You are on page 1of 4

สรุปบทเรียน บทที่ 2

แนวคิดในการพัฒนา

การพัฒนา (Development) หมายถึง การที่เศรษฐกิ จเจริ ญขึ้น สังคมเปลี่ ยนแปลงในทางที่ดีข้ ึน


รายได้ประชาชาติเพิ่มมากขึ้น รายได้ต่อหัวของประชาชนเพิ่มขึ้น และมาตรฐานการครองชี พดีข้ ึน
ทั้ง ทางด้านคุ ณภาพและปริ ม าณ เช่ น สุ ข ภาพ การศึ ก ษา เศรษฐกิ จ การเมื อง รวมทั้งประชาชน
มีจริ ยธรรมดีข้ ึน ทรัพยากรสิ่ งแวดล้อม ระบบการเมืองดีข้ ึน (วรทัศน์, 2548)
การพัฒนามุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการเปลี่ ยนแปลงวิถีชีวิตในอนาคต ความสามารถ
ของบุคคลในการช่วยเหลือตนเอง และความสามารถในการควบคุมตัวเขาเอง
รู ปแบบการพัฒนา
1. การพัฒนาแบบเสรี (Free Development) เปิ ดโอกาสให้เอกชนสร้างความเจริ ญและ
ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิ จและสังคมตามแนวทางประชาธิ ปไตยและระบบการแข่งขันโดยเสรี
(Democracy and Enterprise)
2. การพัฒนาแบบบังคับ (Forced Development) รัฐบาลเป็ นผูก้ าหนดควบคุมดูแลการพัฒนา
ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น ประเทศที่มีระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์
3. การพัฒนาแบบผสมผสาน, แบบมีแผน (Planed Development) จะมีการพัฒนาอย่างมีระบบ
แบบแผนที่แน่ นอนในหน่ วยงานราชการและพนักงานของรัฐ และเปิ ดโอกาสให้เอกชนดาเนิ นกิ จการ
ต่างๆ อย่างเสรี
ระดับการพัฒนา
1. ประเทศด้อยพัฒนา (Under Development Countries) มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
อย่างไม่ระมัดระวัง คือ นาเอาทรัพยากรในประเทศส่ งออกไปจาหน่ายยังต่างประเทศ
2. ประเทศกาลังพัฒนา (Developing Countries) มีการนาเอาทรัพยากรธรรมชาติในประเทศ
มาแปรรู ปและส่ งออกยังต่างประเทศ
3. ประเทศที่พฒั นาแล้ว (Developed Countries) เป็ นประเทศอุตสาหกรรม ไม่ใช้ทรัพยากร
ภายในประเทศ ส่ วนใหญ่จะนาเข้าทรัพยากรธรรมชาติจากต่างประเทศมาแปรรู ปแล้วส่ งจาหน่ าย
ในรู ปสิ นค้าอุตสาหกรรม
ทฤษฎีทใี่ ช้ ในการพัฒนาประเทศ
1. ทฤษฎีความเจริ ญเติบโตทางเศรษฐกิ จตามลาดับขั้น (The Stages of Economic
Growth Theory)
Rostow กล่าวว่า ทฤษฎีน้ ีจะเน้นการพัฒนาในระบบเศรษฐกิจ โดยการเจริ ญเติบโตทาง
เศรษฐกิจตามลาดับขั้น โดยพัฒนามาจากระบบสังคมแบบดั้งเดิม ซึ่ งมี 5 ขั้น คือ
1. ขั้นสังคมดั้งเดิม (Tradition Society Stage)
2. ขั้นเตรี ยมพัฒนา (Precondition for Take – off Stage)
3. ขั้นเข้าสู่ กระบวนการพัฒนา (Take – off Stage)
4. ขั้นทะยานเข้าสู่ ภาวะของความอุดมสมบูรณ์ (Drive to Maturity Stage)
5. ขั้นอุดมสมบูรณ์ (High Mass Consumption Stage)
2. ทฤษฎีฝนหล่นจากฟ้ า (Trickle Down Effect Theory)
ทฤษฎี น้ ี มีแนวคิดว่า คนในสังคมมีหลายระดับชั้น แต่ละระดับชั้นมีความสามารถในการ
พัฒนาไม่เท่ากัน ดังนั้น จึ งควรพัฒนาชนชั้นที่ มีความพร้ อมในสังคมก่ อนแล้วค่อยกระจายไปสู่
ชนชั้นล่างต่อๆ ไป เนื่องจากงบประมาณทรัพยากรในประเทศมีอยูอ่ ย่างจากัด
3. ทฤษฎีการกระจายรายได้ และการเจริ ญเติบโตทางเศรษฐกิจ (Redistribution with
Economic Growth Theory)
ทฤษฎี น้ ี เน้นการกระจายรายได้ควบคู่กบั การระดมทุน และขึ้นอยู่กบั มาตรการต่างๆ
ทางด้านประชากร ความเท่าเทียมกันทางสังคม ทฤษฎีน้ ีนามาใช้กบั งานพัฒนาชุมชน
4. ทฤษฎีความทันสมัย (Modernization Theory)
ทฤษฎี น้ ี เน้นความทันสมัยในเชิ งการผลิ ต การลงทุ นในภาคอุตสาหกรรมทาให้เกิ ดความ
เคลื่ อนไหว 3 ด้าน คือ ด้านกายภาพ ด้านค่านิ ยมทางจิตใจ และด้านสังคม โดยทฤษฎี น้ ี จะเชื่ อมโยงกับ
ทฤษฎีการแพร่ กระจายทางวัฒนธรรม คือ มีการยอมรับสิ่ งใหม่ๆ เข้ามาในชุมชน
5. ทฤษฎีการด้ อยพัฒนาและการพึ่งพา (Underdevelopment and Dependency Theory)
ทฤษฎี น้ ี เกิ ดขึ้ นเนื่ องจากช่ องว่างในการแบ่ งประเทศออกเป็ น 3 ระดับ คื อ ประเทศ
ที่พฒั นาแล้ว ประเทศที่กาลังพัฒนา และประเทศด้อยพัฒนา ความสัมพันธ์ท้ งั 3 ระดับที่สาคัญคือ
ประเทศกาลังพัฒนาและประเทศด้อยพัฒนา อยู่ภายใต้ขอบข่ายของอานาจทางการเมือง เศรษฐกิ จ
และเป็ นแหล่งวัตถุดิบ ตลาดสิ นค้าอุตสาหกรรม ผลประโยชน์ รายได้ และจุดสาคัญทางยุทธศาสตร์
ให้กบั ประเทศที่พฒั นาแล้ว เรี ยกว่าการพึ่งพา (Dependence) ทั้งทางด้านวัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ
และการเมื อง ไม่ได้มีแนวทางพัฒนาเป็ นของตนเอง ต้องพึ่ งพาเทคโนโลยีและทุ นจากประเทศ
ที่พฒั นาแล้ว
6. แนวความคิดของการพัฒนาอีกรู ปแบบหนึ่ง (The Concept of Another Development)
แนวความคิดนี้ ได้เปลี่ยนจากการพัฒนาที่ยึดถือการขยายตัวทางเศรษฐกิจมาเป็ นการยึดถื อ
คนเป็ นหลัก โดยถื อ ว่ า คนเป็ นทรั พ ยากรที่ ส าคัญ ที่ สุ ด สามารถน าเอาศัก ยภาพและความคิ ด
สร้างสรรค์ของคนมาใช้ในการพัฒนา โดยมีหลักพื้นฐานคือ ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่ วมในการ
ตัดสิ นใจ ประเทศยากจนและประเทศที่ ร่ ารวยต้องมี ความสาคัญเท่ากัน ต้องมี การจัดสรรการใช้
ทรัพยากรอย่างมีระบบ กระบวนการพัฒนาต้องเป็ นการพัฒนาจากภายใน ระบบและวิธีการพัฒนา
ที่เกิดขึ้นต้องเอื้อประโยชน์ให้แก่ประเทศที่ดอ้ ยพัฒนา
7. ทฤษฎีความจาเป็ นพืน้ ฐาน (Basic Needs Theory)
ทฤษฎี น้ ี พฒั นามาจากการพัฒนาเพื่อการจ้าง การกระจายรายได้ควบคู่กบั การเจริ ญเติบโต
และการพัฒนาอีกวิธีหนึ่ ง โดยเชื่ อว่าการพัฒนานั้นต้องตอบสนองความต้องการพื้นฐานของมนุ ษย์
4 ด้าน คือ ความมัน่ คงปลอดภัย (Security Needs) สวัสดิภาพของชีวิต (Welfare Needs) เอกลักษณ์
(Identity) และเสรี ภาพ (Freedom) ดังนั้น การพัฒนาจึงควรมุ่งเน้นไปที่การลดอัตราการว่างงาน
การเพิม่ ผลผลิตให้ถึงระดับความต้องการพื้นฐาน การกระจายบริ การสาธารณู ปโภคด้านสาธารณสุ ข
การศึกษา แหล่งน้ า บ้านเรื อน สุ ขาภิบาลให้เพียงพอ ประเทศไทยได้นาแนวความคิดนี้ มาปรับใช้
โดยกาหนดเครื่ องชี้ วดั ความจาเป็ นพื้นฐาน (Basic Minimum Needs Indicators) หรื อ “จปฐ”
นามาใช้ครั้งแรกในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2525 – 2529)
8. ทฤษฎีความสมดุลและนิเวศวิทยา (Equilibrium and Ecological Theory)
แนวคิดทฤษฎี น้ ี เน้นการพัฒนาสังคมโดยคานึ งถึ งสิ่ งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ใน
ท้องถิ่ นและชนบทอย่างชาญฉลาด ไม่ทาลายสภาพแวดล้อมและธรรมชาติ และให้เกิ ดการพัฒนา
แบบยัง่ ยืน (Sustainable Development)
จากแนวคิดทฤษฎีและทฤษฎีในการพัฒนาที่กล่าวมา สามารถสรุ ปได้ 3 แนวคิด ดังนี้

แนวคิดที่ 1 แนวคิดที่ 2 แนวคิดที่ 3


- ความเจริ ญเติบโตทางเศรษฐกิจ - การกระจายรายได้ - ช่วยเหลือตนเอง
(Economic Growth) (Distribution Income) (Self Help)
- ความเป็ นตะวันตก - ความจาเป็ นพื้นฐาน (จปฐ)* - เชื่อมัน่ ในตนเอง
(Westernization) (Basic Needs) (Self Reliance)
- ความทันสมัย - การพัฒนาสังคม - มันสมองของชนบท
(Modernization) (Social Development) ภูมิปัญญาชาวบ้าน
- ฝนหล่นจากฟ้า - การพัฒนามนุษย์ (Local Wisdom)
(Trickle Down Effect) (Human Development) - ไม่พ่ งึ พิงใคร
- ความพึ่งพิง (Independency)
(Dependency)
คุณภาพของชีวิต (Quality of Life)
การพัฒนาที่ยงั่ ยืน (Sustainable Development)

You might also like