You are on page 1of 15

- การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน 中国共产党的成立

- ความร่ วมมือระหว่างพรรคก๊กมินตัง๋ กับพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งแรก


第一次国共合作
01
การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน 中国共产党的成立
การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน 中国共产党的成立

เดื อนสิ งหาคม ปี ค.ศ. 1920 เฉิ นตู๋ซิ่ว ดําเนิ นการก่อตั้ง


องค์การจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนพรรคแรกขึ้นที่เซี่ยงไฮ้
จากนั้นมาก็ได้มีการจัดตั้งองค์การดังกล่ าวขึ้นตามเมื อง
ต่ า งๆตามมาอี ก เช่ น เป่ ยจิ ง หู เ ป่ ย ซานตง เป็ นต้น และ
เตรี ยมการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่ งชาติจีนขึ้น วันที่23
เดือน กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1321คณะจัดตั้งพรรคร่ วม10คน
อาทิ เหมาเจ๋ อตง เหอซูเหิง ต่งปี้ อู่ เป็ นต้น
ร่ วมประชุ มลับที่เซี่ ยงไฮ้ ในการประชุ มได้หารื อกันว่า
โครงร่ างภายในและจุดมุ่งหมายของการก่อตั้งของพรรค
คอมมิวนิสต์จีน ก็คือ ล้มล้างชนชั้นนายทุน โดยกองกําลัง
ของชนชั้นกรรมมาชีพ ก่อตั้งชนชั้นกรรมมาชี พเผด็จการ
ล้มล้างระบอบกรรมสิ ทธิ์ และเป้ าหมายสุ ดท้ายคือ นําไปสู่
การล้มล้าง ความเหลื่อมลํ้าทางสังคม
วัน ที่ 30 กรกฎาคม การประชุ มถู กจับตามองจากทางการตํา รวจ
คณะกรรมการจึ ง พากัน ย้า ยไปประชุ ม กัน ต่ อ ในเรื อ ที่ ล่ อ งไปใน
ทะเลสาบหนานหู เมื อ งเจี ย ซิ่ ง มณฑลเจ้อ เจี ย ง การก่ อ ตั้ง พรรค
คอมมิวนิสต์จีน ได้นาํ แสงสว่างและความหวังมาสู่ ประชาชนชาวจีน
ตลอดระยะเวลา 100 ปี ที่ผา่ นมา พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้รวมตัวกันนําพาประชาชนจีนเผชิญหน้าต่อสู ้กบั ความยากลําบาก
และได้สร้างอุดมการณ์อนั รุ่ งโรจน์ที่ส่องประกายผ่านพงศาวดารของประวัติศาสตร์

– ประการแรก คือ การกอบกูช้ าติและบรรลุอุดมการณ์อนั ยิง่ ใหญ่แห่งความอยูร่ อดของชาติ หลังสงครามฝิ่ นในปี พ.ศ. 2383
เนื่องจากการรุ กรานของมหาอํานาจตะวันตก และการทุจริ ตของระบอบศักดินา ผืนแผ่นดินนี้ได้มีสงครามเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ประชาชนต้องทนทุกข์ทรมานจากความเหน็บหนาวและความหิวโหย อีกทั้งยังตกเป็ นทาส

มีผคู ้ นจํานวนนับไม่ถว้ นที่มีอุดมการณ์อนั สู งส่ งได้คิดค้นหาแนวทางที่จะเปลี่ยนอนาคตและชะตากรรมของชาติจีนอย่างแข็ง


ขัน ได้มีการทดลองการปกครองระบบรู ปแบบต่าง ๆ มากมาย แต่ท้ งั หมดกลับสิ้ นสุ ดลงด้วยความล้มเหลว
– ประการที่สอง คือ ทาการสารวจอย
่างวิริยอุตสาหะ เพื่อบรรลุ่าหมายการฟ
เป ่นฟูประเทศครั้งยิ่งใหญ
่ หลังจากการก ่อตั้งสาธารณรัฐ
ประชาชนจีน พรรคคอมมิวนิ่จี
สต น่น
ได าประชาชนจีนไปสู ่การปฏิวัติระบบสังคมนิยม่อตั
ก ้งระบบสังคมนิยมขั้นพื้นฐาน และประสบความสาเร็จใน
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่างขวาง
่กว และลึกซึ้งที่สุดในประวัติศาสตร
่จีน ชาวจีน่นผู
เป่ที่พึ่งพาตนเองและทางานอย่างขยันขันแข็ง

่อตั
ก ้งระบบอุตสาหกรรมและระบบเศรษฐกิจของประเทศได
่อย่างสมบูร่ณ สะสมประสบการณ ่ที่สาคัญในการก
่อสร
่างสังคมนิยม และวาง
่อก
ข าหนดพื้นฐานทางการเมือง ระบบ และโครงสร
่างทางด
่านวัตถุ เพื่อความผาสุกของประชาชนและการฟ
่นฟูประเทศชาติ

– ประการที่สาม คือ มองการณ่ไกล่งสรมุ ่างประเทศที่มั่งคั่ง หลังจากการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรค


คอมมิวนิ่จี
สต นชุดที่ 11 ในป
่ พ.ศ. 2521 พรรคคอมมิวนิ่จี สต น่สรุ
ได ปประสบการณ่การสร ่างสังคมนิยม ่อมกั
พร ่างอิ
บอ งประสบการณ ่ระดับ
นานาชาติ ดาเนินนโยบายระดับชาติขั้นพื้นฐานทางการปฏิรูปและการเป ่ดประเทศ ประสบความสาเร็จในการบุกเบิกระบบลัทธิสังคมนิยมทีม่ ีอัต
ลักษณ
่จีน และยกระดับความแข็งแกร
่งทางเศรษฐกิจ ความแข็งแกร ่งทางวิทยาศาสตร่และเทคโนโลยี ความแข็งแกร
่งของชาติโดยรวมและระดับ
คุณภาพชีวิตประชากรของประเทศจีน่สูให งยิ่งขึ้น
– ประการที่สี่ คือ ยึดมัน่ ในความทะเยอทะยานดั้งเดิม และมุ่งมัน่ เพื่อเป็ นพลังขับเคลื่อนทําให้ประเทศแข็งแกร่ งขึ้น นับตั้งแต่
การประชุมสมัชชาใหญ่ระดับชาติของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนโดยมี
สหาย สี จิน้ ผิง เป็ นแกนนําหลัก ได้ประสานงานเพื่อส่ งเสริ มรู ปแบบโดยรวมของ “ห้าในหนึ่งเดียว” ประสานงานส่ งเสริ ม
ยุทธศาสตร์ “สี่ ครอบคลุม” นําแนวคิดการพัฒนาใหม่มาใช้อย่างเต็มที่ สร้างรู ปแบบการพัฒนาใหม่ และส่ งเสริ มการปกครอง
ระดับชาติรวมถึงความสามารถในการกํากับดูแลของผูน้ าํ ล้วนได้รับการปรับปรุ งให้ทนั สมัย กิจการของพรรคและชาติได้
บรรลุสู่ ความเปลี่ยนแปลงและประสบความสําเร็จทางประวัติศาสตร์

จีนได้กลายเป็ นประเทศอุตสาหกรรมที่ใหญ่อนั ดับหนึ่ง เป็ นประเทศการค้าอันดับหนึ่ง เป็ นประเทศที่สาํ รองเงินตรา


ต่างประเทศอันดับหนึ่ง และเป็ นประเทศที่มีเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศเป็ นอันดับหนึ่ง และสร้างคุณูปการให้กบั การ
เติบโตทางเศรษฐกิจของโลกมากกว่า 30% ต่อปี ประสบความสําเร็จอย่างชัดเจนในการสร้างสังคมอยูด่ ีกินดีอย่างรอบด้าน
รายได้รวมประชาชาติเฉลี่ยต่อหัวมากกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ และมาตรฐานการครองชีพของประชาชนได้รับการปรับปรุ ง
อย่างมีนยั สําคัญ การต่อสู ้เพื่อบรรเทาความยากจนได้รับชัยชนะอย่างเต็มที่
นับตั้งแต่ การประชุ มสมัชชาใหญ่ ระดับชาติ ของพรรคคอมมิ วนิ สต์จีนครั้ งที่ 18 ประชาชน
มากกว่า 10 ล้า นคน ได้พ ้น จากความยากจนโดยเฉลี่ ยทุ ก ปี นับตั้ง แต่ ก ารปฏิ รู ปและการเปิ ด
ประเทศ ตามมาตรฐานความยากจนในปัจจุบนั คนจนในชนบทจํานวน 770 ล้านคนในจีน ได้หลุด
พ้นจากความยากจนแล้ว นับเป็ นปาฏิหาริ ยใ์ นประวัติศาสตร์ของการลดความยากจนของมนุษย์

ทั้งนี้ จีนได้สร้างระบบประกันสังคมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประกันสุ ขภาพขั้นพื้นฐานครอบคลุม


ประชาชนกว่า 1,300 ล้านคน และประกันผูส้ ู งอายุข้ นั พื้นฐานครอบคลุมถึง 1 พันล้านคน อายุขยั
เฉลี่ยของผูอ้ ยูอ่ าศัย ในปี 2492 เพิ่มขึ้นจาก 35 ปี เป็ น 77.3 ปี เห็นได้ว่าจีนกําลังก้าวไปสู่ เป้ าหมาย
ในการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่อย่างรอบด้าน
เลขาธิ การใหญ่ สี จิ้นผิง เน้นยํ้าว่า พรรคคอมมิวนิ สต์จีน
เป็ นพรรคการเมืองที่แสวงหาความผาสุ กให้แก่ประชาชนจีน และ
ยังเป็ นพรรคการเมืองที่มุ่งมัน่ เพื่อความก้าวหน้าของมนุษย์ ภารกิจ
พรรคคอมมิ ว นิ ส ต์จี น ได้ค าํ นึ ง ถึ ง การสร้ า งคุ ณู ปการใหม่ ๆ ที่
ยิ่งใหญ่เพื่อมนุ ษยชาติอยู่เสมอ ความสําเร็ จอันยิ่งใหญ่ของพรรค
คอมมิวนิ สต์จีนในช่ วง 100 ปี ที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่มีความสําคัญ
อย่างมากต่อประชาชนจีน แต่ยงั ส่ งผลดีอย่างยิง่ ใหญ่ต่อประชาคม
โลกอีกด้วย
02
- ความร่ วมมือระหว่างพรรคก๊กมินตัง๋ กับพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งแรก
第一次国共合作
การเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพรรคก๊กมินตัง๋ และพรรคคอมมิวนิสต์ของ
จีน เป็ นความร่ วมมือกันเป็ นไปเพื่อกําจัดลัทธิ จกั รรวรรดิ นิยม แต่เมื่ อ
หลังการเสี ยชีวิตของซุนยัตเซ็น (12 มีนาคม 1925) พรรคก๊กมินต๋ งก็แตก
ออกเป็ นฝ่ ายซ้าย และฝ่ ายขวา

ฝ่ ายขวา มีหูฮนั่ หมินเป็ นผูน้ าํ , ฝ่ ายซ้าย มีเลี่ยวจงข่าย, วางจิงเว่ย เป็ นผูน้ าํ


ขณะซุ น ยัต เซนยัง มี ชี วิ ต อยู่ ความขัด แย้ง ของทั้ง สองฝ่ ายไม่ รุ น แรง
เนื่องจากความเคารพที่มีต่อซุนยัตเซ็น ซึ่ งเขาเองก็ได้ยนื ยันต่อสมาชิกก๊ก
มินตัง๋ ว่า ยังคงยึดมัน่ ในลัทธิไตรราษฎร์ของตน และไม่มีวนั ให้พรรคเป็ น
คอมมิวนิ สต์ แต่ จาํ เป็ นต้องให้สมาชิ กพรรคคอมมิ วนิ สต์จีนอยู่ร่วมใน
พรรคเพื่อประโยชน์ในการปฏิวตั ิ
ภายหลังซุนยัตเซ็นเสี ยชีวติ อํานาจทางการเมืองของก๊กมิ
นตัง๋ อยูก่ บั วางจิงเว่ยและหูฮนั่ หมิน, อํานาจทางการทหารอยู่
กับเจียงไคเชก, หัวหน้าพรรคก๊กมินตัง๋ คือเลี่ยวจ้งข่าย ฯลฯ
ความขัดแย้งรุ นแรงมากขึ้น วางจิงเว่ยได้เป็ นสมาชิกใน
คณะกรรมการบริ หารกลาง ซึ่งเป็ นองค์กรบริ หารสู งสุ ดของ
พรรค ทําให้ฝ่ายขวาแสดงความไม่พอใจที่พวกฝ่ ายซ้ายมี
อํานาจภายในพรรค ตามมาด้วยการลอบสังหารเลี่ยวจ้งข่าย
(20 สิ งหาคม 1925) หนึ่งในผูท้ าํ งานใกล้ชิดซุนยัตเซ็น ที่
หน้าสํานักงานใหญ่พรรคก๊กมินตัง๋
วันที่ 1-20 มกราคม 1926 มี การประชุ มใหญ่ พรรคก๊กมิ นตั๋ง
สมาชิกคณะกรรมการกลางฝ่ ายขวา “กลุ่มซานซี ” เสนอให้ปลดที่
ปรึ กษาจากสหภาพโซเวียต และขับไล่สมาชิกพรรคคอมมิวนิ สต์
ออกจากก๊กหมินตัง๋ แต่ที่ประชุมได้แถลงการว่า มติของกลุ่มซาน
ซี ให้เป็ นโมฆะเพราะไม่มีองค์ประชุ มที่สามารถออกกฎหมายได้
เลขาธิการใหญ่ของก๊กมินตัง่ มีมติให้สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์อยู่
ร่ วมในพรรคก๊ ก มิ น ตั๋ ง ที่ ป ระชุ ม ยัง คั ด เลื อ กสมาชิ ก พรรค
คอมมิวนิสต์เป็ นคณะกรรมการกลางของพรรคก๊กมินตัง๋ จํานวน 7
คน โดยซึ่ ง 3 ใน 7 คน ได้เป็ นสมาชิ กคณะกรรมการถาวรด้วย
สร้างความไม่พอใจแก่สมาชิกกลุ่มซานซีอย่างมาก
ส่ วนการลอบสังหารเลี่ยวจ้งข่าย ได้ต้ งั คณะกรรมการสอบสวนคือ
วางจิงเว่ย, สวี่ฉงจื้อ และเจียงไคเชก ทว่ามีผูส้ ันนิ ษฐานว่า เจียง
ไคเชก ผูอ้ ยู่เบื้องหลังการสังหารครั้งนี้ ทั้งการสะสางคดียงั ทําให้
เขามีสถานะและอํานาจสู งขึ้น

You might also like