You are on page 1of 915

ตอนที 401 ห้องเรียนกายวิภาค

เรือนด้านข้างมีหอ้ งนําแข็งใต้ดินห้องหนึง ศพถูกวางใน


ห้องเหนือห้องนําแข็ง

ออกจากห้องนําชา จากทางเดินคดเคียวตรงเข้าเรือน
ด้านข้าง

ในลานมีหมอยาสองคนรออยูก่ ่อนแล้ว "ถวายบังคมฝ่ า


บาท"

หลีซือหมินยกมือน้อยๆ ขันทีขา้ งกายเห็นรีบกล่าวว่า "ทัง


1
สองตามสบาย นําทางเถิด"

ทังสองจุดโคมไฟ นําทางอยูด่ า้ นหน้า หรันเหยียนแปลก


ใจ ยามกลางวันจุดโคมไฟทําอะไร! แต่นกึ ได้โดยพลันว่า
อาจเป็ นธรรมเนียมโบราณ ถึงอย่างไรก็ไม่เป็ นอุปสรรค

เดินบนระเบียงทางเดินคดเคียว ยิงเดินไปข้างหน้า หรัน


เหยียนก็พบว่าสิงปลูกสร้างสองฝังยิงแน่นขนัด ทัศนวิสยั
ก็ยงแคบ
ิ ยามเดินจนสุดทาง ก็สมั ผัสได้ถงึ ไอเย็นจางๆ ที
นีความจริงอับแสงไม่เห็นแดด

ไตร่ตรองถ้วนถี คล้ายสิงปลูกสร้างรอบด้านทุกหลังอย่าง
น้อยต้องถูกแดดส่องสามถึงสีชัวยาม แต่ทีนีอยูร่ ะหว่าง

2
จุดตัดของเงาทังสองด้านพอดี หนึงปี สฤดู
ี กาล ไม่มีแดด
ส่องถึงแม้สกั วัน และใต้ดินของทีนี ก็เป็ นห้องนําแข็งห้อง
หนึง

ประตูลนกุ
ั ญแจไว้ หมอยาหนึงในนันล้วงกุญแจออกมา
เปิ ดประตู หมอยาสองคนถือโคมไฟเข้าไปก่อน

ขันทีเห็นหลีซือหมินจะยกเท้า รีบกล่าวว่า "ฝ่ าบาท ให้


บ่าวเข้าไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ"

หลีซือหมินกลับไม่ชะงักเท้าสักนิด เดินเข้าไปทันที ชีวิตนี


เขาฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถว้ น มีหรือจะไม่เคยเห็นศพ

3
ตามติดด้วยหรันเหยียน หลิวชิงซง และเหล่าหมอหลวง
เรียงลําดับเข้าทีละคนๆ

เมือเข้าไปในห้องก็รูส้ กึ ถึงความเย็นซูส่ ายหนึง ในห้องมิ


เพียงอวลกลินเหม็น ยังมีกลินเน่าชนิดหนึงด้วย โชคดีที
พวกเขาใส่ผา้ ปิ ดปาก และอมแผ่นขิงไว้ในปาก จึงรูส้ กึ
ยังพอรับได้

“เปิ ดสิงทีบังบานหน้าต่างโดยรอบให้หมด” หรันเหยียนก


ล่าว

“นี…” หมอยาทีเฝ้าห้องลังเลอยูบ่ า้ ง

4
หลีซือหมินกล่าวเสียงเย็นชา “ไม่ได้ยินหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ!” หมอยาสองคนรูส้ กึ ได้วา่ ฝ่ าบาทอารมณ์ไม่


ดี จึงไม่สนใจกฎเกณฑ์อะไรอีก เริมดึงม่านขนสัตว์ทีปิ ด
หน้าต่างออกทันที

ทุกอย่างมีฮ่องเต้ควบคุม พวกเขาต้องกลัวอะไร

หลิวชิงซงก็เปิ ดผ้าขาวทีคลุมบนศพออก

ในห้องพลันสว่าง ทุกคนมองไปทางแท่นวางศพ มิเพียง


พากันสูดลมเย็นเข้าไป ยังถอยกายไปสองก้าวด้วย

5
ศพทีวางอยูม่ ีรอยชําสีเขียว ใบหน้าบวมขาวซีดออกเขียว
คลํา ผมหลุดลุย่ ไม่เป็ นธรรมชาติ ความยาวเล็บมือก็
ยาวกว่าบุรุษทัวไปควรมี

“อ๊ะ เห็นชัดๆ ว่าข้ามัดผมเขาเรียบร้อยดีแล้วแท้ๆ!” หมอ


ยากล่าวอย่างหวาดหวัน

“โวยวายอะไร เป็ นปรากฏการณ์ปกติ”หรันเหยียนกล่า


วเสียงเรียบ

แม้หรันเหยียนผ่าศพ แต่นนคื
ั อกําลังช่วยพวกเขา ใจเธอ
เคารพผูต้ ายเต็มเปี ยม

6
“หลังคนตาย เนืองจากผิวหนังและกล้ามเนือหด เส้นผม
และเล็บจึงดูเหมือนงอกยาวออกมา” หรันเหยียนกล่า
วพลางสํารวจสภาพภายนอกของศพอีกครัง หลังมันใจ
ว่าไม่พลาดอะไรไป จึงเงยหน้ากล่าว “ฝ่ าบาท หม่อมฉัน
จะเริมผ่าศพ ระหว่างนันจะให้หลิวอีเฉิงช่วยอธิบาย ขอ
ฝ่ าบาทและเหล่าหมอหลวงได้โปรดเป็ นพยาน”

“อือ เริมเถิด” หลีซือหมินนังอย่างสง่าผ่าเผยบนเก้าอีชาว


หูทีอยูด่ า้ นข้าง เตรียมตัวเฝ้าดูการผ่าศพ กระทังไม่
ขมวดคิวแม้แต่นอ้ ยสําหรับสภาพเน่าเฟะน่ากลัวของศพ

หรันเหยียนใช้กรรไกรตัดเสือผ้าบนศพออก เผยให้เห็น
ร่างกายเปล่าเปลือยร่างหนึง ทุกคนมองฝี มือทีคล่อง
แคล่ว รูส้ กึ ว่าเธอทํามาไม่ใช่แค่ครังสองครังแน่
7
เหล่าหมอหลวงคิดหาเหตุผล รักษาคนบาดเจ็บสาหัส
ล้วนต้องตัดเสือผ้าออก คงไม่อาจให้คนทีถูกธนูยกมือ
ถอดเสือกระมัง!

ศพนีระดับการเน่าเปื อยลามไปถึงระยะกลางแล้ว ช่วง


โคนขาปรากฏเส้นเลือดเน่าเปื อยเป็ นตาข่าย ก๊าซเน่า
เปื อยของเส้นเลือดใต้ผิวหนังและเลือดทีเกิดจากการเน่า
เปื อยจับตัวเป็ นเส้นใยรูปตาข่ายสีเขียวคลํา มองแล้ว
ยากจินตนาการถึงบุรุษมีชีวิตคนหนึงได้จริงๆ

ขณะนีอารมณ์ของเหล่าหมอหลวงซับซ้อนยิง การมอง
เห็นทีตืนเต้นตกใจและน่ากลัวโจมตีสายตา ผสมกับ
ความกระตือรือร้นอยากดูวิชาผ่าศพ ทําให้พวกเขาไม่รู ้
8
ว่าจะถอยหลังหรือหลบเลียง พลันยืนตะลึงอยูต่ รงนัน

มีหมอหลวงใจกล้าสองคนเดินขึนหน้าไปหลายก้าว นัง
คุกเข่าลงข้างศพเหมือนหรันเหยียน หมอหลวงคนอืน
เห็นแล้วไม่ยินยอมล้าหลัง รีบมุงกันเข้าไป

โจวชูและจางซงเฮ่ออีลงทั
ิ งสองท่าน เพียงไม่นานก็ตงสติ

เฝ้าดูได้

โจวชูถาม “เส้นสีเขียวบนขาเหล่านีเป็ นเรืองราวใด”

นีถือเป็ นความรูด้ า้ นนิติเวชศาสตร์ หรันเหยียนจึงเป็ นผู้


ตอบ เธอก็เรียนรูว้ ิธีของหลิวชิงซง ใช้คาํ ง่ายๆ ทีใกล้
9
เคียงกับแพทย์แผนจีนอธิบายเรืองลึกซึง “หลังคนตาย
ในร่างกายจะมีไอของเสียและเลือดทีเกิดจากการเน่า
เปื อย ไอศพในคนจะเกิดขึนเป็ นทีแรกทีส่วนหัว รองลง
มาคืออก ช่องอกและช่องท้องบรรจุไอศพปริมาณมาก
ขนาดนันไม่ได้ จึงเกิดเป็ นแรงดันมหาศาลชนิดหนึง ดัน
เลือดเสียผ่านเส้นเลือดมือและเท้าทังสี ค่อยๆ ไหลไปที
ผิวกาย เส้นทีพวกเราเห็นตอนนีก็คือเลือดเสียทีซึมออก
มาจากเส้นเลือด”

“ทีแท้เป็ นเช่นนี!” จางซงเฮ่อลุม่ หลงวิชาแพทย์มาทังชีวิต


แม้ไม่เคยได้ยินเรืองนีเลย แต่เขาเชือมโยงกับความรูด้ า้ น
การแพทย์ทีรูอ้ ยูแ่ ล้ว เพียงครูเ่ ดียวก็เข้าใจ ทังยังได้รบั
ประโยชน์ไม่นอ้ ยจากเหตุนี เริมอดทนความพะอืดพะอม
สํารวจแนวเส้นสีเขียวทีกระจัดกระจายเหล่านันอย่าง

10
ละเอียด

หรันเหยียนนําเครืองมือทีทําความสะอาดแล้ววางไว้บน
โต๊ะทีหยิบใช้ง่าย ทุกคนถูกมีดผ่าตัดทีมีขนาดเล็กใหญ่
ไม่เท่ากันดึงดูดทันที

“ขอบังอาจถาม เครืองมือทีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน
เหล่านี มีอะไรพิเศษหรือ” อีเจิงหนุ่มคนหนึงถาม

โจวชูกล่าวตําหนิเสียงเบา “ไม่รูก้ ฎเกณฑ์! นีเป็ นทักษะ


เทพของสายฮัวโต๋ จะถามมัวซัวได้อย่างไร!"

แม้เขากล่าวเช่นนี ในใจกลับลอบชม เด็กน้อยทีดี ถามได้


11
ดียง!

หลิวชิงซงก็ไม่หวงวิชา พูดออกมายิงได้รบั ความรูส้ กึ ทีดี


จากคนเหล่านี แต่เรืองการผ่าตัด ไม่ใช่เจ้ารูก้ ็ทาํ ได้ ใน
ยุคหลังก็เป็ นเช่นนี ยิงไม่เอ่ยถึงต้าถัง เขาหยิบด้ามมีดผ่า
ตัดหมายเลขเจ็ดเล่มหนึงขึนมา "อย่างชนิดนี เรียกว่า
ด้ามมีดยาวเล็ก ใช้คกู่ บั ใบมีดหลายใบนี..."

หลิวชิงซงชีใบมีดหลายใบบนถาด กล่าวว่า "ใช้ในการผ่า


ชันลึก ต้องการเฉือนยิงลึก ก็ตอ้ งใช้ใบมีดประเภทนี ส่วน
เล่มทีสันเล็ก ใช้สาํ หรับกรีดผิวหนังชันนอก"

หลิวชิงซงยังพูดไม่จบ ก็ถกู หรันเหยียนตัดบท "ช่วยข้า

12
พลิกศพหน่อย"

"ข้าจะบรรยายสภาพศพแบบง่ายๆ ก่อน" หรันเหยียนม


องหลิวชิงซงและหมอยาผูห้ นึงช่วยกันพลิกศพ จึงฉวย
โอกาสกล่าว "หลังของผูต้ ายมีรอยแส้จาํ นวนมาก สภาพ
ปากแผลสมานกันแล้ว วินิจฉัยได้วา่ เป็ นแผลทีเกิดยามมี
ชีวิต บริเวณเอวและสะโพก มีรอยชําเล็กใหญ่หา้ แห่ง แต่
เป็ นรอยใหม่และเก่าทับซ้อนกัน ตอนนีวินิจฉัยจากระดับ
การฟื นฟูของรอยชํา ภายในสองเดือนก่อนผูต้ ายเสีย
ชีวิต อย่างน้อยเคยถูกวัตถุไม่มีคมกระแทกทีเอวอย่าง
แรงสามครัง เพราะหลังถูกรอยแส้กลบหมด ยังไม่อาจ
แยกแยะได้ชวคราวว่
ั าเคยรับการกระแทกจากวัตถุไม่มี
คมหรือไม่"

13
ศพถูกพลิกควําหน้า เผยให้เห็นส่วนสะโพก ทีปากทวาร
หนักมีหนอนขึนแล้ว แต่อาจเป็ นเพราะอุณหภูมิในห้อง
ค่อนข้างตํา หนอนล้วนไม่ขยับเขยือน เหล่าหมอหลวง
เริมหน้าซีดอีกครา แต่ไม่มีใครลืมว่าฝ่ าบาทให้เขาพวก
เขามาทีนีทําอะไร ทําได้เพียงทนขนหัวลุกมองบาดแผล
ทีสะโพกศพ

ยืนยันว่าคําพูดของหรันเหยียนไม่ผิด พากันพยักหน้า
เห็นด้วย ขันทีทีด้านข้างหยิบพูก่ นั บันทึกข้อมูล

หรันเหยียนชะงักครูห่ นึง ใช้พกู่ นั ปั ดวัตถุตกค้างในร่อง


นิวเท้าของศพออก กล่าวต่อว่า "ใต้เท้าซ้ายผูต้ ายมีสงิ
สกปรก วัตถุตกค้างสงสัยว่าจะเป็ นดินสีดาํ เล็กละเอียด
เท้าขวาสะอาด พืนรองเท้าสะอาด ไม่มีรอ่ งรอยของดินสี
14
ดํา"

หรันเหยียนใช้นาล้
ํ างหลังของศพ ก่อนเลือกมีดผ่าตัด
ขนาดยาวเริมผ่าศพ

ขณะนีสายตาของทุกคนทีมองหรันเหยียน เปลียนเป็ น
ตกใจและนับถือ ในฐานะหมอ รักษาจิตใจให้สงบได้
ตลอดเวลา นีเป็ นการบรรลุชนิดหนึง แม้วา่ การบรรลุของ
หรันเหยียนจะน่ากลัวอยูบ่ า้ งก็ตาม

หลีซือหมินจ้องดวงตาทีเผยอยูด่ า้ นนอกของหรันเหยี
ยนครูห่ นึง นอกจากความตังใจและเคร่งเครียด ไม่มี
ความรูส้ กึ อืน ขณะทีฉงนก็ชืนชมเธอจากใจจริง

15
ผ่าเปิ ดสะโพกศพ กล้ามเนือก้นทีเขียวชํารุนแรงเผยออก
มา นีไม่อยูน่ อกเหนือการคาดเดาของหรันเหยียนแม้แต่
นิด เธอกล่าวต่อ “กล้ามเนือก้นจากภายนอกถึงส่วนลึก
บอบชํารุนแรง”

หรันเหยียนให้หลิวชิงซงอธิบายครูห่ นึง อะไรคือกล้าม


เนือทีดี อะไรคือกล้ามเนือทีบอบชํา แล้วให้เหล่าหมอ
หลวงดูพกั หนึง รอจนพวกหมอหลวงยอมรับอย่างงุนงง
มีดผ่าตัดในมือจึงเริมผ่าลึกลงไปตามรอยชําทีเอว

เธอเลือกบริเวณทีใกล้กบั กระดูกสันหลังทีสุด ตามมีดผ่า


ตัดทีลงลึกไปทีละขันๆ หรันเหยียนใช้ผา้ ฝ้ายเช็ดเลือด
เลือดเนือเน่าเปื อยพลางเฉือนกล้ามเนือออกทีละชันๆ
16
จนกระดูกสันหลังเผยออกมา

“กล้ามเนือทีเอวเหมือนกับทีสะโพก บอบชําอย่างหนัก
เช่นกัน กระดูกสันหลังถูกของไม่มีคมกระแทก ปรากฏ
เป็ นรอยแตกเล็กน้อย” หรันเหยียนแสดงกระดูกสันหลังที
โผล่ออกมาให้ทกุ คนดู รอยแตกไม่ใหญ่ แต่จมอยูใ่ น
เลือดเสีย บนกระดูกสีขาวน่ากลัว ขับเน้นด้วยเลือดเนือ
เละเทะสองข้าง เห็นแล้วน่าหวาดหวันยิง

หลีซือหมินก็เห็นแล้ว คิวของเขาค่อยๆ ขมวดมุน่ มือที


วางอยูบ่ นต้นขาเผลอกําหมัด

กับปั ญญาชนผูห้ นึง คิดไม่ถงึ จะลงมือหนักเช่นนี เหตุใด

17
จึงต้องลงมือหนักถึงขนาดนี ไร้มนุษยธรรมจริงๆ

เขายิงคิด เอ็นสีเขียวทีหลังมือก็ปดู ขึนเป็ นเส้น เหล่าหมอ


หลวงก็รูส้ กึ ได้ถงึ ความโมโหโกรธาของเขา เพราะเหตุนี
จึงไม่กล้าเอ่ยปากสอบถามหรันเหยียนอีก หลิวชิงซงก็ไม่
อธิบายอีก

หลังหรันเหยียนจัดการบาดแผลสองแห่งนีเสร็จ ก็สงคน

พลิกศพนอนในท่าธรรมดา ก่อนเริมผ่าช่องอก เป้าหมาย
สุดท้ายของเธอคือหาลิมเลือดทีทําให้ผเู้ คราะห์รา้ ยหัวใจ
วายเฉียบพลัน

หรันเหยียนก็มีความกดดัน เพราะถึงอย่างไรก็เป็ นการ

18
คาดการณ์โดยอาศัยประสบการณ์ของเธอ ไม่อาจมันใจ
ได้เต็มร้อย เธอไม่มีความมันใจถึงขันนัน

แม้สว่ นช่องอกจะเน่าเปื อยมาก แต่อย่างน้อยยังไม่


ปรากฏวัตถุน่าสะอิดสะเอียดเช่นหนอน เหล่าหมอหลวง
สงบสติอารมณ์จากภาพน่าสยดสยองเมือครูไ่ ด้บา้ ง เมือ
ต้องพบสภาพโหดร้ายทารุณเช่นนี นึกไม่ถงึ กลับเยือก
เย็นขึนมาก

ผ่าเปิ ดช่องอก หรันเหยียนหาหลอดเลือดแดงสูป่ อดพบ


จึงเปลียนเป็ นกรรไกร ตัดตามหลอดเลือดแดงไป ในสาย
ตาของทุกคน หรันเหยียนผ่าศพสีหน้าไม่เปลียน ท่าทาง
เหมือนคนฆ่าสัตว์ยงิ ไม่ รูส้ กึ ว่ายังคล่องแคล่วกว่าคน
ฆ่าสัตว์เสียอีก
19
ในทีสุด หรันเหยียนหยุดเคลือนไหว เปลียนเป็ นคีมคีบ
ลิมเลือดลิมนันออกมาทันที เธอโล่งใจ “ก็คือวัตถุเล็กๆ
ชินนี อุดตันเส้นเลือดไปสูป่ อด ทําให้ผตู้ ายหัวใจวาย
เฉียบพลัน”

20
ตอนที 402 นําตานอง

“เส้นทีท่านตัดเปิ ดเมือครู ่ คือชีพจรปอดหรือ” จางซงเฮ่อ


หน้าซีดอยูบ่ า้ ง แต่เป็ นคนทีมีสติทีสุดในจํานวนหมอ
หลวง

หลิวชิงซงกล่าว “จะเรียกแบบนันก็ได้”

ตอนนีแพทย์แผนจีนมีความรูเ้ กียวกับร่างกายมนุษย์
อย่างลึกซึงแล้ว แต่หมอเช่นพวกเขาเพียงเข้าใจจาก
ภาพร่างเส้นชีพจรทีตกทอดมาจากอดีต ไม่เคยเห็นเต็ม
ตาเช่นนี

1
จางซงเฮ่อจับจ้องเส้นเลือดเส้นลมปราณทีตัดกันตาไม่
กะพริบ นําสิงทีเมือก่อนเขาเพียงรูต้ าํ แหน่งอย่างหยาบๆ
เหล่านีประทับไว้ในห้วงสมอง ขณะเดียวกันเขาก็ตกใจ
ยิง หรันเหยียนคล้ายเข้าใจร่างกายมนุษย์ดงฝ่
ั ามือตน
เอง เมือลงมีด ตําแหน่งมิเอียงไม่พลาด ราวกับเฉือนเนือ
หนังออกมาได้อย่างสบาย หาเส้นลมปราณปอดพบได้
ง่ายดายยิง

จางซงเฮ่อรูส้ กึ กระเหียนกระหือรืออยูบ่ า้ ง ไม่รูย้ ามตน


เองถือมีดไว้ จะแม่นยําได้ถงึ ระดับใด แม้คิดเช่นนี ทําให้
เขารูส้ กึ ผิดยิง ละเมิดสํานึกทัวไปทีว่า ‘ร่างกายเส้นผมผิว
หนังมิอาจทําลาย’ แต่ความคิดเช่นนีเหมือนต้นหญ้าใน
ทุง่ โล่งกว้าง เติบโตหลังฝนอย่างรวดเร็วยิงนัก ไม่อาจ
ควบคุมได้

2
ตามมาด้วยการผ่าเปิ ดช่องท้อง ในทีสุดมีคนทนไม่
ไหวจะอาเจียน ทังไม่อาจสนใจว่าฮ่องเต้ยงั อยู่ ปิ ดจมูก
ปากรีบร้อนพุง่ ออกไป เช่นนีแม้เสียมารยาท แต่การ
อาเจียนต่อหน้าฝ่ าบาทยิงเสียมารยาทกว่า

เพราะอยูใ่ นหน้าร้อนพอดี หลังคนตายอยูใ่ นอุณหภูมิ


ห้องหกถึงเจ็ดชัวยาม ช่องท้องเริมเน่าเปื อยแล้ว แม้ตอน
นีวางไว้ในสถานทีทีมีอณ
ุ หภูมิคอ่ นข้างตํา ก็ไม่อาจขัด
ขวางสถานการณ์นีได้สมบูรณ์ นอกจากอุณหภูมิติดลบ

ผ่าเปิ ดกระเพาะ นีเป็ นการผ่าทีหรันเหยียนทําบ่อยทีสุด


ดังนันความเคลือนไหวยิงคล่องแคล่วหมดจด เธอใช้
แหนบตะขอหนีบเยือบุช่องท้องทีอยูร่ ะหว่างสะดือกับ
3
ลินปี ก่อนกรีดเป็ นแผลเล็กๆ ใช้นิวชีและนิวกลางข้างซ้าย
สอดลงไปในปากแผล ยกขึนเล็กน้อย ตัดเยือบุช่องท้อง
จากตําแหน่งระหว่างสองนิว

เหล่าหมอหลวงถูกฝี มือเธอดึงดูด หลังตังสติได้ ความ


รูส้ กึ สะอิดสะเอียนกลับลดลงไม่นอ้ ย

มีดผ่าตัดในมือหรันเหยียนเฉือนตัดกล้ามเนือผนังช่อง
ท้องไปตามชายโครง เผยให้เห็นช่องท้องอย่างสมบูรณ์
เธอสํารวจสภาพท้องอย่างละเอียดรอบหนึง

หลิวชิงซงเห็นพวกจางซงเฮ่อตังใจยิงจึงอธิบายว่า “สิงที
นางเพิงใช้นิวยกขึนมาคือเยือบุช่องท้อง ร่างกายมนุษย์

4
ไม่ใช่เมือผ่าอกหรือผ่าท้องออกมา ข้างในก็เป็ นอวัยวะ
ภายในแต่ละชิน วัตถุกงใสชนิ
ึ ดนีก็คือสิงห่อหุม้ รักษา
อวัญวะภายใน เช่น กระเพาะ ลําไส้อวัยวะภายในเหล่า
นีถูกห่อหุม้ ด้วยเยือบุชนิดนีทังหมด หมายเห็นอวัยวะ
ประเภทนีชัดเจน ก็จาํ เป็ นต้องกรีดเยือบุชนนี
ั ออกอย่าง
ระมัดระวัง”

หรันเหยียนตัดอวัยวะภายในท้องออกมาเป็ นลําดับ เธอ


หมายตรวจสอบกระเพาะและลําไส้สว่ นบนเป็ นหลัก นี
ต้องไม่อาจผ่าในช่องท้องตรงๆ ได้ หากในกระเพาะมี
วัตถุตกค้างในปริมาณมาก เมือผ่าออกต้องไหลเข้าช่อง
ท้องจนเต็มไปหมด ถึงเวลานันก็ไม่อาจทําความสะอาด
ได้

5
หลิวชิงซงรีบปูผา้ ฝ้ายสีขาวผืนหนา ด้านบนวางกระดาน
แก้ว ไว้พกั อวัยวะภายใน

“อวัยวะภายในของผูต้ าย โดยทัวไปปกติ แต่อาจเป็ น


เพราะเอวถูกกระแทกอย่างแรง ไตจึงมีสภาพเสียหายอยู่
บ้าง” หรันเหยียนกล่าว

อารมณ์ของหลีซือหมินจากโกรธถึงทีสุดค่อยๆ ลดน้อย
ถอยลง ได้ยินคําพูดของหรันเหยียน อารมณ์แทบไม่หวัน
ไหว ทีเรียกว่าหมดกําลังใจ คงเป็ นความรูส้ กึ ตอนนีของ
หลีซือหมิน

หรันเหยียนเปิ ดกระเพาะอาหารและลําไส้สว่ นบน กลิน

6
เหม็นรุนแรงก็อบอวลไปทัวห้องในชัวพริบตา แม้ทกุ คน
สวมผ้าปิ ดปากก็ยงั ได้กลินชัดเจน กระทังหลีซือหมินที
หน้านิงมาตลอดยังขมวดคิว

หรันเหยียนเพียงหยุดชะงักครูห่ นึง รอจนกลินจางไป ก็


ก้มศีรษะสํารวจวัตถุตกค้างในกระเพาะ

วัตถุทีอยูใ่ นกระเพาะอาหารของศพ นีคือวิชาทีสําคัญ


วิชาหนึงในการเรียนนิติเวชศาสตร์ จากชนิดและสภาพ
การย่อยสลายของอาหารในกระเพาะ ทําให้ได้เบาะแส
มากมาย

“มีกลินกระเทียม” หลิวชิงซงกล่าวเสียงทุม้ กังวาน

7
เหล่าหมอหลวงก็ละพิธีรตี องสงบสติอารมณ์ แยกแยะครู ่
หนึง ก่อนรีบพยักหน้าคล้อยตาม “ถูกต้อง!”

“ดูวา่ นีคือชินเนืออะไร” หรันเหยียนใช้แหนบคีบวัตถุชิน


เล็กๆ วางไว้บนผ้าขาว

หลิวชิงซงลอบครําครวญ นีไยมิใช่จงใจแกล้งให้เขาคลืน
ไส้ ในเมือเป็ นของทีย่อยไปแล้วครึงหนึง จะแยกแยะได้
หรือว่าเป็ นอะไร

เขาฝื นมองอยูพ่ กั หนึง ก่อนกล่าว “ดํามาก แต่ดทู า่ ทาง


ถ้าไม่ใช่เนือวัวก็ตอ้ งเป็ นเนือแพะ โจวอีลงิ ท่านว่าใช่หรือ

8
ไม่”

หลิวชิงซงนําของยัดใส่มือโจวชู ท่านผูเ้ ฒ่าสีหน้าเคร่ง


เครียดกว่าเดิม แต่เพราะฝ่ าบาทอยูด่ ว้ ย ไม่อาจทําอย่าง
ขอไปที ทําได้เพียงก้มหน้ามองจริงจัง “อือ เหมือนจะใช่”

ร่วมทุกข์รว่ มสุข โจวชูดเู สร็จก็นาํ วัตถุสง่ ให้อีเจิงผูใ้ ต้


บังคับบัญชา ให้พวกเขาได้ดอู ย่างละเอียดทีละคน

"ข้าได้ยินว่าในตลาดตะวันตกมีรา้ นค้าของชาวหูมาก
มายทีใช้ของประเภทพริกไทย กระเทียมย่างเนือแพะ
กลินหอมยิง เหลาสุราสองสามร้านในตลาดตะวันออกก็
มีเช่นกัน" หลิวชิงซงกล่าว

9
ในกระเพาะอาหารของทุกคนมีกรด ในสถานการณ์เช่นนี
ใครก็นกึ ไม่ออกว่ากลินหอมเป็ นอย่างไร

“ลักษณะของอาหารในกระเพาะโดยทัวไปสมบูรณ์ มี
ปริมาณน้อยทีเข้าไปในลําไส้เล็กส่วนต้น วินิจฉัยว่าผูถ้ กู
ทําร้ายกินอาหารก่อนตายหนึงชัวยาม สสารข้างในมี
เพียงข้าวและเนือในปริมาณน้อย ผักปวยเล้ง สถานทีทีผู้
ถูกทําร้ายกินอาหารสมควรเป็ นสถานทีพิเศษมาก” หรัน
เหยียนจําคําพูดทีเซียวซ่งเคยกล่าว เรืองเกียวกับการ
คาดเดาฆาตกร ให้คนอืนไปทํา เพราะเหตุนีเพียงกล่าว
คร่าวๆ

ผักปวยเล้งก็คือผักโขม เพิงแพร่เข้ามาจากประเทศ
10
เนปาลไม่กีปี มานี ไม่ถือว่าปลูกอย่างกว้างขวาง เนือง
จากรสชาติและกลินสดใหม่กว่าฮัวไช่และผักกาดเขียว
กวางตุง้ แบบดังเดิม ถูกเหลาสุรามากมายผูกขาดการ
เพาะปลูก หลังทําเป็ นอาหารคาว ราคาก็ไม่ธรรมดา

หรันเหยียนมองใบหน้าทีอืดบวมของศพ พลันอดสงสาร
ไม่ได้ บาดเจ็บทัวกาย แม้มีอาหารเลิศรสราคาแพงอยู่
ตรงหน้า ก็ยงั ยากกลืนลง

ตรวจสอบช่องอกช่องท้องและอวัยวะภายในของศพ
เสร็จสมบูรณ์ หรันเหยียนทําความสะอาดอย่างตังใจครู ่
หนึง นําอวัยวะภายในเย็บกลับคืนทีเดิม ปากแผลทีอก
และท้องใหญ่มาก ผิวเนือค่อนข้างหนา ใช้เข็มเล่มเล็กๆ
ความจริงไม่อาจเย็บได้ แต่หรันเหยียนทุม่ สุดแรงทําให้
11
ภายนอกดูสะอาดเรียบร้อยงดงาม

หลังทําทุกอย่างเสร็จ เมือมองไป ศพก็ไม่เละเทะแล้ว


เพียงแต่อก เอว และท้องมีรอยเย็บปิ ดหลายเส้นเพิมขึน
มา เมือสวมเสือผ้าอีกครัง ก็มองไม่เห็นความผิดปกติใด

เห็นศพสวมเสือผ้าเรียบร้อย ทุกคนรูส้ กึ ว่าเหตุการณ์ที


น่ากลัวเมือครูเ่ หมือนเป็ นความฝันตืนหนึง ตามหมอยาที
นําทางออกไปอย่างมึนงง ถอดเสือคลุมบนกายและถุง
มือออกทีหน้าประตู

เดินไปข้างหน้าจากทางเดินคดเคียว รูส้ กึ ว่าแสงแดดยิง


ร้อน กระทังแสงแดดแสบตาส่องต้องกาย จึงเหมือนตืน

12
จากความฝัน

“ขุนนางทีรักทุกท่านวันนีกลับไปอาบนําปั ดเป่ าความ


โชคร้ายเถิด” หลีซือหมินกล่าวทิงท้ายเสียงเรียบ ก่อน
จากไป

ทุกคนรีบค้อมกายคารวะ “น้อมส่งเสด็จฝ่ าบาท”

ครูเ่ ดียว หรันเหยียนเงยหน้าขึน มองเห็นหลีซือหมินสวม


ชุดสีดาํ เห็นชัดๆ ว่าเป็ นเงาหลังปกติ ไม่รูท้ าํ ไมดูรนั ทด
เป็ นพิเศษ เธอยกมือปลดผ้าปิ ดปากบนใบหน้าออก หัน
ไปบอกลาเหล่าหมอหลวง

13
หลังหรันเหยียนจากไป จางซงเฮ่อพลันนําตานอง “เราผู้
เฒ่าลุม่ หลงวิชาแพทย์มาทังชีวิต ยังคิดว่าตนเองค้นคว้า
ทดลองจนพอรูบ้ า้ งแล้ว คิดไม่ถงึ กลับเป็ นแค่กบก้นบ่อ
ใบไม้บงั ตาเท่านัน!”

ในคําพูดนี มีทงความโศกเศร้
ั า และมีความยินดี

14
ตอนที 403 เรียกสามหน่วยงานเข้าเฝ้ า

ตําหนักลีเจิงอันกว้างขวางและเงียบสงัดในวังไท่จีที
พํานักของฮองเฮา ไร้ชีวิตชีวาไม่เหมือนในวันเก่าแต่แรก
นางกํานัลล้วนรอปรนนิบตั ิอยูบ่ นระเบียงด้านนอก ใน
ตําหนักเพียงมีบรุ ุษสวมชุดผ้าไหมสีเหลืองแขนกว้างคน
เดียว เขานังอยูบ่ นขอบเตียงนุ่ม ผ้าแพรบางปูบนเบาะ
ผมและเคราเป็ นสีขาว นําหยาดหยดลงจากปลายผมลง
บนผ้าเป็ นระยะๆ กลายเป็ นบุปผาดอกเล็กๆ ดอกหนึง

เบืองหน้าเขามีชดุ ไก่ฟา้ สิบสองชินเครืองแบบของจ่างซุน


ฮองเฮาวางซ้อนกันอย่างเป็ นระเบียบ

1
เขามองลายบนนัน ไม่รูผ้ า่ นไปนานเท่าไร จึงยืนมือลูบไล้
มันเบาๆ คิดกล่าวอะไร ทว่ากลับคอหอยตีบ

ผ่านไปครูห่ นึง จึงเปลียนเป็ นเสียงถอนใจ "กวานอินปี


พริบตาเดียวเจ้าก็จากไปแล้วสองปี ข้ายังจําตอนก่อน
เจ้าจากไปได้ ท่าทางไม่แตกต่างจากเมือยีสิบปี ก่อนเลย
สองปี นี ข้ากลับผมเผ้าหงอกขาว เจ้าบอกว่าจะอยูก่ บั ข้า
จนแก่เฒ่า สุดท้ายกลับมีขา้ คนเดียวทีแก่”

“พวกเราฝากความหวังไว้กบั เฉิงเฉียนมากเกินไป เดิมที


ข้าคิดว่าเขานิสยั อ่อนแอ แบกรับความหวังยิงใหญ่ของ
พวกเราไม่ได้ แผ่นดินต้าถังให้เขารับผิดชอบกินแรงเกิน
ไป แต่กวานอินปี เมือก่อนเขาเพียงหน้าไหว้หลังหลอก
2
วันนีกลับกล้าทารุณสังหารขุนนาง!”

ในเสียงหลีซือหมินไม่มีความโกรธขึงเท่าใด แต่เป็ น
ความเสียใจลึกซึง

“เค่อเอ๋อร์กบั ชิงเชวียเก่งกว่าเขามากเกินไป ข้าใช้วิธี


ทุกอย่างเพือสร้างสมดุลมาตลอด ตัดโอกาสทํางานเมือง
กุมกําลังทหารของชิงเชวีย ทังยังตามใจให้ทา้ ยเขา แต่
เค่อเอ๋อร์เหมือนข้ามากเกินไป ข้ากลัวประวัติศาสตร์จะ
ซํารอย ทําได้เพียงไร้นาใจกั
ํ บเขา”

ฆ่าพีสังหารน้อง หลายปี มานีหลีซือหมินมีชีวิตอยูด่ ว้ ย


ความเจ็บปวดและความละอายใจอย่างลึกซึง โศก

3
นาฏกรรมเกิดขึนครังหนึงก็แล้วกันไป เขาไม่อยากเห็น
บุตรชายตนฆ่าฟั นกันเองเพือตําแหน่งนีอีก

“กวานอินปี หากวันหน้าข้าลงมือต่อเฉิงเฉียน เจ้าห้าม


ตําหนิขา้ เด็ดขาด รอหลังข้าตาย จะไปขอขมาเจ้าเอง”

“กวานอินปี หลังเจ้าจากไป ข้ามีบางคําพูดทีระบายกับ


ใครไม่ได้...”

เสียงสุดท้ายแหบพร่า บุปผานําตาทีหยดหยาดลงบนผ้า
แพรไหมสีเหลืองยิงมากขึน

หากเป็ นเมือก่อน ต้องมีมืออ่อนโยนคูห่ นึง มีเสียงปลอบ


4
ใจนุ่มนวลเสียงหนึง ทว่าตอนนี ในตําหนักขนาดใหญ่
เงียบสงัดไร้สมุ้ เสียง

ขันทีจงรุย่ ยืนนอบน้อมอยูห่ น้าประตู อดหันกลับไปมอง


ประตูทีปิ ดสนิทไม่ได้ ผ่านไปประมาณครึงชัวยาม จึงได้
ยินเสียงตําทุม้ ทรงพลังเช่นกาลก่อนดังแว่วมา “จงรุย่ ”

“บ่าวอยูพ่ ะ่ ย่ะค่ะ” จงรุย่ คลายใจ รีบเปิ ดประตูเข้าไป


“ฝ่ าบาททรงตืนจากนอนกลางวันแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“อือ” หลีซือหมินนําชุดไก่ฟา้ ใส่ลงหีบด้วยตนเอง เดินลง


จากเตียง “เปลียนเสือ”

5
“พ่ะย่ะค่ะ!” จงรุย่ รับคํา ก่อนหมุนกายร้องเรียก
“ปรนนิบตั ิฝ่าบาทเปลียนฉลองพระองค์!”

นางกํานัลยกเสือผ้า เครืองมือล้างหน้าบ้วนปากเรียง
แถวเข้ามา นางกํานัลชุดหรูฉวินสีสม้ สีนางขึนหน้ามา
สวมชุดลําลองให้เขา

“จงรุย่ หลังอาหารกลางวันเรียกสามหน่วยงานมาเข้า
เฝ้า” หลีซือหมินกล่าว

จงรุย่ ลอบสะท้าน ค้อมกายรับคําสัง

เรียกสามหน่วยงานเข้าเฝ้ามีขนุ นางสําคัญทังสินแปดคน
6
สํานักตรวจการ หัวหน้าสํานักตรวจการหนึงคน อวีสือจง
เฉิงสองคน ศาลต้าหลี หัวหน้าศาลต้าหลีหนึงคน เส้าชิง
ศาลต้าหลีสองคน กรมอาญา เจ้ากรมอาญาหนึงคนและ
ซือหลางแห่งกรมอาญาหนึงคน

เห็นชัดๆ ว่าจะสอบสวนคดีนีใหม่!

จงรุย่ ค้อมกายน้อยๆ ถามว่า “ฝ่ าบาท จะให้จดั อาหาร


กลางวันไว้ทีใดพ่ะย่ะค่ะ”

หลีซือหมินเงียบไปพักหนึง “ยังคงเป็ นตําหนักกานลูเ่ ถิด”

หลีซือหมินมักมานอนกลางวันทีตําหนักลีเจิงแทบทุกวัน
7
แต่ไม่เคยอยูก่ ินอาหารทีตําหนักลีเจิง ไม่ใช่อะไร เพียง
คิดถึงเรืองในอดีต กินอะไรก็ไร้รสชาติ

วันนีเขาอยากกินข้าวทีตําหนักลีเจิงสักมือ ทว่าไม่ได้ เมือ


ใดทีเขามีความเคลือนไหวผิดปกติเล็กน้อย เหล่าขุนนาง
ทีฉลาดปราดเปรืองจะเดาสาเหตุได้ทนั ที

หลีซือหมินเดินออกจากตําหนักลีเจิง ขันทีและนางกํานัล
กลุม่ ใหญ่พากันถอยตามออกมา พริบตาเดียวตําหนัก
ใหญ่ก็ไร้ผคู้ น

แสงแดดยามเทียงในหน้าร้อนแยงตาคน รอบด้านเป็ น
ดังลังถึง ไอร้อนปะทุวบู วาบ

8
หรันเหยียนกลับถึงเรือนรีบใช้เพ่ยหลันและสมุนไพรอาบ
นํา เพิงออกมาก็ได้ยินหวันลวีบอกว่า “ฮูหยิน รีบไปดู
คุณหนูนอ้ ยเถิดเจ้าค่ะ ไม่ได้กินอะไรมาตังแต่เช้าแล้ว”

หรันเหยียนตกใจ รีบเดินเข้าห้องนอน

เข้าไปในห้อง หรันเหยียนก็เห็นเซียวซ่งอุม้ รัวรัวกล่อมให้


นางกินไข่แดง รัวรัวตาแดงกํา จับแขนเสือเซียวซ่ง กําลัง
กินอย่างว่าง่าย

“นายท่านกลับมาแล้ว!” หวันลวีพูดอย่างตืนเต้น

9
เมือรัวรัวเห็นหรันเหยียน ก็นาตาคลอทั
ํ นที ยืนปากน้อยๆ
ทําท่าเหมือนจะร้องไห้ ปากเล็กๆ บ่นอุบอิบเหมือนแมว
“นมๆ...นมๆ...”

นางไม่ได้กาํ ลังเรียกคน แต่กาํ ลังรําร้องอยากกิน รัวรัว


เกิดช้ากว่า ทว่าพูดคําทีมีความหมายได้ก่อนพีชายทัง
สอง เด็กโง่งมทังสองนันจนถึงตอนนีก็พดู อ้อๆ แอ้ๆ ว่า
“นมๆ” ตามรัวรัว ทว่าออกเสียงไม่ชดั คนหนึงพูดว่า
“มมๆ” อีกคนพูดว่า “นนๆ”

ทว่าส่วนใหญ่เด็กผูห้ ญิงมีพรสวรรค์ดา้ นภาษามากกว่า


เด็กผูช้ าย ไม่เกียวกับไอคิวแน่นอน

10
หรันเหยียนยืนมือรับรัวรัวมา ปลดเสือป้อนนมนาง หัน
ไปกําชับหวันลวี “รีบไปจัดสํารับอาหารเทียงเถิด”

“เจ้าค่ะ” หวันลวีเครียดตังแต่เช้า ในทีสุดก็คลายใจ รับ


คําเสียงดังมีชีวิตชีวา ก่อนวิงออกไป

ไม่ถงึ สองอึดใจ พลันกลับเข้ามาอีก “ฮูหยินแย่แล้วเจ้า


ค่ะ บ่าวเพิงได้ยินว่าเกอหลันลงมือลงไม้กบั คุณชายหลี
ในห้องยามหยิบมีดพาดคอเขา”

หรันเหยียนขมวดคิว “คุณชายหลีมาอีกแล้วหรือ”

หรันเหยียนคิดว่าใช่ควรเตรียมงานแต่งงานให้เกอหลัน
11
หรือยัง ช่วงก่อนเห็นคนทีเกอหลันเคยเอ่ยถึง รูปร่างสูง
ใหญ่มาก คนดูแล้วสะอาดสะอ้าน แค่ไม่คอ่ ยมีความรู ้
แต่ถือว่ามีเหตุมีผล

“ไม่ตอ้ งตกใจ เกอหลันเป็ นคนรูอ้ ะไรควรไม่ควร เจ้าให้


คนไปดูก่อน ปรามๆ ไว้ อย่าให้เกิดเรืองจริงๆ” หรันเหยี
ยนกล่าว

หวันลวีไตร่ตรองดูแล้วก็ใช่ เกอหลันไม่เคยทําเรืองโง่ๆ
จึงรับคําคราหนึง ก่อนออกไป

“อีกสองคนเล่า” หรันเหยียนถาม

12
เซียวซ่งกระแอมคําหนึง กล่าว “ถูกข้าตีเข้าให้ ร้องไห้ อุม้
ไปกินนมแล้ว”

“ซูเ่ อ๋อร์ก็รอ้ งไห้หรือ” หรันเหยียนตกตะลึง

เซียวซ่งหัวเราะก่อนกล่าว “เจ้าเด็กน้อยนีอดทน ถูกข้าตี


ก้นสองทีก็ไม่รอ้ ง ต่อมาได้ยินจีเอ๋อร์รอ้ ง เขาถึงร้องตาม
ไม่กีแอะ”

หรันเหยียนรูว้ า่ เซียวซ่งรักลูกๆ สามคนนีมาก ถ้าไม่เกิด


เรืองทีทําให้เขาโกรธ เกรงว่าเขาคงไม่ยินยอมลงมือแม้
สักสองเพียะ ยิงกว่านัน สองฝ่ ามือนีคิดแล้วต้องเบาแน่ๆ

13
รัวรัวกินไปพักหนึง นึกไม่ถงึ ว่าหลับไปแล้ว หรันเหยี
ยนอุม้ ครูห่ นึง ก็วางไว้ในเปล

“ข้าจะไปดูวา่ พวกเกอหลันเป็ นอะไร ท่านกินข้าวเร็ว...”


หรันเหยียนกล่าวยังไม่จบ ก็เห็นเซียวซ่งมองหน้าอกเธอ
เป็ นระยะๆ เมือก้มลงดูจงึ เห็นว่าเสือเปิ ดออกครึงหนึง

เซียวซ่งชะโงกหน้ายืนมือดึงขึนแทนเธอ

หรันเหยียนกล่าวต่อ “ข้าเห็นสีหน้าของฝ่ าบาท รูส้ กึ


เหมือนแข็งใจหักใจเด็ดขาด ไม่แน่อาจเรียกสามหน่วย
งานเข้าเฝ้าสอบสวนเรืองนีอีกครัง”

14
เซียวซ่งรับคําคราหนึง ยืนมือโอบกอดเธอ จุมพิตหน้า
ผากเธอหนึงครัง “เช่นนันข้าไปก่อนนะ”

“อือ” หรันเหยียนตอบ

ทังสองเดินออกจากห้องนอนด้วยกัน หรันเหยียนให้สงิ
เหนียงไปดูแลรัวรัว เธอก็เดินไปทีเรือนหน้า

ออกจากประตูชนใน
ั เดินไปบนระเบียงหลายสิบเมตรก็
ได้ยินเสียงละแวกห้องยามชัดเจน

“ข้าไม่กล้าทําเลือดท่านเลอะทีนี แต่ฆา่ ตัวตายได้ หลี


เต๋อเจียน! หากท่านไม่พดู ให้ชดั ข้าจะใช้ความตายรักษา
15
ความบริสทุ ธิ!” เกอหลันเสียงเย็นชา

สตรีในราชวงศ์ถงั ส่วนมากไม่เห็นพรหมจรรย์ของตนเอง
สําคัญกว่าชีวิต แต่นิสยั เกอหลันไม่เหมือนใคร คนทีนาง
แต่งงานด้วย กล่าวถึงฐานะก็ตาต้
ํ อยกว่านางมาก ไม่วา่
ภายนอกหรือภายใน ก็ไม่ได้เหมาะสมกับนางสักอย่าง
เดียว หากข้างนอกมีข่าวลือไม่ดีอะไรเกียวกับเกอหลัน
เขาต้องโดนคนดูถกู แน่

“เจ้าคนนันดีเพียงนีหรือ คุม้ ค่าให้เจ้าใช้ชีวิตปกป้อง!”


หลีเต๋อเจียนทังเสียใจทังโกรธ “ข้าถอนหมันแล้ว เจ้ามิ
อาจปฏิเสธข้า”

16
หรันเหยียนชะงักเท้า เรืองหลีเต๋อเจียนถอนหมัน เธอไม่
เคยได้ยิน นอกจากถอนหมันวันนี มิฉะนันเธอต้องได้ยิน
ข่าวแน่

เธอนึกไม่ถงึ ว่าหลีเต๋อเจียนจะทําได้ถงึ ขันนี เห็นได้วา่ เขา


จริงใจกับเกอหลัน หากหลีเต๋อเจียนตบแต่งเกอหลันเป็ น
ภรรยาหลวงได้จริง ก็เป็ นเรืองน่ายินดี ด้วยความ
สามารถของเกอหลัน น่าหยังเท้ามันในเรือนสกุลหลีได้

คิดถึงตรงนี หรันเหยียนจึงไม่คิดสอดมือตอนนี เธอยืน


อยูบ่ นระเบียง คนทีถูกพุม่ ไม้แน่นขนัดกันไว้อีกฝากก็
มองไม่เห็นเธอ

17
“อย่าบังคับข้า พวกเราไม่ใช่คนเส้นทางเดียวกัน” นํา
เสียงเกอหลันอ่อนลงอยูบ่ า้ ง

เสียงฝี เท้าดังขึน หรันเหยียนก็เห็นเกอหลันบนกายยังใส่


ผ้ากันเปื อน มือถือมีดหันผักเดินมาทางนี หลีเต๋อเจียนไม่
ยอมแพ้ติดตามมาข้างหลัง

เกอหลันเห็นหรันเหยียนก็ตะลึง ค้อมกายเล็กน้อยคารวะ
“ฮูหยิน”

“เจ้าเข้าไปก่อนเถิด” หรันเหยียนกล่าวเสียงเบา

“ฮูหยินพีสะใภ้” อย่างน้อยหลีเต๋อเจียนก็ยงั ห่วง


18
ธรรมเนียมมารยาท ไม่ได้ทาํ อะไรเสียมารยาทต่อหน้า
หรันเหยียน

หรันเหยียนประเมินเขาหนึงรอบ ผอมกว่าเมือก่อนมาก
นัก คิดว่าต้องลําบากเพราะเรืองถอนหมันไม่นอ้ ย

“เกอหลันไม่เคยคิดฝันว่าวันหนึงจะได้แต่งเข้าตระกูล
ใหญ่ วันนีการปรากฏของท่านตรงกันข้ามกับความเข้า
ใจของนาง คิดว่าต้องการเวลาบ้างจึงคิดตก” หรันเหยี
ยนกล่าว

หลีเต๋อเจียนร้อนรนกล่าวว่า “นางมิใช่กาํ ลังจะแต่งงาน


หรอกหรือ”

19
“เมือท่านก่อเรืองเช่นนี นางยังจะแต่งงานสําเร็จหรือ เก
อหลันฉลาดเฉลียว หากท่านจริงใจ นางต้องรูส้ กึ ได้แน่”
หรันเหยียนเกลียกล่อมสองสามคํา จึงกล่าว “ท่านกลับ
ไปเถิด คิดว่าคงยังไม่จดั การเรืองหลังถอนหมันกระมัง”

เป็ นดังทีหรันเหยียนคิด หลีเต๋อเจียนถอนหมันโดย


พลการ คราวนีเกรงว่าสกุลตูแ้ ละสกุลหลีคงพล่านกัน
แล้ว

“ขอบคุณฮูหยินพีสะใภ้” หลีเต๋อเจียนคารวะ รีบหมุน


กายจากไป

20
หรันเหยียนกําลังจะกลับเข้าเรือนใน ห้องยามก็มีคนรับ
ใช้วิงมา “ฮูหยิน คนของทีว่าการนายท่านมาแจ้งว่า ยาม
เว่ยสามเค่อให้นายท่านเข้าเฝ้าทีตําหนักกานลูข่ อรับ”

ไม่ตา่ งจากทีคาดการณ์จริงๆ! หรันเหยียนรับคําอือ “รู ้


แล้ว”

เซียวซ่งกินข้าวเร็วมากยามกินคนเดียว หรันเหยียนกลับ
มาถึงในโถงข้าง เขาเพิงวางชามและตะเกียบ เห็นหรันเห
ยียนมาแล้ว จึงถาม “เรืองเป็ นอย่างไร”

“หลีเต๋อเจียนบอกว่าถอนหมันแล้ว คิดว่าเขาคงป่ าว
ประกาศข้างนอกว่าตนเองรักชอบเกอหลัน ดังนันจึงทํา

21
ให้นางโกรธ” หรันเหยียนคาดเดาจากคําพูดกะพร่อง
กะแพร่งทีได้ยินเมือครู ่

หลังเซียวซ่งบ้วนปากเสร็จ รับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปาก
ก่อนโยนผ้ากลับลงไปในถาด หัวเราะก่อนกล่าว “เขาทํา
ทุกวิถีทางจริงๆ กระทังวิธีแย่ๆ เช่นนีก็ใช้ดว้ ย”

“การปี นกําแพงสูงส่งกว่านีหรือ” หรันเหยียนกล่าวเสียง


เรียบ

เซียวซ่งหัวเราะฮ่าๆ “เรืองปี มะโว้แล้ว”

หรันเหยียนยิม “อย่ามัวแต่หวั เราะเลย เมือครูท่ ีว่าการส่ง


22
ข่าวมา ให้ทา่ นไปเข้าเฝ้าทีตําหนักกานลูย่ ามเว่ยสามเค่
อ”

23
ตอนที 404 โดนเปิ ดโปง

“เยียม!” เซียวซ่งยิงยิมลึกซึง เรืองนีขอเพียงฝ่ าบาท


แสดงท่าทีชดั เจน จะลดความวุน่ วายไปได้มาก อีกอย่าง
ตอนนีสามหน่วยงานร่วมกันสืบคดี ความกดดันของกรม
อาญาก็นอ้ ยลงมาก มีหรือเขาจะไม่ดีใจ “ข้าไปก่อนละ”

เซียวซ่งเพิงลุกขึนยืน หวันลวีก็รบี ร้อนพุง่ เข้ามา “นาย


ท่าน คนของทีว่าการมาอีกแล้ว ขอเข้าพบท่านกับฮูหยิน
เจ้าค่ะ”

เซียวซ่งอดสงสัยไม่ได้ รอยยิมเลือนลงบ้าง “บอกหรือไม่


ว่าเรืองอะไร”

1
“ไม่เจ้าค่ะ” หวันลวีตอบทันที “แต่หอ้ งยามบอกว่า คนผู้
นันเหงือโชกเต็มหลัง สีหน้าร้อนใจ”

เมือได้ยินเซียวซ่งและหรันเหยียนก็ไม่นงรอในนี
ั อีก เดิน
ออกจากโถงข้างตรงไปห้องยามทันที

เจ้าหน้าทีชุดสีเขียวของกรมอาญาผูห้ นึงเดินพล่านอยู่
หลังประตู เห็นสองสามีภรรยา ก็รบี ก้าวยาวๆ เข้ามารับ
หน้า ทําการคารวะหนึงครัง ก่อนพูดอย่างรวดเร็ว “เซียว
ซือหลาง เซียนเหลียงฮูหยิน เมือครูม่ ีข่าวมาว่าอินชิงกวง
ลูต่ า้ ฟู จางเสวียนซูถ่ กู ดักสังหารในงานสังสรรค์ทีแม่นาํ
ฉวีเจียง ถูกฟั นสองดาบ เลือดไหลไม่หยุด โจวอีลงและอี

เจิงทังสามท่านกําลังเร่งรุดไป ฝ่ าบาททรงรับสังเชิญท่าน
2
ทังสองรีบไปแม่นาฉวี
ํ เจียง เซียวซือหลางยังไม่ตอ้ งไป
ตําหนักกานลูช่ วคราว”

ในสถานการณ์เช่นนี เซียวซ่งก็ไม่ถามมากความ สังคน


ให้จงู ม้ามาสองตัวทันที

หรันเหยียนก็สงคนไปนํ
ั าหีบยาของเธอ ทังสองขีม้า
ตะบึงไปแม่นาฉวี
ํ เจียงโดยมีเจ้าหน้าทีผูน้ นนํ
ั าทาง

ระหว่างทางหรันเหยียนคิดทบทวนแล้วก็ไม่เข้าใจ หาก
ฆาตกรคือรัชทายาทจริง เช่นนันก็เหลือเชือเกินไป หรือ
เขาเป็ นบ้าไปแล้ว ถึงกับก่อคดีผิดกฎหมายกลางวัน
แสกๆ!

3
แต่นอกจากเขา ก็คิดไม่ออกว่าจะมีผอู้ ืนอีก หลีเค่อและ
หลีไท่ไม่มีทางทําเรืองป้ายสีทีโง่เขลาเช่นนี อีกอย่างเขาก็
มีเหตุผลโจมตีจางเสวียนซูเ่ ต็มเปี ยม

จางเสวียนซูเ่ หมือนเว่ยเจิง เป็ นขุนนางทัดทานทีมีชือ


เสียง อีกอย่างเขา ‘ดูแล’ หลีเฉิงเฉียนทีมีฐานะรัชทายาท
เป็ นพิเศษ หลายครังทีทัดทานหลีเฉิงเฉียน สวรรค์ปฏิบตั ิ
ต่อคนเท่าเทียมกัน เพียงช่วยเหลือผูม้ ีคณ
ุ ธรรม ทําผิด
กฎแห่งสวรรค์ ทังมนุษย์เทวะละทิง...ระมัดระวังอย่าง
สมําเสมอ อย่าปล่อยให้เสือมถอย หากไม่ระวังตังแต่ตน้
จะมีบทสรุปทีดีได้อย่างไร!

4
ความรูป้ ระดับรูปลักษณ์...

ขีมายิงธนูทอ่ งเทียว รําสุราร้องเพลงเล่นละคร เพลินหู


เพลินตา สุดท้ายจิตใจแปดเปื อนโสมม...

คําทัดทานของจางเซวียนซูท่ กุ คําดุดนั ทิมแทงใจ อาจ


เป็ นเพราะเหตุนี ทําให้หลีเฉิงเฉียนคิดต่อต้าน เขามิเพียง
ไม่รบั ฟั งคําเตือน ทว่าหนักข้อขึน ยิงเหลวไหล แต่จางเซ
วียนซูก่ ็ยงทั
ิ ดทานมากครังขึน ยากรับประกันว่าเขาจะไม่
ล้างแค้น

ยิงกว่านันหลิวชิงซงเคยบอกว่า ในบันทึกประวัติศาสตร์
มีตอนหนึงบันทึกเรืองนีไว้ ความจริงเป็ นอย่างไรกันแน่ ก็

5
ไม่อาจรูไ้ ด้

เร่งเฆียนม้าไปถึงสถานทีทีจางเซวียนซูถ่ กู ลอบโจมตี พบ
ว่ารอบด้านถูกทหารปิ ดกันไว้ ห้ามผูส้ ญ
ั จรเข้าไป เจ้า
หน้าทีนําทางเซียวซ่งและหรันเหยียนแสดงป้ายคําสัง
องครักษ์จงึ ปล่อยให้ผา่ นทางไป

หรันเหยียนประเมินรอบด้าน ทีนีคือหอน้อยสองชันหลัง
หนึง ประตูหน้าต่างและราวระเบียงโดยรอบถูกทําลาย
ไปไม่นอ้ ย เศษไม้ตกอยูเ่ ต็มพืน บนพืนเลอะเทอะมีรอย
เท้าอยูบ่ า้ ง บนพืนปั กไม้ปอ้ งกันไม่อนุญาตให้คนเข้าข้าง
ใน มีจิตรกรหลายคนกําลังวาดสภาพของทีเกิดเหตุ

6
“ศิษย์ขา้ !”

หรันเหยียนพลันได้ยินเสียงอูซ๋ ิวเหอ ยังไม่ทนั เบือนสาย


ตามองหาเขา ก็เห็นเงาคนสายหนึงโผเข้ามา

รอจนเขายืนมันคง หรันเหยียนจึงเห็นเสือผ้ากะรุง่ กะริง


ของอูซ๋ ิวเหอชัดเจน เสือผ้ามีรอยเลือดเต็มไปหมด ผม
สีดอกเลาหลุดรุย่ ดังฟางข้าว บนผมยังมีตน้ หญ้าใบไม้
ติดอยูม่ ากมาย ใบหน้าก็ถลอกปอกเปิ ก

ไม่รอให้หรันเหยียนถาม อูซ๋ ิวเหอก็ใช้แขนเสือบังหน้า


“ในทีสุดเจ้าก็มาช่วยอาจารย์ ข้าช่วยคนไว้ พวกเขากลับ
ไม่ปล่อยข้าไป อาจารย์ยงั ไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย”

7
“ท่านไม่ได้บาดเจ็บกระมัง” หรันเหยียนถาม

อูซ๋ ิวเหอโบกมือ หันไปพูดกับเซียวซ่ง “สามีศิษย์ขา้ เจ้า


รีบไปบอกหลายคนนันเร็วเข้า ข้ายังไม่ได้กินข้าว โหด
ร้ายกับคนแก่คนเฒ่าฟ้าดินจะลงโทษเอานะ”

“ทีแท้ทา่ นผูน้ ีคืออาจารย์ของเซียนเหลียงฮูหยิน เสีย


คารวะเสียคารวะแล้ว” จางซงเฮ่อและหมอหลวงหลาย
คนพากันเดินเข้ามา “ข้าจางซงเฮ่อ”

อูซ๋ ิวเหอกระแอมเบาๆ คราหนึง กลับคืนสูบ่ คุ ลิกภาพดัง


เซียน ประสานมือคารวะกล่าวว่า “นับถือมานานๆ”

8
"มิได้ ฝี มือแพทย์ของหมอเทวะสูงส่ง ทําให้พวกเรา
เลือมใสศรัทธา วันนีได้พบเป็ นโชคมหาศาลของพวกเรา"
คําพูดของจางซงเฮ่อนีเป็ นคําพูดเกรงอกเกรงใจตาม
ปกติ แต่เขากล่าวได้จริงใจเป็ นพิเศษ

"โจวอีลงิ อาการจางต้าฟูเป็ นอย่างไรบ้าง" เซียวซ่งถาม


โจวชูทียืนชืมชมศรัทธา 'บุคลิกของหมอเทวะ' อยูด่ า้ น
ข้าง

โจวชูกล่าว "ไม่มีอนั ตรายแล้ว มีหมอเทวะลงมือ ตอนนี


เลือดหยุดแล้ว เพียงแต่เสียเลือดมากไป ต้องพักฟื น
ระยะหนึง"

9
"วิชาแพทย์ของสํานักข้าย่อมไม่มีสอง" อูซ๋ ิวเหอกล่าวอ
ย่างภาคภูมิใจ

หน้าผากหรันเหยียนพลันมีเหงือซึมออกมา ความเป็ นไป


ได้ทีอูซ๋ ิวเหอจะประกาศสํานักว่าเป็ นสํานักของฮัวโต๋ก็
เหมือนการถูกลอตเตอรี หรันเหยียนไม่กล้าเดิมพัน
รีบกล่าวกับเขาทันที “อาจารย์ ท่านยังไม่ได้กินอาหาร
กลางวัน ในเมือจางต้าฟูปลอดภัยแล้ว ท่านก็ไปกินอะไร
แถวนีก่อนเถิด”

อูซ๋ ิวเหอพยักหน้าอย่างนิงเฉย “เช่นนี...ก็ดี”

10
“ในเมือวันนีมีวาสนาพบหน้า สมควรให้ขา้ เป็ นเจ้ามือ
ไปเหลาสุราละแวกนีดีหรือไม่ ฤดูนีปลากุง้ ตัวอวบอ้วนที
สุด แกล้มเหล้าได้พอดี” จางซงเฮ่อเสนอ

ครันได้ยินคําว่า ‘อวบอ้วน’ สองคํา ทังได้ยินว่ามีผอู้ ืน


เป็ นเจ้ามือ อูซ๋ ิวเหอก็ใจเต้นไม่เป็ นสํา ไม่รูส้ กึ สักนิดว่า
หรันเหยียนใช้นิวทิมหลังเขา เพียงฝื นรักษาความเยือก
เย็น พยักหน้า “เช่นนี ข้าก็เคารพมิสทู้ าํ ตามแล้ว”

หมดกัน

ห้วงสมองของหรันเหยียนพลันมีสองคํานีผุดขึน เดิมที
เธอเป็ นคนทีพูดปดน้อยมาก ด้วยถูกบีบสินหนทาง

11
โกหกเรืองใหญ่เช่นนี ใจก็ไม่สงบ วันนีกลัวแต่ตอ้ งโดน
เปิ ดโปง!

เซียวซ่งไปตรวจสอบสถานทีทีจางเสวียนซูถ่ กู โจมตีแล้ว
จางซงเฮ่อไปถามเส้าชิงของศาลต้าหลีว่าจากไปได้หรือ
ไม่

หรันเหยียนจูงอูซ๋ ิวเหอไปถึงสถานทีไร้ผคู้ น ถามว่า


“อาจารย์ ท่านยังจําได้หรือไม่วา่ ตนเองเป็ นศิษย์สาํ นัก
ใด”

อูซ๋ ิวเหอตะลึงครูห่ นึง สีหน้าเหลือเชือ “ศิษย์ขา้ เจ้าอายุ


ยังน้อยกลับขีลืมเพียงนี อาจารย์บอกเจ้าไปหลายครัง

12
แล้วไม่ใช่หรือ สํานักเราสืบทอดมาจากเทพกสิกรรม
ตังแต่ยคุ โบราณ จนถึงอาจารย์ก็เป็ นรุน่ ทีร้อยสามสิบ
แปด”

“แต่ตอนแรกท่านมิใช่บอกว่าปรมาจารย์คือฮัวโต๋หรือ”
หรันเหยียนขมวดคิว

“เด็กน้อยเช่นเจ้าเหตุใดจึงละทิงสํานักตนเองได้!” อูซ๋ ิวเห


อกล่าวตําหนิ “แม้ฮวั โต๋มีชือเสียง แต่เทียบกับสํานักของ
พวกเรายังห่างไกลไม่ใช่แค่นิดเดียว วิชาแพทย์ทงหมด

ในทัวหล้ามีตน้ กําเนิดมาจากสํานักเรา”

หรันเหยียนกุมขมับ ลอบร้องครวญครางในใจ คนเราไม่

13
อาจโกหกได้จริงๆ! เมือคําลวงจะถูกเปิ ดโปง เป็ น
ความทรมานจริงๆ

ตอนนี จางซงเฮ่อกลับมาแล้วกล่าวว่า “หมอเทวะอู๋ ศาล


ต้าหลีเชิญท่านไปบันทึกปากคํา เมือเสร็จพวกเราก็ไป
กันได้”

“ได้” อูซ๋ ิวเหอรับคําคราหนึง แล้วติดตามเจ้าหน้าทีศาล


ต้าหลีจากไป

หรันเหยียนคารวะจางซงเฮ่อ “ข้าเป็ นห่วงอาจารย์ ขอ


ติดตามไปด้วย”

14
“เซียนเหลียงฮูหยินตามสบาย” จางซงเฮ่อบังเอิญได้พบ
อูซ๋ ิวเหอ ท่าทางดีใจยิง สีหน้าเคร่งขรึมในยามปกติก็
อ่อนโยนเป็ นพิเศษ

หรันเหยียนเดินไปใต้เงาไม้ ทีนีวางโต๊ะ ทีนังให้เจ้าหน้าที


จดบันทึกใช้ชวคราว

อูซ๋ ิวเหอนังลงบนเบาะรองนัง ด้านตรงข้ามคือซุนเจิน


เส้าชิงแห่งศาลต้าหลี

“หมอเทวะอู๋ ไม่ทราบเหตุใดท่านจึงมาอยูแ่ ถวนี” ซุนเจิน


ถาม

15
ตอนที 405 หายสาบสูญ

อูซ๋ ิวเหอเอ่ย “ข้าได้ยินมาว่าแม่นาฉวี


ํ เจียงมีปลาขาว จึง
ตังใจมาตกปลาทีนี”

ซุนเจินพยักหน้า ไม่คิดจะถามเรืองนีอีก จึงเปลียนเรือง


“รบกวนหมอเทวดาอูเ๋ ล่ารายละเอียดทีเกิดขึนทีนีให้ฟัง
ด้วย”

เพราะคิดว่าเมือเล่าจบจะได้กินข้าว อูซ๋ ิวเหอจึงร่วมมือ


เต็มที “เดิมทีขา้ ตกปลาอยูห่ า่ งจากทีนีไปทางเหนือราว
หนึงลี คิดไม่ถงึ ว่าตลอดทังเช้าจะตกได้เพียงปลากิน
หญ้าตัวเล็กหนึงตัว หนักสองตําลึง รูส้ กึ ว่าทําเลไม่สดู้ ี
จึงตัดใจมากินข้าวกลางวันทีเหลาสุราทางนีแล้วค่อย
1
เปลียนทีตกปลา นึกไม่ถงึ ตอนผ่านทีนี พลันได้ยินเสียง
ร้องโหยหวน ข้าจึงรีบหลบดูในพงหญ้าตรงนัน”

อูซ๋ ิวเหอชีไปทางละแวกป่ ารกทึบด้านข้างหอน้อย

“อือ” ซุนเจินเพียงตอบรับคําหนึง ไม่ได้เร่งให้เจ้าหน้าที


ไปตรวจสอบทันที

อูซ๋ ิวเหอเล่าต่อว่า “ข้าเห็นคนกลุม่ หนึง ราวสิบสามสิบสี


คนปิ ดบังใบหน้า วิทยายุทธ์สงู ส่ง...”

ซุนเจินตัดบท “หมอเทวดารูไ้ ด้อย่างไรว่าฝ่ ายตรงข้าม


วิทยายุทธ์สงู ส่ง”
2
“เด็กเอ๋ยช่างโง่จริง” อูซ๋ ิวเหอประเมินเขาครูห่ นึง “มีสอง
คนกระโดดขึนชันสอง วิทยายุทธ์ไม่สงู ส่งจะกระโดดขึน
ข้างบนได้ง่ายเช่นนันหรือ”

ซุนเจินถูกย้อนจนไม่รูจ้ ะพูดอะไรดี ได้แต่เอ่ย “ท่านกล่าว


ต่อ”

“ตอนทีข้าเห็น บ่าวในบ้านสีคนตายไปสองคน เหลืออีก


สองคนคอยปกป้องเจ้านาย ข้าซาบซึงใจยิงนัก จึงตัดสิน
ใจเข้าช่วยเหลือพวกเขา” ไม่รูอ้ ซู๋ ิวเหอควักขวดใบน้อย
มาจากไหน วางลงบนโต๊ะดังตุบ้ “ข้าเตรียมใช้ยาสลบ
สูตรเฉพาะของสํานักจัดการพวกนัน นึกไม่ถงึ พอข้าจะ
ลงมือ ก็มีคนในกลุม่ นันพบเห็นก่อน คนพวกนันช่างไร้
3
คุณธรรม ไม่ถามสักคํา ก็ยิงธนูมาสองดอก โชคดีทีข้าลง
มือฉับไว จึงหลบรอดมาได้!”

“ในเวลานัน จางต้าฟูบาดเจ็บหรือไม่” ซุนเจินถาม

อูซ๋ ิวเหอขมวดคิว “ข้ายังเอาตัวไม่รอด ไหนเลยจะมี


ปั ญญาไปมองคนอืน! หลังจากยิงธนูมาสองดอก ก็มีอีก
คนหนึงถือดาบเข้ามาหา”

อูซ๋ ิวเหอลูบหนวดเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “แต่วา่ ข้านิงมาก


ก่อนหน้านีข้าใช้วิชาลับของสํานักทํานายดวงชะตาว่าจะ
มีเคราะห์ เคราะห์นีแม้สถานการณ์อนั ตราย แต่สดุ ท้าย
ไม่เป็ นอันตรายถึงชีวิต และเป็ นจริงดังว่า ตอนข้าวิงหนี

4
ไปทางใต้ เจอกับบัณฑิตกลุม่ หนึง พอได้ยินว่าข้าประสบ
ภัย ก็รบี ไปแจ้งเจ้าหน้าทีทางการ อาศัยคนจํานวนมาก
คิดว่าพวกนันคงไม่กล้าทําอะไร ผลีผลามเข้ามา พวกคน
ร้ายรูข้ ่าวก็หนีไปจริงๆ! แต่วา่ เวลานันสองคนทีดืมสุรา
อยูใ่ นหอบาดเจ็บสาหัส อันตรายถึงชีวิต ข้าจึงทําตาม
บัญชาสวรรค์ สุม่ ช่วยชีวิตคนทีถูกชะตา”

ซุนเจินรูว้ า่ อูซ๋ ิวเหอพูดความจริงกว่าครึง เพราะคนทีไป


แจ้งความก็เป็ นศิษย์สองคนของสํานักศึกษาหลวงจริง
และตอนทีคนของทางการมาถึงสถานทีเกิดเหตุ คนทัง
หมดยังไม่ได้จากไป ต่างก็เห็นถนัดตาว่าอูซ๋ ิวเหอช่วย
ชีวิตคน ทังยังเห็นว่าเขายากดูแลคนเจ็บสองคนพร้อม
กัน จึงให้คนไปตามหาหมอมาช่วยอีกคน แต่ทีน่าเศร้า
ใจก็คือ รอจนหมอมาถึง คนเจ็บก็หมดลมไปแล้ว

5
แต่ในคําพูดตอนหนึงทีไม่คอ่ ยสําคัญนักของอูซ๋ ิวเหอทํา
ให้ซนุ เจินแปลกใจมาก หรือว่าฮัวโต๋ก็ทาํ นายดวงชะตา
ได้ดว้ ย?

“เชิญหมอเทวดาตรวจสอบบันทึกว่าตรงตามข้อเท็จจริง
หรือไม่ หากตรงกัน เชิญท่านลงนามประทับนิว” ซุนเจิน
เอาบันทึกของเจ้าหน้าทีวางตรงหน้าอูซ๋ ิวเหอ

อูซ๋ ิวเหอหยิบมาดู พยักหน้ากล่าว “ถูกต้องทุกตัวอักษร”


แล้วจึงใช้พกู่ นั เขียนชือ จากนันประทับลายนิวมือลงไป

“รบกวนหมอเทวดาแล้ว” ซุนเจินประสานมือคํานับเอ่ย

6
“ข้าไปได้แล้วใช่หรือไม่” อูซ๋ ิวเหอถาม

“หมอเทวดาเชิญตามสบาย” ซุนเจินตอบ

อูซ๋ ิวเหอลุกขึนด้วยความยินดี เอ่ยกับหรันเหยียนทียืนอยู่


ด้านข้าง “ศิษย์ขา้ ข้าจะไปถกหลักการแพทย์กบั หมอ
หลวงทังหลาย เจ้าไปยุง่ เรืองของเจ้าเถิด”

หรันเหยียนควานหาถุงเงินในแขนเสือยัดใส่มือเขา “ท่าน
รับสิงนีไป ให้บา่ วในเหลาสุราช่วยซือเสือผ้ามาเปลียนให้
ท่าน”

7
“ได้” อูซ๋ ิวเหอก็ไม่เกรงใจ เก็บถุงเงินไว้ในแขนเสือ แล้ว
ไปหาพวกจางซงเฮ่ออย่างเบิกบานใจ

หรันเหยียนถอนใจ เดินหนึงก้าวมองหนึงก้าวเถิด อูซ๋ ิวเห


อจดจําบางเรืองได้ไม่คอ่ ยดีนกั กอปรกับนิสยั ชอบทํา
ตามใจ ถึงกําชับไปก็ไม่มีประโยชน์

ซุนเจินลุกขึนเอ่ย “ขอแสดงความยินดีกบั เซียนเหลียงฮูห


ยินทีได้ทงลู
ั กชายและลูกสาว”

หรันเหยียนตอบยิมๆ “ขอบคุณซุนเส้าชิงมาก”

ซุนเจินจัดการงานเกือบเรียบร้อย รอเพียงเอาข้อมูลไป
8
รวมกับกรมอาญาและสํานักตรวจการ ครังนีผูส้ อบสวน
หลักคือศาลต้าหลี ผูส้ อบสวนในศาลมีเหอซือเจิงรับผิด
ชอบ โดยมีซือหลางกรมอาญา เส้าชิงศาลต้าหลี และอวี
สือจงเฉิงร่วมฟั งการสอบสวนด้วย

หากเป็ นการสอบสวนปกติของสามหน่วยงาน ผูร้ ว่ ม


สอบสวนสามคนไม่ตอ้ งช่วยสืบคดี ส่วนสําคัญทีสุดคือ
ต้องกํากับดูแลทุกขันตอนเพือรับประกันว่าผลลัพธ์จะไม่
ผิดพลาด แต่ครังนีเกียวพันถึงผูส้ ืบทอดบัลลังก์ อีกทังฝ่ า
บาทยังรับสังด้วยพระองค์เอง สามหน่วยงานจึงต้องเพิม
ความระมัดระวังในการจัดการเรืองนี

ทังคูต่ า่ งเชือเชิญกันให้นงลง
ั ซุนเจินสอบถามว่า “ได้ยิน
ว่าเซียนเหลียงฮูหยินรูจ้ กั กับหลิวเซ่อเหรินทีเพิงย้ายมา
9
รับตําแหน่งทีวังตะวันออก?”

หรันเหยียนพลันชะงัก เอ่ยว่า “ใช่แล้ว ตอนอยูซ่ โู จว หลิว


เซ่อเหรินดูแลสกุลหรันเป็ นอย่างดี และสนิทสนมกับบิดา
ข้า”

ซุนเจินพยักหน้า “ข้าเพิงได้ข่าววันนีว่า หลิวเซ่อเหริน


หายสาบสูญไปหลายวันแล้ว”

“หายสาบสูญ?” หรันเหยียนตืนตระหนกยิงนัก คิดถึง


เรืองทีเกิดขึนทีวังตะวันออกในหลายวันนี หรันเหยียนก็
ประหวันใจ เริมแรกเธอกับหลิวผินรังเพียงอาศัย
ประโยชน์จากกันและกัน แต่พดู จากใจจริง แม้วา่ หลิว

10
ผินรังจะเจ้าเล่หเ์ พียงใด ก็นบั ว่าดีกบั เธอ หากหลักฐาน
ความผิดมากมายของเธอไปตกอยูใ่ นมือคนอืน ไม่แน่วา่
เธอจะมีชีวิตสุขสบายเช่นในยามนี

หลิวผินรังวางตัวในแวดวงขุนนางอย่างรืนไหลกลมกลืน
น่าจะเคยทําเรืองด้านมืดมาไม่นอ้ ย แต่เขามีชาติกาํ เนิด
ตําต้อย จึงทุม่ เทให้ราษฎรอย่างยากจะพบเห็น ดังนันแม้
รับรับตําแหน่งทีซูโจวไม่นาน ก็ได้รบั การสนับสนุนจาก
ราษฎร หรันเหยียนจึงไม่มีอคติตอ่ เขาเลย

เธออดถามต่อไม่ได้ “วังตะวันออกมีการขานชือทุกวันไม่
ใช่หรือ หรือไม่มีใครพบว่าเขาหายสาบสูญไป”

11
“ท่านไม่รูห้ รอกว่าองค์รชั ทายาทดืมกิน ชมการแสดงทัง
วัน เป็ นเวลาหนึงเดือนกว่าแล้วทีไม่ได้พบขุนนางในวัง
ดังนันวังตะวันออกจึงหละหลวมยิง วันๆ ขานชือบ้างไม่
ขานชือบ้าง กระทังจงซูจ่ ือของรัชทายาทเสียชีวิต วันนี
ตอนตรวจสอบทังหมดจึงพบว่าของใช้ในห้องเขาไม่โดน
แตะต้องมาอย่างน้อยสองสามวันแล้ว”

หลีเฉิงเฉียนใช้สรุ าดับทุกข์ คงจะรูว้ า่ หลีซือหมินเรียกขุน


นางสําคัญเข้าวังกลางดึกเพือปรึกษาเรืองปลดตําแหน่ง
เขา จึงท้อแท้หดหูก่ ระมัง!

ตอนหลิวผินรังมา ก็ทงยิ
ั นดีทงกั
ั งวล

12
“ตังแต่หลิวเซ่อเหรินมารับตําแหน่งทีฉางอัน ข้าเคยพบ
เขาเพียงสองครัง ในเมือเป็ นคนของวังตะวันออก จึงไม่
เหมาะทีจะไปมาหาสูก่ นั มากเกินไป” หรันเหยียนเอ่ย
อย่างตรงไปตรงมา

“เซียนเหลียงฮูหยินรูห้ รือไม่วา่ ข้างตัวเขามีใครอืนไหม


ประเภทบ่าวหรือสาวใช้ก็ได้” ซุนเจินถามสหายร่วมงาน
ของหลิวผินรัง ต่างบอกว่ามีบา่ ว แต่ไม่รูว้ า่ มีกีคน

“ข้างตัวเขามีแต่บา่ วสองคน หรือว่าหายไปพร้อมกัน”


หรันเหยียนถาม

การทีหลิวผินรังโยกย้ายมาฉางอันในครังนี มีการเตรียม

13
ใจในแง่รา้ ยทีสุดไว้ก่อน จึงให้ภรรยาและลูกๆ อยูท่ ีซูโจว
ตระเตรียมว่าเมือสถานการณ์คงทีแล้ว ค่อยรับพวกเขา
มาเมืองหลวง อีกทังทีดินในฉางอันแพงยิงนัก และเขา
เองก็ไม่ใช่ขนุ นางชัวทีขูดรีดเงินประชาชน เงินเล็กน้อยที
หาได้ในซูโจว ยังต้องเลียงดูคนทีบ้านทังเด็กและผูใ้ หญ่
ทีเหลือก็ไม่พอซือบ้านฝังตะวันออกสักหลัง สถานที
อาศัยอยูพ่ กั ชัวคราว จึงมีเพียงบ่าวสองคน

“ใช่ ไม่พบร่องรอย” ซุนเจินถอนใจก่อนตอบ

หรันเหยียนวิเคราะห์เรืองนีเองเงียบๆ ถ้าฆาตรกรคือองค์
รัชทายาทจริง หลิวผินรังเป็ นคนพูดและทําอะไรรืนไหล
ต่างกับจางเสวียนซูท่ ีตรงไปตรงมาอย่างลิบลับ เขาอยู่
ข้างกายองค์รชั ทายาท ย่อมทําตามความชอบของเจ้า
14
นาย ไม่น่าจะถูกทารุณสังหารกระมัง

“ซุนเส้าชิงจําได้หรือไม่วา่ ฤดูรอ้ นปี ทีแล้วมีศพสวมชุด


สตรีลอยอยูท่ ีแม่นาฉวี
ํ เจียง” หรันเหยียนถาม

ซุนเจินพยักหน้า “นันคือขันทีในวังตะวันออก นามว่าอัน


ซิน”

หรันเหยียนเอ่ยทันที “ซุนเส้าชิงเคยคิดหรือไม่วา่ คดีคน


ตายในครังนีก็ยงั มาเกิดทีฉวีเจียง! ตามทีอาจารย์ขา้ พูด
ไว้ มีบรุ ุษปิ ดหน้าสิบกว่าคน โรงเตียมและเหลาสุราใน
ละแวกนีอยูไ่ ม่หา่ งกันมาก พวกเขาปิ ดหูปิดตาผูค้ นอย่าง
ไรจึงไม่พบร่องรอย”

15
ซุนเจินเข้าใจความหมายของเธอทันที “ท่านหมายความ
ว่าสถานทีซ่อนตัวของฆาตกรอยูใ่ นละแวกนี?”

“น่าจะมีความเป็ นไปได้เช่นนีกระมัง” หรันเหยียนถาม


กลับ

ซุนเจินตีหน้าตาย หันไปโค้งให้หรันเหยียน แล้วลุกขึน


เรียกเสียงดัง “เจ้าหน้าที!”

“ขอรับ!” เจ้าหน้าทีคนหนึงประสานมือรอรับคําสัง

ซุนเจินเดินไปล้วงของสิงหนึงให้เขา กระซิบข้างหูไม่กี
16
ประโยค คนผูน้ นรั
ั บคําแล้วรีบจากไป

เวลาผ่านไปสองถ้วยชา เซียวซ่งจึงตรวจสอบบริเวณโดย
รอบเสร็จสิน เห็นหรันเหยียนกับซุนเจินอยูใ่ ต้รม่ ไม้ จึง
เดินมาหา

“เซียวซือหลางพบเจออะไรหรือไม่” ซุนเจินถาม

“คนกลุม่ นีคล้ายเป็ นนักฆ่า ถอยกลับอย่างเป็ นระเบียบ


ไม่ได้ทิงหลักฐานชัดแจ้งไว้ในทีเกิดเหตุ แต่วา่ ข้านําคน
ไปตรวจสอบตามทางทีพวกเขาหลบหนีช่วงระยะหนึง
พบร่องรอยหายไปใกล้บริเวณสิงปลูกสร้างทางทิศใต้ ข้า
สงสัยว่าบริเวณนันเป็ นแหล่งกบดานของนักฆ่า” เซียวซ่ง

17
บอก

ซุนเจินพยักหน้า “ไม่เสียทีเซียวซือหลางกับฮูหยินเป็ น
สามีภรรยาทีมีใจตรงกัน คิดเหมือนกัน”

เซียวซ่งมองหรันเหยียน ทังสองสบตากันแล้วยิม

หรันเหยียนเอ่ย “ขันทีซงตายที
ึ ฉวีเจียงเมือฤดูรอ้ นปี ที
แล้ว...สภาพเป็ นเช่นไร”

ตอนนันหรันเหยียนเพียงยืนมองจากทีไกล พอเดาสภาพ
ได้คร่าวๆ

18
ซุนเจินเข้าใจหรันเหยียนในระดับหนึง ดังนันจึงไม่คิดว่า
เธอเป็ นสตรีมากเรืองทีถามเรืองนี อธิบายว่า “ยามนัน
หลิวอีเฉิงชันสูตรศพ บอกว่าอันซินถูกบีบคอตายแล้วทิง
ลงนํา ไม่พบดินทรายในหลอดลม ทังไม่มีสภาพดินรน
ตอนอยูใ่ นนํา ไม่มีรอ่ งรอยถูกทารุณกรรม และมีบาด
แผลหลังตายบนร่างกายไม่มาก”

ทีแท้หลิวชิงซงก็ผา่ ชันสูตรศพแล้ว! แต่ถา้ อยากผ่าศพ


ขันที คงมีไม่กีคนทีคัดค้าน

“ข้าขอตัวก่อน” ซุนเจินเอ่ย

เซียวซ่งตอบ “เชิญตามสบาย”

19
หลังดูซนุ เจินจากไป หรันเหยียนหันมามองเซียวซ่งกล่าว
ว่า “ท่านพี หลิวเซ่อเหรินหายสาบสูญ”

เซียวซ่งกลับดูเยือกเย็น “ขณะนีถึงหลังคาวังตะวันออก
จะพังลงมาข้าก็ไม่ตกใจ วางใจเถิด หลิวผินรังไม่เหมือน
คนอืน เขามีพืนเพตําต้อย ระหว่างทางทีไต่เต้า ผ่านเรือง
ราวมามากกว่าพวกขุนนางตระกูลสูงมากมายนัก ยิงจะ
ต้องรูว้ า่ เอาตัวรอดอย่างไร มิเช่นนันยามนีพวกเราคงไม่
ใช่แค่รูข้ ่าวว่าเขาหายตัวไป”

หรันเหยียนพยักหน้าเห็นด้วย ถอนใจก่อนพูด “หาเจอ


เร็วเท่าไรยิงดี”

20
“ข้าจะให้คนส่งท่านกลับไปก่อน หลิวผินรังรูจ้ กั คนทีฉาง
อันไม่มาก ถ้าเขาคิดหาวิธีสง่ ข่าวได้ น่าจะส่งไปทีบ้าน
ของพวกเรา ท่านกลับไปรอ กําชับองครักษ์ทีบ้านให้เพิม
การเฝ้าระวัง” เซียวซ่งกําชับ

21
ตอนที 406 ถูกซุ่มโจมตี

“ได้” หรันเหยียนกุมมือเขาไว้ เอ่ยว่า “ท่านก็ระวังตัว


ด้วย”

“อือ” เซียวซ่งกุมมือเธอตอบ ส่งเธอขึนหลังม้า พร้อมจัด


องครักษ์สามสิบคนส่งเธอกลับไป

กลางวันแสกๆ กลับมีคนอุกอาจลอบสังหารขุนนางคน
สําคัญของราชสํานัก หรันเหยียนก็มีสว่ นเกียวข้องในคดี
นี แล้วจะรูไ้ ด้อย่างไรว่าคนร้ายจะไม่หาโอกาสตอบโต้
ดังนันเธอจึงไม่ปฏิเสธทีเซียวซ่งจัดคนให้จาํ นวนมากเช่น
นี

1
รอบบริเวณแม่นาฉวี
ํ เจียงทิวทัศน์งดงาม แต่หรันเหยี
ยนรูส้ กึ ว่าเป็ นสถานทีทีไม่ควรอยูน่ าน ดังนันจึงตะบึงม้า
ไปบนถนนใหญ่ ไม่แวะพักทีใดเลย

จากฉวีเจียงเข้าสูต่ วั เมืองต้องผ่านเขือนทรายขาวช่วง
หนึงซึงมีรม่ ไม้ปกคลุม สองข้างทางมีบรุ ุษสตรีสงู ศักดิ
จํานวนมากล้อมฉากกันนังเล่นรับลมเย็น ฉากกันสีสนั
ต่างๆ เปรียบเสมือนบุปผาบานสะพรังอยูใ่ นพุม่ ไม้เขียว
ขจี ดูสะดุดตาแบบชนบท

เมือครูห่ รันเหยียนตากแดดครูห่ นึง รูส้ กึ อากาศไม่พอ


เวียนศีรษะพะอืดพะอม อาการคล้ายเป็ นลมแดด เมือถึง
อุโมงค์ตน้ ไม้จงึ ค่อยๆ ชะลอฝี เท้าม้าลง ตากลมสักครู ่
2
อาการจึงทุเลา

“เซียนเหลียงฮูหยิน”

ตอนกําลังจะเข้าสูต่ รอก หรันเหยียนคล้ายได้ยินคนเรียก


เธอ แต่กาํ ลังเวียนศีรษะหูอือ จึงไม่แน่ใจ หันมองรอบ
ข้าง ไม่เห็นใคร

“เซียนเหลียงฮูหยิน?”

ขณะควบม้าต่อไปไม่กีก้าว องครักษ์ดา้ นข้างเอ่ยขึน “ฮูห


ยิน คล้ายมีคนเรียกท่านขอรับ”

3
หรันเหียนหยุดม้า เหล่าองครักษ์กาํ ลังมองหาคน แต่เห็น
ความเคลือนไหวจากพุม่ ไม้ดา้ นข้าง องครักษ์สบิ กว่า
นายจึงหันม้าขวางไว้ทีด้านหน้าเธอ

เพียงชัวประเดียว มีเงาดําร่างหนึงโผล่ออกมาจากหลัง
พุม่ ไม้ เขาเงยหน้ามองหรันเหยียน คุกเข่าลงต่อหน้า
ทันที กล่าวพลางรําไห้ “เป็ นเซียนเหลียงฮูหยินจริงๆ!
ผูน้ อ้ ยเป็ นบ่าวของหลิวเซ่อเหริน เมือครูไ่ ปหาท่านและ
ท่านโหวทีบ้าน ได้ยินว่าไม่อยู่ ยังคิดว่านายของผูน้ อ้ ย
ต้องตายแน่แล้ว”

เมือครูย่ งั พูดถึงหลิวผินรัง ยามนีก็ได้เจอคนของเขา! นี


ทําให้หรันเหยียนระวังตัวอยูบ่ า้ ง ก่อนตังสติขนได้
ึ หลาย
ส่วน ถามว่า “เกิดอะไรขึนกับหลิวเซ่อเหริน”
4
“ฮูหยิน ทีนีไม่ใช่ทีจะพูดคุยกัน” องครักษ์เตือน

หรันเหยียนร้อนใจไปชัวขณะ มองไปรอบข้าง มีคนไม่


น้อยพุง่ ความสนใจมาทีตรงนี หรันเหยียนจึงสังองครักษ์
นายหนึง “พาเขาไป เดินนําหน้า”

“เซียนเหลียงฮูหยิน มีคนตามฆ่าข้า” บ่าวรีบเอ่ย

หรันเหยียนขมวดคิว สังองครักษ์ “ระวังตัว เตรียม


ป้องกัน”

บ่าวถูกองครักษ์ดงึ ขึนม้า อยูห่ น้าขบวนตามคําสังหรันเห


5
ยียน

เหลือระยะทางอีกไม่ถงึ หนึงลีก็จะเข้าตรอก ทังยังมี


องครักษ์จาํ นวนมาก คงไม่เกิดเรืองอะไรขึน หรันเหยี
ยนทําใจให้สงบนิง เร่งฝี เท้าม้ามุง่ เข้าสูต่ วั เมือง

“ไม่มีใครสะกดรอยตามมากระมัง” หรันเหยียนถาม
องครักษ์ขา้ งกาย

“ไม่มีขอรับ!” องครักษ์ตอบ

เมือมองเห็นอาคารบ้านเรือนริมถนน หรันเหยียนจึงถอน
ใจโล่งอก
6
จังหวะนีมีบรุ ุษแต่งกายแบบบัณฑิตกลุม่ หนึงผ่านมา
ด้านข้าง และขณะเดียวกัน บ่าวของหลิวผินรังพลันร้อง
ขึนอย่างตกใจ “เป็ นพวกทีตามฆ่าข้า!”

เหล่าองครักษ์ชะงักชัวครู ่ มองตรวจสอบไปทางบัณฑิตที
เดินผ่านมา คนกลุม่ นันก็หยุดชะงัก เห็นชัดว่าคนทังหมด
สับสนมาก มีคนตะโกนเสียงโกรธขึง “อย่าพูดล้อเล่นเช่น
นี! พวกข้าเป็ นลูกศิษย์ของสํานักศึกษาหลวง!”

หรันเหยียนใจเต้นแรง เงยหน้าขึนมองบนตึกด้านหน้า
เธอยังไม่ทนั เห็นเงาคนชัดนัก ก็เห็นลูกธนูสามดอกยิงมา
ทางด้านนี รีบร้องขึนเสียงดัง “อยูบ่ นตึกนัน!”

7
มีองครักษ์หลายคนก็เห็นคนเหล่านัน แต่ก็ถอยไม่ทนั
แล้ว จึงได้แต่ชกั กระบีออกมาต้านลูกธนู องครักษ์
สิบกว่าคนขวางด้านหน้าหรันเหยียน คุม้ กันเธอล่าถอย

ชัวแวบเดียว ลูกธนูสามดอกก็มาถึงตัว องครักษ์ตวัด


กระบีปกป้อง แต่นีไม่ใช่ลกู ธนูทว่าเป็ นลูกดอก ซึงยิงจาก
หน้าไม้ พลังทําลายไม่อาจดูแคลนได้ ลูกดอกทังสามถูก
ฟั นขาดสะบัน แต่แรงส่งของซากธนูพงุ่ เสียบลงดินด้าน
หน้ากลุม่ บัณฑิต

บัณฑิตกลุม่ นันพอเห็นเหตุการณ์เช่นนี ต่างร้องเสียง


หลงวิงหนีไปทุกทิศทุกทาง แต่ทา่ มกลางความชุลมุน
ต่างก็วิงชนกันล้มระเนระนาด คนหนึงล้มลงทําให้อีกคน
8
ล้มตามไปด้วย เสียงร้องขวัญผวาดังไปทัว เกิดความ
วุน่ วายขนานใหญ่ทีปากอุโมงค์ตน้ ไม้ทีไม่ใหญ่นกั

หรันเหยียนหมอบลง จับบังเหียนม้าถอยหลังช้าๆ เมือ


เป็ นเช่นนี แม้ลกู ดอกยิงมาก็ไม่อาจทําร้ายเธอได้ แต่เป้า
หมายของคนเหล่านันเห็นชัดว่าคือบ่าวของหลิวผินรัง
จึงเอ่ยว่า “คุม้ กันบ่าวคนนัน!”

“ขอรับ!” องครักษ์รบั คําสัง

“ฮูหยินนังให้มน!”
ั องครักษ์เห็นระยะห่างน่าจะปลอดภัย
จึงใช้แส้โบยม้าของหรันเหยียน

9
ม้าตัวนันพลันเร่งฝี เท้า ชัวพริบตาก็ทะยานไปหลายสิบ
จัง หรันเหยียนโงนเงนก่อนทรงตัวได้อย่างรวดเร็ว เธอรีบ
เหลียวหลังไปดู บ่าวไม่ได้รบั อันตรายใดๆ องครักษ์กาํ ลัง
คุม้ กันเขาล่าถอย แต่กลุม่ บัณฑิตยังคงล้มลุกคลุก
คลานอยูบ่ นพืน เหล่าม้าจึงเดินหน้าไม่ได้

หากเป็ นเช่นนี ต้องเป็ นเป้านิงแน่! หรันเหยียนร้อนใจ


ร้องขึนเสียงดัง “ลงจากหลังม้า หลบก่อน!”

เหล่าองครักษ์ตอบรับ รีบลงจากหลังม้าวิงหลบเข้าป่ า
ข้างทาง

หรันเหยียนกําลังจะหันหลังกลับก็เห็นลูกดอกยิงมาอีก

10
หลายดอกจากบนตึก ตําแหน่งของเธอน่าจะปลอดภัย
ไม่ตอ้ งกังวล เพียงแต่บา่ วคนนันคงพูดยาก

ในห้วงอันตรายนี หรันเหยียนก็ไม่อาจห่วงอะไรได้มาก
ได้แต่หว่ งตัวเอง! เธอใช้แส้โบยม้าทีหนึง “ไป!”

องครักษ์สบิ กว่าคนตามเธอติดๆ

ข้างบนตึกนันเหมือนว่าเพิมหน้าไม้อีกหลายคัน ห่า
ลูกดอกก็พงุ่ มาทางองครักษ์กบั บัณฑิตบนพืน แม้ทิศ
ทางของลูกดอกจะเล็งตรงมาทีองครักษ์กบั บ่าว แต่เมือ
ยิงกราดกินบริเวณกว้าง จึงพลาดทําคนอืนบาดเจ็บ หรัน
เหยียนได้ยินเสียงร้องครวญครางจากด้านหลังไม่ขาด

11
สาย เธอขมวดคิว ดึงบังเหียน ค่อยๆ หยุดตัวเอง

หรันเหยียนมองไปด้านข้างทังสองด้าน กําชับว่า “พวก


เจ้าเข้าป่ าทางด้านข้าง หลบให้พน้ จากสายตาบนตึก
แล้วบุกขึนไป ข้าว่าพวกมันมีหน้าไม้ไม่ถงึ สิบคัน”

หรันเหยียนสายตาดีมาก หน้าไม้บนตึกนัน มีอยูห่ กเจ็ด


คันทียิงได้ตอ่ เนือง ทีเหลือเป็ นธนู

“แต่วา่ ฮูหยิน พวกผูน้ อ้ ยรับปากนายท่านว่าจะคุม้ ครอง


ฮูหยินไม่หา่ งสักก้าว!” องครักษ์ตอบอย่างลังเล

หรันเหยียนยกแส้ชีไปทางบัณฑิตทีบาดเจ็บบนพืน “หรือ
12
ว่าจะดูพวกเขาตาย”

เธอเห็นว่ายังมีกาํ ลังพอจะช่วยได้ หากแม้เธอจะใจโหด


กว่านี เลือดเย็นกว่านี ก็ไม่อาจทนเห็นคนบริสทุ ธิจํานวน
มากต้องมาล้มตายอย่างไร้ความผิด เธอเอ่ยเสียงเยือก
เย็น “ยังไม่รบี ไปอีก เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่ขา้ เหลือ
คนไว้คมุ้ กันข้าสองคนก็พอ!”

“ขอรับ!” เหล่าองครักษ์ตอบรับพร้อมกัน พวกเขาก็มี


เลือดนักสู้ พวกบัณฑิตฉางอันถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา แต่
พวกเขากลับห่วงหลบหนี ไม่ยืนมือเข้าช่วยเหลือ หากลือ
ออกไปไม่แน่วา่ จะถูกคนตราหน้านินทาลับหลัง

13
หรันเหยียนเหลียวมองรอบข้าง ทีนีคือเส้นทางหลักทีไป
มาระหว่างฉวีเจียงกับในเมือง เพราะอากาศร้อนมาก
คนออกมาเทียวเล่นมีนอ้ ย ยามนีเป็ นเวลาหลังเทียงวัน
หนึงชัวยามกว่า เป็ นช่วงเวลาทีร้อนทีสุด ดังนันผูค้ นบน
ถนนมีไม่มาก มีบางคนวิงหนีตาย คาดว่าคงไปแจ้ง
ความ

ทีว่าการน่าจะส่งคนมาโดยเร็ว

หรันเหยียนขมวดคิวมองไปบนตึก คนกลุม่ นีช่างใจกล้า


กระทําการอุกอาจ กลางวันแสกๆ ลอบสังหารคนบนทาง
ทีมีกลุม่ คนเดินทางไปมา

14
หลีเฉิงเฉียน……บ้าไปแล้วจริงๆ หรือ

เป็ นเขาจริงหรือ ถ้าคิดจะฆ่าคนปิ ดปาก เขาทําการใหญ่


โตเช่นนี จะไม่โดนเปิ ดโปงหรือ

15
ตอนที 407 แผนร้ายต่อเนือง

องครักษ์สบิ กว่าคนทะลุผา่ นป่ าทังสองข้าง เข้าประชิด


ตึกนันอย่างรวดเร็ว

คนในตึกก็พบเห็นองครักษ์ จึงเกิดความวุน่ วายชัวขณะ


ลูกดอกทียิงออกกระจัดกระจาย คล้ายเตรียมตัวหลบหนี
องครักษ์คนหนึงคุม้ กันบ่าวของหลิวผินรังวิงหนีมาทางนี
องครักษ์ทีเหลือยุง่ อยูก่ บั การช่วยเหลือเหล่าศิษย์ของ
สํานักศึกษาหลวง

หรันเหยียนละสายตามามองคนสองคนเดินโขยกเขยก
เข้ามาใกล้ พลันมีภาพหนึงแวบเข้ามาในความคิด---ใต้
เงาต้นไม้ ซุนเจินคุกเข่าบนทีนัง ถูนิวมือทีลายปั กบนเสือ
1
เบาๆ เขาเอ่ย:ได้ยินว่าเซียนเหลียงฮูหยินรูจ้ กั กับหลิวเซ่อ
เหรินทีเพิงย้ายมารับตําแหน่งทีวังตะวันออก?

……

ข้าเพิงได้ข่าววันนีว่า หลิวเซ่อเหรินหายสาบสูญไปหลาย
วันแล้ว

……

เซียนเหลียงฮูหยินรูห้ รือไม่วา่ ข้างตัวเขามีใครอืนไหม


ประเภทบ่าวหรือสาวใช้ก็ได้

2
……

...

หากไม่เจอเรืองเช่นนี หรันเหยียนคงคิดแค่วา่ ซุนเจินหัก


โหมทําคดี แต่ไม่ถงึ สองเค่อก็ถกู ลอบจู่โจม คิดย้อนกลับ
ไป ทุกคําเป็ นการล้วงความลับ ทุกคําเป็ นกลลวง

ทังหมดนีทีแท้เป็ นเพียงอุบายต่อเนือง! ลอบสังหารจาง


เสวียนซู่ ชักนําเซียวซ่งเข้าสูก่ งล้อ ในนันยังมีประเด็น
สําคัญมากมายทีคิดไม่ตก แต่ความจริงก็วางอยูต่ รง
หน้าแล้ว!

3
ซุนเจิน...เห็นชัดว่าเขาเป็ นขุนนางซือตรง! หลิวชิงซงก็ดู
สนิทสนมกับเขามาก แม้หลิวชิงซงไม่อยูก่ บั ร่องกับรอย
แต่ก็มองคนเป็ น ไยจึงมองไม่ออกว่าเขาเป็ นคนหน้าไหว้
หลังหลอก

โดยหลักซุนเจินเป็ นคนซือ แต่เป็ นเพราะเหตุผล


บางอย่าง ‘ถูกบังคับ’ หรือ ‘ถูกซือตัว’จึงทําเรืองเช่นนี

มีเพียงคนเช่นนีทีจะปิ ดบังเซียวซ่งได้...

ความคิดเหล่านีแวบผ่านความคิดราวสายฟ้าแลบ หรัน
เหยียนชีไปทีบ่าวของหลิวผินรัง สังเสียงเย็นชา “ฆ่า
เขา!”

4
องครักษ์ทีคุม้ กันบ่าวไม่ทนั ตอบรับ ถึงกับตะลึงชัวขณะ

“รีบฆ่าเขาเร็ว!” หรันเหยียนร้องเสียงดัง

ยามทีองครักษ์ได้สติ ‘บ่าว’ด้านข้างก็ชกั มีดสันออกมา


จากแขนเสือ แทงมาทีหน้าท้องของเขาอย่างแรง

องครักษ์ทีคุม้ กันอยูด่ า้ นข้างรีบชักดาบออกมาปกป้อง


หรันเหยียน ไม่กล้าออกห่างเธอแม้กา้ วเดียว

“โอ๊ย!” องครักษ์คนนันไม่ทนั ระวัง จึงเสียท่าคนรับใช้


อย่างง่ายดาย มีดแทงเข้าทีท้อง เลือดไหลทันใด
5
หรันเหยียนหวันใจเล็กน้อย เหล่าองครักษ์ลว้ นใส่เสือ
เกราะ คนผูน้ ีแทบไม่ตอ้ งมองก็ใช้มีดแทงเขาจากช่อง
ด้านข้าง เห็นชัดว่าต้องเป็ นนักฆ่าทีมีประสบการณ์มาก!

ใต้กาํ แพงเมืองหลวง องครักษ์คมุ้ กันติดตัวหรันเหยียนมี


เพียงดาบและกระบี ไม่มีอาวุธทีใช้โจมตีจากระยะไกล
ได้ พวกเขาไม่กล้าออกห่างจากหรันเหยียนโดยง่าย ได้
แต่ตะโกนเรียกให้องครักษ์ทีอยูช่ ่วยบัณฑิตทางนัน “คุม้
กันฮูหยิน!”

เมือพวกองครักษ์ได้ยิน ก็รบี ถือดาบวิงมา

6
บุรุษคนนันลุกขึนจากพืน ไม่รูม้ ีกระบอกยิงลูกดอกเพิม
มาในมือตังแต่เมือไร ยกมือขึนกดกลไก ลูกดอก
สามดอกแหวกผ่านอากาศ เสียงเหมือนลมคํารามเร็วดัง
สายฟ้าเข้าประชิดตัวหรันเหยียน

ลูกดอกชนิดนีสันและเล็กยาวไม่เท่านิวมือ องครักษ์ไม่
มันใจจะใช้ดาบและกระบีสะบันได้ จึงกัดฟั นกระโดด
ลอยตัว คิดขวางลูกดอกแทนหรันเหยียน

ยามนีหรันเหยียนใจหายวาบ แม้แต่อาการลมแดดยัง
ทุเลาบางส่วน ในสมองแจ่มชัดอย่างยิง เมือเห็นองครักษ์
กระโดดเข้ามาก็เข้าใจความคิดของเขา จึงถือโอกาส
กระชากเขา สองคนตกจากหลังม้า ลูกดอกสามดอกจึง
เฉียดผ่านต้นขาหรันเหยียนไป
7
วิธีทีดีทีสุดในขณะนีคือฆ่ามือสังหารคนนัน องครักษ์อีก
คนไม่อาจสนใจอะไรมาก ควบม้าพุง่ ตรงไป

เมือมือสังหารเห็นว่าลงมือไม่สาํ เร็จ จึงรีบเร่งจะยิงรอบ


สอง ยิงทีเดียวสามดอกติดกัน แต่เพราะว่าองครักษ์สอง
ข้างต่างรุกเข้ามาใกล้ ครังนีจึงยิงออกไปไม่แม่นยํา

หรันเหยียนเห็นว่ากระบอกยิงลูกดอกในแขนเสือมือ
สังหารถูกทําให้รว่ ง จึงเร่งรีบเอ่ยกับองครักษ์ทีคุม้ ครอง
เธอ “รีบไป ไปหากองหนุนมา ท่านพีน่าจะมีอนั ตราย”

“ฮูหยิน จะไปหากองหนุนทีใด ทีบ้านก็เหลือคนให้โยก

8
ย้ายไม่กีคน!” องครักษ์เอ่ย

องครักษ์ในบ้านกับองครักษ์ลบั ส่วนตัวไม่อาจโยกย้าย
ได้ ทีบ้านยังมีเด็กอีกสามคน พวกเขาอายุนอ้ ยเกินไป รับ
เหตุเปลียนแปลงอะไรไม่ได้...แต่เซียวซ่งก็ไม่อาจเกิด
เรืองได้!

ก่อนหน้านีดูจากท่าทางของซุนเจิน เขาสังคนเคลือนพล
ไปค้นหามือสังหาร แต่ไม่แน่วา่ เขาอาจจะฉวยโอกาส
สังหารเซียวซ่ง?

เหตุการณ์เบืองหน้า มีสภาพปั นป่ วนวุน่ วาย หรือว่าองค์


รัชทายาทจะก่อกบฏ อย่าพูดว่านีเป็ นเวลาทีเหมาะหรือ

9
ไม่ แม้เขาต้องการก่อกบฏจริง ไยจึงลงมือกับเธอและ
เซียวซ่ง

องครักษ์เห็นเธอใจลอย อดถามอีกครังไม่ได้ “ฮูหยิน? ไป


หากองหนุนทีใดขอรับ”

ใช่สิ ไปหากองหนุนทีใด กองทหารของต้าถังก็ใช่วา่ จะ


โยกย้ายได้เพียงปากสัง

“บ้านท่านพ่อท่านแม่!” หรันเหยียนนึกขึนได้ทนั ใด เธอ


ยังมีพีสะใภ้เป็ นองค์หญิงมิใช่หรือ องครักษ์ขา้ งกายองค์
หญิงแม้ไม่ถงึ ร้อยก็ตอ้ งมีแปดสิบ รวมกับองครักษ์ทีซ่ง
กว๋อกงเหลือไว้ทีบ้านเก่า คงมีไม่นอ้ ยทีใช้ได้

10
“ขอรับ!” องครักษ์รบั คําสัง ตามองครักษ์สองคนมาคุม้
กันหรันเหยียน แล้วรีบโหนตัวขึนหลังม้า

หรันเหยียนหันไปสังองครักษ์อีกคน “เข้าเมืองไปสืบข่าว
ทหารรักษาการณ์มีการเคลือนไหวผิดปกติหรือไม่”

“ขอรับ!”

องครักษ์อีกคนรับคําสังจากไป

การต่อสูท้ ีตึกด้านนันยุติ องครักษ์สบิ กว่าคนรีบกลับมา


มือสังหารทางนีเห็นว่าไร้โอกาสหลบหนี จึงกินยาพิษฆ่า
11
ตัวตายตอนทีประมือกัน

คนของทีว่าการเร่งรีบมาถึง เห็นเหตุการณ์ในทีเกิดเหตุ
ตกใจหน้าถอดสีไปชัวขณะ รีบเร่งสังการส่งเหล่าบัณฑิต
ทีบาดเจ็บเข้าเมืองไปรักษา

หรันเหยียนถอนใจโล่งอก ในเมือคนของทีว่าการยังมา
ช่วยได้ หมายความว่ายังไม่รุนแรงถึงขันใช้กาํ ลังก่อกบฏ
แต่...เซียวซ่งยังคงมีอนั ตราย ถ้าซุนเจินอาศัยช่วงชุลมุน
ลงมือกับเซียวซ่งระหว่างค้นหามือสังหาร ถึงเวลาก็ปัด
ความรับผิดชอบ แจ้งว่าถูกมือสังหารฆ่าตาย...

นีทําให้หรันเหยียนอดคิดมากไม่ได้ ก็อย่างเหตุการณ์

12
วุน่ วายเมือครู ่ หากมีไส้ศกึ ยิงธนูใส่เธอสักดอก ใครจะ
บอกได้วา่ ทีแท้ถกู ทําร้ายตอนถูกดักซุม่ โจมตีหรือไม่

“มีองครักษ์เจ็บตายเท่าไร” หรันเหยียนถาม

“เรียนฮูหยิน มีเจ็ดคนบาดเจ็บจากธนู ไม่มีคนเสียชีวิต


ขอรับ” หัวหน้าองครักษ์ตอบ

หรันเหยียนทอดตามองไป แทบทุกคนมีบาดแผลบนร่าง
กาย ทีพวกเขาบอกว่าบาดเจ็บคงหมายถึงทีคนบาดเจ็บ
หนักจนไม่อาจเคลือนไหว

“เจ็ดคนทีบาดเจ็บให้ตามคนของทีว่าการกลับไปรักษา
13
แล้วช่วยเรืองการสืบสวน ทีเหลือตามข้ามา” หรันเหยี
ยนไม่อาจรอได้แม้เค่อเดียว เธอไม่กล้าคิด หากเซียวซ่ง
เกิดเรืองขึนจริง วันข้างหน้าของเธอจะเป็ นเช่นไร

หรันเหยียนสังคนสองคนอยูร่ อกองหนุนจากบ้านท่านพ่อ
ท่านแม่ ให้พวกเขาไปสมทบทีตึกซึงจางเสวียนซูถ่ กู ลอบ
ทําร้าย

เกิดเรืองนีขึน ทําให้หรันเหยียนพลันรูส้ กึ ว่ามนุษย์นนที



แท้จอมปลอมเชือถือไม่ได้!

ก็เหมือนโลกก่อน ผูช้ ่วยข้างกายเธอ สุภาพมีมารยาท


ถ่อมตัวขยันเรียนรู ้ แต่แล้วคนเช่นนัน กลับเป็ นฆาตกร

14
คลัง! และอย่างเหอซือเจิง ท่าทางมีนาใจเที
ํ ยงธรรม
หันหลังก็แทงเธอได้ ยิงเป็ นอย่างซุนเจิน หรันเหยียนไม่
รูจ้ กั เขาดีนกั เคยเจอหน้ากันบ้าง แต่ไม่ใช่เพียงคนเดียว
ทีบอกว่าคนผูน้ ีเถรตรงเทียงธรรม ฝี มือปิ ดคดีไม่แพ้เซียว
ซ่ง แต่ตอนนีกลับเข้าไปยุง่ กับเรืองนี หมายปองชีวิตเธอ

ศัตรูอยูใ่ นทีมืด ป้องกันได้ยากจริงๆ

หรันเหยียนเร่งรัดมาตลอดทางจนถึงทีจากมา ทีนันยังมี
คนเฝ้าอยูไ่ ม่นอ้ ย หรันเหยียนรีบลงจากหลังม้าเดินไป
คว้าได้คนหนึงจึงถามว่า “เห็นเซียวซือหลางหรือไม่”

คนผูน้ นมองหรั
ั นเหยียน จําได้วา่ เป็ นฮูหยินของเซียวซ่ง

15
จึงประสานมือคํานับเอ่ย “เซียวซือหลางกับซุนเส้าชิงไป
จับตัวผูต้ อ้ งสงสัยขอรับ”

16
ตอนที 408 ตายเรียบ

หรันเหยียนใจหายวาบ ถามต่อว่า “พวกเขาไปจับกุมคน


ร้ายทีใด”

องครักษ์ลงั เลชัวขณะ ประสานมือกล่าว “ขอเซียนเหลี


ยงฮูหยินโปรดอภัย นีเป็ นเรืองทางราชการ ผูน้ อ้ ยไม่กล้า
พูด”

เมือหรันเหยียนได้ฟังก็รูว้ า่ คาดคันคงไม่เป็ นผล จึงรีบขึน


หลังม้า พาองครักษ์มงุ่ ไปทางทิศใต้ซงเป็
ึ นแหล่งทีตังของ
โรงเตียมเพือค้นหา

1
ในแสงแดดแผดเผายามเทียงวัน ริมฝังแม่นาฉวี
ํ เจียงระอุ
เหมือนหม้อนึง ไอร้อนผสมกลินดินกลินหญ้าคละคลุง้
ทําให้หายใจขัด หรันเหยียนจึงเวียนศีรษะเป็ นระยะๆ

ดวงอาทิตย์คอ่ ยๆ คล้อยลงทางตะวันตก สายตาทีเหล่า


องครักษ์มองหรันเหยียนเปี ยมแววนับถืออย่างยิง สภาพ
อากาศเช่นนี เมือต้องอยูก่ ลางแจ้งสักครึงชัวยาม ตัวก็
เปี ยกชุ่มเหมือนตกนํา แม้แต่พวกเขาก็แทบยืนไม่อยู่ แต่
หรันเหยียนยังยืนหยัดมาได้ถงึ ตอนนี

หรันเหยียนเห็นทุกคนเหน็ดเหนือยชัดเจน จึงให้พวกเขา
หยุดทีเหลาสุราเล็กๆ เพือดืมนําเหยาะเกลือ พักผ่อนเป็ น
เวลาหนึงถ้วยชา

2
เมือเห็นว่าดวงอาทิตย์ใกล้ลบั ขอบฟ้า หัวหน้าองครักษ์
จึงกล่าวเตือน “ฮูหยิน ใกล้เย็นแล้ว ถ้าไม่กลับเข้าเมือง
ประตูเมืองก็จะปิ ดขอรับ”

หรันเหยียนขมวดคิว พวกเขาค้นหามาเกินสองชัวยาม
ได้เบาะแสจากคนผ่านทางครังหนึงยังคงเป็ นป่ าด้านนัน
เธอใคร่ครวญชัวครู ่ ก่อนถาม “คนของบ้านท่านพ่อท่าน
แม่มาหรือยัง”

“มาแล้วขอรับ เพราะเกรงว่าจะทําให้ทีว่าการแตกตืน จึง


แบ่งกลุม่ มา ทังหมดสองร้อยสีสิบคน แบ่งเป็ นสามกลุม่
กลุม่ แรกหนึงร้อยคน จะมาถึงในครึงเค่อ” หัวหน้า

3
องครักษ์ตอบ

“ค้นหาต่อ ต้องหาท่านโหวให้เจอ ยืนยันว่าเขาปลอดภัย


จึงจะกลับ” หรันเหยียนกล่าวอย่างแน่วแน่

เซียวซ่งมีความสามารถในการสังเกตทีเฉียบขาด ไม่วา่
เรืองคนหรือเรืองงาน ดังนันไม่ใช่เรืองง่ายนักทีจะลงมือ
กับเขา เพียงแต่องครักษ์เขาสีสิบคน แบ่งให้หรันเหยี
ยนสามสิบคน เหลือเพียงสิบคนอยูข่ า้ งตัว ถ้าซุนเจินคิด
จะลงมือสังหารจริง น่าจะมีโอกาสสําเร็จ

หรันเหยียนเชือว่าไม่ง่ายนักทีเซียวซ่งจะถูกใครกักตัวไว้
ได้ แต่หากข้างตัวเขามีกาํ ลังคนน้อย ต้องคอยคนมาช่วย

4
เหลือ แล้วเธอพลาดโอกาสนัน เธอจะไม่ให้อภัยตนเอง
ตลอดชีวิต!

หัวหน้าองครักษ์ประสานมือเอ่ย “ขอรับ!”

“รอคนของบ้านท่านพ่อท่านแม่มา ค่อยเข้าไปหาในป่ า
ด้วยกัน” หรันเหยียนลงจากหลังม้า หาหอนําชาแห่งหนึง
ถามหานําเย็นบรรเทาอาการลมแดดของตน

นังพักสักครู ่ องครักษ์ของบ้านท่านพ่อท่านแม่ก็มาถึง
หรันเหยียนสังคนยีสิบคนค้นหาโรงเตียมแต่ละแห่ง หาก
พบเห็นเหตุการณ์ ถ้าไม่ใช่อนั ตรายคับขัน อย่าได้ลงมือ
โดยพลการ รีบส่งคนมาแจ้งข่าวแก่พวกเขา

5
คนเกือบร้อยคนถือคบไฟเข้าไปในป่ า อาศัยจังหวะที
ท้องฟ้ายังพอมีแสงสว่าง ทุกคนก็หาร่องรอยบนพืนดิน
ก่อน พงหญ้าหนาทึบ หากมีคนจํานวนมากเดินผ่านไป
ต้องมีรอ่ งรอยให้เห็นแน่

ตังแต่เริมถูกจู่โจม หัวหน้าองครักษ์ก็สงั เกตว่าหรันเหยี


ยนมีความอดทนและเยือกเย็นจนแม้แต่ตวั เขายังถอนใจ
ไม่อาจสู้ ดังนันเมือหรันเหยียนตัดสินใจจะร่วมค้นหา
ด้วยกัน เขาก็ไม่ได้คดั ค้าน

หรันเหยียนข่มความเครียดในใจ แม้เธอจะพึงพาเซียวซ่ง
เสียส่วนใหญ่ แต่ใช่วา่ เมือไม่มีใครให้พงึ เธอจะทําอะไร

6
เองไม่ได้

“ฮูหยิน!พบร่องรอยแล้วขอรับ!” องครักษ์เอ่ย

หรันเหยียนกล่าว “พาคนจํานวนหนึงไปดูลาดเลาข้าง
หน้า พวกเราจะตามหลังไป”

ท้องฟ้ายิงมืดลงทุกขณะ ดงไม้หนาทึบมาก แสงจันทร์ที


ลอดผ่านมาแทบไม่มีประโยชน์ คนทีอยูข่ า้ งหน้าล้วนจุด
คบไฟ

ในพงหญ้าเต็มไปด้วยแมลง ทุกคนจึงเดินให้เบาทีสุด ยัง


ดีทีฉวีเจียงถูกรวมในเขตเมืองฉางอันเพือเป็ นทีพักผ่อน
7
หย่อนใจของชาวเมือง ทีผ่านมายังไม่ปรากฏว่ามีสตั ว์
ร้าย ดังนันจึงไม่ตอ้ งกังวลสัตว์รา้ ยจู่โจม

เดินเงียบเชียบราวสองเค่อ คนลาดตระเวนข้างหน้ากลับ
มากะทันหัน กล่าวรายงานเสียงเบาว่า “ฮูหยิน หัวหน้า
องครักษ์ ด้านหน้ามีสงปลู
ิ กสร้าง เป็ นเหลาสุราหลาย
แห่ง แต่รอยเท้ายุง่ เหยิง มีรอยเท้าอยูท่ ีหลังเหลาสุรา
แทบทุกแห่งขอรับ”

คนยุคราชวงศ์ถงั ชอบดืมสุรา ดังนันสถานทีพักผ่อน


หย่อนใจแบบฉวีเจียงนี จึงมีเหลาสุราหลายแห่งใน
ละแวกนี บริเวณทีหนาแน่นยิงมีรา้ นเรียงรายติดต่อกัน
ล้วนค้าขายดี

8
“ข้าขอไปดูหน่อย” หรันเหยียนบังคับม้าไปข้างหน้า หัว
หน้าองครักษ์โบกมือให้องครักษ์ยีสิบถึงสามสิบคนตาม
ไป

เมือเข้าใกล้ หรันเหยียนจึงลงจากหลังม้าเดินเข้าใกล้อีก
ถึงอย่างไรม้าก็ไม่ใช่คน ถ้าเสียงลมหายใจม้าดังผิด
จังหวะ แล้วมีคนพบเห็นจะทําเช่นไร

ด้านหน้าห่างออกไปสิบกว่าจัง มีเหลาสุราสามแห่ง แต่


ละแห่งห่างกันสิบกว่าจัง เสียงดนตรีครึกครืนได้ยิน
ชัดเจนจากบริเวณทียืนอยู่ และอย่างทีองครักษ์พดู บน
พืนดินมีรอยเท้ายุง่ เหยิงมาก ด้านหลังเหลาสุราทุกแห่ง

9
ล้วนมีรอยเท้าเหยียบผ่านไป

หรันเหยียนนังย่อเข่าบนพืน อาศัยแสงจันทร์ตรวจสอบ
รอยเท้าบนพืนอย่างละเอียด อันทีจริงมีความแตกต่างที
ละเอียดอ่อน รอยเท้าทีทับซ้อนกัน หรันเหยียนแยกแยะ
ได้ชดั เจนรอยเท้าไหนเหยียบก่อน รอยเท้าไหนเหยียบที
หลัง อาศัยหลักการนี ตัดสินได้วา่ พวกเขาเข้าเหลาสุรา
แห่งไหนเป็ นแห่งสุดท้าย

เดินหน้าตรวจสอบหลายจัง แล้ววิเคราะห์บรรยากาศ
ของเหลาสุราทังสามแห่ง หรันเหยียนชีขาดว่าคนของ
สามหน่วยงาน สุดท้ายเข้าเหลาสุราทางขวามือ

10
“ระดมคน สังคนตามคนจากบ้านท่านพ่อท่านแม่ทีเหลือ
มาสมทบทีนี” หรันเหยียนกําชับ ชะงักชัวครูก่ ่อนหันไป
ทางหัวหน้าองครักษ์ “ช่วยหาชุดบุรุษให้ขา้ ที”

“ขอรับ” หัวหน้าองครักษ์รบั คํา

ในป่ านี จะหาชุดบุรุษได้ทีใด หัวหน้าจึงหาจากบุรุษร่าง


เล็กสุดในกลุม่ สังให้ถอดชุดนอกออก

“ฮูหยิน ไม่มีทางเลือก หาได้แต่ชดุ ทีใส่แล้ว...” หัวหน้า


องครักษ์ยืนเสือผ้าให้ดว้ ยสองมือ เดิมคิดว่าหรันเหยี
ยนจะปฏิเสธ นึกไม่ถงึ ว่ายังไม่ทนั ขาดคํา หรันเหยียนก็
คว้าเสือผ้า หลบเข้าหลังต้นไม้ใหญ่ตน้ หนึงขนาดสองคน

11
โอบ

ผ่านไปชัวครู ่ หรันเหยียนสวมชุดดําเดินออกมา สยาย


ผมออก แล้วม้วนเป็ นมวยผมทีกลางศีรษะ ปกติหรันเหยี
ยนก็ตดั แต่งผมให้สนั ไม่ไว้ผมยาวเหมือนสตรีในราชวงศ์
ถังทัวไป จึงรวบผมเป็ นมวยได้ง่ายดาย

หรันเหยียนตรึกตรองสักครูก่ ่อนเอ่ย “หาคนสองสามคน


อ้อมไปประตูหน้า ทําตัวเป็ นลูกค้า เข้าไปดูสถานการณ์
ในเหลาสุรา”

หัวหน้าองครักษ์มองหาคน เห็นคนจากบ้านท่านพ่อท่าน
แม่ สวมชุดไม่คอ่ ยสะดุดตานัก จึงเลือกสองคนเข้าไป

12
ตรวจสอบ

หรันเหยียนยืนทีชายป่ า ยามคําลมเย็นโชยพัด ใจทีรุม่


ร้อนและตึงเครียดก็คลายลงบ้าง ทุกครังทีต้องเผชิญกับ
เหตุการณ์เฉพาะหน้า เธอไม่เคยกลัว และไม่เคยถอย
เหมือนตอนผ่าศพฉินอวินหลินด้วยตัวเอง มือทีถือมีดยัง
นิงเหมือนเคยไม่แปรเปลียน แต่วนั เวลาต่อมาเธอกลับ
ยังคงติดอยูใ่ นฝันร้าย

หรันเหยียนจ้องแสงไฟในเหลาสุรา ค่อยๆ กํามือขวา เพิง


จะกุมมือเขาไว้เมือตอนบ่าย เฮ้อ...ตอนนีมาเจอความ
พลิกผัน ขอให้ทกุ อย่างแคล้วคลาดแล้วกัน

13
เวลาผ่านไปสองถ้วยชา องครักษ์ก็สง่ เสียงแผ่วเบามา
จากชันบนของเหลาสุรา “หัวหน้าองครักษ์ ในเหลาสุรา
ไม่มีใครรอดชีวิตสักคน”

ไม่มีใครรอดชีวิตสักคน...ก็คือตายเรียบ?

หรันเหยียนใจเต้นระทึก ทีเธอพยายามรักษาความสงบ
นิงไว้พงั ทลายในพริบตา ตอนนีไม่อาจห่วงอะไรได้อีก
พุง่ กระโจนออกไป

หัวหน้าองครักษ์รบี สังคนให้วิงตาม เมือถึงประตูหลัง


องครักษ์คนหนึงก็ถีบประตูหลังเต็มแรง ประตูไม่ได้ลง
กลอน จึงถลําเข้าไปข้างในทังตัว

14
องครักษ์ยีสิบคนเปิ ดทางข้างหน้าให้ หรันเหยียนก็เดิน
ตามเข้าไป ภายในมีกองเลือดอยูห่ ลายกอง แต่ไร้ศพ

หรันเหยียนตรวจสอบพืนทีอืนๆ ในเหลาสุราจนทัว ก็ไม่


พบศพ จึงขึนบันไดไปชันบน

เดินไปไม่กีก้าว เธอก็เดินช้าลง

ไม่ถกู ต้อง! องครักษ์สองคนส่งเสียงมาแล้ว เหตุใดจึงไม่


มีการเคลือนไหวอีก หรันเหยียนถอยกลับอย่างเงียบๆ
แล้วส่งสัญญาณมือให้องครักษ์ถอยกลับด้วย

15
ทุกคนไม่รูส้ าเหตุ แต่เห็นเธอสีหน้าเคร่งเครียด จึงกลัน
หายใจถอยกลับ

รอจนพวกเขามาถึงในลาน หน้าต่างชันบนก็เปิ ดออกทัน


ใด มีเสียงดังตุบ้ ! ของหนักหล่นลงมา

ทุกคนเพ่งมองไป แล้วใจก็ตอ้ งสะท้าน!เป็ นร่างของ


องครักษ์สองคนทีถูกส่งเข้ามาตรวจสอบเมือครู!่

“เซียนเหลียงฮูหยิน ท่านนีช่างน่าทึงจริงๆ” เสียงแผ่วเบา


ดังมาจากชันบน เป็ นเสียงทีจงใจดัด ไม่อาจรูเ้ สียงทีแท้
จริง

16
ตอนที 409 วันวานเหล่านันล้วนผ่านพ้น

“ใครกันหดหัวหดหาง ไม่กล้าแสดงตัวตนแท้จริง” หรันเห


ยียนกล่าวเย้ยหยัน

คนบนตึกหัวเราะเสียงเบา กล่าวเสียงเนิบช้า “ได้ยินว่า


เซียนเหลียงฮูหยินชืนชอบศพ ผูน้ อ้ ยเตรียมศพชันเลิศ
อีกร่าง ขอมอบแด่ฮหู ยินเป็ นของขวัญทีพบหน้ากัน”

ได้ฟังเช่นนัน เสียงร้องตกใจก็ตนั คอหอยเธอ ดวงตาสอง


ข้างแดงกําทันใด

1
เงียบลงชัวขณะ ชันบนมีศพอีกร่างหนึงถูกทิงลงมา

หรันเหยียนมองตรงไปทีวัตถุนนที
ั ตกลงมากลางอากาศ
งงงันไปชัวขณะ กระทังเห็นรูปร่างและเสือผ้าของศพร่าง
นันชัดเจน ถึงตังสติได้

“ฮูหยินไม่ตอ้ งขอบคุณ ขอตัว” เสียงคนผูน้ นแฝงการยิ


ั ม
เยาะ

หัวหน้าองครักษ์วิงไปข้างหน้าหลายก้าว ถูกหรันเหยี
ยนห้ามไว้ “ไม่ตอ้ งตาม เมือเขากล้าอุกอาจเช่นนี ต้องมี
ทีพึงพิง อย่าเพิงกระจายกําลังคนชัวคราว”

2
หรันเหยียนคาดการณ์วา่ เหลาสุราทังสามแห่งนีเป็ นของ
ฆาตรกร เธอเห็นว่าทังสามแห่งมีระยะห่างกันพอสมควร
อีกทังอาคารและทีตังไม่เหมาะทีจะล้อมโจมตี จึงกล้า
เข้ามาข้างใน

หรันเหยียนเดินเข้าหาศพนัน หัวหน้าองครักษ์เอ่ยห้าม
ปราม “ฮูหยินช้าก่อน” เขากวักมือ ออกคําสังองครักษ์
ข้างตัวให้เดินเข้าไปตรวจก่อน

องครักษ์มือถือดาบเดินเข้าใกล้อย่างช้าๆ ใช้เท้าเตะ
เบาๆ ‘ศพ’บนพืนก็ขยับเขยือนเล็กน้อย องครักษ์ยงั
ระแวงเรือง ‘บ่าว’ เมือตอนกลางวัน จึงสะบัดดาบขึนทัน
ที หรันเหยียนตะโกนว่า “ยังมือ!”

3
“คุณหนูสบิ เจ็ด...” เสียงคนบนพืนแผ่วเบา

หรันเหยียนตะลึงชัวขณะ นีเป็ นเสียงของ...

“หลิวเซ่อเหริน!” หรันเหยียนกระโจนไปข้างหน้าหลาย
ก้าว ค่อยๆ พลิกตัวเขากลับมา

เป็ นหลิวผินรังจริงๆ! สีหน้าเขาซีดเผือด เลือดทีไหล


ออกจากปากเปรอะเปื อนทัวคาง เสือผ้าทีใส่ยงั อยูด่ ี มี
เลือดซึมออกทีคอเสือตรงบริเวณคอ

4
หรันเหยียนรีบยืนมือไปแตะชีพจรของเขา

“แคกๆ ต้องมีวิชาเทวดาแบบคืนชีพคนตาย...สร้างเนือ
หุม้ กระดูก...ถึงช่วยข้าได้กระมัง” หลิวผินรังไอครังหนึง
เลือดไหลออกมาราวสายนํา

ดวงตาหรันเหยียนพร่ามัว หยิบผ้าสีขาวออกมาจากแขน
เสือ เมือคลีออกแล้ว หยิบเข็มเงินข้างในออกมา ฝังเข็ม
ต่อชีวิตให้เขา

อวัยวะภายในของหลิวผินรังบาดเจ็บสาหัส ชีพจรตก
อย่างรุนแรง ถึงจะเป็ นโลกก่อนก็ไม่มีวิทยาการทีจะทํา
ให้ฟืนคืนชีพได้ หรันเหยียนได้แต่ใช้การฝังเข็มยือเวลา

5
ให้เขาสังเสีย

หลิวผินรังยังรักษาสติไว้ได้ช่วงหนึง เดาความหมายของ
หรันเหียนได้ จึงไม่ได้พดู อะไร หลับตาปล่อยให้เธอฝัง
เข็ม

เมือแก้เสือออก คนในทีนันต่างอดสะทกสะท้านไม่ได้
บาดแผลบนร่างนัน เป็ นผิวหนังทีไม่มีชินดี เนือหนัง
เหวอะหวะ มีบางแห่งเป็ นหนอง หลิวผินรังเหมือนเจ็บ
มากจนด้านชา สีหน้าก็ไม่ได้แสดงความเจ็บปวดมาก
เท่าไร

หลังจากฝังเข็มเป็ นเวลาครึงถ้วยชา หลิวผินรังจึงค่อยๆ

6
ลืมตา “ข้าได้เตรียมใจไว้แล้ว... ตําแหน่งองค์รชั ทายาท
ไม่มนคง
ั ก่อนมาฉางอัน ข้าได้คาดการณ์ไว้วา่ ต้องมีสกั
วันทีเดือดร้อนเพราะองค์รชั ทายาท...”

เสียงของหลิวผินรังสันเครืออยูใ่ นคอ แต่ไม่มีนาตาสั


ํ ก
หยด “แต่ขา้ คิดอย่างไรก็คิดไม่ถงึ ว่าจะตกทีนังเช่นนี!
องค์รชั ทายาทไร้เมตตา! สวรรค์ตอ้ งลงโทษ! สวรรค์ตอ้ ง
ลงโทษ!”

ฟู่ !

เลือดลมของหลิวผินรังพลุง่ พล่าน จนเลือดพุง่ ออกจาก


ปาก

7
แม้คาดเดาไว้ก่อนหน้า แต่เมือได้ฟังข่าวนี หรันเหยียนก็
ยังตกใจอยูบ่ า้ ง “เป็ นฝี มือองค์รชั ทายาทจริงหรือ”

“ข้า...” หลิวผินรังถ่มเลือดออกมาคําหนึง ถอนใจเฮือก


หนึง กล่าวต่อว่า “คนในวังตะวันออกค่อยๆ สูญเสียไป
คนแล้วคนเล่า ข้าเอง...ก็สงั เกตเห็นแต่แรก กระหาย
เลือดไร้คณ
ุ ธรรมเช่นนี เมือถูกเปิ ดโปง ย่อมไม่มีพืนทีให้
หวนคืน ฝ่ าบาทต้องทรงกริวปลดองค์รชั ทายาทแน่”

คําพูดของหลิวผินรังทําให้ทกุ คนในทีนันหน้าถอดสี องค์


รัชทายาททารุณสังหารขุนนางในวัง ช่างไร้มนุษยธรรม
เสียจริง!

8
“ข้าเกรงจะพลอยเดือดร้อน จึงเขียนจดหมายสังคน...
แอบส่งให้เซียวซือหลาง ไม่แสวงตําแหน่ง แต่ขอถอนตัว
กลับอย่างปลอดภัย เพียงแต่ไม่รูว้ า่ จดหมายฉบับนันตก
อยูใ่ นมือขององค์รชั ทายาทได้อย่างไร เขาว่าข้าปาก
หวานก้นเปรียว หักหลังเขา ไม่ฟังคําอธิบายก็สงโบยตี

อย่างทารุณ”

หรันเหยียนตะลึง ถามว่า “เมือครูค่ นนันคือใคร”

“แม้ขา้ ไม่รู ้ แต่พอแยกแยะออก...ข้าถูกกักขังมาหลายวัน


เป็ นครังแรกทีพบเขา” หลิวผินรังหันหน้ามาช้าๆ “คุณหนู
สิบเจ็ด ข้ามีเรืองหนึงอยากขอร้อง”

9
“ท่านพูดได้เต็มที ขอเพียงข้าทําได้ ต้องช่วยท่านจัดการ
ให้เรียบร้อยแน่” หรันเหยียนกล่าว

“ดี” หลิวผินรังยิมอย่างปลอบประโลม แต่รอยยิมพลัน


เปลียนเป็ นขมขืน “ช่วยส่งข่าวให้ครอบครัวข้าทีซูโจว
บอกว่า แม้ตา้ ถังสถาปนาขึนอย่างยิงใหญ่ แต่ราช
สํานัก...พายุโหมกระหนํา ไม่ใช่...คนอย่างเรา...ทีพืนเพ
ตําต้อยจะแสดงความสามารถเพือปณิธานได้! ขอให้ลกู
หลานข้า ประมาณตน...ให้ดี...”

หรันเหยียนรูส้ กึ ว่าร่างกายเขาแข็งทือไปชัวขณะ
แล้วกลับอ่อนยวบลง เขาอ้าปากกว้าง สองตาเหลือก
ถลึง ดวงตาฉายฉานเหมือนเปลวเทียน เพียงชัวพริบตา
10
ก็มอดลง สีหน้าผนึกค้างในชัวพริบตานัน

เขาก้มหน้าก้มตาอ่านตําราจนสอบผ่าน บรรยากาศใน
เวลานัน ช่างเหมือนห้อม้าอย่างอิมใจในฤดูใบไม้ผลิ วัน
เดียวเทียวชมดอกไม้ทวฉางอั
ั น!ผ่านพ้นการรอตําแหน่ง
สีปี ทีมืดมน สุดท้ายก็มีวนั ทีได้บรรจุเป็ นขุนนาง แม้จะ
เป็ นแค่นายอําเภอในชนบทห่างไกล แต่เขามีแรงบันดาล
ใจเต็มเปี ยม เลือดพลุง่ พล่านทัวตัว

ไต่เต้าขึนไปทีละขัน เขาเริมจากคนมือสะอาด นิสยั


เถรตรงแข็งกร้าว ถูกความเลวร้ายในวงการขุนนางลับ
คมจนไม่เหลือเหลียม ผ่านความยากลําบากมาทุกอย่าง
เมือมาเป็ นเจ้าเมืองซูโจว เลือดร้อนทัวตัวก็เผาผลาญ
เกือบหมด เหลือแต่จอนผมขาว และชีวิตทีโชกโชน
11
ผกผันเอาแน่ไม่ได้

วันวานเหล่านัน...ล้วนผ่านพ้น

“หลิวเซ่อเหริน” หรันเหยียนเอ่ยเสียงเบาแต่แน่วแน่ “ทัว


หล้าต้องมีความยุติธรรม ต้องมีแน่”

“ฮูหยิน จะค้นหาต่อไปหรือไม่” หัวหน้าองครักษ์เพิงตัง


สติได้ หลังจากตกตะลึง

“ค้น!” หรันเหยียนกล่าว “สังคนส่งศพหลิวเซ่อเหรินกลับ


เข้าเมือง ส่งมอบโดยตรงให้ทีว่าการฉางอัน องครักษ์ที
ตายสองคนก็สง่ กลับไปด้วย หากมีคนทีบ้านก็แจ้งให้
12
ทราบ มอบเงินห้าร้อยพวง ฝังอย่างสมเกียรติ”

“ขอรับ!” หัวหน้าองครักษ์รบี เลือกคนจํานวนหนึง จัด


แจงเสือผ้าของหลิวผินรังให้เรียบร้อย ถอดบานประตู
หลังทีเป็ นไม้เรียบ วางศพลงบนนัน ยกออกจากเหลา
สุราไป

หรันเหยียนกวาดตามองรอบด้าน “ไปค้นหาทีเหลาสุรา
อีกสองแห่งก่อน ข้าสงสัยว่าทังสองแห่งก็เป็ นของ
ฆาตกร ต้องระวัง อย่ามองข้ามมุมใดๆ ให้สงั เกตว่ามี
กลไกประเภทประตูลบั หรือไม่”

“ขอรับ!” หัวหน้าองครักษ์รบั คําสัง กําชับวิธีการเข้าไปใน

13
เหลาสุราแก่เหล่าองครักษ์

เหลาสุราทังสามแห่งอยูห่ า่ งกันสิบกว่าจัง อีกสองแห่งยัง


คงมีเสียงร้องรําทําเพลง ดังครึกครืน คนข้างในไม่ได้ยิน
เสียงจากด้านนอกแต่อย่างใด ดังนันจึงไม่ได้รบั ผล
กระทบจากทางนี

“คัดเลือกคนทีมีไหวพริบ ปลอมตัวเป็ นลูกค้า หาโอกาส


เข้าไปค้นหาคน” หรันเหยียนกล่าวกับหัวหน้าองครักษ์

การตายของหลิวผินรังกระทบกระเทือนจิตใจของหรันเห
ยียนอย่างรุนแรง เพิมความกังวลมากขึนจนไม่อาจรออยู่
ด้านนอกได้ เธอต้องการไปค้นหาเอง แต่ชดุ ดําของเธอ

14
เปื อนเลือดของหลิวผินรัง จึงได้แต่แฝงตัวเข้าไปข้างใน
กับองครักษ์

หรันเหยียนไม่อาจยืนยันว่าเซียวซ่งอยูท่ ีนันไหม แต่การ


ค้นหาแบบมีเป้าหมายทําให้เธอสงบลงกว่าการค้นหา
แบบไร้เป้าหมาย

ดวงจันทร์ลอยขึนสูง ส่องต้องฉวีเจียงสว่างเหมือนกลาง
วัน สายลมกระทบเงาไม้พลิวไหวเหมือนระลอกคลืน

“ฮูหยิน หัวหน้าองครักษ์” จู่ๆ มีองครักษ์วิงเข้ามาหา “มี


จดหมายจากในเมืองขอรับ”

15
ตอนที 410-1 นายหญิง (1)

หรนัเหยียนชะงกั “จดหมายอะไร? จดหมายใครสง่มา?”

“เป็ นหลวิอีเฉิงขอรบั” องครกัษป์ระคองจดหมายปิ ดผนกึ


ดว้ยครงัฉบบัหนงึสง่ให ้

หรนัเหยียนรบีฉีกออกทนัที ดา้นในถงึกบัเขียนดว้ย
ภาษาองักฤษ! ตอ้งเป็ นเรอืงสาํคญ
ั มากแน่นอน ไมอ่ยา่ง
นนัเขาคงไมร่ะวงัเช่นนี ไมเ่พียงปิ ดผนกึดว้ยครงั ยงัใช้
ภาษาองักฤษอีกดว้ย

ครนัหรนัเหยียนกวาดตาอา่นไป แทบอยากตะโกนดา่

1
หยาบๆ ภาษาอังกฤษของหลิวชิงซงแย่มาก ไวยากรณ์
ผิดเพียบ และมีบางส่วนสือสารไม่รูเ้ รือง ทังประโยคนอก
จากคําช่วยง่ายๆ บางตัว แม้แต่ศพั ท์คาํ เดียวก็ยงั สะกด
ไม่ถกู ในเมือภาษาอังกฤษไม่ดี ทําไมไม่เขียนด้วยพินอิน
เล่า!

หรันเหยียนถือจดหมายอ่านอยูพ่ กั ใหญ่ ทังเดาทังมัวสุม่


ทีสุดค่อยพอรูเ้ รืองบ้าง

เนือหาคร่าวๆ ในจดหมายคือบอกว่าเซียวเซวียนจือไป
ขอพบรัชทายาท จากนันรัชทายาทก็ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้
ทันที

2
เซียวเซวียนจือ? หรันเหยียนแปลกใจ เวลานีลูกชายของ
ตงหยางฮูหยินไปขอพบหลีเฉิงเฉียน? พิจารณาจากคํา
พูดของหลิวผินรัง หลีเฉิงเฉียนก่อมรสุมวุน่ วายภายนอก
เช่นนี ยามนีเขาเข้าวังไปเข้าเฝ้า...ทําอะไร?

หรันเหยียนอ่านจดหมายอีกเทียว ในนันไม่ได้เอ่ยถึง
เซียวซ่งสักคํา

"หลิวอีเฉิงยังบอกว่าลูกชายของซุนเส้าชิงหายตัวไป ให้
ท่านช่วยตามหา" องครักษ์นายนันกล่าวต่อ

นีเป็ นข่าวทีพอทําให้หรันเหยียนสบายใจได้บา้ ง ต้องเป็ น


เพราะลูกชายของซุนเจินอยูใ่ นกํามือผูอ้ ืน จึงถูกข่มขู่ให้

3
ทําเรืองเช่นนี แสดงให้เห็นว่าเขายังไม่ถงึ ขันโหดเหียมไร้
นําใจ แต่ก็ได้ยินว่าหลายปี นีซุนเจินไม่ได้แต่งงานใหม่ มี
ลูกชายคนนีแค่คนเดียว ทังยังรักยิง ทีแท้ลกู ชายสําคัญ
หรือคุณธรรมส่วนรวมสําคัญ นําหนักในใจแต่ละคนไม่
เท่ากัน หรันเหยียนไม่กล้ามองแง่ดีเกินไป

"หาคนตามแผนการเดิม" หรันเหยียนบอก

เวลายิงสาย หรันเหยียนก็ยิงกังวล เธอถามต่อทันทีวา่


"คนอืนทีไม่ได้หาคน ยังไม่มีข่าวหรือ"

"ยังไม่มีขอรับ" องครักษ์ตอบ

4
หรันเหยียนเชือไม่ลง คนมากขนาดนันจู่ๆ กลับหายไปไร้
ร่องรอย!

"ค้นหาทีเรือนแห่งนีก่อน จากนันทําตามแผนเดิม!" หรัน


เหยียนสัง

แสงจันทร์กระจ่างฟ้า ฉวีเจียงยามคําคืนมีความงาม
พร่างตากว่ายามกลางวันหลายส่วน บัณฑิตจํานวนมาก
ทังคืนไม่กลับบ้าน นอนค้างทีฉวีเจียง ด้วยเหตุนีการค้า
ของเหลาสุรายามคําคืนจึงคึกคัก

หรันเหยียนให้องครักษ์หลายคนขึนตึกหาพร้อมเธอก่อน
องครักษ์ก่อนหน้าบอกว่าไม่มีใครรอดชีวิตเลย หรือก็คือ

5
บอกว่ามีศพอยู่

องครักษ์สคนขึ
ี นไปสํารวจก่อน เมือยืนยันแน่แล้วว่าไม่มี
อันตราย หรันเหยียนจึงนําคนถือคบเพลิงขึนไป

บนตึกไม่ใหญ่มาก กว้างยาวเพียงสองจัง บนพืนมีศพทัง


หมดห้าศพ หรันเหยียนมองคร่าวๆ เทียวหนึง ห้าศพนี
แต่งกายเหมือนกันหมด หรือก็คือหลายคนทีเหลือเป็ น
องครักษ์ขา้ งกายของเซียวซ่ง!

หรันเหยียนข่มความสับสนวุน่ วายใจ พิจารณาดูรอบ


บริเวณ ในห้องเห็นเค้าร่องรอยการต่อสูไ้ ด้ คล้ายคน
เหล่านีถูกใครล่อมาทีนีแล้วโดนดักซุม่ เพียงทันดินรนต่อ

6
ต้านได้ชวครู
ั ่

“หีบยาข้ายังอยูห่ รือไม่” หรันเหยียนถาม

หัวหน้ากลุม่ ถามลูกน้อง แล้วสังคนหิวหีบยามา หรันเหยี


ยนหยิบถุงมือจากหีบมาสวม ย่อตัวลงพลิกศพตรวจดูที
ละศพ ก่อนพบว่าทังหมดถูกบิดคอหัก ไม่เห็นบาดแผล
ภายนอก

“ฮูหยิน นีเป็ นคนของพวกเรา” หัวหน้ากลุม่ จําคนเหล่านี


ออกแต่แรก

หรันเหยียนพยักหน้า อย่างน้อยทีสุดตอนนีเธอก็ยืนยัน
7
ได้วา่ เซียวซ่งเคยมาทีนีจริง

หรันเหยียนลุกขึน สํารวจรอยเท้าในห้องตามแสงจากคบ
เพลิง คนเหล่านีมาจากป่ าด้านหลัง บนเท้าเปื อนดินมาก
บ้างน้อยบ้าง เธอหวนนึกถึงบันไดเมือครู ่ เหมือนมีรอย
เท้าไม่มาก

“ไปเถิด” ครันสินเสียงหรันเหยียนพลันชะงักเท้า กวาด


ตามองรอบบริเวณอีกครัง "ไม่ถกู ! เมือครูค่ นผูน้ นหนี
ั ไป
ทางใด?"

เนืองจากตึกนีมีหน้าต่างสองด้าน ซึงหันไปทางลานทัง
หมด บันได ทางเดิน ระเบียงสองฟากก็อยูใ่ นลาน ไม่วา่

8
คนผูน้ นไปทางไหน
ั ก็ไม่น่ารอดสายตาพวกตนไปได้

หัวหน้ากลุม่ นึกได้ทนั ที รีบสังการว่า "หาดูวา่ มีประตูลบั


ไหม"

"ขอรับ!"

ทังหมดรับคําสัง แล้วเริมสํารวจบนผนังและพืน

ไม่วา่ มีประตูลบั ไหมก็น่าเห็นร่องบ้าง ผนังในห้องนีไม่มี


สิงใดบดบัง หรันเหยียนจึงก้มมองบนพืน

บนพืนมีรอ่ งหลายร่อง นีเป็ นร่องทีต้องมีเมือปูไม้


9
กระดาน คล้ายไม่มีสงใดผิ
ิ ดปกติ

สายตาหรันเหยียนไปจับจ้องพรมใต้โต๊ะ “เอาคบไฟให้
ข้าอันหนึง”

หรันเหยียนรับคบไฟทีองครักษ์สง่ มา ก่อนเดินวนเลียบ
พรมช้าๆ รอบหนึง เธอพบบางสิงผิดแผกจริงดังคาด ที
แท้พรมบริเวณซึงติดกับขาโต๊ะมีรอยหักพับจางๆ

หรันเหยียนย่อตัวลงดึง พรมนิงไม่เขยือน เธอเคาะเบาๆ


สองที บังเกิดเสียงกลวงข้างใน จึงรีบกล่าวว่า "อยูท่ ีนี"

ทุกคนล้อมวงมาทันที
10
เนืองจากในตึกมีคนแค่คนเดียว หากทางลับซ่อนอยูใ่ ต้
พรม ตามหลักพรมไม่น่าจะเรียบขนาดนี ในห้องมีโต๊ะ ตู้
หลายแห่ง ทังหมดจึงไม่พงุ่ ความสงสัยมาทีพรมตรงนี
ทันที

หัวหน้ากลุม่ กล่าว "เชิญฮูหยินถอยมาก่อน ข้าจะเปิ ดมัน


เอง"

หรันเหยียนส่งเสียงอือ ก่อนลุกถอยไปหลายก้าว

หัวหน้ากลุม่ มอง แล้วใช้กระบีเสียบเข้าทีขอบพรม ก่อน


ออกแรงงัด เกิดเสียงแกรกเบาๆ แต่ไม่เปิ ด

11
หัวหน้ากลุม่ ลองเคาะดู "ฮูหยิน ตรงนีมีทางเข้า แต่
เหมือนด้านในลงกลอนไว้"

"งัด งัดไม่ออกก็ทบุ ทิง" หรันเหยียนสังโดยไม่ลงั เล

หัวหน้ากลุม่ ใช้กระบีงัดหลายที งัดไม่ออก เลยยกโต๊ะทุบ


ใส่พืนกระดาน

แต่เหมือนพืนจะแข็งแรงมาก ทุบสิบกว่าครังจนโต๊ะเริม
แยกชิน พืนก็ยงั ไม่แตกออก

หรันเหยียนขมวดคิว หยิบค้อนและสิวออกจากหีบยา นี
12
เป็ นสิงทีให้ช่างเหล็กทํา เดิมเอาไว้ใช้ผา่ กะโหลกศีรษะ

"หลีก" หรันเหยียนสังเสียงเรียบ

องครักษ์ได้ยินก็ถอยออกมา หรันเหยียนหามีดผ่าตัด
ขนาดใหญ่สดุ เสียบเข้าบริเวณทีพรมกับพืนแนบติดกัน
แล้วขจัดพรมออกไปอย่างรวดเร็ว เผยพืนทีถูกทุบจมเป็ น
หลุม

หรันเหยียนเสียบมีดผ่าตัดไปในหลุม แล้วใช้คอ้ นทุบลึก


ลงไป จากนันทแยงทุบ มีดผ่าตัดของเธอให้ช่างทําขึน
พิเศษ คมและแข็งแรงไร้ใดปาน หลังทําซําเช่นนีหลาย
ครัง จนเกิดรอยแตก ค่อยเสียบสิวเข้าไปงัด

13
ทังหมดตะลึงมองการกระทําต่อเนืองชุดนีของเธอ
แล้วอดมองหน้ากันเลิกลักไม่ได้ ไม่รูท้ าํ ไมต่างรูส้ กึ ชา
ศีรษะวาบ

"ฮูหยิน ให้ผนู้ อ้ ยทําเถิด" หัวหน้ากลุม่ ตังสติได้ก่อน

หรันเหยียนก็ไม่ยืนกราน ส่งสิวให้เขาทันที ถึงอย่างไร


ผูช้ ายก็มีแรงมากกว่า ทําได้เร็วกว่า

หัวหน้ากลุม่ เริมแรกยังใช้สวไม่
ิ คอ่ ยเป็ น แต่ใช้ไปสองทีก็
เหมือนจะค้นพบเคล็ดลับ งัดคล่องมือขึนมาก

14
ผ่านไปประมาณเวลาหนึงถ้วยชา พืนกระดานทังแผ่นก็
ถูกงัดออก ปรากฏช่องทางเข้าดํามืด

องครักษ์รบี เอาคบไฟไปส่องใกล้ๆ ทันที

"ลงไปดูกนั เถิด" หรันเหยียนเอ่ย

ทว่าทุกคนนิงเงียบ ถึงกับไม่มีใครตอบรับ แม้แต่หวั หน้า


กลุม่ ก็ยงั ลังเล

15
ตอนที 410-2 นายหญิง (2)

สงิทีไมรู่ม้กัน่ากลวัทีสดุเสมอ

เดิมทีองครกัษเ์หลา่นีคิดวา่แคห่าคนละแวกฉางอนั น่า
จะไมม่ีอะไรมาก แตเ่มือครูเ่หน็สภาพการตายของพรรค
พวกหลายคนและหลวิผนิรงั ทาํใหเ้รมิ ระมดัระวงั เมือ
เผชิญกบัทางเขา้ดาํมืดไมเ่หน็อะไรเช่นนี จงึไมม่ีใครกลา้
บมุ่บา่มลงไปก่อน

หรนัเหยียนเองก็เหน็ความสาํคญ
ั ของชีวิตผอู้ืน จงึไม่
บงัคบั ควานหายาหลายขวดในหีบยายดัใสก่ระเป๋ าเสอื
แลว้หยิบคบไฟตงัทา่จะลงไปก่อน

1
"ฮูหยิน!" หัวหน้ากลุม่ ตกใจ รีบขวางไว้

หรันเหยียนช้อนตามองเขา ก่อนเอ่ยเสียงเย็นชาว่า "สามี


ข้าเป็ นตายไม่รูช้ ดั พวกเจ้ารอได้ แต่ขา้ รอไม่ได้ พวกเจ้า
ตามหลังข้ามาก็พอ"

การกระทําและคําพูดของหรันเหยียนพลันกระตุน้
ศักดิศรีของหลายคน พวกเขาเป็ นลูกผูช้ ายอกสามศอก
พบเจออันตรายเพียงกล้าหลบอยูห่ ลังผูห้ ญิง? น่าขัน
หากเรืองนีแพร่งพราย แม้ตายก็ไม่มีหน้าพบบรรพบุรุษ

อีกอย่าง เมือครูเ่ ห็นหรันเหยียนชดเชยให้ผตู้ ายเต็มที

2
เป็ นเงินถึงห้าร้อยพวง! หัวหน้ากองร้อยตายในสนามรบ
ยังได้เงินแค่รอ้ ยกว่าพวง จะหาเรืองดีเช่นนีได้ทีไหน

"ข้าเป็ นกองหน้าเอง!"

"ให้ขา้ เปิ ดทาง!"

ฉับพลัน มีหลายคนกระเหียนกระหือรือ

หรันเหยียนพยักหน้า "ได้ ทุกท่านเป็ นลูกผูช้ าย รอให้ขา้


แน่ใจว่าสามีรอดพ้นอันตราย ต้องขอบคุณทุกท่านอย่าง
เต็มทีแน่นอน"

3
"ขอบคุณฮูหยิน!"

ทังหมดพร้อมใจกันขอบคุณ หัวหน้ากลุม่ สังคนยีสิบคน


ถือคบไฟนําอยูข่ า้ งหน้า

หรันเหยียนตามหลังลงไป โดยด้านหลังมีสองคนปิ ดท้าย


คนทีเหลือเฝ้าอยูด่ า้ นนอก รอคนของทางการมา

ทางลับนีไม่ตา่ งจากอุโมงค์ใต้ดินทัวไป เพียงแต่อยูช่ นั


สอง เลยลาดลึกลงเยอะ คนทังกลุม่ ลอดผ่านอย่างราบ
รืน เดินได้ประมาณสิบกว่าจัง ก็เริมได้ยินเสียงดนตรีและ
เสียงหัวเราะครืนเครงดังเหนือศีรษะอย่างชัดเจน

4
เดินจนสุดทาง ทังหมดเห็นโครงสร้างทีเหมือนกันทีปลาย
อีกด้าน

หรันเหยียนทํามือบอกให้คนขึนไปฟั งว่ามีความเคลือน
ไหวใด

องครักษ์คนหนึงรับคําสังขึนไป แนบหูฟังเสียงทีปาก
ทางออกครูใ่ หญ่ แล้วส่ายหน้า

หรันเหยียนรูส้ กึ ว่าด้านล่างเริมขาดอากาศ ขณะเตรียม


สังคนเปิ ดทางออก พลันได้ยินเสียงฝี เท้าดังชัดทีด้านบน

"เซียวเยวียจือตายหรือยัง" เสียงเข้มขึงขังถาม
5
คําตอบคือความเงียบ

เสียงเข้มขึงขังนันยิมหยันเอ่ยว่า "เจ้าไม่ตอ้ งมองข้าเช่นนี


อย่าลืมว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้ายังอยูใ่ นมือข้า
หากไม่สงั หารเซียวเยวียจือกับหรันฮูหยิน ข้าไม่แยแสว่า
มือจะแปดเปื อนลูกชายเจ้าอีกหนึงชีวิต"

"อย่ามาขู่ขา้ มากกว่านี! ข้าใช่ไม่ช่วยพวกเจ้า! แต่พวก


เจ้าเคลือนพลใหญ่โต ทังดักซุม่ ทังปลอมเป็ นคนรับใช้
แล้วสําเร็จหรือไม่" คนตอบคําถามกลับเป็ นซุนเจิน

คนผูน้ นเอ่
ั ยอย่างโกรธแค้น "นางนันระวังตัวนัก แผนการ

6
ทีละเอียดรอบคอบเช่นนี ถึงกับโดนนางเปิ ดโปง!"

ซุนเจินกล่าวอย่างเย็นชา "แม้แต่ผหู้ ญิงคนเดียวพวกเจ้า


ยังสังหารไม่ได้ เซียวเยวียจือหลักแหลมกว่านางเป็ นสิบ
เท่า ข้าก็แค่พลาดครังเดียว! อย่าคิดว่าข้าไม่รูว้ า่ พวกเจ้า
รวมหัวกันทําอะไร เป็ นรัชทายาทแล้วทําไม หากเรืองนี
แดงขึน เขาไม่ตาย แต่คนทีจะถูกสับเป็ นหมืนชินก็มีแต่
สุนขั รับใช้อย่างพวกเจ้า! ข้าขอเตือน อย่าบีบให้ขา้ ตาย
กันไปข้างกับพวกเจ้า!"

ปั ง!

คล้ายซุนเจินจะกระแทกประตูออกไป

7
ทังหมดกลันหายใจ

หรันเหยียนได้ยินว่าเซียวซ่งไม่เป็ นไร ตลอดร่างคล้าย


แรงหมดกะทันหัน แม้ยงั อยูใ่ นสถานการณ์อนั ตราย แต่
รูส้ กึ ผ่อนคลายกว่าครูก่ ่อนมาก

"ไอ้ชาติสนุ ขั ! วางมาดอะไร! เด็กๆ!" คนผูน้ นตะโกน


"หัวหน้า!" มีคนรับคําเข้ามา

"ในเมืองมีข่าวไหม" หัวหน้าถาม

8
"มีขอรับ ฟั งว่ามีคณ
ุ ชายบ้านสกุลเซียวคนหนึงไปขอพบ
องค์รชั ทายาท จากนันพระองค์ก็เสด็จไปเข้าเฝ้า จาก
ข่าววงในบอกว่า คุณชายเซียวผูน้ นมอบสารลั
ั บฉบับ
หนึงแก่องค์รชั ทายาท ทีเหลือก็ไม่ทราบแล้วขอรับ"

"คุณชายบ้านสกุลเซียว?" หัวหน้าผูน้ นส่


ั งเสียงก่อนนิง
ตรอง แล้วถามอย่างร้อนรน "ใช่เป็ นบุตรชายของนาย
หญิงเราหรือไม่ คือคุณชายสิบเซวียนจือไหม"

หรันเหยียนตกใจ ก่อนตระหนักถึงเรืองราวมากมาย ที
แท้คนกลุม่ นีเป็ นลูกน้องของตงหยางฮูหยิน!

9
เงียบไปอึดใจ ผูม้ าจึงตอบว่า "คนส่งข่าวมาไม่ได้บอกขอ
รับ"

"ไร้สมอง!" หัวหน้าตวาดเสียงเกรียว หลังถอนใจใหญ่


สองที จึงเอ่ยต่อว่า "ไปเรียกเอ้อร์หลางมา"

หรันเหยียนอยูด่ า้ นล่างครูห่ นึง ก็รูว้ า่ อากาศไม่พอ แต่ไม่


กล้าถอยกลับ ด้วยกลัวว่าจะทําให้เกิดเสียง

อุโมงค์ใต้ดินนีปิ ดผนึกอย่างดี ไม่มีแสงเล็ดลอด อากาศ


ก็ไม่ถ่ายเทนัก แต่ในเมือพวกเขาทีอยูข่ า้ งล่างได้ยินเสียง
ชัดเจน คนข้างบนก็น่าจะได้ยินเสียงด้านล่างด้วย โดย
เฉพาะคนทียังอยูบ่ นบันไดคนนัน บันไดทําด้วยไม้ แม้ไม่

10
ผุ แต่เขาก็ทาํ ตัวนิงเหมือนรูปสลัก ไม่กล้าขยับ

ผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงสนทนาดังมาจากด้านบนอีก

"พีใหญ่" ผูม้ าเรียก

หัวหน้าถาม "น้องรอง ดอกจินซิวฉิวทีนายหญิงเลียงไว้


เหล่านัน ได้สง่ ไปทีหลันหลิงหรือยัง"

"เรืองทีนายหญิงสัง พวกเราเคยเพิกเฉยละเลยหรือ ส่ง


ไปแต่แรกแล้ว" เอ้อร์หลางตอบ

แล้วหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนถาม "พีใหญ่ เหตุใดจํา


11
ต้องสังหารฮูหยินของเซียงอูโ่ หว ผูท้ ีทําร้ายนายหญิง
ตายมิใช่หลีไท่หรือ"

หัวหน้าตอบอย่างดุดนั คังแค้น "ล้วนสมควรตายทังสิน!


เดิมทีขา้ ก็ไม่คิดสังหารนางล้างแค้น แต่ตอ่ มาได้ยินว่า
หรันสิบเจ็ดผูน้ นเป็
ั นทายาทสํานักฮัวโต๋ อาจารย์ซางโดน
ธนูนางสามารถช่วยจนรอดชีวิตด้วยฝี มือมหัศจรรย์ของ
ฮัวโต๋ กลับเบิกตาดูนายหญิงของพวกเราสินใจตาย เจ้า
ว่าสมควรสังหารนางนันหรือไม่!"

"สมควรสังหาร!" เสียงของเอ้อร์หลางก็ดดุ นั โหดเหียม


ด้วย

12
เงียบไปครูห่ นึง เอ้อร์หลางจึงกล่าวต่อ "แต่วา่ พีใหญ่
ตอนนายหญิงอยู่ พวกเราไม่เคยรับงานประเภทนี ลอบ
สังหารขุนนางราชสํานัก โทษถึงตายเชียวนะ!"

"โทษเป็ นโทษตายอะไร! พวกเราเป็ นนักโทษทีไม่มีชือใน


ทะเบียนราษฎร์อยูแ่ ล้ว ทีผ่านมาเป็ นนายหญิงรับงานให้
พวกเรา นายหญิงไม่อยู่ พวกเราก็ถกู ตัดทางรอดแต่แรก
หากินจากเลือดบนคมดาบก็ไม่เลวแล้ว เจ้ายังติวา่ เลือด
ไม่หวานอีก?" หัวหน้าตําหนิเสียงเข้ม

ต่อมาหัวหน้าก็ถอนใจก่อนกล่าวอีกว่า "ผูท้ ีทําร้ายนาย


หญิงตายเป็ นองค์ชาย หลีเค่อมีกาํ ลังทหารในมือ ข้าง
กายมีแต่ยอดฝี มือ ตัวเขาเองก็ไม่ดอ้ ย หลีไท่ก็มียอด
ฝี มือรายล้อม ครังก่อนไม่ง่ายกว่าพวกเราจะหาโอกาส
13
ลอบสังหารได้ ข้างกายเขามีคนแค่คนเดียว แต่ทาํ ให้
พวกเราสูญเสียพีน้องไปสิบกว่าคน! คิดสังหารพวกเขา
พวกเราก็เหมือนเอาไข่ไปกระทบหิน

ข้าเลยทําการแลกเปลียนกับองค์รชั ทายาท พระองค์ทรง


รับประกันว่าขอเพียงพวกเราช่วยกําจัดผูท้ ีเห็นต่าง หลัง
โดนสําเร็จโทษ วันหน้ารอพระองค์ขนครองราชย์
ึ จะทรง
กําจัดหลีเค่อและหลีไท่ พวกเราก็นบั ว่าไม่ผิดต่อนาย
หญิง"

เอ้อร์หลางไม่แปลกใจนัก คล้ายไม่เห็นชีวิตตนสําคัญ
ตรงข้ามกลับถามว่า "แต่วา่ พีใหญ่ นันเป็ นพีน้องแท้ๆ
ของเขา หากเขากลับคําเล่า พวกเรามิตายเปล่าหรือ"

14
หัวหน้าพลันยิมหยัน "ติดตามนายหญิงมานานปานนี ไม่
มีสมองขึนเลย! มือของฮ่องเต้องค์ปัจจุบนั สะอาดนัก
หรือ หลีเค่อกับหลีไท่แข็งแกร่งกว่ารัชทายาทมาก ต่างมี
กําลังทังในและนอกราชสํานัก ขอแค่ทาํ ให้แน่ใจว่า
รัชทายาทได้ขนครองราชย์
ึ มีหรือเขาจะไม่คิดวิธีกาํ จัด
คนเหล่านัน?"

เอ้อร์หลางกล่าวอย่างลังเล "เหตุใดไม่อาจไปยอมรับนาย
น้อย...ข้าคิดว่าบุตรชายของนายหญิงต้องไม่ดอ้ ยแน่…"

หัวหน้าตวาดเสียงเกรียว "เพ้อเจ้อ! เจ้าลืมคําของนาย


หญิงแล้วหรือ ไม่อาจคิดหาประโยชน์จากนายน้อย!
ตอนนีก็แทบถูกเจอตัว รอคนของทางการมาจับเถิด ไม่
15
อาจพาดพิงถึงรัชทายาท มิเช่นนันสิงทีพวกเราทํามา
ก่อนหน้าก็สญ
ู เปล่า...เจ้าเกิดกลัวตายหรือ"

"ไม่กลัว! นายหญิงไม่เคยกลัวตาย พวกเราจะกลัวอะไร!


พีน้องเราต่างพร้อมใจพลีชีพเพือนายหญิง!" เอ้อร์หลางก
ล่าวอย่างหึกเฮิม

หรันเหยียนประหลาดใจเล็กน้อย ตงหยางฮูหยินถึงกับมี
ฝี มือเช่นนี สยบพวกเดนตายกลุม่ นีให้ยอมขายชีวิตเพือ
นาง กอปรกับแผนการของนาง จึงไม่แปลกทีสังหารฮูห
ยินซึงเซียวซ่งแต่งมาได้ครังแล้วครังเล่า สําหรับนางนัน
ไม่นบั เป็ นสิงใดกระมัง

16
"ไปเก็บศพทีเรือนด้านข้างเถิด อย่าให้พวกไม่มีตาคน
ไหนเผลอบุกเข้ามา บิดาต้องสังหารนางหรันก่อนแล้ว
ค่อยตาย!" หัวหน้าแผ่รศั มีเข่นฆ่ารอบทิศ

หรันเหยียนนึกว่าแย่แล้ว ก่อนทําท่าให้ทกุ คนเตรียมถอย


กลับทันที

17
ตอนที่ 411 พลีชีพ(3)

ทั้งหมดถอยกลับช้าๆ อย่างเบามือเบาเท้า หลังถอยออกมาได้ประมาณสามจั้งจึง


ค่อยผ่อนคลายลง ก่อนหันหลังวิ่งกลับอย่างรวดเร็ ว
ครั้นใกล้ถึงปากทางเข้า ก็ได้ยนิ เสี ยงอาวุธปะทะกันที่ดา้ นบน หัวหน้ากลุม่ ลด
เสี ยงกล่าวว่า "พวกเราปิ ดหน้าแล้วค่อยออกไป หลังออกไปพวกเจ้าก็นาคนห้า
สิ บคนคุม้ ครองส่ งฮูหยินจากไปก่อน!"
ทั้งหมดใช้กระบี่กรี ดผ้าที่ชายเสื้ อชิ้นหนึ่งมาปิ ดหน้า หรั่นเหยียนก็ทาตามแล้ว
ปิ ดหน้า
สองคนปี นขึ้นไปก่อน เห็นในห้องยังเป็ นพวกของตน จึงถามว่า "ด้านนอกเกิด
อะไรขึ้น"
มีองครักษ์ชูคบไฟตอบอย่างวิตกว่า "มีคนชุดดากลุ่มหนึ่งมา ไม่พดู อะไรสักคา
เห็นคนก็สังหารราวกับคนเสี ยสติ พวกเรากาลังรบพัวพันกับพวกนั้น แต่คน
กลุ่มนั้นดุดนั โหดเหี้ ยม เหมือนจะเป็ นนักฆ่า พวกเราแม้คนมาก แต่ไม่ใช่คู่ต่อสู ้
ของพวกนั้น"
"คนกลุ่มนี้เสี ยสติแล้วจริ งๆ พวกเจ้าทั้งหมดรี บคุม้ ครองส่ งฮูหยินถอนกาลังไป
โดยไว อย่าปกป้องชัดเจนนัก ให้ฮูหยินปะปนอยูใ่ นบรรดาพวกเจ้าวิ่งออกไป
พร้อมกัน" หัวหน้ากลุ่มปี นขึ้นมาแล้วสั่งการทันที
ทุกคนพากันรับคา และตัดผ้าที่ชายเสื้ อมาปิ ดหน้า หรั่นเหยียนเองก็ถือดาบ ตาม
คนสามสิ บกว่าคนออกจากตึกพร้อมกัน
ในลานคนชุดดาปิ ดหน้าสิ บกว่าคนกาลังรบพัวพันกับองครักษ์ คนเหล่านั้นแต่
ละกระบี่ลว้ นเป็ นท่าเอาชีวิต ไม่มีที่เกินจาเป็ นสักนิ ด องครักษ์ท้ งั กลุ่มไม่อาจ
ต้านได้เลย
หรั่นเหยียนเห็นค่าชีวิตคนเหล่านี้ แต่เธอก็รู้วา่ คนเหล่านี้ ทาเพื่อคุม้ ครองเธอ
หากเธอยังอยูท่ ี่นี่ต่อคนมีแต่จะตายมากขึ้น จึงไม่ลงั เลแม้ชวั่ ขณะ วิ่งออกไปทาง
ประตูหน้าพร้อมกับทุกคน
หัวหน้ากลุ่มพุง่ สวนเข้าไปในลาน บัญชาการต่อสู ้ เมื่อมีคาสั่งรุ กรับ เหล่า
องครักษ์กแ็ สดงพลังรบได้ดีกว่าการพุง่ เข้าใส่ เพียงอย่างเดียวมาก
ครั้นเห็นหรั่นเหยียนออกไปแล้ว หัวหน้ากลุ่มก็ตะโกนสั่งทันที "ถอย!"
เหล่าองครักษ์ได้รับคาสั่ง ก็สู้ไปพลางถอยออกด้านนอกไปพลาง
ยามถอยถึงปากประตูเหลาสุ รา ก็เห็นว่าพวกหรั่นเหยียนถูกคนชุดดายีส่ ิ บกว่า
คนปิ ดล้อมไว้
หรั่นเหยียนมองไปทางหัวหน้ากลุ่ม ซึ่ งประจวบกับที่เขามองมา เธอส่ งสายตา
ให้เขาโดยไม่สนว่าอีกฝ่ ายจะเข้าใจไหม
ดีที่หวั หน้ากลุ่มเป็ นคนฉลาด พอเห็นเธอส่ งสายตามา ก็เดาได้วา่ จะให้ตนส่ ง
คาพูดสื่ อสาร ไม่ใช่ให้ตะลุมบอนเต็มที่ แต่เผชิญหน้ากับพวกเดนตายที่ไม่เห็น
ชีวิตตนเองอยูใ่ นสายตาเช่นนี้ หัวหน้ากลุ่มก็คิดไม่ออกจริ งๆ ว่าจะพูดสิ่ งใด เขา
กลัวคนจะพบเห็น เลยไม่กล้ามองหรั่นเหยียนอีก
คุมเชิงกันเงียบๆ พักหนึ่ง หัวหน้ากลุ่มจึงส่ งเสี ยงว่า "ผูก้ ล้าทั้งหลาย พวกเรารับ
คาสั่งมาหาคน ไม่ทราบเหตุใดทุกท่านจึงตัดทางรอดผูอ้ ื่น!"
คนชุดดาที่เป็ นหัวหน้ากวาดตามองมาหลายครั้ง เห็นว่าถ้าสังหารคนในที่น้ ี
ทั้งหมด จะเป็ นเรื่ องใหญ่ นักฆ่าฆ่าคนก็ตอ้ งประเมินผลได้ผลเสี ย นักฆ่าที่
แท้จริ งไม่มีวนั เห็นใครไม่ถูกตาก็หนั ดาบเข้าใส่ เด็ดขาด จึงถามว่า "รับคาสั่ง
ผูใ้ ด"
หรั่นเหยียนได้ยนิ เสี ยงนี้ รู ้สึกคล้ายเป็ น 'เอ้อร์หลาง' คนเมื่อครู่ ก่อน
"เป็ นซุนเส้าชิงไหว้วานให้พวกเรามาหาคน" หัวหน้ากลุ่มตอบ
เงียบไปพักหนึ่ง คนชุดดาก็หวั เราะหยัน "เจ้าเห็นนายท่านอย่างข้าโง่นกั หรื อ!
หากซุนเจิ้นมีคนมากขนาดนี้ ยังจะปล่อยให้พวกเราบงการได้อีกหรื อ!"
หัวหน้ากลุ่มตอบทันทีวา่ "พวกเราเป็ นคนของค่ายองครักษ์รักษาเมืองเขตเหนือ
ได้รับไหว้วานจากซุนเส้าชิงให้ช่วยหาคน ไม่มีเจตนาสร้างความลาบากให้ทุก
ท่าน พวกเราขัดคาสั่งทหารแอบออกมากันเอง ไม่มีวนั เผยเรื่ องในวันนี้ออกไป
แม้แต่คาเดียว!"
หัวหน้าคนชุดดาส่ งเสี ยงฮึเย็นชา ยังคงถือกระบี่ต้ งั ท่าเตรี ยมพร้อม "คิดไม่ถึง
พ่อม่ายอย่างซุนเจิ้นกลับมีเส้นสายในค่ายองครักษ์ดว้ ย ไปรายงานถาม
ความเห็นของหัวหน้า"
คนชุดดาด้านข้างคนหนึ่ งหันหลังวิง่ ไปยังเหลาสุ ราอีกแห่ง
หรั่นเหยียนคิดถึงเรื่ องทางลับนั้น กลัวว่าพวกเขาจะลอบโจมตีจากด้านหลัง เธอ
หันข้างเล็กน้อยกลางกลุ่มคน ให้หางตาชาเลืองเห็นด้านหลังได้
เป็ นนาน จู่ๆ มีเสี ยงร้องตกใจดังมาจากด้านนั้น"ถูกจู่โจม! นายรอง ถอย!"
หัวหน้าคนชุดดารังสี เข่นฆ่าปะทุ มองพวกเขาอย่างเหี้ ยมเกรี ยมแวบหนึ่ง ก่อน
ออกคาสัง่ เด็ดขาด "ถอย!"
คนชุดดาดุจเงาภูตผีในราตรี แห่งจันทร์ หนีไปอย่างว่องไว แต่ไปได้ไม่กี่กา้ ว ก็มี
ห่าธนูลอยมาทัว่ ฟ้า
หัวหน้ากลุ่มตกใจ ตะโกนเสี ยงดังว่า "ถอยกลับไปหลบธนูในเหลาสุ รา!"
หรั่นเหยียนตามเหล่าองครักษ์ถอยกลับไปในเหลา หลังปิ ดประตูหน้าต่าง ได้
ยินเสี ยงธนูยงิ ปั กวงกบประตูดา้ นนอก และมีที่ยงิ ทะลุผ่านกระดาษเกาลี่บน
บานหน้าต่างฉลุลายเข้ามา ทว่าเนื่องจากระยะห่างค่อนข้างไกล เลยโดนกระบี่
ปั ดออกไปโดยง่าย
ด้านนอกไม่มีเสี ยงฆ่าฟันแล้ว แต่สักพักมีเสี ยงลมหายใจสะดุดดังมา
ห่าธนูยงิ นานประมาณเวลาสองถ้วยชา หรั่นเหยียนคิดว่าต่อให้มีวิทยายุทธ์สูง
ล้ ากว่านี้กต็ อ้ งถูกยิงพรุ นแน่
คนในห้องก็ไม่กล้าอยูต่ ิดประตูหน้าต่างเกินไป พากันถอยไปโถงด้านหลัง
รอบด้านคืนสู่ ความสงบ
พักหนึ่งให้หลัง นอกประตูมีคนตะโกนว่า "ในตึกคือผูใ้ ด!"
หัวหน้ากลุ่มไม่กล้าตอบโดยง่าย จึงถามว่า "พวกท่านเป็ นผูใ้ ด"
ด้านนอกเงียบไปสองอึดใจ ก่อนตอบว่า "กององครักษ์รักษาเมืองเขตใต้!"
ทุกคนในห้องถอนใจโล่งอก หัวหน้ากลุ่มส่ งเสี ยงตอบว่า "พวกเราเป็ นองครักษ์
ของบ้านซ่งกว๋ อกงและเซี ยงอู่โหว มาเพื่อหาตัวเซี ยวซื่ อหลาง!"
"ออกมาเถิด!" คนด้านนอกบอก
หัวหน้ากลุ่มเดินไปใกล้ประตูอย่างเบามือเบาเท้า มองลอดรู ที่ธนูยงิ ทะลุไปด้าน
นอก เกราะเหล็กสะท้อนแสงเย็นเยียบ กองกาลังยืนเรี ยงราย ธนูกว่าพันคันขึ้น
สายเตรี ยมพร้อม หากพวกเขามีความเคลื่อนไหวผิดปกติเพียงเล็กน้อยก็จะมีห่า
ธนูมืดฟ้ามัวดินโจมตีมาอีก
"เก็บอาวุธขึ้นเถิด" หัวหน้ากลุ่มบอกขณะดึงผ้าปิ ดหน้าทิ้ง แล้วเปิ ดประตูเดิน
ออกไป
แม่ทพั บนหลังม้ามองคนกว่าร้อยคนทยอยเดินออกมาจากตึก ก่อนก้มหน้าสัง่
รองแม่ทพั ด้านข้างว่า "ไปเชิญเซี ยวซื่ อหลาง"
เมื่อได้ยนิ ประโยคนี้ หรั่นเหยียนจึงวางใจในที่สุด
ทั้งหมดเผชิญหน้ากับธนูที่พร้อมจะปล่อยออกทุกเมื่อ และรู ้สึกชาดิกถึงฝ่ าเท้า
ไม่นานหลังจากนั้น มีเสี ยงฝี เท้าม้าดังมา ชุดสี ม่วงแขนกว้างบนหลังม้าพลิ้ว
ไสว ดุจลูกธนูที่หลุดจากแล่ง ชัว่ พริ บตาก็มาอยูต่ รงหน้า ม้าที่ขี่มาด้วยความเร็ ว
สู งกลับหยุดอย่างมัน่ คงยิง่ แลดูง่ายดายแค่อึดใจ แต่ทกั ษะการขี่มา้ เช่นนี้ ผูท้ ี่
เข้าใจต่างลอบถอนใจชื่นชมบอกประเสริ ฐ
"คุณชายเก้า!" หัวหน้ากลุ่มร้องเรี ยกทันที
ครั้นเซี ยวซ่งเห็นชัดว่าเป็ นหัวหน้ากลุ่มที่เขาส่ งไปคุม้ ครองหรั่นเหยียนเมื่อ
ตอนเที่ยง ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ "หวังเจี้ยน ฮูหยินเล่า"
หวังเจี้ยนหันไปมองหรั่นเหยียนแวบหนึ่ง
เซี ยวซ่งมองตามสายตาเขาไป หรั่นเหยียนสวมชุดดา รวบผมดกหนาขึ้น องอาจ
กว่าปกติหลายส่ วน ยามดวงตาดาลุ่มลึกคู่น้ นั มองเขา แฝงอารมณ์บางอย่างซึ่ งมี
เพียงเขาที่ดูออก
เซี ยวซ่งไม่พดู อะไร บังคับม้าเข้าไปช้อนตัวเธอขึ้นหลังม้าด้วยมือข้างเดียว ก่อน
หันกล่าวกับแม่ทพั นายนั้น "ทั้งหมดเป็ นคนของบ้านข้าจริ ง ในเหลาสุ รามีทาง
ลับ ขอท่านแม่ทพั โปรดเฝ้าไว้"
หรั่นเหยียนก็ไม่สนว่ามีดวงตาหลายคู่ดูอยู่ ยืน่ มือกอดเอวเซี ยวซ่ง
ลมราตรี โชยแผ่วๆ ตลอดร่ างหรั่นเหยียนปลดปล่อยความตึงเครี ยด จู่ๆ ก็รู้สึก
โลกหมุน ถึงกับไร้เรี่ ยวแรง
เซี ยวซ่งรู ้สึกว่าเธอพลันตัวอ่อนพับ จึงเอามือข้างหนึ่งโอบเธอไว้ทนั ที
หรั่นเหยียนไม่ได้เอ่ยคาพูดห่วงใย แต่การปรากฏตัวที่นี่ขององครักษ์เรื อนกว๋
อกงและตัวเธอได้บอกถึงความห่วงใยทั้งหมดแก่เซี ยวซ่งแล้ว
หรั่นเหยียนใช่วา่ ไม่เชื่อความสามารถของเซี ยวซ่ง แต่เป็ นเหมือนที่เขาเคยพูด
ไว้ หากนาคนผูห้ นึ่ งวางไว้ในตาแหน่งสาคัญที่สุดในหัวใจ ก็เสี่ ยงเดิมพันไม่
ไหว เพราะทนสู ญเสี ยไม่ได้
แม้จะมีความเสี่ ยงหนึ่ งถึงสองส่ วน ก็ไม่อาจเพิกเฉยเด็ดขาด
ม้าค่อยๆ หยุด หรั่นเหยียนพลันได้ยนิ เสี ยงหัวเราะลัน่ ของ 'หัวหน้า' ผูน้ ้ นั "ผีฉาง
อันเห็นยังกลัวสมดัง่ คาร่ าลือจริ งๆ!"
หรั่นเหยียนหันไปเห็นชายวัยกลางคนรู ปร่ างกายาผูห้ นึ่ง หนวดผมแซมขาว คิ้ว
กระบี่เฉี ยงขึ้น ในสายตาคมเข้มที่มองเซี ยวซ่งถึงกับแฝงแววชื่นชม แต่ยามที่
สายตาจับจ้องร่ างหรั่นเหยียน รังสี อามหิ ตพลันแผ่กระจาย ตลอดร่ างตึงเครี ยด
ประหนึ่งเสื อดาวที่พร้อมพุง่ ใส่ สังหารเหยือ่ ได้ทุกเมื่อ
"นายหญิงของพวกเจ้าเคยทาอะไรไว้บา้ ง เชื่อว่าไม่ตอ้ งให้ขา้ เอ่ยเตือน" หรั่นเห
ยียนเผชิญหน้ากับจิตสังหารของเขา น้ าเสี ยงนิ่งไม่ตระหนก "อย่าว่าแต่ธนูดอก
นั้นโดนจุดสาคัญ ข้าจนปั ญญาแก้ไข ต่อให้ช่วยได้ อาศัยสิ่ งใดให้ขา้ ต้องช่วย
นาง!"
เซี ยวซ่งได้ยนิ ก็รู้ทนั ทีวา่ คนเหล่านี้เป็ นกากเดนที่เหลือของตงหยางฮูหยิน!
"ฮ่าๆๆ! เสี ยทีที่ขา้ อยูอ่ ย่างหลบๆ ซ่อนๆ มาหลายสิ บปี ถึงกับถูกคนลอบแอบ
ฟังได้ ช่างไม่ธรรมดาจริ งๆ" หัวหน้าเห็นไม่มีโอกาสสังหารหรั่นเหยียนได้อีก
ก็คลายจิตสังหาร "ช่างเถิด วันนี้ขา้ สู ญเสี ยโอกาสดีไปแล้ว จะไม่ดิ้นรนอย่างไร้
ความหมาย!"
สิ้ นเสี ยง ก็ชกั กระบี่ประจากายออกมา ตะโกนเสี ยงดังว่า "พลีชีพเพื่อนายหญิง!"
ธนูในมือของมือธนูโดยรอบพลันง้างสุ ดสาย ตึงจนเกิดเสี ยงเอี๊ยดเบาๆ แต่เมื่อ
ไม่ได้คาสั่งก็ไม่กล้าปล่อยธนูโดยพลการ
ส่ วนหัวหน้าผูน้ ้ นั กลับกรี ดท้องในกระบี่เดียว!
เมื่อสิ้ นเสี ยงตะโกนของเขา นักฆ่าเจ็ดคนด้านหลังก็พร้อมใจส่ งเสี ยงว่า "พลีชีพ
เพื่อนายหญิง!" กล่าวจบก็ปลิดชีพตนเองตามหัวหน้า
เซี ยวซ่งคานวณจานวนนักฆ่าที่ตายในใจคร่ าวๆ ก่อนสั่งเรี ยบๆ ว่า "ยังมีคนที่
หลุดรอดอีกสองสามคน ไปรายงานท่านแม่ทพั ให้นบั ศพ แล้วตามจับต่อ"
"ขอรับ!"
"พี่เซี ยว" ซุนเจิ้นเดินมาใกล้
หรั่นเหยียนชะงัก มองไปตามเสี ยงเห็นซุนเจิ้นแบกเด็กหนุ่มคนหนึ่งด้วย
ใบหน้าซี ดเซี ยว
ซุนเจิ้นส่ งเด็กหนุ่มให้องครักษ์ดา้ นข้าง แล้วคุกเข่าข้างหนึ่ งเบื้องหน้าเซี ยวซ่ง
และหรั่นเหยียน "ผูแ้ ซ่ซุนกระทาการต่าช้า เกือบทาร้ายเซี่ ยนเหลียงฮูหยินถึงแก่
ชีวิต พรุ่ งนี้จะแบกกิ่งหนามไปขอรับโทษถึงที่อย่างแน่นอน"
เซี ยวซ่งหลุบตามองเขาแวบหนึ่ง "ไม่จาเป็ น ซุนเส้าชิงร้อนใจช่วยบุตร ผูแ้ ซ่
เซี ยวเข้าใจได้ แต่ผแู ้ ซ่เซี ยวชาติน้ ีภพนี้มีภรรยาแต่เพียงนางเดียว ไม่ดอ้ ยค่ากว่า
บุตรท่าน ท่านทาให้ภรรยาข้าตกอยูใ่ นอันตราย อย่าว่าแต่แบกกิ่งหนามขอรับ
โทษ ต่อให้ตายชดใช้โทษผูแ้ ซ่เซี ยวก็ไม่วนั อภัยเด็ดขาด"
กล่าวจบก็บงั คับม้าจากไป
องครักษ์ของสกุลเซี ยวทั้งหมดรี บตามไปทันที
แสงจันทร์นวลเย็น ทั้งคู่ขี่มา้ ไปช้าๆ เป็ นนานหรั่นเหยียนจึงเอ่ยว่า "หลิวเซ่อเห
ริ นตายแล้ว"
เซี ยวซ่งลูบไหล่เธอเบาๆ สักพักจึงกล่าวว่า "ผูท้ ี่ทาร้ายเขาจนตาย ไม่มีทาง
ลอยนวลไปได้"
"อือ" หรั่นเหยียนรับคา ก่อนถามว่า "ซุนเจิ้นมิใช่ถูกขู่กรรโชกหรื อ เหตุใดจึง
ร่ วมมือกับท่านได้"
เซี ยวซ่งตอบยิม้ ๆ "ข้าคิดอยูต่ ลอดว่า เหตุใดซุนเจิ้นไม่บอกเรื่ องที่หลิวเซ่อเหริ น
หายตัวไปกับข้าก่อน แต่บอกกับท่าน เพราะคาดคะเนได้ไม่แน่ชดั เลยมอบ
องครักษ์จานวนมากไว้ให้ท่าน กันไว้ดีกว่าแก้ เขาเสแสร้งได้แนบเนียนยิง่ ทว่า
...ขอแค่เป็ นการเสแสร้ง ล้วนมีช่องโหว่ ซุนเจิ้นก็แค่ร้อนใจไม่ทนั ยั้งคิด หมาย
เกลี้ยกล่อมเขาให้ร่วมมือด้วยไม่ใช่เรื่ องยาก"
"อือ" ตอนหรั่นเหยียนรู ้วา่ เซี ยวซ่งตกอยูใ่ นอันตราย ก็ร้อนรุ่ มเช่นกัน จึงเข้าใจ
ซุนเจิ้นได้ แต่กเ็ หมือนที่เซี ยวซ่งกล่าว เข้าใจส่ วนเข้าใจ ไม่ได้หมายความว่าจะ
อภัยได้ พวกตนไม่ได้มีคุณธรรมของนักบุญที่พร้อมสละตนเพื่อผูอ้ ื่น
ตอนที 412 บันดาลโทสะ

เวลาใกล้เทียงคืน ประตูตรอกปิ ดแล้ว แต่เซียวซ่งมีปา้ ย


คําสังกรมอาญา คนสองร้อยกว่าคนจากเรือนสองแห่ง
จึงแยกย้ายกลับเรือนได้อย่างสบายๆ

ครันหรันเหยียนกับเซียวซ่งถึงทางเดินหน้าประตูชนในก็

เห็นเกอหลัน

"ฮูหยิน นายท่าน" เกอหลันยอบตัวเคารพ

"เด็กๆ เป็ นอย่างไรบ้าง" หรันเหยียนถามหลังลงจากหลัง


ม้า

1
เกอหลันตอบว่า "คุณชายทังสองกินนมแล้วนอนไปแต่
แรก คุณหนูนอ้ ยไม่ยอมกินนมจากแม่นม กินไข่นงไป

เล็กน้อย ตอนนียังไม่นอนเจ้าค่ะ"

หรันเหยียนได้ฟัง ก็สงคนเตรี
ั ยมนําร้อนทันที แล้วรีบไป
อาบนําทีห้องนํา ก่อนกลับห้องนอน

รัวรัวกําลังนังก้มหน้าตังใจเล่นของเล่นบนเตียงเล็ก ดวง
หน้าน้อยๆ กลมยุย้ เหมือนซาลาเปา ยูป่ ากโดยไม่เจตนา
หวันลวีนังดูนางอยูห่ น้าเตียง

"ฮูหยิน!" หวันลวีได้ยินเสียงฝี เท้า เงยหน้าเห็นหรันเหยี

2
ยนก็เอ่ยอย่างยินดีวา่ "ในทีสุดท่านก็กลับมาเสียที!"

พอรัวรัวได้ยินหวันลวีเรียกฮูหยิน ก็เงยหน้าหาคนทันที
เมือเห็นหรันเหยียน ก็เบ้ปากเล็กๆ มองหรันเหยียนนําตา
คลอ ของในมือก็ไม่ตอ้ งการแล้ว รีบยืนแขนจะให้มารดา
อุม้

หรันเหยียนอุม้ นางอย่างรักใคร่ ก้มหน้าหอมดวงหน้า


น้อยๆ ก่อนถามเสียงเบาว่า "วันนีรัวรัวเป็ นเด็กดีหรือไม่"

เด็กไม่ถงึ ขวบ หรันเหยียนย่อมไม่หวังว่าจะได้คาํ ตอบ


เพียงสือสารเช่นนีด้วยความเคยชิน หวันลวีรายงานว่า
"คุณหนูนอ้ ยเป็ นเด็กดีมากเจ้าค่ะ ตลอดบ่ายเอาแต่มอง

3
หาท่าน ไม่รอ้ งไม่งอแง แต่คณ
ุ ชายน้อยทังสองร้องไห้น่า
สงสารนัก ปลอบอย่างไรก็ไม่หยุด ทําเอาคนทังเรือนวุน่
กันยกใหญ่"

"นม นม…" ดวงหน้าน้อยๆ ของรัวรัวซุกไซ้หน้าอกหรันเห


ยียนไม่หยุด

หรันเหยียนยิมลูบศีรษะเล็กๆ ของนาง ก่อนคลายสาบ


เสือป้อนนม ดีทีตอนเด็กๆ อายุหกเจ็ดเดือน หรันเหยี
ยนเริมให้พวกเขากินอาหารเสริมทารกบางอย่างใน
ปริมาณไม่มาก มิเช่นนันเกิดเหตุการณ์กะทันหันอย่าง
ตอนนี รัวรัวต้องหิวทังวัน

4
เซียวซ่งก็เพิงอาบนําเสร็จเข้ามา ผมดําขลับรวบหลวมๆ
อยูด่ า้ นหลัง

หวันลวียอบตัวเอ่ย "นายท่าน"

รัวรัวรีบหันไปมอง แล้วฉีกยิมให้เซียวซ่ง ก่อนตังหน้าตัง


ตากินนมต่อ

เซียวซ่งพูดยิมๆ "รัวรัวเข้าใจคําพูดแล้ว ลูกสาวผูแ้ ซ่เซียว


ช่างฉลาดนัก"

"หลงตัวเอง ลูกใกล้ขวบหนึงแล้ว เด็กบ้านอืนอายุเท่านีก็


ฟั งคําพูดบางคําเข้าใจเช่นกัน" หรันเหยียนกล่าวตามจริง
5
เซียวซ่งนังลงข้างเธอ หรันเหยียนถาม "ไปดูเหล่าต้ากับ
เหล่าเอ้อร์หรือยัง ฟั งว่าวันนีร้องไห้ยกใหญ่ทีเดียว"

"เพิงไปดูมา หลับไปแล้ว" เซียวซ่งสุม่ คว้าหนังสือเล่ม


หนึงบนโต๊ะมาอ่าน

รัวรัวนอนในอ้อมกอดหรันเหยียน หรันเหยียนตบเบาๆ
ครูห่ นึง เมือแน่ใจว่านางหลับแล้ว ก็ให้หวันลวีอุม้ ไปใน
ห้องเด็ก

หรันเหยียนตามไปดูลกู ชายสองคน เห็นนอนหลับดี จึง


วางใจกลับห้อง

6
เซียวซ่งเห็นเธอเข้ามา จึงวางหนังสือในมือลง

หรันเหยียนนอนบนเตียงอย่างอ่อนแรง เซียวซ่งนอนลง
ข้างเธอ หรันเหยียนพลิกตัวไปกอดเขา "วันนีวันเดียว
ผ่านไปเหมือนสิบปี "

"รอตําแหน่งผูส้ ืบทอดบัลลังก์มนคงทุ
ั กอย่างก็จะสงบ"
เซียวซ่งกอดเธอ เอ่ยเสียงแผ่ว "รอดูไปก่อน หลังเข้าฤดู
ใบไม้รว่ ง ลูกๆ ก็ครบขวบแล้ว หากสถานการณ์ยงั ไม่
กระจ่าง ท่านก็พาลูกๆ ไปหลันหลิง"

"อือ" หรันเหยียนรับคํา

7
สองคนทีเหนือยล้าทังกายใจอิงแอบกันหลับไปอย่างรวด
เร็ว

นอนไปได้สองชัวยามเสียงกลองบอกเวลาก็ดงั เซียวซ่ง
ลุกจากเตียง กินอาหารเช้าลวกๆ ก่อนไปเข้าเฝ้าในท้อง
พระโรง

วันนีในท้องพระโรงบรรยากาศเคร่งเครียด ทุกคนเพ่ง
สมาธิกลันหายใจ ก้มหน้าตามองจมูก ใจจดใจจ่อ การ
เข่นฆ่าเลือดสาดทีริมแม่นาฉวี
ํ เจียงเมือเย็นวาน มีคน
ตายกว่าร้อยคน แม้แต่องครักษ์รกั ษาเมืองยังออกมา
ตังแต่เริมการปกครองสมัยเจินกวานเป็ นต้นมาเกิดเรือง
เช่นนีใกล้เขตวังหลวงน้อยยิง โทสะของหลีซือหมินนึกดู
8
ก็รูไ้ ด้

ระยะนีหลีซือหมินร้อนในไม่ขาด สุขภาพเลยไม่คอ่ ยดีนกั


เขาไอทีหนึง ก่อนเอ่ยช้าๆ "ผูอ้ ยูเ่ บืองหลังโจรร้ายกลุม่ นัน
เป็ นใคร มีเบาะแสหรือไม่"

ซุนเจินถือป้ายบันทึกเดินออกจากแถว รายงานว่า "เมือ


คืนตอนโจรร้ายฆ่าตัวตาย ได้ตะโกนว่า พลีชีพเพือนาย
หญิง อืนๆ ไร้เบาะแสพ่ะย่ะค่ะ"

หลีซือหมินขมวดคิวเอนตัว ก่อนถามเสียงเรียบ "จับโจร


ร้ายได้ทงหมดหรื
ั อ"

9
"พ่ะย่ะค่ะ! เดิมทีหนีไปสามคน แต่ถกู แม่ทพั เจิงล้อมจับ
ได้ โจรร้ายเห็นว่าไร้ทางถอย จึงฆ่าตัวตายพ่ะย่ะค่ะ" ซุน
เจินกราบทูล

"สร้างเรืองวุน่ วายใกล้เขตวังหลวง ลอบสังหารขุนนาง


ราชสํานักติดๆ กัน เข่นฆ่าทําร้ายคนหลายสิบคน จน
พลอยทําให้นกั ศึกษาในสํานักศึกษาหลวงบาดเจ็บ นีมี
โทษสถานใด" เสียงหลีซือหมินเรียบช้า แต่ไม่รูท้ าํ ไมจึง
ทําให้รูส้ กึ ถึงอาการขบเขียวเคียวฟั น

ทังหมดรับรูอ้ ารมณ์เขาได้ แต่คนก็ตายแล้ว สิงเดียวทียัง


เหลือให้ทาํ ได้ก็คือลงโทษศพ คําพูดนีไม่มีทางหลุดจาก
ปากของฮ่องเต้เด็ดขาด

10
ควรตัดสินโทษใด เรืองนีเกียวข้องกับกรมอาญาอย่าง
ยิงยวด จางเลียงเท้ากลับเหมือนมีรากงอก ยืนทืออยูต่ รง
นันราวรูปสลัก เงียบไปพักหนึง เซียวซ่งได้แต่เดินออกมา
จากแถว "โทษร้ายแรงยิง สมควรทําโทษศพประจานต่อ
สาธารณชน มิให้เอาเป็ นเยียงอย่าง"

"อือ เป็ นอย่างทีเซียวซือหลางกล่าว ทําโทษศพประจาน


ต่อสาธารณชน ขุนนางทุกท่านมีความเห็นเป็ นอืนหรือ
ไม่" หลีซือหมินถาม

ทังหมดค้อมกายตอบอย่างพร้อมเพรียง "พวกกระหม่อม
ไม่มีความเห็นเป็ นอืนพ่ะย่ะค่ะ"

11
"เช่นนันก็เอาตามนี" หลีซือหมินข้ามผ่านเรืองนีไปง่ายๆ
"ขุนนางทุกท่านมีเรืองจงถวายรายงาน ไม่มีเรืองก็แยก
ย้ายกันไปเถิด"

"พวกกระหม่อมไม่มีเรืองพ่ะย่ะค่ะ" ทุกคนตอบอย่าง
พร้อมเพรียงอีกครัง

เวลานีหลีซือหมินดูเหมือนบ่อนําเก่าไร้คลืน ความจริง
อาจบันดาลโทสะได้ทกุ เวลา ยามนีขอเพียงฟ้าไม่ถล่มลง
มา ทีเหลือล้วนไร้เรืองราว มิเช่นนันใครไม่ระวังลําเส้น
ต้องมีผลลงเอยทีไม่สวยแน่

12
ทังหมดถอยออกไปนอกตําหนักตามลําดับช้าๆ ก่อน
แยกย้ายไปยังทีทําการของแต่ละคน พวกเขาเดินกันช้า
ยิง หลักๆ คืออยากรูว้ า่ ฮ่องเต้จะเรียกใครไปหารือหรือไม่
แต่รูว้ า่ เงาร่างของขุนนางใหญ่ในเน่ยเก๋อหายไปจากสาย
ตากันหมดแล้ว ก็ไม่เห็นใครถูกเรียก

เซียวซ่งประสบเหตุการณ์ลอ้ มสังหารด้วยตนเองเมือคืน
ด้วยเหตุนีจึงเป็ นเป้าหมายทีทุกคนอยากสอบถาม เขา
ไม่รงรอ
ั สาวเท้ากลับกรมอาญา บริเวณทีผ่านยังได้ยิน
คําวิพากษ์วิจารณ์เป็ นระยะๆ

"เกิดอะไรขึน ฟั งว่าเมือคืนรัชทายาททรงบุกเข้าตําหนัก
กานลู่ เหตุใดจึงไม่มีอะไรต่อเล่า"

13
"วันนีรัชทายาทไม่ได้เสด็จมาทีท้องพระโรง…"

"อย่าถามเลย ตอนนีพวกเก๋อเหล่าทําท่าเหมือนเรืองไม่
เกียวกับตน พวกท่านยังจะเสนอหน้าเข้าไปอีก"

เซียวซ่งในใจอดยิมเฝื อนไม่ได้ เขาเป็ นคนทีตังใจถอนตัว


ช่วงนําเชียวออกมาแต่แรก ตอนนีผลกลับถูกซัดเข้าไปใน
คลืนยักษ์ อยากถอยลงจากยอดคลืน ไม่เจ็บก็พิการ! หน
ทางเดียวคือเป็ นคนเล่นกระแสคลืน ไหลไปตามคลืน
ยักษ์ แล้วค่อยลงมาจากยอดคลืน

……

14
ในตําหนักกานลู่

หลีซือหมินเปลียนชุดลําลอง พิงพนักทรงกลม ในมือกํา


จดหมายปึ กหนาเหม่ออยู่

เป็ นนานเขาจึงขยับตัวเล็กน้อย ก่อนสังว่า "ไปตาม


รัชทายาทมา"

"พ่ะย่ะค่ะ" จงรุย่ รับใช้ขา้ งกายหลีซือหมินมายีสิบกว่าปี


สามารถแยกแยะอย่างชัดเจน ฮ่องเต้กาํ ลังเดือดดาล จึง
รีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

15
ทิงช่วงไม่ถงึ หนึงเค่อ หลีเฉิงเฉียนก็รบี ร้อนรุดมา ชําเลือง
เห็นจงรุย่ ส่งสายตาให้ ก็รูว้ า่ หลีซือหมินอารมณ์ไม่ดี จึง
กล่าวอย่างระมัดระวังว่า "ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ"

"เสด็จพ่อ...ฮึ" หลีซือหมินยิมหยัน ตบของในมือกับโต๊ะ


ก่อนพลันตะคอกเสียงเกรียวว่า "เจ้ายังรูห้ รือว่าข้าเป็ น
พ่อ ยังนังอยูบ่ นตําแหน่งฮ่องเต้นี? เกิดจากรากเดียวกัน
ไยใจร้อนเร่งผลาญกัน! บิดายังไม่ตาย เจ้ากลับทนไม่
ไหวจะกําจัดพีน้อง รอวันไหนบิดาไปสวรรค์เจ้าจะไม่
กวาดล้างจนสินซากหรอกหรือ!"

หลีซือหมินโยนของในมือใส่รา่ งหลีเฉิงเฉียนอย่างดุดนั

16
หลีเฉิงเฉียนมองกระดาษทีกระจายอยูใ่ ต้เท้า พึมพําว่า
"ลูกไม่เข้าใจ"

"ไม่เข้าใจ!" หลีซือหมินคว้ากระถางเครืองหอมตรงหน้า
เขวียงไป แม้เขาจะโกรธจัด แต่ไม่ถกู โทสะครอบงําจนไร้
สติ การเขวียงครังนีเพียงเฉียดร่างหลีเฉิงเฉียนไป ไม่ได้
โดนตัวจริงๆ

กระถางเครืองหอมกระแทกโดนฉากบังลมแก้วดังเปรียะ
แม้แต่คนทีอยูน่ อกประตูยงั เงียบเสียงราวจักจันจําศีลใน
ฤดูหนาว

หลีซือหมินออกรบนานปี อารมณ์จงึ รุนแรงยิง เพียงแต่

17
ไม่วา่ เมือไรเขาก็รกั ษาความคิดให้มีสติแจ่มชัดได้
สามารถควบคุมการกระทําของตนก็เท่านัน

"ใจเจ้ารูช้ ดั กว่าใคร!" หลีซือหมินเท้าเอวกล่าวเสียงเกรียว


"ตนเองก่อเรืองไม่วา่ ถึงกับเอาของพวกนีมาฟ้องว่าพี
น้องคิดกบฏ เจ้าจะให้ขา้ ตัดหัวชิงเชวียหรือเนรเทศเขา
ไปใช้แรงงานทีชายแดน?!"

"เสด็จพ่อ!" หลีเฉิงเฉียนคุกเข่าบนพืนอย่างแรง "ลูกไม่


ยอมรับ! สิงนีเป็ นเรืองจริงชัดๆ เหตุใดลูกไม่อาจฟ้อง หลี
ไท่คิดก่อกบฏ หรือจะให้ลกู นังรอความตายถ่ายเดียว!?"

"บิดาเจ้ายังไม่ตาย! และตาไม่บอด!" หลีซือหมินบันดาล

18
โทสะตะคอกอีกอย่างสุดกลัน "สารรูปพวกเจ้าแต่ละคน
บิดาดูแล้วไม่ได้ดีกว่ากันสักนิด!"

หลีเฉิงเฉียนนําตาไหลพราก "เสด็จพ่อ! ลูกถูก


สถานการณ์บงั คับ! ในสายพระเนตรอะไรๆ ชิงเชวียก็ดี
ไปหมด ทรงรักใคร่โปรดปรานเขา จะทรงปลดลูกแล้วตัง
เขาเป็ นผูส้ ืบทอด ลูกกลัว! เสด็จพ่อ ลูกกลัวถูกปลด กลัว
กลายเป็ นคนทีถูกฆ่า!"

"เจ้ากลัวถูกปลด!" หลีซือหมินตบโต๊ะอย่างแรง ตวาด


ตําหนิอย่างปวดใจสุดแสน "ละเลยงานเมือง! ติดสิงเริง
รมย์! ไม่ฟังคําทัดทาน! ผิดแล้วไม่แก้ไข! หน้าไหว้หลัง
หลอกกับอาจารย์! ทําร้ายร่างกายขุนนางในตําหนัก!
เจ้าเป็ นรัชทายาทแบบนีเองหรือ?! เจ้าเป็ นลูกชายคนโต!
19
เป็ นผูส้ ืบทอดอย่างถูกต้อง! หากเจ้ามีคณ
ุ ธรรมความ
สามารถ ผูใ้ ดจะกล้าคิดกบฏ หรือปลดเจ้าโดยไร้สาเหตุ!
ข้าโปรดปรานชิงเชวีย หรือจะโปรดปรานถึงขันปลดพีตัง
น้อง? ทัวหล้าบอกว่าบิดาเป็ นฮ่องเต้ผปู้ รีชา มีแต่เจ้าคน
เดียวทีเห็นข้าเป็ นทรราชใช่หรือไม่!"

หลีเฉิงเฉียนถูกตําหนิจนเบือใบ้ไร้คาํ พูด ใช่แล้ว เสด็จพ่อ


ไม่ผิด เป็ นตนทีห่วงแต่เล่น หน้าไหว้หลังหลอกกับ
อาจารย์ ละเลยงานเมือง จึงทําให้คนอืนเกิดมีใจละโมบ
แต่ตนไม่มีความกล้าปฏิเสธแผ่นดินนี ทังยังกลัวว่า
ราชวงศ์จะเสือมถอย นอกจากอันจิน ไม่มีสกั คนทีเข้าใจ
ตน

"เสด็จพ่อ ลูกผิดไปแล้ว" หลีเฉิงเฉียนหมอบกับพืน


20
ร้องไห้โฮสุดเสียง

ไฟในใจหลีซือหมินถูกนําตาของเขาค่อยๆ ราดดับ ได้แต่


นังหายใจหนักๆ บนทีนัง เขาเองก็รกั ลูกชายทีแต่เล็กตน
ไม่เคยได้ดแู ลคนนี สภาพอนาถจนหนทางของหลี
เฉิงเฉียน ทําให้เขาคล้ายเห็นเด็กทีขดตัวฟั งเสียงเข่นฆ่า
มุมกําแพงเพียงลําพังหลังกําแพงสูงตอนวัยเยาว์

"ข้าถามเจ้า" หลีซือหมินพยายามสงบอารมณ์ ก่อนถาม


ว่า "ขุนนางในตําหนักเหล่านัน เป็ นการกระทําของเจ้า
หรือไม่"

หลีเฉิงเฉียนหยุดร้องไห้ ตอบอย่างระมัดระวังว่า "ลูก

21
เพียงพลังมือทุบตีพวกเขาด้วยโทสะ ไม่เคยทําร้ายคนถึง
ชีวิต"

"พลังมือชัวขณะ!" หลีซือหมินลุกพรวดจากทีนัง เดิน


มากระชากคอเสือหลีเฉิงเฉียน ควงหมัดใส่เขา "เจ้าเห็น
ข้าหลอกง่ายนักหรือ! หือ? เจ้าพูด!"

จงรุย่ เห็นหลีซือหมินประเคนหมัดใส่ติดๆ กัน จนเห็น


เลือดทีมุมปากหลีเฉิงเฉียน จึงรีบพุง่ เข้าไปกันไว้ แล้ว
อ้อนวอนว่า "ฝ่ าบาท ฝ่ าบาทโปรดทรงระงับโทสะ!
รัชทายาททรงมีโรคประจําตัว ไม่อาจทุบตีอีกพ่ะย่ะค่ะ!"

"ไสหัวไป!" หลีซือหมินเอ่ยอย่างคังแค้น

22
ตอนที 413 ถูกจับ

หลีซือหมินนังไอไม่หยุดอยูห่ น้าโต๊ะ หลีเฉิงเฉียนรีบถาม


ว่า "เสด็จพ่อ ทรงเป็ นอย่างไรบ้าง"

หลีซือหมินโบกมือไล่ให้เขารีบไป หลีเฉิงเฉียนออกจาก
ห้องทรงอักษร ก็สงคนไปเรี
ั ยกหมอหลวง

หลีซือหมินทีอยูใ่ นห้องย่อมได้ยิน เขาโมโหการกระทํา


ของหลีเฉิงเฉียน แต่คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ช่วงวัยรุน่ เห็น
ชัดๆ ว่าเป็ นเด็กทีโดดเด่นยอดเยียม เหตุใดจู่ๆ กลายเป็ น
เช่นนีได้ หรือการรักตามใจชิงเชวีย ทําให้เฉิงเฉียนรูส้ กึ
อันตรายจริงๆ?

1
ในสายตาหลีเฉิงเฉียนเห็นแต่หลีไท่ เขาไม่ได้รบั รูเ้ ลยว่าผู้
คุกคามตําแหน่งเขาทีสุดไม่ใช่หลีไท่ผมู้ ีสายเลือดของ
ภรรยาหลวงเช่นกัน ทังยังได้รบั ความโปรดปรานเหนือ
เหล่าอ๋องทังหลาย แต่เป็ นหลีเค่อผูไ้ ม่วา่ จะอยูใ่ นกองทัพ
หรือในหมูร่ าษฎรต่างมีชือเสียงดียง!

หลีซือหมินในฐานะบิดาทีไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์พี
น้องเข่นฆ่ากัน ได้แต่ใช้อาํ นาจรักษาสมดุลไว้

เขาถอนใจแรงเฮือกหนึง เขาดูแลจัดการงานแผ่นดินได้
เรียบร้อยเป็ นระเบียบ แต่ดแู ลจัดการลูกชายหลายคนไม่
ได้! เรืองนีจวบจนบัดนีเขาก็ยงั หาคําตอบไม่พบ

2
ทังห้องระเนระนาด

หลีซือหมินหลับตาสงบอารมณ์ ครูห่ นึงให้หลังจึงเอ่ย


"จงรุย่ "

"ฝ่ าบาท" จงรุย่ ค้อมกายกล่าว

"ถ่ายทอดรับสังข้า ให้สามหน่วยงานยุติธรรมไปสืบคดีวงั
ตะวันออกอย่างเต็มที จํากัดเวลาไขคดีภายในหนึงเดือน
ไม่วา่ ผลเป็ นเช่นไร ไม่อนุญาตให้ปกปิ ดลําเอียงเล่น
พรรคเล่นพวก" หลีซือหมินหลับตา เสียงแหบทุม้

3
จงรุย่ ใจหายวาบ ชะงักก่อนรับคํา "พ่ะย่ะค่ะ"

ในห้องกลับคืนสูค่ วามสงบอีกครัง นางกํานัลเก็บ


กวาดกระถางเครืองหอม ขีเถ้า และกระดาษบนพืน
อย่างเบามือเบาเท้า ไม่กล้าทําให้เกิดเสียงแม้แต่นอ้ ย

เสียงจักจันดังระงม นอกจากเสียงนีทังพระราชวังไท่จี
เงียบจนชวนยะเยือก

หน่วยงานยุติธรรมทังสามเมือได้รบั พระราชโองการ ก็
เริมขยายการสอบสวนอย่างเอกเกริกทันที เรืองนีผูร้ า้ ย
ตัวจริงเป็ นใคร ในใจทุกคนมีคาํ ตอบสุดท้ายอยูแ่ ล้ว รูส้ กึ
ว่าแค่หาหลักฐานมาก็พอ

4
ด้วยเหตุนีหน่วยงานทังสามจึงแบ่งเป็ นสามกลุม่ เนือง
จากพยานโยงใยถึงเจ้าหน้าทีของกรมอาญา ดังนันเลย
ให้กรมอาญาไปวังตะวันออกรวบรวมเบาะแส ศาลต้าห
ลีไปบันทึกปากคําองครักษ์เรือนสกุลเซียวและตรวจสอบ
ว่าก่อนตายผูต้ ายเคยพบปะกับใครบ้าง สํานักตรวจการ
รับผิดชอบบันทึกปากคําของหรันเหยียน

แม้ผทู้ ีได้ยินบนสนทนาของนักฆ่าในอุโมงค์ใต้ดินจะเป็ น
องครักษ์เรือนสกุลเซียวทังสิน แต่คนมากปากคํามาก
ปิ ดเรืองตงหยางฮูหยินไม่อยู่ อีกอย่างตงหยางฮูหยินเสีย
ชีวิตไปแต่แรก เรืองนีไม่นบั เป็ นอุปสรรคต่อสกุลเซียวนัก
สําหรับคําสังเสียของหลิวผินรัง ก็ยงไม่
ิ ตอ้ งปิ ดบัง

5
ขอแค่สาํ นักตรวจการถามถึง ไม่วา่ เรืองเล็กหรือใหญ่
หรันเหยียนล้วนแจกแจงอย่างละเอียด รวมถึงเรืองนัก
ฆ่าพวกนันอยากแก้แค้นเธอเพราะเห็นตงหยางฮูหยินจะ
ตายแล้วไม่ช่วย รวมถึงเรืองทีหลิวผินรังชีตัวรัชทายาทว่า
ทําร้ายร่างกายเขา

"มีเรืองหนึงทีข้าแปลกใจมาตลอด" หรันเหยียนกล่าว

อวีสือจงเฉิง (รองหัวหน้าสํานักตรวจการ) รูว้ า่ หรันเหยี


ยนเข้าใจการไขคดีทะลุปรุโปร่ง จึงรีบถามว่า "เชิญฮูห
ยินกล่าว"

"ตอนนันผูท้ ีโยนหลิวเซ่อเหรินลงจากตึก ข้าคิดว่าเขา

6
ตังใจล่อพวกเราไปยังทางลับ ไม่น่าใช่คนในกลุม่ นักฆ่า
อีกทังหลิวเซ่อเหรินก็บอกว่าถูกขังอยูห่ ลายวัน เพิงเคย
เห็นคนผูน้ นเป็
ั นครังแรก" หรันเหยียนเล่าเรืองนีให้เซียว
ซ่งฟั งแล้ว เขาคาดเดาถึงความเป็ นไปได้หลายอย่าง
หรันเหยียนล้วนคิดว่ามีเหตุผล แต่เวลานีเธอไม่อยากแส่
หาเรืองให้มาก

อวีสือจงเฉิงเห็นเจ้าหน้าทีจดบันทึกบันแล้ว จึงถามต่อว่า
"ไม่ทราบเซียนเหลียงฮูหยินยังพบเห็นประเด็นน่าสงสัย
อืนอีกหรือไม่"

หรันเหยียนนึกทบทวนอย่างละเอียดเทียวหนึง ในสมอง
พลันปรากฏคําพูดประโยคหนึงแวบผ่าน หัวหน้าคนนัน
เคยเอ่ยถึงโดยเฉพาะเจาะจงว่า ดอกจินซิวฉิวทีตงหยาง
7
ฮูหยินเลียงไว้ใช่สง่ กลับไปหลันหลิงแล้วหรือไม่ หรันเหยี
ยนเงียบไปชัวครู ่ ดินรนในใจ สุดท้ายยังคงเอ่ยว่า "นักฆ่า
เคยเอ่ยถึงดอกจินซิวฉิวทีตงหยางฮูหยินเลียงไว้"

"อ้อ? ขอฮูหยินโปรดเล่าบทสนทนาของนักฆ่าอย่าง
ละเอียดสักครา" อวีสือจงเฉิงกล่าวทันที

หรันเหยียนทวนคําพูดดังเดิมเทียวหนึง

สํานักตรวจการรูก้ นั ส่วนตัวนานแล้วว่าหรันเหยี
ยนชันสูตรศพได้ ด้วยเหตุนีจึงตังใจถามเรืองเกียวกับศพ
ของหลิวผินรังโดยเฉพาะ "ขอฮูหยินโปรดบอกเล่าสภาพ
ศพของหลิวเซ่อเหรินในยามนันสักครัง"

8
"บริเวณใบหน้าของหลิวเซ่อเหรินมีแผลฟกชํารุนแรง บน
ร่างเหมือนกับจงซูจ่ ือขององค์รชั ทายาทก่อนหน้าผูน้ นั
ร่างท่อนบนมีแผลจากแส้กระจุกอยูห่ นาแน่น แต่ทีต่าง
กันคือแผ่นอกของหลิวเซ่อเหรินไม่มีบริเวณทีเนือสม
บรูณเ์ ลย บาดแผลทีท้องลึกจนเห็นอวัยวะภายใน หลาย
แห่งเป็ นหนอง ข้าไม่ได้ดลู ะเอียด แต่โดยรวมดูออกว่าทัว
ร่างเขามีกระดูกหักหลายแห่ง" หรันเหยียนกล่าว

แผลประเภทนีเจ้าหน้าทีหลายคนของสํานักตรวจการฟั ง
แล้วทัวร่างหนาวยะเยือก ในใจทังกลัวทังโกรธ รีบหวน
นึกว่าตนเคยตรวจสอบร้องเรียนรัชทายาทหรือไม่

หรันเหยียนหยุดทิงช่วง ก่อนเอ่ยต่อ "ข้าเหมือนเห็นบน


9
ร่างหลิวเซ่อเหรินมีซงเฉ่
ิ า (Nymphoides peltata พืชนํา
โตเฉพาะในสระหรือทะเลสาบทีนํานิง สะอาดไม่มีคลืน
ดอกสีเหลืองสดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว 3-4
เซนติเมตร มีกลีบ 5 กลีบ หน้าตาคล้ายดอกฟั กทองแต่มี
ใบกลมเล็กๆ คล้ายรูปหัวใจ เส้นผ่านศูนย์กลางราว
5-12 เซนติเมตรลอยอย่บนู ผิวนํา) และมีกลินคาวของนํา
จางๆ แต่ตอนนันข้ารีบร้อนจะต่อชีวิตเขา ทังแสงก็สลัว
บนร่างเขาเต็มไปด้วยเลือดและกลินเนือเน่า ข้าเลยไม่
อาจยืนยัน"

นําในแม่นาฉวี
ํ เจียง ใช่วา่ ทุกทีจะมีซงเฉ่
ิ า หรันเหยียนบ
อกข้อมูลนีให้พวกเขาสงสัยว่าก่อนหน้าหลิวผินรังไม่ได้
ถูกขังอยูใ่ นเหลาสุราแห่งนัน

10
หลายคนของสํานักตรวจการถามอีกหลายคําถาม กระ
ทังหรันเหยียนบอกเล่าจนไร้ขอ้ สงสัยอืนอีก จึงเลิกรา

อวีสือจงเฉิงทําความเคารพแล้วเอ่ยว่า "ขอบคุณเซียนเห
ลียงฮูหยินทีช่วยเหลือ!"

"มิตอ้ งเกรงใจ เป็ นเรืองสมควร" หรันเหยียนตอบ

อวีสือจงเฉิงได้เบาะแสจํานวนมาก รีบร้อนอยากรายงาน
จึงส่งคนไปยืนยัน แล้วรีบบอกลา

หรันเหยียนลุกจากศาลารับลม ขณะเตรียมไปห้องเด็กดู
เจ้าตัวน้อยทังสาม กลับเห็นหลิวชิงซงและเฉิงหวายเลียง
11
รีบร้อนวิงมา

"ฮูหยินพีสะใภ้" เฉิงหวายเลียงคล้ายเพิงถูกงมขึนจากนํา
ตรงทียืนอยูพ่ กั เดียวก็มีนาหยดเต็
ํ มพืน

หลิวชิงซงหอบฮักขณะกล่าว "คุณชายเก้าไปสืบคดีหรือ"

"เหลวไหล" หรันเหยียนให้ทงคู
ั น่ งลง
ั แล้วสังหวันลวีไปยก
นําแกงดับร้อนมา

หลิวชิงซงนังแหมะบนทีนัง "เต๋อเจียนถูกจับ เราสองคน


นังไม่ติด เลยตระเวนไปทัว"

12
"หลีเต๋อเจียนถูกจับเพราะเหตุใด" หรันเหยียนนังลงตาม
เดิม

"ศาลต้าหลีบอกสืบพบว่าก่อนหน้านีเต๋อเจียนเคยกินข้าว
กับจงซูจ่ ือของรัชทายาทคนนันทีเหลาจินโหลว หลังจาก
นันก็ไม่พบร่องรอยของจงซูจ่ ือรัชทายาท พวกเขาสงสัย
ว่าเต๋อเจียนจะเกียวข้องกับคดีนี" เฉิงหวายเลียงเดิมก็
เสียงดังอยูแ่ ล้ว พอตืนเต้นโวยวายเสียงก็ยิงดังกว่าเก่า

หลิวชิงซงถอนใจ นีเป็ นหลังจากหรันเหยียนตรวจสอบ


วัตถุในกระเพาะ แล้วศาลต้าหลีสืบสาวไปตามนัน จน
สาวเอาเรืองนีออกมา "ทีผ่านมาเต๋อเจียนสนิทกับวัง
ตะวันออก...เฮ้อ!"

13
"ท่านแม่ทพั ใหญ่เล่า เขามีทา่ ทีเช่นไร" หรันเหยียนถาม

หลีจิงไม่แค่เชียวชาญการรบ และไม่ใช่นกั รบทีเอาแต่รบ


อย่างเดียว เขาคลําทิศทางในราชสํานักได้อย่างชาญ
ฉลาด

หลิวชิงซงพิงโต๊ะ เอ่ยอย่างเกียจคร้าน "ยังจะมีทา่ ทีใดได้


ก็เหมือนกับเก๋อเหล่าพวกนัน แค่สองคํา นิงเฉย ฟั งว่าลูก
ชายตนถูกจับ ก็ใช้คนไปถามว่าเป็ นเรืองใด จากนันก็
เงียบหาย"

หรันเหยียนกล่าว "เรืองนีกลัวว่าจะโยงใยใหญ่หลวง"

14
"ฮูหยินพีสะใภ้! เต๋อเจียนไม่มีทางฆ่าคนแน่!" เฉิงหวาย
เลียงแผดเสียง

หลิวชิงซงแคะหู ก่อนเอ่ยว่า "อากาศร้อนจะตาย ท่าน


แผดเสียงหาอะไร พวกเราต่างรูว้ า่ เต๋อเจียนไม่มีทางฆ่า
คน แต่ทา่ นรับประกันได้หรือว่าเขาไม่ได้มีสว่ นร่วมใน
เรืองนี ทีน่ากลัวยิงกว่าคือท่านแม่ทพั ใหญ่อาจโดนลาก
ไปเกียวด้วย!"

เดิมทีหลีจิงก็มีความชอบมากพอคุกคามเจ้านาย หลาย
ปี นีเลยลาออกเก็บตัวอยูใ่ นบ้านปิ ดประตูไม่ตอ้ นรับแขก
ไม่เกียวข้องงานเมือง ขีดเส้นแยกจากราชสํานักชัดเจน
เช่นนีจึงรักษาความสงบสุขระหว่างฮ่องเต้กบั ขุนนางไว้
15
ได้ ครังนีหลีเต๋อเจียนถูกลากเข้าไปในเรืองของวังตะวัน
ออก หากใครมีใจคิดสร้างเรือง ไม่มีเรืองก็กลายเป็ นมี
เรืองได้

เฉิงหวายเลียงขาดไหวพริบไปสักหน่อย แต่บิดาของเขา
นันไม่ใช่ตะเกียงขาดนํามัน แต่เด็กค่อยๆ รับรูผ้ า่ นหูผา่ น
ตา ย่อมนึกเข้าใจผลดีผลร้ายในการนีได้ จึงอดพึมพําไม่
ได้วา่ "เต๋อเจียนก็เหลือเกิน ก่อนหน้านีตายไปแล้วสอง
คน ไม่มีอะไรแจ้นไปกินข้าวกับคนของวังตะวันออก
ทําไม!"

"อือ หากไม่เกิดคดีฆาตกรรมสองคดีนนั เกรงว่าเขาคงไม่


ไปหาจงซูจ่ ือของรัชทายาทคนนัน" หลิวชิงซงคว้าองุ่นใน
พานบนโต๊ะยัดใส่ปาก กล่าวเสียงอูอ้ ีว่า "พวกเราช่วย
16
อะไรไม่ได้ ก็อย่าทําให้เรืองยุง่ กว่าเก่า พีสะใภ้เก้า อุม้
เจ้าตัวน้อยทังสามมาเล่นกับข้าหน่อย"

เฉิงหวายเลียงก็เริมเบนความสนใจ มองหรันเหยียนด้วย
สีหน้าคาดหวังเต็มที ครังก่อนหลังเขาเห็นรัวรัว ก็รูส้ กึ ว่า
เจ้าตัวน้อยช่างน่าสนใจนัก แต่ก็นกึ เกรงใจอยูบ่ า้ ง "นี
ออกจะกะทันหันไป พีชิงซง ท่านก็ไม่บอกก่อน ข้าไม่ได้
เตรียมมาแม้แต่ของขวัญ"

"ค่อยให้วนั หลัง" หลิวชิงซงตอบอย่างไม่ใส่ใจ

หรันเหยียนเห็นเฉิงหวายเลียงคาดหวังมาก เลยไม่ทาํ ให้


เสียอารมณ์ ให้พวกเด็กๆ เห็นคนแปลกหน้าบ้างก็ดี จึง

17
หันไปถาม "ตอนนีเด็กๆ ทําอะไรกันอยู"่

"ฮูหยิน คุณชายน้อยกับคุณหนูนอ้ ยเพิงกินอาหารเสร็จ


กําลังเล่นอยูใ่ นห้องเจ้าค่ะ" เกอหลันตอบ

หรันเหยียนมองเกอหลันหลายแวบโดยไม่กระโตก
กระตาก เห็นนางไม่มีทา่ ทีผิดปกติ จึงกล่าว "ให้คนปู
เบาะทีศาลาริมนํา แล้วเรียกแม่นมอุม้ พวกเด็กๆ มา"

"เจ้าค่ะ" เกอหลันรับคํา ก่อนไปยังเรือนด้านใน

หลิวชิงซงมองเงาหลังนาง ก่อนหันมาถามหรันเหยี
ยนด้วยสีหน้าอยากซุบซิบว่า "เกอหลันไม่รูส้ กึ อะไรกับ
18
เต๋อเจียนสักนิดจริงหรือ เมือครูข่ า้ จับสังเกตนาง คล้าย
ไม่หวันไหวเลย"

"ท่านมีเวลาว่างสนใจเรืองนี สูเ้ อาเวลาไปคิดดูวา่ จะ


เตรียมการแต่งงานอย่างไร ใกล้จะแต่งงานอยูร่ อ่ มร่อ ยัง
จะเถลไถลเลือนเปื อนอีก!" หรันเหยียนขมวดคิวกล่าว

"นีท่านปรักปรําข้าแล้ว! อาอวินไม่ให้ขา้ สอดมือยุง่


บอกว่าข้าเป็ นจอมล้างผลาญ หากทําตามข้า พอแต่ง
งานเสร็จ พวกเราก็จะต้องกินแกลบกัน พูดเกินไปหรือไม่
เงินทีฮูหยินผูเ้ ฒ่าทิงไว้ให้พอให้ขา้ ใช้จ่ายสุรุย่ สุรา่ ยไป
สองชาติ! ไม่รูจ้ ะเก็บไว้ทาํ อะไร!" หลิวชิงซงสีหน้าจนใจ
ภาพโลลินอ้ ยทีสวยงามอ่อนวัยผูม้ ีเงิน หาเงินเก่งและ
กล้าใช้ในใจเขาดับสลายไปนานแล้ว
19
หรันเหยียนอมยิม "ดูทา่ ท่านคงตระหนักได้ในทีสุด"

"หากฮูหยินผูเ้ ฒ่ายังอยู่ อย่างมากบิดาก็แค่ปักผ้าเท่า


นัน" หลิวชิงซงถอนใจ "มีเงินก็ไร้ประโยชน์"

ฟั งวาจานีแล้ว ชวนให้รูส้ กึ เศร้าโดยไม่มีสาเหตุ

หรันเหยียนอยูก่ บั ฮูหยินผูเ้ ฒ่าไม่นาน แต่เท่านีก็รูส้ กึ ถึง


เสน่หข์ องอีกฝ่ าย หลิวชิงซงอยูข่ า้ งกายนางสิบกว่าปี
หวนนึกถึงความหลัง ย่อมรําลึกถึงมากกว่า

ผ่านไปสักพัก เกอหลันก็กลับมา "ฮูหยิน แม่นมอุม้ นาย


20
น้อยทังหลายไปแล้วเจ้าค่ะ"

"ไปเถิด" หรันเหยียนลุกขึน

หลิวชิงซงมีชีวิตชีวาทันที วิงเหยาะๆ ไปทางศาลาริมนํา


พร้อมกับเฉิงหวายเลียง

ศาลาริมนําสร้างอยูร่ มิ สระบัวระหว่างเรือนด้านในกับ
เรือนด้านนอก แต่แบ่งเขตไม่ชดั เจนนัก หน้าร้อนมีบวั ขึน
เต็ม ต้นหลิวทอดเงาร่มรืน เรือนด้านนอกมองเห็น
บริเวณนีไม่ชดั จึงนับเป็ นเรือนด้านใน ฤดูหนาวซากบัว
ขาวโพลน ทางคดเคียวเชือมต่อกัน แบ่งเป็ นเรือนด้าน
นอกก็ได้เช่นกัน

21
"เด็กๆ อามาแล้ว!" หลิวชิงซงกางแขนวิงปราดเข้าไป

22
ตอนที 414 ไล่ตามข้ามาสิ

เจ้าตัวน้อยทังสามเห็นหลิวชิงซง ก็ตบมืออย่างดีใจทันที
ระดับความยินดีไม่นอ้ ยกว่ายามเห็นเซียวซ่ง หากให้เขา
เห็น คงเลียงความอิจฉาไม่ได้

"เหมียวเหมียว" รัวรัวยืนแขนกลมป้อมชีเฉิงหวายเลียง
ขณะทีมืออีกข้างไปสะกิดเซียวเหล่าเอ้อร์ทีอยูด่ า้ นข้าง

เซียวเหล่าเอ้อร์ทีเบนความสนใจจากหลิวชิงซง เมือเห็น
เฉิงหวายเลียงก็ตืนเต้นผิดปกติ หัวเราะเอิกอ๊าก "เหมียว
เหมียว"

1
"ฮ่า!" หลิวชิงซงยืนมือไปอุม้ รัวรัว พยายามถามด้วย
ภาษาทีเรียบง่าย "เหมียวเหมียวอะไรหรือ"

มือน้อยของรัวรัวลูบหน้ากลมยุย้ เป็ นซาลาเปา ขมวดคิว


เล็กๆ ครุน่ คิดอย่างจริงจังพักหนึง "เหมียวเหมียวใหญ่"

หวันลวีปิ ดปากหัวเราะก่อนตอบว่า "เมือครูเ่ ห็นแมวสอง


ตัวในสวนดอกไม้ บ่าวจึงบอกคุณชายน้อยกับคุณหนู
น้อยว่าเป็ นเหมียวเหมียวเจ้าค่ะ"

รัวรัวคงเห็นหนวดเต็มหน้าเฉิงหวายเลียงเลยบอกว่าเป็ น
แมว

2
"ฮ่าๆ!" เฉิงหวายเลียงหัวเราะลัน แล้วอดยืนมือไปแหย่รวั
รัวไม่ได้ "คุณหนูนอ้ ยช่างน่าสนใจจริงๆ!"

เสียงหัวเราะลันดุจกัมปนาท ทําเด็กสามคนตกใจชะงัก
นิง หลังรัวรัวตังสติได้ ก็กอดคอหลิวชิงซงร้องไห้กระซิก
อย่างหวาดกลัว เด็กชายตัวน้อยสองคนแหงนหน้าตา
ลอยมองเฉิงหวายเลียง เซียวเหล่าเอ้อร์เบะปาก หันหัว
ซุกขากลมป้อมของเซียวเหล่าต้า แล้วร้องไห้ลนั

เซียวเหล่าต้าก็ขอบตาแดงกํา ท่าทางเหมือนพายุฝน
กําลังจะมาอยูร่ อ่ มร่อ

แม่นมสองคนตกใจรีบเข้าไปปลอบ

3
หรันเหยียนยังไม่ทนั กล่าวอะไร หลิวชิงซงก็ชิงตําหนิ
อย่างไม่พอใจว่า "ดูทา่ นสิ ทําเด็กๆ ตกใจหมดแล้ว"

เฉิงหวายเลียงเกาศีรษะอย่างกระอักกระอ่วน ไม่รู ้
สมควรทําเช่นไรดี

"เด็กสามคนตังแต่งานเลียงครบเดือนครังนันก็ไม่เคยพบ
คนแปลกหน้า ออกจะขวัญอ่อนไปบ้าง ไม่เป็ นไร" หรันเห
ยียนยืนมือรับรัวรัวมาตบหลังปลอบเบาๆ

ปกติบรุ ุษทีเจ้าตัวน้อยทังสามเห็นก็มีแค่เซียวซ่งและหลิว
ชิงซง ส่วนหรันอวินเซิงมาบ้างนานๆ ครัง แต่เป็ นเพราะ

4
ชนชันแตกต่าง ทังเขายังยุง่ กับการค้า จึงมาไม่บอ่ ยนัก
แทบจะลืมไปไม่นบั ได้ แต่ทงสามนี
ั นับว่าสุภาพอบอุน่
เด็กๆ ไหนเลยเคยพบเสียงดุจสิงโตคํารามของเฉิงหวาย
เลียงเช่นนี

"รัวรัวอย่าร้องไห้ อาจะตีเขาให้" หลิวชิงซงยกเท้าถีบไป

กะทันหันเฉิงหวายเลียงไม่ทนั ระวังจึงถูกถีบ หลุดปาก


ร้องโอ๊ย เสียงร้องไห้ของเด็กทังสามพลันหยุดพร้อมกัน
ในดวงตากลมโตนําตาคลอวิบวับ ขณะพากันหันไปดู
สถานการณ์

พอหลิวชิงซงเห็นว่าได้ผล ก็ไล่ตีตอ่ ทันที เฉิงหวายเลียง

5
เห็นเด็กสามคนไม่รอ้ งไห้แล้ว จึงไม่ตอ่ ต้าน คอยหลบ
หลีกไม่หยุด ปากก็ตะโกนปาวๆ ว่า "พีชิงซง ท่านทําแค่
ท่าทางก็พอ ถึงกับลงมือดุเดือดจริงๆ! เด็กๆ ดูรูท้ ีไหน!"

"ข้ามือไร้เรียวแรงมัดไก่ ท่านเป็ นผูฝ้ ึ กยุทธ์ มีหรือจะทน


ไม่ได้! อย่ามัวแต่พดู ส่งเสียงร้องจริงจังหน่อย!" หลิวชิง
ซงบอก

เด็กชายสองคนมอง 'แมวใหญ่' ถูกตีหนีหวั ซุกหัวซุน ก็


หัวเราะคิก เซียวเหล่าเอ้อร์ทีเมือครูร่ อ้ งไห้หนักสุดเวลานี
กลับชอบใจทีสุด ยิมตาหยี เห็นฟั นซีน้อยไม่กีซีในปาก

รัวรัวเห็นพีชายสองคนดีใจ ก็ดีใจตาม

6
หลิวชิงซงกลัวโดนรัวรัว เลยวางนางบนทีนัง แล้วแสดง
การไล่ตี 'แมวใหญ่' ต่อ

เซียวซ่งทีรุดกลับมากินข้าวเทียง เพิงผ่านทางเดินประตู
ชันใน ก็เห็นสถานการณ์ทางนี อดเผยสีหน้าตืนตะลึงไม่
ได้

เนืองจากหรันเหยียนและแม่นมนังอยูด่ า้ นข้าง ถูกกอบัว


บัง จากมุมของเซียวซ่งเพียงเห็นหลิวชิงซงกําลังไล่เฉิง
หวายเลียงอย่างสนุกสนาน เฉิงหวายเลียงยังตะโกนร้อง
เป็ นระยะๆ ว่า "ไล่ตามข้ามาสิ ไล่ตามข้ามาสิ"

7
หลิวชิงซงบอกว่า "ข้าจะตีแมวใหญ่อย่างท่านให้แบน"

ซึงออกจะชวนให้คนเข้าใจผิด

เซียวซ่งเร่งเท้าเดินขึนสะพานโค้งมา เห็นลูกๆ นังเล่นบน


เบาะ ค่อยรูว้ า่ เป็ นเรืองราวใด จึงกระแอมก่อนกล่าว
"พวกท่านอย่าวิงอีกเลย"

"คุณชายเก้ากลับมาแล้วหรือ!" หลิวชิงซงหยุดไล่ เหงือ


แตกเต็มศีรษะ

เฉิงหวายเลียงเช็ดเหงือ เดินไปข้างเซียวซ่ง "คุณชายเก้า


คดีเป็ นอย่างไร เต๋อเจียนจะเป็ นไรไหม"
8
"ปอปอ" รัวรัวเรียกเสียงอ้อแอ้

เซียวซ่งชะงัก แล้วพลันยินดีสดุ แสน ปอปอ น่าจะหมาย


ถึงพ่อพ่อ! นีเป็ นครังแรกทีลูกสาวเรียกเขา! ก่อนหน้านี
แม้จะสอนหลายครัง แต่เด็กๆ คล้ายเพียงออกเสียงคํา
ง่ายๆ ได้ และพูดซําสองหน ไม่อาจเรียกคําอย่าง 'ท่าน
พ่อ ท่านแม่' ได้ แต่รวรั
ั วเรียก 'ปอปอ' แล้ว

"ลูกรัก เรียกอีกทีส"ิ เซียวซ่งอุม้ นางพลางกล่าว "เรียก


ท่านพ่อ"

"ปอปอ" รัวรัวเห็นเซียวซ่งดีใจก็ฉีกยิม

9
เจ้าหนูสองคนก็ตบมือเรียกตาม "ปอปอ ปอปอ"

ยามกะทันหันเซียวซ่งดีใจจนไม่รูจ้ ะทําเช่นไร จึงหอม


ลูกๆ คนละที "ลูกๆ ของข้าผูแ้ ซ่เซียวช่างฉลาดจริง!"

หรันเหยียนก็ดีใจ พูดกับเจ้าหนูสองคนว่า "เรียกแม่ แม่"

เด็กไม่ไวกับศัพท์อย่างคําว่าท่านแม่ หรันเหยียนเลยใช้
คําเรียกของคนปั จจุบนั คําว่า 'แม่' นีเรียกง่ายกว่ามาก
และง่ายกว่าคําว่า 'พ่อ' เยอะ เด็กสองคนจึงเรียกได้ทนั ที
"แม่"

10
"ข้าจะให้กาํ เนิดลูกสาว!" หลิวชิงซงเอ่ยอย่างอิจฉา ชีวิต
นีของเขาชอบโลลินอ้ ยทีสุด ชีวิตอันสวยงามคือพาโลลิ
น้อยไปดูปลาทอง แค่ดปู ลาทองเฉยๆ ก็พอ

เฉิงหวายเลียงจ้องเจ้าตัวน้อยทังสามด้วยสีหน้าอัศจรรย์
ใจ เขาจําไม่ได้แล้วว่าลูกสองคนทีเกิดจากอนุภรรยาตน
เรียก 'ท่านพ่อ' ได้เมือไร ยามนีพลันเสียดายอยูบ่ า้ ง ไม่
ว่าจะเป็ นลูกเมียหลวงหรือเมียน้อย ทังหมดก็เป็ นลูกของ
เขา เขาถึงกับไม่เคยมีประสบการณ์ในพริบตาอันงดงาม
เช่นนี

หลิวชิงซงยิมตาหยีชะโงกไป "รัวรัว เรียกอาสิ"

11
"ซงซง" รัวรัวเรียกเสียงอ้อแอ้ นางออกเสียงไม่ชดั ฟั งแล้ว
คล้ายเรียกชือเขาก็ไม่ปาน (คําว่า อา ในภาษาจีนออก
เสียงว่า ซูซ)ู

หลิวชิงซงก็ไม่ใส่ใจ ดีใจลูบดวงหน้าน้อยๆ ของนาง "น่า


รักจริง!"

เล่นกับเด็กๆ พักหนึง หรันเหยียนก็สงให้


ั ทางห้องครัว
เตรียมอาหารเทียง จากนันพารัวรัวและเจ้าหนูสองคน
กลับเรือนด้านในไปป้อนนม

หลังเด็กๆ ไป สาวใช้ก็เก็บเบาะผืนใหญ่ขนึ สามคนคุก


เข่านังลง แล้วต่างยกถ้วยชาขึนจิบหลายอึก

12
เฉิงหวายเลียงอดถามไม่ได้ "คุณชายเก้า ทีแท้เต๋อเจียน
มีสว่ นร่วมในคดีหรือไม่"

"บอกยาก" เซียวซ่งวางถ้วยชาลง ก่อนหุบยิม "มีคนเห็น


เต๋อเจียนไปฉวีเจียงหลังกินอาหารทีเหลาจินโหลวเสร็จ
แต่ไม่มีใครเห็นว่าเขาทําอะไรทีฉวีเจียง เรืองนีเกรงว่าจะ
ยุง่ ยาก"

"นีต้องถูกคนให้รา้ ยแน่" หลิวชิงซงกล่าว

เซียวซ่งเอ่ย "นันก็ตอ้ งมีหลักฐานถึงได้ ตอนนีไร้ทงพยาน



หลักฐาน อีกทังทิศทางของคดีก็ไม่เป็ นผลดีกบั เขาเลย"

13
เฉิงหวายเลียงถอนใจ "นียิงสางไม่ออกกว่าเก่า คุณชาย
เก้า ท่านฉลาดมาแต่เด็ก ต้องคิดหาวิธีดนู ะ"

นิวเรียวยาวของเซียวซ่งไล้ปากถ้วย ตอนนีเขาเอาตัว
เองออกมาได้ก็ไม่เลวแล้ว นิงตรองครูห่ นึง จึงเอ่ยช้าๆ
"วางใจเถิด ในเมือพวกท่านเชือว่าเต๋อเจียนไม่มีทางฆ่า
คน ขอเพียงความจริงเป็ นเช่นนี ข้าจะต้องคืนความ
บริสทุ ธิให้เขาได้แน่นอน แต่หากเขาก่อเวรก่อกรรมเอง...
ดวงตาหลายคูข่ องขุนนางบุน๋ บู๊ทงราชสํ
ั านักคอยจับจ้อง
คดีนีอยู่ ข้าไม่มีความสามารถยิงใหญ่ปกป้องเขา"

ตอนนีทัวต้าถัง บนถึงโอรสสวรรค์ ล่างถึงราษฎร มีคนใด


ไม่สนใจคดีนี ปกติเซียวซ่งกระทําการดูเหมือนไม่ถกู มัด
14
มือมัดเท้า แต่นนเป็
ั นการกระทําในขอบเขตความ
สามารถ หากไม่ถกู บีบเข้าตาจน เขาต้องไม่ไปทดลองยัว
ยุพระราชอํานาจแน่นอน

สักพักก็มีสาวใช้มาเชิญทังสามไปกินอาหารกลางวัน

หลังมืออาหาร เซียวซ่งก็รบี รุดกลับทีว่าการ

วันเวลาหลังจากนัน เซียวซ่งออกจากบ้านตังแต่ฟา้ ยังไม่


สาง บางครังแม้แต่เวลากลับมากินข้าวเทียงทีบ้านก็ไม่มี
มีสองคืนทีสืบคดีหามรุง่ หามคํา คนของหน่วยงานทัง
สามก็เป็ นเหมือนเขาทังสิน ยุง่ จนหัวหมุนเพราะคดีนี ถึง
อย่างไรฝ่ าบาทก็ให้เวลาแค่เดือนเดียว ดูแล้วมาก แต่พอ

15
ทําคดี เวลาก็พงุ่ เหมือนกระสวย ผ่านไปแล้วครึงเดือน
โดยไม่รูเ้ นือรูต้ วั

หรันเหยียนก็ปวดใจทีเขาทํางานเหนือยเช่นนี ทุกวันจึง
ช่วยเขาจัดการข้อมูลคดี บางครังก็วิเคราะห์รูปคดีดว้ ย
กัน

รูปคดีทงหมดค่
ั อยๆ ผุดเหนือผิวนํา

ทีมาของเรืองคือรัชทายาทไม่พอใจขุนนางในตําหนัก
เกลียกล่อมทัดทาน จึงค่อยๆ เริมทําร้ายร่างกายพวกเขา
และขุนนางพวกนันกล้าโกรธไม่กล้าพูด ได้แต่กลํากลืน
ฟั นทีหักลงท้อง

16
แต่เวลานานเข้า ก็เริมมีคนทนไม่ไหว จากทีสามหน่วย
งานเข้าใจจากปากคําญาติผเู้ สียหาย ก่อนผูเ้ คราะห์รา้ ย
ตายมีอารมณ์เคียดแค้น ทังยังกล่าวชัดเจนว่าจะเขียน
ฎีกาเปิ ดโปงเรืองนี ร้องเรียนพฤติกรรมไร้ศีลธรรมของ
รัชทายาท

สามคนทีตายตอนแรก คนหนึงเป็ นซืออีหลาง (ขุนนาง


ขันหกในตําหนักรัชทายาท มีหน้าทีให้คาํ แนะนํา แก้ไข
หนังสือรายงานของรัชทายาท) คนหนึงเป็ นซือตู๋ (ผูม้ ี
หน้าทีประสิทธิประสาทความรูแ้ ก่รชั ทายาท) และยังมี
เน่ยซืออีกคน สองคนแรกตายในบ้านตนเอง แต่เน่ยซือ
โดนโยนศพลงฉวีเจียง

17
ครังทีสองมีคนโดนทําร้ายสีคน จางเสวียนซู่ อินชิงกวงลู่
ต้าฟู (ยศขุนนางขันสาม) ควบจัวซูจ่ ือของรัชทายาทถูกจู่
โจมทีฉวีเจียง ถูกฟั นหลายดาบแทบจบชีวิต เจ้าหน้าที
อีกคนทีอยูก่ บั เขาตายอนาถโดยไม่รูอ้ ีโหน่อีเหน่ หลิว
ผินรัง จงเซ่อเหรินของรัชทายาทถูกทําร้ายร่างกายถึงแก่
ชีวิตทีฉวีเจียง จงซูจ่ ือของรัชทายาทคนหนึงโดนทารุณ
จนลิมเลือดอุดตันเสียชีวิตทีวังตะวันออก ทังศพยังถูก
ย้ายไปทีตําหนักข้าง

สามคนนีเป็ นขุนนางทัดทาน มีหน้าทีควบคุมดูแลคําพูด


และการกระทําของรัชทายาทให้ถกู ต้องตามบรรทัดฐาน

หกคนข้างบน มีจดุ ร่วมเดียวกันก็คือเข้าใกล้รชั ทายาทได้


โดยตรง
18
ทีหลีเต๋อเจียนถูกลากเข้าสูเ่ รืองนี เป็ นเพราะเขาเคยเชิญ
จงซูจ่ ือของรัชทายาทคนนันไปกินอาหารทีเหลาจินโหล
วก่อนเสียชีวิต จากนันก็ไปฉวีเจียง

ตอนนีสืบแน่ชดั ในสามคนทีเสียชีวิตครังแรก นอกจาก


เน่ยซือ อีกสองคนถูกนักฆ่าลอบสังหารตาย

ครังทีสอง จางเสวียนซูก่ ็ถกู นักฆ่าลอบสังหาร

ในหกคดีตอ่ เนืองนี มีสองคดีเกิดทีฉวีเจียง

และตอนพบศพลอยนําทีฉวีเจียง หลีเต๋อเจียนกําลังท่อง
19
ทะเลสาบอยูท่ ีนัน เขามีเรือ ทังเรืองท่องทะเลสาบเขาก็
เป็ นผูเ้ สนอ เขาอาจแอบมาทีฉวีเจียงก่อน แล้วโยนศพลง
นํา จากนันค่อยออกจากบ้านมาพบกับทุกคนอย่าง
ผ่าเผย และอาจบรรทุกศพขึนเรือ ฉวยโอกาสทีคนไม่
สนใจโยนศพทิง

จากนันก็ได้พยานบุคคล

หรือกระทังหลีเต๋อเจียนไม่จาํ เป็ นต้องทิงศพด้วยตัวเอง

และตอนจงเซ่อเหรินหลิวผินรังเสียชีวิต หลีเต๋อเจียนมี
แค่บา่ วกับสาวใช้ในเรือนยืนยันว่าเขาหลับอยูใ่ นห้อง
ระดับของนําหนักนีชัดเจนว่าไม่เพียงพอ

20
เห็นข้อมูลพวกนีแล้ว แม้แต่หรันเหยียนยังไม่เชือว่าหลี
เต๋อเจียนไม่เกียวกับคดีนี อีกอย่างคนทีโยนหลิวผินรังลง
จากตึก ฐานะซับซ้อนมองไม่ออก หากคนนันคือหลีเต๋อ
เจียน ก็พออธิบายไปได้

“ท่านก็คิดว่าเต๋อเจียนยากสลัดเรืองนีพ้นกระมัง” เซียว
ซ่งเพิงอาบนํามา กอดเธอจากด้านหลัง

“ใช่แล้ว” หรันเหยียนถอนใจ

เซียวซ่งขมวดคิวมองสํานวนคดี ครูใ่ หญ่จงึ กล่าว “ความ


จริงวันนันตอนข้าขึนเรือไปอาบนํา ผ่านห้องหนึงได้กลิน

21
ยาผสมกับกลินไม้จนั ทน์ฉนุ มาก ข้าโตมากับเต๋อเจียน
ย่อมรูว้ า่ เขาไม่ชอบเครืองหอมกลินฉุน”

หรันเหยียนเอ่ยอย่างแปลกใจ “ความหมายของท่าน
คือ…”

22
ตอนที 415 พีชิงซงจะแต่งงานแล้ว

เดาไม่ยาก เรือท่องทะเลสาบมิอาจปล่อยลงลํานําฉวี
เจียงได้ในวันนันกะทันหัน เขาอาจใช้เรือนําศพออกไป
ทิงในแม่นาฉวี
ํ เจียงตังแต่วนั แรก แต่ถงึ อย่างไรศพก็ตอ้ ง
เน่าในระดับหนึง ย่อมทิงกลินไว้ การเปลียนเรือ
กะทันหันง่ายต่อการแสดงพิรุธ ด้วยเหตุนีจึงทําได้เพียง
ใช้กลินหอมฉุนอําพราง

“เช่นนันคนบนตึก ใช่หลีเต๋อเจียนหรือไม่ขา้ ไม่รู ้ แต่ทีแน่


ใจได้ เทียบกันแล้วเขาค่อนข้างคุน้ เคยกับข้ามากกว่า”
หลายวันมานีหรันเหยียนคิดถึงปั ญหานีตลอดมา นํานํา
เสียง คําพูด จิตใจของคนผูน้ นมาวิ
ั เคราะห์รอบหนึง
“ตอนนันประโยคแรกทีเขาพูดคือ เซียนเหลียงฮูหยิน
1
ท่านช่างทําให้คนประหลาดใจนัก เป็ นไปได้มากว่าใน
ห้วงสมองของเขารูจ้ กั ข้าในระดับหนึงอยูแ่ ล้ว และการ
กระทําของข้าพอดีเกินกว่าทีเขาคาดการณ์ไว้”

หรันเหยียนกล่าวต่อทันที “ประโยคทีสองคือ ได้ยินว่า


เซียงเหลียงฮูหยินชอบศพ วันนีข้าเตรียมศพชันดีมาเป็ น
พิเศษ เพือเป็ นของขวัญพบหน้า ในประโยคนีแฝงความ
รูส้ กึ ล้อเล่น ข้ารูส้ กึ ว่าเขารูว้ า่ ข้ากําลังร้อนใจตามหาท่าน
ดังนันจึงจงใจพูดเช่นนีเพือยัวยุขา้ มีความคิดปั นหัวผูค้ น
เพือแสวงหาความเร้าใจ”

เซียวซ่งพยักหน้าเห็นด้วย หรันเหยียนกล่าวต่อ “เขารูว้ า่


ข้าชันสูตรศพเป็ น ทังยังไม่มีทีทา่ จะทําร้ายข้า ตอนนัน
เขาอยูใ่ นทีมืดข้าอยูใ่ นทีแจ้ง ดูจากระดับความเร็วทีเขา
2
หนีไป หากเขาอยากฆ่าข้า ก็ไม่แน่วา่ จะทําไม่ได้ ดังนัน
ข้าวิเคราะห์วา่ คนผูน้ ีมีจิตใจผิดปกติในระดับหนึง เขา
คิดว่า นีคือการละเล่นทีสนุกสนาน”

“ท่านกล่าวมีเหตุผลยิง” เซียวซ่งเกยคางไว้บนหัวไหล่เธอ
หลับตากล่าว “ตอนนีทีจิตผิดปกติทีสุดคงเป็ นรัชทายาท
เคียดแค้นทีผูอ้ ืนทัดทานก็ช่างเถิด แต่ทบุ ตีคนจนเป็ นเช่น
นัน ไม่ใช่คาํ ว่าจิตผิดปกติจะบรรยายได้”

จากบันทึกประวัติศาสตร์ทีหรันเหยียนรูใ้ นยุคหลัง ช่วง


หลังหลีเฉิงเฉียน บ้าไม่เบาจริงๆ

สําหรับหรันเหยียนภาพความทรงจําทีมีตอ่ หลีเฉิงเฉียน

3
เพียงหยุดอยูใ่ นชัวระยะเหลือบมองอย่างเร่งรีบนัน เพียง
รูส้ กึ ว่าดูแล้วไม่วา่ บุคคลิกหรือหน้าตาก็ไม่ถือว่าโดดเด่น
มาก

“ข้าอยากพบรัชทายาท” หรันเหยียนพลันกล่าว

เซียวซ่งเบิกตาโต กําลังจะคัดค้าน หรันเหยียนตัดบทเขา


ว่า “ตอนนีข้าในฐานะพยาน ไม่อาจไปจากฉางอันได้
ง่ายๆ ถูกลากเข้าไปเกียวกับเรืองนี ตอนนีท่านยังเข้าไป
เกียวข้องด้วย อย่าหมายจะแบกรับไว้ผเู้ ดียว ข้าอยากทํา
ให้เต็มที ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กบั ท่าน หวังเพียงเรือง
นีจะผ่านไปโดยเร็ว ข้ามีลางสังหรณ์ ตําแหน่งรัชทายาท
คงอยูไ่ ม่นาน เขาต้องไม่ได้เป็ นฮ่องเต้แน่”

4
“เฮ้อ!” เซียวซ่งถอนใจ ส่งเสียงดัง “เด็กๆ!”

หวันลวีรีบวิงเข้ามา “นายท่าน ฮูหยิน”

“ไปบอกองครักษ์ลบั ภายในรัศมีสบิ จัง ห้ามใครเข้ามา


ใกล้” เซียวซ่งกล่าว

“เจ้าค่ะ” หวันลวีถอยออกไปแล้ว

หลังจากนันราวๆ ครึงเค่อ หวันลวีก็เข้ามาบอกว่า “นาย


ท่าน ตรวจดูเรียบร้อย ไม่มีคนแล้วเจ้าค่ะ”

5
“อือ ออกไปเถิด” เซียวซ่งกล่าว

หลังหวันลวีออกไปอีกครัง ก็ปิดประตูให้สนิท

เซียวซ่งนังตัวตรง หมายพูดกับหรันเหยียนทุกเรืองให้แน่
ชัด เขายืนมือรินนํา เสียงทุม้ นุ่มของเซียวซ่งกล่าวท่าม
กลางเสียงรินนํา “ความจริงข้าทําความตกลงกับสกุล
จ่างซุนแล้ว หากตําแหน่งรัชทายาทมันคง ข้าจะวางตัว
เป็ นกลาง หากรัชทายาทไม่ไหวแล้วจริงๆ จะปกป้ององค์
ชายเก้าให้ได้สืบบัลลังก์”

เซียวซ่งส่งนําถ้วยหนึงให้หรันเหยียน “สกุลจ่างซุนปก

6
ป้องรัชทายาท ก็เพียงเพือให้ตระกูลได้รบั การคุม้ ครอง
ไม่ถงึ กับตกตํา รัชทายาทเป็ นบุตรคนโตของจ่างซุน
ฮองเฮา มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับตระกูลมารดา เมือ
ก่อนเห็นเขาเป็ นคนกตัญ ู แม้นิสยั เสียไปบ้าง แต่เขา
สืบบัลลังก์ มีผลดีตอ่ ตระกูลจ่างซุนมากอย่างแน่นอน ดัง
นันไม่วา่ อย่างไร พวกเขาต้องทุม่ เทกําลังทังหมดรักษา
ตําแหน่งรัชทายาทไว้ แต่ตอนนี ไม่วา่ คดีนีมีจดุ จบอย่าง
ไร รัชทายาททารุณขุนนาง ไร้คณ
ุ ธรรมไร้นาใจก็
ํ เป็ นเรือง
จริง ตระกูลจ่างซุนคงได้เวลาวางมือเสียที”

“ตอนนีผลักดันองค์ชายเก้า จะเร็วไปหรือไม่” หรันเหยี


ยนจําได้วา่ ยังต้องอีกระยะหนึงรัชทายาทถึงจะล้ม แต่ดู
สถานการณ์ตอนนี วังตะวันออกใกล้ลม้ มิลม้ แหล่ ยืน
หยัดอยูไ่ ด้ไม่นานแล้ว

7
เซียวซ่งยิมน้อยๆ ก่อนกล่าว “แน่นอนว่าตอนนียังไม่ใช่
โอกาสดี ยังต้องดูผลคดี ตอนนีข้อมูลคดียงั ซับซ้อน ท่าน
รูด้ ี มือสังหารกลุม่ นันเป็ นลูกน้องของตงหยางฮูหยิน
ตอนแรกตงหยางฮูหยินร่วมมือกับหลีไท่ เป็ นไปได้หรือ
ไม่วา่ หลังจากตงหยางฮูหยินตาย คนกลุม่ นันยังร่วมมือ
กับหลีไท่ตอ่ ไป สร้างสถานการณ์วา่ เป็ นการล้างแค้นให้
ตงหยางฮูหยิน”

หรันเหยียนพยักหน้า เช่นนีก็เป็ นไปได้จริงๆ

เซียวซ่งคาดเดาต่อไป “ท่านว่าคนบนตึกคล้ายจงใจล่อ
พวกท่านไปทางลับ ใช่ตอ้ งการให้พวกท่านได้ยินคํา

8
สนทนานัน เพือป้ายสีรชั ทายาทหรือไม่”

“เป็ นเช่นนีได้จริงๆ แต่ก่อนหน้านีข้าก็วิเคราะห์นิสยั คนผู้


นัน คนประเภทนีทําอะไรไม่เคยทําตามความคิดปกติ...”
หรันเหยียนยังคงสงสัย แต่คล้ายเพียงอาศัยการ
วิเคราะห์เช่นนี การคาดเดาของเธอไม่อาจยืนยันได้ แต่
การใช้เหตุผลพิจารณาของเซียวซ่งน่าเชือถือกว่า

เซียวซ่งลังเลครูห่ นึง ยังคงถามว่า “เช่นนันท่านคิดว่า


เป็ นไปได้หรือไม่วา่ คนผูน้ นคื
ั อซูจือฉี”

หรันเหยียนเงยหน้าอย่างรวดเร็ว จ้องเซียวซ่งด้วยดวงตา
ลึกลํา

9
แต่ไหนแต่ไรทังสองเลียงพูดคุยปั ญหาเรืองซูฝู แต่หรันเห
ยียนรูด้ ีวา่ เซียวซ่งเป็ นคนอย่างไร เขาทําใจตนเองให้เป็ น
กลางได้ ไม่สง่ ผลกระทบต่ออารมณ์ดว้ ยสาเหตุนี แต่ก็
เพราะเขารักเธอลึกซึง ดังนันในส่วนลึกของจิตใจเขา
เลียงไม่ได้ทีจะถือสาเรืองนี

หรันเหยียนมองอยูพ่ กั ใหญ่ แน่ใจว่าเขาไม่ได้สงสัยว่า


เธอปิ ดบัง แต่เป็ นการถามความเห็นเธออย่างจริงจัง จึง
ผ่อนคลายลง “หากความรูส้ กึ ข้าไม่ผิด สมควรไม่ใช่เขา”

ความจริงหรันเหยียนเชือและมันใจว่าคนผูน้ นไม่
ั ใช่ซฝู ู
แต่อยูต่ อ่ หน้าเซียวซ่ง เธอคงไม่แสดงว่าตนเองเข้าใจ
บุรุษอืนดีเพือล้างมลทินให้ซฝู ู เช่นนันรังแต่ทาํ ร้ายจิตใจ
10
เซียวซ่ง แม้เซียวซ่งต้องมีทา่ ทางไม่รูส้ กึ อะไรสักนิด แต่
เป็ นสามีภรรยากันมาระยะเวลาไม่นบั ว่าสัน เธอเข้าใจ
เขาดี

บนใบหน้าเซียวซ่งปรากฏรอยยิมนุ่มนวล เขาก็รูด้ ีวา่ หรัน


เหยียนคํานึงถึงจิตใจเขา เขากับซูฝู ในใจหรันเหยียนใคร
มีนาหนั
ํ กมากกว่ากัน ประโยคนีก็แสดงอย่างชัดเจน

กระทังตอนนี เขาจึงโล่งใจ

“อาเหยียน ท่านรูห้ รือไม่วา่ ตนเองมีขอ้ เสีย” เซียวซ่งพลัน


หัวเราะอย่างไร้เมตตา “ยามท่านนอนละเมอ ถึงกับตอบ
คําผูค้ นได้”

11
เรืองราวมากมายทีเก็บซ่อนอยูใ่ นใจเธอ ขอเพียงถูกชัก
นําตอนละเมอ จะรูอ้ ย่างแจ่มแจ้ง

หรันเหยียนมองเขาอย่างแปลกใจ เรืองนีเธอไม่รูต้ วั เลย

เมือชาติก่อนหรันเหยียนอยูต่ วั คนเดียว บางครังจะอยู่


กับฉินอวินหลินเพือนสนิท แต่ลว้ นอยูก่ นั คนละห้อง บาง
ครังฉินอวินหลินพบสภาพนีของเธอ ตอนบอกเธอ เธอก็
คิดว่าเป็ นอาการบางคราวเท่านัน

“ท่านรูต้ งแต่
ั เมือไร” หรันเหยียนหน้างอ

12
เซียวซ่งจิบชาอย่างใจเย็น "ตอนอยูอ่ าํ เภอจวีสุย่ เวลานัน
ท่านกําลังหมดสติ ยามข้าอุน่ เท้าให้ทา่ น ท่านก็คยุ กับข้า
ตอนนันข้ายังคิดว่าท่านฟื นแล้วเสียอีก"

ยังมีอีกครังทีเขาบุกรุกเข้าห้องเธอยามวิกาล ทว่านีไม่
พูดก็ได้...

หลังแต่งงานพวกเขานอนด้วยกันทุกคืน จํานวนครัง
ย่อมมากขึน

ย้อนนึกถึงอําเภอจวีสุย่ หรันเหยียนจําได้แม่นยํา ตอน


นันคําพูดของตนเองทังดือรันทังไร้เดียงสาประหนึงเด็ก
สาว เธอคิดว่าฝันไป นึกไม่ถงึ ว่าเป็ นเรืองจริง!

13
"เซียวเยวียจือ ท่าน ท่านฉวยโอกาสถามข้าตอนนอน
หลับบ่อยๆ หรือ" หรันเหยียนถลึงตามองเขา

เซียวซ่งครุน่ คิดครูห่ นึง "อือ ก็ไม่บอ่ ยนัก บางคราวตอน


ข้านอนไม่หลับ ถึงคุยกับท่าน"

หรันเหยียนลุกพรวดทันที ขึนเตียงไปนอน ก่อนกล่าว


เสียงเย็นเยียบประโยคหนึงทิงท้าย "ต่อไปท่านไปนอนใน
ห้องหนังสือเถิด"

เซียวซ่งรีบวางถ้วยชาลง ตามเธอขึนเตียงง้อขอให้เธอยก
โทษให้

14
เขาไม่พดู แน่วา่ ครังแรกทีเขาเริมลองถาม คือหลังแต่ง
งานไม่นาน เพราะในฝันเธอเรียกชือซูฝู

ดังนันแม้รูว้ า่ หรันเหยียนมีการสัมผัสลึกซึงเพือช่วยซาง
เฉิน แต่เซียวซ่งยังคงติดใจเรืองซูฝมู ากกว่า

ส่วนหรันเหยียนก็จนปั ญญากับข้อเสียนีจริงๆ นีไม่ใช่สงิ


ทีเธอควบคุมได้ แต่ก็ไม่อาจให้เซียวซ่งนอนทีห้องหนังสือ
ทุกวัน ดังนันเธอจึงทําได้เพียงทําใจกว้าง ปล่อยมันไป

กําลังเป็ นวันร้อนอบอ้าวในฤดูรอ้ น

15
หลิวชิงซงกลับเลือกแต่งงานท่ามกลางอากาศเช่นนี
ตอนนีหรันเหยียนเพิงเข้าใจ ทําไมราชวงศ์ถงั เสียเวลา
และกําลังทําผ้าบางทีเกือบโปร่งแสง

ชุดแต่งงานทีซ้อนกันเป็ นชันๆ ใช้ผา้ บางตัดเย็บ ในความ


เบาพลิวไม่สญ
ู เสียความสง่างาม ลดภาระของสตรีทีแต่ง
งานในหน้าร้อนไปได้มาก

แม้เป็ นเช่นนี คนทีเลือกแต่งงานในฤดูรอ้ นก็มีนอ้ ยยิง


เพราะแคว้นถังร้อนจัด ในฤดูรอ้ นยิงเหมือนลังถึง เจ้า
สาวมักกังวลเรืองไม่ระวังทําเครืองสําอางเลอะ ไม่ก็
กังวลกลินเหงือโซมกาย

16
“พรุง่ นีท่านจะแต่งงานแล้ว วันนีวิงมาถึงนีทําอะไร” บน
ศาลาริมนํา หรันเหยียนขมวดคิวจ้องหลิวชิงซง “หรือ
เป็ นโรคหวาดกลัวก่อนแต่งงาน”

“พอที ข้าไม่เป็ นโรคทีอ่อนไหวเช่นนันหรอก” หลิวชิง


ซงโบกมือ ชะงักครูห่ นึง ก่อนเปลียนเรืองกล่าว “ในต้าถัง
ข้าไม่เคยกังวลเรืองถูกผูกมัด”

ท่ายกนําลูกหม่อนดืมของหรันเหยียนพลันชะงักกึก
“ก่อนแต่งงานก็แล้วไป หากหลังแต่งงานท่านทําผิดต่อ
อาอวิน ข้าจะเชือดท่าน”

“เฮอะ ความจริงบุรุษซือสัตย์มนคงเช่
ั นข้า เมือก่อนหาไม่

17
มีหลังจากนีก็สญ
ู พันธุ”์ หลิวชิงซงกล่าวโม้อย่างไม่อาย

สาวใช้โดยรอบอดปิ ดปากหัวเราะเบาๆ ไม่ได้

หรันเหยียนมองเขาแวบหนึง ความหมายคือ เห็นหรือยัง


ทุกคนก็ตาสว่างเห็นชัดเจน

“ว่าแล้วก็ทาํ ไมถึงรีบแต่งงานเล่า” หรันเหยียนกล่าว วัน


แต่งงานกําหนดไว้นานแล้ว แต่หรันเหยียนรูส้ กึ มาโดย
ตลอดว่าหรันอวินอายุยงั ไม่มาก ยืดเวลาไปถึงเดือนเก้า
เดือนสิบค่อยแต่งงานมิดีกว่าหรือ

ก่อนหน้านีหรันเหยียนไม่ถาม เพราะคิดว่าหลิวชิงซงคง
18
มีแผนของตนเอง แต่ตอนนีเขากําลังจะแต่งงานแล้ว ยัง
วิงมาคุยกับเธอถึงทีนี ยากรับประกันได้วา่ จะไม่เกิด
ปั ญหาทางใจ

“ข้ารูส้ กึ ว่า” หลิวชิงซงกระแอมคําหนึงก่อนกล่าว “ตัว


ประกอบผูส้ ดใสคุกคามคนจนแทบจะบดบังรัศมีของตัว
เอกเช่นข้า ปกติในเรืองมักรับบทเป็ นผูเ้ สียสละ หลังผ่าน
การคิดตรึกตรองดินรน ข้าก็คอ่ ยๆ ยอมรับความจริงว่า
ตนเองโดดเด่นเพียงนี”

หลังหลิวชิงซงถอนใจอย่างกลัดกลุม้ กล่าวตามใจต่อ
“ข้าตบแต่งอาอวิน ทีสําคัญคือถือทัศนคติวา่ มีผกั กาด
ขาวงามๆ อยูไ่ ม่กินก็เสียของ ไม่ใช่ คือผักกาดขาวงามๆ
จะให้หมูตวั อืนยํายีไม่ได้ ก็ไม่ใช่...”
19
ตอนที 416 โรคกลัวการแต่งงาน

หลิวชิงซงกุมขมับ ข้ามการอุปมานีไป “สรุปว่าก่อนข้าจะ


เสียสละ ข้าต้องตบแต่งนาง แม้จะสุขสมบูรณ์เพียงชัว
คราวก็ไม่เป็ นไร แต่ขา้ ก็คิดอีกว่า แม้ยคุ นีจะไม่คดั ค้าน
เรืองแม่มา่ ยแต่งงานใหม่ แต่ยงั คงเป็ นคูก่ นั ชัวชีวิตจะดี
กว่า ข้าจึงกลัวหลังข้าจากไป อาอวินจะคิดไม่ตก ครอง
ตัวเป็ นม่ายตลอดชีวิตเพือข้า อย่าคิดว่าปกตินางเห็นเงิน
ทองสําคัญกว่าสิงใด แต่ดว้ ยเสน่หข์ องข้า ก็สร้างแผลใจ
เจ็บปวดแสนสาหัสให้นางได้...รองลงมาคือ ข้ากําลังคิด
ว่าตัวเองเป็ นเช่นนีเห็นแก่ตวั เกินไปหรือไม่ แม้ทกุ คนใฝ่
ฝันถึงชีวิตทีสวยงาม แต่ปกติโศกนาฏกรรมจึงทําให้ผคู้ น
จดจําไม่ลืมเลือน หรือว่าชะตากําหนดให้ขา้ ต้องถ่าย
ทอดเรืองราวความรักทีซาบซึงรันทดน่าประทับใจ เพือ

1
เรียกนําตาจากทุกคน นีจึงเป็ นความหมายสุดท้ายแห่ง
การสละชีพของข้าใช่หรือไม่

ท่านก็รู ้ ข้ามีภาพลักษณ์แข็งแรงสดใสมองโลกแง่ดีมา
ตลอด ได้รบั ความชืนชอบอย่างกว้างขวางจากสาวน้อย
สาวใหญ่ และสาวแก่อย่างลึกซึง ตามขันตอนปกติ หาก
ข้าตาย สตรีเป็ นหมืนเป็ นพันต้องนําตาไหลพรากแน่ นัน
จะเป็ นผลทีน่าสะท้านสะเทือนเพียงไร คงไม่มีใครเพิก
เฉยใช่หรือไม่ ในจํานวนสตรีพนั ๆ หมืนๆ นีอาอวินไม่โดด
เด่นสักนิด ดังนันในฐานะทีนางเป็ นภรรยาคนเดียวของ
ข้าหลิวชิงซง จึงเป็ นโศกนาฏกรรมในโศกนาฏกรรมใช่
ไหม...”

คําพูดยืดยาวไร้สาระจับใจความไม่ได้ สาวใช้รอบด้าน
2
ฟั งจนมึนงง เพียงได้ยินเรืองตายไม่ตาย ล้วนมองเขา
อย่างแปลกใจ ก่อนงานมงคลกล่าวเรืองเหล่านี ไม่เป็ น
มงคลเลยจริงๆ!

หลิวชิงซงเห็นหรันเหยียนสีหน้าไร้ความรูส้ กึ จับผมถาม
ว่า “ท่านเข้าใจความรูส้ กึ ข้าใช่หรือไม่”

“อือ” หรันเหยียนพยักหน้า เขายังไม่ทนั ดีใจ ก็สง่ เสียง


พูดว่า “เด็กๆ จับเขาโยนออกไป”

ผูค้ มุ้ กันสองคนวิงมาจากสะพานคดเคียว หลิวชิง


ซงรีบกล่าว “นีๆ ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็ นคนบ้านเดียว
กัน ในวันทีท่านโดดเดียวไร้ทีพึงทุกข์ยากลําบากทีสุด ข้า

3
เป็ นดังแสงตะวันแห่งความหวังทีสาดส่องเข้ามาในชีวิต
ท่าน พีสะใภ้เก้า ท่านจะข้ามฟากแล้วทุบสะพานทิงเช่น
นีไม่ได้”

“แสงตะวันแห่งความหวังหรือ ข้าเพียงจําได้วา่ ท่านโยน


ดินระเบิดทีไม่ได้เรืองมัดหนึงเข้ามาในชีวิตข้า” หรันเหยี
ยนกล่าวเย็นชา

แม้เธอกล่าวเช่นนี กลับยกมือสังผูค้ มุ้ กันให้ถอยไป

หลิวชิงซงอ่านหนังสือมากไป แยกความจริงกับ
จินตนาการไม่ออก โดยเฉพาะเมือถึงเวลาสําคัญ จะ
หลบหนีโดยอาศัยความคิดฟุง้ ซ่าน ตอนนีเห็นชัดว่าเป็ น

4
โรคกลัวการแต่งงาน

สําหรับปรากฏการณ์เช่นนี หรันเหยียนไตร่ตรองแล้ว ก็
ทําได้แค่ใช้คาํ พูดทีเธอคิดว่าไม่ได้เรืองทีสุดในชีวิตปลอบ
ใจเขา “ทุกคนเป็ นหนังสือเล่มหนึง มีเรืองราวทีสมบูรณ์
ข้ากับท่านเป็ นหนังสือชุด เกียวข้องกันเล็กน้อยเท่านัน
สุดท้ายต้องจบสวยงามสมบูรณ์แน่”

คิดไม่ถงึ คําพูดมัวซัวนี หลิวชิงซงพลันหัวแล่น “ฮ่า พี


สะใภ้เก้า ท่านเก่งจริงๆ คําพูดเพียงครังเดียวก็ทาํ ให้
ปั ญหาทีพันพัวข้ามาสิบกว่าปี คลีคลายได้! ข้าก็วา่ แล้ว
ทีข้าโดดเด่นเช่นนีมีสาเหตุ”

5
“จับเขาโยนออกไป” หรันเหยียนกล่าวเสียงเรียบ

ผูค้ มุ้ กันทียืนรอคําสังข้างศาลาริมนําเข้ามาจับหลิวชิง


ซงทันที “หลิวอีเฉิง ล่วงเกินแล้ว”

“อย่าโยนจริงๆ นะ บาดเจ็บแล้วพรุง่ นีข้าแต่งงานไม่ได้


แน่” หลิวชิงซงยังยิมไม่หบุ ขณะต่อรองกับผูค้ มุ้ กัน

หรันเหยียนถอนใจแรงๆ คําหนึง เธอเคยวิเคราะห์มา


นานทว่าก็ไม่เข้าใจ คนประเภทหลิวชิงซงในสมองบรรจุ
อะไรไว้บา้ ง แนวทางการขบคิดปั ญหาพิสดารเกินไป
จริงๆ

6
ทว่ามีเรืองหนึงหรันเหยียนจําต้องยอมรับ ไม่วา่ หลิวชิง
ซงจะพึงพาไม่ได้เพียงไร การดํารงอยูข่ องเขา ก็เป็ นแรง
สนับสนุนทางใจให้เธอในระดับหนึง และเพราะเหตุนี นี
คือหนึงในสาเหตุทีแม้หลิวชิงซงล่วงเกินเธอหลายครัง
สุดท้ายเธอก็ยงั อภัยให้เขาได้

หรันเหยียนกลับห้อง รัวรัวเห็นเธอ ก็คลานมาทางนีอย่าง


รวดเร็ว

ลูกยังอายุไม่ครบปี หรันเหยียนยังไม่ตงใจสอนพวกเขา

ให้ยืนให้เดิน เธอไม่ใช่มืออาชีพด้านการสอนเด็ก แต่หลิว
ชิงซงเคยบอกว่า เด็กๆ ยืนเดินเร็วเกินไป ความจริงไม่ใช่
เรืองดีนกั ด้วยความกระตือรือร้นทีเขามีให้เด็กๆ และ
การสังสอนทีถูกต้องหลายครัง หรันเหยียนย่อมเชือเขา
7
หรันเหยียนอุม้ รัวรัวขึนมา สอนนางเรียก ‘ท่านแม่’ สอง
คํา วันนันรัวรัวหลุดปากเรียก ‘พ่อพ่อ’ หรันเหยี
ยนตืนเต้นจนระงับอารมณ์ไม่ได้ สอนลูกให้เรียก ‘แม่แม่’
หลังเกิดเรืองเซียวซ่งก็ไม่ได้ถาม แต่หรันเหยียนก็ไม่
อยากแสดงท่าทีแปลกแยกเกินไป

รัวรัวพูดอ้อแอ้อยูพ่ กั หนึง ทว่ายังไม่เรียกออกมา ขอ


เพียงลูกปกติดีทกุ อย่าง นีล้วนเป็ นเรืองแค่ชา้ เร็ว หรันเห
ยียนจึงไม่ใจร้อน

“ฮูหยิน ของขวัญสําหรับหลิวอีเฉิงเตรียมเรียบร้อยแล้ว
เจ้าค่ะ” เกอหลันกล่าว ตอนนีนางแทบกลายเป็ นแม่บา้ น
เรือนสกุลเซียว พ่อบ้านชราคนเดิมตอนนีเพียงดูแลเรือง
8
การคบค้าสมาคมนอกเรือนเท่านัน

“อือ ลําบากแล้ว” หรันเหยียนกล่าวรับ

เทียบกับเรืองเกียวกับวิชาแพทย์ เกอหลันคล้ายสนใจ
จัดการเรืองเกียวกับความสัมพันธ์ระหว่างผูค้ น ซึงทําได้
คล่องแคล่วมากกว่า หรันเหยียนเข้าใจจุดด้อยของตน
เป็ นอย่างดี มีบางครังเธอรูส้ กึ ว่าตนเองคล้ายเป็ นหุน่
ยนต์ทาํ งานตัวหนึง มีแต่งานด้านนิติเวชจึงทําให้เธอ
แสดงฝี มือได้มากทีสุด นอกจากนัน ด้านอืนๆ ก็เป็ นดัง
คนพิการระดับเก้า

ดังนันขณะทีหรันเหยียนทุม่ เทเรียนรูเ้ รืองการคบหาสมา

9
คม ก็อบรมสังสอนเกอหลันสุดกําลัง มักให้พอ่ บ้านชรา
พานางออกไปหาประสบการณ์ เพราะเหตุนีตอนนีเก
อหลันจึงสุขมุ และคล่องแคล่วกว่าครังอยูซ่ โู จว

“คิดไม่ถงึ จริงๆ กระทังท่านหมอหลิวก็แต่งงานแล้ว”


หวันลวีถอนใจ แม้การแต่งงานครังนีกําหนดมานาน แต่
ไม่รูเ้ พราะอะไร หวันลวีมักรูส้ กึ ว่าท่าทางเช่นหลิวชิง
ซงต้องไม่มีใครเอา

หรันเหยียนกับเกอหลันหัวเราะเบาๆ เกอหลันยังมีธุระ
จึงถอยออกไป

หวันลวีถือชามเล็กๆ ป้อนผลไม้บดให้เด็กๆ กินทีละคน

10
ปกติมกั เลือกผลไม้ทีมีฤทธิและรสชาติออ่ นละมุนมาทํา
ผลไม้บด แต่วนั นีคล้ายเปรียวเล็กน้อย คุณชายใหญ่
เซียวเปรียวจนหดหัว หลังเปรียวเสร็จยังมองความ
เคลือนไหวของหวันลวีตาแป๋ ว รอให้นางป้อนต่อ

คุณชายรองเซียวไม่ชอบกินอาหารนีเป็ นพิเศษ ทุกครังที


กินหนึงคําเหมือนจะเอาชีวิตเขา จะเป็ นจะตายก็ไม่ยอม
กินคําทีสอง แต่หวันลวีก็มกั ป้อนไข่ไก่เสมอๆ...เมือช้อน
นีส่งมา กินหรือไม่กิน ทําให้เขาลําบากใจ

ช้อนเล็กๆ ในมือหวันลวีหยุดอยูท่ ีริมฝี ปากของคุณชาย


รองเซียว คุณชายใหญ่เซียวมองตาแป๋ วอยูพ่ กั หนึง รอไม่

11
ไหวจริงๆ จึงคลานเข้าไปอ้าปากกิน

คุณชายรองเซียวเดาว่าทุกคนชอบกินไข่ไก่ เมือเห็นพี
ใหญ่กินอย่างเอร็ดอร่อยเช่นนี ร้อนใจทันที หวันลวีเพิง
ส่งช้อนทีสองมา เขาก็รบี อ้าปากกิน เมืออาหารเข้าปาก
ความเคลือนไหวก็ชะงัก เปรียวจนหลับตาปี เป็ นเส้น
เดียว จากนันเริมคายทิง

หรันเหยียนป้อนรัวรัว เห็นท่าทางของเด็กน้อยทังสอง
อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ

แม้หวันลวีมีนิสยั ร่าเริงไม่ชอบอยูเ่ ฉย แต่เลียงเด็กได้ไม่มี


ทีติ ยามเล่นกับเด็กๆ หนึงคนเลียงสามคนก็ไม่ใช่ปัญหา

12
“คุณหนูเจ้าคะ พรุง่ นีพาคุณชายน้อยกับคุณหนูนอ้ ยไป
ด้วยไหม” หวันลวีถาม

“ไม่พาไป งานแต่งงานพลุกพล่านเกินไป ยังมีประทัดอีก


ตกใจคงไม่ดีแน่” หรันเหยียนรูส้ กึ ว่าไม่ควรพาเด็กๆ ไป
ยังสภาพแวดล้อมทีทังไม่คนุ้ เคยและเสียงดัง ยิงกว่านัน
ช่วงนีก็ไม่คอ่ ยสงบ

เล่นกับเด็กๆ ทังวันจนถึงยามพลบคํา หรันเหยียนไปที


เรือนหน้า ให้เกอหลันเรียกเหล่าหัวหน้ามา กําชับเรืองทัง
ในและนอกเรือน ทีสําคัญคือจัดการแผนระวังป้องกันใน
เรือน

13
ครังก่อนเซียวซ่งมีอนั ตราย เขาเป็ นคนเจ้าแผนการเช่น
นัน หรันเหยียนยังไม่อาจรักษาความเยือกเย็นได้ ลูกทัง
สามไม่มีกาํ ลังปกป้องตนเองแม้แต่นิด หากเกิดเรืองไม่
คาดฝันใดขึน หรันเหยียนรูว้ า่ ตนเองคงรับไม่ได้แน่นอน
ดังนันยังคงระวังไว้ก่อนดีกว่า

เมือสังงานทุกอย่างเรียบร้อย ท้องฟ้าก็มืดสนิท

ใกล้กาํ หนดเวลาปิ ดคดีเข้ามาทุกที สามหน่วยงานกลาย


เป็ นมดบนกระทะร้อน เซียวซ่งส่งคนมาบอกแต่แรกว่า
คืนนีจะทํางานทังคืน ไม่กลับมา หลังหรันเหยียนเอาลูก
เข้านอน ก็อาบนําพักผ่อนแต่หวั คํา

14
เช้าวันรุง่ ขึน

หรันเหยียนตืนนอนก็เห็นว่าเซียวซ่งยังไม่กลับ หลังอาบ
นําแต่งตัวจึงไปหาหรันอวินทีเรือนสกุลหรัน หลังเทียง
ค่อยกลับมาทีเรือนหลิวชิงซงเพือดูพิธี

เรือนของหลิวชิงซงอยูท่ ีตรอกเดียวกับเรือนหรันเหยียน
เพียงกันด้วยถนนสายเดียว ตอนเย็นกลับมาก็ไม่ตอ้ งรีบ

เพือป้องกันไม่ให้เรืองเช่นคราวทีแล้วเกิดขึน ครังนีหรัน
เหยียนพาผูค้ มุ้ กันยีสิบกว่าคนมาด้วย

15
เพราะหวันลวีและเกอหลันต่างก็มีธุระ หรันเหยียนจึงมา
กับสาวใช้สองคนทีสิงเหนียงอบรมขึน

ทุกทีในเรือนสกุลหรันประดับโคมและผ้างาม เปี ยมไป


ด้วยความสุข ทุกคนฉวยโอกาสตอนเช้าอากาศยังไม่
ร้อน เตรียมทุกอย่างจนเรียบร้อย

แม้ในฉางอันหรันผิงอวีจะไม่ติดอันดับความรํารวย แต่ก็
ถือว่าเป็ นเศรษฐี ใหญ่ เห็นได้จากงานแต่งงานของหรัน
อวินครังนี ทัวทังเรือนและเกือบทุกห้องวางเข่งนําแข็งหก
เข่งหรือแปดเข่ง กระทังในเกียว บนทางเดินทุกทีเป็ นนํา
แข็ง เปลียนใหม่ทกุ หนึงชัวยาม ทุกแห่งทีผ่านไปเย็น
สบาย

16
ดังนันแต่งงานในฤดูรอ้ นไม่มีแรงกดดันใดๆ

หรันเหยียนไปถึงห้องของหรันอวินโดยมีสาวใช้นาํ ทาง

“ฮูหยิน คุณหนู เซียนเหลียงฮูหยินมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้


รายงานทีนอกประตู

นางหลัวทีกําลังหวีผมให้หรันอวินรีบวางหวี ออกมารับ
“แม่หนูสบิ เจ็ดมาแล้ว รีบเข้ามา”

“อาสะใภ้” หรันเหยียนหมายคารวะ ทว่าถูกนางหลัวจับ


ไว้ “ไม่ได้นะ ตอนนีเจ้าเป็ นฮูหยินแต่งตัง จะมากราบ
17
คารวะคนธรรมดาได้อย่างไร!”

“อาสามและอาสะใภ้เป็ นญาติผใู้ หญ่ของข้า ทังมีบญ



คุณใหญ่หลวงต่อข้า ความสัมพันธ์ยอ่ มไม่ธรรมดา ใน
ทางส่วนตัวยิงไม่ตอ้ งกล่าวถึงเรืองเหล่านัน” หรันเหยี
ยนกับนางหลัวจูงมือกันเข้าห้อง

นางหลัวยิมตบมือหรันเหยียนเบาๆ ประเมินหรันเหยี
ยนแวบหนึงก่อนกล่าว “หลังแม่หนูสบิ เจ็ดเป็ นแม่คน จึง
เติบใหญ่แล้วจริงๆ”

นางหลัวจําได้ ครังแรกทีพบหรันเหยียน เพราะรับรูไ้ ด้วา่


เธอมีนิสยั เย็นชาถือดี อีกอย่างแม้ทาํ ตัวและปฏิบตั ิตอ่ ผู้

18
อืนอย่างมีมารยาท แต่ยากเลียงความแข็งกระด้าง
กอปรกับการยุยงของหรันเหม่ยอวี นางหลัวจึงไม่ชอบ
เธอจากใจ แต่หรันเหยียนในตอนนี เทียบกับเมือก่อนดู
แล้วอ่อนโยนขึนมาก และเปลียนเป็ นรูจ้ กั พูดจา

“พีสิบเจ็ด!” หรันอวินยังสวมชุดหรูฉวินผ้าบางสีงาช้าง
ผมดําดุจนําตก เปี ยกสยายอยูก่ ลางหลัง เปลือยเท้าวิง
มา

“นางหนูบา้ จะเป็ นภรรยาผูค้ นอยูแ่ ล้ว ยังไม่รูจ้ กั


กฎเกณฑ์ถงึ เพียงนี!” นางหลัวกล่าวตําหนิ

หรันอวินหัวเราะก่อนกล่าว “เป็ นเพราะท่านตามใจข้าจน

19
เคยตัว”

“เจ้ายังจะปากดีอีก!” นางหลัวทําท่าจะตีนาง

หรันอวินหดหัว จูงมือหรันเหยียนกล่าว “ต่อไปข้าก็ไป


เยียมหลานๆ สามคนทุกวันได้แล้ว เด็กน้อยสามคนชอบ
ข้ามากเลย”

“ดี” หรันเหยียนยิมน้อยๆ “หากเจ้ายอมสละเวลาหาเงิน


มาอยูเ่ ป็ นเพือนพวกเขา ข้าย่อมดีใจ”

หรันอวินถลึงตาโต “ไม่พบกันนาน พีสิบเจ็ดกลับรูจ้ กั ล้อ


คนเล่น ยังหัวเราะด้วย! สองวันก่อนชิงซงยังบอกข้าว่าพี
20
สิบเจ็ดสีหน้าไร้อารมณ์อยูเ่ ลย”

21
ตอนที 417 ไม่พบกันนาน

"เขาทําให้เจ้าโกรธหรือ" หรันเหยียนอดคิดไม่ได้ ต้องทํา


ให้โกรธไม่นอ้ ยแน่ มิฉะนันคงไม่ขายเธอ

หรันอวินยังไม่ทนั ตอบ นางหลัวก็กล่าวเสียงเกรียวว่า


"สองวันก่อนเจ้าพบเขาหรือ"

"ได้พบแล้ว พบทีสวนดอกไม้หลังบ้านเรา เขาบอกว่าดวง


จันทร์คล้อยเคลือนเหนือยอดหลิว คนรักนัดกันยามตะ
วันรอน ยิงเพิมอารมณ์รกั " หรันอวินเห็นสีหน้านางหลัว
ยิงไม่ดี จึงไม่ลืมออกตัว "ความจริงข้าไม่ได้อยากพบเขา"

1
นางหลัวย่อมเข้าใจบุตรี จึงถอนใจ ใช้นิวจิมศีรษะนาง
"เจ้าน่ะ ไม่เห็นแก่สามีสกั นิด รูจ้ กั แต่งอน หลังแต่งงาน
ไปพวกเจ้าสองคนจะทําอย่างไร"

เมือกล่าวเช่นนี หรันเหยียนก็รูส้ กึ ว่า คนไว้ใจไม่ได้เช่น


หลิวชิงซง กอปรกับหรันอวินทียังมีนิสยั เป็ นเด็ก คงใช้
ชีวิตกันอย่าง...น่าสนุกทีเดียว

หรันเหยียนดูนางหลัวช่วยหวีผมให้หรันอวิน พลันนึกถึง
ชือเสียงการชันสูตรศพของหลิวชิงซงทีทุกคนรูก้ นั หมด
อดกังวลไม่ได้วา่ ฆาตกรจะมาล้างแค้นเขาโดยไม่คาํ นึง
ถึงสิงใดหรือไม่

2
กังวลเกินไปก็เท่านัน เตรียมตัวรับมือให้รอบด้านต้องไม่
ผิดแน่ บ้านหลิวชิงซงใกล้พระราชวัง ทังยังเป็ นแหล่งรวม
ของขุนนาง สมควรไม่มีเรืองใดเกิดขึน แค่กลัวมีคนจับ
ตัวข่มขู่เหมือนครังก่อน ต้องเพิมการระวังป้องกันหรัน
อวินให้มากขึน

หรันเหยียนกําลังจะไปหาหรันอวินเซิง ก็มีสาวใช้เข้ามา
รายงานว่า "คุณชายมาแล้วเจ้าค่ะ"

"พวกท่านทําธุระกันไปก่อน ข้าจะออกไปดู" หรันเหยี


ยนลุกขึนกล่าว

นางหลัวกล่าวว่า "ได้"

3
หรันเหยียนเดินออกจากประตู เห็นหรันอวินเซิงสวมชุด
คอกลมสีแดงเข้ม บนใบหน้าหล่อเหลาน่าตระหนกไว้
หนวดเครา ปกปิ ดรูปโฉมไปหลายส่วน ยิงแลดูเป็ น
ผูใ้ หญ่สขุ มุ เยือกเย็น

"อาเหยียน" หรันอวินเซิงยิม ดวงตากระจ่างเป็ นประกาย


ไม่อาจซ่อนความฉลาดเฉลียวไว้ได้ "ได้ยินว่าเจ้ามาแต่
เช้าแล้ว ข้าเพิงหาเวลาว่างได้"

"พีสิบ ช่วงนีเป็ นอย่างไรบ้าง" เพราะหลังแต่งงานมีเรือง


ราวเกิดขึนกับหรันเหยียนไม่หยุด ทุกครังทีพบหน้ากันก็
รีบร้อน ไม่มีเวลานังคุยกันดีๆ

4
หรันอวินเซิงยิมน้อยๆ กล่าวว่า "ดีทีเดียว ไปนังในสวน
ดอกไม้ดีหรือไม่"

หรันเหยียนรับคําดังอือ

ทังสองเดินตามทางระเบียงคดเคียวไปสวนดอกไม้ หญิง
รับใช้เดินตามมาด้านหลังอยูห่ า่ งๆ

หรันเหยียนเงยหน้ามองหรันอวินเซิงอย่างถ้วนถี มักรูส้ กึ
ว่าเขามีอะไรไม่คอ่ ยเหมือนเดิม

หรันอวินเซิงเห็นเธอมองอย่างตังใจ ดวงตาปรากฏรอย
5
ยิม "เพิงไม่เจอกันเดือนกว่า อาเหยียนจําพีสิบไม่ได้แล้ว
หรือ"

หรันเหยียนส่ายหน้า "เพียงแต่ไม่ได้มองท่านอย่าง
ละเอียดนานแล้ว"

เธอพลันเข้าใจ ในรอยยิมของหรันอวินเซิงขาด 'ความ


ร้อน' ยังจําได้วา่ รอยยิมตอนเขาอยูท่ ีซูโจวแม้อบอุน่ แต่ก็
แฝงความร้อนแรง ด้วยรูปลักษณ์มีความรูง้ ามสง่า ทุกผู้
คนรับรูไ้ ด้ถงึ ความร้อนแรงทีแผ่ออกมาจากจิตวิญญาณ
ทําให้ผคู้ นได้รบั อิทธิพลจากรอยยิมของเขาโดยไม่รูเ้ นือรู ้
ตัว ตอนนันมองรอยยิมเขา ก็เป็ นความสุขชนิดหนึง

6
แต่ตอนนี กลับเป็ นความเย็นจางๆ ระคนอยูใ่ นความ
อ่อนโยน แม้ได้พบเธอจะดีใจจริงๆ แต่ความดีใจก็ไม่อาจ
ชดเชยสิงทีขาดหายไปจากจิตวิญญาณนันได้

ไม่แน่วา่ หลังจากผ่านเรืองราวมามากมาย คนล้วน


เปลียนไปกระมัง มีคนและเรืองใดทีไม่เปลียนแปลงบ้าง

ในวันมหามงคลเช่นนี หรันเหยียนก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเรืองไม่
สบายใจเหล่านี เปลียนหัวข้อสนทนา “ชิงเอ๋อร์เป็ นอย่าง
ไรบ้าง ข้าอยากไปดูเขา”

หรันหย่งชิงเป็ นชือทีหรันอวินเซิงตังให้บตุ รชาย เด็กผูน้ นั


ตอนนีอายุเกือบสองขวบ รับสืบทอดดวงตาคูง่ ามจาก

7
หรันอวินเซิง หน้าตาดียงิ ตอนนีส่งเสียงอ้อๆ แอ้ๆ หัดพูด
น่ารักน่าเอ็นดูเป็ นพิเศษ

“ในบ้านเสียงดังอึกทึก ข้าให้เอ่อร์ตงพาเขาไปอยูท่ ีเรือน


ชนบทสักหลายวัน” หรันอวินเซิงเห็นหรันเหยียนผิดหวัง
อยูบ่ า้ ง ยิมก่อนกล่าว “วันหน้าข้าจะพาเขาไปทีเรือนให้
เจ้าดู”

หรันเหยียนยิมก่อนกล่าว “อย่าลําบากเด็กเลย ข้าว่าง


แล้วจะมาเยียมเขา ตอนนีลูกสามคนของข้าเรียกคนได้
แล้ว จําคนก็ได้ พีสิบ ท่านมาเยียมพวกเขาบ่อยๆ เถิด
ท่านเป็ นพีชายแท้ๆ ของข้า อย่าใส่ใจเรืองลําดับชัน
ฐานะเหล่านันเลย รอเด็กๆ โตอีกหน่อย ข้าจะพาพวก
เขามาเยียมท่าน”
8
“ได้” หรันอวินเซิงรับปาก ถามต่อว่า “จริงสิ คนจากบ้าน
เดิมก็มา อาเหยียนต้องการพบหรือไม่”

สําหรับคนจากบ้านเดิมหรันเหยียนไม่มีไมตรีจิตให้เอ่ย
ถึงได้สกั นิด “ไม่พบ พบแล้วรังแต่จะเพิมความกลัดกลุม้
ข้าเพียงถือทีนีเป็ นบ้านมารดาข้า สกุลหรันในซูโจวกับข้า
ไม่มีความสัมพันธ์ตอ่ กันอีก ข้าติดค้างบุญคุณให้กาํ เนิด
เลียงดู แต่พวกเขาก็ได้ผลประโยชน์มากมายจากการที
ข้าแต่งเข้าสกุลเซียวมิใช่หรือ”

นับจากหรันเหยียนแต่งเข้าสกุลเซียว สกุลหรันก็ได้อาศัย
ใบบุญของตระกูลใหญ่ อยูท่ ีใดผูอ้ ืนก็ตอ้ งให้เกียรติ
หลายส่วน กอปรกับหรันเหยียนเอาไหน หนึงท้องคลอด
9
สามคน สกุลเซียวทังตระกูลให้ความสําคัญเป็ นพิเศษ
เพือให้พืนเพของหรันเหยียนคูค่ วรกับฐานะมารดาของ
ทายาทภรรยาหลวง สกุลเซียวจึงดูแลสกุลหรันอย่างดี
คนในตระกูลทีเป็ นขุนนางเรียกได้วา่ ประสบความสําเร็จ
ได้เลือนขัน กลายเป็ นตระกูลทีรุง่ โรจน์ทีสุดในซูโจว ใน
แถบหวายหนานและเจียงหนานก็นบั เป็ นตระกูลใหญ่สงู
ศักดิได้

“ช่างเถิด พวกเขาทําให้เจ้าเสียใจก่อน เจ้าก็ไม่จาํ เป็ น


ต้องลดตัวลงไปหาพวกเขาจริงๆ” หรันอวินเซิงถอนใจ

“วันมหามงคล พีสิบถอนใจทําอะไร ข้าไม่ใส่ใจ มีอาสาม


อาสะใภ้ ยังมีทา่ นและอาอวิน ข้าพอใจแล้ว” หรันเหยี
ยนกล่าวยิมๆ
10
เดิมทีหรันเหยียนหมายถามหรันผิงอวีว่ายินดีละทิงชน
ชันพ่อค้าหรือไม่ หากเขายินดี ให้เซียวซ่งหาเส้นสายช่วย
เขาเข้ารับราชการ ทว่าตอนนีเสียงอันตรายอยูใ่ นห้วงลึก
แห่งการชิงอํานาจ กอปรกับคําสังเสียก่อนตายของหลิว
ผินรัง หรันเหยียนรูส้ กึ เหนือยหน่ายอยูบ่ า้ ง

ยิงกว่านันตอนนีก็ไม่ใช่โอกาสเหมาะสําหรับการเข้ารับ
ราชการ เธอจึงยังไม่ถามเรืองนีชัวคราว

“คุณชาย เซียนเหลียงฮูหยิน”

หญิงรับใช้นางหนึงวิงมาจากทางน้อย

11
ทังสองชะงักเท้า หรันอวินเซิงถาม “เรืองอะไร”

หญิงรับใช้คอ้ มกายน้อยๆ คารวะ "เมือครูม่ ีคนเรือนสกุล


เซียวมาแจ้งว่า คนจากทีว่าการมาเชิญตัวเซียนเหลียง
ฮูหยิน บอกว่าเป็ นเรืองสามของสามหน่วยงาน เชิญฮูห
ยินไปศาลต้าหลีสักครัง"

หรันเหยียนชะงักครูห่ นึง ช่วงนีสามหน่วยงานเพียงดูแล


สืบสวนคดีของรัชทายาท เห็นว่ากําหนดปิ ดคดีใกล้มาถึง
เร่งรีบเรียกเธอไปเพียงนี เพือชันสูตรศพหรือเพือยืนยัน
คําให้การ?

12
หรันอวินเซิงกล่าวว่า "รีบเพียงนี เกรงว่ามีเรืองสําคัญ
เจ้าไปก่อนเถิด ไม่ตอ้ งไปบอกลาท่านแม่กบั อาอวิน
เดียวข้าจะบอกพวกนางเอง"

"ได้" หรันเหยียนพยักหน้า ก่อนนําคนติดตามหญิงรับใช้


นางนันไปถึงประตูดา้ นใน

คนรับใช้เรือนสกุลเซียวกําลังรออยูท่ ีนัน เห็นหรันเหยี


ยนก็รบี คารวะ "ฮูหยิน"

"บอกหรือไม่วา่ ให้ขา้ ไปศาลต้าหลีทําอะไร" หรันเหยี


ยนถาม

13
"ไม่ได้บอก ผูม้ าเพียงบอกว่าเตรียมเครืองมือให้ฮหู ยิน
พร้อมแล้ว เชิญฮูหยินติดตามเข้าวังก็พอ" บ่าวกล่าว

รถม้าเคลือนมาถึงหน้าประตูชนใน
ั หรันเหยียนบอกลา
หรันอวินเซิง เมือเข้าไปในรถพลันนึกถึงเรืองทีอยากพูด
ก่อนหน้านีได้ เลิกมูล่ ขึี นกล่าวว่า "พีสิบ ช่วงนีไม่คอ่ ย
สงบสุข จัดผูค้ มุ้ ครองขบวนส่งตัวอาอวินมากหน่อย คน
ในเรือนพอใช้หรือไม่"

"พอ" หรันอวินเซิงกล่าว

มีฐานะตําแหน่งอะไร จะเลียงผูค้ มุ้ กันได้มากเพียงไร นี


เป็ นกฎเกณฑ์ทีกําหนดไว้ แม้หรันอวินเซิงไม่บอกจํานวน

14
แต่คงมากกว่ากรอบทีกฎหมายถังอนุญาต

สําหรับพ่อค้าวาณิช นีก็เป็ นเรืองปกติ ขอเพียงจัดการทุก


ด้านอย่างดี ก็ไม่นบั เป็ นเรืองใหญ่อะไร ในเมือมีสมบัติ
ตระกูลต้องให้คมุ้ กัน

หรันเหยียนได้รบั คําตอบก็วางใจ

ขบวนเร่งเดินทางกลับเรือน เจ้าหน้าทีจากศาลต้าหลี
วิตกจนเหงือออกเต็มศีรษะ เห็นหรันเหยียนก็รบี กล่าวว่า
"เซียนเหลียงฮูหยินไม่ตอ้ งเปลียนชุดไก่ฟา้ ตรงไปศาล
ต้าหลีเลย ไม่ตอ้ งเข้าวังใน เมือครูใ่ นวังมีคนตายหนึงคน
บาดเจ็บสาหัสหนึงคน สามหน่วยงานสังผูน้ อ้ ยมาเชิญ

15
ฮูหยินไปตรวจสอบโดยเฉพาะ"

หรันเหยียนลังเลครูห่ นึงก่อนกล่าว "ขอดูปา้ ยมัจฉาของ


ท่านสักคราได้หรือไม่"

ป้ายมัจฉาคือ 'บัตรประจําตัว' ของขุนนางราชสํานักถัง


บนป้ายมัจฉาสลักชือแซ่ของขุนนาง ตําแหน่งหน่วยงาน
ลําดับขัน เบียหวัดเงินเดือน สวัสดิการยามเดินทาง ฯลฯ
ต้องพกติดกาย ยามเข้าออกพระราชวังต้องตรวจสอบ

เจ้าหน้าทีตะลึงงัน ก่อนตังสติได้ ตอนนีเกิดเรืองขึนมาก


มาย เซียวซ่งก็เป็ นขุนนางผูร้ บั ผิดชอบคดีนี
ยากรับประกันได้วา่ มือสังหารจะไม่จดั การคนในครอบ

16
ครัวเขา หรันเหยียนระมัดระวังบ้างก็สมเหตุผล จึงรีบ
ล้วงป้ายมัจฉาออกมา

หรันเหยียนรับมาดูครูห่ นึง เธอเคยเห็นป้ายมัจฉาของ


เซียวซ่ง ทําด้วยเงิน แต่ปา้ ยมัจฉาของเจ้าหน้าทีผูน้ ีเป็ น
ทองแดง เล็กกว่าของเซียวซ่งมาก ขนาดของป้ายมัจฉา
แบ่งตามลําดับขันและตําแหน่ง เมือหรันเหยียนตรวจ
สอบได้วา่ เป็ นของจริง จึงส่งคืนเขา "ขออภัย ช่วงนีข้า
หวาดกลัวอยูบ่ า้ ง"

"เซียนเหลียงฮูหยินทําเช่นนีก็สมควรแล้ว" เจ้าหน้าที
กล่าว

17
หรันเหยียนกล่าว "ไปเถิด"

"ขอรับ" เจ้าหน้าทีรีบออกไป จับบังเหียนโหนตัวขึนม้า รอ


หรันเหยียนขึนรถม้าแล้ว ก็สะบัดแส้นาํ ทางอยูด่ า้ นหน้า

องครักษ์เรือนสกุลซ่งก็ตามไปด้วย ส่งหรันเหยียนถึง
ประตูวงั แล้วค่อยกลับไป

เจ้าหน้าทีอดปาดเหงือไม่ได้ ลอบคิดว่าควรระวังไม่ผิด
แต่เซียนเหลียงฮูหยินระมัดระวังเกินไปกระมัง เขาไปที
ประตูวงั ล้วงป้ายมัจฉาให้องครักษ์เฝ้ารักษาการณ์ ก่อน
ควักหนังสือผ่านทางทีออกโดยทางการฉบับหนึงจากใน
แขนเสือ เช่นนีแม้หรันเหยียนไม่สวมเครืองแบบฮูหยิน

18
แต่งตังก็เข้าวังได้

รถม้าเคลือนตัวเข้าประตูวงั ตรงไปยังศาลต้าหลีจากทาง
ลัด

เร่งรุดตลอดทาง ตอนเริมวิงอยูบ่ นพืนศิลาเรียบๆ ยังดี


หน่อย หลังเลียวหนึงโค้งก็ขรุขระขึน รถม้าโคลงเคลงจน
มีเสียงดังกึงกัง

เพราะโคลงเคลงมากเกินไป หรันเหยียนรีบทรงกายให้
มันคง แต่เคลือนไปครูห่ นึง เธอพลันรูส้ กึ ไม่ถกู ต้อง

ผิดปกติทีใด?
19
หรันเหยียนสงบใจไตร่ตรอง เสียงฝี เท้าม้าและเสียงล้อ
รถลอยเข้าหู เธอพลันสะดุง้ --- เสียงฝี เท้าม้าลดหายไป!

เมือครูเ่ จ้าหน้าทีผูน้ นยั


ั งขีม้าอยูด่ า้ นข้าง ไม่รูห้ ายไป
ตังแต่เมือไร ทว่านับจากเลียวโค้งมา ความจริงก็ไม่นาน
เท่าไร และไม่ได้ยินเสียงฝี เท้าม้าจากไปด้วย!

หรันเหยียนเลิกมูล่ เบาๆ
ี มองไปนอกหน้าต่าง ไม่เห็นผู้
คน จึงถือโอกาสชะโงกออกไปดูขา้ งหลัง

ในสายตาทีโคลงเคลง เห็นม้าหยุดอยูด่ า้ นหลังนอกระยะ


สามจัง เจ้าหน้าทีล้มลงบนทางน้อย เลือดใต้รา่ งเขาแผ่

20
ขยายออก เธอหวาดหวันขนหัวลุก มองไปรอบด้าน ทีนี
เป็ นทางใต้รม่ เงาไม้ทีพืชพรรณแน่นขนัด รอบด้านไม่มี
องครักษ์ หน้าหลังก็ไม่มีใคร

ต้องร้องเสียงดังให้คนช่วยหรือไม่ ฆาตกรรอซุม่ โจมตีอยู่


ทีนี เห็นได้ชดั ว่าเข้าใจการวางกําลังรักษาการณ์ในวัง
เป็ นอย่างดี แม้เธอตะโกน ก็เกรงว่าคงไม่มีใครได้ยินโดย
เร็ว

ตอนหรันเหยียนกําลังไตร่ตรองหาวิธีรบั มือ มูล่ รถพลั


ี น
ถูกเปิ ดออก ใบหน้าหล่อเหลาใบหนึงยืนเข้ามา ยิมน้อยๆ
ให้เธอ "ไม่พบกันนาน เซียนเหลียงฮูหยิน"

21
เขาพลันหัวเราะ แววตาฉลาดหลักแหลมคุกคามผูค้ นที
คล้ายมีนาพุ
ํ ขงั อยูข่ า้ งใน เป็ นประกายแวววาวประหนึง
สายนํา

22
ตอนที 418 ร้อนรน

เผชิญกับดวงตาทีเห็นแล้วไม่อาจลืมเลือนคูน่ ี ริมฝี ปาก


แดงฟั นขาวสะอาด หรันเหยียนกล่าวช้าๆ ว่า “อันจิน”

ไม่วา่ เป็ นหรันเหยียนหรือเซียวซ่ง หรือเจ้าหน้าทีคนใด


คนหนึงในสามหน่วยงาน ล้วนไม่รูส้ กึ ว่าอันจินเป็ นผู้
บริสทุ ธิ แต่ก็คิดว่าเขาเป็ นเพียงขันทีทีช่วยทํางานให้
รัชทายาท! แต่ตอนนีดูแล้ว ไม่ใช่เช่นนี?

“ฮูหยินยังจําข้าได้” ทังดวงตาทังคิวของอันจินแฝงรอย
ยิมทีสดใสเพียงนัน ประหนึงยามแรกพบ ดังเทพยดาที
ตกลงมาสูโ่ ลกโลกีย ์

1
“จุดประสงค์ทีเจ้าขวางข้า” หรันเหยียนถามอย่างสงบนิง

อันจินปล่อยม่านรถลง หมุนกายหันหลังให้หรันเหยี
ยนตังใจบังคับรถม้า “ฮูหยินเป็ นคนฉลาด อย่าหมาย
ตะโกนขอความช่วยเหลือเด็ดขาด อย่าคิดทําร้ายข้าจาก
ด้านหลัง ฮูหยินมีลกู น่ารักสามคน ท่านคงไม่อยากให้
พวกเขาเกิดเรือง ใช่หรือไม่”

หรันเหยียนมองเงาหลังเขาอย่างเย็นชา

อันจินตะแคงหน้ามา มุมปากเชิดขึนน้อยๆ “ฮูหยินไม่


เชือหรือ เรือนท่านมีคนหนึงชือเกอหลันใช่ไหม คนทีหลี

2
เต๋อเจียนชมชอบผูน้ นั ฮูหยินไว้ใจนางหรือไม่”

“เป็ นไปไม่ได้!” หรันเหยียนตอบอย่างเด็ดขาดหนักแน่น

อันจินเอนพิงข้างประตูรถ มองหรันเหยียนผ่านทางซีมูลี
ไม้ไผ่ ยิมงามล่มเมือง “ฮูหยินยังคงสงสัย มิฉะนันคงลง
มือสังหารข้าทันที”

หรันเหยียนนิงเงียบ เธอไม่ใช่คนเชือคนง่าย ทว่าเมือใดที


เชือใจใครสักคน หากไม่ใช่ความจริงปรากฏขึนตรงหน้า
เธอจะยืนกรานเชือใจไม่คลางแคลง ดังนันเธอไม่มีวนั
สงสัยเกอหลัน เพียงรูส้ กึ ว่านีเป็ นลูกเล่นทีอันจินใช้หลอก
ลวงผูค้ นอีกครา!

3
ทีหรันเหยียนไม่ลงมือ เพราะคิดว่าในเมืออันจินทําร้าย
เจ้าหน้าทีและคนรถล้มลงโดยไร้สมุ้ เสียงได้ ทังตอนนีก็
ไม่หวันเกรง วรยุทธ์เขาต้องไม่ตาต้
ํ อยแน่ อย่างน้อยฆ่า
เธอทันทีก็ไม่เป็ นปั ญหา

หรันเหยียนไม่สง่ เสียง ม้วนผ้าเช็ดหน้าให้เป็ นเกลียว


อย่างเงียบเชียบ จากนันผูกไว้ดว้ ยกัน

รูส้ กึ ถึงคนด้านหลังเงียบเชียบไร้การเคลือนไหว รอยยิม


ของอันจินแฝงแววอ่อนโยน “ฮูหยินทําให้ขา้ แปลกใจครัง
แล้วครังเล่า”

4
ความอ่อนโยนชนิดนีงดงามยิง คล้ายมาจากใจ สัน
คลอนใจผูค้ นได้โดยง่าย แต่ปรากฏขึนไม่ถกู เวลา มีแต่
ทําให้ผคู้ นสะท้านใจ

“เป็ นเจ้า” คนทีปรากฏกายในตึก หรันเหยียนนึกถึงทุก


คน ทว่าไม่เคยนึกถึงเขา

อันจินยังไม่ตอบ ก่อนรถม้าเข้าไปในซอยเปลียวแห่งหนึง
เขาหันกลับมากล่าวว่า “ฮูหยินไม่ตอ้ งร้อนใจ เชิญลง
จากรถก่อนเถิด”

หรันเหยียนมองข้างนอกแวบหนึง ตอนลุกขึนลงจากรถ
เธอโยนผ้าทีผูกแล้วไว้ใต้รถ

5
อีกสักครูอ่ นั จินต้องเคลือนย้ายรถม้าไปแน่ เขาคงไม่
ตังใจก้มศีรษะดูใต้ทอ้ งรถ หากเธอโชคร้ายโยนลงไปใน
ตําแหน่งไม่ดี เป็ นไปได้วา่ เพียงมองปราดเดียวก็เห็นแล้ว
แต่ตอนนีเธอไม่อาจหันกลับไปมองได้

“ฮูหยินเชิญ” อันจินกล่าว

ท่ามกลางแสงแดดขาวจ้า หรันเหยียนมองอันจินอย่าง
ใกล้ชิดเพียงนี อดรูส้ กึ แปลกใจอยูบ่ า้ งไม่ได้ คนผูน้ ีผิว
ขาวราวหยก ไม่มีตาํ หนิแม้แต่นิด ทว่าไม่เหมือนนัก
แสดงทีทาแป้ง ขนตายาวดังปี กสีดาํ ทอทาบเป็ นเงาใต้
ดวงตา บังแอ่งนําใสสองแอ่งนัน

6
หรันเหยียนเคยช่วยเขาหนึงครัง แต่เธอไม่กล้าไร้เดียงสา
ฝากความหวังไว้กบั บุญคุณครังเก่า ดังนันจึงลุกขึนลง
จากรถ

นีเป็ นซอยลึกรกร้าง หญ้าสูงถึงเอว แสงแดดแรงกล้า


แทบไม่อาจส่องถึงในนี ทีสุดซอยมีประตูเก่าผุพงั บาน
หนึง แม้ระยะทางจะห่างไกล หรันเหยียนยังมองเห็นสี
แดงบนประตูทีหลุดลอกออก เผยให้เห็นไม้ผสุ ีดาํ

“บอกจุดประสงค์ของเจ้า มิฉะนันข้ายอมตายบนทาง
แยกนี ก็ไม่เข้าไปเด็ดขาด” หรันเหยียนชะงักเท้า

7
เข้าไปในสถานทีนัน ต้องเผชิญกับอะไร ถูกทารุณจน
บาดแผลทัวร่างเหมือนจงซูจ่ ือของรัชทายาทกับหลิว
ผินรังหรือ หรือเป็ นบททดสอบท้าทายทางจิตวิทยาฉาก
หนึงของเธอ

“ไม่ตอ้ งห่วง ฮูหยินมีบญ


ุ คุณกับข้า หากไม่จาํ เป็ น ข้าไม่
เนรคุณแน่” อันจินคล้ายหมดความอดทน “ฮูหยินเชิญ
เข้าไปเถิด อย่าบังคับให้ขา้ ต้องลงมือ”

หรันเหยียนอยูด่ า้ นหน้า อันจินให้เธอเดินเลียบกําแพง


เข้าไป หรันเหยียนเดินอย่างเยือกเย็น แต่เธอยังชนถูก
พุม่ ไม้ขา้ งทางเป็ นระยะๆ อาศัยชายกระโปรงปิ ดหญ้าที
เหยียบล้มไปหลายต้น

8
เธอรูม้ องมาทางนี ความจริงไม่อาจมองเห็นต้นหญ้าที
โดนเหยียบล้มไม่กีต้นนีได้ แต่มีผา้ เช็ดหน้าเธอชีนํา เชือ
ว่าเซียวซ่งต้องหาพบแน่

ตอนใกล้ถงึ ประตูบานทีอยูส่ ดุ ทาง หรันเหยียนพลันรูส้ กึ


เจ็บทีท้ายทอย เบืองหน้ามืดมิด ไร้ความรูส้ กึ

……

ในศาลต้าหลี เซียจิงเส้าชิงอีกคนของศาลต้าหลีและหลี
เซิงชาง รองหัวหน้าสํานักตรวจการเฝ้าอยูห่ น้าห้องเก็บ
ศพ หนึงคนนังคุกเข่าบนเบาะรองนังหลับตาคล้ายทํา

9
สมาธิ อีกคนมือไพล่หลังเดินพล่าน

เดิมทีคนของศาลต้าหลีทีรับผิดชอบคดีนีคือซุนเจิน แต่
เขามีสว่ นเกียวข้องกับคดีจงึ ถูกพักงานสอบสวน โดยให้
เซียจิงเส้าชิงอีกท่านเข้ามาแทนที หน้าทีรับผิดชอบหลัก
ของเซียจิงคือการปรึกษาหารือเรืองการลงโทษหนักหรือ
เบา มีสว่ นร่วมในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย
อาชญากรรมบางส่วนในกฎหมายถัง ด้านการปิ ดคดียงั
ห่างไกลจากซุนเจิน แต่ศาลต้าหลีไม่มีเส้าชิงคนทีสาม

ผ่านไปครูห่ นึง เซียจิงเบิกตาโตกล่าวว่า “หลีจงเฉิง นังลง


ดืมชาสักถ้วยเถิด”

10
“ข้าดืมไม่ลง นีเวลาอะไรแล้ว ทําไมยังไม่มา หรือต้อง
อาบนําแต่งองค์ทรงเครืองด้วย!” หลีเซิงชางหงุดหงิด
กล่าว

“มิสพู้ รุง่ นีเชิญหลิวอีเฉิงมาดูดีกว่า” เซียจิงเสียงเรียบ

หลีเซิงชางฟั งแล้วยิงหงุดหงิด “อีกไม่กีวันแล้ว ถ้ารอต่อ


ไป ฝ่ าบาททรงถามใครจะรับผิดชอบ”

เซียจิงนิสยั เหมือนชือ มิเพียงสงบนิงอย่างยิง เวลาไหนก็


พูดจาเนิบนาบ ทังยังสุภาพอ่อนโยนทีสุด “อีกไม่นานคน
ทีไปรับก็กลับมา ไม่ตอ้ งร้อนใจกับเวลาแค่นี มาดืมชาสัก
ถ้วย”

11
หลีเซิงชางได้ยินก็โกรธเป็ นฟื นเป็ นไฟ ลอบด่าทอเกรียว
กราดในใจแต่แรก : ดืมๆๆ! รูจ้ กั แต่ดืม! ไม่รูจ้ ริงๆ ว่าศาล
ต้าหลีส่งเจ้ามาทําอะไร ตังแต่เช้าจนบัดนี เรียกให้ดืมชา
ไม่ใช่แค่สบิ ครังแล้ว อย่างอืนก็ไม่เห็นทําอะไร

อดทนอยูค่ รูห่ นึง หลีเซิงชางฝื นสะกดกลันความโกรธ ใช้


นําเสียงค่อนข้างอ่อนโยนเปลียนหัวข้อสนทนา “ไม่รูว้ า่ ที
แม่นาฉวี
ํ เจียง เซียวซือหลางมีความคืบหน้าใหม่บา้ งหรือ
ไม่”

“เซียวซือหลางทําคดีไม่เคยผิดพลาดเลย หลีจงเฉิง
สบายใจได้” เซียจิงกล่าวเนิบนาบ

12
หลีเซิงชางถอนใจอย่างอ่อนแรง เขากับเซียจิงคุยกันไม่
ถูกคอ เขาเอ่ยถึงเซียวซ่ง หลักๆ คือต้องการเตือนสติเซีย
จิง ในวันร้อนอบอ้าวเช่นนี ส่งผูอ้ ืนซึงเป็ นคนหนุ่มแข็ง
แรงออกไปตากแดดทีแม่นาฉวี
ํ เจียง พวกเขาสองผูเ้ ฒ่า
อยูท่ ีนีก็นบั ว่าสบายแล้ว หากทําเรืองอะไรไม่สาํ เร็จแม้
แต่นอ้ ย เรืองแพร่ออกไปจะน่าฟั งหรือ

ทังสองไม่พดู จา หลีเซิงชางกลัวเซียจิงพูดมากอีก จึงนัง


ลง ชะแง้คอยผูป้ ระสานงานมา

ผ่านไปครูห่ นึง เหอซือเจิงนําทหารสองแถวหามแผ่นไม้ที


ใช้ยกคนเลือดท่วมตัวเข้ามาคนหนึง เมือหลีเซิงชางเห็น

13
ลุกพรวดขึน ก้าวเท้าเร็วๆ เข้าไปรับ “เกิดอะไรขึน!”

“หลีจงเฉิง เซียเส้าชิง จางจู่ปู้ (ตําแหน่งทางราชการทํา


หน้าทีคล้ายเลขานุการในปั จจุบนั ) ถูกโจมตี เขา...” เห
อซือเจิงถอนใจ โบกมือสังคนให้แบกศพมา

หลีเซิงชางตะลึงงัน ผ่านไปครูห่ นึง เซียจิงถามว่า “เซียน


เหลียงฮูหยินเล่า”

“ไม่พบเซียนเหลียงฮูหยิน ผูน้ อ้ ยส่งคนไปยืนยันทีประตู


วังแล้ว ครึงชัวยามก่อนหน้านี จางจู่ปแู้ ละเซียนเหลียง
ฮูหยินเดินทางผ่านประตูวงั ” เหอซือเจิงกล่าวพลางรับ
กระดาษแผ่นหนึงมาจากมือทหารทีอยูด่ า้ นข้าง “ใน

14
สถานทีทีจางจู่ปถู้ กู ทําร้ายผูน้ อ้ ยพบตัวอักษรทีเขาใช้
เลือดเขียน ผูน้ อ้ ยสังคนลอกมาแล้ว”

หลีเซิงชางยืนมือรับกระดาษแผ่นนัน เพียงเห็นบนนัน
เขียนตัวอักษรขนาดใหญ่วา่ –-- วังตะวันออก

ด้านหลังคล้ายยังหมายเขียนอะไร แต่มีเพียงจุดเดียว ก็
ไม่ได้เขียนต่ออีก

“กล่าวเช่นนีเป็ นฝี มือของวังตะวันออก!” หลีเซิงชางโกรธ


เกรียว “วังตะวันออกจับตัวเซียนเหลียงฮูหยินไปคิดทํา
อะไร”

15
“เร็วเข้ารีบไปเชิญเจ้ากรมอาญาและหัวหน้าศาลต้าหลี
มา” เซียจิงก็นงไม่
ั ติด ระดับความเร็วในการพูดก็เร่งร้อน
ขึนบ้าง

พวกเขาไม่ได้สง่ องครักษ์ไปเพราะจากตรอกผิงคังถึงใน
วังมีระยะทางเพียงสันๆ อีกอย่างผูค้ นสัญจรไปมา
องครักษ์มากมายนับไม่ถว้ น หากเช่นนียังเกิดเรืองอีก
เช่นนันก็เป็ นเรืองใหญ่! ใครก็นกึ ไม่ถงึ ฆาตกรยังกําเริบ
เสิบสานกว่าทีพวกเขาคาดคิดไว้รอ้ ยเท่า ถึงกับกล้าลง
มือในวังหลวง

เห็นได้ไม่ยาก ฆาตกรเห็นชีวิตตนเองเป็ นเพียงธุลี

16
และคนผูน้ ีไม่มีทางเป็ นรัชทายาท

“เหอซือเจิง จัดการศพจางจู่ปใู้ ห้ดี ข้าจะไปรายงานฝ่ า


บาท บ้าบินเกินไปแล้ว ไม่เชือว่าเขายังกล้าดักฆ่าข้าใน
วัง” หลีเซิงชางขบเขียวเคียวฟั น สะบัดแขนเสือไป
ตําหนักกานลู่

เชิญหรันเหยียนมาชันสูตรศพ เป็ นความคิดของหลี


เซิงชาง หากเธอเป็ นอะไรจริงๆ...ในหมูช่ าวบ้านลือกันว่า
เซียวซ่งหลงภรรยาประหนึงคลัง...เขาจะอธิบายกับเซียว
ซ่งอย่างไร

หลีเซิงชางเป็ นคนนิสยั วูว่ ามเป็ นทุนเดิม ตอนนีอารมณ์

17
ทุกอย่างปะทุขนึ ล้วนกลายเป็ นความโกรธพลุง่ พล่าน
ไม่สบั คนผูน้ ีเป็ นหมืนชิน คงระบายความเคียดแค้นในใจ
ไม่ได้

ดวงอาทิตย์รอ้ นแรง พืนดินร้อนระอุ พอดีเหมือนอารมณ์


ของทุกคนในวังตอนนี

ตังแต่เช้าในวังมีคนตายสองคน เจ็บสาหัสหนึงคน ฮูห


ยินแต่งตังนางหนึงถูกจับ เป็ นตายยังไม่รู ้ นอกจากพวก
เซียวซ่งทีอยูแ่ ม่นาฉวี
ํ เจียง คนทีเหลือของสามหน่วยงาน
เหมือนถูกจับขึนห้างผิงไฟ

โอรสสวรรค์พิโรธ หัวหน้าศาลต้าหลี เจ้ากรมอาญาฝ่ า

18
แสงแดดร้อนแรงเร่งรุดไปห้องหนังสือทีตําหนักกานลู่

ตอนนีกององครักษ์รกั ษาวังหลวงก็ขวัญผวา ทังหมด


เตรียมพร้อมตลอดเวลา รอเบืองบนออกคําสัง ก็เริมค้น
หาคน ในวังไท่จีทีมีการรักษาการณ์เข้มงวดกลับเกิด
เรืองเช่นนีขึน มิใช่เป็ นการท้าทายองครักษ์รกั ษาวังหลวง
เท่านัน แต่เป็ นการท้าทายต้าถังทังหมด

……

กลินดอกไม้หอมลอยล่อง ลมเย็นสบาย

หรันเหยียนไม่รูว้ า่ ตนเองหมดสติไปนานเท่าไรจึงฟื นขึน


19
มา

เมือลืมตาขึน ทิวทัศน์เบืองหน้าทําให้เธอตกตะลึง ด้าน


นอกดูรกร้าง แต่ในเรือนน้อยหลังนีกลับมีดอกไม้ประชัน
ความงามกัน เก็บกวาดสะอาดยิง ในส่วนลึกของวัง ใน
สถานทีรกร้าง พลันเห็นสถานทีเช่นนี ก็เหมือนพลัดเข้า
ไปในสวนสวรรค์ก็มิปาน

และสองมือสองเท้าของเธอถูกมัดไว้ นอนตะแคงอยูบ่ น
ตังอ่อนนุ่มใต้เงาไม้

เธอขยับกายครูห่ นึง พลันได้ยินเสียงกล่าวจากเหนือ


ศีรษะว่า “ท่านฟื นแล้วหรือ”

20
หรันเหยียนมองตามเสียงไป เห็นดอกใบสดใสของต้นเห
อฮวาน (ต้นจามจุร)ี ใบแน่นขนัดราวร่ม อันจินทีสวมชุด
ผ้าดิบคอป้ายแขนกว้างนอนตะแคงอยูบ่ นกิงไม้ยืนขวาง
มือเรียวยาวดังหยกถือม้วนหนังสือวางไว้บนเข่าทีชันขึน
ผมดําขลับเปี ยกชืนสยาย ขนตายาวทีเหมือนปี กสีดาํ บัง
ดวงตาแฝงรอยยิมทีกําลังมองเธออย่างเกียจคร้านสบาย
อกสบายใจไว้ครึงหนึง

แม้แต่หรันเหยียนทีเป็ นคนไม่นบั ว่าตืนเต้นกับความงาม


ในช่วงทีสมองมึนงงหนักอึงเห็นภาพเช่นนี ยังเคลิบเคลิม
อยูพ่ กั หนึง คิดว่าตนเองพลัดหลงเข้าไปในแดนเซียน

21
ตอนที 419 เกิดขึนเพราะใคร

สายลมพัดเอือย ดอกเหอฮวานงดงามสันไหวประหนึง
เมฆงามเจิดจรัส อันจินทีอ่อนโยนเช่นนี ทําให้คนงุนงง
เกินไป แม้หรันเหยียนคุน้ เคยกับการใช้ความคิดอย่างมี
เหตุผลไตร่ตรองปั ญหา ตอนนีกลับจินตนาการไม่ออก
สักนิด บุรุษ...ตรงหน้าทีคล้ายไม่แปดเปื อนกลินอายใน
แดนมนุษย์ผนู้ ี ก่อกวนให้เกิดการฆ่าฟั นในนครฉางอัน
อย่างบ้าคลังดุจฮิสทีเรีย...เช่นนัน

หรันเหยียนพูดถ้อยคํางดงามไม่เป็ น ในห้วงสมองมีเพียง
คําทีเข้ากันแต่ดอ้ ยกว่าภาพงามในขณะนีเล็กน้อย นัน
คือ ‘งดงามสุดแสน’

1
อาจเพราะตอนช้าเกินไป บนกายของอันจินจึงยังมี
ลักษณะเฉพาะของบุรุษชัดเจนหลายอย่าง ไม่ได้มีทา่
ทางเป็ นผูห้ ญิงอย่างสมบูรณ์เช่นขันทีคนอืนๆ

หรันเหยียนเบือนสายตา ลุกขึนนังจากตัง “เจ้าจับข้ามา


คิดทําอะไรกันแน่”

“เซียวเซวียนจือบอกข้าว่าในมือท่านมีหลักฐานทีหลีไท่
คิดกบฏฉบับหนึง” อันจินกล่าว

มีสงร้
ิ องขอย่อมดีทีสุด หรันเหยียนเงยหน้ามองเขา “เจ้า
อยากได้สงนั
ิ นหรือ”

2
อันจินกําหมัด เท้าศีรษะไว้ แค่นเสียงดัง ‘เฮอะ’ทีไม่รู ้
ความหมายดังมาจากโพรงจมูก อีกมือหนึงเคาะม้วน
หนังสือบนเข่าเป็ นระยะๆ “สกุลเซียวพวกท่าน กลับมีคน
เก่งปรากฏไม่ขาด เซียนเหลียงฮูหยินต้องคิดไม่ถงึ แน่
เรืองทังหมดเกิดขึนเพราะเซียวเซวียนจือ”

หรันเหยียนตกใจจริงๆ ด้วย เธอไม่เคยสงสัยเซียวเซ


วียนจือเลย เธอคิดว่าในสามหน่วยงานก็คงไม่มีใคร
สงสัยเขา หรันเหยียนหลุบตา ประเมินว่าประโยคนีของ
เขามีความน่าเชือถือสักกีส่วน

ในเรืองนีมีเงาของเซียวเซวียนจือปะปนอยูจ่ ริง แต่เขา


เพียงมอบหลักฐานทีหลีไท่คิดกบฏให้รชั ทายาท ทีเหลือ
ก็ไม่เห็นร่องรอยทีเขาเข้าไปเกียวข้องอีก
3
อันจินคล้ายอ่านใจของหรันเหยียนออก เหมือนคุยเล่นก็
ไม่ปาน “ความจริงเซียวเซวียนจือและสามีทา่ นมีฝีมือทัด
เทียมกัน เขาไม่ได้ออกอุบายวางแผนการก็จริง ทว่าเขาก็
ผลักดันเรืองทังหมดนีอย่างเงียบเชียบ มักทําให้เรืองนี
ดําเนินต่อไปได้ในเวลาทีเหมาะสมทีสุด รัชทายาทกลับ
ไม่รูต้ วั เลย”

ความเคลือนไหวในการเคาะม้วนหนังสือของเขาชะงัก
ครูห่ นึง “บุตรชายของตงหยางฮูหยินก็ไม่เลวเลยจริง
ฮ่า!”

อันจินหัวเราะเบาๆ ค่อยๆ ลุกขึนนัง เปลียนอิรยิ าบถที

4
สบายยิงกว่า

“แล้วเจ้าเล่า” หรันเหยียนรูส้ กึ ว่าถึงอย่างไรในเวลาสันๆ


คงไม่มีโอกาสหลบหนี จึงน่าจะทําเรืองนีให้กระจ่างชัด

“เซียนเหลียงฮูหยินพบอันตรายไม่เคยเสียกระบวนเสมอ
จริงๆ ข้าชืนชอบยิง บอกความจริงให้ทา่ นรูก้ ็ได้” อันจินก
ล่าว “เซียวเซวียนจือพอดีจาํ เป็ นต้องใช้ประโยชน์จากข้า
และข้าก็พอดีจาํ เป็ นต้องใช้ประโยชน์จากเขา เช่นนีเท่า
นัน”

หรันเหยียนปะติดปะต่อเรืองจากหน้าไปหลัง ก็เข้าใจ
เรืองราวทังหมด

5
คุณชายเซียวสิบทําเช่นนีเข้าใจได้ง่ายยิง เขารูส้ กึ มา
ตลอดว่ามารดาตนเองเป็ นคนไร้นาใจ
ํ ทว่าในช่วงสุด
ท้ายของชีวิตนาง เขาจึงมีโอกาสเข้าใจ ทีแท้มารดาเพียง
ไม่รูจ้ ะอยูร่ ว่ มกับเขาอย่างไร

ย้อนคิดถึงตลอดชีวิตของตงหยางฮูหยิน นอกจากความ
เดียวดาย ก็คือความรันทด บุตรชาย คือสิงประโลมใจ
อย่างเดียวในชีวิตนาง นางจะไม่ใส่ใจจริงๆ ได้อย่างไร

เซียวเซวียนจือรูท้ ีมาของเรือง ก็เข้าใจว่ามารดาปกป้อง


เขาในทางลับอย่างถ้วนถีถึงเพียงไหน ความรักของ
มารดาทียิงใหญ่ประดุจขุนเขาประดังเข้ามา เกรงว่าเขา

6
ยากรับได้ในเวลาสันๆ

ตงหยางฮูหยินถูกหลีเค่อสังหาร ความเคียดแค้นนีย่อม
เพิมมากขึนจนไม่อาจต้านทานได้

เซียวเซวียนจือยืมมือรัชทายาท กําจัดหลีเค่อ ก็สมเหตุ


สมผล แต่เซียวเซวียนจือไม่ใช่ขนุ นางราชสํานัก ยาม
ปกติอยากพบรัชทายาทไม่ง่ายดายเช่นนัน ดังนันการ
ติดต่อกับรัชทายาท ต้องให้อนั จินเป็ นตัวกลาง

“เป็ นเซียวเซวียนจือบอกเจ้าว่ามารดาของเขายังมีบริวาร
เก่ากลุม่ หนึงหรือ” หรันเหยียนถาม

7
“ถูกต้อง” อันจินกล่าว

“กล่าวเช่นนี เจ้าล่อข้าไปทางลับ เป็ นเซียวเซวียนจือจง


ใจวางแผนใช่หรือไม่” หรันเหยียนขมวดคิว เธอเองก็เคย
คิดถึงความเป็ นไปได้นี แต่หากว่าทังหมดเป็ นแผนของ
เซียวเซวียนจือ เช่นนันเขาก็น่ากลัวเกินไป

“เซียวเซวียนจือหรือ เฮอะ!” อันจินขมวดคิว ก็งด


งามมีเสน่ห ์ “เซียวเซวียนจือเพียงบอกข้าว่ากําลังขุมนัน
ใช้ได้ คนโง่เขลาเหล่านันกลับละเมอเพ้อพกจะควบคุม
ข้า เฮอะ ข้า...ไร้อิสระ ทว่าใช่วา่ ใครจะควบคุมข้าก็ได้”

เมือพูดจบ สายตาอันจินมีรงั สีอาํ มหิตปรากฏ สีหน้าที

8
สงบนิงเกินธรรมดามาตลอด ก็มีรอยร้าว

เห็นชัดเจนว่าอันจินมีชีวิตอยูใ่ นโลกของตนเอง เขาอยาก


พูดอะไร ไม่มีวนั ถูกใครบงการ จนถึงตอนนีหรันเหยี
ยนถามไปหลายครัง ทว่ายังไม่เข้าใจว่าเขาจับตนเองมา
ทีนีทีแท้คิดทําอะไรกันแน่

เขาคล้ายไม่อยากสังหารเธอ และไม่อยากได้อะไรจาก
ตัวเธอ เช่นนีเธอออกจะคลําทางไม่ถกู อดคิดตะล่อม
ถามไม่ได้ “อันจิน...”

“อย่าเรียกชือนี” อันจินตัดบทเธออย่างเย็นชา

9
สวนเงียบสงบลง เสียงจักจันร้องเป็ นระยะๆ ผ่านไปครู ่
หนึง อันจินจึงกล่าว “ต้วนอวินไจ้”

นีคือชือเดิมของอันจิน แต่ในโลกนี ไม่มีใครจําได้แล้ว


และไม่มีใครใคร่ใส่ใจ

“สกุลต้วนพวกเรา เหลือทายาทเพียงข้าคนเดียว ปี นนั


ตระกูลพบภัยพิบตั ิ คนทังครอบครัวเสียงตายส่งข้าออก
มา ส่งมาถึงฉางอัน...เมืองหลวงทีนางคณิกาคนนอก
ด่านยังมีพืนทีให้อยู่ แต่ไม่มีทีอยูส่ าํ หรับข้า!”

พริบตานัน หรันเหยียนคล้ายเห็นนําตาใสแจ๋วไหลลง
จากดวงตาสดใสเฉลียวฉลาดคูน่ นั

10
อันจินใช้ตาํ ราปิ ดหน้าไว้ เสียงเบาแหบพร่า “ไม่เอาไหน
เลยใช่หรือไม่”

“ในยามทุกข์ยาก ความตายคือการหลุดพ้น มีชีวิตจํา


ต้องการความกล้าหาญ” หรันเหยียนกล่าว เธอพลันเข้า
ใจ เหตุใดหลีเต๋อเจียนจึงถูกลากเข้ามาในเรืองนี เพราะ
เขาเป็ นคนมอบอันจินให้รชั ทายาท

ตอนแรกอันจินเป็ นเพียงนักดนตรีในกองงานสังคีต ยังใช้


ชือว่าต้วนอวินไจ้ แม้ฐานะตําต้อย แต่อย่างน้อยเขาก็ยงั
เป็ นคนทีสมบูรณ์ เป็ นบุรุษทีสมบูรณ์ แม้สาํ หรับคนโดด
เดียวเช่นเขา การหลุดพ้นจากชนชันตํายากยิงกว่าปี นขึน
สวรรค์ แต่ใจเขาก็ยงั มีความหวัง แม้ตอ่ สูท้ งชี
ั วิตก็ยงั
11
บรรลุปรารถนานีไม่ได้ เช่นนันต่อให้ตายไปสูป่ รภพ ก็ยงั
มีหน้าไปพบบรรพชนได้

ทว่ากระทังความหวังริบหรีอันตําต้อยเช่นนี ก็เป็ นเพียง


ฝันทีเกินตัว

ทุกอย่างเริมต้นทีงานเฉลิมฉลองครังนัน จบลงทีการเข้า
วังตะวันออก โลกของเขาล่มสลาย นับจากนันมีเพียง
ความมืดมิดไร้ขอบเขต ความหมดหวังไร้ทีสินสุด!
กระทังความโปรดปรานทีหลีเฉิงเฉียนมีตอ่ เขา ล้วนเป็ น
ฝันร้าย

เจ็ดปี ก่อน

12
ในงานเลียงฉลองในวัง หลีเต๋อเจียนบังเอิญเห็นต้วนอวิน
ไจ้ผมู้ ีฝีมือโดดเด่นเกินใคร

ตอนนันหลีเต๋อเจียนยังเป็ นคุณชายเสเพลเต็มขัน พบ
เห็นสาวงามบุรุษหล่อเหลามามากมาย แม้โฉมหน้าของ
ต้วนอวินไจ้จะผ่านการปกปิ ด ยังคงถูกเขามองออกใน
แวบเดียว

ตอนนันต้วนอวินไจ้ยงั เป็ นเพียงเด็กหนุ่ม มีความคล้าย


สตรีอยูบ่ า้ ง ถูกหลีเต๋อเจียนเข้าใจผิดคิดว่าเป็ นสตรี หลัง
ผ่านการจงใจใกล้ชิดหนึงครังสองครา ในทีสุดก็รูว้ า่ เขา
เป็ นบุรุษ ขณะเดียวกับทีเสียดาย ก็ถกู สยบด้วยความรู ้

13
และความสามารถของเขา

เพราะเหตุนีจึงช่วยเหลือต้วนอวินไจ๋หลายครัง ตอนนัน
เขาซาบซึงใจยิง รูส้ กึ ว่าลูกหลานตระกูลใหญ่เช่นหลีเต๋อ
เจียน ไม่ถือเนือถือตัวปฏิบตั ิตอ่ เขาด้วยความเคารพใน
ระดับหนึง หาได้ยากยิงจริงๆ ดังนันคนสันโดษเช่นเขา ก็
ค่อยๆ พูดคุยกับหลีเต๋อเจียนมากยิงขึน

วันหนึงหลังจากรูจ้ กั หลีเต๋อเจียนได้หนึงปี หลีเต๋อเจียนบ


อกเขาว่า มีโอกาสหนึงอาจทําให้หลุดพ้นจากกองงาน
สังคีตได้

ต้วนอวินไจ้ลอบดีใจ รีบถามว่าโอกาสใด

14
หลีเต๋อเจียนบอกว่า ช่วงนีรัชทายาทชืนชอบการดนตรี
ขอเพียงได้รบั การชืนชมจากเขา เมือถึงเวลาข้าจะคอย
พูดสนับสนุน เมือเขาดีใจ การช่วยเจ้าหลุดพ้นจากชนชัน
ตํา ก็เป็ นแค่เรืองเพียงเอ่ยปาก

เขาตรึกตรองอยูน่ าน สุดท้ายก็ตดั สินใจพนันสักตัง

ด้วยการจัดการของหลีเต๋อเจียน ต้วนอวินไจ้ทีมีอายุสบิ
ห้าปี ก็ปรากฏตัวขึนเบืองหน้ารัชทายาทหลีเฉิงเฉียน

หลีเฉิงเฉียนลุม่ หลงการดนตรีมากจริงๆ ทังยังชืนชมฝี มือ


ของต้วนอวินไจ้อย่างยิง เรียกตัวเขาเข้าไปแสดงในวัง

15
ตะวันออกทุกครัง บางครังมีอารมณ์สนุ ทรีย ์ ยังถาม
ปั ญหาเกียวกับเรืองดนตรีจากเขาไม่นอ้ ย ต่อมาหลังจาก
นัน มิเพียงถามเรืองดนตรี ยังถามว่าปกติตว้ นอวินไจ้ชืน
ชอบทําอะไร ชอบอ่านตําราอะไร เข้าใจกาพย์กลอนหรือ
ไม่...

ต้วนอวินไจ้แสดงออกอย่างพอเหมาะพอดี นอกจากการ
ดนตรีทีโดดเด่น ด้านอืนๆ ล้วนแสดงออกตามระดับ
มาตรฐานทัวไป หลีเฉิงเฉียนก็ให้ความสําคัญกับเขา
มากยิงขึนตามทีคาดการณ์ไว้

ทว่าขณะเดียวกัน ต้วนอวินไจ้ก็พบเรืองทีทําให้เขาหวาด
กลัว สายตาทีหลีเฉิงเฉียนมองเขาอ่อนโยน รักใคร่ ไม่ใช่
ความรูส้ กึ ทีบุรุษปกติมองบุรุษด้วยกัน
16
แต่ตว้ นอวินไจ้ไม่มนใจ
ั ทังยังเคยเอ่ยถึงเรืองนีเป็ นนัยกับ
หลีเต๋อเจียน แต่ไม่รูว้ า่ หลีเต๋อเจียนฟั งรูเ้ รืองหรือไม่รูเ้ รือง
เลยไม่เคยตอบ

นับแต่นนั หลีเฉิงเฉียนเรียกเข้าเฝ้าสองครัง เขาล้วนอ้าง


ว่าป่ วยไม่ไป

หลังจากนันหนึงเดือน ต้วนอวินไจ้คิดว่าหลีเฉิงเฉียนคง
หันไปชอบอย่างอืน จึงค่อยๆ ผ่อนคลาย กลับมาใช้ชีวิต
อย่างเมือก่อน

กองงานสังคีตไม่รบั นักดนตรีทีอายุนอ้ ยเกินไป ใน

17
สถานการณ์ปกติอยูร่ ะหว่างอายุสบิ สองถึงสิบหกปี หลัง
อายุสบิ หกปี แล้วนักดนตรีก็ตอ้ งเริมร่วมแสดง ก็หมาย
ความว่า ไม่มีเวลาให้พวกเขาฝึ กซ้อมยาวนานนัก

ดังนันในกองงานสังคีต สําหรับนักดนตรีทียังเรียนไม่
สําเร็จ เป็ นช่วงทีลําบากแห้งแล้งยิง แต่ฝีมือบรรเลงพิณ
ของต้วนอวินไจ้เกือบสูสีกบั ครูผสู้ อน ทังยังมีความรู ้
กว้างขวางความจําดี ดังนันเทียบกันแล้วจึงสบายกว่า
มาก คนส่วนมากทุกวันต้องท่องทํานองเพลงจนดึกดืน
แต่เขาไม่ตอ้ ง

ทว่าเพือไม่ให้โดดเด่นจากคนหมูม่ ากเกินไป ต้วนอวินไจ้


มักทําเหมือนคนอืน อยูใ่ นห้องดนตรีจนดึกดืนค่อนคืน

18
กลางดึกเงียบสงัด ในห้องดนตรียงั สว่างด้วยแสงโคมไฟ

ต้วนอวินไจ๋ขมวดคิวจ้องมองทํานองเพลงทีเบืองหน้าตน
บนแก้มเขาแต้มจุดมากมาย แต่ยงั ยากปกปิ ดโฉมหน้า
งดงามได้

"อวินไจ้ อาจารย์ให้เจ้าไปทีห้องพิณ" พลันมีคนพูดเสียง


ดัง

ต้วนอวินไจ้ขอบคุณคําหนึง ก็ปิดตํารา ออกไปจากห้อง


ดนตรี เร่งเดินตามระเบียงทางเดินยาวไปห้องพิณ

19
บนระเบียงทางเดินมีโคมไม้ไผ่ทรงกลมแขวนอยู่ ด้าน
นอกกรุกระดาษเกาลี สว่างดังแสงจันทร์

"อาจารย์" ต้วนอวินไจ้ยืนเรียกทีนอกประตู

เสียงฝี เท้าดังในห้อง ต้วนอวินไจ้ประหลาดใจอยูบ่ า้ ง


ปกติอาจารย์ถือตัวหยิงยโส เหตุใดวันนีจึงมาเปิ ดประตู
ให้เขาด้วยตนเอง

เพิงคิดจบ ประตูก็ถกู เปิ ดออก ต้วนอวินไจ้อดทนไม่เงย


หน้า การบุม่ บ่ามมองหน้าอาจารย์ รังแต่จะทําให้เขา
โกรธ วันหน้าเกรงว่าจะลําบากยิง

20
เขาค้อมกายลงตํากว่าเดิม "อาจารย์"

เสียงยังไม่ทนั ขาดหาย ก็ถกู คนกระชากตัวเข้าไปอย่าง


แรง เสียงร้องตกใจของเขาตันคอหอย รอจนทรงตัวยืน
มัน รีบเหลือบตาดูคนทีดึงตัวเขา อดตะลึงไม่ได้

หลีเฉิงเฉียนกําลังยิมมองเขาด้วยสีหน้าหยอกเย้า

"รัชทายาท" ต้วนอวินไจ้รบี น้อมกายคารวะ

หลีเฉิงเฉียนยืนมือพยุงเขา "ก็บอกแล้วไม่ให้มาก
มารยาทเพียงนี เงยหน้าขึนมาให้ขา้ ดูหน่อย"

21
ต้วนอวินไจ้ลงั เลอยูค่ รูห่ นึง ยังคงเงยหน้าขึนน้อยๆ ก่อน
ก้มลงอย่างรวดเร็วอีกครา

22
ตอนที 420 แอบรัก

นําเสียงหลีเฉิงเฉียนดังเหนือศีรษะ “หลายวันก่อนข้าได้
ยินว่าเจ้าป่ วย ร้อนใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ทําอย่างไร
ได้ ตาแก่ในวังพวกนันคุมข้าอย่างเข้มงวด วันนีกว่าจะ
หนีออกมาได้ ยามนีเจ้าดีขนบ้
ึ างหรือไม่”

“ขอบพระทัยองค์รชั ทายาททีทรงนึกถึง กระหม่อมหายดี


แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ต้วนอวินไจ้โค้งกายตอบ

หลีเฉิงเฉียนกล่าวอย่างยินดี “เช่นนันก็ดี ข้าเพิงไปห้อง


นอนเจ้า จึงรูว้ า่ พวกเจ้านอนดึกมาก คืนนีข้าจะลอบออก
จากวัง เจ้าไปกับข้าแล้วกัน!”

1
ต้วนอวินไจ้อดดีใจไม่ได้ เงยหน้ามองหลีเฉิงเฉียนอย่าง
รวดเร็วแวบหนึง เขาคิดว่าหากฉวยโอกาสหนีได้ ถึงชาติ
นีจะต้องร่อนเร่ไปทัวก็ยงั ดี! พอเปลียนความคิด จึงเอ่ย
ว่า “ขอบพระทัยองค์รชั ทายาท”

“ข้ารูอ้ ยูแ่ ล้วว่าเจ้าจะต้องชอบ หากเจ้าชอบ ต่อไปทุก


ครังทีข้าออกไปเทียวเล่นจะพาเจ้าไปด้วย เจ้าไม่ตอ้ ง
ห่วงการฝึ กซ้อมทีนี ข้าจะช่วยพูดให้” หลีเฉิงเฉียนเดินขึน
หน้ามาจูงมือเขา จะเดินออกด้านนอก

ต้วนอวินไจ้สะบัดอย่างแรง “องค์รชั ทายาทฐานะสูงส่ง


ไม่ควรทําเช่นนีพ่ะย่ะค่ะ”

2
หลีเฉิงเฉียนไม่มีปฏิกิรยิ าต่อวาจาทีเขาพูดอยูน่ าน เขา
ใคร่ครวญครูห่ นึง เงยหน้าขึน กลับสบสายตายิมๆ ของ
หลีเฉิงเฉียน “หากเจ้าไม่ชอบให้ขา้ จับมือ ข้าก็จะไม่จบั
ไปเถิด ไปเถิด คําคืนแสนสุขช่างสันนัก!”

ต้วนอวินไจ้วางใจ นีเป็ นครังแรกทีเขาได้ออกจากวัง หลัง


จากเข้าสูก่ องงานสังคีตในวังสามปี ตืนเต้นจนไม่ตอ้ งพูด
เลย

มิเสียแรงทีหลีเฉิงเฉียนลอบออกจากวังเกือบทุกวัน จึง
แทบพาเขาออกไปได้อย่างราบรืนไร้อปุ สรรค

3
ต้วนอวินไจ้แอบจดจําเส้นทางเหล่านีไว้ หากวันนีไม่มี
โอกาสหนี วันหน้าค่อยหาโอกาสใหม่

พอทังสองคนออกจากวังก็เป็ นเหมือนม้าป่ าหลุดจาก


การคุมขัง ตะบึงอย่างบ้าระหําตลอดทาง จนถึงสถานที
แห่งหนึงซึงไร้ผคู้ น หลีเฉิงเฉียนหัวเราะเสียงก้อง สบาย
อกสบายใจอย่างยิง ต้วนอวินไจ้แหงนมองท้องฟ้ายาม
ราตรีทีไกลสุดลูกหูลกู ตา ประดับด้วยดวงจันทร์กระจ่าง
และดวงดาวพร่างพราย รวมทังทิวทัศน์เทือกสวนไร่นา
โดยรอบ จึงอดหัวเราะร่าไม่ได้

หลีเฉิงเฉียนนอนลงบนสนามหญ้า มองต้วนอวินไจ้ จู่ๆ


ก็เอ่ยว่า “หากเจ้าอยูก่ บั ข้าเช่นนีตลอดไปได้ จะดีเพียง
ใด”
4
เสียงหัวเราะร่าของต้วนอวินไจ้หยุดทันใด พูดอย่าง
เคารพและระมัดระวัง “องค์รชั ทายาทล้อข้าเล่นแล้ว”

“ข้าไม่ได้ลอ้ เล่น แค่ขา้ ไม่ได้พบเจ้าเพียงวันเดียวก็คิดถึง


จะแย่ หนึงเดือนกว่านี วันเวลาผ่านไปราวเป็ นปี ” หลี
เฉิงเฉียนมองเขาตาไม่กะพริบ “ข้าว่าข้าชอบเจ้า”

……

ต้วนอวินไจ้อา้ ปากค้างมองเขา ตะลึงพรึงเพริดพูดไม่


ออกทันใด

5
หลีเฉิงเฉียนเห็นเขานิงอึง ยิงยินดีปรีดา ลุกขึนลากเขา
เข้ามาในอ้อมกอด ประทับจูบทีริมฝี ปากเขาโดยไม่
ปล่อยให้เขาพูด

ก่อนหน้านีหลีเฉิงเฉียนไม่เคยจูบบุรุษ เริมแรกนอกจาก
หวันไหวอยูบ่ า้ ง ก็แฝงด้วยความรูส้ กึ แปลกใหม่ แต่พอ
จูบจริง ยิงรูส้ กึ ถอนตัวไม่ขนึ

ต้วนอวินไจ้ราวถูกสายฟ้าฟาด งงงันไปชัวขณะ หลังจาก


ได้สติ ชกหลีเฉิงเฉียนเข้าเต็มแรง

หมัดนีชกเข้าทีแก้มหลีเฉิงเฉียน บวมไปครึงหน้าทันใด

6
……

ความยินดีทีได้ออกจากวัง ถูกครอบงําด้วยความหวาด
ผวาโดยพลัน

ผ่านไปหลายปี อันจินย้อนรําลึกอีกครัง นึกไม่ออกเลยว่า


ตอนนันรูส้ กึ เช่นไร จําได้เพียงว่าตอนนันเขาแทบจะยก
ขาวิงหนี แต่เห็นหลีเฉิงเฉียนเช็ดเลือดทีไหลออกมาจาก
มุมปาก เอ่ยว่า: ไปเถิด ไปตลาดตะวันออก

เขาตอบว่า: ขอประทานอภัย เมือครูข่ า้ ...

หลีเฉิงเฉียนอธิบายตังมากมาย อันจินก็จาํ ไม่คอ่ ยได้


7
แล้ว แต่หลีเฉิงเฉียนทําให้เขาตกใจกลัว จนถึงบัดนี
ความทรงจํายังดูเหมือนเพิงเกิดขึน

เดิมทีสมควรเป็ นถึงโอรสสวรรค์ ฐานะสูงส่งยากจะหาใด


เปรียบ กลับวางตัวตําต้อยเช่นนัน

ตกใจกลัวก็มากพอแล้ว แต่ความหวาดกลัวก็ตามมาอีก
การแสดงตนทังหมดของหลีเฉิงเฉียน นอกจากทําให้เขา
ตัวสันงันงก ก็ไม่มีสงอื
ิ นใดอีก

……

แสงแดดแผดเผา สายลมพัดพาความอบอ้าวสายหนึง
8
มา

หรันเหยียนเห็นอันจินใช้หนังสือปิ ดหน้า ไม่รูว้ า่ กําลัง


ครุน่ คิดหรือนอนหลับ

หรันเหยียนเข้าใจถึงต้นสายปลายเหตุ จึงไม่พดู ให้มาก


ความอีก แอบวางแผนเงียบๆ ว่าจะหนีอย่างไร นีไม่ใช่
ครังแรกทีถูกลักพาตัว จึงเยือกเย็นกว่ามาก เธอวิเคราะห์
สถานการณ์ตรงหน้านี ยังไม่ถือว่ายําแย่ทีสุด

อย่างน้อยอารมณ์ของอันจินยังไม่ถือว่าดุเดือด เธอน่า
จะยังพอมีเวลาอยูบ่ า้ ง

9
หรันเหยียนครุน่ คิดพลางลุกขึนนังบนตัง กล่าวว่า “ข้าจะ
เป็ นเพือนเล่นฉากสุดท้ายกับเจ้าให้จบ”

เงียบงันชัวครู ่ อันจินสงบจิตสงบใจลง โยนหนังสือในมือ


ลงบนตัง หรันเหยียนหลุบตามองแวบหนึง คือหนังสือ
‘จ้านกัวเช่อ’ (ยุทธศิลป์ ยุครณรัฐ เขียนโดยหลิวเซียง ขุน
นางในสมัยราชวงศ์ฮน)

“เซียนเหลียงฮูหยินมันใจเช่นนีเลยหรือว่าข้าจะไม่ฆา่
ท่าน” นําเสียงอันจินแหบพร่าเล็กน้อย

“เจ้าเคยพูดว่าข้ามีบญ
ุ คุณกับเจ้า เจ้าจะไม่เนรคุณข้า
แต่จะฆ่าหรือไม่ก็อยูท่ ีความคิดชัววูบของเจ้า” หรันเหยี

10
ยนเม้มปาก เธอเตรียมทางหนีทีไล่ไว้พร้อม

มิอาจอยูร่ อให้ผอู้ ืนมาช่วยเพียงฝ่ ายเดียว อันจินเป็ นหัว


โจกในคดีนี หากจับเป็ นได้จะดีทีสุด หากคุกคามถึงชีวิ
ตหรันเหยียน เธอก็ตอ้ งเดิมพันด้วยชีวิต

อีกอย่างดูแล้วอันจินปกติทกุ อย่าง แต่อนั ทีจริงคือคนบ้า


หากหรันเหยียนเดาไม่ผิด ทีอันจินลักพาตัวเธอได้อย่าง
ราบรืน เป็ นเพราะเขาวางกับดักคนในสามหน่วยงานไว้
เพือจับตัวเธอ เขาฆ่าขุนนางสองคน สามหน่วยงานจะมี
ปฏิกิรยิ าเช่นไร ล้วนอยูใ่ นแผนของเขา เขาล่วงรูแ้ ม้
กระทังอีกฝ่ ายจะใช้ทางน้อยเส้นนันเพราะรีบเร่งเดินทาง

11
หรันเหยียนไม่มียาพิษบนร่างแล้ว เห็นชัดว่าถูกอันจิน
เอาไป แต่เธอยังซ่อนเข็มเงินไว้ในเรือนผม เธอรูส้ กึ ได้วา่
เข็มเงินยังอยู่ และเธอยังมีผา้ ชุบยาพิษผืนหนึงใน
กระเป๋ าแขนเสือข้างซ้าย

ของสองสิงนีไม่เหมาะทีจะรอใช้ตอนต่อสูจ้ ริง แต่เหมาะ


กับการหลอกล่อสังหารมากกว่า ทว่าวิทยายุทธ์ของอัน
จินเป็ นเช่นไร ยังไม่รูแ้ น่ชดั ต่อให้เข้าใกล้แล้วจะมันใจได้
กีส่วน

เงาตะวันเคลือนไปทางตะวันตก

ต่างระดมกําลังองครักษ์ทงพระราชวั
ั ง ค้นหาทุกที

12
โดยเฉพาะตรวจสอบศาลต้าหลีอย่างละเอียด ไม่เว้นแม้
แต่ตาํ หนักใหญ่นอ้ ยทังหมด

หรันเหยียนอยูใ่ นลาน แอบได้ยินเสียงจากด้านนอก


ราวอยูห่ า่ งออกไปไม่ไกล แต่ไม่รูเ้ พราะเหตุใด ไม่มีใคร
หาเธอพบ หรันเหยียนจึงคิดว่าก่อนหน้านีประตูบานนัน
ทีเธอเห็นเป็ นเพียงภาพลวง ยามนีบริเวณทีเธออยูไ่ ม่ใช่
สถานทีทีเข้ามาจากประตูบานนันแน่

หรันเหยียนกําลังครุน่ คิดว่าจะดึงเข็มเงินจากเรือนผมมา
เก็บไว้ในกระเป๋ าแขนเสืออย่างไร กลับได้ยินเสียงกระพือ
ปี กพึบพับ ตามด้วยเสียงคู

13
เธอหันหน้าไปเห็นนกพิราบตัวหนึงบนมืออันจิน เขาหยิบ
กระบอกไม้ไผ่เล็กๆ จากเท้านกพิราบ ก่อนดึงกระดาษ
แผ่นเล็กๆ ออกมาจากด้านใน หลังจากอ่านจบ ยิมมุม
ปากเล็กน้อย แล้วส่งแผ่นกระดาษให้เธอ “เซียวซือหลา
งอ่านสถานการณ์ขาดจริงๆ”

หรันเหยียนคลีแผ่นกระดาษ ไม่ใช่เซียวซ่งเขียน แต่อา่ น


จากเนือหาก็พอเดาได้ น่าจะเป็ นข่าวทีส่งมาจากเรือน
เว่ยอ๋อง ใจความหลักคือ ได้จดหมายทีซ่อนอยูใ่ นบ้าน
สกุลเซียวแล้ว แต่ยงั หาแผนทีไม่เจอ

แผนที? หรันเหยียนไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร และไม่คิด

14
จะสอบถามไปตรงๆ

“เจ้าอยากฆ่าหลีเฉิงเฉียน มีโอกาสนับครังไม่ถว้ น แต่


กลับเลือกวิธีวกไปวนมาเช่นนี ท้ายทีสุดก็ไม่ได้ฆา่ เขา
ล้างแค้น มีความหมายหรือ” หรันเหยียนวาง
แผ่นกระดาษลงพลางถาม

“ข้าเคยคิดจะฆ่าเขา เนืองด้วยทังหมดเป็ นเพราะเขา มิ


เช่นนันจะไม่มีพวกประจบสอพลอจับตัวข้าไปตอนแล้ว
ส่งเข้าวังตะวันออก!” ยามทีอันจินพูดถึง ‘ตอน’ ใบหน้า
หล่อเหลาเคร่งเครียดยิงนัก

15
ตอนที 421 สัมพันธ์พันลึก

จู่ๆ อันจินก็ยมกระจ่
ิ างทัวหน้า “แต่ฆา่ เขาจะสุขกว่า
ทําลายเขาได้อย่างไร มีเพียงทําลายเขาเท่านัน จึงจะลบ
ล้างความเคียดแค้นมหาศาลจากใจข้าได้”

อันจินก็นบั เป็ นลูกหลานผูด้ ี สําหรับเขา ผลลัพธ์ในยามนี


สมควรตายไปพร้อมครอบครัวก่อนหน้านียังดีกว่าด้วย
ซํา เขาไม่เพียงเป็ นห่วงศักดิศรีตนเอง เขายังต้องแบกรับ
ความคาดหวังทังหมดของสกุลต้วนไว้

เมือตกอยูใ่ นสถานการณ์เช่นวันนี ไม่เพียงความหวังทัง


หมดของสกุลต้วนมลายหายสิน ยิงกว่านันยังสินลูกสิน
หลานสืบสกุล ความโกรธแค้นเช่นนี แค่ฆา่ ล้างแค้นศัตรู
1
จะช่วยให้หลุดพ้นได้หรือ

หรันเหยียนเองก็ไม่ใช่คนปลงตกได้ง่าย เธอจึงเข้าใจจิต
ใจของอันจินในยามนีอยูบ่ า้ ง แต่มนุษย์ตา่ งเห็นแก่ตวั
เธอฆ่าเขาไม่ลง แต่หากชีวิตของตนตกอยูใ่ นอันตราย
เธอก็ไม่อาจนิงเฉยรอความตายได้ เธอไม่ใจแข็งพอ ส่วน
อันจินจะเป็ นเหมือนกันหรือ

และสถานการณ์ในยามนี เธอยังตกเป็ นฝ่ ายเสียเปรียบ

“เซียนเหลียงฮูหยินคอยอยูท่ ีนีชัวคราว รอให้ขา้ จัดการ


ภารกิจชินสุดท้ายเสร็จสิน ค่อยมากล่าวลาฮูหยิน” อัน
จินเป็ นเหมือนใบไม้ทีค่อยๆ ร่วงจากต้น ค่อยๆ พลิวขึน

2
ลงข้ามกําแพงสูงอย่างง่ายดาย ดูทา่ วิทยายุทธ์คงไม่เลว

หรันเหยียนคิดไม่ถงึ ว่าเขาจะปล่อยเธอไว้เช่นนี หรือมัน


ใจว่าไม่มีใครหาทีนีเจอ? หรือเดิมทีไม่อยากฆ่าเธออยู่
แล้ว? เธอไม่มีเวลาคิดมาก รีบกระเถิบตัวไปข้างต้นเห
อฮวาน ออกแรงถูบนเชือก

หรันเหยียนถูกผูกมือไว้ดา้ นหลัง โดยผูกมือและเท้าไว้


ด้วยกัน ทําให้ลกุ ขึนนังไม่ได้เลย ท่าทางการถูตอ้ งออก
แรงมาก เธอเลือกถูเชือกทีเชือมต่อกันก่อน ถ้าส่วนนัน
ขาด เธอจะลุกขึนยืนได้ เพือไปหาว่ามีสงของมี
ิ คมหรือ
ไม่

3
แสงแดดแผดเผาในฤดูรอ้ น เกือบจะถึงเวลาเทียงวัน แม้
จะอยูใ่ ต้ตน้ ไม้ หรันเหยียนเพียงถูไปพักหนึง เหงือก็ไหล
ท่วมตัว ปวดเมือยไปทัวร่าง แต่เชือกเส้นนันเพียงถลอก

หรันเหยียนพักสักครู ่ ลองเอือมมือดึงเชือกเส้นนัน ดูวา่


จะถึงขันลากขาไปถึงมือได้หรือไม่ แต่เห็นชัดว่าแม้หรัน
เหยียนจะตัวอ่อน ก็ไม่สามารถทําท่ากายกรรมนีสําเร็จ
จึงทําได้เพียงถูเชือกกับลําต้นแต่โดยดี

เมือครูด่ า้ นนอกมีคนมาตรวจค้นทางนีรอบหนึง เกรงว่า


คงจะไม่กลับมาในเวลาเพียงชัวประเดียว หรันเหยียนถู
เชือกพลางครุน่ คิด

4
ขณะเธอถูอย่างจริงจัง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแผ่วๆ จึงอดเงย
หน้ามองไม่ได้ พลันเห็นคนสวมชุดขุนนางสีเขียวเดินมา
ทางนี

ในแสงอาทิตย์ ผิวพรรณยิงขาวราวหิมะ

“ซูฝ”ู หรันเหยียนหยุดการเคลือนไหว

ซูฝมู องเธอแวบหนึง ชักกระบีออกจากฝักในแขนเสือ


โบกสะบัดราวสายฟ้าแลบ ฟั นเชือกทีผูกมือและเท้าเธอ
ขาดสะบันพร้อมกันอย่างแม่นยํา

หรันเหยียนลุกขึนจากตัง เอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณมาก”


5
“ล่วงเกินแล้ว” ซูฝไู ม่ทนั ตอบวาจาของหรันเหยียน แต่
พลันโอบเอวเธอ พลิวข้ามกําแพงวังหนาอย่างง่ายดาย
และฉับไว กระทังถึงหน้าประตูศาลต้าหลีจึงวางเธอลง

หรันเหยียนยังนึกว่าจะต้องเดิมพันชีวิตกับอันจิน ยามนี
หลุดพ้น อดรูส้ กึ ผ่อนคลายไม่ได้ อย่างน้อยก็ยงั ไม่ถงึ ขัน
สุดวิสยั เช่นนัน

แต่ซฝู ไู ม่ได้เรียกร้องอะไร สําหรับบุญคุณในครังนี นอก


จากหรันเหยียนจะกล่าวขอบคุณ ก็ไม่รูว้ า่ จะตอบแทนได้
อย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอพิสดารพันลึก
นัก ไม่ใช่สหายและไม่ใช่คนรัก คล้ายมีความผูกพันรางๆ
มากกว่าคนแปลกหน้า และชืดชาคล้ายสหายเก่าทีไม่ได้
6
เจอกันนาน

“ขอบคุณ” หรันเหยียนเอ่ยอีกครัง

“เรืองเล็กน้อย ไม่ตอ้ งขอบคุณหรอก” พอซูฝพู ดู จบ ก็


หมุนกายเดินไปทางสํานักหมอหลวง

“เซียนเหลียงฮูหยิน!” เหอซือเจิงนําคนรีบร้อนออกมา แต่


เห็นหรันเหยียนยืนอยูห่ น้าประตู อดตะลึงพรึงเพริดไม่ได้
“ท่านมิใช่ถกู ลักพาตัวไปหรือ”

ตังแต่รูจ้ กั สันดานของเหอซือเจิง หรันเหยียนก็รงั เกียจ


คนผูน้ ียิงนัก เลยชักสีหน้าใส่เขา พูดเสียงเรียบ “ใช่
7
ถูกลักพาตัว แต่ก็หนีออกมาได้ เหอซือเจิงมีความเห็นที
ข้าหนีออกมาได้หรือ”

“หนีออกมาได้ก็ดี! ท่านไม่รูห้ รอกว่าเมือครูเ่ ซียวซือหลา


งทีรีบกลับมาจากฉวีเจียง พอทราบว่าฮูหยินถูกลักพาตัว
ไป ก็โกรธเป็ นฟื นเป็ นไฟ” เหอซือเจิงมีทา่ ทางปี ติยินดีที
หรันเหยียนพ้นจากอันตราย

“ยามนีสามีขา้ อยูท่ ีใด” หรันเหยียนถาม

“ฝ่ าบาททรงเรียกตัวเข้าเฝ้า” เหอซือเจิงตอบ “เชิญเซียน


เหลียงฮูหยินเข้ามาเถิด”

8
“ขอบคุณมาก” หรันเหยียนไม่มีองครักษ์ขา้ งกาย กลับ
ไปคนเดียวก็คงไม่ดี ทําได้เพียงรอเซียวซ่งอยูท่ ีศาลต้าห
ลี

เธอกําลังจะก้าวเท้า ก็ได้ยินมีคนมารายงานด่วน “เห


อซือเจิง! แย่แล้ว วังตะวันออกเกิดเรือง ขันทีอนั จินลักพา
ตัวองค์รชั ทายาท!”

“อะไรนะ” เหอซือเจิงคิด เกิดความขัดแย้งภายในหรือ

“ขันทีอนั จินลักพาตัวองค์รชั ทายาท เซียเส้าชิงและเซียว


ซือหลางออกจากตําหนักกานลูร่ ุดไปแล้ว ขอท่านโปรด
เพิมกําลังคนโดยด่วน คุม้ กันองค์รชั ทายาทให้

9
ปลอดภัย!”ขุนนางทีสวมชุดสีเขียวคนนันเหงือตกราว
สายฝน ดูทา่ ทางคล้ายถูกช่วยขึนมาจากนํา

เหอซือเจิงไม่มีเวลาดูแลหรันเหยียน ไม่วา่ องค์รชั ทายาท


จะมีสว่ นร่วมในคดีนีหรือไม่ ก็ไม่อาจตายด้วยอุบตั ิเหตุ
ถึงจะลงโทษ ก็ตอ้ งให้ฝ่าบาทเป็ นผูล้ งโทษ หากเป็ นอะไร
แม้เขาจะมีศีรษะอยูท่ วร่
ั างก็ไม่พอให้ตดั

หรันเหยียนลังเลชัวครู ่ แล้วเดินตามไป

ยามเทียงแสงอาทิตย์รอ้ นผ่าว หรันเหยียนรูส้ กึ ผิวหนัง


ปวดแสบปวดร้อน ทําได้เพียงรีบวิงไปยังวังตะวันออก
บนทางเดินเล็กๆ ระหว่างทางบังเอิญเจอเซียวซ่งและ

10
เซียจิงทีรุดมาเช่นกัน

“ฮูหยิน!” จู่ๆ คิวทีขมวดของเซียวซ่งก็คลายออก ฉาย


รอยยิมทางดวงตา

เซียวซ่งเพิงรีบเร่งกลับมาจากฉวีเจียง ก็ถกู เรียกตัวไป


ตําหนักกานลู่ เขาทําได้เพียงกวาดตามองสถานทีเกิดเห
ตุทีหรันเหยียนถูกลักพาตัวแวบหนึง แล้วส่งคนร้อยกว่า
คนไปค้นหายังสถานทีทีเขาคาดคะเนไว้ แต่ตอนทีเขา
ออกมาจากตําหนักกานลู่ ได้ยินองครักษ์บอกว่าไม่พบ
ร่องรอย พลันร้อนใจดังไฟแผดเผา แล้วก็ได้ข่าวว่าองค์
รัชทายาทถูกลักพาตัว เขาสงสัยว่าคนทีลักพาตัวองค์รชั
ทายาทและหรันเหยียนต้องเป็ นคนเดียวกัน ด้วยเหตุนี
จึงรีบมาโดยไม่ได้หยุดพัก ทําให้บรุ ุษเฒ่าอย่างเซียจิง
11
เหนือยไม่เบา

ขณะนีเห็นหรันเหยียนไม่เป็ นไร เขาก็เหมือนยกภูเขา


ออกจากอก รูส้ กึ ว่าเรืองทีองค์รชั ทายาทถูกลักพาตัวไป
เป็ นเพียงเรืองเล็กน้อย

เหล่าองครักษ์หาคนไม่พบ เซียวซ่งทําได้เพียงคิดว่าตน
เองอาจคาดการณ์ผิด เพราะไม่มีเวลาตรวจสอบสถานที
เกิดเหตุให้ละเอียดกว่านี หากเขารูว้ า่ องครักษ์เหล่านัน
ไปตามทิศทางทีเขาบอกซึงอยูห่ า่ งจากทีซ่อนตัวของหรัน
เหยียนโดยมีกาํ แพงคันกลางเพียงไม่กีชัน แต่ไม่พบข้อ
สงสัย คาดว่าคงไม่มีสีหน้าอย่างในยามนี

12
“งานสําคัญกว่า มีเรืองอะไรกลับไปค่อยคุยกันเถิด” หรัน
เหยียนเอ่ย

เซียวซ่งพยักหน้า กุมมือหรันเหยียนเดินเข้าไปในวัง
ตะวันออก

“เซียวซือหลาง เซียเส้าชิง ผูร้ า้ ยจับองค์รชั ทายาทไปที


เก๋งรับลมขอรับ” ในทีสุดหัวหน้ากลุม่ องครักษ์ก็พบผูท้ ีจะ
จัดการเรืองนีได้ จึงมารายงานทันที

เซียวซ่งพูดเสียงเข้ม “รูแ้ ล้ว ส่งคนไปแจ้งหัวหน้าศาล


ต้าหลีและเจ้ากรมอาญา”

13
“ขอรับ!” หัวหน้ากลุม่ องครักษ์รบั คําสัง แล้วสังให้คน
หนึงนําทางเซียวซ่งไปยังเก๋งรับลม

เดินจากระเบียงคดเคียวไป หรันเหยียนเห็นแต่ไกลว่ามี
ต้นเหอฮวานหนาแน่นหลายต้นอยูข่ า้ งเก๋งรับลม ท่าม
กลางความเขียวชอุม่ เมฆเรืองรองแผ่กระจายไปทัว
บดบังแผ่นป้ายทีอยูใ่ ต้เงาไม้ คล้ายมองเห็นอักษรสอง
ตัว ‘ชิงเฉวียน’ (นําพุใส)

14
ตอนที 422 ใครคืนศพสมบูรณ์ให้ข้าได้

หน้าต่างเก๋งรับลมเปิ ดกว้างทังสีด้าน มือธนูงา้ งธนูอยู่


รอบด้าน แต่เพราะมีองค์รชั ทายาทอยูด่ า้ นใน จึงทําได้
เพียงเตรียมป้องกันทุกขณะ รอโอกาสโจมตี

เสียงพิณแหลมใสดังมาจากด้านในดังติง

ขณะเดียวกันทุกคนชะงักฝี เท้า เสียงดนตรีเย็นยะเยือก


ดังมาจากด้านใน สรรพสิงในฤดูใบไม้ผลิพลิวไหวตาม
แรงลม เป็ นทิวทัศน์งดงามทีบานสะพรังในช่วงต้นฤดู
ใบไม้ผลิ ไพเราะรืนหู

1
ราวกับฤดูหนาวเย็นเยียบผ่านพ้นไป สรรพสิงงอกงามใน
ฤดูใบไม้ผลิโดยพลัน ไม่วา่ ใครทีได้ยินก็สมั ผัสได้ถงึ
ความหวังในจิตใจผูบ้ รรเลงผ่านบทเพลงนี คล้ายกับเขา
ก้าวพ้นความสินหวัง มองเห็นแสงสว่างแห่งความหวัง

“อันจินนัน...เฮ้อ!” เซียจิงถอนใจเบาๆ

ฝี มือการบรรเลงของอันจินเป็ นหนึงไม่มีใครเทียบเท่า
เริมแรกตอนทีเขายังอยูใ่ นกองงานสังคีต อายุยงั น้อยแต่
ฝี มือโดดเด่นยิงนัก

หรันเหยียนฟั งศิลปะแขนงนีไม่เข้าใจ แต่ก็รูส้ กึ ว่าเขา


บรรเลงได้ดี คนทีอายุไม่มากแต่มีฝีมือบรรเลงพิณลําเลิศ

2
ทังกล้าหาญและชาญฉลาด วรยุทธ์สงู ส่ง...สิงเหล่านี
สวรรค์ไม่ได้มอบให้เขาด้วยความเมตตา แต่เป็ นเขา
กระตุน้ ตนเองอย่างไม่หยุดหย่อนในยามตกทีนังลําบาก
พยายามอย่างไม่ลดละและไม่ยอ่ ท้อ

กร๊อบ!

เสียงพิณหยุดทันใด ตามมาด้วยเสียงดังสนันในเก๋งรับ
ลม

จินตนาการได้วา่ ผูบ้ รรเลงต้องหักพิณอย่างไม่มีวีแววมา


ก่อน

3
กลินหอมจากดอกเหอฮวานโชยมาเป็ นระยะๆ ภายใน
เก๋งรับลม หลีเฉิงเฉียนถูกมัดนอนตะแคงอยูบ่ นตังนุ่ม
มองเศษไม้แหลกละเอียด สายพิณขาดสะบันเกลือนพืน
ด้วยความตืนตะลึง

อันจินถือกระบีเดินไปทางตังนุ่ม ฟั นเชือกทีมัดหลี
เฉิงเฉียนขาดกระจุย ก่อนยัดกระบีใส่มือเขา “ข้าให้
โอกาสท่านสังหารข้า”

หลีเฉิงเฉียนโยนกระบีทิงทันที คว้ามือเขาไว้ เอ่ยว่า “อัน


จิน เลิกเล่นเถิด”

“ปล่อยมือของท่าน” อันจินมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

4
“สัมผัสของท่านทําให้ขา้ สะอิดสะเอียน!”

“อันจิน...” หลีเฉิงเฉียนปล่อยมือเขาช้าๆ ใช่วา่ เขาจะไม่


เข้าใจสถานการณ์ เพียงแต่หวาดกลัวการเผชิญหน้า

“ท่านให้ทา้ ยข้าไม่จบไม่สนิ ให้อาํ นาจล้นเหลือ แต่องค์


รัชทายาท ข้าเพียงต้องการร่างกายทีสมบูรณ์พร้อม ยัง
เป็ นบุรุษทีสามารถถีบตนให้หลุดพ้นจากสภาพชนชันตํา
ด้วยความพยายามของตน กลับบ้านแต่งงานมีครอบ
ครัว สามีภรรยาเคารพซึงกันและกัน มีลกู มีหลานสืบ
สกุลต้วนต่อไป!”เบ้าตาอันจินแดงกํา แต่ไม่มีนาตาสั
ํ ก
หยด

5
นําตาของเขาไหลไปจนหมดสินนานแล้ว

เรืองนันเป็ นฝันร้ายทีกัดกินใจเขาอยูต่ ลอด ทุกคืนเขาจะ


ฝันเห็นตนเองสลบไปอย่างประหลาดในกองงานสังคีต
หลังจากไม่รูว้ า่ สลบไปกีวัน เช้าวันนันเขาก็สญ
ู เสียส่วน
หนึงบนร่างกายไป

เขาพยายามฆ่าตัวตายหลายครัง แต่ถกู คนควบคุมอย่าง


เคร่งครัด เขามีวรยุทธ์ ทว่าในสถานการณ์เช่นนัน เขาไม่
มีแรงแม้แต่นอ้ ย เพียงรูส้ กึ ว่าโลกของเขาพังทลายทันใด
ทังหมดทีมองเห็นคือความสินหวัง ทีผ่านมาเขาแอบฝึ ก
วรยุทธ์ อ่านตํารามาตลอด ความยากลําบากทังหมดที
เขาทุม่ เทมากกว่าคนทัวไปหลายสิบเท่า แต่ความ
พยายามทังหมดกลับล้มเหลวไม่เป็ นท่า ไร้ความหมาย
6
ในชัวพริบตานัน

เหมือนทีหรันเหยียนพูดไว้ ท่ามกลางความอับจน การ


เลือกมีชีวิตต่อไปต้องอาศัยความกล้าหาญอย่างมาก
อันจินใช้ความอาฆาตแค้นและความสินหวังประคองตน
ให้มีชีวิตต่อไป

หลีเฉิงเฉียนรูส้ กึ เจ็บปวดรวดร้าว มองอันจินทีแม้จะสงบ


นิงทว่าคล้ายเสียสติไปแต่แรก เขาไม่ได้ชอบบุรุษ ไม่เคย
แม้แต่จะลองแตะต้องตัวบุรุษอืน แค่คิดใจก็ตอ่ ต้านยิง
เขาแค่หลงรักคนผูห้ นึง และบังเอิญคนผูน้ นเป็
ั นบุรุษก็
เท่านันเอง

7
เขาเคยเพ้อฝันนับครังไม่ถว้ นทีจะมีสมั พันธ์ทางกายกับ
อันจิน แต่ทีผ่านมาไม่เคยบีบบังคับ ความรักของเขา
บริสทุ ธิจวบจนบัดนี ไม่เคยแปดเปื อนด้วยความ
ปรารถนาทางกาย

ตําต้อยเช่นนี เพียงร้องขอให้คนผูน้ ีทีเขารัก คนผูน้ ีทีเข้า


ใจเขา เดินเคียงข้างเขาไปตลอดจนแก่เฒ่า

แต่นาทีนี ความหวังของหลีเฉิงเฉียนเปรียบเสมือนพิณ
ในมือของอันจิน แหลกสลายไม่เป็ นชินดีอยูบ่ นพืน

อันจินมองเขา ยิมน้อยๆ ไม่ตา่ งจากทีผ่านมา

8
กระทังบัดนี หลีเฉิงเฉียนจึงเข้าใจว่าทีแท้ความอ่อนโยน
นัน รอยยิมนัน ล้วนแต่เป็ นภาพลวงตา อันจินเกลียดชัง
เขา และมีเพียงความเกลียดชังเท่านัน

คนทีรออยูด่ า้ นล่างคิดว่าเสียเวลามากกว่านีไม่ได้แล้ว
เหอซือเจิงจึงสังให้คนตะโกนบอก

องครักษ์ผหู้ นึงเอ่ยด้วยเสียงมีพลังเต็มเปี ยม “อันจิน!


ปล่อยองค์รชั ทายาท แล้วจะให้เจ้าตายศพสมบูรณ์!”

อันจินกําลังยกไหเหล้าบนโต๊ะขึนเท พอได้ยินวาจานี
พลันหัวเราะร่า หัวเราะจนมือทีกําลังเทเหล้าสัน เหล้าจึง
กระเซ็นเต็มโต๊ะ

9
เสียงดังซูซ่ า่ เป็ นเสียงเหล้ากัดกร่อนไม้บนโต๊ะ

“เหล้าพิษ!” หลีเฉิงเฉียนร้องตกใจ รีบเดินเข้าไปแย่ง แต่


เขาไม่เคยรูเ้ ลยว่าอันจินมีวรยุทธ์ จะหลบเขาช่างง่าย
ดายเหลือเกิน

อันจินถือไหเหล้ามือหนึง อีกมือหนึงถือชามเหล้าเดินไป
ริมหน้าต่าง

หลีเฉิงเฉียนรูว้ า่ ด้านล่างมีมือธนู จึงเดินตามไปทันที


ตะโกนเสียงดังสังคนด้านล่าง “ห้ามยิงธนู! ใครกล้ายิง
จะมีโทษเทียบเท่าสังหารองค์รชั ทายาท!”

10
พออันจินปรากฏตัวริมหน้าต่าง เป็ นโอกาสเหมาะยิงนัก
แต่มือธนูถกู วาจาของหลีเฉิงเฉียนสะกดไว้ จึงไม่กล้ายิง
โดยง่าย

มีมือธนูหลายคนอยูใ่ กล้เซียวซ่ง เซียวซ่งครุน่ คิดอย่าง


ฉับไว จึงยอมหลีเฉิงเฉียน เขาไม่ตายเป็ นดีทีสุด แต่ถา้
ตายก็จะลดปั ญหาไปได้มาก พอเขาเอ่ยวาจานัน
ยามอยูต่ อ่ หน้าฝ่ าบาท เซียวซ่งก็สามารถปั ดความรับผิด
ชอบ ในเมือฝ่ าบาทไม่เคยตรัสว่าจะปลดหลีเฉิงเฉียน ขอ
เพียงหลีเฉิงเฉียนยังเป็ นองค์รชั ทายาท พูดคําไหนก็ตอ้ ง
เป็ นคํานัน

หรันเหยียนเงยหน้า มองเห็นอันจินทีสวมชุดหลวมๆ พิง


11
อยูข่ า้ งหน้าต่าง ถือจอกเหล้าอย่างสบายใจ หลุบตามอง
คนด้านล่างทีเล็งธนูขนนกมาทีเขาราวบุรุษรูปงามชม
ทิวทัศน์

“ศพสมบูรณ์? ใครคืนศพสมบูรณ์ให้ขา้ ได้หรือ” อันจิน


หัวเราะเสียงเย็นชา

“อันจิน อย่าดืม อย่าดืม” คล้ายหลีเฉิงเฉียนพูดกับอันจิน


แต่ก็คล้ายพึมพํากับตนเอง

แต่ขณะทีเขาพูด อันจินเงยหน้าดืมเหล้ารวดเดียวหมด
แล้วยกมือเทให้ตนเองอีกถ้วย

12
หลีเฉิงเฉียนพุง่ ไปอย่างไม่คิดชีวิต แต่อนั จินไวกว่าราว
เหยียวทีเหาะลงมาจากเก๋ง

หรันเหยียนใจหายวาบ เดาได้วา่ เขาจะทําอะไร จึงบอก


เซียวซ่งทันที “เขามีวรยุทธ์ ฝี มือไม่เลวด้วย”

เซียวซ่งเอ่ยเสียงดังทันที “คอยระวังป้องกัน นักโทษมี


วรยุทธ์!”

อันจินร่วงลงมาในเสียววินาทีนนั หรันเหยียนเห็นเขายิม
มุมปากอย่างชัดเจน ดวงหน้าฉลาดเฉลียวทีสะกดผูค้ น
นันเปรียบเสมือนปี ศาจร้ายทันใด

13
เสียงดังซ่า เขาสาดเหล้าไปทีมือธนู แสงเย็นสว่างวาบ
ตรงหน้า พลันหยิบกระบียาวออกมาจากแขนเสือราว
มารร้ายพุง่ สังหารไปท่ามกลางมือธนู

ธนูจะมีพลังทําลายล้างสูงภายในขอบเขตจํากัด ถูกยอด
ฝี มืออย่างอันจินคุกคามใกล้ตวั คล้ายมีเพียงความสูญ
เสีย

เพียงชัวพริบตา ด้านล่างคือฝนโลหิต พายุเลือด

เลือดสดหยดลงบนเสือผ้าทีไม่ได้ยอ้ มสีของเขา กระจาย


ตัวเป็ นรูปดอกเหมยสีแดง

14
“ธนู” เซียวซ่งเอ่ย

มีคนส่งคันธนูพร้อมธนูขนนกสามดอกมาทันที หรันเหยี
ยนเม้มปาก ไม่พดู สักประโยค แม้อนั จินน่าเวทนา แต่ก็
ไม่อาจปล่อยให้ผบู้ ริสทุ ธิตายอย่างอนาถด้วยนํามือเขา
ไปมากกว่านีได้

เซียวซ่งหยิบธนูขนนกวางบนคันธนู เล็งรอโอกาส เสียง


ธนูแหวกผ่านอากาศดังฟิ ว ธนูขนนกประชิดตัวอันจินรา
วสายฟ้า แต่ถกู คมกระบีปั ดร่วง ตามมาด้วยธนูดอกที
สองประชิดอก พิษทีอันจินดืมไปเมือครูเ่ ริมออกฤทธิ จึง
ปั ดจนเฉไปได้อย่างหวุดหวิด เฉียดผ่านซีโครง แต่ดอกที
สามแฝงด้วยพลังมหาศาล ขณะทีเขายังไม่ทนั ชูกระบี ก็
ปั กเข้าทีหน้าอก!
15
ธนูสามดอกนีจริงๆ เท็จๆ คุกคามทุกฝี กา้ ว ถึงอันจินจะ
ไม่ได้กินยาพิษ ก็ไม่อาจหลบเลียงไปได้

หลีเฉิงเฉียนทีเพิงวิงลงมาจากเก๋งรับลม พอมองเห็น
สภาพอันจิน ก็พงุ่ เข้าไปอย่างไม่สนใจธนูมากมายหรือ
อะไรทังสิน

16
ตอนที 423 ดอกเหอฮวาน

“หยุด! หยุด!” เหอซือเจิงตะโกนเสียงดัง

อันทีจริงเขาไม่ตอ้ งตะโกน ก็ไม่มีองครักษ์คนใดกล้ายิง


ธนูใส่องค์รชั ทายาท แต่อนั จินใช้กระบียันร่างไว้ ยังไม่ลม้
ลง พวกเขาจึงไม่กล้าประมาท

เพราะหลีเฉิงเฉียนพุง่ เข้ามาเร็วเกินไป มีคนยิงธนูออกไป


แล้ว เหอซือเจิงและเซียจิงเบิกตามองธนูขนนกปั กเข้าที
แขนเขา เหงือเย็นผุดขึนมาโดยพลัน

“อันจิน!” หลีเฉิงเฉียนใช้มือทีไม่บาดเจ็บประคองร่างอัน

1
จิน

อันจินดวงตาแดงฉาน ยามมองเขาเห็นชัดว่ารันทดยิง
นัก “อย่าแตะต้องตัวข้า!”

หลีเฉิงเฉียนปล่อยตามวาจาเขา ตะโกนอย่างรีบร้อน
“เด็กๆ! ตามหมอหลวง!”

ในทีนันไม่มีใครขยับสักคน

“ไปสิ!” หลีเฉิงเฉียนตะโกนไปทางเซียวซ่ง

2
เซียวซ่งโบกมือให้องครักษ์คนหนึงไปเชิญหมอหลวง

หรันเหยียนถอนใจเบาๆ แต่เธอไม่คิดทีจะแทรกแซง ข้อ


แรกเพราะว่าอันจินหลอกใช้ลกั พาตัวเธอ ข้อสองเพราะ
ว่าการทีอันจินตายทีนีเป็ นจุดจบทีดีทีสุด

ธนูนบั ร้อยง้างอยูบ่ นคันธนู เล็งไปทีอันจิน ขอเพียงเขา


ขยับแม้แต่นอ้ ย ก็จะยิงทันที ถึงอย่างไรรัชทายาทก็ไม่
อาจเกิดเรือง

หลีเฉิงเฉียนไม่ได้คาดหวังว่าจะให้มือธนูเหล่านันวาง
อาวุธลง เขาไม่รูว้ า่ เมือครูค่ นทีจะเอาอันจินให้ถงึ ตายคือ
เซียวซ่ง แต่สถานการณ์ตรงหน้านี ไม่วา่ ใครก็เดาได้วา่

3
เป็ นเรืองอะไร ทุกคนประจักษ์ชดั ในวิธีการจัดการของ
เซียวซ่ง แม้เขาจะเป็ นองค์รชั ทายาทก็ไม่ได้รบั การ
ผ่อนผันเป็ นพิเศษ ยิงกว่านัน เขาเป็ นองค์รชั ทายาทที
จวนเจียนจะถูกปลดเต็มที

แต่ขณะนีอันจินกลับเลือกหาทีตาย เขาชูกระบีฟั นฉับไป


ทีคอหลีเฉิงเฉียน ขณะเดียวกันก็ได้ยินเพียง ‘ฟิ ว ฟิ ว
ฟิ ว’สามครัง ขณะกระบีฟั นไปได้ครึงทาง ธนูขนนก
สามดอกก็ปักทะลุรา่ งกายเขา

ขณะทีหลีเฉิงเฉียนอึงมองอันจินล้มลง หยาดนําตาผสม
เลือดก็ไหลออกทางหางตา

4
อันจินมองเงาต้นเหอฮวานอันเลือนราง ครุน่ คิดว่า :
สังหารคนมากมายเช่นนี ตายไปแล้วคงตกนรกขุมทีสิบ
แปด คง...ไม่ได้พบคนสกุลต้วนแล้ว...

เสียงดังตุบ้ อันจินล้มลงบนสนามหญ้า ธนูขนนก


สามดอกทะลุแผ่นหลังของเขา เลือดไหลออกจากร่าง
ราวสายนําทันใด

ยามสายลมร้อนดังไฟพัดเป็ นครังแรก ดอกเหอฮวานที


คล้ายแสงรุง่ อรุณร่วงหล่น ปกคลุมชุดสีขาว เลือดสด
และดวงหน้างดงามจนล่มเมืองของเขา ดวงตาลึกลําชุ่ม
ฉําเบิกกว้าง แต่คล้ายโคมไฟทีค่อยๆ ดับแสง ไร้แสงสีไป
ตลอดกาล

5
รับไม่ได้ ใช่สิ รับไม่ได้! ถึงให้เขาสังหารศัตรูทงหมด
ั ก็ยงั
นําร่างกายทีสูญเสียไปกลับคืนมาไม่ได้ รวมถึงความ
หวังทีสลายกลายเป็ นเถ้าธุลีไปแต่แรก

ตอนเพิงมาถึงฉางอัน เขาเคยวาดหวังอะไร จะต้องขยัน


อ่านหนังสือ สอบเคอจวี เป็ นขุนนางในราชสํานัก เป็ น
เกียรติภมู ิแก่สกุลต้วน จะไม่ให้โอกาสทีคนทังตระกูลใช้
ชีวิตแลกมาเพือเขาต้องสูญเปล่า

แต่...ในตอนนันเขาช่างไร้เดียงสา ไม่รูเ้ รืองรูร้ าว!

หรันเหยียนหลุบตา ไม่มองอันจินอีก เธอคิดว่าเคราะห์

6
กรรมทีอันจินประสบช่างน่าเศร้าน่าเห็นใจ แต่ไม่อาจเข้า
ใจแนวคิดเรืองตระกูลทีสลักลึกเข้ากระดูกของคนใน
ราชวงศ์ถงั และไม่อาจเข้าใจอย่างลึกซึงว่า ร่างกายทีไม่
ครบส่วนนี ทําให้อนั จินทุกข์ทรมานเพียงใด

“อันจิน!” หลีเฉิงเฉียนโซเซพุง่ ไปหน้าเขา ดวงตาเจ็บปวด


ไม่มีนาตาสั
ํ กหยด รูส้ กึ เพียงว่าเสาหลักเพียงต้นเดียวใน
ใจพังทลาย

เซียจิงเข้าไปยืนยันว่าอันจินตายแล้ว จึงให้มือธนูวาง
อาวุธ ปลอบโยนหลีเฉิงเฉียนด้วยเสียงแผ่วเบา “องค์
รัชทายาท ทําใจเสียเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

7
พออันจินตาย ทุกคนก็วางใจ

ยามนีหมอหลวงกลุม่ หนึงกระหืดกระหอบมา พวกเขาไม่


รูว้ า่ จะต้องช่วยใครกันแน่ แต่เห็นแขนหลีเฉิงเฉียนบาด
เจ็บจึงรีบเข้าไปทําแผล

ตลอดเวลาหลีเฉิงเฉียนปล่อยให้พวกเขาทําแผลราวท่อน
ไม้ แม้ดงึ ธนูออก เขาก็ไม่ขยับแม้แต่นอ้ ย

หัวใจเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกินจนด้านชาไปทัวร่าง

“พระชายารัชทายาทมาแล้ว!” เสียงแหลมดังทําลาย
ความเงียบโดยพลัน
8
หรันเหยียนตะลึงชัวขณะ หลีเฉิงเฉียนรักอันจินมาก
เหลือเกิน จนเธอลืมไปแล้วว่ายังมีชายารัชทายาทอยูอ่ ีก
คน

หรันเหยียนหันกลับไปเห็นสตรีรูปงามสวมชุดแพรลาย
หรูหราสีนาเงิ
ํ นเข้มเดินมาจากระเบียง นางก้าวเท้าอย่าง
เร่งรีบ แต่ยงั คงความสง่าผ่าเผย

ชายารัชทายาทเดินตรงไปหน้าหลีเฉิงเฉียน เรียกเสียง
เบา “องค์รชั ทายาท”

หลีเฉิงเฉียนคล้ายไม่ได้ยิน

9
“องค์รชั ทายาท” พระชายาเรียกเสียงเบาอีกครัง

หรันเหยียนสงสารสตรีนางนีอยูบ่ า้ ง การแต่งงานของ
นางและหลีเฉิงเฉียนเป็ นผลพวงมาจากอํานาจ ความ
ร่วมมือและการปะทะของแต่ละฝ่ าย อํานาจของตระกูล
ผูกสองคนไว้ดว้ ยกัน ชีวิตนีลิขิตไว้แล้วว่ามิอาจแยกจาก
กัน

ชายารัชทายาทไม่พดู อะไรอีก เพียงยืนอยูด่ า้ นหลังหลี


เฉิงเฉียน มองเขาและอันจินทีตายไปอย่างเงียบๆ ไม่มี
สิงทีเรียกว่าความรักระหว่างนางกับหลีเฉิงเฉียน แต่เป็ น
สามีภรรยากันมาหลายปี พอรูน้ ิสยั เขาอยูบ่ า้ งว่าเมือดือ

10
รัน ใครก็หา้ มไม่อยู่

เซียวซ่งไม่มีเวลามองความสัมพันธ์ยงุ่ เหยิงของพวกเขา
สังคนเก็บกวาดทีนีให้สะอาด แล้วนําทุกคนถอยออกไป

ท้ายทีสุดหรันเหยียนมองสามคนใต้ตน้ เหอฮวานแวบ
หนึง แล้วหันกลับเดินตามเซียวซ่งจากไป

“ฮูหยิน ข้าจะให้คนส่งท่านกลับไปก่อน” พอออกจากวัง


ตะวันออก เซียวซ่งกุมมือหรันเหยียนโดยใช้แขนเสือใหญ่
บังไว้

“อือ ท่านไปทําธุระเถิด” หรันเหยียนพยักหน้า ตัวการถูก


11
จับกุมสังหารแล้ว แต่เซียวซ่งยังต้องสะสางคดีทงหมด

เขียนเอกสาร จากนันรายงานต่อฝ่ าบาท

“ฮูหยิน” เซียวซ่งเคยกล่าวว่าจะปกป้องเธอ แต่นีเป็ นครัง


ทีสองทีหรันเหยียนตกอยูใ่ นอันตราย แม้หรันเหยี
ยนปลอดภัยรอดมาได้ เขาก็ไม่ให้อภัยตนเอง

หรันเหยียนเองก็อา่ นความคิดเขาออก กุมมือเขาเบาๆ


“เรืองบางเรืองป้องกันได้ยาก ต่อให้รอบคอบแค่ไหนพลัง
พลาดบ้างก็เป็ นธรรมดา ท่านมีความสามารถปกป้องข้า
ข้าเองก็ดีใจนักทีได้ยินคําสัญญานัน แต่ทีผ่านมาข้าไม่
ใช่คนทีชอบเกาะผูอ้ ืน”

12
สตรีสามารถใฝ่ หาไหล่ทีแข็งแกร่งไว้พงพิ
ึ ง มีทีพักพิงอัน
สงบ แต่การพึงพิงไม่ใช่การเกาะติด

เซียวซ่งมองเธอ ดวงตาเปี ยมรอยยิม

สองคนเดินช้าๆ บนทางเดินใต้เงาไม้ เซียวซ่งส่งหรันเหยี


ยนจนถึงประตูวงั ส่งเธอขึนรถม้า ให้องครักษ์สสิี บคนส่ง
เธอกลับบ้าน

หรันเหยียนนังอยูใ่ นรถม้า พิงตังด้านหลัง การเปลียน


แปลงกลับตาลปั ตรภายในวันเดียว เรืองทีรับรูก้ ็ช่างยุง่
เหยิงเศร้าใจ เธอจะต้องสะสางให้ดีสกั รอบ

13
ขอเพียงเป็ นคดีฆาตกรรม ก็มกั เป็ นโศกนาฏกรรมเกือบ
ทุกคดี หรันเหยียนรับรูเ้ รืองเศร้ามากมาย เรืองของอัน
จินเพียงเป็ นเรืองหนึงในนัน แต่อาจเป็ นเพราะตัวเขาเอง
โดดเด่นเกินไป ดังนันความบกพร่องจึงทําให้รูส้ กึ น่า
เสียดายยิงกว่า

ยามนีสิงทีหรันเหยียนพะวงมากกว่าคือหลีเต๋อเจียนมี
ส่วนในคดีนีหรือไม่ ฟั งจากอันจิน เริมแรกตอนทีหลีเต๋อ
เจียนแนะนําเขาให้องค์รชั ทายาท องค์รชั ทายาทไม่มี
วีแววชอบบุรุษเพศ อาจเป็ นเพราะอยากช่วยเหลือเขา
จริงๆ แต่ก็เป็ นไปได้วา่ หลีเต๋อเจียนประจบองค์
รัชทายาทโดยใช้อนั จินเป็ นเครืองมือ คาดไม่ถงึ ว่าต่อมา
จะถูกอันจินควบคุม เขาจึงถูกบังคับให้ช่วยอันจินฆ่าคน
ทิงศพ

14
หากเป็ นอย่างหลัง เช่นนันเขาก็กลายเป็ นตัวตลกจริงๆ

แต่หากเป็ นอย่างแรก เหตุใดหลีเต๋อเจียนยังช่วยอันจิน


ทิงศพ หรือเป็ นเพราะมิตรภาพ

ยังมีข่าวคราวทีหลีไท่สง่ ให้อนั จิน แผนทีทีเขาพูดถึงเป็ น


แผนทีอะไรกันแน่

ไม่รูเ้ พราะเหตุใด หรันเหยียนมักรูส้ กึ ว่าทังหมดทีอันจิน


ทําลงไปเป็ นเพียงมุมหนึงของภูเขานําแข็งในมรสุมฉาก
นี คล้ายมีพายุใหญ่ทีบ้าคลังรุนแรงกว่ากําลังจะโหม
กระหนํามา

15
ตอนที 424 จะสบายใจได้อย่างไร

พออันจินตาย สามหน่วยงานรีบสะสางคดีทนั ที เขียน


เอกสาร ส่งไปยังโต๊ะทรงงานของหลีซือหมินในคืนนัน

คดีนีเกียวพันในวงกว้าง มรสุมครังแล้วครังเล่าในวัง
ตะวันออก เว่ยอ๋องก็ไม่อยูอ่ ย่างสงบ คล้ายวางแผนก่อ
กบฏ มีสว่ นร่วมในคดีนี ปลุกปั นจนยุง่ เหยิง หมายโค่น
ล้มหลีเฉิงเฉียน

อันจินเป็ นฆาตกร แต่หลีเฉิงเฉียนก็ทารุณขุนนางจริง จง


ซูจ่ ือรัชทายาทคนหนึงทีตายในวังตะวันออกก็ถกู หลี

1
เฉิงเฉียนเฆียนจนตายจริง

ส่วนหลีเต๋อเจียนทีอยูใ่ นคุกพอได้ข่าวว่าอันจินตายก็
สารภาพทุกอย่าง เนืองจากเขารูเ้ รืองหลีเฉิงเฉียนทารุณ
ขุนนาง จึงรูส้ กึ ผิดหวังหลีเฉิงเฉียนยิงนัก ครุน่ คิดว่าจะ
ตัดขาดกับวังตะวันออกหรือไม่

หนึงวันก่อนไปท่องแม่นาฉวี
ํ เจียง อันจินนัดพบกับหลี
เต๋อเจียน เขาคิดว่าพบหน้ากันก็ดี จะได้สืบข่าววังตะวัน
ออกในระยะนี ดังนันจึงนัดพบอันจินทีริมฝังนําลับตาคน
ตอนพลบคํา

ท่ามกลางแสงสายัณห์ รอเพียงชัวประเดียว มีรถม้าคัน

2
หนึงขับมา หลีเต๋อเจียนจําได้วา่ นีคือรถม้าทีอันจินนัง
เป็ นประจํา คิดไม่ถงึ ว่าพอรถหยุด อันจินจะลากห่อของ
ห่อใหญ่ลงมา

ขณะนันหลีเต๋อเจียนแอบได้กลินเหม็นเน่า แม้วา่ ทีนีอยู่


ลับตาคน ก็ใช่วา่ จะไร้ผคู้ นเสียทีเดียว เขาคิดไม่ถงึ ว่าจู่ๆ
จะมีคนตายอยูด่ า้ นใน รอจนอันจินลากห่อของขึนไปบน
ดาดฟ้าเรือ หลังจากเขาสังให้คนขับเรือออกไป ค่อยถาม
ว่านันคืออะไร

“อันซิน” อันจินตอบเสียงเรียบ

หลีเต๋อเจียนตะลึงชัวครู ่ อันซินก็เป็ นขันทีคนสนิทของหลี

3
เฉิงเฉียน หน้าตาละม้ายคล้ายอันจินห้าหกส่วน

ด้วยฐานะอย่างหลีเต๋อเจียนไม่จาํ เป็ นต้องเอาใจหลี


เฉิงเฉียนโดยใช้อนั จิน หลีเฉิงเฉียนอยากรักษาตําแหน่ง
ให้มนคง
ั เขาเพียงแสดงความหวังดีเล็กน้อย หลี
เฉิงเฉียนจะเป็ นฝ่ ายดึงเขาไปเป็ นพวกเอง เหตุใดต้อง
สมคบคิดวางแผนเช่นนัน แต่เขาเป็ นคนแนะนําอันจินให้
หลีเฉิงเฉียนจริงๆ ต่อมาได้ข่าวว่าอันจินถูกตอนส่งเข้าวัง
ตะวันออก ก็งนุ งงโดยพลัน

ก่อนหน้านีแม้ฐานะของพวกเขาต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่
พอได้พบก็รูส้ กึ เหมือนเพือนเก่า แม้ไม่ถงึ ขันเป็ นสหาย
สนิทสุด แต่ก็นบั ว่าสนิทสนมยิง

4
ตอนนันหลีเต๋อเจียนคิดว่าหากเขาโดนตอนเสียเอง จะมี
สภาพจิตใจเช่นไร ต้องพินาศย่อยยับแน่ ขณะเดียวกันก็
ต้องให้ทกุ คนพินาศย่อยยับตาม

แต่ไม่กีเดือนต่อมาเมือได้พบต้วนอวินไจ้อีกครัง เขา
เปลียนชือเป็ นอันจิน สีหน้าเรียบเฉยราวบ่อนําแห้งผาก
ไม่ใช่คณ
ุ ชายสง่าผ่าเผยทีเมือนึกครึมใจก็ถอดถุงเท้า
สยายผมเปล่งเสียงร้องเพลงได้คนนัน

หลีเต๋อเจียนค้นหาคนทีหน้าตาคล้ายเขาส่งเข้าวังตะวัน
ออกอย่างสุดกําลัง เขารูส้ กึ ผิด ในเมืออันจินได้รบั ความ
กระทบกระเทือนใจเช่นนี ก็ไม่อาจปล่อยเขาทอดกายให้
บุรุษเชยชมได้ อย่างน้อยก็ยงั รักษาเกียรติอนั น้อยนิดไว้
5
ได้

“อันซิน” ชือนีแท้ทีจริงเป็ นชือทีหลีเฉิงเฉียนตังให้อนั จิน


แต่ช่วงเวลานันอันจินกําลังหมดอาลัยตายอยาก พอได้
ยินชือนียิงรูส้ กึ ถูกเหยียดหยาม เขาต้องใช้รา่ งกายไม่สม
ประกอบฝื นปรนนิบตั ิอยูข่ า้ งกายหลีเฉิงเฉียนเพือให้อีก
ฝ่ ายสบายใจ!? ดังนันเขาจึงอดอาหารตังแต่ฟืนขึนมา
ตอนนันพุง่ ลงจากเตียงเพือจะชนผนังฆ่าตัวตาย

เขาคิดหาทีตาย แต่เพราะไม่มีแรง การชนครังนันจึงไม่


สําเร็จ และตังแต่นนมาหลี
ั เฉิงเฉียนก็ไม่กล้าเอ่ยถึง ‘อันซิ
น’ สองคํานีอีก

6
อันจินทําสงครามเย็นกับหลีเฉิงเฉียนครึงปี กว่า กระทัง
หลีเต๋อเจียนหาขันทีทีหน้าตาคล้ายเขามา ท่าทีเขาจึง
โอนอ่อนลงบ้าง

หลีเฉิงเฉียนตังชือให้เขาว่า ‘อันซิน’ทุกคืนหลังจากดับไฟ
ก็สงให้
ั อนั ซินมาปรนนิบตั ิในห้องนอน เพียงนอนกอดเขา
ไม่เคยมีทา่ ทางเกินเลยกว่านัน

ชายาของหลีเฉิงเฉียนได้ยินว่าเขากอดขันทีนอน ไม่ยอม
สนใจนาง นําตาไหลพรากทุกคืนวัน

ทัวทังวังตะวันออก มีแต่คนเจ็บปวดเสียใจ ไม่เคยมีเรือง


สุขใจอย่างแท้จริง ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี หลี

7
เฉิงเฉียนก็ยิงฉุนเฉียวมากขึน

อันซินเป็ นพวกชอบโปรยเสน่หย์ วยวน


ั อันจินดูถกู เขามา
ตลอด แต่เขาตายเพราะล่วงรูว้ า่ อันจินมีวรยุทธ์ จึงถูกฆ่า
ปิ ดปาก

แล้วอันจินก็บอกหลีเฉิงเฉียนตามตรงว่าเขาเป็ นคนฆ่า
อันซิน

สําหรับหลีเฉิงเฉียน อันซินเปรียบเสมือนของทีระลึกต่าง
หน้าคนรัก หากคนรักบอกว่าทําหายไปขณะทีกวาดห้อง
แม้เขาจะรูส้ กึ เสียดายทีขาดอะไรไป แต่ไม่มีทางตําหนิ
ติเตียน

8
ขณะเดียวกันเซียวเซวียนจืออาศัยความสัมพันธ์หามา
ถึงวังตะวันออก เขาไม่เพียงมีหลักฐานทีหลีไท่วางแผน
ก่อกบฏ ยังบอกองค์รชั ทายาทว่ามีกองกําลังนักฆ่ากลุม่
หนึงนอกวังทีสามารถเรียกใช้งาน

หลีเฉิงเฉียนไม่สะดวกพบหน้าพวกเขา จึงฝากเรืองนีไว้
กับอันจิน

มีกาํ ลังเช่นนีไว้ในครอบครอง อันจินจึงระงับความโกรธ


แค้นในใจไว้ไม่อยู่ สิงทีกระทํายิงบ้าคลังไม่ปิดบัง

ช่วงเวลานันเป็ นช่วงทีตําแหน่งวังตะวันออกสัน

9
คลอนอย่างทีสุด จึงมีคนขยันมาตักเตือนมากกว่าทีผ่าน
มา

เดิมทีหลีเฉิงเฉียนได้รบั ความกดดันมากมาย ยิงพวกเขา


มาพูดจาบาดใจเช่นนีอีก ท้ายทีสุดจึงควบคุมความ
กระวนกระวายและความหวาดกลัวทีอัดอันตันใจไว้ไม่
อยู่

จางเสวียนซูต่ กั เตือนบ่อยทีสุด แต่เขาเป็ นอินชิงกวงลูต่ า้


ฟู หลีเฉิงเฉียนจึงไม่กล้าลงมือตามใจ ทําได้เพียงไป
ระบายกับขุนนางอืน โดยเฉพาะคนทีกล้าเอ่ยปากตัก
เตือนเขา

10
จงซูจ่ ือรัชทายาททีตายไปก็เพราะตักเตือนครังแล้วครัง
เล่า ยิงแอบได้ข่าวว่าหลีเฉิงเฉียนมีพฤติกรรมทารุณขุน
นาง จึงยืนหนังสือตักเตือน ตักเตือนสีครังไร้ผล เขาจึง
ยืนหนังสือเป็ นครังทีห้า

คนผูน้ ีมีนิสยั เถรตรง ในคําพูดมีใจความว่า ‘ถ้ายังไม่


สํานึกผิดอีก จะนําคําตักเตือนกราบทูลฝ่ าบาท’

วันนันจงซูจ่ ือรัชทายาทเข้าเวรกะดึก มีปากเสียงกับหลี


เฉิงเฉียนเพราะเรืองตักเตือน จึงถูกเฆียนด้วยความโมโห
ตอนนันไม่รูเ้ พราะเหตุใดเขาถึงไม่ได้แพร่งพรายเรืองนี

ผ่านไปหนึงวัน ประจวบเหมาะในวังตะวันออกมีขนุ นาง

11
ตายสองคน หลีเต๋อเจียนจึงนัดพบอันจิน ผลคืออันจิน
ปฏิเสธทีจะพบเขา เขาจึงไปหาจงซูจ่ ือรัชทายาทผูน้ ีพา
กันไปดืมสุราทีเหลาจินโหลว สอบถามเรืองราวในวัง
ตะวันออก...

หากเซียวเซวียนจือไม่เข้ามาแทรกแซง หลีไท่ก็จะไม่ถกู
ดึงเข้ามาในคดีนี

……

หรันเหยียนจัดการเรืองราวตังแต่ตน้ จนจบอย่างชัดแจ้ง
รูส้ กึ ว่าวันเวลาสุขสบายของหลีไท่ใกล้ถงึ กาลอวสาน

12
ดูจากทีหลีเค่อลงแรงไปมาก แต่ไม่ได้หลักฐานการก่อ
กบฏของหลีไท่ เขาเป็ นคนทํางานรอบคอบยิงนัก จะโทษ
ก็ตอ้ งโทษตนเองทีเริมแรกดูเบาตงหยางฮูหยิน จึงเหลือ
ร่องรอยมากมายทีเก็บกวาดอย่างไรก็ไม่หมดสิน

ฉางอันเดือนแปดเริมเข้าสูฤ่ ดูใบไม้รว่ ง อากาศยิงร้อนอบ


อ้าว

หรันเหยียนปรึกษากับเซียวซ่งว่าพอเด็กๆ ฉลองอายุครบ
หนึงขวบ จะพาพวกเขากลับหลันหลิง โดยเซียวซ่งลา
งานส่งพวกเธอแม่ลกู กลับไป

“ฮูหยิน หลิวอีเฉิงกับหรันฮูหยินมาเจ้าค่ะ” สาวใช้

13
รายงาน

หรันเหยียนตะลึงชัวขณะ จึงนึกได้วา่ ยามนีหรันอวินออก


เรือนแล้ว “เชิญพวกเขาเข้ามา” หรันเหยียนกําลังจะออก
ไป เด็กทังสามคนก็รอ้ งไห้งอแง เอือมมือเล็กๆ จํามํา
คล้ายอยากจะคว้าเธอไว้

หวันลวีทําอะไรไม่ถกู ปลอบโยนก็ไร้ผล จึงรีบหันไปขอ


ความช่วยเหลือจากหรันเหยียน “ฮูหยินเจ้าคะ”

“เด็กทังสามคนคงตกใจแย่” หรันเหยียนเดินกลับมา ครัง


ก่อนทีเกิดเรือง หรันเหยียนและเซียวซ่งกลับมา
ตอนกลางดึก ผ่านไปไม่นาน หรันเหยียนก็ไม่ได้กลับมา

14
หนึงวันเต็มๆ อีก เด็กทังสามยังอยูใ่ นช่วงห่างแม่ไม่ได้
ทุกครังร้องไห้นาตาไหลพราก
ํ ครังนียิงไม่ยอมให้เธอออก
ห่างแม้เพียงก้าวเดียว

หรันอวินเข้ามาในลานบ้าน ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ รูว้ า่


เธอต้องไม่ได้อยูใ่ นห้องโถง จึงเปลียนทางเดินมา “พีสิบ
เจ็ด”

15
ตอนที 425 เนรเทศ

"อาอวินมาหรือ" หรันเหยียนเห็นเด็กสามคนหยุดร้องไห้
จึงลุกขึนสนทนากับหรันอวิน

หรันอวินมองทารกน้อยน่ารักราวหยกสลักสามคน เบิก
ตาวาวจ้องพวกเธอก็ชอบใจนัก หลังทักทายหรันเหยี
ยนแล้วก็ยอ่ ตัวลงแหย่ทงสามคน

เซียวเหล่าเอ้อร์ทีผ่านมาอารมณ์ดีทีสุด พักหนึงก็ยืนมือ
กลมป้อมคว้านิวนาง รัวรัวขนตายังเปี ยกชุ่ม ตบมือ
หัวเราะคิกอยูด่ า้ นข้าง เซียวเหล่าต้าร้องไห้เหนือยแล้ว ก็
นอนแผ่หราบนเตียง

1
หรันเหยียนมองเจ้าตัวน้อยทังหลาย แล้วยิมจนใจก่อน
นังลงตรงขอบเตียง

"คุยกันทีนีสักพักก่อนเถิด รออีกเดียวหากพวกเขาไม่
นอน ค่อยอุม้ ไปทีห้องโถง" ขณะหรันเหยียนเอ่ยวาจา
ก้มหน้ามอง รัวรัวกําลังคลานซวนเซมา จึงอดยิมยืนมือ
อุม้ นางขึนมาไม่ได้

"ได้" หรันอวินนึกถึงเรืองเมือหลายวันก่อน แล้วพักความ


คิดเล่นสนุกไว้ "วันนันทีข้าออกเรือน ได้ยินว่าในวังเรียก
ตัวท่าน ยังคิดว่าองค์หญิงจินหยางไม่สบายทีใด...ทีแท้
เกิดเรืองเช่นนันขึน ช่างชวนตกใจนัก"

2
วันนันหลิวชิงซงก็ได้ยินเรืองนี ตอนนันจึงให้คนมาถามที
เรือนสกุลเซียว ประจวบพบเซียวซ่งกลับบ้านพอดี จึง
บอกคนทีมาว่าไม่มีอะไรมาก ให้หลิวชิงซงวางใจ

ผลคือหลิวชิงซงก็วางใจจริงๆ หลังกลับบ้านเจ้าสาว ก็
พาหรันอวินออกไปท่องเทียว

"แค่ตกใจไร้เรืองราว" หรันเหยียนกล่าว

"นันก็พอจะขวัญผวาแล้ว เกิดเรืองเช่นนีซําๆ น่าจะหา


นักพรตมาทําพิธีลา้ งอาถรรพ์ ข้ารูจ้ กั นักพรตทีดังมากคน
หนึง" หรันอวินกล่าวจบก็ชะงัก ก่อนได้สติ "ตระกูลใหญ่

3
อย่างสกุลเซียวคงนับถือพุทธกระมัง เช่นนันก็หาพระ
ตบะสูงเถิด"

เนืองจากยุคสุย ศาสนาพุทธเป็ นศาสนาประจําชาติ ผูด้ ี


มีอาํ นาจส่วนใหญ่นบั ถือศาสนาพุทธ ขณะทีลัทธิเต๋า
เสือมถอย ได้แต่พฒ
ั นาในระดับล่าง กระทังยุคถังเริม
สกัดกันศาสนาพุทธ ลัทธิเต๋าจึงเริมฟื นตัว แต่ความเชือ
ไม่อาจแก้ได้กะทันหัน ตระกูลใหญ่ทีพอมีรากฐานกว่า
ครึงยังคงนับถือพุทธศาสนา

"ได้ อีกหลายวัน ข้าจะพาเด็กๆ ไปหลันหลิง แล้วคุยเรือง


นีกับท่านแม่" หรันเหยียนบอก

4
"ไปหลันหลิง?" หรันอวินชะงัก ก่อนผงกศีรษะทันที "ก็ดี
ระยะนีฉางอันไม่คอ่ ยสงบนัก…"

หรันอวินเอ่ยพลางเห็นว่าเซียวเหล่าเอ้อร์ดงึ แขนเสือนาง
พลางพูดอ้อแอ้ หรันอวินมองใบหน้าน้อยๆ ทีจํามํา ก่อน
ก้มลงถูแก้มกับดวงหน้าน้อยๆ ของเขา

เซียวเหล่าเอ้อร์คล้ายรูส้ กึ ว่าเรืองนีสนุกน่าสนใจ จึงถู


ตามบ้าง ถูเสร็จยังไม่สมใจ คลานไปข้างเซียวเหล่าต้าถู
เขาต่อ ผลคือถูกเซียวเหล่าต้าใช้ฝ่ามือผลักออกอย่าง
รําคาญ เจ้าตัวน้อยแหกปากร้องไห้จา้

หรันอวินกับหรันเหยียนเห็นท่าแล้วอดหัวเราะไม่ได้ รัวรัว

5
เห็นมารดาหัวเราะก็อยากหัวเราะตาม เห็นพีรองร้องไห้ก็
อยากร้องไห้ตาม รูส้ กึ ขัดแย้งกะทันหัน หัวคิวน้อยๆ
ขมวดมุน่

เซียวเหล่าเอ้อร์ได้ยินเสียงหัวเราะก็ชะงัก นําตานองมอง
ไปทัว ด้วยคิดว่ามีเรืองสนุกใด

หรันเหยียนเห็นลูกสามคนยังสดชืนแจ่มใส เลยให้แม่นม
อุม้ ไปทีห้องโถง

แม้หรันอวินอยากอุม้ มาก แต่นางไม่มีประสบการณ์ กลัว


เด็กเจ็บ เลยล้มเลิก

6
"อาอวินชอบเด็กเช่นนี ไม่นานก็มีได้" หรันเหยียนกล่า
วยิมๆ

หรันอวินส่ายหน้า "ข้าแค่ชอบเด็กทีสวยงามว่าง่าย วัน


หน้าเด็กทีข้าคลอดหากเหมือนข้ายังดีหน่อย หากเหมือน
คนนันทีบ้านข้า โยนให้ทา่ นแม่ขา้ ก็แล้วกัน"

"ทําไม นีนึกเสียใจภายหลังแล้วหรือ" หรันเหยียนล้อ

หรันอวินผงกศีรษะอย่างดุเดือด "นึกเสียใจสิ ตอนนัน


วูว่ ามเกินไป เห็นแต่ประโยชน์เบืองหน้า ไม่ได้มองการณ์
ให้ไกลหน่อย"

7
ทีหรันอวินกล่าวถึงมองการณ์ไกลหน่อย หมายถึงหน้า
ตาลูกทีจะเกิดในวันหน้า

หรันเหยียนรูส้ กึ ผิด เพราะเมือเธอมองหรันอวิน รูส้ กึ ออก


จะสนุกเหมือนชมหายนะของผูอ้ ืนโดยไม่ช่วย จึงเอ่ยไม่
ตรงกับใจว่า "ความจริงหน้าตาของหลิวอีเฉิง...ยังพอใช้
ได้"

คิดไม่ถงึ หรันอวินกลับไม่เข้าใจความหวังดีของเธอ มอง


หรันเหยียนอย่างอัศจรรย์ใจ "พีสิบเจ็ดเรียกร้องตําขนาด
นีเชียว? ตอนนันทีท่านเจอพีเขยต้องคิดว่าเป็ นเทพจาก
สวรรค์แน่!"

8
หรันเหยียนกระแอมทีหนึง เธอเรียกร้องไม่ตาํ แต่มีระดับ
การยอมรับสูง ไม่วา่ จะงามหรืออัปลักษณ์แค่ไหน เธอก็
ไม่ตะลึงลาน หากคํานวณตามสรีระร่างกาย หลิวชิง
ซงต้องการส่วนใดก็มีสว่ นนัน ปกติยงิ สัดส่วนเครืองหน้า
ก็ปกติ เธอเลยพูดว่าหลิวชิงซงหน้าตาใช้ได้ โดยไม่มีแรง
กดดันสักนิด

"ทีแท้พีสะใภ้เก้าก็ดเู บาข้าเช่นนี" เสียงหลิวชิงซงดังมา


จากในโถง

เด็กสามคนตาเป็ นประกาย ชะโงกมองในห้องกันหมด

หลิวชิงซงออกมารับ พอเห็นซาลาเปาน้อยขาวๆ สามคน

9
ก็หอมฟอดคนละทีทนั ใด หรันเหยียนยืนมือบังหน้ารัวรัว
"หลิวชิงซง ห้ามท่านทําอันธพาลกับลูกสาวข้า"

หลิวชิงซงยิมตาหยีมองรัวรัว "เด็กดี มาให้อาหอมหน่อย"

รัวรัวฉีกยิมให้เขา จากนันหันหัวซุกหน้ากับอกหรันเหยี
ยน

"แม่หนูแล้งนําใจ" หลิวชิงซงสีหน้าเจ็บชํา

เซียวซ่งก็เดินออกมาจากห้อง กล่าวต่อบทสนทนาเมือ
ครู ่ "ชิงซง หูขา้ งไหนของเจ้าได้ยินพีสะใภ้ดเู บาเจ้า? เป็ น
ภรรยาเจ้าประเมินตํากว่าชัดๆ"
10
"ฮ่าๆ" หลิวชิงซงยิมก่อนกล่าว "เรืองนีท่านไม่เข้าใจ นาง
เป็ นคนคิดคํานวณถึงส่วนได้สว่ นเสียขนาดนัน เมือได้
ของดีมาไหนเลยยอมป่ าวประกาศสูภ่ ายนอก?"

หรันอวินกลอกตา คร้านจะสนใจเขา

หรันเหยียนมองเซียวซ่งแล้วเม้มปากยิม ความหมายคือ
ในทีสุดก็รูว้ า่ โรคหลงตัวเองของท่านมาจากไหน

เซียวซ่งเลิกคิวนิดหนึง ก่อนยืนมือรับเซียวเหล่าต้าและ
เซียวเหล่าเอ้อร์จากมือแม่นม อุม้ เข้าห้องไปก่อน เจ้าหนู
ทังสองส่งเสียงอ้อแอ้คยุ ภาษาทีใครก็ฟังไม่รูเ้ รืองกับหลิว

11
ชิงซง

หลิวชิงซงแหย่พวกเขา ขณะเดินเข้าไป

สถานทีทีมีเด็กก็มีเสียงหัวเราะครืนเครง เด็กสามคนหน้า
ตาดียงิ กอปรกับพฤติกรรมน่ารักๆ ทีไม่เจตนาในบาง
ครัง ทําให้ทกุ คนหัวเราะเสียงดังลันในเวลาไม่นาน

ก่อนอาหารเทียง ป้อนอาหารเสริมให้เด็กสามคนก่อน
พอถึงเวลาอาหารเทียงหลังป้อนนมก็ให้แม่นมพาไป
นอนกลางวัน

พวกเขาจึงเริมกินอาหารเทียงกัน
12
พ่อครัวของเรือนสกุลเซียวเป็ นหรันเหยียนใช้ให้สงิ เหนียง
ฝึ กด้วยตนเอง รสชาติยอ่ มไม่เหมือนอาหารต้าถังดังเดิม
หลิวชิงซงกินอย่างถูกปากยิง ส่วนหรันอวินตาเป็ น
ประกาย จ้องอาหาร คล้ายเห็นเงินไหลมาไม่ขาดสายก็
ไม่ปาน

จบมือ หลังบ้วนปาก หรันอวินก็ทนรอไม่ไหวจูงแขนหรัน


เหยียนไปคุยแผนการค้าหาเงินครังใหญ่

หรันอวินเสนอเงือนไขดียงิ หรันเหยียนแค่ให้พอ่ ครัวไป


จากนันก็นงรอเก็
ั บปั นผลกําไรสีส่วน ดูจากระยะสันหรัน
อวินเสียเปรียบมาก แต่คาํ นวณระยะยาวนางยังคงมีแต่
กําไรไม่ขาดทุน อีกอย่างไม่วา่ มรสุมในราชสํานักจะพลิก
13
ผันเช่นไร มนุษย์ก็ตอ้ งกิน ขอเพียงอาหารอร่อยจริง ย่อม
ไม่เสียงเหมือนการค้าประเภทอืน

หรันเหยียนรูแ้ ต่แรกว่านีเป็ นโอกาสทางการค้า แต่เธอก็รู ้


ว่าตัวเองไม่เหมาะทําการค้า เกรงว่าสกุลเซียวเองก็คงไม่
หวังให้สะใภ้ไปวุน่ กับเรืองเหล่านีทีภายนอก ทําอะไร
ต้องประมาณกําลังตนค่อยลงมือ แบกรับได้จงึ ค่อยทํา
เธอเลยไม่หาเรืองยุง่ ยากใส่ตวั

ตอนนีหรันอวินอยากทํา เธอจึงตกลงโดยไม่ตอ้ งคิดมาก


ถึงอย่างไรเรืองนีก็ไม่เปลืองแรงแต่อย่างใด เธอสามารถ
พาเด็กๆ ไปหลันหลิง แล้วให้สงิ เหนียงฝึ กคน ปกติแค่ใส่
ใจตามเรืองหน่อยก็พอ

14
สองคนหารือเสร็จก็กลับห้องโถง ได้ยินเซียวซ่งกับหลิว
ชิงซงกําลังคุยเรืองคดี

"ตัดสินหนักไปแล้ว!" หลิวชิงซงกล่าวอย่างไม่พอใจ

หรันเหยียนสะดุดใจชัวขณะ หลิวชิงซงไม่มีทางห่วง
รัชทายาทและอันจิน คงจะพูดถึงหลีเต๋อเจียน

เซียวซ่งจิบนําอึกหนึงก่อนกล่าว "โทษของเขา หากไม่


เกียวกับตําแหน่งผูส้ ืบทอดบัลลังก์ อย่างมากก็แค่ถกู
โบยยกหนึง แต่ทงในและนอกราชสํ
ั านักต่างบอกว่า อัน
จินเป็ นคนทีเขาแนะนําแก่รชั ทายาท รัชทายาทตกตําลง

15
เพราะรักชอบคนเพศเดียวกัน...ชักนําผูส้ ืบทอดบัลลังก์
ให้หลงผิด โทษนีไม่เบาเลย หากมิใช่เห็นแก่หน้าแม่ทพั
ใหญ่ เกรงว่าคงยากเลียงโทษตาย"

"ยัดข้อหากันชัดๆ!" หลิวชิงซงฮึดฮัดกล่าว "ข้าฟั งว่าอัน


จินผูน้ นเสี
ั ยสติเพราะถูกตอนโดยไม่เต็มใจ! อีกอย่างอัน
จินหน้าตาดี เต๋อเจียนข่มใจได้ แต่รชั ทายาทข่มใจไม่ได้
จะโทษใคร รัชทายาทเกิดเรือง ทุกคนก็ปัดสวะให้คนอืน!
ยังกล้ามีหน้ากว่านีอีกไหม!"

เซียวซ่งมองหลิวชิงซงกราดเกรียวด้วยสีหน้านิงเฉย รอ
เขาพูดจบค่อยเอ่ยว่า "โมโหเสร็จแล้ว?"

16
หลิวชิงซงสูดหายใจลึก "เสร็จแล้ว แต่เรืองของเต๋อเจียน
แก้ไขไม่ได้แล้วหรือ"

เซียวซ่งนิงตรองชัวครูก่ ่อนตอบว่า "ก็แค่ปีแรกต้อง


ลําบากหน่อย รอเรืองนีซาลง ข้าจะจัดการให้ แม้ไม่
อาจกลับฉางอัน แต่อย่างน้อยก็ไม่ตอ้ งลําบาก"

"เขาโดนตัดสินโทษใดหรือ" หรันเหยียนถามแทรก

หลิวชิงซงถอนใจก่อนตอบ "เนรเทศไปม่อเป่ ย (ทะเล


ทรายทางเหนือ)"

ครังนีหลีเต๋อเจียนเอาใจใครล้วนไม่สาํ เร็จ กระทําเรือง


17
ผิดทีบอกไม่ได้วา่ ผิดเรืองหนึง คราแรกเขาแนะนําอันจิน
ให้รชั ทายาทด้วยความปรารถนาดี หัวเด็ดตีนขาดก็คิด
ไม่ถงึ ว่ารัชทายาทจะชมชอบบุรุษผูห้ นึง เรืองดําเนินมา
ถึงขันนี ก็เป็ นสิงทีเขาคาดไม่ถงึ ทว่าท้ายทีสุดยังต้อง
แบกรับความรับผิดชอบนี คิดดูก็ออกจะไม่ยตุ ิธรรม

"วางใจเถิด ฝ่ าบาทก็ทรงรูอ้ ยูแ่ ก่ใจ ก็แค่ทรงอยากหา


ทางออก เต๋อเจียนเป็ นบุตรคนโตของภรรยาหลวงแม่ทพั
ใหญ่ ไม่เห็นแก่หลวงจีนก็ตอ้ งเห็นแก่พระพุทธ เมือฝ่ า
บาทหายกริว พวกเราลอบช่วยเหลือเต๋อเจียนก็ง่ายแล้ว"
เซียวซ่งเอ่ย

"เช่นนันรัชทายาทกับเว่ยอ๋อง…" หรันเหยียนถาม

18
หลิวชิงซงยิมหยัน "ยังจะเป็ นอะไรได้ ปิ ดประตูสาํ นึกผิด
น่ะสิ" เขาตอบจบค่อยคิดตามทัน "เว่ยอ๋องก็มีสว่ นใน
เรืองนีด้วยหรือ"

หรันเหยียนมองเซียวซ่งแวบหนึง เซียวซ่งตอบว่า "พลาด


แล้วเหยียบซํา ตลอดมาการแย่งชิงราชอํานาจก็เป็ นเช่น
นี"

เรืองนีอยูว่ งนอกได้ก็อยูว่ งนอกเป็ นดีทีสุด

หรันเหยียนและหลิวชิงซงเข้าใจความหมายของเขา จึง
ไม่ถามมากความอีก

19
"ฟั งว่าพีสะใภ้เก้าจะกลับหลันหลิง ทูลฝ่ าบาทหรือยัง"
หลิวชิงซงถาม

หรันเหยียนยังแบกความรับผิดชอบสําคัญรักษาพระ
อาการองค์หญิงน้อย นีเป็ นสิงทีฮ่องเต้รบั สังด้วย
พระองค์เอง เธอจะไป ก็ตอ้ งให้พระองค์ทรงอนุญาต

"ยังเลย ช่วงนีฝ่ าบาทน่าจะหงุดหงิดพระทัยมาก" หรันเห


ยียนคิดรอให้ผา่ นไปสักหลายวันค่อยไปทูล เซียวซ่งรูท้ ิศ
ทางลมในราชสํานักดี ด้วยเหตุนีจึงจับจังหวะโอกาสทีดี
ได้ หรันเหยียนไม่หว่ งเรืองนี

20
ตอนนีเสือหงุดหงิดกว่าเดิม ใครกล้าไปกระตุกหนวดเสือ

พวกเขาคุยกันพักหนึง หลิวชิงซงกับหรันอวินค่อยจากไป

จากเรืองครังนี หรันเหยียนรูส้ กึ ถึงความโหดร้ายอีกครัง


ของสังคมทีกษัตริยม์ ีอาํ นาจ ก็เหมือนหมากรุก ขอแค่ลม้
ฝ่ ายตรงข้ามรักษาตัวขุนได้ในท้ายทีสุดก็ชนะ ทีเหลือ
ล้วนเป็ นเครืองสังเวย

ผ่านไปหกวัน คดีสนสุ
ิ ดโดยสมบูรณ์

เซียวซ่งให้หรันเหยียนเข้าวังไปขอเฝ้าฮ่องเต้ ขออนุญาต
ลากลับบ้านทีหลันหลิง เหตุผลคือพ่อแม่สามีอยูใ่ นช่วง
21
ไว้ทกุ ข์ ไม่สะดวกมาฉางอัน เธอจึงอยากพาลูกสามคนก
ลับไปให้พอ่ แม่สามีดู

22
ตอนที 426 คลัง

เซียวซ่งถวายหนังสือไปก่อน เช้าวันรุง่ ขึนก็ได้สาร


ตอบกลับจากในวัง ฮ่องเต้ทรงอนุญาตให้หรันเหยียนก
ลับหลันหลิง แต่ก่อนไปต้องเข้าวังตรวจดูอาการขององค์
หญิงจินหยางอีกครัง

หรันเหยียนเปลียนชุดไก่ฟา้ เสร็จ ฉวยโอกาสทีเด็กสาม


คนยังหลับอยู่ รีบเข้าวัง

รถม้าเคลือนไปถึงหน้าประตูวงั ขณะหยุดให้องครักษ์
ตรวจสอบฐานะ หรันเหยียนก็ได้ยินเสียงหลิวชิงซง "พี
สะใภ้เก้า ข้าไปกับท่านด้วย"

1
หรันเหยียนเลิกม่านรถ เห็นหลิวชิงซงสวมชุดขุนนางสี
เขียวควบม้ามา

ตอนนีหลิวชิงซงอยูใ่ นช่วงลาแต่งงาน เดิมไม่จาํ เป็ นต้อง


มา แต่ครังก่อนเรืองทีหรันเหยียนถูกลักพาตัวทําให้เขา
ขวัญผวาไม่หาย หลิวชิงซงมาต้าถังสิบกว่าปี เหมือนอยู่
ดีมีสขุ แต่ตราบจนวันนีก็ยงั ไม่อาจปรับตัวกลมกลืนได้
เต็มที หรันเหยียนสําหรับเขา คือญาติสนิท ทังยังเป็ น
ญาติสนิทหนึงเดียวทีไม่มีใครแทนทีได้ในโลกนี

หรันเหยียนรูส้ กึ ซาบซึงใจ "ขอบคุณ"

2
หลิวชิงซงหัวเราะแห้งๆ หลายครา "ช่างเถิด จู่ๆ คุณผู้
หญิงหรันอ่อนโยนด้วยเช่นนี ข้ายากจะรับได้จริงๆ"

"ท่านสมควรโดนดีแล้ว" หรันเหยียนปล่อยม่านลง

ยามนีผ่านการตรวจสอบทีประตูแล้ว รถม้าจึงเริมเคลือน
ไปช้าๆ

หรันเหยียนลงรถทีหน้าประตูวงั ชันใน รอครูห่ นึงก็มีเจ้า


หน้าทีนําทางสาวเท้าเดินออกมา ครันเห็นหรันเหยียนกับ
หลิวชิงซงก็คอ้ มกายกล่าว "เซียนเหลียงฮูหยิน หลิวอีเฉิง
องค์หญิงจินหยางเสด็จไปวังตะวันออก ทังสองท่าน
โปรดเดินทางตามบ่าวมา"

3
เจ้าหน้าทีนําทางโบกมือสังคนยกเสลียงสองตัวมา "ทัง
สองท่านเชิญ"

หรันเหยียนส่งหีบยาให้เน่ยซือด้านข้าง ก่อนขึนนังบน
เสลียง

จากวังชันในถึงวังตะวันออกมีระยะทางประมาณหนึง
แต่โดยมากเป็ นทางทีมีตน้ ไม้รม่ รืน หรันเหยียนพักตางีบ
แม้แต่หลิวชิงซงปากเปราะ อยูใ่ นวังหลวงก็นิงไม่สง่ เสียง
สักแอะ

ไม่รูเ้ ดินทางนานแค่ไหน หรันเหยียนได้ยินเสียงโหวก

4
เหวกแว่วๆ แม้ฟังไม่คอ่ ยชัด แต่รูส้ กึ ได้วา่ มีคนไม่นอ้ ย

หรันเหยียนจึงลืมตา

หลิวชิงซงกระซิบว่า "ถึงวังตะวันออกแล้ว"

องค์หญิงจินหยางมาเยียมหลีเฉิงเฉียน เสลียงย่อมแบก
ไปยังทีพักของเขา

เมือค่อยๆ เข้าไปใกล้ เสียงทีได้ยินก็ชดั ขึนทุกขณะ ใน


จํานวนนันมีเสียงหนึงตะโกนว่า "ครองทัวหล้า อาชา
หมืนสูจ่ ินเฉิง คลายมวยผม รับใช้ข่านทูเจวีย กิน
ตําแหน่งแม่ทพั จักสุขใจถึงเพียงไหน!"
5
หรันเหยียนพอเข้าใจคําพูดคลุมเครือนีได้วา่ หากข้าได้
ครองทัวหล้า จะนําม้าหลายหมืนตัวไปจินเฉิง สยายผม
ไปสวามิภกั ดิข่านทูเจวีย เป็ นแม่ทพั ของเขา เช่นนันจะดี
สักเพียงไหน!

คําพูดนีหากไปเข้าหูหลีซือหมินและขุนนางราชสํานัก ผล
ทีตามมานึกดูก็รูไ้ ด้

เสลียงหยุดทีหน้าประตูเรือน หรันเหยียนลุกขึนยืนจัด
กระโปรงเสือผ้า รอเน่ยซือไปรายงาน

รอนานเป็ นเวลาสองถ้วยชา เน่ยซือทีไปรายงานจึงเหงือ

6
ซ่กกลับมา "เชิญเซียนเหลียงฮูหยินและหลิวอีเฉิง"

ผ่านประตูวงเดือน เสียงตีกลองเคาะฆ้องยิงอึกทึก หรัน


เหยียนเดินผ่านระเบียง เห็นต้นไม้ใบหญ้าในเรือนซ้อน
ทับบดบังคนแต่งกายด้วยชุดชาวหูกลุม่ หนึง แวบเดียวก็
เห็นหลีเฉิงเฉียนในนัน

เมือเลียวโค้ง หรันเหยียนจึงเห็นชัด ใต้ตน้ เหอฮวานข้าง


ตึกชิงเฉวียนมีสงปลู
ิ กสร้างคล้ายกระโจมทีชาวทูเจวียอยู่
อาศัยหลายหลัง ผูกธงแสดงว่าแต่ละหลังเป็ นหนึงเผ่า

หน้ากระโจมก่อฟื นจุดกองไฟ เน่ยซือสองคนแต่งกาย


เป็ นหญิงทูเจวีย กําลังหมุนแพะทีย่างบนกองไฟ

7
หรันเหยียนมองหลีเฉิงเฉียน เขาดูมีชีวิตชีวากว่าวันทีอัน
จินเสียชีวิตมาก ไม่ถกู สิ น่าจะบอกว่าดูคกึ คักเกินเหตุ
คนปกติทวไปไม่
ั มีวนั เผยสีหน้าผิดปกติเช่นนี

"พรุง่ นีข้าก็ตายแล้ว พวกเจ้ากินให้อิม เตรียมแรงไว้


ร้องไห้สง่ ศพ" หลีเฉิงเฉียนใช้มีดเฉือนเนือแพะชินหนึง
แล้วใช้มือหยิบกิน

เน่ยซือทังหมดก็รบี เข้าไปรุมแย่งเนือแพะทันที

กินเนือแพะเสร็จ หลีเฉิงเฉียนก็นอนบนเสือข้างกระโจม
บรรดาเน่ยซือเห็นท่า ก็รบี ทิงเนือแพะทันควัน โผไป

8
ร้องไห้ฟมู ฟาย "ท่านข่าน! ท่านข่าน!"

เสียงเน่ยซือแหลมเล็ก ร้องไห้อย่างสมจริงสมจังราวปอด
ฉีกใจสลาย

เน่ยซือเห็นหรันเหยียนชักช้าไม่เดินต่อ จึงยกแขนเสือเช็ด
เหงือข้างจอนผม กระซิบเตือนว่า "เซียนเหลียงฮูหยิน
องค์หญิงอยูท่ ีเรือนน้อยฟากตะวันออก"

ยามนันหรันเหยียนจึงละสายตา ตามเน่ยซือเข้าเรือน
น้อยฟากตะวันออก

องค์หญิงจินหยางสวมชุดกระโปรงหรูฉวินสีเหลืองอ่อน
9
เท้าคางพิงโต๊ะ ครันเห็นหรันเหยียนและหลิวชิงซงเข้ามา
ก็เอ่ยว่า "เชิญฮูหยินและหลิวอีเฉิงนัง"

"ขอบพระทัยองค์หญิง"

"ขอบพระทัยองค์หญิง"

ทังสองค้อมกายขอบคุณ นังลงตรงทีนัง

"ฮูหยินเป็ นหมอเทวดา ข้าเห็นในหนังสือบอกว่า หมอ


เทวดาสามารถทําให้คนตายคืนชีพสร้างเนือหุม้ กระดูก
ฮูหยินช่วยให้อนั จินกลับมามีชีวิตได้หรือไม่" องค์หญิง
จินหยางขมวดคิวท่าทางเป็ นทุกข์
10
"เหตุใดต้องช่วยอันจิน?" หรันเหยียนถาม

องค์หญิงจินหยางนําตารืน "ก่อนหน้านีตอนอันจินยังอยู่
เสด็จพีไม่เคยเป็ นเช่นนี ทรงเป็ นเช่นนี ข้ากลัวเหลือเกิน"

หรันเหยียนก็ออกจะสงสารเด็กน้อยทีโตเร็วกว่าวัยผูน้ ี
เลยยินดีพดู กับนางมากขึนหลายประโยค "องค์หญิงไม่
ทรงเห็นเสด็จพีเล่นสนุกมากหรือ ผ่านไปสักระยะก็ดีขนึ
เพคะ เรืองทําให้คนตายคืนชีพสร้างเนือหุม้ กระดูก
หม่อมฉันทําไม่เป็ น ฉายาหมอเทวดาก็ดีแต่ชือเท่านัน"

องค์หญิงจินหยางส่ายหน้า นําตาร่วง "แม้แต่พีเก้าก็เริม

11
จัดการงานเมืองเหมือนเสด็จพีคนอืนแล้ว ซือจือไม่กลัว
อยูค่ นเดียว แต่ซือจือกลัววันหน้าพีเก้าจะกลายเป็ น
อย่างเสด็จพีรัชทายาท"

องค์หญิงจินหยางถึงอย่างไรก็ยงั เป็ นเด็ก เมือถูกทําให้


สะเทือนใจ ก็พดู จาไม่ตา่ งจากเด็กทัวไปนัก

หลิวชิงซงทนเห็นโลลินอ้ ยหลังนําตาไม่ได้ทีสุด โดย


เฉพาะโลลินอ้ ยทีน่ารักอย่างองค์หญิงจินหยาง จึงปลอบ
ว่า "องค์ชายเก้าไม่มีวนั กลายเป็ นเช่นรัชทายาท ที
รัชทายาทเสียพระทัยเช่นนีเพราะอันจินทีทรงชมชอบ
ตาย องค์ชายเก้าชอบเล่นกับองค์หญิง ทรงดูแลตัวเอง
ให้ดี ให้พระวรกายแข็งแรง วันหน้าองค์ชายเก้าจึงจะไม่
เสียพระทัย"
12
องค์หญิงจินหยางเอียงคอคิดครูห่ นึง นางรูส้ กึ ถึงความ
โศกเศร้าเจียนตายของเสด็จพี ก่อนหน้าทีอันจินจะตาย
เขาก็ไม่มีความสุข แต่นีเป็ นครังแรกทีเขาคลังเสียสติใน
วังตะวันออก

"ท่านพูดถูก ต่อไปซือจือจะว่าง่ายกินยา" องค์หญิงจินห


ยางผงกศีรษะ

หลิวชิงซงกล่าวหลังยิมตาหยี "องค์หญิงเผลอหลุดโอษฐ์
แล้ว! ก่อนหน้านีใช่ทรงดือไม่เสวยยาหรือไม่"

"ไม่ใช่ๆ" องค์หญิงจินหยางรีบส่ายหน้าปฏิเสธ "ยาของ

13
หมอหลวงเมือก่อนขมมาก แต่ยาของหมอยาซูกินง่าย
มาก ยาตัวหนึงยังออกหวานๆ ด้วย"

ซูฝทู มุ่ เทจิตใจให้องค์หญิงจินหยางไม่นอ้ ย ไม่มีจดุ


ประสงค์อะไร ก็แค่หาทียึดเหนียวทางใจ ตอนนีเขาแทบ
ปรากฏตัวอย่างผ่าเผยได้ แต่จ่ๆู จะให้คนคุน้ เคยกับ
ความสันโดษเรียนรูท้ ีจะคบค้ากับคนอืนเป็ นขันตอนที
ยากลําบากมาก ข้อนีหรันเหยียนเข้าใจอย่างลึกซึง

ช่วงทีเพิงมาถึงต้าถังใหม่ๆ เธอก็รูส้ กึ เคว้งคว้างหมดหน


ทางเช่นนี ก่อนหน้านีฝื นใจก้มหน้าก้มตาทํางาน จู่ๆ
กลับไม่ตอ้ งชันสูตรศพ เธอใช้เวลานานกว่าจะค่อยๆ ชิน
ตอนนีมีเซียวซ่งอยูข่ า้ งกาย เธอจึงไม่เหมือนเครืองจักร
เย็นชาอีก ส่วนซูฝไู ม่ได้โชคดีเช่นนี
14
ยามนีเขายอมเสียเวลากับองค์หญิงจินหยาง ก็เป็ นนิมิต
หมายอันดี

หรันเหยียนเอ่ยยิมๆ "องค์หญิง ขอหม่อมฉันตรวจชีพจร


หน่อยเพคะ"

"อือ" องค์หญิงจินหยางวางแขนนุ่มเล็กบนผ้าขาวทีม้วน
ขึน

หรันเหยียนตรวจชีพจรพักหนึง ก่อนสอบถามสภาพ
บางอย่างจากนางกํานัลอย่างละเอียด

15
"ช่วงนีองค์หญิงพระวรกายแข็งแรงดี แต่ตอ้ งเสวยยาตรง
ตามเวลา ปกติระวังหน่อย พระอาการจะไม่กาํ เริบอีก"
หรันเหยียนบอก

องค์หญิงจินหยางแหงนหน้ามองหรันเหยียนครูห่ นึง
แสงจากด้านข้างส่องเข้ามาในตําหนัก แสงแดดอบอุน่
ยามเช้าส่องต้องร่างหรันเหยียน ใบหน้าเธอแฝงรอยยิม
น้อยๆ บนตัวมีกลินหอมของนม...

"เสด็จแม่…" องค์หญิงจินหยางเอือมมือคว้าแขนเสือ
หรันเหยียน เรียกพึมพํา

หรันเหยียนชะงัก ยังไม่ทนั เอ่ยปาก นางกํานัลข้างหลัง

16
องค์หญิงก็ทาํ ลายความฝันนาง "องค์หญิงทรงเสียกริยา
แล้ว นีคือเซียนเหลียงฮูหยินเพคะ"

ดวงหน้าน้อยๆ ขององค์หญิงจินหยางแดงเรือ ชักมือ


กลับ เอ่ยอย่างกระมิดกระเมียนว่า "ฮูหยินยิมแล้ว
เหมือนนางฟ้า เสด็จแม่ของข้าก็เหมือนนางฟ้าเช่นกัน"

หรันเหยียนเห็นนางขอบตาแดงเรือ จึงบอกอย่างอ่อน
โยนว่า"ตอนนีมารดาของซือจือต้องเป็ นนางฟ้าแล้วแน่
นอน"

กล่าววาจาเช่นนี เป็ นการไม่เคารพอย่างแท้จริง นาง


กํานัลหมายส่งเสียงตําหนิ แต่ติดทีฐานะอีกฝ่ ายพิเศษ

17
จึงไม่กล้าเอ่ยปาก

"จริงหรือ" ดวงตาซือจือเป็ นประกาย "หลิวอีเฉิงบอกว่า


นางฟ้าช่วยให้คนสมปรารถนาได้ เสด็จแม่ขา้ เป็ นนางฟ้า
แล้วต้องช่วยให้ความปรารถนาของข้าเป็ นจริงใช่หรือไม่"

"อือ มารดาของซือจือต้องช่วยซือจือแน่นอน" หรันเหยี


ยนตอบอย่างมันใจ

"เช่นนันคืนนีข้าจะบอกท่านแม่ ขอให้เสด็จพีรัชทายาท
ฟื นตัวเข้มแข็งโดยไว" ดวงตาองค์หญิงจินหยางโค้งเป็ น
จันทร์เสียว ข้างแก้มปรากฏลักยิมรางๆ น่ารักเป็ นพิเศษ

18
องค์หญิงจินหยางฉลาดกว่าวัยมาก แต่นางถูกหลีซือหมิ
นปกป้องคุม้ ครองดียงิ ความคิดจิตใจจึงใสบริสทุ ธิ เข้า
ใจเรืองบ้านเมือง แต่ไม่เข้าใจหัวใจคน

นางคิดว่าหลิวชิงซงเคยเล่าเรืองนางฟ้า ก็รูว้ า่ จะพูด


อย่างไรนางฟ้าถึงได้ยิน จึงจูงแขนเขาไปถามโน่นถามนี

หรันเหยียนห่วงเจ้าตัวน้อยสามคนทีบ้าน จึงขอตัวกลับ
ก่อน องค์หญิงจินหยางชอบความเป็ นเพศแม่ทีหรันเหยี
ยนเผลอแสดงออก แม้อาลัยไม่อยากให้หรันเหยียนจาก
ไป แต่เข้าใจเหตุผลว่าเจ้านายกับข้ารับใช้มีความแตก
ต่าง จึงไม่เอาแต่ใจฝื นรังไว้ ให้นางกํานัลคนสนิทส่งหรัน
เหยียนออกไปด้วยตัวเอง

19
เด็กทีรูจ้ กั ละเอียดอ่อนใส่ใจเช่นนี เดียวดายอยูห่ ลัง
กําแพงวังแห่งนี ช่างชวนให้คนปวดใจนัก

หรันเหยียนออกจากเรือนน้อยฟากตะวันออก ยามผ่าน
ลาน เสียงจอแจอึงมีเงียบไปแล้ว สภาพระเนระนาดทัว
ลานถูกกลีบดอกไม้โปรยปรายร่วงกลบครึงหนึง

สายลมโชยม้วนกลีบดอกไม้ ร่วงหล่นเงียบๆ

หรันเหยียนเผลอมองไปทางหอชิงเฉวียนแวบหนึง

ในนันมีสสุ านแห่งหนึง หลีเฉิงเฉียนนังติดกับป้ายหลุม


20
ศพ สีหน้าเซืองซึมทัวร่างและศีรษะมีแต่กลีบดอกไม้
ใบไม้ เสือผ้าผมเผ้ายุง่ เหยิง ข้างเท้ามีไหสุรากองอยู่ สอง
ไหมีสรุ าไหลเจิงจากปากไหสูก่ องใบไม้แห้งและ
ซากดอกไม้หนาทับถม ก่อนหายไปไม่เห็น

หรันเหยียนรูว้ า่ ในสุสานไม่มีทางมีศพของอันจิน เขา


สังหารขุนนางหลายคน คิดว่าหลังตายต้องโดนทําลาย
ศพแน่

"เจ้ารูไ้ หมว่าใครตอนอวินไจ้แล้วส่งมาอยูข่ า้ งกายข้า"

หรันเหยียนกําลังจะหันหลังจากไป กลับได้ยินเสียงแตก
พร่าของหลีเฉิงเฉียนดังมา เธอเห็นหลีเฉิงเฉียนมองมา

21
ทางตน จึงแน่ใจว่าถ้าเขาไม่พดู กับเธอ ก็พมึ พํากับตัวเอง

"เป็ นหลีไท่!" หลีเฉิงเฉียนโงนเงนพยุงป้ายสุสานลุกขึน


แผดเสียงกราดเกรียว "เป็ นสุภาพชนจอมปลอมนัน! มัน
บีบคันข้าทีละขันๆ! และมันทําสําเร็จ! มันทําลายอวินไจ้
ทําให้ขา้ อยูอ่ ย่างทุกข์ทรมานทุกวัน แต่เสด็จพ่อยังทรง
ลําเอียงเข้าข้างมัน! ไม่วา่ มันจะทําอะไร ก็ลว้ นอภัยได้!
ส่วนข้าได้แต่อยูอ่ ย่างหวาดระแวง ข้ารูส้ กึ แค้นใจนัก!

แม้เขาจะแผดเสียงเกรียว ถึงท้ายทีสุดก็แหบหาย ทว่า


แรงโทสะนัน หรันเหยียนยังรับรูไ้ ด้แต่ไกล

เธอถอนใจ เตรียมจากไป หลีเฉิงเฉียนกลับตวาดว่า

22
"หยุดนะ!"

23
ตอนที 427 ไป

"แม้แต่เจ้าก็ดถู กู ข้า!" หลีเฉิงเฉียนตาขวางแทบถลน

"รัชทายาท" ไม่รูช้ ายารัชทายาทปรากฏตัวทีปลายทาง


น้อยตังแต่เมือไร ใบหน้าติดจะซีดเซียว หว่างคิวแฝง
ความเศร้าทีสลัดไม่หลุด

หรันเหยียนตระหนักได้วา่ เมือครูห่ ลีเฉิงเฉียนจําคนผิด


เธอเลยหันไปย่อเข่าคารวะพระชายา

"เซียนเหลียงฮูหยินกระมัง" นีเป็ นครังทีสองทีพระชายา


พบเธอ ครังแรกคือวันทีอันจินตาย เห็นกันผ่านๆ แวบ

1
เดียว

"เป็ นหม่อมฉันเองเพคะ" หรันเหยียนตอบ

พระชายาผงกศีรษะเล็กน้อย จากนันทังคูก่ ็ไม่มีอะไรพูด

เงียบไปครูห่ นึง หรันเหยียนจึงเอ่ยว่า "หม่อมฉันทูลลาเพ


คะ"

"อือ" พระชายาตอบรับคําหนึง ก่อนหันเดินไปทางหลี


เฉิงเฉียน

ชายารัชทายาทสํารวมสูงส่ง แต่มกั ทําให้หรันเหยียนรูส้ กึ


2
ว่านางเป็ นเหมือนแจกันไร้ชีวิต นางยืนสง่าอยูห่ น้าหลี
เฉิงเฉียนทีสารรูปดูไม่ได้ ยืนไปกุมมือเขาเบาๆ

หรันเหยียนไม่ยินดีอยูใ่ นสถานทีมากความเช่นนีนาน
เมือได้รบั อนุญาตเลยรีบจากไป

"รัชทายาท สิงเดียวทีข้าทําได้ มีแต่รว่ มเป็ นร่วมตายกับ


ท่านเท่านัน"

หรันเหยียนทีเดินออกไปไกลไม่กีจัง ได้ยินพระชายาเอ่ย
คําพูดประโยคนีด้วยนําเสียงเรียบเฉย

ร่วมเป็ นร่วมตาย จึงไม่ใช่แค่ 'เท่านัน' สตรีเช่นนี ทําให้


3
หรันเหยียนอดผ่อนฝี เท้า ก้มหน้าหันไปมองอีกแวบไม่ได้

สีหน้านางไม่ตา่ งอะไรกับเมือครูเ่ ลย

นางถูกลิขิตว่าต้องโดนกักอยูท่ ีนี ไม่วา่ รัชทายาทจะเป็ น


หลีเฉิงเฉียน หลีไท่ หรือคนอืน บางครังนางก็นกึ ยินดีที
คนซึงตนแต่งด้วยคือหลีเฉิงเฉียน เพราะต่อให้เขาไม่ดี
แค่ไหน ก็ไม่เคยใจแคบกับนาง เขาเพียงไม่อาจกลาย
เป็ นคูค่ รองทีดีของนางเท่านัน

ในวังเช่นนี นางไม่ตอ้ งแก่งแย่งกับสนมนางในคนอืนด้วย


ซํา เนืองจากคนทีหลีเฉิงเฉียนรักและโปรดปรานผูน้ นั
ใครก็ไม่อาจแทนทีได้ นางเพียงต้องทําตัวเป็ นแจกันสูง

4
สง่าไร้ตาํ หนิ เฝ้าดูผคู้ นและเรืองราวในวังอย่างเฉยชา
เขาตาย นางตาย เขาอยู่ นางก็อยู่

จู่ๆ หรันเหยียนก็รูส้ กึ อึดอัด รีบเร่งฝี เท้า ใจนึกแต่จะรีบ


ไปจากสถานทีซึงเปี ยมด้วยความโศกสลดนีให้เร็วทีสุด

ใกล้เทียง หรันเหยียนเพิงออกจากประตูเหยียนสี ท้องฟ้า


ก็เริมมืดครึมคล้ายฝนจะตก

ตอนถึงเรือน ด้านนอกฝนตกหนัก รถม้าขับตรงไปหน้า


ทางเดินประตูชนใน
้ หรันเหยียนลงจากรถม้า ร่มคันหนึง
ก็บงั เหนือศีรษะเธอ

5
หรันเหยียนชะงัก เงยหน้าเผชิญกับดวงหน้าหล่อเหลา
แฝงรอยยิมน้อยๆ ของเซียวซ่ง

"ไยมาทีหน้าประตู?" หรันเหยียนรูว้ า่ เขาตังใจมารับ แต่


ไม่รูท้ าํ ไมถึงอยากได้ยินคําหวาน

เซียวซ่งคล้ายรูค้ วามคิดเธอ ยิมกว้างกว่าเดิม แต่ไม่ให้


เธอสมใจ "พวกลูกๆ เสียงดังนัก ข้าเลยมาหาความสงบ
ตรงนี"

หรันเหยียนขึงตามองเขาทีหนึง ก่อนจูงมือเขาเข้าประตู

ใต้รม่ เซียวซ่งก้มหน้าเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบา "ฮูหยินเพิง


6
จากไปแค่ครึงวัน ข้าก็ชะเง้อชะแง้แลคอย ครันคิดว่า
กําลังจะลาจาก ก็อดไม่ได้อยากมองฮูหยินให้มากสัก
หลายแวบ"

"ปากดี" หรันเหยียนกล่าวยิมๆ เดิมเธอแค่อยากได้ยินคํา


ตอบเรียบง่าย แต่ทกุ ครังเซียวซ่งมักให้เธอมากกว่าทีหวัง
ไม่วา่ คํารักหรืออืนใด

ทังสองผ่อนฝี เท้า กางร่มกลับเรือนด้านหลังจากทางน้อย

ท่ามกลางสายฝนเทกระหนํายากนักจะมีช่วงเวลาที
อบอุน่ และสงบสุข

7
ฝนตกซูๆ่ ใส่รม่ กระดาษเคลือบนํามันเสียงดังกระหึม
หรันเหยียนแว่วเสียงเด็กร้องไห้ ตอนแรกเธอยังคิดว่าหู
ฝาด แต่ยงเข้
ิ าใกล้เสียงร้องไห้ก็ยงดั
ิ ง เธออดไม่อยูย่ ก
เท้าเหยียบเซียวซ่งอย่างแรงทีหนึง "เซียวเยวียจือ! ลูก
ร้องไห้อยูจ่ ริงด้วย!"

"อูย" เซียวซ่งร้องโอดโอย แล้วรีบถือร่มเดินตามหรันเหยี


ยนทีวิงปราดไปเบืองหน้า

ทันทีทีเข้าห้อง ก็เห็นหวันลวีและแม่นมสองคน คนหนึง


อุม้ เด็กคนหนึงพลางคิดหาทางกล่อมเต็มที รัวรัวร้องไห้
จนเริมสะอืน เด็กสามคนตากับจมูกแดงกํา เห็นชัดว่าไม่
ได้รอ้ งแค่พกั เดียว

8
"ฮูหยิน!" หวันลวีเห็นหรันเหยียน สีหน้าจึงเปี ยมแววยินดี

เสียงร้องของเด็กสามคนชะงัก ใบหน้าเปื อนนําตาหันหา


มารดาของพวกตน

หรันเหยียนรับผ้าสะอาดทีสาวใช้สง่ ให้ ช่วยพวกเขาเช็ด


นําตาเบาๆ

"ท่าน...แม่ ท่านแม่" รัวรัวเบะปากน้อยๆ ขณะดึงแขนเสือ


หรันเหยียน

หรันเหยียนมองไปทางรัวรัวอย่างตืนเต้นดีใจ "ลูกจ๋า
9
เรียกท่านแม่อีกทีซิ"

เมือครูเ่ สียงเรียกของรัวรัวไม่ชดั เจน เห็นหรันเหยียนดีใจ


คล้ายได้รบั กําลังใจ จึงเรียกเสียงน่ารักแบบเด็กๆ อีกครัง
"ท่านแม่"

"ลูกรัก!" หรันเหยียนหอมดวงหน้าน้อยๆ ของนางทีหนึง


ก่อนยืนมือไปอุม้

เซียวเหล่าต้าก็ไม่ยอมน้อยหน้าเรียกบ้างว่า "ท่านแม่"

เด็กหลายคนนีต่างเลียนแบบกัน คนหนึงเอ่ยปาก อีก


สองคนทีเหลือก็จะเรียกตาม เซียวเหล่าเอ้อร์จงึ เรียกตาม
10
ว่า "แม่...แม่"

เรียกเสร็จ เหมือนรูส้ กึ ว่าเรียกต่างจากพีชายและน้อง


สาว เลยอ้าปากร้องไห้โฮ

ท่าทางน้อยอกน้อยใจของเขาทําให้ทกุ คนในห้องชอบอก
ชอบใจ เซียวเหล่าเอ้อร์เห็นคนอืนยิมกัน เขาก็ยมตาม

ด้วยสีหน้าหลากใจ

หรันเหยียนหอมลูกชายสองคน แล้วหันไปสังแม่นมให้
ป้อนนําอุน่ แก่เด็กๆ ก่อน

รัวรัวเห็นบิดาถูกละเลย จึงยืนแขนน้อยๆ พลางเรียกว่า


11
"ท่านพ่อ ท่านพ่อ"

"ยังคงเป็ นลูกสาวรูใ้ จ" เซียวซ่งขึงตามองลูกเวรทังสองที


หนึง ก่อนอุม้ รัวรัวมาป้อนนําด้วยตนเอง

หวันลวีป้องปากแอบยิม นางเองดูออกว่าหรันเหยี
ยนกําลังโมโหเซียวซ่ง จึงกระซิบว่า "ฮูหยิน อย่าได้โทษ
นายท่าน นายน้อยทังหลายไม่วา่ จะกล่อมอย่างไรก็
ร้องไห้ไม่หยุด นายท่านอยูท่ ีนีบ่าวกับแม่นมไม่กล้า
เขยือนเคลือนไหว พวกนายน้อยร้องไห้พกั หนึงเล่นพัก
หนึง คิดแล้วไม่น่าจะเสียสุขภาพเจ้าค่ะ"

หรันเหยียนไม่รูจ้ ะหัวเราะหรือร้องไห้ดี รูจ้ กั จัดเวลาจริง

12
นะ!

ในเมือปรักปรําผูอ้ ืน หรันเหยียนกล่อมลูกเสร็จจึงได้แต่
ไปกล่อมพ่อของลูกต่อ

"ข้าเป็ นคนพอใจอะไรง่ายมาก คืนนีฮูหยิน…" เซียวซ่งหรี


ตาส่งยิมให้เธอ ด้วยท่าทางว่า 'ท่านรู'้

หรันเหยียนไม่สนใจว่าเขาพูดอะไร ก้มหน้าจุมพิตริม
ฝี ปากเขาอย่างรวดเร็ว

เซียวซ่งพลันงงงวย ในหูได้ยินเสียงสูดหายใจรอบด้าน
ชัดเจน หน้าแดงแจ๋ถงึ ใบหู กะทันหันจนนิงปล่อยให้หรัน
13
เหยียนจุมพิตอย่างลึกซึง

เมือถูกหรันเหยียนกระตุน้ ยัวเย้า เซียวซ่งก็คอ่ ยๆ ลืม


เลือนรอบข้าง ตอบสนองอย่างเร่าร้อน

ด้านนอกฝนเทกระหนํา ในห้องอบอุน่ ชืนมืน

หนึงจุมพิตจบลง จึงเห็นว่าสาวใช้ในห้องถอยออกไป
เงียบๆ แล้ว มีแต่รวรั
ั วทียังอยูใ่ นอ้อมอกเซียวซ่งลืมตา
แป๋ วมองสองคนอย่างสนใจใคร่รู ้

เซียวซ่งกระแอมสองทีอย่างกระอักกระอ่วน ก่อนส่งรัวรัว
ให้หรันเหยียน
14
……

ฝนตกหนักหลายวันติดกัน เซียวซ่งลาหยุดอยูบ่ า้ นเป็ น


เพือนหรันเหยียนกับลูกทังสาม

บนล่างทังเรือนวุน่ วายเตรียมสิงของจําเป็ นสําหรับเดิน


ทาง ไม่ถงึ สองวันก็จดั เก็บออกมาได้สามคันรถใหญ่ๆ นี
ยังเป็ นแค่ของใช้สาํ หรับเด็กสามคนเท่านัน หากรวม
อาหาร นํา และของใช้จิปาถะอืนๆ คาดว่ารวมแล้วน่าจะ
เจ็ดแปดคันรถ

องครักษ์หลายร้อย คนรับใช้หลายสิบ...คนทังคณะเดิน

15
ออกไป ช่างเอิกเกริกใหญ่โต ทว่าจนใจทีลดไม่ได้

เมือเตรียมการทังหมดเรียบร้อยก็รอแค่ให้ฝนหยุดถนน
แห้ง

แต่ฝนนีเดียวหนักเดียวเบา ตกๆ หยุดๆ ติดต่อกันห้าวัน


หลังฝนหยุดตก ทุกคนตังตารอให้ถนนแห้ง ก็ไปจากฉาง
อันได้

"ฮูหยิน จดหมายส่งไปทีตรอกอันซ่านแล้ว ทางนัน


ตอบกลับมาว่า พรุง่ นีเช้าคุณชายสิบจะมาเยียมท่านเจ้า
ค่ะ" เกอหลันรายงาน

16
หรันเหยียนพยักหน้า เห็นเกอหลันกําลังจะถอยออกไป
จึงเอ่ยปากเรียก "เกอหลัน"

เกอหลันชะงักเท้า "เจ้าค่ะ ฮูหยินมีธุระใดจะสังอีกหรือ


เจ้าคะ"

"เจ้ามานี พวกเรามาคุยกัน" หรันเหยียนทําท่าให้นางนัง


ลงสนทนา

รอเกอหลันนังคุกเข่าแล้ว หรันเหยียนจึงเอ่ยยิมๆ "ข้าไม่


ชอบพูดจาอ้อมค้อม เพียงจะถามเจ้า ในใจเจ้าชอบคุณ
ชายหลีหรือไม่"

17
เกอหลันเงียบไปครูห่ นึงก่อนตอบว่า "บ่าวกําลังคิดขอ
ร้องฮูหยินเรืองหนึง"

"พูดเถิด" หรันเหยียนกล่าว

เกอหลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึง "คุณชายหลีถูกเนรเทศ
บ่าวอยากตามไปทีม่อเป่ ยเจ้าค่ะ"

นางคิดอยูน่ าน พรุง่ นีหลีเต๋อเจียนก็จะออกเดินทาง หาก


ไม่พดู อีก เกรงว่าวันหน้าตนคงไม่ปล่อยตามใจตัวเองอีก

หรันเหยียนเดาความคิดเกอหลันได้ ก่อนหน้านีฐานะ
ของพวกเขาห่างกันราวฟ้ากับดิน แม้มารดาของของหลี
18
เต๋อเจียนมีชาติกาํ เนิดตําต้อย แต่วนั นีไม่เหมือนวันวาน
หลีจิงกับนางแส้แดงเป็ นสามีภรรยาในช่วงกลียคุ ยาม
นันผูค้ นถูกราชสํานักขูดรีดข่มเหงอย่างหนัก รูว้ นั นีไม่รู ้
วันพรุง่ ไหนเลยมีเวลาว่างไปติฉินพวกเขา แต่ยามนีบ้าน
เมืองสงบสุขรุง่ เรือง ฐานะของเกอหลันจึงไม่สมกับหลี
เต๋อเจียน

หลีจิงเดิมทีก็มีอนั ตรายเพราะสร้างความชอบไว้มากจน
ทําให้เจ้านายหวาดระแวง การแต่งงานกับสกุลตูเ้ ป็ น
เรืองทีกําหนดไว้นานแล้ว ตอนนีในเมือถอนหมัน เป็ นไป
ได้มากว่าเขาคงทําตัวไม่ให้เป็ นจุดเด่นเหมือนเคย ไม่
เลือกคุณหนูตระกูลใหญ่มาเป็ นภรรยาของลูกชาย

หรันเหยียนคืนฐานะราษฎรทัวไปแก่เกอหลันแต่แรก
19
หากนางร่วมทุกข์กบั หลีเต๋อเจียน วันหน้ากว่าครึงสกุล
หลีน่าจะยอมรับนางเป็ นภรรยาหลวงอย่างถูกต้อง

แต่ความคิดทังหมดนี ต้องอยูบ่ นพืนฐานทีว่าเกอหลันรัก


ชอบหลีเต๋อเจียน

หรันเหยียนไม่ได้มีประสบการณ์ความรักมากมายนัก แต่
ก็เห็นว่าเกอหลันช่างเก็บความรูส้ กึ เก่งเหลือเกิน จึงถอน
ใจก่อนกล่าวว่า “ได้ เจ้าไปเถิด ค่าเดินทางไปเบิกจาก
ห้องบัญชีเอา จะใช้เท่าไรก็เบิกไป เดินทางอยูภ่ ายนอก
เงินทองไม่อาจขาดแคลน”

“บุญคุณใหญ่หลวงของฮูหยิน บ่าวไม่มีวนั ลืมเลือน” เก

20
อหลันโขกศีรษะเคารพหรันเหยียนเต็มพิธีการ

นับจากเกิดเรืองจนถึงตอนนี หรันเหยียนไม่เคยถามเก
อหลันว่าเคยหักหลังตนไหม เธอตัดสินได้เองจาก
เบาะแสต่างๆ เกอหลันคงทําเรืองบางอย่างลับหลังเธอ
แต่วา่ เรืองเหล่านันไม่ถงึ กับนับว่าทรยศหักหลัง เธอจึงไม่
จําเป็ นต้องเค้นถามให้มากความ

……

เช้าวันรุง่ ขึน ฝนหยุดตกแล้ว ไอนําจางๆ ปกคลุมทัว


ตรอกดุจซูโจวในเดือนห้าเดือนหก หรันเหยียนพาเด็กๆ
ไปส่งเกอหลันทีประตูชนในด้
ั วยตัวเอง

21
“หลันหลัน” รัวรัวตาโตจ้องเกอหลัน เรียกด้วยเสียงน่ารัก
แบบเด็กๆ

เกอหลันขอบตาแดงเรือ กุมมือน้อยของเด็กหญิงเบาๆ
“คุณหนูนอ้ ย วันหน้าบ่าวค่อยกลับมาเยียมท่านนะเจ้า
คะ”

ปกติเกอหลันไม่มีงานก็มกั วิงไปเล่นกับเด็กๆ ทีเรือนหลัง


นางเองก็รกั ทารกน้อยดุจหยกสลักสามคนนียิงนัก

“ฮือ---” หวันลวีทนไม่ไหวใช้แขนเสือปิ ดหน้า

22
เด็กสามคนมองนางอย่างแปลกใจ เซียวเหล่าเอ้อร์ตบ
มือจ้อย เอ่ยว่า “แมวใหญ่ แมวใหญ่”

ปกติเวลาพวกเขาร้องไห้ หวันลวีจะบอกว่าพวกเขาเป็ น
แมวลายตัวใหญ่ หวันลวีได้ยินเช่นนี ก็หวั เราะทังนําตา
เช็ดนําตาสะเปะสะปะ “คุณชายรองตัวเล็กแค่นีก็รูจ้ กั ล้อ
บ่าวแล้ว”

“ถ้าฉลาดปานนีจริงก็ดีสิ แต่เด็กโง่ตวั น้อยนีน่ากลัวจะไม่


รูค้ วามหมายเสียมากกว่า” หรันเหยียนเอ่ยยิมๆ

23
ตอนที 428 สุดยอดบ้านมารดา

ลมสารทพัดเกรียวอากาศหนาวเย็น ใบไม้แห้งทับถมเต็ม
พืน บนนันมีนาค้
ํ างแข็งสีเงินเกาะพราวอยูช่ นหนึ
ั ง ระยิบ
ระยับในแสงแดด

วสันต์มลายสารทสลด เดิมฤดูใบไม้รว่ งก็เป็ นฤดูซงง่


ึ าย
ต่อการชวนให้สะท้อนใจ การจากลาทีรูส้ กึ และเห็นใน
ยามนี ยากจะไม่เศร้าสลด หวันลวีและสิงเหนียงยิง
ร้องไห้ไม่เป็ นสําเนียง

ความรูส้ กึ ทีหรันเหยียนมีตอ่ เกอหลันนันซับซ้อน ใจเธอ


ไม่เชือเกอหลันอย่างแท้จริง ตรงข้ามกลับระแวงป้องกัน
ทว่าขณะเดียวกันก็ชืนชมสตรีผนู้ ีมาก ไม่เคยเห็นนาง
1
เป็ นบ่าวไพร่

ส่วนเกอหลันก็มีความรูส้ กึ ขัดแย้งในใจต่อหรันเหยียน
จากใช้ประโยชน์ในตอนแรกจนค่อยๆ ยอมรับนับถือ
นางยอมตายเพือหรันเหยียนคนเก่า แต่ไม่แน่วา่ จะยอม
ตายเพือหรันเหยียนในตอนนี กอปรกับยากยอมรับว่ามี
คนยึดครองร่างเจ้านายเดิม จวบจนยามนีจึงกึงภักดีกงึ
รักษาระยะห่าง

เกอหลันทีหรันเหยียนได้ฟังจากคําบอกเล่าของหวันลวี
เป็ นสตรีทีคล่องแคล่ว เข้าสังคมเก่ง มีความคิดเป็ นของ
ตัวเองสูง แต่หลังถูกกักขังสองปี ความทุกข์ทีถูกกักกัน
เมือได้รูว้ า่ เจ้านายทีตนทุม่ เททุกสิงปกป้องได้ตายไปแล้ว
นิสยั นางก็เปลียนเป็ นเย็นชาขึนมาก และยิงโหดเหียม
2
รวมถึงการปฏิบตั ิตอ่ ตนเอง

หากไม่ใช่หลีเต๋อเจียนถูกเนรเทศ ไม่แน่วา่ บนโลกนีนอก


จากตัวนางเอง คงไม่มีใครมีวนั ล่วงรู ้ ครังหนึงนางเคยรัก
ใคร่ชอบพอคุณชายผูน้ ีทีทําเพือนางมากมาย ตามตือ
นางไม่ยอมเลิกรา

หรันเหยียนให้หวันลวีและสิงเหนียงส่งเกอหลันออกจาก
เรือน เธอมองส่งเงาหลังพวกนางจากไป ค่อยให้แม่นม
อุม้ เด็กๆ เข้าห้อง

“ฮูหยิน คุณชายสิบจากบ้านมารดาท่านมาขอรับ” บ่าว


คนหนึงรีบร้อนวิงมารายงาน

3
“รีบเชิญเขาไปทีห้องโถงเร็วเข้า” หรันเหยียนตะโกนเรียก
แม่นมกลับมา ก่อนพาเด็กๆ ไปทีโถงรับรอง

ยามถึงหน้าห้องโถง พอดีพบกับหรันอวินเซิง หรันอวิน


เซิงอุม้ เด็กชายคนหนึงในอ้อมแขน หน้าตาเหมือนกุมาร
ทีอยูใ่ ต้อาสน์เจ้าแม่กวนอิม สวยงามจนเหลือเชือ หรัน
เหยียนอดส่งยิมให้ไม่ได้

“เรียกอาหญิง” หรันอวินเซิงก้มหน้ายิมอ่อนโยน

“อาหญิง” เด็กน้อยออกเสียงชัดแจ๋ว

4
“ชิงเอ๋อร์ฉลาดจริงๆ” หรันเหยียนกุมมือป้อมเล็กจิวของ
เขา แล้วสังคนไปห้องครัวทําอาหารเสริมทารกทีเด็กๆ
ชอบกินมา จากนันเข้าไปในห้องพร้อมหรันอวินเซิง

เด็กน้อยสามคนข้างกายหรันเหยียนปกติกวนเก่งนัก
ยามนีกลับไม่สง่ เสียง แต่ละคนตาโตจ้องชิงเอ๋อร์
อย่างอยากรูอ้ ยากเห็น นีเป็ นครังแรกทีพวกเขาเห็นเด็ก
คนอืน

ชิงเอ๋อร์ขยับเล็กน้อย กระดิงทีห้อยมือดังกรุง๋ กริง สายตา


ของเด็กสามคนถูกดึงดูดไปทันใด

เซียวเหล่าเอ้อร์ตะโกนอืออาสะเปะสะปะมัว ใครก็ฟังไม่

5
รูเ้ รือง แต่ชิงเอ๋อร์ถงึ กับฉีกยิมร่า

ระหว่างเด็กๆ ทีแท้มีภาษาพิเศษหรือไม่ หรันเหยียนไม่รู ้


แต่เธอรูส้ กึ สนใจกระบวนการการสือสารของพวกเขา
มาก

มีคนบอกว่าโลกนีคนสามประเภทซึงน่ากลัวทีสุดคือเด็ก
ผูห้ ญิง และคนบ้า เพราะพวกเขาไม่ทาํ ตามตรรกะ หรัน
เหยียนกลับเห็นว่าเด็กมีตรรกะพิเศษเฉพาะของตน และ
เธอยินดีมากทีจะศึกษา

หรันเหยียนเล่นกับเด็กๆ พักหนึง กระทังมีสาวใช้มาบอก


ว่าอาหารเสริมทารกทําเสร็จแล้ว เธอจึงให้แม่นมพาพวก

6
เขาไปกินทีโถงด้านข้าง

หรันอวินเซิงมือว่างแล้ว จึงหยิบชาขึนจิบอึกหนึง ก่อน


ถามว่า “คุณชายเก้าไปทีว่าการหรือ”

“อือ ครังนีเขาลาหยุดนาน ก่อนไปต้องส่งมอบงานหลาย


อย่าง ช่วงเทียงก็กลับ พีสิบต้องอยูก่ ินข้าวกลางวันนะ”
หรันเหยียนบอก

หรันอวินเซิงยังมองหรันเหยียนด้วยสายตาดุจเดิม ใน
ความอ่อนโยนแฝงแววรักใคร่ตามใจน้องสาวรางๆ “ได้”

“ชิงเอ๋อร์ดสู ภุ าพเรียบร้อย พีสิบเริมสอนหนังสือให้เขา


7
แล้วหรือ” หรันเหยียนถาม

“อือ ข้าเตรียมจะสอนเขาด้วยตัวเอง รอเขาอายุสบิ เอ็ด


สิบสองค่อยเชิญอาจารย์” หรันอวินเซิงตอบ

หรันเหยียนรูส้ กึ ได้ชดั เจน หรันอวินเซิงคาดหวังกับลูกคน


นี หรันอวินเซิงความรูไ้ ม่ตาํ และมีความอดทนยิง ได้เขา
สอนหนังสือให้ดว้ ยตนเอง น่าจะไม่เลว

หรันอวินเซิงลังเล ก่อนเอ่ยว่า “อาเหยียน พีสิบมีเรืองไม่


สมควรอยากขอร้อง”

“พีสิบพูดอะไรน่ะ ทําตัวเป็ นคนอืนคนไกลเช่นนีมิชวนให้


8
ข้าหนาวใจหรือ” หรันเหยียนเอ่ยยิมๆ

หรันอวินเซิงมองหรันเหยียน ดวงตาขาวและดําชัดเจน
ของเธอ ยังออกลุม่ ลึกติดเย็นชาเล็กน้อย แต่รอยยิมไป
ถึงคิวและหางตา ไม่แข็งกระด้างเย็นชาเหมือนเมือก่อน

เขาบอกว่า “ข้าหารือกับท่านพ่อแล้ว อีกไม่กีปี จะออก


จากชนชันพ่อค้า ซือทีสร้างบ้านแถบชานเมืองฉางอัน
แต่การออกจากชนชันพ่อค้า เกรงว่าคงไม่ง่ายดายปาน
นัน เลยอยากขอให้คณ
ุ ชายเก้าช่วยสักเล็กน้อย”

หรันเหยียนกล่าวว่า “เรืองนีข้าคิดเอาไว้นานแล้ว และ


เคยคิดถามอาสามว่ายินดีรบั ราชการหรือไม่ เพียงแต่

9
ช่วงนีในราชสํานักมีเหตุพลิกผันยากคาดเดา โหดร้ายยิง
ชวนให้คนจิตใจอ่อนล้าเหนือยหน่าย ด้วยเหตุนีเลยพัก
เรืองนีไว้ชวคราว
ั เรืองออกจากชนชันพ่อค้า ย่อมไม่มี
ปั ญหา หากอยากรับราชการ ก็น่าจะไม่มีปัญหาเช่นกัน
เพียงแต่ตาํ แหน่งคงจะตําสักหน่อย”

เรืองออกจากชนชันพ่อค้า หากไร้ผมู้ ีเบืองหลังแข็งแกร่ง


หนุน เกรงว่าต่อให้มีภเู ขาเงินภูเขาทองก็ไม่พอให้คน
พวกนันขูดรีด รอพ้นจากชนชันพ่อค้า เงินทีมาจากเลือด
เนือหยาดเหงือของหรันผิงอวีก็คงเสียไปหมด

“อาสามไม่ควรหมดเงินกับทางซูโจว เลียงพวกเนรคุณ
กลุม่ นัน! ตอนนีอาสามยังให้เงินพวกนันอีกหรือไม่”
หรันเหยียนนึกโกรธ ตอนแรกหากสกุลหรันยอมทุม่ เทปก
10
ป้องสุดกําลัง ครอบครัวหรันผิงอวีจะตกตําสูช่ นชันพ่อค้า
ได้อย่างไร ถึงอย่างไรตระกูลใหญ่มากมายก็มีการค้าทัง
สิน แม้แต่สกุลเซียวก็มี มิเช่นนันทังเบืองบนเบืองล่าง
ของตระกูลกินลมหรือ!

“ไม่ให้นานแล้ว” เอ่ยถึงพวกหรันเหวิน หรันอวินเซิงก็


ขมวดคิว “ช่วงก่อนหน้านี ข้าได้ยินว่าสกุลหรันทีซูโจวได้
รับการดูแลจากสกุลเซียว มีคนจํานวนไม่นอ้ ยได้เป็ นขุน
นาง ตอนท่านพ่อคุยกับคนทีทําการค้าด้วยกันคนหนึง
เห็นว่าคนผูน้ นไม่
ั รูว้ า่ ท่านพ่อเป็ นคนของสกุลแห่งซูโจว
เลยจงใจไปสืบดู สามรุน่ ไม่พบว่ามีคนทํางานชันตํา...
ท่านพ่อจึงแอบให้คนไปสืบทีบ้านเดิมทีซูโจว พวกเขาถึง
กับ...ถึงกับกลัวจะถ่วงการสอบเคอจวีของลูกหลานใน
ตระกูล เลยถอดชือท่านพ่อออกจากผังตระกูลแต่

11
แรก!”

“อะไรนะ” หรันเหยียนรูส้ กึ ว่าตนยังประเมินสกุลหรันทัง


ตระกูลตําไป เหมือนโดนมือดําเมียมตบหน้าบรรพชน

คนส่วนใหญ่ในตระกูลรูเ้ รืองทีหรันผิงอวีถูกถอนชือ แต่


ยังหน้าด้านมาขอเงินเขาได้อย่างเต็มปาก

ใบไม้รว่ งกลับสูร่ าก ชาวถังให้ความสําคัญกับชาติ


ตระกูลและชนชัน โดยให้ความสําคัญกับ ‘ราก’ มากเป็ น
พิเศษ การถูกขับไล่ออกจากตระกูลเป็ นเรืองหนักหนา
สาหัสยิง หรันผิงอวีถูกบีบจนหนทางจําต้องเลือกเข้าสู่
ชนชันพ่อค้า หลายปี มานีเขากลับบ้านสกุลหรันทีซูโจว

12
น้อยมาก แทบนับได้วา่ ขีดเส้นแบ่งชัดเจนกับสกุลหรัน
ยอมกระทังให้สกุลหรันย้ายชือไปยังบ้านสายรองทีเสือม
ถอยแทบไร้คนในครอบครัว แม้จะยังไม่พน้ จากลําดับ
เครือญาติ แต่ก็แทบละเลยไม่นบั ได้ หลายปี นีทีผ่านมา
เขายอมกลํากลืนกับความโลภโมโทสันของสกุลหรัน ก็
เพือไม่ให้โดนขับจากตระกูล ตายไปจะได้ไม่กลายเป็ นผี
วิญญาณเร่รอ่ น

หรันผิงอวีจู่ๆ รับรูเ้ รืองนี ก็กระอักเลือดแห่งความอัดอัน


ออกมาตรงนัน ยามนีนอนป่ วยกระเสาะกระแสะบน
เตียงมาเดือนกว่า

เพียงแต่เรืองนีไม่เหมาะจะป่ าวประกาศ พวกเขาจึงไม่ได้


บอกหรันเหยียน
13
“ทีแท้เหตุใดต้องถอดชือ” หรันเหยียนถามอย่างโกรธ
เคือง มีสกุลเซียวคอยดูแล ทังบ้านทีหรันผิงอวีถูกย้ายชือ
ไปเชือสายก็หา่ ง

“ฟั งว่าเพราะบ้านทีพวกเราย้ายชือไปนันให้กาํ เนิดเด็ก


มากพรสวรรค์คนหนึง ปี นีอายุสบิ สาม กําลังจะเข้าสอบ
ระดับท้องถิน นับตามผังตระกูล ท่านพ่อข้าถือเป็ นอา
แท้ๆ ของเขา ดังนัน…” หรันอวินเซิงถอนใจ นีเป็ นสวรรค์
ไม่เมตตาครอบครัวพวกเขา! จึงบังเอิญมีอจั ฉริยะถือ
กําเนิดทีบ้านนี!

สําหรับตระกูลใหญ่ความสําคัญของผูม้ ีความสามารถไม่

14
ต้องบอกก็รูไ้ ด้ บางครังตระกูลหนึงมีขนุ นางระดับสูงคน
เดียว ก็สามารถนําพาคนทังตระกูลให้เจริญก้าวหน้า
อย่างตระกูลของฝางเสวียนหลิง เดิมทีเป็ นแค่ตระกูล
บัณฑิตทัวไป ให้กาํ เนิดเสนาฯ คนหนึงก็เบียดขึนเป็ น
ตระกูลชนชันสูงในฉางอันทันใด

เพือผูม้ ีความสามารถ สละผูอ้ ืนได้ แต่เรืองนีสกุลหรัน


จัดการได้แย่ยง!
ิ ข้ามแม่นารื
ํ อสะพานทําร้ายคนลับ
หลังเยียงนี

หรันเหยียนเอ่ยเสียงเย็นชา “นีเป็ นพวกเขากําลังรนหา


ที!”

15
“อาเหยียน เจ้าจะทําอะไร” หรันอวินเซิงเห็นเธอจู่ๆ สี
หน้าเย็นเยียบ จึงสะดุง้ ตกใจ “อย่าทําอะไรสุม่ สีสุม่ ห้า
ข้ากับท่านแม่กล่อมท่านพ่อให้ปล่อยวางแล้ว เจ้าอย่าได้
ทําเรืองโง่ๆ เชียว”

“พวกเขามิใช่ชอบข้ามแม่นารื
ํ อสะพานหรือ ก็ให้พวกเขา
รือสะพานอย่างข้านีด้วย รอข้าไปถึงหลันหลิงจะหา
โอกาสตัดสัมพันธ์กบั สกุลหรัน ถึงอย่างไรหลังข้าตายก็
ฝังในสุสานสกุลเซียวอยูแ่ ล้ว!” หรันเหยียนกล่าว

หรันอวินเซิงครุน่ คิดก่อนกล่าว “อาเหยียนอย่าเอาแต่


อารมณ์ แม้ตอนนีเจ้าจะยืนได้มนคงในสกุ
ั ลเซียว แต่
เกรงว่าสกุลเซียวคงไม่ยอมให้เจ้าไร้พืนเพไร้เบืองหลัง”

16
“สกุลหรันเราใช่เข้าตาสกุลเซียว!ระยะนีเกรงว่าสกุล
เซียวคงเห็นโฉมหน้าตําช้าไร้ยางอายของสกุลหรัน
ชัดเจนแล้ว เก็บเนือร้ายเช่นนีไว้อาจทําให้พวกเขาด่าง
พร้อยได้ทกุ เมือ สมควรตัดครังเดียวให้ขาด ขอแค่สกุล
เจิงยังยอมรับมารดาข้า ยอมรับข้า ข้าก็ไม่นบั ว่าไร้พืนเพ
เบืองหลัง” หรันเหยียนสุม่ ยกตัวอย่างหลายข้อ ต่างมี
เหตุผล ไม่จาํ เป็ นต้องไปแต่งเรืองราวอืนอีก

หรันอวินเซิงก็ไม่คดั ค้าน หนึงนันเพราะเคียดแค้นสกุล


หรันยิง สองก็ดว้ ยรูส้ กึ ว่าตอนนีหรันเหยียนมีชีวิตสุข
สมบูรณ์ หากยังถูกสกุลหรันถ่วงไว้ กลัวว่าช้าเร็วจะเป็ น
เรือง ถึงเวลานันลากหรันเหยียนไปเกียวจนโดนสกุล
เซียวรังเกียจคงไม่ดีนกั

17
ผลประโยชน์ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลใหญ่พวั พันซับ
ซ้อน แม้การรับสกุลเจิงเป็ นญาติสนิทจะไม่ใช่วิธีทีดีนกั
แต่อย่างน้อยสกุลเจิงก็สาํ รวมตน ไม่ทาํ เรืองเสือมเสีย
ฐานะ

“หากสกุลเจิงใช้เรืองนีเป็ นเงือนไข ยัดเยียดคนให้คณ



ชายเก้า…” หรันอวินเซิงค่อนข้างกังวล ตระกูลใหญ่ชอบ
ทําเรืองประเภทซือหนึงแถมหนึงหรือแถมหลายๆ คน
เป็ นทีสุด

“สกุลเจิงก็หมายเกียวดองกับสกุลเซียว ในเมือพวกเขามี
ความต้องการ ข้าก็มีคณ
ุ สมบัติจะคุยเงือนไข เรืองยัด
เยียดคนใช่วา่ จะต้องเกิดแน่ สิงสําคัญยิงกว่าคือ เซียวเย
18
วียจือไม่ใช่เครืองประดับทีตังไว้เฉยๆ จะส่งคนมาข้าง
กายเขาก็ตอ้ งดูวา่ เขายินยอมไหม” หรันเหยียนเชือมัน
เซียวซ่ง คิดว่าอย่างเลวร้ายทีสุด หากเขาไม่ยินยอมแต่
จําใจถูกบังคับ ก็ใช้วิธีนนที
ั เธอเคยเอ่ยถึง หากเขา
ยินยอม เช่นนันก็จดั การง่ายยิงกว่า เธอก็แค่แอบพาลูกๆ
ไปใช้ชีวิตกันเอง

“ตรองดูให้ละเอียดรอบคอบอีกหน่อยเถิด” หรันอวินเซิง
คิดไม่ถงึ ว่าหรันเหยียนจะมีปฏิกิรยิ ารุนแรงขนาดนี เขา
เริมเสียใจทีพูดเรืองนีบ้างแล้ว

หรันเหยียนเอ่ยยิมๆ “วางใจเถิด เรืองนีข้าจะหารือกับ


ท่านพีก่อน ไม่กระทําการวูว่ ามเด็ดขาด”

19
หรันอวินเซิงออกจะแปลกใจ แม้แต่เรืองเช่นนีก็กล้าบอก
เซียวซ่ง? แต่เห็นสีหน้าหรันเหยียนปกติยิง แสดงชัดว่า
ความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเขาดียงนั
ิ ก หรันอวิน
เซิงจึงเบาใจไปมาก

หรันเหยียนดืมชาอึกหนึง ก่อนพลันนึกถึงเรืองหนึงขึนได้
“พีสิบเคยคิดอยากตบแต่งภรรยาหลวงอย่างถูกต้องหรือ
ไม่ หรืออาจให้เอ่อร์ตง...ถึงอย่างไรชิงเอ๋อร์ก็ถงึ วัยจดจํา
คนใกล้ชิดแล้ว”

หากมีแม่ใหญ่ ต้องใช้เวลาสร้างความผูกพันถึงได้

20
“ชาตินีข้าไม่มีความคิดเห็นเป็ นอืนอีก เอ่อร์ตงรู ้
กาลเทศะ เข้าใจเหตุผล จิตใจดีงาม ข้าได้เป็ นภรรยาก็
เป็ นโชควาสนา” หรันอวินเซิงตอบยิมๆ

21
ตอนที 429 ผู้แซ่เซียวแบบอย่างผู้หน้าเนือใจเสือ

หรันเหยียนยังนับว่าเข้าใจหรันอวินเซิง เขามีความรับผิด
ชอบสูง เปลือกนอกดูแล้วอย่างไรก็ได้ แต่ในใจเมือยึด
มันกับเรืองและคนใด ชัวชีวิตอาจไม่มีวนั เปลียนแปลง
อีก เอ่อร์ตงอาจได้รบั ความห่วงใยเอาใจใส่และความ
อ่อนโยนจากเขา แต่เกรงว่าคงไม่มีวนั ได้รบั ความรักจาก
เขาตลอดกาล

แม้ราชวงศ์ถงั จะแต่งงานได้อย่างอิสระ แต่คนส่วนใหญ่


ยังถูกเรืองเช่นนันเช่นนีครอบงํา อัตราการเป็ นสามี
ภรรยาทีแต่งงานเพราะรักชอบกันเองจะมีมากได้สกั
เท่าไร โดยเฉพาะสตรีเช่นเอ่อร์ตงทีมีชีวิตตามยถากรรม
ได้แต่ถกู ชะตาลิขิตผลักดันไปข้างหน้า สําหรับนางนีเป็ น
1
เรืองโชคดีทีสุด อย่างน้อยครึงชีวิตให้หลังไม่ตอ้ งห่วง
เรืองกินอยู่ และหรันอวินเซิงก็ตอ้ งปฏิบตั ิกบั นางอย่างใจ
กว้างแน่นอน

"ท่านพีเมียมาหรือ" เซียวซ่งทีสวมชุดลําลองสีมว่ งก้าว


ปราดเข้ามา เห็นชัดว่ารูว้ า่ หรันอวินเซิงมา จึงตังใจ
เปลียนชุดขุนนางออก

หรันอวินเซิงลุกขึนคารวะ กลับถูกเซียวซ่งพยุงไว้ "คน


ครอบครัวเดียวกัน ท่านพีเมียอย่าได้มากพิธีรตี องเช่นนี"

เซียวซ่งให้หรันอวินเซิงนังลง ครันหันไปเห็นหรันเหยี
ยนอารมณ์ผิดปกติ จึงอดถามไม่ได้ "ทําไม ใครยัวโมโห

2
ท่านหรือ"

หรันเหยียนตอบ "เรืองนีสายหน่อยข้าค่อยหารือกับท่าน
ท่านเป็ นเพือนคุยกับพีสิบก่อน ข้าจะไปดูเด็กๆ หน่อย
แล้วจะให้คนไปเชิญหลิวอีเฉิงกับอาอวินมากินข้าวเทียง
ด้วยกัน"

เรือนของหลิวชิงซงกับเรือนสกุลเซียวคันด้วยถนนสาย
เดียว โดยสารรถมานานทีสุดก็ใช้เวลาแค่สองถ้วยชา

"อือ" เซียวซ่งตอบ

ก่อนจะได้แต่งงานกับหรันเหยียน เซียวซ่งชอบไปบ้าน
3
สกุลหรัน ตอนนันส่วนใหญ่เป็ นหรันอวินเซิงต้อนรับ สอง
คนคนหนึงดุจปลาได้นาในวงการค้
ํ า คนหนึงกลอกกลิง
ในแวดวงขุนนาง ทังความรูแ้ ละวิสยั ทัศน์ตา่ งไม่ธรรมดา
นังด้วยกันย่อมไม่หว่ งว่าบรรยากาศจะกร่อยและอึดอัด

หรันเหยียนสังคนไปเชิญหลิวชิงซง จากนันก็ไปเล่นกับ
เด็กๆ ทีห้องด้านข้าง

บนพืนปูเบาะ เด็กสีคนเล่นของเล่นทีหลิวชิงซงทําให้อยู่
บนนันอย่างสนุกสนาน

ชิงเอ๋อร์นิสยั ไม่ยากตอแยเหมือนเจ้าตัวน้อยสองคนของ
หรันเหยียน เรียบร้อยเชือฟั งยิง ค่อนข้างเข้ากันได้ดีกบั

4
รัวรัว จึงต่อตัวต่อไม้ดว้ ยกันอย่างสามัคคีกลมเกลียว
เซียวเหล่าต้านอนเบือแผ่พงุ น้อยๆ อยูบ่ นเบาะพลางเล่น
ชายเสือของหวันลวี เซียวเหล่าเอ้อร์ก่อกวนไม่หยุด ชิง
เอ๋อร์กบั รัวรัวก่อตัวต่อไม้ได้นิดหนึง เขาก็เหมือนวัว 'พุง่ '
แทรกกลางมา เหลือไว้แต่ซากสิงของ

รัวรัวเบ้ปากน้อยๆ นําตาคลอเบ้า ชิงเอ๋อร์นิสยั ดียงิ ก่อ


ตัวต่อใหม่ครังแล้วครังเล่าอย่างไม่เบือหน่าย เมือเห็นรัว
รัวจะร้องไห้ ก็ดงึ มือน้อยๆ ของนาง ให้ก่อใหม่ดว้ ยกัน

หรันเหยียนมองชิงเอ๋อร์ ก็เหมือนเห็นหรันอวินเซิงตอน
เด็ก นิสยั ดีเช่นกัน และยึดติดเหมือนกัน

5
"เด็กๆ อามาแล้ว!"

ยังไม่เห็นตัวก็ได้ยินเสียง เสียงทีชวนให้ขนลุกเช่นนี นอก


จากหลิวชิงซงจะเป็ นผูใ้ ดได้

หรันเหยียนเงยหน้าเห็นหลิวชิงซงแบกห่อใหญ่หอ่ น้อย
เข้ามา จึงอดกล่าวไม่ได้ "พวกท่านมากันเร็วจริง"

หลิวชิงซงกระดีกระด๊าโผไปข้างรัวรัว ส่งห่อของใบน้อย
ให้เด็กๆ คนละห่อ เห็นชัดว่าเด็กพวกนีเติบโตมาโดยการ
ติดสินบนของหลิวชิงซง เมือรับห่อของ ก็รูจ้ กั เปิ ดออก
ทันที

6
หรันเหยียนเห็นรถม้าประณีตคันน้อย และสัตว์เล็กๆ จึง
อดถามไม่ได้ "ท่านไม่ใช่หมอหรือ ทุกวันไม่ตอ้ งทําการ
ทํางาน?"

"ข้ายังมีวนั หยุดแต่งงานอีกหลายวันกว่าจะหมด อีก


อย่างผูแ้ ซ่หลิวมีความงาม แต่งให้ภรรยาทีหาเงินเก่ง
ท่านห่วงอะไร" หลิวชิงซงจีบนิว เอาผ้าห่อของมาทําเป็ น
ผ้าเช็ดหน้าสะบัดใส่หรันเหยียนทีหนึง

หรันเหยียนยิมมุมปากเยาะเย้ย พอเห็นหรันอวินเข้ามา
ค่อยถอนใจโล่งอก ขณะจะอ้าปากเอ่ยคํา กลับถูกหรัน
อวินชิงพูดก่อนว่า "พีสิบเจ็ด ท่านว่าของทีสามีขา้ ทํา
เหล่านีเป็ นอย่างไรบ้าง เด็กๆ ชอบกันมากกระมัง ฮ่า ข้า
ว่าคืนนีจะสังคนไปทํา อีกสองวันจะซือหน้าร้านทีตลาด
7
ตะวันออกและตะวันตกสองแห่งมาขาย ต้องทํากําไรได้
มากแน่...มา ชิงเอ๋อร์ บอกอาซิวา่ ชอบไหม"

หรันอวินอุม้ ชิงเอ๋อร์ขนมาถาม

"ชอบ" ชิงเอ๋อร์เล่นรถม้าคันน้อยในมือไม่ยอมปล่อย

หรันเหยียนหมดคําพูด สามีภรรยาคูน่ ีสมกันทีสุด จริงดัง


คาด ไม่มีสกั คนทีปกติ

"ภรรยาท่านชอบทําการค้าหาเงินขนาดนี ไม่กลัวกระทบ
อนาคตราชการท่านหรือ" หรันเหยียนเห็นทางนีเล่นกัน
สนุกคึกคัก เลยหาเวลามาถามหลิวชิงซง
8
"ท่านคิดว่าข้าอยากเป็ นไท่อีเฉิงนีนักหรือ สํานักตรวจ
การรีบร้องเรียนข้าเลย! ร้องเรียนข้าเถิด!" หลิวชิงซงลูบ
จอนผม เลิกคิวกล่าว "ไม่ทาํ อะไรเลย เรืองกินดืมเฉยๆ ผู้
แซ่หลิวชอบทีสุด แต่จนปั ญญา ผูแ้ ซ่หลิวมีชือเสียงโด่ง
ดังเกินไป ถูกลิขิตว่าต้องทํางานหนักในตําแหน่งสูง ช่าง
เถิด สละข้าคนเดียว ส่งเสริมทุกคน"

"ข้ารูส้ กึ ว่าตังแต่ทา่ นแต่งงานเป็ นต้นมา จิตก็ออกจะเริม


ผิดปกติ" ก่อนหน้านีหรันเหยียนคิดว่าหลิวชิงซงเป็ นหลิว
หลุดกรอบ แต่ไม่เคยคิดว่าคนผูน้ ีผิดปกติเลย!

หลิวชิงซงตีหน้าเศร้า ชะโงกไปใกล้เธอ บอกว่า "ท่านก็

9
พบเห็นแล้วหรือ ความจริงอาอวิน...นางทารุณกรรมข้า"

"นางตีทา่ น?" หรันเหยียนถามอย่างแปลกใจ

"ไม่ใช่เช่นนัน แต่นางไม่ให้เงินค่าขนมข้าใช้ เงินเดือนให้


นางไปแล้ว ยังต้องรายงานว่าไปทําอะไรทีไหนบ้าง อยู่
บนถนนมองผูห้ ญิงอายุสามขวบถึงสามสิบ กลับบ้าน
ต้องแบกนางวิงรอบเรือนยีสิบรอบ ตอนเช้าฟ้ายังไม่
สว่างก็ลากข้าขึนมา แอบซ่อนเงินส่วนตัวต้องถูกตัด
อาหาร ทุกครึงปี เพียงให้เสือผ้าใหม่สบิ สองชุด ทุกวัน
ต้องทํางานสามชัวยาม ห้ามนอนห้ามนัง…"

หรันเหยียนฟั งเขาบ่นชุดใหญ่เสร็จ เงียบไปครูห่ นึงจึง

10
กล่าว "เหล่านันไม่ใช่สงที
ิ เดิมทีทา่ นสมควรทําหรือ"

หลิวชิงซงอ้าปากพะงาบ เอ่ยอย่างปวดใจสุดแสน "ข้า


ลืมไป ท่านก็เป็ นปี ศาจร้ายเช่นกัน คุณชายเก้าก็ลาํ บาก
เหมือนกันนะ"

หรันเหยียนเหล่มองเขาทีหนึง "เขารูต้ วั ดีกว่าท่านเยอะ


ข้าว่าเขามีความสุขจะตายไป"

ทีสตรีชาวถังดุรา้ ย นอกจากเพราะการแต่งงานของต้าถัง
ค่อนข้างอิสระเท่าเทียม สตรีชาวถังยังมีความเป็ นตัว
ของตัวเองสูง ไม่อยูโ่ ดยพึงพาอาศัยผูช้ ายเหมือนต้น
ฝอยทอง กล่าวอีกอย่างคือไม่มีผชู้ ายก็อยูไ่ ด้ไม่เลว

11
"การแต่งงานคือสุสาน เป็ นวลีเด็ดทีมีเหตุผลจริงดังคาด"
หลิวชิงซงถอนใจก่อนกล่าว

หรันเหยียนยิมๆ เธอกลับคิดว่าการแต่งงานเป็ นจุดเริม


ต้นทีลึกซึงอีกขันของความรัก นับแต่เริมแรกเธอก็ไม่ใช่
คนทีไล่ตามความรักบริสทุ ธิ สําหรับสิงทีเรียกว่าความรัก
นี สามารถวาดหวังทีสวยงาม แต่หากเห็นมันเป็ นทัง
หมดของชีวิต เรียกร้องความสมบูรณ์ไร้ตาํ หนิ ต้องเหียว
เฉาโรยราก่อนเวลาแน่ เพราะด้วยสภาพแวดล้อมของ
โลกนีไม่มีทางทําให้ดอกรักผลิบานสดใสได้ทกุ ดอก

ได้คือวาสนา พลาดคือโชคชะตา ตลอดมาหรันเหยี


ยนเปิ ดใจรับความคิดเช่นนีไว้ แต่เธอโชคดีทีได้มนั มา
12
แม้ความรักนีจะไม่ได้มีเพียงความรักเท่านัน แต่ขอแค่
เป็ นสิงทีใจเธอปรารถนา ก็สมบูรณ์ไร้ตาํ หนิ

เซียวซ่งและหรันอวินเซิงได้ยินเสียงครืนเครงทางนี ก็พา
กันมา

หรันอวินเซิงเห็นหรันอวินเล่นเป็ นบ้าเป็ นหลัง จึงยิมก่อน


กล่าว "อาอวินยังเหมือนเด็กอยูเ่ ลย"

"นางเป็ นเด็กทีไหน เป็ นปี ศาจร้ายชัดๆ" หลิวชิงซงบ่น


พึมพําเสียงเบา แต่ชวพริ
ั บตาต่อมา ก็ยิมปะเหลาะเข้า
ไป "ท่านพีเมีย พีเก้า หลายวันไม่พบราศีดีกว่าเดิมอีก!"

13
"ท่านพ่อ ท่านพ่อ" รัวรัวเห็นเซียวซ่ง ก็รอ้ งเรียกอย่างยินดี

เซียวซ่งยิมก้มตัวลูบหน้ารัวรัว ทางเซียวเหล่าต้าและ
เซียวเหล่าเอ้อร์ฉวยโอกาสตอนแม่นมไม่ระวังตีกนั จน
ร้องไห้จา้

แม่นมสองคนรีบเข้าไปปลอบ

ไม่รูว้ า่ เสียงร้องไห้ของพวกเขาส่งอิทธิพลมากเกินไป
หรือเด็กๆ ชอบร้องไห้ดว้ ยกัน ชิงเอ๋อร์กบั รัวรัวจึงร้องไห้
ตาม

คนทังกลุม่ วุน่ วายกันไปหมด รอจนพวกเขาหยุด พวก


14
หรันเหยียนก็หมดเรียวสินแรง

กินข้าวกลางวันเสร็จ กล่อมเด็กๆ นอนกลางวัน พวกเขา


ก็ไปทีศาลารับลมจิบชาเดินหมากล้อม

ตลอดบ่ายใช้เวลาอย่างรืนรมย์มีความสุข

จวบจนขอบฟ้าหมืนลีอาบแสงสายัณห์ตะวันรอน จึง
แยกย้ายกันไป

หลังหรันเหยียนอาบนําเสร็จ นังพิงบนเตียงถือใบ
รายการตรวจดูสงของที
ิ ต้องเอาไประหว่างเดินทางว่า
ครบถ้วนไหม
15
"วันนีฮูหยินอยากพูดสิงใดหรือ" ไม่รูเ้ ซียวซ่งอาบนําเสร็จ
เมือไร สวมเสือผ้าไหมแขนกว้างสีขาวนวล ผมดําขลับยัง
มีนาหยด

หรันเหยียนให้หวันลวีเอาผ้าแห้งสะอาดผืนหนึงเข้ามา
ช่วยเขาเช็ดผมพลางเล่าเรืองของหรันผิงอวี

เซียวซ่งกลับไม่ได้โกรธเคืองสักเท่าไร เรืองพรรค์นี
ระหว่างตระกูลใหญ่พบเห็นได้บอ่ ย ไม่ใช่เรืองแปลกใหม่
เพียงแต่จนถึงตอนนีสกุลหรันยังมองสถานการณ์ไม่
กระจ่าง แม้จะเพียงเกียวดองเป็ นญาติทางการแต่งงาน
สกุลเซียวไม่จาํ เป็ นต้องดูแลเป็ นพิเศษ ตระกูลใหญ่อืนๆ
ก็จะมองพวกเขาต่างออกไปด้วยเห็นแก่ความสัมพันธ์ชนั
16
นี แต่ละทิงสายป่ านเช่นหรันเหยียนนี ก็ช่างโง่เขลาเสีย
จริง

เซียวซ่งคิดเช่นนี แต่หรันเหยียนพูดว่าบ้านมารดาตนได้
เขากลับไม่สามารถ นีก็นบั เป็ นการไว้หน้าหรันเหยียน

"ท่านคิดตัดสัมพันธ์กบั บ้านสกุลหรัน?" เซียวซ่งเข้าใจ


ภรรยาดียงิ

หรันเหยียนไม่มีความผูกพันใดๆ กับบ้านและตระกูลนัน
แต่พยายามใช้คาํ อ้อมค้อมละมุนละม่อมกล่าวว่า "อือ
ท่านว่าอย่างไร ตระกูลเช่นนันอยูเ่ บืองหลังข้า ข้าใช่เพียง
ไม่รูส้ กึ มันใจ ยังต้องกังวลทุกเวลาว่าพวกเขาจะทําเรือง

17
เสือมเสียชือเสียง พวกเขาปฏิบตั ิกบั ข้าอย่างไร ท่านเอง
ก็เห็นจะแจ้ง สองปี นีทีสกุลเซียวดูแลพวกเขา ก็ถือได้วา่
ตอบแทนบุญคุณเลียงดูแล้วกระมัง"

"ถึงอย่างไรก็เป็ นตระกูลหนึง สามารถเก็บไว้ในกํามือใช้


ประโยชน์" เซียวซ่งนิงตรองชัวครูก่ ่อนกล่าว "ข้าช่วย
ท่านกระจายข่าวได้ บอกว่าเนืองจากบ้านมารดาของ
เซียนเหลียงฮูหยินแล้งนําใจ นางจึงเศร้าโศกปิ มขาดใจ
ส่วนสาเหตุ...ก็บอกว่าสกุลหรันเคยปฏิบตั ิไม่ดีกบั ท่าน
แม่ยาย อย่างเรืองท่านแม่ยายเสียไปไม่ถงึ ปี ท่านพ่อตา
ก็แต่งงานใหม่ เรืองแบบนีก็พดู เน้นให้มากหน่อย ส่วน
ตอนนีก็ปฏิบตั ิไม่ดีกบั ท่านอีก ไม่เห็นแก่หน้าสกุลเซียว
ผลักพวกเขาให้จนมุมก่อน จากนันท่านค่อยยืนมือช่วย
ในเวลาทีเหมาะสม ควบคุมพวกเขาไว้ในกํามือ"

18
"เช่นนีย่อมดียงิ แต่ขา้ ไม่อยาก…" ไม่อยากเกียวข้องกับ
ตระกูลเช่นนีเลยจริงๆ

เซียวซ่งหันหน้ามา ยิมมองเธอ "ฮูหยิน บางครังการแก้


แค้นใช่ตอ้ งถอนรากถอนโคนจึงสาแก่ใจ แต่บีบอีกฝ่ าย
ไว้ในกํามือ ภายนอกแสดงว่าใจกว้างให้อภัย ภายในกด
ขีไว้ พวกเขากระทําเรืองใดเรืองหนึงล้วนต้องมองสีหน้า
ท่าน มีชีวิตด้วยการยืมจมูกผูอ้ ืนหายใจไปตลอด แม้เป็ น
เช่นนี ก็ยงั ใช้ประโยชน์ถงึ ทีสุด เมือท่านต้องการปล่อย
มือ พวกเขาก็หมดโอกาสฟื นตัวใดๆ ทําเช่นนี คนนอกไม่
เพียงสรรเสริญเยินยอท่านว่าใจกว้างมีคณ
ุ ธรรม ยังจะ
เห็นว่าท่านมีนาใจ
ํ ฮูหยินเห็นเป็ นเช่นไร"

19
หรันเหยียนถอนใจ "เทียบกับท่านแล้ว ข้ารูส้ กึ ว่าตัวเอง
ใจดีมีคณ
ุ ธรรมนัก"

หรันเหยียนเป็ นคนตรง ทําเรืองใดล้วนรวดเร็วเด็ดขาด มี


คุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชําระ ไหนเลยเคยคิดซับซ้อน
เช่นนี

"ข้าก็แค่เสนอความคิดเห็นเล็กน้อย รายละเอียดในการ
ปฏิบตั ิจริงยังต้องดูวา่ ฮูหยินคิดเห็นเช่นไร แต่การช่วยฮูห
ยินขจัดความกลัดกลุม้ เป็ นหน้าทีของผูเ้ ป็ นสามีอยูแ่ ล้ว"
เซียวซ่งโอบเอวเธอ ก่อนเปลียนเรืองว่า "ข้าว่าครังนีคง
จะไม่ได้ไปอีก"

20
"ทําไม ท่านได้ข่าวอะไรหรือ" หรันเหยียนถาม

"ตอนเช้าข้าได้รบั จดหมายจากทางบ้านเดิม" เซียวซ่ง


ล้วงจดหมายออกจากกระเป๋ าแขนเสือส่งให้หรันเหยียน
แล้วกล่าวต่อ "และวันนีตอนข้าไปส่งมอบงาน ไม่รูใ้ ช่
เพราะช่วงนีบรรยากาศในราชสํานักกดดันเกินไปหรือไม่
ข้าจึงมักรูส้ กึ ว่ามีกลินอายบางอย่างไม่ปกติ"

21
ตอนที 430 งานเลียงในวัง (1)

หรันเหยียนเปิ ดจดหมายอ่านอย่างถ้วนถีรอบหนึง อด
กล่าวอย่างแปลกใจไม่ได้วา่ “มีคนคิดระรานสุสานของ
ท่านย่าหรือ เพราะอะไร”

“คงเพราะคลังทองคําของสกุลเซียวเรา” เซียวซ่งเห็นเธอ
เผยสีหน้าฉงน จึงอธิบายว่า “ตระกูลใหญ่ทวไปล้
ั วน
สํารองทรัพย์สมบัติไว้สว่ นหนึง หากตระกูลประสบความ
สูญเสียใหญ่หลวง ขอเพียงยังมีทายาท วันหน้าก็อาศัย
สมบัติจาํ นวนนียิงใหญ่ขนอี
ึ กครังได้ สถานทีซุกซ่อน
สมบัติของตระกูลเซียวเรา มีเพียงหัวหน้าตระกูลและ
ประมุขทายาทสายตรงแต่ละรุน่ ทีรู ้ ทว่าข้าก็พอรูอ้ ยูบ่ า้ ง”

1
เซียวซ่งเอนพิงเบาะนิมทีหัวเตียง กล่าว “ได้ยินว่ามี
แผนทีตกทอดกันมา แผนทีนีถูกแบ่งเป็ นส่วน ให้สะใภ้
ใหญ่ของตระกูลเก็บรักษา ทีข้ารูเ้ รืองเหล่านี เพราะครัง
ก่อนหลิงเซียงถูกฆ่า ฆาตกรมิเพียงหมายใส่รา้ ยท่านแม่
เกรงว่าจุดประสงค์ทีแท้จริงคือต้องการครอบครองแผนที
ในมือท่านย่า”

ยิงเป็ นตระกูลใหญ่ยงกลั
ิ ววันล่มสลาย ทรัพย์สมบัติที
เก็บไว้ตอ้ งไม่ใช่จาํ นวนน้อยๆ แน่

“แผนทีคงตกทอดลงมาถึงมือท่านแม่แล้ว เหตุใดยังต้อง
คิดไประรานสุสานอีก” หรันเหยียนไม่เข้าใจ

2
“ข้าเคยถามท่านแม่ ท่านบอกว่าเดิมทีในมือท่านมีอยู่
ส่วนหนึงจริง แต่สว่ นของท่านย่าไม่ได้มอบให้ทา่ น”
เซียวซ่งจับมือหรันเหยียนกล่าว “แต่นีก็ไม่เป็ นไร ฆาตกร
เพียงรูว้ า่ สกุลเซียวซุกซ่อนสมบัติไว้ แต่ไม่รูว้ า่ แผนทีแบ่ง
เป็ นหลายส่วนเช่นนัน ข้าเคยสํารวจปิ นอันนันของ
ท่านอย่างละเอียด เป็ นไปได้อย่างยิงว่าลวดลายบนปิ น
เป็ นส่วนหนึงของแผนที”

“เมือกล่าวเช่นนี ในมือตงหยางฮูหยินก็ตอ้ งมีดว้ ย?” หรัน


เหยียนกล่าว

เซียวซ่งพยักหน้า “แน่นอน นางเป็ นฮองเฮาคนสุดท้าย


ของสกุลเซียว เกรงว่ามิเพียงมี ยังมีเป็ นส่วนใหญ่”

3
หรันเหยียนพลันเข้าใจ เหตุใดหลีไท่จงึ ร่วมมือกับชนชัน
สตรี แม้ดา้ นหนึงเป็ นเพราะตงหยางฮูหยินมีความ
สามารถจริงๆ อีกด้านหนึง เกรงว่าเป็ นเพราะนางเปิ ด
เผยว่าในมือมีแผนทีซุกซ่อนทองคําของสกุลเซียว หาก
หลีไท่หมายก่อกบฏ การลอบรวบรวมเงินทองโดยไม่ให้
ใครรู ้ ย่อมเป็ นเรืองสําคัญ

“เมือกล่าวเช่นนี ผูท้ ีคิดร้ายต่อสุสานครังนีก็แทบระบุชือ


ได้แล้ว” หรันเหยียนขมวดคิวกล่าว

เซียวซ่งพยักหน้า “ในจดหมายไม่ได้บอกสถานการณ์
อย่างละเอียด ทว่าถึงอย่างไรสกุลเซียวข้าก็เป็ นต้นไม้
ใหญ่ตน้ หนึง หากให้หลีไท่ถอนรากถอนโคนง่ายดาย
4
เพียงนี ย่อมไม่ใช่สกุลเซียว ทีตระกูลบอกความเคลือน
ไหวนี ก็เพียงหมายเตือนพวกเรา เกรงว่าฉางอันจะไม่
สงบสุขเสียแล้ว”

“ตอนนีข้ากลับคิดว่า พวกเขาทีควรคิดกบฏก็คิดกบฏ ที
อยากชิงบัลลังก์ก็ชิงบัลลังก์ เหมือนธนูพาดบนสายเช่นนี
ง้างค้างอยูน่ าน ทําให้พวกเราทีอยูร่ อบข้างกังวลถูกลูก
หลง รุกก็ไม่ได้ถอยก็ไม่ได้ ยากทนรับได้จริงๆ” หรันเหยี
ยนถอนใจก่อนกล่าว

หรันเหยียนไม่กลัวเผชิญหน้ากับภัยสงคราม พวกเขาจะ
รัฐประหารหรือวางแผนปฏิวตั ิ ความจริงไม่เกียวกับเธอ
แต่ตอนนีมีคนปองร้ายพวกเธอทุกเวลา สถานการณ์ไม่ดี
จริงๆ ประวัติศาสตร์บนั ทึกว่าหลีเฉิงเฉียนกับหลีไท่ลม้
5
ล้างการปกครองยุคเจินกวานไม่ได้ แต่ไม่มีบนั ทึกปี เกิด
และตายของเซียวเยวียจือกับภรรยา ด้วยนิสยั ของเธอ
รูส้ กึ ว่ารีบจบความวุน่ วายนีโดยเร็วจะดีกว่า

เซียวซ่งบีบมือเธอ กล่าวตําหนิเบาๆ “ปากไม่มีหรู ูด”

ทังสองยิมสบตากัน เอนกายนอนลงเงียบๆ ครูห่ นึง ก่อน


หรันเหยียนจะไปดับโคมไฟ

ฝนหยุดสองวันแล้ว

ฤดูใบไม้รว่ งอากาศแห้ง ไม่นานนักแดดก็เผาจนดินแห้ง


สองวันนีเซียวซ่งจับตาดูความเคลือนไหวในราชสํานัก
6
อย่างใกล้ชิด คลืนลมสงบเผยความอึดอัดทีทําให้ผคู้ นใจ
ไม่สงบ

เซียวซ่งยกเลิกการเดินทาง

เดิมทีไปหลันหลิงเพือหลบเลียงมรสุมการชิงตําแหน่ง
รัชทายาท แต่ตอนนีมีคนหมายปองทองคําทีซุกซ่อนไว้
ของสกุลเซียว หากพวกเขาบุม่ บ่ามเดินทาง ไม่แน่อาจ
ถูกลอบโจมตี ในเมืองฉางอัน แม้ไม่คอ่ ยสงบสุข แต่ถงึ
อย่างไรก็เป็ นเมืองหลวง ฮ่องเต้องค์ปัจจุบนั ยังอยู่ นอก
จากคนบ้าเช่นอันจิน มิฉะนันไม่มีใครกล้าลงมือกับพวก
เขาอย่างเปิ ดเผยแน่

7
เพือไม่ให้สาํ นักตรวจการเอาผิดโทษฐานเท็จทูลเบืองสูง
เซียวซ่งทําได้เพียงถวายฎีกาให้ฝ่าบาท บอกว่าได้รบั ข่าว
จากทางบ้าน มีโจรผูร้ า้ ยปรากฏตัวละแวกหลันหลิง ตอน
นีแจ้งหน่วยราชการท้องถินให้จดั การ หากจัดการได้รวด
เร็ว พวกเขาค่อยออกเดินทาง ในเมือนําทารกทีอายุยงั
ไม่ถงึ หนึงขวบไปด้วย พบเหตุสดุ วิสยั เป็ นอันตรายยิง
จริงๆ

เรืองเล็กเช่นนี ความจริงหลีซือหมินคงไม่ใส่ใจ อย่าง


มากก็แค่อา่ นฎีกาลวกๆ แต่ขนตอนไม่
ั อาจละเลย

เซียวซ่งขอลาหนึงเดือน ก็ได้มีเวลาว่าง อยูบ่ า้ นเล่นกับ


ลูก อยูเ่ ป็ นเพือนภรรยา อ่านหนังสือ เขาพักผ่อนครังนีไม่
เป็ นไร ทว่าทําให้คนของกรมอาญาวุน่ วายมาก ได้ยินว่า
8
เซียวซ่งไม่ได้ไป ก็หอบเอกสารมารบกวนถึงบ้านตลอด
เวลา

อากาศค่อยๆ เย็นลง จนถึงกลางฤดูใบไม้รว่ ง ในวังจัด


งานเลียงข้าราชการ และฮูหยินแต่งตังระดับห้าขึนไป
เซียวซ่งกับหรันเหยียนย่อมอยูใ่ นจํานวนทีได้รบั เชิญด้วย

เหล่านางสนมในวังได้ยินแต่แรกว่าครอบครัวเซียวซือ
หลางหนึงท้องได้ลกู สามคน ล้วนอยากเห็นกับตา เพราะ
เรืองนีเหวยกุย้ เฟยจึงออกคําสังเป็ นพิเศษ อนุญาตให้ฮหู
ยินแต่งตังพาบุตรธิดาเข้าวังได้ ก่อนวันงานเลียงหนึงวัน
ยังจงใจสังคนไปบอกเรืองนีต่อหรันเหยียนด้วย

9
มีหรือหรันเหยียนจะไม่เข้าใจ แม้ใจไม่ยินยอม ก็ตอ้ ง
ปฏิบตั ิตาม

“ท่านพี พวกเราทําเป็ นไม่เข้าใจได้หรือไม่” หรันเหยียนที


แต่งตัวเสร็จแล้วยังดินรนครังสุดท้าย

เวลาไม่เช้าแล้ว เซียวซ่งสวมชุดขุนนางสีแดงเอนกายบน
เบาะรองนัง หยอกเย้ากับบุตรชายสองคนทีแต่งตัว
เหมือนตุ๊กตานําโชค อมยิมมองเธอก่อนกล่าว “แค่งาน
เลียง พาลูกไปด้วย พวกเราก็มีขอ้ อ้างปลีกตัวออกมาเร็ว
หน่อยได้!”

หรันเหยียนครุน่ คิด หลีไท่ยงั เตรียมการไม่พร้อม เขาคง

10
ยังไม่กล้าก่อกบฏ เพราะเหตุนีจึงวางใจ

สถานทีรวมตัวของฮูหยินแต่งตังอยูค่ นละทีกับของข้า
ราชการ เซียวซ่งกล่าว “เพียงแต่ลาํ บากฮูหยินต้องดูแล
ลูกสามคน”

“ข้าต้องดูแลทีไหน เป็ นแม่นมและหวันลวีคอยอุม้ ทังนัน”


หรันเหยียนนังคุกเข่าบนเบาะหน้าโต๊ะเครืองแป้ง หยิบ
หวีเขาวัวมาสางผมให้รวรั
ั ว

รัวรัวนังขัดสมาธิบนเบาะรองนังอย่างว่าง่าย ก้มหน้าเล่น
กระต่ายไม้แกะสลักตัวหนึง

11
แรกเริมพ่อและลูกชายสามคนทางด้านนันยังมองแม่ลกู
หวีผมพักหนึงอย่างอดทน เพียงครูเ่ ดียว ก็แยกย้ายกัน
เล่น เซียวซ่งให้สาวใช้สง่ หนังสือมาเล่มหนึงฆ่าเวลา เมือ
หรันเหยียนหวีผมเปลียนเสือผ้าให้รวรั
ั วจนเรียบร้อย
สามพ่อลูกก็นอนระเกะระกะแล้ว

“ท่านพ่อ” รัวรัวปี นขึนตัวเซียวซ่ง

เซียวซ่งสะลึมสะลือประคองนางไว้ “ดูซิลกู พ่องดงาม


หรือไม่”

“พ่อลูกนิสยั เหมือนกัน เจ้าเด็กบ้าสองคนนีหลับนําลาย


ไหลแล้ว เซียวเยวียจือ ข้าให้ทา่ นเล่นกับพวกเขา ทําไม

12
ถึงหลับไปได้!” หรันเหยียนยืนมือดึงเซียวซ่ง

“กว่างานเลียงจะเลิกก็ดกึ พอดีได้นอนชดเชย” เซียวซ่ง


ลุกขึน มองรัวรัวอย่างละเอียด กล่าวชม “อือ สวยจริง ฝี
มือฮูหยินดียงนั
ิ ก”

หรันเหยียนไม่สนใจเขา ปลุกเด็กน้อยสองคนอย่างอ่อน
โยน

ด้านนอกแสงอาทิตย์โพล้เพล้ หรันเหยียนและเซียวซ่ง
กินข้าวทีบ้าน ก่อนป้อนลูกๆ ทังสามจนอิม จึงขึนรถม้าที
ประตูดา้ นใน มุง่ หน้าเข้าวัง

13
นีเป็ นครังแรกทีหรันเหยียนได้เข้าร่วมงานเลียงในยุคถัง
ได้รบั อิทธิพลจากแม่ในชาติทีแล้ว เธอจึงสนใจ
วัฒนธรรมโบราณอยูบ่ า้ ง ได้พบเห็นกับตา หรันเหยียนก็
ดีใจ

เสียงรถม้าบดพืนถึงดังกุกกัก เด็กทังสามเบิกตาโตอย่าง
ตืนเต้น คุณชายรองเซียวทีปกติชอบเคลือนไหวอยูแ่ ล้ว
ตอนนียิงเหมือนเด็กสมาธิสนั ดีใจเก็บอาการไม่อยู่

รถม้าขับเข้าไปทางประตูจเู ชวียโดยตรง กระทังถึงประตู


วังละแวกตําหนักหลินเต๋อจึงลงจากรถ

มีขา้ ราชการหลายคนทีเพิงมาถึงเห็นเซียวซ่ง พากันเข้า

14
มาทักทายเขา

“เซียวซือหลางสีหน้าอิมเอิบยิง!” ขณะทักทาย มีเสียง


ระคนรอยยิมดังมา

ได้ยินเสียงเซียวซ่งก็รูว้ า่ เป็ นใคร เห็นคนอ้วนสองคนเดิน


มาแต่ไกล เซียวซ่งประสานมือยิมก่อนกล่าว “พระ
มาตุลาจ่างซุน เว่ยอ๋อง”

คนทีกล่าววาจาเมือสักครู ่ คือหลีไท่

15
ตอนที 431 งานเลียงในวัง (2)

หรันเหยียนยอบกายน้อยๆ คารวะ

เซียวซ่งทักทายคนทังสองอย่างสนิทสนม แล้วหันมาพูด
กับหรันเหยียนหลายประโยค จากนันค่อยเดินเข้าไปข้าง
ในกับพวกจ่างซุนอูจ๋ ีทังสองอย่างเกรงอกเกรงใจ

หรันเหยียนไม่รบี จึงนําแม่นมอุม้ ลูกเดินตามทางหลักไป


อย่างสบายอารมณ์

เธอมองลุงกับหลานทีรูปร่างไม่ตา่ งกันสองคนทีเบือง
หน้า รูส้ กึ แปลกใจ จ่างซุนอูจ๋ ีไม่ชอบหลีไท่มิใช่หรือ เหตุ

1
ใดทังสองมาขลุกอยูด่ ว้ ยกัน

ความจริงหากคิดในมุมมองของหลีไท่ ตอนนีไม่วา่ ใน
นอกราชสํานัก ทางฝ่ าบาท หรือตระกูลมารดา ภาพ
ลักษณ์ของหลีเฉิงเฉียนก็ยาแย่
ํ แทบไม่มีชินดี เป็ นโอกาส
ดีทีเขาจะซือใจญาติตระกูลมารดาเข้าเป็ นพวก

ในใจหลีซือหมินจ่างซุนอูจ๋ ีมีความสําคัญมาก ยามหลีซือ


หมินตัดสินใจไม่ได้ ชอบถามความคิดเห็นของเขาเป็ น
พิเศษ เป็ นขุนนางคนสําคัญทีแม้ชนชันฝางเสวียนหลิง
และตูห้ รูฮ่ยุ ก็ไม่อาจแทนทีได้ นอกจากนีจ่างซุนอูจ๋ ียัง
เป็ นพีชายภรรยาของหลีซือหมิน เรืองนีคนอืนเทียบไม่ได้
แน่

2
เกรงว่ามีการสนับสนุนของจ่างซุนอูจ๋ ี สําหรับหลีไท่
ตําแหน่งรัชทายาทก็เหมือนสิงของในกระเป๋ า

ทว่าหลีไท่เพียงทุม่ เทเอาอกเอาใจ แต่ไม่รูว้ า่ จ่างซุนอูจ๋ ี


เฝ้ารอเจ้าชีวิตเยียงไร ดังนันไม่วา่ เขาแสดงว่ามีคณ
ุ ธรรม
กตัญ อู ย่างโดดเด่นเพียงไร ก็สนคลอนจิ
ั ตใจของจ่าง
ซุนอูจ๋ ีไม่ได้

เรืองเหล่านีหรันเหยียนก็เพียงคาดเดา ไม่อาจสรุป เป็ น


เรืองไร้หลักเหตุผลเฉกเช่นบุรุษและสตรีกินอาหารเช้า
ด้วยกันก็เท่ากับเมือคืนนอนกลิงอยูบ่ นเตียงเดียวกัน คน
ธรรมดาเช่นเธอไม่มีวนั คิดได้แน่

3
ไม่แน่วา่ ผูอ้ ืนอาจพบกันโดยบังเอิญจริงๆ

งานเลียงของขุนนางจัดทีห้องโถงตําหนักหลินเต๋อ ส่วน
งานเลียงของนางสนมและฮูหยินแต่งตังจัดทีตําหนักข้าง
เปรียบเทียบกับงานเลียงของเหล่าบุรุษ จัดตามสบาย
กว่ามาก ไม่มีการแสดงฟ้อนรํามากเกินไป อย่าเห็นว่า
สตรีสงู ศักดิเหล่านีเข้าวังพร้อมศักดิฐานะ สูงส่งจนทําให้
คนไม่กล้าดูหมิน เมือใดทีเปิ ดฉากสนทนา ใครก็พดู เก่งสู้
พวกนางไม่ได้ ดังนันรักษาการร้องรําไว้สองสามรายการ
เป็ นเพียงทําตามธรรมเนียม

ไม่รูเ้ พราะเหตุใด เหล่าสตรีสงู ศักด์ลว้ นนิยมเดินทางน้อย


แต่หรันเหยียนรูส้ กึ ว่าทางน้อยไม่ปลอดภัยจริงๆ จึงเดิน
4
ตามทางหลักจนถึงเบืองหน้าตําหนักข้าง ระหว่างทางไม่
พบฮูหยินนางใดสักนาง

ตอนหรันเหยียนและลูกๆ ผิวขาวน่ารักทังสามปรากฏ
กายขึนทีหน้าตําหนัก เรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าฮูหยิน
ทันที พากันเข้ามาทักทาย

หรันเหยียนเป็ นใครเล่า เป็ นบุคคลในตํานานทีได้รบั


ความรักความโปรดปรานจากผีฉางอันเห็นยังกลัวแต่
เพียงผูเ้ ดียว ทังยังทําให้เขากลายเป็ นคนเกรงใจภรรยา
เป็ นทายาทของฮัวโต๋ ฝี มือผ่าท้องเปิ ดอกรักษาคนก็ได้
รับการกล่าวขานเป็ นฝี มือเทพ...และเธอครรภ์เดียว
คลอดสามคน ทุกคนปั กใจเชือว่านีคือสูตรลับทีไม่ถ่าย
ทอดให้คนนอก
5
ตามหลักการนีเป็ นผลงานของหมอตําแยหลายคนนัน
พวกนางรับเงินไป เริมแรกปิ ดปากเงียบไม่แพร่งพราย
แต่ตอ่ มาเมือแน่ใจว่าเด็กทังสามปลอดภัยไร้อนั ตราย
พวกนางก็หาญกล้าป่ าวประกาศ ทว่าไม่กล้ากล่าวคําไม่
ดีแม้สกั คํา

ครังก่อนตอนรัวรัวเห็นคนมากมายเช่นนี ห่างจากตอนนี
นานแล้ว แต่สีหน้าท่าทางตกใจเหมือนตอนนันไม่มีผิด
นําตาคลอ จะไหลก็ไม่ไหล ดวงตากลมโตประหนึงแอ่ง
นําสองแอ่ง กระตุน้ สัญชาตญาณความเป็ นแม่ของกลุม่
สตรีให้ลน้ เอ่อ

คุณชายใหญ่เซียวนอนหลับสนิทอยูใ่ นอ้อมอกของแม่
6
นม คุณชายรองเซียวเห็นใครมาก็ออ้ น ฉีกยิมให้หมด

“ฮูหยินคุณหนูทกุ ท่าน งานเลียงใกล้เริมแล้ว” มีขนั ที


กล่าวเตือน

ทุกคนจึงเพิงนึกได้วา่ ยังยืนอยูห่ น้าตําหนัก รีบสํารวม


กิรยิ า พากันเข้าตําหนัก

นางตูฮ้ หู ยินของเจิงเหรินไท่เป็ นฮูหยินแต่งตังขันสาม


หรันเหยียนขันสามโท เพราะเหตุนีนางจึงจงใจผ่อนฝี เท้า
เดินนําหน้าครึงก้าว แนะนําเธอบ้างเป็ นครังคราว ตอน
เข้าประจําที นางตูเ้ ลือกทีนังใกล้กบั หรันเหยียน

7
ทีนางตูด้ แู ลหรันเหยียนเพียงนี ก็เป็ นผลมาจากความตัง
ใจของหรันเหยียน แม้ก่อนหน้านีกล่าวว่าสกุลเจิงอนุ
ญาตให้หรันเหยียนแต่งออกจากสกุลเจิงได้ แต่หรันเหยี
ยนไม่อาจสลัดหิงทิงมาได้จริงๆ ทุกวันตรุษวันเทศกาล
เธอต้องกลับไปเยียมเยียนด้วยตนเองทุกครัง แม้เธอไม่
อยากได้หน้า แต่สกุลเซียวอยากได้!

ทว่าทุกครังทีเธอประสบเรืองใหญ่ ล้วนต้องรายงานไปที
เรือนสกุลเจิง กระทังเรืองสําคัญเช่นการตังครรภ์ คลอด
ลูกก็ตอ้ งส่งข่าวให้สกุลเจิงรูแ้ ต่เนินๆ ทังขอคําแนะนํา
จากนางตูด้ ว้ ย

และสกุลเจิงก็ให้ความสําคัญกับไมตรีระหว่างสกุลเซียว
โดยเฉพาะหลังหรันเหยียนให้กาํ เนิดแฝดสาม ยิงกระชับ
8
ความสัมพันธ์กบั หรันเหยียนแน่นแฟ้นขึน หลังเด็กๆ ถือ
กําเนิด นางตูก้ ็มาเยียมทีเรือนสกุลเซียวบ่อยๆ พวกเขา
เข้าใจกันโดยไม่ตอ้ งพูดอะไรมากความ

สนมทังหลายในวังยังมาไม่ถงึ บรรดาฮูหยินจึงจิบชาพูด
คุยกัน

นางตูช้ ืนชอบเด็กๆ ทังสามอย่างจริงใจ นางเพียงให้


กําเนิดบุตรชาย ไม่มีลกู สาวแท้ๆ ดังนันจึงชืนชอบรัวรัว
เป็ นพิเศษ ทุกครังต้องอุม้ นาง

“รัวรัว เรียกท่านยายซิ” หรันเหยียนกล่าว

9
รัวรัวเรียก “ท่านยาย” อย่างว่าง่าย

นางตูก้ ล่าวอย่างยินดี “ไม่ได้เจอแค่ครึงเดือน ก็เรียกคน


ได้แล้ว? ทังยังเรียกชัดเจนด้วย!”

“ก็ควรถึงเวลาพูดแล้ว เด็กๆ เรียนพูดได้เร็ว ทว่าจีเอ๋อร์


ยังพูดไม่ชดั นัก” หรันเหยียนกล่าว

คุณชายใหญ่เซียวยังนอนหลับสบาย นางตูย้ มตาหยี



หยอกเย้าคุณชายรองเซียวให้เรียก คิดไม่ถงึ เมือเขาเอ่ย
ปากก็ยวเย้
ั าให้คนรอบข้างหัวเราะ คําว่า‘ท่านยาย’ไม่ซาํ
คํา มีหรือจะเรียกง่ายเหมือนคําซําเช่น เหมียวเหมียว

10
“กุย้ เฟยเสด็จ ซูเฟยเสด็จ เต๋อเฟยเสด็จ เสียนเฟย
เสด็จ!” เสียงแหลมพลันดังในตําหนักใหญ่

ทุกคนไปนังตัวตรง ณ ทีนังของตนเอง นางตูส้ ง่ รัวรัวให้


หวันลวีอุม้

หรันเหยียนเงยหน้า ก็เห็นสตรีกลุม่ ใหญ่สวมชุดกระโปรง


ราวบุปผาเดินเข้ามา ทีเดินนําคือสีนางสนมซึงสวมชุดไก่
ฟ้าหรูหรา จากนันขันทีก็ขานชือองค์หญิงแต่ละคน ค่อย
ตามด้วยสนมขันผินอีกเก้าคน

รอจนพวกนางนังที หลังคารวะทักทายพวกฮูหยินแต่งตัง
เหวยกุย้ เฟยจึงเริมกล่าวตามธรรมเนียม จากนันก็มีการ

11
แสดงฟ้อนรํา

นางตูค้ อ่ ยหาโอกาสคุยเรืองส่วนตัวสองต่อสองกับหรัน
เหยียนได้ เอียวกายน้อยๆ กล่าวเสียงเบา "สกุลหรัน
ปฏิบตั ิไม่ดีกบั มารดาเจ้า ตอนนียังไม่ไยดีเจ้าอีก?"

แม้มารดาหรันเหยียนเป็ นเพียงบุตรีอนุ แต่ลดตัวแต่งไป


ตระกูลเล็ก เป็ นการให้เกียรติอย่างใหญ่หลวง และ
เพราะสกุลหรันดองเป็ นญาติกบั สกุลเจิง จึงราบรืนถึง
เพียงนี หากสกุลเจิงรูว้ า่ พวกเขากล้าปฏิบตั ิไม่ดีตอ่ บุตรี
สกุลเจิง เกรงว่าบัญชีนีต้องคิดอย่างโหดเหียม

นางตูเ้ ติบโตในตระกูลใหญ่ จากสตรีชนสู


ั งจนถึงฮูหยิน

12
สูงศักดิ เรืองหลังบ้านของตระกูลใหญ่ นางจึงเข้าใจถ่อง
แท้ เมือนางได้ยินข่าวนี ใจคิดเรืองราวได้นบั สิบแบบ แต่
ไม่วา่ เป็ นแบบใด สุดท้ายเพียงสรุปได้อย่างเดียว –--
สกุลหรันโง่เขลา

หรันเหยียนไม่ถนัดเสแสร้ง ทว่าเธอรังเกียจพฤติกรรม
ของสกุลหรันจริงๆ เมือได้ยินนางตูถ้ ามถึง สีหน้าย่อม
เย็นชา “เรืองนีทําร้ายจิตใจข้ายิง แต่เพราะข้าเป็ นบุตรี
สกุลหรัน ไม่กล้าตําหนิวงศ์ตระกูลนัก กลัวชาวบ้านคิด
ว่าข้าอกตัญ ”ู

“เลือดครึงหนึงในกายเจ้าเป็ นของสกุลเจิงแห่งสิงหยาง”
นางตูก้ ล่าวเสียงเรียบประโยคหนึง แล้วไม่เอ่ยคําใดอีก

13
หรันเหยียนอดตรึกตรองไม่ได้ เข้าใจว่านางตูก้ าํ ลังเตือน
สติเธอ สกุลเจิงแห่งสิงหยางยินดีเป็ นทีพึงให้เธอ ความ
จริงนางตูก้ ็ไม่ควรถามเรืองนีในสถานทีเช่นนี แต่นางก็
ถาม...

ในเมือสกุลเจิงรูเ้ รืองนีแล้ว ทุกคนทีนีมีฐานะไม่ตาต้


ํ อย
ฮูหยินแต่งตังคนอืนย่อมรูด้ ี เมือนางตูเ้ อ่ยถึงเรืองนี ก็คือ
การบอกให้หรันเหยียนเข้าใจ หากเดียวมีคนถามถึง เธอ
สามารถแสดงจุดยืนขีดแบ่งความสัมพันธ์กบั สกุลหรัน
ให้ชดั เจน

หรันเหยียนหันหน้ากลับมา เห็นรัวรัวกับคุณชายรอง
เซียวอึงมองการเต้นรํา กระทังคุณชายใหญ่เซียวก็ลืมตา
14
ดูดว้ ย

หรันเหยียนยิมมองลูกทังสามคน เหมือนยายหลิวเข้า
สวนเมียงมองจริงๆ (เปรียบเปรยถึงคนทีได้เปิ ดหูเปิ ดตา
ต่อโลกทีไม่เคยพบมาก่อน)

ทว่าท่าทางหลังดูไประยะหนึงของพวกเขาแตกต่างกัน
เห็นได้ชดั ว่าคุณชายใหญ่เซียวเลิกตืนเต้นแล้ว สะลึม
สะลืออยูใ่ นอ้อมอกแม่นมหลับไปอีกครัง รัวรัวยังมีสมาธิ
เช่นเคย คุณชายรองเซียวกลับขยับแขนขาเต้น แม่นมที
อุม้ เขาเหนือยจนเหงือโชก กล่อมอย่างไรก็ไม่หยุด

หรันเหยียนก็ไม่สนใจเขา เด็กยังเล็กเกินไป พูดไม่รูเ้ รือง

15
เขายินดีกระโดดโลดเต้นก็ปล่อยเขากระโดดโลดเต้น คิด
ดูแล้วคนอืนก็คงไม่ใส่ใจเท่าไร

พริบตาเดียว คุณชายรองเซียวมิเพียงเต้น เพลงของผูอ้ ืน


ดังขึน เขากลับร้องตาม เพียงครูเ่ ดียว มีสายตามาก
มายกวาดมองมา

คนทีมีสีหน้านิงเหมือนคนตายแม้เขาไท่ซนั ถล่มลงตรง
หน้าเช่นหรันเหยียน ยังทนไม่ได้อยูบ่ า้ ง ลอบถลึงตามอง
คุณชายรองเซียวแวบหนึง แต่เขาถือทีนีเป็ นสวนหลัง
บ้านตนเองไปแล้ว

เหวยกุย้ เฟยทีนังอยูบ่ นทีนังประธานก็สงั เกตเห็น

16
สถานการณ์ทางด้านนี รอยยิมอ่อนโยนเฉิดฉันบนใบ
หน้างามสง่า ก่อนเบนสายตาไปดูการร่ายรําในตําหนัก
ต่อ

หรันเหยียนก็นงดู
ั พกั หนึง เห็นว่าคุณชายรองเซียวไม่สง่
เสียงแล้ว จึงหันไปมองแวบหนึง เห็นหญิงสาวอายุ
ประมาณสิบหกปี สองนางหมอบอยูบ่ นพืน กําลังใช้ผา้
เช็ดหน้าดึงดูดความสนใจของคุณชายรองเซียว หนึงใน
สตรีสาวพับผ้าในมือเป็ นรูปต่างๆ เดียวดอกไม้ เดียวนก
คุณชายรองเซียวมองอย่างใจจดใจจ่อ

หรันเหยียนอดประเมินพวกนางอย่างละเอียดไม่ได้ ทว่า
มองสตรีงดงามทีอยูด่ า้ นข้างเพียงแวบเดียว ก็ถกู สตรีผู้
พับผ้าเช็ดหน้าดึงดูดความสนใจไป
17
หญิงสาวงดงามยิง ไม่พอกแป้งแต้มชาด เพียงดูจากรูป
โฉม ก็ไม่สวยกว่าสตรีทีอยูด่ า้ นข้างเท่าใดนัก ทว่าในดวง
ตาดอกท้อทีเชิดขึนเล็กน้อยคล้ายมีดวงดาวทอประกาย
ทําให้ความงดงามอ่อนโยนของนางเพิมเสน่หส์ ดใสขึน
หลายส่วน

เด็กสาวทังสองเห็นหรันเหยียนมองมา ก็คารวะเธอ

หรันเหยียนเห็นพวกนางสวมอาภรณ์ในวัง ทว่าไม่ใช่ชดุ
ไก่ฟา้

"เม่ยเหนียง พวกเราไปเถิด" หญิงสาวทีหลบอยูข่ า้ งหลัง

18
ดึงสตรีนางน้อยทีพับผ้าเช็ดหน้าเมือครู ่

หรันเหยียนใจเต้นแรง มองสตรีวยั เยาว์ทีชือเม่ยเหนียง


"เจ้าแซ่อหู่ รือ"

"ฮูหยินรูจ้ กั ข้าหรือ" อูเ่ ม่ยเหนียงยิมก่อนถามอย่างเปิ ด


เผย

หรันเหยียนลอบกล่าวในใจ รูจ้ กั ทังไม่แค่รูจ้ กั ! ทุกเรืองที


เจ้าทําหลังจากนี ข้ารูด้ ีเหมือนสมบัติในบ้านด้วย

บูเช็กเทียนเอย! คิดว่าหลีซือหมินคงเคยเห็นนางนาน
แล้ว ได้ยินว่าเพราะหลีซือหมินเห็นนางมีดวงตามีเสน่ห ์
19
น่ารัก จึงประทานชือให้วา่ เม่ยเหนียง

หรันเหยียนเคยนึกถึงสถานการณ์ตอนพบบูเช็กเทียน
ทว่าคิดไม่ถงึ ว่า นางกลับหมอบอยูบ่ นพืนพับผ้าเช็ดหน้า
หยอกเย้าบุตรชายตนเอง

หรันเหยียนเลิกคิด ก่อนกล่าว "ไม่ เพียงรูส้ กึ ว่าท่าน


คล้ายเสียนเฟยอยูห่ ลายส่วน จึงลองเดาดู"

"ฮูหยินตาแหลมจริงๆ" อูเ่ ม่ยเหนียงกล่าว มองคุณชาย


รองเซียว "บุตรชายของฮูหยินร่าเริงน่ารักจริงๆ ข้าชอบ
มาก"

20
แม้นบั แล้วอูเ่ ม่ยเหนียงจะมีลาํ ดับขันตํากว่าหรันเหยี
ยนมาก แต่นางก็เป็ นสนม อีกอย่างราชวงศ์ถงั ก็ไม่มี
กฎเกณฑ์เคร่งครัด พูดคุยกันได้ตามใจ

"หากท่านชอบเขา ก็เล่นกับเขาสักพักเถิด" หรันเหยียนก


ล่าว

อูเ่ ม่ยเหนียงกําลังจะพยักหน้า หญิงสาวด้านหลังกลับ


กระตุกชายเสือนาง อูเ่ ม่ยเหนียงแลบลิน มองการร่ายรํา
แวบหนึง "ขอบคุณเซียนเหลียงฮูหยิน แต่การร่ายรํา
กําลังจะจบ...พวกเราลอบเข้ามา ฮูหยินคงไม่
ฟ้องกระมัง"

21
อูเ่ ม่ยเหนียงกะพริบตาถีๆ มองหรันเหยียน พับผ้าเช็ด
หน้าเป็ นนกน้อยส่งให้คณ
ุ ชายรองเซียว ก่อนย่องออกไป
ทางด้านหลัง

สตรีนอ้ ยอีกนางกล่าว "พวกเรารับปากองค์ชายเก้าและ


องค์หญิงจินหยางไว้ ครังนีเล่นสนุกเกินไปแล้วกระมัง!"

"ไม่เป็ นไร องค์ชายเก้าและองค์หญิงจินหยางนิสยั ดีทีสุด


กล่อมด้วยวาจาดีๆ ก็เรียบร้อย"

"เช่นนันเจ้าก็กล่อม"

"ได้ มีครังใดบ้างทีไม่ใช่ขา้ กล่อม..."


22
ตอนที 432 งานเลียงในวัง (3)

ทีแท้อเู่ ม่ยเหนียงกับหลีจือก็สนิทสนมกันแต่แรก ไม่แน่


ว่าทีหลีจือไม่สนใจคําประณามของผูค้ น ต้องแต่งตังสตรี
ของบิดาตนเองเป็ นฮองเฮาให้ได้ ไม่ใช่เพียงเพราะความ
งามของนาง

เพือนเล่นในวัยเด็ก ความหวันไหวในวัยเยาว์ ความ


หลงใหลในวัยรุน่ กอปรกับฝี มือของอูเ่ ม่ยเหนียง หลีจือ
จะต้านทานได้อย่างไร

หรันเหยียนอยูท่ า่ มกลางเสียงอึกทึกครึกโครม ได้ยินคํา


สนทนาของพวกนาง คล้ายได้เห็นเค้าโครงของฮ่องเต้

1
หญิงในอนาคตได้ราํ ไร

การร้องเพลงร่ายรําพักชัวคราว เมือครูเ่ หวยกุย้ เฟยสัง


คนให้หรันเหยียนอุม้ ลูกๆ ทังสามเข้าไปใกล้อีกนิด แต่
ไหนแต่ไรในวังไม่เคยขาดเด็กๆ เหล่าพระสนมเพียงไม่
เคยเห็นแฝดสาม ดูของแปลกเท่านัน หากเด็กน้อยถูก
ชะตา ก็ใกล้ชิดอีกเล็กน้อย หากไม่ถกู ชะตา ดูๆ ก็พอ

แววตาอ่อนโยนของเหวยกุย้ เฟยมองเด็กทังสาม ปากสี


แดงสดเอือนเอ่ย “ประทานรางวัล”

มีนางเริมต้น พระสนมอีกสามคนทีเหลือก็สงคนมอบ

ของขวัญ

2
เสียนเฟยลุกขึนพร้อมรอยยิม ถือหยกทีสลักลายมงคลไว้
สามชิน สวมให้เด็กทังสามด้วยตนเอง “สกุลเซียวมี
วาสนาเช่นนี ช่างน่ายินดียงนั
ิ ก”

นางเยียนเสียนเฟย ย่าของนางเป็ นคนตระกูลตูก๋ ู มี


ความสัมพันธ์เป็ นญาติกบั แม่สามีของหรันเหยียน ขณะ
เดียวกับทีนางอุม้ ชูสกุลเยียน ก็ไม่ลืมอาศัยความ
สัมพันธ์นีดึงสกุลตูก๋ แู ละสกุลเซียวมาเป็ นพวก สตรีอรชร
ทีดูแล้วอ่อนแอผูน้ ี ไม่ธรรมดาอย่างภาพลักษณ์ภายนอก

สนมของหลีซือหมินมีใครบ้างทีธรรมดาเล่า

3
หรันเหยียนอมยิม เอ่ยขอบคุณ อดมองซูเฟยแวบหนึงไม่
ได้ สตรีสงู สง่านางนี นังไร้ตวั ตนอย่างสินเชิงอยูท่ ีนัน
ยากจินตนาการได้วา่ นีคือบุตรีของฮ่องเต้สยุ หยางตี
มารดาแท้ๆ ของหลีเค่อ

หรันเหยียนเพิงถอยกลับไปนังที ก็มีขนั ทีผหู้ นึงรีบเดิน


เข้ามา ยืนอยูเ่ บืองหน้าทีนังประธาน ก่อนกล่าว “พระ
สนมพ่ะย่ะค่ะ ฝ่ าบาทให้บา่ วนําความมา เชิญเหล่าสนม
และฮูหยินทุกท่านไปชมดอกไม้ไฟในอุทยาน”

“ได้” เหวยกุย้ เฟยมองไปรอบๆ ก่อนกล่าว “คิดว่าทุก


ท่านอยูใ่ นห้องคงเบือแล้ว ออกไปชมดอกไม้ไฟ ไม่แน่
อาจโชคดีได้ยินเหล่าขุนนางร่ายกลอน”

4
หรันเหยียนมองรอบกาย ทุกคนสีหน้ายินดีปรีดา แต่เธอ
อยูใ่ กล้กบั นางตูท้ ีสุด มองออกว่ารอยยิมไม่ถงึ ก้นบึง
ของดวงตา

จําต้องบอกว่า ทีเรียกว่างานเลียงในวังหลวง ความจริง


เป็ นกิจกรรมทีน่าเบือยิง ไม่เหมือนกับงานเลียงส่วนตัว
เพราะกฎเกณฑ์ประเพณี การร้องรําส่วนใหญ่ทีแสดง
เป็ นดนตรีขนสู
ั ง คําพูดทีกล่าวล้วนสวยหรู ผูจ้ ดั งานเลียง
ก็ไม่จาํ เป็ นต้องจัดการแสดงให้สนุกสนานเท่าใด
ทุกอย่างต้องเหมาะสมกับธรรมเนียมและมารยาท

ทว่าสตรีตา้ ถังมักค้นพบความสนุกสนานในงานเลียงที
แห้งแล้งเสมอ เช่นพวกนางมีไมตรีตอ่ ท่าน ท่าทางคล้าย
5
ชืนชอบมาก แต่ไม่จาํ เป็ นต้องชอบจริงๆ และไม่จาํ เป็ น
ว่าต้องมีเจตนาร้ายใด ไม่แน่อาจได้ยินข่าวลือของท่าน
จากในตรอก วิงมาดูตวั เอกของข่าวลือ เลียบๆ เคียงๆ
ถามข้อมูลเรืองซุบซิบใหม่ๆ

ดังนันหากอยูด่ ีๆ ก็กลายเป็ นเป้าสายตาในงานเลียง


หลังพวกนางกลับบ้าน ต้องคิดทบทวนว่าช่วงนีตน
เองกระทําเรืองไม่เหมาะสมใดบ้าง

แต่หรันเหยียนไม่เคยมีเรืองกลัดกลุม้ เช่นนี แต่ไหนแต่ไร


เธอก็อยูข่ องเธอ คนอืนพูดก็ให้คนอืนพูด

เหล่าฮูหยินแต่งตังพากันลุกขึนเงียบๆ รอจนพวกเหวย

6
กุย้ เฟยเดินก่อน จึงออกไปตามลําดับ

เพราะการห้ามออกนอกเคหสถานยามวิกาล ยุคถังจึงมี
งานเลียงกลางคืนไม่มาก มีเพียงตอนเทศกาลพิเศษ
ประตูตรอกจะเลือนเวลาปิ ด พบงานเฉลิมฉลองใหญ่ ก็
เปิ ดทังคืนเป็ นบางคราว มองเห็นดวงจันทร์ดาราอ่อน
แสง โคมไฟเป็ นแถวๆ สว่างไสว ทุกคนสนุกสนานกัน
มาก หัวเราะพูดคุยตลอดเวลา ทังไม่ดาํ เนินตามขัน
ตอนอย่างเคร่งครัด

สตรีสวมชุดหรูฉวินสีแดงอ่อนเดินมาถึงข้างกายหรันเหยี
ยน หัวเราะก่อนกล่าว “ฮูหยินยังจําข้าได้หรือไม่”

7
สตรีนางนันท่าทางอายุสบิ เจ็ดสิบแปดปี กลับยังทําผม
ทรงสาวน้อย สดใสงดงาม

“คุณหนูตกู๋ ”ู หรันเหยียนค้อมศีรษะน้อยๆ ทักทาย

หรันเหยียนพบตูก๋ หู ลันเยียนสองครัง ไม่มีความประทับ


ใจลึกซึงในตัวนาง เพียงจําได้วา่ นางมีความสัมพันธ์ไม่
เลวกับองค์หญิงปาหลิง ดังนันจึงพานรูส้ กึ ไม่ดีตอ่ นาง

ตูก๋ หู ลันเยียนคล้ายไม่เห็นความเย็นชาของหรันเหยียน
กล่าวต่อ “บุตรธิดาของฮูหยินงดงามจริงๆ เมือครูใ่ นงาน
เลียงข้าเห็นท่าทางขยับแข้งข้าของคุณชายน้อย ชวนให้
เอ็นดูจริงๆ”

8
มารดาทุกคนชอบให้ผอู้ ืนกล่าวชมบุตรตนเอง ก็เหมือน
สตรีทกุ คนชมชอบให้ผอู้ ืนชมว่านางมีรสนิยมหรืองดงาม
แต่เห็นได้ชดั ว่าหรันเหยียนไม่หลงกล “จริงหรือ ขอบ
คุณ”

ตูก๋ หู ลันเยียนรูว้ า่ หรันเหยียนไม่ชอบตนเอง แต่เดิมทีนาง


คิดว่า ไม่วา่ อย่างไรภายนอกหรันเหยียนต้องแสดงท่าทีที
ดี ขอเพียงยอมพูดกัน เรืองก็มีจดุ ผกผัน แต่สถานการณ์
เช่นตอนนีอึดอัดอยูบ่ า้ ง

“ข้าคิดว่า” หรันเหยียนไตร่ตรอง ใจคิดว่าไม่จาํ เป็ นต้อง


แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อสกุลตูก๋ เู กินไป จึงกล่าวเสียงอ่อน
ลง “ทําเรืองผิดคุณธรรมมาก สักวันต้องได้รบั ผลกรรม
9
เรืองไม่ดีบางเรืองในเมือมีบทสรุปแล้ว จะให้ดีควรยอม
รับด้วยใจสงบ มิฉะนันไม่แน่วา่ อาจแลกมาด้วยผลสุด
ท้ายทีอเนจอนาถยิงกว่าเดิม คุณหนูตกู๋ เู ป็ นคนมี
คุณธรรมนําใจ แต่บางครังก็ตอ้ งดูวา่ คุม้ ค่าหรือไม่ คุณ
หนูตกู๋ วู า่ ถูกไหม”

ตูก๋ หู ลันเยียนนิงเงียบ หลังจากบิดาจากไป ครอบครัวตูก๋ ู


ก็ไม่เหมือนก่อน โลกนีล้วนแล้งนําใจ นางไม่หวังอะไรแต่
แรก องค์หญิงปาหลิงดีกบั นางเหมือนพีน้อง ตอนนีถูก
กักบริเวณอยูใ่ นบ้าน เป็ นไปได้อย่างยิงว่ากักบริเวณ
ตลอดชีวิต นางเพียงไม่อยากไร้นาใจดั
ํ งคนอืนๆ ไม่เคย
คิดว่าคุม้ ค่าหรือไม่

“หลันเยียนน้อมรับคําสังสอน” ตูก๋ หู ลันเยียนค้อมกาย


10
เล็กน้อย แต่ไม่รูว้ า่ รับฟั งหรือไม่ หันกายไปข้างทาง ก่อน
ถอยไปด้านหลัง

สถานทีชมดอกไม้ไฟเป็ นพืนทีโล่งในอุทยาน ทังสีด้านจัด


ตังฉากบังลมไว้ โคมไฟยกสูง แกว่งไกวตามแรงลม ทว่า
เป็ นภาพทีงดงามยิง

ก่อนหรันเหยียนเข้าไปเรียกขันทีมาคนหนึง มอบสิงของ
เป็ นรางวัล ขอให้เขานําความหลายประโยคไปบอกเซียว
ซ่งทีด้านของขุนนาง

เข้าไปในพืนทีทีล้อมฉากบังลมไว้ ทุกคนหาทีนัง เปิ ด


ฉากสนทนากัน

11
“คุณชายน้อยทังสองกับคุณหนูเล็กน่ารักน่าชังจริงๆ”
พลันมีเสียงหัวเราะอย่างชืนชมของสตรีนางหนึงดังทีข้าง
กายหรันเหยียน

สตรีนางนีอายุประมาณสามสิบ แต่งตัวค่อนข้างโบราณ
แต่เครืองหน้าทังห้าซือสัตย์ คิวโค้ง ดูทา่ ทางใจดีและ
อ่อนโยนมาก

หรันเหยียนคารวะ ยังไม่ทนั อ้าปากถามฐานะ สตรีนาง


นันก็กล่าวว่า “ข้าคือนางเซีย สามีเป็ นคนสกุลหลี”

ขุนนางแซ่หลีทีหรันเหยียนรูจ้ กั มีเพียงหลีจิงทีอยูบ่ า้ น

12
ว่างๆ และหลีจีเจ้ากรมกลาโหม หรันเหยียนเห็นชุดไก่ฟา้
ของนางระดับขันไม่สงู นัก แต่กล่าววาจากับเธอโดยไม่
หวันเกรงสักนิด ครอบครัวหลีจิงไม่มีสะใภ้ทีอายุ
ประมาณนาง จึงเดาว่า “หรือว่าท่านคือคนในครอบครัว
ของท่านเจ้ากรมกลาโหม”

“นันคือพ่อสามีขา้ ” นางเซียกล่าว

นางเซียดูออกว่าหรันเหยียนคุยไม่เก่ง จึงหาหัวข้อ
สนทนาเอง ถือโอกาสเลียบเคียงถามเรืองสกุลหรันไร้
นําใจต่อบุตรีสกุลเจิง หรันเหยียนก็เปิ ดเผยความทุกข์
บางอย่างเป็ นการไว้หน้า

13
บรรดาสตรีสงู ศักดิทีอยูด่ า้ นข้างดูคล้ายต่างคนมีธุระ
ความจริงล้วนเงียหูฟังบทสนทนาทางด้านนี นีเป็ นข่าว
จากต้นตอ จะพลาดได้อย่างไร!

ผ่านไปเพียงไม่นาน ขันทีผนู้ นกลั


ั บมา นางเซียเห็นขันที
มาหาหรันเหยียน จึงปลีกตัวไปอย่างรูม้ ารยาท

ขันทีกล่าวเสียงเบา “ฮูหยิน เหล่าขุนนางรวมตัวกันใน


ท้องพระโรงหารือข้อราชการ บ่าวเข้าไปไม่ได้”

หรันเหยียนใจหายวาบ ไม่ใช่บอกว่าดูดอกไม้ไฟหรอก
หรือ เหตุใดพลันปรึกษาข้อราชการ สถานการณ์เช่นนี
เห็นชัดๆ ว่าเกิดเรืองใหญ่!

14
“เจ้าได้ข่าวอะไรบ้างหรือไม่ เหตุใดปรึกษาราชการกันใน
เวลานี” หรันเหยียนถาม

ขันทีกม้ หน้าว้าวุน่ กล่าว “บ่าวไม่รู”้

พร้อมเสียงของเขา เพียงได้ยินเสียง ‘ปั ง’ ดอกไม้ไฟแบ่ง


บานกลางนภา

ตามด้วยดอกทีสอง ดอกทีสาม ท้องฟ้ายามราตรีมืดครึม


งดงามคล้ายผืนผ้าปั ก ใจหรันเหยียนเต้นเป็ นจังหวะตาม
เสียง ‘ปั ง’ ‘ปั ง’ อย่างหวาดกลัวอยูบ่ า้ ง

15
หรันเหยียนตรึกตรอง ก่อนถามเสียงเบา “รัชทายาท...
อยูใ่ นท้องพระโรงด้วยหรือไม่”

ขันทีลงั เลครูห่ นึง ใจคิดว่ารับรางวัลไปแล้วกลับไม่มีข่าว


มาเปิ ดเผยสักนิด กลัวจะเป็ นการล่วงเกินสตรีสงู ศักดิ
ท่านนี เมือคิดอีกว่าข่าวทีเขากําลังจะบอกก็ไม่ใช่ความ
ลับ เพียงแต่ในฐานะบ่าวกล่าวเรืองนี จะลําเส้นไปบ้าง
จึงลดเสียงจนเบายิง “เรียนฮูหยิน หลังจากอันจินเสีย
ชีวิต รัชทายาทก็ไม่เข้าประชุมอีกเลย ทังยังปฏิเสธพบ
ฝ่ าบาทด้วย”

หรันเหยียนพิศวงงงงวยทันที หรือว่าประวัติศาสตร์
เปลียนไปแล้ว?

16
ตอนที 433 องครักษ์

กษัตริยแ์ ละขุนนางในยุคต้าถัง มีทีเลือดร้อนบุกตะลุย


โจมตีขา้ ศึก มีทีเยือกเย็นสุขมุ แย้มยิมสนทนาแม้ยาม
เพลิงไหม้ในสงคราม ต่อให้ตอนนีเกิดสงครามทีชายแดน
ก็ไม่แน่จะตึงเครียดเหมือนในยามนี หรันเหยียนเดาว่า
กว่าครึงเป็ นเรืองเกียวกับรัชทายาท

ในบันทึกประวัติศาสตร์ หลีเฉิงเฉียนก่อกบฏในปี ทีสิบ


เจ็ดรัชศกเจินกวาน หรือจะเกิดขึนก่อนเวลา

หลีเค่อ? หรันเหยียนไม่ได้ยินว่าเขามีความเคลือนไหว
ใหม่นานแล้ว ก่อนหน้านีถูกปลดจากตําแหน่งเพราะล่า
สัตว์มากเกินไป อยูท่ ีฉางอันระยะหนึง ก็ไปทีเขต
1
ปกครองทีดินศักดินา หลีซือหมินยังคงชืนชมเขา ทว่าไม่
โปรดปรานเช่นหลีไท่ อ๋องทีโตเต็มวัยแล้ว ยังพํานักอยูใ่ น
ฉางอันก็มีเพียงหลีไท่คนเดียว

“ฝ่ าบาทมีราชโองการ” เสียงแหลมเสียงหนึงพลันดังมา

ดอกไม้ไฟบนท้องฟ้ายังส่งเสียงดังปั งๆ ไม่หยุด ใน
อุทยานกลับมีเพียงเสียงเสือผ้าเสียดสีกนั ทุกคนค้อม
กายรอฟั งราชโองการ

"ซีอวีส่งบรรณาการชุดใหม่มาเป็ นผลไม้ชนดี
ั ขอแบ่งปั น
กับเหล่าขุนนางและภรรยา" ขันทีกล่าวเสียงดัง

2
ทุกคนกล่าวพร้อมเพรียงกัน "ขอบพระทัยในพระกรุณา"

ขันทีปรบมือสังนางกํานัลยกผลไม้มา บรรยากาศใน
อุทยานจึงคึกคักขึน

ผลไม้ซีอวีในตลาดฉางอันส่วนใหญ่ปลูกในฉางอัน แม้รส
ชาติจะแตกต่างกันบ้าง แต่องุ่นปลูกให้เป็ นส้มไม่ได้

แม้ผลไม้ซีอวีแท้ๆ ไม่ใช่ของหายาก แต่ราคาแพงลิบลิว


เพราะสถานทีเพาะปลูกผลไม้อากาศร้อนอบอ้าว ระยะ
ทางก็ไกล ผลไม้เช่นองุ่น ขณะทีหมายรับประกันว่ามัน
จะไม่เน่าระหว่างทางยังต้องรักษาความสดใหม่เต็มที
จําเป็ นต้องจ่ายค่าตอบแทนสูงในการขนส่ง ในราชสํานัก

3
ก็ใช่วา่ ทุกคนจะเสพไหว

ได้กินผลไม้ของซีอวี ชมดอกไม้ไฟ น่าดีอกดีใจทีสุด

ความสนใจของหรันเหยียนกลับติดตามขันทีผปู้ ระกาศ
ราชโองการตลอด เมือไปถึงตําแหน่งประธาน ขันทีคอ้ ม
กายกระซิบกับเหวยกุย้ เฟยหลายประโยค สีหน้าเหวยกุย้
เฟยนิงงันอยูบ่ า้ ง

จุดดอกไม้ไฟเป็ นเวลาประมาณจิบชาสองถ้วย ทุกคนยัง


สนุกไม่คลาย จึงเสนอความเห็นให้คณ
ุ หนูทกุ ครอบครัว
แสดงฝี มือทางศิลปะ

4
การแสดงฝี มือทางศิลปะนี สตรีทีอยูใ่ นหอห้องเล่นเพือ
ความสนุกสนาน ผูอ้ ืนยังจะชมเชยอีกว่าทังสวยทังเก่ง
แต่เป็ นภรรยาผูค้ น โดยเฉพาะเป็ นสตรีสงู ศักดิ
ต้องกระทําเรืองทีเหมาะสมกับฐานะ อยูบ่ า้ นจะทําอะไร
เป็ นอิสระก็ยอ่ มได้ แต่จะแสดงฝี มือไร้ระดับต่อหน้าผูอ้ ืน
ไม่ได้เด็ดขาด การเดินหมาก ต่อกลอนเป็ นครังคราวยัง
พอทําเนา

เสียงพิณดังแว่วมา หรันเหยียนเงยหน้ามองแวบหนึง ไม่


รูค้ ณ
ุ หนูบา้ นใดกําลังดีดพิณ

หนึงเพลงจบลง เสียงชมเชยดังในกลุม่ คนทันที

5
“ได้ข่าวว่าสตรีซโู จวส่วนมากทังงดงามทังมีฝีมือ เซียนเห
ลียงฮูหยินวิจารณ์ฝีมือบรรเลงพิณของคุณหนูฉินดีหรือ
ไม่” พลันมีคนกล่าว

หรันเหยียนมองตามเสียงไป คนทีกล่าววาจาเมือครูค่ ือ
สตรีอายุประมาณสีสิบ รูปร่างผอมแห้ง แป้งหนาปกปิ ด
ใบหน้าเหลืองอับเฉาได้ไม่มิด คิวงามละเอียดเชิดขึน ริม
ฝี ปากบางเฉียบ

สังเกตจากรายละเอียดและพฤติกรรม เป็ นไปได้มากว่า


สตรีนางนีมีชีวิตแต่งงานไม่สขุ สมบูรณ์ หรือเป็ นหญิง
ม่าย

6
คนส่วนมากอยากดูความครึกครืน สายตาทังหมดจับ
จ้องอยูท่ ีเธอ การแต่งงานของหรันเหยียน เป็ นทีจับตา
มองตังแต่แรก กระทังบ่อนพนันใต้ดินยังนําไปพนัน
เดิมพันว่าเธอจะมีชีวิตรอดกีวัน นอกจากญาติมิตรคน
ใกล้ชิด ไม่มีใครในฉางอันไม่ชะเง้อชะแง้เฝ้ารอผล ทว่า
เธอมิเพียงไม่ตาย ยังจัดการบุรุษผูโ้ ดดเด่นเช่นเซียวซ่ง
จนอยูห่ มัด หลังแต่งงานชีวิตมีความสุขสมบูรณ์ นีจะทํา
ให้คนเฝ้าดูความครึกครืนพอใจได้อย่างไร

ในความเงียบ หรันเหยียนกล่าวอย่างผ่าเผยว่า “ขออภัย


ข้าไม่เข้าใจเรืองศิลปะ”

“เซียนเหลียงฮูหยินอย่าได้ถ่อมตัวเด็ดขาด” นําเสียงสตรี
ผอมแห้งนางนันระคนเสียงหัวเราะทีแทบสังเกตไม่ออก
7
หรันเหยียนมองไปทางนางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “มารดา
ข้าคือบุตรีสกุลเจิง รูม้ ารยาทประเพณีเป็ นอย่างดี เล่น
พิณ เดินหมาก เขียนหนังสือ วาดภาพ แต่งกลอน ร้อง
เพลง มิมีสงใดไม่
ิ ชาํ นาญ ทว่าหลังแต่งงานประสบ
เคราะห์ ตอนท่านจากไปข้ายังเด็ก แต่ยงั จํากลอนบท
หนึงทีท่านทิงไว้ก่อนตายได้ขนใจ
ึ ทังยังบอกแม่นมว่าไม่
จําเป็ นต้องเข้มงวดเรืองฝี มือด้านศิลปะของข้ามากไป
เพราะเหตุนี ตอนนีข้าจึงเป็ นเพียงคนธรรมดาทีไม่เข้าใจ
เรืองบทเพลงบทกวี”

“อ้อ? ไม่รูว้ า่ กลอนทีมารดาท่านทิงไว้คือ…” เหวยกุย้ เฟย


ถามอย่างสนใจอยูบ่ า้ ง

8
ในชีวิตแต่งงาน ฝี มือด้านศิลปะใช้เพือสร้างความบันเทิง
แก่สามีได้ ยิงกว่านันยามเป็ นหญิงสาวหากมีชือเสียง ก็
หาคูค่ รองได้ง่าย มีมารดาคนไหนไม่คิดให้บตุ รีได้แต่ง
งานกับครอบครัวดีๆ

หรันเหยียนกล่าว “แต่งงานครบสามวัน เข้าครัวทํา


อาหาร ไม่รูใ้ จแม่สามี ให้นอ้ งสามีลองลิมก่อน”

กลอนสันๆ ‘เจ้าสาวคนใหม่’ (กลอนทีกล่าวถึงความรูส้ กึ


ของลูกสะใภ้ยามเพิงแต่งเข้าบ้านสามี สภาพความจริง
แห่งความยากลําบากของการเป็ นลูกสะใภ้ แต่งโดยนัก
ประพันธ์สมัยราชวงศ์ถงั หวังเจียน) วาดเค้าโครงเจ้า
สาวทีฉลาดหลักแหลมคล่องแคล่วออกมา หรันเหยี
ยนใช้ ณ ทีนี เพือบอกเป็ นนัยว่าเมือแต่งเข้าบ้านสามี
9
แล้ว ความจริงการเอาใจใส่คนในครอบครัวยิงสําคัญ
กว่า

ในความทรงจําทีเหลือเพียงน้อยนิดของหรันเหยียน ก่อน
เจิงฮูหยินเสียชีวิตเคยถอดทอนใจด้วยเรืองนีจริงๆ ทว่า
ไม่เคยบอกสิงเหนียงว่าห้ามสอนวิชาศิลปะและมารยาท
ประเพณี มิฉะนันคงไม่ปรากฏหรันสิบเจ็ดผูจ้ มจ่อมอยู่
กับบทกลอนตัดพ้อในหอห้อง

หรันเหยียนไม่หมายขโมยใช้กลอนของผูอ้ ืน แต่เพือแก้
ปั ญหาตลอดไป เธอจึงไร้ยางอายสักครา หลีกเลียงไม่
ต้องรับมือกับปั ญหายุง่ ยากใจเช่นนีทุกครัง

10
เงียบงันกันไปหมด

“อดีตทีโศกเศร้า ทําลายความสุนทรียข์ องพระสนมและ


ฮูหยินทุกท่าน ข้าผิดไปแล้ว” หรันเหยียนค้อมกายกล่าว

ทุกคนคารวะตอบ มีคนตอบแค่ไม่กีคน

เหวยกุย้ เฟยยิมน้อยๆ ก่อนกล่าว “เป็ นทุกข์ตาม


บรรยากาศ ยากหลีกเลียงสะท้อนใจ บทเพลงปลอบใจ
คนได้ ฤดูใบไม้รว่ งทีงดงามเช่นนีสมควรทําเรืองดีๆ พวก
เราน่าจะเชิญคุณหนูฉินบรรเลงเพลงทีสดใสสักเพลง ปั ด
เป่ าอารมณ์โศกในวันเศร้า ทุกท่านคิดว่าอย่างไร”

11
“กุย้ เฟยกล่าวถูกต้อง” เสียนเฟยเห็นด้วย

คนทีเหลือต่างรูส้ กึ ว่าความคิดนีดี บรรยากาศจึงค่อยๆ


ครึกครืนขึน ดวงตาเปี ยมการรอคอยของทุกคนจับจ้อง
คุณหนูฉินเป็ นตาเดียว นางคารวะอย่างเอียงอาย
บรรเลงพิณตามคําขอ

ฟั งอยูค่ รูห่ นึง หรันเหยียนลุกขึนไปเข้าห้องนํา ขอให้นาง


ตูช้ ่วยดูแลเด็กๆ ก่อนจากไปกําชับหวันลวีกับแม่นมอีก
สองคนยกใหญ่ ห้ามไม่ให้ไปจากทีนีแม้สกั ครึงก้าว เด็ก
ทังสามดูความรืนเริงกินองุ่น ไม่มีเวลาตามติดเธอ

ห้องนําอยูห่ า่ งจากทีนีเพียงระยะทางสันๆ มีนางกํานัลชี

12
ทาง

หรันเหยียนฉวยโอกาสกวักมือเรียกขันทีคนเมือครู ่ ขอให้
เขานําความไปบอกเซียวซือหลางทีท้องพระโรงอีกครัง
จุดประสงค์ของเธอไม่ธรรมดาเพียงส่งข่าว แต่อยากรูว้ า่
ขุนนางยังปรึกษากันอยูห่ รือไม่

นางกํานัลนําหรันเหยียนไปถึงห้องนํา หรันเหยียนเพิง
เข้าไปไม่นาน ขันทีผนู้ นก็
ั รบี วิงกลับมา ทว่าไม่ได้มาหา
หรันเหยียน แต่รบี ก้มหน้าก้มตาเข้าไปในกระโจม มุง่
หน้าไปหาเหวยกุย้ เฟย

องครักษ์พบเห็น รีบกวัดแกว่งดาบขวางทางไปของเขา

13
ตวาดว่า “มาจากตําหนักไหน ไม่รูจ้ กั กฎเกณฑ์ถงึ เพียง
นี”

ข้างกายกุย้ เฟย ใช่วา่ ใครอยากเข้าใกล้ก็เข้าใกล้ได้

“บ่าวเป็ นขันทีตาํ หนักหลินเต๋อ มีเรืองด่วนรายงาน” ขันที


กล่าวอย่างร้อนรน

“ยืนรายงานตรงนี” เพราะมีงานเลียงองครักษ์จงึ ถูกย้าย


มาจากทีอืนเพือเฝ้ารักษาการณ์ เป็ นไปไม่ได้ทีจะรูจ้ กั
ขันทีทกุ คนทีนี ผูไ้ ม่อาจยืนยันฐานะทังมีทา่ ทางน่าสงสัย
ย่อมไม่อาจให้เขาเข้าใกล้ผสู้ งู ส่ง

14
เหวยกุย้ เฟยบนทีนังประธานเห็นขันทีรอ้ นรนดังไฟเผา
ทว่าไม่ยอมพูด จึงโบกมือสังให้เน่ยซือข้างกายไปเป็ นคน
ถ่ายทอดคําพูด

เน่ยซือผูน้ นเดิ
ั นเข้าไปใกล้ ขันทีกระซิบบอกเขาหลาย
ประโยค หรันเหยียนเห็นสีหน้าเขาแปรเปลียน รีบเร่ง
ฝี เท้าเดินไปข้างกายเหวยกุย้ เฟย

หรันเหยียนอยูใ่ นห้องนําไม่รูว้ า่ ตรงนีเกิดอะไรขึน ทว่าได้


ยินเสียงฝี เท้าพร้อมเพรียงกันดังขึน เธอจัดเสือผ้าให้
เรียบร้อย หลังนางกํานัลปรนนิบตั ิลา้ งมือเสร็จ เธอก็ไม่
รีบร้อนออกจากห้อง ทว่าแอบมองผ่านซอกหน้าต่าง

15
ในแสงจันทร์กระจ่าง เห็นองครักษ์หลายร้อยนายเดิน
ผ่านไปชัดเจน

หรันเหยียนรอจนพวกเขาเดินไปช่วงหนึง จึงตามออกไป

16
ตอนที 434 เข่นฆ่าในชัวพริบตา (1)

หรันเหยียนหลบหลังต้นไม้ เห็นพวกเขาล้อมอุทยานไว้
อย่างรวดเร็ว

"บังอาจ พวกเจ้าร้อยคนบุกตําหนักยามวิกาล มีปา้ ยคํา


สังหรือไม่" อวีหลินเว่ยจงหลางเจียง (ตําแหน่งขุนนางบู๊มี
หน้าทีควบคุมดูแลทหารองครักษ์ในวัง) ถามด้วยความ
สงสัย องครักษ์พากันชักดาบออกมา เตรียมพร้อมรับมือ
ศัตรู

"เก็บอาวุธ พระสนมทุกพระองค์และเหล่าฮูหยินมีฐานะ
สูงส่ง ข้าไม่อยากพลังมือทําร้ายใคร" เสียงกล่าวเนิบๆ

1
ดังแว่วมา

บุรุษชุดขุนนางสีแดงผูห้ นึงเดินช้าๆ ออกมาจากกลุม่ คน

เขาหันหลังให้หรันเหยียนพอดี มองไม่เห็นว่าเป็ นใครกัน


แน่ แต่ได้ยินอวีหลินเว่ยจงหลางเจียงกล่าวอย่างตกใจว่า
"เซียงหยางจวินกง!"

หรันเหยียนตกใจ ตูเ้ หอราชบุตรเขยตูเว่ยเป็ นบุตรคนรอง


ของตูห้ รูฮ่ยุ แต่งงานกับองค์หญิงเฉิงหยาง ได้รบั พระ
ราชทานบรรดาศักดิเป็ นเซียงหยางจวินกง! หรันเหยี
ยนจําได้รางๆ ว่าเคยเห็นคํากล่าวทีตูเ้ หอกล่าวกับหลี
เฉิงเฉียนจากบันทึกประวัติศาสตร์เล่มใดเล่มหนึง หรัน

2
เหยียนจําคําพูดดังเดิมไม่ได้ เนือหาโดยรวมคือ : ข้าหา
คนคํานวณแล้ว ตอนนีเป็ นโอกาสทีพระองค์จะครอง
บัลลังก์ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบนั ขึนเป็ นไท่ซงหวง

นีชัดเจนว่าเป็ นการยุยงให้หลีเฉิงเฉียนก่อกบฏ

หรันเหยียนคิดว่า การคาดเดาของตนคงกลายเป็ นเรือง


จริง

"จงหลางเจียงโปรดสังลูกน้องให้เก็บอาวุธ" ตูเ้ หอจ้องอ


วีหลินเว่ยจงหลางเจียงอย่างเย็นชา ยกมือเล็กน้อย
องครักษ์รอบด้านก็ขนสายธนู
ึ เล็งตรงไปทีเหล่าสตรีภาย
ในฉากบังลม

3
คนเหล่านีอยูห่ า่ งจากอวีหลินเว่ย (หนึงในกองกําลัง
รักษาพระองค์) ไม่ถงึ สองจัง แต่หากอวีหลินเว่ยบุกเข้า
ไป พวกเขามีเวลายิงธนูอย่างน้อยหนึงดอกแน่นอน มี
ใครรับประกันได้ ธนูเหล่านียิงเข้าไปจะไม่ทาํ ร้ายสนม
และฮูหยินทังหลาย? เพราะเหตุนีอวีหลินเว่ยไม่กล้า
บุม่ บ่าม แต่ไม่มีคาํ สังจากเบืองบน ใครก็ไม่กล้าวาง
อาวุธ

หรันเหยียนจับชายกระโปรงแน่น ลูกๆ ทังสามยังอยูข่ า้ ง


ใน!

"อูอู ---"

4
ขณะหรันเหยียนกําลังคิดหาวิธีอย่างรวดเร็ว พลันได้ยิน
เสียงทึบมาจากด้านหลัง

เธอหันหน้าไปมองตามสัญชาตญาณ ผ่านใบไม้ทีแห้ง
เหียวหร็อมแหร็ม เพียงเห็นบุรุษชุดดําสองคนปิ ดปากวัย
รุน่ สองคนไว้ลากไปอีกด้าน ตอนนีหรันเหยียนกระทังลูก
ตนเองยังยากปกป้อง ความจริงไม่หมายยุง่ เรืองชาว
บ้าน ทว่าเมือกวาดตามองไป พอดีสบตากับดวงตาดอก
ท้อคูน่ นั

คืออูเ่ ม่ยเหนียง!

5
ตอนนีอูเ่ ม่ยเหนียงเป็ นเพียงไฉเหรินเล็กๆ ในวังหลวงทีมี
โฉมสะคราญรวมตัวกันดังเมฆา หน้าตาไม่จดั ว่างดงาม
ทีสุด ทังไม่มีพืนเพทียิงใหญ่และไม่มีความโปรดปราน
มากมาย สมควรไม่มีใครมุง่ ร้ายนาง ถูกจับ ต้องเพราะ
พลอยติดหลังแห หรันเหยียนครุน่ คิด ทีคนชุดดําหมาย
จัดการคือ...หลีจือ!

ทันใดนัน หรันเหยียนใจหายวูบ หลีเฉิงเฉียนก่อกบฏล่วง


หน้า หากหลีจือกับอูเ่ ม่ยเหนียงตาย อนาคตจะเป็ นเช่น
ไร

เรืองทียังไม่รูย้ อ่ มน่ากลัว สิงทีทําให้คนหวาดกลัวทีสุด


คือ เรืองทีรูอ้ ยูแ่ ล้วกําลังจะกลายเป็ นไม่รู!

6
หรันเหยียนหมุนกาย เห็นฮูหยินทุกคนในฉากบังลมลุก
ขึนยืน พวกนางนําเด็กๆ และสตรีทีไม่มีแรงแม้ฆา่ ไก่ปก
ป้องไว้ตรงกลาง คนทียืนอยูร่ อบนอกมีบา้ งทีผมเผ้า
หงอกขาว แต่บนร่างคือความองอาจทีเกิดจากสายเลือด
ในกาย

คุมเชิงกันอยูน่ าน อวีหลินเว่ยจงหลางเจียงหลังเหงือเต็ม
หน้าผาก เขาชังใจอยูค่ รูห่ นึง คนเหล่านีก่อกบฏ ต้อง
หมายจับเหล่าสตรีเพือข่มขู่ขนุ นาง ในระยะเวลาสันๆ คง
ไม่เกิดอะไรขึน จึงกล่าว "วางอาวุธ"

"ผูใ้ ดกล้าวางอาวุธ!" อวีหลินเว่ยกําลังจะวางอาวุธลงพืน


เสียงแก่เฒ่าเสียงหนึงพลันกล่าวอย่างโกรธเคืองจากใน
7
ฉากบังลม "วันนีข้าจะขอดู คนขีขลาดใดมีหน้าวาง
อาวุธ!"

เสียงไม้เท้าเคาะพืนอย่างแรง ทําให้ใจทุกคนตึงเครียด

หรันเหยียนมองตามเสียง เห็นคนกล่าววาจาผูน้ นั คือฮูห


ยินผูเ้ ฒ่าหลีแห่งเรือนสกุลเจิง --- ผูเ้ ป็ นเสนาธิการของ
องค์หญิงผิงหยางในตอนนัน และฮูหยินผูเ้ ฒ่าอีกหลาย
คนทียืนอยูข่ า้ งกายนาง ล้วนล้มลุกคลุกคลานผ่านสนาม
รบมาทังสิน

เหวยกุย้ เฟยเอือนเอ่ย "ทัพกบฏหมายจับพวกเราเป็ นตัว


ประกัน ทุกท่านในฐานะฮูหยินแต่งตังแห่งต้าถัง สิงที

8
ต้องทําคือ ไม่อาจเป็ นตัวถ่วงสามี ข้าจะร่วมเป็ นร่วมตาย
กับทุกท่าน!"

เหวยกุย้ เฟยเดินหน้าหนึงก้าว ยืนอยูน่ อกวงล้อม

ไม่มีใครออกเสียงคล้อยตาม เพราะฮูหยินแต่งตังทุกคน
คิดเห็นเช่นเดียวกัน สตรีตา้ ถัง เป็ นสตรีเข้มแข็งมีเลือด
นักสู้

"ตูเ้ หอ เจ้าจะกบฏจริงหรือ" หญิงชราอายุหา้ สิบกว่านาง


หนึงจ้องหน้าเขาเขม็ง ท่าทางเช่นนัน คล้ายหมายถลก
หนังเลาะกระดูกเขา "เจ้าลูกอกตัญ !
ู "

9
นางเดินขึนหน้า กล่าวเสียงเย็นชา "ในเมือเรืองผิด
คุณธรรมเช่นการก่อกบฏก็ทาํ แล้ว ก็ยิงข้าให้ตายเสียสิน
เรือง สังหารมารดาเฒ่าของเจ้าเสีย!"

สตรีนางนันเป็ นมารดาของตูเ้ หอ

หรันเหยียนเห็นในอุทยานตึงเครียด รูว้ า่ ตอนนีตนเอง


ต้องตัดสินใจ ความจริงการเลือกทีสมเหตุสมผลเพียง
หนึงเดียว ก็คือรีบไปช่วยอูเ่ ม่ยเหนียง

สถานการณ์ตอนนี ทัพกบฏบุกรุกอุทยาน พิสจู น์วา่ ควบ


คุมในวังไว้ได้แล้ว อาศัยกําลังของเธอเพียงลําพังแม้
บุกออกไป ก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ อย่างมากก็แค่เพิมตัว

10
ประกันให้ศตั รูคนหนึง ฮูหยินทีอยูท่ ีนีทังกล้าหาญและ
ชาญฉลาดทุกคน ต้องเยือกเย็น...

หรันเหยียนลอบกล่าว ฮูหยินทุกท่าน ลูกข้ามอบให้พวก


ท่านแล้ว!

เธอกัดฟั น ยกชายกระโปรงขึน ค้อมกายย่องถอยไปจาก


ทางน้อย ติดตามไปยังทิศทางทีคนชุดดําเพิงจับตัวอูเ่ ม่ย
เหนียงและหลีจือไป

หรันเหยียนกลัวคนชุดดําทังสองจะลากอูเ่ ม่ยเหนียงและ
หลีจือเข้าไปในมุมละแวกนี เพราะเหตุนีจึงไม่กล้า
ติดตามกระชันชิดเกินไป เพียงพรางกายพร้อมสังเกต

11
ความเคลือนไหวรอบด้าน

โชคดีทีในวังเก็บกวาดใบไม้รว่ งทุกหลายชัวยามจึงไม่
เหยียบจนเกิดเสียง หรันเหยียนก้มหน้า เห็นทางศิลา
เบืองหน้าขาดตอน ทีเชือมกับทางเบืองหน้าคือสะพาน
ไม้ เธอลังเลอยูค่ รูห่ นึง ก่อนเดินตรงไปอย่างระมัดระวัง

ใบไม้ทีร่วงลงนําก่อให้เกิดคลืนเป็ นวงๆ รอบด้านเงียบ


สงบประหนึงปราศจากสิงมีชีวิต

“ช้าก่อน!” เสียงอูเ่ ม่ยเหนียงพลันดังแว่วมาจากในห้อง


“ข้าเป็ นลูกน้องอูอ๋ อ๋ ง! ชีวิตองค์ชายเก้า ท่านอ๋องของเรา
ต้องการ ไม่วา่ ใครส่งพวกเจ้ามา เป็ นปรปั กษ์กบั ท่าน

12
อ๋องเรามีแต่หนทางตายสถานเดียว!”

หรันเหยียนกลันหายใจ ไม่หยุดเดิน เขยิบเข้าใกล้อย่าง


ช้าๆ และแผ่วเบา

ยามเดินใกล้ถงึ ระเบียงทางเดิน หรันเหยียนยกเท้าชะงัก


ค้าง โชคดีทีหยุดทันกาล เบืองหน้าเป็ นไม้กระดานทีผุ
เล็กน้อย เห็นชัดๆ ว่าปกติทีนีเป็ นสถานทีเปลียวร้าง ไม่มี
ใครซ่อมแซม

ก้าวเดียวข้ามแผ่นไม้สองแผ่นนันไปได้แน่ กลัวแต่ขอ้ ต่อ


และร่องใกล้ๆ จะผุพงั แม้ขา้ มไปได้ก็เกิดเสียงเช่นเดียว
กัน

13
หรันเหยียนขมวดคิว หยิบขวดกระเบืองเล็กๆ สีแดงขวด
หนึงออกจากแขนเสือ เตรียมไว้เผือยามฉุกเฉิน เธอย่าง
เท้า ข้ามแผ่นไม้สองแผ่น เกิดเสียงเบาๆ ขึน หรันเหยี
ยนรีบยกอีกเท้าข้ามไป

จากนันไม่รบี เดินไปข้างหน้า แต่นงยองๆ


ั ลงทันที
หมอบอยูบ่ นพืน

คนในห้องได้ยินเสียง จึงมองผ่านซอกหน้าต่างออกมา
กลับมองไม่เห็นใคร

เมือครูเ่ สียงนันเบายิง ทังยังสันมาก ดังนันหรันเหยี

14
ยนเดาว่า แม้เป็ นคนระดับยอดฝี มือ คงไม่อาจแยกแยะที
มาได้ หรันเหยียนหมอบอยูบ่ นระเบียงทางเดิน ทีนีคือ
มุมอับของห้อง ขอเพียงพวกเขาไม่เปิ ดประตู ก็ไม่อาจ
เห็นเธอ

หรันเหยียนหยิบขวดกระเบืองสีฟา้ อีกขวดออกจากแขน
เสือ เทของเหลวข้างในผ่านเข้าซอกประตูชา้ ๆ ก่อนตน
เองกินยาเม็ดหนึง

ยาสลบประเภทนีสัมผัสอากาศไม่ถงึ ระยะจิบชาหนึง
ถ้วยก็ออกฤทธิ ก่อนหน้านีเคยใช้หนึงครังยามต่อกรกับ
หรันเหม่ยอวี ให้ผลไม่เลว นีเป็ นตัวยาทีปรับปรุงในเวลา
ต่อมา ฤทธิยาสมควรแรงขึน แต่แม้จะแรงขึน ห้องกว้าง
เช่นนีก็ไม่แน่วา่ จะทําทังสองสลบได้
15
ตอนที 434 เข่นฆ่าในชัวพริบตา (2)

หรันเหยียนหมอบอยูท่ ีพืนฟั งความเคลือนไหวด้านใน

“ในเมือจะสังหารองค์ชายเก้า ใครฆ่าก็เหมือนกัน” เสียง


ทุม้ ตําแหบพร่าเสียงหนึงกล่าว

เสียงหนึงแหวกฝ่ าอากาศมา หรันเหยียนตกใจ ทําท่าจะ


บุกเข้าข้างใน ก่อนได้ยินเสียงดังตุบ้ พร้อมเสียงสะอึก
ของหลีจือ

อูเ่ ม่ยเหนียงกล่าว “พวกเราต้องการสิงของบางอย่าง


1
จากองค์ชายเก้า ก่อนได้ของ หากพวกเจ้าสังหารเขา ก็
เป็ นศัตรูกบั ท่านอ๋องเรา!”

“พีชาย ไม่คอ่ ยถูกต้อง” อีกเสียงหนึงกล่าว

หรันเหยียนรูว้ า่ ยาเริมออกฤทธิ แต่ยงั ไม่ถงึ ขีดสุด ตอนนี


หากเธอบุกเข้าไปกลัวว่าจะไม่ใช่คตู่ อ่ สูข้ องบุรุษกํายํา
สองคน

“ช่วยด้วย!ช่วยด้วย!” อูเ่ ม่ยเหนียงพลันตะโกนดังลัน

หรันเหยียนรูว้ า่ ไม่อาจรอได้อีก สองคนนันต้องพบอะไร


แน่ คิดฆ่าคนให้เสร็จเรืองก่อน เธอรีบลุกขึน ทว่าถูก
2
ชายกระโปรงพันขา ด้วยความรีบร้อน จึงฉีกชายเสือเป็ น
ชันๆ ออกอย่างรวดเร็ว หนึงเท้าถีบประตูเปิ ด

คนข้างในตกตะลึงกับเสียงทีเกิดขึนกะทันหันชะงักไป
สองอึดใจ ฝุ่ นฟุง้ กระจายรอบด้าน หรันเหยียนหันหลังให้
แสง แยกแยะเพศไม่ออกชัวคราว

ฉวยโอกาสช่วงชะงักงันนี หรันเหยียนยกมือดึงเข็มเงิน
ออกจากมวยผมคีบไว้ในมือ หรีตามองสถานการณ์ใน
ห้องจนชัดเจน หลีจือถูกมัดไว้แน่นหนา ปากถูกอุดไว้
สองมือของอูเ่ ม่ยเหนียงถูกมัดไพล่หลัง เท้าทังสองก็ถกู
มัดไว้ง่ายๆ กําลังหมอบบนร่างหลีจือ เตรียมขวางดาบ
ของคนชุดดําทีกําลังกรายมา

3
คนชุดดําทีกวัดแกว่งดาบตังสติได้ เงือดาบหมายฟั นลง
ชัวระยะเวลาเพียงสะเก็ดไฟกะพริบ หรันเหยียนก็โถม
กายพุง่ เข้าไป

คนชุดดําเพิงถูกยาสลบไปไม่นาน แม้ยงั มีแรงไม่นอ้ ย แต่


ถูกหรันเหยียนพุง่ ชน ดาบนันฟั นเฉียดมวยผมของอูเ่ ม่ย
เหนียงไป

คนชุดดําทีอยูด่ า้ นข้างเห็นเหตุการณ์ ก็ไม่ได้เข้ามาช่วย


ทว่าไปตามฆ่าหลีจือ

คนชุดดําทีถูกหรันเหยียนพุง่ ชนซวนเซ เธอฉวยโอกาสนี

4
แทงเข็มเงินลงไปทีม้ามตรงตําแหน่งบนซ้ายเหนือช่อง
ท้อง ใต้กระดูกซีโครง

“โอ๊ย!” คนชุดดําอุทานเสียงดัง

หรันเหยียนเล็งตําแหน่งได้แม่นยํา แต่เนืองจากมีความ
หนาของเสือผ้ากันกลาง ทังออกแรงไม่สะดวก เพียงแทง
เข้าไปนิดเดียว สัมผัสจากมือนัน เธอคิดว่าคงแทงทะลุ
แค่ผิวหนัง ดังนันจึงไม่คิดมาก ตีเข่าใส่เป้าเขาอย่างแรง
คนชุดดําเจ็บปวดยังไม่ทนั ร้องออกมา ก็ถกู หรันเหยียนก
ระชากคอเสือเหวียงใส่คมดาบของสหาย

คมดาบของคนชุดดําอีกคนเกือบถึงใบหน้าของหลีจือ

5
พลันเห็นสหายถูกเหวียงเข้ามา ตกใจ ขืนชักดาบกลับ

หรันเหยียนชิงดาบของคนชุดดําทีพุง่ ชนจนล้ม ใช้เข่าคํา


แผ่นหลังเขาไว้ คว้าผมดึงเงยหน้าขึน ก่อนปาดคออย่าง
ไม่ลงั เล

พริบตาเดียว เลือดสดๆ พุง่ ออกมาประหนึงสายนําพุ

หรันเหยียนอยูบ่ นหลังเขา เสือตัวในสีขาวเพียงเปื อน


เลือดทีกระเซ็นถูกในปริมาณเล็กน้อย

ครังนีเธอตัดหลอดเลือดใหญ่และหลอดลมของชายชุด
ดําจนขาด
6
คนชุดดําอีกคนตกใจสภาพตรงหน้า ทว่าไม่ได้ตกใจฝี มือ
ฆ่าคนของหรันเหยียน เพียงคิดไม่ถงึ ว่า สตรีออ่ นแอผู้
หนึงกลับฆ่าพีชายเขาทีวรยุทธ์ไม่ตาต้
ํ อยได้ภายในพริบ
ตาเดียว และขณะนี พละกําลังในกายเขาก็คอ่ ยๆ สลาย
ไปทีละนิดๆ

เขากัดฟั น วางมือบนคมดาบก่อนปาดครังหนึง หมายใช้


ความเจ็บปวดกระตุน้ ให้ตนเองยืนหยัดอยูไ่ ด้

หรันเหยียนถือดาบลุกขึนหันหน้าเข้าหาคนชุดดํา ขณะ
ค่อยๆ ถอยไปข้างอูเ่ ม่ยเหนียงและหลีจือ

7
ตอนอยูน่ อกห้อง หรันเหยียนก็วางแผนคร่าวๆ ในใจไว้
แล้ว คือไม่วา่ อย่างไรก็ตอ้ งคว้าโอกาสสังหารคนหนึงไป
ก่อน มิฉะนัน เกรงว่าทีนีคงเป็ นทีตายของเธอ ดังนัน
ตอนเข้าห้องเมือครู ่ สังเกตสภาพในห้องอย่างชัดเจน
ท่ามกลางฝุ่ นตลบ ก่อนตัดสินใจพุง่ เข้าใส่คนชุดดําที
กําลังกวัดแกว่งดาบทันที ทุกความเคลือนไหวทุม่ เทพละ
กําลังทังหมด ไม่ลงั เลแม้แต่นอ้ ย

เธอรูห้ ากเมือครูเ่ ธอฉวยโอกาสโจมตีไม่ให้ตงตั


ั ว ลงมือ
รวดเร็ว แม่นยําและรุนแรง จึงมีโอกาสสังหารศัตรูได้
และตอนนีถือดาบคุมเชิงกันอย่างผ่าเผย แม้อีกฝ่ ายถูก
ยาสลบ เธอก็ไม่มนใจว่
ั าจะชนะได้ ในเมือพวกเขาเป็ นผู้
มีวรยุทธ์

8
อูเ่ ม่ยเหนียงตะลึงมองหรันเหยียน เมือครูน่ างหมอบอยู่
บนร่างหลีจือ จึงไม่เห็นขันตอนการโจมตีทงหมดของ

หรันเหยียน แต่ดาบสุดท้ายนันนางเห็นชัดเจน นางสัน
เทิมไปทังร่าง ทว่าใจไม่รูส้ กึ กลัว กลับคล้ายของ
บางอย่างทีหลับใหลอยูใ่ นกายถูกปลุกให้ตืนขึน ทําให้
นางตืนเต้นอย่างประหลาด สภาพรางเลือนชนิดหนึงก่อ
เกิดขึนในใจส่วนลึกของนาง ขณะนีอูเ่ ม่ยเหนียงไม่ทนั ได้
รูส้ กึ ว่า สิงนีเรียกว่าใจทะเยอทะยาน ใจทะเยอยานทีกุม
อํานาจสังเป็ นสังตายไว้

คนชุดดํารูส้ กึ ว่าไม่อาจยือต่อไปได้ เขารูส้ กึ ว่ายาสลบที


เขาโดนครังนีไม่เหมือนทุกครังทีผ่านมา มันไม่อาจใช้
พลังภายในขับออกได้ และไม่อาจบรรเทาได้ดว้ ยการสูด
อากาศบริสทุ ธิเข้าไป ทว่าเวลายิงนาน ฤทธิยาก็ยงิ

9
รุนแรง

ความคิดผ่านไป คนชุดดําพลันก้าวขึนไปด้านหน้า ฟั น
ดาบในมือใส่ทอ้ งหรันเหยียนราวสายฟ้าแลบ

หรันเหยียนหลบไม่ทนั ยกดาบในมือขึนต้านโดย
สัญชาตญาณ

เคร้ง!

เสียงอาวุธปะทะกัน สันดาบของหรันเหยียนถูก
แรงกระแทกดันมาถึงท้อง รูส้ กึ คล้ายจมเข้าเนือ

10
หรันเหยียนตกใจมาก พละกําลังเช่นนี เธอไม่รูว้ า่ ตนเอง
จะต้านได้นานเท่าไร องครักษ์ทงหมดในตํ
ั าหนักหลิน
เต๋อก็รวมตัวกันอยูท่ ีท้องพระโรงและอุทยาน เป็ นไปไม่
ได้ทีจะมีคนมาช่วย

หากขุนนางถูกกักไว้ในท้องพระโรง กบฏถูกปราบ มิ
ฉะนันโอกาสทีเซียวซ่งจะออกมาได้มีไม่มาก

ในเมือไม่มีกาํ ลังหนุน ทําได้แค่ช่วยตัวเอง

ชัวพริบตานัน เงาดาบมาถึง คนชุดดําใช้ดาบเร็วมาก


ความจริงหรันเหยียนหลบไม่ทนั ทําได้เพียงฝื นรับไว้อีก
ครัง

11
พละกําลังครังนีแรงกว่าครังก่อน หรันเหยียนเจ็บง่ามมือ
ยิง รูส้ กึ มีของเหลวร้อนๆ รินไหล ทว่าเธอไม่กล้าก้มมอง

ว่ากันว่าการป้องกันทีดีทีสุดคือการโจมตี นันหมายถึง
ตอนทีพละกําลังของทังสองฝ่ ายไม่ตา่ งกันมาก เฉกเช่น
กําลังทีแตกต่างของหรันเหยียนกับคนชุดดําเช่นนี หาก
หรันเหยียนไม่อาจหาโอกาสฆ่าอีกฝ่ ายในพริบตาเดียว
เช่นเมือครู ่ ยังโจมตีตรงๆ อย่างโง่เขลา ย่อมเผยจุดอ่อน
ทัวร่าง ไม่แน่คนทีถูกฆ่าในชัวพริบตาอาจเป็ นเธอ

ในสถานการณ์ตอนนี หรันเหยียนทําได้เพียงป้องกันตน
เองอย่างมิดชิด รอให้ยาออกฤทธิถึงจุดสูงสุด

12
แต่สถานการณ์ดเู หมือนไม่สดู้ ี พืนทีในห้องมีขนาดกว้าง
ดูออกยากว่าคนชุดดําสูดดมยาเข้าไปเท่าไร หากคนชุด
ดําสูดยาเข้าไปไม่มาก เขาอาจอาศัยเพียงความมุง่ มัน
ของตนเอง ยืนหยัดจนเธอเผยช่องโหว่ออกมา

ดูจากสภาพตอนนี ขันตอนนีไม่น่ายาวนัก

คนชุดดําไม่ให้โอกาสทังตัวเขาและหรันเหยียนหายใจ
ตามด้วยการจู่โจมอย่างรุนแรงราวพายุคลัง

หรันเหยียนรูว้ ิชาหมัดมวยเพียงผิวเผิน ไม่เคยพานพบ


การโจมตีทีรวดเร็วและรุนแรงเช่นนีเลย ฝื นรับมือครัง

13
หนึง บนร่างก็ถกู กรีดเป็ นรอยเลือดมากมาย เลือดสดๆ
ย้อมเสือผ้าสีขาวเกิดเป็ นดอกไม้สีแดงแบ่งบานอย่างรวด
เร็ว โชคดีทีเธอปกป้องจุดสําคัญไว้ได้

เลือดทีไหลจากง่ามมือทําให้ดา้ มดาบลืน เสียงลืนหลุด


มือทุกเวลา

หลีจือตกใจจนสลบไปแต่แรก อูเ่ ม่ยเหนียงทังร่างไร้เรียว


แรง แต่เห็นหรันเหยียนยืนหยัดผูเ้ ดียวอย่างยากลําบาก
ก็ยืนหยัดเขยิบกายไปถึงข้างโต๊ะ ถูเชือกไม่หยุด นางทน
กัดริมฝี ปากตนเอง ความเจ็บปวดกระตุน้ ให้สมองแจ่ม
ใสทันที คล้ายมีแรงขึนบ้าง นางลิงโลดใจ ถูเชือกต่อไม่
หยุด

14
ส่วนหรันเหยียนหอบฮักๆ หนักหน่วง ทัวกายมีบาดแผล
ทังลึกทังตืนสิบกว่าแห่ง

15
ตอนที 435 ตกอยู่ในวงล้อม

หรันเหยียนมักพกผ้าเช็ดหน้าจุ่มยาพิษติดตัว ทังยังมียา
พิษร้ายแรงอีกขวด ล้วนเก็บไว้ในแขนเสือ แต่ตอนนีไม่มี
โอกาสทีจะหยิบออกมาใช้เลย ดาบของคูต่ อ่ สูฉ้ บั ไว หาก
เธอเสียสมาธิเพียงชัววูบ เผยให้เขาเห็นจุดอ่อนเพียงเล็ก
น้อย ต้องโดนสังหารในดาบเดียวแน่

ดังนันหรันเหยียนหยุดคิดชัวคราว ได้แต่แข็งใจตังสติ
ป้องกันตัว

แต่ก่อนซูฝเู คยสอนวิชาลมปราณแก่หรันเหยียนชุดหนึง
เธอฝึ กฝนทุกวัน ไม่เคยเกียจคร้าน ดังนันกําลังกายยังคง

1
ดีถงึ ตอนนี

บุรุษชุดดําหายใจเข้าลึก เงือดาบขึนช้าๆ

หรันเหยียนใจสะท้าน ตระหนักได้วา่ เขาเตรียมฟั นลงมา


สุดแรงเกิด เม็ดเหงือทีท้ายทอยซึมออกมาในชัวพริบตา

ไม่มีเวลาคิดมาก ลมดาบก็เข้าประชิด

ในแสงไฟริบหรี หรันเหยียนใช้สายตากะทิศทางทีมาของ
ดาบ กําดาบไว้ดา้ นหน้า อาวุธกระทบกัน เธอ
ถูกกระแทกถอยไปดือๆ หลายก้าว ร่างโงนเงนแทบทรุด

2
บุรุษชุดดําประหวันใจ ดาบทีเขาฟั นลงไปแม้ไม่เร็วทีสุด
แต่ก็ไม่เบา สตรีรา่ งอ้อนแอ้นตรงหน้ากลับต้านทานเขา
ได้อย่างแม่นยํา! หากเธอมีวรยุทธ์จริง แม้แรงของสตรีจะ
ด้อยกว่าบุรุษระดับหนึง แต่เธอก็น่าจะตอบโต้ได้

พอคิดถึงตรงนี บุรุษชุดดําร้อนใจอยูบ่ า้ ง กําลังมือทีจู่


โจมยิงรุนแรงและดุดนั

ใต้เงาดาบทะมึน หรันเหยียนมีบาดแผลบนร่างกายมาก
ขึนเรือยๆ เธอไม่มีกาํ ลังพอทีจะปกป้องตัวเองได้ทกุ จุด
ได้แต่เลือกป้องกันจุดสําคัญ คูต่ อ่ สูจ้ ่โู จมเร็วทีสุด แม้เธอ
จะเห็นชัด แต่ก็ไม่อาจหลบหลีกได้ทนั ได้แต่ฝืนทนรับ
ดือๆ ถูกจู่โจมมาถึงสีครัง หรันเหยียนแทบหมดแรง ง่าม
มือฉีก ความเจ็บค่อยๆ เปลียนเป็ นด้านชา เธอเองก็รูส้ กึ
3
ว่ายิงนานยิงไม่อาจควบคุมมือของตนเองได้

ยืนหยัด ขอเพียงยืนหยัดถึงจังหวะทีเขาต้องหอบแฮกๆ...

หรันเหยียนรูส้ กึ ชาไปทังตัว แต่สติยงั แจ่มชัดอย่างยิง


เธอประเมินว่าเมือครูย่ าสลบยังออกฤทธิไม่ถงึ ขีดสุด จึง
ไม่กล้าเบียงเบนจุดสนใจ แต่เมือผ่านการเคลือน
ไหวอย่างดุเดือด ยาก็ออกฤทธิได้เร็วขึน

บุรุษชุดดํากําลังเตรียมจู่โจมอีกรอบ ฝี เท้ากลับซวนเซ
เขาจําเป็ นต้องใช้กระบีคํายันร่างไว้

หรันเหยียนเห็นโอกาสมาถึง รีบควักขวดยาพิษออกมา
4
ดึงจุกขวดขว้างไปทีขาเขา

บุรุษชุดดํารีบโซเซถอยหลังหลายก้าว ใช้มือปิ ดปากและ


จมูก หรันเหยียนกําดาบเดินเข้าหาทีละก้าว เตะขวดยา
พิษนันไปทีด้านหน้าเขาอีกครัง

ในจังหวะทีบุรุษชุดดําเตรียมถอยอีกครัง หรันเหยียนเริม
เงือดาบจู่โจมโดยไม่คาดฝัน

สติของบุรุษชุดดําค่อยๆ เลือนราง เห็นหรันเหยียนเริม


ตอบโต้ก็ประหวันใจ เขารูส้ กึ ว่าพอตัวเองเคลือนไหวดุ
เดือด อาการโดนยาสลบก็ยงรุ
ิ นแรงขึน จึงใช้การก้าวเท้า
หลบหลีกอย่างสวยงาม

5
แต่เมือหลบหลีกได้หลายครัง บุรุษชุดดํายิงตะลึงทีเห็น
ว่า แม้เพลงดาบของหรันเหยียนไม่มีกระบวนท่าแต่อย่าง
ใด เห็นชัดว่าสะเปะสะปะ แต่ทกุ ครังก็พงุ่ มาทีจุดตาย
ผ่านไปชัวครู ่ บนตัวเขาก็ได้แผล มองไปเป็ นเพียงบาด
แผลทีผิวหนัง แต่อีกสักพักก็ไม่แน่

บุรุษชุดดํากัดฟั นแน่น ฉวยเอายาออกมาหนึงเม็ด บีบ


เทียนทีเคลือบด้านนอกออก โยนเข้าในปาก

นีคือยาชนิดหนึงทีใช้กระตุน้ พลังทีซ่อนเร้น ช่วยเสริม


พละกําลัง นักฆ่ามากมายเมือเสียท่าตอนทําภารกิจ จะ
กินในห้วงสุดท้ายเพือหวังสูต้ าย

6
หรันเหยียนก็เคยอ่านเจอในนิยายกําลังภายใน ตอนนัน
ยังเคยคาดเดากับเพือนร่วมงานว่า ถ้ามีของสิงนีจริง
สามารถจําแนกเป็ นพวกสารกระตุน้ ชนิดเข้มข้น กระตุน้
ให้ฮกึ เหิม หากใช้ในปริมาณมาก อาจถึงตายได้

ความคิดแวบผ่าน หรันเหยียนแข็งใจตังสติ ออกแรงจู่


โจมเต็มกําลัง ต้องอาศัยช่วงเวลาก่อนทียานันจะออก
ฤทธิ ทําให้เขาบาดเจ็บปางตาย มิเช่นนันหากเผชิญหน้า
กับบุรุษทีพร้อมพลีชีพทุกเมือ เกรงว่าจะถูกลากไปตาย
พร้อมเขา

ทีนีต่อสูก้ นั อย่างดุเดือดราวไฟไหม้ป่า ทีวังไท่จีก็ฟา้ ถล่ม

7
ดินทลายเช่นกัน

ภายในสวน จ้าวฮูหยินทีมีผมสีขาวโพลน มือกําดาบ


เปื อนเลือดยืนอยูข่ า้ งศพตูเ้ หอ ดวงตาแดงกํา นาง
หายใจลึกๆ ครังหนึง กวาดตาจ้องมองมือธนูโดยรอบ
เอ่ยเสียงเกรียวกราด “วางธนูลงให้หมด!”

แม้ไร้ผนู้ าํ ทัพ ทุกคนทีร่วมก่อกบฏก็ยงั ไม่ยอมวางธนู


เพราะเมือพวกเขานําอาวุธบุกเข้ามาในวังต้องห้าม ก็มี
โทษตายอยูแ่ ล้ว

“เชือว่าทีบ้านพวกเจ้ายังมีลกู เมีย พ่อแม่ทีแก่เฒ่า


หากวางอาวุธลงก่อนทําผิดมหันต์ ก็แค่ตายคนเดียว!”

8
ฮูหยินผูเ้ ฒ่าหลีกล่าวเนิบๆ “ไม่วา่ จับกุมหรือฆ่าพวกเรา
คนในบ้านพวกเจ้าต่างต้องเป็ นทาสรับใช้ทางการ พวก
เจ้าเป็ นชายชาตรี ต้องการให้ญาติพีน้องประสบเคราะห์
กรรมด้วยหรือ!”

โทษหนักอย่างการก่อกบฏในราชวงศ์ถงั ก็เพียงประหาร
ผูเ้ ข้าร่วมเท่านัน ไม่ได้มีโทษประหารเก้าชัวโคตร แต่ถา้
ทําให้ประเทศสันคลอน ต้องประหารสามชัวโคตรหรือไป
เป็ นทาสรับใช้ของทางการ นีถือว่าเป็ นการลงทัณฑ์ที
รุนแรงทีสุด

พวกทีเดิมทีมีจิตใจโลเล พอได้ฟังก็มีคนรีบทิงธนูและ
ดาบลง เมือมีคนนํา ทุกคนก็ทยอยวางอาวุธในมืออย่าง
ลังเล
9
องครักษ์ในวังจึงรีบบุกเข้าจับกุม

เคร้ง!

จ้าวฮูหยินทิงดาบในมือลง ก้มหน้ามองมือทีสันเทา เมือ


ครูน่ างฆ่าลูกด้วยนํามือตัวเอง

“ลูกแม่ ก่อนเจ้ามาถึง คงไม่ได้คิดว่าจะมาตายด้วยมือ


ของแม่กระมัง” จ้าวฮูหยินนําตานองหน้าทันใด แม้เมือ
ครูต่ เู้ หอสังพลธนูเข้าล้อมพืนที ยังไม่แยแสความเป็ น
ตายของนาง แต่ดว้ ยความเป็ นแม่ นางให้อภัยลูกของ
ตนได้อย่างไม่มีทีสินสุด

10
เพียงแต่การให้อภัยนีก็ใช่วา่ จะทําให้จา้ วฮูหยินมีเมตตา
ใจอ่อน ไม่วา่ ตระกูลตูห้ รือสามีนางต่างมีเกียรติคณ
ุ ดี
งาม จําเป็ นทีนางต้องยอมปลิดชีวิตลูกเพือคุณธรรมยิง
ใหญ่

ศพของตูเ้ หอดวงตาเบิกโพลง ใบหน้ายังคงความตะลึง

ตูเ้ หอรูอ้ ยูว่ า่ มารดาของตนมีวรยุทธ์ อีกทังอารมณ์รา้ ย


แต่ทีผ่านมายอมเขามากทีสุด ก่อนมาถึง เขาคิดอยูแ่ ล้ว
ว่ามารดาต้องโกรธจัดเข้ามาซ้อมเขาสักยก พอดีให้เขา
อาศัยจังหวะนันชักนํานางออกจากวงล้อมอันตราย

11
ทุกอย่างดําเนินไปตามแผนทีวางไว้ เขาจึงไม่ได้ระวัง
มารดานัก แต่เขาคิดไม่ถงึ ว่า แท้ทีจริงการผ่อนปรนของ
มารดามีขีดจํากัด มารดาในความทรงจํานันหุนหัน
เกรียวกราดตลอดมา แต่ครังนีระหว่างรักษาตระกูลตูก้ บั
ชีวิตของเขา กลับคิดอย่างมีสติทาํ ให้เขารูส้ กึ เหมือนเป็ น
ครังแรกทีได้รูจ้ กั มารดาตน และเป็ นครังสุดท้าย

“จ้าวฮูหยิน ทําใจเสียเถิด” เหวยกุย้ เฟยเอ่ยเบาๆ

เสียงของจ้าวฮูหยินแหบแห้ง “ขอข้าอยูค่ นเดียวสักครู”่

คําพูดนีถือเป็ นการไม่ให้เกียรติเหวยกุย้ เฟย แต่ตอนนี


จ้าวฮูหยินยากจะคํานึงถึงความรูส้ กึ ของใคร ไม่กล่าวถึง

12
สายสัมพันธ์ก่อนชัวคราว นางอบรมลูกไม่ดีก็มีโทษ ฆ่า
ลูกตัวเองก็มีโทษ ตายแล้วไม่มีหน้าไปพบสามี และไม่มี
หน้าไปพบบรรพชนสกุลตูท้ งหลาย

สํานึกรับผิดชอบและความร้าวรานใจรุมเร้านาง หากไม่
ใช่วา่ ยังมีสติสมั ปชัญญะอยูบ่ า้ ง เกรงว่าจะลาโลกตาม
ลูกไป

ตูเ้ หอมีนิสยั คล้ายนางทีสุด นางจึงรักลูกคนนีมาก แม้วา่


ตูเ้ หอจะเป็ นลูกทีทําให้นางกังวลมาตลอด แต่นางคิดว่า
ก่อเรืองก็สว่ นก่อเรือง ความประพฤติยงั ดีอยู่ แต่ไม่เคย
คิดว่า สุดท้ายกลับก่อเรืองใหญ่เทียมฟ้าจนนางแก้ไข
อะไรไม่ได้เลย

13
“เหวยกุย้ เฟย!ฝ่ าบาทและเหล่าขุนนางยังถูกกักตัวอยูใ่ น
ตําหนัก เป็ นองค์รชั ทายาท...” ขันทีเร่งรีบวิงมารายงาน

เหวยกุย้ เฟยขมวดคิว รีบเดินไปหาฮูหยินผูเ้ ฒ่าหลี


ถามอย่างเคารพยิง “องค์รชั ทายาทปิ ดล้อมตําหนักหลิน
เต๋อ กดดันฝ่ าบาทสละราชบัลลังก์ ท่านเห็นว่า...”

เหวยกุย้ เฟยสมเป็ นยอดสตรีตลอดมา ดูแลเรืองราวในวัง


ไม่เคยผิดพลาด แต่มนั สมองและฝี มือด้านการทหารของ
นาง ยังไม่อาจเทียบเท่าจ่างซุนฮองเฮาทีสินไปแล้ว ที
นางเป็ นสนมเอกหนึงในสีมีหน้าทีดูแลวังในแทนฮองเฮา
ได้นนั เหตุผลใหญ่ทีสุดข้อหนึงคือนางไม่มีลกู ไม่อาจคุก

14
คามตําแหน่งองค์รชั ทายาทได้

“ส่งคนไปเอาป้ายอาญาสิทธิจากฝ่ าบาทเพือโยกย้าย
ทหารม้า แล้วสังคนไปสืบดูวา่ ใครสนับสนุนองค์
รัชทายาทก่อกบฏบ้าง” ฮูหยินผูเ้ ฒ่าหลีกล่าวอย่างเป็ น
ขันตอน “รอจนได้ขอ้ มูล ค่อยส่งคนทีเชือใจได้เอาป้าย
อาญาสิทธิของฝ่ าบาทไปโยกย้ายกองหนุน”

ทหารม้าเป็ นองครักษ์สว่ นพระองค์ ความจงรักภักดีไม่มี


อะไรต้องสงสัย ดังนันขอกําลังหนุนได้ทนั ที

แต่การสืบข่าวแล้วค่อยโยกย้ายกองหนุน ไม่ใช่การ
กระทําเกินความจําเป็ น ตอนนันทีหลีซือหมินโจมตีประตู

15
เสวียนอู่ ก็ใช้กองทหารองครักษ์โย่วอู่ ถือเป็ นหนึงในกอง
ทหารมหาดเล็กเป่ ยหยา หลีเฉิงเฉียนไม่ใช่คนโง่ ใครจะ
รับประกันได้วา่ เขาไม่มีทางโยกย้ายทหารมหาดเล็กมา
ได้

เหวยกุย้ เฟยรีบส่งคนข้างตัวลอบเข้าตําหนักกานลูค่ น้ หา
ป้ายอาญาสิทธิทีโยกย้ายทหารมหาดเล็กได้

“ข้าไปโยกย้ายทหารม้าแล้วกัน” ฮูหยินของเฉิงเหย่าจินบ
อก

ทุกคนในทีนัน ฮูหยินสาวๆ ล้วนไร้เรียวแรง อย่างฮูหยินผู้


เฒ่าหลีก็วงไม่
ิ ไหว ฮูหยินของเฉิงเหย่าจินอายุใกล้หา้ สิบ

16
ปี แต่รา่ งกายยังแข็งแรง ก็น่าให้ลองดู ทุกคนจึงเห็นด้วย

จิตใจหวันลวีเหมือนเพลิงเข้าสุม เฝ้ามองทางเดินเล็กๆ
ด้านนันไม่หยุด เสียดายทีไม่อาจวิงออกไปหาหรันเหยี
ยน เพราะก่อนทีหรันเหยียนจากไป กําชับพวกนางไว้วา่
ห้ามออกจากทีนีเด็ดขาด หวันลวีร้อนใจ ไม่นกึ ถึงฐานะ
ตัวเอง อุม้ รัวรัววิงไปด้านหน้าฮูหยินผูเ้ ฒ่าหลีและเหวย
กุย้ เฟย โค้งคํานับ ก่อนกล่าวอย่างร้อนใจว่า “เหวยกุย้
เฟย ฮูหยินผูเ้ ฒ่า ฮูหยินบ้านข้าเมือครูไ่ ปห้องนํา ถึงตอน
นียังไม่กลับมา บ่าวบังอาจขอท่านส่งคนไปค้นหาด้วย
เจ้าค่ะ”

เหวยกุย้ เฟยไม่รูจ้ กั หวันลวี แต่รูจ้ กั รัวรัว รูว้ า่ ฮูหยินทีนาง


พูดถึงคือหรันเหยียน
17
ก็ไม่รูว้ า่ เป็ นใครกล่าวขึนในจังหวะนัน “คงไม่ใช่เพราะ
เสียขวัญจากการต่อสูเ้ มือครู ่ ซ่อนตัวอยูแ่ ถวไหนกระมัง”

ในหมูค่ นทีรวมตัวกันอยู่ หวันลวีก็ไม่รูว้ า่ ใครเป็ นคนพูด


แต่เห็นเหวยกุย้ เฟยขมวดคิว จึงรีบแก้ตา่ ง “ขอเหวยกุย้
เฟยโปรดตรวจสอบให้แน่ชดั ฮูหยินบ้านข้าเป็ นหมอ ใจ
กล้าเปิ ดอกผ่าท้องช่วยชีวิตคน เป็ นไปไม่ได้ทีจะตกใจ
จากการต่อสูเ้ ล็กๆ นีเจ้าค่ะ”

ยามนีเหวยกุย้ เฟยกําลังคิดเรืองอืน จึงไม่คอ่ ยได้ใส่ใจ


รายละเอียดทีหวันลวีพูด พยักหน้าคล้ายเห็นด้วยกับคํา
พูดของนาง ไม่ได้ตาํ หนิเรืองหวันลวีไร้มารยาท รีบส่ง

18
องครักษ์ไปค้นหาหรันเหยียนทีบริเวณใกล้เคียงทันที

หวันลวีรีบขอบคุณ

ฮูหยินผูเ้ ฒ่าหลียิมน้อยๆ มองหวันลวี “เด็กสาวอย่างเจ้า


นีน่าสนใจนัก”

สาวใช้ทีพูดถึงการก่อกบฏว่าเป็ นการต่อสูเ้ ล็กๆ เกรงว่า


หวันลวีจะเป็ นคนแรก ฮูหยินผูเ้ ฒ่าหลีรูอ้ ยูว่ า่ หวันลวีใจ
ร้อนแก้ตา่ ง จึงจงใจใช้คาํ เบาไม่รุนแรง นางชอบสาวใช้ที
ใจกล้าซือสัตย์และมีมนั สมอง

ภายในสวนเงียบงัน ทุกคนนังลงทีโต๊ะ รอคอยเงียบๆ


19
ผ่านไปราวหนึงเค่อ ขันทีทีส่งไปสืบข่าวก็วิงกลับมาอย่าง
รีบเร่ง กล่าวละลําละลัก “เหวยกุย้ เฟย ฮูหยินผูเ้ ฒ่าหลี
พวกทีล้อมตําหนักใหญ่มีจาํ นวนหลายพัน บ่าวไม่กล้า
เข้าใกล้ แต่พอเห็นรางๆ ว่าคนนําทหารคือเชียนหนิ
วเฮ่อหลันฉู่สือของวังตะวันออกขอรับ”

เชียนหนิวเว่ยเป็ นหนึงในกองทหารมหาดเล็ก เชียนหนิ


วของวังตะวันออกรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของ
องค์รชั ทายาท เฮ่อหลานฉู่สือก่อกบฏตามหลีเฉิงเฉียน
ไม่ใช่เรืองแปลก ไม่น่าเกรงกลัว แต่ทีทําให้ฮหู ยินผูเ้ ฒ่า
หลีต้องใส่ใจคือ เฮ่อหลานฉู่สือเป็ นบุตรเขยของโหวจวิ
นจี ผูเ้ ป็ นขุนพลหาญกรําศึก มีบารมีสงู มากในหมูท่ หาร
ทังยังเคยรับตําแหน่งแม่ทพั ใหญ่ทหารมหาดเล็กฝ่ าย

20
ซ้าย หากร่วมก่อกบฏด้วยไม่แน่วา่ ทังพระราชวังจะตก
อยูใ่ นความควบคุมของทหารกบฏเสียแล้ว

21
ตอนที 436 แขวนอยู่บนเส้นด้าย

ยามนีหรันเหยียนและบุรุษชุดดําถึงขันใช้แรงเฮือกสุด
ท้ายแล้ว

แต่ทีบุรุษชุดดํารูส้ กึ สินหวังก็คือ สตรีทีดูบอบบางแม้ลม


ยังต้านไม่ไหวนางนี สีหน้าขาวซีดในแสงจันทร์ กลับไม่
ยอมล้มลงเช่นเคย ความแข็งแกร่งอดทนเช่นนัน แม้บรุ ุษ
ทีเคยฆ่าคนมามากมายเช่นเขา ยังอดนับถือไม่ได้

“ท่านเป็ นใครกันแน่” ท่ามกลางการเผชิญหน้า บุรุษชุด


ดําเอ่ยปากก่อน เขาคิดว่าสตรีธรรมดานางหนึง ไม่น่าจะ

1
มีจิตใจเข้มแข็งเช่นนี เขาสงสัยว่าหรันเหยียนเป็ นนักฆ่า
ทีผูส้ งู ศักดิคนใดซุกซ่อนไว้ในวัง

หรันเหยียนนิงเงียบ ใช่วา่ ไม่อยากตอบ แต่เพราะกลัวว่า


ถ้าพูดออกไป นําเสียงอ่อนแรงจะเผยให้เห็นว่าตอนนีตัว
เองไร้เรียวแรงทีจะตอบโต้จริงๆ

บุรุษชุดดําเห็นหรันเหยียนไม่ตอบ คิดว่าเธอหวันไหว จึง


กล่าวต่อว่า “ไม่วา่ ท่านจะเป็ นคนของใคร เก็บองค์ชาย
เก้าไว้รงั แต่จะเป็ นภัย”

หรันเหยียนพลันรูส้ กึ ว่า บุรุษชุดดําผูน้ ีไม่ใช่นกั ฆ่าทีแท้


จริง เธอไม่รูว้ า่ นักฆ่าทุกคนต้องมีมาตรฐานแบบซูฝหู รือ

2
ไม่ และไม่รูว้ า่ ล้วนแต่เงียบพูดน้อยเหมือนเขาไหม เพียง
แต่นกึ ถึงข้อบ่งชีหลายข้อ เช่น นักฆ่าทังสองคนสามารถ
ล่วงลําผ่านองครักษ์ทีหนาแน่นเข้ามาในวังต้องห้าม
ฝี มือต้องอยูใ่ นระดับสูงทีเดียว แต่วา่ ทีประมือกับเธอมา
ก็แค่ทาํ ได้พืนๆ โดยเฉพาะรังสีอาํ มหิตนัน ไม่ได้
มาตรฐานพอจะเป็ นนักฆ่า

เธอยังจําได้วา่ ตอนตัวเองอยูท่ ีริมฝังแม่นาผิ


ํ งเจียง สาย
ตาซูฝทู ีเหลียวมองมานัน ทําให้เย็นวาบไปทังตัว นันถึง
จะเป็ นนักฆ่าทีปลิดชีพอย่างแท้จริง แต่สองคนนี...หรัน
เหยียนคาดเดา เป็ นไปได้มากว่าเป็ นองครักษ์ในกอง
ทหารมหาดเล็ก ได้รบั คําสังจากบางคน อาศัยความ
ชุลมุนฆ่าหลีจือ

3
ถ้าเช่นนัน คนทีคิดฆ่าหลีจือเป็ นใครกันแน่ หลีไท่หรือหลี
เค่อ

ความคิดเหล่านีแวบผ่านสมองอย่างรวดเร็ว หรันเหยี
ยนหายใจลึกครังหนึง ทําเสียงให้สงบพูดตามทีอูเ่ ม่ย
เหนียงกล่าวเท็จไว้เมือครู ่ “ก่อนหน้าทีจะได้ของ หลีจือ
จะตายไม่ได้”

ของอะไรกัน มีคา่ มากกว่าชีวิตหลีจือ บุรุษชุดดํารูส้ กึ ยิง


นานยิงหมดแรง แทบยืนไม่อยู่ ใจเต้นรัวเร็วอย่างไม่มี
สาเหตุ ไม่รูเ้ ป็ นเพราะยาทีตัวเองกินเมือครู ่ หรือเพราะ
ถูกยาพิษสองครัง

4
สถานการณ์ของหรันเหยียนยังแย่กว่าบุรุษชุดดํา ยาพิษ
ของเธอเข้าได้ทกุ ช่องทาง ไม่วา่ ผ่านทางลมหายใจหรือ
ระบบเลือดก็เกิดผลทังสิน ตอนนีตัวเธอมีบาดแผลมาก
มาย พิษเข้าตัวเธอเร็วขึนหลายเท่า และเนืองจากเสีย
เลือดไปมากทําให้เธอเริมขาดอากาศ รูส้ กึ มึนงงเป็ น
ระยะๆ เพียงชัวครูเ่ หงือบนหน้าผากรวมตัวเป็ นหยด ไหล
ลงมาทีข้างแก้ม

ทังสองคนพูดคุยกัน แท้ทีจริงเป้าหมายเกลียกล่อมอีก
ฝ่ ายยังเป็ นเรืองรอง ทีสําคัญคือต่างคิดหาโอกาสพัก
หายใจ

คําพูดทีโต้ตอบกันไร้ผล บุรุษชุดดําบุกจู่โจมขึนอย่างดุ
ดัน ดาบนีมุง่ ไปทีคอของหรันเหยียน เธอสะบัดดาบขวาง
5
ไว้ แต่เรียวแรงไม่พอ สันดาบของตัวเองคํามาทีคอ เธอ
ถูกกดดันให้ถอยไปหลายก้าว กระแทกเข้ากับผนังอย่าง
แรง

หากข้างหลังไม่ใช่ผนัง เธอยังถอยหลบภัยนีได้ แต่


เหตุการณ์เบืองหน้านี ส่วนของคอถูกกดไว้ บุรุษชุดดําก็
ระแวดระวังเท้าทีเตะผ่าหมากของหรันเหยียน จึงใช้เท้า
ข้างหนึงกดท่อนล่างของตัวเธอ เธอหลบอย่างไรก็ไม่พน้
ถ้าไม่ผิดจากทีคาดไว้ เธอจะถูกสันดาบของตนฟั นตาย
เอาได้

ชัวครูน่ นั ภาพมากมายแวบผ่านเข้ามาในสมองของหรัน
เหยียน สุดท้ายปลดปล่อยพลังทังหมด มือสองข้างตกลง
อย่างไร้เรียวแรง
6
แต่บรุ ุษชุดดําก็ไม่ชะล่าใจ มองทีต้นคอหรันเหยียนโดย
ละเอียด สันดาบของหรันเหยียนจมเข้าในผิวหนังมาก
เลือดไหลเลอะเทอะ

บุรุษชุดดําโยนดาบของเธอทิง ถอนพันธนาการเธอออก
มองเธอค่อยๆ ลืนลงตามผนัง เงือดาบเตรียมตัดคอทิง
เพือป้องกันเรืองไม่คาดคิดภายหลัง

ทันใดนัน ตอนหรันเหยียนลืนลงได้ครึงทาง ก็โค้งตัวพุง่


ใส่คนชุดดําอย่างดุดนั เข็มพิษในมือแทงเข้าทีปากแผล
ตรงเอวเขา บริเวณทีเธอแทงเข้าไปไม่ใช่จดุ อันตราย แต่
เธอเกรงว่าจะเหมือนครังก่อน มีเสือปิ ดบังไว้ จึงแทงเข้า

7
ไม่ลกึ พอ แทงเข้าทางปากแผล แน่ใจได้ทีสุด!

บุรุษชุดดําร้องครางในคอ เงือดาบฟั นแผ่นหลังของหรัน


เหยียน เขารูว้ า่ สตรีนางนีจู่ๆ โค้งตัวโดยตังใจเพือป้องกัน
จุดอันตราย ดาบนีฟั นไม่ถงึ ชีวิต จึงรีบเปลียนเป็ นแทง

ในช่วงทีปลายแหลมของดาบจวนเจียนสัมผัสผิวทีแผ่น
หลังด้านซ้ายของหรันเหยียน พลันได้ยินเสียงแหวกสาย
ลม ธนูขนนกทีเปี ยมพลังสลายทองแยกหินดอกหนึงก็พงุ่
ทะลุฝ่ามือเขา

บุรุษชุดดําซวนเซ แต่ดาบในมือไม่รว่ งหล่น ในจังหวะที


เขาเตรียมเพิมกําลัง ก็มีธนูขนนกตามมาอีกดอกหนึง

8
พลังยิงแรงกว่าครังก่อน เปรียบดังเสียงพยัคฆ์รา้ ย
คํารามประชิดตัว เขาแค่รูส้ กึ ว่าขมับของตัวเองเย็นวาบ
เลือดท่วมหัวสมองฉับพลัน

ธนูขนนกดอกนัน ถึงกับพุง่ ผ่านขมับไปเฉยๆ!

เซียวซ่งถือดาบก้าวเท้ายาวเข้าไปอย่างไม่คิดชีวิต ตวัด
ดาบตัดหัวคนผูน้ นอย่
ั างไม่ลงั เล ทิงดาบลงแล้วรับตัว
หรันเหยียนไว้

“อาเหยียน” เซียวซ่งเห็นเธอมีบาดแผลทัวตัว โกรธจนตา


แทบถลน หากไม่ใช่ตอ้ งรีบเร่งช่วยชีวิตคน เขาแทบทน
ไม่ได้ หันกลับไปสับบุรุษชุดดําทังสองให้เป็ นเศษเนือ

9
อูเ่ ม่ยเหนียงมีสติอยูต่ ลอด แต่นางอยูใ่ กล้กบั ตําแหน่งที
หรันเหยียนวางยาไว้ ผ่านการเคลือนไหวรุนแรงตอนฝน
เชือกให้ขาดเมือครู ่ ยาออกฤทธิถึงขีดสุด อ่อนแรงทัวร่าง
ตาพร่ามัว นางเห็นบุรุษชุดขุนนางสีแดงอุม้ หรันเหยียนอ
อกไป แล้วมีคนจํานวนมากวิงตามเข้ามา มีคนร้อง
ตะโกนว่า “องค์ชายเก้า” นางจึงสลบอย่างวางใจ

นอกห้อง หลิวชิงซงถือหีบยากระโจนเข้ามาราวพายุ เห็น


เซียวซ่งอุม้ ร่างทีชุ่มเลือด รีบร้อนเอ่ย “เร็วเข้า อุม้ เข้าไป
ในตําหนักใกล้ๆ นี”

เซียวซ่งเงียบตลอดทาง เม้มปากแน่น ใบหน้าคมคายตึง


เครียดไม่แสดงอารมณ์แม้แต่นอ้ ย ก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว
10
และมันคงพาหรันเหยียนไปยังห้องด้านข้างห้องหนึงที
ใกล้ทีสุด หลิวชิงซงก็รบี ตามเข้าไปทันที

“ออกไปให้หมด” หลิวชิงซงกล่าว

“ข้าอยูด่ า้ นนอก ต้องการอะไรก็บอก” เซียวซ่งไม่พดู มาก


ความ กําชับแล้วจึงหันกลับออกไปด้านนอก

เขายืนอยูน่ อกห้อง มองคราบเลือดบนเสือผ้าตน ไม่รูว้ า่


เป็ นความรูส้ กึ เช่นไร รูส้ กึ เพียงสมองเฉือยชา มีเสียงหึงๆ
ด้านใน

เขาแข็งใจพอตังสติได้บา้ ง สังองครักษ์ทีติดตามมา “ให้


11
คนไปเตรียมนํากับผ้าสะอาดมา”

นางกํานัลและขันทีในบริเวณนีแตกตืนวิงเตลิดหนีไป
หมด องครักษ์จาํ ต้องไปหาผ้าและนํามาเอง

ไม่มีนาร้
ํ อน ครูใ่ หญ่องครักษ์จงึ ยกนําสะอาดมาหลายถัง
แล้วหอบผ้าขาวมาหนึงพับ

เซียวซ่งหิวนําสองถังส่งเข้าไป แล้วยืนผ้าขาวทีฉีกไว้
กว้างราวสองนิวมือส่งเข้าไปด้วย

“คุณชายเก้า ท่านรูห้ รือไม่วา่ ปกติพีสะใภ้เก้าพกยาพิษ


อะไรติดตัว” หลิวชิงซงพลันถาม
12
เซียวซ่งรูอ้ ยูแ่ ล้ว ไม่เพียงแต่รู ้ เมือครูเ่ ขายังใช้ยาพิษนัน
เอาตัวรอดมาได้ หรันเหยียนเคยบอกไว้วา่ มันคือการรวม
ผลงานทังหมดทีเธอเรียนมา ไร้สีไร้กลิน แล้วก็สลายตัว
ไป ไม่ทิงหลักฐานใดๆ

“นางน่าจะพกยาถอนพิษติดตัว” เซียวซ่งกล่าว

หลิวชิงซงพลิกดูแขนเสือทังสองข้าง ก็เจอห่อกระดาษ
เปื อนเลือด ยังดีทียาข้างในเคลือบเทียนไขไว้ ไม่ได้รบั ผล
กระทบ

เซียวซ่งยืนอยูด่ า้ นนอก เพ่งมองเงาคนไม่ไหวติงทีเห็น

13
ผ่านผ้าม่านโปร่งบาง

หลิวชิงซงใช้ผา้ จุ่มนําทําความสะอาดร่างกายของหรันเห
ยียนคร่าวๆ แล้วหยิบยาฆ่าเชือล้างแผลแต่ละแห่งจน
สะอาด เขาตรวจดูแผลทังหมด ในใจลิงโลด ตําแหน่ง
บาดแผลล้วนอยูต่ ามแขนขา หน้าอกมีแผลตืนๆ สามสี
แห่ง ไม่ได้รบั บาดเจ็บภายในแต่อย่างใด

หลิวชิงซงเริมตรวจดูบาดแผลทีคอของหรันเหยียน แล้ว
ตรวจดูตามจุดสําคัญ ทําการล้างแผล เย็บแผล ใส่ยา
และพันแผล

ขณะทีเขาพันแผลบริเวณต้นขา ก็ยกขาของหรันเหยี

14
ยนขึนเล็กน้อย กลับเห็นว่าบนเตียงเต็มไปด้วยคราบ
เลือด แต่ไม่ใช่ไหลออกมาจากต้นขาของเธอ!

หลิวชิงซงใจหายวาบ รีบพลิกตัวหรันเหยียน แผลทีแผ่น


หลังเป็ นภาพทีน่าตกใจเมือได้เห็น

แผลนีมาจากดาบทีบุรุษชุดดําฟั นลงสุดแรง แผลลึกมาก


จนเห็นกระดูกสันหลังชัดเจน!หลิวชิงซงรีบเร่งล้างแผล
ตอนราดนํายาฆ่าเชือ หลิวชิงซงก็ใจแป้ว แผลลึกเช่นนี
ตอนฆ่าเชือต้องเจ็บสุดขีด แต่เธอไม่มีปฏิกิรยิ าใดต่อ
ความเจ็บปวดเลย!

หลิวชิงซงจุ่มยา จัดแจงทําความสะอาดอย่างคล่อง

15
แคล่ว

ด้านนอก เซียวซ่งยังยืนนิงเหมือนรูปปั นดังเดิม เหงือไหล


ท่วมตัว จนทําให้พืนทียืนเปี ยก

ในห้องเงียบจนน่าตกใจ มีแต่เสียงเสือผ้าสวบสาบของ
หลิวชิงซง และบางขณะก็มีเสียงขวดกระทบกันบ้าง

“คุณชายเก้า! คุณชายเก้า!” หลิวชิงซงร้องเรียกฉับพลัน

เซียวซ่งย่างเท้าทีแข็งชา โซเซเล็กน้อย ก้าวไปทีเตียง


อย่างรวดเร็ว เมือเห็นร่างหรันเหยียนทีปิ ดผ้าไปจนทัว
แทบไม่เหลือชินดี พลันร้าวรานใจ
16
“ท่านยังจําการช่วยหายใจทางปากได้กระมัง เร็วเข้า
ช่วยนางหายใจ!” หลิวชิงซงกล่าว

เซียวซ่งฝื นสะกดอารมณ์ เขาเข้าใจว่ายามนีไม่ใช่เวลา


เสียใจ ปวดร้าว รีบรับคํา ยกศีรษะหรันเหยียนขึนเล็ก
น้อย ช่วยเธอหายใจด้วยปาก

หลิวชิงซงทําการปั มหัวใจให้เธอ

นีถือเป็ นจูบเดียวทีเซียวซ่งจูบหรันเหยียนโดยไร้อารมณ์
ปรารถนา ทว่าแต่ละครัง ล้วนแต่จริงใจอย่างยิง

17
ทําซําๆ หลายครัง ไม่รูด้ าํ เนินไปนานเพียงใด จนหรันเหยี
ยนหายใจเองได้

ยามนีทิศตะวันออกเริมมีแดดอ่อนสีขาวอมชมพู

การก่อกบฏภายในวังถูกควบคุมไว้ได้ เสียงกลองบอก
เวลายังดังตามปกติ เหล่าขุนนาง อํามาตย์และภรรยา
อยูใ่ นวังหนึงคืน ต่างทยอยกลับบ้าน ลูกสามคนของหรัน
เหยียนไม่ได้พบหน้ามารดา ร้องไห้จนเหนือยอ่อน หลับ
กันไปแล้ว ถูกจัดให้อยูใ่ นตําหนักใกล้ๆ ชัวคราว มี
องครักษ์คอยดูแล

คนบาดเจ็บในวังมีมาก หมอหลวงยุง่ วุน่ วายไม่จบไม่สนิ

18
เมือหลีซือหมินรับรูเ้ รืองหรันเหยียนยอมเสียงตายช่วย
หลีจือ ถึงตอนนีเป็ นตายไม่รู ้ รีบรับสังรวมหมอหลวงที
เก่งทีสุดหลายคน นําพวกเขามาทีตําหนักข้างด้วยตน
เอง

“คุณชายเก้า ท่านต้องเตรียมใจไว้บา้ ง...”

ในตําหนักข้าง หลิวชิงซงเอ่ยช้าๆ

“พูด” เสียงเซียวซ่งแหบแห้ง จ้องเขาเขม็ง

หลิวชิงซงไม่กล้าสบตาเขาเช่นนี ก้มหน้าบอก “พีสะใภ้


เก้า...กระดูกสันหลังได้รบั บาดเจ็บ ตอนนีเป็ นตายยาก
19
คาดเดา ถึงฟื นขึนมา เป็ นไปได้วา่ ร่างกายท่อนหลังอาจ
ไร้ความรูส้ กึ ”

เป็ นอัมพาต คําของหลิวชิงซงตันคอหอย ไม่วา่ อย่างไรก็


พูดไม่ออก เขาโตมากับเซียวซ่ง เข้าใจนิสยั ใจคออีกฝ่ าย
ดีวา่ เป็ นอย่างไร ความจริงเรืองนี แม้ตวั เขายังยากจะรับ
ได้ กับเซียวซ่งจะไม่ยงกว่
ิ าหรือ

“ขอเพียงนางรอดชีวิต” เสียงเซียวซ่งกระท่อนกระแท่น
ราวอยากจะพูดอะไรอีก ริมฝี ปากขยับเล็กน้อย ทว่าครู ่
ใหญ่ยงั ไม่มีเสียงดังออกมา

20
ตอนที 437 หยาดนําตา

“ฝ่ าบาทเสด็จ!” เสียงแหลมเล็กทําลายความเงียบ

หลีซือหมินก้าวเท้ายาวเข้ามา เซียวซ่งโค้งตัวทีแข็งชา
“ถวายบังคมฝ่ าบาท”

“ไม่ตอ้ งมากพิธี เราเพิงรูข้ ่าว อาการเซียนเหลียงฮูหยิน


เป็ นอย่างไรบ้าง” หลีซือหมินถาม

เซียวซ่งนิงเงียบ หลิวชิงซงรีบตอบว่า “เซียนเหลียงฮูหยิน


มีบาดแผลน้อยใหญ่ทวร่
ั างยีสิบสีแผล หนึงในนันเป็ น
แผลทีกลางหลังมองเห็นกระดูกสันหลัง บัดนียังอยูใ่ นขัน

1
วิกฤต ถึงฟื นขึนมา ร่างกายท่อนล่าง...อาจจะไร้ความ
รูส้ กึ ”

หลิวชิงซงคิดว่าจําเป็ นต้องแจ้งให้หลีซือหมินรับรู ้ หรันเห


ยียนเสียค่าตอบแทนมากมายเพือช่วยชีวิตบุตรชายของ
เขา

หลีซือหมินตะลึงชัวครู ่ แล้วหันกายไปคํานับหรันเหยี
ยนทีนอนอยูบ่ นเตียงอย่างให้เกียรติ

พวกจางซงเฮ่อนับถือหรันเหยียนมากอยูแ่ ล้ว เมือได้ยิน


เช่นนัน ไม่ตอ้ งรอให้หลีซือหมินเอ่ย ก็รบี ก้าวไปเบือง
หน้าเตรียมจับชีพจร ในเมือฝ่ าบาทรับสังให้พวกเขามา

2
ก็เพือให้รกั ษาอาการของเซียนเหลียงฮูหยิน

พวกเขายืนอยูน่ อกม่าน รอนางกํานัลเข้าไปจับมือหรันเห


ยียนยืนออกมา

นางกํานัลนางนันเข้าไปหลังม่าน เรียกเสียงเบาๆ นางไม่


กล้ายืนมือไปถูกตัวหรันเหยียน รีบบอกว่า “เซียนเหลียง
ฮูหยินมีผา้ พันทัวตัว ไม่อาจจับชีพจรทีมือได้”

“ยังพอจับชีพจรทีลําคอได้” หลิวชิงซงกล่าวช้าๆ

หลีซือหมินถอนใจคราหนึง ยืนมือไปตบไหล่เซียวซ่ง
“เจ้าวางใจ เราจะทุม่ กําลังทังหมดทีต้าถังมีช่วยรักษา
3
เซียนเหลียงฮูหยิน”

“ขอบพระทัยฝ่ าบาท” เซียวซ่งเอ่ย

หลีซือหมินกล่าวปลอบโยนหลายประโยค แล้วทิงพวก
หมอหลวงไว้ ตนเองจากไป เขายังมีเรืองราวกองพะเนิน
ให้สะสาง บุตรของเขาก่อกบฏ ขุนนางทีเชือใจก็หกั หลัง
บุตรของตูห้ รูฮ่ยุ ตูเ้ หอมีสว่ นร่วมในเรืองนี หลีซือหมิ
นถอนใจใหญ่ เขาระแวดระวังทุกด้าน สุดท้ายก็เกิดเรือง
จนได้ เพียงแต่เขาคาดว่าหลีเค่อและหลีไท่อาจก่อกบฏ
แต่ผเู้ ดียวทีคาดไม่ถงึ คือรัชทายาท!นีเพราะอะไรกัน...

“เซียวซือหลาง” จางซงเฮ่อเดินมาหา “แม้หลิวอีเฉิงกับ

4
เซียนเหลียงฮูหยินจะมาจากสํานักเดียวกัน วิชาการ
แพทย์สงู ส่งไม่ตอ้ งพูดถึง แต่พวกข้าก็นบั ถือความรู ้ คุณ
ธรรมของเซียนเหลียงฮูหยิน คิดอยากแสดงนําใจรักษา
ไม่ทราบว่า...”

เซียวซ่งรีบโค้งกายคํานับ “จางอีลงอย่
ิ าได้เกรงใจ ข้าผู้
แซ่เซียวยินดีอย่างยิง ผูแ้ ซ่เซียวขอขอบคุณทุกท่านแทน
ฮูหยินทีเมตตา”

ทุกคนรีบคํานับตอบ

เพราะไม่อาจจับชีพจรทีมือได้ จําต้องตรวจแบบสัมผัส
ใกล้ชิด หากบุกไปทีเตียง ถือเป็ นการละเมิดฮูหยินผูอ้ ืน

5
หลังถามความเห็นเซียวซ่ง พวกจางซงเฮ่อจึงรีบเข้าไป
ด้านใน

“คุณชายเก้า ท่านทําใจให้สบาย พีสะใภ้เก้าต้องไม่เป็ น


อะไรแน่ โดยทัวไปเรืองจะพัฒนาตามลําดับนี” หลิวชิง
ซงปลอบโยน

เซียวซ่งหันหน้ามามองเขาช้าๆ “ลําดับโดยทัวไป?”

หลิวชิงซงพยักหน้า “ความรักทีไม่ได้ผา่ นความเป็ น


ความตายก็ไม่มีอะไรน่ากล่าวถึง ชีวิตแต่งงานของพวก
ท่านจืดชืดเกินไป จึงเกิดเรืองเช่นนีขึน แต่ทา่ นวางใจ ไม่
มีใครทีไม่อยากเห็นคนอืนได้ดี ต่อให้พีสะใภ้เก้ากลาย

6
เป็ นมนุษย์ผกั สักปี สองปี ตอ้ งฟื นคืนมาได้แน่นอน”

ตรรกะของคนทัวไปไม่อาจเข้าใจวิธีคิดของหลิวชิงซงได้
ยิงเป็ นคนตรรกะสูงอย่างเซียวซ่ง แม้เขาจะพยายามทํา
ความเข้าใจความหมายของวาจานี แต่ยามนีก็ไม่อาจตัง
สมาธิได้ เพียงเอ่ยช้าๆ “รุนแรงเช่นนีเชียวหรือ...”

“เป็ นครังแรกทีข้ารักษาบาดแผลภายนอกทีรุนแรงเช่นนี”
ถึงตอนนีหลิวชิงซงก็ยงั รูส้ กึ แขนขาชา

เซียวซ่งเม้มปากแน่น ยืนรออยูน่ อกม่าน สําหรับเขานัน


เวลาไม่ได้เนินนานนัก เพราะยามทีแม้แต่สมองยังไม่
แล่น อันทีจริงความรูส้ กึ ต่อเรืองต่างๆ ก็เชืองช้าไปหมด

7
ไม่รูผ้ า่ นไปนานแคไหน พวกจางซงเฮ่อจึงพากันออกมา
เซียวซ่งขยับขาทีแข็งชา

จางซงเฮ่อเห็นอากัปกิรยิ า รีบประสานมือเอ่ย “หลังจาก


พวกข้าตรวจดูอาการ เห็นว่าบาดแผลภายนอกของเซียน
เหลียงฮูหยินรุนแรงมาก เสียเลือดมากเกินไป ต้องบํารุง
รักษาร่างกายหลายปี จงึ จะฟื นฟูกลับมาได้ แต่พวกข้า
ความรูต้ ืนเขิน ตรวจไม่พบอาการอืนๆ”

เซียวซ่งตะลึง “ทีพูดมา ฮูหยินข้าจะไม่เป็ นอัมพาต? ไม่มี


อันตรายถึงชีวิต?”

8
“ยามนีอาการของเซียนเหลียงฮูหยินอันตรายมาก แต่
พวกข้าขอรับรองด้วยชือเสียงทางการแพทย์หลายสิบปี
จะไม่ยอมให้ฮหู ยินเป็ นอะไรแน่” โจวอีลงลู
ิ บเคราพลาง
ตอบเสียงตํา “สําหรับเรืองเป็ นอัมพาต...พวกเรายัง
วินิจฉัยไม่ได้แน่ชดั ไม่อาจสรุปได้ ข้าเสนอว่าให้เชิญ
หมอเทวดาอูม๋ าตรวจอีกที”

“ใช่ ใช่ ใช่” ทุกคนเห็นพ้อง

โดยปกติหมอจะไม่รบั ปากสัญญากับญาติผปู้ ่ วย แต่


พวกจางซงเฮ่อยอมใช้ชือเสียงเป็ นประกัน ด้วยว่านับถือ
หรันเหยียนอย่างแน่แท้ และมีความมันใจอย่างยิงต่อ
การรักษาอาการบาดเจ็บ

9
เซียวซ่งเข้าใจประเด็นนี รีบเตรียมส่งคนไปเชิญอูซ๋ ิวเห
อ จู่ๆ กลับนึกได้วา่ ทีนีเป็ นในวัง “อาการบาดเจ็บของฮูห
ยินข้าเคลือนย้ายได้หรือไม่”

โจวอีลงรี
ิ บเอ่ยว่า “เซียนเหลียงฮูหยินบาดเจ็บเพราะช่วย
องค์ชายเก้า รักษาตัวทีนีไม่ได้มีอะไรไม่เหมาะสม รออีก
ครึงเดือน บาดแผลสมานดี ค่อยใคร่ครวญเรืองนี”

เซียวซ่งพยักหน้า เมือครูฝ่ ่ าบาทตรัสไว้วา่ จะทุม่ กําลังทัว


ต้าถังมาช่วยหรันเหยียน เซียวซ่งแม้ยงั ไม่คิดว่าเป็ นจริง
ตามนัน แต่เมือให้คาํ สัญญาเช่นนี รักษาตัวภายในวังสัก
สิบวันครึงเดือนไม่น่าเป็ นปั ญหา ทีนีก็ไม่ใช่เขตพระราช

10
ฐานชันใน และไม่ใช่สถานทีสําคัญทางทหาร

เซียวซ่งฟั งคําจากทังจางซงเฮ่อและโจวอีลงิ ก็ตงสติ


ั ได้
หันไปกล่าวกับหลิวชิงซงว่า “เจ้าไปหาวิธีพาหมอเทวดา
อูเ๋ ข้าวัง”

“อือ” หลิวชิงซงใช้มือลูบท้ายทอย ออกจากประตูไป

เซียวซ่งไม่กล้าชะล่าใจ ในเมือคนทีเห็นบาดแผลกลาง
หลังหรันเหยียนนันมีเพียงหลิวชิงซงคนเดียว ตอนนัน
เป็ นครังแรกในชีวิตทีเซียวซ่งกลัวทีจะเผชิญเรืองบาง
เรือง เขากลัวระงับอารมณ์ไม่ได้หากเห็นสภาพเลวร้าย
ของหรันเหยียน จึงไม่กล้าเข้าไปวุน่ วาย

11
ยามนีนึกขึนได้เซียวซ่งถึงกับกลัวตามหลัง ตอนนันร้อน
ใจเกินไป ลืมไปว่าหลิวชิงซงเป็ นพวกทีไม่คอ่ ยเข้าร่อง
เข้ารอย มอบหรันเหยียนให้เขา ช่างอันตรายจริงๆ

เมือจางซงเฮ่อเห็นเซียวซ่งคล้ายอารมณ์ยงั ไม่สงบดีนกั
จึงถอยออกไปเงียบๆ

ในห้อง เหลือเพียงเขากับหรันเหยียน

ผ้าม่านโปร่งบางสีครามพลิวไหวยามต้องลม มองเห็นใบ
หน้าขาวซีดของหรันเหยียนได้รางๆ

12
เซียวซ่งเดินไปทีเตียง นังลงข้างเธอ ค่อยๆ ฟุบลงข้างมือ
เธอ จู่ๆ นําตาก็ไหลพราก

เขารูส้ กึ กลัว

แรกเริมเซียวซ่งก็แค่ชอบหรันเหยียนเฉยๆ ชอบแบบที
บุรุษถูกสตรีดงึ ดูด แต่เมือได้ติดต่อกันลึกซึงขึน เขายิง
รูส้ กึ ไม่อาจถอนตัว หลังจากแต่งงานจวบจนบัดนี ความ
รักไม่แปรเปลียน แต่ความผูกพันด้านอืนเพิมพูนมากขึน

สําหรับเซียวซ่ง หรันเหยียนคือคนรัก คือเพือน คือญาติ


คือคนรูใ้ จ เธอรับฟั งมุมมองด้านการเมืองของเขา เข้าใจ
การปฏิบตั ิตอ่ ผูค้ นและสังคมของเขา เป็ นเพือนร่วมรบ

13
เคียงบ่าเคียงไหล่กบั เขา เป็ นตัวเองอีกคนทีไม่ตอ้ งคาด
เดาสงสัย

บนโลกใบนี ใช่วา่ ขาดใครไปสักคนแล้วจะมีชีวิตอยูต่ อ่


ไม่ได้ เซียวซ่งเป็ นคนเช่นนี หรันเหยียนก็เช่นกัน แต่
ความปวดร้าวจะไม่ลดลงแม้แต่นอ้ ย ถึงจะเข้มแข็งก็
ตาม

สําหรับเซียวซ่ง ขอเพียงหรันเหยียนยังมีชีวิต ก็ไม่นบั เป็ น


ผลลัพธ์ทีเลวร้ายทีสุด อะไรเขาก็รบั ได้ทงนั
ั น

“ท่านพ่อ” เสียงออดอ้อนของรัวรัวดังมา

14
สีหน้าหวันลวีตืนตระหนกยิงทีเห็นหรันเหยียนถูกผ้าพัน
ไว้ทงตั
ั วอย่างแน่นหนาและเซียวซ่งทีไหล่สนกระตุ
ั ก
ฟุบอยูบ่ นเตียง

เซียวซ่งลุกขึนยืนเมือได้ยินเสียง หันหลังเช็ดนําตาจน
แห้งแล้วจึงหันกลับมาหาพวกนาง

“นายท่าน ฮูหยิน นาง...” หวันลวีเห็นหรันเหยียนเป็ นเช่น


นี ตังสติไม่ได้ชวขณะ
ั เรืองทีอยากถามมีมากมาย แต่ไม่
รูจ้ ะเริมตรงไหน

“พักฟื นสักระยะหนึงก็จะดีขนึ ไม่ตอ้ งห่วง” เซียวซ่งยืน


มือรับตัวรัวรัวมา เอ่ยยิมๆ “บอกพ่อซิ กินข้าวหรือยัง”

15
รัวรัวจ้องมองดวงตาแดงกําของเซียวซ่ง เสียงอ้อแอ้ ไม่รู ้
ว่ากําลังพูดอะไรบ้าง

แม่นมก็อมุ้ เจ้าหนูสองคนเข้ามา หวันลวีบอก “คุณหนู


น้อยและคุณชายน้อยเชือฟั งดี กินได้ไม่นอ้ ย เพียงแต่ตืน
นอนก็จะเริมหาฮูหยิน บ่าวจึงขอให้คนในวังพาพวกเรา
มาเจ้าค่ะ”

หวันลวีเห็นบนผ้าพันแผลมีเลือดซึมออกมา ดวงตาแดง
กํา “นายท่าน ฮูหยินไม่เป็ นอะไรจริงๆ หรือ”

“ท่านแม่” ลูกคนรองพูดคํานีได้เป็ นครังแรก ตะโกนเรียก

16
เสียงดังอย่างดีใจเมือเห็นหรันเหยียน

เขาไม่รูว้ า่ มารดาของตนโต้ตอบไม่ได้

เซียวซ่งตบก้นเขาเบาๆ เอ่ยว่า “อย่าเสียงดัง ท่านแม่


กําลังนอนหลับ พวกเจ้าเล่นกันเองได้หรือไม่”

เด็กทังสามคนจ้องมองหรันเหยียนตาแป๋ ว ไม่เข้าใจว่าเห
ตุใดหรันเหยียนจึงไม่สนใจพวกเขา แต่ได้เห็นท่านพ่อ
เด็กทังสามก็ไม่รอ้ งไห้อีก ยอมให้แม่นมอุม้ ออกไปแต่
โดยดี

เซียวซ่งคิดถึงตอนทีเด็กๆ ต้องถูกส่งกลับบ้าน อาจมาหา


17
หรันเหยียนได้เพียงครังสองครังในเวลาสิบวันครึงเดือน
พระราชวังก็ไม่ใช่บา้ นตัวเอง จะเข้าออกง่ายๆ ได้อย่าง
ไร! เขาจึงให้เด็กๆ พักอยูใ่ นห้องติดกัน แล้วให้คนในวัง
ไปเอาของใช้ของเด็กๆ ทีบ้านมา

เซียวซ่งนังเฝ้าดูหรันเหยียนตลอดเช้า หลังกินอาหาร
กลางวันอย่างลวกๆ หลิวชิงซงกับอูซ๋ ิวเหอจึงมาถึง

หลิวชิงซงหอบเอาออกซิเจนมาด้วย เป็ นของทีเตรียมไว้


สําหรับองค์หญิงจินหยาง เขารูส้ กึ ว่ามีความจําเป็ นต้อง
เผือไว้สองขวดยามฉุกเฉิน

อูซ๋ ิวเหอเห็นสารรูปของหรันเหยียน จับชีพจรพลางเอ่ย

18
“พระราชวังนีไม่ถกู โฉลกกับลูกศิษย์ขา้ มาหนึงครังก็เกิด
เรืองหนึงครัง ข้าว่าวันหน้าพวกเจ้ารีบออกห่างจาก
สถานทีนีเสีย”

“อาจารย์ ท่านจริงจังหน่อย” หลิวชิงซงพูด

อูซ๋ ิวเหอกลอกตา “ข้ารับเจ้าเป็ นศิษย์ตงแต่


ั เมือไร ไยข้า
จึงไม่รู!้ แต่สะใภ้บา้ นเจ้า ข้ากลับอยากรับไว้...นางโหง
วเฮ้งไม่เลว คูก่ บั เจ้าแล้วเสียของ ข้าบอกนางแล้ว ขอ
เพียงกราบข้าเป็ นอาจารย์ วันหน้าจะหาบุรุษหนุ่มรูป
งามมีความสามารถสูงให้”

หลิวชิงซงเห็นว่าอูซ๋ ิวเหอยิงพูดยิงคึก หัวเราะแห้งๆ

19
“ท่านดูลกู ศิษย์คนปั จจุบนั ก่อนดีกว่า”

อูซ๋ ิวเหอหลับตา ชัวครูก่ ็ชกั มือกลับ บอกว่า “ปั ญหาไม่


หนักหนา”

หลิวชิงซงขมวดคิวเอ่ย “ครังก่อนพีสะใภ้เก้าตังท้อง ท่าน


จับชีพจรทุกครังก็บอกว่าปั ญหาไม่หนักหนา ท่านบอก
เหตุผลให้ฟังหน่อยสิ!”

อูซ๋ ิวเหอถลึงตากล่าว “แล้วเกิดปั ญหาใหญ่หรือไม่ สี


หน้านางตอนนียังดีกว่าตอนเห็นนางทีซูโจวไม่รูก้ ีเท่า
ชีพจรยังนับว่าปกติ จะเกิดเรืองได้อย่างไร”

20
“ฮูหยินจะมีอนั ตรายถึงขันเป็ นอัมพาตหรือไม่” เซียวซ่ง
ถาม

อูซ๋ ิวเหอเอ่ย “ดู ฟั ง ถาม จับชีพจร ดูกบั จับชีพจรปั ญหา


ไม่ใหญ่ รอนางตืนมาถามก็จะรู”้

หลิวชิงซงไม่รูจ้ ะพูดอะไร แม้บนร่างมีแผลยีสิบกว่าแห่ง


ยังว่าปั ญหาไม่ใหญ่ แล้วอะไรจึงนับว่าปั ญหาใหญ่

“ข้าจะอยูด่ อู าการแม่หนูสบิ เจ็ด แม้ในวังมีหมอหลวง


มากมาย แต่ปรมาจารย์ขา้ คือเก่อหง (นักพรตชือดังทีมี
วิชาแพทย์สงู ส่ง) ข้าเป็ นหมอมาหลายสิบปี รักษาคนมา
นับไม่ถว้ น วิชาการแพทย์ไม่ดอ้ ยไปกว่าหมอหลวงเหล่า

21
นันเด็ดขาด” อูซ๋ ิวเหอตัดสินใจแล้ว

เซียวซ่งไม่รูว้ า่ วิชาการแพทย์ของอูซ๋ ิวเหอเป็ นเช่นไร แต่


เบืองหน้ามีหมอเพิมอีกคน เขาก็อนุ่ ใจขึนอีกระดับ ย่อม
ไม่ปฏิเสธอยูแ่ ล้ว จึงให้หลิวชิงซงพาเขาไปพักทีสํานัก
หมอหลวงชัวคราว คิดว่าอีลงทั
ิ งสองต้องเต็มใจรับไว้

เซียวซ่งแข็งใจตังสติ จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อย จึงสงบ


จิตสงบใจมาเฝ้าหรันเหยียน

ในสีวันนี หมอหลวงมาติดตามดูอาการตามเวลาทุกเช้า
คํา อูซ๋ ิวเหอกับหลิวชิงซงก็หมุนเวียนมาดูแลและอยูเ่ ป็ น
เพือนเซียวซ่งทังวัน

22
หลายวันนี หลิวชิงซงไม่ได้เห็นเซียวซ่งสินหวังและหดหู่
เขายุง่ อยูก่ บั การดูแลหรันเหยียนและเด็กๆ แทบไม่มี
เวลามาเศร้าโศกเสียใจ ตอนกลางคืนเขาให้หลิวชิงซงมา
อยูด่ แู ลแทน เพือประกันว่าตัวเองจะได้มีเวลาพักผ่อน
สองชัวยาม เพราะเขาไม่รูว้ า่ หรันเหยียนจะสลบอีกนาน
แค่ไหน เขายังมีลกู สามคนทียังเดินไม่ได้ ยังมีเรืองมาก
มายให้แบกรับ ไม่อาจล้มลงได้

23
ตอนที 438 เซียงกง ข้าเพียงผ่านทางมา

หรันเหยียนรูส้ กึ ว่าตัวเองอยูใ่ นความฝันทีทังยาวนาน


และน่าเบือ

ในความฝันช่างยุง่ เหยิงนัก ภาพมากมายถาโถมมาดัง


คลืนทะเล เธอคล้ายกับเป็ นเรือลําน้อยกลางมหาสมุทร
แล่นขึนลงตามคลืนยักษ์ งุนงงจนสายตาพร่าเลือน

ความรูส้ กึ นีดําเนินไปต่อเนือง เธออยากจะอาเจียน แต่


ในท้องว่างเปล่า สุดจะทน ค่อยๆ รูส้ กึ ปวดร้าวทัวร่าง
หายใจลําบาก เธอหอบฮักๆ ครวญครางอย่างเจ็บปวด

1
“อาเหยียน อาเหยียน?”

ยามทีเธอกัดฟั นเพือยืนหยัดนัน พลันได้ยินเสียงไพเราะ


ทุม้ นุ่ม มีแรงดึงดูด คล้ายขนนกแตะทีขัวหัวใจ คล้าย
กับ...คําคืนนัน ทีได้ยินเป็ นครังแรกในป่ าทึบ

เธอยังจําได้วา่ ยามเขาเปี ยมอารมณ์พิศวาส นําเสียงน่า


ดึงดูดทีสุด

“อาเหยียน”

หรันเหยียนได้ยินเสียงเรียกมาเรือยๆ พลันจมดิงลงใน
2
ความมืดมิด ดวงตาเธอสัมผัสถึงแสงสว่างเล็กน้อย จึง
อยากลืมตาขึน

เพียงการเคลือนไหวง่ายทีสุดนี เธอยังรูส้ กึ ว่าต้องใช้เรียว


แรงทังหมดทีมี

ท่ามกลางสายตาพร่ามัว หรันเหยียนมองเห็นใบหน้า
หล่อเหลาทีคุน้ เคย แต่หนวดเครารกรุงรัง ดูแก่ไปหลายปี

“อาเหยียน” ขอบตาเซียวซ่งแดงขึนทันใด ตาบวมขึนบ้าง


เขายืนมือลูบไล้ดวงหน้าหรันเหยียนเบาๆ “ในทีสุดก็ฟืน
เสียที ท่านไม่รูว้ า่ ลูกๆ คิดถึงท่านมากเพียงใด”

3
ลูกๆ แล้วท่านล่ะ? คิดถึงข้าบ้างหรือไม่ หรันเหยียนอ
ยากถาม แต่ยากทีจะเปล่งเสียง มีอาการเวียนศีรษะ
รุนแรงพักหนึง หรันเหยียนขมวดคิว

ยามทีเธอสุดจะทน บนหน้าผากร้อนเล็กน้อย กลับ


เหมือนอย่างทีเซียวซ่งเคยปฏิบตั ิตามปกติ ก้มลงจุมพิต
หน้าผากเธอครังหนึง

“พีสะใภ้เก้า ท่านฟื นแล้ว?” หลิวชิงซงยกนําแกงโสมเข้า


มา เห็นหรันเหยียนลืมตา รีบวางชามลง แล้วถามอย่าง
ใจร้อนว่า “ท่านยังจําข้าได้หรือไม่ หรือว่าร่างกายมี
ความรูส้ กึ หรือไม่”

4
อาการเวียนศีรษะหายไป หรันเหยียนหวนคิดโดย
ละเอียด หรือว่าก่อนทีเธอจะสลบ ศีรษะโดนกระแทก แต่
ต่อมาพอนึกถึงความคิดของหลิวชิงซง ไม่อาจใช้ตรรกะ
ปกติในการใคร่ครวญ ก็เลยไม่คิดทีจะสนใจเขา

ด้านร่างกาย...เจ็บปวดเสียจนเธอไม่อยากจะมีรา่ งกายนี
แล้ว จะไม่มีความรูส้ กึ ได้อย่างไร

“อย่าเอะอะ” เซียวซ่งกล่าวอย่างเย็นชา

“คุณชายเก้า ท่านดูพีสะใภ้เก้าจําข้าไม่ได้ ความจําเสือม


หรือ” หลิวชิงซงลดเสียงลง พูดอย่างหนักใจ

5
เซียวซ่งมองไปทางหรันเหยียน ดูจากแววตาของเธอ เขา
มันใจว่าเธอไม่ได้สญ
ู เสียความทรงจํา เลยไม่สนใจหลิว
ชิงซง เอ่ยยิมๆ “กินนําแกงโสมสักหน่อยเถิด อีกสักครูข่ า้
จะให้คนยกข้าวต้มมา”

หรันเหยียนนอนอยู่ กลืนนําแกงโสมทีเซียวซ่งป้อนอย่าง
ยากลําบาก

กินไปได้ครูห่ นึง จู่ๆ รูส้ กึ งัวเงียแล้วก็หลับไปอีก

หกเจ็ดวันต่อมา ถึงจะกินอาหารเหลวได้ แต่อาการ


เหมือนเดิมตลอด เซียวซ่งเจาะจงถามหมอหลวงหลาย
คน รับรูว้ า่ นีเป็ นอาการปกติของการเสียเลือดมาก จึง

6
ค่อยๆ วางใจ

หรันเหยียนทังร่างไม่อาจขยับเขยือน และไม่อาจเปล่ง
เสียงได้ แต่เซียวซ่งกลับสามารถคาดเดาความต้องการ
ของเธอจากสีหน้าเพียงเล็กน้อย ยามเบือหน่าย ก็จะเล่า
นิทานให้เธอฟั ง นิทานทีเซียวซ่งเล่าเป็ นประเภทเดียวกัน
หมด แต่ก็เข้ากับรสนิยมของเธอ

นอกจากนิทาน เซียวซ่งก็เล่าสถานการณ์ในราชสํานักให้
ฟั งบ้างบางครัง

ครึงเดือนต่อมา แผลขนาดเล็กบนร่างกายหรันเหยี
ยนเริมตกสะเก็ด บ้างก็หลุดลอก เซียวซ่งเจาะจงให้ช่าง

7
ไม้ทาํ แคร่ทีเอนนอนได้ สุดท้ายก็พากลับไปพักฟื นทีบ้าน

ช่วงนีเหล่าขุนนางอาวุโสก็ได้ตดั สินบทสรุปเรืององค์
รัชทายาทก่อกบฏ

ผูร้ ว่ มก่อกบฏอย่างฮันอ๋องหลีหยวนชาง โหวจวินจี หลี


อันเหยียน ตูเ้ หอ จ้าวเจีย ล้วนต้องโทษประหารชีวิต มี
โทษถึงสามชัวโคตร แต่เนืองจากจ้าวฮูหยินปลิดชีวิตลูก
ชายเพือผดุงคุณธรรม จึงเว้นโทษตายแก่สกุลตู้ แต่มี
โทษฐานทีอบรมลูกไม่ดี ยึดตําแหน่งภรรยาขุนนางคืน
นอกจากนันสืบเนืองด้วยโหวจวินจีมีคณ
ุ ปู การต่อต้าถัง
จึงให้เหลือคนรุน่ ต่อมา นิรโทษกรรมภรรยาและบุตรชาย
คนโต ยึดตําแหน่งภรรยาขุนนางและยศศักดิ เป็ นสามัญ
ชน ขับออกจากฉางอัน
8
ถึงขณะนี โทษของผูร้ ว่ มก่อกบฏล้วนกําหนดเรียบร้อย
รอเพียงการลงทัณฑ์ แต่โทษของหลีเฉิงเฉียนนันยังถก
กันไม่จบสิน เมือหลีซือหมินถาม เหล่าขุนนางอาวุโสแจ้ง
ว่า หากอิงตาม ‘กฏหมายต้าถัง’ ต้องประหารชีวิต ถ้าอิง
ตามหลักเหตุผล ควรเป็ นอย่างไร อย่างไร...ไม่มีใครกล้า
เอ่ยอย่างเฉียบขาดว่า ต้องประหารชีวิต

เซียวซ่งหลบพ้นมรสุมนีพอดี เพราะหรันเหยียนบาดเจ็บ
สาหัส

.........

9
ในบ้านสกุลเซียว

เซียวซ่งยกชามนําแกงต้มกระดูก เอ่ยโน้มน้าว “อาเหยี


ยน กินอีกคําเถิด”

“ไม่เอาแล้ว ท่านบอกแต่วา่ คําสุดท้าย เดียวข้าก็ตอ้ งเข้า


ห้องนําอีก” หรันเหยียนขมวดคิว นําเสียงแหบแห้ง

ทีทําให้หรันเหยียนปวดหัวก็คือ ทุกครังทีเธอเข้าห้องนํา
ปลดทุกข์ เซียวซ่งต้องเช็ดล้างให้เธอตลอด เธอรูส้ กึ ซาบ
ซึงนําใจในยามยาก แต่ก็ยงั เขินอาย และเกรงว่าความ
สวยงามระหว่างบุรุษสตรีนนจะมลายไปในไม่
ั กีวัน เธอ
จึงมีอคติกบั การกินนําแกง

10
“ก็ได้ เว้นสักสองชัวยามแล้วค่อยกิน” เซียวซ่งวางชามลง
เช็ดคราบมันทีมือ เอ่ยว่า “ร่างกายท่อนล่างของท่านมี
ความรูส้ กึ จริงหรือ”

“เซียวเยวียจือ ข้าว่าท่านเปลียนไปเป็ นไร้เดียงสา ท่าน


เชือคําพูดของหลิวชิงซงทีเชือถือไม่คอ่ ยได้ดว้ ย?” หรันเห
ยียนขมวดคิวถาม

เซียวซ่งส่ายหน้า แต่ตอบว่า “ตามเหตุการณ์ทีเขาบอก


แม้ขา้ ไม่คอ่ ยรูเ้ รืองการแพทย์ ก็คิดว่าน่าเชือถืออยูบ่ า้ ง”

หรันเหยียนบอก “ไหนเลยจะเป็ นอัมพาตได้ง่ายเช่นนี จะ

11
เป็ นก็ตอ่ เมือกระดูกสันหลังได้รบั บาดเจ็บขันรุนแรง ถึง
จะเป็ นอัมพาต ตอนนันข้าคํานวณไว้อย่างดี ยามข้าแทง
เข็มพิษไปทีตัวเขา คูต่ อ่ สูต้ อ้ งชะงักชัวครู ่ แรงส่งของดาบ
ทีฟั นลงมาก็จะลดทอนไปอย่างน้อยครึงหนึง ไม่มากพอ
ทีจะทําลายกระดูกสันหลังข้าได้ มิเช่นนันข้าจะยอมเผย
แผ่นหลังให้ศตั รูได้อย่างไร”

หรันเหยียนนับว่ายังโชคดี เธอตังใจเบียงตัว แต่ดาบก็


ฟั นลงใกล้กระดูกสันหลัง โชคดีไม่โดนเส้นประสาท มิ
เช่นนันถึงไม่เป็ นอัมพาต แต่รา่ งกายท่อนล่างก็ตอ้ งสูญ
เสียความรูส้ กึ แน่ ผลทีตามมาก็คือ ไม่อาจควบคุมการ
ปลดทุกข์ได้

เซียวซ่งขมวดคิวมุน่ “ถ้าพูดเช่นนี เขาก็เพียนอีกแล้ว”


12
ทุกครังทีหลิวชิงซงได้รบั ความกระทบกระเทือนใจอย่าง
แรง ก็จะคอยหลบเลียงอย่างไม่รูต้ วั ยกนิทานทีแต่งขึน
มาปลอบประโลมตัวเอง เขากลัวหรันเหยียนมีอนั เป็ นไป
ไม่นอ้ ยกว่าเซียวซ่ง จึงคิดอยูฝ่ ่ ายเดียวว่า เรืองราวจะ
ดําเนินไปตามจินตนาการของตน ไม่วา่ ระหว่างทางจะ
ยากเข็ญเพียงใด สุดท้ายก็ลงเอยด้วยดี

“ดูทา่ อาอวินก็ไม่อาจทําให้เขาสบายใจได้” หรันเหยี


ยนถอนใจก่อนเอ่ย ในบางแง่มมุ ความดือดึงของหลิวชิง
ซงก็พอฟั ดพอเหวียงกับซางเฉิน

เซียวซ่งฟั งหรันเหยียนพูดอย่างมันใจว่าตัวเธอไม่เป็ นไร


จึงวางใจ ไม่ได้คิดคํานึงถึงคําทีหรันเหยียนกล่าวอย่าง
13
ทอดถอนใจ กลับพูดว่า “อาเหยียน ข้ามีเรืองปรึกษากับ
ท่าน”

“เรืองอะไร” หรันเหยียนมองไปทางเขา

“รอจนแต่งตังองค์รชั ทายาทองค์ใหม่ ข้าจะขอลาออก


ข้ามีทีดินในฉางอันไม่นอ้ ย ทังยังมีบรรดาศักดิ หมดห่วง
เรืองความเป็ นอยู่ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ปัญหา” เซียวซ่งบอก

ผ่านสองเหตุการณ์มาเมือเร็วๆ นี เซียวซ่งคิดว่าองครักษ์
อะไรก็พงไม่
ึ ได้ ปกป้องเองจะดีกว่า แต่เขาเป็ นซือหลา
งกรมอาญา งานยุง่ ทุกวัน ไม่อาจดูแลสถานการณ์ภาย
ในบ้านได้ตลอดเวลา

14
หรันเหยียนเงียบไปชัวครู ่ เอ่ยว่า “ข้าอยากจะตอบตกลง
แต่ขา้ ก็เข้าใจตัวเองว่าไม่เหมาะกับชีวิตเรียบง่ายเช่นนัน
ถ้าชะตากําหนดให้ไม่อาจนอนหลับแล้วตายจากไป ข้า
ยอมถูกฟั นตาย ก็ไม่คิดจะอุดอูต้ าย ส่วนท่านถามใจตัว
เองดู แล้วบอกข้า ท่านยอมเป็ นคนธรรมดาจริงๆ หรือ”

“ไยจึงเอ่ยคําไม่เป็ นมงคลเช่นนี!” เซียวซ่งขมวดคิวถาม


“ปลูกข้าวแบบไม่เหมือนคนทัวไปก็เป็ นความสามารถ”

คําพูดประโยคนีฟั งแล้วก็คือการหักล้างหรันเหยียน แต่ที


จริงกําลังแสดงออกถึงความคิดทีแท้จริงในใจเขา เขาไม่
ใช่คนทียอมท่องเทียวเรือยเปื อยแน่นอน

15
สําหรับบุรุษทีแท้จริง การหาทรัพย์สนิ ชือเสียงเกียรติยศ
เข้าบ้าน ก็เป็ นแค่เครืองบ่งชีความสําเร็จอย่างหนึงของ
พวกเขา เป็ นมูลค่าเพิมทีพวกเขาได้จากความบากบันใน
การทํางาน พวกเขาชอบอํานาจ ก็เหมือนสตรีชอบแต่ง
ตัว บ่อยครังไม่ตอ้ งการเหตุผลอืนใด

“เซียวเยวียจือ” หรันเหยียนพูดเสียงเบา “สิบปี ให้หลัง


ค่อยลาออกเถิด ท่านน่าจะรูด้ ีกว่าข้า องค์รชั ทายาทก่อ
กบฏ ตําแหน่งผูส้ ืบทอดยังไม่แน่นอน ช่วงเวลาวุน่ วาย
เช่นนีคงอยูไ่ ม่นานนัก ข้ารับทุกข์มากมายจากความ
วุน่ วายนี รอจนทุกอย่างสงบ กลับให้ขา้ ละทิงสิงทีแสวง
หามายาวนาน แบบนีข้าขาดทุนแย่”

16
เซียวซ่งมองเธอ จากยิมน้อยๆ กลายเป็ นหัวเราะเสียงดัง
ลัน “อาเหยียน เป็ นผูร้ ูใ้ จข้าจริงๆ!”

หรันเหยียนไม่พดู ไม่จา ยิมน้อยๆ

สายลมฤดูใบไม้รว่ งโชยพัดพาเอาความเย็นมาด้วย

ด้านนอกใบไม้รว่ งโปรยปราย แสงแดดใกล้เทียงวันขาว


วับแสบตา บุรุษหนุ่มสวมชุดสีเทา มือเรียวยาวจับไม้
กวาด กวาดใบไม้ทีร่วงหล่นทีละน้อยบนขันบันไดหิน
ด้านนอกวัดฉือเอิน

พืนทีทีเพิงกวาดเสร็จ จะมีใบไม้แห้งร่วงลงมาอีกอย่าง
17
รวดเร็ว บุรุษหนุ่มก็รบี กลับไปกวาดใหม่อีกครัง

แสงแดดสาดส่องตัวเขาและใบหน้าเป็ นดวงๆ ช่วยให้


เค้าหน้าทีหล่อเหลายิงโดดเด่น เขากวาดพืนอย่างตังใจ
และมุง่ มัน จมดิงอยูใ่ นโลกของตัวเอง ราวกับไม่รูเ้ ลยว่า
มีคณ
ุ หนูและฮูหยินมากมายบ้างล้อมมองบ้างแอบมอง
ข้างตัวเขา

“อาจารย์ซางช่างหล่อเหลา...” มีคนอดใจไม่ไหว กระซิบ


กระซาบชืนชม ทันใดนันก็มีคนคล้อยตามกันใหญ่

อันทีจริงทีซางเฉินถูกใช้ให้มากวาดพืน เป็ นเรืองบังเอิญ


ทังนัน มีครังหนึงทีซางสุยหย่วนไม่สบายใจ จึงไปขอฟั ง

18
ธรรมะจากอาจารย์หวายจิง หวายจิงบอกว่าจิตใจเขา
ฟุง้ ซ่าน จึงส่งเขาไปกวาดใบไม้หน้าประตูวดั

ตังแต่วนั นันเป็ นต้นมา เจ้าอาวาสเห็นว่าผูค้ นมากราบ


ไหว้ทีวัดเพิมขึนกว่าแต่ก่อนหลายเท่า เจ้าอาวาสทีเปี ยม
ด้วยสติปัญญาก็หาสาเหตุได้โดยเร็ว จากนันจึงใช้ให้ซาง
เฉินไปกวาดใบไม้บอ่ ยๆ ยิงเป็ นฤดูใบไม้รว่ งช่วงนี ฟ้า
โปร่งลมโชย เป็ นฤดูทีดีทีสุดในการกวาดใบไม้ ต้องไม่
ปล่อยให้โอกาสผ่านไป

ซางเฉินกวาดตังแต่เช้าจนถึงคํา ประตูเมืองใกล้ปิด คนที


ล้อมดูก็แยกย้ายไปหมด

19
ซางเฉินกวาดจนถึงบันไดขันสุดท้าย หันกลับไปมองก็
เห็นใบไม้รว่ งเต็มพืนอีก ตัดสินใจกลับไปกวาดอีกรอบ
ยามนีด้านบนมีสามเณรน้อยอ้วนพีสง่ เสียงดังมา
“อาจารย์อา กินข้าวได้แล้ว!”

“อ๋อ รูแ้ ล้ว” ซางเฉินตอบ

สามเณรน้อยเมือได้คาํ ตอบ รีบวิงไปแย่งชิงข้าว

ซางเฉินใช้ไม้กวาดเขียใบไม้ทีร่วงบนพืน ใคร่ครวญอยูว่ า่
กินข้าวเสร็จแล้วค่อยกวาด หรือกวาดเสร็จแล้วค่อยกิน
ข้าว

20
กําลังตกอยูใ่ นภวังค์ ก็มีเสียงดังตุบ้ ซางเฉินรูส้ กึ มีลมแรง
พัดผ่านด้านหน้าตน มีวตั ถุตกลงตรงหน้าเขาพอดี หล่น
อยูท่ ีบริเวณเท้าของเขา มีเสียงร้องออกมา “โอ๊ย” เป็ น
เสียงร้องเจ็บปวด

เขาตะลึงมอง ‘วัตถุ’ ทีงดงามนี หน้านูนหลังเว้าเส้นสาย


ชัดแจ้ง

วัตถุทีงดงามคลําทีเอวแล้วค่อยลุกขึนมา ใช้แขนเสือ
บังหน้าไว้ ส่งเสียงมีเสน่หช์ วนฟั ง “เซียงกง (คําเรียก
เสนาบดีสมัยถัง แต่ในสมัยซ่งใช้เรียกชายหนุ่มลูกผูด้ ี)
ท่านนี ข้าเพียงผ่านทางมา ท่านไม่เห็นอะไรทังนันนะเจ้า
คะ”

21
พูดจบก็กา้ วเท้าอาดๆ มุง่ ไปในเมืองทีอาบแสงสายัณห์

ซางเฉินหันหลังกลับ มองไปโดยรอบ เอ่ยพึมพํา “มีเซียง


กงทีไหนกัน”

ยามนีมีเพียงเสนาบดีเท่านันทีถูกเรียกว่าเซียงกง...หรือ
ว่าคุณหนูนางนีล้มจนเพียน

เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าสีสนั หลากหลาย ยืนทืออยูค่ รู ่


หนึง คิดวนเวียนถึง ‘ผ่านทาง’ สองคําทีคุณหนูนางนัน
เอ่ย

22
ตอนที 439 ยกสุราวอนลมบูรพา (1)

“เซียงกงท่านนี” จู่ๆ เสียงนันก็ดงั มาอีก

ซางเฉินมองไปรอบด้าน มันใจว่าไม่มีคนอืน จึงมองไป


ทางต้นเสียง ยังคงเป็ นสตรีนางนัน นางใช้แขนเสือปิ ดบัง
รูปโฉม ถามด้วยนําเสียงน่าฟั ง “ขอบคุณเซียงกงทีช่วย
เหลือ ยังไม่ทราบชือแซ่ของเซียงกงเลย”

“ผูน้ อ้ ยนามว่าซางเฉิน ชือรองสุยหย่วน เป็ นศิษย์


ฆราวาสของวัดฉือเอิน ไม่ใช่เซียงกง” ซางเฉินโค้งกาย
เมือตอบไปแล้วก็นกึ ขึนได้วา่ เขาเคยช่วยนางหรือ

1
พอสตรีนางนันบิดตัว เผยให้เห็นใบหน้าครึงหนึง ยิม
น้อยๆ มาทางเขาดุจดอกบัว ไม่ชา้ ก็จากไปดังสายลม

เสียงกลองบอกเวลาปิ ดประตูเมืองดังมา

ซางเฉินยังยืนอยูท่ ีเดิมแหงนหน้ามองฟ้าพลางใคร่ครวญ
สตรีนางนันผ่านทางมาจากไหนกันแน่ เณรน้อยมาเรียก
หลายรอบก็ไม่ตอบกลับ

คนในวัดต่างเคยชิน แต่ก่อนซางเฉินเซ่อ ตอนนีเปลียน


เป็ นทังเหม่อและเซ่อ ทีจริงก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันนัก
เรืองเล็กน้อยอย่างเติมหิมะบนภูเขานําแข็ง คนออกบวช

2
ต่างตอบรับอย่างสงบเยือกเย็น

หนึงชัวยามผ่านไป มีคนแต่งกายลาดตระเวนพาสตรี
นางหนึงมาถึงวัดฉือเอิน

คนผูน้ นอาศั
ั ยแสงจันทร์ จ้องมองคนทียืนทือบนทางขึน
บันได ทีแท้คือซางสุยหย่วนผูโ้ ด่งดัง จึงรีบประสานมือ
เอ่ย “อาจารย์ซาง”

ซางเฉินมองเขาอย่างงงงวย

คนลาดตระเวนเล่า “เมือครูต่ อนข้าเปลียนเวรกับสหาย


เขาบอกว่าตรวจยามเจอสตรีทีไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง
3
สตรีนางนีบอกว่ารูจ้ กั ท่าน ข้ากําลังจะกลับไปเยียมแม่ที
ชนบท จึงถือโอกาสพามาหาท่าน”

คนลาดตระเวนยิมตาหยีเอ่ย “ส่งคนมาให้แล้ว ข้าขอลา


ก่อน!” เขาเห็นซางเฉินจะพูดแต่หยุด พอหยุดก็จะพูด จึง
รีบบอก “ความเจ้าชูข้ องบัณฑิต ข้าก็พอรูอ้ ยูบ่ า้ ง เรืองที
แปลกแต่น่าสนใจอย่างส่งสตรีมาทีวัดกลางดึก ข้าชอบ
ทําทีสุด อาจารย์ซางไม่ตอ้ งขอบคุณ”

พูดจบ ก็หมุนตัววิงจากไป

ในราชวงศ์ถงั โทษห้ามออกจากบ้านยามราตรีไม่ใช่โทษ
เบา โดยเฉพาะพวกทีแต่งกายแปลกๆ มีพฤติกรรม

4
แปลกๆ หากออกมาเตร็ดเตร่บนท้องถนนกลางดึกแล้ว
ถูกจับได้ และบังเอิญคนลาดตระเวนอารมณ์ไม่ดี ถูกฆ่า
ก็ตายเปล่า

คนลาดตระเวนยอมพาสตรีมาส่ง ล้วนเป็ นเพราะชือ


เสียงของซางสุยหย่วน

“ซางเซียงกง ข้า...” เสียงนางสันเครือเหมือนจะร้องไห้


กระท่อนกระแท่นยามต้องลมภูเขาพัดมา

คําคืนนีฟ้ากระจ่าง ซางเฉินจ้องสตรีประหลาดทีปิ ดหน้า


ปิ ดตานางนัน เสือผ้าต้องลมพลิวไหว รูปร่างอรชรอ้อน
แอ้น ไม่เหมือนสตรีตา้ ถังทังหลายทีเขาเคยพบ ไม่รู ้

5
เพราะเหตุใด ในสมองพลันผุดคําพูดคล้ายบทกลอน
ประโยคหนึง---ยกสุราวอนลมบูรพา จงอย่ารีบร้างลา
จากไกล

ซางเฉินตะลึงจนงงงัน

เสียงใบไม้เบาๆ คล้ายเสียงปี กผีเสือร่อนลงจากทีสูง

ท้องฟ้าและผืนดินกลับสูค่ วามเงียบสงัด

เดือนสิบในฉางอัน

สุดท้ายโทษขององค์รชั ทายาทก็ถกู ตัดสิน ปลดเป็ น


6
สามัญชน เนรเทศไปเฉียนโจว

หลีซือหมินจนแล้วจนรอดก็ไม่ใจโหดพอทีจะฆ่าเขา องค์
รัชทายาทก่อกบฏคืนเดียวก็โดนปราบราบคาบ เว้นแต่
เหล่าขุนนางและภรรยา ประชาชนไม่รูช้ ดั เจนว่าเสาหลัก
ทังหมดของต้าถังเกิดเหตุการณ์ทีน่ากลัวอย่างไร ในช่วง
ทีพวกเขารวมตัวฉลองวันไหว้พระจันทร์ทงครอบครั
ั ว หลี
ซือหมินควบคุมข่าวทีจะแพร่ออกไปไว้แต่แรก ดังนันคน
ทัวไปเพียงรูว้ า่ องค์รชั ทายาทวางแผนก่อกบฏ จึงถูก
ปลดออกจากตําแหน่ง

กระดาษปิ ดไฟไม่มิดแต่กระแสนําไหลแรง ไฟจากข่าวลือ


ไม่สามารถกระพือขึนได้

7
วันต่อมา มีพระบรมราชโองการตามติดถ่ายทอดลงมา
ให้เว่ยอ๋องหลีไท่ยา้ ยไปยังทีดินศักดินา ได้ยินว่าวันทีหลี
เฉิงเฉียนออกจากวัง ได้หนั มาแว้งกัดหลีไท่อย่างแรงต่อ
หน้าฝ่ าบาท

การเลือกองค์รชั ทายาทคนใหม่ ก็เสนอเป็ นวาระการ


ประชุม

เดิมทีหลีเค่อเป็ นตัวเลือกทีไม่มีขอ้ กังวลแม้แต่นอ้ ย แต่


คิดไม่ถงึ ว่ายามทีหลีซือหมินเสนอให้หลีเค่อเป็ นองค์
รัชทายาทมีครึงหนึงทีคัดค้าน ภายหลังรับสังเรียกจ่าง
ซุนอูจ๋ ีพบเป็ นการส่วนตัว เขาจึงอาศัยสถานการณ์ผลัก

8
ดันองค์ชายเก้าหลีจือ

เวลาผ่านไปไม่นานนัก ไม่มีใครรูว้ า่ เพราะอะไรกันแน่ ห


ลีซือหมินสละหลีเค่อทีเป็ นเลิศในหลายด้านท่ามกลาง
องค์ชายทังหลาย

พระบรมราชโองการส่งตามมา ให้หลีเค่อกลับไปรับ
ตําแหน่งตูตขู องอันโจว สังให้เขาเดินทางไปรับตําแหน่ง
ในวันรุง่ ขึน

พระบรมราชโองการสามฉบับออกมาต่อเนือง ดูเหมือน
ได้แก้ไขรากเหง้าของความวุน่ วายทังปวงอย่างง่ายดาย
แต่ทกุ คนรูว้ า่ ได้ผา่ นเบืองหลังฟ้าถล่มดินทลายมาอย่าง

9
ไร

ภายในเรือนทีดูคอ่ นข้างอ้างว้าง

หลีเค่อบีบพระบรมราชโองการแน่น มองตามเจ้าหน้าทีที
มาส่งแล้วจากไป

เพราะเหตุใด

เขาจับหลีเฉิงเฉียนและหลีไท่มาปั นหัวเล่นในมือ แล้วทํา


ให้พวกเขาบีกันจนพ่ายแพ้ไปทังคู่ เพราะเหตุใดผูช้ นะใน
ท้ายทีสุดกลับไม่ใช่เขา

10
เหตุใดเขาใช้ทกุ กลเม็ด ท้ายทีสุดกลับพ่ายแพ้คนที
อ่อนแอขีขลาด ไม่มีความสําเร็จใดๆ อย่างหลีจือ

เขาเก่งกาจด้านทหาร งานราชการโดดเด่น ไม่เคยมีเรือง


ผิดศีลธรรม สุดท้ายเพราะเหตุใดกลับมีคนมากมายคัด
ค้านเขา

ทังหมดนี เป็ นเพราะอะไรกันแน่

“ฮ่า!” หลีเค่อหัวเราะเยาะตัวเอง ตามมาด้วยเสียง


หัวเราะบ้าคลัง นกการอบด้านตกใจบินหนี เขาหัวเราะ
เสียงดังจนหมดแรง แต่ก็ไม่มีทีทา่ จะหยุดพักแต่อย่างใด

11
ผลลัพธ์เช่นนี ช่างเป็ นการถากถางเขานัก

เขาชักนําหลีไท่เข้าสูเ่ ส้นทางก่อกบฏอย่างง่ายดาย แต่


ต้องใช้พลังงานมากมายในการควบคุมความสัมพันธ์
ของหลีเฉิงเฉียนกับหลีไท่ภายใต้สายพระเนตรทีเฉียบ
แหลมของพระบิดาอย่างระมัดระวัง

เหตุใดหลีเฉิงเฉียนจึงรูเ้ รืองหลีไท่คิดก่อกบฏอย่างชัดเจน
ใครทําลายต้วนอวินไจ้ แล้วป้ายสีหลีไท่ ถ้าไม่ใช่เขา เหตุ
ใดหลีไท่จงึ รูว้ า่ หลีเฉิงเฉียนทําผิดศีลธรรมต่างๆ นานา

ทีผ่านมาเขาไม่ทาํ อะไรเอิกเกริก แต่ควบคุมทุกอย่างได้


อย่างเหมาะเจาะ ทุกขันตอนล้วนยากลําบาก

12
……

จวบจนยามนี เขายังบีบพระบรมราชโองการนีไว้ จึงเห็น


ชัดว่าปมของเรืองอยูท่ ีไหน เขาถึงเข้าใจ ไม่วา่ ตัวเขาจะ
คิดวางแผนในทางลับเพียงใด ภายนอกดูพร้อมทังความ
รูแ้ ละคุณธรรมแค่ไหน สุดท้ายไม่วา่ อย่างไรก็ไปไม่ถงึ
ตําแหน่งนัน!เพราะเขาไม่ใช่บตุ รภรรยาหลวง ดังนันยิง
โดดเด่นจึงยิงถูกกดให้ตาลง

ทีน่าขําก็คือหลายวันก่อนเขาอดโกรธแค้นไม่ได้ทีลอบ
สังหารหลีจือไม่สาํ เร็จ

13
ต่อให้ลอบฆ่าสําเร็จ พระบิดาและขุนนางในราชสํานักทัง
บุน๋ ทังบู๊ก็ยงั ต้องคิดหาวิธีรกั ษาหลีไท่และหลีเฉิงเฉียนไว้
เว้นแต่ฆา่ ทิงทังสามคน แต่นนเป็
ั นไปได้หรือ ตอนนัน
เกรงว่าตัวเองก็คงจะถูกเปิ ดโปง...

เขาอยูภ่ ายใต้การควบคุมของพระบิดาทีเฉลียวฉลาด สิง


ใดทีทําได้ลว้ นทําจนหมดสิน

หลีเค่อนอนหัวเราะบนพืน มองท้องฟ้าทีไกลโพ้น พอดีมี


นกอินทรีบินวนอยูต่ วั หนึง

เขานันก็เหมือนอินทรีบนฟ้า ดูเหมือนใกล้ทอ้ งฟ้ามาก


แต่ไม่วา่ จะบินให้สงู อย่างไร ก็ไม่อาจบินไปถึง

14
.........

ทีบ้านตระกูลเซียว

หรันเหยียนนังเอนบนเก้าอีมองท้องฟ้า เซียวซ่งป้อน
แอปเปิ ลทีปอกแล้วถึงปากเธอ

“ท่านพี งานครบปี ของลูกทังสามควรจัดได้แล้ว” หรันเห


ยียนกัดแอปเปิ ลคําหนึง ก่อนพูดลอยๆ

“ท่านยังบาดเจ็บ เดินเหินไม่สะดวก จะจัดเตรียม


งานอย่างไร” เซียวซ่งใช้ไม้จิมจิมแอปเปิ ลอีกชินให้เธอ
15
หรันเหยียนยังเคียวชินในปากไม่หมด จึงส่งไปทีด้าน
หน้าเซียวซ่ง เขาหันหน้ามางับไว้ แล้วปอกผลไม้ตอ่ ไป

“ทําการเสียงทายเลือกของอย่างง่ายๆ หลังจากนันก็
เชิญคนใกล้ชิดมากินข้าวสักมือ ก็ดีกว่าไม่จดั ถึงอย่างไร
ก็เป็ นวันสําคัญ” หรันเหยียนตอบ

เซียวซ่งพยักหน้า “ได้”

หรันเหยียนพลันนึกเรืองหนึงขึนได้จงึ ถาม “ใช่แล้ว ทีข้า


พูดถึงหลักฐานความผิดของอูอ๋ อ๋ ง ได้นาํ ไปใช้ประโยชน์
หรือไม่”

16
หลักฐานความผิดนันไม่ใช่หลักฐานทีมีนาหนั
ํ ก ทีผ่านมา
หลีเค่อทําการหมดจดยิงกว่าหลีเฉิงเฉียนและหลีไท่ แต่
อย่างเรืองวางแผนชิงอํานาจเช่นนี ไม่จาํ เป็ นต้องมีหลัก
ฐานแน่ชดั เมล็ดพันธุแ์ ห่งความสงสัยหนึงเมล็ดโยนลง
ในดินทีเต็มไปด้วยแผนการร้าย ต้องเจริญงอกงามแข็ง
แรงแน่นอน

“ข้าเรียบเรียงและส่งให้พระมาตุลาจ่างซุนแล้ว” เซียวซ่ง
กล่าวอย่างเนือยๆ “ข้าไม่ได้หวังอะไร จะต้องเปลืองแรง
ไปทําให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัยด้วยเหตุใด ก็มอบนําใจนี
แก่พระมาตุลาจ่างซุนไป ใช้ไม่ใช้ก็แล้วแต่เขา”

วันหิมะตกทีหลีเค่อจับตัวหรันเหยียนไปนัน เซียวซ่งก็
17
สาบานว่าจะแก้แค้น เขามีความอดทนเพียงพอทีจะรอ
ถึงจังหวะทีดีทีสุด

ก่อนทีหรันเหยียนจะพูดถึงหลักฐานความผิดนัน ทีจริง
เซียวซ่งได้เริมสืบหาหลักฐานเองก่อนแล้ว ช่วงก่อนค่อย
หาเวลาไปส่งมอบให้จ่างซุนอูจ๋ ี ยืมดาบฆ่าคน แม้
ดาบอย่างจ่างซุนอูจ๋ ีนีจะยืมไม่ง่ายนัก แต่ตอนนีเพือจะ
คําจุนหลีจือ เขาอดไม่ได้เพราะกําลังต้องการโจมตีหลี
เค่อ

หรันเหยียนหรีตาเอ่ย “ได้ยินว่าเยียนเสียนเฟยพัวพันการ
ก่อกบฏ ถูกปลดแล้ว?”

18
เซียวซ่งรูว้ า่ เธอเวียนศีรษะอีก จึงหยิบผ้ามาเช็ดมือ ช่วย
นวดขมับให้เธอ “นีไปฟั งทีหลิวชิงซงพูดอีกกระมัง เขายัง
กล้ามาอีก? ทางทีดีอย่าให้ขา้ เจอ มิเช่นนันข้าจะตอน
เขา”

เรืองทีหลิวชิงซงพูดเกินจริง เซียวซ่งยังจําไว้ในใจตลอด

หรันเหยียนรูส้ กึ ว่าครังนีหลิวชิงซงถูกปรักปรํา ความเป็ น


ไปได้ทีเขาพูดนันก็มีอยู่ แต่วา่ เธอก็ไม่เคยช่วยแก้ตา่ งให้

“ท่านคงได้ยินแล้วว่าเสียนเฟยคนใหม่มาจากสกุลเจิง
เจิงเสียนเฟยเคยใกล้ชิดกับท่านแม่ยาย นางเพิงได้รบั
ตําแหน่ง จําเป็ นต้องรีบทําให้ตาํ แหน่งมันคง ขอแค่ทา่ น

19
แสดงนําใจเล็กน้อย ก็สามารถเชือมสัมพันธ์โดยง่าย”
เซียวซ่งพูดยิมๆ “ถึงเวลาทีต้องเริมถอยห่างจากสกุลหรัน
แล้ว”

20
ตอนที่ 439 ยกสุ ราวอนลมบูรพา (2)

เซียวซ่งเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยนิ หลิวชิงซงตะโกนว่า “หรั่นเหยียน หรั่นเหยียน มีข่าวดีมาบอก!”

หลิวชิงซงเข้ามาดังลมพัด ทันใดนั้นเห็นเซียวซ่งมองมาทางเขา คล้ายยิม้ คล้ายไม่ยมิ้


อดตะลึงไม่ได้ เอ่ยอย่างตกใจ “คนเฝ้าประตูหลอกข้า!กล้าบอกว่าท่านไม่อยู!่ ”

เซียวซ่งใช้ผา้ เช็ดมีดปอกผลไม้ “เป็ นข้าให้เขาพูดเช่นนี้ มิเช่นนั้นจะรอเจ้าส่งคอมาถึงมีด


ข้าได้อย่างไร”

“คุณชายเก้า ท่านอย่าทาเหลวไหล! ข้าไม่มีความดีกย็ งั มีความชอบอยู”่ หลิวชิงซงพูดขณะ


ยืนแนบเสา

“ดูอารมณ์ก่อน บอกข่าวดีมาก่อนเถิด” เซียวซ่งกล่าวเสี ยงเรี ยบ

หลิวชิงซงกลืนน้ าลาย เอ่ยเสี ยงเรี ยบ “เรื่ องที่ขา้ กับพี่สะใภ้เก้าปรึ กษากันวันก่อน ข้าเขียน


รายงานทูลฝ่ าบาท วันนี้ซ่างซูเสิ่ งมีหนังสื อตอบมาแล้ว ฝ่ าบาทเห็นด้วยกับเรื่ องนี้ บอก
เพียงต้องรอเก็บรายละเอียดปลีกย่อยให้สมบูรณ์”

“จริ งหรื อ” หรั่นเหยียนตาเป็ นประกาย

หรั่นเหยียนและหลิวชิงซงรู ้สึกได้เวลาแล้ว จึงปรึ กษากันจะเปิ ดสอนวิชานิติเวชในต้าถัง


สานักหมอหลวงรับผิดชอบรักษาชนชั้นสูงในวัง ขณะเดียวกันก็เป็ นโรงเรี ยนแพทย์
อบรมบุคลากรทางการแพทย์หลายร้อยคน พวกเขาจึงเสนอให้เปิ ดสาขานิติเวชขึ้น โดยให้
หลิวชิงซงเป็ นอาจารย์หลัก หรั่นเหยียนเป็ นอาจารย์รับเชิญไปบรรยายเดือนละครั้ง

สาขานิติเวชนี้ ไม่ได้ติดป้ายชื่อว่า ‘อู่จ้วั ’แต่เป็ นวิชาผ่าศพ เมื่อก่อตั้งแล้ว...สอนอะไรก็


ขึ้นอยูก่ บั พวกเขา?
เป็ นถึงลูกศิษย์ที่สานักฮัวโต๋ ภาคภูมิใจที่สุด ยินยอมสอนศาสตร์ลบั เฉพาะ แม้แต่จางอีลิ่ง
และโจวอีลิ่งก็แทบปรารถนาสมัครเข้าร่ วม ซ่างซูเสิ่ งเพิ่งได้รับรายงานของหลิวชิงซง ยัง
ไม่ได้อนุมตั ิ ข่าวก็ ‘แพร่ กระจายไปเอง’ที่ผา่ นมาสานักหมอหลวงที่ไม่ทาตัวโดดเด่น ครั้ง
นี้กลับแสดงให้เห็นท่าทีแข็งกร้าวแบบ ‘ใครขัดขวางก็จะเป็ นคนบาปนับพันปี คน
ทั้งหลายล้วนสังหารได้’เตรี ยมพร้อมโต้แย้งด้วยเหตุผลทุกเวลา

อีกอย่างอาจารย์หลักก็คือหลิวชิงซง ไม่ใช่หรัน่ เหยียน

“ข้าคาดการณ์เรื่ องนี้ไว้แล้ว ไม่ถือว่าน่าประหลาดใจ” ความคิดริ เริ่ มที่ละเอียดรอบคอบ


เอาดีสองด้านเช่นนี้ ย่อมเป็ นข้อเสนอของเซียวซ่ง ที่ผา่ นมาเขาจะไม่ทาเรื่ องที่ไม่มีความ
มัน่ ใจ

หลิวชิงซงรี บเข้าประชิดเซียวซ่ง พูดเสี ยงเบา “แล้วที่ซูฝพู าองค์หญิงจิ้นหยางหนีไป ฝ่ า


บาทมีพระบรมราชโองการออกหมายจับ เรื่ องนี้นบั เป็ นข่าวดีหรื อไม่”

เซียวซ่งอึ้งไป แล้วเอ่ยยิม้ ๆ “ช่างเป็ นข่าวดีที่ยงิ่ ใหญ่เสี ยจริ ง”

“ข่าวดีอะไร” หรั่นเหยียนถามพลางมองคนทั้งสองที่ทาตัวลับๆ ล่อๆ

ทั้งสองคนยิม้ แต่ไม่พูด ในใจเซียวซ่งก็สงสัย คนที่เงียบขรึ มเย็นชาอย่างซูฝู สามารถทา


เรื่ องน่าสนใจเช่นนี้ดว้ ยหรื อ

แต่ที่ผา่ นมาองค์หญิงจิ้นหยางเชื่อฟังว่าง่าย อีกทั้งอายุยงั น้อย คงไม่ตามคนไปอย่างไม่มี


สาเหตุ...

เมื่อคานึงถึงความรู ้สึกของหรั่นเหยียน รอไล่หลิวชิงซงกลับไปแล้ว เซียวซ่งประคองขวด


น้ าส้ม พยายามไม่ให้คว่า พลางเล่าเรื่ องซูฝใู ห้ฟัง

หรั่นเหยียนกลับชื่นชมอย่างมาก ไม่สนใจว่าเป็ นอารมณ์ระหว่างบุรุษสตรี หรื อไม่ ขอ


เพียงเขาพบเจอความอบอุ่นก็ดีแล้ว
ผ่านพ้นฤดูหนาวที่อบอุ่น

บาดแผลหรั่นเหยียนหายสนิท เดินเหิ นได้ แต่กย็ งั เวียนศีรษะเป็ นระยะๆ เหมือนเดิม ยาม


เลือดไหลนั้นไหลพรวด หากคิดให้ร่างกายฟื้ นฟูกลับมาต้องใช้เวลายาวนาน

เพียงแต่บาดเจ็บหนักที่สุดไม่ใช่แผ่นหลัง แต่เป็ นง่ามมือที่ฉีกขาด ทาให้การตอบสนอง


ของนิ้วโป้งเธอช้าไปเยอะ เรื่ องนี้สาหรับหมอชันสูตรศพที่ใช้มีดผ่าตัด แทบเป็ น
ผลกระทบถึงชีวติ ทีเดียว

แต่หรั่นเหยียนไม่เคยคิดล้มเลิก เธอเชื่อว่าการทากายภาพบาบัดต้องได้ผล ขณะเดียวกันก็


คิดเผือ่ ทางที่เลวร้ายที่สุด ด้านหนึ่งทากายภาพบาบัด อีกด้านเริ่ มฝึ กใช้มีดด้วยมือซ้าย

สาขานิติเวชในสานักหมอหลวงตระเตรี ยมเรี ยบร้อย ไม่ตอ้ งกลุม้ เรื่ องลูกศิษย์ ศิษย์ใน


สานักหมอหลวงต่างแย่งชิงจานวนจากัดจนเลือดตกยางออก ดังนั้นเมื่อผ่านการ
ปรึ กษาหารื อ จึงตัดสิ นใจรับเพิ่มเป็ นสามสิ บคน

อากาศในเดือนสองยังคงหนาวอยูบ่ า้ ง

หรั่นเหยียนสวมเสื้ อขนสัตว์กินโจ๊กตับหมู เซียวซ่งกาลังหารื อกับเธอเรื่ องจะไปกวานซาน


ช่วงต้นฤดูร้อนนี้และจะฝากลูกสามคนให้ท่านแม่ดูแล หวัน่ ลวี่เข้ามารายงานว่า “นายท่าน
ฮูหยิน มีแขกมาเยีย่ ม เป็ นแม่ลูกสกุลโจวเจ้าค่ะ”

“แม่ลูกสกุลโจว?” หรั่นเหยียนนึกไม่ออกว่าเป็ นใครชัว่ ขณะ

หวัน่ ลวี่ให้ความกระจ่างว่า “ฮูหยินได้ช่วยโจวซานหลางไว้ที่หมู่บา้ นในซูโจวเจ้าค่ะ”

“อ้อ” หรั่นเหยียนนึกขึ้นได้ ตอนนั้นมีคนถามถึงเรื่ องที่เธอช่วยคนไว้ ก็ได้ยนิ ว่าแม่ลูกคู่น้ ี


ออกจากซูโจวไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมาที่ฉางอัน!
เพิ่งผ่านพ้นฤดูหนาวอันหดหู่ ก็มีคนรู ้จกั มาเยีย่ ม หรั่นเหยียนดีใจ จึงให้หวัน่ ลวี่เชิญพวก
เขาไปที่หอ้ งโถงด้านข้าง

หรั่นเหยียนไปพบคนรู ้จกั เซียวซ่งจึงไปเรี ยบเรี ยงสานวนคดีที่หอ้ งหนังสื อ

หิ มะเบาๆ ยังโปรยปรายอีกที่ดา้ นนอก

หรั่นเหยียนมีสาวใช้ประคองเดินช้าๆ ไปที่หอ้ งโถงด้านข้าง

ห้องโถงไม่ใหญ่นกั เตาไฟจึงให้ความอุ่นดีมาก หรั่นเหยียนถอดเสื้ อขนสัตว์ออก นัง่ ลง


ตรงที่นงั่ เจ้าบ้าน มองเห็นที่โต๊ะมีโคมไฟสี่ เหลี่ยมเล็กๆ จึงอดยิม้ ไม่ได้ นึกถึงตอนอยู่
ซูโจว ก็เคยจุดโคมไฟแบบนี้ นัง่ อ่านหนังสื อที่ดา้ นล่างระเบียงทางเดิน ตอนนั้นยังโยน
สัญญาขายตัวของแม่ลูกสกุลโจวลงเผาในโคมไฟ

ภายหลังสถานการณ์บีบคั้น เธอต้องปล่อยแม่ลูกสกุลโจวไป การกระทาเช่นนี้ไม่ได้ช่วย


อะไรหรื อส่งผลอะไรต่อเธอเลย ยามนี้ดูท่ากลับได้รับน้ าใจ

หรั่นเหยียนสัง่ คนให้จุดโคมไฟสี่ เหลี่ยมนั้น

ดูเหมือนหลายปี นี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย โคมไฟสี่ เหลี่ยมเบื้องหน้า พนักกลมใต้ร่าง


ม้วนหนังสื อที่ขา้ งมือ

หรั่นเหยียนมองเงาร่ างทั้งสองอันคุน้ เคยเดินเข้ามา พิจารณาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง เห็นว่า


เสื้ อผ้าของแม่ลูกสกุลโจวดูใหม่ เหมาะสมยิง่ นัก เห็นชัดว่าความเป็ นอยูค่ งไม่เลว กิริยา
ท่าทางก็ดูดีดงั เดิม เหมือนว่าตัวตนเป็ นคนเช่นนั้น

“เซี่ยนเหลียงฮูหยิน”

แม่ลูกทั้งสองค้อมกายคานับ
“ไม่ตอ้ งมากพิธี รี บนัง่ เถิด หวัน่ ลวี่ น้ าชา” หรั่นเหยียนดีใจอย่างบอกไม่ถูก อันที่จริ งถือว่า
เธอกับแม่ลูกสกุลโจวก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันนัก

นางโจวเอ่ยอย่างเป็ นห่วง “ได้ยนิ ว่าฮูหยินบาดเจ็บ ช่วงก่อนหน้านี้ขา้ กังวลมาตลอด แต่ก็


เกรงจะรบกวนการพักผ่อนของฮูหยิน หลายวันนี้คิดเอาว่าฮูหยินคงจะหายสนิทแล้ว จึงรี บ
มาเยีย่ ม ขอฮูหยินอย่าตาหนิที่ขา้ มาช้า”

“โจวฮูหยินไม่ตอ้ งเกรงใจเช่นนั้น ท่านมีน้ าใจเช่นนี้ ข้าดีใจมาก” หรั่นเหยียนมองยิม้ ๆ ไป


ทางโจวซานหลาง เขาเติบโตเป็ นหนุ่มแล้ว หน้าตาดีมาก มีดวงตาสงบนิ่ง

เด็กหนุ่มคานับเล็กน้อย คล้ายประเมินเธออยูเ่ หมือนกัน

โจวฮูหยินและหรั่นเหยียนคุยถึงเรื่ องในอดีตมากมาย สนิทสนมเหมือนญาติที่ไม่ได้เจอ


กันหลายปี หรั่นเหยียนรู ้สึกว่าคงเป็ นเพราะทั้งสองคือคนแรกๆ ที่ตนเองเจอเมื่อมาถึงต้า
ถัง ยามนี้จึงมีความรู ้สึกเช่นนี้

“มีอยูเ่ รื่ องหนึ่ง ข้าไม่สบายใจมาตลอด” นางโจวเปรย โดยเฉพาะบัดนี้ต่างก็อยูใ่ นเมือง


หลวง ตอนนี้หรั่นเหยียนก็มีฐานะสูง บางเรื่ องต้องเปิ ดเผยตามจริ ง

หรั่นเหยียนเอ่ยยิม้ ๆ “ท่านลองพูดมา”

นางโจวคานับอย่างอ่อนน้อม “ที่จริ งข้าไม่ใช่สตรี หม้าย แซ่โจวเป็ นแซ่ขา้ เอง เพราะมีเรื่ อง


ที่บา้ น จึงอุม้ ลูกหนีไปที่เจียงหนาน ให้เขาใช้แซ่ของข้า ปิ ดบังชื่อจริ งเพื่อให้รอดพ้นวิกฤต
ระยะนี้มรสุมผ่านไปจึงกลับฉางอัน ที่จริ งข้ามีความจาเป็ นที่พูดไม่ได้ จึงโกหกฮูหยิน”

หรั่นเหยียนไม่แปลกใจแม้แต่นอ้ ย ตั้งแต่แรกเธอก็มองออกว่าแม่ลูกคู่น้ ีไม่ใช่คนธรรมดา


จึงถามยิม้ ๆ “บ้านสามีฮูหยินคือ...”

นางโจวเห็นว่าหรั่นเหยียนไม่ได้ไม่พอใจ ยิง่ รู ้สึกผิด “บ้านสามีขา้ แซ่ตี๋ พ่อสามีเคยเป็ น


ซ่างซูจวั่ เฉิง (ตาแหน่งขุนนางในซ่างซูเสิ่ ง ดูแลเรื่ องกฎระเบียบขุนนาง) เสี ยชีวิตแล้ว ยาม
นี้สามีรับตาแหน่งทุยเฉิงแห่งศาลต้าหลี่ (ขุนนางศาลต้าหลี่ ดูแลการสอบปากคาและ
ลงโทษ ร่ วมถึงสอบสวนเรื่ องต่างๆ ในเมืองหลวง) แต่ไม่ใช่ขนุ นางใหญ่”

หรั่นเหยียนอึ้งครู่ หนึ่ง ก่อนพูดงึมงา “ตี๋...เหริ นเจี๋ย”

ตลอดยุคต้าถัง เว้นแต่ปู่ของตี๋เหริ นเจี๋ย ตี๋เซี่ยวซวี่เคยเป็ นซ่างซูจวั่ เฉิง ก็ไม่มีจวั่ เฉิงแซ่ตี๋คน


อื่นอีก

ที่แท้วา่ ที่ยอดฝี มือแห่งการตัดสิ นคดี อามาตย์คนดังผูม้ ีชื่อเสี ยงร่ าลือนับพันปี ได้ปรากฏ


กายต่อหน้าเธอตั้งแต่ตน้ เพียงแต่โชคชะตาแอบเล่นตลกกับเธอ

หรั่นเหยียนมองเด็กหนุ่มที่มีสีหน้าประหลาดใจ บนใบหน้ามีรอยยิม้ น้อยๆ เสมือนดอก


ท้อสะท้อนบนธารใส

คนในยุคต้าโจวของฮ่องเต้หญิง เริ่ มทยอยแสดงบทบาทที่ขาดๆ เกินๆ ด้วยยังอ่อนความ


หรั่นเหยียนรู ้วา่ จะได้เห็นการพลิกโฉมของพวกเขาในแต่ละขั้น จนได้ค้ าชูตา้ ถังที่ยงิ่
เจริ ญรุ่ งเรื องในท้ายที่สุด

เธออยากรู ้อยากเห็นว่ายามที่ตวั เองเดินหน้าเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับพวกเขา จะสร้าง


ผลงานเช่นไรได้บา้ ง จะเหลือร่ องรอยเช่นไรไว้ในประวัติศาสตร์ตา้ ถัง

ทั้งหมดนี้เป็ นจุดจบ และเป็ นการเริ่ มต้นใหม่

.....................................................

จบ
ตอนพิเศษหนึ่ง บทซู ฝู (1)
ดาวนายพรานทิศประจิม ดาวปาริ ชาตทิศบูรพา มิอาจพานพบตลอดกาล --- บทนา

***
ปี เจินกวานที่สิบเก้า
เดือนสิ บในฉางอัน เป็ นเดือนที่บณ
ั ฑิตมารวมตัวกัน เพิ่งสอบเคอจวี่เสร็ จ เหล่า
บัณฑิตจะมารวมกลุ่มกันท่องเที่ยว
ละแวกวัดฉื อเอินทางทิศใต้ของเมืองมีผืนป่ าต้นเฟิ ง (เมเปิ ล) และต้นแปะก๊วยในฤดู
นี้ ทอดสายตามองไปไกลเทือกเขาแดงสดดัง่ เปลวไฟและเหลืองทองอร่ าม
ทัศนียภาพเช่นนี้ ทาให้คนจิตใจปลอดโปร่ ง ละแวกนี้จึงเป็ นแหล่งพักผ่อนที่เหล่า
บัณฑิตชื่นชอบที่สุดในช่วงเวลานี้
“อาจารย์ปราดเปรื่ องรอบรู ้ หากร่ วมสอบเคอจวี่ สอบเพียงครั้งเดียวต้องได้ที่หนึ่ง
แน่ อาจารย์แต่งกลอนอีกสักบทเถิด!”กลุ่มคนที่มีอายุต่างกันล้วนยกจอกสุ ราดื่ม
คารวะ
บัณฑิตอีกกลุ่มที่รวมตัวกันไม่ไกลนัก มีคนเอ่ยเหยียดหยาม “ท่านเป็ นใคร
ซางสุ ยหย่วน? เพียงเป็ นพวกมีทกั ษะ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าโอ้อวดเช่นนี้! พวกเราจะ
จัดการเช่นไร!”
คนเหล่านี้ศึกษาหาความรู ้มาเรื่ อยจนอายุมาก เป้ าหมายสู งสุ ดของพวกเขาคือสอบ
เป็ นบัณฑิต ลูกศิษย์สานักหมอหลวงกลุ่มหนึ่งกล้ามากล่าวว่าสอบเพียงครั้งเดียว
ต้องได้ที่หนึ่งต่อหน้าพวกเขา!
“อาจารย์ชิงซง พวกเขาดูถูกพวกเรา!” มีหนุ่มน้อยอายุราวสิ บสี่ สิบห้าปี เอ่ยอย่าง
โมโห
หลิวชิงซงลุกจากกองใบไม้แห้ง มองบัณฑิตฝั่งตรงข้ามที่พดู จายโสโอหัง “หากมี
ความกล้าก็บอกชื่อเสี ยงเรี ยงนามมา!”
“ผูน้ อ้ ยภาคภูมิใจในชื่อแซ่ แซ่เฉิ น ชื่อฮุย ชื่อรองหมิงเย่า!” คนผูน้ ้ นั ตอบ
หลิวชิงซงปรบมือหัวเราะ “ดีมาก เหล่าศิษย์สานักหมอหลวงมองคนผูน้ ้ ีให้ละเอียด
จดจาหน้าตารู ปร่ างและชื่อแซ่ให้ดี”
เฉิ นฮุยไม่มีอาการกลัวจนหัวหดแม้แต่นอ้ ย จ้องตาทุกคนอย่างไม่หวาดหวัน่
“จาได้หรื อยัง! ต่อไปภายภาคหน้าสานักหมอหลวงจะไม่รักษาคนผูน้ ้ ี เขาสบ
ประมาทหมอ พวกเราเป็ นหมอมีศกั ดิ์ศรี ไม่มีทางลดตัวลงต่า วันนี้ขา้ จะไป
ประกาศในฉางอัน ต่อไปโรงหมอแห่งใดกล้ารักษาคนผูน้ ้ ี จะไม่มีโอกาสเข้าร่ วม
การประชุมแลกเปลี่ยนเด็ดขาด!” หลิวชิงซงเท้าสะเอวแผดเสี ยง
พอเฉิ นฮุยได้ฟังก็หน้าเขียว นี่เป็ นการตัดหนทางเขานี่! ทุกคนนึ กกลัวในภายหลัง
ยังดีที่เมื่อครู่ ไม่ได้กล่าวอะไรเกินไป
ทัว่ เมืองฉางอันไม่วา่ ใครก็รู้จกั ‘การประชุมแลกเปลี่ยนวิชาการแพทย์’ เซี่ ยนเหลี
ยงฮูหยินเป็ นคนเสนอให้มีการประชุมนี้ สานักหมอหลวงเป็ นฝ่ ายริ เริ่ มก่อตั้ง ทุกปี
จะเชิญหมอชื่อเสี ยงโด่งดังทัว่ ต้าถังมายังสานักหมอหลวงเพื่อแลกเปลี่ยนความรู ้
ทางการแพทย์
การประชุมที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้ ทาลายค่านิ ยมที่หมอทั้งหลายในต้าถังชื่นชอบ
สะสมตารับยาและวิธีการรักษาลับเฉพาะ
หมอที่เข้าร่ วมการประชุมแลกเปลี่ยนจะต้องมอบตารับยา ทฤษฎีหรื อประสบการณ์
รักษาอันทรงคุณค่าชุดหนึ่ง เริ่ มแรกหมอเหล่านั้นที่ถูกเชื้อเชิญมามุ่งหวังการรักษา
ของสานักฮัวโต๋ จึงกัดฟันตัดใจมอบตารับยาลับเฉพาะที่สะสมไว้ สุ ดท้ายพอการ
ประชุมเสร็ จสิ้ น เห็นว่าตารับยาเหล่านั้นถูกรวบรวมเป็ นเล่มแจกจ่ายให้ทุกคน ไม่
เพียงพวกเขาจะได้ศึกษา ‘การรักษาของสานักฮัวโต๋ ’ แต่ยงั ได้รับตารับยามากขึ้น
ต่อมาสานักหมอหลวงก็ได้รวบรวมตารับยาทั้งหมด โดยมีเซี่ ยนเหลียงฮูหยินเรี ยบ
เรี ยงเป็ นเล่ม กาจัดส่ วนที่ไม่จาเป็ นออก เหลือเพียงทฤษฎี ประสบการณ์ และตารับ
ยาที่เป็ นประโยชน์จากหมอทั้งหลายที่มากประสบการณ์ ตาราเล่มนี้เก็บไว้ในสานัก
หมอหลวง ทุกครั้งที่ถึงช่วงเวลาการประชุม จะมีการพิมพ์เพิ่ม ขอเพียงถูกเชื้อเชิญ
มาเข้าร่ วมการประชุม ก็ยมื ไปอ่านได้ แต่ไม่อาจเอาออกไปหรื อคัดลอก
ไม่เพียงเท่านี้ พวกเขายังเยีย่ มชมสาขานิติเวชที่ลึกลับของสานักหมอหลวงได้ดว้ ย
หมอทั้งหลายยังรู ้สึกอย่างชัดเจนว่าผูป้ ่ วยจะเชื่อถือหมอที่ผา่ นการประชุม
แลกเปลี่ยนยิง่ ขึ้น ในโรงหมอแต่ละแห่งผูป้ ่ วยไม่ได้นอ้ ยลงเพราะคนอื่นล่วงรู ้ตารับ
ยาของตน แต่ตรงกันข้ามกลับเจริ ญรุ่ งเรื องกว่าเดิม
ด้วยเหตุน้ ี การประชุมแลกเปลี่ยนเพิ่งจัดตั้งเพียงสามครั้ง ก็กลายเป็ นการประชุม
ใหญ่ทางการแพทย์ในต้าถัง เป้าหมายของหมอทุกคนคือได้เข้าร่ วมการประชุม จึง
พัฒนาวิธีการรักษา จรรยาแพทย์ของตนอย่างต่อเนื่องเพื่อปี หน้าจะได้ถูกเชื้อเชิญ
กฎระเบียบการประชุมแลกเปลี่ยนวิชาการแพทย์น้ ีลว้ นเปิ ดเผยต่อสาธารณะ ไม่ใช่
ว่าถูกเชื้อเชิญครั้งหนึ่ งแล้ว ปี หน้าจะถูกเชื้อเชิญอีก หมอที่เพียบพร้อมทั้งวิชาการ
แพทย์ จรรยาแพทย์ และคุณธรรมจะได้เป็ นสมาชิก สานักหมอหลวงจะจดบันทึก
ผลงานและความชานาญก่อนหน้านี้ท้ งั หมดของสมาชิกไว้ ติดทัว่ ถนนหนทาง
ตรอกซอกซอย แจกจ่ายไปตามถนนและเมืองที่มีหมออยู่ ทาให้กลายเป็ นหมอ
ชื่อเสี ยงโด่งดังไปทัว่ หล้าอย่างแท้จริ ง
กระทัง่ บัดนี้ สานักหมอหลวงแจกจ่ายเอกสารของสมาชิกทั้งหมดแปดท่าน สอง
ท่านเป็ นอีลิ่งในสานักหมอหลวง อู๋ซิวเหอ หรั่นเหยียน หลิวชิงซง หมอในฉางอัน
ท่านหนึ่ง หมอในหวายหนานท่านหนึ่ง ทั้งยังมีเทพแห่งยาซุนซื อเหมี่ยว
ซุนซื อเหมี่ยวเป็ นผูว้ ิเศษที่รักสันโดษ ไม่เคยเข้าร่ วมการประชุมแลกเปลี่ยนวิชาการ
แพทย์ แต่ชื่อเสี ยงหมอเทวดาของเขามีอยูท่ ุกหนแห่ง สานักหมอหลวง
ปรึ กษาหารื อกันว่าจะรักษาตาแหน่งเขาไว้ตลอดไป แล้วส่ งคนออกตามหาทุกที่ ส่ ง
จดหมายเชื้อเชิญ
“รังแกกันเกินไปแล้ว! ใช้อานาจข่มขู่ ข้าไม่ยอม! ข้าไม่เชื่อว่าในต้าถังนี้จะไม่มี
พื้นที่ให้ช้ ีแจงเหตุผล!” เฉิ นฮุยหน้าง้ า คนเราทั้งชีวิตมีที่ไหนกันจะไม่เจ็บป่ วยเลย
ต่อไปหากเขาป่ วยจะทาเช่นไร!
หลิวชิงซงยังไม่ทนั พูด ก็มีคนเอ่ยว่า “ถึงจะชี้แจงเหตุผล เหตุผลก็อยูฝ่ ั่งพวกเรา!
ใครให้ท่านพูดจาไม่ดีก่อนเล่า!”
“ท่านว่าเขาปราดเปรื่ อง หากร่ วมสอบเคอจวี่ สอบเพียงครั้งเดียวต้องได้ที่หนึ่งแน่
เอาพวกเราที่ศึกษาจนแก่เฒ่าไปไว้ที่ใด! หากวันนี้เขาสามารถเขียนบทความที่ทาให้
พวกเรายอมรับได้ วันนี้ขา้ เฉิ นหมิงเย่าจะโขกศีรษะขออภัย!”เฉิ นฮุยพูดเสี ยงเกรี้ ยว
หลิวชิงซงบอก “บทความยุคสมัยอะไรข้าไม่ชอบ สู ้ท่องกลอนสักบทไม่ได้ หาก
ท่านว่าแต่งกลอนไม่ถือเป็ นความสามารถ เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด”
หากไม่ได้อ่านบทกวีมามาก ยากนักที่จะแต่งกลอนจนคนตะลึง ด้วยเหตุน้ ีความยาก
จึงไม่ดอ้ ยกว่าการเขียนบทความยุคสมัยเลย การเขียนบทความมักต้องใช้เวลาหลาย
ชัว่ ยาม ทุกคนถึงคิดว่าการแต่งกลอนก็ไม่เลว
เฉิ นฮุยกาหนดหัวข้อให้แต่งกลอนเกี่ยวกับผูค้ นโดยรอบหรื อทัศนียภาพ
หลิวชิงซงมองไปโดยรอบ ทบทวนในสมองว่ามีกลอนบทใดเกี่ยวกับต้นเฟิ งหรื อ
วัดวาอาราม แต่กลับมองเห็นเงาร่ างที่คุน้ เคยขี่มา้ ไปเบื้องหน้า
ทุกคนเห็นหลิวชิงซงจับจ้อง จึงมองตามสายตาเขา
ท่ามกลางถนนที่มีตน้ ไม้สองฟากฝั่ง ใบต้นแปะก๊วยร่ วงปลิวว่อน บุรุษร่ างสู งใหญ่
ผูห้ นึ่งขี่มา้ สี ดาอยูด่ า้ นหน้า ตามมาด้วยรถม้าที่ไม่มีคนขับ
จู่ๆ หลิวชิงซงก็ปลื้มปี ติ ท่องกลอนเสี ยงดังไปทางคนผูน้ ้ นั

“คนเรามิอาจพานพบ ดัง่ ดาวนายพรานปาริ ชาต


คืนนี้เป็ นคืนอะไร พวกเราอยูท่ ่ามกลางแสงเทียน
บุรุษหนุ่มกายานานเท่าใด จอนผมขาวโพลนในบัดดล
สหายเก่าลาโลกครึ่ งหนึ่ง ทอดถอนใจโศกาดูร
ยีส่ ิ บปี ผ่านไปใครจะรู ้ ได้มาเยือนบ้านท่านอีกสักครา
ยามลาจากท่านเดียวดาย พลันมีบุตรหญิงชายเป็ นทิวแถว
แย้มยิม้ ต้อนรับสหายบิดา ถามข้าว่ามาจากแห่งหนใด
กล่าวยังไม่ทนั ขาดคา บุตรหญิงชายวางสุ ราและน้ าเปล่า
หัน่ กุยช่ายกลางสายฝนยามราตรี ข้าวโพดต้มร้อนร้อนเหลืองอร่ าม
เจ้าบ้านถอนใจยากพานพบ ดื่มสุ รารวดเดียวสิ บกว่าจอก
สุ ราสิ บกว่าจอกหาเมาไม่ ซึ้ งใจในมิตรภาพอันยาวนาน
วันพรุ่ งจากลาไกลลิบลับ เรื่ องราวทางโลกเป็ นเช่นไร”

กลอนบทนี้ไม่ไพเราะสักนิ ด แต่เรี ยบง่ายและชัดแจ้ง การจากลาและพานพบ ทุกข์


สุ ขสอดประสาน ปลงตกกับการตายจาก ทุกประโยคคือทิวทัศน์ แต่ทุกประโยคที่
อ้างว้างแฝงความจริ งใจ
อันดับแรกทุกคนตะลึงกลอนบทนี้ ต่อมาก็คิดว่ากลอนบทนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ
ผูค้ นและทัศนียภาพขณะนี้
คนขี่มา้ ท่ามกลางถนนที่มีตน้ ไม้สองฟากฝั่งกลับหยุด หันมามองทางนี้ หลิวชิงซง
ขว้างจอกสุ ราในมือ วิ่งไปพลางเอ่ยว่า “จอมยุทธ์ซู ไม่ได้เจอกันนาน ดื่มสักจอก
ไหม”
“เฮ้ย! ไยเขาจึงหนีไป นี่ใครชนะกันแน่!” เฉิ นฮุยถามอย่างร้อนใจ
คนในสานักหมอหลวงกลับเคยชิน ยามสนทนากับหลิวชิงซง อย่าจริ งจังเกินไปนัก
เพราะท่านจะไม่มีวนั คาดเดาถูกว่าสาระสาคัญของเขาอยูท่ ี่ไหน
หลิวชิงซงวิ่งไปหน้าซูฝู กระโดดโลดเต้นเอ่ย “ท่านกลับมาแล้ว หรั่นเหยียนคิดถึง
ท่านจะแย่”
สี หน้าซูฝคู ลายลงเล็กน้อย แม้ใจเขาจะรู ้วา่ นี่ไม่ใช่ความจริ ง แต่เมื่อได้ฟังก็รู้สึกไม่
เลว เขากับหลิวชิงซงหากจะบอกว่าสนิทสนม แต่กพ็ ดู คุยกันน้อย หากบอกไม่สนิ ท
สนม นับแล้วก็รู้จกั กันมาเจ็ดแปดปี เริ่ มตั้งแต่ตอนที่เซี ยวซ่งตามจับเขา สองคนเคย
พบปะกัน มีอยูค่ รั้งหนึ่งหากไม่ใช่เพราะหลิวชิงซงเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทาเรื่ อง
ออกนอกลู่นอกทาง ไม่แน่วา่ เซี ยวซ่งอาจจะจับเขาได้จริ งๆ
ซูฝคู รุ่ นคิดพลางลงจากหลังม้า
“จอมยุทธ์ซู ท่านยังยอดเยีย่ มเช่นนี้ ท่านไม่รู้หรอกว่าช่วงที่ท่านไม่อยู่ ชีวิตข้าแห้ง
เหี่ ยว คุณชายเก้าไม่มีศตั รู หวั ใจที่แข็งแกร่ ง ทั้งสองคนใช้ชีวิตอย่างราบรื่ นเกินไป
ข้าไม่ค่อยชิน ท่านกลับมาครั้งนี้ เพื่อมาหาหรั่นเหยียนหรื อ” หลิวชิงซงถามพลาง
มองในรถม้า
ซูฝตู อบ “ข้ามาส่ งซื่ อจื่อกลับวัง”
หลิวชิงซงหัวเราะฮ่าๆ พยักหน้าอย่างแรงเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่าก้อนน้ าแข็งอย่างท่าน
นี้ กลับมีความสนอกสนใจ กล้าพาองค์หญิงหนีไป ฝ่ าบาทมีองค์หญิงมากมาย ท่าน
กลับลักพาตัวเด็กน้อยไร้เดียงสา มีรสนิ ยมดีเหมือนกับข้าจริ งๆ!”
ซูฝมู องเขาอย่างเย็นเยียบแวบหนึ่ง
ชิงซงหดหัว กระซิ บกระซาบ “ไม่ซุบซิ บไม่บา้ ไม่บา้ ไม่มีชีวิต นี่คือสันดานคน แม้
แต่หรั่นเหยียนยังเคยถาม ยิง่ ข้าด้วยแล้ว?”
“นางเคยถาม?” ซูฝเู อ่ย
หลิวชิงซงตาเป็ นประกาย อดคิดไม่ได้วา่ มีทางแล้ว! จึงรี บบอก “แน่นอน พอนางรู ้
ว่าท่านจากไป ก็ร้องห่มร้องไห้”
“นางไม่มีทางร้องไห้” ซูฝเู ปิ ดโปงเขาอย่าไม่ลงั เลแม้แต่นอ้ ย
“ใช่ นางเสี ยเลือดไม่เสี ยน้ าตา ท่านก็รู้ตอนนางอยูท่ ่ามกลางเหตุการณ์กบฏในวัง
เกือบโดนฟันตาย ข้ายังว่าไยท่านเห็นคนใกล้ตายแล้วไม่ช่วย ที่แท้กพ็ าองค์หญิง...”
หลิวชิงซงรู ้สึกถึงไอยะเยือกของซูฝู นึ กว่าเขาถือสาเรื่ องนินทา จึงรี บเปลี่ยนเรื่ อง
“พาองค์หญิงเดินทางไกลหรื อ”
ในวันที่สิบห้าเดือนแปด ขณะที่ขนุ นางและภรรยาขุนนางกาลังร่ วมงานเลี้ยง ซูฝกู ็
พาองค์หญิงจิ้นหยางจากไป ต่อมาหลี่ซื่อหมินตกอยูใ่ นสภาพเลวร้าย เกรี้ ยวโกรธ
ดังฟ้าผ่า ทาให้นางในทุกคนอกสัน่ ขวัญแขวน พวกเขาจึงไม่กล้ากราบทูล ในเมื่อ
องค์หญิงหายตัวไปก็ตอ้ งรับโทษตาย พวกเขาจึงเสี่ ยงรวมหัวกันนัดแนะปากคา รอ
ให้หลี่ซื่อหมินอารมณ์ดีข้ ึน ค่อยไปกราบทูลว่าองค์หญิงหายตัวไป
คนพวกนี้คิดว่าตัวเองฉลาด ย่อมมีจุดจบไม่สวย แต่กป็ ระจวบเหมาะ ทาให้ซูฝอู อก
จากฉางอันอย่างสบาย
“นาง...” ซูฝอู ยากถามอะไร แต่ทา้ ยที่สุดก็ไม่พดู
ดูวนั ที่หรั่นเหยียนและเซี ยวซ่งแต่งงานกัน ซูฝกู เ็ ข้าใจกระจ่างโดยพลันว่าหรั่นเห
ยียนปรารถนาความมัน่ คง ไม่ใช่ชีวิตที่มนั่ คง แต่เป็ นคนที่ทาให้จิตใจเธอมัน่ คงได้
เรื่ องนี้ ซูฝตู ระหนักดีวา่ ตนเองสู ้เซี ยวซ่งไม่ได้ เพราะเซี ยวซ่งสามารถให้สิ่งที่เธอ
ต้องการ แต่เขาให้ได้เพียงสิ่ งที่เขาคิดว่าดีที่สุด
“หลิวอีเฉิ ง” น้ าเสี ยงอ่อนแรงดังมาจากในรถ
หลิวชิงซงตะลึงชัว่ ขณะ “องค์หญิงจิ้นหยาง?”
“ท่านขึ้นมาคุยบนรถ” องค์หญิงจิ้นหยางสั่ง
พอซูฝไู ด้ยนิ ก็หยุดรถม้า หลิวชิงซงปี นขึ้นรถ พอเข้าไปก็เห็นสาวน้อยดวงหน้า
งดงามยิง่ นัก เพียงแต่สีหน้านางขาวซี ด แสดงถึงอาการป่ วย
องค์หญิงจิ้นหยางเอ่ยยิม้ ๆ “เชิญนัง่ ”

…………………………
ตอนพิเศษหนึ่ง บทซู ฝู (2)

"หลิวอีเฉิ ง เสด็จพ่อข้า...พระพลานามัยแข็งแรงดีหรื อไม่" องค์หญิงจิ้นหยางถาม


องค์หญิงจิ้นหยางร่ างกายอ่อนแอ ดูตวั เล็กกว่าคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเยอะ
หลิวชิงซงจาได้วา่ นางเหลือเวลาอีกไม่มาก จึงอดนึกสงสารไม่ได้ "ดีพ่ะย่ะค่ะ
เพียงแต่ทรงคิดถึงองค์หญิงตลอด ครั้งนี้องค์หญิงกลับมา ฝ่ าบาทต้องดีพระทัย
มากแน่"
องค์หญิงจิ้นหยางใบหน้าปรากฏรอยยิม้ แต่กห็ มองลงอย่างรวดเร็ ว "ความเอาแต่
ใจของข้าทาให้เสด็จพ่อเสี ยพระทัย ตัวข้าในตอนนี้ชีวิตอยูใ่ นขั้นวิกฤต รู ้เช้าไม่รู้
ค่า จะไปวันใดก็ไม่รู้ เดิมทีไปแล้วก็ไม่สมควรกลับมาอีก แต่ขา้ คิดถึงเสด็จพ่อ
นัก"
"องค์หญิงทรงใกล้ถึงบ้านจึงหวัน่ พระทัย เสด็จกลับมาได้ ฝ่ าบาทดีพระทัยยิง่ กว่า
อะไร" หลิวชิงซงลอบถอนใจลึกๆ
องค์หญิงจิ้นหยางยิม้ ล้อว่า "ไม่พบกันหลายปี หลิวอีเฉิ งเปลี่ยนเป็ นขึงขังจริ งจัง
ขึ้น ตอนนี้คงไม่หลอกเอาขนมของเด็กหญิงตัวน้อยอีกกระมัง"
ก่อนหน้านี้ที่องค์หญิงจิ้นหยางชังหลิวชิงซง แต่ชอบซูฝแู ละหรั่นเหยียน ก็ดว้ ย
สาเหตุน้ ี
หลิวชิงซงหัวเราะฮ่าๆ ชะโงกไปใกล้องค์หญิงจิ้นหยางด้วยสี หน้าอยากซุบซิ บเต็ม
แก่ "องค์หญิงกับจอมยุทธ์ซู…"
"หลายปี นี้ พี่จื่อฉี พาข้าไปหลายที่ ภายนอกช่างงดงามนัก" องค์หญิงจิ้นหยางยัง
เป็ นเด็กหญิงตัวน้อยโดยสิ้ นเชิง ไม่เข้าใจความหมายในวาจาของหลิวชิงซง คนที่
ไอคิวสู งจานวนมาก อีคิวมักต่า องค์หญิงจิ้นหยางใช่ไม่เข้าใจเรื่ องราวทางโลก
เพียงแต่หลี่ซื่อหมินที่เลี้ยงนางจนโต ไม่ได้สอนให้นางเข้าใจเรื่ องนี้
"จอมยุทธ์ซูพาพระองค์ไปเที่ยวชมทิวทัศน์หรื อ?!" หลิวชิงซงอุทานตกใจ
ตามความคิดเขา นี่เป็ นเรื่ องเป็ นไปไม่ได้ แต่ซูฝกู ลับเป็ นคนเช่นนี้
ด้วยวิชาแพทย์ของซูฝู ย่อมรู ้วา่ องค์หญิงจิ้นหยางเหลือเวลาไม่มาก ตั้งแต่นางถือ
กาเนิด ไม่เคยออกจากวังหลวงแม้สักครึ่ งก้าว องค์หญิงจิ้นหยางปรารถนาเห็น
โลกภายนอก แต่หลี่ซื่อหมินไม่มีทางวางใจให้นางไปไกลจากฉางอันนัก ซูฝเู ป็ น
คนพูดน้อย บรรยายทิวทัศน์ภายนอกให้นางเห็นภาพไม่เป็ น เลยพานางไปสัมผัส
ด้วยตัวเองโดยตรงสักครา
หลิวชิงซงคิดว่า นี่เป็ นเรื่ องที่ซูฝกู ระทาออกมาได้ โดยไม่เกี่ยวกับเรื่ องชูส้ าว
"เช่นนั้นหลังเสด็จกลับวัง ก็จะไม่ทรงเห็นจอมยุทธ์ซูอีก จะไม่ทรงคิดถึงเขาหรื อ"
ชัดเจนว่าหลิวชิงซงไม่พอใจบทสรุ ปนี้ จึงเตรี ยมสั่งสอนสาวน้อยผูน้ ้ ีสักหน่อย
ครั้นสิ้ นเสี ยง ข้างใบหน้าบังเกิดลมเย็นกรี ดผ่าน มีเสี ยงดังฉึ ก ดาบถังเล่มหนึ่งปั ก
บนผนังรถหลังตัวเขา ด้ามดาบกระแทกศีรษะเขาเป็ นพักๆ ตามการโยกของรถม้า
หลิวชิงซงเหงื่อเย็นแตกเต็มศีรษะ พักหนึ่ งจึงยิม้ แห้งๆ เอ่ยว่า "จอมยุทธ์ซู ท่านยัง
ชอบใช้กาลังรุ นแรงเช่นนี้"
ด้านนอก ซูฝอู ยูบ่ นหลังม้า ในมือยังถือฝักดาบ นี่เป็ นขลุ่ยยาวเลาหนึ่ง ซึ่ งครั้งหนึ่ง
เคยมอบให้หรั่นเหยียน
องค์หญิงจิ้นหยางไม่รู้วา่ คาพูดประโยคนี้ ของหลิวชิงซงมีอะไรไม่เหมาะควร เลย
ถูกดาบที่จู่ๆ ทะลุมานี้ทาเอาสะดุง้ ตกใจ
หลิวชิงซงรู ้วา่ ซูฝสู ังหารคนไม่มีทางยั้งมือเด็ดขาด ยอมเตือนก็เป็ นการไว้ไมตรี
มากแล้ว ด้วยเหตุน้ ีเลยไม่กล้ากล่าวเหลวไหลอีก ข่มความอยากซุบซิ บเต็มอก ปิ ด
ปากอย่างเป็ นทุกข์
ไม่รู้เดินทางนานแค่ไหน รถม้าจึงค่อยๆ หยุด หลิวชิงซงมองไปนอกหน้าต่าง เห็น
ถึงละแวกประตูจูเชวี่ย จึงกล่าว "จอมยุทธ์ซูเวลานี้ท่านโดนปิ ดประกาศจับอยู่
สมควรให้ขา้ ส่ งองค์หญิงเข้าวังแทนท่านเถิด"
ซูฝใู ช้ขลุ่ยยาวเลิกม่านรถ มององค์หญิงจิ้นหยางแวบหนึ่ง
องค์หญิงพยักหน้า "พี่จื่อฉี ข้าจะขอให้เสด็จพ่ออย่าติดประกาศจับท่านอีก ท่านยัง
จะมาหาข้าที่วงั ได้อีกไหม"
หลิวชิงซงตื่นเต้นใจระทึก สองมือปิ ดปาก สองตาเป็ นประกายจ้องซูฝู สายตา
คาดหวังยิง่ กว่าองค์หญิงจิ้นหยางเสี ยอีก เขาจ้องซูฝทู ี่ยนื ย้อนแสงในระยะใกล้ จึง
เห็นว่าชายผูน้ ้ ี หน้าตาดีนกั โครงหน้าชัดเจน แววตาลุ่มลึก หนวดเคราสั้นๆ บน
คางยังน่าดูกว่าบุรุษทัว่ ไป ดังนั้นแม้สีหน้าไร้อารมณ์เช่นนี้ เกรงว่าสาวๆ มองนาน
หน่อยเป็ นต้องตกหลุมรัก
หลิวชิงซงอดนึ กไม่ได้ หากไม่ใช่ว่าหรั่นเหยียนมีลูกสามคนกับคุณชายเก้า เขาคง
สงสัยว่าเธอไม่ใช่ผหู ้ ญิง ถึงกับมีภูมิตา้ นทานหนุ่มรู ปงามสุ ดยอดเช่นนี้ ? ช่างไม่
เข้ากับกฎวิวฒั นาการของมนุษยชาติเลย!
"ถึงอย่างไรก็ตอ้ งแยกจากกัน" ซูฝลู ว้ งขวดเล็กใบหนึ่งส่ งให้ถึงหน้าองค์หญิงจิ้นห
ยาง "พยายามมีชีวิตต่อไป"
องค์หญิงจิ้นหยางขอบตาแดงเรื่ อ ยืน่ มือรับขวดเล็กมา ผงกศีรษะแรงๆ
ซูฝชู กั ดาบบนผนังรถลงมา แล้วปล่อยม่าน องค์หญิงจิ้นหยางรี บร้อนถาม "หากข้า
อยูถ่ ึงอายุสิบหกท่านจะมาพบข้าไหม"
"อือ" เสี ยงตอบรับดังมาจากด้านนอก
องค์หญิงจิ้นหยางน้ าตาริ น ร้องไห้ไร้สุ้มเสี ยง ใบหน้าขาวผ่องดุจดอกสาลี่เปื้ อน
หยาดฝนใสบริ สุทธิ์
หลิวชิงซงเช็ดหางตา ชะโงกไปบอกว่า "สมควรตรัสถามว่า หากทรงอยูถ่ ึงอายุสิบ
หกเขาจะแต่งพระองค์เป็ นภรรยาหรื อไม่"
องค์หญิงจิ้นหยางชะงักไปชัว่ ขณะ ก่อนรี บร้อนลงจากรถกะทันหัน
ยืนบนถนนใบไม้แห้งร่ วงโปรยปราย มองสุ ดทางสองฝั่ง ไร้เงาของซูฝแู ต่แรก
หลิวชิงซงตามลงรถ "ไม่เป็ นไร รออายุสิบหกค่อยรับสั่งถามเขาใหม่"
องค์หญิงจิ้นหยางหอบรุ นแรง เทยาเม็ดหนึ่งจากขวดที่ซูฝใู ห้ใส่ ปาก
หลิวชิงซงใจหายวาบ เอ่ยว่า "กระหม่อมล่วงเกินแล้ว" ก่อนยืน่ มืออุม้ นางวางบน
ตัง่ นุ่มในรถ
ขณะจะถอยออกไป เขาได้ยนิ เสี ยงอ่อนแรงปนเสี ยงหอบขององค์หญิงจิ้นหยาง
"ข้ารู ้วา่ ตัวเองอยูไ่ ด้ไม่นานขนาดนั้น ข้าแค่อยากรู ้วา่ …"
อยากรู ้วา่ เขาจะตกลงไหม
เป็ นครั้งแรกที่หลิวชิงซงสานึกเสี ยใจที่ตวั เองปากมาก นิ่งไปครู่ หนึ่งจึงกล่าว "ข้ารู ้
ว่าเขาจะไปที่ใด แล้วจะช่วยถามให้"
บนใบหน้าเปี่ ยมแววเจ็บปวดทุกข์ทรมานขององค์หญิงจิ้นหยางปรากฏรอยยิม้
น้อยๆ "ขอบคุณ"
หลิวชิงซงปลดอานม้าจากบนคานรถ แล้วสะบัดแส้บงั คับรถไปทางประตูวงั
เป็ นสามีภรรยาคือจะอยูด่ ว้ ยกันตลอดไปใช่หรื อไม่ ใบหน้าซี ดเซี ยวขององค์หญิง
จิ้นหยางแฝงรอยยิม้ ขณะหลับตาช้าๆ ความจริ งต่อให้เขาไม่ยนิ ดีแต่งงานกับนาง
จะเป็ นไร เขายังคงเป็ นพี่จื่อฉี ที่ยอมพานางตระเวนท่องเที่ยวไปทัว่ เพราะคาพูด
ประโยคเดียว เสด็จพ่อเสด็จแม่นางแม้จะเป็ นสามีภรรยาก็ยงั ไม่ได้อยูก่ นั จนแก่
เฒ่าเลยมิใช่หรื อ
ทุกสิ่ งที่ผา่ นมาสาหรับชีวิตอันแสนสั้นของนางก็คือนิจนิรันดร์
คนชุดดาพลิ้วลงอย่างแผ่วเบา มองส่ งรถม้าจากไป จากนั้นหันหลังมุ่งไปตรอก
ผิงคัง
คนที่เด็ดเดี่ยวเช่นเขา แต่ละก้าวกลับเปี่ ยมความลังเล
หลังจากไปสี่ ปี ในอารมณ์ชืดชาดุจน้ าเปล่าของเขา มีความคะนึ งหาส่ วนหนึ่งที่สั่ง
สมเพิ่มพูนลึกซึ้ งขึ้นทุกวัน ดังนั้นเขาจึงมา เพียงคิดแอบมองหน้าเธอ เหมือนทุก
วันในสี่ ปีก่อน
ซูฝไู ม่เข้าใจว่าอะไรคือความรักระหว่างหนุ่มสาว เพียงรู ้สึกว่ากลิ่นอายบนตัวหรั่น
เหยียนช่างเหมือนกับตนนัก ชวนให้รู้สึกปลอดภัย และวางใจได้
ยังจาได้ตอนอยูบ่ นเขาลูกนั้นที่ซูโจว เขาไม่เคยคิดว่าคุณหนูอ่อนแอคนหนึ่งจะเอ่ย
คาพูดชวนตะลึงเช่นนั้น---เธอพูดว่า อยากดูร่างกายเขา
เขายังจาความรู ้สึกในตอนนั้นได้ชดั เจน เขาที่ไม่เคยพูดล้อเล่นกลับบังเกิด
ความคิดหยอกล้อเธอ
บนถนนเงียบสงัดในป่ ารกครึ้ ม บุรุษรู ปงามเย็นชาไร้ใดปานผูห้ นึ่ง ใบหน้าเผย
รอยยิม้ น้อยๆ ดุจน้ าแข็งละลาย งดงามชวนตะลึงราวหงส์สยายปี ก
ทว่าที่น่าเสี ยดายคือไม่มีผใู ้ ดมองเห็น

…………………………
ตอนพิเศษหนึ่ง บทซูฝู (3)

ระหว่างตรอกกับถนนที่ลบั ตา คนชุดดายืนในเงามืดบนกาแพงอย่างไร้สุ้มเสี ยง แม้


บนถนนจะมีคนผ่านทางมาบ้าง แต่กไ็ ม่รู้สึกถึงเขาสักนิด

เนิ่นนาน กระทัง่ บนถนนไม่มีคนสัญจรอีก ซูฝจู ึงกระโดดลงจากกาแพง มุ่งไปเรื อน


สกุลเซียวช้าๆ

ครั้งนี้เขาตั้งใจพบหน้าเธออย่างเปิ ดเผยสักครั้ง ถือเป็ นการเยีย่ มคารวะสหายเก่าที่


ไม่ได้พบหน้าหลายปี ถึงจะโดนปฏิเสธอยูน่ อกประตูกช็ ่าง

ยามเห็นบุรุษชุดดายืนอยูน่ อกประตู แต่ไม่เดินหน้ามาเคาะ แม้จะสวมแค่ชุดผ้าฝ้าย


แต่บุคลิกไม่ธรรมดา เขาจึงเดินออกมาประสานมือคารวะถามว่า "แขกผูม้ ีเกียรติมา
หานายท่านหรื อฮูหยินบ้านเราขอรับ"

สองปี นี้มีคนไม่นอ้ ยตั้งใจมาเยีย่ มคารวะหรั่นเหยียนโดยเฉพาะ บ้างก็มาขอให้รักษา


บ้างก็มาเพราะเรื่ องชุมนุมแลกเปลี่ยนทักษะทางการแพทย์

"ผูน้ อ้ ยมาเยีย่ มคารวะเซี่ยนเหลียงฮูหยิน" ซูฝกู ล่าว

ยามถามว่า "ไม่ทราบแขกผูม้ ีเกียรติมีนามอันสู งส่ งใด ข้าจะได้รายงานฮูหยิน"

ซูฝนู ิ่งตรองชัว่ ครู่ ก่อนหันหลังกลับ เขาพลันนึกได้วา่ ตอนนี้สถานะตนคือโดน


ประกาศจับ มาเยีย่ มคารวะถึงบ้านเช่นนี้ออกจะไม่เหมาะสม

ยามมองเงาหลังเขาอย่างแปลกใจ คนตัวน้อยเบียดออกจากช่องประตู ถามเสี ยงน่ารัก


แบบเด็กๆ ว่า "เขาก็เป็ นคนที่มาขอให้ท่านแม่รักษาหรื อ"
ได้ยนิ เสี ยงนี้ ซูฝพู ลันชะงักเท้า หันกลับไปมอง เห็นเด็กน้อยตัวนิดเดียวสวมชุด
กระโปรงหรู ฉวินสี เหลืองอ่อน เกล้ามวยสองข้างบนศีรษะ ตากลมแป๋ ว จมูกนิดหนึ่ง
เหมือนเทพธิดาตัวน้อย

องค์หญิงจิ้นหยางเป็ นเด็กตัวเล็กที่สุดเท่าที่ซูฝเู คยเห็น คิดไม่ถึงยังมีเด็กตัวเล็กขนาด


นี้อยู่ ตัวน่าจะสู งเลยเข่าเขามาแค่นิดเดียว!

"คุณหนูนอ้ ย วิง่ ออกมาทาไมอีกขอรับ" ยามสะดุง้ ตกใจ

ซูฝเู ห็นมีเด็กชายขาวละอ่อนอีกสองคนเบียดออกจากประตู ขยับมาหน้าประตูชา้ ๆ


ด้วยท่าทางงุ่มง่ามน่าเอ็นดู ซูฝอู ดยิม้ มุมปากไม่ได้

แม้เป็ นสี หน้าเล็กน้อยยิง่ แต่ท่าทีที่อ่อนโยนลงของเขาทาให้รั่วรั่วรู ้สึกดีดว้ ย จึงก้าว


เท้าเล็กๆ เดินมาหน้าซูฝู เขย่งเท้าหมายจูงมือเขา แต่ออกจะกินแรง

ซูฝกู ม้ ตัวลงเล็กน้อย แล้วลดมือลง

มือเล็กกลมป้อมของรั่วรั่วเพียงคว้านิ้วชี้เขาได้ "อย่ากลัวนะ ข้าจะพาท่านไปหา


หมอ"

เอ่ยพลางจูงซูฝเู ข้าไปในบ้าน

ยามสี หน้าแปลกใจหนัก คุณหนูนอ้ ยใจเสาะ ปกติเจอคนแปลกหน้ามักขี้ขลาดหลบ


อยูด่ า้ นหลัง วันนี้กลับใจกล้าอย่างประหลาด หรื ออายุนอ้ ยแค่น้ ีกช็ มชอบบุรุษรู ป
งาม?

ขณะคิด ยามก็หนั ไปเห็นเด็กน้อยสองคนกระถดตัวแนบกาแพง จึงรี บเอ่ยว่า


"คุณชายน้อยทั้งสองเหตุใดก็ออกมาด้วยเล่า"
หนึ่งเดือนมานี้ นายน้อยสามคนฉลาดขึ้นทุกที เป็ นเหตุให้ยามเฝ้าประตูอย่างเขา
รับภาระหนักขึ้น เด็กน้อยสามคนคิดหาทางใหม่ๆ หนีออกไปข้างนอกทุกสองสาม
วัน

เซียวเหล่าเอ้อร์เชิดหน้าเล็กๆ ขึ้น ขมวดคิ้วเบ้ปากกล่าว "เจ้าไม่เห็น ไม่ได้หรื อ"

"ตายละ บรรพบุรุษน้อยของข้า วันนี้หากข้าไม่เห็นท่าน พรุ่ งนี้ท่านคงไม่เห็นข้า


แล้ว" ยามปวดหัวตุบ หากทาเด็กๆ หาย เรื อนสกุลเซียวยังจะปล่อยเขาไว้อีกหรื อ

"คุณชายน้อย คุณหนูนอ้ ย" สาวใช้สามคนรี บร้อนวิง่ มา

ยามถอนใจโล่งอก ไม่สนใจเด็กน้อยสองคนอีก รี บหันไปต้อนรับซูฝเู ข้ามานัง่ ใน


ห้องยาม หลังยกชาให้ ค่อยกล่าวว่า "แขกผูม้ ีเกียรติเชิญรอสักครู่ ข้าจะให้คนไป
รายงานฮูหยินเดี๋ยวนี้"

"คุณหนูนอ้ ย ตามบ่าวกลับไปเถิดเจ้าค่ะ" สาวใช้คนหนึ่งเกลี้ยกล่อมรั่วรั่ว

แต่รั่วรั่วไม่สนใจนาง เอียงคอถามซูฝู "ท่านไม่สบายตรงไหนหรื อ"

เด็กชายสองคนเห็นน้องสาวยังอยูใ่ นห้องยาม ก็เรี ยกร้องจะไปห้องยามด้วยทันที


เซียวเหล่าเอ้อร์แหกปากร้องลัน่ เซียวเหล่าต้าขอบตาแดงเรื่ อ ดูท่าเหมือนฝนตั้งเค้า
สาวใช้สองคนตกใจไม่กล้าขัด รี บอุม้ พวกเขาเข้าห้องยาม

"แขกผูม้ ีเกียรติโปรดอภัย พวกคุณชายน้อยคงถูกชะตาท่านมาก จึงอยากเข้ามาเล่น


กับท่านให้ได้" สาวใช้คนหนึ่งในนั้นค้อมกายขออภัย

"ไม่เป็ นไร" ซูฝตู อบ


สาวใช้สามคนคุกเข่าอยูท่ างหนึ่ง ลอบมองซูฝเู ป็ นระยะๆ นอกจากนายท่าน พวก
นางไม่เคยเห็นบุรุษรู ปงามเช่นนี้เลยจริ งๆ

"ท่านจับกบเป็ นไหม" เซียวเหล่าเอ้อร์กา้ วขาเล็กๆ เดินมาหน้าซูฝู นัง่ ขัดสมาธิขา้ ง


เขา แล้วแหงนหน้าถาม

ซูฝลู งั เลครู่ หนึ่ง ก่อนพยักหน้า

"เช่นนั้นท่านมาหาท่านแม่ขา้ เพื่อรักษาโรคหรื อ" เซียวเหล่าเอ้อร์ถามต่อ

ซูฝไู ม่ถนัดสื่ อสาร อีกอย่างตรงหน้ายังเป็ นเด็กน้อยเจ้าปัญหาหลายคน เลยได้แต่


ตอบว่า "อือ"

"ท่านไม่สบายตรงไหนล่ะ" รั่วรั่วถาม ในที่สุดก็วกกลับมาคาถามเดิม

เซียวเหล่าต้าที่ตลอดมาไม่พดู ไม่จาอยูด่ า้ นข้าง หันไปถามสาวใช้ขา้ งๆ ว่า "เขาน่าดู


หรื อท่านพ่อข้าน่าดู?"

ต่อหน้าซูฝู สาวใช้ตอบอย่างนี้กไ็ ม่ถูก อย่างนั้นก็ไม่ใช่ อ้ าอึ้งพักใหญ่ ก่อนได้แต่


ตอบว่า "น่าดูคนละแบบเจ้าค่ะ"

เซียวเหล่าต้าหัวคิ้วขมวด มองซูฝู น้ าตาคลอเจียนหยด เบ้ปากถาม "ท่านชอบพวกเรา


ไหม"

เผชิญหน้ากับเด็กน่ารักราวหยกสลักสามคน ซูฝจู ะบอกว่าไม่ได้หรื อ เขาได้แต่พยัก


หน้า
"อาชิงซงบอกว่า ท่านแม่กาลังรอชายคนหนึ่งที่หน้าตาดีกว่าท่านพ่อ จากนั้นจะพา
พวกเราแต่งงานใหม่" เซียวเหล่าต้าพอพูดก็ทาคนขวัญหาย สาวใช้สามคนตกใจหน้า
ถอดสี

สาวใช้คนหนึ่งในนั้นรี บเดินเข้าไปอธิบายกับซูฝู "แขกผูม้ ีเกียรติโปรดอภัย เด็กๆ


พูดจาไม่ระวัง พูดจาไม่ระวัง…" จากนั้นก็ออ้ นวอนเซียวเหล่าต้า "คุณชายใหญ่ พวก
เรากลับเถิดเจ้าค่ะ…"

รั่วรั่วร้องไห้จา้ มองซูฝพู ลางเอ่ยว่า "ข้าไม่ชอบท่านแล้ว ฮือๆ พี่ชาย ต่อไปพวกเรา


จะไม่ได้เจอท่านพ่ออีกหรื อ"

เซียวเหล่าเอ้อร์นวดหน้ากลมป้อมเป็ นซาลาเปา ถามอย่างงวยงง "อะไรคือแต่งงาน


ใหม่?"

ซูฝกู ระอักกระอ่วนยิง่ ก่อนหน้านี้ตอนเขาอยูก่ บั องค์หญิงจิ้นหยางสบายใจมาก


เพราะเวลานั้นองค์หญิงโตกว่าสามคนในตอนนี้หน่อย ทั้งยังเป็ นเด็กหญิงน้อยๆ ที่
เรี ยบร้อยรู ้ความ ไหนเลยมีความคิดพิลึกพิสดารมากปานนี้

"แต่งงานใหม่กค็ ือ...ต่อไปเขาจะเป็ นท่านพ่อของพวกเรา" เซียวเหล่าต้าเองก็คล้าย


ไม่เข้าใจความหมายของคาว่าแต่งงานใหม่ดีนกั คิดว่าแต่งงานใหม่คือเปลี่ยนบิดา

เซียวเหล่าเอ้อร์ผงกศีรษะอย่างเข้าใจ ก่อนหันไปถามซูฝู "เช่นนั้นท่านชอบท่านแม่


ไหม"

"คุณชายน้อย ขอร้องกลับไปเรื อนหลังกับบ่าวเถิดเจ้าค่ะ" สาวใช้อดร้องไห้ไม่ได้

เดี๋ยวๆ ก็พดู เปลี่ยนบิดาเช่นนี้ ไม่รู้อีกเดี๋ยวจะก่อเรื่ องมากน้อยแค่ไหน ถึงตอนนั้นวัน


เวลาของพวกนางก็จบสิ้ นแน่ พวกนางจะไม่ร้องไห้ได้หรื อ
เห็นสาวใช้ท้ งั หลายร้องไห้ฟมู ฟายพักใหญ่ เซียวเหล่าต้าจึงผงกศีรษะอันสู งค่าของ
เขา ปี นขึ้นมาจูงมือน้อยของรั่วรั่วเอ่ยว่า "น้องสาวอย่าร้องไห้ วันหลังพี่ชายจะจับกบ
ให้"

รั่วรั่วสะอึกสะอื้นตามเขาไปด้านนอก กล่าวเสี ยงเครื อ "แต่ขา้ ยังต้องการท่านพ่ออยู"่

เซียวเหล่าเอ้อร์รีบตามไป คว้ามืออีกข้างของเซียวเหล่าต้า "พี่ชาย ไม่สนใจพ่อใหม่


ของพวกเราแล้วหรื อ"

น้ าแข็งพันปี บนใบหน้าซูฝปู ริ ร้าว สี หน้าน่าดูชมยิง่ สามคนนี้...เป็ นเด็กจริ งหรื อ อายุ


น้อยๆ รู ้เรื่ องมากขนาดนี้กช็ ่างเถิด แต่นี่เรื่ องอะไรกัน!

พอเด็กที่สร้างความอลหม่านทั้งสามออกไป ในห้องก็พลันดูเงียบผิดปกติ

ซูฝหู ลุบตาจ้องน้ าที่ค่อยๆ หมดไอร้อนตรงหน้า ก่อนยืน่ มือยกขึ้นมา เขาไม่รู้วา่ นาน


แค่ไหนแล้วที่ไม่กินของที่ผา่ นมือผูอ้ ื่น ไม่ดื่มน้ าที่ผอู ้ ื่นส่ งให้...แรกเริ่ มแค่ระวังว่าสัก
วันตนจะโดนข้ามแม่น้ ารื้ อสะพาน จนวันนี้กลายเป็ นความเคยชินโดยไม่รู้ตวั

เขาฝื นใจจิบอึกหนึ่ง

ฉับพลันหูขยับเล็กน้อย ได้ยนิ เสี ยงฝี เท้าอันคุน้ เคยนั้น มือที่ถือถ้วยอยูส่ ั่นเล็กน้อย น้ า


กระฉอกออกมาหลายหยด

ฝี เท้านั้นช่างคุน้ เคย ก่อนนี้ทุกวันเขาพิงตัวอยูน่ อกกาแพงบ้านสกุลเซียว ฟังเสี ยงนี้


เที่ยวหนึ่งจึงค่อยสบายใจ

เสี ยงฝี เท้ามาหยุดหน้าห้องยาม

"หมอยาซู" เสี ยงใสเย็นชาเหมือนดังก่อน


ซูฝพู ลันรู ้สึกว่าส่ วนที่วา่ งเปล่าในใจตนถูกเติมเต็ม จากไปหลายปี นี้ สิ่ งที่คล้ายขาด
หาย ก็คือสามคานี้ที่เธอเรี ยกเบาๆ

ซูฝเู ห็นหญิงงามที่ออกเรื อนแล้วนางหนึ่งย้อนแสง เธองามซึ้งตรึ งใจกว่าเมื่อก่อน สี


หน้ายังคงไม่หลากหลายดังเก่า แต่ยมิ้ น้อยๆ เช่นนั้นก็สามารถปลุกเร้าใจเขา

"เซี่ยนเหลียงฮูหยิน" ซูฝลู ุกขึ้นประสานมือคารวะนิดหนึ่ง

หรั่นเหยียนยิม้ กว้างกว่าเดิม "เมื่อครู่ สงั่ สอนเจ้าหนูสองคนนัน่ เลยมาสาย ไปคุยกันที่


ห้องโถงเถิด?"

ซูฝพู ยักหน้า

ทางในสวนแคบ เขากับเธอห่างกันไม่ถึงเชียะ จึงได้กลิ่นนมอ่อนๆ ผสมกลิ่นหอม


ของดอกเพ่ยหลันบนร่ างเธอ

"ฟังว่าปี นั้นท่านบาดเจ็บ สาหัสหรื อไม่" ยากนักที่ซูฝจู ะเป็ นฝ่ ายเปิ ดฉากสนทนา


ก่อน

หรั่นเหยียนตอบ "ไม่ได้บาดเจ็บหนักหนาอะไร อีกอย่างข้ายังจับพลัดจับผลูช่วยองค์


ชายเก้าไว้ในครั้งนั้น ตอนนี้ทรงเป็ นรัชทายาท ข้าเลยพลอยได้รับการดูแลอยู"่

ซูฝไู ม่มีหน้าที่ตอ้ งคุม้ ครองเธอ หรั่นเหยียนรู ้วา่ หากบอกความจริ ง เขาต้องรู ้สึกผิด


แน่ เลยปกปิ ดเรื่ องบางอย่างไว้ อยูก่ บั เซียวซ่งนาน เธอก็ค่อยๆ เรี ยนรู ้วา่ ควรจัดการ
เรื่ องราวเช่นไร

ตลอดทางสองคนไร้วาจา ยังคงเหมือนเมื่อก่อน เงียบแต่ไม่อึดอัด

ครั้นนัง่ ลงในห้องโถง หรั่นเหยียนจึงถามว่า "ได้ยนิ ว่าท่านกับองค์หญิงจิ้นหยาง…"


"วันนี้ขา้ ส่ งนางกลับวังแล้ว ข้าเห็นว่านางเหลือเวลาไม่มาก เลยพานางไปชมสายน้ า
ขุนเขาเลื่องชื่อ" ซูฝเู อ่ยตัดบทหรั่นเหยียน หรั่นเหยียนเป็ นสตรี ออกเรื อนแล้ว เขาเอง
ก็ไม่รู้วา่ อธิบายสิ่ งเหล่านี้มีประโยชน์อะไร แค่ไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดจริ งๆ

บทสนทนาของทั้งสองเงียบลงอีกครั้ง

ก่อนนี้ซูฝชู อบความรู ้สึกสงบและสบายใจเช่นนี้มาก ตอนนี้กย็ งั ชอบ เพียงแต่ไม่รู้


ทาไมจึงอยากพูดอะไรกับเธอบ้าง แต่ครุ่ นคิดครู่ หนึ่งกลับเงียบต่อ

หรั่นเหยียนมองท้องฟ้าดูเวลา "ใกล้เที่ยงแล้ว ก่อนนี้กินเนื้อที่ท่านย่าง ท่านยังไม่เคย


กินอาหารฝี มือข้ากระมัง ไม่เจอกันหลายปี ก็ให้ขา้ ต้อนรับขับสูท้ ่านสักครั้ง"

ซูฝเู ห็นเธอลุกขึ้น ก็ลุกขึ้นห้าม "ไม่ตอ้ ง ข้ามีธุระค่อนข้างด่วน"

ดวงตาคู่ลุ่มลึกของหรั่นเหยียนคล้ายมองทะลุคาโกหกของเขาได้ในพริ บตาเดียว

เธอเดินไปใกล้ซูฝู "ท่านคล้ายไม่เปลี่ยนไปเลย แต่หลายปี นี้ขา้ เปลี่ยนไปมาก ท่าน


ยังคงโกหกไม่เป็ น แต่ขา้ เป็ นแล้ว"

ซูฝจู อ้ งดวงหน้าที่อยูใ่ กล้แค่คืบ นอกจากครั้งหนึ่งที่ใกล้กนั ขนาดนี้ในอารามอิ่งเหมย


ที่ซูโจว ก็ไม่มีอีก เขารู ้สึกว่าใจเต้นกระหึ่ มในสมองว่างเปล่า

กว่าเขาจะลาบากตั้งสติได้ บนเอวก็มีมือคู่หนึ่งเพิ่มมาติดๆ เขาเบิกตา ก้มมองหรั่นเห


ยียนที่กอดเขาอย่างเหลือเชื่อ ลังเลชัว่ ขณะ ก่อนยืน่ มือที่สั่นนิดๆ ทาบเบาๆ บนหลัง
เธอ

นี่เป็ นการกอดที่ไม่ส่อนัยเชิงชูส้ าว เวลาที่กอดก็ไม่นาน แค่กอดเบาๆ ทีหนึ่ง เป็ น


ธรรมชาติถึงปานนั้น คล้ายเป็ นเพียงสหายเก่าที่ไม่ได้พบกันนานหลายปี พบกันจึง
กอดกัน
"ขอบคุณท่านมาก อาเหยียน" เสี ยงซูฝแู หบพร่ าน่าฟัง

เวลานี้เขารู ้สึกว่าตัวเองเต็มตื้นสมบูรณ์ เธอยังคงอยูท่ ี่นี่ ยังคงเป็ นหรั่นสิ บเจ็ดคนนั้น


จู่ๆ เขาก็เข้าใจ ตนเองกับหรั่นเหยียนไม่แค่กลิ่นอายคล้ายกัน แม้แต่สิ่งที่ตามหาก็ยงั
เหมือนกัน

สถานที่ใจสงบก็คือบ้าน

เพียงแต่ซูฝไู ม่เคยรู ้ใจตนเอง แต่เป้าหมายของหรั่นเหยียนชัดเจนก็แค่น้ นั

"ไม่วา่ ท่านอยูท่ ี่ไหน ข้าก็อยูท่ ี่ฉางอันตลอด" หรั่นเหยียนแสบขอบตาเล็กน้อย


ใบหน้ากลับส่ งยิม้ ให้ซูฝู นี่เป็ นคาสัญญาและนัดหมายระหว่างสหาย

ซูฝฟู ังออก ใจโหวงเหวงครึ่ งหนึ่ง เต็มตื้นครึ่ งหนึ่ง

ออกจากเรื อนสกุลเซียว เป็ นครั้งแรกที่ซูฝเู ดินช้าๆ ไปทางชานเมืองราวกับเดินเล่น มี


หรื อที่เขาไม่อยากอยูก่ ินอาหารฝี มือหรั่นเหยียนสักมื้อ แต่เขาไม่กล้า กลัวอาลัย กลัว
คะนึงหา

การกอดเบาๆ นี้ และวาจานั้น เป็ นสิ่ งซึ่ งมากที่สุดที่หรั่นเหยียนสามารถมอบให้เขา


เขาพลันนึกถึงกลอนบทนั้นที่หลิวชิงซงท่องในป่ าตอนขามา

ชีวติ คนลาจากยากพานพบ เคลื่อนบรรจบดุจดาวเซินและดาวซาง

……

ชีวติ มนุษย์พลัดพราก ท่านกับข้าก็เหมือนกับดาวเซินและดาวซาง หนึ่งตะวันออก


หนึ่งตะวันตก ทางโน้นขึ้นทางนี้ตก ไม่อาจพบเจอ

……
พรุ่ งนี้คนั่ ด้วยขุนเขา เรื่ องของสองเราไม่เที่ยงแท้

วันนี้ลาจาก ก็ถูกขุนเขาสายน้ าขวางกั้น เรื่ องราวในโลกไม่แน่นอน อนาคตไม่รู้เป็ น


เช่นไร

ไม่วา่ เรื่ องราวในโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร ต่อให้ขนุ เขาสายน้ ากั้นกลาง ไม่ได้พบกัน


อีก แต่อาเหยียน มีคาพูดประโยคนั้นของท่าน ข้าก็สุขใจแล้ว!

ซูฝขู ้ ึนม้า ออกจากเมืองช้าๆ

เหลียวมองป้อมกาแพงเมืองสู งใหญ่ของฉางอันแวบหนึ่ง ใบหน้าเผยรอยยิม้ สดใส


ควบม้าพลิ้วจากไป

…………………………
ตอนพิเศษสอง บทซางเฉิน (1)

เซียวซ่งพาลูกชายลูกสาวทังสามนังบนระเบียง ขมวดคิว
แผ่กลินอายหึงหวงรอบกาย

เมือครูบ่ อกว่าไม่มาแอบดู เด็กสามคนก็จะลากเขามาให้


ได้ ครังนีดีละ ดูเสร็จน่าจะกินอะไรไม่ลง!

ก็ได้ ความจริงหรันเหยียนมาพบซูฝเู ป็ นเขาใจกว้าง


อนุญาต แต่ถงึ กับกอดกันด้วย เขาไม่ได้ยอมให้กอดได้
สักหน่อย! ซําภรรยาตนยังเป็ นฝ่ ายกอดผูอ้ ืนก่อน! ทังยัง
มีเนือย่างอะไรนัน...ก่อนนีพวกเขายังเคยย่างเนือกินด้วย
กันอีก!

1
"ท่านพ่อ ท่านสวมหมวกเขียวแล้ว (สํานวนจีนหมายถึง
โดนสวมเขา) " ตาโตใสแจ๋วเปี ยมแววเห็นใจของเซียวเห
ล่าต้าจับจ้องเซียวซ่ง

เดิมทีเซียวซ่งโทสะจู่โจมจิตใจ พอได้ยินลูกชายอายุแค่
ห้าหกขวบกล่าววาจาพิเรนทร์สะท้านฟ้าธรณีกาํ สรดเช่น
นี ก็ชะงักครูห่ นึงก่อนข่มเพลิงโทสะทีอัดแน่นเต็มอก
ถามด้วยนําเสียงสงบลงเล็กน้อย "ใครบอกเจ้าเรืองสวม
หมวกเขียวนี"

แม้ไม่ตอ้ งถามเซียวซ่งก็รู ้ นอกจากหลิวชิงซงไม่มีคนอืน


แต่ทีผ่านมาเขาตัดสินโทษตายโดยยึดหลักพยานหลัก

2
ฐานแน่ชดั

"เป็ นท่านอาชิงซง" เซียวเหล่าเอ้อร์รบั สารภาพทันที

เซียวซ่งพลันลุกขึน สวมรองเท้าก้าวปราดไปด้านนอกดุจ
ดาวตก

หวันลวีกําลังเตรียมให้คนยกสํารับ เห็นเซียวซ่งก็รบี ย่อ


กายถามว่า "นายท่านจะไปทีใด อาหารเทียงจะยกขึนมา
แล้วเจ้าค่ะ"

"ไม่กิน! โกรธจนอิมแล้ว!" สินเสียงเซียวซ่ง คนก็หายลับ


ไปบนทางน้อย
3
หวันลวีเดินเข้าเรือนอย่างฉงน เห็นเด็กน้อยสามคนเท้า
คางนังยองๆ อยูบ่ นระเบียง ก็เดินเข้าไปถามว่า "นาย
ท่านโกรธอะไรเจ้าคะ ใช่คณ
ุ ชายใหญ่ดือหรือไม่"

แม้เซียวเหล่าเอ้อร์จะซุกซนและอยูไ่ ม่สขุ ทีสุด แต่ยงั ไม่มี


ฝี มือขนาดทําให้เซียวซ่งโกรธจนลุกหนีไป

รัวรัวมองหวันลวีด้วยท่าทางน่าสงสาร "ลวีลวี ท่านพ่อ


สวมหมวกเขียวแล้ว"

"หา?" หวันลวีอ้าปากหวอ ข่าวนีชวนตะลึงเกินไป โดย


เฉพาะเป็ นข่าวทีออกจากปากเด็กน้อยน่ารัก

4
ทันใดนันหวันลวีก็ตงสติ
ั ได้ บ่นอย่างไม่พอใจว่า "หลิวอี
เฉิงก็เหลือเกินจริงๆ เด็กอายุช่วงนีช่างจดจําทีสุด ถึงกับ
สอนเรืองพวกนี…" นางถอนใจเฮือกหนึง นังบนระเบียง
แล้วหันไปกระซิบถามอย่างสนอกสนใจว่า "ฮูหยินกับ
คุณชายซูทาํ อะไรกันหรือเจ้าคะ"

"กอดกันแล้ว" รัวรัวตอบอย่างไร้เดียงสา

"กะ...กอดกันหรือ" หวันลวีสีหน้าตืนตระหนก

เซียวเหล่าเอ้อร์ยงั คิดไม่ตก ทําไมท่านพ่อถึงโกรธเล่า

5
หวันลวีรีบกําชับเด็กสามคนว่า "เรืองนีไม่อาจพูดไปเด็ด
ขาด รูไ้ หมเจ้าคะ อย่าได้บอกกับท่านปู่ ทา่ นย่า มิเช่นนัน
พวกนายน้อยก็จะไม่ได้เห็นท่านแม่อีก"

รัวรัวพยักหน้าราวไก่จิกข้าวเปลือก นําตาปริมจะร้องไห้

"เด็กดี" หวันลวีลูบศีรษะเล็กๆ ของเด็กสามคนเบาๆ เป็ น


การชมเชย

"หวันลวี เห็นนายท่านไหม" หรันเหยียนเพิงออกจากครัว


แม้ในบ้านมีบา่ วไพร่มากมาย แต่เธอยังคงชินทีจะลงครัว
ทําอาหารให้สามีและลูกๆ เอง

6
หวันลวียังไม่ทนั ตอบ เซียวเหล่าต้าก็ชิงตอบว่า "ท่านพ่อ
ไปหาเรืองต่อยตีบรุ ุษรูปงามคนนันแล้ว"

"อะไรนะ" หรันเหยียนชะงัก ก่อนสังทันทีวา่ "หวันลวี เจ้า


ดูเด็กๆ ให้ดี ข้าจะออกไปหน่อย"

พูดจบก็รบี ร้อนจากไป

เสียงหวันลวีตันคอหอย ก่อนรีบถามเซียวเหล่าต้าว่า
"นายท่านไปหาเรืองต่อยตีคณ
ุ ชายซูจริงหรือเจ้าคะ"

เซียวเหล่าต้ามองท่าทางตึงเครียดของหวันลวี แล้วส่าย
หน้าอย่างผูบ้ ริสทุ ธิ "อาชิงซงบอกว่า สวมหมวกเชียวก็
7
ต้องมีเรืองต่อยตี"

หวันลวีถอนใจใหญ่ ใจนึกครังนีหลิวอีเฉิงเคราะห์รา้ ย
จริงๆ แล้ว

หรันเหยียนถามยามว่าเซียวซ่งไปทางไหน จากนันพา
องครักษ์สองคนขีม้าตามไป

ตลอดทางเห็นเงาร่างของเซียวซ่งได้ราํ ไร แต่เพราะผูค้ น
ออกท่องเทียวช่วงฤดูใบไม้รว่ งกันเยอะ หรันเหยียนไม่
อยากสร้างเรืองซุบซิบประเภท 'เซียวซือหลางหนีไป
อย่างแล้งนําใจ เซียนเหลียงฮูหยินจึงขีม้าไล่ตามสามี'

8
จนถึงละแวกวัดฉือเอิน ถึงกับคลาดสายตา ขณะหรันเห
ยียนร้อนใจ ก็เห็นหลิวชิงซงขีม้าเอ้อระเหยมา "พีสะใภ้
เก้า? ท่านก็มาเทียวช่วงฤดูใบไม้รว่ งหรือ"

"อือ" หรันเหยียนตอบอย่างขอไปที แล้วมองทางทีเขามา


แวบหนึง ก่อนถามว่า "ท่านนัดคนของสํานักหมอหลวง
ดืมสุรากันทีนี แต่เพิงมาตอนนีหรือ"

"ไม่ใช่ เช้านีข้าเจอจอมยุทธ์ซสู ง่ องค์หญิงจินหยางกลับ


มา เลยช่วยเขาส่งองค์หญิงเข้าวัง" หลิวชิงซงลงจากม้า
"ข้ากลับมาดูวา่ ทุกคนแยกย้ายกันไปหรือยัง แหะๆ แล้วก็
ถือโอกาสขอข้าวสุยหย่วนกินสักมือ"

9
หรันเหยียนขมวดคิว "เขายังต้องอาศัยข้าวคนอืน ท่าน
ยังมาขอข้าวเขา?"

"ฮูหยินบ้านข้าสังสอนเข้มงวด ประหยัดได้ก็ประหยัด"
หลิวชิงซงตอบอย่างจนใจด้วยสีหน้าอมทุกข์

เมือเอ่ยถึงซางเฉิน หรันเหยียนกวาดตาหาร่องรอยของ
เซียวซ่งพลางถามว่า "เขายังไม่ยอมคุณหนูบา้ นตูอ้ ีก
หรือ"

หลิวชิงซงได้ยินคําของหรันเหยียน สีหน้าอมทุกข์ก็ถกู
สลัดทิงไปทันที หัวเราะฮ่าๆ ตอบว่า "พีสะใภ้เก้า คําว่า
'ยอม' ของท่านนีใช้ได้ดียงิ หลังสกุลหลีกับสกุลตูถ้ อน

10
หมัน คุณหนูสกุลตูก้ ็ออกจะสติไม่ดีนกั แต่ทา่ นรูส้ กึ ไหม
ว่าคุณหนูนางนันก็ทะลุมิติมาเหมือนกัน"

"บนโลกนีจะมีเรืองประหลาดพิสดารมากมายปานนัน
เชียวหรือ" หรันเหยียนไม่เชือ

หลิวชิงซงเอ่ยว่า "นียังถือว่าประหลาดพิสดารอีกหรือ ต้า


ถังเป็ นยุคซึงเป็ นทีนิยมมากขนาดไหน ท้องฟ้าเป็ นรูพรุน
แต่แรก มีมากมีนอ้ ยก็ไม่น่าแปลกใจ แต่คณ
ุ หนูนางนี
พฤติกรรมไม่องอาจเปิ ดกว้างเหมือนพวกเรา"

"ต้องแต่งกับซางเฉินให้ได้ เรืองนียังไม่นบั ว่าองอาจเปิ ด


กว้างอีกหรือ" หรันเหยียนเห็นว่าหากเรืองนีไม่นบั ว่า

11
องอาจเปิ ดกว้าง เช่นนันอะไรถึงนับว่าองอาจเปิ ดกว้าง?

"ท่านรูไ้ หมว่าทําไมนางต้องแต่งกับซางเฉินให้ได้" หลิวชิง


ซงถาม

หรันเหยียนส่ายหน้า

หลิวชิงซงชักบังเหียนม้าหยุด "ข้าจะบอกให้ แม่นางคน


นัน เพราะซางเฉินเห็นใบหน้านาง ข้าตรึกตรองดูแล้ว ถ้า
ไม่สะเทือนใจจนเสียสติเพราะถูกถอนหมัน ก็เป็ นเพราะ
ทะลุมิติมา ข้าใช้ตรรกะวิเคราะห์ดู ความเป็ นไปได้อย่าง
หลังมีมากกว่า?"

12
"ตรรกะของท่าน?" หรันเหยียนเหล่เขา ใช่วา่ หรันเหยี
ยนดูถกู แต่เป็ นเพราะเขาไม่เคยคิดเรืองราวด้วยตรรกะ
เลย

"ถ้าสนใจ ข้าวิเคราะห์ให้ทา่ นฟั งได้นะ" หลิวชิงซงกล่า


วก่อนยิมตาหยี

"ไม่สนใจ" หรันเหยียนรูว้ า่ ต่อให้ตนพูดความจริง หลิวชิง


ซงก็คงอดไม่อยู่

จริงดังคาด พอสินเสียงเธอ ก็ได้ยินหลิวชิงซงกล่าวต่อ


"คุณหนูตนู้ างนัน เดิมก็เผ็ดร้อนยิง เมือถูกถอนหมันเพียง
เป็ นไปได้ทีจะทําเรืองสองอย่าง ถ้าไม่ใช่ถือดาบไปฟั น

13
เต๋อเจียน ก็คือถือมีดไปฟั นเต๋อเจียน ดังนันข้าว่าหาก
นางถูกทําให้สะเทือนใจจนเสียสติได้ ชือเสียงเกียรติภมู ิ
ชัวชีวิตของข้าหลิวชิงซงจะเอาไปไว้ไหน ความจริงมี
เพียงหนึงเดียว---"

เสียงของหลิวชิงซงพลันชะงักค้าง มองไกลไปสามจัง
เซียวซ่งกําลังเอนกายพิงต้นไม้ ริมฝี ปากเผยรอยยิม
อันตราย

"พีสะใภ้เก้า จู่ๆ ข้าก็นกึ ขึนได้ ฮูหยินบ้านข้าให้ขา้ ไปทํา


คลอด" หลิวชิงซงโหนตัวขึนม้าอย่างคล่องแคล่ว ขณะ
เตรียมตัวเผ่นหนี เสียงเนิบนาบของเซียวซ่งก็ดงั มาจาก
ด้านหลัง "หนีได้วนั นี พรุง่ นีก็หนีได้หรือ"

14
หรันเหยียนใจนึก ไม่ใช่ไปหาเรืองต่อยตีกบั ซูฝหู รือ ทําไม
ดูทา่ เหมือนกําลังหาเรืองคิดบัญชีกบั หลิวชิงซงเล่า

หลิวชิงซงชักช้ากว่าจะลงจากหลังม้า "คุณชายเก้า เบือง


บนข้ามีทา่ นพ่อตาแม่ยาย เบืองล่างมีลกู ทียังไม่คลอด
เก็บชีวิตข้าไว้ให้ได้เห็นหน้าลูกชายในอนาคตเถิด"

เซียวซ่งขมวดคิว เอ่ยเสียงเย็นชา "เจ้าสอนอะไรบ้าบอให้


ลูกชายข้า?!"

หลิวชิงซงตอบโดยไม่ตอ้ งคิดว่า "ท่านพูดถึงเรืองวันไหน


หรือ" กล่าวจบเห็นเซียวซ่งหน้าถมึงทึงกว่าเก่า จึงพูดต่อ

15
ทันทีวา่ "วันไหนข้าก็ไม่เคยสอนเรืองบ้าบอให้พวกเขา
เลย"

"อือ ข้าตัดสินใจไม่สงสอนเจ้
ั าแล้ว" จู่ๆ รอยยิมบนหน้า
เซียวซ่งก็ออ่ นโยนเป็ นมิตร

หลิวชิงซงเห็นแล้วขนลุกเกรียว ไม่มีความยินดีของการ
รอดตัวสักนิด

เซียวซ่งกล่าวต่อ "ข้าสนใจสังสอนลูกทีกําลังจะคลอด
ของเจ้ามากกว่า"

16
ตอนพิเศษสอง บทซางเฉิน (2)

ด้วยความเข้าใจทีหลิวชิงซงมีตอ่ เซียวซ่ง คําพูดนีต้องไม่


ใช่การล้อเล่นแน่นอน

"ฮูหยิน กลับเรือน" เซียวซ่งบอก

หรันเหยียนเห็นเซียวซ่งสีหน้าไม่ดีนกั นิงคิดครูห่ นึง ก็รู ้


ว่าเขาต้องแอบฟั งบทสนทนาของเธอกับซูฝู ใจคิดซูฝู
ต้องรูแ้ ต่แรกแน่ ไม่อย่างนันคงไม่รบี ร้อนไปขนาดนัน

ระหว่างเธอกับซูฝแู ม้จะเปิ ดเผย แต่เรืองนีเธอไม่อาจพูด


ได้เต็มปากเต็มคํา เพราะถึงอย่างไรด้วยนิสยั ของเซียวซ่ง

1
อดกลันได้ถงึ ขันนี ก็ถือว่าหายากมากจริงๆ

"ท่านพี" หรันเหยียนไล่ตามเซียวซ่งไปกุมมือเขา "หึงหรือ"

เซียวซ่งรูส้ กึ ถึงความอ่อนนุ่มกลางฝ่ ามือ แล้วอดกุมตอบ


ไม่ได้ "อาเหยียน หากมีชาติหน้า ท่านก็หา้ มทิงข้าไว้
ลําพัง"

"ชาตินียังไม่จบ ท่านก็คิดถึงชาติหน้าแล้ว" หรันเหยี


ยนเปรย

"ข้ากลัวในใจท่านจะสัญญามอบชาติหน้าให้คนอืน"
เซียวซ่งมองมาทางเธอ
2
ใบไม้รว่ งโปรยปราย

หลิวชิงซงหน้าเฝื อนมองทังคู่

............

หนึงเค่อให้หลัง ในวัดฉือเอิน

หลิวชิงซงนําหูนาตาไหล
ํ "สงสารซงจือบ้านข้า ยังไม่ทนั
เกิดก็ถกู ลิขิตให้รบั กรรม คุณชายเก้าไร้มนุษยธรรม ทํา
อะไรไม่เคยเลือกวิธีการ โหดร้ายทารุณแม้กบั ทารก ข้า
ขอสาปแช่งเขา ให้หรันเหยียนหนีตามซูฝไู ปในไม่กีวันนี!"
3
ซางเฉินทีนังอยูต่ รงข้าม หน้ายุง่ รวบแขนเสือมองเขา

หลิวชิงซงร้องห่มร้องไห้คนเดียวพักใหญ่ ไม่ได้รบั คํา


ปลอบ และไม่มีใครร่วมโมโหด้วย รูส้ กึ เสียแรงเปล่า อดถู
หน้าเอ่ยไม่ได้ "ท่านก็พดู อะไรหน่อยสิ!"

"ผูน้ อ้ ย...รูส้ กึ ว่าจิตใจตนเองสกปรก กําลังขออโหสิกรรม


จากพุทธองค์อยู"่ ซางเฉินบอก

"ท่านลองว่ามา ข้าจะช่วยตัดสินให้ ไม่แน่อาจไม่นบั เป็ น


ความคิดสกปรกก็เป็ นได้" หลิวชิงซงชอบฟั งเรืองสกปรก
ทีสุด

4
ซางเฉินเม้มปาก ลังเลครูห่ นึงก่อนบอกว่า "เมือครูผ่ นู้ อ้ ย
คิดว่า หากท่านจะสาปแช่ง เปลียนเป็ นให้คณ
ุ หนูหรันหนี
ตามไปกับผูน้ อ้ ยได้หรือไม่…"

หลิวชิงซงสูดจมูกทีคัดแน่น "ความคิดนีไม่แปลกใหม่สกั
นิด ข้าว่าท่านจะปกติหน่อยได้ไหม ช่วยสนใจลูกชายข้า
บ้าง ข้ากําลังระบายทุกข์กบั ท่านนะ!"

สนใจลูกชายเขา? ซางเฉินนิงคิดครูห่ นึง ก่อนถามว่า


"ทําไมชือซงจือ (ลูกสน) ซงสู่ (กระรอก) กินลูกสน ไม่
ร้ายกาจกว่าหรือ"

5
หลิวชิงซงชะงัก ก่อนชะโงกไปชิดอีกฝ่ ายทันใด "ความ
คิดนีของท่านเยียมนัก! แต่ซงจือไม่ใช่ชือ เป็ นคําย่อของ
'ลูกชายหลิวชิงซง' ท่านว่านอกจากซงสูย่ งั มีชืออืนทีน่า
สนใจอีกไหม"

"ข้า...ข้าแค่จ่ๆู นึกขึนได้" ซางเฉินตอบอย่างเก้อกระดาก

ขณะหลิวชิงซงตังท่าจะซักไซ้ตอ่ ด้านนอกมีหลวงจีน
อ้วนรูปหนึงท่องนามพุทธองค์ "อาจารย์อา คุณหนูบา้ นตู้
มา"

ซางเฉินลนลานลุกขึนทันที "ชิงซง ท่าน ท่านก็บอกว่า


ข้า...บอกว่าข้า…"

6
"บอกว่าท่านไม่อยู?่ " หลิวชิงซงถาม

"ใช่ๆๆ" ซางเฉินผงกศีรษะติดๆ กัน ก่อนหันหลังวิงอ้าวไป


อีกทาง พระสูตรหล่นกระจายเต็มพืน

หลิวชิงซงยืนมือเก็บพระสูตรขึนวางบนโต๊ะ พอเงยหน้าก็
เห็นสตรีสวมชุดกระโปรงหรูฉวินคอปาดสีอาํ พันอ่อนยืน
ระหงทีหน้าประตู

นางสวมผ้าคลุมหน้า หลิวชิงซงเห็นรูปโฉมนางไม่ชดั แต่


ด้วยประสบการณ์หลายปี ของเขา สตรีนางนีต้องหน้าตา
ไม่เลวแน่

7
พอนางเห็นเขา ก็รบี ถอยหลบไปด้านข้าง ถามเสียงเบา
ว่า "อาจารย์ซางอยูไ่ หม"

หลิวชิงซงตอบ "เขาเพิงไปเมือกีนีเอง"

"ข้ารูว้ า่ อาจารย์ตอ้ งหลบหน้า ด้วยเหตุนีจึงเขียน


จดหมายฉบับหนึง ฝากท่านส่งต่อให้อาจารย์ได้หรือไม่"
คุณหนูตกู้ ล่าว

เรืองพรรค์นีหลิวชิงซงชอบทําทีสุด จึงตกปากรับคําทันที
"สามารถรับใช้คณ
ุ หนูตู้ ผูน้ อ้ ยรูส้ กึ เป็ นเกียรติยิงนัก"

8
คุณหนูตสู้ อดจดหมายฉบับหนึงเข้ามาทางร่องประตู

"คุณหนูตมู้ ีคาํ พูดใดฝากบอกต่ออีกหรือไม่" หลิวชิง


ซงสนใจใคร่รูย้ งิ สีปี ก่อนคุณหนูตอู้ ายุสบิ หก ตอนนีเป็ น
สาวเทืออายุยีสิบ โดยทัวไปถือว่าหาบ้านสามีดีๆ ไม่ได้
แล้ว หัวใจทีนางมีให้ซางเฉินช่างเด็ดเดียวมันคงเสียจริง

คุณหนูตเู้ สียงหมอง "ไม่มี รบกวนท่านแล้ว"

หลิวชิงซงเห็นเงาร่างบอบบางนันลุกขึน จึงถามว่า "คุณ


หนูตรู้ ูไ้ หมว่าเหตุใดสุยหย่วนไม่ยินยอมแต่งกับท่าน"

คุณหนูตชู้ ะงักเท้า นังคุกเข่าตามเดิม "ขอซินแสโปรด


9
เมตตาชีแนะ"

"ความจริงเมือครึงปี ก่อนข้าก็รูว้ า่ เขาเริมคิดบางอย่างกับ


ท่าน เพียงแต่คนอย่างเขาหัวดือ ก่อนนีในใจชืนชมสตรี
นางหนึง ต่อมาสตรีนางนันแต่งงานกับคนอืน เขาเลย
ตัดสินใจอยูร่ บั ใช้พทุ ธองค์ชวชี
ั วิต ด้วยคิดว่าตนรักมัน
ต่อสตรีนางนันไม่แปรเปลียน แม้ใจหวันไหวไปกับท่าน
เขาก็ไม่มีวนั ยอมรับ" หลิวชิงซงนับว่าจับทางนิสยั ซาง
เฉินจนทะลุปรุโปร่ง

คุณหนูตเู้ งียบไปครูห่ นึง ก่อนถามว่า "ซินแสมีวิธีหรือไม่"

"มี" หลิวชิงซงยิมร่า แต่ไม่บอกวิธีออกไปโดยตรง

10
"ซินแสอยากให้ขา้ ทําสิงใด" คุณหนูตถู้ าม

หลิวชิงซงนึกชืนชม แม่นางคนนีรูง้ านดีทีเดียว เขาเลยไม่


อมพะนํา บอกตรงๆ ว่า "บอกข้า ฐานะแท้จริงของท่าน"

"ฐานะ...แท้จริง…"คุณหนูตพู้ มึ พํา "ข้าไม่ใช่ธิดาบ้านตู้


หรอกหรือ…"

"คุณหนูตคู้ ิดดูก่อนได้" หลิวชิงซงกล่าว

"ไม่ ไม่ตอ้ งคิด" คุณหนูตตู้ อบทันที

11
นางถอนใจ ก่อนเล่าความเป็ นมา

"ข้าจําได้วา่ ตัวเองเป็ นธิดาบ้านตู้ บิดาข้าเป็ นถีสงิ กวาน


(หัวหน้าเจ้าหน้าทียุติธรรมประจําท้องถิน) แซ่ตนู้ ามฮุย
บ้านสามีขา้ แซ่ซาง สามีเป็ นแม่ทพั รักษาชายแดน นับแต่
ข้าแต่งไปก็ไม่เคยเห็นหน้าเขา สามปี ให้หลังได้ข่าวว่า
เขาตายในสนามรบ แม้แต่ศพก็ไม่เห็น ได้มาแต่เสือผ้า
และชุดเกราะสึกพังฝังใส่โลง...ข้าไม่ยินยอม เลยพาบ่าว
ไพร่ไปเก็บศพทีสนามรบ ไม่ระวังพลัดตกจากเขา แล้ว
ทุกอย่างก็เปลียนไปหมด บิดาข้ากลายเป็ นเสนาฯ ตู้ ข้า
ไม่รูจ้ กั ทุกคนข้างกาย แต่พวกเขาต่างบอกข้าว่า ข้าแค่
ฝันไป ท่านก็คงไม่เชือกระมัง"

12
"ข้ามีเวลายาวนานช่วงหนึงทีไม่เชือ" หลิวชิงซงรูส้ กึ
ราวหาผูร้ ูใ้ จพบในทีสุด คนอืนเห็นการทะลุมิติเป็ นเรือง
ธรรมดา อันทีจริงมันก็เป็ นเรืองธรรมดาจริงๆ ทว่ามีแต่
เขาทีเหมือนจวงโจวฝันเห็นผีเสือ หลายปี แยกความ
ความจริงและภาพฝันไม่ชดั แจ้ง

นอกจากสมัยซ่ง หลิวชิงซงยังคิดไม่ออกชัวขณะว่าสมัย
ไหนยังมีตาํ แหน่งถีสงิ กวานอีก เขาอดถามไม่ได้ "เช่น
นัน...ท่านไม่สมควรรักษาพรหมจรรย์เพือสามีหรือ"

คุณหนูตตู้ อบ "นายท่านบ้านข้าเสียไปแล้ว เหตุใดข้าจะ


แต่งงานใหม่ไม่ได้ อีกอย่างตัวข้าในตอนนีก็ไม่ใช่ตวั ข้า
ในตอนนัน ความเปลียนแปลงใดๆ ในโลกล้วนถูกลิขิตไว้
สวรรค์คงสงสารข้า จึงให้ขา้ ได้มายังชาติก่อนเพือพบกับ
13
นายท่าน"

จําได้วา่ สมัยซ่งเรียกสามีวา่ 'นายท่าน' หลิวชิงซงงุนงง


กะทันหัน เกาศีรษะเอ่ยว่า "ช่างเถิดๆ ข้าปวดหัว ข้าจะ
บอกท่าน…"

หลิวชิงซงบอกเรืองโน้นเรืองนีเทียวหนึง แล้วปล่อยให้
คุณหนูตคู้ ิดเอาเอง ส่วนตนก็สะบัดชายแขนเสือกลับ
บ้าน

ก่อนนีเขารูส้ กึ ว่าสตรีสมัยซ่งถูกรัดเท้ากักอยูใ่ นบ้าน เพือ


ป้ายพรหมจรรย์แม้แต่ชีวิตก็ไม่ตอ้ งการ แต่พอได้คยุ กับ
คุณหนูตู้ ก็รูส้ กึ ว่าตัวเองคิดตืนเกินไป

14
แต่บรุ ุษสตรีสมัยซ่งระวังไม่ชิดใกล้กลับมีอยู่ ตามความ
คิดของหลิวชิงซง นิสยั ของคุณหนูตนู้ ีดูก็รูว้ า่ เป็ นพวกก๋า
กันขนบธรรมเนียมคุมไม่อยู.่ ..

15
ตอนพิเศษสอง บทซางเฉิน (3)

ซางเฉินหมกตัวในหอคัมภีร ์ กระทังฟ้ามืด เณรน้อยเรียก


เขาไปกินอาหารเย็น ใจทีหวาดหวันจึงเบาใจได้บา้ ง

หลังอาหารเย็น ซางเฉินกลับเรือนไผ่หยิบเสือผ้าไปอาบ
นํา เขาอยูม่ มุ ร้างมุมหนึงด้านหลังวัดคนเดียว เจ้าอาวาส
แบ่งทีให้เขาผืนหนึงใช้ปลูกผักหลายอย่าง ปกติเขาจะ
ช่วยทางวัดคัดพระสูตร ไม่มีเงินตอบแทน แต่ให้อาหาร
กินสามมือ

สิงเดียวทีอยูเ่ ป็ นเพือนเขาทังเช้าคํา ก็คือพาหนะตอน


เป็ นอาจารย์ทีสํานักศึกษาหลวง---ลาตัวหนึง

1
นักศึกษาทังหมดในต้าถังเจ็บปวดรวดร้าวถึงทีสุด ซางสุ
ยหย่วนผูม้ ีความสามารถโดดเด่นเลิศลํากลับจมปลักอยู่
ท่ามกลางพระสูตรเช่นนี ไม่ตอบรับคําเชิญใดๆ ไม่เขียน
บทความ ไม่รา่ ยกลอน นานๆ ครังเพียงวาดภาพฆ่าเวลา
และบันทึกแผนการเดินหมากทีคิดได้ แต่ไม่เคยขายหรือ
มอบให้ใคร ในระยะเวลาสันๆ ภาพวาดอักษรและลาย
มือต้นฉบับของซางสุยหย่วนราคาพุง่ กระฉูด โดยเฉพาะ
จานฝนหมึกดินเผาลายดอกกล้วยไม้ทีเขาทํากับมือ ซึง
ด้านล่างสลักคํากลอนไว้มีคนให้ราคาเป็ นเงินเกือบหมืน
พวง กลายเป็ นของฟุ่ มเฟื อยทีสุดบนโต๊ะของชนชันสูง
แต่มีคนให้ราคากลับไม่มีของ ผูท้ ีได้ครอบครองสิงของ
เหล่านี ย่อมไม่นาํ ออกขาย

2
แต่สาํ หรับทุกอย่างนี ซางเฉินไม่รูเ้ รืองใดๆ ทังสิน เขาพอ
ใจกับชีวิตตอนนีมาก กินเจ สวดมนต์ ทังร่างปลอดโปร่ง
โล่งสบาย บางครังนึกถึงใบหน้าของหรันเหยียนบ้าง แต่
ไม่อาจสะเทือนอารมณ์เขาอีก บางคราวพบกัน เขาก็แค่
ท่องนามพุทธองค์ แล้วคารวะแบบพระ

แต่ซางเฉินไม่เชือว่าใจทีมีให้เธอจะกลับคืนสูค่ วามสงบ
ราบรืนแล้ว ด้วยเดิมทีเขาคิดว่ามันจะเป็ นความรูส้ กึ ทัง
ชาติ

ในแสงสลัว ซางเฉินถอดรองเท้า คลําทางเข้าห้องใน


ความมืด

3
ขณะเตรียมไปคลําหาเสือบนฉากบังลม พลันมีมือคูห่ นึง
เพิมมาบนเอว ตามติดด้วยร่างอ่อนนุ่มแนบแผ่นหลัง
"อาจารย์ซาง"

เป็ นคุณหนูบา้ นตู!้ เสียงร้องตกใจของซางเฉินชะงักค้าง


ในลําคอ ก่อนร้อนรนถามว่า "มืดแล้ว ทําไมท่านยังอยูท่ ี
นีอีก!"

"ข้าคิดอยูว่ า่ รออีกหน่อยเดียวท่านก็กลับมา คิดไม่ถงึ ฟ้า


จะมืดโดยไม่รูต้ วั " คุณหนูตรู้ ูน้ ิสยั ซางเฉินดียงิ คําพูด
เหลวไหลเช่นนี คนอืนไม่แน่วา่ จะเชือ แต่เขาต้องเชือแน่
นอน

4
"ท่านปล่อยข้าก่อน" ในความมืด ซางเฉินหน้าแดงกํา
รูส้ กึ เหมือนร่างนุ่มทีแผ่นหลังราวเหล็กนาบ ลวกจนทัง
ร่างร้อนไปหมด

"ทีนีเปลียวนัก ข้าอยูค่ นเดียวรูส้ กึ กลัว ท่านรับปากว่าไม่


หนี ข้าจะปล่อยท่าน" คุณหนูตเู้ อ่ยเสียงเครือ

"อือ" ซางเฉินรับคํา

ซางเฉินมีขอ้ ดีขอ้ ใหญ่ทีสุดก็คือรักษาคําพูด คุณหนูตไู้ ม่


คลางแคลงคําพูดเขาแม้แต่นอ้ ย ปล่อยมืออย่างลิงโลด
ใจนึกว่าวิธีของหลิวชิงซงใช้ได้ผลจริงดังคาด เลยยิงมัน
ใจเรืองทีจะทําต่อไป

5
ซางเฉินคลําหาทีจุดไฟ แล้วจุดโคมไฟ

แสงสีเหลืองมัวส่องห้องเล็กแคบ เขาไม่กล้าหันกลับไป
นิงคิดพักหนึงก่อนเอ่ย "คุณหนูตู้ สายมากแล้ว เกรงว่า
ประตูตรอกน่าจะปิ ดแล้ว แต่หากท่านอยูท่ ีนี กลัวจะ
เสือมเสียชือเสียง ข้าเลยจะส่งท่านไปขอค้างทีอารามชิง
อินสักคืน"

“……”

ซางเฉินไม่ได้รบั คําตอบครูใ่ หญ่ จึงอดหันมาไม่ได้

6
ในแสงละมุน สตรีสวมชุดกระโปรงหรูฉวินคอปาดสี
อําพันยืนโดดเดียว คลุมหน้าด้วยผ้าโปร่ง เห็นใบหน้าไม่
ครบ แต่คล้ายแผ่ความเดียวดายออกมาจากแก่นกาย
ในความเดียวดายแฝงความละมุนละไม ราวหยกงาม
เร้นโลกชินหนึง

คุณหนูตกู้ ม้ ศีรษะเล็กน้อย "อารามชิงอินไกลนัก"

ซางเฉินกลับมาตังสติได้ กล่าวอย่างสํารวมเคร่งครัดว่า
"ไม่ไกลๆ ข้ามเขาสองลูกก็ถงึ "

ถึงตอนนันฟ้าก็คงสว่างแล้ว หลิวชิงซงสอนนางให้ใช้
กําลังขืนใจ ซางเฉินเป็ นคนมีความรับผิดชอบสูงยิง ไม่

7
ว่านางจะเป็ นฝ่ ายรุกก่อนหรือไม่ เขาก็คงรับผิดชอบอยูด่ ี

นับแต่แวบแรกทีนางเห็นซางเฉิน ก็ไม่อาจลบเงาร่างเขา
ออกจากใจ ในสีปี นีทีบ้านคุยเรืองแต่งงานให้นางหลาย
ครัง นางยอมแกล้งเสียสติแต่หวั เด็ดตีนขาดก็ไม่ยอม
แต่ง บัดนีอายุก็ขนาดนี ตอนแรกเลยคิดทําตามวิธีของ
หลิวชิงซงโดยไม่สนยางอายจริงๆ แต่พอเห็นดวงตาใส
บริสทุ ธิของเขา ก็ได้แต่ถอนใจ ย่อกายคารวะเล็กน้อย
"รบกวนอาจารย์ซางแล้ว"

ซางเฉินใบหน้าคลียิม หาเสือคลุมกันลมจากในห้องมา
"ดึกแล้วนําค้างแรง เหนียงจือ (คุณหนู) คลุมไว้ก่อนเถิด"

8
หัวใจนางพลันเต้นไม่เป็ นจังหวะ ทีบ้านเกิดนาง ความ
หมายของเหนียงจือก็คือฮูหยิน มาอยูต่ า้ ถังสีปี นางคุน้
เคยกับคําเรียก 'นายท่าน' 'คุณหนู' เช่นนีแล้ว บ่าวไพร่
ในบ้านก็เรียก 'คุณหนูๆ' กันหมด แต่พอได้ยินซางเฉิน
เรียกเช่นนี นางก็ยงั อดหน้าแดงใจสันไม่ได้

"ข้าชือเจียงหลี" คุณหนูตเู้ อาเสือคลุมห่อร่าง มีกลิน


อ่อนๆ ของจ้าวเจียว

"คลุมเจียงหลี (โกฐหัวบัว) ไป๋ จือ (แปะจี) เหนือไหล่ สาน


กล้วยไม้พกไว้ขา้ งเอว" ซางเฉินค่อยๆ รูส้ กึ เป็ นกันเอง
มากขึน "เป็ นชือทีไพเราะงดงาม"

9
"เจียงหลี (โกฐหัวบัว) เจียงหลี (อีกชือของเสาเย่า) ตอน
แรกบิดาตังชือนีให้ขา้ ก็ดว้ ยเหตุนี แต่ภายหลังรูส้ กึ ว่าไม่
ดี" ตูเ้ จียงหลียิมก่อนกล่าว

ซางเฉินจุดโคมเสร็จ ขณะเตรียมออกจากประตู พลัน


ชะงักเท้าถามอย่างกระดากว่า "คุณหนูรูท้ างไหม"

ตูเ้ จียงหลีสา่ ยหน้า

"รอสักครู"่ ซางเฉินรีบกลับเข้าไป เสียเวลาในห้องอยูน่ าน


กว่าจะแบกห่อของใบใหญ่ออกมา ครันเห็นคุณหนูตจู้ อ้ ง
ตนด้วยสายตาเปี ยมแววแปลกใจ ก็อธิบายเก้อๆ ว่า "ที
ผ่านมาทักษะการจําทางของข้าไม่ดีนกั แต่คณ
ุ หนูวางใจ

10
ได้ ต้องถึงภายในครึงเดือนแน่"

"เช่นนันก็ดี พวกเรารีบไปเถิด" ตูเ้ จียงหลียิมมุมปากหลัง


ผ้าคลุมหน้า นีเป็ นข้อดีขอ้ ใหญ่จริงๆ เพือจะได้ยินเขา
เรียก 'คุณหนู' หลายๆ คํา หลงทางสักปี ครึงปี ก็ประเสริฐ

……

ครึงชัวยามให้หลัง

พวกเขาหลงทางโดยสินเชิงจริงตามคาด

แต่ดีทีคนหนึงหวังให้หลงทาง คนหนึงมีประสบการณ์
11
หลงทางอย่างโชกโชน จึงไม่มีใครตกใจลนลาน

"นายท่าน ในป่ านีมีสตั ว์รา้ ยหรือไม่" ตูเ้ จียงหลีเปลียนคํา


เรียกดือๆ ถึงอย่างไรซางเฉินก็ไม่รูว้ า่ นายท่านทีนางเรียก
หมายความว่าอะไร

ซางเฉินหน้าซีด "น่าจะ...ไม่มีกระมัง ฟั งว่าทุกปี ทางการ


จะให้คนมาดักจับ"

ทีนียังอยูใ่ นเขตเมืองฉางอัน ทางราชสํานักจึงไม่อาจ


ปล่อยให้บนเขามีสตั ว์รา้ ยอาศัย หากพวกมันลงเขาไป
ทําร้ายคนจะทําอย่างไร ด้วยเหตุนีกองทัพจึงส่งคน
มากวาดล้างสัตว์รา้ ยบนเขาหลายครัง เลยไม่น่าจะเจอ

12
สัตว์รา้ ยประเภทเสือและหมาป่ าได้

เดินทางถึงกลางดึก ทังสองหารือกันว่าจะพักทีริมนําครู ่
หนึง

ซางเฉินถาม "คุณหนูหิวไหม"

ตูเ้ จียงหลีพยักหน้า นางไม่ได้กินข้าวเทียงและข้าวเย็น


เลย

เมือออกข้างนอก ซางเฉินมักเตรียมพร้อมเสมอ เลยควัก


หมันโถวออกมาส่งให้ตเู้ จียงหลี

13
ตูเ้ จียงหลีรบั หมันโถวมา ปลดผ้าคลุมหน้ากัดคําเล็กๆ
คําหนึง

แม้ในสีปี นีจะลือกันหนาหูวา่ ตูเ้ จียงหลีตอ้ งการจะแต่ง


งานกับเขาให้ได้ แต่อนั ทีจริงนีเป็ นครังแรกทีซางเฉินเห็น
ใบหน้าของนางชัดเจนขนาดนี งามมาก เป็ นความงาม
ชนิดทีเขาไม่เคยเห็นเลย

"อมิตาภพุทธ" ซางเฉินพลันท่องนามพุทธองค์

ตูเ้ จียงหลีมองเขาอย่างฉงน ขณะห่วงว่าจะจัดการกับ


เศษหมันโถวเต็มมืออย่างไร เอาใส่ปากก็ออกจะไม่
สุภาพ ปั ดทิงเขาจะว่านางกินทิงกินขว้างหรือไม่

14
ครันคิดได้ นางก็โปรยเศษหมันโถวลงในนํา

ซางเฉินหลุบตา เห็นในนํามีปลาว่ายมา จึงยิมน้อยๆ


ขณะคิดเอ่ยชมตูเ้ จียงหลีวา่ จิตใจงดงาม กลับได้ยินนาง
ร้องอย่างยินดีวา่ "มีปลาแล้ว! นายท่าน ข้าแทงปลาเป็ น
พวกเราย่างปลากินกันเถิด!"

15
ตอนพิเศษสอง บทซางเฉิน (4)

"คุณหนู ผูน้ อ้ ยไม่ฆา่ สัตว์ตดั ชีวิต และไม่อาจดูทา่ นฆ่า


สัตว์ตดั ชีวิต" ซางเฉินขมวดคิว

ตูเ้ จียงหลีกลืนนําลาย "ก็ได้ ไม่ฆา่ ก็ไม่ฆา่ แต่วนั หน้า


หากข้าอยากกินเนือเล่า"

ซางเฉินขบคิดครูห่ นึง "ไปเหลาสุรา?"

"ทีพูดก็ถกู ข้าจะอดใจชัวคราว ความจริงข้าก็ไม่ได้ฆา่


สัตว์บอ่ ยๆ" ตูเ้ จียงหลีกล่าวจบ เห็นสีหน้าซางเฉินไม่คอ่ ย
สูด้ ี จึงรีบเปลียนคําพูด "ไม่เคยฆ่าสัตว์ตดั ชีวิต ท่านย่า

1
ข้าก็เป็ นพุทธศาสนิกชน"

ซางเฉินพยักหน้า ความจริงไม่รูว้ า่ ฮูหยินผูเ้ ฒ่าสกุลตู้


จากโลกนีไปหลายสิบปี แล้ว

"นายท่าน" ตูเ้ จียงหลีเรียกเบาๆ ใจคิด จะขาแพลง เอว


เคล็ดดีหรือไม่ ถึงอย่างไรในป่ าเขาก็ไม่มีใครเห็น ส่วน
เรืองชือเสียง นับแต่นางมุง่ มันจะแต่งกับซางเฉินก็เสีย
หายไปหมดแล้ว กอปรกับตูเ้ หอพีชายนางก่อกบฏ ตอน
นีนางมีชีวิตทีลําบากยิง หากไม่พงบารมี
ึ ของบิดาทีตาย
ไป ทังนางก็แกล้งบ้า เลยพอได้รบั ความสงสารบ้าง มิ
เช่นนันคงถูกทางการจับคลุมถุงชนไปแล้ว

2
ต้าถังมีกฎเกณฑ์เช่นนี สตรีอายุสบิ แปดไม่แต่งงาน ก็ให้
ทางการเป็ นธุระจัดการแต่งงานให้

ครังนีหายตัวมากับซางเฉินครึงเดือน แม้ซางเฉินมีชือ
เสียงขาวสะอาดมาตลอด แต่ก็ไม่อาจรับประกันชือเสียง
นางได้

ทางนีนางคิดจนเคลิบเคลิม กลับลืมว่ากําลังนังอยูร่ มิ ฝัง


เมือหมายยืนขึน ใต้เท้าพลันลืน ได้ยินเพียงเสียงร้องของ
ซางเฉิน

ตูม!

3
นํากระเซ็นรอบทิศ ร่างตูเ้ จียงหลีถกู นําเย็นเฉียบล้อม
รอบ นางกําลังหมายว่ายขึนไป ใจคิดว่านีเป็ นโอกาสดี
ยิง พอดีไม่ตอ้ งแกล้งขาพลิกเอวเคล็ด รีบแสร้งทําท่า
ดินรนร้องให้ช่วย

ตูเ้ จียงหลีได้ยินเสียงตูมแว่วมาข้างหู อมยิม เตรียมเล่น


ให้สมจริงขึนอีกนิด กลับได้ยินซางเฉินร้องว่า "คุณหนู
ผูน้ อ้ ยว่ายนําไม่เป็ น ช่วยท่านไม่ได้ แต่ผนู้ อ้ ยตายเป็ น
เพือนท่านได้"

"แคก!" ตูเ้ จียงหลีสาํ ลักนําคําหนึง หันหน้าไปทาง


ตําแหน่งของซางเฉิน รีบว่ายเข้าหา ยืนมือพยุงเขาไว้ "นี
ตายไม่ตายอะไรเล่า หากข้าจมแม่นาสายเล็
ํ กๆ สายนี
ตาย คงไม่มีหน้าไปพบบิดามารดาในปรภพแน่"
4
ดูไปซางเฉินมีทา่ ทางบอบบางเหมือนบัณฑิต ความจริง
ตัวไม่เล็กเลย ยามปกติเขาต้องพรวนดินปลูกผักเอง มี
นําหนักตัวไม่นอ้ ย ตูเ้ จียงหลีออกแรงสุดชีวิตจึงลากเขา
ขึนฝังได้

โชคดีทีซางเฉินเตรียมตัวตายแล้ว จึงไม่เหมือนคนจมนํา
ทัวไปทีเกาะขอนไม้แน่นไม่ปล่อย สิงทีนางแบกรับคือ
นําหนักเท่านัน

ตูเ้ จียงหลีนาํ ซางเฉินขึนวางบนฝัง หมดแรงฟุบอยูบ่ น


กายเขา หอบแฮกๆ ครูห่ นึง ยืนมือตบแก้มเขา เห็นเขา
ลืมตา อดโมโหอยูบ่ า้ งไม่ได้ “ท่านอยากตายเพียงนีหรือ”

5
“อยูก่ ็ไม่สขุ ตายก็ไม่กลัว” ซางเฉินตอบ

ทว่าซางเฉินรูด้ ี ในใจส่วนลึกตนเองไม่ได้คิดเช่นนี เขา


รูส้ กึ ว่าตนเองจะรักหรันเหยียนไปตลอดชีวิต แต่เขารูส้ กึ
ว่าใจทีมีให้เธอเฉยชาแล้ว ดังนันจึงรังเกียจตนเอง

ตอนนันคิดว่าเป็ นรักทีซือสัตย์ยดึ มัน ไม่เปลียนแปลง


ตลอดไป ทว่าเวลาเพียงสีปี ก็ทนไม่ได้ ทําให้ซางเฉิน
แคลงใจ ดังนันจึงไม่ยินดีเผชิญกับความรูส้ กึ ในใจทีเกิด
ขึนต่อตูเ้ จียงหลี เมือครูน่ นเอง
ั เขาคิดจริงๆ ว่าการตาย
พร้อมกับนางก็เป็ นเรืองไม่เลว

6
เขาเป็ นคนสับสนเช่นนีมาตลอด ยินดีจงู มือกันไปตาย
ทว่าไม่ยินดีอยูย่ อมรับความคิดในใจ

“ตอนนีข้ามีสภาพเช่นนี ยังไม่เคยอยากตาย ท่านยัง


หนุ่มแน่นหล่อเหลา มีชือเสียงโด่งดัง คุณหนูทงเมื
ั องลุม่
หลงท่าน ท่านจะตายทําไม!” ตูเ้ จียงหลีกล่าวอย่างไม่สบ
อารมณ์

เรืองเหล่านีมีหรือซางเฉินจะไม่รู ้ เขาเบือนหน้าไปอย่าง
ดือรัน ไม่มองนาง

ในแสงจันทร์ หยดนําบนใบหน้า ลําคอเขาทอประกาย


ขับเน้นผิวทีขาดอีกนิดจะขาวเกินไป เพิมอีกนิดจะดํา

7
เกินไป น่าลุม่ หลงเป็ นพิเศษ

ตูเ้ จียงหลีรูส้ กึ ว่าเมือครูต่ นเองกินหมันโถวจนหมด ไม่ได้


ดืมนํา ปากแห้งผาก ยากรับได้อยูบ่ า้ ง อดก้มหน้าลงดูด
นําบนลําคอเขาไม่ได้

ซางเฉินเหมือนถูกฟ้าผ่า สันเทิมทัวร่าง ริมฝี ปากและลิน


อ่อนนุ่มร้อนรุม่ บนลําคอเขาทําให้เกิดความรูส้ กึ ชาในใจ
ก่อนแพร่กระจายไปทัวร่างอย่างรวดเร็ว หมายผลักนาง
มือเท้ากลับอ่อนแรง

เมือครูต่ เู้ จียงหลีถกู รูปโฉมเขายัวยวน ตอนริมฝี ปากและ


ลินเพิงสัมผัสลําคอเขา ก็ตงสติ
ั ได้ แต่ใจคิดว่าเมือกระทํา

8
ต้องทําถึงทีสุด...

นางแข็งใจจุมพิตลําคอเขาสะเปะสะปะ เห็นเขาไม่ผลัก
ไส จึงทุม่ สุดตัว จูบปากทีบางกําลังพอดีของเขาอย่างเร่า
ร้อน

ตูเ้ จียงหลีรูส้ กึ ว่าถึงอย่างไรตนเองก็ถือว่าเคยแต่งงานมา


แล้ว แม้ไม่เคยเห็นหน้าเจ้าบ่าว แต่อย่างน้อยก็เห็นสมุด
บันทึกใต้ลงั เล่มนัน เป็ นคนมีประสบการณ์โชกโชน ดัง
นันจึงทุม่ เทยัวยวนซางเฉินด้วยใจเต้นแรง

ทว่าในความเป็ นจริง นางเพียงดูด ขบกัดสะเปะสะปะ


ตามสัญชาตญาณ แต่สาํ หรับซางเฉินผูไ้ ม่เคยมีความคิด

9
อกุศลทางด้านนี เป็ นการยัวยวนถึงชีวิต

เสือผ้าของทังสองเปี ยกชุ่ม แนบติดตัว ระหว่างร่างกาย


กับร่างกายแทบไม่มีสงกี
ิ ดขวาง นางรับรูไ้ ด้ถงึ อกแข็งแรง
ของเขา เขาก็รบั รูไ้ ด้ถงึ ความอ่อนนุ่มของนางอย่าง
ชัดเจน

“อือ?” ตูเ้ จียงหลีรูส้ กึ ว่าข้างขาของตนเองมีสงของแข็


ิ งๆ
ทิมอยู่ ความเคลือนไหวชะงักครูห่ นึง ยืนมือหมายดึงมัน
ออกอย่างไม่ตงใจ
ั กลับรูส้ กึ ว่าอยูใ่ ต้เสือผ้าของซางเฉิน
ยืนมือลูบคลําอย่างอยากรูอ้ ยากเห็น

“อือ...” ซางเฉินอดครางไม่ได้

10
ตูเ้ จียงหลีหน้าแดงดังหยดเลือด เพราะเสียงร้องของซาง
เฉินนี และเพราะรูว้ า่ ของสิงนันคืออะไร

นางใช้สติทียังหลงเหลือสังตนเองให้จบั มันไว้ หลังจาก


นันเล่า ควรทําอย่างไร

“นายท่าน” ตูเ้ จียงหลีรา่ งร้อนผ่าว ร้องเรียกซางเฉินอย่าง


ร้อนรนคราหนึง เป็ นเสียงออดอ้อนอย่างคาดไม่ถงึ

ซางเฉินสมองสับสน ได้ยินเสียงนี ยิงรูส้ กึ เกร็งจนทนไม่


ได้ เพียงรูส้ กึ ว่าสาเหตุทีทําให้เขาอ่อนแรงทังสรรพางค์
กายคือสองก้อนนุ่มนิมทีแนบชิดติดอก ยืนมือลูบคลํา

11
อย่างเคลิบเคลิม รูส้ กึ ว่าสัมผัสยอดเยียมกว่าที
จินตนาการไว้ ยิงอดลูบคลําอีกไม่ได้ ตรงกลางแห่ง
ความนุ่มนิมมีจดุ เล็กๆ นูนขึนมา นิวเรียวยาวของเขา
แตะเบาๆ

สติสมั ปชัญญะสุดท้ายของตูเ้ จียงหลีถกู ความเคลือน


ไหวของเขาโจมตีจนพังทลาย อดร้องครางไม่ได้ สอง
ชาติของนางรวมเข้าด้วยกัน กระทังนิวของบุรุษก็ไม่เคย
กรํากราย ยิงกว่านันบุรุษตรงหน้าเป็ นคนทีนางชมชอบ
ความตืนเต้นชนิดนัน ทําให้นางยากทนทานรับได้จริงๆ

ทังสองทําตามสัญชาตญาณชักนํา สํารวจกันและกันอยู่
ครูห่ นึง เสือผ้ากระจายตกเต็มพืนแต่แรก จุมพิตก็คอ่ ยๆ
ล่วงลึก
12
ซางเฉินเพียงรูส้ กึ ว่ากายท่อนล่างแข็งตัวเจ็บสุดทานทน
ความสุขทังหมดในร่างกายล้วนรวมตัวกันอยูท่ ีนัน ยิงมา
ยิงปรารถนา ตอนทีตูเ้ จียงหลีลบู คลํามันอีกครา ถึงกับ
อดปล่อยมันออกมาไม่ได้

หลังจากนัน สมองของซางเฉินถือว่าตามความแจ่มใส
คืนมาได้ แต่เหตุการณ์เมือครู ่ โถมมาดังกระแสนํา

เขาผลักคนบนกายอย่างแรง ถอยหลังติดๆ กัน ทว่ากลับ


เห็นว่าตนเองไม่สวมอะไรเลย ใบหน้าแดงกําในชัวพริบ
ตา มือสันระริก เก็บเสือผ้าเปี ยกชุ่มบนพืน

13
ตูเ้ จียงหลีก็ได้สติ ก้มหน้ามองการปล่อยตัวของตนเอง
อดร้องเสียงเบาไม่ได้ หมายหาเสือผ้า ทว่าเห็นซางเฉิน
อยูไ่ ม่ไกล จึงไม่กล้าขยับตามใจ ทําได้เพียงขดตัวกลม

ลมฤดูใบไม้รว่ งพัดผ่าน กวาดความอบอุน่ ทีเหลืออยู่


เพียงน้อยนิดไป เหลือไว้เพียงแมวสองตัวทีขโมยกิน ต่าง
คนต่างขัดเขิน

ซางเฉินมองตูเ้ จียงหลีทีขดตัวกลม บางส่วนของใจเจ็บ


แปลบ ไม่สนใจสวมเสือผ้า รีบค้นหาเสือผ้าสะอาดจาก
ห่อของคลุมตัวให้นาง

“โฮ...” ตูเ้ จียงหลีกอดเขาไว้ ร้องไห้เสียงดัง

14
“คุณหนู ผูน้ อ้ ย พรุง่ นีผูน้ อ้ ยจะไปวางสินสอดทีเรือนสกุล
ตู”้ ซางเฉินพูดละลําละลัก

ตูเ้ จียงหลีขดอยูใ่ นอ้อมอกเขา สะอืนกล่าวว่า “พรุง่ นี


ท่านออกไปได้คอ่ ยพูด”

ซางเฉินไม่รูว้ า่ ตูเ้ จียงหลีรอ้ งไห้ กลับไม่ใช่เพราะ ‘เสียตัว’


ด้านหนึงนางรูส้ กึ ว่าตนเองหน้าไม่อายเกินไป เป็ นหญิง
สาวตระกูลดี กลับทําเรืองไม่สาํ รวมเช่นนีได้ อีกด้านหนึง
ก็รูส้ กึ ว่าตนเองกล้าหาญ ทําได้จริงๆ ในใจทังละอายและ
ตืนเต้น เพราะเหตุนีส่วนประกอบของนําตาจึงสับสน
ปนเปนัก

15
ตอนพิเศษสอง บทซางเฉิน (5)

ทังสองหันหลัง ต่างคนต่างสวมเสือผ้าเงียบๆ บรรยากาศ


ชวนอึดอัดอยูบ่ า้ ง

“ขอโทษด้วย” ตูเ้ จียงหลีกล่าว

“เป็ น เป็ นผูน้ อ้ ยทีควรขอโทษคุณหนูจงึ จะถูก” ซางเฉิน


ละอายใจแทบแทรกแผ่นดินหนี เขายังจําได้ ตนเองลูบ
คลําร่างกายผูอ้ ืน “ผูน้ อ้ ยออกไปได้จะไปสูข่ อทีเรือนสกุล
ตู”้

สีหน้าตูเ้ จียงหลีสลดลง คิดไม่ถงึ เป็ นอย่างทีหลิวชิงซงก

1
ล่าวจริงๆ เมือใดทีเกิดความใกล้ชิดทางกาย ซางเฉิน
ย่อมรับผิดชอบ แต่นางไม่ดีใจแม้สกั นิด

เมือใดทีซางเฉินเชือเรืองใดแล้ว ต่อให้ตายก็ไม่เปลียนใจ
เช่นเขาเชือว่าตนเองไม่มีความเกียวข้องกับสกุลชุย ไม่
ว่าสกุลชุยจะลดท่าทีลงเพียงไร เขาเชือเช่นนีมายีสิบปี
เช่นใจเขาเชือว่าตนเองจะชอบหรันเหยียนไปชัวชีวิต ดัง
นันไม่วา่ โลกเปลียนไปอย่างไร เขาก็ยืนหยัดเชือมันว่า
ตนเองจะชอบเธอไปตลอดกาล

ทว่าเขาไม่เข้าใจ หากคนเป็ นเช่นนีจริงๆ แล้วจะมีคาํ ว่า


ไม่เป็ นตัวของตัวเองหรือ

2
“ข้าอาจผิดไปแล้ว” ตูเ้ จียงหลีบน่ พึมพํา นางไม่ควรขอ
มากเกินไป รอคอยเขาเช่นนีไปชัวชีวิต ก็ดีมากไม่ใช่หรือ
อย่างน้อยก็ดีกว่าเมือก่อน ชาติทีแล้วเผชิญกับการรอ
คอยไม่สนสุ
ิ ด แต่ชาตินียังได้เห็นเขาเป็ นครังคราว

นางละโมบเกินไป หมายอยากครอบครองมากยิงขึน

“เป็ นความผิดของผูน้ อ้ ย” ซางเฉินก้มหน้า กล่าวอย่าง


ดือรัน

ตูเ้ จียงหลีหนั หน้ามองเขา ในแสงจันทร์ บนใบหน้าหล่อ


เหล่ายังแดงเรือไม่คลาย ทําให้คนใจหวันไหว

3
“ในฉางอันมีสตรีทีหากไม่ได้แต่งกับอาจารย์ก็ไม่ขอแต่ง
งานมากมาย เหตุใดอาจารย์จงึ ปล่อยตัวกับข้าเพียงผู้
เดียว” ตูเ้ จียงหลีถามยิมๆ

ความเปิ ดเผยของสตรียคุ ถัง ตูเ้ จียงหลีเทียบไม่ติด ซาง


เฉินดูไปคล้ายอ่อนโยน แต่เมือใดกระทบถูกขีดจํากัด
ของเขา ก็เพียงกล่าวด้วยธรรมเนียมกฎหมายไม่เอ่ยถึง
นําใจ มีคนมากมายมากระโจนเข้าสูอ่ อ้ มอก ซางเฉิน
ล้วนปฏิเสธอย่างเข้มงวดตรงไปตรงมา ทังยังตําหนิผอู้ ืน
ไม่มีชินดีจนร้องไห้จากไป มีเพียงตอนตูเ้ จียงหลีมาหา
เขา เขาจะลนลานหนีหน้า

ตูเ้ จียงหลีมองสภาพเหงือชุ่มศีรษะของเขา หัวเราะพรืด


ใช้แขนเสือช่วยเช็ดเหงือบนศีรษะให้ “อาจารย์อยากไป
4
ชําระล้างทีแม่นาสั
ํ กคราหรือไม่”

ใจซางเฉินหมายหลบหลีก กายกลับนิงไม่เคลือนไหวอยู่
ตรงนัน ปล่อยให้นางเช็ดตามใจ

“ท่านไม่รู ้ เมือก่อนข้าฝัน ในฝันข้าแต่งงานแล้ว สามีของ


ข้าเป็ นแม่ทพั ใหญ่เปี ยมบารมี คุม้ ครองครอบครัวปก
ป้องแคว้น ข้ามักนึกภาพเขา นับนิวว่าเมือไรเขาจึงจะ
กลับจากสนามรบ ต่อมาราชสํานักส่งคนมาบอกข้า เขา
พลีชีพแล้ว ข้าเจ็บปวดสินหวัง แต่ก็ภาคภูมิใจ” ตูเ้ จียง
หลีนงชั
ั นเข่า ซบหน้าบนหัวเข่า เหลือบมองซางเฉิน “ข้า
ทนให้ศพเขาอยูก่ ลางป่ าไม่ได้ จึงนําคนรับใช้ไปเก็บศพ
เขาจากสนามรบ ข้าได้ยินคนบอกว่า คงถูกฟั นร่างขาด
ไปแต่แรก อีกอย่างข้าก็ไม่เคยเห็นเขา แต่ไม่รูท้ าํ ไม ข้า
5
ถึงเชือว่าขอเพียงข้าเห็นเขา แม้เหลือเพียงอวัยวะบาง
ส่วนข้าก็ตอ้ งจําเขาได้”

“ต่อมาเล่า” ซางเฉินฟั งตูเ้ จียงหลีกล่าว ลืมความขัดเขิน


เมือครูไ่ ปชัวคราว เงยหน้ามองนาง

“ต่อมาข้าพลัดตกเขา ตกลงมาทีเบืองหน้าท่าน ฮิๆๆ” ตู้


เจียงหลีรูว้ า่ นีไร้สาระอยูบ่ า้ ง แต่เกิดเรืองเช่นนีขึนจริงๆ

ตูเ้ จียงหลีเห็นสีหน้างุนงงของซางเฉิน หัวเราะฮิฮะก่อน


กล่าว “ข้าเห็นท่านครังแรก ก็รูว้ า่ ข้าหาเขาพบแล้ว”

เป็ นความรูส้ กึ ทีประหลาดยิง เห็นชัดๆ ว่าซางเฉินเป็ น


6
เพียงบัณฑิต ตูเ้ จียงหลีกลับรูส้ กึ ว่าเขาคือคนทีนาง
ตามหา มีบางครังนางสงสัยว่าตนใช่ตอ้ งตาเขา จึงจงใจ
หาข้ออ้าง ให้ตนตามพัวพันเขาได้ตามใจ

แต่ตอนนีนางสํานึกเสียใจจริงๆ เรืองนีคล้ายบีบให้ซาง
เฉินพบทางตัน จนเขาอาจมีชีวิตอยูก่ บั ความเจ็บปวด
และโทษตัวเองไปชัวชีวิต

“ความจริง...” ตูเ้ จียงหลีเขยิบเข้าใกล้ซางเฉิน กล่าวเสียง


เบา “ความจริงข้าไม่ใช่คณ
ุ หนูสกุลตูห้ รอก”

ซางเฉินตะลึงงัน

7
“ข้าเป็ นเพียงจิงจอกตัวหนึงบนเขา ท่านเคยได้ยินหรือไม่
จิงจอกอายุรอ้ ยปี แปลงร่างเป็ นมนุษย์ได้?” เดิมทีตเู้ จียง
หลีหมายบอกว่าเป็ นวิญญาณโดดเดียว แต่กลัวจะขู่
ขวัญเขาตกใจจนเป็ นลม ถึงอย่างไรจิงจอกก็ยงั เป็ นสิงมี
ชีวิต

“โกหก” ซางเฉินไม่เชือ

“หากข้าเป็ นมนุษย์ จะตกลงจากทีสูงขนาดนันแล้วไม่


ตายได้อย่างไร” ตูเ้ จียงหลีกล่าวอย่างจริงจัง

ซางเฉินมองนาง กล่าวอย่างเชือครีงไม่เชือครึง “จริง


หรือ”

8
“เป็ นความจริง อีกอย่างไม่กีวันนีข้าก็จะไปแล้ว ข้าชอบ
ท่าน ดังนันจึงอยากให้ทา่ นส่งข้ากลับไป” ตูเ้ จียงหลีจบั
มือเขาก่อนกล่าว “ข้าเป็ นจิงจอกไม่ใช่คณ
ุ หนู ดังนันลูบ
คลําก็ไม่เป็ นเป็ นไร ครึงเดือนก่อน ข้ายังเห็นท่านลูบคลํา
กระต่ายเลย”

“แต่กระต่ายไม่ใช่คณ
ุ หนู” ซางเฉินขมวดคิว รับรูถ้ งึ ความ
อ่อนนุ่มของมือน้อยๆ ใจสับสนว่านีทีแท้นบั เป็ นการเอา
เปรียบนางหรือไม่

“ข้าเห็นท่านลูบคลํากระต่าย จึงอิจฉา” ตูเ้ จียงหลีได้คืบ


เอาศอกซุกตัวเข้าอ้อมอกเขา “ข้ายังเห็นท่านอุม้ กระต่าย

9
ด้วย”

ซางเฉินก้มหน้า เห็นตูเ้ จียงหลีทาํ แก้มป่ อง ท่าทางหึง


หวง เหมือนจิงจอกน้อยทีน่ารักจริงๆ จึงกล่าว “ข้าเคย
เห็นในบันทึกเรืองเล่าเล่มหนึง บอกว่าจิงจอกกลายร่าง
เป็ นคนได้”

กล่าวพลางกวาดตามองหน้าอกอวบอูมของนาง ก่อนรีบ
เบือนหน้า “ท่านแปลงกายเป็ นจิงจอกเถิด”

“ข้าเปลียนร่างเองไม่ได้” ตูเ้ จียงหลีครุน่ คิด “ท่านจูบข้า


สักครา ข้าจะแปลงร่างได้ ไม่เชือท่านลองดู”

10
ซางเฉินเชือครึงไม่เชือครึง ใจคิดว่าตูเ้ จียงหลีไม่มีเหตุผล
ต้องโกหกเขา จึงก้มหน้า จุมพิตริมฝี ปากนางเบาๆ ราว
แมลงปอแตะผิวนํา เบิกตาโตมองนาง ผ่านไปครูห่ นึงจึง
กล่าว “เหตุใดถึงไม่...”

ยังพูดไม่ทนั จบ เจ็บทีท้ายทอย คนพลันสลบไป

“ไร้เดียงสาจริงๆ” ตูเ้ จียงหลีอมยิม ช่วยสวมเสือผ้าอย่าง


ถ้วนถีให้เขาจนเรียบร้อย ก่อนแบกเขาขึนหลังเดินกลับ
ไป “หนักจะตายแล้ว”

นางเดินพลางกล่าว “นายท่าน ข้าไม่มีทางไปแล้ว มาถึง


วันนี ล้วนเป็ นข้าก่อกรรม ทําลายเส้นทางอนาคตของตน

11
เอง ทว่าข้าไม่เสียใจ...ตอนแรก ข้ามักรูส้ กึ ว่าสวรรค์ไม่ดี
กับข้า แต่หลังจากคืนนี ข้ารูส้ กึ พอใจนัก”

บิดาในชาติทีแล้วของตูเ้ จียงหลีเป็ นถีสงิ กวาน ตอนบิดา


เดินทางไปตัดสินคดีในทีต่างๆ นางมักชอบแอบตามไป
ด้วย ทุกครังทีบิดาตูน้ กึ ได้ก็หวาดกลัว ในเมือไม่อาจ
ยับยัง จึงจ้างคนมาสอนวิชาป้องกันตัวให้นาง บังเอิญ
ร่างทีตูเ้ จียงหลีใช้ เป็ นวรยุทธ์อยูแ่ ล้ว พละกําลังก็ไม่เลว
ดังนันแบกซางเฉินจึงไม่ใช่ปัญหาแม้แต่นอ้ ย

ลอบส่งซางเฉินกลับห้อง ตูเ้ จียงหลีทาํ ความสะอาดร่อง


รอยทีนางทิงไว้อย่างระมัดระวัง หลังเปลียนเสือผ้าของ
ตนเอง เขียนจดหมายบอกลาหนึงฉบับ ก็ขา้ มกําแพงเข้า
ไปในลานวัด
12
ขู่ขวัญพระทังวัดตกใจ นําจดหมายมอบให้เจ้าอาวาสวัด
ฉือเอินกับมือ ไหว้วานท่านให้นาํ ส่งไปสกุลตู้

วัดไม่สะดวกรังสีกาไว้ เจ้าอาวาสจึงให้ตเู้ จียงหลีพาํ นัก


อยูส่ ถานทีข้างวัดทีปกติใช้ตอ้ นรับแขกผูม้ าสักการะ

ยามดึก ตูเ้ จียงหลีลอบหลบออกไป กลับเข้าป่ าบนภูเขา

นังอยูร่ มิ นําทีนางกับซางเฉินอยูด่ ว้ ยกันก่อนหน้านีเป็ น


เวลานาน จึงเดินทางขึนเขา ความจริงนางจําเส้นทาง
สายนีได้ เจ้าของร่างเดิมมักมาเทียวทีนี ในสมองนางจึง
ยังพอมีภาพความทรงจํา

13
ตอนปี นขึนถึงยอดเขา ลําแสงสายหนึงปรากฏขึนทีด้าน
ตะวันออกแล้ว

บนยอดผาลมแรง ตูเ้ จียงหลีทบทวนความจําอย่าง


ละเอียดครูห่ นึง นางฝากฝังทุกเรืองเรียบร้อย ทําลายร่อง
รอยทังหมด นอกจากหลิวชิงซง ไม่มีใครรูว้ า่ คืนนีนางอยู่
กับซางเฉิน

14
ตอนพิเศษสอง บทซางเฉิน (6)

ตูเ้ จียงหลีนอนหมอบอยูร่ มิ หน้าผา มองแสงยามรุง่ อรุณ


อันคลุมเครือ ผืนป่ าสนด้านล่างราวท้องทะเล พลาง
ขมวดคิว

แม้นางจะปิ ดบังเรืองทีอยูก่ บั ซางเฉินคืนนีได้ แต่กลับ


บ้านไปก็ไม่อาจบอกได้วา่ ตนเองหายไปไหนมาหนึงคืน
นางใช้รา่ งกายของคนอืน แต่กลับทําลายชือเสียงเจ้า
ของร่างเสียฉาวโฉ่ แม้ไม่ถงึ ขันจับใส่กรงหมูถ่วงนําอะไร
นัน แต่นางรูส้ กึ ว่าตนเองถูกลิขิตให้สวรรค์ลงโทษ

พอกลับถึงบ้านสกุลตู้ ต้องแต่งงานกับคนอืน สกุลตูม้ ิ


อาจเก็บนางไว้ในบ้านตลอดชีวิต นีไม่เพียงจะถูกนินทา
1
ลับหลัง ยังฝ่ าฝื นกฎหมายราชวงศ์ถงั บ้านสกุลตูใ้ ห้
นางอยูจ่ นถึงบัดนีก็นบั เป็ นบุญคุณมากล้น

หนี? สํามะโนครัวในต้าถังควบคุมอย่างเข้มงวด ไม่ใช่


อยากไปไหนก็ไปได้

หากไม่อยากกลับไปแต่งงานกับคนอืน บัดนีนางมี
ทางออกเพียงสามทาง กระโดดลงหน้าผาไปให้สนเรื
ิ อง
สินราว ไม่ก็ขา้ มภูเขาลูกนีไปโกนผมบวชชีทีอารามชิงอิน
หรือไปซ่อนตัวใช้ชีวิตทีเหลืออยูใ่ นป่ าลึก

กระโดดลงไปก็จบเรือง แต่ถา้ ซางเฉินรูค้ วามจริง เขาจะ


เสียใจหรือไม่ จะรูส้ กึ ผิดไปชัวชีวิตไหม

2
หากสลักคนผูห้ นึงเข้าไปถึงกระดูก พอตายแล้วทุกอย่าง
คืนสูด่ ิน เหลือเพียงซากกระดูก...ยอมไม่ได้ทีจะให้เขา
เสียใจแม้เพียงน้อยนิด เดิมทีทีนางจากมาเพราะไม่
อยากให้ซางเฉินดินรนขัดแย้งในใจ มีชีวิตอยูท่ า่ มกลาง
ความเจ็บปวด หากเลือกจบชีวิต ก็สมควรให้ซางเฉินมา
สูข่ อดีกว่า

ไม่รูจ้ ะทําเช่นไรดี

ตูเ้ จียงหลีถอยกลับมาจากหน้าผา ยืนพิงต้นไม้ขนาด


สองคนโอบ หลับตาพักผ่อน

3
ใจลอยคิดถึงวันเวลาหลายปี นีทีเปรียบเสมือนบ่อนําแห้ง
ผาก

นางในโลกก่อนของนาง ก่อนแต่งงานยังเอาแต่ใจตาม
บิดาออกจากบ้านได้ พอแต่งงานแล้ว ก็ตอ้ งเคารพ
จรรยาหญิงอย่างเคร่งครัด ไม่อาจออกจากบ้านได้สกั วัน
ทําได้เพียงเย็บปั กถักร้อยฆ่าเวลา มีเรืองหยุมหยิมกวน
ใจในหมูส่ ะใภ้ แม่สามี พีน้องสามี อัดอันตันใจบอกใคร
ไม่ได้ วันเวลาจืดชืดน่าเบือ สมควรออกบวชยังจะดีกว่า

นางคอยสามีสามปี ก็ไม่ถือว่านานนัก ชีวิตคนเรามีสาม


ปี สบิ ถึงยีสิบรอบ แต่สาํ หรับการรอทีทุกข์ทรมานของคน
ทีไม่รูว้ า่ จะมีวนั พรุง่ นีหรือไม่ ทุกนาทีช่างทรมานนัก แค่
สามปี ราวกับผ่านไปสามสิบปี นางตกใจตืนจากฝันทุก
4
วัน กลัวว่าพอฟ้าสางจะมีคนจากราชสํานักมาแจ้งข่าว
การตายของสามี

น่าเสียดายทีทําอย่างไรก็หนีไม่พน้ ...

เมือเทียบกัน สีปี นีทีอยูก่ บั ซางเฉินมีความสุขกว่ามาก


อย่างน้อยบางครังก็ได้เล่นไล่จบั กับเขา การเลือกทาง
เดินในอนาคตราวยังอยูใ่ นกํามือนาง นีคือเมตตาจาก
สวรรค์!

แสงอรุณสาดส่องทัวผืนป่ าและภูเขา ตูเ้ จียงหลีรูส้ กึ ง่วง


งุน

5
ท่ามกลางแสงขมุกขมัว คล้ายกับได้ยินเสียงฝนตกหนัก

“ฮูหยิน! ฮูหยิน!” เสียงเรียกอย่างร้อนใจของสตรีนาง


หนึงปะปนกับเสียงฝน

ตูเ้ จียงหลีลืมตาเล็กน้อย เห็นดวงหน้าร้อนใจทีคุน้ เคย


พึมพําว่า “ลวีฝู?”

“บ่าวตกใจหมดเลยเจ้าค่ะ ฮูหยินสลบไป ไข้ขนสู


ึ ง ยังดีที
ได้ยาหลายชุดจากบุตรชายของนายอําเภอทีนี” ดวงตา
หงส์ของลวีฝูมีนาตารื
ํ น จึงใช้ผา้ ซับ พยุงตูเ้ จียงหลีให้ลกุ
ขึน “เดิมทีอยากพาท่านกลับอําเภอไปด้วยกัน แต่พอ
ท่านกินยาแล้วไข้ลด บุตรชายนายอําเภออายุเข้าวัย

6
ฉกรรจ์ บ่าวเกรงว่าหากลือออกไป จะกระทบต่อชือเสียง
ฮูหยิน จึงขอร้องให้เขาพามาทีนี หลบฝนในวัดร้างแห่งนี
เจ้าค่ะ”

“ยามนีเดือนอะไร ปี อะไร” นางพยุงตูเ้ จียงหลีนงลงข้


ั าง
โต๊ะหิน

ลวีฝูชะงักครูห่ นึงก่อนตอบ “ปี ซง่ เซ่าซิงทีสิบเอ็ด วันทีสิบ


สีเดือนแปดเจ้าค่ะ” ลวีฝูเอ่ยอย่างแปลกใจ “อ้อ พรุง่ นีก็
จะเป็ นวันไหว้พระจันทร์เจ้าค่ะ”

ตูเ้ จียงหลีออกจะงงๆ “ขอข้าอยูเ่ งียบๆ คนเดียว”

7
ลวีฝูมองนางอย่างกังวล แต่ก็พยักหน้า

ตูเ้ จียงหลีตะลึงอยูค่ รูใ่ หญ่จงึ ได้สติ เห็นแอ่งนําขังตืนๆ


อยูด่ า้ นข้าง จึงขยับร่างกายเล็กน้อย

นําสะท้อนใบหน้างดงาม คิวเรียวดก ดวงตายาวเป็ น


ประกาย เขียนคิวได้รูป หางคิวตวัดขึนเล็กน้อย ขอเพียง
ทอดตาเล็กน้อย จะมีเสน่หย์ ากหาทีใดเปรียบ

นีคือ...หน้าตาของนางเอง

คนรับใช้สบิ กว่าคนกําลังล้อมรอบกองไฟอยูอ่ ีกฝังของ


วิหาร
8
จู่ๆ มีเสียงฝี เท้าม้าดังมาท่ามกลางสายฝน คนรับใช้
สิบกว่าคนจับกระบีข้างกายทันที ประสาททุกส่วนตืนตัว
เตรียมพร้อม

เสียงฝี เท้าม้าหยุดทีหน้าวิหาร ตามด้วยลําแสงหม่นลง


บุรุษสวมเสือเกราะหกเจ็ดคนบุกเข้ามา จากนันบุรุษรูป
ร่างสูงใหญ่สวมเสือเกราะสําริดและหมวกเหล็กค่อยเดิน
เข้ามา ผ้าขาวปิ ดบังใบหน้า จึงมองหน้าไม่ชดั

บรรดาคนรับใช้พอเห็นพวกนันแต่งกายด้วยชุดกองทัพ
ต้าซ่ง จึงวางใจ ทยอยกันลุกขึนเดินไปคุม้ กันข้างกายตู้
เจียงหลี

9
พวกเขาไม่ได้ยดึ กองไฟทีว่างแล้ว เพียงนังเงียบๆ อยู่
ด้านข้าง บรรยากาศดูน่าเกรงขามเล็กน้อย

ตูเ้ จียงหลีมองผ่านรอยแยก เห็นบุรุษราวรูปสลักอยูฝ่ ัง


ตรงข้าม พอเบนสายตาไปมองแม่ทพั ทีสวมชุดเกราะ
สําริด ก็เบิกตากว้างทันใด

อาจารย์ซาง...

เสียงตูเ้ จียงหลีตนั คอหอย

“แม่ทพั พวกเราจะทําเช่นไรดีขอรับ” จู่ๆ คนหนึงในนัน


10
ถาม “ฝ่ าบาททรงมีพระบรมราชโองการติดต่อกันสิบสอง
ฉบับเรียกตัวแม่ทพั เยวียกลับเข้าวัง เกรงว่าสถานการณ์
เลวร้ายมากกว่าดีขอรับ”

เรืองนีไม่ใช่ความลับ

แม่ทพั แววตาเคร่งขรึม ขมวดคิวมุน่ ผ่านไปครูใหญ่จงึ


เอ่ยว่า “รอให้ฝนหยุดค่อยปรึกษาหารือ”

“ซางสุยหย่วน” ตูเ้ จียงหลีสะอืนไห้

แม่ทพั ตะลึงชัวครู ่ หันหน้ามองมาผ่านคนรับใช้สบิ กว่า


คน เห็นเพียงสตรีรูปงามนางหนึง สภาพจนตรอก มอง
11
เขานําตารืน

เขาเห็นตูเ้ จียงหลีเกล้ามวยอย่างสตรีทีออกเรือน จึงถาม


ว่า “ฮูหยินรูจ้ กั ข้า?”

เหล่าคนรับใช้เห็นเขายอมรับ ต่างแสดงสีหน้ายินดี ผู้


ดูแลทีเป็ นหัวหน้ารีบตอบ “เป็ นแม่ทพั จริงๆ ด้วย พวก
เรามาจากบ้านสกุลซาง ท่านนีคือฮูหยินทีฮูหยินผูเ้ ฒ่าสู่
ขอมาให้ทา่ นเมือสามปี ก่อนขอรับ”

เป็ นฮูหยินทีสูข่ อมาตังแต่เมือไร ไม่ได้ปรึกษาเขาเลย?


ซางเฉินอยากถาม แต่พอสบตากับตูเ้ จียงหลี กลับถาม
ไม่ออก

12
เขาแก้ผา้ สีขาวบนใบหน้า เผยหน้าตาหล่อเหลา

ตูเ้ จียงหลีผลักคนรับใช้ทีขวางอยูไ่ ปด้านข้าง วิงโซเซเล็ก


น้อยไปกอดเขา ร้องไห้โฮออกมาดือๆ “ฮือฮือ ข้าได้ข่าว
ว่านายท่านตายในสนามรบ จึงมาเก็บศพ คิดไม่ถงึ ว่ายัง
มีชีวิตอยู”่

ยามนีจู่ๆ ความสุขก็ทว่ มท้น ทําให้นางไม่รูจ้ ะทําเช่นไร


จึงพูดเหลวไหลไปบ้าง

จู่ๆ ก็ถกู สตรีทีไม่เคยพบหน้าโอบกอด ซางเฉินวางตัวไม่


ถูกอยูบ่ า้ ง แต่พอคิดได้วา่ นีคือฮูหยินของเขา หัวใจพลัน

13
อบอุน่ ตบหลังนางเบาๆ เผยความอ่อนโยนทีไม่คนุ้ เคย

ทุกคนตะลึงมองชัวครู ่ ค่อยนึกได้วา่ ไม่ควรมอง จึงรีบหัน


หลังไป

ด้านนอกฝนตกหนัก ท้องฟ้ามืดสลัว เสียงฝนรวมกับการ


โอบกอดชุดเกราะอันเหน็บหนาว ล้วนทําให้ตเู้ จียงหลี
รูส้ กึ ว่านีคือฝันหวาน นางหวังว่ากาลเวลาจะหยุดอยูต่ รง
นีตลอดไป

ชัวพริบตาเสมือนตลอดกาล

ตูเ้ จียงหลีรอ้ งไห้จนเวียนศีรษะ ค่อยๆ หมดสติไป


14
ไม่รูว้ า่ หลับไปนานเท่าไร

ได้ยินเสียงติดจะเย็นชาของสตรีนางหนึง “ซางสุยหย่วน
เอาความกล้าหาญอย่างตอนทีขวางธนูออกมาสิ ยอม
รับคนผูห้ นึงยากนักหรือ!”

นําเสียงนันคลายลง “ความรูส้ กึ ทีท่านมีให้ขา้ จืดจางลง


ได้ และบังเกิดความรูส้ กึ กับคุณหนูตู้ ข้าดีใจด้วยจริงๆ ที
ท่านดือดึงนึกเอาว่าความรูส้ กึ ทีตนเองมีตอ่ ข้านันจะคง
อยูไ่ ปชัวชีวิต รังแต่จะทําร้ายตนเองและผูอ้ ืน มีประโยชน์
อะไร ข้าจะบอกท่าน หากเป็ นเช่นนัน ไม่เพียงข้าจะไม่
รูส้ กึ ผิด ข้าจะดูแคลนท่านด้วย!”

15
“ผูน้ อ้ ย...” นําเสียงซางเฉินขลาดกลัว

หรันเหยียนโมโหจนกัดฟั นกรอด มองท่าทางกระต่าย


ตืนตูมของเขา เธอก็รูส้ กึ ปวดเศียรเวียนเกล้า “ถามใจ
ท่านดูวา่ ชอบนางหรือไม่ ต้องการแต่งกับนางไหม!”

16
ตอนพิเศษสอง บทซางเฉิน (7)

ตูเ้ จียงหลีลืมตา มองผ่านผ้าม่านโปร่งบาง ไม่ได้เห็นซาง


เฉินเป็ นคนแรก แต่เป็ นคนสวมชุดสีมว่ ง

เห็นเพียงดวงหน้าด้านข้าง แต่นางรูส้ กึ คุน้ เคยอย่างบอก


ไม่ถกู

นางมองตาไม่กะพริบ พลันร้อนใจอยากแหวกผ้าม่าน
ออกอย่างประหลาด

“ท่านใคร่ครวญให้ดีเถิด” พอหรันเหยียนพูดจบ ก็แหวก


1
ผ้าม่านเข้ามา

สองคนสบตากัน

ตูเ้ จียงหลีเบิกตากว้าง ตะลึงพรึงเพริด---ดวงหน้านัน คุน้


เคยจนไม่รูจ้ ะคุน้ เคยอย่างไรแล้ว คิดไม่ถงึ ว่า...เป็ นตัว
นางเอง!

หรันเหยียนก็ตะลึงอยูบ่ า้ ง ตอนทีหาตูเ้ จียงหลีเจอทียอด


เขา เธอรูส้ กึ เพียงเป็ นคนแปลกหน้า แต่ยามนีกลับรูส้ กึ
ใกล้ชิดยิงนัก

หรันเหยียนมีปฏิกิรยิ าก่อน จึงถามว่า “คุณหนูตรู้ ูส้ กึ เช่น


2
ไรบ้าง”

ตูเ้ จียงหลีทาํ ใจให้สงบ ตอบว่า “ไม่เป็ นไรแล้ว ฮูหยิน


คือ...”

“ข้ามีนามว่าหรันเหยียน สามีขา้ คือเซียงอูโ่ หว เซียวซ่ง”


หรันเหยียนคุกเข่าลงหน้าเตียง เอือมมือไปแตะหน้าผาก
นาง แล้วจับชีพจร “ไม่เป็ นอะไรมากแล้ว แค่ซางสุ
ยหย่วนคนเดียว ไยจึงต้องคิดสัน คุณหนูตอู้ ยูใ่ นวัยสดใส
สมควรไปทําเรืองทีมีความหมายกว่านี อย่าทําลายวัย
แรกแย้มเลย”

ทีแท้เป็ นสตรีทีซางเฉินชืนชมนางนัน

3
เดิมทีตเู้ จียงหลีไม่สบายใจอยูบ่ า้ ง แต่พอมองหน้าตาท่า
ทางหรันเหยียน กลับหึงหวงไม่ลง

ไม่วา่ นางจะมองอย่างไรก็รูส้ กึ คล้ายส่องคันฉ่อง ชัวพริบ


ตา นางลืมไปแล้วว่าตนเองไม่ได้มีหน้าตาเช่นเดิม คิดว่า
ทีซางเฉินหลงรักหรันเหยียน ทีจริงไม่ได้ตา่ งอะไรกับหลง
รักตนเอง

ตูเ้ จียงหลีแข็งใจตังสติ ถอนใจก่อนเอ่ย “เดิมทีขา้ ก็ไม่


อยากกระโดดหน้าผา เพียงแต่ช่วงนี ข้ามักรูส้ กึ ใจลอย
ความฝันและความจริงคลับคล้ายกัน แยกไม่คอ่ ยออก”

4
ตูเ้ จียงหลีพยายามจะลุกขึน แต่ถกู หรันเหยียนห้ามไว้

นางจึงนอนลงอย่างว่าง่าย พูดยิมๆ “เมือครูข่ า้ ฝัน ในฝัน


จบลงอย่างสมบูรณ์ ความเป็ นจริงก็จบลงอย่างสมบูรณ์
จู่ๆ ก็ปล่อยวางทุกอย่างได้ แต่...บัดนีข้าอยูใ่ น
สถานการณ์เช่นนี ยังจะทําอะไรได้อีก”

“ซางเฉินเล่าเรืองทุกอย่างแล้ว ในเมือยินยอมกันทังสอง
ฝ่ าย เขาควรไปสูข่ อท่านถึงจะถูก” แม้หรันเหยียนไม่ใช่
คนหัวโบราณ แต่สถานการณ์อย่างตูเ้ จียงหลีและซาง
เฉิน การแต่งงานคือทางออกทีดีทีสุด

“ผูน้ อ้ ยจะไปสูข่ อทีสกุลตูเ้ ดียวนี” ซางเฉินพูดแทรกอย่าง

5
ยากลําบาก

พอพูดจบ กําลังจะหมุนกาย ก็ได้ยินตูเ้ จียงหลีและหรัน


เหยียนเอ่ยพร้อมกัน “หยุดเดียวนี!”

หรันเหยียนมองตูเ้ จียงหลีแวบหนึง ไม่พดู ไม่จา ตูเ้ จียง


หลีกล่าว “ข้าแจ้งเรืองไว้ดีแล้ว ครังนีทีออกจากบ้านไม่
เกียวกับท่าน ยามนีท่านไปสูข่ อ มิใช่เป็ นการยอมรับเสีย
เองหรือ ข้า...ข้ากลับบ้านไปจะขอร้องท่านแม่ให้ไปสูข่ อ
ท่าน”

“ไม่เหมือนกันหรือ” ซางเฉินเซ่อ แต่ไม่โง่เขลา

6
“ข้าทิงจดหมายไว้ให้นาง บอกว่าออกจากบ้านไปท่อง
เทียว หลังกลับบ้านข้าขอร้องนางให้ตามใจข้าเป็ นครัง
สุดท้าย แล้วบอกว่าหากท่านไม่เห็นด้วย วันข้างหน้าข้า
จะให้นางจับคูใ่ ห้ แต่หากไม่ให้โอกาสข้าในครังนี ข้าจะ
ไปโกนผมบวชชีทนั ที” ตูเ้ จียงหลีจาํ ต้องบีบบังคับจ้าวฮูห
ยินสักครัง

แม้จา้ วฮูหยินมีนิสยั แข็งกร้าว แต่ดีกบั บุตรของตนเองยิง


นัก ถึงขนาดน่าสงสัยว่าจะหลงอยูบ่ า้ ง หากตูเ้ จียงหลี
แต่งงานกับซางเฉินได้จริง ก็มีแต่จะเอือประโยชน์ให้สกุล
ตู้ นางเพียงแอบสอบถามความในใจของซางเฉินโดยไม่
ให้ใครรู ้ ก็ไม่ถงึ ขันเสียหน้า

แม้จา้ วฮูหยินจะถูกปลดจากตําแหน่งภรรยาขุนนาง แต่


7
คนทัวไปก็ไม่กล้าเยาะหยัน ยิงกว่านัน แม้ตหู้ รูฮ่ยุ จะเสีย
ชีวิตไปหลายปี แต่เขาทุม่ เทแรงกายแรงใจให้ตา้ ถัง ชือ
เสียงขาวสะอาดทังชีวิตนันยังปกป้องสกุลตูไ้ ว้ได้

“ท่านแม่” เงาร่างน้อยสวมชุดสีเหลืองอ่อนวิงเข้ามา
กระโจนเข้าสูอ่ อ้ มกอดหรันเหยียน

หรันเหยียนลูบศีรษะนาง “ไปทําอะไรมา ไยเหงือจึงท่วม


ตัว”

“ไม่ใช่เหงือ พีชายจับกบใส่อา่ ง นํากระเด็นใส่ ท่านพ่อ


กําลังตีเขา” เสียงรัวรัวน่ารักแบบเด็กๆ แต่ออกเสียงชัด
ยิง “ท่านแม่ ท่านไปช่วยพีชายเถิด”

8
หรันเหยียนขมวดคิว “เจ้ายุยงให้เขาไปจับกบอีกใช่หรือ
ไม่”

รัวรัวเอียงคอ ถามอย่างขลาดกลัว “ท่านแม่ อะไรคือ


ยุยง”

“ไปถามท่านพ่อเจ้าสิ” หรันเหยียนกุมศีรษะ แนะนําไป


ทางตูเ้ จียงหลี “นีคือบุตรสาวของข้า”

“บุตรสาวของท่านเฉลียวฉลาด น่ารักน่าเอ็นดู” ตูเ้ จียง


หลีมองยิมๆ ไปทางรัวรัว

9
“ท่านป่ วยหรือ” รัวรัวปี นลงจากอ้อมกอดของหรันเหยียน
เดินไปด้านหน้าตูเ้ จียงหลี ก่อนทีจะมีใครทันตอบสนอง
พลันจับหน้านางแล้วหอมแก้มหนึงที “หายเจ็บแล้วนะ”

หรันเหยียนและตูเ้ จียงหลีตะลึงการกระทําของนาง

ผ่านไปครูห่ นึง หรันเหยียนยิมน้อยๆ ไปทางตูเ้ จียงหลี


“ข้าขอตัวสักครู”่

ตูเ้ จียงหลีเอ่ย “ฮูหยินเชิญตามสบาย”

หรันเหยียนอุม้ รัวรัวเดินออกจากห้องไป รูส้ กึ ประหลาด


ใจ รัวรัวเจอคนแปลกหน้าน้อยมาก จึงขีกลัวอยูบ่ า้ ง มี
10
อยูค่ รังหนึงใจกล้ามากคือตอนทีเจอซูฝู นีก็ไม่น่าแปลก
เท่าไร แต่หรันเหยียนรูส้ กึ ถูกชะตากับตูเ้ จียงหลี อดถาม
ไม่ได้ “รัวรัว บอกแม่สิ ไยลูกจึงหอมแก้มคุณหนูนางนัน”

รัวรัวอําอึงครูใ่ หญ่ บอกเหตุผลไม่ได้ เรืองของเด็ก คงจะ


ใช้ความรูส้ กึ เป็ นหลัก จะมีเหตุผลได้อย่างไร หรือนางกับ
ตูเ้ จียงหลีอาจมีวาสนาต่อกัน

พอออกจากประตูโค้ง หรันเหยียนก็เดินเร็วขึน รัวรัวไม่


แข็งแรงเหมือนเด็กทัวไป ตูเ้ จียงหลีเป็ นหวัด มีไข้ ไม่แน่
อาจจะแพร่เชือมาถึงนาง หรันเหยียนไม่อยากให้บตุ ร
สาวต้องทรมาน จึงไปห้องยาก่อน ให้รวรั
ั วกินยาลูก
กลอนป้องกันไข้หวัด แล้วเขียนเทียบยาทันที ให้หวันลวี
ไปต้มยา
11
ภายในห้องด้านนันเหลือเพียงซางเฉินและตูเ้ จียงหลี

ซางเฉินอยูน่ อกผ้าม่าน ระมัดระวังตัวอยูบ่ า้ ง ไม่รูว้ า่ จะ


อยูห่ รือไปดี

“อาจารย์กลับไปก่อนเถิด พอข้าดีขนแล้
ึ วจะกลับบ้าน” ตู้
เจียงหลีใจลอย เมือครู.่ ..คล้ายกับพูดถึงเรืองแต่งงานกับ
ซางเฉิน

ซางเฉินลังเลครูใ่ หญ่ เอ่ยว่า “เช่นนันผูน้ อ้ ยขอตัวก่อน”

พอเดินออกจากประตู กลับไม่ยอมจากไปเสียที เขา


12
ขลาดกลัวมาตลอด แต่ไม่ใช่คนโลเล ทว่าเมือต้องเผชิญ
หน้ากับความรักครังนี เขารูส้ กึ ว่าอะไรก็ไม่ใช่ไปเสียหมด
ด้านหนึงคิดว่าตนเองไม่ควรเปลียนใจ อีกด้านหนึงก็คิด
ว่ามีความรักต่อตูเ้ จียงหลี เหมือนกับตอนแรกทีหลงรัก
หรันเหยียน สิงเดียวทีต่างกันก็คือ เขาไม่กลัวตูเ้ จียงหลี

ราวกับแค่ยา้ ยความรูส้ กึ นีไปยังร่างตูเ้ จียงหลี

ยืนนิงครูใ่ หญ่ ซางเฉินจึงจากไป ใจลอยเดินไปบ้านหลิว


ชิงซง

วันนีหลิวชิงซงหยุด กําลังนอนไขว่หา้ งบนเตียง ดืมดํากับ


การปรนนิบตั ินวดเฟ้นของสาวใช้รูปงาม มีคนมา

13
รายงานว่าซางเฉินมาหา ค่อยลุกขึนสวมรองเท้าออกไป
ต้อนรับ “แขกทีหายาก! ในทีสุดนักบวชคุณธรรมสูงส่งก็
ออกจากภูเขา?”

ซางเฉินหน้าแดงคารวะ

พอทังสองคนนังลง ซางเฉินเล่าเรืองตูเ้ จียงหลีให้ฟัง


อย่างอึกอัก ถามหลิวชิงซงด้วยสีหน้าสับสน “ผูน้ อ้ ยควร
ทําเช่นไร”

“อะไรควรทําเช่นไร ท่านก็ตอ้ งรับผิดชอบนางสิ!” หลิวชิง


ซงยัดผลไม้ชินหนึงเข้าปากก่อนตอบ “ไม่เข้าใจจริงๆ ว่า
ท่านคิดอะไรอยู่ หรันเหยียนไม่มีความรักแบบชายหญิง

14
ต่อท่านอย่างชัดแจ้ง ลูกสามคนวิงเล่นได้แล้ว ไม่แน่วา่
ในท้องอาจจะมีคนทีสี ห้า หกอีก ท่านจะต้องรักษา
ความบริสทุ ธิราวหยกเพือนางหรือ ท่านไม่เหนือยหรือ
ไร”

หลิวชิงซงเห็นเขาก้มหน้า กลืนสิงทีอยูใ่ นปากลงไป เอ่ย


ว่า “สุรามังสาผ่านลําไส้ พุทธะอยูท่ ีใจ พุทธองค์เน้นที
รักษาใจ ท่านยังรักษาใจไว้ไม่ได้ แล้วรักษาความบริสทุ ธิ
จะมีประโยชน์อะไร จะต้องให้คนอืนมาเหยียดหยาม
ท่าน”

“ผูน้ อ้ ยรังเกียจตนเองทีรักษาใจไว้ไม่อยู”่ ซางเฉิน


ตอบอย่างกลัดกลุม้

15
นีคือสาเหตุทีแท้จริง เมือเทียบกับบุรุษเหล่านันทียังไม่
ทันเปลียนใจ แต่รา่ งกายไม่อยูใ่ นร่องในรอยเสียแล้ว ซาง
เฉินกลับตรงกันข้าม เขาเพียงขอมีรกั เดียวไปชัวชีวิต แต่
สตรีทีหลงรักไปร่วมชีวิตกับคนอืน เขาตังเงือนไขอย่าง
เข้มงวดต่อตนเอง ให้ตายใจในเรืองความรักชายหญิง
แม้จะหวันไหว ก็ตงเงื
ั อนไขกับตนเองว่าจะไม่หกั หลัง
ความรักครังนันเด็ดขาด

“บางความรักราวกับดาวตกทีผ่านมาและผ่านไป บาง
ความรักคล้ายกับก่อปราสาททราย บางความรักพริบตา
เดียวคล้ายหมืนปี ...ใครจะล่วงรูว้ า่ ตนเองจะมีความรัก
เช่นไร ใครจะรับประกันได้วา่ จะมีรกั เดียวไปชัวชีวิต”
หลิวชิงซงแหงนหน้าในมุมสีสิบห้าองศา กล่าวช้าๆ อย่าง

16
เศร้าสร้อย จู่ๆ ทุบโต๊ะอย่างแรง ก่อนจุปากจุ๊ๆ “ท่านรูส้ กึ
หรือไม่วา่ ข้าช่างปราดเปรืองยิงนัก”

ซางเฉินเม้มปาก เงียบอยูค่ รูใ่ หญ่ จึงตอบว่า “ทีเซียนเหลี


ยงฮูหยินกล่าวก็มีเหตุผล ผูน้ อ้ ยควรแสดงความกล้า
หาญออกมาบ้าง เป็ นบุรุษอกสามศอกกล้าทํากล้ารับ!”

พูดจบก็ลกุ ขึน รีบขอตัวจากไป

ด้านหลิวชิงซง พอลุกขึน ก็มีสาวใช้วิงเข้ามารายงาน


“นายท่าน ฮูหยินจะคลอดแล้วเจ้าค่ะ!”

“ไม่ใช่นอนอยูห่ รือ!” หลิวชิงซงรีบวิงปราดไปเรือนด้าน


17
หลัง วิงไปพลางตะโกน “ไปตามหมอตําแย ต้มนําร้อน
เตรียมอาหารและนําแกงโสม!”

ด้านนียุง่ เหยิงวุน่ วาย หลังจากซางเฉินตัดสินใจแน่วแน่


จึงวิงไปซือดินเหนียวทีตลาดตะวันออก เตรียมทําจาน
ฝนหมึก

ครึงเดือนต่อมา รอจนเรืองตูเ้ จียงหลีจะออกบวชซาลง


บ้าง จ้าวฮูหยินก็ใช้โอกาสทีไปไหว้พระ สอบถามเรืองนี
กับซางเฉินเป็ นการส่วนตัวตามทีคิดไว้ ซางเฉินก็ตอบรับ
บอกว่าอีกไม่กีวันจะไปสูข่ อทีบ้าน

ดังนันเช้ามืดวันหนึงในปลายฤดูใบไม้รว่ งปี เจินกวานที

18
สิบเก้า เสียงกลองยํารุง่ เพิงผ่านไป

ท่ามกลางความมืดสลัว ก็เห็นบุรุษหนุ่มสวมชุดตัวหลวม
แขนกว้างสะพายย่ามใบใหญ่ไปเคาะประตูบา้ นสกุลตู้

พอประตูใหญ่เปิ ด บุรุษหนุ่มเหงือท่วมศีรษะกล่าว
“ผูน้ อ้ ยจะมาสูข่ อ”

คนเฝ้าประตูประหลาดใจ “อาจารย์อย่าพูดเหลวไหล
คุณหนูบา้ นข้าหมันหมายแล้ว วันแต่งงานก็กาํ หนดไว้
แล้วขอรับ”

ซางเฉินราวถูกสายฟ้าฟาด เสียงในศีรษะดังหึงๆ
19
คนเฝ้าประตูเห็นเขารูปร่างหน้าตาดี ทังมีทา่ ทางคล้าย
สะเทือนใจ จึงอดสงสารไม่ได้ “อาจารย์รบี ไปเถิด อย่ารอ
ให้ฟา้ สาง จะมีคนเห็นเข้าขอรับ”

ซางเฉินตะลึงครูใ่ หญ่ ค่อยนึกได้จงึ ถามว่า “ทีนีใช่บา้ น


เก่าของเสนาบดีตหู้ รูฮ่ยุ หรือไม่”

คนเฝ้าประตูนกึ ได้ทนั ควัน เอ่ยอย่างกระตือรือร้น


“อาจารย์มาผิดทีแล้ว บ้านเก่าของเสนาบดีตอู้ ยูท่ าง
ตะวันออก ออกจากตรอกแล้วเลียวซ้าย พอถึงทางแยก
เลียวขวา เดินตรงไปสิบกว่าจังแล้วเลียวซ้าย เป็ นบ้าน
หลังแรกขอรับ”

20
ซางเฉินฟั งจนเวียนศีรษะ แต่ก็กล่าวขอบคุณ พึมพําว่า
“ซ้ายขวาซ้าย ซ้ายขวาซ้าย...”

เขาเดินพูดงึมงําอยูน่ าน ค่อยนึกได้วา่ ตะวันออกอยูท่ าง


ไหน

“รูอ้ ยูแ่ ล้วว่าท่านจะต้องหลงทาง” เสียงหัวเราะเบาๆ ดัง


มาจากด้านหลัง

ซางเฉินถอนใจโล่งอก หันไปเห็นตูเ้ จียงหลีสวมหมวก


คลุมหน้า คนรับใช้และสาวใช้เดินตามด้านหลัง รีบเขยิบ
เข้าไปหา “คุณหนู”

21
“ท่านเอาอะไรมา” ตูเ้ จียงหลีเห็นย่ามใบใหญ่ดา้ นหลัง
เขา อดถามอย่างประหลาดใจไม่ได้

“ผูน้ อ้ ยทําจานฝนหมึกหลายสิบใบ...ยังมีเงินทีผูน้ อ้ ย
สะสมไว้ทงหมดในหลายปี
ั นี มาสูข่ อคุณหนู” ซางเฉิน
ตอบ

“ได้ยินว่าตอนนันท่านก็แบกจานฝนหมึกไปสูข่ อทีสกุล
หรัน จานฝนหมึกในย่ามท่านมีมากกว่าครังนันหรือไม่”

“มากพอๆ กัน...” ซางเฉินเอ่ยอย่างอับอาย

22
ตูเ้ จียงหลีถาม “ใต้จานฝนหมึกมีตวั อักษร?”

ซางเฉินแปลกใจ “คุณหนูรูไ้ ด้อย่างไร”

ตูเ้ จียงหลีพมึ พํา “แต่ก่อนข้ามีใบหนึง...อือ ข้าฝันเห็น


ต่อไปท่านจะทําก็ทาํ แบบไม่มีตวั อักษร ข้าจะเป็ นคน
เขียนตัวอักษรเอง”

“คุณหนูจะเขียนอะไร” ซางเฉินถาม

“……”

23
“คุณหนู?”

“หือ?”

“สลักอะไร”

“……”

“คุณหนู”

“ไม่บอกท่านหรอก”

24
“ผูน้ อ้ ยไม่ได้จะถามเรืองนัน ผูน้ อ้ ยอยากถามว่า คุณหนู
เป็ นจิงจอกจริงหรือ”

“ท่านสิเป็ นจิงจอก!”

……

ดวงอาทิตย์ขนทางตะวั
ึ นออก แสงทองยามเช้าสาดส่อง
ทัวเมืองฉางอัน คนทังสองเดินไปทางแสงอรุณทางตะวัน
ออก เงาร่างทอดยาวอยูด่ า้ นหลัง

25
ตอนพิเศษสาม บทเซียวเก้ า

เซี ยวซ่งสารภาพความในใจ
…….
ข้า เป็ นบุตรภรรยาหลวงสกุลเซี ยว อยูล่ าดับที่เก้าของตระกูล
นับจากจาความได้ ข้าก็อยูก่ บั ท่านย่าผูช้ าญฉลาด เฝ้ามอง 'การแสดง' ในเรื อนที่
สนุกไร้ใดปานเหล่านั้นอย่างเฉยชา คนเหล่านั้นบ้างละโมบ บ้างเพื่อเอาตัวรอด
ตีแผ่ความอัปลักษณ์ในใจคนออกมาอย่างหมดเปลือก
เวลาส่ วนใหญ่ในวัยเด็กของข้า สิ่ งที่พบเห็นและได้ยนิ ก็คือความอัปลักษณ์
โสมมเช่นนี้ ข้าหมายดิ้นรนสลัดให้พน้ และหมายหลบหนี ดังนั้นช่วงวัยรุ่ นจึง
ต่อต้านถึงที่สุด
อาจเพราะเห็นด้านที่น่ากลัวของสตรี มามาก ส่ วนลึกในใจข้าจึงราราจะต่อต้าน
สัมผัสใกล้ชิดของสตรี
จาได้วา่ ครั้งหนึ่งข้าเห็นอนุคนหนึ่งของบิดามีท่าทีส่อนัยกับพ่อบ้าน หลิวชิงซง
ท้าพนันกับข้า เขาบอกว่าหากให้พ้นื ที่มิดชิดแก่สองคนนี้เพื่อใกล้ชิดกัน อนุนาง
นั้นต้องเสี ยตัวแน่ ข้าไม่เชื่อ ในเมื่อกฎของสกุลเซี ยวเราก็เข้มงวด อีกทั้งบิดาก็
เป็ นคนดุยงิ่ ต่อให้อนุเล็กๆ นางนั้นมีใจให้คนอื่นแค่ไหน ก็ไม่น่ากล้าคบชูส้ ู่ ชาย
ทว่าตอนข้าวางกับดักล่อ สองคนนั้นกลับกระโดดเข้าติดกับโดยไม่รู้ตวั ผลจึง
เป็ นอย่างที่หลิวชิงซงว่า ข้าได้เห็นฉากวังวสันต์ที่เคลื่อนไหวมีชีวิตชีวาเต็มตา
ต่อมาบิดารู ้เรื่ องนี้ โกรธจนผมตั้งฆ่าอนุนางนั้นด้วยยาพิษ แล้วลากข้าไปลงโทษ
ที่ศาลบรรพชน
ข้าเกลียดเขา เพื่อบ่าวต่าต้อยคนหนึ่งถึงกับลงไม้ลงมือกับลูกชายในไส้ของตน!
แต่ยงิ่ เจ็บ สมองข้าก็ยิ่งแจ่มชัด ข้าเลยยิม้ หยันเขา ตัวเองไม่มีปัญญากุมหัวใจ
ผูห้ ญิงของตน เป็ นลูกเต่าโดนสวมเขา เลยอับอายจนโกรธเอาข้ามาระบาย
อารมณ์? คิดว่าทาแบบนี้จะกูห้ น้าคืนได้หรื อ!
เขาโกรธแทบชัก ลงมือไร้ปรานีกว่าเก่า
เขาเถรตรงมาทั้งชีวิต แต่ในเรื่ องนี้ขา้ ดูถูกเขา
เพราะเรื่ องนี้ความสัมพันธ์พอ่ ลูกของพวกเราจึงตึงเครี ยดถึงขั้นยอมรับกันไม่ได้
ช่วงเวลานั้นข้าก็มีนิสัยอย่างวัยรุ่ น ทั้งคิดแค้นบิดาที่ลงมือกับข้าเพราะอนุคน
เดียว และดูถูกเขาที่ใช้วิธีเช่นนี้ปกปิ ดความเจ็บอายของตน ดังนั้นแม้จะนอนเจ็บ
บนเตียง ก็ยงั ทาให้เขาโกรธควันออกหูอยูบ่ ่อยๆ
สุ ดท้ายเขาบันดาลโทสะ ข้ายังไม่หายดี ก็ตะเพิดข้าไปเป็ นพลทหารยังสนามรบ
ข้ารู ้นิสัยเขาก็มุทะลุดุดนั เช่นนั้นเอง ทาเช่นนี้ส่วนใหญ่คงเพราะเลือดขึ้นหน้า
กะทันหัน แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่อาจอภัย และไม่อยากถูกคนพรรค์น้ ีบงการไป
ทั้งชีวิต เลยพยายามสุ ดชีวิตในค่ายทหาร
ใจข้านิ่งขึ้นทุกทีตามจานวนคนที่สังหารมากขึ้นในสนามรบ
ข้ารู ้วา่ ท่านย่ากับท่านแม่ต่างลอบส่ งคนมาดูแลข้า แต่ถึงอย่างไรขุนเขาสู งทางน้ า
ไกล ข้าในฐานะพลทหารคนหนึ่งยังคงทุกข์ยากลาบากไม่นอ้ ย ข้าไต่เต้าขึ้นไปที
ละขั้น จนเป็ นเจาอู่เซี่ ยวเว่ยขั้นหก อนาคตสดใส
เวลานั้นที่บา้ นบังคับข้าแต่งงาน โดยกาหนดงานแต่งไว้นานแล้ว
ข้ารังเกียจสตรี ที่หมกมุ่นกับการแย่งชิงในบ้านพวกนั้น แต่ชาติกาเนิดกาหนดให้
ข้าไม่อาจเลือกได้ตามใจ อีกอย่างถ่วงเวลาผูอ้ ื่นจนอายุสิบแปด ก็สมควร
รับผิดชอบ
คิดไม่ถึงกลับฉางอันครั้งนี้ ข้าจะไม่ได้กลับไปชายแดนอีก
แต่ที่คิดไม่ถึงยิง่ กว่าก็คือเจ้าสาวถึงกับตายระหว่างทางส่ งตัว! เรื่ องนี้สะเทือนถึง
ศาลต้าหลี่ แต่สืบอยูพ่ กั ใหญ่กไ็ ม่ได้ผลลัพธ์อะไร
ข้ากับคุณหนูตูไ้ ม่เคยพบหน้า และไม่เคยเข้าพิธี ยิง่ ไม่ตอ้ งเอ่ยถึงน้ าใจต่อกัน แต่
จะดีจะชัว่ ก็นบั เป็ นภรรยาข้าครึ่ งหนึ่ง ไยทนดูนางตายอย่างอยุติธรรมตาตาข้าได้
ข้าเลยรั้งอยูท่ ี่ฉางอัน ขอตาแหน่งที่กรมอาญา แม้ขา้ ไม่อยากอาศัยอานาจของ
ตระกูล แต่กเ็ ข้าใจดี ตั้งแต่วนั ที่ขา้ เกิด ก็ถูกตีตราบนร่ างแล้ว หนทางราชการถูก
ลิขิตว่าต้องราบรื่ นกว่าคนฐานะธรรมดาทัว่ ไปหลายเท่า จึงไม่คิดทาเรื่ องหลอก
ตัวเองหลอกผูอ้ ื่น
ด้านหนึ่งเพราะสาเหตุของตระกูล ด้านหนึ่งก็เพราะข้าสร้างผลงานรบนับไม่
ถ้วนที่ชายแดน จึงถูกคัดเลือกไปยังกรมอาญาอย่างราบรื่ น เริ่ มต้นก็เป็ น
เจ้าหน้าที่ข้ นั หก
คิดไม่ถึงข้าจะมีพรสวรรค์ในการไขคดีอยูบ่ า้ ง แต่ที่น่าเสี ยดายคือเริ่ มแรกมี
ประสบการณ์ไขคดีไม่พอ กอปรกับฆาตกรลงมือหมดจด ข้าใช้เวลาสองสามปี ก็
ยังหาร่ องรอยเบาะแสไม่พบ
แต่เพราะไขคดีได้ไม่นอ้ ย ตาแหน่งราชการของข้าจึงสู งขึ้นทุกที และด้วยเหตุน้ ี
จึงพบเห็นความโสมมในแวดวงขุนนางมากขึ้นเรื่ อยๆ
เวลานั้นข้าจึงเข้าใจ ที่แท้ขา้ ก็แค่กระโดดจากกองไฟกองหนึ่งไปยังขุมนรก ถอน
ตัวหรื อ ตั้งแต่ชวั่ พริ บตาที่ขา้ ย่างเข้าสู่ แวดวงขุนนาง ตัวก็แบกรับเกียรติภูมิของ
ตระกูล สกุลเซี ยวของพวกเรา ไม่เคยมีลูกชายไม่เอาไหน
ในสถานศึกษาของตระกูลที่หลันหลิงแขวนภาพเหมือนขุนนางชั้นสู งของสกุล
เซี ยวในแต่ละรุ่ น ไม่มีคนใดในพวกเขาที่ไร้อานาจคับฟ้า ข้ารู ้ หลังตายสามารถ
แขวนภาพเหมือนขึ้นในสกุลเซี ยว เป็ นความฝันสู งสุ ดของลูกหลานสกุลเซี ยวทุก
คน และเป็ นความฝันสู งสุ ดของข้าด้วย
แต่ขา้ ไม่อาจเที่ยงตรงเช่นบิดา หากมีเรื่ องหนึ่ง ทั้งที่ขา้ รู ้วา่ มีวิธีที่ดีกว่ามากมาย
เหตุใดต้องเอาชีวิตตนและคนในบ้านเข้าพุง่ ชนทุกเมื่อเชื่อวันด้วย
ในวงขุนนาง พ่อลูกไม่ยอมลงให้กนั ข้ากับเขายังคงเป็ นน้ ากับไฟ
วันหนึ่งข้าเห็นเขาทะเลาะชกต่อยกับเว่ยเจิงในท้องพระโรงเต็มตา เวลานั้นสิ่ งที่
เอ่อท้นในใจข้าไม่ใช่อารมณ์เย้ยหยัน ไม่ใช่การดูถูก แต่เป็ นอารมณ์สะเทือนใจ
และปวดใจ
บิดาถูกลดขั้นออกจากฉางอัน ข้าไปส่ งเขาด้วยตนเอง แต่ขา้ รู ้วา่ เขาเป็ นคนรัก
หน้ายิง่ ข้าไม่อยากให้เขารู ้สึกเสี ยหน้าต่อหน้าลูก เลยเพียงมองส่ งเขาบนป้อม
กาแพงเมือง
หลังจากครั้งนั้น เส้นทางราชการของข้าก็ราบรื่ นขึ้นอย่างประหลาด ไม่อาจ
ปฏิเสธว่าที่ขา้ อายุนอ้ ยๆ ได้นงั่ ในตาแหน่งซื่ อหลางกรมอาญา เกี่ยวพันอย่างมาก
กับการที่บิดาข้าถูกลดตาแหน่ง ฮ่องเต้ผสู ้ ู งศักดิ์พระองค์น้ นั รู ้สึกผิดกับบิดา และ
ยังคงนับถือให้เกียรติเขา
พระองค์เคยวิจารณ์เขาว่า ลมแรงแจ้งหญ้าแกร่ ง วิกฤตแจ้งขุนนางภักดิ์
เป็ นขุนนางเช่นนี้ บิดาประสบความสาเร็ จโดยไร้ขอ้ กังขา นี่เป็ นครั้งแรกนับแต่
เล็กจนโตที่ขา้ ยอมรับเขา
ด้วยเหตุน้ ีแม้ว่าต่อมาพวกเรายังคงมีความเห็นทางการเมืองไม่ลงรอยเอะอะก็
ทะเลาะต่อยตี แต่กว่าครึ่ งข้าจะไม่ปัดป้อง แค่หมัดเท้าขี้ปะติ๋วไม่กี่ที ข้าทนรับเอา
ก็ได้แล้ว
เพื่อปลอบขวัญสกุลตูท้ ี่เจ็บปวดเพราะสู ญเสี ยลูกสาว สองปี ที่ทางบ้านไม่ได้เอ่ย
ถึงเรื่ องแต่งงานของข้าอีก พอดีให้ขา้ สุ ขกายสบายใจ
เนื่องจากศาลต้าหลี่สืบหาเบาะแสไม่ได้ ทั้งมีข่าวลือว่านางตูร้ ่ างกายอ่อนแอแต่
เด็ก เลยได้แต่ลงความเห็นว่านางคงถึงอายุขยั แต่ขา้ ไม่เชื่อ ตอนอยูท่ ี่กรมอาญาก็
สื บเรื่ องนี้โดยไม่ยอ่ ท้อตลอด สองปี ให้หลัง ตอนทางบ้านทาบทามสู่ ขอให้ ข้า
ยังคงปฏิเสธ
ชาวฉางอันเพียงพูดกันว่าข้ารักงมงาย สกุลตูจ้ ึงประทับใจข้ามากด้วยเหตุน้ ี
มีแต่ไอ้บา้ หลิวชิงซงที่ถามข้าอย่างตัดพ้อครั้งหนึ่งว่าใช่หลงรักเขาเข้าให้แล้ว
หรื อไม่ เลยไม่ยอมแต่งภรรยา
ข้ายิม้ ตอบว่า ข้ายังไม่ตกอับถึงขั้นนั้น
เนื่องจากชื่อเสี ยงดียงิ่ ปี ที่สี่หลังนางตูเ้ สี ยชีวิต ทางบ้านก็กาหนดการแต่งงานที่ดู
แล้วไม่เลวให้ขา้ อีกฝ่ ายเป็ นบุตรี สายตรงของบ้านสกุลหลูแห่งฟ่ านหยาง อายุสิบ
หก
ข้าเป็ นบุรุษปกติ ซึ่ งอาจเบิกปั ญญาด้านชายหญิงค่อนข้างช้า แต่เวลานั้นข้าก็
อยากแต่งงานจริ งๆ เลยตกปากรับคาอย่างยินดี
กับการแต่งงานครั้งนี้ ข้ายังตั้งความหวังไว้ในระดับหนึ่ง
ข้าระวังป้องกัน รับตัวเจ้าสาวอย่างราบรื่ น หลังเข้าพิธีเสร็ จจะไปที่หอ้ งโถงจัด
เลี้ยง กลับได้ข่าวว่าเกิดคดีปล้นชิงใหญ่ที่ชานเมืองฉางอัน คนที่ถูกจับเป็ น
ครอบครัวของขุนนางขั้นสามในราชสานัก กรมอาญาไม่กล้าให้ผิดพลาด จนใจ
ที่ซื่อหลางอีกคนกลับบ้านเกิดไปทาศพบิดา ข้าได้แต่แทนที่ชวั่ คราว นางหลู
เข้าอกเข้าใจดียงิ่ บอกข้าว่าเรื่ องงานสาคัญกว่า
ใช้เวลาเพียงสามวันก็ปิดคดีได้ ฝ่ าบาทยังล้อข้าว่าใช่ใจร้อนกลับไปเข้าหอ
หรื อไม่
น่าเสี ยดาย ตอนที่ใจข้ามีแต่อารมณ์เบิกบานกลับถึงบ้าน หลังอาบน้ าบ้วนปาก
สาวใช้กลับลนลานวิ่งมาบอกข้าว่า นางหลูสิ้นลม!
ในห้องหอยังมีบรรยากาศของงานมงคล ทว่าสตรี บนเตียงใบหน้าซี ดคล้ าแต่แรก
ทรวงอกไม่กระเพื่อมอีก
ยังคงไร้เบาะแสดังเก่า นางหลูกเ็ หมือนกับนางตู ้ ตายไปอย่างประหลาดไร้สาเหตุ
เช่นนั้น
หลายปี หลังจากนั้น ข้าลอบสื บเรื่ องนี้ตลอด เบาะแสเล็กน้อยที่พบกลับชี้ไปที่ป้า
สะใภ้ใหญ่ แต่จนแล้วจนรอดข้าก็หาหลักฐานที่บ่งชี้วา่ นางสังหารคนไม่ได้
อาจเพราะเหตุน้ ี โทสะคับอกข้าไร้ที่ระบาย ฝี มือทาคดีจึงยิง่ เหี้ ยมเกรี ยมดุดนั ไม่
ไว้หน้าใคร
ข้าเพิ่งสนใจในสตรี แต่ราวเค่อนั้นที่เห็นสภาพการตายของนางหลูกลับดับสลาย
ข้าคิดว่าในเมื่อคุม้ ครองไม่ได้ ข้าก็ไม่คู่ควรจะครอบครองหัวใจและร่ างกายของ
พวกนาง
และในช่วงเวลานี้ ข้าก็เห็นโฉมหน้าแท้จริ งของเหล่าสตรี ในฉางอันแจ่มชัด พวก
นางเคยคล้ายชื่นชมข้ามาก แต่ที่แท้ไม่ได้ชื่นชมถึงขนาดไม่เห็นแก่ชีวิต ต่างกลัว
ถูกดวงข้ากิน
สาหรับสตรี เช่นนี้ ข้าก็รังเกียจจะแตะต้อง
แต่กม็ ีพวกไม่กลัวตายให้แม่สื่อมาทาบทาม เสี ยดายที่หากไม่ใช่แม่ม่ายก็เป็ น
ยักษ์ขมูขี ครั้งหนึ่งท่านแม่โกรธจัดอาละวาดจึงไม่มีใครกล้ายัดเยียดคนพวกนี้มา
ส่ งเดช แต่ตวั ข้าก็ไร้คนถามถึงอย่างสิ้ นเชิง
ในสี่ ปี มีคนพูดว่าภายในรัศมีหา้ จั้งรอบตัวข้าเกรงว่าแม้แต่ยงุ ตัวเมียสักตัวก็ไม่มี
แต่ขา้ ไม่ใส่ ใจเรื่ องนี้ นกั
จวบจนข้าตามจับซูจื่อฉี ถึงซูโจว จึงได้พบกับสตรี คนแรกที่ทาให้ขา้ สนใจได้
ตอนนั้นข้าแน่ใจว่าซูจื่อฉี อยูบ่ นรถม้าคันนั้น ข้าถึงขนาดคิดจะจับเขาโดยไม่
สนใจความเป็ นความตายของคนในรถ แต่สตรี ที่ถูกคุมตัวไว้นางนั้น น้ าเสี ยง
สงบนิ่งปานนั้น ไร้อารมณ์ใดๆ
ประจวบกับคนที่ขา้ พาไปจานวนมากบาดเจ็บด้วยคมกระบี่ของซูจื่อฉี ไม่มนั่ ใจ
ว่าจะจับเขาได้แน่ เมื่อชัง่ ใจครู่ หนึ่ง จึงตัดสิ นใจปล่อยโอกาสครั้งนี้ไป
ข้าเดาฐานะนางออก เลยตั้งใจไปเยีย่ มพบ ด้วยอยากรู ้วา่ ที่แท้นางถูกคุมตัวไว้
หรื อเป็ นพวกเดียวกับซูจื่อฉี
วันฝนตกวันนั้นที่ซูโจว นางเป็ นสตรี คนแรกที่เข้าใกล้ขา้ ในหลายปี นี้
ข้าไม่ปฏิเสธ รู ปโฉมของคุณหนูสิบเจ็ดดึงดูดข้ามาก แต่ยงิ่ ได้ทาความรู ้จกั ก็ยงิ่
รู ้สึกว่านิสัยนางน่าสนใจนัก
แม้ขา้ จะทาความรู ้จกั กับสตรี นอ้ ยมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่รู้ ตรงข้ามข้า
เห็นชัดกว่าผูช้ ายส่ วนมากเสี ยอีก
นางเป็ นบุตรี ภรรยาหลวงของสกุลหรั่น ซึ่ งถือว่ามีชาติกาเนิดในตระกูลผูด้ ี แต่
บนร่ างไม่มีเค้าสนิมสร้อยอย่างสตรี ในตระกูลผูด้ ีสักนิ ด แววตาออกจะเย็นชา แต่
ข้ารู ้สึกได้ถึงความซื่ อสัตย์ของนาง
ข้ารู ้วา่ คุณชายหรั่นสิ บรู ้จกั ข้า ด้วยเหตุน้ ีจึงตั้งใจปรากฏตัวต่อหน้าเขา หมายดูวา่
เมื่อคุณหนูนางนี้รู้วา่ ข้าคือผีฉางอันเห็นยังกลัว จะตกใจจนหน้าถอดสี เหมือนคน
อื่นหรื อไม่
แต่เมื่อได้พบกันอีก สี หน้าแววตานางยังคงเย็นชา ข้ารู ้สึกว่าตัวนางที่เป็ นเช่นนั้น
คือความงามยากค้นหาในโลกโดยแท้
คล้ายทั้งหมดของข้าไม่อาจทาให้นางเกิดความรู ้สึกนัก แต่ทุกสิ่ งที่นางทากลับทา
ให้ขา้ สะท้านใจยิง่ ตอนข้าเห็นนางผ่าศพอย่างคล่องแคล่วชานาญ ก็ต้ งั ใจสื บหา
ความเป็ นมาของนาง
ยิง่ สื บมาก ความสนใจที่มีต่อตัวนางก็ยงิ่ เพิ่มพูนมากขึ้น
วันเวลาที่อยูซ่ ูโจว ข้าหาโอกาสได้กค็ ิดไปหานาง
แต่เวลาแห่งความสุ ขมักสั้นเสมอ ข้าจาเป็ นต้องกลับฉางอันไปรายงานตัว
เมื่อข้าได้ลิม้ รสความสุ ขสนุกสนานยามอยูก่ บั คุณหนูสิบเจ็ด ครั้นกลับไปสู่ ชีวิต
น่าเบื่อแห้งแล้งอีก ถึงกับยากปรับตัว คิดถึงนางแทบทุกวัน อดอยากรู ้ไม่ได้วา่
นางกาลังทาสิ่ งใด ด้วยเหตุน้ ีจึงใช้คนไปซูโจว ส่ งข่าวมาเป็ นระยะๆ
จะว่าไปก็แปลกนัก ทั้งที่พบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่หลังจากกันทางข้ากลับ
พัฒนากลายเป็ นความรัก
ความรักนี้ ทาให้ขา้ ตัดสิ นใจไม่วา่ จะฐานะใด ลาบากหรื ออันตรายแค่ไหน ก็ตอ้ ง
แต่งนางมาให้ได้
ราวกับรอคอยนานสิ บปี สุ ดท้ายข้าก็หาโอกาสรุ ดไปที่ซูโจวด้วยตัวเองได้
ตอนถึงซูโจว ข้าข่มความตื่นเต้นเต็มอก ชะล้างคราบสกปรกบนร่ างกายออก
อย่างพิถีพิถนั เปลี่ยนเสื้ อผ้าหลายชุด ด้วยอยากให้นางเห็นข้าในสภาพที่ดีที่สุด
สตรี จานวนมากหลงใหลในรู ปโฉมข้า ข้าหวังว่าจะทาให้นางชอบข้าได้บา้ งสัก
นิด
แต่ตอนเดินไปได้ครึ่ งทาง ข้าก็คิดได้วา่ ความกระตือรื อร้นแรงกล้าที่จู่ๆ มาโดย
ไม่คาดฝันของตนจะทาให้นางยากยอมรับ เลยรี บกลับไปเปลี่ยนชุดขุนนางใหม่
คิดว่าเช่นนี้คงไม่ดูจงใจเกินไปจนเห็นชัด
ทว่าความจริ งมักโหดร้ายทารุ ณเช่นนั้นเสมอ
ต่อมาข้าพบว่า ซูจื่อฉี ถึงกับยืนอยูข่ า้ งนางก่อนข้าก้าวหนึ่ง
ชัว่ พริ บตานั้นอารมณ์นบั ไม่ถว้ นปั่ นป่ วนในใจข้า สมองคิดไปต่างๆ นานา ไม่วา่
จะด้วยหน้าที่หรื อความรู ้สึก ข้าก็สมควรจับซูฝู แต่พอเห็นสายตาวิงวอนของนาง
ข้าก็ได้แต่หนั หลังจากไป เพราะกลัวนางเสี ยใจ กลัวนางแค้นข้าด้วยเหตุน้ ี
ข้าไม่เคยเป็ นฝ่ ายแสดงไมตรี กบั สตรี คนใดก่อน เลยขอคาแนะนามากมายหลาย
วิธีจากหลิวชิงซง แต่รู้สึกจะล้มเหลวทุกครั้ง
คุณหนูสิบเจ็ดดูจะเก็บความรู ้สึกมาก ก็เหมือนที่ขา้ รู ้สึกได้ราไรว่านางมีใจให้ซูฝู
แต่ไม่เคยแสดงสี หน้าว่าชื่นชอบเขา ทว่าจากความเข้าใจไม่กี่ครั้งที่ได้พบปะ ข้า
คิดว่านางไม่ใช่คนกระมิดกระเมี้ยนเช่นนั้น
อาจมีสิ่งใดทาให้นางลังเล
นี่ให้ความหวังใหญ่หลวงแก่ขา้ ด้วยเหตุน้ ีจึงยิง่ พยายามหาโอกาสใช้เวลาร่ วมกับ
นางมากกว่าเดิม
ข้าข่มความเจ็บปวดริ ษยาในใจ มองจากมุมของคนนอก ความรู ้สึกที่ซูจื่อฉี มีให้
นาง เป็ นความรู ้สึกของสุ ภาพชน ผ่าเผยสง่างาม ซึ่ งเรื่ องนี้ขา้ เทียบเขาไม่ได้
เริ่ มแรกความรู ้สึกที่ขา้ มีให้คุณหนูสิบเจ็ด พอดีตรงข้ามกับซูจื่อฉี ความรู ้สึกของ
ข้าเป็ นความรู ้สึกของคนถ่อย ข้าชอบนางก็คิดลากนางร่ วมเป็ นร่ วมตายด้วย ไม่
ว่าอย่างไรก็ไม่มีวนั ปล่อยมือ
แต่ชวั่ เวลาที่นางรับปากแต่งงานเป็ นภรรยาข้า ข้ารู ้วา่ ตัวเองไม่คิดร่ วมเป็ นร่ วม
ตายกับนางอีก ข้าจะอยูเ่ พื่อนาง และสามารถตายเพื่อนาง
หลังแต่งงานมาหลายปี ข้าไม่พดู คาหวานชวนเลี่ยนมากเหมือนตอนที่ตามจีบ
นางอีก เพราะข้าได้หลอมรวมความรู ้สึกทั้งหมดเข้าสู่ สิ่งละอันพันละน้อยใน
ชีวิต ใช่ความรู ้สึกจืดจาง แต่เป็ นยิง่ ลึกล้ า
ข้าเชื่อว่าท่านฟังเข้าใจ อาเหยียน

…………………………

(จบบริบูรณ์ )

You might also like