Professional Documents
Culture Documents
คติชนท้องถิ่น
คติชนท้องถิ่น
ลักษณะของบุญแซนโฎนตาเป็ นประเพณีของชนพื้นเมืองที่มีเชื้อสาย
ไท-เขมรหรือชาวกัมพูชา เป็ นความเชื่อพื้นถิ่นที่ปฏิบัติสืบต่อกันมานานนับ
ตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปั จจุบัน บรรพบุรุษที่มาอาศัยอยู่ต่างนำเอาประเพณี
เขมรเข้ามายังพื้นถิ่นนี้ด้วย ทำให้ประเพณีแซนโฎนตาเป็ นประเพณีที่ชาว
บ้านนิยมทำทุกปี เพราะมีความเชื่อว่าเป็ นบุญใหญ่ หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า
เป็ นสารทเขมรนั่นเอง
ครอบครัวของดิฉันรวมถึงชาวบ้านในหมู่บ้านจะมีการทำบุญแซนโฎน
ตาในเดือน ๑๐ ของทุก ๆ ปี โดยคำว่า แซนโฎนตา เป็ นภาษาเขมร คำว่า
“แซน” ภาษาไทยตรงกับคำ “เซ่น” หมายถึง การเซ่นไหว้ ส่วนคำว่า “โฎน
ตา” หมายถึง ตายาย หรือบรรพบุรุษ ดั้งนั้นความหมายของแซนโฎนตา ก็
คือการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับไปแล้ว โดยเฉพาะบรรพบุรุษ
หรือญาติที่ใกล้ชิด รวมถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้วโดยไม่เจาะจงว่าเป็ นใคร ดังนั้น
ด้วยเหตุผลนี้ที่ดิฉันได้คุ้นเคยกับประเพณีแซนโฎนตามาตั้งแต่เด็ก ได้ซึมซับ
ความเชื่อต่าง ๆ ที่ถูกส่งทอดมารุ่นสู่รุ่น ทำให้ดิฉันมีความสนใจและอยากนำ
เสนอออกมาในรูปแบบที่เป็ นคติชนของหมู่บ้านสมบัติเจริญแห่งนี้
ความเป็ นมาของสถานที่หรือพื้นถิ่นอาศัยของดิฉันจากที่กล่าวมาข้าง
ต้นว่า มาจากบรรพบุรุษที่อพยพมาจากจังหวัดสุริทร์และจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อ
มาตั้งรกรากและแสวงหาที่ดินสำหรับทำการเกษตร เนื่องจากสมัยก่อน
จังหวัดสุรินทร์รวมถึงบุรีรัมย์บางพื้นที่มีสภาพแห้งแล้ง ดินที่มีก็ปลูกพืชได้
เพียงไม่กี่ชนิด ส่วนใหญ่แล้วจะเป็ นข้าวนาปี และนาปรัง บรรพบุรุษในสมัย
นั้นจึงเลือกมาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อทำการเกษตร และเนื่องจาก
จังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์นั้นเป็ นพื้นที่ที่ติดชายแดนประเทศกัมพูชา ทำให้
คนส่วนใหญ่ก็มีเชื้อสายเขมรทั้งสิ้นรวมถึงบรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ยาย ของดิฉัน
ด้วย
จากการสอบถามข้อมูลของประเพณีนี้จากคุณย่าของดิฉัน (มีความ
สัมพันธ์เป็ นญาติ) คุณย่ามีชื่อว่า ยึด วิเวกรัมย์ เป็ นคนเฒ่าคนแก่ที่ได้ทำ
ประเพณีนี้มานานและส่งต่อมายังลูกหลาน ท่านได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ในสมัย
ก่อนระยะเวลาในการทำบุญพิธี แซนโฎนตา ได้แบ่งออกเป็ นวันเบ็นตู๊จ และ
วันเบ็นทม คือ สารทเล็ก และสารทใหญ่ โดย เบ็นตู๊จ จัดกันในวันขึ้น
๑๔-๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ และ เบ็นทม จัดกันในวันแรม ๑๔-๑๕ ค่ำ เดือน
๑๐ แต่ถึงอย่างไรก็ตามช่วงระยะเวลาระหว่างวันเบ็นตู๊จถึงวันเบ็นทมนั้น ก็
จะมีการนำจังหันมาถวายพระทุกวันไม่มีขาด
ในแต่ละบ้านจะทำพิธีแซนโฎนตาแล้วแต่เวลาตามสะดวก ครอบครัว
ของดิฉันจะนิยมทำพิธีในตอนเช้าหรือช่วงสาย โดยการเตรียมอุปกรณ์เครื่อง
เซ่นไหว้นั้น ประกอบด้วย อาหารคาว เช่น ไก่นึ่ง แต่ต้องเป็ นไก่ทั้งตัวที่เอา
เครื่องในออกแล้ว และอาหารหวานพื้นบ้าน เช่น ข้าวต้มมัดใบมะพร้าว ขนม
เทียน ขนมนางเล็ด ขนมโช๊ค (ขนมดอกบัว) และข้าวกระยาสารท ส่วนผลไม้
เช่น มะพร้าวอ่อน กล้วย บางบ้านอย่างเช่นบ้านของคุณยายโฉม ผลวัฒน์
ซึ่งเป็ นเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงของดิฉัน ก็มีการทำแซนโฎนตาทุกปี เช่นกัน
ท่านได้บอกว่าผลไม้ต้องมี ๕ ชนิด จากที่กล่าวมา และอาจมีส้มโอ สับปะรด
หรือแก้วมังกรเพิ่มมาด้วยตามสะดวก และส่วนเครื่องดื่ม ยกตัวอย่างเช่น น้ำ
เปล่า เหล้าขาว น้ำอัดลม เหล้าสีต่าง ๆ เป็ นต้น