You are on page 1of 4

Revolutions Food (อาหาร)

ปฏิวัติ ในสหรัฐอเมริกา

3 ทศวรรษที่ผ่านมา สัดส่วนของเด็กที่เป็ นโรคอ้วนในสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นถึง 3 เท่า


และปัจจุบัน 1 ใน 3 ของเด็กทั่วประเทศประสบปัญหา “น้ำหนักเกิน” ที่อาจนำไปสู่โรค
หัวใจ เบาหวาน ปัญหาทางเดินหายใจ ทำให้สูญเสียความมั่นใจ และมีแนวโน้มสูงที่เด็ก
อ้วนเหล่านี้จะเติบโตไปเป็ นผู้ใหญ่อ้วนในอนาคต

สหรัฐอเมริกาจึงพยายามต่อสู้กับปัญหาดังกล่าวอย่างมาก ดังเช่นโครงการรณรงค์ Let’s


Move ของคุณแม่หมายเลขหนึ่ง มิเชลล์ โอบามา (Michelle Obama) และรายการ
โทรทัศน์ Jamie Oliver’s Food Revolution ของเชฟชื่อดังจากประเทศอังกฤษ เจมี่
โอลิเวอร์ (Jamie Olivers) ที่พยายามแก้ไขปัญหาสุขภาพและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
การกินอาหารของเด็กอเมริกัน โดยปฏิรูปอาหารกลางวันในโรงเรียนด้วยการคิดค้นสูตร
อาหารใหม่ ๆ

แต่ความพยายามดังกล่าวอาจยังไม่เพียงพอ จากการวิจัยเมื่อปี พ.ศ. 2554 นำโดย


ดร.คิม เอ อีเกิล (Dr. Kim A. Eagle) จากมหาวิทยาลัยมิชิแกนพบว่า นักเรียนที่กิน
อาหารกลางวันที่โรงเรียนมีโอกาสที่จะอ้วนมากกว่านักเรียนที่นำอาหารกลางวันมาจาก
บ้านถึงร้อยละ 29 เพราะอาหารที่โรงเรียนจัดให้ไม่มีส่วนประกอบของผักผลไม้มากเท่า
ที่ควร และหลายโรงเรียนก็มีงบประมาณไม่เพียงพอที่จะจัดซื้ออาหารกลางวันคุณภาพ
สูงให้กับนักเรียน

แม้รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ จะยกระดับมาตรฐานของอาหารภายในโรงเรียนพร้อมทั้ง
สนับสนุนด้านงบประมาณ แต่อาหารที่เสิร์ฟให้กับเด็ก ๆ ก็ยังมีหน้าตาไม่ต่างจากอาหาร
กล่องบนเครื่องบิน ซึ่งมาจากศูนย์การผลิตอาหารขนาดใหญ่ บางส่วนถูกนำไปแช่แข็ง
แล้วจึงกระจายไปทั่วประเทศ หลังจากอาหารถึงที่หมายก็จะถูกนำมาอุ่นก่อนเสิร์ฟ ขั้น
ตอนทั้งหมดการันตีว่าอาหารจะราคาถูก แต่แน่นอนว่าการผลิตแบบนี้ย่อมส่งผลถึง
รสชาติ ความสดใหม่ ที่สำคัญคือสารอาหารที่อาจหายไประหว่างกระบวนการ

คริสติน ริชมอนด์ (Kristin Richmond) และ เคิร์สทิน โทบี (Kirsten Tobey) สองผู้ก่อตั้ง Revolutions Food

เมื่อปัญหาอยู่ที่อาหาร สองหญิงสาวที่ทำงานใกล้ชิดกับนักเรียนก็มองเห็นโอกาสที่จะ
เปลี่ยนแปลง จึงตั้งกิจการเพื่อสังคม Revolutions Food เมื่อปี พ.ศ. 2549 โดยมีพันธ
กิจเพื่อปฏิวัติอาหารในรั้วโรงเรียนให้เป็ นอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะเธอเชื่อว่าเด็ก
ทุกคนควรได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

คริสติน ริชมอนด์ (Kristin Richmond) และ เคิร์สทิน โทบี (Kirsten Tobey) เริ่มต้น
การปฏิวัติอาหารด้วยเงินลงทุนตั้งต้นราว 15 ล้านบาท โดยเริ่มส่งอาหารไปยังโรงเรียน
ภายในรัฐแคลิฟอร์เนียราว 1,000 ชุดต่อวันในปีแรก ก่อนจะก้าวกระโดดเป็ นส่งอาหาร
1,000,000 ชุดต่อสัปดาห์ ให้ 1,000 โรงเรียนทั่วสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน
โรงเรียนส่วนใหญ่ที่ Revolutions Food ให้บริการเป็ นโรงเรียนรัฐ นั่นหมายความว่า
Revolutions Food ต้องเผชิญความท้าทายในการลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำกว่า 3 ดอล
ล่าร์สหรัฐฯต่อชุด ตามกรอบนโยบาย National School Lunch Program โดยยังต้อง
ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงและดีต่อสุขภาพ

Revolutions Food มีพันธกิจเพื่อปฏิวัติอาหารในรั้วโรงเรียนให้เป็ นอาหารเพื่อ


สุขภาพ เพราะเธอเชื่อว่าเด็กทุกคนควรได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และที่
สำคัญ อาหารของ Revolutions Food ต้องอร่อย!

จากสถิติ แทบทุกโรงเรียนที่ใช้บริการ Revolutions Food มีสัดส่วนนักเรียนที่กิน


อาหารกลางวันฟรีมากขึ้น เช่นใน Democracy Prep Charter School ย่าน Harlem
ทางตอนเหนือของกรุงนิวยอร์ก ที่มีสัดส่วนนักเรียนกินอาหารกลางวันจากเดิมไม่ถึงครึ่ง
เพิ่มขึ้นเป็ นร้อยละ 85 โดยเคล็ดลับในการมัดใจเด็ก ๆ ก็คือ การให้เด็กมีส่วนร่วมในการ
ออกแบบอาหาร ทดลองชิม ติชม ให้คำแนะนำ ที่สำคัญคือการสร้างความเชื่อมั่นว่า
อาหารของบริษัท “อร่อย” และ “น่ากิน” ซึ่งความมั่นใจในแบรนด์นี่เองที่ทำให้เด็ก ๆ
กล้ากินอาหารแปลกใหม่อย่างถั่วลิมา อย่างไรก็ดี Revolutions Food ยังได้รับรายงาน
เรื่องอาหารที่เด็ก ๆ เหลือทิ้งทุกวัน ทำให้ต้องส่งพนักงานไปทำการแนะนำอาหารชนิด
นั้น ๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการรับประทาน และเพิ่มความรู้ด้านโภชนาการ

นอกจากโจทย์ในการมัดใจเด็กๆ ความท้าทายในพันธกิจของ Revolutions Food ก็


ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบริษัทได้ตั้งเงื่อนไข “อาหารที่ดีต่อสุขภาพ” ไว้ค่อนข้างรัดกุม ไม่
ว่าจะเป็ นการทำอาหารสดใหม่ทุกวัน รวมถึงมีส่วนประกอบของผักและผลไม้สด โดยต่อ
ต้านอาหาร “ปลอม” อย่างเนื้อและนมที่ใช้ฮอร์โมนเร่งการเติบโตหรือยาปฏิชีวนะ
อาหารที่แต่งสี แต่งกลิ่น แต่งรส ใส่สารกันบูด มีส่วนผสมของไขมันทรานส์สังเคราะห์
หรือน้ำตาลข้าวโพด ซึ่งมีฟรักโตสสูง

ผู้บริหารของ Revolutions Food ยอมรับว่าเป็ นเรื่องที่ยากมากๆ ในการพยายามใช้


วัตถุดิบคุณภาพสูงภายใต้กรอบงบประมาณที่จำกัดคือ 3 ดอลล่าร์สหรัฐฯต่อชุด แต่ไม่
ถึงกับเป็ นไปไม่ได้ Revolutions Food พยายามลดต้นทุนโดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น
และตั้งศูนย์การผลิตประจำภูมิภาคเพื่อสร้างการประหยัดต่อขนาด จนทำให้ยอดขายในปี
พ.ศ. 2555 สูงถึง 2,000 ล้านบาท แต่บริษัทฯก็ยังไม่มี

เมื่อปีที่ผ่านมา บริษัทจึงออกสินค้า Revolution Foods Meal Kits เพื่อวางขายในร้าน


สะดวกซื้อ เป็ นอาหารคุณภาพเพื่อสุขภาพแบบพกง่ายและทำง่ายสำหรับเด็ก และเป็ น
ความหวังว่าจะทำกำไรให้ Revolutions Food
Real Food for All คือสโลแกนของบริษัท ที่ตั้งมั่นจะเปลี่ยนแปลงมื้ออาหารกลางวัน
สำหรับเด็กในโรงเรียน ให้ดีต่อสุขภาพและถูกต้องตามหลักโภชนาการอย่างน้อยร้อยละ
80 ทั่วสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งเสริมสร้างพฤติกรรมการกินอาหารเพื่อสร้างอนาคตที่
สุขภาพดี

ความมุ่งมั่นของสองสาวใน Revolution Foods นอกจากจะทำให้บริษัทเติบโตอย่าง


ก้าวกระโดดแล้ว ยังดึงดูดนักลงทุนอย่างกองทุน Revolution Growth ที่ก่อตั้งโดย
สตีฟ เคส (Steve Case) ซึ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่จะสร้างสังคมที่ดีกว่าในระยะยาว
และบริษัท Revolution Foods เองก็ได้รับเครื่องหมาย certified B ของ B
Corporation เพื่อยืนยันว่าเป็ นกิจการเพื่อสังคมที่มีคุณภาพทั้งในด้านแรงงาน ธรรมาภิ
บาล สังคม และสิ่งแวดล้อม

คงต้องติดตามกันต่อไปว่า Revolution Foods จะไปถึงเป้าหมายในการส่งเสริมให้


เยาวชนอเมริกันบริโภคอาหารที่เป็ นประโยชน์ได้หรือไม่ ในสังคมสหรัฐฯที่อาหารขยะ
กลายเป็ นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม

ขอบคุณที่มา: Sal Forest – ป่ าสาละ


You might also like