Professional Documents
Culture Documents
Conference
หอผู้ป่วยทารกแรกเกิด
(Sick Newborn)
รายวิชา 2012303
ปฏิบัติการพยาบาลเด็กและวัยรุ่น 2
B1 มหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ
สมาชิกในกลุ่ม
อาจารย์นิเทศ
อาจารย์ลนาไพร ขวาไทย
ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพมารดา
ประวัติสุขภาพมารดา อายุ 44 ปี เชื้อชาติ ไทย สัญชาติ ไทย ศาสนา พุทธ
Gravida 2 Para 2 Abortion 0 L 2 Last 5 yrs หมู่เลือด B Rh +
ชนิดของการคลอด CESAREAN SECTION
การประเมินสุขภาพทารกตาม 11 แบบแผน
แบบแผนในการดำเนินชีวิต 11 แบบแผนที่เป็นปัญหา พบว่ามีดังนี้
-ประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่ปอดลดลงเนื่องจากมีภาวะ
Meconium Aspiration Syndrome
แบบแผนที่ 4 แบบแผนกิจวัตรประจำวันและการออกกำลัง
-มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจเนื่องจากทารกสูดสำลักขี้เทา
กาย (Activity-exercisepattern) -มี Retraction ตำแหน่ง Subcostal Retraction
แบบแผนที่ 10 แบบแผนการเผชิญและความทนต่อ
บิดามารดามีความวิตกกังวลอยากให้ทารกกลับบ้าน
ความเครียด (Coping – stress tolerance pattern)
การตรวจร่างกาย
ประเมินวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565
Vital signs: BT = 37.5 C PR = 160 / min RR = 68 /min BP = 72/48 mmHg.
น้ำหนัก 3380 กิโลกรัม ส่วนสูง 47 เซนติเมตร เส้นรอบศีรษะ 35 เซนติเมตร. เส้นรอบอก 33 เซนติเมตร.
ระบบ ผลการตรวจร่างกาย
ระบบ ผลการตรวจร่างกาย
หูและใบหู
รูปทรงปกติ ตำแหน่งไม่ต่ำกว่าตา ไม่มีกลิ่นเหม็นหรือน้ำหนองไหล
(Ears)
ต่อมน้ำเหลือง คลำต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้และขาหนีบไม่โต
(Lymph node) รักแร้และขาหนีบไม่โต
การประเมินการตรวจร่างกาย
ระบบ ผลการตรวจร่างกาย
ชื่อยา เหตุผลการใช้ยา
Ampicillin ป้องกันการติดเชื้อในทารกเเรกเกิด
Gentamicin ป้องกันการติดเชื้อในทารกเเรกเกิด
Albuterol ใช้ในการดูแลภาวะหายใจเร็วชั่วคราวของทารกแรกเกิด
พยาธิสภาพของโรคตามทฤษฎีเปรียบเทียบกับกรณีศึกษา
สรุปปัญหา เกี่ยวกับอาการการรักษา และการดูแล
ตั้งแต่แรกรับถึงปัจจุบัน
ปัญหาที่1 ประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่ปอดลดลง
ทารก Term 38 สัปดาห์ มีภาวะ Meconium Aspiration Syndrome: MAS คลอด Cesarean section
น้ำหนักแรกคลอด 3,400 กรัม สัญญาณชีพแรกเกิดอุณหภูมิกาย 36.5 องศาเซลเซียส อัตราการเต้นของ
หัวใจ 162 ครั้ง/นาที อัตราการหายใจ 68 ครั้ง/นาที Oxygen Saturation 85-92 % ทารกมีอาการหายใจ
ลำบาก มี Secretion เยอะ ทารกมีหายใจอกบุ๋ม Subcostal Retraction จึงดูแล suction clear air way
ต่อมาย้ายไป NICU ยังหายใจหอบเหนื่อย RR= 68-74 ครั้ง/นาที spaO2 88-94% แพทย์เวรพิจารณาให้
on ETT with ventilator No. 3.5 ขีด 8.5 cm. ทารกเริ่มมีอาการหายใจลำบากลดลง จึงเปลี่ยนให้ On O2
cannula 3 LPM รับย้ายมาที่หอผู้ป่วยทารกแรกเกิด วัดสัญญาณชีพได้ T= 37.2 Co HR = 160 ครั้ง/
นาที RR = 60 ครั้ง/นาที O2 sat 96-97% ทารกมีอาการหายใจลำบากลดลงจึงปรับ O2 cannula ลงเป็น
1 LPM.
สรุปปัญหา เกี่ยวกับอาการการรักษา และการดูแล
ตั้งแต่แรกรับถึงปัจจุบัน
ปัญหาที่2 มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
ปัญหาที่3 เสี่ยงต่อการได้รับสารน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอ
-ประสิทธิภาพการเเลกเปลี่ยนออกซิเจนที่ปอดลดลง
07/11/2565 1 ยังไม่สิ้นสุดปัญหา
เนื่องจากมีภาวะMeconium Aspiration Syndrome
-มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากทารก
07/11/2565 2 ยังไม่สิ้นสุดปัญหา
สูดสำลักขี้เทา
-เสี่ยงต่อการได้รับสารน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอ
09/11/2565 เนื่องจากทารกแรกเกิดระบบย่อยอาหารและระบบ 4 ยังไม่สิ้นสุดปัญหา
ดูดซึมอาหารยังทำงานไม่สมบูรณ์
-บิดามารดามีความวิตกกังวลเนื่องจากการเจ็บป่วย
10/11/2565 5 10/11/2565
ของทารก
ข้อวินิจฉัยข้อที่ 1 ประสิทธิภาพการเเลกเปลี่ยนออกซิเจนที่ปอดลดลง
เนื่องจากมีภาวะ Meconium Aspiration Syndrome
ข้อมูลสนับสนุน เกณฑ์การประเมินผล
O: ทารกมีการหายใจหอบอัตราการเต้นของหัวใจ 68 ครั้ง/นาที 1. ไม่พบภาวะพร่องออกซิเจน เช่น หายใจเร็ว อกบุ๋ม ปีกจมูกบาน ใช้กล้าม
O: มี Secretion เยอะ เนื้อในการหายใจมากขึ้นหรือหายใจออกมีเสียงคราง ชีพจรเต้นเร็ว เป็นต้น
O: Subcostal Retraction 2. สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ
O : Oxygen Sat 85-92 % (แรกเกิด) T= 36.8-37.2 องศาเซลเซียส
O : ทารกมีภาวะ MAS จากทารกสูดสำลักขี้เทา HR= 120-160 bpm
O: ผล Chest X-Ray พบ bilat infiltration RR= 40-60 bpm
BP= 60/40 - 80/50 mmHg
วัตถุประสงค์ 3.ไม่พบอาการหายใจหอบ Retraction
เพื่อให้ร่างกายแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ปกติ 4.O2 Sat อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ คือ 95 - 100 %
5.ผล Chest X-Ray ไม่พบความผิดปกติ
กิจกรรมการพยาบาล
1. สังเกตอาการและอาการแสดงของการแลกเปลี่ยนออกซิเจนไม่ดี ได้แก่ หายใจเร็ว อกบุ๋ม ปีกจมูกบาน ใช้กล้ามเนื้อในการหายใจมากขึ้นหรือหายใจออกมีเสียงคราง
ชีพจรเต้นเร็ว เป็นต้น เพื่อติดตามและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นจากการสำลักขี้เทา
2. จัดท่านอนศีรษะสูง 15 - 30 องศา ใช้ม้วนผ้าเล็กหนุนใต้ไหล่ให้คอไม่งอหรือแหงนมากเกินไป เพื่อให้ปอดขยายได้มากที่สุดและให้ทารกหายใจได้อย่างสะดวก
3. ประเมินสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมงหรือตามสภาพทารก เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของทารก
4. ดูแลให้ได้รับ Oxygen Cannular 3 LPM. ตามแผนการรักษาของแพทย์ เพื่อให้ทารกหายใจได้สะดวกและได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
5. ดูแลให้ทางเดินหายใจโล่งโดยการดูดเสมหะด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่งทารกหายใจได้สะดวก
6. ประเมินค่าออกซิเจนในเลือดอย่างต่อเนื่องโดยใช้ Pulse Oximeter ตามแผนการรักษา และรายงานเมื่อค่าผิดปกติ
7. ประเมินติดตามและบันทึกอัตราการหายใจ การเต้นของหัวใจ ฟังเสียงลมที่เข้าปอดทั้งสองข้าง ทุก 2 ชั่วโมง เพราะการมีลมเข้าปอดลดลงอาจเกิดจากทางเดินหายใจ
อุดกลั้นจากเสมหะ
การประเมินผล
- มีภาวะพร่องออกซิเจนเช่น หายใจเร็ว อกบุ๋ม เป็นต้น
- สัญญาณชีพ T = 37.4 องศาเซลเซียส HR = 160 bpm RR = 64 bpm BP = 72/45 mmHg ( วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 )
- มีภาวะหายใจหอบ Subcostal Retraction
- O2 Sat อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น 96-97 %
- ผล Chest X-Ray ไม่พบความผิดปกติ
ข้อวินิจฉัยข้อที่ 2 มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากทารกสูดสำลักขี้เทา
ข้อมูลสนับสนุน เกณฑ์การประเมินผล
O: ทารกมีไข้สัญญาณชีพ 1.ไม่พบอาการติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น มีไข้ หายใจหอบ เจ็บคอ มีน้ำมูก
T = 37.5 c เขียว เป็นต้น
RR = 68 bpm 2. สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ
O2 Sat = 85-92 % T= 36.7-37.2 องศาเซลเซียส
(วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565) HR = 120-160 bpm
O: ทารกมีภาวะ Meconium aspiration syndrome RR = 40-60 bpm
O: ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ BP = 60/40 – 80/50 mmHg
WBC = 19,900 cell / mm (สูงกว่าปกติ) 3. O2 Sat อยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 95-100 %
วัตถุประสงค์ 4. ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ
ไม่เกิดภาวะติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ค่า WBC = 4,000-10,000 cell / m
กิจกรรมการพยาบาล
1. สังเกตอาการและอาการแสดงที่อาจจะส่งผลต่อการติดเชื้อ เช่น ไข้ หายใจหอบ เจ็บคอ มีน้ำมูกเขียว เป็นต้น เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นกับทารก
2. ล้างมือทุกครั้งก่อนทำการพยาบาลเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
3. ประเมินการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ การฟังเสียงปอด เป็นต้น เพื่อเฝ้าระวังอาการและอาการแสดงที่จะเกิดขึ้น
4. ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพ อาการและอาการแสดงของการติดเชื้อทุก 1 ชั่วโมง
5. ดูแลได้รับยาปฏิชีวนะ
- Ampicillin 340 mg v q 12 hr.
- Gentamicin 13 mg v q 24 hr. เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนแก่ทารกได้
6. ปฏิบัติการพยาบาลโดยใช้หลัก Aseptic technique เพื่อลดและป้องกันการติดเชื้อจากการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
7. ติดตามและบันทึกผลตรวจทางห้องห้องปฏิบัติการ เช่น WBC , H/C เมื่อพบความผิดปกติรายงานแพทย์ทันที
การประเมินผล
- ยังพบอาการของการติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น มีไข้ หายใจหอบ เป็นต้น
- สัญญาณชีพ T = 37.4 องศาเซลเซียส HR = 160 bpm RR = 64 bpm BP = 72/45 mmHg (วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565)
- ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ WBC = 19,900 cell/ml (สูงกว่าปกติ)
ข้อวินิจฉัยข้อที่ 3 เสี่ยงต่อภาวะ Hypothermia / Hyperthermia
เนื่องจากศูนย์ควบคุมอุณหภูมิยังไม่สมบูรณ์
ข้อมูลสนับสนุน เกณฑ์การประเมินผล
O: ทารกแรกเกิดสูญเสียความร้อนได้ง่าย 1.ไม่พบอาการของภาวะ Hypothermia เช่น ผิวหนังซีดและเย็น หายใจเร็ว
O: ทารกแรกเกิดมีผิวหนังบอบบาง เขียวตามปลายมือปลายเท้า เป็นต้น
2.ไม่พบอาการของภาวะ Hyperthermia เช่น มีไข้ ซึมลง ริมฝีปากแห้ง
ผิวหนังแห้ง กระสับกระส่ายร้องไห้กวน เป็นต้น
3.สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ
T=36.8-37.2 องศาเซลเซียส
วัตถุประสงค์ HR=140-160 bpm.
เพื่อป้องกันการเกิดภาวะ Hypothermia /Hyperthermia RR=40-60 bpm.
BP=60/40 -80/50 mmHg.
กิจกรรมการพยาบาล
1. สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะ Hypothermia เช่น ผิวหนังซีดและเย็น หายใจเร็ว เขียวตามปลายมือปลายเท้า เป็นต้น
เพื่อสังเกตอาการแสดงที่จะส่งผลทำให้เกิดความเสี่ยงของภาวะ Hypothermia
2. สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะHyperthermia เช่น มีไข้ ซึมลง ริมฝีปากแห้ง ผิวหนังแห้ง กระสับกระส่ายร้องไห้กวน เป็นต้น
เพื่อสังเกตอาการแสดงที่จะส่งผลทำให้เกิดความเสี่ยงของภาวะ Hyperthermia
3. ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพโดยเฉพาะ อุณหภูมิให้อยู่ในช่วงระหว่าง 36.8 – 37.2 C ประเมินทุก 1 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังภาวะ Hypothermia ที่จะเกิดขึ้น
4. ดูแลให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการเปิดตู้ (Incubator) โดยไม่จำเป็น เพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อนและรักษาอุณหภูมิร่างกายของทารกให้คงที่
5. ดูแลความสะอาดร่างกายทั่วไป Hygiene care โดยเช็ดตัวทุกวันและเปลี่ยนผ้าอ้อมเมื่อปัสสาวะหรืออุจจาระและควรซับให้แห้งทุกครั้ง
เพื่อลดการสูญเสียความร้อนออกจากร่างกายผ่านทางผิวหนัง
6. ดูแลตู้ Incubator ให้ทำงานได้ปกติในโหมด air servo control set temp= 30.5 องศาเซลเซียล air=30.4 องศาเซลเซียลให้ความอบอุ่นแก่ทารก
7. ดูแลป้องกันไม่ให้ทารกมีสูญเสียความร้อนจากร่างกายทารก มีดังนี้
- การนำความร้อน (Conduction)
คือ การสูญเสียความร้อนให้กับอากาศหรือวัตถุที่เย็นกว่าที่มาสัมผัสกับร่างกายของทารก เช่น ทำมือให้อุ่นเสมอก่อนสัมผัสทารกทุกครั้งหรือผ้าอ้อมต้องไม่เปียก เป็นต้น
กิจกรรมการพยาบาล
- การพาความร้อน (Convection)
คือ การถ่ายเทความร้อนจากผิวกายไปสู่สภาพแวดล้อมโดยมีกระแสลมเย็นพัดผ่านผิวกาย เช่น ดูแลไม่ให้ทารกนอนในที่มีลมพัดผ่าน รักษาอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมให้อบอุ่น เป็นต้น
- การระเหย (Evaporation) คือ ภาวะสูญเสียความร้อนไปกับน้ำ เช่น ดูแลเช็ดตัวร่างกายให้ทารกให้แห้งเสมอหลังจากการอาบน้ำทุกครั้งและดูแลเปลี่ยนผ้าอ้อมเสมอ
หากทารกมีการขับถ่ายปัสสาวะและอุจาจาระ
- การแผ่รังสี (Radiation) คือ การสูญเสียความร้อนจากร่างกายไปยังสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าผิวกายโดยไม่มีการสัมผัสผิวกาย เช่น ดูแลระยะห่าง
จากผนังห้องที่เย็นกับทารกประมาณ 1.5 เมตร หรือ การห่อตัวทารกให้มิดชิด เป็นต้น
การประเมินผล
ไม่พบอาการและอาการแสดงของภาวะ Hypothermia / Hyperthermia เช่น ตัวเขียวคล้ำ ตัวและปลายมือปลายเท้าเย็น มีไข้ ซึมลง ริมฝีปาก
แห้ง ผิวหนังแห้ง ผิวซีดกระสับกระส่าย ร้องไห้กวน เป็นต้น
สัญญาณชีพ T = 37.2 องศาเซลเซียส
HR = 160 bpm
RR = 60 bpm
BP = 72/45 mmHg (วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565)
ข้อวินิจฉัยข้อที่ 4 เสี่ยงต่อการได้รับสารน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอ เนื่องจากทารกแรกเกิด
ระบบย่อยอาหารและระบบดูดซึมอาหารยังทำงานไม่สมบูรณ์
ข้อมูลสนับสนุน เกณฑ์การประเมินผล
O : ทารกมีน้ำหนังลดลงจากแรกคลอด 1. ทารกไม่มีภาวะของการขาดน้ำหรือสารอาหาร เช่น น้ำหนักลด ผิวแห้ง ริม
O : จากการสังเกตพบว่าทารกมีผิวหนังบริเวณริมฝีปากแห้ง ฝีปากแห้ง ปัสสาวะลดลง เป็นต้น
2. ไม่พบอาการหายใจหอบสัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ เช่น
T = 36.8 -37.2 องศาเซลเซียส
HR = 120-100 bpm.
วัตถุประสงค์
RR = 40 - 60 bpm.
เพื่อให้ทารกได้รับสารน้ำและสารอาหารที่เพียงพอต่อ
BP = 60/90 - 80/50 mmHg
ความต้องการของร่างกาย
3. ทารกไม่มีน้ำหนักลดลงจากแรกคลอด และน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะขาดน้ำและขาดสารอาหาร เช่น เหนื่อย หายใจลำบาก ท้องอืด ริมปากแห้ง ผิวเหี่ยวย่น skin turgor เป็นต้น
เพื่อประเมินภาวะขาดน้ำและสารอาหารของทารก
2.ประเมินการดูดซึมของลำไส้ โดยการดูด content ในสายก่อนให้นมในครั้งต่อไป หากมี content เหลือ > 50 % ของปริมาณอาหารเดิม
อาจเกิดจากลำไส้ดูดซึมอาหารได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการดูดซึมและการรับสารอาหาร
3.สังเกตอาการของความสามารถในการรับนมของทารกลดลง (Feeding intolerance) เช่น Bowel sound ลดลง Gastric content มีมาก ท้องอืด สำรอกนมบ่อย
เพื่อรายงานให้แพทย์ทราบ เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการได้รับสารอาหาร
4.จัดท่าตะแคงขวาหรือจัดท่ายกศีรษะสูง เพื่อให้หูรูดกระเพาะอาหารอยู่สูง
5.ดูแลให้อาหารทาง OG for feed คือ BM/IF ในปริมาณ 30 ml. x 8 feed by syringe pump เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
6.ดูแลให้ได้รับสารน้ำตามแผนการรักษา
- 10%D/N/5 250 ml. Rate 6.9 ml/hr. เพื่อให้ได้รับสารน้ำเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
กิจกรรมการพยาบาล
7.ชั่งน้ำหนักทุกวัน ในสัปดาห์แรกทารกจะมี Physiological weight loss ประมาณ 10 - 20% ของน้ำหนักแรกเกิด หลังจากนั้นถ้าได้รับสารอาหารเพียงพอหรือไม่มี
ความเจ็บป่วยรุนแรง น้ำหนักของทารกจะเพิ่มขึ้นวันละประมาณ 20 - 30 g. เพื่อประเมินการได้รับสารน้ำและสารอาหารต่อความต้องการของร่างกาย
8.ป้องกันหรือหลีกเลี่ยงภาวะที่จะทำให้ทารกมีการใช้พลังงานในร่างกายมากกว่าปกติ
การประเมินผล
ไม่พบอาการและอาการแสดง ริมฝีปากแห้ง เป็นต้น
ความตึงตัวของผิวหนังยืดหยุ่นดีไม่พบเหี่ยวหนังย่นของทารก ปัจจุบันน้ำหนัก 3,600 kg
ข้อวินิจฉัยข้อที่ 5 บิดามารดามีความวิตกกังวลเนื่องจากการเจ็บป่วยของทารก
ข้อมูลสนับสนุน เกณฑ์การประเมินผล
O: ขณะที่บิดามาสอบถามอาการของบุตร มีสีหน้าท่าทางที่วิตก 1.บิดาและมารดามีสีหน้าสดชื่นขึ้น และคลายความวิตกกังวลลดลง
กังวลและท่าทางกระวนกระวายคอยซักถามอาการของบุตรทุกวัน 2.บิดายอมรับในความเจ็บป่วยของทารก
O: มารดาบอกว่า บิดาต้องการให้ทารกออกจากโรงพยาบาล 3.บิดามารดามีการพูดคุย หัวเราะได้ กับบุตรและคนรอบข้างมากขึ้น
เร็วๆ
วัตถุประสงค์
เพื่อลดความวิตกกังวลของบิดาและมารดาในอาการเจ็บ
ป่วยของทารก
กิจกรรมการพยาบาล
1.อธิบายให้บิดามารดาทราบถึงอาการสุขภาพร่างกายของทารกและความจำเป็นถึงวิธีการรักษาพยาบาล พร้อมเหตุผลของการรักษาและบอกประโยชน์
ของเครื่องมือที่ใช้ในการรักษาทารกด้วยคำพูดที่เข้าใจง่าย
2.เปิดโอกาสให้บิดาและมารดาได้ซักถามปัญหาต่างๆเกี่ยวกับทารกพร้อมตอบคำถามข้อข้องใจ เพื่อให้บิดาและมารดาเข้าใจถึงปัญหาต่างๆที่กังวลใจ
3.อธิบายวิธีการรักษาพยาบาล พร้อมเหตุผลตามความเหมาะสมและความก้าวหน้าหรือความเปลี่ยนแปลงของการรักษาพยาบาลในแต่ละวันให้บิดา
มารดาได้รับรู้เพื่อให้บิดาและมารดามีความรู้ความเข้าใจในการรักษาของทารก
4.ให้กำลังใจและความมั่นใจว่าทารกจะได้รับการรักษาพยาบาลดูแลอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้บิดาและมารดาไว้วางใจและมั่นใจในประสิทธิภาพของ
การรักษา
5.ส่งเสริมให้บิดาและมารดามีความใส่ใจและสนใจดูแลทารก
6.เปิดโอกาสให้บิดาดูแลทารกได้ตามปกติ ถ้าไม่มีข้อห้ามหรือการรักษาที่ซับซ้อน เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการดูแลทารกและสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน
7.ส่งเสริมให้บิดาและมารดาได้ระบายความรู้สึกเศร้าโศกและความเครียด
8.ส่งเสริมให้บิดาและมารดาได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาทารก เพื่อส่งเสริมให้บิดามารดามีสิทธิในการตัดสินใจ
แผนการดูแลทารอย่างต่อเนื่อง
การวางแผนจำหน่าย D-METHOD
D (Disease) : อธิบายให้บิดามารดาทราบเกี่ยวกับโรคของทารก
อธิบายเกี่ยวกับภาวะสูดสำลักขี้เทาของทารกที่ทารกอยู่ในตู้อบว่าเป็นการรักษาทารกและอธิบายภาวะเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทารก เช่น ความผิด
ปกติระบบทางเดินหายใจ การติดเชื้อได้ง่าย เสี่ยงต่อจอประสาทตาเสื่อม เป็นต้น
M (Medication) : ความรู้เกี่ยวกับยา
อธิบายเกี่ยวกับยาที่ทารกได้รับ ให้แก่บิดามารดาได้รับทราบและปฏิบัติได้ถูกตอง ยาที่ทารกได้ขณะอยู่โรงพยาบาล ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียเพื่อลดการติด
เชื้อ,วิตามินป้องกันการขาดวิตามิน,ยาขับปัสสาวะ,เกลือแร่, แร่ธาตุ แนะนําเรื่องการฉีดวัคซีนให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีน
E ( Environment & Economic) : ความรู้เกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมที่บ้านเพื่อการส่งเสริมสุขภาพมารดาทารกและภาวะเศรษฐกิจ
- ดูแลให้ทารกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สะอาดและปลอดโปร่ง
- การจัดบริเวณที่ทารกอยู่ให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก จัดสิ่งแวดล้อมให้เป็นระเบียบ
- ไม่มีเสียงรบกวนหรือกลิ่นเหม็น มีการกําจัดขยะอย่างถูกวิธี
แผนการดูแลทารอย่างต่อเนื่อง
การวางแผนจำหน่าย D-METHOD
T (Treatment) : รู้ปัญหาการรักษาและมีทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติตามแผนการรักษาสามารถเฝ้าระวังสังเกตอาการของทารกได้
- บิดามารดารับทราบแนวทางการรักษาของแพทย์ การปรับเปลี่ยนทางการรักษาเมื่อทารกมีอาการ แนะนําให้ความรู้เรื่องการเฝ้าระวังและจัดการกับ
ภาวะฉุกเฉินอาการผิดปกติจัดการสิ่งแวดล้อมที่บ้านให้เหมาะสมกับ ภาวะสุขภาพ
H (Health) : เข้าใจภาวะสุขภาพของทารก และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ตามคำแนะนําในอาการและความเข้าใจในการติดตามรักษาอย่าง
ต่อเนื่องเมื่อกลับไปอยู่บ้านได้อย่างถูกต้อง
- แนะนําบิดามารดาในการอาบน้ำให้ทารกเมื่อกลับไปอยู่บ้าน โดยใช้น้ำอุ่นและไม่ให้มีลมโกรกพร้อมเตรียมอุปกรณ์ใหพรอม และห่อตัวทารกด้วยผ้าที่อุ่น
และแห้งทันที
O (Outpatient Referral) : เขาใจความสำคัญของการมาตรวจตามนัดทั้งเวลาและสถานที่
ชี้แจงใหบิดาและมารดาเขาใจถึงความสำคัญของการตรวจตามนัดและอาการผิดปกติที่ตองมาวันกอนวันนัด เช่น หายใจหอบเหนื่อยมากขึ้น มีไข ตัว
เหลืองมาก ชัก ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำ เป็นตน
D (Diet) : เข้าใจ และเห็นความสำคัญในการเลือกรับประทานอาหารได้ถูกตองสงเสริมและสนับสนุนใหมารดาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างเดียว
6 เดือน ถามีปญหาเรื่องการดูดนมของบุตรแนะนําใหมาตรวจที่คลินิกแม่และเด็กในวันและเวลาราชการ
สรุปและวิเคราะห์กรณีศึกษา
ทารกเพศชาย Term 38 weeks แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น Meconium Aspiration Syndrome น้ำหนัก แรกเกิด 3,400 กรัม
รอบอก 33 เซนติเมตร ส่วนสูง 47.2 เซนติเมตร รอบศีรษะ 35 เซนติเมตร สัญญาณชีพแรกเกิด T= 36.5 Co HR = 160 ครั้ง/นาที
RR = 60 ครั้ง/นาที O2 sat 85-92% ทารกสูดสำลักขี้เทา มีอาการหายใจลำบาก มี Retraction ที่ Subcostal Retraction มี
Secretion เยอะ จึงดูแล suction clear air way ต่อมาย้ายไป NICU ยังหายใจหอบเหนื่อย RR= 68-74 ครั้ง/นาที spaO2 88-94%
แพทย์เวรพิจารณาให้ on ETT with ventilator No. 3.5 ขีด 8.5 cm. ตั้งแต่วันที่ (31/10/2565-04/11/2564) เป็นเวลา 5 วัน ทารก
เริ่มมีอาการหายใจลำบากลดลง จึงเปลี่ยนให้ On O2 cannula 3 LPM
(05/11/2565) แพทย์สั่งเจาะสิ่งส่งตรวจ CBC, BUN, Cr, Elyte, Ca, Hct(51.9%), WBC=19,900 cell/mm, MCV=94fl,
MCH=31.3Pg ,Hb=17.3 g/dl RDW=18.6% ,Monocyte=12% พบว่า WBC=19,900 cell/mm (สูง) จึงได้รับยา Ampicillin INJ.
1gm. VIAL 163mg IV q 12hr. (100 MK dose) stat , Gentamicin INJ. 6.5Mg IV q 24 hr. ทารกได้รับสารน้ำ 10%D/W 250ml
Rate 15 ml/hr.เนื่องจากทารกดูดนมยังไม่มีประสิทธิภาพจึงได้ใส่ OG tube เริ่ม feed นม BM/PF 6 ml OG drip in 1hr.*8 feeds
by Syringe pump และเพิ่มขึ้นวันละ 3 ml รับ feed ได้ดี ไม่มีอาการท้องอืด ต่อมาทารกได้รับย้ายมาที่หอผู้ป่วยทารกแรกเกิด
(วันที่06/11/2565) วัดสัญญาณชีพได้ T= 37.2 Co HR = 160 ครั้ง/นาที RR = 60 ครั้ง/นาที O2 sat 96-97% ทารกยังคงมีภาวะ
หายใจหอบ Subcostal Retraction มี Secretion เยอะ
สรุปและวิเคราะห์กรณีศึกษา
Thank you
for
Attention