Professional Documents
Culture Documents
อิทธิพลของขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของรูจ่ายเชื้อเพลิงที่มีผลต่อประสิทธิภาพทางความร้อนของเตาแก๊สแบบ KB-5
อิทธิพลของขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของรูจ่ายเชื้อเพลิงที่มีผลต่อประสิทธิภาพทางความร้อนของเตาแก๊สแบบ KB-5
อิทธิพลของขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของรูจ่ายเชื้อเพลิงที่มีผลต่อประสิทธิภาพทางความร้อนของ
เตาแก๊สแบบ KB-5
Effect of Gas-Port diameter on Thermal Efficiency of KB-5 Gas Stove
สุรเดช สินจะโป๊ะ1, จัตุพล ป้องกัน1, ไพลิน หาญขุนทด2, รตินันท์ เหลือมพล2 และ บัณฑิต กฤตาคม2*
1
สาขาวิชาวิศวกรรมระบบราง สถาบันระบบรางแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
2
ห้องปฏิบัติการวิจัยการพัฒนาในเทคโนโลยีของวัสดุพรุน (Development in Technology of Porous Materials Research Laboratory: DiTo-Lab)
สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
744 ถนนสุรนารายณ์ ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา 30000
*ติดต่อ: E-mail: auto013_rmuti@hotmail.com และ bundit.kr@rmuti.ac.th, โทรศัพท์ 044-233-073 ต่อ 3410, โทรสาร: 044-233-074
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้จัดทาขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพทางความร้อน (th) ของเตาแก๊สหุงต้ม KB-5
(Katsura burner-5) ที่ใช้แอลพีจีเป็นเชื้อเพลิง ในการทดลองใช้หม้อหุงต้มขนาดเบอร์ 30 cm และต้มน้า 6.9 ลิตร ตาม
มาตรฐานอุตสาหกรรม มอก.2312-2549 แต่ขั้นตอนการทดลองเพื่อหา th จะเป็นไปตามมาตรฐานเยอรมัน DIN EN
203-2 อยู่ภายใต้อัตราการจ่ายเชื้อเพลิง (QF) 7 kW โดยงานวิจัยนี้ทาการออกแบบและเจาะรูพ่นเชื้อเพลิงแก๊สโดยใช้มุม
เอียงการจ่ายเชื้อเพลิง () และมุมการจ่ายเชื้อเพลิงหมุนวน () คือ 26o และ 15o ตามลาดับ กาหนดให้อัตราส่วนพื้นที่รู
พ่นเชื้อเพลิง (PAR) เท่ากับ 70% แต่จะทาการศึกษาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของรูจ่ายเชื้อเพลิง (d) 3 ค่า คือ 1.5, 2.0 และ
2.5 mm จะนิยามเรียกว่า เตาแก๊สหุงต้มแบบหมุนวน (Swirling burner, SB) นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบค่า th กับ
เตาแก๊สหุงต้มเชิงพาณิชย์ทั่วไป (CB) จากการทดลองพบว่าเตาแก๊สหุงต้มแบบ SB ทั้ง 3 แบบ สามารถต้มน้าให้เดือดได้เร็ว
กว่าเตาแก๊สหุงต้มแบบ CB และมีค่า th ที่สูงกว่า CB ซึ่งในกลุ่มของเตาแก๊ส SB ทั้ง 3 แบบนั้น มีข้อสังเกตว่า SB-70-2.5
จะให้ค่า th สูงที่สุด
คำหลัก: ประสิทธิภาพเชิงความร้อน, เตาแก๊สหุงต้ม KB-5, ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของรูจ่ายเชื้อเพลิง
Abstract
This paper aims to study the thermal efficiency (th) of KB-5 cooking-gas burner (Katsura
burner-5) using LPG as fuel. A vessel of 30 cm-diameter and boiling water of 6.9 Liter based on Thai
Industrial Standards (TIS) 2312-2549 were used. The German Industrial Standard or Deutsch Institute
Norms (DIN) DIN EN 203-2 was adopted to determine the th under the fuel rate input of 7 kW. In the
experimental design, the fuel ports were developed as inclined angle () of 26 degree and swirling
angle () of 15 degree. The port area ratios (PAR) was kept at 70% but three diameter of fuel port, i.e.,
1.5, 2.0 and 2.5 mm respectively, were examined. Therefore, a developed burner was defined as
การประชุมวิชาการเครือข่ายวิศวกรรมเครื่องกลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 33
วันที่ 2-5 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 จังหวัดอุดรธานี
AEC – 001
swirling cooking-gas burner (SB). Moreover, the th of the developed burner was compared with the
conventional cooking-gas burner (CB). From the experiment, it was found that the boiling time of three
SBs gave faster than the CB and the th yielded higher than the SB. It was noted that the th of
SB-70-2.5 had the maximum.
Keywords: thermal efficiency, KB-5 gas stove, gas-port diameter.
เตาแก๊ส หุง ต้ ม ในครั ว เรื อน [1] โดยทั่ ว ไปจะไม่ ไ ด้ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพเชิงความร้อน (th) ให้สูงขึ้นได้
หมายถึ ง เฉพาะที่ ใ ช้ ต ามบ้ า นเรื อ น แต่ จ ะรวมถึ ง ตาม อย่างชัดเจน ดังผลการศึกษาของนักวิจัยกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
ร้ า นอาหารตามสั่ ง ภั ต ตาคารต่ า ง ๆ หรื อ ใช้ ง านใน วิ เชี ย ร ตรีเวชอั กษร [2] ศึกษาทฤษฎีการเผาไหม้
อุตสาหกรรมขนาดเล็ก เตาแก๊สหุงต้มในครัวเรือนที่ใช้อยู่ รวมถึงการเผาไหม้ของเตาหุง ต้ม LPG เพื่อพัฒ นาและ
ในปั จ จุ บั น จึ ง มี ทั้ ง เตาแก๊ส ความดั น ต่ าและความดั น สู ง ปรับปรุงเตาหุงต้มแอลพีจีแบบ CB เป็น SB พบว่า th
ซึ่งมี การเผาไหม้แบบเปิ ด ไม่ส ามารถน าความร้อนที่ไ ด้ เพิ่ ม ขึ้ น 16% ต่ อ มา ณั ฐ วุ ฒิ รั ง สิ มั น ตุ ช าติ [3] น าเอา
จากการเผาไหม้มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เนื่องจากการ
เทคโนโลยี วั ส ดุ พ รุน มาประยุ กต์ ใ ช้ ในการส่ ง เสริม th
ถ่ า ยเทความร้ อ นจากเปลวไฟไปยั ง ภาชนะ ถู ก จ ากั ด
ของเตาแก๊สหุงต้ม KB-10 และทาการปรับปรุงลักษณ์การ
โดยการพาความร้อน (Heat convection) เป็นส่วนใหญ่
ฉีดแก๊สของวงแหวนหัวเตา จาก CB เป็น SB พบว่า th
จึ ง ท าให้ มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพเชิ ง ความร้ อ นไม่ สู ง เท่ า ที่ ค วร
เพิ่มขึ้น 20% ต่อมา วสันต์ โยคเสนะกุล [4] นาแนวทาง
ดั ง นั้ น จึ ง มี ค วามพยายามในการเพิ่ ม ประสิ ท ธิ ภ าพเชิ ง
ความร้อนของเตาแก๊สหุงต้มในหลายรูปแบบ หรือหลาย จาก ณัฐวุฒิ รังสิมันตุชาติ [3] มาพัฒนาต่อโดยจะยังคงใช้
วิธีการ โดยอาศัยอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งทุกรูปแบบหรือทุกวิธี เตาแก๊ส ขนาด KB–10 ทาการดัดแปลงหัว เผาจากแบบ
จะอยู่ บ นแนวความคิ ด และหลั กการใหญ่ ๆ เพี ย งสาม CB เป็น SB แล้วนามาประกอบเข้ากับโครงสร้างที่มีการ
รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบแรก คือ ลดการสูญเสียความร้อน หมุน เวีย นความร้อนด้ว ยวัส ดุพ รุน (Porous radiant
ด้วยฝาครอบแก๊สประสิทธิภาพสูงของกระทรวงพลังงาน recirculated burner, PRRB) พบว่าประสิทธิภาพเชิง
รูป แบบที่ ส อง คือ การอุ่น อากาศ โดยการประยุ กต์ ใ ช้ ความร้ อ นเพิ่ ม ขึ้ น 35.83% ส่ ง ผลให้ ใ นปี ถั ด มา จารุ ณี
เทคโนโลยี ของวั ส ดุ พ รุน และรูป แบบสุ ด ท้ า ย คือ การ จาบกลาง [5] ได้ใช้หลักการวัสดุพรุนคล้าย ๆ กับงานวิจัย
ปรับปรุงลักษณะการฉีดแก๊สของหัวเตา โดยการปรับปรุง ของวสัน ต์ โยคเสนะกุล [4] มาทาการพัฒ นาเพื่อเพิ่ม
จากหัวเตาแก๊สแบบเดิม (Conventional burner, CB) ประสิทธิภาพของเตา KB-5 ได้ผลการทดลองคือ เตา KB-5
เปลี่ ย นมาเป็ น การฉี ด แก๊ ส แบบหมุ น วน (Swirling มี th สูงขึ้นเช่นกัน ต่อมา เทวา จะทารัมย์ และคณะ [6]
Burner, SB) ซึ่ ง เป็ น ผลจากการหมุ น วนของเปลวไฟ ทาการดัดแปลงหัวเผาจาก CB เป็น SB ซึ่งมีทั้งหมด 9 แบบ
ก่อให้เกิดแรงเฉือนมีผลดีต่อการเผาไหม้ และการถ่ายเท และนาไปเปรียบเทียบกับเตาแก๊สหุงต้มเชิงพาณิชย์ทั่วไป
ความร้ อ น กล่ า วคื อ เพิ่ ม ระยะเวลาในการผสมของ (CB) ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน พบว่า เตาแก๊สหุงต้มแบบ SB
เชื้อเพลิงและอากาศเพิ่มเวลาและผิวสัมผัสในการสัมผัส สามารถต้มน้าให้เดือดได้เร็วกว่าเตาแก๊สหุงต้มแบบ CB
ของเปลวไฟกับภาชนะ ซึ่งทาให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ และมีค่า th ที่สูงกว่า CB โดยเฉพาะที่อัตรา การจ่าย
มากขึ้นรวมทั้งเพิ่มค่าสั มประสิท ธิ์การถ่ายเทความร้อน
การประชุมวิชาการเครือข่ายวิศวกรรมเครื่องกลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 33
วันที่ 2-5 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 จังหวัดอุดรธานี
AEC – 001
รูปที่ 3 ชุดอุปกรณ์ทดสอบหาประสิทธิภาพเตาแก๊สหุงต้ม
(ก) CB CB
Temperature ( C)
o
80
60
40
20
0 200 400 600 800 1000
Time (s)
รูปที่ 5 ความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิน้ากับเวลา
4.3 อุณหภูมิก้นหม้อ
รูปที่ 6 แสดงอุณหภูมิก้นหม้อในแนวรัศมีที่สภาวะ
QF = 7 kW ของเตาแก๊สทั้ง 4 แบบ โดยการวัดอุณหภูมิ
(ข) SB-60-1.5 (ค) SB-65-2.0 (ง) SB-70-2.5
ที่ตาแหน่งก้นหม้อประกอบไปด้วยตาแหน่งกึ่งกลางหม้อ
รูปที่ 4 ลักษณะของเปลวไฟ
(r = 0 cm) และวัดห่างออกไปตามแนวรัศมีด้วยระยะห่าง
การประชุมวิชาการเครือข่ายวิศวกรรมเครื่องกลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 33
วันที่ 2-5 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 จังหวัดอุดรธานี
AEC – 001
เท่ากัน 5 cm นั้นคือ (r = 5 cm) และ (r = 10 cm) การเผาไหม้สมบูรณ์ไม่แตกต่างกัน เนื่องจากมีอัตราการ
ตามลาดับ จากผลการทดลองพบว่าเตาแก๊สแบบ SB มี จ่ า ยเชื้ อ เพลิ ง (QF) ให้ แ ก่ ร ะบบที่ เ ท่ า กั น โดยทั่ ว ไป
อุณหภูมิก้นหม้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้นตามค่า d ที่เพิ่มขึ้น เพราะ เชื้อเพลิง LPG ค่อนข้างมีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์อยู่แล้ว
ค่า d เพิ่มขึ้นเวลาของการคลุกเคล้าและสัมผัสกันระหว่าง นอกจากนี้ยังมีข้อที่น่าสังเกตคือ ปริมาณ CO และ NOx
เชื้อเพลิงกับอากาศส่วนที่ 2 จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการ ของเตาแก๊สหุงต้มทั้ง 4 แบบ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต่า
เผาไหม้ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเตาแก๊ส SB ทั้ง 3 แบบ จะมี 50
QF = 7 kW
อุณหภูมิก้นหม้อเฉลี่ยสุงกว่า เตาแก๊สแบบ CB ซึ่งอธิบาย CO
NOX
mw = 6.9 L
40
ได้ด้วยกลไกการปะทะของเปลวไฟที่หมุนวนของเตาแก๊ส
อากาศส่ วนที่สองได้มากขึ้นช่วยให้เกิดการเผาไหม้ของ
20
เชื้อเพลิงได้ดี ส่งผลให้อุณหภูมิก้นหม้อของเตาแก๊สแบบ
SB จึงมีอุณหภูมิที่สูงกว่าแบบ CB 10
0
5 0 5 CB
0-1. 0-2. 0-2.
SB-7 SB-7 SB-7
30 ยัง ก้นหม้อได้มากกว่าแบบ CB
20 3) เตาแก๊สแบบ SB มีอุณหภูมิก้นหม้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
ตามค่า d ที่เพิ่ม ขึ้น ซึ่ง เมื่อค่า d เพิ่ม ขึ้น เวลาของการ
10
คลุกเคล้าและสัมผัสกันระหว่างเชื้อเพลิงกับอากาศส่วนที่ 2
0 จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และ
CB
5
-2.
-2.
-70
-70
-70
SB
SB
SB
เตาแก๊สแบบ CB ซึ่งอธิบายได้ด้วยกลไกการปะทะของ
รูปที่ 8 ประสิทธิภาพเชิงความร้อน
เปลวไฟที่หมุนวนของเตาแก๊สแบบ SB ไปยังก้นหม้อได้
ดีกว่าแบบ CB และการดึงอากาศส่ว นที่ส องได้ม ากขึ้น
5. สรุปผลการทดลอง
ช่วยให้เกิดการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงได้ดี ส่งผลให้อุณหภูมิ
จากการศึ ก ษาเตาแก๊ ส หุ ง ต้ ม KB-5 (Katsura-
ก้นหม้อของเตาแก๊สแบบ SB มีอุณหภูมิที่สูงกว่าแบบ CB
burner-5) ที่ทาการเจาะรูพ่นเชื้อเพลิงแก๊สโดยใช้มุม
4) ปริมาณ CO และ NOx ของเตาแก๊สแบบ SB จะ
และ คือ 26o และ 15o ตามลาดับ กาหนดให้ PAR เปลี่ยนแปลงตามค่า d เล็กน้อย และปริมาณ CO และ
เท่ากับ 70% และ d จานวนมี 3 ค่า คือ 1.5, 2.0 และ NOX ของเตาแก๊สทั้ง 4 แบบ จะมีระดับใกล้เคียงกันซึ่ง
2.5 mm ทาการทดสอบประสิทธิภาพเชิงความร้อนโดย แสดงให้เห็นถึงกระบวนการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงในแต่ละ
วิธี Boiling test ตามมาตรฐานเยอรมัน DIN EN 203-2 หัวเตาแก๊สมีการเผาไหม้สมบูรณ์ไม่แตกต่างกัน เนื่องจาก
สามารถสรุปได้ดังนี้ มีอัตราการจ่ายเชื้อเพลิง (QF) ให้แก่ระบบที่ เท่ากัน ซึ่ ง
1) ลักษณะเปลวไฟของหัวเตาแก๊ส CB จะมีลักษณะ ปริมาณ CO และ NOX ของหัว เตาทั้ง หมดถือว่า อยู่ใน
พุ่งตรงขึ้น ส่วนเปลวไฟของหัวเตาแก๊ส SB ทั้ง 3 แบบ จะ เกณฑ์ที่ต่า
มีเปลวไฟลักษณะหมุนวน และยังพบว่าสีเปลวไฟของเตา 5) เตาแก๊สแบบ SB จะมีค่า th เพิ่มขึ้นตามค่า d ที่
แก๊สแบบ SB จะแสดงเป็นสีน้าเงิน (Blue flame) อย่าง
เพิ่มขึ้น และค่า th สูงสุดจะเกิดขึ้นกับ SB-70-2.5 (th
เด่ น ชั ด ยิ่ ง ขึ้ น เมื่ อ ขนาดเส้ น ผ่ า ศู น ย์ ก ลางของรู จ่ า ย
= 40%) เพราะมีค่า d สูงที่สุด ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเมื่อค่า d
เชื้อเพลิง (d) มีค่ามากขึ้น เพราะเมื่อค่า d เพิ่มขึ้นเวลา
เพิ่ ม ขึ้ น เวลาของการคลุ ก เคล้ า และสั ม ผั ส กั น ระหว่ า ง
ของการคลุ ก เคล้ า และสั ม ผั ส กั น ระหว่ า งเชื้ อ เพลิ ง กั บ
เชื้อเพลิงกับอากาศ (อากาศส่วนที่ 2) จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้
อากาศ (โดยเฉพาะอากาศส่วนที่ 2) ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้
เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เป็นสภาวะที่เหมาะสม
เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ที่สุดของการเกิดเปลวไฟแบบหมุนวน นอกจากนี้ยังพบว่า
2) เตาแก๊ส SB จะใช้เวลาในการต้มน้าเดือดน้อยลง
ค่า th ของ SB ทั้ง 3 แบบ สูงกว่า CB ที่มีค่า th เพียง
ตามค่า d ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเตาแก๊ส SB-70-2.5 จะใช้เวลาใน
33% ซึ่งเหตุผลนี้สามารถอธิบายได้ด้วยคุณลักษณะของ
การประชุมวิชาการเครือข่ายวิศวกรรมเครื่องกลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 33
วันที่ 2-5 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 จังหวัดอุดรธานี
AEC – 001
เปลวไฟแบบหมุนวน ส่งเสริมให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ [5] จารุณี จาบกลาง (2549). การพัฒนาเตาแก๊สหุงต้ม
ซึ่งจะสอดคล้องกับกรณีของเวลาที่ใช้ในการต้มน้าของเตา ที่ มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพสู ง ชนิ ด ที่ มี ก ารหมุ น เวี ย นความร้ อ น,
แก๊สแบบ SB ใช้เวลาน้อยกว่าเตาแก๊สแบบ CB วิ ท ยานิ พ นธ์ ป ริ ญ ญาวิ ศ วกรรมศาสต รมหาบั ณ ฑิ ต
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, กรุงเทพฯ.
6. กิตติกรรมประกาศ [6] เทวา จะทารั ม ย์ , สมทวี หิ่ ง ห้ อ ย และอั ฐ กานต์
คณะผู้เขียนบทความขอขอบคุณ นายทศพล วรรณ เพ็ชรมาก (2555). การศึกษาอิทธิพลของคุณลักษณะรูพ่น
ทะมาศ, นายพรทวี บริสุทธิ์ และ นายณรงค์ฤทธิ์ วีระโห เชื้อเพลิงในเตาแก๊สหุงต้ม KB-10, ปริญญานิพนธ์ปริญญา
นักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคล
มหาวิ ท ยาลั ย เทคโนโลยี ราชมงคลอี ส าน ที่ ไ ด้ ให้ ความ อีสาน, นครราชสีมา.
ช่วยเหลือในการสร้างอุปกรณ์การทดลอง ตลอดจนเก็บ
ข้ อ มู ล ในการทดลอง และขอขอบพระคุ ณ สาขาวิ ช า
วิศ วกรรมเครื่องกล มหาวิ ท ยาลั ย เทคโนโลยีราชมงคล
อีส าน ที่ ไ ด้ ส นั บ สนุ น เงิ น ทุ น อุป กรณ์ การทดลอง และ
สถานที่ในการทดลอง เพื่อใช้ในงานวิจัยครั้งนี้ จนสาเร็จ
ลุล่วงไปด้วยดี
7. เอกสารอ้างอิง
[1] กระทรวงอุตสาหกรรม (2549). มาตรฐานผลิตภัณฑ์
อุตสาหกรรมเตาหุงต้มในครัวเรือนใช้กับก๊าซปิโตรเลียม
เหลว, แหล่ ง ข้ อ มู ล : URL:www.ratchakitcha.soc.go.
th/DATA/PDF/2550/E/040/17.PDF.
[2] วิ เ ชี ย ร ตรี เ วชอั ก ษร (2541). การปรั บ ปรุ ง
ประสิทธิภาพเตาหุงต้มแอลพีจีมาตรฐาน, วิทยานิพนธ์
ระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
ธนบุรี, กรุงเทพฯ.
[3] ณัฐวุฒิ รังสิมันตุชาติ (2544). การประยุกต์ใช้วัสดุ
พรุ น เพื่ อ การประหยั ด พลั ง งานในเตาแก๊ ส หุ ง ต้ ม ,
วิ ท ยานิ พ นธ์ ป ริ ญ ญาวิ ศ วกรรมศาสตรมหาบั ณ ฑิ ต
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, กรุงเทพฯ.
[4] วสันต์ โยคเสนะกุล (2548). หัวเผาเชื้อเพลิงแก๊สที่มี
การหมุ น เวี ย นความร้ อ นและการไหลแบบหมุ น วน ,
วิ ท ยานิ พ นธ์ ป ริ ญ ญาวิ ศ วกรรมศาสตรมหาบั ณ ฑิ ต
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, กรุงเทพฯ.