You are on page 1of 3

ฝึ กเทศน์งานศพ

***************
นโม......................
เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา ปุพฺเพ กตมนุสรนฺติ

บัดนี้ จักแสดงพระธรรมเทศนา อนุโมทนากุศลราศีที่คณะท่านเจ้าภาพในฐานะบุตรธิดา


ของคุณ........................ผู้เป็น.........ล่วงลับได้มีจิตเป็นกุศลเพื่อจะสนองคุณบิดามารดาได้จัด
งานบำเพ็ญกุศลศพขึ้นโดยจัดให้มีการสวดพระอภิธรรม เป็นจำนวน...........คืน ทั้งนี้ด้วยแรง
แห่งความกตัญญูเป็นเหตุบันดาลใจหวังจะให้ท่านได้รับความสุขในสถานที่เกิดนั้นๆแม้จะตระหนัก
ดีว่า เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ได้สร้างแต่สิ่งซึ่งเป็นกุศลไว้มาก ซึ่งบรรดาบุตรธิดาต่างเชื่อแน่ว่าท่าน
จักต้องสถิตอยู่ในสรวงสวรรค์อย่างแน่แท้ แต่ด้วยแรงกตัญญูดังกล่าวแล้วพร้อมทั้งความดีของ
ท่าน ได้ช่วยเป็นพลังให้ท่านเจ้าภาพจัดงานบำเพ็ญกุศลศพเป็นเวลาถึง.......คืนด้วยกันถือได้ว่า
เป็นการเทิดทูนบูชาพระคุณ และเป็นการอนุกูลท่านให้ประสบความสุขยิ่งขึ้นนับว่าท่านเจ้าภาพ
ได้ปฏิบัติตนสอดคล้องต้องกับพระพุทธภาษิต ที่ได้ยกขึ้นตั้งไว้ ณ เบื้องต้นว่า
เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ
แปลว่า เมื่อนึกถึงท่านผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ก็ควรจะบำเพ็ญกุศลอุทิศไปให้ท่าน ดังนี้
คณะท่านเจ้าภาพในฐษนะบุตรธิดา ได้ตระหนักถึงคุณงามความดีของท่านผู้เป็น.......จึง
ได้พร้อมใจกันจัดงานบำเพ็ญกุศลครั้งนี้ขึ้นด้วยจุดประสงค์ ๓ ประการ คือ
1. เพื่อเทิดทูลคุณงามความดีของท่าน
2. เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีในฐานะลูกหลานที่ดี
3. เพื่ออุทิศกุศลส่งไปเสริมความความสุขให้แก่ท่านอีกส่วนหนึ่ง
การกระทำของบุตรธิดาในครั้งนี้ถือเป็นการประกาศเกียรติคุณของตนเองอีกส่วน
หนึ่งไว้ได้ทำหน้าที่ของตนเองในฐานะบุตรธิดาอย่างสมบูรณ์แบบและเป็นการทำตระกูล
นี้ให้มีชื่อเสียงสูงส่งยิ่งขึ้น สมกับคำประพันธ์ที่ว่า
มีลูกดีเป็นศรีสง่าหน้า
ญาติวงศ์พงศาก็ผ่องใส
ถึงเพื่อนญาติมิตรสหายที่ใกล้ไกล
ก็พอใจสรรเสริญเจริญพร
ท่านว่าตระกูลไหนก็ตามที่พ่อแม่มีลูกดี พ่อแม่นั้นก็นับว่าเป็นผู้มีบุญ ลูกคนไหนได้พ่อแม่
ดีลูกคนนั้นก็นับว่าเป็นคนมีวาสนา ทั้งหมดก็ล้วนอาศัย ปุพเพกตปุญญตา คือบุญเก่าที่ได้สร้าง
ในชาติปางก่อนเป็นสำคัญ และพร้อมกับความดีที่ได้บำเพ็ญในชาติปัจจุบันเข้าช่วยสนับสนุนด้วย
หากจะมีคำถามว่า บุญกุศลที่อุทิศไปนี้จะถึงแก่ผู้ตายหรือไม่ แก้ว่าบุญจะถึงหรือไม่
อย่างไร ก็อยู่ที่องค์ประกอบ ๓ หลักด้วยกัน คือ
1. ท่านเจ้าภาพทำบุญแล้ว ก็อุทิศส่งไปให้
2. ท่านผู้ตายรับบุญกุศลส่วนนั้น
3. สมบูรณ์ด้วยทักขิเณยยบุคคล ผู้ประกอบด้วยศีลธรรม
ถ้าตรงตามหลัก ๓ อย่างนี้แล้ว บุญก็จะถึงแก่ผู้รับเป็นแน่ อุปมาดุจการส่งจดหมาย ที่
จะถึงแก่ผู้รับได้นั้นต้องประกอบด้วยหลัก ๓ ประการเหมือนกันคือ
1. ต้องจ่าหน้าซองให้ถูกต้องชัดเจน
2. มีผู้รับจดหมายนั้น
3. บุรุษไปรษณีย์นำจดหมายส่ง ตามที่จ่าหน้าซอง
ท่านสาธุชนทั้งหลาย ทุกคนที่เกิดมาแล้ว สุดท้ายปลายทางของชีวิตก็คือความตายไม่มี
ใครจะอยู่ค้ำฟ้า โลกนี้จึงเปรียบเสมือนบ้านเช่า ธรรมดาบ้านเช่า เมื่อผู้เช่าหมดสัญญา
แล้วก็ต้องย้ายไปหาที่อื่นอยู่ต่อไปใหม่ สิ่งของทั้งหลายที่ประจำบ้านเช่าต้องอยู่ที่เดิมผู้เช่า
จะถือกรรมสิทธิ์นำไปหาได้ไม่ นอกจากของตัวเท่านั้น วันใดคนเราเมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว
ก็เหมือนจากบ้านเช่า บรรดาทรัพย์สินทุกชนิดก็ต้องทิ้งไว้ในโลกนี้ในลักษณะจำยอม
ส่วนสมบัตส่วนตัวอันได้แก่กรรม คือ ความดีและความชั่วที่ตัวทำไว้ก็จะตามติดไปสู่ภพ
หน้าได้ สมกับที่ท่านว่า สยํ กตานิ ปุญญานิ ตํ มิตฺตํ สมฺปรายิกํ แปลว่า บุญที่
ทำไว้ด้วยตนเองจะเป็นมิตรติดตามไปในภายภพหน้า
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า กรรมเป็นเรื่องสำคัญมากสำคัญยิ่งกว่าสมบัติภายนอกมากนัก
เหตุนี้จึงไม่ควรประมาทในชีวิต ควรรีบบำเพ็ญกิจคือบุญกุศล เตรียมตัวเตรียมใจไว้เสีย
แต่เนินๆ การเตรียมตัวนั้นโบราณบัณฑิตท่านวางหลักไว้ ๔ ประการ คือ
1. รักษาหน้าที่อย่างเคร่งครัด
2. ตัดความอาลัย
3. ไร้ความกังวล
4. สนใจธรรมะ
อธิบายย่อๆว่า ข้อที่ ๑ รักษษหน้าที่อย่างเคร่งครัดนั้นหมายความว่า ทุกคนมีหน้าที่
ด้วยกันทั้งนั้น เช่นเป็นพ่อ แม่ ทหาร ตำรจ นักบวช เป็นราษฎร ใครมีหน้าที่
อย่างไร ก็พยายามทำหน้าที่นั้นให้เรียบร้อยทุกประการ
ข้อที่ ๒ ตัดความอาลัย หมายถึงเมื่อเข้าสู่วัยชราแล้วต้องหมั่นสร้างบุญกุศล
พยายามละความอาลัยอาวรณ์ในทรัพย์สมบัติ ตลอดจนบุตรธิดา
ข้อที่ ๓ ไร้ความกังวล คืออย่าไปกังวลกับร่างกายเกินไป เช่นเรื่องความแก่
ความเจ็บไข้ได้ป่วย จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียใจกินไม่ได้นอนไม่หลับ ผลสุดท้าย
จะทำให้แก่เกินวัย หรือที่เจ็บน้อยก็จะเจ็บมาก เพราะเสียกำลังใจ
ข้อที่ ๔ สนใจธรรมะ เพราะธรรมะเป็นยาใจ เป็นแสงสว่างที่จะส่องวิถีชีวิตให้
เจริญก้าวหน้าต่อไปได้ พร้อมทั้งเป็นยานพาหนะที่สามารถจะนำพาไปสู่สวรรค์
นิพพานได้อีกด้วย
ผู้ที่ได้เตรียมตัวโดยตั้งอยู่ในหลัก ๔ ประการนี้แล้ว ก็หวังว่าอนาคตของผู้นั้นจะ
สมบูรณ์ด้วยความสุขตลอดไป
อนึ่งในการบำเพ็ญกุศลศพของ........................ผู้ล่วงลับไปนั้น ในขณะนี้ท่าน
ได้สอนสาธุชนไว้ว่า.......
ดวงตากลมเคยคมวาวต้องมาขุ่นขาวเป็นฟางฝ้า
ฟันเคยเรียบเหมือนระเบียบมุกดาต้องกลายกลับมาเหลือแต่เหงือกแดงๆ
อีกเส้นผมที่เคยดำขลับต้องกลายกลับมาแลดูขาวเป็นแป้ง
ผิวเคยตึงประหนึ่งผิวแตงต้องมาเหี่ยวแห้งไม่จำเริญนัยน์ตา
สรุปใจความตามที่คณะท่านเจ้าภาพได้รวมจัดงานบำเพ็ญกุศลศพ
คุณ................ด้วยแรงแห่งความกตัญญูกตเวทีนี้ และด้วยความปรารถนาดีที่จะ
ให้ท่านได้รับความสุขยิ่งขึ้นไปอีกตามวิสัยบุตรธิดาที่ดี ด้วยบุญกุศลที่บำเพ็ยนี้ก็จะ
เป็นพลังบันดาลให้ท่านได้รับสุขสมประสงค์
อนึ่งเนื่องจากทุกคนที่เกิดมา จำต้องจากโลกนี้ไปในที่สุด ฉะนั้นจึงต้องเตรียมตัว
หาที่พึ่งต่อไปในภายหน้าด้วยการตั้งอยู่ในหลัก ๔ ประการคือ
1. รักษาหน้าที่อย่างเคร่งครัด
2. ตัดความอาลัย
3. ละความห่วงใย
4. สนใจธรรมะ
เพื่อจะได้เตรียมตัว เตรียมใจไว้ก่อนตาย เช่นนี้แล้วก็มีหวังว่าอนาคตของผู้นั้นจะต้อง
แจ่มใส หากวาสนาบารมีแก่กล้าก็จะประสบสุขชั้นยอด คือ มรรค ผล นิพพาน
ขออำนาจกุศลบุญราศีที่คณะท่านเจ้าภาพซึ่งมีบุตรธิดาพร้อมทั้งปิยมิตรได้รวมกัน
บำเพ็ญกุศลศพครั้งนี้ จงเป็นผลดลบันดาลให้..............ประสบสุขในสรวงสวรรค์
สมดังความประสงค์จงทุกประการ และขอให้ท่านเจ้าภาพทุกท่านพร้อมทั้งสาธุชนทั้ง
หลายในสมาคมนี้ จงเจริญศรีสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล ในสิ่งที่ตน
ปรารถนาจงทุกประการ
รับประทานวิสัชนาพระธรรมเทศนา ตามกาลนิยมสมควรแก่เวลา ขอยุติพระธรรม
เทศนาลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวํก็มีด้วยประการฉะนี้

You might also like