Professional Documents
Culture Documents
รังสิวุฒิ ไชยศิลป์, 2566 - ลักษณะอักษรธรรมล้านนา 64-130
รังสิวุฒิ ไชยศิลป์, 2566 - ลักษณะอักษรธรรมล้านนา 64-130
ᨮ เมื่อตามตัว ᨭ ในระบบภาษาบาลี
ᨻ เมื่อตามตัว ᨻ ในระบบภาษาบาลี
จะเปลี่ยนรูปไปโดยสิ้นเชิง
* จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวไหนคือเชิง ฐ ตัวไหนคือเชิง พ ในเมื่องรูปแบบการเขียนเหมือนกัน คำ
ตอบคือให้ดูที่วรรคในภาษาบาลีเป็นหลัก ถ้าตาม (อยู่ด้านล่าง) ᨭ จะเป็นหาง ฐ แต่ถ้าตาม (อยู่
ด้านล่าง) ᨻ ก็จะเป็นหาง พ
ᨧ เมื่อตามตัว ᨧ ในระบบภาษาบาลี
จะเอามาเฉพาะในกรอบสีเขียว โดยคิดว่าฐานของตัวด้านบนเป็นหลังคาของตัวด้านล่าง
มันซ้อนกันอยู่
แต่ในบางลายมือก็อาจจะเขียน ᨧ แบบเต็มก็ได้
ᨩ เมื่อตามตัว ᨩ ในระบบภาษาบาลี
จะเอามาเฉพาะในกรอบสีเขียว โดยคิดว่าฐานของตัวด้านบนเป็นหลังคาของตัวด้านล่าง
มันซ้อนกันอยู่
แต่ในบางลายมือก็อาจจะเขียน ᨩ แบบเต็มก็ได้
ᨳ เมื่อตามตัว ᨲ ในระบบภาษาบาลี
ᨵ เมื่อตามตัว ᨴ ในระบบภาษาบาลี
จะเอามาเฉพาะในกรอบสีเขียว โดยคิดว่าฐานของตัวด้านบนเป็นหลังคาของตัวด้านล่าง
มันซ้อนกันอยู่
แต่ในบางลายมือก็อาจจะเขียน ᨵ แบบเต็มก็ได้
ตัวเชิงที่มีลักษณะหางเสียบ
ตัวเชิง ᨥ
ตัวเชิง ᨫ
ตัวเชิง ᨬ
ตัวเชิง ᨰ
ตัวเชิง ᨹ
ในส่วนท้ายจะทำหางให้สูงขึ้นเสมอกับเส้นด้านบน แล้วทำเป็นบ่วงโค้งเหมือนเดิม
ตัวเชิง ᩃ (ละเสียบ)
ตัวเชิง ᩃ (ละห้อย)
ตัวเชิง ᩇ
ตัวเชิง ᩈ
ตัวเชิงที่มีลักษณะเปลี่ยนรูปไปจากเดิม
ตัวเชิงหรือหาง ᨶ
5 4
ข้อสังเกต :
1. ส่วนหัว (จุดที่ 2) จะอยู่ค่อนไปทางท้ายของอักษรที่อยู่ด้านบน
2. การตวัดเส้นไปยังจุดที่ 5 ตามเส้นประสีเหลือง มักจะเห็นบ่อยและเป็นที่นิยม ดังตัวอย่าง
ตัวเชิงหรือหาง ᨷ
7
1
6
2
4
5
3
วิธีการลากเส้น :
เริ่มต้นเขียนหัวจากจุดที่ 1 (หัวแบนๆ ไม่ต้องใหญ่มาก) แล้วลากลงมายังจุดที่ 2 เฉียงลง
มาจุดที่ 3 กระดกขึ้นไปจุดที่ 4 แล้วเฉียงลงมายังจุดที่ 5 ลากต่อไปเฉียง 45 องศา ไปยังจุดที่ 6
จากนั้นขีดตรงขึ้นไปยังเส้นบรรทัดด้านบนก่อนที่จะงอมาด้านหน้าเล็กน้อยในจุดที่ 7 แล้วตวัด
เก็บหางลงมาเหมือนกับตัวที่เป็นหางเสียบอื่นๆ
ข้อสังเกต :
1. ส่วนหัว จุดที่ 1 ไม่ต้องลงมาต่ำจากเส้นฐานมากนัก
2. ส่วนหยักตรงกลาง ในจุดที่ 4 จะกระดกขึ้นมาพอประมาณและชัดเจน
3. จุดที่ 3 , 4 และ 5 จะเป็นการหยักแบบคลื่น
ตัวเชิงหรือหาง ᨾ
7
2
3
วิธีการลากเส้น :
เริ่มต้นจากจุดที่ 1 ลากลงมาแล้วม้วนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อเป็นหัวหรือบ่วงในจุดที่ 2 จาก
นั้นลากไปทางซ้ายพร้อมกับโค้งลงมายังจุดที่ 3 แล้วลากโค้งลงหักไปทางขวามายังจุดต่ำสุดใน
จุดที่ 4 ลากต่อไปอีกกระดกขึ้นเล็กน้อยสิ้นสุดในจุดที่ 5
ข้อสังเกต :
1. ส่วนหัว จุดที่ 1 จะค่อนไปทางด้านท้ายของพยัญชนะที่อยู่ด้านบน จะค่อนไปมากหรือ
น้อยแล้วแต่ความเหมาะสม
2. ถ้าจุดที่ 1 หรือจุดที่ 4 เป็นการแบ่งครึ่งตรงกลาง ส่วนที่มาด้านซ้ายจุดที่ 3 และส่วนที่ไป
ด้านขวาจุดที่ 5 จะมีความกว้างพอกัน
3. ส่วนปลายในจุดที่ 5 สามารถลากกระดกขึ้นไปอีกได้ (ตามเส้นประสีเหลือง) แต่ไม่ควร
เกินความสูงครึ่งหนึ่งของตัวมันเอง (ไม่ควรเลยขึ้นไปบนเส้นประสีแดง)
ตัวเชิงหรือหาง ᨿ
5
2 4
วิธีการลากเส้น :
เริ่มต้นเขียนหัวจากจุดที่ 1 (หัวแบนๆ ไม่ต้องใหญ่มาก) แล้วลากลงมายังจุดที่ 2 เฉียงลง
มาต่ำสุดถึงจุดที่ 3 แล้วลากต่อไปเฉียง 45 องศา ไปยังจุดที่ 4 จากนั้นขีดตรงขึ้นไปยังเส้น
บรรทัดด้านบนก่อนที่จะงอมาด้านหน้าเล็กน้อยในจุดที่ 5 แล้วตวัดเก็บหางลงมาเหมือนกับตัวที่
เป็นหางเสียบอื่นๆ
ข้อสังเกต :
1. หางตัว ᨿ อาจจะเป็นส่วนหนึ่งมาจากห้องที่สองของตัวมันเอง แล้วทำการเสียบขึ้นด้าน
บนแบบตัวหางเสียบอื่นๆ (สังเกตตามกรอบเส้นประสีเขียว)
2. ส่วนหัว จุดที่ 1 ไม่ต้องลงมาต่ำจากเส้นฐานมากนัก
ตัวเชิงหรือหาง ᩋ
1 4
2 5
วิธีการลากเส้น :
เริ่มต้นเขียนหัวจากจุดที่ 1 (หัวแบนๆ ไม่ต้องใหญ่มาก) แล้วลากลงมายังจุดที่ 2 เฉียงลง
มาต่ำสุดถึงจุดที่ 3 แล้วลากต่อไปเฉียง 45 องศา ไปยังจุดที่ 4 จากนั้นหักลงเล็กน้อยก่อนที่จะ
ลากยาวไปยังจุดที่ 5
ข้อสังเกต :
1. ลักษณะหางเหมือนกับเอาส่วนหลังของตัว ᩋ มาหงายอยู่ด้านล่าง (สังเกตตามกรอบเส้น
ประสีเขียว)
2. อาจจะแบ่งเป็นสองห้อง (สังเกตตามเส้นประสีเหลือง) โดยห้องที่ 2 จะมีความยาวเท่ากับ
หรือมากกว่าห้องที่ 1 เสมอ
3. จุดที่ 4 จะอยู่เท่ากับหัวจุดที่ 1 หรือต่ำกว่าเล็กน้อยก็ได้
4. จากจุดที่ 4 ไปหาจุดที่ 5 จะมีความโค้งมากหรือน้อยให้พิจารณาตามความเหมาะสม แต่
จะไม่โค้งมากกว่าจุดที่ 3
ไม้ก๋อย ᩬᩭ
6
1
4
2
วิธีการลากเส้น :
เริ่มต้นจากจุดที่ 1 (ไม่ต้องสร้างหัวก็ได้) แล้วลากลงมายังจุดที่ 2 เฉียงลงมาต่ำสุดถึงจุดที่
3 แล้วลากต่อไปเฉียง 45 องศา ไปยังจุดที่ 4 จากนั้นขีดตรงขึ้นไปยังเส้นบรรทัดด้านบนในจุดที่
5 แล้วโค้งไปด้านบนทางขวาสิ้นสุดในจุดที่ 6
ข้อสังเกต :
1. หาง ᨿ แบบไม้ก๋อย จะมีส่วนด้านล่างเล็กกว่าหาง ᨿ ธรรมดา
2. ส่วนล่างจุดที่ 2 , 3 และ 4 จะขนานกับหาง ᩋ ที่อยู่ด้านล่าง
ไม้ก๋วย ᩠ᩅ᩠ᨿ
5 5
4 4
2 2
1
3 3
วิธีการลากเส้น :
สร้างหาง ᩅ ก่อนโดยการเขียนวงกลม แล้วเขียนหาง ᨿ ให้ติดกับหาง ᩅ ไปตามลำดับ
หมายเลข (รูปด้านซ้ายเส้นประสีขาว)
หรือถ้าไม่อยากเขียนแบบยกมือสองขั้นตอนก็สามารถเขียนแบบ รูปด้านขวามือเส้นประ
สีเหลืองได้ โดยเริ่มที่จุดที่ 1 วนตามเข็มนาฬิกาต่อเนื่องไปได้เลย
ข้อสังเกต :
1. จุดต่ำสุดของหาง ᨿ จะอยู่บริเวณกึ่งกลางของหาง ᩅ สังเกตจากเส้นประสีเขียว
หาง ᨶ ผสมหาง ᩋ
จะได้ - ᩠ᨶᩬ
หาง ᨾ ผสมหาง ᩋ
จะได้ - ᩠ᨾᩬ
สระ
สระในอักษรธรรมล้านนาจะประกอบด้วย สระลอย และ สระจม และยังแบ่งได้เป็น สระ
เดี่ยวและสระผสม ในที่นี้จะอธิบายการเขียนสระเดี่ยวเท่านั้น ส่วนสระผสมก็คือการนำสระเดี่ยว
ไปผสมกัน ซึ่งท่านสามารถนำไปผสมเอาเองได้
1. สระลอย ประกอบด้วย ᩋ ᩋᩣ ᩍ ᩎ ᩏ ᩐ ᩑ ᩒ
1. ᩋ ได้อธิบายไว้ในพยัญชนะไปแล้ว
2. ᩋᩣ คือการผสม ᩋ และ ᩣ เข้าด้วยกัน (สามารถดูการเขียน ᩣ เพิ่มเติมแล้วเอามาผสม
เองได้)
3. ᩒ คือการผสม ᩰ และ ᩋ เข้าด้วยกัน *บางครั้งก็จะเห็น ᩕᩋ ᩕ และ ᩋ ผสมกันก็มี
(สามารถดูการเขียน ᩰ หรือ ᩕ เพิ่มเติมแล้วเอามาผสมเองได้)
4. จะอธิบายเพิ่มเติมเฉพาะ ᩍ ᩎ ᩏ ᩐ ᩑ เท่านั้น
2. สระจม (เฉพาะที่เป็นสระเดี่ยว)
-ᩡ -ᩣ -ᩤ - ᩥ - ᩦ - ᩧ - ᩨ -ᩩ -ᩪ ᩮ- ᩯ- ᩰ- ᩱ-
สระลอย
ᩍ
3 5
4
6
2 1
7
8
9
10
11
ข้อสังเกต :
1. ส่วนที่ 1 จะเล็กกว่าส่วนที่ 2 เล็กน้อย
2. ส่วนที่ 2 จะมีส่วนคล้ายกับหาง ᨦ และหาง ᨶ ผสมกัน ในบางตำราก็ใช้หาง ᨦ หรือหาง
ᨶ แทนก็ได้
1
3
ข้อสังเกต :
1. ส่วนที่ 3 จะมีลักษณะคล้ายกับหาง ᨿ ( ᩠ᨿ ) หรือหาง ᨿ ในไม้ก๋อย ᩬᩭ
ᩏ
2 4
3
1
5
7
อัตราส่วนที่แนะนำคือ 1:1
วิธีการลากเส้น :
ขั้นตอนที่ 1 เริ่มต้นด้วยการสร้างหัวในจุดที่ 1 (เป็นวงกลมไม่ต้องใหญ่มากนักจะมีรูหรือ
ไม่ก็ได้) แล้วลากไปด้านบนเล็กน้อยถึงจุดที่ 2 จากนั้นหยักลงมายังจุดที่ 3 แล้วกลับขึ้นไปถึงจุด
ที่ 4 ลากต่อลงด้านล่างโค้งขึ้นเล็กน้อยไปถึงจุดที่ 5 แล้วตวัดเก็บหางขนานไปถึงจุดที่ 6
ขั้นตอนที่ 2 เริ่มจากจุดที่ 7 (หรือมาถึงจุดที่ 5 แล้วไม่เก็บหางก็เขียนต่อไปได้เลย) ซึ่งต่อ
กับจุดที่ 5 ขีดลงมาด้านล่างพร้อมโค้งเล็กน้อยถึงจุดที่ 8 แล้วโค้งขึ้นเล็กน้อยไปถึงจุดที่ 9
ข้อสังเกต :
1. มีลักษณะคล้ายกับส่วนหน้าของตัว ᨬ
2. ส่วนที่ห้อยลงมา (เส้นประสีเหลือง) มีข้อสังเกต คือ ความสูงที่แนะนำประมาณเท่าๆ กับ
ส่วนหลัก (สังเกตความสูงจากเส้นประสีเขียว)
อัตราส่วนที่แนะนำคือ 1:1
วิธีการลากเส้น :
ลากเส้นเหมือนกับสระลอย ᩏ ตามเส้นประสีขาวก่อน และจะมีเพิ่มเส้นด้านบนคล้าย
หลังคา โดยหลังคาเริ่มจากจุดที่ 1 ไปหาจุดที่ 2 (เส้นประสีเหลือง)
ความสูงของหลังคาพอประมาณไม่สูงหรือต่ำเกินไป ความสูงที่แนะนำคือประมาณครึ่ง
บรรทัด (ดูตามเส้นประลูกศรสีเขียว) หรือตามความเหมาะสมของแต่ละคน
ส่วนของหลังคาด้านบนมีหลายรูปแบบ มีรูปภาพเพิ่มเติมไว้ในภาคผนวก
8
1
3
4 5
6
7 12
2
9 11
10
อัตราส่วนที่แนะนำคือ 1:1
วิธีการลากเส้น :
ขั้นตอนที่ 1 เส้นประสีขาว เริ่มจากจุดที่ 1 ลากตรงลงมายังจุดที่ 2
ขั้นตอนที่ 2 เส้นประสีเหลือง เริ่มจากจุดที่ 3 เฉียงและหยักไปตามจุดที่ 4 , 5 , 6 และ 7
จากนั้นโค้งทวนเข็มนาฬิกาขึ้นไปยังจุดที่ 8 เพื่อเชื่อมต่อกับจุดที่ 1
ขั้นตอนที่ 3 เส้นประสีแดง เริ่มจากจุดที่ 9 ซึ่งต่อกับจุดที่ 2 ลากโค้งลงมายังจุดที่ 10 จาก
นั้นโค้งขึ้นไปด้านบนถึงจุดที่ 11 หักซ้ายนิดหน่อยไปยังจุดที่ 12 แล้วตวัดกลับเก็บหางลงมายัง
จุดที่ 11 เหมือนเดิม
ข้อสังเกต :
1. ขั้นตอนที่ 1 อาจจะเฉียงได้เล็กน้อย
2. ขั้นตอนที่ 2 มีลักษณะคล้ายกับตัว ᨧ
3. ขั้นตอนที่ 3 จะกว้างกว่าขั้นตอนที่ 2 อาจจะม้วนเข้ามาโดยไม่เก็บหางก็ได้
สระจม (เฉพาะที่เป็นสระเดี่ยว)
สระ ᩡ
วิธีการลากเส้น :
เริ่มจากการขมวดหัวแล้วโค้งให้หางชี้ลงตามลูกศร
ข้อสังเกต :
1. มีลักษณะคล้ายกับ สระอะ ในภาษาไทย แต่ตัวนี้จะคว่ำลง
2. บางลายมืออาจจะมีแบบหงายเหมือนกับ สระอะ ในภาษาไทย
3. การเขียนให้เขียนตัวที่อยู่ด้านบนก่อนแล้วจึงเขียนตัวที่อยู่ด้านล่างตาม
4. ตัวนี้อัตราส่วนประมาณ 2:3 หรือให้กะเอาตามความเหมาะสม
สระ ᩣ , ᩤ
1
2
4
1
3
4 5
ไม้ก๋าน้อย ไม้ก๋าหลวง
วิธีการลากเส้น ไม้กาน้อย ᩣ :
เริ่มจากจุดที่ 1 โค้งไปตามจุดที่ 2 , 3 และ 4 ตามลำดับ จากจุดที่ 4 ก็ตวัดเก็บหางมายังจุด
ที่ 3 เหมือนเดิม
ข้อสังเกต :
1. จุดที่ 4 จะอยู่แนวเดียวกับจุดที่ 1 หรือไม่ก็ได้ ดูจากเส้นประสีเขียว
วิธีการลากเส้น ไม้กาหลวง ᩤ :
เริ่มจากจุดที่ 1 โค้งไปตามจุดที่ 2 , 3 จากนั้นลากตรงลงมายังจุดที่ 4 แล้วเฉียงลงทาง
ซ้ายมายังจุดที่ 5 แล้วตวัดเก็บหางมายังจุดที่ 4 เหมือนเดิม
ข้อสังเกต :
1. ความสูงด้านบนจะพอๆ กันกับด้านล่าง (สังเกตเส้นประสีม่วง)
2. ส่วนด้านบนจะอยู่ค่อนไปทางด้านท้ายของอักษรตัวด้านหน้า (สังเกตเส้นประสีเหลือง)
สระ -ᩥ
3
1
2
4
อัตราส่วนที่แนะนำคือ 3.5:3
วิธีการลากเส้น :
เริ่มจากจุดที่ 1 โค้งตามเข็มนาฬิกาไปยังจุดที่ 2 , 3 และ 4 พอถึงจุดที่ 4 ก็ปล่อยได้เลย
โดยไม่ต้องเก็บหาง
ข้อสังเกต :
1. หัวในจุดที่ 1 ส่วนมากจะไม่ติดกับจุดที่ 2
2. จะมีระดับความสูงที่พอๆ กับอักษรที่อยู่ด้านล่าง สังเกตจากเส้นประสีเขียว (ไม่เกี่ยวกับ
ช่องไฟระหว่างตัวอักษร)
สระ -ᩦ
3 3
5
1 1 4
2 2
4
6 5
แบบที่ 1 แบบที่ 2
อัตราส่วนที่แนะนำคือ 3.5:3
ไม้กี๋ หรือ สระ - ᩦ มีวิธีการเขียน 2 แบบหลักๆ ที่มักพบเห็นได้บ่อย
วิธีการลากเส้น แบบที่ 1 :
ส่วนหลัก (จุดที่ 1 - จุดที่ 4) เหมือนกับการเขียนสระ - ᩥ จะเพิ่มเติมคือเส้นด้านข้างในจุดที่
5 ไปหาจุดที่ 6 โดยให้เขียนโค้งขนานไปกับส่วนหลัก
วิธีการลากเส้น แบบที่ 2 :
เริ่มจากจุดที่ 1 โค้งตามเข็มนาฬิกาไปยังจุดที่ 2 , 3 จากจุดที่ 3 โค้งต่อไปหักลงมาพอถึง
ประมาณกึ่งกลางลำตัว ก็หักเข้ามายังจุดที่ 4 แล้วหักโค้งลงมายังจุดที่ 5
ข้อสังเกต :
1. จุดที่ 4 สามารถอยู่ต่ำกว่าในรูปตัวอย่างได้เล็กน้อย
2. จุดที่ 4 มีลักษณะแหลมๆ และไม่ควรทำเป็นบ่วง
* ควรเลือกใช้แบบใดแบบหนึ่งทั้งระบบ ไม่ควรใช้ผสมกันเพราะจะทำให้คนอ่านสับสน
สระ -ᩧ
3 3
1 1
5
2 2
4 4
แบบที่ 1 แบบที่ 2
อัตราส่วนที่แนะนำคือ 3.5:3
ไม้กึ หรือ สระ - ᩧ มีวิธีการเขียน 2 แบบหลักๆ ที่มักพบเห็นได้บ่อย
วิธีการลากเส้น แบบที่ 1 :
ส่วนหลัก (จุดที่ 1 - จุดที่ 4) เหมือนกับการเขียนสระ - ᩥ จะเพิ่มเติมคือการขมวดหัวในจุด
ที่ 5 แล้วมีหางเล็กน้อย (จะค่อนไปทางด้านหลังเล็กน้อยมีความโค้งขนานกับเส้นด้านหลัง)
วิธีการลากเส้น แบบที่ 2 :
เหมือนกับการเขียนสระ - ᩥ แต่จะทำบ่วงในจุดที่ 4 ให้เห็นรูพอประมาณ
* ควรเลือกใช้แบบใดแบบหนึ่งทั้งระบบ ไม่ควรใช้ผสมกันเพราะจะทำให้คนอ่านสับสน
สระ -ᩨ
6
3
1
2 5
วิธีการลากเส้น :
ขั้นตอนที่ 1 เริ่มจากจุดที่ 1 โค้งตามเข็มนาฬิกาไปยังจุดที่ 2 , 3 และ 4 พอถึงจุดที่ 4 ก็
ปล่อยได้เลยโดยไม่ต้องเก็บหาง (เหมือนสระ - ᩥ)
ขั้นตอนที่ 2 เริ่มขมวดหัวตามเข็มนาฬิกาในจุดที่ 5 แล้วลากเฉียงขึ้นไปทางขวาถึงจุดที่ 6
ข้อสังเกต :
1. จุดตัดของทั้งสองเส้นจะอยู่ประมาณ 45 องศา
2. จุดที่ 5 ไปหาจุดที่ 6 ให้พิจารณาความยาวตามความเหมาะสม
สระ -ᩩ
2 3
วิธีการลากเส้น :
เริ่มจากจุดที่ 1 ลากตรงลงมาถึงจุดที่ 2 แล้วหักขวาทันทีแล้วโค้งเล็กน้อยไปยังจุดที่ 3
ข้อสังเกต :
1. จุดที่ 1 จะอยู่ด้านล่างพยัญชนะและจะค่อนไปทางด้านท้ายของพยัญชนะ
2. จุดที่ 2 - จุดที่ 3 จะมีความยาวเป็น 2 เท่าของจุดที่ 1- จุดที่ 2
3. จุดที่ 2 - จุดที่ 3 อาจจะเป็นเส้นตรงก็ได้
สระ -ᩪ
แบบที่ 1 แบบที่ 2
1 3 1
4 5
2 4 5 2 3
วิธีการลากเส้น แบบที่ 1 :
จะมีสองขั้นตอนคือ ลากจากจุดที่ 1 ตรงลงมายังจุดที่ 2 จากนั้นก็ลากจุดที่ 3 , 4 และ 5
เหมือนกับสระ -ᩩ โดยให้จุดที่ 1 - จุดที่ 2 ขนานกับจุดที่ 3 - จุดที่ 4
ข้อสังเกตแบบที่ 1 :
1. จุดที่ 1 จะอยู่ด้านล่างพยัญชนะและจะค่อนไปทางด้านท้ายของพยัญชนะ
2. จุดที่ 1 - จุดที่ 2 จะอยู่ด้านซ้ายหรือขวาของจุดที่ 3- จุดที่ 4 ก็ได้ (นิยมอยู่ด้านซ้ายเหมือน
กับตัวอย่างมากกว่า)
วิธีการลากเส้น แบบที่ 2 :
จะมีสองขั้นตอนคือ จุดที่ 1 , 2 และ 3 ลากเส้นเหมือนกับสระ -ᩩ จากนั้นก็ลากจากจุดที่ 4 ไป
หาจุดที่ 5 ให้ขนานกับจุดที่ 2 - จุดที่ 3
* ควรเลือกใช้แบบใดแบบหนึ่งทั้งระบบ ไม่ควรใช้ผสมกันเพราะจะทำให้คนอ่านสับสน
สระ ᩮ-
3
2 1
อัตราส่วนที่แนะนำคือ 2.5:3
วิธีการลากเส้น :
เริ่มจากขมวดหัวในจุดที่ 1 แล้วโค้งตามเข็มนาฬิกาถึงจุดที่ 2 โค้งต่อไปยังจุดสูงสุดใน
จุดที่ 3 จากนั้นเฉียง 45 องศา ลงมายังจุดที่ 4
ข้อสังเกต :
1. จุดที่ 4 จะเลยออกมาทางด้านขวาจากจุดที่ 1 ที่เป็นหัวเสมอ (สังเกตเส้นประสีเขียว)
2. จุดที่ 4 ไม่ควรลากลงมาเกินครึ่งหนึ่ง (ไม่ควรเกินเส้นประสีเหลืองลงมา)
สระ ᩯ-
อัตราส่วนที่แนะนำคือ 5:3
สระแอ ᩯ- ก็คือสระเอ ᩮ- 2 ตัวคู่กัน
วิธีการลากเส้น :
การลากเส้นก็เหมือนกับสระ ᩮ- 2 ตัวโดยเขียนตัวด้านซ้ายก่อนแล้วเขียนอีกตัวหนึ่งทาง
ด้านขวาในลำดับถัดไป
ข้อสังเกต :
1. ตัวที่ 1 และตัวที่ 2 จะติดกันหรือจะห่างกันควรพิจารณาให้เหมาะสม
สระ ᩰ-
7
5 6
4
5
3 1
4
2 3
1
2
แบบที่ 1 แบบที่ 2
วิธีการลากเส้น แบบที่ 1 :
เริ่มด้วยการขมวดหัวในจุดที่ 1 แล้วลากตามเข็มนาฬิกาโค้งขึ้นไปยังจุดที่ 2 และจุดที่ 3
ตามลำดับ จากนั้นหักซ้ายขึ้นไปยังจุดที่ 4 แล้วหักขวาโค้งไปสิ้นสุดยังจุดที่ 5
อาจจะเห็นจากจุดที่ 1 ขมวดหัวเสร็จแล้วขีดตรงขึ้นไปก่อนที่จะโค้งไปหาจุดที่ 3 (ตามเส้น
ประสีเหลือง) ก็ได้
วิธีการลากเส้น แบบที่ 2 :
จากจุดที่ 1 ขีดตรงลงมายังจุดที่ 2 แล้วโค้งม้วนมาทำหัวในจุดที่ 3 (เส้นประสีขาว)
แล้วไปเริ่มใหม่ในจุดที่ 4 ซึ่งเชื่อมต่อกับจุดที่ 1 เฉียงขึ้นไปยังจุดที่ 5 จากนั้นหักซ้ายขึ้นไปยังจุด
ที่ 6 แล้วหักขวาโค้งไปสิ้นสุดยังจุดที่ 7 (เส้นประสีเขียว)
* ส่วนโค้งด้านบนในตัวอย่างอาจจะไม่เท่ากันเพียงแสดงเป็นตัวอย่างให้เห็นเท่านั้น
สระ ᩱ-
4 6
5 3
5
4
3
2 1 2
แบบที่ 1 แบบที่ 2
วิธีการลากเส้น แบบที่ 1 :
เริ่มด้วยการขมวดหัวในจุดที่ 1 แล้วลากตามเข็มนาฬิกาโค้งขึ้นไปยังจุดที่ 2 จากนั้นเฉียง
ขึ้นไป 45 องศาถึงจุดที่ 3 จากโค้งเฉียงซ้ายไปยังจุดที่ 4 แล้วหักลงมาสิ้นสุดยังจุดที่ 5
อาจจะเห็นจากจุดที่ 1 ขมวดหัวเสร็จแล้วขีดตรงขึ้นไปก่อนพอใกล้ถึงแนวเส้นด้านบนก็
โค้งเฉียง 45 องศาไปหาจุดที่ 3 (ตามเส้นประสีเหลือง) ก็ได้
วิธีการลากเส้น แบบที่ 2 :
จากจุดที่ 1 ขีดตรงลงมายังจุดที่ 2 แล้วโค้งม้วนมาทำหัวในจุดที่ 3 (เส้นประสีขาว)
แล้วไปเริ่มใหม่ในจุดที่ 4 ซึ่งเชื่อมต่อกับจุดที่ 1 เฉียงขึ้นไปยังจุดที่ 5 จากนั้นก็หักเฉียงซ้าย 45
องศาขึ้นไปสิ้นสุดในจุดที่ 6 (เส้นประสีเขียว)
สัญลักษณ์และเครื่องหมาย
สัญลักษณ์และเครื่องหมายต่างๆ รวมไปถึงวรรณยุกต์ มักจะอยู่บนพยัญชนะ มีขนาดเล็ก
กว่าพยัญชนะ ซึ่งประกอบไปด้วย
1. ปฏิย๊อกหรือไม้ก๋ง - ᩫ
2. นิคหิต - ᩴ
3. ไม้เก๋าห่อหนึ้ง - ᩳ
4. ระห้าม -᩼
5. ไม้ซ้ำ -᩻
6. ไม้เหยาะ - ᩵
7. ไม้ซัด - ᩢ
8. ไม้ขอช้าง -᩶
ปฏิย๊อกหรือไม้ก๋ง -ᩫ
1 2
นิคหิต -ᩴ
1
ไม้เก๋าห่อหนึ้ง -ᩳ
2
3
1
ระห้าม -᩼
3
2 4
ไม้ซ้ำ -᩻
ไม้เหยาะ -᩵
ไม้ซัด -ᩢ
2
ไม้ซัด - ᩢ ทำหน้าที่แทนไม้หันอากาศหรือแทนวรรณยุกต์โทหรือทำหน้าที่อีกหลายอย่าง
มีลักษณะขีดเฉียงขึ้นไป 30 - 45 องศา จะเริ่มต้นจะอยู่ตรงกลางด้านบนพยัญชนะ
ไม้ขอช้าง -᩶
3
ตัวเลข
ตัวเลขในอักษรธรรมล้านนาแบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ ตัวเลขโหรา และตัวเลขในธรรม
1. ตัวเลขโหรา ตั้งแต่ ศูนย์ - เก้า คือ
᪀ ᪁᪂᪃᪄᪅᪆᪇᪈ ᪉
2. ตัวเลขในธรรม ตั้งแต่ ศูนย์ - เก้า คือ
᪐᪑᪒᪓᪔᪕ ᪖᪗᪘ ᪙
วิธีการลากเส้น :
เริ่มตั้งแต่จุดที่ 1 เขียนเป็นวงกลม โดยจะเขียนเวียนซ้ายหรือเวียนขวาหรือเริ่มตรงไหน
อย่างไรก็ได้แล้วแต่ความถนัดของใครของมัน
ข้อสังเกต :
1. จะเล็กกว่าพยัญชนะทั่วไปครึ่งหนึ่ง
2. บางตำราก็อาจจะเขียนใหญ่เท่าพยัญชนะได้ แต่จะมีความเป็นวงรีแป้นมากกว่า
เลขโหรา
หนึ่ง ᪁
2
1
3
4
วิธีการลากเส้น :
เริ่มขมวดหัวในจุดที่ 1 แล้วลากขึ้นไปยังจุดที่ 2 จากนั้นหักลงด้านขวาเล็กน้อยแล้วก็ลาก
ตรงลงมายังจุดที่ 3 แล้วหักซ้ายต่อไปยังจุดที่ 4 แล้วตวัดเก็บหางขนานเส้นเดิมมายังจุดที่ 3
ข้อสังเกต :
1. มีลักษณะคล้ายสระอา แต่จะมีอัตราส่วนที่เล็กกว่าคือประมาณ 1.5:3
2. ส่วนด้านขวาจุดที่ 2 - จุดที่ 3 อาจจะตรงหรือโค้งเล็กน้อยก็ได้
สอง ᪂
2
วิธีการลากเส้น :
เริ่มขมวดหัวในจุดที่ 1 แล้วลากขึ้นไปยังจุดที่ 2 จากนั้นหักลงด้านขวาเล็กน้อยแล้วก็ลาก
ตรงลงมาเลยเส้นฐานเล็กน้อยถึงจุดที่ 3 แล้วหักซ้าย 45 องศา ลงมายังจุดที่ 4
ข้อสังเกต :
1. จุดที่ 3 - จุดที่ 4 ให้มีความยาวพอสมควรไม่ยาวน้อยไปหรือมากเกินไป
สาม ᪃
2
วิธีการลากเส้น :
เริ่มขมวดหัวในจุดที่ 1 แล้วลากขึ้นไปยังจุดที่ 2 จากนั้นโค้งวนมาเรื่อยๆ ถึงจุดที่ 3 แล้ว
หักลง 45 องศา มายังจุดที่ 4
สี่ ᪄
1
วิธีการลากเส้น :
เริ่มขมวดหัวในจุดที่ 1 แบบทวนเข็มนาฬิกาแล้วโค้งมายังจุดที่ 2 จากนั้นลากโค้งไปยัง
จุดที่ 3 แล้วลากตรงลงมาเลยแนวเส้นฐานนิดหน่อยมายังจุดที่ 4 แล้วหักซ้าย 45 องศา ลงมายัง
จุดที่ 5
ห้า ᪅
2 4
3
1
วิธีการลากเส้น :
เริ่มต้นด้วยการสร้างหัวในจุดที่ 1 (เป็นวงกลมไม่ต้องใหญ่มากนักจะมีรูหรือไม่ก็ได้) แล้ว
ลากไปด้านบนเล็กน้อยถึงจุดที่ 2 จากนั้นหยักลงมายังจุดที่ 3 แล้วกลับขึ้นไปถึงจุดที่ 4 แล้วหัก
ลงด้านขวาเล็กน้อยแล้วก็ลากตรงลงมาเลยเส้นฐานเล็กน้อยถึงจุดที่ 5 แล้วหักซ้าย 45 องศา ลง
มายังจุดที่ 6
ข้อสังเกต :
1. ลักษณะการหยักหัวจะไม่หยักลึกมากนัก และในจุดที่ 3 จะไม่หยักแหลมแต่จะเป็นหยัก
แบบคลื่นมากกว่า
หก ᪆
4 2
วิธีการลากเส้น :
เริ่มต้นด้วยการสร้างหัวในจุดที่ 1 (เป็นวงกลมไม่ต้องใหญ่มากนักจะมีรูหรือไม่ก็ได้) แบบ
ทวนเข็มนาฬิกาแล้วลากโค้งลงมาถึงจุดที่ 2 จากนั้นหักซ้ายลงมายังจุดที่ 3 แล้วเฉียง 45 องศา
ถึงจุดที่ 4 จากนั้นลากตรงขึ้นมามาเลยเส้นบรรทัดเล็กน้อยถึงจุดที่ 5 แล้วหักโค้งไปทางขวาสิ้น
สุดในจุดที่ 6
เจ็ด ᪇
2 4
3
1
วิธีการลากเส้น :
เริ่มต้นด้วยการสร้างหัวในจุดที่ 1 (เป็นวงกลมไม่ต้องใหญ่มากนักจะมีรูหรือไม่ก็ได้) แล้ว
ลากไปด้านบนเล็กน้อยถึงจุดที่ 2 จากนั้นหยักลงมายังจุดที่ 3 แล้วกลับขึ้นไปถึงจุดที่ 4 แล้วหัก
ลงด้านขวาเล็กน้อยแล้วก็ลากตรงลงมาเลยเส้นฐานเล็กน้อยถึงจุดที่ 5 แล้วหักขวาโค้งลงมายัง
จุดที่ 6
ข้อสังเกต :
1. การหยักหัวจะไม่หยักลึกมากนัก และในจุดที่ 3 จะไม่หยักแหลมแต่จะเป็นหยักแบบคลื่น
มากกว่า
2. ลักษณะสัณฐานคล้ายกับเลขห้า ᪅ ที่แตกต่างกันคือเลขห้า ᪅ หางจะไปทางด้านซ้าย ส่วน
เลขเจ็ด ᪇ หางจะไปทางด้านขวา
แปด ᪈
3
4
1
2
วิธีการลากเส้น :
เริ่มต้นด้วยการสร้างหัวในจุดที่ 1 (อาจจะให้หัวเป็นวงกลม) แล้วไปด้านซ้ายเล็กน้อยถึง
จุดที่ 2 โค้งขึ้นไปด้านบนจุดที่ 3 แล้วลากลงมาถึงจุดที่ 4 จากนั้นลากลงมาจุดที่ 5 แล้วเก็บหาง
ตวัดขนานไปกับเส้นแม่ถึงประมาณจุดที่ 4 เหมือนเดิม
ข้อสังเกต :
1. เลข 8 จะมีลักษณะคล้ายหรือเหมือนกับอักษร ᨣ เพราะฉะนั้นควรพิจารณาให้ดีว่าตัวไหน
คือเลข 8 ตัวไหนคืออักษร ᨣ วิธีสังเกตอย่างหนึ่งคือ ถ้าเป็นเลข 8 มักจะอยู่รวมกับเลข
อื่นๆ หรือจะอยู่ห่างจากอักษรตัวอื่นๆ เล็กน้อย
2. โดยส่วนมากเลข 8 จะมีอัตราส่วนที่แคบกว่าอักษร ᨣ
เก้า ᪉
3
4 2
5 6
วิธีการลากเส้น :
เริ่มต้นด้วยการสร้างหัวในจุดที่ 1 (เป็นวงกลมไม่ต้องใหญ่มากนักจะมีรูหรือไม่ก็ได้) แบบ
ตามเข็มนาฬิกาแล้วลากโค้งขึ้นไปถึงจุดที่ 2 จากนั้นหักซ้ายขึ้นไปยังจุดที่ 3 แล้วเฉียง 45 องศา
ถึงจุดที่ 4 จากนั้นลากตรงลงมามาเลยเส้นฐานเล็กน้อยถึงจุดที่ 5 แล้วหักโค้งไปทางขวาสิ้นสุด
ในจุดที่ 6
ข้อสังเกต :
1. เลข 9 มีลักษณะเหมือนกับเลข 6 กลับด้านลงล่าง
เลขในธรรม
หนึ่ง ᪑
3
1 4
2
วิธีการลากเส้น :
เริ่มต้นด้วยการสร้างหัวในจุดที่ 1 (อาจจะให้หัวเป็นวงกลม) แล้วไปด้านซ้ายเล็กน้อยถึง
จุดที่ 2 โค้งขึ้นไปด้านบนจุดที่ 3 แล้วลากลงมาถึงจุดที่ 4 ขมวดเป็นบ่วง (ไม่ต้องใหญ่มากนัก)
แล้วลากต่อไปยังจุดที่ 5
ข้อสังเกต :
1. มีลักษณะคล้ายเลข 8 โหรา จะแตกต่างกันที่ มีการขมวดในจุดที่ 4 ไปยังจุดที่ 5 โดยไม่
ต้องเก็บหาง
2. จากจุดที่ 4 ทำเป็นบ่วงแล้วอาจจะลากลงมาตามเส้นสีเหลืองได้ตามความเหมาะสม
สอง ᪒
2
3
วิธีการลากเส้น :
เริ่มต้นด้วยการสร้างหัวในจุดที่ 1 (ไม่ต้องใหญ่มากนัก) แล้ววนตามเข็มนาฬิกาไปหยัก
ในจุดที่ 2 จากนั้นลากต่อไปยังจุดที่ 3 แล้วลากตรงขึ้นไปเลยเส้นบรรทัดเล็กน้อยถึงจุดที่ 4 จาก
นั้นโค้ง 45 องศา ไปสิ้นสุดยังจุดที่ 6
ข้อสังเกต :
1. บางตำราอาจจะไม่ทำหยักใจจุดที่ 2 โดยสามารถทำหัวเป็นวงกลมได้ หัววงกลมไม่ต้อง
ใหญ่มากนัก
สาม ᪓
1 3
7
5
2 6
วิธีการลากเส้น :
ในช่วงแรกจากจุดที่ 1 - จุดที่ 7 มีวิธีการเขียนเหมือนกันอักษร ᩈ พอถึงจุดที่ 7 แล้วให้ขีด
ตรงขึ้นไปเลยเส้นบรรทัดเล็กน้อยถึงจุดที่ 8 จากนั้นขีดโค้งซ้ายขึ้นไป 45 องศาไปยังจุดที่ 9 แล้ว
ตวัดย้อนขนานไปกับเส้นเดิม ไปจบที่จุดที่ 7 เหมือนเดิม
ข้อสังเกต :
1. หางที่ลากขนานลงมาอาจจะสิ้นสุดในตำแหน่งเส้นบรรทัดก็ได้ หรือจะเลยจุดที่ 7 ลงมา
ได้อีกนิดหน่อย ให้พิจารณาตามความเหมาะสม
สี่ ᪔
7
1
3 4
6
5
8 9
วิธีการลากเส้น :
เริ่มด้วยการทำหัวในจุดที่ 1 (จะทำหัวเล็กกว่านี้ก็ได้) เมื่อทำหัวเสร็จแล้วก็ลากมายังจุดที่
2 แล้วก็หยักเข้าไปถึงจุดที่ 3 ลากออกมายังจุดที่ 4 จากนั้นโค้งลงมาด้านล่างซ้ายถึงจุดที่ 5
แล้วกระดกนิดหน่อยไปหยุดในจุดที่ 6 แล้วลากตรงขึ้นไปโค้งในจุดที่ 7 แล้วลากขนานลงมา
เลยเส้นฐานเล็กน้อยมายังจุดที่ 8 แล้วหักโค้งไปทางขวาสิ้นสุดในจุดที่ 9
ข้อสังเกต :
1. จากจุดที่ 1 - จุดที่ 6 จะมีวิธีเขียนเหมือนอักษร ᨴ
2. จุดที่ 7 , 8 และ 9 มีวิธีการลากเส้นเช่นเดียวกับส่วนท้ายของเลขเก้าโหรา ᪉
ห้า ᪕
11
11
10 10
1
7 7
2
3
1
1
3
4 4
6
6
5 5
8 แบบที่ 1 9 แบบที่ 2
วิธีการลากเส้น แบบที่ 1 :
ขั้นตอนแรก จุดที่ 1 - จุดที่ 9 (เขียนเหมือนกับเลขสี่ ᪔ ในธรรม)
ขั้นตอนที่ 2 ต่อจากจุดที่ 7 ลากเฉียงขึ้นไปพร้อมทั้งทำเป็นบ่วงทวนเข็มนาฬิกาในจุดที่
10 เมื่อทำบ่วงเสร็จก็โค้งขึ้นไปสิ้นสุดยังจุดที่ 11 (เส้นประสีเขียว)
วิธีการลากเส้น แบบที่ 2 :
จุดที่ 1 - จุดที่ 7 เขียนเหมือนแบบแรก แต่พอถึงจุดที่ 7 ไม่ต้องเขียนลงมา ให้ขีดต่อขึ้นไป
เหมือนขั้นตอนที่ 2 ในแบบที่ 1 ได้เลยโดยไม่ต้องพักก็ได้
* ควรเลือกใช้แบบใดแบบหนึ่งทั้งระบบ ไม่ควรใช้ผสมกันเพราะจะทำให้คนอ่านสับสน
หก ᪖
10
2
3
8
4
6
5 7
วิธีการลากเส้น :
ในช่วงแรกจากจุดที่ 1 - จุดที่ 8 มีวิธีการเขียนเหมือนกันอักษร ᨭ พอถึงจุดที่ 8 แล้วให้ขีด
ตรงขึ้นไปเลยเส้นบรรทัดเล็กน้อยถึงจุดที่ 9 จากนั้นขีดโค้งซ้ายขึ้นไป 45 องศาไปยังจุดที่ 10
แล้วตวัดย้อนขนานไปกับเส้นเดิม ไปจบที่จุดที่ 8 เหมือนเดิม
ข้อสังเกต :
1. หางที่ลากขนานลงมาอาจจะสิ้นสุดในตำแหน่งเส้นบรรทัดก็ได้ หรือจะเลยจุดที่ 8 ลงมา
ได้อีกนิดหน่อย ให้พิจารณาตามความเหมาะสม
เจ็ด ᪗
1 8
2
3
4
6
5 7
วิธีการลากเส้น :
จุดที่ 1 - จุดที่ 8 มีวิธีการเขียนเหมือนกันอักษร ᨭ แต่จะมีการตวัดเก็บหางแล้วลากขนาน
เส้นเดิมและยาวลงมาถึงจุดที่ 9
ข้อสังเกต :
1. ในบางลายมืออาจจะไม่ได้ลากหางยาวลงมา ซึ่งจะเขียนเหมือนอักษร ᨭ ก็มี
แปด ᪘
2 4
5
3
1
8
7
6
วิธีการลากเส้น :
เริ่มต้นด้วยการสร้างหัวในจุดที่ 1 (เป็นวงกลมไม่ต้องใหญ่มากนักจะมีรูหรือไม่ก็ได้) แล้ว
ลากไปด้านบนเล็กน้อยถึงจุดที่ 2 จากนั้นหยักลงมายังจุดที่ 3 แล้วกลับขึ้นไปถึงจุดที่ 4 หักลงมา
เล็กน้อยถึงจุดที่ 5 จากนั้นก็ลากตรงลงมาผ่านเส้นครึ่งบรรทัดเล็กน้อยแล้วทำเป็นบ่วงโดยวน
ทวนเข็มนาฬิกาในจุดที่ 6 แล้วลากโค้งลงไปในจุดที่ 7 หักให้แหลมโค้งไปตัดเส้นเดิมในจุดที่ 8
จากนั้นโค้งลงมาตามเส้นจนสิ้นสุดในจุดที่ 9
ข้อสังเกต :
1. ในบางลายมือ พอถึงจุดที่ 8 อาจจะไม่โค้งลงด้านล่าง แต่จะทำเหมือนส่วนท้ายของ
อักษร ᩈ ก็ได้ (ตามเส้นประสีเหลือง) หรืออาจจะทำในส่วนท้ายเหมือนกับเลขสาม ᪓ ใน
ธรรม หรือเลขหก ᪖ ในธรรม ก็ได้
2. สิ่งสำคัญที่สุดของเลขแปดในธรรมก็คือในกรอบเส้นประสีเขียว จะต้องเขียนให้ชัดเจน
เก้า ᪙
3
7
4
6
2 1
วิธีการลากเส้น :
จุดที่ 1 - จุดที่ 7 มีวิธีการเขียนเหมือนกันอักษร ᩃ แต่จะมีการตวัดเก็บหางแล้วลากขนาน
เส้นเดิมและยาวลงมาถึงจุดที่ 8
ข้อสังเกต :
1. ในบางลายมืออาจจะไม่ได้ลากหางยาวลงมา ซึ่งจะเขียนเหมือนอักษร ᩃ ก็มี
ภาคผนวก
ลักษณะหัวแบบต่างๆ
ลักษณะการเก็บหางแบบต่างๆ
หลักการแบบขนานและการวางตำแหน่ง
ในบางกรณีถ้าเป็นหาง ᩋ ( -ᩬ ) หรือหางลักษณะแบบเสียบอยู่ด้านล่างก็สามารถตัดกันได้
ดังตัวอย่างด้านล่าง
ตัวอย่าง ᨤ มี ( - ᩥ , - ᩦ) เขียนแบบขนานโดยที่เส้นไม่ทับกัน
3. ตำแหน่งสระด้านบนที่น่าสนใจ และบางครั้งก็เป็นลักษณะแบบขนาน
1. ไม้กั๋งมนกับไม้เหยาะ -ᩴ᩵
2. ไม้ซัดกับไม้เหยาะ -ᩢ᩵
3. ไม้ซัดซ้อน -ᩢᩢ
4. ไม้ก๋งกับไม้ซัด - ᩫᩢ
5. สระอำ -ᩣᩴ
6. ไม้ก๋าหลวงกับไม้เหยาะ -ᩤ᩵
7. ไม้ก๋าหลวงกับไม้กั๋งมน -ᩤᩴ
8. สระอีกับไม้เหยาะ - ᩦ᩵
9. สระอือกับไม้ซัด - ᩨ᩶
᪥᪥᪥᪥᪥᪥᪥᪥᪥᪥᪥᪥᪥᪥
ᨧᩢ᩠ᨷᩱᨧᩯᩁ᩠ᨦᩢᨷᩴ᩵ᩯᩉ᩠ᨶᩢᩁᩱᨧᨠᩣ ᨧᩢ᩠ᨷᩱᨧᩕᨣᩪᨷᩤᨷᩴ᩵ᩮᨻ᩠ᨦᩥ ᩱᨧᩕᨻᩉᩢ ᩠ᨶᩬ ᩭ