน กองทัพอากาศ
กํากับแล ้วมีการสลักหลังมาเป็ นทอดๆ จนถึงลูกค ้าผู ้นัน P ธนาคาร
จําเลยไม่เคยติดต่อกับกองทัพอากาศ กองทัพอากาศก็ไม่เคยติดต่อ
กับธนาคารจําเลย ธนาคารจําเลยไม่มโี อกาสทราบว่า ดวงตราประทับ
ทีป
& ระทับในการสลักหลังนัน P เป็ นดวงตราปลอมหรือดวงนัน P เป็ นดวงตรา
ของกรมการบินพลเรือนหรือไม่ ธนาคารเรียกเก็บเงินตามเชค ็ และรับ
เงินตามเชค ็ ขีดคร่อมไว ้เพือ& ลูกค ้าของธนาคาร ต่อมาลูกค ้าเบิกเงินไป
จนหมด กองทัพอากาศจึงเป็ นโจทก์ยน ื& ฟ้ องธนาคารจําเลยให ้รับผิด
ตามเชค ็
คดีนศ ีP าลฎีกาวินจิ ฉั ยว่า “จําเลยที& 4 ซงึ& เป็ นลูกค ้านํ าเชค ็ รวม 11 ฉบับ
มาฝากเข ้าบัญชท ี มี& อ
ี ยูก
่ บ
ั ธนาคารจําเลย เพือ & ให ้เรียกเก็บเงินตามเชค ็
เมือ& ธนาคารจําเลยเห็นว่ามีการสลักหลังเชค ็ มาไม่ขาดสายจนถึง
จําเลยที& 4 ธนาคารจําเลยเห็นว่าถูกต ้องจึงเรียกเก็บเงินให ้ จริงอยูแ ่ ม้
เชค็ เหล่านัน P จะขีดคร่อมให ้กองทัพอากาศ และตราประทับเป็ นตรา
กรมการบินพลเรือน กองทัพอากาศปลอมก็ตาม แต่ธนาคารจําเลยไม่
มีโอกาสทราบได ้เลยว่า ตรานัน P ปลอมหรือตรานัน P เป็ นตราของกรมการ
บินพลเรือนหรือไม่ ทังP กองทัพอากาศ ผู ้เป็ นโจทก์กน ็ ํ าสบื ไม่ได ้ว่า
ธนาคารจําเลยการกระทําการโดยไม่สจ ุ ริต ธนาคารจําเลยจึงไม่ต ้อง
รับผิดต่อโจทก์
คดีนม
ีP ข ี ้อสงั เกตว่า ในประเทศอังกฤษ เชค ็ ซงึ& สงั& จ่ายให ้แก่ผู ้ใด
ในตําแหน่งราชการแล ้ว ธนาคารจะรับเชค ็ เพือ & เรียกเก็บเข ้า
บัญชส ี ว่ นตัวของลูกค ้าซงึ& เป็ นเอกชนไม่ได ้ หากธนาคารไปรับ
็ นีเP รียกเก็บเงินให ้ลูกค ้าย่อมถือว่าไม่เป็ นการไปตามทางการ
เชค
ปกติทเี& ชค ็ อันออกสงั& จ่ายให ้หน่วยราชการจะมีการนํ าไปสลัก
หลังในทางชาํ ระหนีส P ว่ นตัวของเอกชน
็ ขีดคร่อม
สรุป ความรับผิดของธนาคารกรณีเชค