Professional Documents
Culture Documents
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (2557)
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (2557)
โครงการวิจยั เรื่อง
การกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทย
กับการเตรียมความพร้อมสู่ศตวรรษที่ 21
สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
รายงานผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์
โครงการวิจยั เรื่อง
การกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทย
กับการเตรียมความพร้อมสู่ศตวรรษที่ 21
สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
สารบัญ
หน้ า
4.2 ร ะ บ บ ก า ร ศึ ก ษ า เ รี ย น รู้ ภ า ย ใ ต้ บ ริ บ ท ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย แ ล ะ อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ข อ ง
ระบบการศึกษาไทย .................................................................................................... 111
4.2.1 เป้าประสงค์หลักของประเทศไทยและการศึกษาไทย ........................................... 112
4.2.1.1 เป้าประสงค์หลักของประเทศไทย ......................................................... .113
1) สถานภาพปจั จุบนั ของประเทศไทย (As-Is) ....................................... 113
2) เป้าประสงค์หลักของประเทศไทยทีพ่ งึ ประสงค์ (Should Be).............. 120
3) การวิเคราะห์ช่องว่าง (Gap Analysis) ............................................... 123
4.2.1.2 เป้าประสงค์หลักของการศึกษาไทย (Goals of Education) .................... 125
1) สถานภาพปจั จุบนั ของประเทศไทย (As-Is) ....................................... 125
2) เป้าประสงค์หลักของระบบการศึกษาไทย
ในศตวรรษที่ 21 (Should Be) ..................................................... ….134
3) การวิเคราะห์ช่องว่าง (Gap Analysis) ............................................... 137
4.2.1.3 กรอบเป้าประสงค์หลักระดับมหภาคของการศึกษาไทย
(Macro Objective) ................................................................................ 140
4.2.1.4 สภาวการณ์ของการศึกษาไทยในปจั จุบนั และประเด็นความท้าทาย ....... 144
1) ประเด็นด้านโอกาสทางการศึกษา ................................................... 147
2) ประเด็นด้านคุณภาพ ...................................................................... 164
ก) กรณีศกึ ษาปจั จัยทีส่ ่งผลต่อผลสัมฤทธิ ์ทางการศึกษา:แบบจาลอง
ศึกษาปจั จัยทีส่ ่งผลต่อผลสัมฤทธิ ์ทางการศึกษา ........................ 173
ข) กรณีศกึ ษาการพัฒนาระบบอาชีวศึกษา .................................... 184
i) ระบบอาชีวศึกษาในประเทศไต้หวัน ................................... 184
ii) ระบบอาชีวศึกษาในประเทศเกาหลีใต้ ................................ 191
iii) ระบบอาชีวศึกษาในประเทศสิงคโปร์.................................. 197
iv) ระบบอาชีวศึกษาในประเทศไทย ....................................... 206
3) ประเด็นด้านประสิทธิภาพ............................................................... 218
สารบัญ
หน้ า
ภาคผนวก
สถาบัน บัณ ฑิต บริห ารธุ ร กิ จ ศศิ น ทร์ แห่ ง จุ ฬ าลงกรณ์ ม หาวิท ยาลัย และคณะวิจ ัย
ขอ ขอ บคุ ณ ส านั ก นโย บายแล ะแผนการศึ ก ษ า ส านั ก งานเล ขา ธิ ก ารสภาการศึ ก ษ า
กระทรวงศึกษาธิการ ที่ใ ห้ก ารสนับสนุ นการวิจยั และคณะวิจยั ขอขอบคุ ณทุกท่านที่ได้ใ ห้ข้อมูล
ข้อเสนอแนะ ตลอดจนแลกเปลีย่ นความคิดเห็นทีเ่ ป็ นประโยชน์ต่อการวิจยั ในครัง้ นี้ โดยเฉพาะอย่าง
ยิง่ คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ประธานกรรมการ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่ งชาติ คุ ณ มีชยั วีระไวทยะ นายกสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน ดร.อาจอง ชุมสาย ณ
อยุธยา ผู้บริหารสูงสุด โรงเรียนสัตยาไสย ศาสตราจารย์ศรีราชา เจริญพานิช ผูต้ รวจการแผ่นดิน
ศาสตราจารย์นายแพทย์ว ิจารณ์ พานิช คุ ณทนง โชติส รยุทธ์ รศ.ลัดดา ภู่เ กียรติ ดร.ยงยุทธ
แฉล้มวงษ์ อาจารย์วรวิทย์ กุลจิรกาญจน์ คุณอิสดอร์ เรโอด์ รวมทัง้ ผู้เข้าร่วมประชุมระดมความ
คิดเห็นและการสัมมนาทุกท่าน
หากรายงานวิจยั ฉบับ นี้ม ีข้อ บกพร่อ งประการใด คณะวิจ ยั ขอน้ อ มรับไว้ และขออภัยมา
ณ ทีน่ ้ดี ว้ ย
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
บทสรุปผูบ้ ริหาร
บทนา
1.1 หลักการและเหตุผล
การศึกษาเป็ นกลไกหลักในการพัฒนา ส่งเสริม ปลูกฝงั แนวความคิด ความรู้ ให้กบั พลเมือง
และสังคมโดยรวมของทุกประเทศ ดังนัน้ การศึกษาจึงเป็ นตัวแปรหลักของความสามารถในการ
แข่งขันระยะยาว (Long Term Competitiveness) การออกแบบการศึกษาจึงเป็ นข้อต่อสาคัญของ
การพัฒนาประเทศในทุกด้านทีเ่ กีย่ วข้องกับมนุษย์และสังคม
บริบททีส่ าคัญในการออกแบบการศึกษาในปจั จุบนั ก็คอื พลวัตการเปลีย่ นแปลงโลกจากการ
ก้าวผ่านจากศตวรรษที่ 20 เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 กระแสการเปลี่ยนแปลงโลกได้ส่งผลกระทบทัง้ ทาง
สังคม เศรษฐกิจ สิง่ แวดล้อม และการเมืองของทุกประเทศ กระแสการเปลีย่ นแปลงทีช่ ดั เจนถูกหยิบ
ยกขึน้ มาเป็ นปจั จัยการเปลี่ยนผ่าน เช่น การปฏิวตั ิ Arab Spring ผ่านการใช้เทคโนโลยี Social
Media การก้าวขึน้ มาทางเศรษฐกิจของเอเชีย หรือภาวะอากาศเปลีย่ นแปลง เป็ นต้น คนในโลกยุค
ใหม่ท่ามกลางพลวัตการเปลีย่ นแปลงดังกล่าวจึงต้องมีความพร้อมทีจ่ ะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง
การเปลีย่ นผ่านเหล่านี้ หากสังคมหรือพลเมืองขาดความพร้อมในการก้าวผ่านก็จะทาให้ป ระเทศไม่
สามารถเดินต่อได้จนเสี่ยงกับการเป็ นรัฐที่ล้มเหลว ประเทศไทยก็จาเป็ นต้องก้าวสู่ศตวรรษที่ 21
เช่นกัน ดังนัน้ การเตรียมความพร้อมคนไทย เพื่อการนาพาสังคมและประเทศไปสู่โลกที่ 1 จึงเป็ น
จุดหัวเลีย้ วหัวต่อ (Critical Point) ของชาติทไ่ี ม่อาจหลีกเลีย่ งได้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประเทศไทยยังคงขาดความชัดเจนในการกาหนดเป้าประสงค์หลัก
ของการศึกษา (Objective Function) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็ นผลสุทธิของระบบ หรือปลายทางที่
การศึก ษาต้อ งพัฒนาและเสริมสร้างให้พลเมืองและสังคมสามารถอยู่ได้อ ย่างภาคภูม ิ แต่ การตัง้
เป้าประสงค์หลักของการศึกษาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถพัฒนามนุ ษย์และสังคมได้ หากแต่ต้องมี
กลไกการขับเคลื่อนแนวนโยบายและยุทธศาสตร์ทป่ี ฏิบตั ไิ ด้จริง โดยการดาเนินการจะต้องเข้าใจถึง
ทัง้ บริบ ทการเปลี่ย นแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 พื้น ฐานปรัช ญาการศึก ษาไทย รวมถึง
องค์ประกอบของสภาพแวดล้อมการดาเนินชีวติ ของผูเ้ รียน โดยความเข้าใจเหล่านี้ควรเป็ นความรู้
พื้นฐานที่สนั ้ กระชับ เข้าใจง่าย และมีแนวปฏิบตั ิท่ชี ดั เจน โดยบุคคลในวงการศึกษาไทยตัง้ แต่ผู้
กาหนดนโยบาย ผูม้ สี ่วนร่วมทัง้ ภาครัฐและเอกชน ตราบไปจนถึงตัวผู้เรียนเองจะต้องมีความเข้าใจ
ในแนวปฏิบตั แิ ละมีส่วนร่วมในการปฏิบตั อิ ย่างเพียงพอ ซึง่ แนวปฏิบตั เิ หล่านี้บางส่วนอาจไม่ใช่การ
เปลี่ยนแปลงที่ละน้ อย (Incremental Change) แต่อ าจจาเป็ นต้อ งเปลี่ยนถึงรากฐานแนวคิด
i
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1.2 วัตถุประสงค์
1) เพื่อศึกษาสภาวการณ์การเปลีย่ นแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 ทีม่ นี ัยสาคัญต่อการจัด
การศึกษาไทย และกาหนดภาพรวมของเป้าประสงค์หลักของการจัดการศึกษาของไทย
2) เพื่อ ศึ ก ษาวิเ คราะห์ ป ระเด็น ท้ า ทายของการจัด การศึก ษาของไทยในการบรรลุ
เป้าประสงค์หลัก ภายใต้บริบทของการเปลีย่ นแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21
3) เพื่อ จัด ท าข้อ เสนอแนะแนวทางการพัฒ นาการศึก ษาไทยเพื่อ เตรีย มความพร้อ มสู่
ศตวรรษที่ 21 รวมทัง้ กลไกการขับเคลื่อนไปสู่ภาคปฏิบตั ิ
ii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สภาวการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 ที่มีนัยสาคัญต่อการ
จัดการศึกษาไทย และกาหนดภาพรวมของเป้าประสงค์หลักของการจัด
การศึกษาของไทย
iii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภาพรวมของเป้าประสงค์หลักของการจัดการศึกษาของไทย
เป้าประสงค์หลักของประเทศไทย
เป้า ประสงค์ของการพัฒนาสัง คมไทยประกอบด้ว ย 4 ด้า นคือ สังคมแห่ งโอกาส
(Opportunity Society) สังคมทีส่ ามารถ (Productive Society) สังคมทีเ่ ป็ นธรรม (Just Society)
และสังคมคุณธรรม (Moral Society) โดยรายละเอียด มีดงั นี้
ภาพเป้ าประสงค์หลักของประเทศไทย
v
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ปรัชญาการศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21
ปรัชญาพื้นฐานทีเ่ ป็ นรากฐานแห่งระบบการศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21 จะต้องเปลีย่ นไป
จากเดิม ดังนี้
1. ปรับเปลี่ยนอัตลักษณ์ (Identity) คนไทย จากเดิมแต่ละคนมีสถานะเป็ นแค่เพียง
พลเมืองไทย (Thai-Thai) สู่ความเป็ นคนไทยที่เป็ นส่วนหนึ่งของพลเมืองโลก
(Global-Thai) ซึ่งหมายถึงความจาเป็ นทีจ่ ะต้องมีความรูค้ วามเข้าใจเกี่ยวกับพลวัต
การเปลี่ยนแปลงในประชาคมโลก เครือ ข่า ยของประชาคมโลก รวมถึง การปลุ ก
จิตสานึกต่อโลก
2. ปรับเปลี่ยนจุดเน้ น (Reorientation) จากการเน้นการสร้างคนเพื่อป้อนการเติบโต
ทางเศรษฐกิจ (People for Growth) เพื่อตอบโจทย์สงั คมอุตสาหกรรมเพียงอย่าง
เดียวไปสู่การเน้ นการสร้างการเติบโตเพื่อรองรับการสร้างและปลดปล่อยศักยภาพ
ของผูค้ นในสังคม (Growth for People) เพื่อตอบโจทย์สงั คมองค์ความรู้
3. ปรับเปลี่ยนกระบวนทรรศน์ (Paradigm) จากความพยายามเอาชนะธรรมชาติ
(Controlling Nature) มาเป็ นการอยู่รวมกับธรรมชาติ (Living with Nature) พัฒนา
อย่างยังยื่ น
4. ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรม จากการเป็ นสังคมที่คนมุ่งมันแข็ ่ งขันฟาดฟนั ต้องเอาชนะ
ผู้อ่ ืน (Competition-Driven) มาเป็ นการทางานร่ว มกับ คนอื่นในลักษณะเกื้อ กู ล
แบ่งปนั (Collaborative-Culture) คนเก่งช่วยเหลือคนทีด่ ้อยกว่าเรียกหาสิง่ ทีด่ ที ่สี ุด
สาหรับตนเองและส่วนรวมไปพร้อมๆกันผูค้ นมีความเมตตาดาเนินชีวติ ในความเป็ น
มิตรไมตรีจติ ต่อกันและกัน
5. ขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่โลกที่ หนึ่ ง (First World Nation) จากทีม่ องแต่การมุ่ง
ไปสู่การเป็ นประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Country) ซึง่ ให้ความสาคัญแต่มติ ิ
เศรษฐกิจเป็นสาคัญมาเป็นการคานึงถึงประเด็นด้านสังคม วัฒนธรรม โดยเฉพาะการ
สร้างเกียรติภูมใิ นความเป็ นชาติ (Dignity of Nation) ให้คนไทยมีความเข้าใจใน
ประวัตศิ าสตร์และวัฒนธรรมของชาติไทย มีจติ สานึกและตระหนักในคุณค่าของความ
เป็ นไทย ก่ อเกิดเป็ นความรักความภูมใิ จ ทุ่มเทกาลังกายใจเพื่อ ประโยชน์ สุ ขของ
ประเทศชาติ
vi
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ปรัชญาการศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21
ปรัชญา ปรัชญา
ในศตวรรษที่ 20 ในศตวรรษที่ 21
Thai-Thai Global-Thai
Competition-driven
Competition-Driven Collaborative-Culture
Collaborative Culture
Culture
vii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
เป้าประสงค์ของการศึ กษาไทย
โมเดลการกาหนดลักษณะอันพึงประสงค์ของคนไทยในศตวรรษที่ 21
viii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ประเด็นท้าทายของการจัดการศึกษาของไทยในการบรรลุเป้าประสงค์หลัก
ภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21
แนวโน้ ม สภาวการณ์ ก ารเปลี่ยนแปลงของโลกดังที่ได้กล่าวข้างต้น ย่อ มจะส่ งผลอย่างมี
นัยสาคัญต่อการบรรลุเป้าประสงค์หลักของการจัดการศึกษาไทย ทัง้ ในด้านคุณภาพการศึกษา การ
เข้าถึงและเท่าเทียม ประสิทธิภาพ และปรับตัวเข้ากับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ใน
ศตวรรษที่ 21 ดังนัน้ ประเทศไทยต้องก้าวเข้าสู่กระแสใหม่ของการเปลีย่ นแปลง โดยเฉพาะอย่างยิง่
ระบบเศรษฐกิจฐานความรู้ (Knowledge-Based Economy) ซึง่ ต้องให้ความสาคัญกับการพัฒนาทุน
มนุ ษย์ (Human Capital) การใช้และต่อยอดองค์ความรู้ การให้ความสาคัญกับการวิจยั และพัฒนา
การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (Science, Technology and Innovation) ดังนัน้
ประเทศไทยจึงจาเป็ นต้องมีการวางแผนการพัฒนากาลังคนทีเ่ หมาะสม และจัดการศึกษาให้สอดรับ
กับกระแสการเปลีย่ นแปลง
ทัง้ นี้จากการวิเคราะห์บริบทกระแสการเปลีย่ นแปลงและแรงขับเคลื่อนในระดับต่างๆ นามา
ซึง่ ประเด็นท้าทายของระบบการศึกษาที่จาเป็ นต้องสามารถตอบสนองกับความท้าทายเหล่านี้ให้ได้
ทัง้ ในระดับมหภาคด้านการวางแผนกาลังคน และระดับปจั เจกซึง่ เป็ นคุณลักษณะของคนไทย ได้แก่
ระดับมหภาค
- การยกระดับ การศึ ก ษาเพื่ อ พัฒ นาผู้เ รี ย นให้ มี คุณ ภาพ สอดคล้ อ งกับ การ
วางแผนกาลังคนส่ งเสริ มการเรียนรู้ตลอดชี วิตและหนุ นเสริ มการพัฒนาทุน
มนุษย์อย่างเป็ นองค์รวมของประเทศเพื่อเพิม่ ขีดความสามารถในการแข่งขันของ
ประเทศ (Competitiveness) น าประเทศก้ า วพ้น กับ ดัก ประเทศรายได้ป านกลาง
(Middle-Income Trap) ขณะเดียวกันก็เ ป็ น การพัฒนาอย่างสมดุล คนไทยและ
สังคมไทยอยูอ่ ย่างมีความสุข และมีการกินดีอยูด่ ี (Well-being Nation)
- การสร้ า งสั ง คมแห่ ง ปั ญ ญา(Wisdom-based Society) และการสร้ า ง
สภาพแวดล้อมที่ เอื้อต่ อการเรียนรู้ (Learning Supportive Environment) ด้วย
การเปลี่ยนแปลงด้วยกระบวนทัศน์ใหม่ (ParadigmShift) ปฏิรูปสังคม ขับเคลื่อนให้
เกิดวัฒนธรรมการเรียนรูต้ ลอดชีวติ
ix
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ระดับปัจเจก
- การสร้างมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีจิตที่ พร้อม มีความแข็งแกร่งในสมรรถนะหลัก
สอดรับศักยภาพการเรียนรู้ของทุ กคน โดยอาศัย การศึกษาเป็ นเครื่อ งช่ว ยบ่ม
เพาะคนไทยให้เป็ นคนไทยทีม่ ศี กั ยภาพ กล่อมเกลาให้เป็ นคนทีม่ คี ุณธรรม จริยธรรม
มีความสุข ช่วยนาประเทศไปสู่ระดับการพัฒนาอย่างสมดุลและยังยื ่ น มิใช่การมุ่งเน้น
เพียงผลสัมฤทธิ ์ทางวิชาการหรือการสอบเพื่อคะแนนอย่างเดียวอีกต่อไป
แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ศตวรรษที่ 21
รวมทั้งกลไกการขับเคลื่อนไปสู่ภาคปฏิบตั ิ
บทเรียนจากประสบการณ์ต่างประเทศ
นโยบายและยุทธศาสตร์การศึกษา
- สร้างระบบการศึกษาที่มีคณ ุ ภาพ เน้ นการสร้างพื้นฐาน (Foundation) ที่มนคง
ั่
และบูรณาการเพื่อรองรับการศึกษาและการเรียนรู้ ตอบสนองต่ อสังคมแห่ ง
การเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 ให้ความสาคัญกับเรื่องความมีประสิทธิภาพ
ส่งเสริมความเท่าเทียม และเน้นการสร้างสมดุล
- สร้างพลเมืองคุณภาพ คนที่ สมบูรณ์ ทุกด้ าน ช่วยให้พบความสามารถพิเศษ
รับรูศ้ กั ยภาพ และมีความกระหายใคร่เรียนรูต้ ลอดชีวติ
- รูปแบบการบริ ห ารจัด การ สร้า งสมดุล ระหว่ างการรวมศูน ย์และการกระจาย
อ านาจ เน้ น การบริห ารการศึก ษาด้ว ยท้ อ งถิ่น มากขึ้น โดยส่ ว นกลางเป็ น ผู้
วางเป้ าหมายและแนวทางส าหรับ การศึ ก ษาของประเทศ และให้ อิ ส ระกั บ
สถานศึกษาในการวางหลักสูตรและการเรียนการสอนได้อย่างยืดหยุ่น และเน้นการ
มีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
สภาพแวดล้อมการเรียนรู้
- การจัด การเรีย นการสอน ยึดหลัก การดูแลแบบครบวงจรและเท่าเทียม เปิ ด
โอกาสให้ครูเลือกวิธกี ารทีเ่ หมาะกับนักเรียนของตนได้อย่างอิสระ ส่งเสริมให้ผเู้ รียน
ค้น พบความสามารถตนเอง แรงใจ (Passion) ในการเรีย นรู้ต ลอดชีว ิต สร้า ง
สภาพแวดล้อมทีท่ ้าทายและสนุ กสนาน ผสมผสานการเรียนในห้องเรียนและนอก
ห้องเรียนอย่างสมดุล
x
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
xi
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการศึ กษาไทยเพื่อเตรียมความพร้อม
สู่ศตวรรษที่ 21
แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยเพือ่ เตรียมความพร้อมสู่ศตวรรษที ่ 21 จะประกอบ
ไปด้วยแนวทางในการดาเนิ นการทีส่ าคัญทัง้ การ “ซ่ อม” และการ “สร้าง” ควบคู่กนั ไป เพื่อ
เป็ นการปรับแต่ง ซ่อมแซมกลไกการศึกษาเดิมให้ดยี งิ่ ขึน้ และสร้างเสริมกลไกใหม่ๆ ให้เกิดขึน้ เพื่อ
ตอบสนองพลวัตรการเปลี่ยนแปลงแห่งศตวรรษที่ 21 รวมถึงสร้างพลังของการเปลี่ยนแปลงของ
สังคมไทย เพื่อก้าวสู่การสร้างสังคมแห่งปญั ญาการเรียนรูอ้ ย่างสร้างสรรค์ ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดผล
ในการพัฒนาการศึกษาเรียนรู้ของไทยในทางปฏิบตั ิอย่างยังยื ่ นและสมดุล เป็ นรากฐานของการ
พัฒนาประเทศอย่างแท้จริง
ซ่อม
1. ปฏิรปู ระบบการผลิตครูและพัฒนาศักยภาพครูประจาการ
2. ปฏิรปู การเรียนรูแ้ ห่งศตวรรษแห่ง 21 และส่งเสริมการเรียนรูต้ ลอดชีวติ
3. ปฏิรปู ระบบการประเมิน เน้นการประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ (Formative
Assessment)
4. ปฏิรปู เชิงโครงสร้าง และบริหารการเปลีย่ นแปลง ตลอดจนปฏิรปู ระบบการบริหาร
จัดการ (Management System)
สร้าง
ั ญา (Wisdom-based Society) ส่ งเสริม การเรีย นรู้ต ลอดชีว ิต
5. สร้า งสัง คมแห่ ง ป ญ
(Lifelong Learning) และสร้างสภาพแวดล้อมทีเ่ อื้อต่อการเรียนรู้ (Supportive Learning
Environment) เพื่อสร้างมนุษย์ทส่ี มบูรณ์ (ไม่ใช่แค่เน้นแต่วชิ าการ)
xii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ซ่อม
1. ปฏิรูประบบการผลิตครูและพัฒนาศักยภาพครูประจาการ
แนวนโยบาย:
1.1 ระบบการผลิ ต “ว่ า ที่ ค รูป ระจ าการ” ควรมี ก ารปรับ ปรุง เปลี่ ย นแปลงอย่ า ง
เร่งด่วน
- เร่งปฏิ รูประบบการผลิ ตครู สถาบันที่ ผลิ ตครูควรผลิ ตครูในสาขาที่ สถาบัน
นั ้น มี ค วามเชี่ ย วชาญ ศัก ยภาพและความพร้ อ มของสถาบัน ซึ่ง จะเป็ น
ประโยชน์ทงั ้ ในการบ่มเพาะบุคลากรที่มคี ุณภาพ อีกทัง้ มีกลุ่มเป้าหมายผูเ้ รียนครูท่ี
ชัดเจน เนื่องจากในปจั จุบนั แม้ว่าจะมีปริมาณครูท่จี บมาจานวนมาก แต่มปี ญั หา
เรื่องคุณภาพครู เกิดความขัดแย้งทางอุปทาน (Paradox) กล่าวคือ มีบุคลากรที่
ผลิตจานวนมาก แต่ก็มคี วามขาดแคลนครู มาตรฐานแตกต่างกันระหว่างสถาบัน
โดยเฉพาะประเด็นด้านคุณภาพ ดังนัน้ จึงจาเป็นต้องเร่งปฏิรปู ระบบการผลิตครู
- ผสมผสานบูรณาการตัง้ แต่ ข นั ้ ตอนการผลิ ตครู เพื่ อ บ่ มเพาะความเป็ นครู
ทักษะการสอน เพื่อแก้ปญั หาข้อจากัดกระบวนการเรียนการสอนของสถาบันผลิต
ครูในปจั จุบนั ยังค่อนข้างแยกส่วนระหว่างการสอนทฤษฎี และการปฏิบตั ิ หรือเป็ น
การฝึกฝนทีไ่ ม่ลุ่มลึกอีกทัง้ ไม่มกี ารสอนการวิเคราะห์ห ลักสูตร ส่งผลให้ขาดการบ่ม
เพาะความเป็ นครูท่เี ข้มข้น และบัณฑิตที่จบแล้วเมื่อเข้าเป็ นครูประจาการจึงขาด
xiii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
xiv
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
แนวนโยบาย:
• มีเ ป้ าประสงค์ข องนโยบายการศึ กษาที่ ส มดุล และหลากหลาย ออกกฎหมายเพื่อ
ส่งเสริมสนับสนุ นให้การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เข้ามามีบทบาทในการ
พัฒนาคุณภาพชีวติ ของประชาชนให้ มากยิง่ ขึ้นในรูปแบบต่างๆ เช่น หลักสูตรการศึกษา
ผู้ใหญ่ การฝึ กอบรมต่อเนื่องเพื่อพัฒนาให้ประชาชนทุกวัยของประเทศมีความรู้ เป็ นการ
เพิม่ ศักยภาพของประชากร
• ออกแบบหลักสูตรที่ เน้ นการเรียนรู้อย่างกว้างขวางและเป็ นองค์รวม (Broad-Based
and Holistic Learning) ควรเน้ น วิ ธีการสอน กระบวนการเรียนรู้ การบูรณาการ
เนื้ อ หาสาระวิ ช าต่ า งๆเข้ า ด้ ว ยกัน มากกว่ า เนื่ อ งจากในป จั จุ บ ัน การเปลี่ย นแปลง
หลัก สูต รที่บ่อ ยสร้างภาระให้กับครูและโรงเรียนในการบริหารจัดการ อีกทัง้ เนื้อ หาของ
หลักสูตรไม่ได้เปลีย่ นแปลงมาก เป็นการเปลีย่ นเนื้อหาสาระ
xv
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
xvi
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3. ปฏิรูประบบการประเมินผล
ประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู ้ ประเมินอย่างสร้างสรรค์
เพื่อบ่มเพาะทักษะ “เรียนรูท้ ่ีจะเรียน”
แนวนโยบาย:
เน้ นการประเมิ นพัฒนาการ (Formative Assessment) เป็ นหลัก เพื่อกระตุ้นการ
เรียนรู้ การคิ ด และก่อให้เกิ ดการพัฒนาตัวผูเ้ รียนอย่างแท้ จริ ง เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง
วัฒนธรรมในห้องเรียน เปิ ดโอกาสให้ครูจะต้องใช้วธิ กี ารเรียนการสอนแตกต่างกันไป
บทเรียนอาจเกิดจากวิธกี ารที่หลากหลาย ช่วยสร้างให้นักเรียนมีทกั ษะ “เรียนรู้ท่จี ะ
เรียน” (Learning to Learn) โดยครูอาจใช้วธิ กี ารทีผ่ สมผสานกันในการประเมินความ
เข้าใจของนักเรียน ทัง้ นี้ครูต้องให้ขอ้ เสนอแนะ (Feedback) ทางวาจาหรือเป็ นลาย
ลักษณ์อกั ษรเพื่อกระตุน้ ให้เกิดพัฒนาการเรียนรู้
ควรมีการประเมิ นประสิ ทธิ ผลของครูโดยใช้ ผลการเรียนรู้ของนักเรียน มีการ
ส่ งเสริม การออกแบบกิจกรรมในชัน้ เรีย นให้ส อดคล้อ งกับเป้าหมายทางการศึก ษา
ส่งเสริมยุทธศาสตร์ในการเรียนของผูเ้ รียนทีถ่ ูกต้อง และมีการจัดการทีด่ กี บั ปญั หาการ
ขาดเรียนของนักเรียน
ส่ งเสริ มการเปิ ดเผยข้อมูลผลการเรียนแก่ ผ้ปู กครองโดยมีการเปรียบเที ยบกับ
มาตรฐานในระดับต่ างๆ เช่น ระดับพืน้ ที่หรือระดับชาติ และส่งเสริมบรรยากาศแห่ง
การแข่งขัน ระหว่างโรงเรียนเพื่อ ให้เ กิด การพัฒนาประสิทธิภาพของโรงเรียนอย่า ง
ต่อเนื่อง
xvii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4. ปรับรูปแบบการบริหารจัดการ
จัดให้มีรูปแบบการบริหารจัดการที่หลากหลาย
มีความอิสระ สอดคล้องกับศักยภาพและความพร้อมของโรงเรียนและชุ มชน
เพื่อลดการรวมศูนย์ และลดภาระของภาครัฐ
แนวนโยบาย:
ปฏิ รูป เชิ ง โครงสร้ า ง และพิ จ ารณาปรับ รูป แบบการบริ ห ารจัด การ โดยปรับ
รูปแบบการบริ ห ารจัด การ ความเป็ นอิ ส ระสอดคล้ อ งกับศักยภาพ และความ
พร้ อ มของสถาบั น การศึ กษาต่ างๆ เพื่ อ ลดภาระ งบประมาณในกรณี
สถาบันการศึกษาที่ มีความพร้อมในการบริ หารจัดการ และเปิ ดโอกาสให้ ชุมชน
เข้าร่วมพัฒนา เนื่องจากปจั จุบนั งบประมาณไม่เพียงพอเนื่องจากปญั หาเชิงโครงสร้าง
ที่ภ าคการศึ ก ษามีข นาดใหญ่ มีฟ งั ก์ ช ัน่ การท างานที่ซ้ า ซ้ อ น ค่ อ นข้า งรวมศู น ย์
งบประมาณส่วนใหญ่จาเป็ นต้องจัดสรรเพื่อเป็ นงบประจา ทาให้มงี บประมาณเพื่ อการ
ลงทุนพัฒนาในสัดส่วนที่น้อย อีกทัง้ การจัดสรรงบประมาณเท่ากันถัวเฉลี่ยรายหัว ไม่
สอดคล้องกับต้นทุน บริหารจัดการสถานศึกษา เนื่องจากโรงเรียนมีต้นทุนคงที่ในการ
บริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณอย่างถัวเฉลีย่ ทาให้โรงเรียนได้รบั ทรัพยากรอย่าง
ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิง่ โรงเรียนขนาดเล็กและขนาดกลาง
xviii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
xix
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สร้าง
5. สร้างสังคมแห่งปั ญญา (Wisdom -based Society) ด้วยการสร้าง
สภาพแวดล้อมที่เอื้ อต่อการเรียนรู ้ (Supportive Learning
Environment)
xx
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
เปิ ดโอกาสให้ ค รูเลื อ กวิ ธี การที่ เ หมาะกับ นั ก เรี ย นของตนได้ อ ย่ า งอิ ส ระ เปิ ด
โอกาสให้บคุ คลต่างๆ ในสังคมหรือชุมชน มาเป็ นผู้ถ่ายทอดความรู้ เช่น ปราชญ์
ชุมชน ผู้ปกครอง รุ่นพีต่ วิ รุ่นน้อ ง ผู้ประกอบการฯลฯ (เช่น ให้ผเู้ ชี่ยวชาญสามารถลา
งานมาสอนได้)
ส่ งเสริ มการเรี ยนรู้ของผู้เรี ยน และประชาชนทัวไปที ่ ่ สนใจเรี ยนรู้ ได้ มีโอกาส
เรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) อาทิ
- พัฒ นาแหล่ ง การเรี ย นรู้ที่ ส่ ง เสริ ม การเรี ย นรู้ โดยรัฐ ควรจัด พื้น ที่ส าธารณะ
(Public Space) ทีส่ ่งเสริมการเรียนรูข้ องผูเ้ รียน และประชาชนทัวไปที ่ ส่ นใจเรียนรู้
ได้มโี อกาสเรียนรูต้ ลอดชีวติ ตลอดจนส่งเสริมภาคส่วนอื่นๆ ที่มคี วามพร้อมและมี
ศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็ นภาคเอกชน หรือท้อ งถิ่น ส่ งเสริมให้ภาคส่ วนต่างๆ สร้าง
พืน้ ทีแ่ พล็ตฟอร์มเปิด (Open Platform) ทีเ่ อื้อต่อการเรียนรูต้ ลอดชีวติ ในการจัด
พืน้ ทีเ่ ปิด (Open Spaces) ทีเ่ ป็นแหล่งเรียนรูต้ ลอดชีวติ แก่ประชาชน
- จัดปัจจัยสนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยจัดแหล่งความรูท้ ่ผี ู้เรียนสามารถ
ค้นคว้าด้วยตนเองได้ เช่น ศูนย์วทิ ยาการ บทเรียนสาเร็จรูป ชุดการสอน ใช้ส่อื ชนิด
ต่างๆ หลายชนิดผสมผสานกัน (Multi-Media) ใช้ระบบการศึกษาทางไกลเข้ามา
ช่วย รวมทัง้ ต้องมีเจ้าหน้าทีป่ ระจาศูนย์วทิ ยบริการทีส่ ามารถช่วยแนะนาและอานวย
ความสะดวกให้กบั ผูเ้ รียนได้
- เน้ นการสร้างแหล่งการเรียนรู้ในชุมชน ช่วยให้ประชาชนในชุมชนมีส่วนร่วมใน
การจัดการศึกษาและจะช่วยให้เกิดบรรยาการศการเรียนรูแ้ ละสังคมแห่งการเรียนรู้
ควรจะมีหลายรูปแบบ ไม่ควรยึดหลักว่าต้องสร้างใหม่เสมอ อาจจะใช้สงิ่ ทีม่ อี ยู่แล้ว
ในท้องถิน่
1. กลไกการขับเคลื่อนในเชิ งนโยบาย
xxii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
xxiii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
xxiv
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ดาเนิ นการ คือ การน าเทคโนโลยีส ารสนเทศมาใช้เ พื่อ เปิ ด พื้น ที่การศึกษาและ
ปรับปรุงคุณภาพการเรียน สร้างทางเชื่อมต่อคนไทยส่วนใหญ่กบั การศึกษาที่ม ี
คุณ ภาพให้ไ ด้ เพื่อเตรียมความสู่ ศ ตวรรษที่ 21 ทัง้ บนระบบการศึกษาที่เ ป็ น
ทางการ การศึกษาไม่เป็นทางการ หรือการศึกษาตามอัธยาศัย
อาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเป็ นปั จจัยส่ งเสริ มการเรียนรู้ที่นักเรียนเป็ น
ศูนย์กลาง และถูกนามาใช้อย่างบูรณาการ
อาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเป็ นสื่อเชื่อมต่ อเนื้ อหาที่ ดี (Good Content) สู่
คนหมู่มาก และก่ อ ให้ เกิ ด ประโยชน์ มากที่ สุด เพื่ อสร้ างความพร้อมใช้
ด้านเนื้ อหาสาระ (Content Availability) เช่น
- การนาครูทีเ่ ก่งที ส่ ุดในด้านต่ างๆ (The Best Teacher) มาจัดทาสือ่
การเรี ย นการสอน ในรูป แบบต่ า งๆ ที แ่ จกจ่ า ยไปยัง โรงเรี ย นทัว่
ประเทศได้ โดยง่ าย เช่น ซีดี วีดที ศั น์ การสอนผ่านระบบออนไลน์ การ
เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ให้สามารถดาวน์โหลดได้ เป็นต้น เพื่อให้ครูทม่ี คี วามรู้
ความสามารถ ทักษะการสอนที่ดี สื่อสารให้ผู้เรียนส่วนใหญ่ของประเทศ
เข้าใจถึงหลักพืน้ ฐานของวิชาต่างๆ ซึง่ จะทาให้ผเู้ รียนได้เข้าถึงครูทเ่ี ก่งได้
อย่างทัวถึ ่ ง เท่าเทียม นอกจากนี้ผู้เรียนยังสามารถทบทวนบทเรียนต่างๆ
นัน้ ได้ซ้าๆ ช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษา ในขณะที่ครูตวั จริงที่ประจา
ห้องเรียนต่างๆ ทาหน้าทีเ่ อือ้ อานวยความสะดวก ช่วยเสริมความเข้าใจและ
เป็ น พี่เ ลี้ย งให้กับ ผู้เ รีย นได้ทาแบบฝึ ก หัด หรือ ทากิจกรรมที่เ สริมความ
เข้าใจ
- การสร้างแอพพลิ เคชัน่ (Application) ที น่ ่ าสนใจ เพือ่ เป็ นสือ่ การสอน
ในคอมพิ วเตอร์หรือแท็บเล็ต
การใช้ เทคโนโลยี เพื่ อ การบริ ห ารระบบการศึ กษา เพื่อ วางนโยบายด้า น
การศึกษาเรียนรูแ้ ละพัฒนากาลังคนของประเทศ รับทราบถึงสภาวการณ์ และ
มิตหิ ลากหลายของระบบการศึกษา การส่งเสริมการเรียนรู้ ข้อมูลเหล่านี้จะใช้
เป็ นพื้นฐานของการตัดสินใจเชิงนโยบาย และจัดระบบให้นโยบายการศึกษา
เรียนรูแ้ ละพัฒนากาลังสามารถตอบสนองต่อการเปลีย่ นแปลงได้อย่างทันท่วงที
มีความสอดคล้องกันทัง้ ด้านอุปสงค์อุปทาน เกิดความสมดุล พร้อมไปกับการ
บริหารจัดการได้อย่างยังยื ่ นในระยะยาว
xxv
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การขับเคลือ่ นขยายผล
2.7 กระทรวงศึ ก ษาธิ การเป็ นเจ้ า ภาพหลัก ร่ ว มกับ หน่ วยงานที่ เ กี่ ย วข้ อ ง
ด าเนิ นการ ขยายผลจุ ด สว่ า ง (Bright Spot) ที่ เ ป็ นโรงเรี ย นหรื อ
สถาบันการศึ กษาตัวอย่างที่ ประสบความสาเร็จ ส่งเสริ มสนับสนุนครูที่สอน
ดี และจัดกระบวนการเรียนรู้ได้เป็ นเลิ ศ ขยายผลให้ เกิ ดการปฏิ บตั ิ จริ งในวง
กว้ า ง อาทิ การเรีย นการสอนที่ม ีค วามเป็ น เลิศ ทางวิช าการควบคู่ ไ ปกับ การ
ปลูกฝงั คุณธรรมอย่างเข้มข้น การขยายผลนวัตกรรมการเรียนรูเ้ พื่อสร้างสรรค์ดว้ ย
ปญั ญา ที่ช่ ว ยบ่ ม เพาะทัก ษะการเรีย นรู้ ท่ีส อดคล้ อ งกับ บริบ ทพลวัต รการ
เปลีย่ นแปลงในศตวรรษที่ 21 กรณีการพัฒนาการศึกษาควบคู่ไปกับการขจัดความ
ยากจนและกรณีศกึ ษาการร่วมรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อเพิม่ คุณภาพชีวติ และขจัด
ความยากจนอย่างยังยื ่ นโดยภาคธุรกิจเอกชน ซึง่ ช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษา
ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาสังคม
xxvi
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Executive Summary
Introduction
1.1 Rationale
For every nation, education is undeniably the key mechanism to develop, promote
and embed ideas as well as knowledge into their citizens and society as a whole.
Therefore, education tends to be the core factor for country’s long term competitiveness. In
this sense, the design of education is a crucial link that can lead to human and society
development.
One of the most important considerations in the context of modern education design
is global dynamics that occurs as the world stepped into the 21st century. The impact of
such transformation can be seen in various aspects ranging from society, economics,
environment and politics. Many phenomenons are clear examples of the global changing
force; for instance, Arab Spring, Rise of Asia and Climate Change. Under such
circumstances, every nation’s citizens have to be prepared for all forms of change that
might occur. Inability to do so would only mean the country’s potential risk of falling into
failure state. As for Thailand, this is the critical point that will determine our future, whether
we can accomplish our aim to become 1st world nation or not.
However, Thailand still requires clearer education’s “Objective Function” that can
reflect ultimate goal of Thai education system; that is, education should develop and enable
citizens and society to live with dignity. To do so, we need to understand the shifting
landscape of global challenges in the 21st century, the philosophy of Thai education, and
living environment of students. Moreoer, it is important to have clear and consistent policies,
focused strategies and practical driving mechanisms with precise and easy-to-understand
action agendas. Apart from this, to ensure successful education system, all stakeholders;
namely, education personnel, public sector, private sector and students have to understand
the action agendas and participate in the implementation process. The actions may include
both incremental changes as well as paradigm shift/fundamental changes.
xxvii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1.2 Objectives
1) To study major global trends in the 21st century that have significant impact on
Thailand’s education, and to set key overall objectives of Thai education.
2) To identify and analyze the shifting landscape of global challenges in the 21st
century that can hinder Thai education from achieving its key overall objectives.
3) To provide reccommendations for Thailand’s education development in response
to the chaning global context in the 21st century, along with driving mechanism
that leads to practical implementation.
xxviii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Major global trends in the 21st century that have significant impact on
Thailand’s education, and to set key overall objectives of Thai education
Major global trends in the 21st century that have significant impact on
Thailand’s education
The major transformatios that can have significant impact on Thailand’s education
can be divided into 3 levels:
1) Global Dynamics as the world stepped into the 21st century
There are 3 main trends involved: (1) Shift from “American Century” to “Asian
Century” (2) Shift from “Age of Prosperity” to “Age of Extremity” in aspects ranging from
environment, politics and business and (3) Shift in power from “Government and Corporate
Centric Governance” to “Citizen Centric Governance/Good Governance”
2) Regional Forces
Regional economic integrations have emerged around the world. Two collaborations
that are most imporatant and closely related to Thailand are ASEAN Community and
Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP)
xxix
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Forces and Trends that are Imporatant to Country Strategy Regarding Thai Citizens Development
in the 21st Century
Thai People
in 21st
Century
xxx
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Moral Society
Just Society
In other words, the objective reflects the underlying need of Thailand to become a
well-being nation in every level. At the individual level, we aim to see people with healthy
body, mind, and social life as well as people with intelligence and morality. At the society
level, we aim to see harmony and self-reliance communities. At the national level, we aim
to see Thailand leaps to be a 1st world nation with stable and inclusive economic growth,
good environment and sustainable use of natural resources. Moreover, the country should
have internationally accepted good governance standard.
xxxi
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Fundamental philosophy that will be the foundation of Thai education system in the
st
21 century has to be transformed in the following areas:
xxxii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Philosophy Philosophy
of the 20th century of the 21st century
Thai-Thai Global-Thai
Competition-driven
Competition-Driven Collaborative-Culture
Collaborative Culture
Culture
xxxiii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
The main objective of education in the mecaro level or “Education Output” is composed of 5
main goals: (1) access, (2) equality, (3) quality, (4) efficiency and (5) relevancy. The goal of
Thai education in the next 20 years should focus most on the issues of quality and
relevancy.
xxxiv
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Challenges in the 21st Century that Can Hinder Thai Education from
Achieving Its Key Overall Objectives
The aforementioned trends significantly affect Thailand’s education in the aspects of
access, equity, quality, efficiency and relevancy. In response, Thailand has to build a strong
knowledge-based economy which requires more high-quality human capital, more qualified
research and development, as well as wider application of science, technology and
innovation. To succeedd, Thailand needs appropriate human development plan and
effective education system that can timely respond to any changes that would occur.
According to the analysis of key global forces and trends, as well as driving factors
in different levels, challenges of Thai education and learning system can be portrayed in 2
levels:
Macro Level
- Develop education system: To raise Thailand’s competitiveness level, to get
the country out of Middle-Income Trap, and to aim for being Well-being Nation
with more balanced growth.
- Create wisdom-based society and supportive learning environment: To
shift thinking paradigm, to reform Thai society, and to drive the culture of
lifelong learning
Individual Level
- Build well-balanced human resource: To enhance Thai citizens’ potential as
well as to embed morality and happiness.
xxxv
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Create
1. Create wisdom-based society and supportive learning environment to create well-
balanced and well-rounded citizens instead of cofusing solely on academic aspect.
xxxvii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Fix
1. Reform teacher education and training as well as upgrade in-service
teacher’s capability
Policy Reccomendation:
1.1 Instant reform for education and training system for soon-to-be in-service
teachers
- The system of teacher education and training should be reformed as soon as
possible. The institution should only be those with qualified capability, potential
and readiness.
- The system should be more integrated in order to produce teachers with high
quality and high pedagogy skill. Every chain of teacher education should be
considered as crucial; recruitment, skill training, in-service training and even in-
service teachers’ networking.
- A strong foundation for teacher development system should be built by upgrading
compensation rate to equate those of advance profession, upgrading quality
control, intensifying recruitment of people who desire to be teacher and also
creating more incentive in becoming teacher such as having career path
continuity
1.2 Develop more capability in in-service teachers
- In-service teacher’s capability should also continue to be developed during work
life. They should be able to exchange experiences so that they would altogether
develop class instruction methods or instructional media. Open platform for
teacher to exchange their opinions and thoughts on each other is also crucial as
well as having senior teachers to assist and give feedbacks to the new ones.
- Teacher registration and allocation into needed institution should be improved
due to current skill mismatch that could cause inefficiency.
xxxviii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Designing broad-based and holistic learning: put more focusing into instructing,
process of learning, integrating core subjects, embedding responsiveness to
changes and create connection between classroom and every days life
More training for thinking and understanding skills: Since the content of subject
taught are most likely to change or turn into an old-fashioned knowledge at any
point in time, more emphasis should be put on being able to understanding rather
than only memorizing.
National curriculum as a framework, not as rule: Schools and teachers should
have freedom to create their own design of class instruction and curriculum.
The government should promote good attitude towards education and support
student to learn and engage in activities outside of classroom hours.
3. Reform the assessment system
Policy Reccomendation:
xxxix
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
xl
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
management system with respect to their objectives and capability while keeping
themselves align to the commitment and expected output
Provide freedom in resource management to schools and other institutions:
Give them the ability to manage their own human resources and curriculum design
Support ability of resources pooling by the institutional themselves for them to
be able to satisfy their own needs
Each institution should specialize in their respected field in order to provide the
society with adequate knowledge, skills and suitable qualities labour force: The
results would be a great opportunity for student to pursue their career path and
advance skill training.
xli
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Create
5. Create wisdom-based society and supportive learning environment to
create well-balanced and well-rounded citizens instead of cofusing solely on
academic aspect
The government should push forward wisdom-based society, create supportive learning
environment and design instruction system that support education in the 21st century.
Creating well-rounded citizens who are capable of both inside and outside of academic field
should be set as the objective of education system along with labour force preparation,
equality in providing education, planting learning nature into young generation and, most
importantly, creating good and active citizens. The ultimate goal is to use education as a
mean to achieve well-being nation with sustainable development.
xlii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
There should be a shift in paradigm and a leader to lead the change in order to
reform the society, create lifelong learning culture and raise awareness of changes
in mega trends
- Create vision and blueprint as tools to lead the improvement of education in
long-term due to the fact that there has always been the lack of continuation in
policy implementation
- Departments under Ministry of Education and concerned partners need to be
integrated in terms of working together and creating synergy may it be business
sector, public sector or those in community services
- Community reform is also needed to complete the reform in education: The
attitude of society towards education is crucial to the transformation into wisdom-
based society/culture. Without cultural and society reform, education reform
could not possibly be completed.
Expand the bright spot such as adopting methods of success cases to the
mass: such as embedding morality along with academic instructing or even
incorporating community responsibility and business sector in order to upgrade
education and lessen the poverty or social gap at the same time
Support and expand education development such as providing financial
instrument that can serve as a tool for resource pooling and management:
There are many ways to support education through financial instrument including
issuing educational bonds. Also, it needs to be done along with providing freedom
to self-manage. Encouraging cooperation between private sector and public sector
is also important.
xliii
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
xliv
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
บทที่ 1
บทนำ
1.1 หลักการและเหตุผล
1
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1.2 วัตถุประสงค์
2
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1) รายงานผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์ ที่ประกอบด้วยแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทย
กลไกการขับเคลื่อ นไปสู่ภาคปฏิบตั ิ และกรอบแนวทางการดาเนินการเพื่อ ก าหนด
แผนการดาเนินการพัฒนาการศึกษาไทยเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ศตวรรษที่ 21 ระยะ
ยาว (15 ปี)
2) รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียม
ความพร้อมสู่ศตวรรษที่ 21 ในรูปแบบทีก่ ระชับเข้าใจง่าย
1.4 ขอบเขตของงานที่ปรึกษา
การดาเนินโครงการศึกษาเพื่อกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความ
พร้อมสู่ศตวรรษที่ 21 จะต้องทาการศึกษาวิเคราะห์ประเด็นดังต่อไปนี้
1) ศึกษากรอบแนวคิดและกาหนด “เป้าประสงค์หลัก” (Objective Function) ของระบบ
การศึกษาไทยและทิศทางการพัฒนาการศึกษาที่สอดคล้องกัน ให้สามารถตอบโจทย์
ความต้องการคนไทยทีม่ คี ุณภาพในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างยังยื
่ น
2) ศึกษาและนาเสนอสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ (Learning Environment) ทีส่ ามารถเอื้อให้
เกิดบรรยากาศการเรียนรู้ในระดับปจั เจก และออกแบบนโยบายการศึกษาเบื้องต้นที่
สามารถนาไปปฏิบตั ไิ ด้อย่างเป็ นรูปธรรม
3) ศึกษาและเสนอแนะการออกแบบกลไกขับเคลื่อนระดับนโยบาย (Mechanism Design)
เพื่อนาไปสู่การกาหนดบทบาทหน้าที่และกระบวนการการบูรณาการระหว่า งภาคส่วน
หลากหลาย ทัง้ ที่อ ยู่ภ ายใต้สงั กัด กระทรวงศึก ษาธิก ารและหน่ ว ยงานภาครัฐอื่น ๆ
ภาคเอกชน และภาคประชาชน ทีเ่ ป็นผูม้ สี ่วนได้ส่วนเสียกับการจัดการศึกษา โดยแสดง
ให้เห็นความเชื่อมโยงบางประเด็นของยุทธศาสตร์ บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบ
ของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ความทับซ้อนกันในการดาเนินงานบางขัน้ ตอน และวิธขี จัด
ความทับซ้อนดังกล่าว (ถ้ามี)
4) นาเสนอแนวทางการดาเนินงานสาหรับการใช้ขอ้ มูลทัง้ หมดจากโครงการเพื่อเป็ นฐานใน
การกาหนดแผนการดาเนินการระยะยาว (15 ปี ) เพื่อเตรียมความพร้อมของการศึกษา
ไทยสู่ศตวรรษที่ 21
3
นิยามศัพท์
คำศัพท์ คำแปล ควำมหมำย
st
21 Century ศตวรรษที่ 21 ช่วงระยะเวลาระหว่างปี ค.ศ. 2001 ถึง ค.ศ. 2100 หรือ
พ.ศ. 2544 ถึง พ.ศ. 2643
21st Century Skill ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ทักษะทีจ่ าเป็ นสาหรับการดารงชีวติ ในโลกแห่งศตวรรษ
ที่ 21 ซึ่ ง แ ต ก ต่ า ง ไ ป จ า ก อดี ต ที่ ผ่ า น ม า มี ก า ร
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทัง้ ในด้าน สังคม เศรษฐกิจ
และการเมือง รวมทัง้ การเติบโตขึ้นอย่า งรวดเร็วของ
เทคโนโลยีสารสนเทศ
Accountability ความรับผิดชอบ พันธะผูกพันในหน้ าที่การงานของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
หรือ องค์ ก รใดองค์ก รหนึ่ ง ต่ อ เป้ าหมายที่ไ ด้ ร ับ
มอบหมายจากบุ ค คลหรือองค์ก รอื่น ๆ โดยมีระบบ
ตรวจสอบที่ฝ่ายผู้มอบหมายเข้าตรวจสอบประเมินผล
งานเพื่อให้รางวัล และบทลงโทษแก่ฝา่ ยปฏิบตั หิ น้าทีไ่ ด้
AEC (ASEAN ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การรวมตัวกันระหว่างประเทศอาเชียนทัง้ 10 ประเทศ
Economic Community) คื อ ไทย พม่ า ลาว เวี ย ดนาม กั ม พู ช า มาเลเซี ย
สิง คโปร์ อิน โดนี เ ซีย ฟิ ลิป ปิ น ส์ และบรู ไ น เพื่อ เพิ่ม
อานาจต่อรองกับคู่ค้า และเพิม่ ขีดความสามารถในการ
แข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก
Age of Extremity ยุคแห่งความสุดโต่ง ลัก ษณะของโลกยุ ค ใหม่ ท่ีมีค วามสุ ด โต่ ง หรือ สุ ด ขัว้
เกิดขึน้ ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็ นความสุดโต่งทาง
ธรรมชาติ (Nature Extremes) ทีท่ วีความรุนแรงขึน้ ตาม
เวลา ความสุดโต่งทางเศรษฐกิจ (Economic Extremes)
ดังที่เห็นได้จากวิกฤตการณ์ หนี้ภูมิภาคยุโรป ความ
สุด โต่ ง ทางการเมือ ง (Political Extremes) เช่ น
เหตุการณ์ Arab Spring หรือแม้แต่ ความสุดโต่งทาง
สังคม (Social Extremes) ซึง่ สามารถเห็นได้จากความ
เหลื่อมล้าระหว่างชนชัน้ ช่องว่างทางสังคมทีเ่ พิม่ มากขึน้
เป็ นต้น
Aging Society สังคมผูส้ งู อายุ การมีประชากรอายุ 60 ปี ขน้ึ ไปมากกว่าร้อยละ 10 ของ
ประชากรรวม นับเป็ นประเด็นท้าทายทัง้ ทางสังคมและ
เศรษฐกิจที่แต่ละประเทศจะต้องมีแผนรองรับ สาหรับ
ประเทศไทย สานักงานสถิตแิ ห่งชาติระบุว่าประเทศไทย
ได้ถูกจัดให้เป็ นประเทศทีอ่ ยู่ในสังคมผูส้ งู อายุมาตัง้ แต่ปี
พ.ศ. 2548
Attributes คุณลักษณะ ลัก ษณะที่ ต้ อ งการให้ เ กิ ด ขึ้ น ในตั ว ผู้ เ รี ย น อั น เป็ น
คุณลักษณะที่สงั คมต้องการในด้านคุณธรรม จริยธรรม
ก-1
คำศัพท์ คำแปล ควำมหมำย
ค่านิยม จิตสานึก ที่ช่วยให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่นื ใน
สังคมได้อย่างมีความสุขในฐานะพลเมืองทีด่ ขี องประเทศ
และของโลก
Bottom of the Pyramid กลุ่มชนฐานปิ รามิด กลุ่มชนรายได้ต่ าถึงต่ ามากที่มีรายได้ไม่ถึง $2 ต่ อวัน
ซึง่ มีจานวนเป็ นส่วนใหญ่มโี ลก เปรียบเสมือนเป็ นฐานปิ
รามิดเมื่อนามาเทียบกับสัดส่วนของผู้ท่มี รี ายได้สูงกว่า
ในสังคม ณ ปจั จุบนั
Business As Usual สถานการณ์เป็ นอย่างทีเ่ ป็ นมา การคาดการณ์ในอนาคตโดยประเมินว่าการดาเนินการ
ต่อไปหรือการเจริญเติบโตจะเป็ นไปในลักษณะเดียวกับ
สถานการณ์ทเ่ี คยเป็ นมาในปี ก่อน ๆ หรืออัตราเดิมตาม
แนวโน้มทีผ่ ่านมา
Career Path เส้นทางสายอาชีพ เส้นทางหรือหนทางความก้าวหน้ าในอาชีพ กล่ าวคือ
โอกาสในการเจริญเติบโตในสายงาน หรือการไต่เต้าเพื่อ
ประสบความสาเร็จในขัน้ ทีส่ งู กว่าขึน้ ไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะ
เป็ นในด้านของตาแหน่ ง เป้าหมาย หรือขอบเขตหน้าที่
การงาน
Change Management การบริหารการเปลีย่ นแปลง การจัดการกับกลไกส่วนประกอบต่างๆ ขององค์กรให้
สามารถเรียนรู้และปรับตัวได้ทนั กับการเปลี่ยนแปลง
ของสถานการณ์ทงั ้ ภายนอกและภายในองค์กร เพื่อลด
ผลกระทบที่ไม่ดขี องการเปลีย่ นแปลงและเพิม่ ผลดีจาก
โอกาสใหม่ๆ ทีเ่ กิดขึน้ ซึง่ จะช่วยให้สามารถดาเนินงาน
ได้อย่างต่อเนื่อง ราบรื่น และเจริญก้าวหน้าต่อไปได้
Civic Society ประชาสังคม การรวมกลุ่ ม ของประชาชน ก่ อ เกิด เป็ น กิจ กรรมการ
เคลื่อนไหวในรูปแบบของ เครือข่าย ชมรม มูลนิธิ เป็ น
ต้น เพื่อร่วมแก้ไขปญั หาในสังคมร่วมกัน กล่าวคือ เป็ น
การขับเคื่อนทางสังคมโดยประชาชนมวลรวมเป็ นหลัก
Creativity การสร้างสรรค์ การประดิษฐ์หรือรังรรค์สงิ่ ใหม่ๆ ทีม่ คี ุณค่า
Dynamic พลวัต สิง่ ทีเ่ กีย่ วข้องกับผลจากแรงของการเปลีย่ นแปลง
Empowerment การสร้างเสริมพลัง / มอบอานาจ การสร้างเสริมพลัง ให้เกิดความตระหนัก ความเชื่อมัน่
เพื่อให้สามารถพัฒนาศักยภาพทีม่ ไี ด้อย่างเต็มที่
Foresight การมองอนาคต กระบวนการศึก ษาอนาคตเพื่อ หาวิธีส่ ง เสริม ให้เ กิด
ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคมและสิง่ แวดล้อม
Formative Assessment การประเมิน ผลความก้า วหน้ า หรือ การประเมินระหว่างการจัดการเรียนรูเ้ พื่อตรวจสอบว่า
หรือการประเมินผลย่อย ผูเ้ รียนมีความรูค้ วามสามารถตามจุดประสงค์ทก่ี าหนด
ไว้ ใ นระหว่ า งการจัด การเรีย นการสอนหรือ ไม่ และ
เพื่อให้ผสู้ อนสามารถปรับวิธกี ารจัดการเรียนการสอนให้
มีประสิทธิผลมากยิง่ ขึน้ ได้
Global Citizen พลเมืองโลก การรูแ้ ละเข้าใจถึงบทบาทและหน้าทีใ่ นฐานะสมาชิกของ
ก-2
คำศัพท์ คำแปล ควำมหมำย
สังคม ทัง้ ในระดับท้องถิน่ ประเทศ และระดับโลก มีส่วน
ร่วมรับผิดชอบในฐานะพลเมืองดีของสังคม อีกทัง้ ยังร่วม
ตระหนักถึงสิทธิมนุษยชนและอุดมการณ์
Global Megatrends การเปลี่ยนแปลงที่เป็ นแนวโน้ มใหญ่ ความเปลี่ยนแปลงระดับโลกสาคัญที่กาลังเกิดขึน้ ในวง
ของโลก กว้างและคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อไปในอนาคต
Global Supply Chains ห่วงโซ่อุปทานโลก การเชื่อ มต่ อ ของหน่ ว ยต่ า งๆ หรือ กิจ กรรมการผลิต
สิน ค้า และบริก ารระดับ โลกตัง้ แต่ ก ารผลิต จนถึง การ
บริโ ภค โดยเชื่อ มต่ อ ผ่ า นระบบโลจิส ติก ส์แ ละข้อ มู ล
ข่าวสาร
Global Value Chains ห่วงโซ่คุณค่าโลก การเชื่อมต่อของกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการเพิม่ มูลค่าของ
สินค้าและบริการในระดับโลก โดยแบ่งเป็ นกิจกรรมหลัก
เช่น การผลิต การจัดส่งสินค้า การตลาดและบริหารหลัง
การขาย และกิจกรรมสนับสนุน เช่น โครงสร้างพืน้ ฐาน
การบริ ห ารจั ด การทรั พ ยากรมนุ ษย์ การพั ฒ นา
เทคโนโลยี และการจัดซือ้ จัดจ้างเป็ นต้น
Good Governance หลักธรรมาภิบาล การบริห ารกิจ การที่ดี เพื่อ เป็ น สัง คม เศรษฐกิจ และ
สิ่ ง แวดล้ อ มที่ ดี โดยหลั ก ธรรมาภิ บ าลสามารถ
ประยุกต์ใช้ได้กบั ทัง้ ระดับองค์กร ท้องถิน่ ประเทศ หรือ
ระหว่างประเทศ
Green Economy เศรษฐกิจที่เ ป็ นมิต รกับสิ่งแวดล้อม / เศรษฐกิจทีน่ าไปสู่ความเป็ นความเป็ นอยู่ของมนุ ษย์ทด่ี ี
เศรษฐกิจสีเขียว ขึ้น ความเท่ า เทีย มทางสัง คมมากขึ้น และการลดลง
อย่างมีนัยสาคัญของความเสี่ยงทางธรรมชาติและการ
ขาดแคลนทรัพยากร และการมีสภาพสิง่ แวดล้อมทีด่ ี
Green Growth การพัฒ นาให้เ ศรษฐกิจ เจริญ เติบ โต การพัฒนาที่มุ่งไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและ
อย่างเป็ นมิตรกับสิง่ แวดล้อม สังคมอย่างยังยื่ น เป็ นมิตรต่อสิง่ แวดล้อม โดยทีก่ จิ กรรม
ภายใต้แนวทางการพัฒนาดังกล่าวมีการใช้ทรัพยากร
อย่ า งมีป ระสิท ธิภ าพ ก่ อ ให้ เ กิด ก๊ า ซเรือ นกระจกใน
ปริม าณที่ไม่ส่งผลกระทบต่ อ ทรัพ ยากรธรรมชาติและ
สิง่ แวดล้อม
Human Capital ทุนมนุษย์ ความสามารถต่าง ๆ ที่อยู่ในตัวบุคคคล ทัง้ ที่ติดตัวมา
แต่ กาเนิดและที่เ กิดจากการสะสมเรียนรู้ คุณลักษณะ
เหล่านี้เป็ นคุณลักษณะที่มคี ุณค่า ซึง่ คุณค่านี้จะเพิม่ ขึน้
เมื่อมีการลงทุนทีเ่ หมาะสม ได้แก่ การให้การศึกษาและ
การฝึ กอบรมวิชาการและความรูต้ ่างๆ เพื่อยกระดับขีด
ความสามารถ
Knowledge Society สังคมแห่งการเรียนรู้ สังคมที่พ ลเมืองแสวงหาความรู้อยู่เสมอ เป็ น ผู้เรียนรู้
ด้วยตนเองได้จนตลอดชีวติ เพื่อพัฒนาตนเอง หน่วยงาน
ทุกภาคส่วนและพลเมืองทุกคนสามารถเป็ นได้ทงั ้ ผู้ให้
ก-3
คำศัพท์ คำแปล ควำมหมำย
และผูร้ บั ความรู้ มีแหล่งความรูใ้ ห้ศกึ ษาค้นคว้า มีระบบ
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อส่งทอดความรูอ้ ย่างทัวถึ ่ ง
Knowledge-based สังคมฐานความรู้ กระบวนการทางสังคมที่เกื้อหนุ นส่งเสริมให้บุคคลเกิด
Society การเรียนรูโ้ ดยผ่านสื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศ แหล่งการ
เรียนรู้ และองค์ค วามรู้ต่า งๆ จนสามารถสร้างความรู้
สร้า งทัก ษะ มีร ะบบการจัด การความรู้แ ละระบบการ
เรียนรู้ทด่ี ี มีการถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ร่วมกันทุกภาคส่วนในสังคม ทาให้เกิดพลังสร้างสรรค์
และสามารถใช้ความรูเ้ ป็ นเครื่องมือในการแก้ปญั หาและ
พัฒ นาอย่ า งเหมาะสมทัง้ ด้ า นเศรษฐกิจ สัง คม และ
การเมือง
Learner-centered การมีผเู้ รียนเป็ นศูนย์กลาง กระบวนการเรียนรูซ้ ง่ึ มุ่งเน้นให้ผเู้ รียนเกิดการเรียนรูไ้ ด้
เต็มตามศักยภาพ มีการจัดการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับ
ผูเ้ รียนซึง่ แต่ละคนมีความแตกต่างกัน ส่งเสริมผูเ้ รียนให้
เรียนรูด้ ว้ ยสมอง ด้วยกาย และด้วยใจ สามารถสร้างองค์
ความรูผ้ ่านกระบวนการคิดด้วยตนเอง มีสว่ นร่วมในการ
เรีย นการสอน เน้ นการปฏิบ ัติจริง รวมทัง้ สามารถอยู่
ร่วมและทางานกับผูอ้ ่นื ด้
Learning Environment สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ สิง่ ต่างๆ และสภาวแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวผูเ้ รียน ทัง้ ที่
เป็ นรูปธรรมและนามธรรม ซึ่งสามารถส่งผลต่อผู้เรียน
ทั ง้ ทางบวกและทางลบ ตลอดจนมี ผ ลกระทบต่ อ
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลการเรียนรูข้ องผูเ้ รียนได้
Learning Organization องค์กรแห่งการเรียนรู้ องค์กรซึง่ บุคลากรสามารถขยายขอบเขตความสามารถ
ของตนได้อย่างต่ อเนื่อง ทัง้ ในระดับบุคคล ระดับกลุ่ม
และระดับ องค์ก ร เพื่อน าไปสู่จุ ดหมายที่บุค คลากรใน
ระดับ ต่ า งๆ ต้ อ งการอย่ า งแท้ จ ริ ง เป็ น องค์ ก รที่ มี
ความคิด ใหม่ ๆ และมีก ารแตกแขนงของความคิ ด
ออกไป ตลอดจนเป็ น องค์ ก รซึ่ ง บุ ค คลเรี ย นรู้ อ ย่ า ง
ต่อเนื่องและเกิดการเรียนรูไ้ ปด้วยกันทัง้ องค์กร
Lifelong Learning การเรียนรูต้ ลอดชีวติ การรับรูค้ วามรู้ ทักษะ และเจตคติ ตัง้ แต่เกิดจนตายจาก
บุคคลหรือสถาบันใดๆ โดยสามารถเรียนรู้ด้วยวิธกี าร
เรียนรูต้ ่างๆ ทัง้ ในระบบและนอกระบบ ทัง้ โดยตัง้ ใจหรือ
โดยบังเอิญ ก็ได้ เพื่อ ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนา
ตนเองได้ทุกสถานที่และทุกเวลาอย่างต่อเนื่อง ตลอด
ช่วงชีวติ
Manpower Planning การวางแผนกาลังคน การวางแผนแรงงาน โดยคาดคะเนถึงความสอดคล้อง
กัน ของจ านวนอุ ป สงค์ แ ละอุ ป ทานในตลาดแรงงาน
ตลอดจนถึงทิศทางของเศรษฐกิจโดยรวม
ก-4
คำศัพท์ คำแปล ควำมหมำย
Middle Income Trap กับดักประเทศรายได้ปานกลาง สภาวะของประเทศกาลังพัฒนาที่เริม่ ก้าวพ้นจากความ
ยากจน สร้างรายได้จากการส่งเสริมอุตสาหกรรมและ
การส่ ง ออก แต่ ย ัง คงไม่ ส ามารถพัฒ นาตั ว เองไปสู่
ประเทศพัฒ นาแล้ ว ที่มีร ายได้ สู ง (High Income
Countries) เพราะไม่ ส ามารถสร้า งเทคโนโลยีแ ละ
นวัตกรรมเพื่อเพิม่ ประสิทธิผลในการผลิตและเพิม่ มูลค่า
ของสินค้าได้ ในขณะเดียวกันประเทศเหล่านี้กต็ อ้ งเผชิญ
กับแรงกดดันจากด้านล่าง เนื่องจากประเทศกาลังพัฒนา
ใหม่ ๆ ทีม่ คี ่าแรงต่ากว่าเข้ามาเป็ นคู่แข่งในตลาดโลก
OECD (Organization อ ง ค์ ก า ร เ พื่ อ ค ว า ม ร่ ว ม มื อ ท า ง องค์กรระหว่างประเทศของกลุ่ มประเทศที่พฒ ั นาแล้ว
for Economic Co- เศรษฐกิจและการพัฒนา ปจั จุบนั ได้เพิม่ สมาชิกประเทศกาลังพัฒนาเข้ามาด้วยจน
operation and ป จั จุ บ ั น มี ส มาชิ ก 34 ประเทศ (ดู ร ายละเอี ย ดใน
Development) www.oecd.org)
One-size-fit-all มาตรการเหมารวม ลักษณะของการใช้วิธหี รือมาตรการเพียงหนึ่งเดียวใน
การบริหาร จัดการ หรือควบคุม ในทุก ๆ กรณี
Paradigm กระบวนทัศน์ กระบวนทางความคิด ทางการรับรู้ ทางวิธคี ดิ และการ
สะท้อนความคิดให้เป็ นความหมายหรือให้มคี ุณค่าของ
สัง คม เป็ น ฐานของวิถีทางเพื่อ การจัดการตนเองของ
สังคมนัน้ ผ่านกลไก 2 ประการ คือ (1) วางหรือกาหนด
กรอบ (2) ชี้น าประชาชนว่า ควรจะประพฤติป ฏิบ ัติ
อย่างไรภายใต้กรอบเหล่านัน้ เพื่อให้เกิดความสาเร็จ
PISA (Program for โครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ การประเมินผลนักเรียนเพื่อความร่วมมือและพัฒนา
International Student เศรษฐกิจดาเนินการโดย OECD (Organization for
Assessment) Economic Co-operation and Development) เพื่อหา
ตัวชีว้ ดั คุณภาพการศึกษาให้แก่ประเทศสมาชิกและ
ประเทศทีเ่ ข้าร่วมโครงการ
Productivity ผลิตภาพ จานวนของผลผลิตสินค้าสินค้าหรือบริการต่อปจั จัยการ
ผลิตที่ใช้ในการผลิตของหน่ วยการผลิต อุตสาหกรรม
หรือประเทศ สามารถจาแนกได้ตามประเภทของปจั จัย
การผลิต เช่น แรงงาน ทุ น ทัง้ นี้ การเพิ่มขึ้นของผลิต
ภาพอาจเกิดจากปจั จัยอื่นนอกเหนือจากปจั จัยการผลิต
ที่ใ ช้ เช่ น การพัฒ นาวิท ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ
นวัตกรรม และการพัฒนาคุณภาพของแรงงาน
Problem-based การเรียนรูจ้ ากปญั หา การให้ผเู้ รียนรวมกลุ่มทากิจกรรมหรือโครงงานร่วมกัน
Learning (PBL) ส่งเสริมการช่วยเหลือซึง่ กันและกัน เรียนรูก้ ารแก้ปญั หา
ทัง้ นี้เพื่อให้เกิดการคิดวิเคราะห์และแสวงหาข้อมูล
Public Space พืน้ ทีส่ าธารณะ พื้น ที่ ใ นโลกทางสัง คมทัง้ ในรู ป แบบนามธรรมและ
รูป ธรรม ที่เ อื้อ ให้ผู้ค นสามารถพบปะพูดคุ ย อย่ า งเสรี
ก-5
คำศัพท์ คำแปล ควำมหมำย
ก่อให้เกิด การรับรู้ร่วมกัน และนาไปสู่การท ากิจกรรม
ร่วมกันระหว่างสาธารณชน
Public-Private ความเป็ นหุน้ ส่วนของรัฐ-เอกชน ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลกับเอกชนผู้ร่วมลงทุนหนึ่งราย
Partnership (PPP) หรือมากกว่าในการทีจ่ ะให้เอกชนนัน้ ๆ ส่งมอบบริการใน
ลัก ษณะต่ า งตอบแทนให้แ ก่ ร ัฐบาล โดยเอกชนได้ร ับ
ผลตอบแทนจากการให้บริการ และรัฐบาลจะได้บรรลุ
เป้าประสงค์ของการส่งมอบบริการทีไ่ ด้ตงั ้ ไว้
Reform การปฏิรปู การทาให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม สภาพที่สมควร เป็ น
กระบวนการทีม่ กี ารต่อรอง ต้องใช้เวลาดาเนินการ ต้อง
มีความอดทน ไม่ สามารถได้ม าโดยใช้อ านาจ โดยใช้
กาลังเข้าหักโค่น และไม่สามารถจะมีฝา่ ยใดได้รบั ตามสิง่
ทีป่ รารถนาไปทัง้ หมดทุกเรื่อง
Scenario ภาพฉายอนาคต ชุดสถานการณ์หรือชุดภาพเหตุการณ์ในอนาคต
Scenario building การสร้างภาพอนาคต การสร้ า ง ภาพ อนาค ตเป็ นการน าสั ญ ญ าณกา ร
เปลี่ยนแปลงอ่อนๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต และ
ภาพเหตุ ก ารณ์ ใ นช่ ว งเวลาต่ า งๆ ที่ค าดว่ า จะเกิด ใน
อนาคตเชื่อมโยงประเด็นและรายละเอียดต่ า งๆ ไปสู่
ภาพอนาคตทีม่ คี วามหมาย และสามารถสร้างวิสยั ทัศน์
อนาคต (Future vision) และแนวนโยบายในระยะยาว
(Long-term policy)
Science, Technology การพัฒ นาวิท ยาศาสตร์ เทคโนโลยี การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็ น
and Innovation (STI) และนวัตกรรม ปจั จัย ส าคัญ ในการขับเคลื่อ นการพัฒ นาประเทศไปสู่
Development สังคมฐานความรู้ ซึง่ จะทาให้ประเทศมีความสามารถใน
การปรับ ตัว ต่ อ กระแสการเปลี่ย นแปลงของโลก และ
รับ มือ กับ ประเด็น อุ บ ัติ ใ หม่ ท่ีส่ ง ผลกระทบส าคัญ ต่ อ
ประเทศ
Social Inclusion การยอมรับทุกกลุ่มทุกบุคคลในสังคม การที่ป ระชาชนสามารถเข้าถึงบริก ารทางสังคม หรือ
บริการต่าง ๆ ทีร่ ฐั จัดหาให้ รวมไปถึงการจ้างงานอย่าง
เท่าเทียมกัน ตลอดจนกระทังการยอมรั ่ บเข้าเป็ นส่วน
หนึ่งในสถาบันทีม่ เี กิดขึน้ ตามกฏหมาย ค่านิยม บรรทัด
ฐาน หรือวัฒนธรรม
Social Mobility การเคลื่อนทีท่ างสังคม โอกาสของชนชัน้ ล่ า งที่จ ะเลื่อ นชนชัน้ ทางสัง คมของ
ตนเอง
Socio-economic Status สภาพเศรษฐสังคม สภาพความเป็ น อยู่ท งั ้ ในมิติ ท างสังคมรวมทัง้ มิติข อง
เศรษฐกิจ กล่าวคือ เป็ นสภาพทัง้ สถานะทางสังคมและ
สถานะการเงิน
STEM Education การสอนแบบบรูณาการข้ามกลุ่มสาระ การสอนแบบบรูณาการข้าม 4 กลุ่มสาระวิชา คือ
วิชา วิทยาศาสตร์ (Sciences) เทคโนโลยี (Technology)
ก-6
คำศัพท์ คำแปล ควำมหมำย
วิศวกรรมศาสตร์ (Engineer) และ คณิตศาสตร์
(Mathematics) โดยนาจุดเด่นของของธรรมชาติ
ตลอดจนกระทังวิ ่ ธกี ารสอนของแต่ละวิชามาผสมผสาน
เพื่อให้ผเู้ รียนสามารถนาความรูเ้ หล่านัน้ มาใช้แก้ปญหา ั
ค้นคว้า และพัฒนาสิง่ ต่าง ๆ ได้ในสภาวการณ์ปจั จุบนั
Structural Reform การปฏิรปู เชิงโครงสร้าง การเปลี่ย นแปลงทางโครงสร้า งให้ดีข้นึ โดยเป็ น การ
ปรับ เปลี่ ย นในเนื้ อ หาสาระส าคัญ ไม่ ใ ช่ ก ารจัด ท า
โครงการเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงแต่เพียง
รูปแบบภายนอก การปฏิรูปเชิงโครงสร้างของประเทศ
จึงเป็ นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคม
การเมือง และระบบนิเวศน์ของทัง้ ประเทศ
TIMSS (Trends in โครงการศึกษาแนวโน้มการจัด โครงการประเมินผลของสมาคมนานาชาติ เพื่อประเมิน
International การศึกษาคณิตศาสตร์และ ผลสัมฤทธิทางการศึ
์ กษา (The International
Mathematics and วิทยาศาสตร์ ระดับนานาชาติ Association for the Evaluation of Education
Science Study) Assessment หรือ IEA) ซึง่ มีจุดมุ่งหมายเพื่อประเมิน
ผลสัมฤทธิทางการเรี์ ยนตามหลักสูตรของนักเรียนชัน้
ประถมศึกษาชัน้ ที่ 4 และมัธยมศึกษาปี ท่ี 2
Trade Off การได้อย่างเสียอย่าง สถานการณ์ท่เี กิดขึน้ จากการมีทรัพยากรที่จากัด (เช่น
ทรัพ ยากร เวลา งบประมาณ) หรื อ เป้ าหมายที่ ไ ม่
สอดคล้องกัน ทาให้เมื่อเกิดการเลือกจากทางเลือกต่างๆ
จะท าให้เ กิด ต้ น ทุ น ค่ า เสีย โอกาส (Opportunity) จาก
ทางเลือกที่ไม่ได้เลือก การเลือกทางเลือกใดทางเลือก
หนึ่งจึงทาให้ได้บางอย่างแต่ต้องเสียบางอย่างไป (อย่าง
น้อยที่สุดคือเสียโอกาสที่จะได้จากทางเลือกอื่นที่ไม่ได้
เลือก)
Value Creation การสร้างมูลค่าเพิม่ การใช้ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบเพื่อสร้างคุณค่า
ทางเศรษฐกิจให้แก่สนิ ค้าหรือบริการ
Wisdom-based Society สังคมแห่งปญั ญา สังคมทีใ่ ห้ความสาคัญกับคุณภาพของทรัพยากรมนุ ษย์
ทัง้ ในด้านวิชา ความรู้พ้นื ฐาน และจริยธรรม มากกว่า
มุ่ ง เ น้ น เ พี ย ง ป ริ ม า ณ ผู้ ท่ี ส า เ ร็ จ ก า ร ศึ ก ษ า จ า ก
สถาบันการศึกษาต่างๆ รวมทัง้ สร้างสภาพแวดล้อมการ
เรียนรู้นอกระบบการศึกษาให้สามารถกระตุ้นความคิด
ริเริม่ สร้างสรรค์ทน่ี าไปสู่การพัฒนาภูมปิ ญั ญาและสร้าง
นวัตกรรมใหม่ๆ
World GDP ผลิตภัณฑ์มวลรวมของโลก มูลค่าเพิม่ ของสินค้าและบริการของทุกประเทศในโลก
รวมกันในแต่ละปี
ก-7
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1.5 ผลที่คาดว่าจะได้รบั
4
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
บทที่ 2
การทบทวนวรรณกรรม
5
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ศตวรรษที่ 21 นัน้ ครอบคลุมช่วงเวลาตัง้ แต่ปี ค.ศ. 2001-2100 วิจารณ์ พานิช (2554) ให้
ความหมายของศตวรรษที่ 21 ว่า คือ โลกเปลี่ยนแปลงเร็วขึน้ ๆ และไม่แน่ นอน ความรูเ้ ปลีย่ นชุด
งอกเร็ว สารสนเทศเพิม่ แบบระเบิด คนถูกกระแสรอบทิศ ในขณะที่ว ตั ถุมากล้น จิตวิญญาณจาง
นอกจากนี้ โลกยังเชื่อมโยงถึงกันหมด คนเปลีย่ น ชีวติ เปลีย่ น งานเปลีย่ น
ในศตวรรษที่ 21 เป็ นยุคแห่งความสุดโต่ง เป็ นยุคแห่งแกนอานาจประชาชน เป็ นยุคแห่ง
ศตวรรษแห่งเอเชีย ทัง้ นี้ ยุคทีผ่ ่านมาเป็ นเรื่องของความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ ความรู้ คือ
อานาจ เราจึงสอนให้เด็กใช้ความรูเ้ พื่อฝืนธรรมชาติ ต่อไปในศตวรรษที่ 21 ต้องเปลีย่ นความคิดและ
สร้างประสบการณ์ ให้ เด็ก สามารถอยู่ร่ว มกับธรรมชาติ และเมื่อสิ่งต่างๆ เริม่ เปลี่ยนไป การสอน
จะต้องไม่เป็ นแบบแพ้ค ดั ออกหรือให้โอกาสเฉพาะคนเก่ งและละทิ้งเด็กเรียนอ่ อน แต่จะต้องเป็ น
ลักษณะของการช่วยส่งเสริมซึง่ กันและกัน ซึง่ เป็ นความท้าทายของผูบ้ ริหารการศึกษา ว่าจะสามารถ
เปลีย่ นแปลงวิธคี ดิ แบบเดิมและหันมาตอบโจทย์โลกได้หรือไม่ (สุวทิ ย์ เมษินทรีย,์ 2555)
นอกจากนี้ สุวทิ ย์ เมษินทรีย์ (2555) ยังชีถ้ งึ ประเด็นการเปลีย่ นแปลงของโลกในศตวรรษที่
21 กับความเชื่อมโยงมาสู่ภาคการศึกษา (Education) ว่า ต่อไปผูบ้ ริหารการศึกษาจะถูกคาดหวังสูง
มาก จากนี้จะต้องพบเจอกับความไม่แน่ นอน การบริหารที่มคี วามซับซ้อนมากขึน้ และเราจะสอนให้
เด็กรูจ้ กั การปลดล็อกข้อจากัดได้อย่างไร รวมถึงการบริหารงานภายใต้ความขัดแย้งต่าง ๆ ทีเ่ กิดขึน้
ในสังคม เราไม่ได้เปลี่ยนความรูข้ องเด็ก แต่เราต้องพยายามค้นศักยภาพของตัวเด็กออกมา และ
สร้างให้เขาเป็ นคนทีม่ ตี วั ตนในสังคมและมีหวั ใจของความเป็ นคนด้วย นอกจากนัน้ คนยุคนี้ยงั ต้อง
เผชิญกับความขัดแย้งในตัวเอง เพราะโลกปจั จุบนั อิสระมากขึน้ แต่ขณะเดียวกันยังต้องมีการพึง่ พา
อาศัยกัน คนจะสับสนว่าควรจะทาเพื่อตนเองหรือคานึงถึงส่วนรวมก่อน เราจะสอนอย่างไรให้เด็กมี
ความสามารถในการสร้างความสมดุลทางความคิดระหว่างสองสิง่ นี้ สิง่ ที่ต้องหล่อหลอมให้เด็กคือ
Skill Set ทีผ่ บู้ ริหารการศึกษาและครูมหี น้าทีใ่ นการสร้างหลักสูตรและกิจกรรมทีต่ อบโจทย์สงิ่ หล่านี้
คือ (1) Learn to Live เรียนเพื่อจะรูจ้ กั ใช้ชวี ติ อยู่บนโลก (2) Learn to Love สอนให้เด็กรูจ้ กั โลก รัก
คนอื่น รักตนเอง (3) Learn to Learn สอนให้เด็กรูว้ ่าทาไมเราจึงต้องเรียน เรียนทีไ่ หน เรียนอย่างไร
เรียนเมื่อไหร่ เรียนกับใคร และเรียนแล้วจะไปใช้ทาอะไร และ (4) Love to Learn เด็กรักทีจ่ ะเรียนรู้
ไปตลอดชีวติ โดยกระบวนการเรียนรูต้ ้องมีลกั ษณะของการให้เด็กไปท่องโลก เมื่อมีประสบการณ์ก็
กล้าทีจ่ ะแชร์ให้คนอื่นทราบและต้องสร้างให้เขาเป็ นผูเ้ ชีย่ วชาญในด้านใดด้านหนึ่ง ทาอย่างไรให้เกิด
วงจรการเรียนรูแ้ บบนี้กบั เด็กของเรา
การเรียนไม่ใช่แค่การเรียนในระบบ แต่ต้องเชื่อมทัง้ ในระดับ ท้องถิน่ (Local) และระดับโลก
(Global) เทคโนโลยีจะทาให้ลดข้อจากัดในการเรียนรู้ อุปกรณ์การเรียนการสอนจะทาให้เกิดการสื่อ
6
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
7
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
8
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
9
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ปัญญา
ความรู้
Knowledge
สารสนเทศ
Information
ข้อมูล
10
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
11
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
12
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
13
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
14
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สาหรับการเรียนรูเ้ พื่อมีชวี ติ ปจั จุบนั การเรียนรูส้ าระวิชา (Content หรือ Subject Matter) ควรเป็ น
การเรียนจากการค้นคว้าเองของศิษย์ โดยครูช่วยแนะนา และช่วยออกแบบกิจกรรมทีช่ ่วยให้นักเรียน
แต่ละคนสามารถประเมินความก้าวหน้าของการเรียนรูข้ องตนเองได้ (วิจารณ์ พานิช, 2555)
นอกจากนี้ วิจารณ์ พานิช (2554) ได้ชป้ี ระเด็นว่า คุณภาพของระบบการเรียนรู้ในศตวรรษที่
21 ต้องเป็นการเรียนรูท้ ไ่ี ปให้ถงึ สิง่ ทีส่ าคัญ 4 ประการ ได้แก่
1) ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills)
2) การเรียนรูเ้ พื่อการเปลีย่ นแปลง (Transformative Learning)
3) มีทกั ษะแห่งการเปลีย่ นแปลงและภาวะผูน้ า (Change Agent Skills, Leadership)
4) ความเป็นพลเมือง
15
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภาคีเพื่อทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 หรือ Partnership for 21st Century Skills (P21) ซึง่ เป็ น
ภาคีในประเทศสหรัฐอเมริกาทีเ่ ป็นความร่วมมือระหว่างบริษทั เอกชนชัน้ นาขนาดใหญ่ องค์กรวิชาชีพ
ระดับ ประเทศ และส านัก งานด้า นการศึก ษาของรัฐ มีจุดประสงค์ใ นการเตรีย มความพร้อ มของ
นักเรียนสหรัฐอเมริกาส าหรับศตวรรษที่ 21 ได้มขี ้อเสนอแนะว่ากรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ ใ น
ศตวรรษที่ 21 ควรมีองค์ประกอบทีส่ าคัญ คือ
วิชาแกนและแนวคิดสาคัญในศตวรรษที่ 21 (Core Subjects- 3Rs and 21st Century
Themes
ทักษะด้านการเรียนรูแ้ ละนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills- 4Cs) Critical
thinking Communication Collaboration Creativity
ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี (Information, Media, and Technology
Skills)
ทักษะชีวติ และอาชีพ (Life and Career Skills)
ระบบสนับสนุน (Support System)
โดยมีรายละเอียดดังนี้
วิ ชาแกนและแนวคิ ดสาคัญในศตวรรษที ่ 21 (Core Subjects- 3Rs and 21st Century
Themes)
สาระวิชาหลัก
- ภาษาแม่ และภาษาโลก - วิทยาศาสตร์
- ศิลปะ - ภูมศิ าสตร์
- คณิตศาสตร์ - ประวัตศิ าสตร์
- เศรษฐศาสตร์ - รัฐ และความเป็ นพลเมืองดี
หัวข้อสําหรับศตวรรษที ่ 21
- ความรูเ้ กี่ยวกับโลก - ความรูด้ า้ นการเป็นพลเมืองดี
- ความรูด้ า้ นการเงิน - ความรูด้ า้ นสุขภาพ
เศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ และการ - ความรูด้ า้ นสิง่ แวดล้อม
เป็นผูป้ ระกอบการ
16
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
17
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
50% Discussion
19
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
20
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
MASTERY
KNOW WHEN TO
APPLY Skills
PRACTICE
Integrating Skills
ACQUIRE
Component
Skills
Sysan A. Ambrose, et al. (2010) อ้างถึง Sprague and Stuart (2000) ว่า การระบุระดับ
ขัน้ ของการพัฒนาการเรียนรูแ้ บบรูจ้ ริง ประกอบด้วยขัน้ ตอนการพัฒนา 4 ขัน้ ตอนจาก “ผูไ้ ม่ร”ู้ ไปสู่
“ผูร้ จู้ ริง” โดยเริม่ จาก ขัน้ แรก คือ ไม่รวู้ ่า ไม่รู้ (UNCONSCIOUS Incompetence) สู่ขนั ้ ทีส่ อง คือ รู้
ว่า ไม่รู้ (CONSCIOUS Incompetence) ขัน้ ที่ส าม คือ ท าได้ โดยต้อ งตัง้ ใจท า (CONSCIOUS
Competence) และขัน้ สูงสุดทีเ่ รียกว่ารูจ้ ริง คือ “ทาได้ อย่างอัตโนมัติ” หรือทาได้โดยไม่ต้องตัง้ ใจทา
หรือไม่รตู้ วั (UNCONSCIOUS Competence)
21
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
UNCONSCIOUS
Competence
CONSCIOUS
Competence
1 2 3 4
CONSCIOUS
Incompetence
UNCONSCIOUS
Incompetence
ทีม่ า: Sysan A. Ambrose, et al. (2010) ทีอ่ า้ งถึงใน Sprague and Stuart (2000)
22
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
23
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
25
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2.4 แนวทางพัฒนาการศึกษา
27
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2.4.2 การพัฒนาการศึกษาเรียนรู้ของผู้เรียน
ประเทศต่ า ง ๆ ทัว่ โลกได้ใ ห้ค วามส าคัญ กับ การใช้ผู้เ รีย นเป็ น ศู น ย์ก ลาง เน้ น การจัด
การศึกษาเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของผูเ้ รียนอย่างสมดุลในทุก ๆ ด้าน OECD (2006) ได้ชถ้ี งึ แก่น
สาคัญ (Key Themes) ในการพัฒนาการศึกษาเรียนรูข้ องผูเ้ รียนไว้ 5 ประการ
- ผูเ้ รียนต้องมาก่อน (Student First): ให้นักเรียนเป็ นศูนย์กลางการเรียนรู้ โรงเรียนต้อง
เปลีย่ นจากโมเดลการสอนสิง่ เดียวทีเ่ หมาะกับทุกคน (One-size-fits-all) และแทนทีด่ ว้ ย
การตัง้ เป้าหมาย และพิจารณาบริบทของผูเ้ รียนแต่ละคนเป็ นศูนย์กลาง
- ครูผสู้ ร้างแรงบันดาลใจ (Inspiring Teachers): ต้องให้นิยามใหม่กบั “ครู” โดยต้องถอย
ออกจากบทบาทแบบดัง้ เดิม จากการเป็ น ครู ผู้ถ่ า ยโอนความรู้ สู่ ก ารเป็ น ครูท่ีใ ห้
คาปรึก ษา เป็ นผู้ช้แี นะ เป็ นผู้อ านวยความสะดวกในการเรียนรู้ใ ห้กับผู้เ รียน นัน่ คือ
บทบาทครูจะต้องมีความยืดหยุน่ มากขึน้ และเป็นผูเ้ ชีย่ วชาญอย่างมืออาชีพ
- ผลกระทบทางสังคม (Social Effects): ผลสาเร็จต้องไม่ใช่เพียงผลลัพธ์ทางวิชาการ
เท่านัน้ หากแต่จะต้องมีผลลัพธ์ทางสังคมด้วย นัน่ คือ ความคาดหวังให้การศึกษาสร้าง
คน ที่เ ป็ น พลเมือ งที่ดีเ ป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ของเศรษฐกิจ และสัง คม เป็ น สมาชิก ที่ดีข อง
ครอบครัว และส่วนหนึ่งของชุมชน
- ความเชื่อมโยงกับชุมชน (Community Connectedness): การเรียนรูจ้ ะต้องเชื่อมโยง
กันระหว่างผู้คน และสถานที่นอกโรงเรียน ดังนัน้ ครอบครัว ผู้ปกครอง อุตสาหกรรม
และผู้น าชุ ม ชนจึง ถือ เป็ น แหล่ ง ของความรู้ท่ีม ีศ ัก ยภาพ เป็ น แรงบัน ดาลใจ โมเดล
ต้นแบบทีช่ ่วยเสริมสร้างโอกาสการเรียนรู้
- ความพรังพร้ ่ อมในเทคโนโลยี (The Place of Technology): บทบาทของเทคโนโลยีเพื่อ
การศึกษาในอนาคตจะยิง่ ทวีบทบาทความสาคัญขึน้
28
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ทัง้ นี้ การพัฒนาการศึกษาเรียนรูข้ องผูเ้ รียนขึน้ อยูก่ บั ปจั จัยหลายประการ โดยมีปจั จัยสาคัญ
ได้แก่ ปจั จัยส่วนตัวของผู้เรียนและครอบครัว อาทิ กลยุทธ์ในการเรียนรู้ พื้นฐานครอบครัว ปจั จัย
จากสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ อาทิ ครู สถานศึกษา กระบวนการเรียนการสอน การประเมินผล
ตลอดจนทัศนคติของสังคม เป็ นต้น ในการศึกษาทบทวนส่วนนี้จะขอกล่าวถึงปจั จัยสาคัญทีไ่ ด้มกี าร
กล่าวถึงอย่างมากต่อการพัฒนาการศึกษาเรียนรูข้ องผูเ้ รียน ได้แก่
ครู
ครูมบี ทบาทอย่างมากต่อพัฒนาการเรียนรูข้ องผูเ้ รียน ในหลายประเทศจึงให้ความสาคัญกับ
การคัดเลือกคนเก่ง มีความสามารถเป็ นเลิศ เข้ามาเรียน บ่มเพาะฝึกฝนอย่างเข้มข้นและบรรจุเป็ น
ครูคุณภาพเลิศ สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ ช่วยอานวยความสะดวกจัดการเรี ยนรูใ้ ห้ผู้เรียน ได้
ค้นพบศักยภาพทีแ่ ท้จริง
29
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
30
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
พื้นฐานครอบครัว
จากการศึกษาข้อค้นพบของ PISA แสดงให้เห็นว่าพ่อแม่ผปู้ กครองทีม่ พี น้ื ฐานได้เปรียบทาง
เศรษฐสังคม มักจะเลือกทีจ่ ะส่งลูกไปเรียนในโรงเรียนของรัฐบนพืน้ ฐานของมาตรฐานทางวิชาการ
ซึง่ โรงเรียนเหล่านี้มคี วามสามารถและสอนกลยุทธ์การเรียนรูท้ ่มี ปี ระสิทธิภาพเพื่อนักเรียนในความ
ดูแล หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า พ่อแม่ผปู้ กครองกลุ่มเหล่านี้ไม่มขี อ้ จากัด ซึง่ ต่างจากกลุ่มครอบครัว
ทีด่ อ้ ยโอกาส ทัง้ ด้านค่าใช้จา่ ย และสถานทีต่ งั ้ ของโรงเรียน
ในประเทศส่วนใหญ่ท่มี ผี ลคะแนนสอบด้านการอ่านที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มนักเรียนที่
ด้อยโอกาสและกลุ่มนักเรียนได้เปรียบทางเศรษฐสังคม ส่วนหนึ่งสามารถอธิบายได้ว่า นักเรียนได้
เรียนรู้มากน้ อ ยแค่ไ หนเมื่อ มีอายุไ ด้ 15 ปี นอกจากนี้ ผู้ปกครองและครูเ ป็ นผู้ท่สี ามารถช่ว ยปิ ด
ช่องว่าง (Performance Gap) เหล่านี้ได้ดว้ ย
32
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กลยุทธ์ในการเรียนรู้
ข้อค้นพบของ OECD (2013) พบว่า ปจั จัยหนึ่งทีม่ คี วามสาคัญต่อผลสัมฤทธิ ์ในการเรียน
ของผู้เรียน คือ การที่ผู้เรียนมีกลยุทธ์ในการเรียนรู้ หรือกล่าวได้ว่า นักเรียนที่เรียนรู้วธิ กี ารสรุป
ข้อมูลหรือสรุปใจความสาคัญได้ดี มีแนวโน้มทีจ่ ะมีความสามารถในการอ่านได้ดขี น้ึ
โดยทัวไป
่ ผลการเรียนของนักเรียนจะมีความแตกต่างกันหากมีพน้ื ฐาน (Background) ที่
แตกต่างกัน อย่างไรก็ดี จากข้อค้นพบของ OECD (2013) พบว่า หากนักเรียนที่มภี ูมหิ ลังด้อย
โอกาสจานวนมากขึน้ นัน้ สามารถใช้กลยุทธ์การเรียนรูท้ ม่ี ปี ระสิทธิภาพได้ในระดับเดียวกับนักเรียน
ทีม่ าจากพืน้ ฐานทีไ่ ด้เปรียบ จะทาให้ช่องว่างระหว่างประสิทธิภาพทัง้ สองกลุ่มลดเกือบร้อยละ 20
จากการวิเคราะห์ขอ้ มูลคะแนน PISA กับพฤติกรรมการเรียนรูข้ องผูเ้ รียน พบว่า นักเรียนที่
มีผลคะแนนทีด่ ี (The Best-performing Students) เป็ นกลุ่มนักเรียนที่มที กั ษะการสรุปข้อมูลทีไ่ ด้รบั
ผ่านการอ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากทีส่ ุด
นอกจากนี้ ผลลัพธ์ท่ไี ด้จากการทดสอบ PISA ยังแสดงให้เ ห็นว่าประเทศที่นักเรียนมี
ประสิทธิภาพในการอ่านเฉลี่ย ที่แข็งแกร่งเป็ นประเทศที่นักเรียนโดยทัวไปทราบถึ
่ งวิธ ีมที กั ษะการ
สรุปข้อ มูล ทัง้ นี้ก ารรับรู้ของกลยุทธ์การสรุปที่มปี ระสิทธิภาพมีค วามสัมพัน ธ์ใ นทางบวกกับผล
คะแนนการอ่านเป็นทีเ่ ห็นได้ชดั หรืออาจกล่าวได้ว่า ถ้านักเรียนมีทกั ษะในการอ่านจับใจความ หรือ
สรุปประเด็นได้ดี ก็จะส่งผลให้มคี ะแนนสอบด้านการอ่านดีดว้ ย ตัวอย่างเช่น ในกลุ่มประเทศ OECD
ที่ม ีค วามแตกต่ า งในผลคะแนนการอ่ านระหว่ างนัก เรียนผู้ท่ี ม ีท ัก ษะการสรุป ความสูง ที่สุ ด และ
นักเรียนผูท้ ม่ี ที กั ษะการสรุปความสาคัญน้อยทีส่ ุด มีคะแนนต่างกันถึง 107 คะแนน หรือเทียบได้เป็ น
ความแตกต่างถึง 2 ปีของการศึกษา
ในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันในขอบเขตที่กลุ่มเฉพาะของนักเรียนที่มกี ลยุทธ์การ
ทางานทีด่ ที ส่ี ุดในการสรุปความ ตัวอย่างเช่น นักเรียนทีม่ พี น้ื ฐานเศรษฐกิจสังคมทีไ่ ด้เปรียบ ภายใน
กลุ่มประเทศ OECD หากได้เรียนรูเ้ พิม่ เติมเกี่ยวกับประสิทธิผลของการเรียนรู้ จะทาให้มกี ลยุทธ์ท่ี
ดีกว่านักเรียนจากโรงเรียนทีม่ พี น้ื ฐานด้อยโอกาส
33
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
34
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ความสาคัญของการศึกษาและพัฒนาทุนมนุษย์
การลงทุนในทุนมนุ ษย์ควรถูกจัดให้เป็ นหัวใจของยุทธศาสตร์การพัฒนาในทุก ๆ ประเทศ
เนื่องจากทุนมนุ ษย์ถือเป็ นทรัพยากรที่สาคัญที่สุดของชาติ สามารถส่งผลต่อวางรากฐานเพื่อเพิม่
ความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว กล่าวอีกนัยหนึ่งคือความมันคงและมั ่ งมี
่ ของประเทศใน
อนาคตนัน้ ขึน้ อยู่กบั ปจั จัยหลักสาคัญว่าคนของประเทศนัน้ ๆ มีความรู้ ทักษะ และศักยภาพที่พรัง่
พร้อมมากน้ อยเพียงใด ซึ่งในบางกรณีนับว่ามีความสาคัญมากกว่าการพัฒนาทุนด้านอื่น ๆ ของ
ประเทศเสียอีก ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างของหลากหลายประเทศ เช่น ฮ่อ งกง สิงคโปร์ ไต้หวัน
เกาหลีใต้ ที่แม้ประสบปญั หาด้านทรัพยากรธรรมชาติหรือทุนทางกายภาพซึ่งมีอยู่อย่างจากัดแต่
สามารถประสบความสาเร็จในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและยังยื ่ น เนื่องจากทุก
ภาคส่ ว นของประเทศให้ค วามส าคัญ กับ การพัฒนาทุนมนุ ษ ย์ผ่ านระบบการศึกษา เพื่อ ส่ ง เสริม
ศักยภาพของประชากรให้เป็นทรัพยากรสาคัญในการพัฒนาประเทศ
หากกล่าวถึงประสบการณ์ของประเทศไทย งานศึกษาของ Peter Warr (2012) ได้ศกึ ษา
วิเ คราะห์ปจั จัยหลักที่ส่ ง ผลต่ อ การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในศตวรรษที่ผ่ านมา (Source of
Aggregate Growth) ชีว้ ่าในอดีตทีผ่ ่านมาการเจริญเติบโตของประเทศนัน้ ถูกขับเคลื่อนโดยทุนทาง
กายภาพเป็นหลัก กล่าวคือ ระหว่างช่วงปี ค.ศ. 1960 – 1990 นัน้ ประเทศไทยได้ก้าวข้ามจากสังคม
เกษตรกรรมมาสู่ประเทศอุ ต สาหกรรมที่มรี ายได้ปานกลาง ขับเคลื่อ นผ่ านการเปิ ดตลาดเสรีต่ อ
ประชาคมโลกและเน้นนโยบายพึ่งพิงการส่งออก โดยใช้ขอ้ ได้เปรียบจากความสามารถในการผลิต
สินค้าและบริการด้วยแรงงานราคาถูก อยู่บนพืน้ ฐานของการขยายตัวของทุ นทางกายภาพ คือ การ
ลงทุนจากภาคเอกชน (Private Investment) เป็ นส่วนใหญ่ ซึง่ รูปแบบการเปลีย่ นผ่านในลักษณะนี้
ได้เ กิดขึ้นกับหลาย ๆ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ โดยมีผลลัพธ์ค ือ ค่ าเฉลี่ยรายได้ของ
ประชากรสูงขึน้ อัตราส่วนของแรงงานในภาคเกษตรกรรมลดน้อยลง และอัตราความยากจนลดต่าลง
ปจั จุบนั ประเทศไทยจึงยังติดอยู่กบั การเป็ นประเทศรายได้ปานกลาง โดยไม่สามารถก้าว
ไปสู่ ก ารเป็ น ประเทศที่ม ีร ายได้ สู ง ได้ เนื่ อ งจากไม่ ส ามารถสร้า งนวัต กรรม เทคโนโลยี เพิ่ม
ประสิทธิผลในการผลิตเพิม่ มูลค่าของสินค้า
อย่า งไรก็ต าม ประเทศไทยจะไม่ส ามารถพัฒ นาประเทศโดยอาศัย ประโยชน์ จ ากฐาน
ทรัพ ยากรธรรมชาติแ ละแรงงานต้นทุนต่ าได้อีกต่ อ ไป ดั งนัน้ ประเทศไทยจึง ต้อ งการปฏิรูปทิศ
ทางการพัฒนาอย่างเร่งด่วน โดยหลักสาคัญคือการลงทุนในทรัพยากรมนุ ษย์อย่างจริงจังผ่านการ
พัฒนาระบบการศึกษาและยกระดับคุณภาพกาลังคนให้เต็มไปด้วยศักยภาพ ความรู้ ทักษะ และขีด
ความสามารถเพื่อจะเป็นกาลังคนทีม่ คี ุณภาพ และยกระดับความสามารถในการผลิตของประเทศได้
อย่างยังยื
่ น
35
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภาพที่ 8: นโยบายการพัฒนาและการเปลี่ยนผ่านของประเทศ
จะเห็น ได้ว่ า ทุ น มนุ ษ ย์ถือ เป็ น กุ ญ แจส าคัญ ที่สุ ด ประการหนึ่ ง ในการไขประตู ไ ปสู่ค วาม
รุง่ โรจน์ในอนาคตและช่วยให้ประเทศไทยสามารถก้าวไปสู่โลกทีห่ นึ่งได้อย่างเต็มภาคภูม ิ ทัง้ นี้ เป็ น
ที่เ ข้าใจกันโดยทัวไปว่
่ าการพัฒนาคนมักจะมีค วามสัมพันธ์อ ย่างใกล้ชิดกับระบบการศึกษาของ
ประเทศโดยมีการงานวิจยั จานวนมากทีส่ ะท้อนให้เห็นถึงผลตอบแทนทีไ่ ด้จากการลงทุน (Return to
Investment) จากการพัฒนาทุนมนุ ษย์ผ่ านการศึกษา ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็ น 2 ระดับ ทัง้ ใน
ระดับมหภาค (Macro Level) ทีเ่ ป็ นผลกระทบต่อผลิตภาพหรืออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
ของประเทศ และในระดับจุลภาค (Micro Level) คือผลประโยชน์ทไ่ี ด้ในส่วนบุคคล โดยสรุปได้ดงั
ตารางที่ 3 ซึ่งจากการทบทวนเอกสารผลงานวิจยั และหลักฐานเชิงประจักษ์ แสดงให้เห็นถึง
ความสาคัญของการพัฒนาทุนมนุษย์ รวมทัง้ พบว่าการสนับสนุ นการศึกษานัน้ จะส่งผลกระทบในเชิง
บวกทัง้ ในระดับบุคคล ไปจนถึงการเพิม่ ผลิตภาพส่งเสริมการเจริญเติบโตและความมังคั ่ ง่ การอยู่ดมี ี
สุขให้กบั ประเทศ
36
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
37
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ผลตอบแทนภายนอกของการศึกษา
38
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
39
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
40
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
41
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
42
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
120,000
100,000
80,000
ต้ องการ
60,000
ขาดแคลน
40,000
20,000
ปัญหาโครงสร้างของกาลังคนในประเทศไทย
การที่โครงสร้างของก าลังคนไม่ส ามารถตอบโจทย์ค วามต้อ งการของเศรษฐกิจ ไทยใน
ปจั จุบนั และอนาคตได้ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่สอดคล้องระหว่างอุปสงค์และอุปทานของแรงงาน
(Skill Mismatch) ทัง้ นี้จากการทบทวนเอกสารงานวิจยั ทีเ่ กี่ยวข้องสามารถสรุป สภาพปญั หาสาคัญ
ได้เป็ น 2 ประเด็นหลักคือ (1) ความไม่สอดคล้องเชิงปริมาณ และ (2) ความไม่สอดคล้องเชิง
คุณภาพ โดยรายละเอียดของสถานการณ์ สรุปได้ดงั นี้
1) ความไม่สอดคล้องเชิงปริมาณ
จากผลการศึกษาของสถาบันวิจยั เพื่อการพัฒนาประเทศไทย (2554) พบว่าในหลายจังหวัด
มีการขาดแคลนแรงงานในกลุ่มแรงงานระดับมัธยมลงมา แต่ท่ผี ลิตเกินคือ แรงงานสายช่าง ปวช.
ปวส. และอุดมศึกษาขึน้ ไป ซึง่ มีการใช้น้อยในระดับกลุ่มจังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มจังหวัดทีม่ รี ะดับการ
พัฒนาต่ามีเพียงบางจังหวัดเท่านัน้ ทีม่ สี าขาทีม่ อี ุปทานมากกว่าอุปสงค์
อย่างไรก็ตาม โดยทัวไปแล้ ่ ว พบว่าเกิดการขาดแคลนแรงงานในทุกกลุ่มโดยมีสดั ส่ วนที่
ใกล้เคียงกันอยูท่ ร่ี อ้ ยละ 60 ของความต้องการของผูป้ ระกอบการ (ธนาคารแห่งประเทศไทย, 2556)
โดยเฉพาะในภาคการผลิต และภาคก่ อ สร้างที่ยงั คงพึ่งพาแรงงานพื้นฐานที่มกี ารศึกษาในระดับ
43
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1
ตามนิยามองค์กรสหประชาชาติ ประเทศทีก่ า้ วเข้าสู่สงั คมผูส้ งู อายุ (Aging Society) คือ ประเทศที่มสี ดั ส่วน
ประชากรอายุ 60 ปี ขน้ึ ไปสูงกว่าร้อยละ 10 หรือมีสดั ส่วนประชากรอายุ 65 ปี ขน้ึ ไปสูงกว่าร้อยละ 7 ของ
ประชากรทัง้ ประเทศ ส่วนประเทศทีเ่ ป็ นสังคมผูส้ งู อายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) คือ ประเทศที่มสี ดั ส่วน
ประชากรอายุ 60 ปี มากกว่าร้อยละ 20 และประชากรทีม่ อี ายุ 65 ปี มากกว่าร้อยละ 14 ของประชากรทัง้ ประเทศ
44
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
60
40
วัยสูงอายุ
20 วัยแรงงาน
วัยเด็ก
0
2513 2555 2583
12 11.3
10.3
10
8 7 6.7 6.5 6.4
6
4.8
4 3.2
2.4
2 อัตราส่วนวัยแรงงาน / ผูส้ ูงอายุ 1 คน
0
2503 2523 2543 2548 2549 2550 2558 2568 2578
45
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
46
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
70,000
ฮ่องกง
สิงคโปร์
ญี่ปนุ่ เกาหลี
มาเลเซียย
ไทย
อินโดนีเซีย จีน
อินเดีย
เวียดนาม
0 10 20
47
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ค่าจ้างขันต
้ ่า ค่าจ้างทัวไปเฉลี
่ ย่ เทียบกับผลิตภาพแรงงาน และ GDP
200
180 ดัชนีผลิตภาพแรงงาน
160 ดัชนี Real GDP
140 ดัชนีค่าจ้างทั ่วไป
120 ดัชนีค่าจ้างขันต
้ ่า
100
80
60
40
20
0
2544 2545 2546 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553
ค่าจ้างขันต
้ ่า ค่าจ้างทัวไปเฉลี
่ ย่ เทียบกับผลิตภาพแรงงาน และ GDP
600
ดัชนีกาไรธุรกิจ
500
400
300
200
ดัชนีค่าจ้างทั ่วไป
100 ดัชนีค่าจ้างขันต
้ ่า
0
2544 2545 2546 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553
48
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3) ระบบการศึกษาผลิตแรงงานทีไ่ ม่ตรงกับความต้องการของตลาด
หากมองในประเด็นของการศึก ษาแล้ว จะพบว่า คนไทยมีแนวโน้ มของความต้อ งการใน
การศึกษาต่อในระดับที่สูงขึน้ มากขึน้ เป็ นผลสืบเนื่องมาจากการขยายโอกาสทางการศึกษารวมทัง้
นโยบายอุดหนุ นการศึกษา ที่มสี ่วนทาให้ส่วนต่างตอบแทน ระหว่างคนจบมหาวิทยาลัยกับมัธยม
ปลายมีแนวโน้มสูงขึน้ มาก (Wage Premium) นอกจากนี้การกาหนดค่าจ้างและการเลื่อนขัน้ การ
ทางานมัก จะถู ก ก าหนดตามวุฒกิ ารศึกษาที่สาเร็จมากกว่าความสามารถและประสบการณ์ ของ
แรงงาน (Degree-based Promotion) ปจั จัยเหล่านี้ทาให้นักเรียนนิยมเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา
มากกว่าปริมาณความต้องการของงานทีจ่ ะสามารถรองรับได้ในขณะทีค่ วามต้องการแรงงานในสาย
อาชีพหรืออาชีวศึกษามีความต้องการทีส่ ูงมากแต่จานวนนักเรียนทีเ่ ข้ามาศึกษาในระดับอาชีวศึกษา
(ปวช. และ ปวส.) นัน้ มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆในแต่ละปี สาหรับในระดับอุดมศึกษาจากสถิตขิ อง
UNESCO พบว่ามีจานวนผูศ้ กึ ษาต่อสายวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม (Science and Engineering)
อยูเ่ พียงร้อยละ 20 เมือ่ เทียบกับประเทศสิงคโปร์ เกาหลีใต้ และมาเลเซียซึง่ อยู่ทป่ี ระมาณร้อยละ 40
ในขณะทีจ่ านวนผูศ้ กึ ษาต่อสายสังคมศาสตร์ บริหารธุรกิจและกฎหมายของประเทศไทยสูงถึงร้อยละ
60 เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ซึง่ มีค่าเฉลีย่ อยู่ทป่ี ระมาณร้อยละ 20-30 เท่านัน้ นอกจากนี้ยงั พบว่า
การขาดแคลนแรงงานยังเกิดจากการทีค่ ุณภาพของผูส้ าเร็จการศึกษาทีเ่ ป็ นทีต่ ้องการของนายจ้างมี
อยู่อ ย่ า งจ ากัด กล่ า วคือ บัณ ฑิต ส่ ว นใหญ่ ข าดทัก ษะในการปฏิบ ัติง านที่จ าเป็ น เช่ น ขาดความ
เชีย่ วชาญในภาษาต่างประเทศ การใช้คอมพิวเตอร์ หรือความรูค้ วามสามารถในเชิงเทคนิคซึง่ ทาให้
ถูกปฏิเสธจากตลาดแรงงานซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่สถาบันการศึกษายังเน้นการจัดการเรียนการ
สอนตามความต้องการของผูผ้ ลิต (Supply-driven) ไม่ได้จดั ตามความต้องการของผูใ้ ช้ (Demand-
driven)
49
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
40 41 40 39 37 36
สายอาชีวศึกษา
สายสามัญ
60 59 60 61 63 64
50
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
51
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
บทที่ 3
กรอบแนวคิดและวิธีการศึกษา
53
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
54
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
แรงขับเคลื่อนและแนวโน้มจะมีความสาคัญอย่างยิง่ ต่อภาพเป้าประสงค์คนไทยในศตวรรษที่
21 ทัง้ ในด้านการปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลีย่ นแปลงของโลกและภูมภิ าค การแสวงหา
ประโยชน์และโอกาสจากการทีโ่ ลกไร้พรมแดน โอกาสจากการเข้าถึงองค์ความรูร้ ะดับโลก (Global
Knowledge) อย่ า งมหาศาลในยุค ดิจ ิท ัล โอกาสจากการรวมกลุ่ ม ความร่ว มมือ เศรษฐกิจ หรือ
แม้กระทังการเตรี
่ ยมความพร้อมภายในประเทศไทย เตรียมความพร้อมของคนไทย ทัง้ ทีอ่ ยู่ในระบบ
การศึกษา นอกระบบการศึกษา หรือแม้กระทังคนไทยทุ
่ กคนทีอ่ ยู่ในสังคมนี้ ให้พร้อมปรับตัวเข้ากับ
ศตวรรษที่ 21 ได้อย่างดี เพื่อให้คนไทยสามารถเป็ นคนทีม่ ศี กั ยภาพ เป็ นทุนมนุ ษย์ทม่ี คี ุณค่าในการ
นาพาประเทศให้มคี วามเจริญมังคั ่ งทางเศรษฐกิ
่ จ มีความอยู่ดมี สี ุขและนาไปสู่การสร้างรากฐานทาง
สังคมทีม่ นคงั ่ 4 มิติ ได้แก่
- ความมันคงทางด้
่ านเศรษฐสังคม (Socio-Economic Security)
- การให้โอกาสแก่คนทุกกลุ่มในด้านต่างๆ (Social Inclusion)
- การเสริมสร้างพลังทางสังคม (Social Empowerment)
- ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในสังคม (Social Cohension)
55
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
56
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
57
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
58
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
59
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
เป้ าประสงค์หลักของประเทศไทย
เป้าประสงค์หลักของประเทศไทยเป็ นภาพทีส่ ะท้อนองค์ประกอบต่างๆทีส่ าคัญของประเทศ ทัง้
ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม โครงสร้างพืน้ ฐาน สิง่ แวดล้อม การศึกษา
โดยในการศึก ษาและก าหนดเป้ า ประสงค์ห ลัก ของประเทศไทยจะศึก ษาทบทวนภาพรวม
เป้าประสงค์หลัก ผลการด าเนิ นงานหรือการจัดอันดับของประเทศไทยในมิติต่ างๆ ที่สาคัญ ทัง้ ด้าน
เศรษฐกิจ สังคม สิง่ แวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิง่ มิตดิ า้ นการศึกษา การพัฒนาคน รวมทัง้ ศึกษานโยบาย
ทีเ่ กี่ยวข้องทัง้ ในส่วนของนโยบายการศึกษา (Education Policy) นโยบายแรงงาน (Labor Policy) การ
วางแผนกาลังคน (Manpower Planning) การพัฒนาโครงสร้างพืน้ ฐาน (Infrastructure Development)
60
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การกาหนดเป้าประสงค์การศึกษาไทยจะเป็ นการถอดเป้าประสงค์หลักของประเทศไทยลงสู่
เป้าประสงค์การศึกษาไทย รวมทัง้ การกาหนดกลไกการดาเนินนโยบายและยุทธศาสตร์เพื่อกาหนดแนว
ปฏิบตั กิ ารของการศึกษาไทย จึงเป็ นข้อต่อสาคัญที่สุดในการนาพาประเทศสู่การยืนหยัดในศตวรรษที่
21 อย่างมันคง
่
องค์ประกอบของระบบการศึกษาไทย
ทัง้ นี้ในการวิเคราะห์เพื่อวิเคราะห์ถงึ แนวทางการพัฒนาไปถึงเป้าประสงค์การศึกษาไทย หรือ
Performance ทีพ่ งึ ประสงค์น้ี ทางคณะวิจยั ได้วเิ คราะห์ผ่านองค์ประกอบระบบการศึกษาไทยทีจ่ ะส่งผล
ต่ อ การพัฒนาระบบการศึก ษาเรีย นรู้ข องประเทศไทย ในการศึก ษาครัง้ นี้ โดยอาศัย “แบบจ าลอง
องค์ประกอบการศึกษา 5Ps” ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่
61
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
62
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3) Platform หมายถึง ป จั จัย พื้น ฐานส าคัญ ที่จ ะช่ ว ยในการยกระดับ และพัฒ นา นัน่ คือ
สภาพแวดล้อมทีเ่ อือ้ ต่อการเพิม่ พลังให้กบั ผูค้ นในสังคม โดยในทีน่ ้ีจะหมายถึงการพัฒนาให้
เกิดสังคมที่พงึ ประสงค์ โดย Platform จ้องสามารถก้าวให้ทนั กับความเปลี่ยนแปลง ทัง้
ภายในและภายนอกประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจในสภาวะที่จะต้องดาเนินการอยู่ และ
เพื่อให้สามารถคิดหาทางปรับเปลี่ยนเพื่อรับมือ และใช้ประโยชน์ จากความเปลี่ยนแปลง
ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด
4) Practices หมายถึง การนานโยบายการศึกษาของชาติ รวมไปถึงแผนงานอื่นๆ ไปปฏิบตั ิ
ให้ บ ัง เกิด ผล ซึ่ง ผู้ป ฏิบ ัติแ ละผู้ ไ ด้ ร ับ ผลกระทบจากการปฏิบ ัตินั ้น ย่ อ มเกี่ย วข้อ งได้
หลากหลายระดับ ตัง้ แต่ ระดับกระทรวง หน่ วยงาน โรงเรียน ไปจนถึงระดับบบุค คล ซึ่ง
หมายรวมทัง้ บุ ค ลากรครูแ ละตัว ผู้เ รีย น ซึ่ง ในส่ ว นนี้ เ องที่จ ะเกี่ย วข้อ งโดยตรงกับ การ
ออกแบบระบบกลไกการศึกษา (Mechanism Design) ที่ได้กล่าวถึงในส่วนแรก ซึ่งสิง่ ที่
ปรากฎในปจั จุบนั ยังพบว่ามีช่องว่าง (Gap) เช่นกันระหว่าง Policy - Practices ดังนัน้ การ
ปฏิบตั จิ ะประสบผลสาเร็จหรือไม่ย่อมขึน้ อยู่กบั ความเชื่อมโยงของนโยบายกับเป้าประสงค์
หลักการศึกษา ความเชื่อมโยงของนโยบายสู่กลยุทธและการปฏิบตั ิ การสร้างความเข้าใจแก่
ผูท้ ่เี กี่ยวข้อง และการมีเครื่องมือในการสนับสนุ นทังในเชิ่ งเทคนิค และเชิงจัดการสาหรับผู้
ปฏิบตั ิ
5) Performance หมายถึง ผลสัมฤทธิ ์หรือผลลัพ ธ์ท่เี กิดขึ้น เมื่อทุกข้อ ต่ อตัง้ แต่ Paradigm,
Policy, Platform และ Practice มีความเชื่อมโยงและปรับเปลีย่ นให้สอดคล้องกันดีแล้ว
หมายความว่าการศึกษาไทยจะสามารถบรรลุเป้าประสงค์ในการทาคนไทยให้เป็ นมนุ ษย์ท่ี
สมบูรณ์ มี Head, Hand, Heart เป็ นคนทีม่ คี ุณภาพ ศักยภาพและสุขภาวะที่ทดั เทียม
ประชากรในประเทศโลกที่หนึ่ง (First World Citizen) และในขณะเดียวกันก็จะสามารถ
ตอบสนองเป้าหมายในระดับมหภาคคือขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเป็ นประเทศในโลกทีห่ นึ่ง
(First World Nation) ทีป่ ระกอบไปด้วย Hope, Happiness, และ Harmony ได้อย่างเต็ม
ภาคภูม ิ
63
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
- กลุ่มของจิต (Mindset)
- ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills)
64
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
จากการศึกษาทัง้ หมดจะช่วยให้สามารถวาดภาพการดาเนินการด้านการศึกษาได้อย่างครบถ้วน
เพียงพอ ทัง้ ภาพการเชื่อมต่อแนวราบในระดับนโยบาย และระดับปฏิบตั ิ รวมถึงการเชื่อมต่อแนวดิง่ ของ
แต่ละกลุ่มองค์กร ซึง่ ข้อมูลทัง้ หมดนี้จะใช้อธิบายและระบุแนวปฏิบตั ใิ นการบูรณาการ ทีม่ ุ่งทุ กกิจกรรมสู่
การบรรลุ เ ป้ า ประสงค์ห ลัก การศึก ษาเพื่อ ให้ก ารศึก ษามีค วามครบถ้ ว นสมบู ร ณ์ แ ละครอบคลุ ม ทุ ก
องคาพยพ ซึง่ ประกอบไปด้วย
การออกแบบกรอบแนวคิดใหม่สาหรับระบบการศึกษาไทย (Conceptual Design) คือการ
ทาความเข้าใจกับบริบทต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เพื่อมุ่งเน้นให้ส ามารถส่งเสริมการ
พัฒนาพลเมืองและสังคมให้สามารถดาเนินต่อไปได้ในศตวรรษที่ 21 อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึง่ คือผลการวิจยั ในส่วนการกาหนดเป้าประสงค์หลักของการศึกษาไทย และการวิเคราะห์
ระบบนิเวศการศึกษา
การออกแบบระบบกลไก (Mechanism Design) ในการนากรอบแนวคิดใหม่ไปปฏิบตั ไิ ด้
อย่ า งมีป ระสิท ธิ ภ าพ เกิ ด ผลเป็ น รู ป ธรรม ซึ่ง คื อ ผลการวิจ ัย ในส่ ว นการวิเ คราะห์
สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ และการวิเคราะห์การจัดการและเครือ่ งมือเชิงนโยบาย
65
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
66
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
67
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1.2) การประชุม
เพื่อ ให้ก ารด าเนิ นโครงการสัมฤทธิผ์ ลตามวัต ถุ ป ระสงค์แ ละจุ ด มุ่ง หมายที่ต ัง้ ไว้ทางคณะที่
ปรึกษา ฯ ได้จดั ให้มกี ารประชุมเพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นจากผูบ้ ริหารผูท้ รงคุณวุฒแิ ละภาคส่วนต่าง ๆ ทัง้
การระดมความคิดเห็นร่วมกันระหว่างคณะวิจยั กับผู้แทนของหน่ วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
และหน่ วยงานผูก้ าหนดนโยบายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผูท้ รงคุณวุฒ ิ ตลอดจนศึกษามวลชนด้านการศึกษา
และภาคประชาชน เพื่อ ประโยชน์ ใ นการขับเคลื่อ นยุทธศาสตร์ร่ว มกัน โดยการจัด ประชุม ดังกล่ า ว
ประกอบด้วย
ก) การประชุมเพื่อระดมความคิดเห็น (Brainstorming)
ข) การประชุมเชิงปฏิบตั กิ ารผูเ้ ชีย่ วชาญด้านการศึกษา (Delphi Workshop)
(รายละเอียดการจัดประชุมระดมความคิดเห็นได้สรุปไว้ในภาคผนวกที่ 2)
68
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
69
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
70
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
71
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
72
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
73
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
74
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
75
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
บทที่ 4
ผลการศึกษา
77
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
78
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
79
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
80
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2) ด้านสังคมและประชากร
• การเพิม่ ขึน้ ของสังคมผูส้ งู อายุ (Aging Society)
• ภาวะความเป็ นเมือง (Urbanization) มากขึน้ ส่งผลต่อสัมพันธภาพภายใน
ครอบครัว เกิดการหย่าร้าง ครอบครัวแตกแยก มีการย้ายเข้าถิน่ สู่เมืองใหญ่
สังคมไทยมีแนวโน้มเปลีย่ นแปลงจากสังคมเครือญาติส่สู งั คมปจั เจก
81
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3) ด้านสิ่ งแวดล้อม
• การเปลีย่ นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ (Climate Change)
• การเพิม่ ขึน้ ของปริมาณมลพิษทางสิง่ แวดล้อม
• การลดลงของสต๊อกทรัพยากรธรรมชาติ เกิดความกดดันทางด้านทรัพยากร
โดยเฉพาะทางด้านพลังงานและอาหาร (Resource Constraints) นาไปสู่สงคราม
การแย่งชิงทรัพยากรในระดับโลก (Resource War)
• แนวโน้มเศรษฐกิจสีเขียวและการผลิตและบริโภคทีม่ ลี กั ษณะเป็นมิตรกับ
สิง่ แวดล้อม (Green Economy, Green Production and Consumption)
4) ด้านเทคโนโลยี
• ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็ นไปอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะนาโน
เทคโนโลยี เทคโนโลยีชวี ภาพและเทคโนโลยีสารสนเทศ (Nanotechnologies,
Biotechnologies and Life Sciences, Information and Communication
Technologies)
• เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทีไ่ ร้พรมแดน การเชื่อมโยงของอินเทอร์เน็ต
ทัวโลกท
่ าให้การสื่อสารสามารถทาได้รวดเร็วและสะดวกสบายในทุกสถานที่ การ
เกิดขึน้ ของสื่อและเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Media & Social Network)
• ความเหลื่อมล้าในการเข้าถึงเทคโนโลยีและสารสนเทศ (Digital and Technological
Divide)
82
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ดร.สุวทิ ย์ เมษินทรีย์
“โลกหลังสังคมฐานความรู:้ ความมังคั
่ งในนิ
่ ยามใหม่”
โลกยุคต่อไปว่าจะเป็ นสังคมแห่งกัลยาณมิตรมีการอนุวตั จากการแข่งขันเพือ่ สร้างความได้เปรียบ
และเอาชนะกันทางธุรกิจไปสู่การ“ร่วมกันสร้างสรรค์”คนในสังคมจะคิดถึงส่วนรวมมากขึน้
มีจติ สํานึกสาธารณะ (Public Mindedness) มากกว่าจิตสํานึกทีเ่ อาประโยชน์ของตนเองเป็นทีต่ งั ้
มีการสือ่ สารแบบเปิด (Open Communication) ทําให้เกิดการแบ่งปนั ข้อมูลอย่างกว้างขวาง
2) ด้านสังคมและประชากร
ในด้านสังคมและประชากรมีปจั จัยขับเคลื่อนทีส่ าคัญ อันเนื่องมาจากโครงสร้างประชากร
และการพัฒนาเศรษฐกิจ การเพิม่ ขึน้ ของสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ภาวะความเป็ นเมือง
(Urbanization) มากขึน้ ส่งผลต่อสัมพันธภาพภายในครอบครัว เกิดการหย่าร้าง ครอบครัวแตกแยก
มีการย้ายเข้าถิ่นสู่เมืองใหญ่ สังคมไทยมีแนวโน้ มเปลี่ยนแปลงจากสังคมเครือญาติสู่สงั คมปจั เจก
นอกจากนัน้ ยังมีแนวโน้มการเคลื่อนย้ายถิน่ ฐานแรงงาน (Migration and Mobility) ภายในภูมภิ าค
และระหว่างประเทศเพิม่ มากขึน้
84
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ประชากรและการพัฒนาเศรษฐกิ จ
2
สถิตสิ ามะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2553 โดยสานักงานสถิตแิ ห่งชาติรายงานว่า 65.9 ล้านคน ส่วน World
Population Prospects: The 2010 Revision รายงานว่า 69.1 ล้านคน
85
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ทีม่ า: คณะวิจยั Sasin Institute for Global Affairs (SIGA) โดยอาศัยข้อมูลจาก World Population Prospects:
The 2010 Revision, United Nation
86
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ทีม่ า: คณะวิจยั Sasin Institute for Global Affairs (SIGA) โดยอาศัยข้อมูลจาก World Population Prospects:
The 2010 Revision, United Nation
ความเป็ นเมือง
การเปลีย่ นแปลงเชิงโครงสร้างของประชากรทีอ่ าศัยอยู่ในเขตเมืองและชนบทของประเทศ
ไทยมีแนวโน้มเปลีย่ นแปลงมาโดยตลอด โดยประชากรทีอ่ าศัยในเขตเมืองได้เพิม่ ขึน้ อย่างรวดเร็วซึง่
เป็ นแนวโน้มทีเ่ กิดขึน้ ในทัวโลก
่ โดยรายงาน World Urbanization Prospects 2011 คาดว่าสัดส่วน
ของประชากรทีอ่ าศัยอยู่ในเขตเมืองในประเทศไทยจะสูงกว่าประชากรทีอ่ ยู่ในชนบทในปีค.ศ. 2045
การทีป่ ระชากรอพยพมาอยู่ในเมืองมากนัน้ ส่งผลกระทบและแรงกดดันต่อทัง้ การใช้ทรัพยากรและ
คุณภาพสิง่ แวดล้อมโดยเฉพาะสิง่ แวดล้อมเมืองและชุมชนในอนาคต
บริบทและชีวติ ที่เปลี่ยนแปลงไป ความแตกต่างของเมืองและภูมภิ าคย่อมส่งผลต่อประเด็น
การศึกษาเรียนรูท้ ่อี าจมีความแตกต่างกัน เนื้อหาสาระของการเรียนการสอนจึงควรมีความยืดหยุ่น
สามารถปรับ ให้ส อดคล้อ งกับ บริบ ทของพื้น ที่ เพื่อ ให้ผู้เ รีย นได้เ ข้า ใจสาระความรู้ท่ีบูร ณาการ
เชื่อมโยงกับบริบทพืน้ ที่
87
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ทีม่ า: คณะวิจยั Sasin Institute for Global Affairs (SIGA) โดยข้อมูลจาก World Urbanization Prospects,
United Nation (2011)
3) ด้านสิ่ งแวดล้อม
ในปจั จุบนั เริม่ มีปจั จัยขับเคลื่อนทางด้านสิง่ แวดล้อมทีม่ อี ทิ ธิพลอย่างมากต่อด้านต่าง อาทิ
การเปลีย่ นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ (Climate Change) การเพิม่ ขึน้ ของปริมาณมลพิษทางสิง่ แวดล้อม
การลดลงของสต๊อกทรัพยากรธรรมชาติ เกิดความกดดันทางด้านทรัพยากรโดยเฉพาะทางด้าน
พลังงานและอาหาร (Resource Constraints) นาไปสู่สงครามการแย่งชิงทรัพยากรในระดับโลก
(Resource War) ตลอดจนแนวโน้มเศรษฐกิจสีเขียวและการผลิตและบริโภคทีม่ ลี กั ษณะเป็ นมิตรกับ
สิง่ แวดล้อม (Green Economy, Green Production and Consumption)
การศึกษา เรียนรู้ และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกในมิติทางด้านสิง่ แวดล้อมจะมี
ความสาคัญเพิม่ มากขึน้ โดยเฉพาะในแง่มุมของมิตกิ ารพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว ตลอดจนการศึกษา
ต่อยอดเพื่อคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่เี ป็ นมิตรต่อสิง่ แวดล้อม ตลอดจน อาศัยการศึกษาเป็ นสิง่ ที่
ถ่ า ยทอด และปลู ก จิด ส านึ ก ให้ก ับ คนในสัง คมรัก สิ่ง แวดล้อ ม และมีพ ฤติก รรมที่เ ป็ น มิต รต่ อ
สิง่ แวดล้อม
88
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4) ด้านเทคโนโลยี
ความก้าวหน้ าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ความก้ า วหน้ า ทางเทคโนโลยีแ ละนวัต กรรมเป็ น ไปอย่ า งรวดเร็ว โดยเฉพาะนาโน
เทคโนโลยี เทคโนโลยีชวี ภาพและเทคโนโลยีสารสนเทศ (Nanotechnologies, Biotechnologies
and Life Sciences, Information and Communication Technologies)
ความเหลือ่ มล้าในการเข้าถึงเทคโนโลยีและสารสนเทศ
แม้ว่าจะมีก ารพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว แต่ข้อจากัดหนึ่งก็ค ือ ยังมี ความ
เหลื่อมล้าในการเข้าถึงเทคโนโลยีและสารสนเทศ (Digital and Technological Divide) ซึง่ ส่งผลให้
ประชากรในพืน้ ทีห่ ่างไกลมีขอ้ จากัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการเข้าถึงองค์ความรู้
มหาศาลผ่าน Platform เทคโนโลยีสารสนเทศอีกด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนนี้มคี วามจาเป็ นอย่างยิง่
ทีภ่ าครัฐจะต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และลดความเหลื่อมล้าในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ
ทัง้ นี้เนื่องจากในศตวรรษที่ 21 เทคโนโลยีสารสนเทศจะมีความสาคัญอย่างมากในการเป็ นกลไกและ
Platform การเข้าถึงการศึกษาเรียนรู้ ขยายโอกาสทางการศึกษาไปยังพืน้ ทีห่ ่างไกล และสามารถทา
ให้ผเู้ รียนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาเรียนรูท้ ม่ี คี ุณภาพได้
89
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4.1.2 แรงขับเคลื่อนในระดับภูมิภาค
การรวมกลุ่ มทางเศรษฐกิจของภูมภิ าคต่ างๆของโลกมากขึ้นโดยกรอบความร่ว มมือ ที่ม ี
ความส าคัญ ใกล้ ชิ ด กั บ ประเทศไทยมาก คือ การรวมกั น เป็ น ประชาคมอาเซี ย น (ASEAN
Community)
การรวมกันเป็ นประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ประกอบไปด้วย 3 เสาหลัก อัน
ได้แก่ (1) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) (2) ประชาคม
การเมืองและความมันคงอาเซี
่ ยน (ASEAN Political-security Community: APSC) และ(3)
ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-cultural Community: ASCC)
(1) ประชาคมเศรษฐกิ จอาเซี ยน (ASEAN Economic Community: AEC) เน้นการ
เป็ นตลาด/ฐานการผลิตเดียว ภูมภิ าคที่มคี วามสามารถในการแข่งขัน มีการพัฒนาที่
เท่าเทียม และ บูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลก
(2) ประชาคมการเมื อ งและความมันคงอาเซี
่ ย น (ASEAN Political-security
Community: APSC) เน้นพัฒนาการเมือง คุ้มครองสิทธิมนุ ษยชน ร่วมมือป้องกัน
ทางทหารและความมันคงอาเซี
่ ยน เพื่อความสงบสุข เป็นเอกภาพ และแข็งแกร่ง
(3) ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-cultural Community:
ASCC) เน้นการพัฒนามนุ ษย์ สวัสดิการสังคม ลดความยากจน ส่งเสริมผูด้ อ้ ยโอกาส
สร้างอัตลักษณ์อาเซียน พัฒนาสังคมผ่านกรอบอนุภมู ภิ าค แก้ปญหาสิง่ แวดล้อม
90
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
91
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
92
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1) ปัญหาความเหลื่อมลา้
ผลการสารวจภาวะทางเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือ นของสานักงานสถิติแห่งชาติปี
พ.ศ. 2549 พบว่าครอบครัวทีร่ วยทีส่ ุดร้อยละ 20 ของประเทศ มีทรัพย์สนิ รวมกันคิดเป็ นร้อยละ 69
ของทัง้ ประเทศ ขณะที่ ครอบครัวจนสุด มีทรัพย์สนิ รวมกันคิดเป็ นร้อยละ 1 นัน่ คือกลุ่มประชาชนที่
รวยทีส่ ุดมีทรัพย์สนิ เกือบ 70 เท่าของกลุ่มทีจ่ นสุด ข้อมูลสถิตขิ า้ งต้นนี้แสดงให้เห็นว่าความมังคั
่ งใน
่
สังคมไทยกระจุกตัวอยูใ่ นกลุ่มคนจานวนน้อยเพียงร้อยละ 20 ของประเทศเท่านัน้
93
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3
ดัชนีการพัฒนามนุษย์ (Human Development Index: HDI) หมายถึง ดัชนีการวัดพัฒนามนุษย์ในมิตติ ่าง ๆ
โดยเฉพาะด้านการรูห้ นังสือ การศึกษา รายได้ ของประเทศต่าง ๆ ทัวโลกและจั
่ ดอันดับระดับความอยู่ดกี นิ ดีของ
ประเทศต่าง ๆ
94
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ทีม่ า: UNDP
95
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4
สัมประสิทธิจี์ น่ี (Gini coefficient) เป็ นวิธวี ดั การกระจายของข้อมูลทางสถิตอิ ย่างหนึ่งทีน่ ิยมใช้เป็ นตัวบ่งชีค้ วาม
เหลื่อ มล้ า ของการกระจายรายได้ห รือ การกระจายความร่ า รวย โดยนั ก สถิติช าวอิต าลีช่ือ คอร์ร าโด จีนี
ค่าสัมประสิทธิจี์ น่ีมคี ่าระหว่าง 0 และ 1 โดยทีส่ มั ประสิทธิจี์ น่ีทต่ี ่ าจะแสดงถึงความเท่าเทียมกันในการกระจาย
รายได้ หากค่านี้สงู ขึน้ จะบ่งชีถ้ งึ การกระจายรายได้ทเ่ี หลื่อมล้ากันมากขึน้
96
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
• ช่อ งว่ า งระหว่ า งคนรวยกับ คนจนในประเทศก าลัง ขยายใหญ่ ข้นึ ถือ เป็ น ภัย คุ ก คามต่ อ
เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย อีกทัง้ ยังเป็ นปจั จัยเสี่ยงสาคัญที่อยู่
เบือ้ งหลังความขัดแย้งทางการเมือง และความไม่พงึ พอใจรัฐบาลในหลายประเทศ 5 ในขณะ
ทีร่ ฐั บาลในหลายประเทศได้พยายามลดความเหลื่อมล้าทางสังคมผ่านการดาเนินนโยบาย
ประชานิยมทีไ่ ม่มปี ระสิทธิภาพ (Populist Policy) ซึง่ มักจะกระตุ้นการใช้จ่ายและเศรษฐกิจ
แค่ระยะสัน้ แต่นโยบายประชานิยมไม่ได้ช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และการ
พัฒนาประเทศในระยะยาว
• การที่ประเทศไทยจะสามารถก้าวข้ามกับดักความเหลื่อ มล้าในสังคมได้ ต้อ งอาศัยการ
เปลีย่ นกรอบวิธคี ดิ และนโยบายการพัฒนาประเทศ จากทีเ่ น้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็ น
เป้าหมายสาคัญ มาเป็ นการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพและมีการกาหนดเป้าหมายกระจาย
ผลประโยชน์ของการพัฒนาให้ควบคู่กนั ไป ซึง่ แนวคิดการเติบโตรูปแบบใหม่ทส่ี ่งเสริมการมี
ส่วนร่วมอย่างทัวถึ ่ งและเท่าเทียม (Inclusive Growth) นี้ได้ถูกนาไปใช้ในการวางเป้าหมาย
และปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ เช่น สหภาพยุโรป หรือแม้แต่ประเทศ
กาลังพัฒนาอย่างมาเลเซียและจีน ที่กาลังเผชิญกับความแตกต่างในการกระจายรายได้ท่ี
เพิม่ ขึน้ อย่างรวดเร็วเช่นกัน
5
ตัวอย่างเช่น ปรากฏการณ์ยดึ ครองวอล์ลสตรีท (Occupy Wall Street) หรือการปฏิวตั ปิ ระชาธิปไตยในอาหรับ
(Arab Spring) ทีป่ ระชาชนรวมตัวกันออกไปประท้วงโดยชูประเด็นความเหลื่อมล้าทางเศรษฐกิจและสังคมและ
เรียกร้องความเป็ นธรรมและความเท่าเทียม
97
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2) กับดักประเทศรายได้ระดับปานกลาง
ประเทศไทยได้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่มรี ายได้ ปานกลางระดับบน (Upper Middle
Income) ทีป่ ระชากรมีรายได้เฉลีย่ ในช่วง 3,976 - 12,275 ดอลล่าร์สหรัฐ โดยประเทศไทยมีรายได้
ประชาชาติต่อหัวเท่ากับ 4,210 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 125,756 บาทต่อคนตามนิยามการจัด
กลุ่มประเทศตามรายได้ประชาชาติต่อหัว (Gross National Income per Capita) ของธนาคารโลก
ประจาปี พ.ศ. 25546
แม้ว่าประเทศไทยสามารถเลื่อนระดับรายได้สูงขึน้ มาได้เกือบ 2 เท่าในรอบ 10 ปีท่ผี ่านมา
นัน้ อย่างไรก็ตาม รายได้เฉลี่ยต่อหัวของไทยยังคงห่ างไกลจากประเทศรายได้สูง (High Income
Country) ทีธ่ นาคารโลกตัง้ เกณฑ์ไว้ท่ี 12,276 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังไม่สามารถ
ยกระดับ รายได้ใ ห้ทนั กับ ประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย ที่เ คยมีระดับ รายได้หรือ ระดับ การพัฒนาทาง
เศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกัน ทาให้ในปจั จุบนั รายได้ประชาชาติต่อหัวของประเทศไทยในปจั จุบนั ยังต่ า
กว่ามาเลเซีย 2 เท่า และต่ากว่าเกาหลีใต้ถงึ เกือบ 4 เท่า
ในป จั จุบ ันจึง ถือ ว่ าประเทศไทยกาลังติ ด อยู่ใ นกับ ดักประเทศรายได้ป านกลาง (Middle
Income Trap) หรือการเป็ นประเทศรายได้ระดับปานกลางเป็ นระยะเวลานานโดยไม่สามารถทีจ่ ะ
เลื่อนระดับรายได้ของประเทศหรือเปลีย่ นผ่านการพัฒนาทางเศรษฐกิจไปสู่ระดับทีส่ งู กว่าได้
6
ธนาคารโลกได้จดั กลุม่ ประเทศแบ่งตามรายได้ประชาชาติต่อหัวณ ปี 2554 (2010GNI per Capita) ได้แก่ (1)
กลุ่มประเทศรายได้ต่า (Low Income) มีรายได้ประชาชาติต่อหัวน้อยกว่า 1,005 ดอลล่าร์สหรัฐ (2) กลุ่มประเทศ
รายได้ปานกลางระดับล่าง (Lower Middle Income) มีรายได้ประชาชาติต่อหัวระหว่าง 1,006-3,975 ดอลล่าร์
สหรัฐ (3) กลุ่มประเทศรายได้ปานกลางระดับบน (Upper Middle Income) มีรายได้ประชาชาติต่อหัวระหว่าง
3,976-12,275 ดอลล่าร์สหรัฐ (4) กลุ่มประเทศรายได้สงู (High Income) มีรายได้ประชาชาติต่อหัวมากกว่า
12,276 ดอลล่าร์สหรัฐ
98
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
15000
12276
10000 Turkey
Brazil
Argentina
Malaysia
5000
Thailand
China
ทีม่ า : คณะวิจยั Sasin Institute for Global Affairs (SIGA) โดยอาศัยฐานข้อมูล CEIC
สาเหตุการติ ดกับดักประเทศรายได้ปานกลาง
ป จั จัย ที่ส่ ง ผลกระทบต่ อ ความสามารถในการขยายตัว ทางเศรษฐกิจ และส่ ง ผลให้ข ีด
ความสามารถในการแข่งขันลดต่ าลงโดยเปรียบเทียบกับประเทศในเอเชียที่เคยมีระดับรายได้หรือ
ระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจทีใ่ กล้เคียงกัน และเป็ นสาเหตุของการติดกับดักประเทศรายได้ปาน
กลางสรุปได้ดงั นี้7
- ปัจจัยจากโครงสร้างเศรษฐกิ จและภาคการผลิ ตของไทยที อ่ ่ อนแอ อีกทัง้ อ่อนไหว
ต่อปจั จัยภายนอกสูง
- โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพถึงขีดจากัด/มีปริ มาณไม่พอและมีปัญหาคุณภาพ
การให้ บริ การ โดยโครงสร้างพืน้ ฐานเป็ นจุดอ่อนทีส่ าคัญของเศรษฐกิจไทย ดังสะท้อน
จากขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยทางด้านโครงสร้างพืน้ ฐานทีม่ แี นวโน้มแย่ลง
โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ง ด้ า นระบบขนส่ ง โดยเฉพาะระบบราง ด้ า นเทคโนโลยี ด้ า น
7
สรุปจากรายงานผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์ (Final Report) โครงการบริหารการเปลีย่ นแปลงกระทรวงการคลัง
เสนอต่อกระทรวงการคลังจัดทาโดย Sasin Institute for Global Affairs (SIGA)
99
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
วิท ยาศาสตร์ ตลอดจนโครงสร้า งพื้น ฐานทางสัง คม (สุ ข ภาพ สิ่ง แวดล้ อ ม และ
การศึกษา)
- ขาดการลงทุนด้ านการวิ จยั และพัฒนาทัง้ ในส่วนการลงทุนวิจยั และพัฒนาเพื่อการ
คิดค้นเทคโนโลยีการผลิต และขาดนวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์
- ประเด็น ด้ า นการศึ ก ษาและแรงงาน เนื่ อ งจากป จั จุ บ ัน ไม่ ส ามารถผลิต แรงงาน
คุณภาพที่ตรงกับความต้องการตลาด ผลิตภาพการผลิตต่ า นอกจากนี้ยงั เผชิญความ
เสีย่ งจากการขาดแคลนแรงงานทัง้ ด้านปริมาณและคุณภาพจากการเข้าสู่สงั คมผูส้ ูงอายุ
และการพึง่ พิงแรงงานต่างด้าว
จากสาเหตุ ด งั กล่ า วข้ างต้ นชี้ ให้ เ ห็น ว่ า การพัฒ นาทุ นมนุ ษ ย์ โดยเฉพาะอย่ า งใน
ประเด็นด้ านการศึ กษาและแรงงาน ยังเป็ นจุดอ่ อนอี กประการที ส่ าคัญของประเทศไทยซึ ง่
เป็ นวาระสาคัญที ป่ ระเทศไทยควรให้ ความสาคัญอย่างยิ ง่ เนื่องจากการสะสมทุนมนุ ษย์เป็ น
ปจั จัยทีส่ าคัญอย่างยิง่ ในการยกระดับประเทศไปสู่ประเทศรายได้สูง (Ohno, 2011) โดยประเด็นด้าน
การศึกษาและแรงงาน ที่ยงั มีข้อ จากัด และควรเร่งส่งเสริมพัฒนา อาทิ ประเด็นเรื่องโอกาสการ
เข้าถึงการศึกษา คุณภาพการศึกษาระดับการวิจยั และพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ี
ยังคงอยู่ในระดับต่ ามาก รวมทัง้ ทางด้านการใช้จ่ายเพื่อการสนับสนุ นการวิจยั และพัฒนารวมถึงการ
พัฒ นาบุ ค ลากรนั ก วิจ ัย และผู้ เ ชี่ย วชาญ มีค วามไม่ ส อดคล้อ งระหว่ า งอุ ป สงค์ แ ละอุ ป ทานใน
ตลาดแรงงาน ผลิตภาพการผลิตต่ า ขาดการคิดค้นต่อยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการเพิม่
และสร้างมูลค่าสินค้าและบริการ (Value Added and Value Creation)
100
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
101
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3) วิ กฤตด้านความมันคง:
่ กรณี ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้ 8
จากการวิเคราะห์ในเชิงประวัตศิ าสตร์อาจทาให้เห็นแง่มุมของการสู้รบระหว่างรัฐไทยกับรัฐ
ปตั ตานีในอดีตทีอ่ าจทาให้เข้าใจได้ว่าความขัดแย้งในปจั จุบนั นัน้ มีเบือ้ งหลังอยู่ทอ่ี ุดมการณ์แบ่งแยก
ดินแดน ซึง่ จากการศึกษามีความจริงเพียงส่วนหนึ่ง แต่เมื่อวิเคราะห์ถงึ ผูท้ เ่ี กี่ยวข้องกลุ่มต่าง ๆ จะ
เห็นภาพว่าแท้จริงแล้วยังมีผเู้ ล่นอีกหลายรายทีพ่ อใจกับสถานการณ์ของความรุนแรงที่ยงั มีอยู่ เช่น
กลุ่มอิทธิพ ลผิดกฎหมาย กลุ่มที่แสวงหาผลประโยชน์ จากงบประมาณรัฐ หรือธุรกิจ ผิดกฎหมาย
ต่างๆ อย่างไรก็ตามเมื่อวิเคราะห์ผ่านกรอบแนวคิด Structure, Conduct, Culture: SCC จะทาให้
เห็นภาพทีช่ ดั เจนยิง่ ขึน้ ว่าสาเหตุมลู ฐานส่วนใหญ่มกั มาจากทางด้านพฤติกรรมและวัฒนธรรม
มิตทิ างพฤติกรรมนัน้ เป็ นมิตทิ ่สี ามารถเห็นได้ชดั เจน เป็ นการกระทาเชิงประจักษ์ แต่การ
กระทาภายนอกทีล่ ะเมิดสิทธิมนุ ษยชนและศักดิ ์ศรีความเป็ นมนุ ษย์เหล่านี้ มีรากฐานมาจากทัศนคติ
ภายในซึง่ เป็ นมิตทิ างวัฒนธรรม อันเป็ นชัน้ ทีอ่ ยู่ลกึ ทีส่ ุดในจิตใจมนุ ษย์ มิตทิ างวัฒนธรรมต่าง ๆ ไม่
ว่าจะเป็ นการมองความเป็ นไทยเพียงด้านเดียว ความไม่เข้าใจกันอย่างแท้จริงของคนไทยพุทธและ
มุสลิม และการไม่ยอมรับความแตกต่างหลากหลายทางวัฒนธรรม ความคิด ความเชื่ออย่างสนิทใจ
นัน้ เป็ นที่มาของโครงสร้างการบริห ารปกครองและองค์กรที่รบั ผิดชอบในการแก้ไขและพัฒนา
จังหวัดชายแดนภาคใต้ และพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความไม่เป็ นธรรมในความรูส้ กึ ของคนมุสลิมซึ่ง
เป็นประชากรส่วนใหญ่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ทัศนคติขา้ งต้นนี้ได้สร้างความชอบธรรมให้แก่การดารงอยูข่ องโครงสร้างและพฤติกรรมทีไ่ ม่
เป็ นธรรมเหล่านัน้ กล่าวคือ ทาให้โครงสร้างการบริหารของรัฐไทยมีลกั ษณะรวมศูนย์อานาจ ไม่
สอดคล้อ งกับความหลากหลายทางชาติพนั ธุ์และไม่เ อื้อ ต่ อ การมีส่ ว นร่ว มของประชาชน ท าให้
เจ้าหน้ าที่รฐั บางส่ว นซึ่งอยู่ภายใต้โครงสร้างที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวนี้ใช้อานาจรั ฐนอกกรอบของ
กฎหมายและเลือกปฏิบตั อิ ย่างไม่เป็นธรรม ทัง้ หมดนี้เป็ นสาเหตุรากเหง้าทีก่ ่อให้เกิดความรุนแรงใน
จังหวัดชายแดนภาคใต้ตงั ้ แต่ครัง้ ประวัตศิ าสตร์จนกระทังถึ ่ งปจั จุบนั และหากไม่ได้รบั การแก้ไขด้วย
ทัศนคติและวิธกี ารทีเ่ หมาะสม ก็จะยังคงเป็นเงือ่ นไขหล่อเลีย้ งความรุนแรงในพืน้ ทีต่ ่อไปในอนาคต
สาเหตุมลู ฐานที่ลกึ ทีส่ ุดของปญั หาความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนใต้นัน้ อยู่บนความไม่
เข้าใจในอัตลักษณ์ และวิถชี วี ติ ของชาวมุสลิมในพื้นที่ ซึ่งก่อให้เกิดอคติทางชาติพนั ธุ์ประกอบกับ
จินตภาพไทยในมิตเิ ดียวซึง่ หยังรากมาตั
่ ง้ แต่สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ทีพ่ ยามกลืนชาวมาลายู
ปาตานี ใ ห้ก ลายเป็ น ไทยในมิติเ ดีย ว ซึ่ง เป็ น การกดทับ อัต ลัก ษณ์ ข องคนในพื้น ที่ ประกอบกับ
พฤติก รรมละเมิด สิทธิมนุ ษ ยชน ศัก ดิ ์ศรีค วามเป็ นมนุ ษ ย์ และการเลือ กปฏิบตั ิของเจ้าหน้ าที่ร ฐั
ต่อชาวมุสลิมในพืน้ ที่ ผนวกเข้ากับโครงสร้างการบริห ารปกครองประเทศทีก่ ารกระจายอานาจอย่าง
8
สรุปจากประเด็นการวิจยั ที่ 5: สัญญาประชาคมรูปแบบใหม่ โครงการจัดเตรียมการสาหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 เสนอต่อสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดทา
โดย Sasin Institute for Global Affairs (SIGA)
102
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4) ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
กรณีศกึ ษาปญั หาความขัดแย้งทางการเมืองพบข้อสรุปทีส่ าคัญ ดังนี้9
- เกิดความขัดแย้งแย่งชิงในเชิงอํานาจระหว่างกลุ่ มต่ าง ๆ ตลอดช่ว งเวลาที่ไทย
ปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยทีผ่ ่านมากว่า 78 ปี
- การผลัดเปลีย่ นหมุนเวียนของกลุ่มอํานาจต่าง ๆ นัน้ มีพฒ ั นาการทีน่ ่ าสนใจคือกลุ่ม
คนทีเ่ ข้ามาในเวทีการเมืองไทยนัน้ มีการขยายฐานกว้างมากขึ้นเป็ นลําดับ จากกลุ่ม
ชนชัน้ นากลุ่มเล็ก ๆ ของสังคมในช่วงต้นของการพัฒนาประชาธิปไตย จนถึงการ
เคลื่อนไหวของภาคประชาสังคมนาโดยนักศึกษาและประชาชนเพื่อต่อสู้กบั เผด็จ
การในช่ว งปี 2516-2519 ไปสู่การลุ กขึ้นมาต่ อสู้ทางการเมือ งของชนชัน้ กลางใน
กรุงเทพฯ หรือ “ม็อบมือถือ” ในวิกฤตการณ์ในปี 2535 เรื่อยมาถึงความขัดแย้งทาง
การเมืองในปจั จุบนั ทีก่ ารเมืองทีก่ ลุ่มคนชัน้ กลางในกรุงเทพฯ และหัวเมือง และชน
ชัน้ รากหญ้าในต่างจังหวัด ต่างเข้ามามีบทบาทสาคัญทางการเมืองในปจั จุบนั
- สาเหตุสาํ คัญทีเ่ ป็ นรากของปญั หาความขัดแย้งทางการเมืองออกเป็ นปจั จัยทางด้าน
โครงสร้า ง พฤติก รรม และด้า นวัฒ นธรรม ซึง่ สัม พัน ธ์เ ชือ่ มโยงกัน ในหลายมิติ
ดังเช่น นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจทีผ่ ่านมาหลังจากไทยก้าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
โลกและรับเอาระบบทุนนิยมเข้ามาไว้เป็นแกนหลักในการพัฒนาประเทศทีท่ าให้เกิด
การมุ่งเน้นพัฒนาในบางภาคเศรษฐกิจและในบางพื้นที่ ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้า
ทางเศรษฐกิจที่ตามมา แนวทางการพัฒนาที่ไม่สมดุลดังกล่าวได้ทาให้เมืองและ
ชนบทมีค วามแตกต่ างกันมากขึ้น ทุกที ช่อ งว่างทางรายได้ข องภาคเกษตรและ
อุตสาหกรรมก็ฉีกตัวห่างออกจากกันเรือ่ ยมา
- แนวคิดธรรมาภิบาลได้เข้ามามีบทบาทในประเทศไทยระยะหลังมากขึ้น แต่อย่างไร
ก็ด ี ในภาคส่วนอืน่ ๆ โดยเฉพาะภาครัฐ ทีเ่ ป็ นผูใ้ ช้อํานาจอธิปไตยกลับยังมีปญั หา
9
สรุปจากประเด็นการวิจยั ที่ 5: สัญญาประชาคมรูปแบบใหม่ โครงการจัดเตรียมการสาหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 เสนอต่อสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดทา
โดย Sasin Institute for Global Affairs (SIGA)
103
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
104
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กฎระเบียบ
105
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ยุทธศาสตร์ประเทศในแต่ละด้านมีรายละเอียดดังนี้
106
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
107
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ทีม่ า: สศช.
(3) ยุ ท ธศาสตร์ก ารเติ บโตบนคุ ณ ภาพชี วิ ต ที่ เ ป็ นมิ ต รกับ สิ่ ง แวดล้ อ ม (Green
Growth) ประกอบด้วย 5 ประเด็นหลัก 11 แนวทางการดาเนินการ
ทีม่ า: สศช.
108
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
109
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
นอกจากนี้ ยุท ธศาสตร์ข องประเทศยัง ให้ค วามส าคัญ กับ การเตรีย มความพร้อ มเข้า สู่
ประชาคมอาเซียน ปี 2558 โดยประเด็นด้านการศึกษาจะต้องให้ความสาคัญของกรอบประชาคม
สังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community: ASCC)
110
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
111
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4.2 ระบบการศึกษาเรียนรู้ของประเทศไทยและองค์ประกอบของระบบการศึกษาไทย
ผลการศึกษาในส่วนนี้จะนาไปสู่การกาหนดกรอบแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการ
เตรียมความพร้อ มสู่ศ ตรวรรษที่ 21 เพื่อ ทาให้ทุกภาคส่ว นเข้าใจถึง ปรัชญาในการจัดการศึกษา
(Philosophy of Education) เข้าใจเป้าประสงค์หลัก (Objective Function) ของการศึกษาของ
ประเทศไทย ทัง้ ในระดับมหภาค (Macro Objective) และในระดับปจั เจก (Micro Objective) ซึง่ ก็คอื
การพัฒนาระดับบุคคล และนาไปสู่การขับเคลื่อนในทางปฏิบตั เิ พื่อให้มกี ารพัฒนาการศึกษาเรียนรูท้ ่ี
มีความสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของประเทศและคน
ไทยทีม่ คี ุณภาพในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างยังยื
่ น
113
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
เป้าประสงค์หลักของประเทศไทย
(Country Goals)
ปรัชญาการศึกษาไทย เป้าประสงค์หลักของการศึกษาของประเทศไทย
(Philosophy of Education) (Objective Function)
เป้าประสงค์หลักระดับมหภาค
(Macro Objective)
เป้าประสงค์หลักระดับปจั เจก
(Micro Objective)
(Individual Development)
114
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ทีม่ า: คณะวิจยั Sasin Institute for Global Affairs (SIGA) โดยอาศัยข้อมูลจาก World Bank, UNDP, WEF,
INSEAD และ WIPO
1) การใช้ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
ชนชัน้ สร้างสรรค์ (Creative Class) จะเป็นกาลังสาคัญของการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต
ซึ่งเป็ นยุคสมัยภายหลังจากการปฏิวตั อิ ุตสาหกรรม (Post-industrial Age) ระบบเศรษฐกิจมีการ
เปลี่ยนผ่านจากระบบการผลิตแบบดัง้ เดิมที่อาศัยเกษตรกรรมหรืออุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีใน
ระดับต่ าไปสู่การใช้องค์ความรูใ้ นระดับที่มคี วามซับซ้อนมากขึน้ (Richard Florida, 2002) โดย
สามารถแบ่งชนชัน้ สร้างสรรค์ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มสร้างสรรค์แกนหลัก (Super-Creative Core) : ประกอบไปด้วยผูป
้ ระกอบอาชีพ
ต่าง ๆ อาทิเช่น นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร นักวิจยั และพัฒนา (Research and
Development: R&D) ตลอดจนศิลปิน ซึง่ เกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างสรรค์อย่าง
เต็มรูปแบบผ่ านการใช้ค วามคิดสร้างสรรค์และการสร้างนวัต กรรม สามารถคิด
วิเคราะห์และสังเคราะห์เพื่อแก้ไขปญั หาต่าง ๆ รวมถึงการค้นหาปญั หาใหม่ ๆ ที่
ต้องได้รบั การแก้ไขต่อไป
กลุ่มสร้างสรรค์มอื อาชีพ (Creative Professionals): ประกอบไปด้วยผู้ทางานที่
อาศัยวิชาความรู้ขนั ้ สูง (Knowledge-based Worker) เพื่อประมวลและวิเคราะห์
ข้อมูลเพื่อตอบโจทย์ปญั หาในด้านต่าง ๆ อาทิ ผู้ท่ที างานในด้านการศึกษา การ
สาธารณสุข กฎหมาย ธุรกิจและการเงิน
116
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
10
เป็ นการจัดสถานที่และสื่อการเรียนรู้กลางในท้องถิน่ ชุมชน /สาหรับโรงเรียนที่ไม่มที รัพยากรเพียงพอในการ
จัดหาด้วยตนเองเพียงลาพัง ให้สามารถมาใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ตัวอย่างเช่น ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ห้อง
คอมพิวเตอร์ ห้องสมุด ห้องศิลปะ และห้องดนตรี
117
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
118
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ตัวอย่างแนวทางการส่งเสริมการใช้ วทน.
ด้านการจัดการศึกษา
การพัฒนาการศึกษาตามระดับชัน้ ได้แก่
- เด็ก ปฐมวัย : เน้ นกระตุ้น การสร้า งจิต ส านึ กวิทยาศาสตร์และทักษะทางด้า น
วิทยาศาสตร์ อาทิเช่น ขยายผลโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ซึง่ เป็ นกิจกรรม
ที่ม ีต้น แบบจากประเทศเยอรมนี โดยได้ม ีก ารด าเนิ น การให้กับ ศู น ย์เ รีย นรู้ใ น
โรงเรียนทัวประเทศแล้
่ วประมาณ 12,000 แห่ง ประกอบไปด้วย 60 กิจกรรม และมี
แนวการดาเนินการคือ (1) แจกจ่ายคู่มอื (2) อบรม Core Trainer ในศูนย์หลัก (3)
Core Trainer ลงพืน้ ทีใ่ นภูมภิ าคต่างๆ เพื่อสร้างแนวร่วม Local Trainer และสร้าง
เครือข่ายกับชุมชนในท้องถิน่ (4) Local Trainer เป็ นผูไ้ ปอบรมครูในโรงเรียนทีเ่ ข้า
ร่วมโครงการ
- การศึกษาภาคบังคับ 9 ปี: มุ่งสร้างเสริมแนวความคิดทีต่ งั ้ อยู่บนการใช้เหตุและผล
สามารถคิดวิเคราะห์ได้ มีจติ วิญญาณวิทยาศาสตร์ (Scientific Mind) และวิธคี ดิ
แบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Thinking/Methodology) เพื่อเตรียมพร้อมสาหรับ
การศึกษาในระดับสูงขึน้ ไปในทุกสาขาวิชา
- การศึกษาระดับอาชีวศึกษา: ส่งเสริมการศึกษาระดับอาชีวะฐานวิทยาศาสตร์ให้มาก
ขึน้ และให้มคี ุณภาพ หรือสร้างหลักสูตรปริญญาตรีดา้ นเทคโนโลยีให้มุ่งเน้นการลง
มือปฏิบตั มิ ากกว่าการเรียนทฤษฎี ตลอดจนการเชื่อมโยงโดยตรงกับภาคเอกชน
เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ตลาดได้อย่างเท่าทันและพัฒนาเส้นทางสายอาชีพให้กบั
นักศึกษา
- การศึกษาระดับอุดมศึกษา: ลงทุนเพื่อสร้างอาจารย์ พร้อมทัง้ สร้างระบบสนับสนุ น
สื่อการสอนต่างๆ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนหมุนเวียนผู้ เชี่ยวชาญจากภาครัฐและ
ภาคเอกชนเข้ามาในระบบการศึกษาเพื่อให้การถ่ายทอดความรูส้ ามารถเกิดขึน้ ได้
ในทันที
การปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนในด้านที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ : ตัวอย่างเช่น
นโยบายปรับปรุงหลักสูตร Science, Technology, Engineering, and Mathematics
(STEM) ของสหรัฐอเมริกา เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาทีส่ ่งเสริมการเรียนการสอน
อย่างบูรณาการใน 4 สาขาวิชาหลัก และโครงการ Mathematics and Science
Partnership (MSP) เพื่อ พัฒ นาคุ ณ ภาพอาจารย์ผู้ส อนในวิช าคณิ ต ศาสตร์แ ละ
119
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การส่งเสริมโครงการศูนย์บ่มเพาะธุรกิจในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยถึงแม้ว่าจะยังไม่
ประสบความส าเร็จเท่าที่ค วร เนื่องจากมหาวิทยาลัยเองก็มภี าระมากอยู่แล้วในการ
จัดการเรียนการสอน และขาดบุคคลากรทีม่ คี วามเชีย่ วชาญมาดาเนินการ ทางออกหนึ่ง
คือการตัง้ หน่วยงานแยกออกมาเพื่อรับผิดชอบโดยตรง เพื่อให้แต่ละฝา่ ยสามารถทางาน
ในด้านที่ต นเองมีค วามถนัด เช่น ในประเทศอังกฤษ มหาวิทยาลัย Oxford และ
Imperial มีการตัง้ บริษทั เพื่อนาการวิจยั และพัฒนาไปใช้ในเชิงพาณิชย์ พร้อมทัง้ อีกด้าน
หนึ่ ง ก็ห าผู้ล งทุ นมาสนับ สนุ น การวิจยั และพัฒ นาของมหาวิท ยาลัย ไปพร้อ ม ๆ กัน
นอกจากนี้ ในประเทศสหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัย MIT ก็มโี ครงการ “MIT Industrial
Liaison Program” เพื่อเป็ นตัวกลางในการเชื่อมโยงและการสื่อสารระหว่างนักวิจยั และ
ภาคธุรกิจให้ราบรื่นมากยิง่ ขึน้ นอกจากนี้ ในกรณีของประเทศไทย ควรมีการเชื่อมโยง
การใช้ประโยชน์ วทน. ไปยังในระดับชุมชนโดยเน้นการวิจยั และพัฒนาซึง่ ตอบโจทย์
ของชาวบ้ า นในแต่ ล ะพื้น ที่ อาทิเ ช่ น ประยุ ก ต์ ใ ช้ กับ การพัฒ นาผลิต ภัณ ฑ์ แ ละ
กระบวนการผลิตสินค้า OTOP
120
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ด้านการสร้างความตระหนักในการใช้ประโยชน์ วทน.
สื่อ (Media) โดยเฉพาะโทรทัศน์ ในการสร้างความเข้าใจว่ า วทน.เป็ นเรื่องใกล้ตวั
สามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวติ ของคนในสังคมได้ โดยต้องเน้นวิธกี ารนาเสนอแบบ
สาระบันเทิง (Edutainment) เพื่อไม่ให้ประชาชนรูส้ กึ ว่าถูกยัดเยียดความรู้
การพิจารณาสภาพพลวัตโลกและแนวโน้มทีส่ าคัญร่วมกับการวิเคราะห์สถานะและเป้าหมาย
การพัฒนาของไทย นามาสู่การสังเคราะห์ภาพอนาคตสังคมไทยทีพ่ งึ ปรารถนาในศตวรรษที่ 21 ที่
ประเทศไทยจะมุง่ ไปสู่ประเทศ “โลกทีห่ นึ่ง” ของประชาคมโลก
121
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สังคมคุณธรรมจริ ยธรรม
(Moral Society)
สังคมที่เป็ นธรรม
(Just Society)
สังคมที่สามารถ สังคมแห่งโอกาส
(Productive Society) (Opportunity Society)
123
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
124
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
จากการวิเคราะห์เป้าประสงค์หลักของประเทศรวมถึงการสังเคราะห์ภาพสังคมไทยที่พงึ
ประสงค์และผลสรุปความคิดเห็นจากกระบวนการดังที่ได้กล่าวมาในข้างต้นได้สะท้อนให้เห็นว่าการ
พัฒนาของประเทศทีผ่ ่านมายังไม่ประสบความสาเร็จเท่าทีค่ วร โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
ความเจริญทางวัตถุ แต่ไม่ได้ตอบโจทย์การพัฒนาเชิงโครงสร้างและการสร้างขีดความสามารถของ
ประเทศในระยะยาว อีกทัง้ ยังละเลยประเด็นด้านสังคม วัฒนธรรม จริยธรรม ซึ่งถือเป็ นการพัฒนา
แบบแยกส่วน จนทาให้เกิดปญั หาทัง้ ทางเศรษฐกิจและสังคมทีท่ วีความรุนแรงมากขึน้ ทุกวัน
ทัง้ นี้ หากประเทศไทยต้องการจะก้าวข้ามวิกฤตนี้เพื่อมุ่งไปสู่ภาพสังคมอันพึงประสงค์ของ
สังคมไทยให้ได้นัน้ จะต้องอาศัยการเปลี่ยนกระบวนทรรศน์ การพัฒนาจากการเน้ นการเติบโตทาง
เศรษฐกิจเป็ นแบบบูรณาการเป็ นองค์รวมที่ยดึ “คนเป็ นศูนย์กลางการพัฒนา” อย่างแท้จริง โดย
จาเป็ นต้องมีการพัฒนามนุ ษย์ให้มที ศั นคติ ความรู้ ความสามารถ และสมรรถนะ ที่จะเป็ นปจั จัย
ส่งเสริมให้ประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในการด ารงอยู่ไ ด้อ ย่างมันคงและน
่ าไปสู่การ
พัฒนาทีส่ มดุล เป็นธรรมและยังยื่ น ภายใต้บริบทการเปลีย่ นแปลงต่างๆ ซึง่ ถือเป็ นหน้าทีส่ าคัญของ
ระบบการศึกษาที่จะต้องตอบสนองความต้องการนี้ให้ได้ทงั ้ ในระดับภาคผ่านการพัฒนากาลังคน
และในระดับปจั เจกซึง่ เป็ นคุณลักษณะของคนไทยทีส่ มบูรณ์
125
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สังคมคุณธรรมจริยธรรม
5
4
3
2
1
As Is
สังคมทีส่ ามารถ 0 สังคมแห่งโอกาส
Should Be
สังคมทีเ่ ป็ นธรรม
126
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
128
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
129
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1) Paradigm
ในศตวรรษที่ 21 นี้เกิดการเปลีย่ นแปลงทีส่ าคัญ อาทิ
- เกิด การเปลี่ย นแปลงจากการกระจุก ขัว้ อ านาจทางเศรษฐกิจ มาเป็ น การกระจายสู่
ประเทศคลื่นลูกใหม่ท่เี รียกว่า The New USA (United States of Asia) ความ
เจริญรุง่ เรืองเปลีย่ นผ่านจากประเทศมหาอานาจทางตะวันตกมาสู่กลุ่มประเทศในเอเชีย
ทีม่ กี ารขยายตัวของประชากรโดยเฉพาะชนชัน้ กลาง (Middle Class) เป็นตัวขับเคลื่อน
- ยุคแห่งความมังคั ่ งสู่ ่ยุคแห่งความสุดโต่ง (Age of Prosperity to Age of Extremity) แม้
มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่จะก็มปี ญั หาตามมาในเรื่องความไม่สมดุลระหว่าง
ธรรมชาติและมนุ ษย์ ภัยพิบตั ริ ุนแรงทางธรรมชาติ ความสุดโต่งการเมือ งและเหลื่อมล้า
ของอานาจและโอกาส ความมังคั ่ งที
่ ก่ ระจุกตัว
- Corporate Centricity to Citizen Centricity: เกิดการเปลีย่ นแปลงการกุมอานาจจาก
ภาครัฐ มาเป็ นเอกชน และทุกวันนี้ไปอานาจไปสู่ประชาชนมากขึน้ ผ่านการเชื่อมโยง
ของเทคโนโลยีและระบบเครือข่ายทางสังคม (Social Network) ความเป็ นรัฐหรือการ
ผูกขาดจะน้อยลงไป มีผเู้ ล่นรายใหม่คอื ภาคประชาชนเข้ามามีบทบาทมากขึน้
แนวโน้ มการเปลี่ยนแปลงของโลกเหล่ านี้ ถู ก ขับเคลื่อ นโดยปจั จัยหลัก 2 ประการคือ
(1) Democratization คือเกิดกระแสประชาธิปไตยในทุกสิง่ ยกตัวอย่างเช่น ประชาธิปไตยในการ
บริโภค ซึง่ ทาให้กลุ่ม Bottom of the Pyramid มีสทิ ธิในการเข้าถึงมากขึน้ หรือในด้านนวัตกรรม ซึง่
ั ญา แต่ ต่ อ ไปนวัต กรรมจะเกิด จากป ญ
ที่ผ่ า นมาเอื้อ เกิด ได้ผ่ านทรัพ ย์ส ิน ทางป ญ ั ญาของฝูง ชน
(Wisdom of the Crowd) ซึง่ ช่วยกันต่อยอดทางความคิด (2) Individualization คือ คนเราจะมีความ
เป็ นปจั เจกมากขึน้ แต่ละคนจะสร้างอัตลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ทุกคนสามารถใช้เทคโนโลยีเป็ น
เครือ่ งมือในการเป็นผูเ้ ชีย่ วชาญในเรือ่ งใด ๆ ก็ได้
การเตรียมพร้อมรับมือกับชุดของโอกาสในความท้าทายในภูม ิทศั น์ใหม่ (New Reality) ใน
ศตวรรษที่ 21 คนจะต้องมีการเปลีย่ นแปลงเช่นกัน คือต้องประกอบไปด้วย (1) ทัศนคติใหม่ (New
Mindset) (2) ทักษะชุดใหม่ (New Skillset) ทีค่ รอบคลุมไปถึงการสร้างวัฒนธรรมใหม่ ทัง้ ในด้าน
ทางาน การเรียนรู้ และการอยูร่ ว่ มกับผูอ้ ่นื
130
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2) Policy
นโยบายการศึกษาจะเป็ นปจั จัยขับเคลื่อนสาคัญที่เตรียมพัฒนาคุณภาพคนไทยและนาไปสู่
การเปลีย่ นแปลงในระดับประเทศ (Education as engine for National Transformation) ซึง่ หน้าที่
ของการศึกษาคือการสร้าง “คนไทยที่สมบูรณ์ ” ที่ม ี Head, Hand, Heart เพื่อตอบโจทย์ความ
เจริญรุง่ เรืองของชาติทป่ี ระกอบไปด้วย Hope, Happiness และ Harmony
3) Platform
ในการยกระดับและพัฒนาจาเป็ นจะต้องมีปจั จัยพืน้ ฐานสาคัญ คือ สภาพแวดล้อมทีเ่ อื้อต่อ
การเพิม่ พลังให้กบั ผูค้ นในสังคม (Conducive Platform for Empowering People) ในทีน่ ้ีหมายถึง
จะต้องพัฒนาให้เกิดสังคมพึงประสงค์ใน 4 ด้านคือ สังคมแห่งโอกาส (Opportunity Society) สังคมที่
สามารถ (Productive Society) สังคมทีเ่ ป็ นธรรม (Just Society) และสังคมคุณธรรม (Moral
Society)
4) Practices
ในการเชื่อมโยง Paradigm – Policy – Platform นาลงสู่ระดับการปฏิบตั ิ ต้องอาศัยการ
สร้างโมเดลการเรียนรู้ท่มี คี วามสอดคล้อง รวมไปถึงกลไกใหม่ๆ ในการจัดการการศึกษา โดยมี
ประเด็นส าคัญ คือ การสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้อ ย่างบูรณาการ (Integrated Learning
Environment) ทีท่ าให้คนในสังคมทุกเพศทุกวัยสามารถเรียนรูไ้ ด้ตลอดเวลา และไม่จากัดอยู่แต่ใน
เฉพาะห้องเรียน
131
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
5) Performance
เมื่อทุกข้อต่อตัง้ แต่ Paradigm, Policy, Platform และ Practice มีความเชื่อมโยงและ
ปรับเปลีย่ นให้สอดคล้องกันดีแล้ว หมายความว่าการศึกษาไทยจะสามารถบรรลุเป้าประสงค์ในการ
ทาคนไทยให้เป็ นมนุ ษย์ทส่ี มบูรณ์ มี Head, Hand, Heart เป็ นคนที่มคี ุณภาพ ศักยภาพและสุข
ภาวะที่ทดั เทียมประชากรในประเทศโลกที่หนึ่ง (First World Citizen) และในขณะเดียวกันก็จะ
สามารถตอบสนองเป้าหมายในระดับมหภาคคือขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเป็ นประเทศในโลกทีห่ นึ่ง
(First World Nation) ทีป่ ระกอบไปด้วย Hope, Happiness, และ Harmony ได้อย่างเต็มภาคภูม ิ
132
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
133
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
134
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
135
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
136
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ปรัชญาการศึกษาไทยในศตวรรษที ่ 21
ปรัชญาพื้นฐานที่เป็ นรากฐานแห่งระบบการศึกษาไทยที่อยู่เบื้องหลังเป้าประสงค์หลักของ
ระบบของการศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21 จะต้องเปลีย่ นไป ดังนี้
1. การปรับเปลีย่ นอัตลักษณ์ (Identity) คนไทย: จากเดิมแต่ละคนมีสถานะเป็ นแค่เพียง
พลเมืองไทย (Thai-Thai) สู่ความเป็ นคนไทยที่เป็ นส่วนหนึ่งของพลเมืองโลก (Global-
Thai) นัน่ คือ ความจาเป็ นทีจ่ ะต้องมีความรูค้ วามเข้าใจเกี่ยวกับพลวัตการเปลีย่ นแปลง
ในประชาคมโลก เครือข่ายของประชาคมโลก รวมถึงการปลุกจิตสานึกต่อโลก
2. การปรับเปลี่ยนจุดเน้น (Reorientation): จากการเน้ นการสร้างคนเพื่อป้อนการเติบโต
ทางเศรษฐกิจ (People for Growth) เพื่อตอบโจทย์สงั คมอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว
ไปสู่การเน้นการสร้างการเติบโตเพื่อรองรับการสร้างและปลดปล่อยศักยภาพของผู้คน
ในสังคม (Growth for People) เพื่อตอบโจทย์สงั คมองค์ความรู้
3. การปรับเปลี่ยนกระบวนทรรศน์ (Paradigm): จากความพยายามเอาชนะธรรมชาติ
(Controlling Nature) มาเป็ นการอยู่รวมกับธรรมชาติ (Living with Nature) พัฒนา
อย่างยังยื ่ น
่ งขันฟาดฟนั ต้องเอาชนะ
4. การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรม: จากการเป็ นสังคมที่คนมุ่งมันแข็
ผูอ้ ่นื (Competition-Driven) มาเป็ นการทางานร่วมกับคนอื่นในลักษณะเกื้อกูลแบ่งปนั
(Collaborative-Culture) คนเก่งช่ว ยเหลือ คนที่ด้อยกว่าเรียกหาสิง่ ที่ดีท่สี ุ ดสาหรับ
ตนเองและส่วนรวมไปพร้อมๆกันผูค้ นมีความเมตตาดาเนินชีวติ ในความเป็ นมิตรไมตรี
จิตต่อกันและกัน
5. การขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่โลกทีห่ นึ่ง (First World Nation): จากทีม่ องแต่การมุ่ง
ไปสู่การเป็ นประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Country) ซึ่งให้ความสาคัญแต่มติ ิ
เศรษฐกิจเป็ นสาคัญมาเป็ นการคานึงถึงประเด็นด้านสังคม วัฒนธรรม โดยเฉพาะการ
สร้างเกียรติภูมใิ นความเป็ นชาติ (Dignity of Nation) ให้คนไทยมีความเข้าใจใน
ประวัตศิ าสตร์และวัฒนธรรมของชาติไทย มีจติ สานึกและตระหนักในคุณค่าของความ
เป็ น ไทย ก่ อ เกิด เป็ น ความรัก ความภูม ิใ จ ทุ่ ม เทก าลัง กายใจเพื่อ ประโยชน์ สุ ข ของ
ประเทศชาติ
137
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ปรัชญา ปรัชญา
ในศตวรรษที่ 20 ในศตวรรษที่ 21
Thai-Thai Global-Thai
Competition-driven
Competition-Driven Collaborative-Culture
Collaborative Culture
Culture
138
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
139
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
เป้าหมายด้านการส่งเสริม
ผูเ้ รียนตลอดชีวติ
140
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
141
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
11
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิม่ เติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ถือได้ว่าเป็ น
กฎหมายแม่บท ทีเ่ ป็ นเสมือนธรรมนูญการศึกษาของประเทศ โดยได้วางเป้าหมายในการจัดการศึกษาไว้อย่าง
ชัดเจนในมาตรา 6 ทีว่ ่า“การจัดการศึกษาต้องเป็ นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็ นมนุ ษย์ทส่ี มบูรณ์ทงั ้ ร่างกายจิตใจ
(หมายถึงสุขกายสุขใจ) สติปญั ญาความรู้ (หมายถึงเป็ นคนเก่ง) และคุณธรรมมีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการ
ดารงชีวติ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่นื ได้อย่างมีความสุข (หมายถึงเป็ นคนดีของคนรอบข้างและสังคม)” และใน
มาตรา 7 ทีว่ ่า“ในกระบวนการเรียนรูต้ ้องมุ่งปลูกฝงั จิตสานึกทีถ่ ูกต้องเกีย่ วกับการเมืองการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอัน มีพระมหากษัต ริย์ทรงเป็ นประมุ ขรู้จกั รักษาและส่งเสริม สิท ธิหน้ าที่เสรีภาพความเคารพ
กฎหมายความเสมอภาคและศักดิศรี ์ ความเป็ นมนุ ษย์มคี วามภาคภูมใิ จในความเป็ นไทยรูจ้ กั รักษาผลประโยชน์
ส่วนรวมและของประเทศชาติรวมทัง้ ส่งเสริมศาสนาศิลปะวัฒนธรรมของชาติการกีฬาภูมิปญั ญาท้องถิ่นภูมิ
ปญั ญาไทยและความรูอ้ นั เป็ นสากลตลอดจนอนุ รกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมมีความสามารถในการ
ประกอบอาชีพรูจ้ กั พึง่ ตนเองมีความคิดริเริม่ สร้างสรรค์ใฝร่ แู้ ละเรียนรูด้ ว้ ยตนเองอย่างต่อเนื่อง”
142
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1. การเข้าถึง (Access)
เด็กไทยทุกคนจะต้องเข้าถึงการศึกษาทีม่ คี ุณภาพเพื่อทีจ่ ะสามารถบรรลุศกั ยภาพที่
แท้จริงของตนได้ ตามนโยบายการศึกษาเพื่อปวงชน (Education for All) หนึ่งในเป้าหมาย
การพัฒนาสหัสวรรษ (Millennium Development Goals: MDGs) ของสหประชาชาติ
143
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ระบบการศึกษาไทยจะต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กสามารถเข้าถึงการศึกษาเข้า
ได้อย่างถ้วนหน้า (Universal Access) ตัง้ แต่เตรียมอนุ บาลไปจนถึงการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน
12 ปี ไม่ว่าจะผ่านทางสายสามัญหรือสายอาชีพ โดยจะต้องให้ความสาคัญเป็ นพิเศษกับ
กลุ่ มเด็ก ที่ปจั จุบนั หลุ ด ออกจากระบบการศึกษาในโรงเรียน รวมถึงการที่มาตรฐานทาง
วิชาการของผูเ้ รียนสาหรับวิชาขัน้ พืน้ ฐานอยูใ่ นระดับทีน่ ่าพึงพอใจ
นอกจากนี้การจัดการศึกษาจะต้องสามารถปรับเข้าสู่โลกของการเรียนรูต้ ลอดชีวติ
(Lifelong Learning) กล่าวคือ ระบบการศึกษาจะต้อ งมีค วามครอบคลุ มและสอดคล้อ ง
เหมาะสมกับ ประชาชนทุก เพศทุ ก วัย และที่สาคัญ กว่ านัน้ คือ จะต้อ งทลายกาแพงที่กัน้
ระหว่างการศึกษาในระบบโรงเรียน (Formal Education) การศึกษานอกระบบ (Non-formal
Education) และการศึกษาตามอัธยาศัย (Informal Learning) ให้เป็ นเนื้อเดียวกัน เพื่อสร้าง
สภาพแวดล้อมทีเ่ อือ้ ให้เกิดการเรียนรูท้ ห่ี ลากหลายตามความต้องการและความสนใจ บุคคล
สามารถพัฒนาตนเองให้กา้ วทันความเปลีย่ นแปลงของสังคมการเมืองและเศรษฐกิจของโลก
ได้อย่างต่อเนื่อง
2. ความเท่าเทียม (Equity)
ความเสมอภาคนัน้ ถือเป็ นหลักพื้นฐานประการหนึ่งที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของ
ประชาชน เช่ น เดีย วกัน กับ การที่ป ระชากรทุ ก คนย่ อ มมีส ิท ธิใ นการเข้า ถึง บริก ารทาง
การศึกษาที่มคี ุณภาพอย่างเท่าเทียม โดยมิต้องคานึงถึงคุณสมบัตใิ ดๆ ไม่ว่าจะเป็ น เชื้อ
ชาติ ศาสนา ฐานะ หรือถิน่ กาเนิด ดังนัน้ ระบบการศึกษาไทยจาเป็ นจะต้องมีการพัฒนาและ
ปรับปรุงมุ่งสร้างและกระจายโอกาสทางการศึกษาให้มคี วามเสมอภาคและเป็ นธรรมมาก
ยิง่ ขึน้ ทัง้ นี้ทผ่ี ่านมาการประเทศไทยได้บรรลุเป้าหมายความเท่าเทียมกันทางเพศ (Gender
Parity) ด้านการศึกษาแล้ว แต่ประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้าระหว่างภูมภิ าค (Urban-rural
Gap) และระหว่างสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคม (Socio-economic Status) ยังคงมีอยู่
ดังนัน้ จาเป็ นต้องมีการตัง้ เป้าหมายเพื่อลดช่องว่างผลสัมฤทธิ ์ (Achievement Gap) ทีม่ อี ยู่
ระหว่างกลุ่มเด็กเหล่านี้
การศึก ษาไทยควรมีส่วนสนับสนุ นส่ งเสริมให้เกิดการเลื่อนชัน้ ทางสังคม (Social
Mobility) ซึ่งมีส่วนช่วยหยุดยัง้ การส่งต่อความเหลื่อมล้าระหว่างรุ่นประชากร โดยระบบ
การศึกษาจะต้องให้ความช่วยเหลือเป็ นพิเศษกับกลุ่มเด็กที่ขาดโอกาส (Disadvantaged)
เพื่อไม่ให้สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมมาเป็ นปจั จัยหลักในการกาหนดความสาเร็จใน
ชีวติ ของคนในสังคม ทัง้ นี้การศึกษาไทยจะต้องมีการจัดทางเลือกทางการศึกษาทีม่ คี ุณภาพ
เช่นการยกระดับอาชีวศึกษา เพื่อให้ครอบคลุมความสนใจและความสามารถในการเรียนรูท้ ่ี
แตกต่างหลากหลายของเด็กแต่ละคน สะท้อนให้เห็นว่าระบบการศึกษาไทยจาเป็ นจะต้องมี
ความยืดหยุน่ (Flexibility) มากขึน้ ด้วย
144
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
145
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
146
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
147
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
148
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1) ประเด็นด้านโอกาสทางการศึกษา
ประเด็นด้านโอกาสทางการศึกษา ครอบคลุมเรือ่ งการเข้าถึง (Access) และความ
เท่าเทียม (Equity)
ประเทศไทยถือว่าประสบความสาเร็จในการแก้ไขปญั หาเรื่องของโอกาสในการเข้าเรียน
โดยปจั จุบนั มีอตั ราการเข้าเรียนมีแนวโน้ มดีขน้ึ ในทุกระดับการศึกษา สะท้อนได้จากสถิตอิ ตั ราการ
เข้าเรียนของไทยในระดับมัธยมศึกษาช่วง 4 ทศวรรษ จากประมาณร้อยละ 18 ในปี ค.ศ. 1970 เพิม่
เป็ นร้อยละ 80 ในปี ค.ศ. 2010 นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้วถือว่า
โอกาสในการเข้ารับการศึกษาระดับอุดมศึกษาของคนไทยอยูใ่ นระดับทีด่ ที ส่ี ุด
149
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
50
40
30
20
10
0
1970 1972 1974 1976 1978 1980 1982 1984 1986 1988 1990 1992 1994 1996 1998 2000 2002 2004 2006 2008 2010
150
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
151
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2.5
1.5
0.5
0
2550 2551 2552 2553 2554
152
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
- ระดับมัธยมปลาย: อัตราการเรียนต่อหลังจากจบการศึกษาภาคบังคับมีแนวโน้ม
สูงขึน้ มาก นักเรียนทีม่ าจากกลุ่ มครอบครัวยากจนทีส่ ุด (Quartile 1) ทีส่ ามารถเข้า
เรียนมัธยมปลายมีเพียงร้อยละ 6.7 ในปี 2529 เพิม่ ขึน้ เป็ นร้อยละ 53.7 ในปี 2552
ส่วนนักเรียนทีม่ าจากกลุ่มครอบครัวร่ารวย (Quartile 4) มีสดั ส่วนการเข้าเรียนต่อ
เพิม่ ขึน้ จากร้อยละ 44.8 เป็ นร้อยละ 79.2 ส่งผลให้ช่องว่างในการเรียนต่อในระดับ
มัธยมปลายระหว่างเด็กสองกลุ่มนี้จงึ ลดลงจากร้อยละ 38.1 เหลือร้อยละ 25.5 ซึ่ง
แสดงถึงความเหลื่อมล้าทีล่ ดลงอย่างต่อเนื่อง
- ระดับอุดมศึ กษา: ความเหลื่อมล้าของโอกาสทางการศึกษาของประเทศไทยใน
ระดับอุดมศึกษาเพิม่ ขึน้ ดังสะท้อนได้จากข้อมูลการศึกษาของ Lathapipat (2012)
ชีใ้ ห้เห็นช่องว่างการเรียนต่อระหว่างเด็กทีม่ าจากกลุ่มครอบครัวทีร่ วยทีส่ ุด กับกลุ่ม
ครอบครัวที่จนที่สุด เพิม่ ขึน้ จากร้อยละ 18.5 ในปี 2529 เป็ นร้อยละ 42.5 ในปี
2552 หรือเพิม่ ขึน้ มากกว่าหนึ่งเท่าตัว
Dilaka Lathapipat (2012) ชี้ให้เห็นประเด็นที่น่าสนใจว่า ความเหลื่อมล้าของโอกาสทาง
การศึก ษาของประเทศไทยในระดับอุดมศึกษาเพิม่ ขึ้นอย่างก้าวกระโดด เกิดขึ้นหลังจากปี พ.ศ.
2539 หรือหลังจากที่มกี ารจัดตัง้ กองทุนเงินให้กู้ยมื เพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อการศึกษาต่อตัง้ แต่
ระดับชัน้ มัธยมปลาย จนถึงระดับปริญญาตรีในประเทศขึน้ มาแล้วแม้ว่าทีผ่ ่านมาภาครัฐจะมีนโยบาย
เรียนฟรีและเงินกู้ยมื เพื่อการศึกษาแต่หลักฐานทีผ่ ่านมากลับชีช้ ดั ว่ามีเด็กยากจนจานวนน้อยมากที่
สามารถก้ า วผ่ า นเข้า ไปเรีย นในระดับ อุ ด มศึก ษาได้ ดัง นั ้น การอุ ด หนุ น ค่ า เล่ า เรีย นใน
สถาบันอุดมศึกษาของรัฐและการอุดหนุ นอื่น ๆ จึงให้ประโยชน์ กบั เด็กจากครอบครัวที่มรี ายได้ดี
มากกว่าเด็กทีด่ อ้ ยโอกาสอย่างปฏิเสธไม่ได้
ภาพที่ 49: สัดส่วนการเข้าเรียนต่อในระดับมัธยมปลายของเยาวชน อายุ 16-19 ปี แบ่งตามกลุ่มรายได้
ครัวเรือน
154
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
155
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ทีม่ า: คณะวิจยั Sasin Institute for Global Affairs (SIGA) โดยอาศัยข้อมูลจากสานักงานสถิตแิ ห่งชาติและ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
156
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภาพที่ 53: อัตราค่าจ้างจาแนกปี การศึกษา โดยให้กรณี ไม่มีการศึกษาปี 2544 เป็ นปี ฐาน
การเพิ ม่ โอกาสทางการศึกษา
ภาพรวมของจานวนผูท้ ม่ี โี อกาสได้รบั การศึกษาของประเทศไทยในปจั จุบนั พบว่ามีจานวน
20,607,131 คน แบ่งเป็ นผูท้ ศ่ี กึ ษาอยู่ในระบบโรงเรียน 12,364,525 คน ศึกษานอกระบบโรงเรียน
5,765,317 คน และอยูใ่ นการศึกษาของสงฆ์ (รวมคฤหัสถ์) 2,477,289 คน
2,477,289
(12%)
รวมในระบบโรงเรียน
5,765,317 รวมนอกระบบโรงเรียน
(28%) 12,364,525 รวมการศึกษาของสงฆ์
(60%)
157
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
อย่ า งไรก็ ต าม จากข้ อ มู ล สถิ ติ ข องส านั ก งานคณะกรรมการการศึ ก ษาขัน้ พื้ น ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ พบว่ายังมีจานวนเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษาอยู่อกี เป็ นจานวนมาก โดยในปี
2555 มีจานวนถึง 4,323,142 คน ซึง่ สาเหตุหลักของปญั หาดังกล่าวมาจากความยากจน
สอดคล้องกับการสารวจของสานักงานสถิตแิ ห่งชาติพบว่า อัตราการเข้าเรียนของนักเรียน
ไทยในระดับมัธยมขึน้ ไป (อายุ 12 ปี ขน้ึ ไป) ยังอยู่ในระดับต่ า (ภาพที่ 54) และหากพิจารณาถึง
สาเหตุทป่ี ระชากรไม่เข้าเรียน จะพบว่า ในปี 2550 ประชากรทีม่ อี ายุระหว่าง 5-30 ปีทไ่ี ม่เข้าเรียน
โดยไม่รวมกลุ่มทีต่ อบว่า “จบการศึกษาแล้ว” (มีจานวนทัง้ สิน้ 4,956,902 คน) ส่วนใหญ่มสี าเหตุ
เนื่องมาจาก 1) ไม่มที ุนทรัพย์เรียน หรือ 2) ต้องหาเลีย้ งตนเองหรือครอบครัว ทัง้ 2 กลุ่มนี้คดิ เป็ น
ถึงสัดส่วนถึงร้อยละ 76 ของผู้ไม่เข้าเรียนทัง้ หมด (ไม่นับผู้จบการศึกษาแล้ว) (ภาพที่ 55) ทัง้ 2
สาเหตุน้มี ปี จั จัยพืน้ ฐานเดียวกันคือการขาดทุนทรัพย์ของครอบครัว โดยสาเหตุแรกอาจตีความได้ว่า
เป็ นการขาดปจั จัยทุนทรัพย์ท่ใี ช้ในการเรียนโดยตรง ส่วนสาเหตุท่สี องคือปจั จัยจากค่าเสียโอกาส
จากการต้องสูญเสียรายได้เมือ่ เข้าเรียน คาถามทีน่ ่าสนใจคือเหตุใดการขาดทุนทรัพย์ย งั คงเป็ นปจั จัย
สาคัญของการไม่เข้าเรียน ทัง้ ๆ ทีใ่ นปจั จุบนั ผูเ้ รียนสามารถเรียนได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (ผ่าน
โครงการเรียนฟรี) หรือสามารถกูย้ มื เงินเพื่อการศึกษา (ผ่านโครงการกูย้ มื เพื่อการศึกษา) แล้วก็ตาม
158
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
159
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
12
อัตราคิดลด คือ อัตราทีใ่ ช้คานวณในการนามูลค่าอนาคตย้อนกลับมาเป็ นมูลค่า ยิง่ อัตราคิดลดยิง่ สูง มูลค่า
ปจั จุบนั ก็จะยิง่ น้อย
160
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
161
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
13
เท่ากับค่าเฉลีย่ ของอัตราการเพิม่ ของค่าจ้างแรงงานในช่วงปี 2546-2555
14
เท่ากับค่าเฉลีย่ ของอัตราดอกเบีย้ เงินฝากในช่วงปี 2546-2555
162
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
163
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
164
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
คณะผู้วจิ ยั ได้ทดลองจาลองสถานการณ์เพื่อพิจารณาว่าจะต้องขยายข้อจากัดสภาพคล่อง
ของครัวเรือ นเป็ นเท่าไร ในกรณีท่ตี ้องการให้ผู้เรียนสามารถเรียนต่ อในจานวนปี ต่าง ๆ ผลการ
จาลองสถานการณ์แสดงดังภาพที่ 61 ถึง 62 จะเห็นได้ว่า หากต้องการให้ผเู้ รียนสามารถเรียนต่อ
จนถึง ม.3 (เรียน 12 ปี ) จะต้องขยายเพดานสภาพคล่องเป็ น 2.7 แสนบาทหรือทาให้ครัวเรือน
สามารถกู้เพิม่ ได้ 2.6 หมื่นบาท หากต้องการให้ผู้เรียนสามารถเรียนต่อจนถึง ม.6 (เรียน 15 ปี )
จะต้องขยายเพดานสภาพคล่องเป็น 3.5 แสนบาทหรือทาให้ครัวเรือนสามารถกู้เพิม่ ได้ 1.1 แสนบาท
โดยผู้เรียนจะมีเงินออมหลังเกษียณ 9.5 ล้านบาทและ 9.9 ล้านบาท ตามลาดับ และมีรายได้ตลอด
ชีพ 15.3 ล้านบาทและ 15.6 บาท ตามลาดับ
ภาพที่ 61: เงิ นออมตา่ สุดกรณี จานวนปี ที่เรียนต่างๆ
165
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
166
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
167
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2) ประเด็นด้านคุณภาพ
การศึกษาทีม่ คี ุณภาพนัน้ มีผลกระทบต่อผลลัพธ์ (Performance) ของเด็กทัง้ ในโรงเรียนและ
เมือ่ พวกเขาก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานดังสะท้อนได้จากผลสัมฤทธิ ์ทางการศึกษา และผลิตภาพแรงงาน
ตามลาดับ ทัง้ นี้ มีผลงานวิจยั ของ Hanusek (2011) ที่ช้ใี ห้เห็นว่าทักษะทางด้านกระบวนความคิด
และปญั ญา (Cognitive Skills) จะเป็นมีผลต่อระดับรายได้ของบุคคล การกระจายรายได้รวมถึงอัตรา
การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทักษะพืน้ ฐาน (Basic Skills) และ
ทักษะขัน้ สูง (Advanced Skills) ต่างก็มคี วามสาคัญต่อประเทศที่กาลังพัฒนา การเสริมสร้างให้
กาลังคนมีทกั ษะขัน้ สูงมากขึ้นนัน้ จะช่วยให้ประเทศสามารถก้าวข้ามกับดักรายได้ประเทศปานกลาง
ได้
ดังนัน้ เรื่องของคุณภาพการศึกษา จึงนับเป็ นประเด็นที่ท้าทายที่สาคัญยิง่ อีกประการหนึ่ง
ของระบบการศึกษาไทยในปจั จุบนั
สาหรับดัชนีชว้ี ดั ทีส่ าคัญด้านคุณภาพการศึกษา ได้แก่
- ผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติของไทย ได้แก่ ผลการทดสอบการศึกษาขัน้
พืน้ ฐาน (Ordinary National Educational Test หรือ O-NET) ของนักเรียนชัธ้ ย
ศึกษาปีท่ี 6 การทดสอบความถนัดทัวไป ่ (General Test: GAT) และความถนัด
ทางวิชาการและวิชาชีพ (Professional and Academic Aptitude Test:PAT)
- ผลสัม ฤทธิท์ างการศึก ษานานาชาติ จากการทดสอบผลสัม ฤทธิท์ างการศึก ษา
นานาชาติ (Programme for International Student Assessment: PISA)
- แนวโน้มการจัดการศึกษาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (Trends inInternational
Mathematics and Science Study: TIMSS)
- ผลการจัดอันดับ (Ranking) ด้านการศึกษา
ตัว อย่ า งคุ ณ ภาพการศึก ษาของไทยเมื่อ เทีย บกับ ต่ า งประเทศเห็น ได้จ ากการทดสอบ
ผลสัมฤทธิ ์ทางการศึกษานานาชาติ (Programme for International Student Assessment: PISA)
ซึ่งเป็ นการประเมินที่เน้ นความรู้และทักษะที่ต้องใช้ในชีวติ จริง โดยวั ดความรู้และทักษะที่จาเป็ น
สาหรับกาเรียนรูต้ ลอดชีวติ 3 ด้าน คือ ด้านการอ่าน (Reading) ด้านคณิตศาสตร์ (Mathematics)
และด้านวิทยาศาสตร์ (Scientific) ผลการจัดอันดับคะแนน PISA ปี 2009 ของนักเรียนไทยด้านการ
อ่านและคณิตศาสตร์อยูท่ อ่ี นั ดับ 50 และด้านวิทยาศาสตร์อยูท่ อ่ี นั ดับ 49 (ภาพที่ 63)
168
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ทีม่ า : คณะวิจยั Sasin Institute for Global Affairs (SIGA) โดยอาศัยข้อมูลจาก PISA ปี 2009
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาจากดัชนีช้วี ดั ที่สาคัญด้านคุณภาพการศึกษาดังกล่าวข้างต้นเมื่อ
เปรียบเทียบช่วงเวลาทีแ่ ตกต่างกันของประเทศไทยเอง ก็สะท้อนให้เห็นว่า คุณภาพการศึกษาของ
เด็กไทยมีแนวโน้มตกต่ าลง ดังจะเห็นได้จากผลคะแนนสอบของนักเรียนไทยไม่ว่าจะวัดจากข้อสอบ
มาตรฐานในประเทศคือ O-NET หรือข้อสอบมาตรฐานระหว่างประเทศเช่น Programme for
International Student Assessment (PISA) และ Trends in International Mathematics and
Science Study (TIMSS) ต่างก็มแี นวโน้มลดลง (ภาพที่ 64) นอกจากนี้หากพิจารณาการจัดอันดับ
การศึกษาในระดับสากล จะพบว่าระดับ Cognitive Skill ของเด็กไทย ซึง่ วัดจากคะแนนสอบ PISA
TIMSS และ PIRLS ยังมีระดับต่ากว่านานาประเทศอยูม่ าก
169
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
คะแนน
440
435
430
425 วิทยาศาสตร์
420 การอ่าน
415 คณิตศาสตร์
410
405
ทีม่ า: คณะวิจยั Sasin Institute for Global Affairs (SIGA) โดยอาศัยข้อมูลจาก PISA ปี 2000 – 2009
170
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภาพที่ 66: ปัจจัยพืน้ ฐานทางด้านเศรษฐกิ จ สังคม และวัฒนธรรม (Economic, Social and Cultural
Status: ESCS)
ทีม่ า : OECD
171
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ทีม่ า: คณะวิจยั Sasin Institute for Global Affairs (SIGA) โดยอาศัยข้อมูลจาก OECD
172
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
15
สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) (2552)
173
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Math Science
460 460
450 450
440 440
430 430
420 420
410 410
400 400
390 390
ทีม่ า: The Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology (IPST)
174
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ก. แบบจำลองศึกษำปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ ทำงกำรศึกษำ
การศึกษาในส่วนนี้เป็ นการสร้างแบบจาลองทางสถิตเิ พื่อค้นหาปจั จัยทีส่ ่งผลต่อผลสัมฤทธิ ์
ในการเรียนของนักเรียนไทยในเชิงประจักษ์ ปจั จัยดังกล่าวครอบคลุมปจั จัยต่ าง ๆ ทัง้ ปจั จัยด้าน
ครอบครัว นักเรียน และโรงเรียน และปจั จัยเชิงนโยบาย ส่วนผลสัมฤทธิ ์ในการเรียนในทีน่ ้ีใช้คะแนน
ทดสอบ PISA เป็ นตัวชี้วดั ผลการวิเคราะห์มนี ัยต่อการกาหนดนโยบายและการดาเนินงานของ
โรงเรียนในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยในมิตติ ่าง ๆ
1) แบบจาลอง
แบบจ าลองที่ใ ช้เ ป็ น แบบจ าลองสมการถดถอยแบบสมการเดี่ย ว (Single Equation
Regression) โดยมีตวั แปรตาม ได้แก่ ค่าเฉลี่ยของคะแนนทดสอบ PISA ในวิชาคณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ และการอ่าน สาหรับตัวแปรต้นได้แก่ปจั จัยทีส่ ่งผลต่อผลสัมฤทธิ ์ในการเรียน โดยใน
ทีน่ ้ีได้แบ่งปจั จัยออกเป็ น 8 หมวด ได้แก่ (1) ทรัพยากรของครอบครัว (2) ทัศนคติของนักเรียน
(3) ยุทธศาสตร์ในการเรียนของนักเรียน (4) กิจกรรมของนักเรียน (5) ทรัพยากรของโรงเรียน (6)
การบริหารจัดการของโรงเรียน (7) ความเป็ นอิสระของโรงเรียน และ (8) สภาพแวดล้อมภายนอก
โรงเรียน รูปแบบของสมการถดถอยแสดงได้ดงั ต่อไปนี้
175
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ทีม่ า: คณะวิจยั Sasin Institute for Global Affairs (SIGA) โดยอาศัยข้อมูลจากฐานข้อมูล PISA (2009)
176
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2) ข้อมูลทีใ่ ช้
ฐานข้อมูลที่ใช้ในการพัฒนาแบบจาลองได้มาจากคะแนนการทดสอบ PISA ปี ค.ศ. 2009
หรือ พ.ศ. 2552 ของนักเรียนไทย ซึง่ เป็ นคะแนนการทดสอบนักเรียนที่มอี ายุในช่วง 15-16 ปี โดย
แบ่งออกเป็ นคะแนนคณิตศาสตร์ คะแนนวิทยาศาสตร์ และคะแนนการอ่าน เนื่องจากฐานข้อมูล
PISA แสดงคะแนนทัง้ สามในรูปของ Plausible Value (ดูรายละเอียดใน OECD, 200916, p.93-101)
คณะผู้วจิ ยั จึงเลือกใช้คะแนนในรูปดังกล่าว โดยเลือกใช้ตวั แปร PV1MATH, PV1SCIE และ
PV1READ สาหรับคะแนนคณิตศาสตร์ คะแนนวิทยาศาสตร์ และคะแนนการอ่าน ตามลาดับ
16
OECD (2009), PISA Data Analysis Manual: SPSS®. SECOND EDITION.
17
อันทีจ่ ริง PISA ได้จดั ให้มแี บบสอบถามสาหรับผูป้ กครองด้วย แต่สาหรับกรณีประเทศไทยไม่มกี ารเก็บข้อมูล
แบบสอบถามสาหรับผูป้ กครอง จึงไม่สามารถวิเคราะห์ปจั จัยทีเ่ กีย่ วข้องกับผูป้ กครองโดยตรง
18
เข้าถึงได้จาก http://pisa2009.acer.edu.au/downloads.php
177
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
178
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ความมีอสิ ระในการกาหนดเงินเดือนครู
ได้แ ก่ ต ัวแปร TCSAL_SBRA ซึ่งค านวณมาจากตัว แปร SC24Qd1 ถึง SC24Qd5 ใน
ฐานข้อมูลคะแนน PISA ตัวแปร TCSAL_SBRA จะมีค่าเท่ากับ 1 ในกรณีทเ่ี งินเดือนครูถูกกาหนด
โดยคณะกรรมการของโรงเรียนหรือหน่ วยงานทีม่ อี านาจในท้องถิน่ เท่านัน้ มิฉะนัน้ จะมีค่าเป็ น 0 ข้อ
คาถามในแบบสอบถามสาหรับตัวแปร SC24Qd1 ถึง SC24Qd5 มีดงั ต่อไปนี้
3) การประมาณค่าแบบจาลอง
การประมาณค่าแบบจาลองใช้ว ิธ ี Weighted Least Square (WLS) โดยมีตวั แปร
W_FSTUWT เป็ นตัวแปรถ่วงน้ าหนัก ตัวแปร W_FSTUWT เป็ นตัวแปรในฐานข้อมูล PISA ซึ่ง
คานวณมาจากลักษณะการสุ่มตัวอย่างของการสารวจ เพื่อใช้เป็ นตัวถ่วงน้ าหนักของแต่ละตัวอย่าง
ในการประมาณค่าประชากร
การพิจารณาว่าตัวแปรอิสระตัวใดจะคงอยูใ่ นแบบจาลอง พิจารณาจากค่าสัมประสิทธิ ์ของตัว
แปรว่ามีนัยสาคัญทางสถิติหรือไม่ และมีเครื่องหมาย (บวกหรือลบ) ในทิศทางทีส่ ามารถอธิบายได้
อย่างสมเหตุสมผลหรือไม่ นอกจากนี้ยงั พิจารณาค่า Variance Inflation Factors (VIF) ซึง่ เป็ น
ค่าสถิตทิ ใ่ี ช้พจิ ารณาปญั หา Multicollinearity ซึ่งเกิดจากการที่ตวั แปรอิสระบางตัวมีค่าสหสัมพันธ์
(correlation) ต่อกันในระดับสูง เกณฑ์ทใ่ี ช้พจิ ารณาโดยทัวไปคื
่ อหาก VIF มีค่ามากกว่า 10 แสดงว่า
เกิดปญั หา Multicollinearity
4) ผลการประมาณค่าแบบจาลอง
คณะผูว้ จิ ยั ได้ทดลองใส่ตวั แปรต่าง ๆ เข้าไปในแบบจาลอง บนสมมติฐานของปจั จัยทีน่ ่ าจะ
ส่ ง ผลต่ อ ผลสัม ฤทธิใ์ นการเรีย น เพื่อ ค้ น หาป จั จัย ที่ม ีนั ย ส าคัญ ทางสถิติ และท าการปรับ แก้
แบบจาลองจนแบบจาลองผ่านเกณฑ์ท่จี าเป็ นและได้ผลเป็ นที่น่าพอใจ แม้ฐานข้อมูลจะมีจานวน
ตัวอย่าง 6,225 ตัวอย่าง แต่ตวั แปรบางตัวที่ปรากฏในแบบจาลองมีค่า Missing ปรากฏอยู่ และ
เนื่องจากในที่น้ีใช้วธิ ี Listwise Deletion ในการจัดการกับข้อมูล Missing จึงทาให้เหลือจานวน
ตัวอย่าง 5,308 ตัวอย่าง
179
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ค่า R2 และ Adjusted R2 ของแบบจาลองมีค่าเท่ากับ 0.679 และ 0.456 ตามลาดับ ซึง่ เป็ น
ค่าทีค่ ่อนข้างสูง มีความหมายว่า แบบจาลองสามารถอธิบายความผันแปรของคะแนน PISA ได้ถงึ
ร้อยละ 68 ค่าสถิติ F มีค่าเท่ากับ 78.95 โดยมีนัยสาคัญทีร่ ะดับ p<0.001 ซึง่ แสดงให้เห็นว่าตัวแปร
ต่าง ๆ ภายในแบบจาลองสามารถร่วมกันอธิบายความผันแปรของคะแนน PISA ได้ในภาพรวม
Model Summary
Std. Error of
Model R R Square Adjusted R Square the Estimate
b,c
ANOVA
180
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
181
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Home resources
ESCS Index of economic, social and cultural status (WLE) 5.211 .883 .087 .000 2.139
Student's attitude
ST24Q07 Read Attitude - Enjoy library 3.802 1.121 .038 .001 1.194
ST24Q09 Read Attitude - Cannot sit still -7.333 .948 -.084 .000 1.139
ST25Q04 Like Read - Non-fiction books 2.880 .702 .045 .000 1.187
IC10Q04 Attitudes - Lose track of time 3.097 1.021 .036 .002 1.368
ST27Q04 Study - Relate New Information 4.409 1.172 .046 .000 1.466
ST27Q05 Study - Read Many Times -3.418 1.080 -.036 .002 1.255
ST27Q08 Study - Useful Outside School -3.904 1.154 -.039 .001 1.325
ST42Q04 Summary - Check important facts 2.752 .763 .050 .000 1.852
ST42Q05 Summary - Write own words 2.991 .703 .059 .000 1.858
Student's activities
ST39Q02 Library - Borrow for work -2.820 .663 -.049 .000 1.303
IC05Q01 At Home - Internet for School 5.437 1.107 .081 .000 2.644
IC06Q07 At School - Practice and Drilling -2.896 .964 -.037 .003 1.502
182
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
School resources
SCMATEDU Quality of the schools educational resources 1.902 .942 .026 .044 1.657
IRATCOMP Ratio of computers and school size 11.724 3.336 .038 .000 1.150
School management
SELSCH Index of academic school selectivity 4.390 1.192 .040 .000 1.124
School autonomy
SC24Qf School autonomy on budget allocations within the 10.616 2.957 .041 .000 1.280
school
CONT_AT School autonomy on instructional content 7.760 1.945 .048 .000 1.421
ASS_AT School autonomy on assessment practices -13.130 3.142 -.048 .000 1.260
TCSAL_SBRA Establishing teachers’ starting salaries by <school 7.837 2.032 .042 .000 1.137
governing board> or <regional or local education
authority>
183
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
5) สรุปผลจากแบบจาลอง
เนื่ อ งจากตัว แปรแต่ ล ะตัว มีห น่ ว ยที่แ ตกต่ า งกัน ดัง นั น้ ในที่น้ี การเปรีย บเทีย บขนาด
ผลกระทบของตัวแปรที่มตี ่ อผลสัมฤทธิ ์ในการเรียน จึงจะพิจารณาจากค่ าสัมประสิทธิ ์มาตรฐาน
(Standardized Coefficients) ซึง่ แสดงถึงขนาดการเปลีย่ นแปลงของคะแนน PISA ในรูปสัดส่วนของ
ค่ า เบี่ย งเบนมาตรฐาน เมื่อ ตัว แปรต้น เปลี่ย นแปลงไป 1 หน่ ว ยของค่ า เบี่ย งเบนมาตรฐาน
ตัวอย่างเช่น หากค่าสัมประสิทธิ ์มาตรฐานของตัวแปร X มีค่าเท่ากับ 0.087 จะมีความหมายว่า หาก
ตัวแปร X เปลีย่ นแปลงไป 1 หน่วยของค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน จะทาให้คะแนน PISA เพิม่ ขึน้ 0.087
หน่วยของค่าเบีย่ งเบนมาตรฐานของคะแนน PISA เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า ปจั จัย 5 ปจั จัยแรกที่ส่งผลเชิงบวกมากที่สุดต่อระดับคะแนน PISA ได้แก่
สถานะทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม (Index of Economic, Social and Cultural Status,
WLS) ทีต่ งั ้ ของโรงเรียนในย่านชุมชนหนาแน่ น (School Community) ยุทธศาสตร์การเรียนในการ
พยายามจดจารายละเอียดให้มากทีส่ ุด (Study - Memorize Details) การใช้อนิ เทอร์เน็ตทีบ่ า้ นเพื่อ
ทางานของทีโ่ รงเรียน (At Home - Internet for School) และการให้ขอ้ มูลผลการเรียนแก่ผปู้ กครอง
โดยเปรียบเทียบกับมาตรฐานระดับชาติหรือระดับพืน้ ที่ (Relative to Benchmarks)
ส่ ว นป จั จัย ที่ส่ ง ผลเชิง ลบมากที่สุ ด ต่ อ คะแนน PISA ได้แ ก่ การใช้ค อมพิว เตอร์เ ล่ น
Simulation ทีโ่ รงเรียน (At School - Simulations) การพยายามคัดลอกประโยคให้มากทีส่ ุดเพื่อสรุป
เนื้อหา (Summary - Copy accurately) การอ่านหนังสือแบบออกเสียงแก่บุคคลอื่นเพื่อเข้าใจและ
จดจาหนังสือ (Text - Read aloud) ทัศนคติต่อการอ่านทีไ่ ม่สามารถอ่านได้ยาวนาน (Read Attitude
- Cannot Sit Still) และความเป็นโรงเรียนเอกชน (Public or Private)
อย่างไรก็ตาม ปจั จัยดังกล่าวข้างต้นเป็ นปจั จัยทีม่ คี วามสัมพันธ์กบั คะแนน PISA แต่อาจยัง
ไม่ส ามารถสรุปความเป็ นเหตุ เ ป็ นผลได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิง่ ปจั จัยที่ยงั ไม่เ ห็นความ
เชื่อมโยงอย่างชัดเจน หรืออาจมีปจั จัยร่วม (Common Factor) ที่ผลักดันให้เกิดการเปลีย่ นแปลง
ของทัง้ ปจั จัยดังกล่าวกับคะแนน PISA เช่น การอ่านหนังสือแบบออกเสียงแก่บุคคลอื่นเพื่อ ให้เข้าใจ
และจดจาหนังสือ อาจเกิดจากความสามารถในการเรียนที่ต่ า ซึ่งเป็ นเหตุผลักดันให้คะแนน PISA
ต่ าด้วย แต่ ก ารอ่ านหนังสือแบบออกเสียงแก่บุค คลอื่นเพื่อ ให้เข้าใจและจดจาหนังสือ ไม่ได้เ ป็ น
สาเหตุ ของคะแนน PISA ต่ า การสรุป ความเป็ นเหตุ เ ป็ นผลจาเป็ นของปจั จัยจาเป็ นจะต้อ งมี
การศึกษาเพิม่ เติมต่อไป
จากผลการประมาณค่ า แบบจ าลองท าให้ ไ ด้ ข้ อ สรุ ป เกี่ ย วกับ ป จั จัย ที่ส าคัญ ที่ส่ ง เสริม
ผลสัมฤทธิ ์ในการเรียนดังต่อไปนี้
สถานะทางเศรษฐกิ จสังคมและวัฒนธรรม
สถานะทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมส่งเสริมผลสัมฤทธิ ์ในการเรียนผ่านหลายช่องทาง
อาทิ ทาให้นกั เรียนมีทรัพยากรเพียงพอในการเรียน ตัวอย่างเช่น สามารถเข้าถึงสื่อการศึกษาต่างๆ
184
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
185
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ทรัพยากรของโรงเรียน
ได้แก่ ปริมาณครู อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จากแบบจาลองแสดงให้เห็นว่าการมีทรัพยากรครู
มากเกินไปทาให้ผลสัมฤทธิ ์ในการเรียนลดลง โดยสัดส่วนจานวนนักเรียนต่อครูทเ่ี หมาะสมคือ 23.6
คน (Quality of The Schools Educational Resources) ส่วนปจั จัยอื่นๆ ได้แก่ สัดส่วนครูทผ่ี ่านการ
รับรอง (Proportion of Certified Teachers) สัดส่วนจานวนคอมพิวเตอร์ต่อจานวนนักเรียน (Ratio
of Computers and School Size) การมีเครื่องคอมพิวเตอร์ (At School - Desktop Computer) การ
เข้าถึงอินเทอร์เน็ต (At School - Internet Connection) ความเป็ นโรงเรียนรัฐ (Public or Private)
ทัง้ นี้อาจเนื่องจากในบริบทของประเทศไทย โรงเรียนรัฐได้รบั การสนับสนุ นด้านทรัพยากรจานวน
มาก เมื่อเปรียบเทียบกับโรงเรียนเอกชน แม้ว่าผู้สามารถเรียนในโรงเรียนเอกชนอาจมีสถานะทาง
เศรษฐกิจและสังคมทีด่ ถี งึ ระดับหนึ่ง การได้รบั เงินสนับสนุ นอื่นๆ เช่น การบริจาค การระดมทุนของ
ผู้ปกครอง (Funding Benefactors) และการมีครูคณิตศาสตร์ท่เี พียงพอ (Shortage of Math
Teachers)
การบริ หารจัดการของโรงเรียน
จากผลที่ได้จากแบบจาลอง ปจั จัยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ ์ในการเรียน ได้แก่ การจัดชัน้ เรียน
ตามความสามารถของนักเรียน (Streaming by Content) ความถี่ในการวัดผลนักเรียนด้วยดุลพินิจ
ของครู (Teacher Judgements) การใช้การวัดผลของนักเรียนในการตัดสินประสิทธิผลของครู
(Assessments - Teachers) การใช้การวัดผลของนักเรียนเพื่อเปรียบเทียบกับโรงเรียนอื่น
(Assessments - Other Schools) การให้ขอ้ มูลผลการเรียนแก่ผู้ปกครองโดยเปรียบเทียบกับ
มาตรฐานระดับชาติหรือระดับพืน้ ที่ (Relative to Benchmarks) การควบคุมกิจกรรมในชัน้ เรียนให้
สอดคล้องกับเป้าหมายทางการศึกษา (Educational Goals - Classroom) และการคัดเลือกนักเรียน
เพื่อเข้าเรียน (Index of Academic School Selectivity) ส่วนปจั จัยทีส่ ่งผลเสียต่อผลสัมฤทธิ ์ในการ
เรียน ได้แก่ จานวนนักเรียนที่ขาดเรียน (Student Absenteeism) ซึ่งอาจเกิดจากปญั หาของตัว
นักเรียนหรือการบริหารจัดการของโรงเรียน
ความเป็ นอิ สระของโรงเรียน
จากการศึกษาพบว่าความมีอสิ ระของโรงเรียนในการจัดการศึกษาส่งผลต่อผลสัมฤทธิ ์ทาง
การศึกษาอย่างมีนยั สาคัญ ทัง้ ในแง่ทเ่ี ป็นบวกและลบ ความมีอสิ ระของโรงเรียนในด้านทีม่ สี ่งผลดีต่อ
ผลสัมฤทธิ ์ในการเรียน (School Autonomy on Budget Allocations within The School) ได้แก่
ความมีอสิ ระในการบริหารบุคลากร (School Autonomy on Staffing) ความมีอสิ ระในการกาหนด
เนื้อหาการเรียนการสอน (School Autonomy on Instructional Content)
อย่างไรก็ตาม พบว่า ความมีอิสระในการกาหนดเงินเดือ นของครูใ นบางกรณีอ าจทาให้
ผลสัมฤทธิ ์ในการเรียนแย่ลง เช่น ถูกกาหนดด้วยครูใหญ่หรือครู แต่หากเงินเดือนครูควรกาหนดด้วย
บอร์ดของโรงเรียน (School Governing Board) หรือหน่ ว ยงานที่มอี านาจในระดับท้อ งถิ่น
186
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
6) นัยเชิ งนโยบาย
ผลการศึกษาข้างต้นมีนยั ต่อการกาหนดนโยบายดังนี้ ภาครัฐควรส่งเสริมการสร้างทัศนคติท่ี
ดีต่อการเรียนของนักเรียน และการใช้เวลาในการทากิจกรรมที่เป็ นประโยชน์ นอกห้องเรียน ควร
ส่งเสริมให้โรงเรียนสามารถระดมทรัพยากรจากแหล่งต่าง ๆ ด้วยตนเองเพื่อจะมีทรัพยากรอย่าง
เพียงพอในการจัดการศึกษาอย่างคุณภาพ ส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลผลการเรียนแก่ผปู้ กครองโดยมี
การเปรียบเทียบกับมาตรฐานในระดับต่าง ๆ เช่น ระดับพืน้ ที่หรือระดับชาติ และส่งเสริมบรรยากาศ
แห่งการแข่งขันระหว่างโรงเรียนเพื่อให้เกิดการพัฒนาประสิทธิภาพของโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ภาครัฐยังควรส่งเสริมความมีอสิ ระของโรงเรียนในการจัดสรรทรัพยากรภายใน
โรงเรียน การบริหารบุคลากร และการกาหนดเนื้อหาการเรียนการสอน ในขณะเดียวกันควรป้องกัน
ปญั หาผลประโยชน์ ท ับ ซ้อ นซึ่ง อาจเกิด ขึ้น โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ง ในส่ ว นการประเมิน ผลงานของ
โรงเรียนหรือนักเรียน และการกาหนดเงินเดือนของครู
ในส่ ว นของโรงเรีย น ควรมีก ารจัด ชัน้ เรีย นตามความสามารถของนัก เรีย น มีป ระเมิน
ประสิทธิผลของครูโดยใช้การวัดผลของนักเรียน มีการควบคุมกิจกรรมในชัน้ เรียนให้สอดคล้องกับ
เป้าหมายทางการศึกษา ส่งเสริมยุทธศาสตร์ในการเรียนของผูเ้ รียนทีถ่ ูกต้อง และมีการจัดการทีด่ กี บั
ปญั หาการขาดเรียนของนักเรียน
187
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ข. กรณี ศึกษาการพัฒนาระบบอาชีวศึกษา
การศึกษาในส่วนนี้ได้ศกึ ษากรณีศกึ ษาเชิงลึกประสบการณ์ต่างประเทศ คือ การยกระดับ
อาชีวศึกษาสู่ความเป็ นเลิศของ 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไต้หวัน ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศ
สิงคโปร์ และศึกษากรณีของประเทศไทย
1) ระบบอาชีวศึกษาในประเทศไต้หวัน
ในกรณีของไต้หวันนัน้ อาชีวศึกษามีความสอดคล้องอย่างมากกับการพัฒนาเศรษฐกิจใน
ภาพรวมของประเทศ รัฐบาลไต้หวันริเริม่ ผลักดันแผนพัฒนาเศรษฐกิจตัง้ แต่ประมาณปี ค.ศ. 1950
หรือกลางศตวรรษที่ 20 เริม่ ด้วยการปรับเปลีย่ นเชิงลึกในด้านเทคโนโลยีทเ่ี กี่ยวข้องกับการผลิตเชิง
เกษตรกรรมและในขณะเดีย วกัน ก็ เ ริ่ ม พัฒ นาอุ ต สาหกรรมสิน ค้ า เน้ น แรงงานด้ ว ยเช่ น กั น
อาชีวศึกษาหรือทีเ่ รียกว่า Technology and Vocational Education (TVE) ในไต้หวันมุ่งเน้นความ
เป็ นการเกษตรและธุ ร กิจ เป็ น ส าคัญ เพื่อ การสร้างเสริมเศรษฐกิจที่ประกอบไปด้ว ยแรงงานที่
เพรียบพร้อม ความเป็ นไปของ TVE นัน้ ถูกปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของ
รัฐบาลไต้หวันตลอดมา
ตารางที่15: สรุปพัฒนาการระบบอาชีวศีกษาของไต้หวัน
ปี จุดสาคัญของแผนพัฒนา การพัฒนาของ TVE สัดส่วนนักเรียน
เศรษฐกิ จ (TVE:สามัญ)
1950s - ความสาเร็จในการปฏิรปู การใช้ - การศึกษาในเชิงเกษตรและ 40:60
- เพิม่ ประสิทธิผลเกษตรกรรม การค้า
- พัฒนาอุตสหากรรมสินค้าเน้น - มุ่งเน้นความสนใจระดับ ปวส.
แรงงาน
1960s - ขยายธุรกิจการนาเข้าและ - พัฒนาอาชีวศึกษาในด้าน 40:60
ส่งออก อุตสาหกรรมและการค้า
- ริเริม่ การศึกษาภาคบังคับเก้าปี
- ขยายการศึกษาระบบ
อาชีวศึกษาและเพิม่ จานวน
นักเรียนและโรงเรียน
- ริเริม่ Junior Collage ระบบ 2 ปี
และ 5 ปี
1970s - เริม่ Ten Major Construction - ปรับปรุงอาชีวศึกษาทางด้าน 60:40
- ขยายตัวสูก่ ารเป็ นอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมและ Junior
ทีเ่ น้นทุนและเทคโนโลยี collage ให้ดขี น้ึ
- ก่อตัง้ สถาบันเทคโนโลยี
1980s - พัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทค - ยกระดับคุณภาพและปริมาณใน 70:30
- พัฒนาอุตสาหกรรมปิ โตรเคมี อาชีวศึกษาเชิงอุตสาหกรรมโดย
องค์รวม
188
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
19
โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแบบเบ็ดเสร็จหรือผสมผสาน (Comprehensive High School) เป็ นโรงเรียนใน
ลักษณะที่หลักสูตรเอื้อให้นักเรียนสามารถเรียนวิชาการสายสามัญไปพร้อมๆกับการเรียนวิชาชีพในลักษณะ
ของวิชาเลือกควบคู่ไปด้วยกัน ยึดหลักการเก็บหน่ วยกิจให้ครบเพื่อจบการศึกษา เป็ นลักษณ ะสถาบันการ
เรียนรูท้ เ่ี ปิ ดทางเลือกในองค์ความรูใ้ ห้มคี วามเป็ นอิสระมากขึน้
20
อุตสาหกรรมเกิดใหม่ (Emerging Industries) ทัง้ 6 คือ Healthcare, Bio-technology, Sophisticated
Agriculture, Leisure and Tourism, Cultural Innovation, Green Energy
21
อุตสาหกรรมชาญฉลาด (Smart Industries) ทัง้ 4 คือ Cloud Computing, Intelligent Electric Cars,
Intelligent Green Buildings, Inventions and Patents
22
อุตสาหกรรมบริการ (Service Industries) ทัง้ 10 คือ Cuisine Internationalization, Healthcare
Internationalization, Pop Music and Digital Contents, Convention Industry, International Logistics,
Innovation and Venture Capital, Urban Renewal, WIMAX, Chinese Electronic Business, Higher
Education Export
189
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
190
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
191
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
192
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ปัจจัยความสาเร็จของอาชีวศึกษาในไต้หวัน
ส าหรับ ป จั จัย ความส าเร็จ ของอาชีว ศึ ก ษาในไต้ ห วัน เกิด จากการให้ค วามส าคัญ ใน
องค์ประกอบต่างๆ ทัง้ ด้านการเรียนการสอน และ ระบบ (Programs and System) ให้มคี วามหลาย
หลาย เบ็ดเสร็จ และรอบด้าน เน้นการเชื่อมต่อกับสถาบันเอกชน (Private Institution) เน้นการ
ปฏิบตั ิใ นเชิงรุก และเน้ นเป็ นเลิศ ขณะที่ด้านหลักสูตรการสอน (Program) มีค วามหลายหลาย
ครอบคลุม และเน้ นการประยุกต์ใช้จริง นอกจากนี้ ยังเน้ นที่ประสิทธิภาพ (Performance) ความ
เป็ นเลิศในการร่วมมือทางด้านอุตสาหกรรมเชิงวิชาการ เน้ นการสร้างผลงาน (Outcome and
Achievement) คุณวุฒทิ ่แี สดงถึงทักษะอย่างแท้จริง อีกทัง้ เน้นการแข่งขัน (Competition) ระหว่าง
ผูเ้ รียนเพื่อกระตุน้ ให้เกิดการพัฒนาทักษะและสร้างสภาพแวดล้อมทีใ่ ฝก่ ารเรียนรูเ้ ชิงแข่งขัน
193
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
194
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2) ระบบอาชีวศึกษาในประเทศเกาหลีใต้
195
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
196
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
197
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
198
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ปัจจัยความสาเร็จของอาชีวศึกษาในเกาหลีใต้
199
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
200
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3) ระบบอาชีวศึกษาในประเทศสิ งคโปร์
อาชีวศึกษานัน้ ถือว่าเป็ นหนึ่งในปญั หาสากลสาหรับการจัดการศึกษา และทักษะทางด้าน
อาชีวศึกษานี้เองทีม่ ชี ่องว่างในเรือ่ งของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มากทีส่ ุด
สิง่ ที่เป็ นความท้าทายที่สาคัญของการศึกษาสายนี้คอื การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์นัน่ เอง
รัฐบาลของประเทศสิงคโปร์นัน้ มีค วามเชื่อ ในการพัฒนาระบบการศึกษาและมีการลงทุนทัง้ การ
สนับสนุ นมหาวิทยาลัย โพลีเ ทคนิค แต่ จะเน้ นไปทางของอาชีว ศึกษาและเทคนิคศึกษา ภายใต้
สถาบันการศึกษาทางด้านเทคนิค (Institute of Technical Education หรือ ITE) ทีม่ กี ารพัฒนา
อย่างต่อเนื่องเรือ่ ยมาตัง้ แต่การประกาศอิสรภาพของประเทศในปี ค.ศ.1965
201
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
202
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ตารางที่ 21: เป้ าหมาย แนวทางการพัฒนา และการปฏิ บตั ิ การหลักของระบบอาชีวศีกษาของสิ งคโปร์ (ต่อ)
ช่วงเวลา เป้ าหมายหลักของการพัฒนาเศรษฐกิ จ แนวทางการพัฒนาการศึกษา การปฏิ บตั ิ การ
ของประเทศ
1980s มีเป้าหมายในการพัฒนาเชิงอุตสาหกรรมปิ - เสริมสร้างคุณภาพของการศึกษาใน - จัดตัง้ Vocational and Industrial Training Board
โตรเคมี ไบโอเทคโนโลยี และเทคโนโลยี ทุกๆระดับสถาบัน (VITB) ขึน้ มาแทนที่ ITB ด้วยภารกิจทีก่ ว้างขึน้
Capital-Intensive Economy สารสนเทศ ไปพร้อมๆกับการผลิตการด้าน - หลังจากตัง้ เป้าประสงค์ในช่วงปี 90 เริม่ มุ่งเน้นการแผ่ขยายการพัฒนาทักษะให้สอดคล้องกับ
บริก าร ตรวจสอบ การเงิน การผลิต และ เห็นได้ชดั เจนว่า เวทีทส่ี งิ คโปร์ตอ้ งให้ อุตสาหกรรมหลักของประเทศ
การจัดซื้อจัดจ้าง ทัง้ นี้แล้ว ในการพัฒนามี ความสาคัญ คือ ส่วนของการศึกษา - มีการปรับเปลีย่ นโครงสร้างหลักสูตรเพื่อพัฒนาความ
สามเสาที่เป็ น ตัว ชูโ รงของการพัฒ นาทาง หลังการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน 9 ปี รวมไป เป็ นมืออาชีพ สร้างบุคลากรครูทม่ี คี ุณภาพยิง่ ขึน้
เศรษฐกิจคือ Mechanization Automation ถึงระดับมหาวิทยาลัย โพลีเทคนิค และ และพัฒนาระบบฐานข้อมูล
และ Computerization VITB เพื่อการรับประกันคุณภาพและ - สร้างระบบ Continuing Education and Training
จานวนของกาลังคนด้านเทคโนโลยีขนั ้ (CET) เพื่อการสานต่อ ยกระดับ และฝึกทักษะให้แก่
ในช่ ว งปี 90 ทิ ศ ทางในการพั ฒ นาของ สูง ความรู้ และบริการ แรงงาน โดยมุง่ เป้าหมายไปทีก่ ลุ่มผูด้ อ้ ยโอกาส
สิงคโปร์เป็ นไปในลักษณะของการส่งเสริม - สร้างแผนงานการฝึกฝนสามรูปแบบคือ Basic
ภาคการผลิตและภาคบริการให้ข้นึ มาเป็ น Education for Skills Training (BEST) Work
ตั ว ขั บ เ ค ลื่ อ น เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ค ว บ คู่ กั บ Improvement Through Secondary (WISE) และ
ภ า ค อุ ต ส า ห ก ร ร ม ส นั บ ส นุ น ใ ห้ Modular Skills Training (MOST)
ผูป้ ระกอบการมีความหลากหลาย ยกระดับ - ริเริม่ นโยบายการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน 10 ปี อย่าง
และพัฒนาไปสู่การเป็ นบริษัทส่งออก รวม จริงจังเพื่อการรับประกันคุณภาพทักษะของกาลังคน
ไปถึ ง ส่ ง เสริม การลงทุ น ในต่ า งแดนด้ ว ย - ก่อตัง้ Institute of Technical Education (ITE)
เช่นกัน สาหรับการดูแลจัดการการศึกษาระดับสูงกว่ามัธยม
ต้นในปี 1992 ซึง่ เข้ามาแทนที่ VITB เพื่อการนาพา
ไปสูร่ ะดับโลก
203
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ตารางที่ 21: เป้ าหมาย แนวทางการพัฒนา และการปฏิ บตั ิ การหลักของระบบอาชีวศีกษาของสิ งคโปร์ (ต่อ)
ช่วงเวลา เป้ าหมายหลักของการพัฒนาเศรษฐกิ จ แนวทางการพัฒนาการศึกษา การปฏิ บตั ิ การ
ของประเทศ
2000s เร่งการพัฒนาเพื่อ เศรษฐกิจที่มีความเป็ น - เน้นความสาคัญของวิทยาศาสตร์ดา้ น - สร้างแรงจูงใจให้มนี กั เรียนต่างชาติเพิม่ มากขึน้
โลกาภิ ว ัฒ น์ พร้ อ มไปด้ว ยการริเ ริ่ม การ Biomedical Info-communication - สร้างเครือข่ายกับสถาบันทีม่ ชี ่อื เสียงนอกประเทศ
Knowledge-Intensive ประกอบการ และความสามารถกระจาย Integrated Resorts วิศวกรรมทีม่ มี ลู ค่า
Economy ความเสีย่ งได้อย่างดีและในขณะเดียวกันก็ สูง และเทคโนโลยีสร้างสรรค์
พยายามที่ จ ะเสริ ม สร้ า งการผลิ ต ระดั บ - สร้างความเป็ นศูนย์กลางความรู้
High-end ด้วยเพราะเห็นความสาคัญของ (Knowledge Hub)
ภาคการบริการในฐานะกลไกการขับเคลื่อน
เศรษฐกิจทีด่ ี
ทีม่ า: วิเคราะห์และรวบรวมโดยคณะวิจยั Sasin Institute for Global Affairs (SIGA)
204
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
205
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
206
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
207
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ปัจจัยความสาเร็จของการอาชีวศึกษาในประเทศสิ งคโปร์
หลังจากการจัดตัง้ สถาบันการศึกษาอย่างมันคงในปี
่ ค.ศ.1992 ITE ในประเทศสิงคโปร์นนั ้
ได้พฒั นาการศึกษาสายอาชีพและเทคนิคสู่รปู แบบเพื่อความเป็ นเลิศอย่างชัดเจน ทัง้ นี้ ความสาเร็จ
ของการอาชีว ศึก ษาของประเทศสิง คโปร์ ข้นึ อยู่ก ับ หลากหลายป จั จัย อาทิ การวางนโยบายที่
สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศ การปรับทัศ นคติ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ความเชื่อมันใน ่
ศักยภาพและการเปลี่ยนแปลงของฝ่ายรัฐบาลที่มตี ่ อ ประเทศ ซึ่งเป็ นฝ่ายที่รเิ ริม่ การลงทุ นอย่าง
ต่อเนื่อง ทัง้ ในการพัฒนาทักษะแรงงานและอาชีวศึกษา ทัง้ หมดนี้เพื่อการสร้างความเปลีย่ นแปลงที่
แท้จริง
208
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
209
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4) ระบบอาชีวศึกษาในประเทศไทย
แท้จ ริง แล้ว อาชีว ศึก ษาในในประเทศไทยนัน้ มีม าแต่ ช้านาน ก่ อ ตัง้ ขึ้นในปี ค.ศ. 1900
ตามทีร่ ะบุไว้ในโครงการการศึกษา ค.ศ. 1898 ในลักษณะของโรงเรียนวิสามัญ มุ่งเน้นการเรียนการ
สอนทักษะที่ใช้ในการประกอบอาชีพ โดยโรงเรียนอาชีวศึกษาแห่งแรกทีถ่ ูกจัดตัง้ ขึน้ คือ โรงเรียน
พาณิชยการ ณ วัดมหาพฤฒาราม และวัดราชบูรณะ ต่อมาจึงมีการเพิม่ เติมในสายการเพาะช่าง
และกสิกรรม ในอาชีวศึกษาแห่งอื่น ๆ ตามมาภายหลัง
จากการเปรียบเทียบเป้าประสงค์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯกับแนวทางการพัฒนาทาง
อาชีวศึกษาของประเทศ จะสามารถเห็นได้ว่าความสอดคล้องของนโยบายทางการอาชีวศึกษานัน้ มี
ความสอดคล้องกับเป้าประสงค์ระดับประเทศต่ า อีกทัง้ ตัวเป้าประสงค์เองยังไม่มที ศิ ทางของการ
พัฒนาหรือบ่มเพาะศักยภาพภายในประเทศอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะแผนเศรษฐกิจฯ ที่ 1-6 นัน้
ชีใ้ ห้เห็นถึงการพัฒนาทีไ่ ร้สมดุล กล่าวคือ ขึน้ อยู่กบั ปจั จัยภายนอกเช่นการลงทุนจากต่างชาติเป็ น
หลัก เน้นการดึงดูดการลงทุนจากภายนอก ซึง่ เกี่ยวพันกับปจั จัยทีไ่ ม่สามารถควบคุมได้หลากหลาย
อย่ า ง ดัง นั ้น ลัก ษณะของการเน้ น อุ ต สาหกรรมการส่ ง ออกจึง ไม่ ส ามารถจะยัง ผลไปถึง การ
เจริญเติบโตอย่างยังยื ่ นได้
นับจากปลายแผนเศรษฐกิจฯ ที่ 7 เป็ นต้นไปได้มกี ารขยายการพัฒนาที่เป็ นไปในรูปแบบ
ครอบคลุมมากยิง่ ขึน้ ทัง้ ในด้านเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรมนุ ษย์ และสิง่ แวดล้อม รวมถึงมีการเริม่
ให้ความสาคัญกับการจัดการกาลังคนมากยิง่ ขึน้ มุ่งเน้นให้คนเป็ นศูนย์กลางของการพัฒนา อย่างไร
ก็ตาม ลักษณะของนโยบายส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงมีความคลุมเครือ และไม่
สอดคล้องกับหลักสูตรอาชีวศึกษาแม้ว่าภาคส่วนอาชีวศึกษานัน้ เป็นภาคส่วนทีส่ าคัญในการบ่มเพาะ
ทักษะแรงงานเพื่อการผลิตโดยตรง
210
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
211
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
212
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
213
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
214
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สาหรับการพัฒนาระบบอาชีวศึกษาของประเทศไทยได้มคี วามพยายามในการดาเนินการมา
ตลอดอย่างต่อเนื่องยาวนาน อย่างไรก็ดี ยังนับว่ามีขอ้ จากัดอยู่มาก ทัง้ ในเรื่อง การพัฒนาเชื่อ มต่อ
กับภาคแรงงาน ภาพลักษณ์ ทัศนคติของคนในสังคมที่ไม่นิยมสนับสนุ นบุตรหลานให้เรียนสาย
อาชีวศึกษา ซึ่งภาครัฐยังจาเป็ นที่จะต้องลงทุนพัฒนา ให้การสนับสนุ นอย่างจริงจัง เพื่อยกระดับ
อาชีวศึกษาประเทศไทยและเพื่อให้เป็ นภาคการศึกษาทีส่ ามารถผลิตกาลังคนเข้าสู่ตลาดแรงงานได้
อย่างมีคุณภาพ
215
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
216
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
5) นัยเชิ งนโยบาย
218
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาด้านกาลังคนและอาชีวศึกษา
2. สร้างการมีส่วนร่วม ความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ
การวางแผนและพัฒนากาลังคนร่วมกัน โดยการวางแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของ
ประเทศจะต้องมีความชัดเจนมากขึน้ และเชื่อมโยงมาถึงความต้องการกาลังคนทัง้
ในระยะสัน้ -กลาง-ยาว และการกาหนดวิสยั ทัศน์รว่ มกันระหว่างภาคส่วนทีเ่ กี่ยวข้อง
โดยเฉพาะภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อเป็ นโจทย์ตงั ้ ต้นให้กบั การวางแผนการศึกษา
ว่าจะต้องผลิตกาลังคน ทัง้ ในเชิงปริมาณและคุณภาพ
ส่งเสริมบทบาทภาคเอกชนในการจัดการศึกษามากขึ้น และการมีส่วนร่วมจากทุก
ภาคส่วน เนื่องจากปจั จุบนั การผลิตกาลังคนจากระบบการศึกษายังมีช่องว่างห่าง
จากคุณลักษณะที่ตลาดแรงงานต้องการ แม้ปจั จุบนั จะมีการจัดการเรียนการสอน
แบบทวิภาคี แต่ยงั เป็ นเพียงการปรับทางด้านอุปทาน(Supply-side) เท่านัน้ ซึง่ ยัง
ไม่เพียงพอ การแก้ปญั หาเรือ่ งกาลังคนอย่างยังยื
่ นต้องอาศัยการพัฒนาด้านอุปสงค์
ของแรงงาน (Demand-side) ไปพร้อม ๆ กัน กล่ าวคือจะต้องมีการปรับ กลไก
แก้ปญั หาเรื่องความก้าวหน้าในอาชีพ (Career path) ด้วย ทัง้ นี้ ในระดับภาพรวม
ของประเทศมี ค วามจ าเป็ น ในการปรับ โครงสร้ า งเศรษฐกิ จ (Restructuring
Demand) ไปสู่การเพิม่ มูลค่ามากขึน้ ตลอดทัง้ ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ด้วย
219
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
220
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4. ครูผสู้ อน
คุณภาพครู ต้องมีความรูใ้ นสายอาชีพ (Industry Experience) มีทกั ษะและความรู้
ในเชิงปฏิบตั ิ รูล้ กั ษณะงานและอาชีพในสาขาวิชาชีพที่สอนอย่างต่อเนื่อง รูเ้ ท่าทัน
กับวิทยาการสมัยใหม่ สามารถแนะแนวชี้นาเด็กอย่างถู กต้อ ง และต้อ งปลูก ฝ งั
ค่านิยมการทางานแบบมืออาชีพให้แก่เด็ก ในขณะทีค่ รูต้องเรียนรูแ้ ละพัฒนาตนเอง
อย่างต่อเนื่องให้ทนั ต่อการเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี
จัดตัง้ ศูนย์ฝึ ก อบรมสถาบันอบรมครูว ิชาชีพโดยเฉพาะ สาหรับเพื่อ ฝึ กอบรมครู
อาจารย์อ ย่ า งต่ อ เนื่ อ ง เนื่ อ งจากป จั จุ บ ัน มีแ ต่ ก ารผลิต ครู ส อนวิช าการส าหรับ
การศึก ษาขัน้ พื้น ฐาน ครู ส อนวิช าชีพ ในสถาบั น อาชีว ศึก ษาขาดแคลน โดย
สถานศึก ษาควรก าหนดให้ค รูไ ด้เ ข้า ไปท างานในสถานประกอบการจริง อย่า ง
ต่อเนื่อง
สร้า งแรงจู ง ใจให้ ค รู อ าชีว ศึ ก ษา ครู ผู้ ฝึ ก จ าเป็ น ต้ อ งสัง่ สมความรู้ ฝี ม ือ และ
ประสบการณ์ในการปฏิบตั อิ าชีพ ก่อนที่จะมีคุณสมบัตเิ พียงพอมาสอนอาชีวศึกษา
ได้ ดังนัน้ ควรมีมาตรการจูงใจทีแ่ ตกต่างและพิเศษกว่าข้าราชการครูทวไป ั ่ เช่น จัด
ให้ครูประจาสถาบันอาชีวศึกษามีความก้าวหน้าในอาชีพ (Career Path)
5. มาตรฐานอาชีวศึกษา
จัดตัง้ สถาบันคุณ วุฒวิ ิชาชีพเพือ่ กาหนดมาตรฐานฝี มอื แรงงาน โดยการกาหนด
มาตรฐานอาชีพ สมรรถนะความรูแ้ ละความสามารถในการปฏิบตั งิ านนัน้ จะนาไปสู่
การยกระดับ คุ ณ ภาพแรงงานให้ ม ีม าตรฐานสอดคล้อ งกับ ความต้ อ งการของ
ตลาดแรงงาน ทัง้ ในประเทศและต่ างประเทศ นอกจากนี้ยงั เพิม่ ความเป็ นธรรม
ให้ก ับคนที่เ รียนอาชีว ศึกษา เนื่อ งจากสามารถทาให้การจัดทาค่ าตอบแทนเป็ น
ระบบมากขึน้ ทาให้การปรับฐานค่าจ้างเป็ นไปตามสมรรถนะ (Competency) หรือ
ทักษะของแรงงานมากกว่าวุฒกิ ารศึกษา (Degree) อย่างทีเ่ ป็ นอยู่ในปจั จุบนั ซึง่ ผูท้ ่ี
จบตามมาตรฐานคุ ณ วุ ฒ ิว ิช าชีพ ดัง กล่ า วจะได้ร ับ ค่ า ตอบแทนที่สู ง กว่ า ผู้ท่ีจ บ
ปริญญาตรีทวไป ั่
6. ภาพลักษณ์การเรียนอาชีวศึกษา
สือ่ เผยแพร่ภาพลักษณ์ทดี ่ ี โดยจะต้องลบล้างภาพลักษณ์ความรุนแรง สื่อ ควรเลิก
ประชาสัมพันธ์อาชีวศึกษาในภาพลบ และมานาเสนอส่วนดีให้สงั คมได้รบั รูม้ ากขึน้
เช่นเด็กอาชีวศึกษาออกไปสร้างชื่อเสียงในการประกวดต่าง ๆ
ปรับเปลีย่ นแบรนด์อาชีวศึกษาใหม่ (Re-Positioning) เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เด็ก
อยากเข้ามาเรียนอาชีว ศึกษามากขึ้น ซึ่งจากกรณีศึกษาที่ดีจากต่ างประเทศจะ
221
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
222
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
223
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิท์ างการศึกษาประเทศไทยเทียบกับประเทศอืน่ ๆ
เมื่อการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ ์ทางการศึกษาประเทศไทยเทียบกับประเทศอื่น ๆ พบว่า
ผลผลิตทางการศึกษา (Education Output) อยู่ในระดับต่ ากว่าค่าเฉลีย่ ของประเทศทัวโลก ่ ที่ใส่
ปจั จัยเข้า (input) ในระดับใกล้เคียงกัน ดังตัวอย่างเช่น ระดับผลคะแนน PISA ในวิชาการอ่าน และ
วิชาคณิตศาสตร์ เมื่อเทียบกับระดับผลคะแนนของนักเรียนประเทศอื่นทีม่ คี ่าเฉลี่ย งบประมาณด้าน
การศึก ษาในระดับใกล้เ คีย งกันแล้ว กลับพบว่า ผลคะแนน PISA ในวิช าการอ่ าน และวิช า
คณิตศาสตร์ของนักเรียนไทยได้ต่ ากว่าค่าเฉลี่ยคะแนนของโลกที่มรี ะดับงบประมาณด้านการศึกษา
ต่อ GNI ในระดับเดียวกัน
การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิท์ างการศึกษาประเทศไทยในปจั จุบนั และอดีต
นอกจากระดับผลสัมฤทธิ ์ทางการศึก ษาของไทยจะต่ ากว่ าต่ างประเทศที่ใ ช้ง บประมาณ
จัดสรรเพื่อการศึกษาในสัดส่วนใกล้เคีย งกันแล้ว เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนเฉลีย่ ของนักเรียน
ทัง้ ประเทศ ทัง้ กรณีระดับผล O-NET ม.6 ผลคะแนน TIMSS และผลคะแนน PISA ของนักเรียนไทย
ในปจั จุบนั เทียบกับอดีตของประเทศไทยเอง ก็พบว่า มีแนวโน้มของผลคะแนนทีเ่ ป็ นไปในทิศทางที่
คะแนนลดลง
224
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
225
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภาพที่ 79: แนวโน้ มระดับผล O-NET ม.6 ผลคะแนนTIMSS และผลคะแนน PISA ของนักเรียนไทย
226
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
23
UNESCO Institute for Statistics
227
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภาพที่ 81: ผลคะแนน O-NET ของนักเรียนระดับชัน้ ม.6 ในวิ ชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
50 หน้าทีพ่ ลเมือง วัฒนธรรม
40 และการดาเนินชีวติ ในสังคม
ภูมศิ าสตร์
30
20 เศรษฐศาสตร์
10
ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม
0
ประวัตศิ าสตร์
228
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
229
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
230
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
231
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ประเด็นท้าทายอืน่ ๆ
นอกเหนือจากความท้าทายด้านโอกาสทางการศึกษา คุณภาพการศึกษา และประสิทธิภาพ
การบริหารจัดการแล้ว อีกหนึ่งประเด็นท้าทายของการศึกษาไทย คือ ไม่สามารถผลิตคนให้ตรงกับ
ความต้องการของตลาดแรงงานทัง้ ในเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึง่ ถือเป็นเป็ นปญั หาเชิงโครงสร้างทีม่ ี
นัยสาคัญต่อความสามารถในการแข่งขันของไทย ที่จะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตอย่างยังยื ่ น
ในระยะยาวเนื่องจากประเทศไม่สามารถใช้ทรัพยากรมนุ ษย์ได้อย่างเต็ มประสิทธิภาพโดยในเชิง
ปริมาณพบว่าเกิดการขาดแคลนแรงงานในทุกกลุ่ม (Skill Shortage) ซึง่ มีสดั ส่วนทีใ่ กล้เคียงกันอยู่ท่ี
ร้อยละ 60 ของความต้องการของผู้ประกอบการ 24 โดยเฉพาะในภาคการผลิตและภาคก่อสร้างที่
ยัง คงพึ่ง พาแรงงานพื้น ฐานที่ม ีก ารศึก ษาในระดับ มัธ ยมศึก ษาหรือ ต่ า กว่ าและระดับ การศึก ษา
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช. และปวส.) เป็ นจานวนสูง นอกจากนี้ยงั เกิดความไม่สอดคล้องเชิง
คุ ณ ภาพ ของแรงงานทัง้ ด้า นสมรรถนะพื้นฐาน (Core Competencies) และระดับวิช าชีพ
(Functional Competencies) จากผลสารวจความคิดเห็นของผูป้ ระกอบการพบว่าทุกกลุ่มแรงงานยัง
มีช่องว่างระหว่างสมรรถนะด้านต่าง ๆ ที่มอี ยู่จริงกับความคาดหวังของสถานประกอบการ (Skill
Gap) อยูม่ าก
24
ธนาคารแห่งประเทศไทย (2555)
232
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
233
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
234
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ปฐมวัย
ประถมศึกษา
มัธยมศึกษา
การศึกษาในระบบ อาชีวศึกษา
อุดมศึกษา
การศึกษาพิเศษ
ข้อมูลความรูท้ วไป
ั่
235
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การมองภาพแบบองค์รวม
ประเทศญี่ปุ่ นเป็ นชาติห นึ่ ง ที่ใ ห้ค วามส าคัญ กับการเรีย นรู้ต ลอดชีว ิต ของพลเมือ งอย่า ง
เข้มข้นมาอย่างยาวนาน สามารถสอดแทรกการเรียนรูเ้ ข้ากับวิถชี วี ติ และวัฒนธรรมได้อย่างกลมกลืน
และสามารถปลูกฝงั ความรักที่จะเรียนรูใ้ ห้เป็ นส่วนหนึ่งของชีวติ ประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สัง คมญี่ปุ่น ให้ค วามส าคัญ กับ การเรีย นรู้โ ดยไม่ไ ด้มุ่ ง เน้ นเพียงแค่ ก ารเรียนในห้อ งเรียนเท่ านั น้
หากแต่มองการเรียนรูส้ งิ่ ใหม่ ๆ และการสังสมองค์่ ความรูอ้ ย่างต่อเนื่องว่าเป็ นสิง่ ทีม่ คี ุณค่า อีกทัง้ ยัง
เป็นสิง่ ทีส่ ามารถทาได้โดยไม่จากัดสถานทีแ่ ละเวลา
นโยบายการเรียนรูต้ ลอดชีวติ ของประเทศญี่ป่นุ เริม่ ตัง้ แต่ในช่วงทศวรรษที่ 1940s โดยเริม่
จากการพัฒนานโยบายด้านการศึกษาผู้ใหญ่ การศึกษาชุมชน และนโยบายการศึกษาตลอดชีวติ
และมีการออกนโยบายการศึก ษาต่ อเนื่อง นอกจากนี้ยงั ได้มกี ารปรับปรุงกฎหมายการศึกษาขัน้
พืน้ ฐานและกฎหมายอื่นๆ ส่งเสริมให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมจัดการศึกษานอกระบบเพื่อ
พัฒ นาคุ ณ ภาพชีว ิต ของประชาชน มีก ารจัด ตัง้ คณะกรรมการการศึก ษาแห่ ง ชาติ เพื่อ ปฏิรูป
การศึกษา โดยยึดโครงสร้างการเรียนรูต้ ลอดชีวติ มีการออกกฎหมายกส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวติ
ในปี ค.ศ. 1990 ซึง่ ส่งผลให้ในปี ค.ศ. 2001 มีการสานักนโยบายการเรียนรูต้ ลอดชีวติ ตลอดจนสภา
การเรียนรู้ตลอดชีวติ ในส่วนกลางและส่วนภูมภิ าค หน่ วยงานทุกหน่ วยงาน ทัง้ ภาครัฐและเอกชน
ตัง้ แต่ระดับชาติจนถึงระดับท้องถิน่ เข้ามามีบทบาทในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรูต้ ลอดชีวติ
แก่ประชาชนทุกระดับ โดยกาหนดบทบาทการดาเนินงาน ดังนี้
ส่วนกลาง
กระทรวงศึกษา วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Ministry of Education,
Culture, Sports, Science and Technology: MEXT) ทาหน้าทีเ่ ป็ นองค์กรหลักของ
หน่ ว ยงานภาครัฐ ที่ร ับ ผิด ชอบงานการศึก ษา มีอ านาจพัฒ นา ก าหนดนโยบาย
ดาเนินงานร่วมกับองค์กรท้องถิน่ ในการจัดการศึกษาผู้ใหญ่ กิจกรรมการเรียนรูต้ ลอด
ชีวติ ผ่านศูนย์การเรียนชุมชนตลอดชีวติ ศูนย์การเรียนชุมชน แหล่งเรียนรูต้ ่างๆ เช่น
พิพ ิธ ภัณ ฑ์ ห้อ งสมุ ด โดยกระทรวงศึกษาธิก าร วัฒ นธรรม กีฬ า วิท ยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี จะดาเนินโครงการต่าง ๆ ตามที่นโยบายกาหนดไว้ โดยร่วมกับกระทรวง
ต่าง ๆ เช่น
238
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ส่วนท้องถิน่
ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ที่เรียกเป็ นภาษาญี่ปุ่นว่า “โคมินกัง” (Kominkan) ทาหน้ าที่จดั
กิจ กรรมการเรีย นรู้ต ลอดชีว ิต ให้แก่ ค นในชุ มชนตามพื้น ที่ต่ าง ๆ ทัวประเทศ
่ มัก มี
ลัก ษณะเป็ น อาคารทัน สมัย มีห้ อ งจัด กิจ กรรมการเรีย นรู้ ป ระเภทต่ า ง ๆ อย่ า ง
หลากหลาย อาทิเ ช่น กิจกรรมการฝึ กพื้นฐานอาชีพ/การอบรมเพื่อ สร้างอาชพเสริม
กิจกรรมฝึกร้องเพลงของผูส้ ูงอายุ กิจกรรมฝึ กเล่นไพ่โบราณของญี่ปุ่น กิจกรรมฝึกเล่น
เกมส าหรับเด็ก เล็ก กิจกรรมฝึ กวาดภาพศิล ปะ โดยมีการรับอาสาสมัครบุค คลากร/
ผูส้ ูงอายุในท้องถิน่ มาเป็ นวิทยากรร่วมด้วย เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดภูมปิ ญั ญาท้องถิน่
และการสานสัมพัน์ระหว่างสมาชิกในชุมชน ทัง้ นี้ ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนจะขึ้นตรงกับ
กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็ นผู้กากับ
ดูแล ตรวจสอบ ติดตาม และให้คาแนะนาด้านวิชาการ
แหล่งเรียนรูต้ ่าง ๆ เช่น สนามกีฬา พิพธิ ภัณฑ์ ห้องสมุด ซึ่งเป็ นหน่ วยงานเครือข่าย
ของศูนย์การเรียนชุมชน มีหน้าทีจ่ ดั กิจกรรมการเรียนรูต้ ลอดชีวติ ให้เชื่อมโยงสอดคล้อง
กันและมีความหลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มป้าหมายได้ และ
ประชาชนเองก็สามารถรวมกลุ่มเพื่อจัดกิจกรรมในศูนย์การเรียนชุมชนได้ด้วยตนเอง
โดยไม่ตอ้ งเสียค่าใช้จา่ ยใด ๆ
239
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การเรียนรู้เพือ่ ชุมชนโดยชุมชน
การจัดการเรียนรูใ้ นประเทศญีป่ นุ่ เน้นการมีส่วนร่วมในระดับท้องถิน่ อย่างเข้มข้น ผ่านกลไก
“การเรียนรูข้ องชุมชน” (Social Education) ซึง่ หมายรวมถึงกิจกรรมทางการศึกษารวมทัง้ กิจกรรม
พลศึกษา และกิจกรรมนันทนาการ สาหรับเยาวชนและผูใ้ หญ่นอกโรงเรียน และกิจกรรมทีจ่ ดั ขึน้ อัน
เป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ของหลัก สู ต รในโรงเรีย นตามพระราชบัญ ญัติโ รงเรีย น มีจุด ประสงค์เ พื่อ พัฒ นา
ประชาชนและชุมชนโดยใช้กระบวนการการเรียนรูแ้ ละแลกเปลีย่ นร่วมกัน (Mutual Learning and
Teaching) ดาเนินการโดยภาครัฐในส่วนท้องถิน่ ร่วมกับชุมชน โดยมีรฐั บาลกลางเข้ามามีบทบาทใน
การสร้างอาคารศูนย์การเรียนชุม ชนและศูนย์การเรียนรูต้ ลอดชีวติ สนับสนุ นงบประมาณ กาหนด
บทบาทชัดเจนของผูเ้ กี่ยวของ มาตรฐานการดาเนินงาน คุณสมบัตแิ ละคุณวุฒขิ องบุคลากร รวมถึง
การจัดกิจกรรมของศูนย์การเรียนรูช้ ุมชน
240
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
241
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4) นัยเชิ งนโยบาย
บทบาทของภาครัฐ สาหรับ ประเทศไทยในอนาคตนอกจากจะต้อ งให้ความสาคัญกับการ
ยกระดับคุณภาพการศึกษาในระบบแล้ว ยังต้องส่งเสริม สนับสนุนการเรียนรูต้ ลอดช่วงชีวติ ควบคู่ ไป
ด้ว ย โดยแนวนโยบายเพื่อ การส่งเสริมการเรียนรู้ต ลอดชีว ิต ที่สามารถดาเนินการได้ โดยอาจมี
แนวทางดังนี้
มีเป้ าประสงค์ของนโยบายการศึกษาที่สมดุลและหลากหลาย
- มีนโยบาย เป้าหมาย ยุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนการจัดการศึกษาเพื่อการเรียนรูต้ ลอด
ชีวติ ที่ชดั เจน โดยการออกกฎหมายเพื่อส่งเสริมสนับสนุ น ให้การศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอัธยาศัยเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพชีวติ ของประชาชนให้ มาก
ยิง่ ขึน้ ในรูปแบบต่างๆ เช่น หลักสูตรการศึกษาผู้ใหญ่ การฝึกอบรมต่อเนื่องเพื่อพัฒนา
ให้ประชาชนทุกวัยของประเทศมีความรู้ เป็นการเพิม่ ศักยภาพของประชากร
- หลักสูตรควรจะมีขอบเขตเนื้อหาที่ยดึ จากหลักสูตรแกนกลางและมีหลักสูตรท้องถิน่ ใน
สัดส่วนทีเ่ หมาะสม ควรจะมีหลายลักษณะทัง้ หลักสูตรระยะสัน้ ระยะยาว รวมทัง้ มีความ
ยืด หยุ่ น เอื้อ ต่ อ การเรีย นรู้ด้ ว ยตนเอง มุ่ ง เน้ น การตอบโจทย์ ค วามต้ อ งการของ
กลุ่มเป้าหมายเป็ นสาคัญ ควรจะสอดคล้องกับวิถีชีว ิตของบุคคลและชุมชน สามารถ
นาไปใช้ในชีวติ จริงได้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวติ และปญั หาของตนเองได้
- ประเภทของกิจกรรมทางการศึกษานอกระบบควรจะครอบคลุมกิจกรรมหลัก ๆ ได้แก่
(1) กิจกรรมการศึกษาพื้นฐาน (2) กิจกรรมการให้ความรูท้ างด้านทักษะ และ (3)
กิจกรรมการให้ค วามรู้ทวไป
ั ่ เป็ นการให้ความรู้ท่เี กี่ยวข้อ งกับความเป็ นอยู่และการ
ดาเนินชีวติ ประจาวัน เน้นการฝึ กทักษะกระบวนการคิด การวิเคราะห์ การจัดการ การ
เผชิญสถานการณ์ การแก้ปญั หา และการประยุกต์ใช้ความรู้
- มีการควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน ทัง้ นี้เพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ของการศึกษาเรียนรู้
การประเมินผลควรเป็ นการประเมินการพัฒนาการเรียนรูข้ องผู้เรียนมากกว่าประเมิน
ผลสัมฤทธิ ์ทางการเรียนทีเ่ ป็ นการประเมินแบบแข่งขัน เพียงอย่างเดียว ควรใช้เทคนิค
วิธกี ารประเมินที่หลากหลายให้เหมาะสมกับลักษณะของวิชาหรือลักษณะของกิจกรรม
และลัก ษณะของกลุ่ ม เป้ าหมาย และการประเมิน ผลควรรับ ฟ งั ผลสะท้ อ นกลั บ
(Feedback) จากผูเ้ รียนด้วย
242
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สร้างการเชื่อมโยงระหว่างภาคส่วนต่ าง ๆ
- จัดโครงสร้างองค์ก รการบริหารการเรียนรู้ต ลอดชีวติ ทุกระดับ ตัง้ แต่ ส่วนกลาง ส่ว น
ภูมภิ าค และท้อ งถิ่น โดยร่ว มมือ กับกระทรวงต่ าง ๆ และหน่ ว ยงานที่เ กี่ยวข้อ ง ให้
ความสาคัญกับส่วนท้องถิ่นในการยกระดับการเรียนรูแ้ ละพัฒนาทักษะสมรรถนะของ
ประชาชน โดยหน่ ว ยงานในส่ ว นกลางเน้ น การจัด ท ายุท ธศาสตร์ กาหนดนโยบาย
มาตรฐานการจัดการศึกษา/การเรียนรูต้ ลอดชีวติ วิธกี ารวัดผลประเมินผล และการทา
วิจยั เพื่อแสวงหานวัตกรรมใหม่ ๆ ทางการศึกษา/การเรียนรูต้ ลอดชีวติ ตลอดจนการ
จัดสรรงบประมาณในการดาเนิ นงานของหน่ วยงานการศึกษาตลอดชีวติ ส่วนในระดับ
ท้องถิ่นนัน้ หน่ วยงานระดับท้องถิ่นดาเนินงานในรูปของศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวติ มี
บทบาทสาคัญในการจัดกิจกรรมการศึกษา / การเรียนรู้ตลอดชีว ติ ในชุมชน ประสาน
ความร่วมมือกับหน่ วยงานเครือข่าย และชุมชน ดาเนินกิจกรรมการศึกษาตลอดชีวติ
ตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายตัง้ แต่ก่อนปฐมวัยจนถึงวัยเกษียณอายุ
พัฒนาแหล่งการเรียนรู้
- รัฐควรจัดพื้นที่ส าธารณะ (Public Space) ที่ส่ งเสริมการเรียนรู้ของผู้เ รียน และ
ประชาชนทัวไปที ่ ่สนใจเรียนรู้ ได้มโี อกาสเรียนรูต้ ลอดชีวติ ตลอดจนส่งเสริมภาคส่วน
อื่นๆ ที่มคี วามพร้อมและมีศกั ยภาพ ไม่ว่าจะเป็ นภาคเอกชน หรือท้องถิ่น ในการจัด
พืน้ ทีเ่ ปิด (Open Spaces) ทีเ่ ป็นแหล่งเรียนรูต้ ลอดชีวติ แก่ประชาชน
- จัดปจั จัยสนับสนุ นการเรียนรูข้ องผู้เรียน โดยจัดแหล่งความรู้ท่ผี ู้เรียนสามารถค้นคว้า
ด้ว ยตนเองได้ เช่น ศูนย์ว ิทยาการ บทเรียนสาเร็จรูป ชุดการสอน ใช้ส่อื ชนิดต่ างๆ
หลายชนิดผสมผสานกัน (Multi-Media) ใช้ระบบการศึกษาทางไกลเข้ามาช่วย รวมทัง้
ต้องมีเจ้าหน้ าที่ประจาศูนย์วทิ ยบริการที่สามารถช่วยแนะนาและอานวยความสะดวก
ให้กบั ผูเ้ รียนได้
- เน้นการสร้างแหล่งการเรียนรูใ้ นชุมชน ช่วยให้ประชาชนในชุมชนมีส่วนร่วมในการจัด
การศึกษาและจะช่วยให้เกิดบรรยากาศการเรียนรู้และสังคมแห่งการเรียนรู้ ควรจะมี
หลายรูปแบบ ไม่ควรยึดหลักว่าต้องสร้างใหม่เสมอ อาจจะใช้สงิ่ ที่มอี ยู่แล้วในท้องถิ่น
หรือทรัพยากรท้องถิน่ การดูแลบริหารควรทาในรูปของอาสาสมัครและผูแ้ ทนชาวบ้าน
ผลัดกันหมุนเวียนกัน ให้ประชาชนรูส้ กึ เป็ นเจ้าของและเข้ามามีส่วนดูแลมากขึน้ แหล่ง
การเรียนรูค้ วรประสานและร่วมมือกัน อาจเชื่อมโยงกันเป็ นเครือข่ายเพื่อให้เกิดกิจกรรม
อย่างต่อเนื่อง
243
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4.2.2.1 ปัจจัยพื้นฐานระดับบุคคลของคนไทยเพื่อเตรียมพร้อมสู่ศตวรรษที่ 21
ปจั จัยพื้นฐานของกระบวนการคิดและสังเคราะห์ท่ที ุกคนพึงมีแบ่งออกได้เป็ นสองทางคือ
ความเป็ นอิสระจากผู้อ่นื (Independence) และ การพึ่งพาผู้อ่นื (Inter-dependence) เปรียบได้
เสมือนการเปรียบเทียบระหว่างสองขัว้ ของการมีปฏิสมั พันธ์กบั ผูอ้ ่นื อย่างเข้มข้น (Sociotropy) และ
การเป็นเอกเทศ (Autonomy) (Sato and McCann, 1997) โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) ด้านการพึง่ พาตนเอง และเป็ นอิ สระจากผูอ้ ืน่ (Independence)
การพึ่งพาตนเองเป็ นคุณสมบัติของการอยู่ได้ด้วยตนเอง ความเฉพาะตัว และความมีอตั
ลักษณ์ทเ่ี ด่นชัด (Sato and McCann, 1997) กล่าวคือ ความเป็ นปจั เจกบุคคล ในยุคสมัยนี้มนุ ษย์ม ี
ความรูเ้ กี่ยวกับสิง่ ต่างๆรอบตัว จานวนมาก แต่ในขณะเดียวกัน คนเรากลับไร้ความสามารถในการ
แยกแยะ หรือ จ าแนกความเป็ น ป จั เจกของแต่ ล ะสิ่ง ออกจากกัน ส่ ง ผลให้ เ กิ ด ความโง่ เ ขลา
(Ignorance) ทีแ่ ผ่กระจายอยู่ในสังคมไทยปจั จุบนั การศึกษาจะเป็ นตัวช่วยทีส่ าคัญในการบ่มเพาะ
ความเป็ นปจั เจกของแต่ละบุคคล รวมไปถึงการรับรูค้ วามเป็ นปจั เจกของคนอื่นได้ในขณะเดียวกัน
245
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
247
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4.2.2.2 คนไทยในปัจจุบนั
ลักษณะของคนไทยในปจั จุบนั นัน้ ยังคงขาดแรงกระตุ้นเพื่อการพัฒนา หรือการเปลีย่ นแปลง
อันเนื่อ งมากจากวัฒนธรรมโดยรวมที่ไ ม่เน้ นความกระตือรือร้น ความรักสงบ และหลีกเลี่ยงการ
เผชิญหน้าหรือความเปลีย่ นแปลง กล่าวคือการมีอยูแ่ บบตามอัตภาพ
ศ. ดร. จุร ี วิจติ รวาทการได้ทาการวิเคราะห์ลกั ษณะนิสยั คนไทยในปจั จุบนั (2554) โดยมี
การกล่าวถึงการวิจยั ของกลุ่ม Cornell Thailand Project นาโดยศาตราจารย์เฮอร์เบิรท์ ฟิลลิปส์ ทีไ่ ด้
ศึกษาพฤติกรรมลักษณะของกลุ่มชาวบ้านชนบท หมู่บา้ นบางชัน เขตมีนบุร ี จังหวัดกรุงเทพฯ ผ่าน
การศึกษาในแบบสหวิทยาการเพื่อการวิจยั ทางคุณภาพ คือการสังเกตและเก็บข้อมูล และการใช้
เครือ่ งมือทดสอบทางจิตวิทยาเพื่อการวิจยั เชิงปริมาณ ได้พบว่าคนไทยกลุ่มตัวอย่างมีลกั ษณะ ชอบ
ปฏิสมั พันธ์กนั ชอบความราบรื่นกลมกลืนทางสังคม หลีกเลีย่ งการเผชิญหน้าไม่แสดงความรูส้ กึ เชิง
ลึก ต่ อ กัน ต่ อ หน้ า มัก ยิ้ม ให้ก ัน ตลอด แต่ ไ ม่ส ามารถบอกได้ว่ า คิด อะไร มีค วามอดทนสู ง เก็บ
ความรูส้ กึ เก่ง ทัง้ ยังมีความเป็ นปจั เจกนิยมสูง แต่ในขณะเดียวกันก็มคี วามเกรงใจ รักสนุ ก ไม่ชอบ
ผูกมัดในระยะยาว และสุดท้ายคือชอบกิจกรรมเฉพาะกิจ ซึง่ ลักษณะของบุคคลทีก่ ล่าวมาทัง้ หมดนัน้
สามารถจัดสังคมไทยให้อยูใ่ นประเภทสังคมโครงสร้างหลวม (Loose Structure)
ต่อมาข้อมูลของลักษณะคุณสมบัติของคนไทยนี้ได้รบั การให้ความสนใจจาก จอห์น เอฟ
เอมบรี นักวิจยั ทางด้านมานุษยวิทยา และสามารถสรุปรวมเป็นลักษณะสีป่ ระการใหญ่ ได้แก่
248
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
249
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4.2.2.3 คนไทยที่พึงประสงค์ในศตวรรษที่ 21
1) กลุ่มของจิ ต (Mindset)
250
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
251
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
252
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
253
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
254
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
255
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3) กลุ่มขององค์ความรู้แกนสาคัญ
256
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
257
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กลุ่มจิต
ผลจากการประเมินช่องว่าง (Gap) ของกลุ่มจิต (Mindset) ทีเ่ ป็ นจุดอ่อนทีส่ ุดของคนไทย
หรือยังคงขาดในปจั จุบนั มากทีส่ ุดสูงสุด 3 อันดับแรก คือ
อันดับแรก จิ ต จริ ย ธรรม การรู้ผ ิดชอบชัวดี
่ รับผิดชอบในบทบาทหน้ าที่ของตนเอง
(ร้อยละ 30.6)
อันดับทีส่ อง จิ ตสร้ า งสรรค์ การคิ ด ริ เ ริ่ ม สิ่ ง ใหม่ ๆ สร้ า งสรรค์ เ พื่ อ การพั ฒ นา
(ร้อยละ 25.8)
อันดับทีส่ าม จิ ตสังเคราะห์ การประมวลความรู้ ไตร่ตรองความรูท้ ไ่ี ด้มาเพื่อประโยชน์ทด่ี ี
(ร้อยละ 22.6)
ในขณะทีจ่ ติ เชีย่ วชาญ มีวนิ ัยในการศึกษา การใฝ่รเู้ ชิงลึก เพิม่ พูนความรูใ้ ห้ตนเอง (ร้อยละ
16.1) และด้านจิตเคารพ การให้เกียรติซง่ึ กันและกัน เชื่อมโยงความสัมพันธ์อนั ดีในสังคม เป็ นด้านที่
ผูเ้ ชีย่ วชาญเห็นว่ามีช่องว่างน้อยทีส่ ุด คือ เพียงร้อยละ 1.6 เท่านัน้
258
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กลุ่มทักษะ
ผลจากการประเมินช่องว่าง (Gap) ของกลุ่มทักษะทีจ่ าเป็ นต่อศตวรรษที่ 21 (21st Century
Skill) สาคัญทีส่ ุดต่อการพัฒนาศักยภาพคนไทยสามอันดับแรก ได้แก่
อันดับแรก ทักษะกระบวนการคิ ดและสังเคราะห์ (ร้อยละ 62.3)
อันดับทีส่ อง ทักษะการใช้เทคโนโลยีในประโยชน์เชิงข้อมูลและการสื่อสาร (ร้อยละ 14.8)
อันดับทีส่ าม ทักษะการปฏิสมั พันธ์และการอยูร่ ว่ มกันในสังคม (ร้อยละ 13.1)
259
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
260
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2) ครูผจ้ ู ดั การเรียนการสอน
ครูในระบบการศึกษาของฟิ นแลนด์นนั ้ จะต้องเป็ นบุคคลทีม่ คี ุณภาพทีเ่ ป็ นเลิศ ไม่ว่าจะใน
แง่ของการดูแลจัดการ หรือในแง่ของวิชาการ ซึง่ สิง่ เหล่านี้เป็ นผลมาจากการบ่มเพาะทักษะอาชีพครู
ที่ม ีประสิท ธิภาพ ต้อ งได้รบั ความไว้ว างใจจากผู้ป กครองและสังคมอย่า งแท้จริง โดยการแสดง
ความสามารถในการตัดสินใจอย่างเป็ นมือ อาชีพ และความสามารถในการดูแลจัดการชัน้ เรียน
ตอบสนองนักเรียนในการช่วยให้แต่ละบุคคลเกิดการเรียนรูท้ ด่ี ไี ด้
คุณภาพของครูและการเรียนการสอนเป็ นกุญแจสาคัญในความสาเร็จของระบบการศึกษา
ฟิ นแลนด์ ซึ่งเป็ นผลผลิตมาจากความสอดคล้องของวัฒนธรรมและนโยบายในภาพรวม ครูเป็ น
อาชีพทีค่ นในประเทศฟิ นแลนด์ยกย่องเป็ นอย่างมากในปจั จุบนั งานวิจยั การศึกษาของ OECD ได้
กล่าวว่าการบ่มเพาะทักษะของครูในอดีตนัน้ เริม่ ตัง้ แต่หลังจากทีจ่ บการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอน
ปลาย ซึง่ เรียกว่า Seminarium หรือวิทยาลัยครู (Teacher College) โดยจะเป็ นการศึกษาเป็ นเวลา
2-3 ปี ในเรือ่ งของทักษะทีจ่ ะต้องใช้จริงแล้วจึงเข้าสู่การฝึกสอนในห้องเรียน ระบบการบ่มเพาะครูใน
ลักษณะนี้มพี น้ื ฐานหรือความเชื่อทีว่ ่า ตราบใดทีค่ นมีพน้ื ฐานองค์ความรูท้ ด่ี มี าจากระดับมัธยมศึกษา
การบ่มเพาะต่อยอดในเชิงศึกษาศาสตร์ (Pedagogy) การพัฒนาของเด็ก และการจัดการห้องเรียน
ในเวลา 2-3 ปีย่อมไม่ใช่เรื่องยากทีจ่ ะทาให้คน ๆ นัน้ เป็ นครูท่มี ปี ระสิทธิภาพ วิทยาลัยครูกม็ รี ะบบ
การคัดเลือกคนโดยเน้นทีบ่ ุคลิคลักษณะทีเ่ หมาะสมในการเป็ นครู
ต่อมาได้มกี ารเปลีย่ นแปลงหลังจากการเป็ นวิทยาลัยครูให้เข้าไปอยู่ในระบบมหาวิทยาลัย
แม้แต่การเป็ นครูระดับประถมต้องจบการศึกษาระดับปริญญาโทเพื่อใช้ในการขอใบประกอบอาชีพ
ครู (Teacher Qualification) อย่างถูกต้อง แนวปฏิบตั ิน้ีในตอนแรกได้ถูกคัดค้านจากผู้นาใน
มหาวิทยาลัยด้วยเหตุผลทีว่ ่าการรับครูซง่ึ ถูกเปรียบว่าเป็ นเพียงกึ่ง วิชาอาชีพ (Semi-profession) ใน
สมัยนัน้ เข้าสู่ระบบมหาวิทยาลัยจะเป็ นการลดคุณค่าของใบปริญญาลง อย่างไรก็ตาม หลังจากการ
ออกแบบหลักสูตรของศึกษาศาสตร์ใ นมหาวิทยาลัยอย่างเป็ นรูปเป็ นร่าง แนวคิดดังกล่ าวจึงถู ก
หักล้างไป โปรแกรมการฝึ กสอนครูในมหาวิทยาลัยนัน้ มีการแข่งขันในการคัดเลือกสูง ระบบกลไก
ของการคัดเลือกนัน้ แบ่งได้เป็ น 2 ขัน้ ด้วยกัน ขัน้ แรกคือผลคะแนนจากการข้อสอบคัดเลือก ผลการ
เรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และความสาเร็จอื่น ๆ นอกเหนือจากภายในโรงเรียน คนทีผ่ ่าน
262
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
263
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3) หลักสูตร
โครงสร้างหลักสูตรได้ถูกวางไว้เป็ นเพียงกรอบภายนอกเท่านัน้ โรงเรียนและครูมอี สิ ระใน
การกาหนดวิธกี ารสอน หรือการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ กุญแจสาคัญของหลักสูตรคือความสัมพันธ์
ระหว่างเป้าประสงค์และตัวเนื้อหาสาระ หลักสูตรของฟินแลนด์นนั ้ แต่เดิมมีพน้ื ฐานมาจาก School of
Thought ทีเ่ รียกว่า Herbert Approach ซึง่ มุ่งเน้นใช้เนื้อหารายวิชา (Content) เป็ นจุดศูยน์กลาง
ของการเรียนการสอน ซึง่ นามาสู่ Subject-based Curricula ในระบบการศึกษาในช่วงต้น ต่อมามี
การปรับเปลีย่ นผสมผสานกับรูปแบบใหม่ทเ่ี รียกว่า Dewey Approach ซึง่ เปลีย่ นแกนกลางของ
การเรียนการสอนจากเนื้อหาสาระมาเป็ นการให้นักเรียนเป็ นศูนย์กลางและมีเป้าหมายในลักษณะ
บูรณาการ การเรียนรู้จงึ กลายมาเป็ นสิง่ สาคัญที่สุดในกระบวนการการศึกษา ทาให้นอกจากการ
เรียนรู้เนื้อหาสาระจากครูแล้ว ผลสัมฤทธิ ์ของผู้เรียนจึงเป็ นอีกหนึ่งเป้าหมายของการศึกษาด้ว ย
เช่นกัน จึงเป็ นทีม่ าของ Integrated Curricula จนถึงปจั จุบนั นี้หลักสูตรการสอนของฟิ นแลนด์นนั ้ มี
พืน้ ฐานมากจาก Approach ทัง้ 2 ทีก่ ล่าวไป เรียกว่าเป็ นลักษณะ Dual Structure ซึง่ ต้องมีความ
สมดุลทีด่ ถี งึ จะสามารถจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพได้ (Vitikka et al, 2012) หลักสูตร
ณ ปจั จุบนั จึงเน้นความสามารถและทักษะเป็ นเป้าประสงค์สงู สุดของหลักสูตรการศึกษา
แกนหลักสูตรกลางของการศึกษาในฟินแลนด์ ซึง่ กาหนดโดย Finnish National Board of
Education มีอยู่ 2 ส่วนด้วยกัน มีส่วนทีก่ าหนดเป้าหมายและเนื้อหาแกนกลางทีต่ ้องสอนในทุก ๆ
รายวิชา รวมไปถึงภารกิจ คุณค่า และโครงสร้างของการศึกษา มีส่วนที่กาหนดแนวคิดสาหรับการ
เรียนและเป้าหมายสาหรับการพัฒนาระบบนิเวศของการเรียนรู้ วัฒนธรรมภายในโรงเรียน และวิถี
264
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4) การประเมิ น
การประเมิน นัน้ เป็ นส่ ว นหนึ่ งการกิจ กรรมในโรงเรียนในทุ ก วัน การประเมิน หลัก ของ
ฟินแลนด์คอื การประเมินระหว่างการเรียนรูใ้ นชัน้ เรียนอย่างต่อเนื่องและการประเมินเมื่อสิน้ สุดการ
เรียนวิชานัน้ ๆ การประเมินอย่างต่อเนื่องจะเป็ นสิง่ สาคัญในการช่วยเหลือและชี้แนะแนวทางและ
กระบวนการการเรียนรูข้ องนั กเรียน โดยนักเรียนทุกคนจะได้รบั รายงานส่วนบุคคลอย่างน้อยหนึ่ง
ครัง้ ในทุกปีการศึกษา
ข้อ ก าหนดของกระทรวงศึก ษาธิก ารและวัฒ นธรรมกล่ าวไว้ว่ า ฟิ นแลนด์ไ ม่มรี ะบบการ
ประเมินด้วยการใช้ขอ้ สอบกลาง หรือ National Test สาหรับการวัดผลการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน (Basic
Education) แต่ครูคอื ผูท้ ต่ี ้องรับผิดชอบการประเมินในแต่ละรายวิชาตามเป้าประสงค์ของการเรียนรู้
ทีไ่ ด้กาหนดเอาไว้ในหลักสูตร สาหรับผลการเรียนหรือเกรดของการศึกษาระดับพืน้ ฐานจะมีการระบุ
เอาไว้ในประกาศนียบัตรจบการศึกษาทีจ่ ะได้รบั ในชัน้ มัธยมศึกษาที่ 3 หรือ Grade 9 โดยมีครูเป็ นผู้
มอบให้แก่นกั เรียน และผลการศึกษาทีไ่ ด้รบั นัน้ จะเป็ นตัวกาหนดการศึกษาในขัน้ สูงต่อไปในอนาคต
ดังนัน้ หลักสูตรแกนกลางของชาติจงึ ประกอบไปด้วยการชี้แนะแนวทางการประเมินสาหรับรายวิชา
ทัง้ หมด หนึ่งในหน้าที่ของการศึกษาระดับพืน้ ฐานก็คอื การพัฒนาศักยภาพของเด็กนักเรียนในการ
ประเมินผลด้วยตนเอง ซึง่ จะเป็นสิง่ ทีส่ ามารถเสริมสร้างทักษะของการเพิม่ พูนความรูด้ ว้ ยตนเองและ
ทักษะการศึกษา ช่วยให้แต่ละบุคคลรับรูถ้ งึ กระบวนการการเรียนรูข้ องตนเอง
5) การใช้เทคโนโลยีเพือ่ การเรียนการสอน
กิจกรรมของการพัฒนา Information and Communication Technology (ICT) เพื่อ
การศึก ษาของฟิ นแลนด์ส ามารถแบ่งออกได้เป็ น 3 อย่างคือ ความรู้ แก่ นสาระ และการบริหาร
สภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ (Atjonen and Siu, 2006) ทัง้ นี้เพื่อเป้าประสงค์ในภาพใหญ่
ดังต่อไปนี้
265
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
266
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1) การจัดการเรียนการสอน
เป้าหมายหลักของการเรียนการสอนตามหลักของกระทรวงศึกษาธิการประเทศสิงคโปร์คอื
การส่งเสริมให้นกั เรียนสามารถค้นพบความสามารถของตนทีม่ อี ยู่ ศักยภาพภายในตนเอง รวมไปถึง
แรงใจ (Passion) ในการพัฒนาและเรียนรูต้ ลอดชีวติ โดยการศึกษาจะเป็ นในลักษณะทีก่ ว้างขวาง
และความเป็ นองค์รวมของระบบการเรียนรู้ (Broad-Based and Holistic Learning) มีหนทาง
การศึกษาทีห่ ลากหลาย เปิดโอกาสให้แก่นักเรียนในการเลือกสิง่ ที่จะเรียนรองรับความถนัด ความ
สนใจ และแนวทางการเรียนรูใ้ นแบบเฉพาะตัว
2) ครูผจ้ ู ดั การเรียนการสอน
ทัง้ ครูและผู้บริหารโรงเรียนเป็ นแกนสาคัญในการศึกษาของสิงคโปร์ ครูต้องได้รบั การบ่ม
เพาะทักษะและมีแรงบันดาลใจเพื่อการรังสรรค์สงิ่ ทีด่ ที ส่ี ุด โดยมีความสนใจหรือความถนัดเฉพาะตน
เป็ นพื้นฐาน ครูทงั ้ หลายจะต้องได้รบั การอบรมจาก Comprehensive Pre-service Training หรือ
หลักสูตรการฝึ กฝนทักษะในภาพรวมก่อนการปฏิบตั งิ านจริงโดยสถาบันการศึกษาแห่งชาติ หรือ
National Institute of Education (NIE) สายอาชีพครูถูกสร้างมีเส้นทางเพื่อการบ่มเพาะและสังสม ่
ทักษะการสอนทีเ่ ป็ นเลิศ การบ่มเพาะความสามารถของครูในประเทศสิงคโปร์นัน้ เกิดขึน้ จากความ
ร่วมมือของวิทยาลัยครู และสถาบันสอนภาษา ทีจ่ ะเป็ นกุญแจสาคัญในการสร้างเสริมความสามารถ
ให้แก่ครูทพ่ี งึ ประสงค์เหล่านัน้ ได้
3) หลักสูตรการสอนและการประเมิ นผล
สาหรับการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานนัน้ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และภาษาแม่ ถือเป็ น 3 หัวใจ
สาคัญของหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานของสิงคโปร์ เพราะวิชาเหล่านี้นัน่ เองที่จะเป็ นพืน้ ฐานของ
การเรียนรู้ แก้ไขปญั หาและการสร้างเสริมทักษะขัน้ สูงต่อไป ทักษะทีว่ ่านี้คอื พืน้ ฐานสาคัญในการต่อ
ยอดเส้นทางการเรียนรูต้ ลอดชีวติ ของแต่ละบุคคล
267
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
นัก เรีย นจะได้ร ับ การบ่ ม เพาะในเรื่อ งของศิล ปะ พลเมือ ง จริย ธรรมอัน ดีง าม ดนตรี
สัง คมศาสตร์ และกายศาสตร์ ในส่ ว นของวิท ยาศาสตร์นั ้น จะเริ่ม มีก ารเรีย นการสอนในชัน้
ประถมศึกษาปีท่ี 3 เป็นต้นไป การนาเสนอวิชาทีห่ ลากหลายให้แก่เด็กนักเรียนตัง้ แต่ช่วงเยาว์วยั นัน้
ก็เพื่อการเปิ ดโอกาสการเรียนรู้ การค้นหาความสนใจส่วนตน เตรียมพร้อมนักเรียนด้วยความรู้ท่ี
เพียงพอ หลังจากชัน้ พื้นฐาน (ประถมศึกษาปี ท่ี 1-4) ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ภาษาแม่ และ
วิทยาศาสตร์ ที่อยู่ในหลักสูตรจะมีทงั ้ ขัน้ พื้นฐาน (Foundation) และขัน้ มาตรฐาน (Standard) ใน
ระดับประถมศึกษาปี ท่ี 5-6 และนักเรียนที่มผี ลสัมฤทธิ ์ที่ดใี นวิชาภาษาแม่นัน้ จะมีการศึกษาภาษา
นัน้ ๆ ในระดับทีส่ งู ขึน้ ไปรองรับด้วยเช่นกัน ซึง่ หมายความว่าครูจะต้องดูพฒ
ั นาการของนักเรียนเป็ น
หลักในการออกแบบการเรียนการสอนและการประเมินตามแต่ศกั ยภาพของรายบุคคล
ในช่วงการศึกษาในชัน้ ประถมนี้เองทีม่ กี ารให้ความสาคัญกับการเรียนรูแ้ บบองค์รวมมาก
ทีส่ ุด เปิดโอกาสการเรียนรูใ้ นด้านต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาในระดับต่อไป ทัง้ ในด้านวิชาการดังทีก่ ล่าว
ไป และทักษะทางด้านการกีฬา กิจกรรมนอกห้องเรียน และศิลปะ ผ่าน Program for Active
Learning (PAL) เมื่อสิน้ สุดประถมศึกษาแล้ว นักเรียนจะต้องมีความสามารถเชิงวิชาการ ได้รบั การ
ทดสอบประเมินผลตาม Primary School Leaving Examination (PSLE) และจะถูกระบบคัดและส่ง
ต่ อ เข้ า สู่ ร ะดับ มัธ ยมศึ ก ษาที่ ม ีค วามเหมาะสมต่ อ ศั ก ยภาพการเรีย นรู้ และความสามารถ
นอกเหนือ จากระบบ PSLE แล้ว นักเรียนสามารถใช้ประวัติหรือ ผลงานทางด้านวิชาการหรือ
ความสามารถส่ ว นตนในการเข้ารับการพิจารณาเข้าสู่ระดับมัธ ยมศึกษาผ่ านการรับตรง (Direct
School Admission)
เมื่อเข้าสู่ระดับมัธยมศึกษา หลักสูตรในระดับนี้จะเป็ นการสร้างเสริมความแข็งแกร่งในเชิง
ทักษะของนักเรียนให้สงู ยิง่ ขึน้ ไป สามารถต่อยอดได้ทงั ้ เชิงวิชาการศึกษาในระดับขัน้ สูงหรือธรรมดา
(Express หรือ Normal) และเชิงสายอาชีพระดับธรรมดา (Normal) ตามแต่ศกั ยภาพของแต่ละคน
ซึ่งนักเรียนสามารถที่จะสับเปลี่ยนวิชาการเรียนได้แล้วแต่ความสนใจ กล่าวคือ มีความยืดหยุ่นใน
การเลือกสายการเรียนรู้ เมื่อจบมัธยมศึกษาปี ท่ี 4 นักเรียนในชัน้ Express จะได้รบั สอบรายวิชา
ตามที่Singapore-Cambridge General Certificate of Education กาหนด ในระดับ O-Level
(Ordinary Level) 6-8 รายวิชา หรือในนักเรียนทีม่ ศี กั ยภาพสูง อาจได้ถงึ 9 รายวิชา สาหรับนักเรียน
เชิงวิชาการในระดับ Normal ก็จะได้รบั การเรียนการสอบเช่นเดียวกันกับสายอาชีพซึ่งการสอบจะ
เน้นเชิงปฏิบตั ิ ทัง้ สองสายทีก่ ล่าวมาจะต้องเข้าสอบ N-Level (Normal Level) เมื่อจบมัธยมศึกษาปี
ที่ 4 ซึง่ เมือ่ ผลสอบของสาย Normal เชิงวิชาการนัน้ ถึงเกณฑ์ นักเรียนดังกล่าวสามารถเข้าสอบ O-
Level หลังการสาเร็จการศึกษาชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 5 ได้ด้วยเช่นกัน หรือสามารถเข้าสู่สายโพลี
เทคนิคได้โดยผ่าน Polytechnic Foundation Program หรือ Institutes of Technical Education
(ITE) ด้วย Direct Entry Scheme ส่วนนักเรียนสายอาชีพที่ผ่านการทดสอง N-Level ในชัน้
268
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
269
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4) การใช้เทคโนโลยีเพือ่ การเรียนการสอน
หลักสูตรการเรียนการสอนของสิงคโปร์มกี ารใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ICT เข้ามา
เสริมความเข้มข้นและพัฒนาสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ เพื่อเตรียมความพร้อมสาหรับศตวรรษที่ 21
และเพื่อความเป็ นเศรษฐกิจฐานความรูอ้ ย่างแท้จริง ตัว ICT คือสิง่ จะที่เพิม่ พูนประสบการณ์การ
เรีย นรู้ใ ห้แ ก่ ผู้เ รีย นอย่า งมีประสิท ธิภ าพ รวมไปถึง การสอนในรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่ ม
โรงเรียน Future School ทีเ่ ป็นเครือข่ายกับผูป้ ระกอบการอุตสาหกรรม มีโปรแกรมนาร่องทีเ่ รียกว่า
State-of-the-art Technology สาหรับการสอนและการเรียนรูร้ ปู แบบใหม่
2) ครูผจ้ ู ดั การเรียนการสอน
อาชีพครูถอื ว่าเป็ นอาชีพทีค่ นปรารถนาทีจ่ ะเป็ นในสังคมญีป่ ่นุ และเป็ นอาชีพทีค่ นให้ความ
นับถือ เป็ นอันดับ ต้น ๆ ในการที่จะเป็ นครูได้นัน้ นัก ศึกษาจะต้อ งผ่ า นเข้าสู่ระบบศึกษาศาสตร์
(Teacher Training) ทีไ่ ด้รบั การรองรับโดยกระทรวงศึกษาธิการ ในมหาวิทยาลัยหรืออนุ วทิ ยาลัย
(Junior college) ญี่ป่นุ มีมหาวิทยาลัยทีม่ ุ่งเน้นทางด้านการศึกษาศาสตร์โดยเฉพาะซึง่ มหาวิทยาลัย
เหล่านัน้ จะมีโรงเรียนในเครือข่ายสาหรับนักศึกษาฝึกสอน ซึง่ การฝึกสอนนี้เองทีเ่ ป็ นกุญแจสาคัญใน
การบ่มเพาะความสามารถของครูและมีอยูใ่ นทุก ๆ หลักสูตรการเตรียมความพร้อมเพื่อการเป็นครู
หลังจากทีน่ ักศึกษาจบการศึกษาแล้ว ครูจบใหม่จะถูกทดลองงานเป็ นเวลาหนึ่งปีก่อนการ
ประกอบอาชีพครูเต็มเวลา โดยมีครูพเ่ี ลีย้ งคอยดูแล บ่มเพาะทักษะโดยตรงให้แก่ครูจบใหม่ โดยทีค่ รู
พีเ่ ลีย้ งนัน้ สามารถลาพักงานจากการสอนได้เป็ นเวลาหนึ่งปีเต็มเพื่อทุ่มเทให้กบั การฝึกฝนครูจบใหม่
ทีอ่ ยูใ่ นความดูแลของตนและจากทีค่ รูฝึกสอนพ้นช่วงทดลองงานและประกอบวิชาชีพครูเป็ นเวลา 10
ปีแล้ว จะต้องเข้าสู่โปรแกรมการฝึกฝนทักษะอีกครัง้ หนึ่งตามกฎหมาย อนึ่ง ครูทุกคนสามารถลาพัก
271
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
จากการสอนในโรงเรียนเพื่อเรียนต่อในระดับปริญญาโทโดยทีย่ งั รับเงินเดือนไปด้วยในขณะเดียวกัน
ได้ กระทรวงศึกษาธิการจะมีการจัดโครงการฝึกฝนทักษะครูอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ เขตชุมชน
มุมมองทีน่ ่าสนใจทีส่ ุดของการเป็นครูนนั ้ จะถูกพัฒนาก็ต่อเมือ่ ได้เริม่ ทางาน นอกเหนือจาก
ความสาคัญของการออกแบบการเรียนการสอนแล้ว การศึกษาตัวแก่นสาระ หรือ Lesson Study ก็
เป็ นอีกส่ ว นสาคัญ ของการประกอบอาชีพ ด้ว ยเช่นกัน ครูทุกคนจะต้อ งตัง้ เป้าหมายในการสร้าง
วิธกี ารสอนทีส่ มบูรณ์แบบผ่านการแลกเปลีย่ นระหว่างครูดว้ ยกันเอง ครูทแ่ี ก่อายุงานกว่าต้องมีความ
รับผิดชอบในการแนะแนวทางให้แก่ครูรุ่นใหม่ตลอดเวลา และครูใหญ่จะต้องเป็ นตัว กลางของการ
เชื่อมความสัมพันธ์ของครูทุกคนโดยการจัดการประชุมเพื่อการแลกเปลีย่ นความคิดเห็น สนับสนุ น
การร่วมมือกันของครูภายในโรงเรียนโดยแบ่งออกเป็นกลุ่มเพื่อการศึกษา แต่ละวิธจี ะถูกทดลองด้วย
การใช้จริง โดยมีครูท่านอื่นๆเป็ นผูส้ งั เกตการณ์และให้คะแนนผลสัมฤทธิ ์ของกระบวนการ ทัง้ นี้ยงั มี
การเรีย นเชิญ ครูจ ากโรงเรีย นอื่น เข้า มาเป็ น ผู้ ร่ ว มในการประเมิน เพื่อ การหากลุ่ ม ที่น าเสนอ
กระบวนการสอนที่ดที ่สี ุดด้วยเช่นกัน กระบวนการที่กล่าวมานี้มลี กั ษณะคล้ายคลึงกับลัษณะการ
ทางานของบริษัทเอกชน มีก ารดึง เอากระบวนการการจัดการเรียนการสอนออกมาให้เ ห็นและ
ประเมินอย่างเปิดเผย อีกทัง้ ยังเป็ นการส่งเสริมการมีความรับผิดชอบ (Accountability) ของครูไปใน
ตัว เพื่อให้เกิดแรงผลักดันในการทางานอย่างเต็มทีเ่ พื่อไม่ทาให้เพื่อนร่วมงานผิดหวัง มีความคิดมี
ความสร้างสรรค์ตลอดเวลา และยังสามารถทางานร่วมกับผู้อ่นื ให้คาแนะนา และชี้แนะแนวทาง
ปฏิบตั เิ มือ่ จาเป็นได้อกี ด้วย
3) หลักสูตรการสอน
ญี่ปุ่นมีก ารก าหนดมาตรฐานของสาระการเรียนรู้ท่ีจะต้อ งเรีย นในทุ ก ระดับชัน้ และทุ ก
รายวิชา โดยจะมีการทบทวนทุก ๆ 10 ปีโดยประมาณ ครูทุกคนในประเทศจะใช้หลักสูตรทีก่ าหนด
เป็ นแกนกลางโดยทัวกั ่ น หลักสูตรดังกล่าวถู กกาหนดขึน้ โดยกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม การ
กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Ministry of Education, Culture, Sports, Science and
Technology: MEXT) พร้อมด้วยความร่วมมือจากสภาการศึกษากลาง (Central Council for
Education) บุคลากรทีม่ คี วามสาคัญต่อการวางหลักสูตรคือ คณาจารย์ในมหาวิทยาลัยและบุคลากร
ภายในกระทรวงนันเอง ่ หลักสูตรทีถ่ ูกวางไว้โดย MEXT นัน่ เป็ นเพียงกรอบชีแ้ นะสาหรับการสอน มี
การผลิตคู่มอื การสอนในแต่ละรายวิชาตามแต่ละระดับชัน้ เรียนออกใช้อย่างทัวถึ ่ ง
ก่ อ นหน้ านี้ ความยืดหยุ่นของหลักสูต รการเรียนการสอนนัน้ มีน้ อ ยมากชัน้ เรียนระดับ
มัธยมศึกษาตอนปลายใช้เวลาร้อยละ 70 ของเวลาเรียน หมดไปกับการสอน 5 รายวิชาหลัก ซึง่ คือ
ภาษาญี่ปุ่ น สัง คมศาสตร์ คณิ ต ศาสตร์ วิท ยาศาสตร์ และภาษาต่ า งชาติ (โดยส่ ว นใหญ่ ค ือ
ภาษาอังกฤษ) และเวลาที่เหลือคือ การทากิจกรรมในโรงยิม ดนตรี ศิลปะ คาบอบรม และวิชาเลือก
อื่น ๆ แม้ก ระทัง่ ในป จั จุ บ ัน หลัก สู ต รของญี่ปุ่ น ยัง คงจ ากัด ทางเลือ กกิจ กรรมของนั ก เรีย นอยู่
272
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4) การประเมิ น
ในอดีต ญี่ป่นุ ไม่มกี ารจัดสอบระดับชาติ แต่หลังจากทีค่ านึงถึงความเป็ นไปได้ทก่ี ารศึกษา
ในประเทศจะถูกเกาหลีใต้และจีนนาหน้าไป จึงได้มกี ารจัดสอบระดับชาติขน้ึ มาสาหรับนักเรียนใน
ระดับชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 และมัธยมศึกษาปีท่ี 3 อย่างไรก็ตาม การจัดสอบนี้เป็ นเพียงการสุ่มกลุ่ม
ตัวอย่างเพื่อการตรวจสอบมาตรฐานของระบบการศึกษาเท่านัน้ การสอบระดับชาติเพียงอย่างเดียวที่
มีอยู่ ณ ปจั จุบนั คือการสอบเข้ามัธยมศึกษาตอนปลายและมหาวิทยาลัย หรือที่เรียกว่าเอนทรานซ์
(Entrance Exam) ซึง่ เปรียบเสมือนเป็ นทุกสิง่ ทุกอย่างของสถาบันการศึกษา เพราะผลทีอ่ อกมาจะ
ถูกตีพมิ พ์ลงในหนังสือพิมพ์ให้ทราบโดยทัวกั ่ น อันดับของโรงเรียนจะถูกตีแผ่ในวงกว้างโดยวัดจาก
ผลการสอบติดโรงเรียนในมัธ ยมศึก ษาตอนปลายหรือ มหาวิท ยาลัย ภาระของความส าเร็จของ
273
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
5) การใช้เทคโนโลยีเพือ่ การเรียนการสอน
UNESCO ได้กล่าวถึงการใช้ ICT ในการศึกษาญี่ป่นุ ไว้ว่า มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงการ
สื่อ สารในระบบการเรีย นการสอน โดยทางกระทรวงศึก ษาธิก ารญี่ปุ่ น ได้น าเสนอ Information
Education สู่หลักสูตรการสอนในปี ค.ศ. 1985 ซึ่งเป็ นการเรียนรู้เพื่อใช้ทกั ษะนัน้ ในการพัฒนา
ความสามารถในการใช้ขอ้ มูลหรือทีเ่ รียกว่า “Information Utilized Abilities”เพื่อจุดประสงค์ในการ
พัฒนาทัง้ หมด 3 ด้านคือ
1. กิจกรรม (Activities) – การฝึ กฝนเพื่อการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อการ
สืบค้นข้อ มูล เช่น การจัดเก็บ การตัดสินใจ การแสดงออก การประมวลผล การ
สร้างสรรค์ และการติดต่อสื่อสาร
2. เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสืบค้นข้อมูล (Information Technology) – เพื่อการ
เรีย นรู้ท ัก ษะซึ่ง น ามาสู่ ข้อ มู ล ที่ต้ อ งการผ่ า น ระบบคอมพิว เตอร์ แ ละการสร้า ง
โปรแกรม เป็นต้น
274
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ง. สภาพแวดล้อมการศึกษาในเขตปกครองฮ่องกง: นวัตกรรมการศึกษาแห่งจีน
การศึกษาของ OECD ได้ระบุไว้ว่าประเทศจีนเป็ นหนึ่งในประเทศทีม่ กี ารเจริญเติบโตอย่าง
รวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานี้ มีการปฏิรูปในหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็ นในด้านเศรษฐกิจ
วัฒนธรรม และการศึกษา หนึ่งในตัวอย่างของความสาเร็จภายในประเทศจีน คือการศึกษาภายใน
เกาะฮ่องกง ซึง่ มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดหลังจากการปฏิรปู ได้มกี ารริเริม่ หลักสูตรทีค่ รอบคลุม
ปรับปรุงระบบเงินเดือนครู เร่งปรับปรุงมาตรฐานการเรียนการสอน และทีส่ าคัญเป็ นอย่างยิง่ คือการ
สร้างการศึกษาให้กลายเป็นการเรียนรูเ้ พื่อเข้าถึงแก่นของความรูอ้ ย่างแท้จริง
1) การจัดการเรียนการสอน
การจัดการเรียนการสอนในระบบการศึกษาของฮ่องกงนัน้ คือ การยึดหลักการให้นักเรียน
เป็ นศูนย์กลางของการเรียนรูเ้ ป็ นสาคัญ (Student-centered) โดยตัง้ แต่ปลายศตวรรษที่ 20 เป็ นต้น
มา เป้าหมายของรูปแบบการศึกษานัน้ ถูกปรับเปลี่ยนให้ครอบคลุมมากยิง่ ขึ้น นามาซึ่งการปฏิรูป
อย่างครอบคลุม (Comprehensive Education Reform) ในปี ค.ศ. 1999 กล่าวคือ เป็ นการจัด
การศึกษาให้อยู่ในรูปแบบใหม่ (New Framework) ซึง่ มีความต่อเนื่องมายังปจั จุบนั อย่างไรก็ตาม
สิง่ ทีร่ ะบบการศึกษาของฮ่องกงนัน้ ได้ยดึ เหนี่ยวเป็ นแก่นสาคัญมากทีส่ ุดอีกเรื่อ งหนึ่งคือการเปลีย่ น
จาก “การสอน” (Teaching) เป็ น “การเรียนรู้” (Learning) และการมุ่งเน้นกระบวนการในการทา
ความเข้าใจในองค์ความรู้ มากกว่าการท่องจาอย่างทีเ่ คยเป็ น สร้างประสบการณ์ให้แก่นักเรียนเพื่อ
เป็ นการทดลองนาเอาองค์ความรูม้ าใช้จริงและใช้ผลที่ได้เป็ นจุดสาคัญในการเรียนการสอน อีกทัง้
ยังให้ความสาคัญกับการบูรณาการองค์ความรูแ้ ละทักษะการวิเคราะห์ดว้ ยเช่นกัน
275
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2) ครูผจ้ ู ดั การเรียนการสอน
รัฐบาลนัน้ มีค วามพยายามที่จะคัดสรรและสร้างบุค ลากรอาชีพครูท่มี คี ุ ณภาพ ยึดมันใน
่
หน้าทีข่ องความเป็นครูและพร้อมด้วยคุณภาพ ดังนัน้ จึงมีการตัง้ มาตรฐานของครูในทุกระดับชัน้ ของ
การศึกษา โดยครูทุกคนจะต้องขึน้ ทะเบียนกับ The Education Ordinance ซึ่งแบ่งออกได้เป็ น 2
ลักษณะด้วยกันคือ (1) ครูทไ่ี ด้รบั การจดทะเบียนอย่างเป็ นทางการ (Registered Teacher) ซึง่ ใน
ประเภทนี้จะต้องใช้ใบประกาศนียบัตรครู (Teacher Qualification) เป็ นหลักฐานในการขึน้ ทะเบียน
ครูในประเภทนี้จะได้รบั สิทธิประกอบอาชีพครูอย่างเป็ นทางการในทุกสถานศึกษา (2) ครูท่ไี ด้รบั
ใบอนุญาต (Permitted Teacher) ในประเภทนี้ไม่จาเป็นต้องมีใบประกาศนียบัตรครู หากแต่ต้องมีใบ
ประกาศนียบัตรทางวิชาการเป็ นหลักฐาน (Academic Qualification) โดยจะสามารถจัดการเรียน
การสอนได้แค่บางโรงเรียนทีก่ าหนดเอาไว้เท่านัน้ และเพื่อเสริมสร้างสถานะความเป็ นอาชีพครูให้
สมบูรณ์ ภาครัฐจึงจัดให้มกี ารศึกษาและเก็บข้อมลอย่างต่อเนื่องในแง่ของการพัฒนาความสามารถ
ของบุคลากรครู และกรอบการพัฒนาวิชาชีพ เพื่อนามาเป็ นประโยชน์ แก่ ทศิ ทางของการพัฒนา
ระบบครูและการศึกษาโดยทัวกั ่ น
นอกจากนี้ ยังมีการให้ความสาคัญด้านความสามารถในเรื่องของการใช้ภาษาอังกฤษและ
ภาษาจีนแมนดาริน โดยมีการใช้มาตรฐาน Language Proficiency Requirement (LPR) ในการวัด
ความสามารถของครูสอนภาษา ทัง้ นี้แล้ว เพราะการใช้ภาษานัน้ เป็ นส่วนสาคัญที่จะทาให้นักเรียน
การสามารถก้าวหน้าต่อไปในทัง้ ในการเรียนขัน้ สูงและอาชีพการงาน ดังนัน้ นักเรียนจึงควรถูกบ่ม
เพาะทักษะภาษาอื่น ๆ นอกเหนือจากภาษาจีนกวางตุ้ง (Cantonese) ซึง่ ใช้กนั อย่างแพร่หลายเป็ น
พืน้ ฐาน
อนึ่ง สถาบันการศึกษาแห่งฮ่องกง (The Hong Kong Institute of Education, HKIEd) คือ
สถาบันที่มเี ป้าหมายในการพัฒนาการศึกษาศาสตร์ให้หมู่อาชีพครูทส่ี าคัญทีส่ ุด ณ ปจั จุบนั มุ่งเน้ น
เสริมสร้างทัง้ ในเรื่องขององค์ความรูท้ ่จี าเป็ น ทักษะการถ่ายทอด รวมไปถึงจรรยาบรรณความเป็ น
ครู โดยสถาบันดังกล่าวนี้หยิบยื่นโอกาสสาหรับวิชาชีพครูทงั ้ ในรูปแบบของอนุ ปริญญา ปริญญาตรี
และการศึกษาขัน้ สูงอื่น ๆ ซึง่ นักศึกษาภายใต้หลักสูตรศึกษาศาสตร์ของสถาบันนัน้ สามารถเรียนใน
ลักษณะก่อนการประกอบอาชีพ (Pre-service) หรือว่าจะเป็ นการเรียนขณะประกอบอาชีพครูก็ได้
เช่นกัน (In-service) ทัง้ นี้ ด้วยนโยบายของรัฐบาลทีต่ ้องการให้ผทู้ ป่ี ระกอบอาชีพครูทุกคนต้องมีวุฒ ิ
รับรอง บ่งบอกว่าได้ผ่านกระบวนการการบ่มเพาะวิชาชีพมาอย่างครบถ้วน
276
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3) หลักสูตร
หลักสูตรของฮ่องกงไม่มคี วามขึน้ ตรงต่อหลักสูตรทีใ่ ช้ในจีนแผ่นดินใหญ่แต่อย่างใด หากแต่
ขึน้ ตรงกับความควบคุมดูแลของรัฐบาลของฮ่องกงเอง มีความผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความเป็ น
ตะวันตก (ซึ่งผลมาจากการเป็ นอาณานิคมของประเทศอังกฤษ) และความเป็ นจีนดัง้ เดิม ในเนื้อหา
ของหลักสูตรโดย The Education Bureau (EDB) มีการระบุในทุกรายละเอียด เป็ นการชีแ้ นะแนว
ทางการจัด การเรีย นการสอนให้แ ก่ ค รูโ ดยทัว่ กัน โดยยึด เอาวิช าหลัก 8 วิช าเป็ น ส าคัญ ได้แ ก่
ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคมศาสตร์และมนุ ษยศาสตร์
กีฬาและศิลปะ ทักษะการเรียนรูอ้ ย่างประยุกต์ และประสบการณ์การเรียนรูอ้ ่นื จากการทากิจกรรม
ในส่วนของนักเรียนทีม่ เี ป้าหมายในการเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัยจาเป็ นต้องมีผลสัมฤทธิ ์ใน 4
รายวิชา คือ ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และการศึกษาเสรี (Liberal Studies) ซึ่งเป็ น
การศึกษาในสาขาวิชาต่าง ๆ ตามความสนใจประกอบไปด้วย ประวัตศิ าสตร์ สังคมศาสตร์ พลเมือง
ศึกษา โดยในแต่ละอย่างจะแฝงแก่นของความเป็นศตวรรษที่ 21 ประกอบไปในตัว
เป้าหมายสูงสุดสาหรับการศึกษาคือการบ่มเพาะนักเรียนให้รแู้ ละเข้าใจในหน้าทีแ่ ละบทบาท
ของความเป็ นพลเมือง มีความสามารถในการคิดไตร่ต รอง มีทกั ษะเพื่อ การเรียนรู้ และสามารถ
ดารงชีว ิต ได้อย่างถู กสุ ขลัก ษณะ โดยมีโรงเรียนเป็ นผู้อานวยการเรียนรู้อ ย่างเป็ นขัน้ ตอน สร้าง
แผนการเรียนการสอนที่จะเป็ น ประโยชน์ แก่นักเรียนมากที่สุดโดยมีเป้าหมายดังกล่าวเป็ นพื้นฐาน
สาคัญ
4) การประเมิ น
การประเมินผลสัมฤทธิ ์โดยรวมนัน้ อยู่ในความดูแลขององค์การทดสอบและประเมินผลแห่ง
ฮ่องกง (The Hong Kong Examinations and Assessment Authority, HKEAA) ก่อนหน้าปี
การศึกษา 2011 / 2012 นัน้ ระดับมัธยมศึกษามีการจัดการทดสอบ 2 ครัง้ ด้วยกัน คือ หลังจากจบ
การศึกษาในชัน้ มัธยมต้นและมัธยมปลาย ได้แก่ The Hong Kong Certificate of Education
(HKCEE) และ The Hong Kong Advanced Level Examination (HKALE) ตามลาดับ ซึง่ การ
ทดสอบทัง้ สองดังกล่าวนี้เปรียบเทียบได้กบั ระบบ O-level และ A-level ของประเทศอังกฤษนัน่ เอง
แต่ภายใต้ระบบใหม่การทดสอบถูกยุบให้เหลือเพียง The Hong Kong Diploma of Secondary
Education (HKDSE) เมือ่ สาเร็จการศึกษาทัง้ 6 ปีของมัธยมศึกษาแล้วเท่านัน้ เป็ นการสอบวิชาหลัก
ทัง้ 4 วิชาคือ ภาษาจีน ภาษาอัง กฤษ คณิตศาสตร์ และการศึกษาเสรี รวมไปถึงวิชาเลือกอีก 2-3
รายวิชา ผลการทดสอบนัน้ จะถูกจัดตามระดับทัง้ หมด 5 ระดับผลสัมฤทธิ ์ และถูกใช้เป็ นหลักเกณฑ์
เพื่อการตัดสินสาหรับการศึกษาขัน้ สูงต่อไป ในขณะเดียวกัน ผลการทดสอบทีป่ ระเมินโดยโรงเรียน
(School-based Formative Assessments) ก็จะถูกใช้เป็ นส่วนหนึ่งของผลการทดสอบระดับชาติ
(Public Examination Results) ด้วยเช่นกัน
277
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
5) การนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้
รัฐบาลนาเอายุทธศาสตร์เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในฮ่องกงครัง้ แรกเมื่อปี ค.ศ. 1998
และต่อมาในปี ค.ศ. 2004 และ 2008 คือ แผนที่ 2 และ 3 ตามลาดับ สาหรับ 2 สองแผนแรกของ
ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีสารสนเทศนัน้ ได้ให้ความสาคัญกับการวางโครงสร้างพื้นฐานและการกระตุ้น
การเรียนรูแ้ ละการสอนด้วย IT ต่อมาในระยะที่ 3 ได้มุ่งเน้นในเรื่องของการใช้ IT อย่างถูกประเภท
ถูกเวลา และถูกเป้าหมาย เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับการเรียนการสอน “Right Technology at
the Right Time for the Right Task” กาหนดและแนะแนวทางให้แก่ครูให้สามารถใช้ IT ได้อย่าง
เต็มประสิทธิภาพ แบ่งเบาภาระในการพยายามนาเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็ นสื่อการสอน อีกทัง้ ยังมี
กระบวนการส่งเสริมทักษะการสอนทีใ่ ช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Teachers’ IT Pedagogy) เข้ามา
เป็ นประโยนช์ให้แก่ครูทวกั
ั ่ น บ่มเพาะความ “รูใ้ ช้ข่าวสารข้อมูล” (Information Literacy) ให้แก่ทงั ้
นักเรียนและผูป้ กครอง ทัง้ นี้ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมของการเรียนรูท้ ด่ี ไี ม่ว่าจะเป็ นทีโ่ รงเรียนหรือที่
บ้านก็ตาม
ต่อมารัฐบาลมีการพัฒนา e-learning อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิม่ ประสิทธิผลของการเรียนการ
สอน ในปี ค.ศ. 2011 ได้มโี ปรแกรมนาร่อง IT พร้อมทัง้ การเผยแพร่ความตระหนักในเรื่องของ
สุ ข ภาพและลิข สิท ธิท์ ่ีเ กี่ย วข้อ งกับ ทรัพ ยากรและอุ ป กรณ์ ด ิจ ิต อล ต่ อ มาในปี ก ารศึก ษา ค.ศ.
2011/2012 รัฐบาลได้ตงั ้ The EDB One-stop Portal for Learning and Teaching Resources เพื่อ
ใช้เป็นตัวกลางในการรวบรวมสื่อการสอนทุก ๆ วิชาไม่ว่าจะเป็นระดับประถมศึกษาหรือมัธยมศึกษา
ยิง่ ไปกว่านัน้ ยังมีการพัฒนา e-Textbook Market Development Scheme หรือ EMADS ในเดือน
มิถุนายนปี ค.ศ. 2012 มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์และพัฒนา e-
Textbook ตามหลักสูตรที่ม ี พร้อมด้วยการพัฒนากลไกการันตีคุณภาพของการผลิตโดยการนาเอา
ตัวอย่างไปทดลองใช้กบั โรงเรียนภายในเครือข่าย ซึง่ EMADS คาดว่าจะสามารถปล่อยออกสู่ตลาด
ได้ภายในปีการศึกษา ค.ศ. 2014/15 นี้
278
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
จ. สภาพแวดล้อมการศึกษาในประเทศเกาหลีใต้ : การศึกษาที่ก้าวกระโดด
ประเทศเกาหลีใต้เป็ นหนึ่งในประเทศทีส่ ามารถก้าวกระโดดขึน้ มาเป็ นหนึ่งในผู้นาทางด้าน
การศึกษาได้ในเวลาอันรวดเร็ว มีคะแนนผลสัมฤทธิ ์การทดสอบนานาชาติ PISA ทีส่ ูงและนาหน้า
คะแนนเฉลีย่ ของประเทศกลุ่ม OECD มีความสามารถในการผลิตแรงงานทักษะทีม่ คี ุณภาพมากมาย
ทัง้ นี้ ด้วยความพยายามและความตัง้ มันในการพั
่ ฒนาระบบการศึกษาของรัฐบาล
1) การจัดการเรียนการสอน
การเรียนการสอนของประเทศเกาหลีใต้นัน้ เป็ นไปอย่างมีความเข้มข้นสูง จากการวิจยั นัน้
พบว่านักเรียนในประเทศให้เวลาเรียนเฉลีย่ ต่อปีมากกว่านักเรียนในประเทศแถบ OECD คือ 1,020
ชัวโมงต่
่ อปี ซึง่ เป็นจานวนทีย่ งั ไม่รวมถึงการเรียนนอกห้องเรียนอีกประมาณ 3 ชัวโมงต่
่ อวัน
ในระดับประถมศึกษานัน้ เป็ นการกลุ่มการเรียนการสอนตามอายุของนักเรียน แต่ในปจั จุบนั
เริม่ มีการใช้การจัดกลุ่มตามความสามารถในการเรียนรู้ด้วยเช่นกัน (Ability-based Grouping)
ฃักษณะการเรียนนัน้ เป็นไปอย่างเปิด (Open Classroom) กล่าวคือ เป็ นการลดทอนการสอนเนื้อหา
โดยตรงแก่นักเรียน แต่มุ่งเน้ นการทาโครงการบูรณาการความรู้ทงั ้ ในลักษณะเดี่ยวและกลุ่ม โดย
กระบวณการการสอนในลักษณะกาลังเป็ นที่แพร่หลายในโรงเรียนประถมศึกษาโดยทัวไป ่ และยัง
ได้รบั การสนับสนุ นจากรัฐบาลอีก ด้วย ในขณะเดียวกัน การศึกษาในระดับมัธยมศึกษานัน้ ยังคง
ความเป็ นรูปแบบการสอนโดยมุ่งเน้นการเตรียมพร้อมเข้าสู่เข้ามหาวิทยาลัย มีแนวทางการสอนที่
เน้ น การเข้า ร่ว ม (Active Participation) เป็ นส าคัญ รวมไปถึงการทากิจกรรมทดลองทาง
วิทยาศาสตร์ อภิปรายกลุ่ ม และการสารวจความคิดเห็นโดยใช้แบบสอบถาม ทัง้ นี้ ยังมีการให้
ความสาคัญต่อการนาเทคโนโลยีมาใช้ภายในห้องเรียนอีกด้วย
ในช่ ว งหลัง นี้ ก ระทรวงศึก ษาธิก ารได้ม ีค วามพยายามที่จ ะปฏิรูป การศึ ก ษาส าหรับ ชัน้
มัธยมศึกษาตอนต้น ส่งเสริมให้ครูใช้การสอนในลักษณะการค้นคว้า (Inquiry-based Learning) และ
การแก้ปญั หา (Problem Solving) เพิม่ บทบาทของการใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม
โรงเรียนยังคงให้ความสาคัญกับการสอนเพื่อเตรียมความพร้อมสาหรับการสอบวัดผลสัมฤทธิ ์ และ
ตัวนักเรียนเองยังต้องแสวงหาการเรียนเสริมนอกจากเวลาเรียน เช่น การกวดวิ ชารายบุคคล หรือ
แม้แต่กบั การเรียนการสอนออนไลน์กเ็ ป็นทีน่ ิยมเช่นกัน
2) ครูผจ้ ู ดั การเรียนการสอน
ครูเป็นอาชีพทีไ่ ด้รบั ความเคารพอย่างสูงในสังคมเกาหลีใต้ อีกทัง้ ยังเป็ นอาชีพทีไ่ ด้รบั ความ
นิยมเนื่องจากรายรับที่สูงกว่าอาชีพทัวไป ่ มีความันคง
่ และสภาพแวดล้อมการทางานที่ดี แต่ทงั ้ นี้
ทัง้ นัน้ จะต้องผ่านขัน้ ตอนการบ่มเพาะและคัดเลือกที่เข้มข้น ไม่ว่าเป็ นการผ่านกระบวนการจาก
279
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3) หลักสูตร
หลัก สู ต รการเรี ย นการสอนของเกาหลี ใ ต้ นั ้น ได้ ถู ก ก าหนดจากส่ ว นกลางซึ่ ง ก็ ค ื อ
กระทรวงศึกษาธิการ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (Ministry of Education, Science and
Technology: MEST) โดยจะมีการทบทวนใหม่ทุก 5 หรือ 10 ปีตามแต่เห็นสมควร ตัวของหลักสูตร
นัน้ นอกเหนือจากการระบุในเรือ่ งของเนื้อหารายวิชาแล้วยังมีการระบุระยะเวลาในการเรียนการสอน
ในวิช านัน้ ๆ อีก ด้ว ยเช่ น กัน อย่า งไรก็ต าม แต่ ล ะโรงเรีย นก็ย งั มีอิส ระที่จ ะเพิ่ ม เติม รายวิช าที่
เห็นสมควรตามแต่บริบทของโรงเรียนนัน้ ๆ เช่นเดียวกัน
280
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4) การประเมิ น
เกาหลีใต้มรี ะบบการประเมินระบบการศึกษาของประเทศทีเ่ รียกว่า การประเมินผลสัมฤทธิ ์
ทางการศึกษาแห่งชาติ (National Assessment of Educational Achievement, NAEA) โดยจะจัด
ขึน้ ทุกปีสาหรับนักเรียนในระดับชัน้ ประถมศึกษาปี ท่ี 6 มัธยมศึกษาปีท่ี 3 และ 4 ทัง้ นี้จะเป็ นการ
ทดสอบทัง้ หมด 2 รายวิชาเพื่อเป็รการเก็บข้อมูลการศึกษาในภาพรวม
หากกล่ า วถึง การประเมิน ภายในห้อ งเรีย น ครูค ือ ผุ้ท่ีม ีห น้ า ที่ป ระเมิน ผลสัม ฤทธิท์ าง
การศึกษาของนักเรียนในความดูแลออกมารูปแบบของเอกสารบันทึกกิจกรรมวิชาการ (Student
School Records/Student Activity Record) ซึง่ จะลงรายละเอียดถึงผลสัมฤทธิ ์ทางด้านวิชาการ การ
เข้าร่วมชัน้ เรียน กิจกรรมนอกหลักสูตร จริยธรรม สุขภาพร่างกาย ตลอดจนถึงประวัติ และผลงาน
ต่างๆ ที่ได้รบั ตลอดการศึกษาในชัน้ ปีนนั ้ ๆ โดยบันทึกเล่นนี้เป็ นหนึ่งในปจั จัยสาคัญของการศึกษา
ต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและมหาวิทยาลัย และเริม่ เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเพื่อลดความ
กดดันของการสอบแข่งขันทีเ่ พื่อการศึกษาต่อ สาหรับการเข้ารับการศึกษาต่อในชัน้ มัธยมศึกษาตอน
ปลายนัน้ นักเรียนบางส่วนทีอ่ ยูใ่ นพืน้ ทีจ่ ะได้รบั สิทธิการจับฉลาก กล่าวคือ ไม่ต้องผ่านกระบวนการ
คัดเลือกทีเ่ ข้มข้น บางส่วนจะต้องผ่านการสอบคัดเลือกตามระบบ อย่างไรก็ตาม มีการพิจารณาถึง
ประวัตกิ ารศึกษาทีผ่ ่านมาเพื่อลดน้าหนักความสาคัญของการสอบอีกด้วยเช่ นเดียวกัน
อีกหนึ่งการประเมินทีม่ คี วามสาคัญคือ College Scholastic Ability Test (CSAT) ซึง่ ถือได้
ว่าเป็นการประเมินทีจ่ ะเป็นตัวตัดสินอนาคตของการศึกษาในระดับสูงต่อไปก็ว่าได้ นักเรียนโดยส่วน
ใหญ่จะเตรียมตัวสาหรับการทดสอบนี้ทงั ้ ภายในโรงเรียน โรงเรียนกวดวิชา หรื อแม้แต่การกวดวิชา
281
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
5) การใช้เทศโนโลยีเพือ่ การเรียนการสอน
หนึ่ ง ในการท าเทคโนโลยีเ ข้า มาใช้ใ นระบบการศึก ษาที่โ ดดเด่ น ที่สุ ด ของเกาหลีใ ต้ค ือ
โครงการ SMART Education – Digital Textbook Initiative กล่าวคือ เป็ นการแปลงหนังสือเรียนให้
อยู่ใ นรูป แบบของดิจ ิต อล โดยโครงการนี้เ ป็ น หนึ่ง ในโครงการทางการศึกษาเพื่อ การก้าวเข้า สู้
ศตวรรษที่ 21 ของประเทศ คาว่า SMART นัน้ ย่อมาจาก Self-directed, Motivated, Adaptive,
Resource, Technology Embedded
ภาพที่ 91: SMART Education
282
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
283
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
284
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ก. องค์ประกอบของสภาพแวดล้อมการเรียนรู้และสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ดีเพื่อ
ก้าวสู่ศตวรรษที่ 21
องค์ประกอบของสภาพแวดล้อมการเรียนรู้
สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ (Learning Environment) หมายถึง ความสัมพันธ์ของหน่ วยย่อย
ต่าง ๆ ของระบบการศึกษาซึง่ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1) ตัวแสดงของสภาพแวดล้อมการเรียนรู้
(Actors)และ 2) เครือ่ งมือของสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ (Tools) ดังนี้
285
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1) ตัวแสดงของสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ (Actors)
ผู้เรียนและเพือ่ น (Student and Peers) ได้แก่ กลุ่ มผู้เรียนกลุ่มต่ าง ๆ ที่มคี วาม
แตกต่างกันทัง้ กลุ่มอายุ กลุ่มความแตกต่างทางความสามารถ สติปญั ญา เป็ นต้น
ครอบครัว (Family) ได้แก่ พ่อแม่ ปูย่ า่ ตายาย ญาติพน่ี ้อง เป็ นต้น
ครู (Teacher) ได้แก่ ครูผสู้ อนประจาวิชา ครูแนะแนว ครูทกั ษะชีวติ เป็นต้น
สถาบันการศึกษา (School) ได้แก่ โรงเรียน การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ศูนย์การ
เรียนรูน้ อกห้องเรียน เป็นต้น
ชุมชน (Community) ได้แก่ ชุมชนที่อยู่อาศัย องค์กรภาคประชาสังคม องค์กรชุมชน
องค์กรศาสนา กลุ่มปราชญ์ชาวบ้าน หรือนักวิชาการอิสระในชุมชน เป็นต้น
หน่ วยงานกลาง (MOE Actors) ที่มสี ่วนสาคัญทีท่ าให้สามารถบรรลุเป้าประสงค์ทาง
การศึกษา โดยความสัมพันธ์ของแต่ละหน่ วยย่อยจะมีความชื่อมโยงและเกี่ยวโยงกัน
ได้แก่
- หน่วยงานหลักด้านนโยบายและแผนด้านการศึกษาของชาติ ได้แก่ สานักงาน
เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) สานักงานปลัดกระทรวง (สป.) เป็นต้น
- หน่ วยงานหลักด้านการจัดการศึกษาตามช่วงวัยและการจัดการศึกษาเฉพาะ
ทาง โดยรับ ผิดชอบด้านหลักสูต ร บุค ลากร งบประมาณ ได้แ ก่ สานักงาน
ปลัดกระทรวง (สป.) ดูแลภาพรวมและสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้
พื้น ฐาน (สพฐ.) ดู แ ลการศึก ษาในระดับ ของประถมและมัธ ยมส านัก งาน
คณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) ดูแลการศึกษาระดับอาชีวศึกษาทัง้ หมด
ส านัก งานคณะกรรมการการอุ ด มศึก ษา (สกอ.) ดูแ ลพัฒ นาการศึก ษาใน
ระดับอุดมศึกษาขึน้ ไป เป็นต้น
- หน่วยงานหลักด้านการประเมิน ได้แก่ สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน
คุณภาพการศึกษา (สมศ.) ดูแลการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา
เพื่อ พัฒ นามาตรฐานการศึก ษา ส านัก งานงานบริห ารงานคณะกรรมการ
ส่งเสริมการศึกษาเอกชน สานักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน เป็นต้น
- หน่ ว ยงานหลัก ด้า นการพัฒ นาบุ ค ลากรทางการศึก ษา ได้แ ก่ ส านั ก งาน
คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา
คุรสุ ภา สถาบันผลิตครูในระดับอุดมศึกษา เป็นต้น
286
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
หน่ ว ยงานอืน่ ทีเ่ กีย่ วข้องทัง้ ระดับนโยบายและระดับปฏิบตั ิทงั ้ ภาครัฐ ภาคเอกชน (Non-
MOE Actors) ได้แก่ ภาคเอกชน ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวง
อุ ต สาหกรรม กระทรวงสาธารณสุ ข กระทรวงวิท ยาศาสตร์แ ละเทคโนโลยี กระทรวง
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและ
ความมันคงของมนุ
่ ษย์ กระทรวงวัฒนธรรม และสานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ เป็นต้น
2) เครือ่ งมือของสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ (Tools)
เนื่องจากระบบนิเวศน์ของการศึกษานัน้ ไม่ได้มเี ฉพาะในส่วนของตัวแสดง แต่ยงั มีส่วนของ
เครือ่ งมือในการส่งเสริมให้ระบบทางานได้ดตี ามบทบาทของหน้าทีท่ ค่ี วรจะเป็น
287
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
หลักสูตร
รูปแบบการเรียน การสอน
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา เช่น ระบบการเรียนแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ
Cyber Home
พืน้ ทีส่ าธารณะ (Public Space)และสภาพแวดล้อมทีเ่ อือ้ ต่อการเรียนรู้
แต่ละตัวแสดงและเครือ่ งมือของสภาพแวดล้อมการเรียนรูไ้ ม่ได้ต่างคนต่างอยู่อย่างโดดเดีย่ ว
หากแต่มคี วามสัมพันธ์กนั
288
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
289
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ข. สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ของไทยในปัจจุบนั
290
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
- สภาพแวดล้อมภายในครอบครัวอื่นๆที่บนทอนความอดทน
ั่ พยายามและขวนขวาย
การศึกษาเรียนรูข้ องผู้เรียน นอกเหนือจากปญั หาการเงิน เช่น ปญั หาความรุนแรงใน
ครอบครัว การหย่าร้างระหว่างพ่อแม่ ปญั หาครอบครัวแหว่งกลางมากขึน้
ชุมชน – ผูเ้ รียน
- ปญั หาค่านิยม บรรทัดฐานหรือวัฒนธรรมของแต่ละชุมชน ทีไ่ ม่เอื้อต่อการเปิ ดโอกาสให้
ผูเ้ รียนได้เรียนรูส้ งิ่ ใหม่ (เช่นหลักการทางวิทยาศาสตร์) ทีท่ า้ ทายความเชื่อความศรัทธา
หรือธรรมเนียมปฏิบตั เิ ดิม
- สภาพสังคมเมืองทีป่ ฏิสมั พันธ์ระหว่างผู้เรียนกับชุมชนลดลง ทาให้ขาดการรับรูป้ ญั หา
การเข้าใจและการร่วมแก้ไขปญั หาการศึกษากับผูเ้ รียน
- การขาดความภูมใิ จในอัตลักษณ์ของกลุ่มหรือชุมชน เกิดความละเลยการถ่ายทอดภูม ิ
ปญั ญาท้องถิน่ หรือส่งเสริมความรูค้ วามสามารถในการใช้ทรัพยากรทีม่ อี ยู่ในชุมชนให้
เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพการเรียนรูแ้ ละการเลีย้ งชีพของผูเ้ รียน
- Dilemma ในการนาทรัพยากรด้านต่างๆ มาใช้เพื่อส่งเสริมการศึกษาภายในชุมชน
หากแต่ผู้จดั สรรและจัดการทรัพยากรจะสามารถใช้ทรัพยากรให้เกิดอรรถประโยชน์
สูงสุดต่อตัวเอง หรือผูเ้ รียนมากกว่ากัน
- ความพร้อมของทุนทางสังคม และทุนทางวัฒนธรรม
- ความแตกต่างของแต่ละชุมชน ได้แก่ ประเด็นเรื่องสังคมชนบทเป็ นสังคมเมืองมากขึน้
และสังคมรวมกลุ่มเป็ นสังคมปจั เจกมากขึน้
ครู-ผูเ้ รียน
ปญั หาของความสัมพันธ์ระหว่างครูกบั ผูเ้ รียนมีประเด็นสาคัญ 2 กลุ่มหลัก คือ (1) ปญั หา
เชิงพฤติกรรมและปจั จัยพื้นฐาน (Conduct) ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องปญั หาความสามารถในการสอน
และถ่ายทอดความรูแ้ บบทักษะการเรียนรู้ และ (2) ปญั หาเชิงวัฒนธรรม (Culture)ทัง้ ในส่วนของ
ปญั หาทัศนคติส่วนตัวของครูต่อตนเองและผูเ้ รียน และปญั หาทัศนคติของสังคมทีค่ าดหวังต่อการทา
หน้าทีข่ องครู
291
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
292
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
293
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
หน่วยงานกลาง-ชุมชน
- ปญั หาหลักสูตรยังไม่สอดคล้องกับสภาพพืน้ ทีข่ องชุมชน
- ระบบการประเมินผลของหน่ วยงานกลางด้วยคะแนนสอบ จะจากัดบทบาทของชุมชน
หรือไม่ได้ถ่ายทอดความรูท้ ม่ี ลี กั ษณะเชิงวิชาการ
- ความเป็ นเอกเทศของผูน้ าท้องถิน่ ในการใช้อานาจปรับปรุงหลักสูตร การเรียนการสอน
ทีไ่ ด้จากหน่วยงานกลางมากน้อยแค่ไหน
หน่วยงานกลาง-ครู
ส าหรับหน่ ว ยงานภายในกระทรวงศึกษาธิการที่ดาเนินการพัฒนาครู ประกอบด้ว ย (1)
หน่ วยงานที่ดูแลและพัฒนาครูเพื่อการสอบใบประกอบวิชาชีพ (2) หน่ วยงานที่ดูแลและพัฒนาครู
เพื่อพัฒนาความรูท้ ่ใี ช้ในการเรียนการสอน และ (3) หน่ วยงานที่ดูแลและพัฒนาครูเพื่อการเลื่อน
ระดับวิทยฐานะ รายละเอียดดังนี้
297
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การเกษี ยณอายุครู
298
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
อบจ. 0.69%
องค์กรอิ สระ 1.14% ตุลาการ 0.35%
สถาบันอุดมศึกษา อัยการ 0.26%
2.66%
รัฐสภาสามัญ 0.23%
กทม. 2.85%
อบต. 5.47%
เทศบาล 6.60% ครูและบุคลากร
ตารวจ ทางการศึกษา
16.08% 34.75%
พลเรือนสามัญ
28.94%
299
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ข้าราชการพลเรือนสามัญทัง้ หมด
ข้าราชการพลเรือนสามัญในสังกัดกระทรวงศึกษาธิ การ
ทีม่ า: สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
300
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ระบบการผลิ ตครู
301
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
302
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ทรัพ ยากรที่จ ดั สรรให้ป ญั หาการใช้ท รัพ ยากรที่ไ ด้ร ับ การจัด สรรมาให้เ กิด
ประโยชน์ต่อผูเ้ รียน (ครู สถานศึกษา) เป็นต้น
2) ป ญั หาเชิง พฤติก รรมและป จั จัย พื้น ฐานของสภาพแวดล้ อ มการเรีย นรู้ (Conduct)
ประกอบด้วย แนวทางการปฏิบตั งิ านของครู ความสามารถในการถ่ายทอดความรูแ้ ละ
ทักษะของครู ความแตกต่างของผูเ้ รียน เป็นต้น
3) ปญั หาเชิงวัฒนธรรม (Culture) ประกอบด้วย ความเชื่อ (Belief) อุดมการณ์ของตัว
แสดงในระบบนิเวศน์ (Ideology) ระบบค่านิยม (Value System) และบรรทัดฐานของ
สังคม (Social Norm) เช่น วัฒนธรรมขององค์กรทางการศึกษา วัฒนธรรมของแต่ละ
ครอบครัว วัฒนธรรมของสังคมที่ขดั ต่อการเรียนรู้ เป็ นต้น โดยปญั หาเชิงวัฒนธรรมที่
กระทบต่อเรือ่ งการศึกษา เช่น
- ค่านิยมของครอบครัวที่ข ดั ขวางการเรียนรู้ของผู้เรียน (การเลี้ยงดูแบบไข่ในหิน
การเลีย้ งดูแบบตัดหางปล่อยวัด)
- ทัศนคติของครูบางส่วนทีข่ ดั ขวางต่อการเรียนรูข้ องเด็ก (การวัดความเป็ นนักเรียนดี
หรือไม่ดี ความไม่เข้าใจความแตกต่างของนักเรียนใจไม่เปิดรับความคิดเห็น)
- แนวคิดบริหารงานแบบรวมศูนย์ของหน่วยงานกลาง
- แนวความคิดเรือ่ งตัววัดเกีย่ วกับการประเมินทีอ่ าจละเลยความแตกต่างหลากหลาย
ของพืน้ ที่ และผูเ้ รียน
- ศักยภาพและความสามารถของครูต่อการถ่ายทอดความรูท้ างวิชาการและค่านิยม
303
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ค. การเตรียมความพร้อมสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ของไทยสู่ศตวรรษที่ 21
เครือ่ งมือในการเตรียมความพร้อมคนไทย คือ การศึกษา แต่จะเป็ นการศึกษาเพื่อเตรียมคน
ไทยในศตวรรษที่ 21 โดยใช้กระบวนทัศน์แบบเดิมทีเ่ น้นเฉพาะวิชาความรูไ้ ม่ได้ เพราะนอกจากการ
มีความรูใ้ นวิชาหลัก (Core Subjects) แล้ว จะต้องเรียนรูใ้ นลักษณะสหวิทยาการ (Interdisciplinary)
และต้องมีความรู้รอบตัวอื่นๆ ด้วย เช่น ทัง้ ความตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงระดับโลก (Global
Awareness)การให้ค วามรู้ท างด้า นเศรษฐกิจ การเงิน การประกอบธุ ร กิจ หน้ า ที่พ ลเมือ งโลก
ตลอดจนความรูด้ า้ นสุขภาพ และสิง่ แวดล้อม เป็นต้น
การรูว้ ชิ าเพียงอย่างเดียวในศตวรรษที่ 21 จะไม่เพียงพอ นอกจากนี้หากมองถึงการใช้ชวี ติ
แล้ว ชีวติ คนเราไม่ได้มเี พียงมิตเิ ดียว ดังนัน้ นอกจากการศึกษาควรจะต้องเป็ นกลไกในการสร้าง
เสริมองค์ความรูแ้ ล้ว ยังจะต้องให้ความสาคัญกับเรือ่ งการสร้างเสริมทักษะชีวติ และทักษะอาชีพด้วย
(Life and Career Skills) เช่น ทักษะการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ซึง่ ต้องมีทงั ้ ศาสตร์และ
ศิลป์ ทักษะทางสังคม การมองโลกในแง่ด ี การควบคุมอารมณ์ ทาประโยชน์ เพื่อผู้อ่นื มีภาวะผู้นา
รูจ้ กั การให้ ทาดีโดยไม่หวังผลตอบแทน
นอกจากนี้การเรียนรู้ ต้องเรียนกันตลอดชีวติ ดังนัน้ คนไทยในศตวรรษที่ 21 จะต้องมี
ทักษะการเรียนรูแ้ ละสร้างนวัตกรรมใหม่ (Learning and Innovation Skills) มันฝึ
่ กฝน พัฒนาตัวเอง
เรียนให้เกิดทักษะ เรียนโดยการปฏิบตั ิ (Learning by Doing) การคิดวิเคราะห์ เรียนรูว้ ธิ กี าร
แก้ปญั หา มีความคิดสร้างสรรค์ มีทกั ษะในการสื่อสาร และทักษะแห่งความร่วมมือ หรือเรียกง่าย ๆ
ว่า ต้องมี 4C คือ Communication, Collaboration, Creativity และ Critical Thinking และทีข่ าด
ไม่ได้คอื ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี (Information, Media and Technology Skills)
เมื่อโลกเปลีย่ น ระบบการศึกษา แนวทางการเรียนรูเ้ ปลีย่ นในศตวรรษที่ 21 ต้อง “ก้าวข้าม
สาระวิชา” ไปสู่การเรียนรู้ “ทักษะเพื่อการดารงชีวติ ในศตวรรษที่ 21” (21st Century Skills) ดังนัน้
ระบบการศึกษาเรียนรูจ้ งึ จาเป็ นต้องปรับกระบวนทัศน์ ปรับกระบวนการเรียนการสอน โดย
การขยายความร่วมมือจัดการศึกษา คือ จากเดิม “การจัดการศึกษาเป็ นภาระความ
รับผิดชอบของครู สถานศึกษา หน่ วยงานกลางของการศึกษา” ไปสู่ “การจัดการศึกษา
อย่างมีส่วนร่วมทุกหน่ วยย่อย”ด้วยเหตุทว่ี ่าการเรียนรูข้ ยายขอบเขตการเรียนรู้ ได้ก้าว
ข้ามสาระวิชา ไปสู่การเรียนรู้ ทักษะเพื่อการดารงชีวติ ในศตวรรษที่ 21 เกิดการเรียนรู้
นอกห้องเรียนมากยิง่ ขึน้
การเปลีย่ นกระบวนทัศน์ต่อผู้เรียน คือ จากเดิม “ผูส้ อนเป็ นศูนย์กลาง” ไปสู่ “ผูเ้ รียน
เป็นศูนย์กลางการเรียนรู”้
304
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
305
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ความรู้ภูมปิ ญั ญา ท้อ งถิ่น รวมทัง้ ความรู้นอกห้อ งเรียนอื่น ๆ สู่ผู้เ รียน) นักธุ รกิจ ที่
ประสบความสาคัญ เป็นต้น
บทบาทของครูต่อการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างครู เปลีย่ นจาก “ครูคนเดียว”
เป็ น “การรวมตัวกันของครูประจาการ” (Professional Learning Communities: PLC)
กล่าวคือ การทาหน้าที่ครูแบบตัวใครตัวมันไม่รวมตัวกันออกแบบการเรียนรูข้ องศิษย์
เรียนรูจ้ ากการทาโครงการเป็ นทีมเพื่อ แลกเปลีย่ นเรียนรูป้ ระสบการณ์การทาหน้าที่ครู
เช่ น มูล นิ ธ ิส ดศรี-สฤษดิว์ งศ์ (มสส.) ก าลัง จะจัด การรวมตัว กัน ของครูป ระจ าการ
(Professional Learning Communities: PLC) ไทย เรียกว่าโครงการสร้างชุมชนการ
เรีย นรู้ค รู เ พื่อ ศิ ษ ย์ (ชร.คศ.) หรือ ในภาษาการจัด การองค์ ค วามรู้ (Knowledge
management หรือ KM) เรียกว่าชุมชนนักปฏิบตั กิ บั การจัดการความรู้ (Community of
Practice: CoP)
บทบาทของครูต่ อ วิธ ีจ ดั การเรีย น การสอนจาก “ครูเ น้ น สอนแบบท่ อ งจา”หรือ “ครู
ถ่ายทอดสาระหรือเนื้อความรู้” เป็ น “ครูเน้นการเรียนรูแ้ บบลงมือปฏิบตั ิ” (Learning by
Doing) กล่ า วคือ จากครูท่ีเ คยอ่ า นหน้ า ชัน้ เรีย น อ่ า นตามต ารา เอกสารประกอบ
รายวิช า ให้นัก เรีย นเรียนรู้จ ากการเรียนแบบลงมือ ทา แล้ว การเรียนรู้ก็จ ะเกิด จาก
ภายในใจและสมองของตนเอง
- การเรียนรูแ้ บบโครงงาน (Project-Based Learning: PBL) ซึง่ เป็ นการเน้นเรียนรู้
จากสัมผัส ตรงของตนเอง ไม่ใ ช่ร บั การถ่ ายทอดความรู้ม ือ สองมาจากครู โดยมี
เป้าหมายสาคัญคือ การเรียนรูแ้ บบทีเ่ กิดการพัฒนาและสังสมทั
่ กษะขึน้ ในภายในตัว
ของผูเ้ รียน ไม่ใช่ความรูเ้ พียงท่องจา
306
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2) บทบาทของครอบครัวต่อผูเ้ รียน
- แหล่งกระตุน้ และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของผูเ้ รียน
- หล่อหลอมค่านิยมทางการเรียนการศึกษาลาดับแรก (ให้ใฝร่ ใู้ ฝเ่ รียน)
- แหล่งสนับสนุนด้านเงินทุนการศึกษาเบือ้ งต้นทีส่ าคัญ
- เป็นตัวกลางประสานและถ่ายทอดความร่วมมือระหว่างผูเ้ รียนกับตัวแสดงอื่น ๆ
- สอดส่องดูแลพฤติกรรม
- ส่งเสริมแรงบันดาลใจในการศึกษาต่อในระดับสูง
307
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3) บทบาทของสถานศึกษาต่อผูเ้ รียน
- สร้างและรักษากรอบค่านิยมทางสังคมต่อระบบการศึกษาเพื่อถ่ายทอดสู่ผเู้ รียน
- จัดสรรและแบ่งปนั ทรัพยากรทีไ่ ด้จากหน่ วยงานกลางทัง้ ด้านการเงิน เครื่องมือและ
อุปกรณ์ในการเรียน รวมทัง้ เทคโนโลยีท่สี าคัญ เพื่อสร้างสิง่ แวดล้อมและการเรียน
การสอนที่สร้างการเรียนรูแ้ ละการพัฒนาสติปญั ญาความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียน
ในหลายมิติ
- นาหลักสูตรการศึกษามาปรับเปลีย่ นเป็ นรูปแบบการเรียนการสอนทีเ่ ฉพาะตัว เพื่อ
ส่งเสริมการพัฒนาสติปญั ญา และความคิดสร้างสรรค์ของผูเ้ รียน
4) เทคโนโลยีเพือ่ การศึกษาในศตวรรษที ่ 21
ความสาคัญและแนวทางการใช้เทคโนโลยีเพือ่ การศึกษาของไทย
โลกได้กา้ วข้ามสู่ศตวรรษที่ 21 ทีม่ าพร้อมกับการเปลีย่ นแปลงหลากหลายในทุก ๆ ด้านของ
การดารงชีวติ กระแสการเปลีย่ นแปลงนี้ส่งผลให้บริบทของการสร้างคนของแต่ละประเทศเปลีย่ นไป
กระแสการเปลีย่ นแปลงโลกได้ส่งผลกระทบทัง้ ทางสังคม เศรษฐกิจ สิง่ แวดล้อม และการเมืองของ
ทุกประเทศ สาหรับประเทศไทยเอง การก้าวข้ามสู่ศตวรรษที่ 21 ได้นามาทัง้ โอกาส และความเสีย่ ง
ในมิตติ ่างๆทีเ่ กิดจากแนวโน้มการเปลีย่ นแปลงเฉพาะ เช่น การรวมกันเป็ นประชาคมอาเซียน การมี
บทบาทในเศรษฐกิจโลกที่มากขึ้นของเอเซียการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการรวมกลุ่มของภาค
ประชาสัง คม ความเป็ นปจั เจกชนที่สูงขึ้นของคนไทย สภาวะสัง คมที่อุ ดมไปด้ว ยข้อมูล ข่าวสาร
ผลกระทบทีช่ ดั เจนขึน้ ของภาวะอากาศเปลีย่ นแปลง และความล้าหน้าของเทคโนโลยีทอ่ี าจทาให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ได้ (Disruptive Technology) เหล่านี้ล้วนเป็ นความท้าทายที่คนใน
ศตวรรษที่ 20 ไม่เคยพบ ดังนัน้ การจัดการศึกษาแบบเดิม จาเป็ นต้องถูกปรับเปลี่ยนให้สามารถ
ตอบสนองกับความท้าทายใหม่เหล่านี้ให้ได้
ในสถานการณ์ ปจั จุบนั เทคโนโลยีเ พื่อการศึกษามีค วามก้าวหน้ าสูง และการประยุกต์ใ ช้
เทคโนโลยีเพื่อเพิม่ ผลสัมฤทธิ ์ของผู้เรียนสามารถสังเกตได้ทวโลกรวมทั
ั่ ง้ ประเทศไทยเอง เรื่องราว
ความสาเร็จของการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาสามารถพบได้ทงั ้ ในประเทศทีม่ รี ะดับการพัฒนาสูง
เช่น สหรัฐอเมริก าและอังกฤษ และประเทศที่ก าลังพัฒนา เช่น อินเดีย และบราซิล แต่ การใช้
เทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการและการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิม่ ผลสัมฤทธิ ์ของผูเ้ รียนในประเทศไทย
ยังมีอ ยู่อ ย่า งจากัด ดังนัน้ ความท้าทายของผู้ว างนโยบายไทยคื อ การทาให้เ ทคโนโลยีท่มี อี ยู่ใ น
ปจั จุบนั ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลกับจุดวิกฤติต่าง ๆ ของระบบการศึกษาไทย
ทีผ่ ่านมาการศึกษาไทยยังมีขอ้ จากัดในการตอบสนองโจทย์ของศตวรรษที่ 21 ดังทีไ่ ด้เห็น
จากประสิทธิผลของผูเ้ รียน เช่น การทีค่ ะแนน PISA ของนักเรียนไทยมีคะแนนต่ ากว่าค่ามาตรฐาน
308
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
309
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สถานการณ์ด้านการศึกษาไทยและด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีของไทยใน
ปัจจุบนั
ปจั จุบนั เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทยมีความก้าวหน้ากว่าก่อนเป็ น
อย่างมาก แต่ระดับการพัฒนาก็ยงั อยู่ในลาดับทีห่ ่างจากประเทศทีพ่ ฒ ั นาแล้ ว และประเทศใกล้เคียง
(Peers) หลายประเทศ ดังที่จะสามารถเห็นได้จากการจัดอันดับในดัชนีช้วี ดั นานาชาติ เช่น ในปี
2012 สถาบัน IMD จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันไทยอยู่ทอ่ี นั ดับ 30 จากทีว่ ดั ทัง้ หมด 59
ประเทศ ในขณะที่สงิ คโปร์อยู่ท่อี นั ดับ 4 และมาเลเซียอยู่ท่อี นั ดับ 14 โดยสาเหตุหลักในการจัด
อันดับเนื่องจากระดับการพัฒนาโครงสร้างพืน้ ฐานด้านเทคโนโลยี (อันดับ 50) และโครงสร้างพืน้ ฐาน
ด้านวิทยาศาสตร์ (อันดับ 40) ของไทยต่ามาก
เมือ่ มองถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยตรง การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง
ของประชาชนไทยอยู่ท่รี อ้ ยละ 6.23 ซึง่ ต่ ากว่าค่าเฉลีย่ ของโลก และค่าเฉลี่ยของประเทศในเอเซีย
ในขณะทีม่ าเลเซียมีอตั ราการเข้าถึงที่รอ้ ยละ 8.39 โดยการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงของไทย
ยังอยูใ่ นวงจากัด และอยูใ่ นบริเวณเมืองเป็นส่วนใหญ่
310
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
311
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
อินเตอร์เน็ ต และสื่อ โทรทัศ น์ ค วามละเอียดสูงของไทย สื่อทัง้ สองเป็ นสื่อสาคัญ ที่ใ ช้ส่ งเสริมการ
พัฒนาการศึกษาและพัฒนาประชากรไทยในวงกว้าง
เทคโนโลยีอนิ เตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G เป็ นเทคโนโลยีทจ่ี ะ
ช่วยลดช่องว่างของการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงของประเทศไทยได้ ในขณะนี้ผใู้ ห้บริการเครือ
เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่หลักทุกรายของประเทศไทยได้กาลังขยายเครือข่ายออกสู่บริ เวณนอก
เมืองมากขึน้ โดยการเปิดให้บริการ 3G ทีค่ วามถี่ 2.1GHz ส่งผลให้ตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
เติบโตร้อยละ 11.5 โดยรวมในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2555 (กสทช.) มากกว่าปี พ.ศ. 2554
(กสทช.) ทีม่ กี ารเติบโตเพียงร้อยละ 9.8โดยเฉพาะอย่างยิง่ การเติบโตนี้มกี ารขยายของการใช้ขอ้ มูล
สูงถึงร้อยละ 42.8 (กสทช.) เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 30 (กสทช.) ในช่วงเดียวกันของปี พ.ศ.
2554 ในขณะทีก่ ารใช้บริการแบบเสียง (โทรศัพท์) กลับมีแนวโน้มลดลงจากร้อยละ 5.8 (กสทช.) ใน
ปี พ.ศ. 2554 เป็ นร้อยละ 3.9 (กสทช.) ในปี พ.ศ. 2555 ดังนัน้ พฤติกรรมการใช้อนิ เตอร์เน็ตผ่าน
เครือข่าย 3G จะก้าวมาสู่ชวี ติ ประจาวันของประชาชนไทย
312
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
313
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
นโยบายด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
ประเทศไทยมีแนวทางการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอยู่หลายโครงการ โดยโครงการที่ม ี
ความเด่นชัดในยุคปจั จุบนั คือ โครงการแท็บเล็ตพีซเี พื่อการศึกษาไทย (One Tablet Per Child:
OTPC) ซึ่ง ด าเนิ น การร่ว มกันระหว่ า งกระทรวงเทคโนโลยีส ารสนเทศและการสื่อ สาร และ
กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีการนาร่องในการจัดคอมพิวเตอร์แบบพกพาให้นักเรียนชัน้ ปี ท่ี 1 ไป
800,400 เครื่องในปี พ.ศ. 2555 ซึง่ ประเทศไทยเป็ นประเทศแรก ๆ ทีม่ กี ารใช้เครื่องมือชนิดนี้ในวง
กว้าง การใช้งานคอมพิวเตอร์แบบพกพาในปจั จุบนั ยังมีขอ้ จากัดหลายประการ เช่น การขาดเนื้อหา
ทีเ่ หมาะสมและสามารถใช้ความสามารถของเครือ่ งได้เต็มที่ การขาดการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็ว
สูงในบางพื้นที่ ความพร้อมของผู้สอนและหลักสูตรในการประยุกต์ใช้ส่อื ในการเรียนการสอน การ
ขาดเครือ่ งมือสนับสนุนการประยุกต์ใช้ของผูส้ อน และทัศนคติของผูม้ สี ่วนได้ส่วนเสียทีย่ งั ไม่แน่ ใจใน
ประสิทธิผลของการใช้คอมพิวเตอร์แบบพกพาในการเรียนการสอน เป็นต้น
เทคโนโลยีท่มี บี ทบาทในการเรียนการสอนของประเทศไทยอีกชนิดหนึ่ง คือ การใช้ส่ือ
โทรทัศน์ในการให้การศึกษาอยู่อย่างกว้างขวาง ซึง่ การเรียนทางไกลแบบโทรทัศน์มขี อ้ ดีคอื ผูเ้ รียน
สามารถเข้าถึงได้งา่ ย และสื่อโทรทัศน์มคี วามสามารถในการกระจายสูง แต่ส่อื โทรทัศน์มขี อ้ จากัดคือ
เป็ นสื่อทีม่ ลี กั ษณะทางเดียว และการโต้ตอบระหว่างผู้เรียนและผู้สอนนัน้ จากัดซึ่งไม่เอื้อให้กบั การ
เรียนการสอนแบบศตวรรษที่ 21 ถึงอย่างไรก็ตามการใช้ส่อื โทรทัศน์สามารถใช้ร่วมกับสื่ออื่น ๆ เช่น
สื่ออินเตอร์เน็ต ทัง้ นี้เพื่อเพิม่ การโต้ตอบระหว่างผูเ้ รียน และระหว่างผูเ้ รียนและผูส้ อนได้ โครงการที่
ด าเนิ น ผ่ า นมาของการเรีย นทางไกลผ่ า นสื่อ โทรทัศ น์ ใ นประเทศไทยมีก ารให้ ก ารศึก ษาทัง้
ระดับพืน้ ฐาน และระดับอาชีพ/อุดมศึกษา เช่น โครงการสถานีวทิ ยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่าน
ดาวเทียม (Distance Learning Television: DLTV) ซึง่ ดาเนินการออกอากาศรายการโทรทัศน์เพื่อ
การศึกษาในระบบ (Formal Education) และการศึกษาตามอัธยาศัย (Informal Education) โดยการ
ถ่ายทอดสดจากโรงเรียนต้นทางโรงเรียนไกลกังวล สื่อทางไกลของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีแนวนโยบายอีกหลายอย่างในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา หลายโครงการกาลังอยู่ในช่วงพัฒนาซึง่ น่ าจะส่งผลกระทบในทางบวก
กับการแก้ปญั หาด้านคุณภาพ และการเข้าถึง เช่น โครงการ Brain Clouding ตามแผนเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการฉบับปจั จุบนั โครงการพัฒนาสื่อ
การเรียนดิจดทัลพร้อมคู่มอื ครูและแบบฝึกทักษะผูเ้ รียน เป็นต้น
314
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
315
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
316
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ความพร้อมของผูจ้ ดั การศึกษาในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
นอกจากทัศ นคติใ นเชิงลบ บุค ลากรทางการศึกษาที่พร้อ มในการใช้เ ทคโนโลยี
สารสนเทศเสริมในการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิผลยังมีอยู่จากัด เครื่องมือที่
ใช้พฒั นาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการเรียนการสอน
ยังมีอยู่ในวงแคบ นอกจากนี้ยงั มีขอ้ จากัดของสถานศึกษาเอง เช่น ผลสารวจการ
เข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงของสถาบันการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานมีจากัดอยู่เพียงร้อย
ละ 39 เท่านัน้ (กระทรวงเทคโนโลยีส ารสนเทศและการสื่อสาร) ทาให้การใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศยังไม่สามารถส่งให้เกิดประสิทธิผลในวงกว้าง
เนื้อหาของสื่อ
การพัฒนาเนื้อหา (Content) ของสื่อที่ใช้ผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศของไทยยังมี
ข้อจากัดโดยยังไม่สามารถใช้ความสามารถของเทคโนโลยีได้เต็มที่ เช่น เนื้อหาใน
คอมพิวเตอร์แบบพกพาของนักเรียนชัน้ ประถมปีท่ี 1 มีส่อื ลักษณะโต้ตอบอยู่น้อย มี
สื่อที่แปลงจากกระดาษสู่ดจิ ติ ลั อยู่มากแต่ยงั ไม่ได้ใช้ความสามารถของเทคโนโลยี
อาทิ การใช้ส่อื การเรียนเฉพาะบุคคล (Personalized Learning) นอกจากนี้ เนื้อหา
ของสื่อและหลักสูตรยังไม่เอื้อให้การจัดการผูเ้ รียนและห้องเรียนสามารถทาได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ และไร้รอยต่อ
ภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีทีพ่ ึงประสงค์
แนวทางการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของไทยไม่ควรมุ่งเน้ นการแก้ไขปญั หาที่มอี ยู่ แต่
ควรมุ่ ง เน้ น การบรรลุ เ ป้ าประสงค์ห ลัก การศึก ษาของไทย ซึ่ง การบรรลุ เ ป้ าประสงค์เ หล่ า นี้ จ ะ
จาเป็ นต้องแก้ไขปญั หาเพียงบางปญั หา แต่อาจจาเป็ นทีต่ ้องมีการดาเนินนโยบายใหม่ๆเพื่อเอื้อให้
เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา แนวทางการใช้เทคโนโลยีเพื่อ
บรรลุเป้าประสงค์หลักการศึกษาแต่ละประเด็นมีดงั ต่อไปนี้
1. การเข้าถึง (Access)
การเข้าถึงการศึกษาเป็ นปจั จัยแรกทีเ่ ป็ นประตูแห่งโอกาสให้ประชาชนไทย ความสาคัญของ
ประเด็นการเข้าถึงการศึกษาจึงถูกมองว่าเป็ นสิทธิขนั ้ พื้นฐานของมนุ ษย์ ตามเป้าหมายการพัฒนา
สหัสวรรษ (Millennium Development Goals: MDGs) โดยภาพรวมประชากรวัยเรียนของไทยมี
สถิตกิ ารเข้าถึงทีด่ ี แต่ประเทศไทยยังมีประชากรบางส่วนทีม่ ปี ญั หาเรื่องการเข้าถึง โดยเฉพาะอย่าง
ยิง่ กลุ่มเด็กทีอ่ ยู่นอกโรงเรียน ซึง่ การสารวจของสถาบัน UIS พบเด็กวัยประถมและมัธยมทีไ่ ม่ได้อยู่
317
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
318
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3. คุณภาพ (Quality)
ประเด็นหลักของการศึกษาปจั จุบนั คือเรื่องคุณภาพ ซึง่ สภาวการณ์ของคุณภาพการศึกษา
ไทยถู ก สะท้อ นออกมาในตัว ชี้ว ดั ต่ าง ๆ ทัง้ ในระดับประเทศ และระดับนานาชาติ ซึ่งเด็กไทยมี
คะแนน PISA ที่ต่ า และเป็ นแนวโน้มขาลง แต่เมื่อวิเคราะห์ถงึ ลักษณะการกระจายของคุณภาพ
การศึกษาในประเทศไทยกลับพบถึงความแตกต่างภายในกลุ่มมากกว่าความแตกแต่งระหว่างกลุ่ม
กล่าวคือ ผลสัมฤทธิ ์ของนักเรียนขึน้ อยูก่ บั ตัวนักเรียนมาก และการเรียนการสอนไม่สามารถพัฒนาผู้
ทีเ่ รียนไม่ดไี ด้มปี ระสิทธิผลเท่าทีค่ วร คะแนน PISA ของนักเรียนไทยทีม่ คี ่าเฉลีย่ สูงจะอยู่เฉพาะใน
กลุ่มโรงเรียนทีม่ คี วามพร้อมสูง เช่น ในเมือง และโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัย เท่านัน้ ประเด็นที่
สาคัญคือ ทาอย่างไรให้การศึกษาทีม่ คี ุณภาพสามารถเข้าสู่ผเู้ รียนส่วนใหญ่ และทาอย่างไรให้ ผเู้ รียน
ทีม่ คี วามสามารถไม่สงู สามารถพัฒนาได้
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในส่วนนี้มคี วามสาคัญอยู่ 2 ประการ คือ การเพิม่ การกระจายการ
เรียนที่มคี ุณภาพ ซึ่งได้กล่าวไปแล้วในประเด็นเรื่องการเข้าถึงและความเท่าเทียม ในอีกประเด็นที่
สาคัญคือการสร้างหลักสูตรเฉพาะบุคคล (Personalized Program) ซึง่ สามารถปรับหลักสูตรให้เข้า
กับผูเ้ รียนแต่ละคนได้ โดยใช้การตอบกลับ (Feedback) ระหว่างผูเ้ รียนและระบบ คือ ผูเ้ รียนจะได้
โจทย์เพื่อทดสอบความสามารถ หากผูเ้ รียนสามารถตอบคาถามได้ ระบบจะให้บทเรียนและข้อสอบ
ทีย่ ากขึน้ หากผูเ้ รียนทาผิดระบบจะให้บทเรียนและข้อสอบทีง่ ่ายลง ทัง้ นี้เพื่อให้การเรียนคงลักษณะ
ของความท้าทายทีเ่ อือ้ มถึง (Reachable challenges) เพื่อเป็ นแรงกระตุ้นในการเรียนของผูเ้ รียนทีม่ ี
ความสามารถแตกต่างกัน
4. ประสิ ทธิ ภาพ (Efficiency)
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในประเด็นที่ถูกจุดจะสามารถช่วยเพิม่ ประสิทธิภาพของการ
ดาเนินนโยบาย และการใช้งบประมาณของประเทศไทยได้ ประเด็นเรื่องประสิทธิภาพควรมุ่งเน้ น
เรือ่ งการเก็บและวัดตัวแปรต่างๆของระบบการศึกษา เช่น การมีระบบฐานข้อมูลโปรไฟล์ผเู้ รียนรวม
ที่ร วบรวมคุ ณ สมบัติต่ า งๆของผู้เ รีย นแต่ ล ะคนไว้ โดยระบบดัง กล่ า วสามารถช่ ว ยใ ห้ผู้ก าหนด
นโยบายสามารถก าหนดทิศทางและรับรู้ถึงความสาคัญของผู้เรียนที่มคี ุณลักษณะที่แตกต่าง ใน
ทานองเดียวกัน ระบบดัง กล่ าวควรจะสามารถช่ว ยให้ผู้จ ดั การเรียนการสอน สถานศึกษา และ
บุคลากรทางการศึกษาสามารถบริหารจัดการผูเ้ รียนในสังกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากการใช้เทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพของการจัดการ การใช้เทคโนโลยีสามารถเพิม่
ประสิทธิภาพของการเรียนการสอนได้มากขึน้ ด้วย เช่น การประยุกต์ใช้ระบบวิดทิ ศั น์ออนไลน์ อาทิ
YouTube เพื่อกระจายการสอนทีต่ ้องทาซ้า ซึง่ สามารถทาให้ผสู้ อนและผูเ้ รียนมีเวลาในการโต้ตอบ
ในประเด็ น อื่ น ๆในชั ้น เรีย นมากขึ้น หรือ สามารถใช้ เ ทคโนโลยีเ ป็ น ฐานของการรวมกลุ่ ม
(Professional Learning Communities: PLC) เพื่อลดความซ้าซ้อนของงานบางอย่างและต่อยอด
319
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ความรู้แ ละทัก ษะของผู้ ส อนให้ ท ัน เหตุ ก ารณ์ ม ากขึ้น เป็ น ต้ น แต่ ก ารประยุ ก ต์ ใ ช้ เ ทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อ สารแบบนี้ จ าเป็ นต้ อ งอาศัย ความพร้อ มของบุ ค ลากรด้า นการศึก ษา
ทรัพยากรสนับสนุนรอบข้าง และนโยบายภาครัฐทีเ่ อือ้ ให้เกิดสภาวะดังกล่าวได้
5. การตอบโจทย์บริ บทที่เปลี่ยนแปลง (Relevancy)
วัตถุประสงค์ทส่ี าคัญทีส่ ุดของการศึกษาไทยข้อหนึ่ง คือ การให้ผู้ทผ่ี ่านระบบสามารถดารง
และดาเนินชีวติ ในศควรรษที่ 21 ได้อย่างเต็มภาคภูม ิ คนไทยต้องพร้อม และสามารถตอบสนองต่อ
การเปลีย่ นแปลงทัง้ ภายใน และภายนอกประเทศได้อย่างเหมาะสม ประเด็นท้าทายข้อนี้เป็ นประเด็น
ของระบบการศึกษาไทยโดยรวม และเป็ นประเด็นทีเ่ กี่ยวข้องกับทัศนคติของผูม้ สี ่วนได้ส่วนเสียทุก
กลุ่ม
บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการตอบโจทย์บริบทที่เปลี่ยนแปลงนัน้
ควรมุง่ เน้นเรือ่ งการใช้เทคโนโลยีเป็นเครือ่ งมือในหลักสูตร และการเรียนการสอนแบบศตวรรษที่ 21
อย่างไร้รอยต่อ กล่าวคือ บทบาทของเทคโนโลยีจะเป็ นเพียงเครื่องมือเสริมในการตอบโจทย์น้ี ถึง
อย่างไรก็ตาม การ “ใช้”เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในชีวติ ประจาวัน และในการเรียนการ
สอนสามารถส่งผลกระทบในทางอ้อมในการฝึกฝนให้ผู้เรียน ผู้สอน และผูม้ สี ่วนได้ส่วนเสียอื่นๆได้
สัมผัส และคุน้ เคยกับการทางาน และการดาเนินชีวติ ในศตวรรษที่ 21 ได้ เช่น การให้มคี วามร่วมมือ
(Collaboration) กันภายใต้เทคโนโลยี หรือ สื่อออนไลน์ การทีผ่ เู้ รียน ผูส้ อน และผูม้ สี ่วนได้ส่วนเสีย
อื่นจาเป็นต้องเพิม่ ทักษะในการใช้เทคโนโลยี เพื่อให้สามารถโต้ตอบกับบุคลากรอื่นในระบบได้ เป็ น
ต้น การดาเนินการนี้จาเป็ นต้องอาศัยนโยบายทีจ่ ริงจัง และต้องมีการบูรณาการของภาคส่วนเพื่อให้
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารถูกใช้งานเต็มประสิทธิภาพของระบบ
320
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
- การมีโครงสร้างพืน้ ฐานเทคโนโลยีของประเทศ
โครงสร้างพืน้ ฐานของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับประเทศเป็ นปจั จัย
แรกทีจ่ าเป็นในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
ในปจั จุบนั ภาครัฐมีการดาเนินการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของ
ประเทศไทยตามแนวนโยบาย ICT2020 ซึ่งครอบคลุมถึงโครงข่ายเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อ สารแล้ว โดยโครงข่า ยในป จั จุบ ันที่ส ามารถใช้ง านได้ค ือ
อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงแบบต่อสาย (Wired เช่น ADSL และ Cable) และไร้สาย
(Wireless เช่น Wi-Fi, 3G, 4G) ซึง่ ความรับผิดชอบด้านการพัฒนาจะมีกระทรวง
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็ นแกนหลัก กระทรวงอื่นทีใ่ ช้งานเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสาร รวมทัง้ กระทรวงศึกษาธิการมีหน้าที่ในการเตรียมความ
พร้อมของการเชื่อมต่อสู่โครงข่ายทัง้ ในด้านเทคนิค และบุคลากร
- การมีเป้าหมายร่วมและพันธสัญญาของภาคส่วน
การมีเป้าประสงค์หลักการศึกษาร่วมกันของทุกภาคส่วนจะช่วยให้แนวนโยบายมี
ทิศทางร่วม และสามารถเกิดผลกระทบในวงกว้างได้
- การบูรณาการและความร่วมมือ
ในปจั จุบนั มีหลายแนวนโยบายทีภ่ าคส่วนมีเป้าหมายร่วมทีช่ ดั เจน แต่การขาดการ
ประสานงาน และการบูรณาการกันระหว่างภาคส่วนทาให้เกิดความซ้าซ้อน หรือ
อาจขาดกิจกรรมที่ส าคัญ บางประการ ทาให้การดาเนินนโยบายไม่ส ามารถเกิด
ผลได้เท่าทีค่ วร
การน าเทคโนโลยีม าใช้เ พื่อ การศึก ษาจ าเป็ น ต้ อ งมีก ารร่ ว มประสานระหว่ า ง
หลากหลายภาคส่วน ทัง้ ที่สงั กัดอยู่กระทรวงศึกษา และอยู่นอกกระทรวง รวมทัง้
ต้องมีการประสานในการส่งต่อกระบวนการระหว่างกันเพื่อประสิทธิผลสูงสุด
- การมองเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารควรถูกมองเป็ นเครื่องมือหนึ่งในการบริหาร
จัดการ และเป็ นเครื่องมือเสริมให้การเรียนการสอน เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สื่อสารไม่ควรถูกมองแยกส่วนกับกระบวนการบริหารจัดการ และการเรียนการสอน
โดยรวม เช่น ในการวิเคราะห์และออกแบบการบริหารจัดการระบบการศึกษาควร
ก าหนดบทบาทของเทคโนโลยีต ามกระบวนการที่พึง ประสงค์ มิใ ช่ เ พีย งมอง
เทคโนโลยีเป็นฐานข้อมูลและดาเนินการอื่นด้วยมือ หรือกระดาษเป็นหลัก เป็นต้น
321
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษาในประเทศไทยสามารถทาให้เกิด
ประสิทธิภาพโดยรวม และประสิทธิผลต่อการเรียนการสอนได้ โอกาส ความพร้อม และความเป็ นไป
ได้ข องโครงสร้า งพื้น ฐาน และองค์ประกอบอื่น ๆของเทคโนโลยีท่ีม ี อ ยู่ใ นปจั จุ บ ัน ประกอบกับ
แนวโน้ ม และความก้าวหน้ าของเทคโนโลยีเป็ นปจั จัยทีจ่ ะผลักดันให้การศึกษาไทยน้ อมรับการเข้า
มาของเทคโนโลยี หากภาคส่วนและผูม้ สี ่วนได้ส่วนเสียสามารถปรับตัว และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีได้
ก็จะสามารถเกิดผลสัมฤทธิ ์ในวงกว้าง ในทางตรงกันข้ามหากภาคส่วนและผูม้ สี ่วนได้ส่วนเสียมีการ
หลีกเลี่ยงและปฏิเสธการใช้เทคโนโลยี การพัฒนาและการบรรลุเป้าประสงค์หลักทัง้ ห้าด้านก็จะไม่
สามารถดาเนินได้
แนวทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารเพือ่ การศึกษา
จากแนวนโยบายในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษาสามารถสรุป
เป้าหมายของนโยบาย และก าหนดเป้าหมายเชิง กลยุทธ์ได้ห ลายรูปแบบ โดยตัว อย่างของการ
ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษาสามารถสรุปได้ 2 ประเด็นหลัก คือ
การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิม่ ผลสัมฤทธิ ์ของผู้เรียน ที่เป็ นการมุ่งเน้นการเพิม่ คุณภาพและการเข้าถึง
การศึกษาในระดับจุลภาค และการใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริหารระบบการศึกษา ที่เป็ นการมุ่งเน้ น
การกาหนดทิศทางและการเพิม่ ประสิทธิภาพของระบบการศึกษาโดยรวมเชิงมหภาค
323
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
เนื่องจากประเด็นความท้าทายและแนวทางของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ของกลุ่ มผู้เ รียนแต่ ล ะกลุ่ ม มความแตกต่ า งกัน ทางผู้ว ิจ ยั จึงน าเสนอถึงตัว อย่างแนวทางการใช้
เทคโนโลยีแยกกัน โดยระบุแนวทางการใช้ของกลุ่มทีม่ คี วามพร้อมแข่งขันได้ (Competitive Group)
ซึ่งหมายถึงกลุ่มผู้เรียนที่มโี อกาสอยู่แล้ว ประชากรกลุ่มนี้อาจไม่ต้องการการสนับสนุ นในรูปแบบ
พืน้ ฐานมาก แต่ต้องการแพลทฟอร์มในการต่อยอดและก้าวกระโดด ในทางตรงกันข้ามประชากรใน
กลุ่มทีต่ ามหลัง หรือกลุ่มทีเ่ ข้าไม่ถงึ (Lagging / Inaccessible Group) มีความจาเป็ นในการเข้าและ
อยู่ในการศึกษาก่อน ซึ่งประเด็นท้าทายของกลุ่มนี้จะต้องคานึงถึงสภาพแวดล้อม และแนวทางการ
ดาเนินชีวติ เพื่อให้การดาเนินนโยบายเป็ นไปอย่างมีประสิทธิผล โดยภาพรวมสามารถสรุปตัวอย่าง
แนวทางและอรรถประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของประเทศไทยได้ดงั นี้
324
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
325
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
326
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สถาบัน MIT ซึ่ง สถาบัน ได้ค ัด เลือ กวิช าเรีย นที่ดีแ ล้ว จัด ท าเป็ น สื่อ การสอนให้ใ ครก็ไ ด้ท่ี เ ข้า ถึง
Internet สถาบัน MIT ยังได้จดั ให้มสี ถานศึกษาพันธมิตรในการแปลเนื้อหาดังกล่าวเป็ นภาษาอื่น ๆ
ด้วย เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รบั คัดเลือกเป็ นสถานศึกษาพันธมิตร
แห่งหนึ่งในการแปลวิชาเป็นภาษาไทย เป็นต้น
การใช้เทคโนโลยีเพือ่ การบริ หารระบบการศึกษา
การวางนโยบายด้านการศึกษาของประเทศจาเป็นต้องรูส้ ภาวการณ์ และมิตหิ ลากหลายของ
ระบบการศึกษา ซึ่งรวมถึงมิตขิ องผู้เรียน มิตขิ องผูส้ อน และมิตขิ องผู้จดั การศึกษา ข้อมูลเหล่านี้จะ
ใช้เ ป็ น พื้น ฐานของการตัด สิน ใจและจัด ระบบให้น โยบายการศึก ษาสามารถตอบสนองต่ อ การ
เปลีย่ นแปลงได้อย่างทันท่วงที
ประเด็นหลักของการใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริหารระบบการศึกษา คือ การมีระบบฐานข้อมูล
ของส่วนต่ างๆในระบบการศึกษาโดยรวม โดยเทคโนโลยีเพื่อการบริหารระบบการศึกษาจะต้อ ง
คานึงถึงมิตขิ องผูม้ สี ่วนได้ส่วนเสียอื่นๆทัง้ หมด และให้สามารถเข้าถึงและใช้งานระบบได้จากหลาย
ช่องทาง โดยระบบดังกล่าวสามารถเปรียบเทียบได้กบั ระบบทะเบียนราษฎร์ หรือระบบผู้ใช้งาน
ขนส่งทางบก ซึง่ มีขอ้ มูลใบขับขี่ ข้อมูลยานยนต์และทะเบียนรถ และยังมีขอ้ มูลทัวไป ่ เช่น ข้อมูลกฏ
จราจร โดยผู้เข้าใช้งานสามารถเข้าถึงระบบได้จากหน่ วยบริการของกรมการขนส่งทางบกทุกที่ทุก
จังหวัด รวมทัง้ หน่วยบริการแบบ One-stop Service ด้วย
การจัดตัง้ ระบบแบบนี้ไม่เพียงแต่ให้ความสะดวกกับผูใ้ ช้งาน แต่ยงั เป็ นจุดป้อนข้อมูลของผูม้ ี
ส่วนได้ส่วนเสียของการศึกษาได้ ซึง่ หน่ วยนโยบายสามารถใช้ขอ้ มูลในการบริหารจัดการ หรือเพิม่
ประสิทธิภาพของกระบวนการต่าง ๆ เช่น การควบคุมคุณภาพสถานศึกษา ดังทีไ่ ด้กล่าวไปแล้ว
ในมุมมองของสถานศึกษาย่อย การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการข้อมูลผู้เรียนจะ
ช่วยเพิม่ ประสิทธิผลในการเรียนได้ เมือ่ ผูเ้ รียนแต่จะคนมีขอ้ มูลอยู่ในระบบ ผูส้ อนก็ สามารถใช้ขอ้ มูล
เหล่านัน้ ในการวิเคราะห์ลกั ษณะการเรียนของผูเ้ รียน ซึง่ สามารถทาได้ทงั ้ แบบเดีย่ ว และแบบกลุ่มซึง่
จะช่วยให้ผสู้ อนได้รบั การตอบกลับ (Feedback) จากการเรียน เช่น จะเห็นได้ว่าบทเรียนส่วนไหนที่
ผูเ้ รียนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ หรือแบบฝึกหัดคาถามแบบใดทีท่ าผิดบ่อย หากระบบฐานข้อมูลการบริหาร
จัดการสามารถเข้าถึงข้ามสถาบันได้ ผูส้ อนก็จะสามารถประเมินการสอนของตนว่าเป็ นอย่างไร เช่น
เทียบเคียงว่าบทเรียนส่วนทีผ่ เู้ รียนของตนไม่เข้าใจนัน้ เกิดในลักษณะเดียวกันในห้องเรียนอื่นหรือไม่
หรือความไม่เข้าใจอาจเกิดจากกระบวนวิธที ผ่ี สู้ อนเลือกใช้ เป็นต้น
327
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
328
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
โดยมีรายละเอียดดังนี้
329
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
330
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
331
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
332
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
333
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
6. บริหารสถานศึกษาและจัดการศึกษาตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อให้สามารถ
พึง่ พาตนเองได้อย่างเข้มแข็งและยังยื
่ น
ประเด็นเกีย่ วกับการจัดการเรียนการสอน
โรงเรียนสัตยาไสใช้หลัก “Educare” เน้นการอบรมเลีย้ งดู โดยมีความเชื่อว่ามนุ ษย์ทุกคน
ล้วนมีศกั ยภาพในตนเอง ผูส้ อนจึงต้องพยายามดึงเอาศักยภาพเหล่านัน้ ออกมา ตรงกับการศึกษาที่
ยึดผู้เรียนเป็ นศูนย์กลาง ครูเ ป็ นผู้ช้ที างให้กบั นักเรียนซึ่งเป็ นผู้แสวงหา เน้ นให้รู้ จกั ตัง้ คาถาม มี
ความคิดสร้างสรรค์ ควบคู่ไปกับการโน้มนาให้สวดมนต์ ปฏิบตั สิ มาธิ เพื่อเสริมสร้างจิตใจให้เข้มแข็ง
มีความเมตตากรุณา และมีจติ อาสาทีจ่ ะช่วยเหลือผูอ้ ่นื โดยยึดหลัก 3 H คือ Head = สมอง Heart =
หัวใจ Hand = การกระทา การเรียนการสอนเริม่ จากความคิดดี คิดด้านบวกแล้วถ่ายทอดออกมา
เป็ นการกระทาทีด่ แี ละมีประโยชน์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของคุณค่าในความเป็ นมนุ ษย์ทส่ี ะท้อนอยู่
ใน “คุณธรรม 5 ประการ” ซึ่งถือเป็ นแนวทางในการดาเนินชีวติ และการจัดการเรียนการสอนของ
โรงเรียน อันประกอบไปด้วย (1) ความรักความเมตตา (2) ความจริง (3) การประพฤติชอบ (4)
ความสงบสันติ และ (5) อหิงสา
เป้าหมายในการจัดการศึกษาของโรงเรียนสัตยาไสนัน้ ก็คอื “EDUCATION” ซึง่ ก็คอื
Enlightenment: การรูแ้ จ้ง
Duty and Devotion: การปฏิบตั หิ น้าทีแ่ ละการเสียสละอุทศิ ตน
Understanding: ความเข้าใจถ่องแท้
Character: อุปนิสยั ทีด่ งี าม
Action: การนาความรูไ้ ปปฏิบตั ิ
Thanking: การมีใจกตัญญูรคู้ ุณ
Integrity: ความมีเกียรติ รูจ้ กั รับผิดชอบ
Oneness: ความมีใจสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
Nobility: ความสง่างาม
โรงเรียนใช้หลักการ “การเรียนรูโ้ ดยนักเรียนเป็นศูนย์กลาง” และ “การเรียนรูแ้ บบบูรณาการ”
เช่น ให้นักเรียน (เริม่ แต่ชนั ้ อนุ บาล) ร่วมกาหนดหัวข้อทีจ่ ะเรียนรู้ แล้วครูเป็ น ผู้เอื้ออานวย (ไม่ใช่
สอน) ให้นกั เรียนได้เรียนรู้ โดยเน้นการเรียนรูจ้ ากการได้ปฏิบตั ิ ได้เห็นได้ฟงั ได้สมั ผัส ได้ทดลอง ได้
คิดอย่างเหมาะสม ทาให้เด็กเป็นคนเก่งคนดี
นอกจากนี้โรงเรียนสัตยาไสได้นาหลัก “ศีล สมาธิ ปญั ญา” มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียน
การสอน เน้น “ความรักความเมตตา” และ “คุณธรรม” โดยบูรณาการเข้าไปในการเรียนการสอนและ
336
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ประเด็นเกีย่ วกับครู
บทบาทของครู
- ครูเป็นผูอ้ านวยความสะดวกให้ผเู้ รียนได้เรียนรู้ ครูไม่เป็นผูส้ อน พยายามดึงความดี
ออกมาจากนักเรียนใช้วธิ จี ดั การเรียนรูแ้ บบ “ร่วมมือกัน” ไม่ใช่แบบ “แข่งขันกัน” ให้
นักเรียนมีบทบาทในการเลือกว่าจะเรียนอะไร เรียนทีไ่ หน และเรียนอย่างไร รวมถึง
ใช้วธิ กี าร “ตัง้ คาถาม” มากกว่า “ให้คาตอบ” เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง
- ครูเป็ นแบบอย่าง โดยครูของโรงเรียน รวมทัง้ ผู้บริหาร มีกฎอยู่ 2 ข้อ ข้อแรกคือ
“เป็นตัวอย่างทีด่ ี ข้อสองคือ ถ้าจาข้อหนึ่งไม่ได้ให้กลับไปดูขอ้ หนึ่งใหม่”
- การปฏิสมั พันธ์ระหว่ างครูกบั เด็ก ครูทาตนเป็ นเพื่อน เป็ นพี่ เป็ นแม่เด็ก เป็ นครู
สอนตลอดเวลา ทาให้เด็กกล้าพูด กล้าแสดงความคิดเห็น กล้าแสดงออก ส่งเสริม
ผูเ้ รียนให้เรียนตามศักยภาพอย่างสูงสุด
การคัดเลือกครู
- การคัดเลือกครูของโรงเรียนจะเน้นไปทีก่ ารแสวงหาบุคลากรทีเ่ ป็ นคนดีและมีความ
พร้อมทีจ่ ะอุทศิ ตัวเพื่อนักเรียน โดยกระบวนการคัดเลือกจะกินเวลาประมาณ 3 วัน
เป็ นการให้ผสู้ มัครเข้ารับการคัดเลือกได้ลองมาใช้ชวี ติ การเป็ นครูในสถานทีจ่ ริง ได้
ซึมซับปรัชญาและวิธกี ารจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน และในขัน้ สุดท้ายจะให้
นักเรียนเป็นผูต้ ดั สินใจเลือกครูทต่ี นอยากเรียนด้วย
337
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
338
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
339
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
340
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ประเด็นเกีย่ วกับการศึกษาด้วยระบบทางไกลผ่านดาวเทียม
โรงเรียนวังไกลกังวลมีการจัดทาโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม โดยจัดตัง้ สถานี
วิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม DLTV ขึน้ ทีโ่ รงเรียนวังไกลกังวล ถ่ายทอดการเรียน
การสอนออกอากาศไปยังโรงเรียนเครือข่า ยทัวประเทศ ่ เริม่ ตัง้ แต่วนั ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2538 และ
ต่อมาได้จดั ตัง้ เป็น “มูลนิธกิ ารศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม” เมือ่ วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2539
ปจั จุบนั นี้โรงเรียนวังไกลกังวลเป็ นต้นแบบทีท่ รงประสิทธิภาพ และเป็ นศูนย์กลางการเรียน
การสอนด้ว ยระบบทางไกลผ่ านดาวเทียมที่ก้าวหน้ า เป็ นสถานศึกษาแห่งแรกที่ใ ช้เ ทคโนโลยีท่ี
ทันสมัยถ่ายทอดกระบวนการสอน การจัดกิจกรรมการเรียนรูต้ ลอดทัง้ การสร้างองค์ความรูค้ วบคู่
คุณธรรมไปยังผูเ้ รียนทัง้ ในประเทศและต่างประเทศ สนองพระบรมราโชบายทีท่ รงเน้นให้นักเรียนได้
รูจ้ กั ช่วยเหลือตนเองและยึดเป็นแนวปฏิบตั ติ ามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
342
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
วัตถุประสงค์
- เพื่อ ขยายโอกาสทางการศึกษาด้ว ยระบบทางไกลผ่ านดาวเทีย ม และมุ่ง แก้ไ ข
ปญั หาการขาดแคลนครูของโรงเรียนในพืน้ ทีช่ นบทห่างไกล รวมถึงปญั หามาตรฐาน
ไม่เท่าเทียมกันของสถานศึกษาต่าง ๆ ได้
- เพื่อ ขยายการเข้า ถึง ความรู้ ทัง้ ส าหรับ นั ก เรีย นและประชาชน ช่ ว ยส่ ง เสริม
กระบวนการเรียนรูต้ ลอดชีวติ
ช่องทางการรับชมรายการ DLTV
- ระบบ DStv: ระบบจานรับสัญญาณดาวเทียมในย่านความถี่ KU-Band
- ระบบ CAtv: ระบบเคเบิลทีว ี
- ระบบ Internet: ทัง้ ในลักษณะ Live Broadcast และ On Demand ที่website
http://www.dlf.ac.th
ปจั จัยแห่งความสาเร็จ
- เป็ นการริเริม่ นาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนอย่างมี
ประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงชุมชนได้ค่อนข้างทัวถึ
่ ง
- สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น มูลนิธไิ ทยคิดไทยคมเป็ น
ผูส้ นับสนุนด้านการจัดหาอุปกรณ์ถ่ายทอด กองทัพไทยดูแลระบบการถ่ายทอดจาก
โรงเรียนต้นทาง และกองทัพบกเป็นผูด้ แู ลการติดตัง้ อุปกรณ์ทโ่ี รงเรียนปลายทาง
การจัดการเรียนการสอน
- โรงเรียนไกลกังวลในปจั จุบนั มีการเรียนการสอนทีค่ รบวงจร กล่าวคือ มีการเรียน
การสอนในทุ ก ระดับ ชัน้ เริ่ม ตัง้ แต่ ช นั ้ เด็ก ก่ อ นวัย เรีย น อนุ บ าล ประถมศึก ษา
มัธยมศึกษา ทัง้ นี้เด็กคนไหนทีจ่ บจากระดับชัน้ มัธยมศึกษาแล้วมีความประสงค์ทจ่ี ะ
เรียนต่อในระดับทีส่ งู ขึน้ ก็มอี าชีวศึกษารองรับ คือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพและ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชัน้ สูง (ปวส.) ที่วทิ ยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล ซึ่งมีการ
เปิดสอนหลักสูตรระยะสัน้ ด้านวิชาชีพต่างๆสาหรับบุคคลทัวไปด้ ่ วย นอกจากนี้หาก
นักเรียนมีความประสงค์ท่จี ะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ทางโรงเรียนไกลกังวลก็ม ี
โควต้าให้เรียนได้ในสถาบันการเรียนการสอนในเครืออีกที่หนึ่งคือ มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตวังไกลกังวลซึ่งตอบสนองกระแสพระราชดารัสของ
ในหลวงที่จะต้องจัดการศึกษาให้เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มคี ุณภาพ
จนถึงระดับปริญญา
- การจัด การเรีย นการสอนมีค วามสอดคล้ อ งกับ บริบ ทท้ อ งถิน่ โดยมีก ลไกให้
ผู้ปกครองและชุมชนไปจนถึงสถานประกอบการในท้อ งถิ่นมีส่ ว นร่ว มในการจัด
343
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การศึกษาสะท้อนให้เห็นได้จากหลักสูตรที่เปิ ดสอนของวิทยาลัยการอาชีพวังไกล
กั ง ว ล ทั ้ง หลั ก สู ต รวิ ช าชี พ ระยะสั ้น หลั ก สู ต ร ประกาศ นี ย บั ต รวิ ช าชี พ
ช่างฝี มอื (ปชม.) หรือหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ ซึ่งล้วนแต่ประกอบไปด้วย
วิชาทีค่ านึงถึงอาชีพของท้องถิน่ เป็ นสาคัญ มีจานวนถึง 17 แผนกวิชา อันเป็ นการ
สนองโครงการตามพระราชดาริเกี่ยวกับศิลปาชีพพิเศษด้วย และในขณะเดียวกัน
นักเรียนของโรงเรียนวังไกลกังวลสามารถใช้ห้องฝึ กงานของโรงเรียนสารพัดช่าง
เป็นทีฝ่ ึกงานในชัวโมงเรี
่ ยนวิชาการงานพืน้ ฐานอาชีพได้อกี ด้วย
- นักเรียนทีจ่ บการศึกษาจากโรงเรียนไกลกังวลมีผลสัมฤทธิเ์ ป็ นทีน่ ่ าพอใจ โดยเมื่อปี
การศึกษา 2556 ที่ผ่านมามีนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 6 สามารถสอบตรงเข้า
เรียนต่อในระดับปริญญาตรีทม่ี หาวิทยาลัยของรัฐกว่า 80 กว่าคน (ประมาณร้อยละ
50) โดยนักเรียนทีเ่ หลือสามารถสอบชิงทุนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเอกชน อาทิ
เช่น มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) มหาวิทยาลัยรังสิต หรือมีบางส่วนทีไ่ ด้ทุนไป
เรียนต่อที่ต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน นอกจากนี้นักเรียนที่สาเร็จการศึกษาใน
ระดับอุดมศึกษาส่วนมากก็ได้รบั เกียรตินิยม นับเป็ นเครื่องยืนยันถึงผลสาเร็จและ
คุณภาพการศึกษาของโรงเรียนไกลกังวลได้เป็นอย่างดี
344
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
345
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
346
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
5.4) การพัฒนาการศึกษาควบคู่ไปกับการขจัดความยากจน
กรณีศกึ ษาโรงเรียนมีชยั พัฒนา
โรงเรียนมีชยั พัฒนา ภายใต้การก่อตัง้ และการดูแลของ คุณมีชยั วีระไวทยะ โรงเรียนแห่งนี้
มีช่อื เล่นทีค่ นมักเรียกกันโดยทัวไปว่
่ าโรงเรียนไม้ไผ่ เพราะอาคารส่วนใหญ่ภายในโรงเรียนสร้างจาก
ไม้ไผ่
โรงเรียนมัธยมมีชยั พัฒนาหรือ “โรงเรียนไม้ไผ่” มีบทบาทเป็น
- ศูนย์ก ารเรียนรู้ต ลอดชีว ิต สาหรับชุมชน ทุกคนมีส่ ว นร่วมและเรียนรู้เ พื่อ พัฒนา
ตนเอง เช่น ทักษะการเกษตร, ทักษะธุรกิจ และทักษะการประกอบอาชีพอื่น ๆ
- ศูนย์กลางสนับสนุ นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยจัดตัง้ กองทุนสนับสนุ น
การประกอบอาชีพแ ละเพิม่ รายได้ สาหรับนักเรียนและครอบครัว
- ศูนย์พฒ
ั นาและอบรมครูเพื่อเพิม่ ความ รูแ้ ละศักยภาพของครูในชนบท
347
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
348
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
โรงเรียนเน้นการเรียนการสอนทีใ่ ห้เด็กเป็นศูนย์กลาง
การเรียนการสอนของโรงเรียนมีชยั พัฒนาเน้นการให้ผเู้ รียนเป็ นศูนย์กลางอย่างแท้จริง ผ่าน
การทากิจกรรมต่ างๆ ตัว อย่างเช่น ให้ผู้เ รียนคิดโครงงานที่ส นใจศึกษาเองในวิชาที่บูรณาการ
โครงงาน ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ นักเรียนเป็ นคนคัดเลือกครู รุ่นพี่เลือกรุ่น
น้องเข้าเรียน เป็นกรรมการบริหารโรงเรียน ออกแบบชุดฟอร์มนักเรียนเอง ฯลฯ
สาหรับด้านมาตรฐานและคุณภาพของโรงเรียนมีชยั พัฒนา ที่น่ีเป็ นโรงเรียนที่มคี ุณภาพ
เทียบเท่ากับ โรงเรียนนานาชาติทบ่ี ริหารโดยเอกชน
โรงเรียนมีชยั พัฒนา ใช้หลักสูตรกลางปกติของประเทศ โดยปรับการเรียนการสอนให้เด็กคิด
เป็น จุดเด่นคือเสริมทักษะอีก 2 ทักษะทีส่ าคัญคือ ทักษะชีวติ และทักษะทางธุรกิจ
นอกจากนี้ โรงเรียนมีโครงการหลายสิบโครงการของโรงเรียนที่น่าสนใจ ช่ว ยส่ งเสริม
พัฒนาการการเรียนรูแ้ ละทักษะด้านต่าง ๆ ให้ผเู้ รียน ตัวอย่างเช่น
- โครงการสานฝนั ให้เด็กทีฝ่ นั อยากประกอบอาชีพต่าง ๆ ได้มโี อกาสไปฝึกทีท่ างานจริง
ตัง้ แต่มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 เช่น เด็กที่มคี วามฝนั อยากเป็ นหมอ ทางโรงเรียนก็ส่งไปที่
โรงพยาบาล หรือ อยากทางานโรงแรมก็ส่งไปโรงแรม เด็กบางคนไปเห็นบรรยากาศ
จริง ก็จะรูต้ วั ว่าชอบหรือไม่ชอบ ทาให้กระบวนการค้นพบตนเองทาได้เร็วมากขึน้ หรือ
หากไปฝึกงานมาแล้ว รักและชอบในงานนัน้ ก็จะได้มกี ระบวนการช่วยส่งเสริมต่อไป
- โครงการให้เด็กช่วยกันคัดเลือกผูไ้ ด้ทุน การศึกษา โดยเมื่อทุนน้อยกว่าผูส้ มัคร เด็ก ๆ
จะช่วยกันไปสัมภาษณ์และเยีย่ มบ้านผู้สมัคร เพื่อคัดเลือกผู้ท่เี หมาะสมตามเกณฑ์ท่ี
ร่วมกันกาหนดขึน้
- โครงการเรียนรู้เ กี่ย วกับ คนพิก าร เด็ก ๆ นัง่ รถเข็น แล้ว ใช้ชีว ิต ดู ท าให้เ ข้าใจและ
ร่วมกันปรับสถานทีโ่ รงเรียนให้เอื้อต่อคนพิการ
349
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
350
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กิจกรรมการขยายผลการพัฒนาการศึกษาควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชนเพือ่ ขจัดความ
ยากจน
สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน ร่วมกับโรงเรียนมีชยั พัฒนา มูลนิธมิ ชี ยั วีระไวทยะใน
การขยายผลการพัฒนาได้ร่วมกันขยายผลการพัฒนาการศึกษาควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชนเพื่อ
ขจัดความยากจน ดังเห็นได้จากกรณีการดาเนินการหลายกรณี เช่น
351
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
352
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
353
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4.2.4.1 ภาพรวมแนวนโยบายด้านการศึกษาของประเทศต่าง ๆ
การพิจารณาแนวนโยบายด้านการศึกษาของประเทศซึ่งมีการพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและ/
หรือ มีนัยสาคัญ จนสามารถหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางได้เป็ นผลสาเร็จ จะสามารถเป็ น
ตัวอย่างที่ดที ส่ี ามารถนามาประยุกต์ใช้ได้กบั ประเทศไทย โดยในรายงานฉบับนี้ได้เลือกนาเสนอใน
6 ประเทศทีน่ ่าสนใจ คือ ประเทศฟินแลนด์ ญีป่ นุ่ เกาหลีใต้ ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน
ก. ประเทศฟิ นแลนด์
ประเทศฟินแลนด์ถอื ว่าเป็ นหนึ่งในประเทศทีม่ รี ะบบการศึกษาทีด่ ที ส่ี ุดประเทศหนึ่งของโลก
ให้ความสาคัญกับความเสมอภาค ความสาเร็จของระบบการศึกษาในประเทศฟิ นแลนด์นนั ้ ไม่ได้ม ี
มาตัง้ แต่แรกเริม่ หากแต่ผ่านกระบวนการวางนโยบายและแนวการปฏิบตั อิ ย่างเป็ นระบบ
หน่ วยงานหลักที่รบั ผิดชอบการจัดการศึกษาของประเทศฟินแลนด์คอื กระทรวงศึกษาธิการ
และวัฒนธรรม (Ministry of Education and Culture) ซึง่ ปรับเปลีย่ นมาจากกระทรวงศึกษาธิการ
ฟินแลนด์ม ี “ยุทธศาสตร์ 2020” (Strategy 2020) ภายใต้ วิสยั ทัศน์ของชาติทต่ี ้องการเป็ น
ผู้นาด้านองค์ความรูก้ ารจัดการศึกษาอย่างทัวถึ
่ ง และการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ผ่านการวาง
ยุทธศาสตร์ทส่ี าคัญใน 3 ด้าน ได้แก่
355
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
- สร้างสังคมแห่งความรูแ้ ละวัฒนธรรมสาหรับอนาคต
- เชื่อมโยงระบบการศึกษาเข้ากับภาคธุรกิจ / ภาคอุตสาหกรรม
- ส่งเสริมความเข้มแข็งของท้องถิน่ และให้ความสาคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชา
สังคมในการสร้างสภาพแวดล้อมทางการศึกษาและฐานความรูท้ เ่ี หมาะสม
จุดเน้ นที่ส าคัญ ของนโยบายการศึกษาในประเทศฟิ นแลนด์ค ือ “คุ ณภาพ ประสิทธิภาพ
ความเท่าเทียม และความเป็นสากล”
ในส่วนของการศึกษานอกระบบ เครือข่ายการศึกษาในผูใ้ หญ่ของฟินแลนด์ (Finnish Adult
Education Associate) ได้นิยามความหมายของการศึกษานอกระบบไว้ว่าเป็ นการหยิบยื่นโอกาสใน
การศึกษาให้แก่ผใู้ หญ่โดยทัวไปในสั
่ งคม ซึง่ เป็นคานิยามทีถ่ ูกกาหนดไว้ในกฏหมายการศึกษาอย่าง
เสรีในผู้ใหญ่ (The Liberal Adult Education Act) โดยตัวบทกฏหมายนี้ได้ครอบคลุมถึงการ
ปฏิบตั กิ าร (Operation) และการจัดสรรเงินทุน (Funding) ทีเ่ กี่ยวข้องกับการศึกษานอกระบบใน
ประเทศฟินแลนด์ดว้ ยเช่นกัน
ฟิ นแลนด์นัน้ ให้ความสาคัญแก่การเรียนรู้ตลอดชีวติ มาเป็ นเวลานาน ด้วยเหตุน้ีจงึ มีการ
ผลักดันของการศึกษานอกระบบอย่างต่อเนื่อง โดยในปี ค.ศ. 2010 ฟิ นแลนด์มสี ถาบันการศึกษา
นอกระบบทัง้ หมด 340 แห่ง มีผู้เรียนเป็ นจานวนทัง้ หมด 1.2 ล้านคนด้วยกัน ซึ่งกุญแจสาคัญของ
การศึกษาลักษณะนี้อยู่ท่โี ครงสร้างหลักสูตรที่หลากหลาย เช่นเดียวกันกับการศึกษาในระบบสาย
สามัญ การเข้าร่วมในชัน้ เรียนนัน้ เป็ นไปตามความสมัครใจ (Voluntary Participation) และมีการ
วิธกี ารเรียนการสอนที่ยดึ ผู้เรียนเป็ นหลัก (Learner-based Methods) แต่ละสถาบันการศึกษา
สามารถจัดการเรียนการสอนและรายวิชาอย่างอิสระได้ตามต้องการ โดยมีหน้าที่รบั ผิดชอบการใช้
จ่ายเงินสนับสนุ นที่ได้รบั จากรัฐด้วยตนเอง โดยในปี ค.ศ. 2012 นัน้ ได้มกี ารกาหนดงบประมาณ
ให้แก่การจัดการศึกษาในผูใ้ หญ่ไว้ทงั ้ หมดที่ 165 ล้านยูโรด้วยกัน
เนื่องจากการศึกษาสมควรที่จะต้องมีการเปิดกว้าง ทุกคนควรได้เรียนรูด้ ้วยกัน และเป็ นไป
ในอัตราทีส่ อดคล้องต่อความสามารถของตนเอง ไม่ว่าจะเป็ นการเรียนในห้องเรียน การเรียนตัวต่อ
ตัว หรือ การเรีย นผ่ า นอิน เตอร์เ น็ ต ผู้เ รียนสามารถเลือ กเรีย นวิช าต่ า ง ๆ ได้อ ย่างหลาก หลาย
ยกตัวอย่างเช่น ภาษา สังคมศาสตร์ ความเป็ นพลเมืองดี กีฬา ศิลปะ หัตถกรรม เป็ นต้น สถาบันที่
จัดตัง้ การศึกษานอกระบบนัน้ คือมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยโพลีเทคนิค ทัง้ ทีเ่ ป็ นของรัฐและเอกชน
อีกทัง้ ยังมีศูนย์การเรียนรูใ้ นผูใ้ หญ่แยกต่างหากอีกด้วยเช่นกัน ทัง้ นี้ การฝึก อบรมพนักงานในหน้าที่
(In-service Training) ทีจ่ ดั ขึน้ โดยผูจ้ า้ งงาน (Employer) ก็นับว่าเป็ นทางเลือกหนึ่งของการศึกษา
นอกระบบ
356
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ข. ประเทศญี่ปนุ่
ประเทศญี่ปุ่ น เป็ น ตัว อย่ า งของการรัก ษามาตรฐานทางการศึก ษาที่ย อดเยี่ย มได้อ ย่ า ง
ต่อเนื่อง ปลูกฝงั เยาวชนให้รจู้ กั การแก้ปญั หาในชีวติ ประจาวัน เนื้อหาทีน่ ักเรียนได้เรียนในห้องเรียน
สามารถเชื่อมโยงมาสู่การปฏิบตั ิจริงในชีวติ ประจาวันได้ โดยมีปจั จัยที่นับว่าเป็ นจุดเด่นของระบบ
การศึกษาในด้านต่าง ๆ ดังนี้
1) มีหลักสูตรแห่งชาติ (National Curriculum) ทีไ่ ด้มาตรฐานและมีความเข้มข้นของเนื้อหา
ในระดับสูง มีความสอดรับกันของเนื้อหาวิชาในแต่ละชัน้ ปี ให้เกิดกระบวนการต่อยอด
การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยหลักสูตรจัดทาขึ้นโดยกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม
การกีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (The Ministry of Education, Culture, Sports,
Science and Technology: MEXT) ซึง่ จะมีการปรับเปลีย่ นทุก ๆ 10 ปีเพื่อให้ทนั กับ
สถานการณ์ และสาหรับการปฏิรปู การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21 ได้มกี ารกาหนดวาระ
“สร้างพลังแห่งการดาเนินชีวติ ” (Zest for Living) โดยวางเป้าหมายการพัฒนาอย่าง
รอบด้าน ทัง้ ทางด้านวิชาการ สุขภาพอนามัย และจิตใจ
2) เน้ นการมีส่วนร่ว มของเด็กนักเรียนในการเรียนการสอน โดยอาศัยการทากิจกรรมที่
กระตุ้ น ให้ เ กิด การอภิป ราย เช่ น การน าเสนอป ญ ั หาให้ ผู้ เ รีย นร่ ว มกัน คิด หาแนว
ทางแก้ไข และส่งเสริมค่านิยมการเรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อ ให้เด็กกล้าที่จะลอง
สร้างสรรค์สงิ่ ใหม่ ๆ
3) มุ่งให้เกิดความเท่าเทียม โดยการเรียนการสอนจะไม่มกี ารแบ่งห้องตามระดับผลการ
เรียนของเด็ก ด้วยหลักคิดทีว่ ่าผลสัมฤทธิ ์ทางการศึกษาไม่ได้ขน้ึ อยู่กบั ความสามารถที่
มีมาตัง้ แต่เกิด แต่ขน้ึ อยู่กบั ความขยันหมันเพี
่ ยร เด็กทุกคนจึงควรได้รบั การศึกษาใน
มาตรฐานเดียวกันหมด
4) เชื่อ มโยงระหว่ า งโรงเรีย นและบ้า น โดยครูแ ละผู้ป กครองจะมีก ารสื่อ สารกัน อย่า ง
ต่อเนื่องเพื่อหารือเกี่ยวกับพัฒนาการของบุตรหลานในประเด็นต่าง ๆ ทัง้ ด้านวิชาการ
และด้านความประพฤติทวไป ั ่ เพื่อร่วมกันติดตามและส่งเสริมการศึกษาของเด็กแต่ละ
คน
357
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
358
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ค. ประเทศเกาหลีใต้
ประเทศเกาหลีใต้เป็ นประเทศที่ประสบความสาเร็จในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยมี
เป้าหมายในการพัฒนาคนทีส่ มบูรณ์ในทุกด้าน มีความรูแ้ ละทักษะบนพืน้ ฐานความคิดเชิงสร้างสรรค์
วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยประเทศเกาหลีใต้ได้ตงั ้ วิสยั ทัศน์ ท่ีจะ “มุ่งสู่ความเป็ นประเทศที่
พัฒนาแล้วโดยอาศัยการส่งเสริมการศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ให้เป็ นรากฐานของการ
สร้างอนาคต” ทัง้ นี้ จุดเด่นของระบบการศึกษาประกอบไปด้วย
1) มีหน่วยงานผูเ้ ชีย่ วชาญในการวิจยั และพัฒนาหลักสูตรการศึกษาโดยเฉพาะ นัน่ คือ The
Korean Education Development Institute (KEDI) และ The Korean Institute of
Curriculum and Evaluation (KICE) ซึง่ เป็นอิสระจากกระทรวงศึกษาธิการ ทาหน้าทีใ่ ห้
คาปรึกษาในการออกนโยบายทางการศึกษา การพัฒนาหลักสูต รแห่งชาติ และการ
ประเมินผลสัมฤทธิ ์การเรียนรู้
2) เน้ นการพัฒนาคุ ณภาพผู้เ รียนโดยคานึงถึงความต้อ งการของเด็กแต่ ละกลุ่ ม โดยใช้
ยุทธศาสตร์ท่แี ตกต่างกัน เช่น การให้รางวัลเยาวชนอัจฉริยะและการสอนพิเศษเพื่อ
ส่งเสริมเด็กเก่ง การขยายสวัสดิการทางการศึกษาเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส
3) พัฒนาครู มีแนวทาง เช่น พัฒนาระบบสอบเข้ารับราชการครูและระบบประเมินครูบรรจุ
ใหม่ ฝึกอบรมครู แข่งขันสาธิตการสอน ตลอดจนการสร้างครูตน้ แบบ
4) ตัง้ เป้าในการสร้างผูน้ าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสังคมโลก โดยให้ความสาคัญ
กับระบบวิทยาศาสตร์ศกึ ษา และส่งเสริมโรงเรียนแห่งความเป็ นเลิศทางวิทยาศาสตร์
ผ่านกลไกต่าง ๆ เช่น
- พัฒนาสิง่ แวดล้อมการเรียนรู้ เช่น ห้องทดลองวิทยาศาสตร์
- เพิม่ กิจกรรมการเรียนรูแ้ บบอิสระทางวิทยาศาสตร์ ให้ผเู้ รียนได้มโี อกาสเลือกหัวข้อ
และออกแบบโครงงานวิจยั ด้วยตนเอง
- ฝึ กอบรมผู้สอนในวิชาวิทยาศาสตร์ และสร้างพอร์ตวิทยาศาสตร์ศึกษา (Science
Education Portal) ให้ครูได้รบั สารสนเทศทีท่ นั สมัยและมีช่องทางในการแลกเปลีย่ น
ความคิดเห็นระหว่างกัน
- ขยายโครงสร้า งพื้น ฐานส าหรับ การศึก ษาวิจ ัย ส่ ง เสริม ความร่ ว มมือ ระหว่ า ง
มหาวิทยาลัย สถาบันวิจยั และภาคอุตสาหกรรมเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถใน
การวิจยั และพัฒนา รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการนาองค์ความรูท้ ่ไี ด้ไปขยายผลให้เกิด
การใช้ประโยชน์ในวงกว้างทัง้ ในเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม
359
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
360
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ง. ประเทศฮ่องกง
การพัฒ นาการการศึก ษาของประเทศฮ่ อ งกงเน้ น เรื่อ งหน้ า ที่พ ลเมือ งและศีล ธรรมเป็ น
แกนกลาง มีความโดดเด่นในการให้ความสาคัญกับ “การรูว้ ทิ ยาศาสตร์” (Science Literacy) และใช้
เทคโนโลยีส ารสนเทศเพื่อ การเรีย นรู้แ บบปฏิส ัม พัน ธ์ โดยมีจุด เด่ น คือ การพัฒ นาทัก ษะการรู้
วิทยาศาสตร์อย่างบูรณาการ แบ่งออกเป็น
1) การรู้ว ิท ยาศาสตร์ ป ฏิบ ัติ : ตระหนั ก ถึง ความเชื่อ มโยงระหว่ า งวิท ยาศาสตร์ กับ
ชีวติ ประจาวัน
2) การรูว้ ทิ ยาศาสตร์เชิงกลไก: สามารใช้หลักการและเหตุผลเป็ นเครื่องมือในการอธิบาย
สิง่ ต่างๆ
3) การรูว้ ทิ ยาศาสตร์เชิงวัฒนธรรม: เห็นคุณค่าของวิทยาศาสตร์อย่างยังยื
่ น เห็นบทบาท
ของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในบริบททางสังคม
ในส่วนของแนวทางการขับเคลื่อนและการบริหารจัดการ ประเทศฮ่องกงเน้นการขับเคลื่อน
ใน 7 ด้าน ได้แก่ (1) การปฏิรปู หลักสูตร (2) การปฏิรปู กลไกการประเมิน (3) การส่งเสริมการเรียน
ภาษา (4) การเสริมสร้างศักยภาพให้กบั โรงเรียน มีการสนับสนุ นเงินทุนสาหรับการพัฒนาคุณภาพ
การศึกษา (Quality Education Fund) และมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาศักยภาพครู
(Capacity Enhancement Grant) (5) การสร้างระบบสนับสนุ นการพัฒนาวิชาชีพโดยใช้โรงเรียน
เป็ นฐาน โดยครูไม่จาเป็ นต้องเดินทางออกนอกโรงเรียนเพื่อเข้ารับการอบรม (6) การพัฒนาระบบ
การรับนักเรียนเข้าศึกษา และ (7) การเพิม่ โอกาสทางการศึกษาหลังจากระดับมัธ ยมศึกษาเพื่อ
กระตุน้ ให้มคี วามกระตือรือร้นทีจ่ ะเรียนรูแ้ ละเกิดการเรียนรูอ้ ย่างต่อเนื่อง
361
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
จ. ประเทศไต้หวัน
ประเทศไต้หวันมุ่งเน้นการพัฒนาพลเมืองยุคใหม่โดยใช้การศึกษาเป็ นตัวขับเคลื่อนสาคัญ
ภายใต้ยทุ ธศาสตร์หลัก 3 ประการ ได้แก่
- การเสริมสร้างความสามารถทางภาษา
- การสร้างสมดุลระหว่างวัฒนธรรมและเทคโนโลยี
- การสร้างเสริมค่านิยมพืน้ ฐานทีห่ ลากหลาย
ทัง้ นี้ ประเด็นที่ประเทศไต้หวันมีความโดดเด่นเป็ นอย่างมากก็คอื การพัฒนาอาชีวศึกษา
หรือทีเ่ รียกว่า Technology and Vocational Education (TVE) ในไต้หวัน ซึง่ มุ่งเน้นภาคการเกษตร
และธุ รกิจ เป็ นส าคัญ ทาให้ม ีค วามสอดคล้อ งอย่างมากกับการพัฒ นาเศรษฐกิจในภาพรวมของ
ประเทศ โดยแนวทางและมาตรการทีส่ าคัญในการยกระดับอาชีวศึกษาประกอบไปด้วย
1) พัฒนาคุณภาพของการเรียนการสอน
- สร้างโปรแกรมสาหรับการเรียนรูท้ ป่ี รับตัวได้ (Adaptive Learning) และการพัฒนา
คุณภาพ (Quality Improvement) ในอาชีวะขัน้ สูง รวมไปถึงการแจกจ่ายทางด้าน
ทรัพยากรการศึกษาอย่างทัวถึ ่ งในระดับพืน้ ที่
- ริเริม่ โครงการ Teaching Excellence เพื่อมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยเทคโนโลยี
- ส่งเสริมให้มกี ารมุง่ เน้นความเชีย่ วชาญเฉพาะทางในสาขาวิชาใดสาขาหนึ่ง
2) ยกระดับสถาบันจากอนุวทิ ยาลัย สู่วทิ ยาลัย และมหาวิทยาลัย
- กระทรวงศึกษาธิการเปิดโอกาสให้มกี ารยกระดับสถาบันอาชีวศึกษา เนื่องจากมีอุป
สงค์แรงงานอาชีวะขัน้ สูงเพิม่ ขึน้ เป็ นอย่างมาก โดยจะมีการพิจารณาจากประวัติ
ผลงาน และศักยภาพของสถาบัน
3) เพิม่ ความยืดหยุน่ ของหลักสูตรการศึกษา
- มีการจัดตัง้ โรงเรียนมัธยมปลายทีค่ รอบคลุม (Comprehensive High School) ทีม่ ี
การสร้างหลัก สูต รอย่างครอบคลุ มทัง้ สายสามัญ และสายอาชีว ะ เปิ ดโอกาสให้
นักเรียนมีทางเลือกในการเลือกเรียนวิชาทีต่ นเองสนใจ โรงเรียนเปิดโอกาสให้เรียน
362
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
363
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ฉ. ประเทศสิ งคโปร์
ประเทศสิงคโปร์ให้ความสาคัญกับการศึกษา โดยเล็งเห็นว่าเป็ นศูนย์กลางของรากฐานการ
พัฒนาประเทศ ตลอดจนภาครัฐทุ่มเทในการผสานอุปสงค์และอุ ปทานของการศึกษาให้ผู้เรียนมี
ทักษะทีต่ รงกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยมีปจั จัยแห่งความสาเร็จ ได้แก่
1) วางแผนอย่างชัดเจนและมองไปข้างหน้ า (Forward-looking) มุ่งสู่การเป็ น “โรงเรียน
แห่งการคิดและประเทศแห่งการเรียนรู้” (Thinking School, Learning Nation) โดยใช้
หลักการ “สอนน้อยแต่เรียนรูไ้ ด้มาก” (Teach Less, Learn More)
2) บริหารจัดการอย่างมีบูรณาการและมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น
- การผลักดันนโยบายสู่การปฏิบตั :ิ มีความร่วมมืออย่างใกล้ชดิ ระหว่างผูว้ างนโยบาย
นักวิจยั และนักการศึกษาโดยอาศัยระบบการร่วมรับผิดชอบระหว่างหน่วยงาน
- การวางแผนกาลังคน: กระทรวงกาลังคน (Ministry of Manpower) จะเป็ นผู้
ประสานกับหน่ ว ยงานด้า นเศรษฐกิจต่ า งๆ เพื่อ ประเมินแนวโน้ มความต้อ งการ
แรงงานในแต่ละสาขา ก่อนจะนาไปใช้ในการวางแผนการศึกษาและการฝึกอบรมให้
สอดคล้องกัน
3) ให้ความสาคัญกับความเท่าเทียมทางการศึกษา ซึง่ มีความสาคัญเป็ นอย่างมากต่อสังคม
พหุวฒ ั นธรรมเช่นประเทศสิงคโปร์ เด็กทุกคนไม่ว่าจะมีเชือ้ ชาติใดหรือมีความสามารถ
ในระดับใดก็จะได้รบั การศึกษาทีเ่ หมาะสม จึงมีหลักสูตรทีห่ ลากหลายและมีรปู แบบการ
สอนทีย่ ดื หยุน่
4) มุ่งการพัฒนาทักษะในด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และทักษะขัน้ สูง โดยใช้แนวคิด
แบบต่อยอดความรู้ (Spiral Approach) ชีใ้ ห้ผเู้ รียนเห็นความเชื่อมโยงระหว่างบทเรียน
ทีเ่ รียนไปแล้วว่าเป็นพืน้ ฐานของบทเรียนใหม่ในการต่อยอดความรู้
364
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
โดยสรุป บทเรียนจากประสบการณ์ต่างประเทศด้านนโยบายและยุทธศาสตร์การศึกษา มี
ประเด็นทีส่ าคัญ ดังนี้
สร้างระบบการศึกษาที่มคี ุณภาพ เน้ นการสร้างพื้นฐาน (Foundation) ที่มนคงและ ั่
บูรณาการเพื่อรองรับการศึกษาและการเรียนรูต้ อบสนองต่อสังคมแห่งการเปลีย่ นแปลง
ในศตวรรษที่ 21 ให้ความสาคัญกับประสิทธิภาพ ส่งเสริมความเท่าเทียม และเน้นการ
สร้างสมดุล
สร้า งพลเมือ งคุ ณ ภาพ คนที่ส มบู ร ณ์ ทุ ก ด้าน ช่ ว ยให้พ บความสามารถพิเ ศษ รับ รู้
ศักยภาพ และมีความกระหายใคร่เรียนรูต้ ลอดชีวติ
รูป แบบการบริห ารจัดการ สร้างสมดุ ล ระหว่ างการรวมศูน ย์แ ละการกระจายอ านาจ
เน้ นการบริหารการศึกษาด้วยท้องถิน่ มากขึน้ โดยส่วนกลางเป็ นผู้วางเป้าหมายและ
แนวทางสาหรับการศึกษาของประเทศ และให้อสิ ระกับสถานศึกษาในการวางหลักสูตร
และการเรียนการสอนได้อย่างยืดหยุน่ และเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ตลอดจน
ต้องมีกลไกทีช่ ดั เจนในการเชื่อมโยงแนวนโยบายไปสู่การปฏิบตั ิ
365
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
366
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
367
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
368
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
369
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ก. ประเทศฟิ นแลนด์
“Caring for students educationally and personally”
ประเทศฟินแลนด์ถอื ว่าเป็ นหนึ่งในประเทศทีม่ รี ะบบการศึกษาทีด่ ที ส่ี ุดประเทศหนึ่งของโลก
ให้ความสาคัญกับความเสมอภาค โดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน จัดการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี ตัง้ แต่อายุ 7-
16 ปี มีก ารจัดเตรีย มอุ ด มศึก ษาในสายสามัญ และอาชีว ศึก ษา ส าหรับ ในระดับ อุ ด มศึกษาจะมี
มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยอาชีวศึกษาขัน้ สูง จากรายงานการศึกษาของ UNICEF เปรียบเทียบ
ประเทศทีพ่ ฒั นาแล้ว 29 ประเทศทัวโลก
่ ปี ค.ศ. 2011 พบว่าฟินแลนด์อยู่ในอันดับที่ 4 ของประเทศ
ที่เด็กเยาวชนมีพฒ ั นาการดีท่สี ุด เด็ก ทุกคนได้รบั การศึกษาฟรีจนจบมหาวิทยาลัย และมีอาหาร
กลางวันคุณภาพดีจนจบมัธยมศึกษา รวมทัง้ มีการให้บริการด้านสุขภาพและการเดินทางไปโรงเรียน
เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เด็กมาโรงเรียนและช่วยเรือ่ งการเรียนรู้
ความสาเร็จของระบบการศึกษาในประเทศฟินแลนด์นนั ้ ไม่ได้มมี าตัง้ แต่แรกเริม่ หากแต่ผ่าน
กระบวนการวางนโยบายและแนวการปฏิบตั อิ ย่างเป็ นระบบ ยึด หลักการใช้แนวนโยบายด้านการ
คึกษาทีม่ กี ารปฏิรปู อย่างต่อเนื่อง ประชาชนมีส่วนร่วม และมีความเสมอภาคทางการศึกษา ประเทศ
ฟินแลนด์ได้เริม่ ปฏิรปู การศึกษาและหลักสูตรอย่างจริงจังในช่วงปี ค.ศ. 1970s ในช่วงแรกได้มุ่งเน้น
ไปที่ก ารเพิ่มการเข้าถึงการศึก ษาให้เ ด็กทุกคนมีโอกาสได้เ รียน โดยอาศัยองค์กรปกครองส่ ว น
ท้องถิน่ คือ เทศบาล เป็ นผูจ้ ดั การศึกษา ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนหลักสูตรอีก 3 ครัง้ ในปี ค.ศ. 1985
1994 และ 2004 โดยเพิม่ น้าหนักการให้ความสาคัญท้องถิน่ ในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อให้สอดคล้อง
กับความต้องการของผู้เ รียน และสร้างความเข้มแข็ งของเครือข่ายชุมชน ผู้ปกครอง และองค์กร
ต่างๆ ให้รว่ มกันสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
หน่ วยงานหลักทีร่ บั ผิดชอบการจัดการศึกษาของประเทศฟินแลนด์คอื กระทรวงศึกษาธิการ
และวัฒนธรรม (Ministry of Education and Culture) ซึง่ ปรับเปลีย่ นมาจากกระทรวงศึกษาธิการ
(Ministry of Education) ตัง้ แต่ในปี ค.ศ. 2010 มีขอบเขตหน้าทีค่ วามรับผิดชอบครอบคลุมถึงด้าน
วิท ยาศาสตร์ การวิจ ยั วัฒ นธรรม การกีฬ า และนโยบายที่เ กี่ย วข้อ งกับ เยาวชน ในป จั จุ บ ัน มี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวง 2 ตาแหน่ ง แบ่งตามภาระหน้าทีค่ วามรับผิดชอบ คือ (1) การศึกษาและ
การวิจยั และ (2) วัฒนธรรม การกีฬา เยาวชน ทรัพย์สนิ ทางปญั ญา และการช่วยเหลือทางการเงิน
สาหรับนักเรียน
370
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Permanent Secretary
โครงสร้างระบบการศึกษา
ระบบการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ประกอบไปด้วย
1. การศึกษาขัน้ พืน้ ฐานภาคบังคับ 9 ปี ตัง้ แต่ระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนต้น
แต่จะมีการเรียนตามความสมัครใจเพื่อเตรียมความพร้อมก่อน 1 ปี (Pre-primary
Education)
2. การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แบ่งออกเป็ นสายสามัญและสายอาชีพ รวมถึง
การฝึกหัดสาหรับการศึกษาต่อในสายอาชีวศึกษาหรือสายวิชาชีพเฉพาะทาง
3. การศึกษาในระดับอุดมศึกษา ซึง่ จัดการเรียนการสอนโดยมหาวิทยาลัยและสถาบันโปลิ
เทคนิค
371
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
372
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
เป้าหมายของระบบการศึกษาและแนวนโยบายทีส่ าคัญ
ตามพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาพืน้ ฐานปี ค.ศ.1998 (Basic Education Act of 1998) ของ
ประเทศฟินแลนด์ซง่ึ ได้มกี ารปรับปรุงเมื่อปี ค.ศ. 2010 ได้ระบุไว้ว่าเป้าหมายของการจัดการศึกษา
ของชาติค ือ เพื่อ สนั บ สนุ น เยาวชนให้ส ามารถเติบ โตเป็ น พลเมือ งที่ม ีม นุ ษ ยธรรมและมีค วาม
รับผิดชอบต่อสังคม พร้อมทัง้ มีความรูแ้ ละทักษะที่จาเป็ นต่อการดารงชีพ สามารถพัฒนาตนเองได้
ตลอดชีวติ นอกจากนี้ การศึกษาต้องสามารถสนับสนุ นความเจริญรุ่งเรืองของประเทศและความเท่า
เทียมกันของคนในสังคม
เจตนารมณ์ดงั กล่าวยังคงสะท้อนอยู่ในแนวนโยบายด้านการศึกษาของประเทศมาจนถึงใน
ปจั จุบนั ดังจะเห็นได้จาก “ยุทธศาสตร์ 2020” (Strategy 2020) ภายใต้วิสยั ทัศน์ ของชาติ ที ่
ต้ องการเป็ นผู้นาด้ านองค์ความรู้ การจัดการศึ กษาอย่ างทัวถึ
่ ง และการส่ งเสริ มความคิ ด
สร้างสรรค์ผ่านการวางยุทธศาสตร์ทส่ี าคัญใน 3 ด้าน ได้แก่
- สร้า งสัง คมแห่ ง ความรู้แ ละวัฒ นธรรมส าหรับ อนาคต โดยคาดการณ์ แ นวโน้ ม การ
เปลีย่ นแปลงต่างๆ ทีอ่ าจเกิดขึน้ เพื่อนามาเป็ นข้อมูลในการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่
เอื้อให้เกิดการวิจยั นวัตกรรม และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดการบ่มเพาะ
องค์ ค วามรู้ โดยมุ่ ง พัฒ นาระบบการศึก ษา การสร้า งและใช้ป ระโยชน์ ว ัฒ นธรรม
สร้างสรรค์ (Creative Culture) การคิดค้นและพัฒนาวิธกี ารเรียนการสอน การสร้าง
แรงจูงใจในการเรียน ตลอดจนการเชื่อมโยงเครือข่ายในการส่งเสริมและแลกเปลี่ยน
ความรู้
- เชื่อมโยงระบบการศึกษาเข้ากับภาคธุรกิจ / ภาคอุตสาหกรรม โดยปรับระบบการศึกษา
ให้มคี วามสอดคล้องกับพัฒนาการของโครงสร้างอุตสาหกรรมและตลาดแรงงานของ
ประเทศ กระตุน้ ในเกิดการยกระดับศักยภาพแรงงาน
- ส่งเสริมความเข้มแข็งของท้องถิน่ และให้ความสาคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชา
สังคมในการสร้างสภาพแวดล้อมทางการศึกษาและฐานความรูท้ เ่ี หมาะสมสาหรับบริบท
ของตนเอง อันจะช่วยสร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวติ ให้กบั ประชาชน
373
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การประกาศใช้เ มื่อ สิ้นปี ค.ศ. 2011 มีระยะเวลาของแผนครอบคลุ มปี ค.ศ. 2011-2016 โดย
เป้าหมายที่สาคัญประกอบไปด้วย (1) สนับสนุ นความเท่าเทียมทางการศึกษา (2) เสริมสร้าง
คุณภาพของการศึกษาในทุกระดับชัน้ และ (3) ส่งเสริมการเรียนรูต้ ลอดชีวติ ดังนัน้ แนวนโยบาย
ของประเทศฟินแลนด์จงึ มุง่ เน้นทีก่ ารสร้างปจั จัยพืน้ ฐาน (Foundation) ในด้านการศึกษาทีแ่ ข็งแกร่ง
และมีความยืดหยุน่ ในการรองรับการพัฒนาด้านการศึกษาในอนาคต โดยมีแนวทางทีน่ ่าสนใจดังนี้
การสร้างสมดุลระหว่างการรวมศูนย์และการกระจายอานาจ
ในช่วงประมาณครึง่ ศตวรรษทีผ่ ่านมา ประเทศฟินแลนด์ได้เปลีย่ นผ่านจากระบบการศึกษา
แบบรวมศูนย์อานาจที่มุ่งเน้นการสอบวัดผลมาตรฐานไปสู่ระบบที่เน้นการบริหารจัดการการศึกษา
โดยระดับท้องถิน่ มากขึน้ ให้ครูในท้องถิน่ เป็ นผู้เชื่อมโยงเป้าหมาย กรอบแนวทาง และมาตรฐาน
การศึกษาทีม่ กี ารกาหนดจากส่วนกลางมาสู่การจัดหลักสูตรการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับบริบท
ของนักเรียน และมีการติดตามผลการดาเนินการในระดับท้องถิน่ อย่างต่อเนื่องโดยการประสานงาน
ระหว่างศูนย์พ ฒ ั นาการทางเศรษฐกิจ การขนส่ ง และสิ่งแวดล้อม (Centers for Economic
Development Transport and the Environment) และศูนย์ราชการท้องถิน่ (State Administrative
Agencies: ELY)
การถ่ายโอนดังกล่าวอาศัยกลไกการกระจายงบประมาณอย่างเพียงพอและการเตรียมความ
พร้อมอย่างเข้มข้นให้กบั ครูในพืน้ ทีภ่ ายใต้หลักการคือการลงทุนพัฒนาศักยภาพของครูและโรงเรียน
ในท้องถิน่ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อความต้องการด้านการศึกษาของเด็กทุกคน
่ ง ควบคู่ไปกับการกาหนดวิสยั ทัศน์ เป้าหมาย และแนวทางจากส่วนกลางเพื่อให้ทุก
ได้อย่างทัวถึ
ภาคส่วนสามารถร่วมกันจัดการศึกษาได้อย่างสอดคล้องกัน
นอกจากนี้ เพื่อ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กบั โรงเรียนในท้อ งถิ่นให้มากยิง่ ขึ้น ประเทศ
ฟินแลนด์มกี ารสนับสนุ นส่งเสริมการสร้างเครือข่ายระหว่างโรงเรียนในท้องถิน่ เดียวกัน เพื่อร่วมกัน
ระดมความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการกาหนดหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน
ตลอดจนร่วมพัฒนาและแบ่งปนั ทรัพยากรต่าง ๆ เช่น สื่อการเรียนการสอนเพื่อให้เกิดการร่วมกัน
พัฒนาศักยภาพ (Collateral Capacity Building) ซึง่ จะสามารถก่อให้เกิดการขยายผลนาต้นแบบ
แนวทางการจัดการศึกษาทีม่ ปี ระสิทธภาพและประสิทธิผลไปใช้ในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว
การสร้างความเชือ่ มโยงระหว่างภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม
เพื่อให้ระบบการศึกษาสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานได้อย่างรวดเร็ว
และมีประสิทธิภาพประเทศฟิ นแลนด์ได้มแี นวทางในการเพิม่ ความยืดหยุ่นของการเรียนการสอน
และการฝึ กอบรมเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการและลักษณะการเรียนรูข้ องผู้เรียนที่มคี วาม
หลากหลายได้ โดยอาศัยการเพิม่ สัดส่วนของการเรียนรูจ้ ากการทางาน (Work-based Learning)
374
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
375
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ข. ประเทศสิ งคโปร์
“A coherent curriculum delivered to every school by high-quality teachers”
ประเทศสิง คโปร์เ ป็ น ตัว อย่า งที่โ ดดเด่น ประเทศหนึ่งในด้านการพัฒนาประเทศ โดยใน
ระยะเวลาเพียงครึง่ ศตวรรษประเทศสิงคโปร์สามารถก้าวกระโดดจากการเป็ นเกาะขนาดเล็กที่ขาด
แคลนทรัพยากรธรรมชาติมาสู่การเป็นประเทศทีม่ รี ะดับการพัฒนาในระดับสูง จุดเริม่ ต้นทีส่ าคัญของ
การพัฒนาดังกล่าวมาจากการที่ผนู้ าประเทศในขณะนัน้ คือ นายลี กวน ยู ได้เล็งเห็นว่าทรัพยากร
มนุ ษย์จะเป็ นปจั จัยสาคัญยิง่ ในการผลักดันประเทศสิงคโปร์ให้ก้าวไปข้างหน้าได้ท่ามกลางข้อจากัด
ทางด้านทรัพยากรอื่นๆ รวมทัง้ ตระหนักว่าการศึกษาจะเป็ นปจั จัยสาคัญในการสร้างบุคคลากรของ
ประเทศให้มคี ุณภาพทัดเทียมกับมาตรฐานของประเทศพัฒนาแล้วได้ อีกทัง้ ยังจะช่วยหลอมรวม
ความแตกต่างทางศาสนาและวัฒนธรรมเพื่อสร้างความมันคงของชาติ ่ ดังนัน้ การพัฒนาคนจึงเป็ น
ปจั จัยขับเคลื่อนทีส่ าคัญยิง่ ของการพัฒนาทัง้ ทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศสิงคโปร์ และเป็ น
เจตนารมณ์ทย่ี งั คงได้รบั การสืบทอดเรือ่ ยมาจนถึงปจั จุบนั
การจัดทานโยบายด้านการศึกษาที่สาคัญของประเทศสิงคโปร์มที ่มี าจากความพยายามใน
การสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยการเพิม่ การเข้าถึงการศึกษาทีม่ คี ุณภาพให้กบั
นัก เรีย นทุ ก คน มีก ารปรับ ระบบการศึก ษาและการแบ่ ง หลัก สู ต รการเ รีย นการสอนตามระดับ
ความสามารถของผู้ เ รีย น โดยมีก ารจัด ตั ง้ สถาบัน พัฒ นาหลั ก สู ต รแห่ ง ชาติ ( Curriculum
Development Institute of Singapore) เพื่อควบคุมดูแลเนื้อหาของหลักสูตรและสื่อการเรียนการ
สอนที่มคี ุณภาพและสอดคล้องกัน นอกจากนี้ ในช่วงปี ค.ศ. 1990s รัฐบาลได้มกี ารประกาศใช้
แนวทาง “โรงเรียนแห่ งการคิ ดและประเทศแห่ งการเรียนรู้” (Thinking Schools, Learning
Nation) เพื่อต่อยอดการพัฒนาคน ที่นอกจากจะต้องมีความรู้ในด้านเนื้อหาสาระทางวิชาการที่ดี
แล้ว ยังจะต้องมีคุณลักษณะในด้านอื่นๆ ประกอบกันไปด้วย ได้แก่ ค่านิย ม ทัศนคติ และทักษะทีจ่ ะ
สร้างสรรค์สงิ่ ใหม่ๆ ผ่านการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนให้ส่งเสริมศักญภาพใน
ด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมให้กบั ผู้เรียน และในปี ค.ศ. 2004 ประเทศสิงคโปร์ได้นา
แนวทาง“การสอนให้ น้อยลงแต่ เรียนรู้ได้ มากขึ้น” (Teach Less, Learn More) มาใช้กบั
การศึกษาของชาติ เพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางการสอนในห้องเรียนจากการท่องจาไปสู่การทาความ
เข้าใจในหลักการเชิงลึกและการเรียนรูจ้ ากการแก้ปญั หา (Problem-based Learning)
หน่ ว ยงานหลั ก ที่ ท าหน้ า ที่ ค วบคุ ม ดู แ ลในด้ า นการศึ ก ษาของประเทศสิ ง คโปร์ ค ื อ
กระทรวงศึกษาธิการ (Ministry of Education) ซึง่ เป็นผูอ้ อกนโยบายและวางแนวทางไปสู่การปฏิบตั ิ
รวมถึงวางแนวทางในการบริหารจัดการสถาบันการศึกษาของรัฐและสถาบันการศึกษาที่รฐั ให้การ
ช่วยเหลือ ทัง้ ในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษารวมถึงเป็ นผูก้ ากับการจัดการเรียน
การสอนในสถาบันการศึกษาเอกชน
376
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Minister
377
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
โครงสร้างระบบการศึกษา
ระบบการศึกษาของประเทศสิงคโปร์ประกอบไปด้วย
1. ระดับก่อนประถมศึกษา เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียน
2. ระดับประถมศึกษาโดยผูท้ จ่ี ะจบการศึกษาต้องผ่านการทดสอบระดับชาติคอื การสอบไล่
ระดับประถมศึกษา (Primary School Leaving Exam)
3. ระดับมัธยมศึกษาแบ่งออกเป็นสายการเรียน3 แนวทาง ได้แก่
- สายเร่งรัด (Express Course) สาหรับนักเรียนที่มคี วามสามารถทางวิชาการโดด
เด่ น และสามารถเลือ กเข้ า ศึ ก ษาในโปรแกรมพิเ ศษ “หลัก สู ต รบู ร ณาการ”
(Integrated Program) ทีผ่ เู้ รียนสามารถเลือกออกแบบหลักสูตรของตนเองได้ และ
เน้นสนับสนุนการสร้างประสบการณ์การเรียนรูน้ อกเหนือจากในด้านวิชาการ
- สายสามัญ เน้นด้านวิชาการ (Normal Academic Course) สาหรับนักเรียนที่
ต้องการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย เน้นการสอนเนื้อหาสาระวิชาการ
- สายสามัญ เน้นด้านวิชาชีพ (Normal Technical Course)สาหรับนักเรียนทีต่ ้องการ
เรียนต่อในสถาบันโปลิเ ทคนิค (Politechnic) เน้ นการลงมือ ปฏิบตั ิจริงในสาขา
วิชาชีพ
4. ระดับหลังมัธยมศึกษา แบ่งการเรียนออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- วิทยาลัยหรือเตรียมอุดมศึกษา (Junior College)
- โปลิเทคนิค (Polytechnics) เป็ นสถาบันการศึกษาสายวิชาชีพทีน่ ักเรียนสามารถ
เรียนได้ตามความสนใจของนักเรียนในสาขาวิชาต่าง ๆ
- สถาบันเทคนิคศึกษา (Institute of Technical Education) เป็ นสถาบันการศึกษา
ในด้านทักษะทางช่างและช่างผีมอื
5. ระดับอุดมศึกษา
378
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
โครงสร้างระบบการศึกษาและหลักสูตรของประเทศสิงคโปร์สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ใน
การจัดการศึกษาให้มคี วามยืดหยุ่น ผู้เรียนสามารถเลือกแนวทางการเรียนของตนเองได้ตามความ
สนใจและตามระดับความสามารถการเรียนการสอนในแต่ละระดับชัน้ ของประเทศสิงคโปร์มคี วาม
หลากหลายของสายการเรียน และมีระยะเวลาของหลักสูตรทีแ่ ตกต่างกันไป
379
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
เป้าหมายของระบบการศึกษาและแนวนโยบายทีส่ าคัญ
กระทรวงศึกษาธิการของประเทศสิงคโปร์ได้ตงั ้ เป้าหมายว่าจะให้การศึกษากับเยาวชนอย่าง
สมดุล เพื่อให้สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ และบ่มเพาะเยาวชนให้เป็ นพลเมืองทีด่ ี มี
ความรับผิดชอบต่อครอบครัว สังคม และประเทศชาติ โดยมองว่าการจัดการศึกษานัน้ เปรียบเสมือน
การหล่ อ หลอมอนาคตของชาติ เพราะการศึก ษาเป็ นการหล่ อ หลอมประชากรผู้ซ่ึงจะทาหน้ า ที่
กาหนดอนาคตของประเทศต่อไป
ประเทศสิงคโปร์ได้ใช้ยุทธศาสตร์ “ตึ ง ผ่อน ตึ ง” (Tight, loose, tight approach) ใน
การดาเนินการ
1) ตึ ง หมายถึง การก าหนดปรัช ญาการศึกษาของประเทศที่แ น่ ว แน่ การวางแนว
ยุท ธศาสตร์แ ละทิศ ทางการพัฒ นาที่ช ัด เจน สามารถเป็ น หลัก ในการออกแบบ
หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนได้
2) ผ่อน หมายถึง การเปิดช่องว่างให้ผสู้ อนมีอสิ ระในการปรับกลยุทธ์และวิธกี ารสอน
เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทของผูเ้ รียน
3) ตึง หมายถึงการวางกรอบมาตรฐานของผลลัพธ์และความรับผิดชอบต่อผลลัพทธ์ท่ี
เกิดขึน้ (Accountability) ของโรงเรียน
จากแนวคิดดังกล่าว ประเทศสิงคโปร์ได้มกี ารประกาศ “สมรรถนะที่พงึ ประสงค์สาหรับ
ศตวรรษที่ 21” (21st Century Competencies) สาหรับใช้กาหนดกรอบการจัดหลักสูตรการเรียนการ
สอนเพื่อเตรียมความพร้อมของผูเ้ รียนในการใช้ชวี ติ ในอนาคต ท่ามกลางกระแสโลกาภิวตั น์และการ
พัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถบรรลุถึง เป้าหมายของการสร้างประชากรที่ม ี
ความมันใจในตนเอง
่ มีความสามารถในการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง มีความกระตือรือร้นในการมีส่วนร่วม
และมีความเป็ นพลเมืองทีด่ โี ดยสมรรถนะทีพ่ งึ ประสงค์ดงั กล่าวประกอบไปด้วย (1) การรูจ้ กั ตนเอง
(Self-Awareness) (2) การมีวุฒภิ าวะทางความคิด (Self-Management) (3) การเข้าอกเข้าใจผูอ้ ่นื
(Social Awareness) (4) การสร้างความสัมพันธ์ทด่ี ี (Relationship Management) และ (5) การ
ตัดสินใจอย่างมีวจิ ารณญาณ (Responsible Decision-Making)
380
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Core Value
381
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
382
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ค. ประเทศญี่ปนุ่
“Education in which Schools, Families and Communities join together in
Cooperation”
ประเทศญี่ปุ่ น เป็ น ตัว อย่ า งของการรัก ษามาตรฐานทางการศึก ษาที่ย อดเยี่ย มได้อ ย่า ง
ต่อเนื่องยาวนาน นับตัง้ แต่ในช่วงปี ค.ศ. 1800s ซึง่ ประเทศญี่ป่นุ ได้ตงั ้ เป้าหมายในการยกระดับการ
พัฒนาให้ทดั เทียมชาติตะวันตกด้วยแนวทางของตนเองทัง้ ในด้านเศรษฐกิจและด้านเทคโนโลยี ทัง้ นี้
ประเทศญี่ปุ่นได้เล็งเห็นว่าพื้นฐานทีส่ าคัญที่จะสามารถนาพาประเทศไปสู่เป้าหมายที่ตงั ้ ไว้ได้นัน้ ก็
คือระบบการศึกษาทีม่ คี ุณภาพอีกทัง้ ยังได้ปลูกฝงั ค่านิยมทีใ่ ห้ความสาคัญกับความสามารถและคุณ
ความดี (Merit) ในการเป็นตัวตัดสินความก้าวหน้าของบุคคลทัง้ ในด้านการงานและในสังคม
เจตนารมณ์ ด ัง กล่ า วได้ส ะท้อ นอยู่ใ นค่ า นิ ย มที่เ ชื่อ การประสบความส าเร็จ ด้ว ยตนเอง
(Meritocracy) โดยไม่อาศัยสิทธิพเิ ศษใดๆ นอกจากนี้ จากการที่ประเทศญี่ปุ่นมีค่านิยมว่าระดับ
ความสามารถของบุคคลสามารถถูกประเมินได้จากผลการศึกษา ซึง่ ความสาเร็จทางการศึกษาเองก็
ไม่ได้ขน้ึ อยู่กบั ระดับสติปญั ญาที่มมี าตัง้ แต่เกิดและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากแต่เป็ นผลของ
ความพยายามในการศึกษาเล่าเรียน ดังนัน้ หากนักเรียนมีผลการเรียนไม่เป็ นที่น่าพอใจ ความ
ล้มเหลวนัน้ จะถูกนับว่าเป็ นของครอบครัวและครูผู้สอนด้วยเช่นกัน เพราะไม่สามารถช่วยผลักดัน
เด็กได้อย่างเข้มข้นเพียงพอจากค่านิยมดังกล่าวทาให้ทุกฝ่ายรวมถึงตัวผู้เรียนมีแรงกระตุ้นในด้าน
การศึกษาเป็นอย่างมาก
การจัดการการศึกษาของประเทศญี่ปุ่นอยู่ภายใต้กระทรวงการศึกษา วัฒนธรรม การกีฬา
วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (Ministry of Education, Culture, Sports, Science and Technology:
MEXT) มีวตั ถุประสงค์ในการสร้างประชากรทีม่ คี วามคิดสร้างสรรค์ มีจติ ใจทีด่ งี าม โดยอาศัยการจัด
การศึกษาและการส่งเสริมการเรียนรูต้ ลอดชีวติ พร้อมทัง้ สนับสนุ นกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรูท้ งั ้ ใน
ด้านวิชาการ การกีฬา วัฒนธรรม ตลอดจนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปลูกฝงั เยาวชนให้รจู้ กั การ
แก้ปญั หาในชีวติ ประจาวัน เน้นการสอนเนื้อหาทีน่ ักเรียนได้เรียนในห้องเรียนสามารถเชื่อมโยงมาสู่
การปฏิบตั จิ ริงในชีวติ ประจาวันได้
384
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Minister
Higher Education
Private Education
Institution
โครงสร้างระบบการศึกษา
ประเทศญี่ปุ่นมีการก าหนดให้เ ด็ก ญี่ปุ่นทุก คนต้อ งเข้าเรียนตัง้ แต่ อายุ 6 ขวบ และถู ก
กาหนดให้ต้อ งผ่ านการศึก ษาภาคบังคับเป็ นเวลา 9 ปี คือ จบมัธยมศึกษาตอนต้น โดยระบบ
การศึกษาของประเทศญีป่ นุ่ แบ่งออกได้เป็น 3 ระดับคือ
385
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1. การศึกษาระดับต้น
ได้แ ก่ การศึก ษาขัน้ อนุ บาล ซึ่ง เริ่ม เข้า ศึก ษาตัง้ แต่ อ ายุ 3 ปี ไปจนถึงอายุ 5 ปี และขัน้
ประถมศึกษา 1-6 ตัง้ แต่อายุ 6 ปีไปจนถึง 12 ปีโดยประมาณ
2. การศึกษาระดับกลาง
ได้แก่ การศึกษาระดับมัธยมศึกษา ซึง่ แบ่งออกเป็ น 2 ช่วงคือ มัธยมศึกษาตอนต้น 3 ปีและ
มัธยมศึกษาตอนปลาย 3 ปี
3. การศึกษาระดับสูงได้แก่ การศึกษาในมหาวิทยาลัย วิทยาลัย วิทยาลัยเทคนิค และวิทยาลัย
อาชีวศึกษา
386
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
เป้าหมายของระบบการศึกษาและแนวนโยบายทีส่ าคัญ
หลัก การพื้น ฐานส าหรับ ระบบการศึ ก ษาในประเทศญี่ ปุ่ น ได้ ถู ก ระบุ ไ ว้ ใ นรัฐ ธรรมนู ญ
ประกาศใช้เมือ่ ปีค.ศ.1946 และกฎหมายแม่บทการศึกษา (Fundamental Law of Education) ปีค.ศ.
1947 ซึง่ ได้มกี ารปรับปรุงเมื่อปีค.ศ.2006 กาหนดให้การศึกษาเป็ นสิทธิและหน้าทีข่ องพลเมือง ทุก
คนมีสทิ ธิท่จี ะได้รบั การศึกษาอย่างเท่าเทียมกันตามระดับความสามารถ รวมถึงจะได้รบั การศึกษา
ขัน้ พื้นฐานภาคบังคับโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ได้มกี ารกาหนดเป้าหมายของการศึกษา
ให้มงุ่ เน้นพัฒนาประชากรอย่างบูรณาการทัง้ ทางร่างกายและจิตใจ
นอกจากนี้ ในปี ค.ศ. 2006 ได้มกี ารทบทวนกฎระเบียบทางการศึกษา (Basic Act on
Education) ขึน้ เป็นครัง้ แรกในรอบ 60 ปี นับตัง้ แต่เริม่ มีการบังคับใช้ โดยการปรับปรุงดังกล่าวแสดง
ให้เห็นหลักการของ “การศึกษายุคใหม่” (New Age Education) ของประเทศญี่ปุ่น ซึง่ แม้จะมีการ
เปลี่ยนแปลงในปจั จัยแวดล้อมบางประการ แต่ก็ยงั คงยึดมันในแก่ ่ นความคิดที่ให้ความสาคัญกับ
หลักการพัฒนาเด็กอย่างบูรณาการเช่น การพัฒนาคุณลักษณะอย่างรอบด้าน การมุ่งเน้นความมี
เกียรติและศักดิ ์ศรี ซึ่งยังคงได้รบั การยึดถือปฏิบตั ิมาตลอดนับตัง้ แต่ การเริม่ ประกาศใช้กฎหมาย
แม่บทการศึกษา
ทัง้ นี้ ในการดาเนินการมีหลักการทีส่ าคัญ ดังนี้
1. การสร้างความร่วมมือในแนวราบ (Horizontal Cooperation)
เป็ นการสนับสนุ นความร่ว มแรงร่วมใจของคนในสังคมเพื่อส่ งเสริมการศึกษา เนื่องจาก
ประเทศญี่ปุ่นตระหนักว่าการศึกษาไม่เพียงแต่สามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งของบุคคลเพื่อให้ม ี
ชีวติ ทีด่ ขี น้ึ ได้เท่านัน้ แต่ยงั สามารถสร้างค่านิยมทีจ่ ะช่วยค้าชูให้สงั คมมีความมันคงได้
่ อกี ด้วย ดังนัน้
ภาคส่ว นต่างๆ ทัง้ ในภาครัฐและเอกชน ทัง้ ในระดับส่ ว นกลางและส่ วนท้องถิ่น รวมถึงโรงเรียน
ผู้ป กครอง เยาวชน และชุ ม ชน ต่ า งก็ต้ อ งเข้า มามีส่ ว นร่ ว มในกระบวนการจัด การการศึก ษา
โดยเฉพาะเมื่อประเทศได้ก้าวเข้าสู่สงั คมฐานความรู้ (Knowledgebase Society) ประเทศญี่ป่นุ ได้
ตัง้ เป้าหมายให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างและผลักดันองค์ความรู้ โดยผ่านกลไกเชิง
บูรณาการทีเ่ ชื่อมโยงการเรียนการสอนในห้องเรียน (School Education) เข้ากับการศึกษาเพื่อสังคม
(Social Education) ซึง่ จะเป็ นการสร้างความใกล้ชดิ ระหว่างโรงเรียนและชุมชน โดยมุ่งหวังให้เป็ น
กลไกในการสร้างโอกาสการเรียนรูท้ ส่ี ามารถตอบโจทย์ความต้องการทีห่ ลากหลายของคนในสังคม
ได้พร้อมๆ กับจะช่วยเพิม่ ระดับคุณภาพการศึกษาให้สูงยิง่ ขึน้ ยิง่ ไปกว่านัน้ การสร้างความร่วมมือ
ในลักษณะดังกล่าวจะยังเป็ นตัวอย่างการปฏิบตั ทิ ่ดี เี ยี่ยมสาหรับเยาวชนในการเรียนรูค้ ่านิยมของ
การร่วมมือร่วมใจกัน การมีส่วนร่วมทางสังคม และการสร้างความผูกพันในท้องถิน่ ซึ่งจะช่วยสร้าง
เสริมประสบการณ์ชวี ติ และกระตุน้ แรงผลักดันในการดาเนินชีวติ ให้กบั เยาวชนได้
387
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ตัวอย่างของมาตรการ:
- “Regional Headquarters for School Assistance” เป็ นการสร้างกลไกเพื่อให้เกิด
กระบวนการส่ ง เสริม สถานศึก ษาในท้อ งถิ่น โดยมีป ระชาชนเป็ น ตัว ผลัก ดัน มี
กระบวนการคือการสร้างตัวกลางในการประสานความร่วมมือระหว่างโรงเรียนและ
ชุ ม ชน รวมถึง ประชาสัม พัน ธ์ ค วามส าเร็จ ที่เ กิด ขึ้น ให้ป ระชาชนโดยทัว่ ไปได้
รับทราบ
- “Community School” (School Management Council System) ทีเ่ ปิดโอกาสให้
ผู้ป กครองและประชาชนในท้อ งถิ่น มีอ านาจและความรับ ผิด ชอบในการมีส่ ว น
ร่วมกับการบริหารจัดการโรงเรียน โดยมีเป้าหมายในการสร้างโรงเรียนที่มคี วาม
น่ า เชื่อ ถือ และเปิ ด กว้า งต่ อ ชุ ม ชน โดยหน่ ว ยงานส่ ว นกลางจะท าหน้ า ที่ใ นการ
ประเมินแนวทางสาหรับการบริหารจัดการการศึกษา เช่น การจัดตัง้ โรงเรียน ขนาด
ของโรงเรียน การจัดสรรทรัพยากร โดยหน่ วยงานในท้องถิน่ จะเป็ นผูพ้ จิ ารณาการ
นาหลักการไปปฏิบตั จิ ริงเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในแต่ละพืน้ ที่
- “After-school Plan for Children” เป็ นความพยายามในการสร้างฐานการเรียนรูท้ ่ี
เหมาะสมให้ ก ับ เด็ก โดยเฉพาะในระดับ ประถมศึก ษา โดยใช้ ป ระโยชน์ จ าก
ห้อ งเรีย นในช่ ว งที่ไ ม่มกี ารเรีย นการสอน เช่น หลัง เลิก เรียน และวันหยุด เพื่อ
เสริมสร้างกิจกรรมที่ให้เด็กได้ลงมือปฏิบตั จิ ริงและกิจกรรมแลกเปลีย่ นเรียนรูต้ ่างๆ
ทีส่ นับสนุนส่งเสริมพัฒนาการเด็ก
388
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3. การแบ่งความรับผิดชอบระหว่างหน่วยงานส่วนกลางและส่วนท้องถิน่
- บทบาทของรัฐ บาลกลาง จะต้อ งมีก ารสร้า งความร่ว มมือ อย่า งใกล้ชิด ระหว่ า ง
กระทรวงและหน่ วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เช่น หน่ วยงานที่ทาหน้าที่ดูแล
สวัสดิการของเยาวชน และหน่ วยงานที่ดูแลอาชีวศึกษา เป็ นต้น ในการสนับสนุ น
ส่งเสริมมาตรการต่างๆ การจัดลาดับความสาคัญของสิง่ ที่ต้องดาเนินการ รวมถึง
การติดตามและประเมินผลของโครงการ
นอกจากนี้ เนื่องจากการส่งเสริมการศึกษาต้องอาศัยแรงผลักดันและความร่วมมือ
จากทุกภาคส่วน รัฐบาลกลางจึงต้องให้ความสาคัญกับการจัดกิจกรรมของทุกภาค
ส่ ว นที่เ กี่ย วข้อ ง ทัง้ การปกครองส่ ว นท้ อ งถิ่น การมีส่ ว นร่ ว มจากภาคธุ ร กิ จ
ภาคเอกชน และองค์กรไม่แสวงหากาไร เพื่อสร้างกลไกความร่วมมือที่เหมาะสม
และหาแนวทางบริหารจัดการภาพรวมของกิจกรรมทีด่ าเนินการโดยแต่ละภาคส่วน
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้สงู สุด
- บทบาทขององค์ก รปกครองส่ ว นท้อ งถิ่น จะต้อ งมีบ ทบาทในการแบ่ง เบาความ
รับผิดชอบในการจัดการและส่งเสริมการศึกษาจากรัฐบาลกลาง โดยนาหลักการมา
ปรับใช้ในการวางมาตรการในทางปฏิบตั ใิ ห้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจและ
สังคมของท้องถิน่ ตลอดจนตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนพร้อมๆ กับ
ติดตามให้ประชาชนในท้องถิน่ ปฏิบตั ติ ามกรอบหน้าทีค่ วามรับผิดชอบของตนเองใน
การสนับสนุนการศึกษา
การกระจายอานาจนับว่าจะมีแนวโน้มมากขึน้ เรื่อยๆ ในอนาคต ดังนัน้ ท้องถิน่ จึงมี
ความสาคัญเป็ นอย่างยิง่ ในการสร้างเสริมและรักษา ในท้อ งถิ่นให้คงอยู่ต่อไปได้
อย่างมันคง
่ ผ่านกระบวนการพัฒนาทรัพยากรมนุ ษย์ซ่งึ เป็ น พื้นฐานของความอยู่
รอดของท้ อ งถิ่ น โดยมีก ารตัง้ เป้ าหมายให้ ท้ อ งถิ่ น สามารถวางแนวทางและ
มาตรการทางการศึก ษาที่ข ับ เน้ น จุ ด แข็ง ของตนเอง และให้ ค วามส าคัญ กับ
การศึกษาอย่างแท้จริง
389
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
390
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
391
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
392
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
393
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
อย่า งรอบด้า นและสมดุ ล เพื่อ เป็ น ฐานหลัก ของการพัฒ นาอย่ า งยัง่ ยืน ผ่ า นการพัฒ นาคุ ณ ภาพ
การศึกษา ปลูกฝงั และเสริมสร้างความเป็ นพลเมือง สร้างและกระจายโอกาสทางการศึกษา ปฏิรปู ครู
ทัง้ ระบบให้เป็ นวิชาชีพชัน้ สูง รวมทัง้ จัดการศึกษาระดับอุดลศึกษาและอาชีวศึกษาให้สอดคล้องกับ
ตลาดแรงงาน (2) สร้างสังคมไทยให้เป็ นสังคมพลเมืองวิถปี ระชาธิปไตยโดยส่งเสริมและสนับสนุ น
ั ญา การเรีย นรู้ป ระวัติศ าสตร์ ศิล ปะ วัฒ นธรรม การกีฬ า อย่ า งบู ร ณาการกับ
เครือ ข่ ายภู มปิ ญ
การศึกษาอย่างมีคุณภาพและต่อเนื่องตลอดชีวติ พร้อมทัง้ ส่งเสริม การวิจยั และพัฒนาและนวัตกรรม
พัฒนาระบบบริหารจัดการความรู้ และสร้างกลไกการนาผลการวิจยั ไปใช้ประโยชน์ และ (3) พัฒนา
สภาพแวดล้อมของสังคมให้เป็ นฐานการพัฒนาคน และสร้างสังคมคุณธรรม ภูมปิ ญั ญา นวัตกรรม
และการเรียนรู้ เน้นพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาเพิม่ ประสิทธิภาพการบริหาร
จัดการเร่งกระจายอานาจการบริหารส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ประชาชน ประชาสังคม
ในการบริหารจัดการและสนับสนุ นส่งเสริมการศึกษา ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ
ด้านการศึกษา
แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ: ทิศทางและขอบเขตการพัฒนาการศึกษา
นับตัง้ แต่ช่วง พ.ศ. 2503 ประเทศไทยได้มกี ารขยายการศึกษาทัง้ ด้านปริมาณและคุ ณภาพ
โดยได้รบั ความร่ว มมือ จากองค์ก รระหว่างประเทศ และเริม่ มีการส่ งเสริมการจัดการศึกษาโดย
ภาคเอกชน รวมถึงกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้ “แผนพัฒนาการศึกษาแห่ งชาติ ” ให้สอด
รับกับแผนพัฒนาเศรษฐกิ จและสังคมแห่ งชาติ ทัง้ นี้การจัดทาแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติได้
ดาเนินการเรื่อยมาจนถึงปจั จุบนั เป็ นฉบับที่ 11 ซึ่งเป็ นการนาสาระของการปฏิรูปการศึกษาตาม
พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ และนโยบายของรัฐบาลมาสู่การปฏิบตั ิ อันนาไปสู่การกาหนด
ประเด็น ยุท ธศาสตร์ใ นด้า นการศึก ษาของประเทศ ทัง้ นี้ พัฒ นาการของแผนพัฒ นาการศึก ษา
แห่งชาติสามารถสรุปได้ดงั นี้
แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2504 – 2509)
เพิม่ ระดับการศึกษาภาคบังคับ จาก 4 ปี เป็ น 7 ปี ปรับปรุงการศึกษาระดับกลางทัง้ สาย
สามัญและอาชีวศึกษาให้เข้มแข็ง เน้นการผลิตครูให้เพียงพอและส่งเสริมให้ครูมวี ุฒสิ ูงขึน้ ส่งเสริม
การศึกษาระดับอุดมศึกษาโดยขยายไปยังส่วนภูมภิ าคต่าง ๆ ให้เพียงพอ
แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2510 – 2514)
จัดการศึกษาให้สอดคล้องกับการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จัดและขยาย
การศึกษาแต่ละระดับของประชากรในวัยเรียน ปรับปรุงคุณภาพทางการศึ กษา ตลอดจนส่งเสริม
การศึกษาในโรงเรียนราษฎร์ ด้านคุณภาพและมาตรฐาน
396
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
397
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
398
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
399
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
400
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
401
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
402
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กระทรวงศึกษาธิ การ
สานักงานรัฐมนตรี
- สานักงานคณะกรรมการ คณะกรรมการ
ข้าราชการครูและบุคลากร เขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา
ทางการศึกษา (กคศ.)
- สานักงานส่งเสริมการศึกษา
นอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศัย (กศน.)
สานักงานเขต สถานศึกษาของรัฐทีจ่ ดั การศึกษา
- สานักงานคณะกรรมการ
พืน้ ทีก่ ารศึกษา ระดับปริญญาทีเ่ ป็นนิตบิ ุคคล
ส่งเสริมการศึกษาเอกชน
(สช.)
- ฯลฯ
สถานศึกษา สถานศึกษา
ขันพื
้ น้ ฐาน อาชีวศึกษา
ทีม่ า: กระทรวงศึกษาธิการ
403
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
404
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ยุทธศาสตร์
405
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ศ. น.พ. เกษม วัฒนชัย (พ.ศ. 2544), พันตารวจโท ดร.ทักษิ ณ ชิ นวัตร (พ.ศ. 2544) และ
นายสุวิทย์ คุณกิ ตติ (พ.ศ. 2544 - 2555)
ในช่วงเวลาเพียงปีเศษระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 - เดือนตุลาคม พ.ศ. 2545 ได้ม ี
การเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการถึง 3 ท่านอย่างไรก็ตาม ได้มกี ารปรับเปลีย่ น
ระบบการศึกษาของไทยในหลายส่วน โดยเฉพาะหลักสูตรการเรียนการสอน โดยภาพรวมของการ
พัฒนาการศึกษาในช่วงดังกล่าวอาจสรุปได้ว่ามุง่ เน้นการพัฒนาสังคมไทยให้เป็ นสังคมแห่งการเรียนรู้
อันเป็ นเงื่อนไขไปสู่ระบบเศรษฐกิจฐานความรู้ โดยยึดหลัก “การศึ กษาสร้างชาติ สร้างคน และ
406
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
407
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
408
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (พ.ศ. 2551) และ นายศรีเมือง เจริ ญศิ ริ (พ.ศ. 2551)
เน้ น การลงทุ น เพื่อ ยกระดับ คุ ณ ภาพการศึก ษาทัง้ ระบบ โดยครอบคลุ ม การพัฒ นาครู
หลักสูตร สื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อผลสัมฤทธิ ์ด้านคุณภาพและความรูข้ องนักเรียนตามแผนการ
เรียนการสอนอย่างสัมพันธ์กบั ทรัพยากรและปจั จัยแวดล้อมต่าง ๆ อันจะนาไปสู่การสร้างระบบการ
เรียนรูต้ ลอดชีวติ ของประชาชน และการเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาในภูมภิ าค
จัด ให้ค นไทยทุ ก คนมีโ อกาสรับ การศึก ษาไม่น้ อ ยกว่ า 12 ปี โ ดยไม่เ สีย ค่ า ใช้จ่า ย
โดยเฉพาะผูย้ ากไร้ ผูพ้ กิ ารหรือทุพพลภาพ ผูอ้ ยู่ในสภาวะยากลาบาก และผูด้ อ้ ยโอกาส
อื่นๆได้รบั การศึกษาอย่างทัวถึ
่ ง
เพิ่ม โอกาสในการศึก ษาต่ อ ผ่ า นกองทุ น เงิน ให้กู้ย ืม เพื่อ การศึก ษาและเชื่อ มโยงกับ
นโยบายการผลิตบัณฑิตเพื่อตอบสนองความต้องการบุคลากรทีม่ คี วามรูค้ วามสามารถ
ของประเทศ รวมทัง้ ต่อยอดให้ทุนการศึกษาทัง้ ในและต่างประเทศ
ปรับระบบการผลิตและพัฒนาครูให้มคี ุณภาพและคุณธรรม มีคุณภาพชีวติ ที่ดี มีรายได้
ค่าตอบแทนและสวัสดิการทีเ่ หมาะสม
พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสถาบันอุดมศึกษาให้มคี วามเป็นเลิศด้านการศึกษาวิจยั และ
สร้างสรรค์นวัตกรรม การให้บริการวิชาการและวิชาชีพชัน้ สูง และการผลิตและพัฒนา
กาลังคน ให้สอดรับการเปลีย่ นแปลงโครงสร้างภาคการผลิตและบริการ พร้อมทัง้ เร่งผลิต
กาลังคนระดับอาชีวศึกษาให้มคี ุณภาพและมีเส้นทางอาชีพที่ชดั เจนเพื่อสนับสนุ นขีด
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านต่าง ๆ เช่น ปิโตรเคมีซอฟต์แวร์ อาหาร สิง่
ทอ บริการสุขภาพ การท่องเทีย่ ว และการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการ เป็ นต้ น
ตลอดจนจัดให้มกี ารรับรองสมรรถนะของบุคคลในการประกอบอาชีพและสานต่อการ
ขยายบทบาทศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน
409
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
พัฒนาหลักสูตรสื่อการเรียนการสอนให้ทนั สมัยและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของ
โลก ควบคู่กบั การสร้างจิตสานึกในความเป็ นไทยพร้อมทัง้ ขยายบทบาทของระบบการ
เรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ผ่ านองค์กรต่าง ๆ เช่น สานักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้
ระบบห้อ งสมุ ด สมัย ใหม่ อุ ท ยานการเรีย นรู้ พิพิธ ภัณ ฑ์ก ารเรีย นรู้แ ห่ ง ชาติ ศู น ย์
สร้างสรรค์งานออกแบบ ศูนย์พฒ ั นาด้านกีฬา ดนตรี ศิลปะและผูด้ อ้ ยโอกาสอื่น ๆ
การเปลี่ยนแปลงที่สาคัญคือ การกาหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน
พ.ศ. 2551 เป็ นกรอบทิศทางและเกณฑ์การประเมินผลซึง่ จัดทาขึน้ สาหรับท้องถิน่ และ
สถานศึกษาได้นาไปใช้เป็ น แนงทางการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาและจัดการเรียนการ
สอนโดยมีหลักการเพื่อเป็นหลักสูตรการศึกษาทีส่ นองการกระจายอานาจ ให้สงั คมมีส่วน
ร่วมในการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิน่ เน้นผูเ้ รียน
เป็นสาคัญ มีโครงสร้างยืดหยุ่นทัง้ ด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจัดการเรียนรู้ โดยมี
จุ ด ประสงค์ ใ ห้ ผู้ เ รีย นเกิ ด สมรรถนะส าคัญ และคุ ณ ลัก ษณะอัน พึง ประสงค์ ได้ แ ก่
ความสามารถในการสื่อสาร คิด แก้ปญั หามีทกั ษะชีวติ และมีทกั ษะเทคโนโลยี
410
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
411
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
พัฒนาคุณภาพ พัฒนาคุณภาพ
พัฒนาคุณภาพคนไทย การปฏิ รปู ระบบบริ หาร
สถานศึกษาและแหล่ง
ยุคใหม่ ครูยคุ ใหม่ จัดการยุคใหม่
เรียนรู้ยคุ ใหม่
ยุทธศาสตร์
ผลิ ตและ
พัฒนา เพิ่ ม เพิ่ ม ผลิ ตและพัฒนา ปฏิ รปู ปฏิ รปู
พัฒนาครู
ผูเ้ รียน ประสิ ทธิ ภาพ โอกาส กาลังคน การเงิ น เทคโนโลยี
นโยบายด้านการศึกษาที่สาคัญในช่วงดังกล่าว เมื่อพิจารณาตามวาระของรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงศึกษาธิการ สามารถสรุปได้ดงั นี้
412
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
413
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ดู แ ลคุ ณ ภาพชีว ิต ของครู ด้ว ยการจัด ตัง้ กองทุ น พัฒ นาคุ ณ ภาพชี วิ ต ครู เ พื่อ
ช่วยเหลือส่งเสริมสวัสดิการครู และการแก้ปญั หาหนี้สนิ ครู โดยปรับโครงสร้างหนี้
ลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทีเ่ น้นการพัฒนาเนื้อหาสาระและบุคลากรให้พร้อม
รองรับและใช้ประโยชน์จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างคุม้ ค่า
เปลีย่ นเกณฑ์ประเมินวิทยฐานะจากเดิมทีเ่ น้นเอกสาร เป็ นเน้นทีผ่ ลสัมฤทธิ ์ทางการ
เรียนการสอนเป็นหลัก
จัดตัง้ “คณะกรรมการวางแผนผลิ ตและพัฒนาครู”เพื่อวางแผนผลิตครู 2 กลุ่ม
คือ กลุ่มครูของครู ทีจ่ ะขาดแคลนในอีกไม่ก่ปี ีขา้ งหน้า และกลุ่มครูของนักเรียน ที่
ทุกฝ่ายต้องมีส่วนร่วมในการวางแผนการผลิตครูในระยะยาวอย่างเป็ นระบบว่า จะ
ผลิตครูสาขาใดเท่าใด ใครจะผลิตเท่าใด
โครงการ “ครูพนั ธุ์ใหม่” ที่เน้นการจูงใจให้คนเก่งและดีเข้ามาเป็ นครูมากขึน้ โดย
จะต้องมีหลักประกันต่างๆ ตอบแทนให้อย่างเหมาะสม
4. จัดให้ทุกคนมีโอกาสได้รบั การศึกษาฟรี 15 ปี ตัง้ แต่ระดับอนุ บาลไปจนถึงมัธยมศึกษาตอน
ปลาย พร้อมทัง้ เพิม่ ประสิทธิภาพการบริหารจัดการให้เกิดความเสมอภาคและความเป็ น
ธรรมในโอกาสทางการศึกษาแก่ประชากรในกลุ่มผู้ด้อยโอกาส รวมทัง้ ยกระดับการพัฒนา
ศูนย์เด็กเล็กในชุมชน
5. ยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษาระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาไปสู่ความเป็ นเลิศ โดย
การจัดกลุ่มสถาบันการศึกษาตามศักยภาพปรับเงินเดือนค่าตอบแทนของผูส้ าเร็จอาชีวศึกษา
ให้สูงขึ้น โดยภาครัฐเป็ นผู้นาและเป็ นแบบอย่างของการใช้ทกั ษะอาชีว ศึกษาเป็ นเกณฑ์
กาหนดค่าตอบแทนและความก้าวหน้าในงาน ควบคู่กบั การพัฒนาองค์ความรูน้ วัตกรรม ด้วย
การเพิม่ ขีดความสามารถด้านการวิจยั และพัฒนา
สร้างแรงจูงใจให้นกั เรียนมาเรียนสายอาชีพมากขึน้
สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน
กาหนดมาตรฐานคุณวุฒวิ ชิ าชีพ
เร่งรัดการจัดตัง้ สถาบันอาชีวศึกษา
เร่งกาหนดวิธกี ารจัดตัง้ กองทุนเพือ่ พัฒนาการอาชี วศึกษาและฝึ กอบรมวิ ชาชี พ
ซึ่ง เป็ น กองทุ น ที่ก าหนดไว้ใ นกฎหมายการอาชีว ศึก ษาเพื่อ ช่ ว ยในการพัฒ นา
คุณภาพครู นักเรียน และสื่อ อุปกรณ์การเรียนการสอน
กองทุนเงินให้กู้ยมื เพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดโอกาสให้ผดู้ อ้ ยโอกาสได้กู้ยมื เงินเป็ น
ลาดับต้น และการใช้ กยศ. เป็ นกลไกในการจูงใจให้เรียนสายอาชีพมากขึ้นมีการ
ปรับเกณฑ์การกูย้ มื โดยเพิม่ วงเงินกูย้ มื ปรับคุณสมบัตผิ กู้ ู้ยมื โดยการเปิดโอกาสให้ผู้
กู้ย ืม ที่ม ีฐ านะยากจนเป็ น ล าดับ แรก ตลอดจนปรับ ปรุ ง ระบบการบริห ารจัด การ
414
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
415
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
416
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
417
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
419
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
อาชีวศึกษาด้านคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมยานยนต์ให้เพียงพอต่อความต้องการของ
อุตสาหกรรมยานยนต์
- ปลูกฝงั คุณธรรมและจิตสานึกประชาธิปไตย โดยให้ดาเนินการเรื่องการปฏิบตั ธิ รรมของ
นักเรียนนักศึกษาอย่างต่ อ เนื่อง เน้ นการปลูกฝงั เรื่องความมีวนิ ัย การแบ่งหน้ าที่การ
ทางาน จิต อาสา การช่ว ยเหลือ เกื้อ กูล ซึ่ง กันและกัน ความเสียสละ ความเสมอภาค
รวมถึงให้ดาเนินการนาโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ โครงการครูพระสอนศีลธรรม และ
โครงการปฏิบตั ธิ รรมสาหรับผู้บริหารมาดาเนินการต่อเนื่อง รวมทัง้ ควรนาเรื่องหน้าที่
พลเมือง และศีลธรรมกลับมาบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอน
2. เร่งพัฒนาคุณภาพครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
- พัฒนาครูสาขาที่ขาดแคลน โดยเฉพาะครูท่สี อนไม่ตรงตามวุฒ ิ และครูบรรจุใหม่ต้อ ง
ได้ร ับ การพัฒ นาให้ม ีคุ ณ ภาพ รวมทัง้ น าภู ม ิป ญ ั ญาท้ อ งถิ่น ปราชญ์ ช าวบ้ า น และ
บุคลากรจากภาคส่วนต่างๆ ทีม่ คี วามรูค้ วามสามารถเข้ามาเป็นครูช่วยสอน
- พัฒ นาครูใ ห้ส ามารถส่ ง เสริม สร้า งทัก ษะและอ านวยการให้เ ด็ก คิด ได้อ ย่า งถู ก ต้อ ง
สร้างสรรค์
- สร้างขวัญกาลังใจและสิทธิประโยชน์ เกื้อกูลให้กับครู คณาจารย์และบุคลากรทางการ
ศึกษา เพื่อให้ครูมกี าลังใจทุ่มเทให้กบั การพัฒนาการเรียนการสอนมากขึน้ เช่นเงินเดือน
ครู การเลื่อนวิทยฐานะ ปญั หาหนี้สนิ ครู เป็ นต้น
3. สร้างโอกาสทางการศึกษา
- เน้ นให้ครอบคลุมผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ผู้พกิ ารทุพพลภาพโดยให้มกี ารขยายการจัด
การศึกษาสาหรับบุคคลกลุ่มดังกล่าวอย่างทัวถึ ่ ง เช่น โครงการหนึ่งอาเภอ หนึ่งทุน การ
ดาเนินโครงการระยะแรกเน้นให้โอกาสแก่คนทีย่ ากไร้เป็ นเป้าหมายหลัก ระยะต่อมาเปิ ด
โอกาสให้มกี ารสอบแข่งขัน ผูเ้ รียนดีจงึ เป็นผูไ้ ด้รบั ทุน (ทุนสาหรับเด็กเก่ง) ดังนัน้ ต่อไป
ต้ อ งพิจ ารณาทุ น ส าหรับ ผู้ ย ากไร้เ พิ่ม เติม เพื่อ ให้ ค นยากไร้ม ีโ อกาสไปศึก ษาต่ อ
ต่างประเทศอย่างเสมอภาค
- สนั บ สนุ น การศึก ษาต่ อ เนื่ อ งตลอดชีว ิต ส่ ง เสริม การจัด การศึก ษานอกระบบและ
การศึกษาตามอัธยาศัย เช่น การจัดตัง้ ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน เพื่อให้ผทู้ อ่ี ยู่ในวัยทางานได้
ยกระดับการศึกษาและได้รบั การพัฒนา และให้ค วามสาคัญกับการจัดการศึกษาเพื่อ
พัฒนาผูส้ งู อายุให้มคี วามรูเ้ พื่อให้กลับมาเป็นกาลังการผลิตของสังคมได้
4. การแก้ ไ ขป ญ ั หายาเสพติด มุ่ ง เน้ น ให้ ทุ ก สถานศึก ษาต้ อ งไม่ ม ีย าเสพติด เช่ น เดีย วกับ
โครงการ"โรงเรียนสีขาว" ในอดีตที่ผ่ านมา โดยให้เ พิม่ เติมการดาเนินงานในเรื่องความ
เข้มแข็ง การติดตามอย่างใกล้ชดิ นอกจากนัน้ ควรเร่งรัดให้ความสาคัญกับการแก้ปญั หา
พฤติกรรมที่ไม่พงึ ประสงค์ของเด็กและเยาวชนอื่นด้วย เช่น เด็กท้องก่อนวัยเรียน ต้องให้
ความรูเ้ รือ่ งเพศศึกษาอย่างถูกต้อง เด็กติดเกม ต้องสอนให้เด็กมีภูมคิ ุม้ กัน มีความรูเ้ กี่ยวกับ
420
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
421
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
423
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
424
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การประเมิ น การทดสอบและ
สถานศึกษา ประเมิ นผูเ้ รียน
425
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
426
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ปัญหาของระบบการศึกษาไทยทีย่ งั รอการแก้ไขต่อไป
ระบบการศึกษาไทยยังมีอกี หลายเรือ่ งทีต่ อ้ งเร่งพัฒนา ปรับปรุง และต่อยอด โดยเฉพาะด้าน
คุณภาพผูเ้ รียน ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา เนื่องจากพบว่ามีสถานศึกษาจานวนมาก
ยังไม่ได้มาตรฐาน ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ ์ต่ า นอกจากนี้ ถึงแม้ว่ากฎระเบียบในด้านการศึกษาทุกฉบับ
และนโยบายด้านการศึก ษาจะมีก ารเน้ นย้าถึงความสาคัญของการพัฒนาคนอย่างสมดุลรอบด้าน
เพื่อให้ผู้เรียนมีความเป็ นมนุ ษย์อย่างสมบูรณ์ กลับพบว่าในปจั จุบนั เยาวชนเป็ นจานวนมากยังขาด
คุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ทงั ้ การคิด วิเคราะห์ ใฝ่เรียนรูแ้ ละแสวงหาความรูอ้ ย่างต่อเนื่อง คุณธรรม
จริยธรรม นอกจากนี้ ในด้านครู คณาจารย์ พบว่ามีปญั หาขาดแคลนครู คณาจารย์ท่มี คี ุณภาพ มี
คุณ ธรรม ไม่ไ ด้ค นเก่ ง คนดี และใจรัก มาเป็ นครู คณาจารย์ รวมทัง้ ยังขาดการมีส่ ว นร่ว มในการ
บริหารและจัดการศึกษาจากทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง
427
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ด้านการวางนโยบาย
ประเทศไทยยัง คงมีปญั หาความไม่ต่ อเนื่องของนโยบาย เนื่องจากมีการเปลี่ยนรัฐมนตรี
การศึกษาซึง่ เป็นผูก้ าหนดนโยบายบ่อยครัง้ แต่ละคนทีข่ น้ึ มาก็ยกนโยบายใหม่เพื่อให้เป็ นผลงานของ
ตน โดยไม่ได้สานต่อหรือต่อยอดจากสิง่ ทีด่ าเนินการอยู่เดิม ทาให้ไม่เกิดความต่อเนื่องของนโยบาย
นอกจากนี้การประกาศนโยบายแต่ ละครัง้ มักพูดถึงแต่ เป้าหมาย โดยไม่ได้มกี ารแจกแจงแผนการ
ดาเนินงานที่กาหนดสิง่ ที่ต้องทาในระยะสัน้ กลาง ยาว เพื่อไปถึงเป้าหมายนัน้ ๆ ตลอดจนมักขาด
แผนงานทีช่ ดั เจน จึงทาให้ไม่เกิดการผลักดันให้เห็นผลสาเร็จลุล่วงเป็นรูปธรรมได้
ด้านการจัดหลักสูตร
แม้ว่านโยบายของรัฐบาลในหลายๆ สมัย จะได้กาหนดเป้าหมายให้หลักสูตรมีความยืดหยุ่น
มีสาระสอดคล้องกับวัยและพัฒนาการของผูเ้ รียน มีการปรับหลักสูตรให้เหมาะสมกับกลุ่มของผูเ้ รียน
รวมถึงได้มคี วามพยายามในการปรับปรุงหลักสูตรให้มคี วามทันสมัยมากขึน้ แต่ยงั พบปญั หาในการ
นาไปปฏิบตั ิ เนื่องจากหลักสูตรยังคงมีรายวิชาและเนื้อหาสาระมากเกินไป ทาให้ไม่สามารถจัด การ
เรียนการสอนให้เป็ นไปตามแผนการสอนและตรงตามจุดประสงค์ของการเรียนรู้ นอกจากนี้การ
เปลีย่ นแปลงหลักสูตรบ่อยครัง้ ยังก่อให้เกิดความสับสนแก่ผสู้ อนในการนาไปปฏิบตั นิ อกจากนี้ ยังมี
ประเด็นปญั หาในเรือ่ งการดาเนินการวัดผลทีย่ งั คงมุง่ เน้นไปทีก่ ารวัดผลสัมฤทธิ ์ด้านวิชาการเป็ นหลัก
ทาให้การจัดการเรียนการสอนมุ่งไปที่การถ่ายทอดเนื้อหาวิชามากกว่าการพัฒนาคุณลักษณะที่พงึ
ประสงค์ทงั ้ การคิด วิเคราะห์ ใฝ่เรียนรู้แ ละแสวงหาความรู้อย่างต่ อเนื่อง คุณธรรม จริยธรรมและ
ปญั หาความไม่สมดุลของการพัฒนาคนนี้เอง ยังส่งผลสะท้อนกลับให้ผลสัมฤทธิ ์ทางการเรียนของ
นักเรียนไทยก็ยงั ต่ ากว่าระดับมาตรฐานสากล แม้จะกล่าวว่าประเทศไทยเน้นการเรียนการสอนใน
เนื้อหาสาระวิชาการก็ตาม
ด้านกระบวนการเรียนการสอน
ตามพ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่ามีเจตจานงค์ให้เกิด กระบวนการ
เรียนรูท้ เ่ี น้นผูเ้ รียนเป็ นสาคัญ และในนโยบายของรัฐบาลก็มกั มีการกล่าวถึงการส่งเสริมให้ ครูพฒ
ั นา
รูปแบบการจัดการเรียนการสอนอย่างหลากหลาย พร้อมทัง้ มีการใช้การวิจยั เพื่อพัฒนาการเรียนการ
สอน อย่างไรก็ตามในทางปฏิบตั ิครูส่วนหนึ่งยังไม่สามารถนารูปแบบไปใช้จดั การเรียนการสอนได้
อย่างเหมาะสม ไม่สามารถนาสื่อเทคโนโลยีไปใช้เป็ นส่วนหนึ่งในการจัดการเรียนการสอน และการ
วิจยั ก็ยงั เป็ นปญั หาของครูทย่ี งั ไม่สามารถนาไปใช้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนได้ทาให้ครูเกิดความ
สับสนในการดาเนินการ ส่งผลให้ครูจดั การเรียนการสอนที่ยดึ ผู้เรียนเป็ นสาคัญ ยังมีสดั ส่วนเพียง
ร้อยละ 50-60 เท่านัน้ (วิทยากร เชียงกูล, 2550)
428
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ด้านการวัดและประเมินผล
ในปจั จุบนั พบว่าเริม่ มีการกาหนดนโยบายให้ครูใช้วธิ กี ารวัดและประเมินผลผู้เรียนไม่เฉพาะ
แต่ในแง่วชิ าการเพียงอย่างเดียว แต่ให้วดั รวมไปถึงความประพฤติ ในด้านต่างๆ ของผูเ้ รียนด้วย แต่
มักยังติดปญั หาในทางปฏิบตั จิ ริง เนื่องจากการวัดผลดังกล่าวมีลกั ษณะเป็ นความคิดเห็นส่วนบุคคล
(Subjective) และไม่สามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน ทัง้ นี้ ได้มขี อ้ เสนอจากสถาบันวิจยั เพื่อการพัฒนา
ประเทศไทย (2552) ว่าควรมีการปฏิรปู การทดสอบมาตรฐานในระดับประเทศ โดยปรับจากระบบ O-
NET และอื่นๆ ในปจั จุบนั มาเป็ นการทดสอบเพื่อวัดความรูค้ วามเข้าใจและทักษะ (Literacy-Based
Test) ซึง่ สามารถประยุกต์เนื้อหาเข้ากับชีวติ ประจาวันได้จริงอีกทัง้ ยังควรนาผลการทดสอบมาตรฐาน
ระดับประเทศแบบใหม่น้ีไปใช้ในการวัดและประเมินผลผู้จดั การศึกษาควบคู่กนั ไปด้วย เช่น การ
ประเมินผลงานครู การประเมินสถานศึกษา และการประเมินผลผูบ้ ริหารสถานศึกษา
429
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
25
หลักการปฏิรปู การศึกษาทีไ่ ด้นาเสนอไว้ในส่วนนี้ ได้คดั กรองมาจากการศึกษาทบทวนข้อมูล รวมทัง้ การ
สัมภาษณ์ ตลอดจนการจัดประชุมเชิงปฏิบตั กิ ารและการเสวนาซึง่ ได้ให้ความสาคัญและกล่าวถึงประเด็นเหล่านี้
อยู่หลายครัง้
430
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
431
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
432
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
433
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
434
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ดาเนินการให้กองทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาสามารถดาเนินการตาม
ภารกิจ
แนวนโยบายในด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
นโยบายการพัฒนากาลังคน (Manpower Policy)
จากการทบทวนนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ทเ่ี กี่ยวข้องในด้านการพัฒนากาลังคน พบว่า ที่
ผ่านมาได้มกี ารจัดทาแผนทีเ่ กี่ยวข้องกับการพัฒนาคน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับ
ที่ 11 ของส านัก งานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ และสัง คมแห่ งชาติ ซึ่ง เป็ น นโยบายกว้า งๆ
ระดับประเทศในการส่งเสริมการพัฒนากาลังคน ไปจนถึงแผนพัฒนากาลังคนรายสาขาซึ่งเป็ นการ
ตอบสนองความต้องการแรงงานของแต่ละภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ในปจั จุบนั รัฐบาลได้มกี าร
อนุมตั แิ ผนพัฒนากาลังคนในระดับประเทศ พ.ศ.2555 - 2559 เสนอโดยกระทรวงแรงงาน ซึง่ เป็ น
ความพยายามที่จะผลักดันแผนการพัฒนากาลังคนเป็ นองค์รวมและสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนา
เศรษฐกิจไทยในอนาคตมากขึน้ โดยรายละเอียดของแผนยุทธศาสตร์ มีดงั นี้
435
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
วัตถุประสงค์
1. มีความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานด้านกาลังคน
2. กาลังคนมีศกั ยภาพสูง ได้มาตรฐานสากล ตอบสนองความต้องการของทุกภาคส่วน
และสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้
3. กาลังคนมีความรับผิดชอบ และมีจติ สานึกทีด่ ตี ่อหน้าที่
4. มีการบูรณาการการพัฒนากาลังคนทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ
5. กาลังคนมีความมันคง
่ และมีคุณภาพชีวติ ทีด่ ขี น้ึ
436
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
437
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
438
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
439
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
แนวทางการแก้ไขปัญหาด้านกาลังคน
ในการรับมือกับวิกฤติก ารขาดแคลนแรงงานที่ผ่านมา ธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมได้มกี าร
แก้ไขปญั หาเฉพาะหน้า โดยการนาเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทดแทนเป็ นจานวนมาก
อย่างไรก็ตามวิธนี ้จี ะไม่สามารถแก้ไขปญั หาการขาดแคลนแรงงานได้ในระยะยาวเนื่องจากมีแนวโน้ม
การไหลกลับของแรงงานต่างด้าวสู่ประเทศต้นทางมากขึน้ เนื่องจากการเปิดเสรีทางการค้าและการ
ลงทุนของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ทาให้เกิดการพัฒนา
อุตสาหกรรมในประเทศโดยเฉพาะประเทศพม่า กัมพูชา และลาว ปจั จัยดังกล่าวจะทาให้อตั ราค่าจ้าง
แรงงานต่างด้าวขยับตัวสูงขึน้ เพิม่ ต้นทุนให้กบั ผูป้ ระกอบการจนไม่สามารถแข่งขันได้ในทีส่ ุด
ั หาเรื่อ งสภาวะการขาดแคลนแรงงานอย่ า งยัง่ ยืน คือ การเพิ่ม
ดัง นั น้ วิธ ีก ารแก้ ไ ขป ญ
ความสามารถในการผลิตต่อหน่ วยแรงงาน ด้วยการเพิม่ ประสิทธิภาพหรือความสามารถของแรงงาน
ผ่านการพัฒนาฝีมอื แรงงาน การอบรมเพิม่ ทักษะและการศึกษาและทีส่ าคัญคือต้องมีความสอดคล้อง
กับความต้องการของตลาดแรงงานทัง้ ในเชิงปริมาณและคุณภาพ ในขณะเดียวกัน การแก้ปญั หาที่
มุ่งหวังการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ภายใต้ข้อจากัดแรงงานที่ขยายตัวช้าลงนัน้
ประเทศไทยต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ให้เอื้อต่อการใช้แรงงานทีม่ คี ุณภาพในระดับที่เข้มข้น
มากขึ้น ยกระดับ การผลิต เปลี่ยนจากการพึ่ง พาแรงงานไร้ฝี ม ือ ราคาถู ก มุ่ง สู่อุ ต สาหกรรมที่ใ ช้
เทคโนโลยีสูงขึ้นทัง้ นี้ภาครัฐและภาคเอกชนควรให้ความสาคัญกับการวิจยั และพัฒนา นาไปสู่การ
เพิ่ม ประสิท ธิภ าพและสร้ า งมู ล ค่ า เพิ่ม ได้ ม ากขึ้น ซึ่ง จะเป็ น ป จั จัย ส าคัญ ที่จ ะช่ ว ยยกระดับ ขีด
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
ภาพที่ 114: แนวทางการแก้ไขปัญหาด้านกาลังคน
Short-term Response Sustainable Solution
กร ดั กั า การ ล ข ง ร ก ไท
440
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
441
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Supply Demand
for Labor for Labor
Manpower Planning
Matching Skill
Employability
Demand & Supply Utilization
Industrial, Trade,
Education Policy Labor Market Policy
STI Policy
442
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างการศึกษาและตลาดแรงงาน
แนวคิ ดการสร้างความเชื อ่ มโยงระหว่างการศึกษาและตลาดแรงงาน
ปญั หาการขาดแคลนแรงงานของไทยในป จั จุ บ ัน ส่ ว นหนึ่ ง มาจากการที่ร ะบบ
การศึกษาผลิตคนแบบไร้ทศิ ทาง ไม่สอดคล้องต่อความต้องการของตลาดแรงงาน ทัง้ นี้หาก
เรามองการส่งผ่านระหว่างการศึกษาและตลาดแรงงานจะเห็นว่ามีขอ้ ต่อ (Intersection) ที่
สาคัญอยู่ 3 จุดคือ (1) การเข้าเรียน (Enrollment) (2) การพัฒนาทักษะ (Skill Formation)
และ (3) การเข้าสู่ตลาดแรงงาน (Market Entry) การวิเคราะห์โดยใช้ภาพกรอบแนวคิดใน
ลัก ษณะนี้ ม ีข้อ ดีเ นื่ อ งจากจะช่ ว ยให้เ ราเห็น ถึง ความเชื่อ มโยงระหว่ า งการศึก ษาและ
ตลาดแรงงานและความสัมพันธ์เชิงระบบของนักเรียน สถานศึกษา และผูป้ ระกอบการซึง่ ใน
ความเป็นจริงพบว่าแต่ละตัวแสดงมีมมุ มองและพฤติกรรมทีไ่ ม่สอดคล้องกัน และขาดการบูร
ณาการร่วมมือกัน ทาให้ทา้ ยสุดไม่สามารถไปถึงจุดหมายทีแ่ ต่ละฝ่ายต่างต้องการได้ ดังนัน้
เนื้อหาในส่วนต่อไปจะระบุประเด็นสาคัญ (Critical Issue) ของแต่ละข้อต่อ พร้อมทัง้
นาเสนอแนวทางการแก้ไขซึง่ ส่วนหนึ่งได้จากการศึกษาประสบการณ์ของประเทศต่างๆ ซึง่
เป็นตัวอย่างทีด่ ี (Good Practice)ทีส่ ามารถนามาประยุกต์ใช้กบั ประเทศไทยได้
443
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1) การเข้าเรียน (Enrollment)
ค าถามที่ส าคัญ ในข้อ ต่ อ แรกนี้ ค ือ ทาอย่า งไรที่ทุ กคนเข้าถึง ระบบการศึก ษาและ
สามารถทาให้นักเรียนเลือกเรียนในวิชาและสาขาทีเ่ หมาะกับและตอบโจทย์ตลาดแรงงานไป
ได้ในเวลาเดียวกัน จากการสารวจเบื้อ งต้นพบว่านักเรียนส่ว นใหญ่ ท่ตี ้องออกกลางคันมี
สาเหตุ ส าคัญ คือ ไม่ม ีเ งิน เรีย นต่ อ หรื อ ต้ อ งช่ ว ยท างานเพื่อ หารายได้ม าเลี้ย งครอบครัว
(Affordability) ซึ่งตามปกติแล้วจะใช้มาตรการการให้เงินทุนเรียนต่อ แต่ด้วยข้อจากัดด้าน
สภาพคล่ อ งโดยเฉพาะในกรณีข องเด็ก ที่ด้อ ยโอกาสมาจากพื้น ฐานครอบครัว ที่ย ากจน
รัฐบาลควรเพิ่ มจานวนเงิ นอุดหนุนให้ ครอบคลุมค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) จาก
การต้องสูญเสียแรงงานเพื่อเข้ามาสู่ระบบการศึกษาด้วย
สาหรับเรื่องการตัดสินใจของนักเรียนทีจ่ ะเลือกเรียนสาขาวิชาใดนัน้ พบว่านักเรียน
ส่วนใหญ่มกั ไม่มขี อ้ มูลเพียงพอเกี่ยวกับทางเลือกทางการศึกษา ทาให้บางคนตัดสินใจเลือก
เรียนในสิง่ ทีต่ นเองไม่รดู้ ว้ ยซ้าว่าจะนาไปสู่การประกอบอาชีพอะไร ดังนัน้ ควรจะมีการพัฒนา
ฐานข้อมูลอาชีพ (Occupational Information Database) ทีร่ วบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับ
โอกาสทางอาชีพ เส้นทางความก้าวหน้า แนวโน้มของอุตสาหกรรมนัน้ ๆ รวมถึงค่าจ้างและ
การฝึกอบรมในสายงาน แต่อย่างไรก็ตามนอกจากการมีขอ้ มูลเบือ้ งต้นแล้ว จาเป็ นจะต้องมี
กลไกที่ จะสามารถทาให้ เด็กที่ มีความเสี่ ยงสามารถเข้าถึงและเข้าใจข้อมูลเหล่านี้ ได้
(Engage the Disengaged) เช่นการเพิม่ ความเข้มข้นของการแนะแนวเพื่อวางแผนอาชีพ
(Career Planning)ในการเรียนการสอนตัง้ แต่ช่วงมัธยมต้น โดยให้ความสนใจเป็ นพิเศษกับ
กลุ่มเด็กทีม่ คี วามเสีย่ งทีจ่ ะออกจากระบบศึกษา
ประเด็นสาคัญทีม่ คี วามเกี่ยวเนื่องกันอีกประการหนึ่งคือทาอย่างไรจะสามารถสร้าง
ค่านิยมใหม่สาหรับการเรียนในสายอาชีพ ในกรณีน้ีควรศึกษาโมเดลต้นแบบของประเทศ
เกาหลีใต้ ที่ประสบความสาเร็จในการสร้างเครือข่ายสถาบันอาชีวะใหม่โดยให้ช่อื เรียกว่า
Meister School ซึง่ เปลีย่ นแปลงภาพลักษณ์อาชีวะ ถึงขนาดรัฐบาลเกาหลีใต้เรียกนักเรียน
อาชีวะเหล่านี้ว่าเป็ น 'Young Meister' ซึง่ เป็ นศัพท์เยอรมันทีแ่ ปลว่าMaster หรือผูช้ านาญ
อย่างถ่องแท้ในสิง่ ทีต่ นทา ทาให้เด็กอาชีวะได้รบั การยกย่ องและเพิม่ สัดส่วนคนเรียนอาชีวะ
มากขึน้
445
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
โมเดลการขับเคลื่อน
การนาแนวทางการแก้ไขปญั หาดังที่ได้กล่าวมาในเบื้องต้นไปสู่ภาคการปฏิบตั ใิ ห้ม ี
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลนัน้ เป็ นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายมาก เนื่องจากมีหน่ วยงานจาก
ภาคส่ ว นที่ห ลากหลายที่มสี ่ ว นเกี่ย วข้อ งกับความเชื่อ มโยงระหว่ างระบบการศึกษาและ
ตลาดแรงงานจะต้องทางานอย่างบูรณาการ มีความสอดคล้องและมีทศิ ทางไปในทางเดียวกัน
ซึง่ จาเป็นจะต้องมีการปรับเปลีย่ นเชิงโครงสร้างของระบบ โดยคานึงถึงแนวทางทีส่ าคัญอย่าง
น้อย 3 ประการ คือ
1) พัฒ นาระบบการเก็บ ข้ อ มู ล และเผยแพร่ ข้ อ มู ล (Data Collection and
Dissemination)
การจัด ท าข้ อ มู ล ด้ า นอาชีพ เพื่อ การแนะแนวการศึก ษานั ้น มีค วามส าคัญ มาก
เนื่องจากนักเรียน นักศึกษาจะได้มคี วามรูค้ วามเข้าใจและสามารถตัดสินใจเลือกอาชีพได้ดว้ ย
ตนเองโดยทราบถึงปจั จัยที่มคี วามเกี่ยวข้องได้อย่างครบถ้วนเช่น ลักษณะและสภาพการ
ทางานโอกาสการมีงานทา ความก้าวหน้ าของแต่ละอาชีพตลอดจนการเตรียมความพร้อม
ของตนเองก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน ซึง่ ในปจั จุบนั ข้อมูลรายละเอียดของแต่ละอาชีพส่วนใหญ่
มีการจัดทาอยูแ่ ล้ว เพียงแต่กระจัดกระจายอยู่กบั หลายๆหน่ วยงาน ดังนัน้ ควรมีการรวบรวม
ข้อมูลให้อยู่ในที่เดียว จัดทาเป็ นระบบฐานข้อมูลที่มคี วามครอบคลุมและสมบูรณ์ในรูปแบบ
ออนไลน์ (Online Comprehensive Database) ทีน่ ักเรียน นักศึกษา นักแนะแนวการศึกษา
รวมทัง้ ประชาชนทัวไปสามารถเข้
่ าถึงได้และสะดวกต่อการใช้งานนอกจากนี้ควรมีการพัฒนา
เมตริก (Metrics) เป็ น กลไกส าคัญ เพื่อ เอื้อ ให้เ กิด การสร้า งความรับ ผิด ชอบ
(Accountability)ของผลลัพธ์ในตลาดแรงงาน (Labor Market Outcome) เช่น กระทรวง
ศึกษาอาจมีการกาหนดให้สถานศึกษาจัดทาแบบสารวจภาวะการมีงานทาของบัณฑิตแบบ
ประจาปี โดยข้อ มูล จะต้อ งถู ก ตีพิมพ์ต่ อ สาธารณะ เพื่อ ให้นักเรียนทราบถึงคุ ณ ภาพและ
ความสามารถของสถาบันการศึกษาในการจัดการศึกษาให้ตอบสนองกับโลกของการทางาน
ซึง่ อาจจัดทาออกมาในรูปแบบของการจัดอันดับสถานศึกษา (National Ranking) เพื่อสร้าง
แรงจูงใจให้กบั สถานศึกษาได้อกี ทางหนึ่ง
446
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
447
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
บทที่ 5
สรุปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย :
แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทย
กับการเตรียมความพร้อมสู่ศตวรรษที่ 21
5.1 สรุป
พลวัต การเปลี่ย นแปลงโลกจากการก้า วเข้า สู่ศ ตวรรษที่ 21 ได้ส่ ง ผลกระทบทัง้ ทางสัง คม
เศรษฐกิจ สิง่ แวดล้อม และการเมืองของทุกประเทศในประชาคมโลก การปรับแนวทางการศึกษาเพื่อ
พัฒนาประชากรให้มคี วามพร้อมสู่ศตวรรษใหม่ถูกกาหนดเป็ นวาระแห่งชาติของหลายประเทศ ความท้า
ทายในการปรับแต่งการศึกษาจากแนวทางของศตวรรษที่ 20 ที่มกี ระบวนทัศน์แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจึง
เป็นความท้าทายหลักของการปฏิรปู การศึกษาไทยของศตวรรษที่ 21 ด้วยเช่นกัน
สภาวการณ์ การเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 ที่ มีนัยสาคัญต่ อการจัดการศึกษา
ไทย และกาหนดภาพรวมของเป้ าประสงค์หลักของการจัดการศึกษาของไทย
บริบทการเปลี่ยนแปลงสาคัญที่มผี ลกระทบต่อประเทศไทย ที่จะมีผลกระทบและนัยสาคัญต่อ
ภาคการศึกษาเรียนรูข้ องประเทศไทยทีส่ าคัญ ประกอบด้วย 3 ระดับ
1) แนวโน้มการเปลีย่ นแปลงของโลก (Global Trend) ทีส่ าคัญ คือ พลวัตการเปลีย่ นแปลงโลก
จากการก้าวผ่านจากศตวรรษที่ 20 เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 โดยสรุปเป็ นประเด็นสาคัญได้ 3
กระแส ได้แก่ (1) กระแสการเปลีย่ นแปลงจากศตวรรษแห่งอเมริกา (American Century)สู่
ศตวรรษแห่งเอเชีย (Asian Century) (2) กระแสการเปลีย่ นจากยุคแห่งความมังคั ่ ง่ สู่ยุค
แห่งความสุดโต่ง ทัง้ ธรรมชาติ การเมือง และธุรกิจ และ (3) กระแสการเริม่ เปลีย่ นแกน
อานาจจากภาครัฐและเอกชนสู่ภาคประชาชน (Citizen Centric Governance) หรือ
ประชาภิบาล
2) แรงขับเคลื่อนในระดับภูมภิ าค (Regional Forces) การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของภูมภิ าค
ต่างๆ ของโลกมากขึน้ โดยกรอบความร่วมมือทีม่ คี วามสาคัญใกล้ชดิ กับประเทศไทยมาก คือ
การรวมกันเป็ นประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) และการรวมกลุ่มของเอเชีย
ตะวันออก (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP)
449
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4) ปัญหาการประเมิ นผล
ทีผ่ ่านมา ปญั หาการประเมินเป็ นสาเหตุเบือ้ งหลังของการก่อให้เกิดความไม่มปี ระสิทธิภาพ และ
เกิดการนาไปสู่วถิ ที างการพัฒนาที่ไม่ มคี ุณภาพอย่างแท้จริง แม้ว่าผลการประเมินจะดีเยีย่ ม ดังนัน้ จึง
จาเป็ นต้องปรับเปลีย่ นการประเมินผล ทัง้ ในส่วนการประเมินผลการบริหารจัดการ การประเมินผลงาน
ครู ให้เ ป็ นระบบที่มุ่งเน้ นผลงาน การประเมินเพื่อ เลื่อนขัน้ ควรเปลี่ยนมาเป็ น ระบบที่อิงผลงานและ
ผลสัมฤทธิ ์ของผูเ้ รียนได้ผลดี ในขณะทีก่ ารประเมินการเรียนรูข้ องผูเ้ รียน ทีเ่ ดิมนัน้ อาศัย ระบบประเมิน
แบบเน้ นได้-ตก (Summative Evaluation) เป็ นหลัก ละเลยคุณค่ าของการประเมินเพื่อพัฒนา
(Formative Evaluation) ควรมีก ารปรับเปลี่ยนให้เ ป็ นการประเมินเพื่อ พัฒนา รวมการวัดอย่างอื่น ที่
นอกเหนือวิชาความรู้ เช่น การวัดความฉลาดทางอารมณ์ ทัศนคติ เป็นต้น
นอกจากข้อจากัดในเชิงระบบการพัฒนาการศึกษาเรียนรู้ ดงั ที่กล่าวเบื้องต้น แล้ว ผลจากการ
วิเคราะห์ช่องว่าง (Gap Analysis) ระหว่าง สถานภาพปจั จุบนั ของประเทศไทย (As-Is) และเป้าประสงค์
หลักของประเทศไทยทีพ่ งึ ประสงค์ (Shold Be) จากการสอบถามความคิดเห็นผูเ้ ชีย่ วชาญด้านการศึกษา
และภาคส่วนทีเ่ กีย่ วข้อง มีขอ้ ค้นพบทีส่ าคัญดังนี้
- เป้าหมายระดับสังคม ด้าน ”สังคมที่เป็ นธรรม” (Just Society) เป็ นด้านที่สถานะปจั จุบนั
ห่างไกลจากเป้าหมายสูงมากทีส่ ุด ขณะทีส่ งั คมคุณธรรมจริยธรรม (Moral Society) เป็ น
ด้านทีส่ ถานะปจั จุบนั ห่างไกลจากเป้าหมายสูงมากรองลงมาเป็ นอันดับสอง ซึง่ แสดงให้เห็น
ว่าเป็ นจุดวิกฤตที่จาเป็ นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน สาหรับด้านสังคมที่สามารถ (Productive
Society) และสังคมแห่งโอกาส (Opportunity Society) ปจั จุบนั ห่างไกลจากเป้าหมาย
ค่อนข้างมาก
- เป้าหมายระดับบุคคล โดยภาพรวมยังมีช่องว่าง ระหว่างระดับปจั จุบนั (As Is)กับ เป้าหมาย
ทีพ่ งึ ประสงค์ (Should Be) ด้านทีม่ ชี ่องว่างอยู่ในระดับสูงมาก คือ “การมุ่งพัฒนาความเป็ น
มนุ ษย์ท่สี มบูรณ์ สร้างเด็กให้เป็ นคนดีของสังคม สร้างประโยชน์แก่คนรอบข้าง ชุมชน และ
ประเทศชาติ” และ “ด้านการส่งเสริมผูเ้ รียนตลอดชีวติ ”
กลุ่มจิต (Mindset) ทีเ่ ป็ นจุดอ่อนทีส่ ุดของคนไทย หรือยังคงขาดในปจั จุบนั มากทีส่ ุด
สูงสุด 3 อันดับแรก คือ จิตจริยธรรม การรูผ้ ดิ ชอบชัวดี ่ รับผิดชอบในบทบาทหน้าทีข่ อง
ตนเอง (ร้อยละ 30.6) จิตสร้างสรรค์ การคิดริเริม่ สิง่ ใหม่ๆ สร้างสรรค์เพื่อการพัฒนา (ร้อย
ละ 25.8) และจิตสังเคราะห์ การประมวลความรู้ ไตร่ตรองความรูท้ ไ่ี ด้มาเพื่อประโยชน์ท่ดี ี
(ร้อยละ 22.6) ส่วนกลุ่มจิต (Mindset) ของคนไทยทีเ่ ป็ นจุดแข็งทีส่ ุดของคนไทย หรือเป็ น
เอกลักษณ์ของคนไทย ผูเ้ ชีย่ วชาญร้อยละ 53.2 ให้ความเห็นว่า จิตเคารพ การให้เกียรติซง่ึ
กันและกัน เชื่อมโยงความสัมพันธ์อนั ดีในสังคม เป็นเอกลักษณ์ของคนไทยมากทีส่ ุด
กลุ่ ม ทัก ษะ (Skillset) ผลจากการประเมิน ช่ อ งว่ า งของกลุ่ ม ทัก ษะที่จ าเป็ น แห่ ง
ศตวรรษที่ 21 (21st Century Skill) ทีส่ าคัญทีส่ ุดต่อการพัฒนาศักยภาพคนไทยสูงสุดอันดับ
453
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ระดับปัจเจก
- การสร้างมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีจิตที่ พร้อม มีความแข็งแกร่งในสมรรถนะหลัก สอดรับ
ศักยภาพการเรียนรู้ของทุกคน โดยอาศัยการศึกษาเป็ นเครื่องช่วยบ่มเพาะคนไทยให้
เป็ น คนที่ม ีศ ัก ยภาพ กล่ อ มเกลาให้เ ป็ น คนที่ม ีคุ ณ ธรรม จริย ธรรม มีค วามสุ ข ช่ ว ยน า
ประเทศไปสู่ระดับการพัฒนาอย่างสมดุลและยังยื ่ น มิใช่มุ่งเน้นเพียงผลสัมฤทธิ ์ทางวิชาการ
หรือการสอบเพื่อคะแนนอย่างเดียวอีกต่อไป
ประเด็นข้อเสนอแนะแนวทางพัฒนาการศึกษา
จากการศึกษาวิเคราะห์ถงึ สภาวการณ์การเปลี่ยนแปลง ความท้าทายหรือนัยต่อภาคการศึกษา
รวมทัง้ สภาพปจั จุบนั ด้านต่างๆ ทัง้ เป้าหมาย กระบวนทัศน์ นโยบาย แพล็ตฟอร์มการศึกษาเรียนรูท้ งั ้
การจัดการเรียนการสอนในระบบ และสภาพการเรียนรูใ้ นสังคม ผลสัมฤทธิ ์ทางการศึกษา ภายใต้พล
วัตรการเปลีย่ นแปลง ปรัชญาพืน้ ฐานที่เป็ นรากฐานแห่งระบบการศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21 จะต้อง
เปลีย่ นไป โดยปรับเปลีย่ นอัตลักษณ์ (Identity) คนไทย จากเดิมแต่ละคนมีสถานะเป็ นแค่เพียงพลเมือง
ไทย (Thai-Thai) สู่ความเป็ นคนไทยทีเ่ ป็ นส่วนหนึ่งของพลเมืองโลก (Global-Thai) ปรับเปลีย่ นจุดเน้น
(Reorientation) จากการเน้นการสร้างคนเพื่อป้อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ (People for Growth) เพื่อ
ตอบโจทย์สงั คมอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียวไปสู่การเน้นการสร้างการเติบโตเพื่อรองรับการสร้างและ
ปลดปล่อยศักยภาพของผู้คนในสังคม (Growth for People) เพื่อตอบโจทย์สงั คมองค์ค วามรู้
ปรับเปลีย่ นกระบวนทรรศน์ (Paradigm) จากความพยายามเอาชนะธรรมชาติ (Controlling Nature) มา
เป็ นการอยู่รวมกับธรรมชาติ (Living with Nature) พัฒนาอย่างยังยื่ น นอกจากนัน้ ยังต้องปรับเปลีย่ น
วัฒนธรรม จากการเป็นสังคมทีค่ นมุ่งมันแข่ ่ งขันฟาดฟนั ต้องเอาชนะผูอ้ ่นื (Competition-driven Culture)
มาเป็ นการทางานร่วมกับคนอื่นในลักษณะเกื้อกูลแบ่งปนั (Collaborative Culture) และขับเคลื่อน
ประเทศไทยไปสู่โลกทีห่ นึ่ง (First World Nation) จากทีม่ องแต่การมุ่งไปสู่การเป็ นประเทศพัฒนาแล้ว
(Developed Country) ซึ่งให้ความสาคัญแต่มติ เิ ศรษฐกิจเป็ นสาคัญมาเป็ นการคานึงถึงประเด็นด้าน
สังคม วัฒนธรรม โดยเฉพาะการสร้างเกียรติภมู ใิ นความเป็ นชาติ (Dignity of Nation)
ประเด็นข้อเสนอแนะแนวทางพัฒนาการศึกษาในการศึกษาครัง้ นี้ สรุปได้ดงั นี้ (ดูรายละเอียดใน
ตารางที่ 41)
เป้ าหมายของการจัดการศึ กษา: จาเป็ นต้อ งเน้ นพัฒนาผู้เรียนอย่างสมดุล แทนการให้
ความส าคัญ ในด้า นวิช าการเพีย งอย่ า งเดีย ว และการศึก ษาต้ อ งไม่ เ ป็ น ไปเพีย งเพื่อ การศึก ษา
(Education Just for Education) แต่ต้องเป็ นไปเพื่อการพัฒนาประเทศชาติและสังคมอย่างยังยื ่ น สร้าง
พลเมืองทีม่ คี ุณภาพ มีความสมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน และผูเ้ รียนสามารถค้นพบศักยภาพของตนเองและใช้
ศักยภาพนัน้ ได้อย่างเต็มที่
455
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
456
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
457
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
458
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
459
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
460
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
461
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
462
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
463
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
464
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การศึก ษาเรีย นรู้ข องผู้ เ รีย นให้ ค วามส าคัญ กับ การประเมิน พัฒ นาการเรีย นรู้
(Formative Assessment) ให้มากขึน้ เพื่อปลูกฝงั บ่มเพาะนิสยั การเรียนรู้
- การพัฒ นาแหล่ ง เงิ น ทุ น และปฏิ รู ป กลไกทางการเงิ น (Funding/reward
mechanism reform)
- การสร้างการมีส่วนร่วมขนาดใหญ่จากทุกภาคส่วน (Massive Participation)
รวมทัง้ สร้างกลไกการเชื่อมต่อระหว่างภาคส่วนต่างๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง (Connectivity
mechanism between Stakeholders) ทุกหน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้องปฏิบตั หิ น้าทีข่ อง
ตนอย่างเต็มประสิทธิภาพ
3. โครงการที่ส่งผลสาเร็จเร็ว (Quick Win) เป็นการดาเนินการกิจกรรมทีม่ คี วามง่าย
(Easy) ในการดาเนินการ แต่ถา้ ดาเนินการได้สาเร็จจะก่อให้เกิดผลกระทบน้อย (Low
Impact) อีกทัง้ ไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาด้านการศึกษา เรียนรูข้ องผูเ้ รียนและประชาชนใน
สังคมอย่างยังยื
่ น โครงการทีด่ าเนินการในลักษณะนี้ เช่น
- การอุดหนุ นระยะสัน้ (Short-Term Subsidy)
- การสนับสนุ นเครือ่ งมือทางการศึกษา (Education Instrument) (เช่น โครงการแท็บ
เล็ตพีซเี พื่อการศึกษาไทย (One Tablet Per Child: OTPC)
แนวทางการดาเนินการทัง้ สามด้านสามารถทาควบคู่กนั ได้โดยมีวตั ถุประสงค์เพื่อให้ระบบ
การศึกษาสามารถเอือ้ ให้การศึกษาทีม่ คี ุณภาพเข้าถึงคนไทยทุกคนได้ และผูส้ าเร็จการศึกษามีทกั ษะ
ทีจ่ ะอยู่และมีอาชีพในโลกศตวรรษที่ 21 ได้อย่างภาคภูม ิ ซึ่งระบบการศึกษาเองจะสามารถพัฒนา
ตนเองให้มคี วามสามารถในการรูส้ กึ ถึงการเปลี่ยนแปลงและตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่าง
เหมาะสมทันท่วงที
465
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
466
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
467
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ศตวรรษที่ 21
แนวทางการพัฒนาการศึ กษาไทยเพือ่ เตรียมความพร้อมสู่ศตวรรษที ่ 21 จะประกอบ
ไปด้วยแนวทางในการดาเนิ นการที ส่ าคัญทัง้ การ “ซ่ อม” และการ “สร้าง” ควบคู่กนั ไป เพื่อ
เป็ นการปรับแต่ง ซ่อมแซมกลไกการศึกษาเดิมให้ดยี งิ่ ขึน้ และสร้างเสริมกลไกใหม่ๆ ให้เกิดขึน้ เพื่อ
ตอบสนองพลวัตรการเปลี่ยนแปลงแห่งศตวรรษที่ 21 รวมถึงสร้างพลังของการเปลี่ยนแปลงของ
สังคมไทย เพื่อก้าวสู่การสร้างสังคมแห่งปญั ญาการเรียนรูอ้ ย่างสร้างสรรค์ ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดผลใน
การพัฒนาการศึกษาเรียนรูข้ องไทยในทางปฏิบตั อิ ย่างยังยื ่ นและสมดุล เป็ นรากฐานของการพัฒนา
ประเทศอย่างแท้จริง
ซ่อม
1. ปฏิรปู ระบบการผลิตครูและพัฒนาศักยภาพครูประจาการ
2. ปฏิรปู การเรียนรูส้ ่ศู ตวรรษแห่ง 21 และส่งเสริมการเรียนรูต้ ลอดชีวติ
3. ปฏิรปู ระบบการประเมิน เน้นการประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ (formative
assessment)
4. ปฏิรปู เชิงโครงสร้าง และบริหารการเปลีย่ นแปลง ตลอดจนปฏิรปู ระบบการบริหาร
จัดการ (Management System)
สร้าง
5. สร้างสังคมแห่งปญั ญา (Wisdom-based Society) ส่งเสริมการเรียนรูต้ ลอดชีวติ
(Lifelong Learning) และสร้างสภาพแวดล้อมทีเ่ อือ้ ต่อการเรียนรู้ (Supportive Learning
Environment) เพื่อสร้างมนุ ษย์ทส่ี มบูรณ์ (ไม่ใช่แค่เน้นแต่วชิ าการ)
468
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
469
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
470
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
471
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ซ่อม
1. ปฏิรูประบบการผลิตครูและพัฒนาศักยภาพครูประจาการ
แนวนโยบาย:
473
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
แนวนโยบาย:
• มี เ ป้ าประสงค์ข องนโยบายการศึ ก ษาที่ ส มดุล และหลากหลาย ออกกฎหมายเพื่อ
ส่งเสริมสนับสนุ นให้การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เข้ามามีบทบาทในการ
พัฒนาคุณภาพชีว ิตของประชาชนให้ มากยิง่ ขึ้นในรูปแบบต่ างๆ เช่น หลักสูตรการศึกษา
ผูใ้ หญ่ การฝึกอบรมต่อเนื่องเพื่อพัฒนาให้ประชาชนทุกวัยของประเทศมีความรู้ เป็ นการเพิม่
ศักยภาพของประชากร
• ออกแบบหลักสูตรที่ เน้ นการเรียนรู้อย่างกว้างขวางและเป็ นองค์รวม (Broad-Based
and Holistic Learning) ควรเน้ น วิ ธีการสอน กระบวนการเรียนรู้ การบูรณาการ
เนื้ อหาสาระวิ ชาต่างๆเข้าด้วยกันมากกว่า เนื่องจากในปจั จุบนั การเปลีย่ นแปลงหลักสูตร
474
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
475
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
3. ปฏิรูประบบการประเมินผล
ประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู ้ ประเมินอย่างสร้างสรรค์
เพื่อบ่มเพาะทักษะ “เรียนรูท้ ่ีจะเรียน”
แนวนโยบาย:
เน้ นการประเมิ นพัฒนาการ (Formative Assessment) เป็ นหลัก เพื่อกระตุ้นการ
เรียนรู้ การคิ ด และก่อให้เกิ ดการพัฒนาตัวผูเ้ รียนอย่างแท้ จริ ง เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง
วัฒนธรรมในห้องเรียน เปิ ดโอกาสให้ครูจะต้องใช้วธิ กี ารเรียนการสอนแตกต่างกันไป
บทเรียนอาจเกิดจากวิธกี ารที่หลากหลาย ช่วยสร้างให้นักเรียนมีทกั ษะ “เรียนรู้ท่จี ะ
เรียน” (Learning to Learn) โดยครูอาจใช้วธิ กี ารทีผ่ สมผสานกันในการประเมินความ
เข้าใจของนักเรียน ทัง้ นี้ครูต้องให้ข้อเสนอแนะ (Feedback) ทางวาจาหรือเป็ นลาย
ลักษณ์อกั ษรเพื่อกระตุน้ ให้เกิดพัฒนาการเรียนรู้
ควรมีการประเมิ นประสิ ทธิ ผลของครูโดยใช้ ผลการเรียนรู้ของนักเรียน มีการ
ส่ ง เสริม การออกแบบกิจ กรรมในชัน้ เรีย นให้ส อดคล้อ งกับ เป้ าหมายทางการศึก ษา
ส่งเสริมยุทธศาสตร์ในการเรียนของผู้เรียนที่ถูกต้อง และมีการจัดการทีด่ กี บั ปญั หาการ
ขาดเรียนของนักเรียน
ส่ งเสริ มการเปิ ดเผยข้ อมูลผลการเรียนแก่ ผ้ปู กครองโดยมีการเปรียบเที ยบกับ
มาตรฐานในระดับต่ างๆ เช่น ระดับพืน้ ที่หรือระดับชาติ และส่งเสริมบรรยากาศแห่ง
การแข่ง ขัน ระหว่ างโรงเรียนเพื่อ ให้เ กิด การพัฒนาประสิท ธิภ าพของโรงเรียนอย่า ง
ต่อเนื่อง
476
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4. ปรับรูปแบบการบริหารจัดการ
จัดให้มีรูปแบบการบริหารจัดการที่หลากหลาย
มีความอิสระ สอดคล้องกับศักยภาพและความพร้อมของโรงเรียนและชุ มชน
เพื่อลดการรวมศูนย์ และลดภาระของภาครัฐ
แนวนโยบาย:
ปฏิ รปู เชิ งโครงสร้าง และพิ จารณาปรับรูปแบบการบริ หารจัดการ โดยปรับรูปแบบ
การบริ หารจัดการ ความเป็ นอิ สระสอดคล้ องกับศักยภาพ และความพร้อมของ
สถาบันการศึ กษาต่ างๆ เพื่อลดภาระงบประมาณในกรณี สถาบันการศึ กษาที่ มี
ความพร้ อ มในการบริ ห ารจัด การ และเปิ ดโอกาสให้ ชุ ม ชนเข้ า ร่ ว มพัฒ นา
เนื่องจากปจั จุบนั งบประมาณไม่เพียงพอเนื่องจากปญั หาเชิงโครงสร้างทีภ่ าคการศึกษามี
ขนาดใหญ่ มีฟ งั ก์ชนการท
ั่ างานที่ซ้า ซ้อ น ค่ อ นข้างรวมศูน ย์ งบประมาณส่ ว นใหญ่
จาเป็นต้องจัดสรรเพื่อเป็นงบประจา ทาให้มงี บประมาณเพื่อการลงทุนพัฒนาในสัดส่วนที่
น้ อ ย อีก ทัง้ การจัด สรรงบประมาณเท่า กัน ถัว เฉลี่ยรายหัว ไม่ส อดคล้อ งกับ ต้น ทุ น
บริหารจัดการสถานศึกษา เนื่องจากโรงเรียนมีต้นทุนคงที่ในการบริหารจัดการ การ
จัด สรรงบประมาณอย่ า งถัว เฉลี่ย ท าให้โ รงเรีย นได้ร ับ ทรัพ ยากรอย่ า งไม่ เ พีย งพอ
โดยเฉพาะอย่างยิง่ โรงเรียนขนาดเล็กและขนาดกลาง
477
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภา ค รั ฐ ค ว ร พิ จ า ร ณ า ป รั บ เ ป ลี่ ย น รู ป แ บ บ ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ข อ ง
สถาบัน การศึ ก ษาให้ มี ค วามหลากหลายสอดคล้ อ งกับ ความพร้ อ มและ
ศักยภาพของสถาบันการศึ กษาแต่ ละแห่ ง โดยให้อสิ ระสถาบันการศึกษาต่างๆ
พิจารณาการเลือกรูปแบบการบริหารจัดการทีเ่ หมาะสมกับจุดเน้นและศักยภาพของ
สถาบัน โดยมีเงือ่ นไข (Commitment) ทีเ่ ป็นผลผลิต (Output) ทีช่ ดั เจน
ควรส่งเสริ มความมีอิสระของสถานศึกษาในการจัดสรรทรัพยากรภายใน
โรงเรียน การบริหารบุคลากร และการกาหนดเนื้อหาการเรียนการสอน ใน
ขณะเดียวกันควรป้องกันปญั หาผลประโยชน์ทบั ซ้อนซึง่ อาจเกิดขึน้ โดยเฉพาะอย่าง
ยิง่ ในส่วนการประเมินผลงานของโรงเรียนหรือนักเรียน และการกาหนดเงินเดือน
ของครู
ควรส่งเสริ มให้โรงเรียนสามารถระดมทรัพยากรจากแหล่งต่ างๆ ด้วยตนเอง
เพื่อจะมีทรัพยากรอย่างเพียงพอในการจัดการศึกษาอย่างคุณภาพ
สถาบันการศึกษาต่ างๆ ควรมีจดุ เน้ นการจัดการเรียนการสอนที่ แตกต่ างกัน
ไปตามศัก ยภาพ ความเชี่ ย วชาญและความพร้ อ มของบุ ค ลากร เพื่ อ ให้
สามารถผลิ ตบุคลากรได้ มีสมรรถนะ ทัง้ ด้ านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ
อี กทัง้ เป็ นประโยชน์ แก่ ผ้เู รี ย นในการพิ จารณาสถานศึ กษาที่ ส อดคล้ อ งกับ
อาชี พที่ ตนเองมุ่งหวัง เห็นเส้ นทางอาชี พ (Career Path)ได้เรียนและฝึ กฝน
พั ฒ นาทั ก ษะ อ ย่ าง เข้ มข้ น เพื่ อ ล ดป ัญ ห าที่ ใ นป ัจ จุ บ ั น โรงเรี ย นหรื อ
สถาบันการศึกษาแต่ละแห่งมีการแข่งขันผลิตคน เกิดปญั หาคุณภาพผูจ้ บการศึกษา
อัน เนื่ อ งมาจากมาตรฐานแตกต่ างกัน ทัง้ นี้ สถาบันการศึก ษาไม่จ าเป็ น ต้อ งมี
เป้ า หมายการศึก ษาหรือ จุ ด เน้ น การผลิต คนในแบบเดีย วกัน ทัง้ ประเทศ แต่ ล ะ
สถาบันควรมีจุดเน้นทีแ่ ตกต่างกันไปตามศักยภาพ ความเชีย่ วชาญและความพร้อม
ของบุคลากร
478
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สร้าง
5. สร้างสังคมแห่งปั ญญา (Wisdom based society) ด้วยการสร้าง
สภาพแวดล้อมที่เอื้ อต่อการเรียนรู ้ (Learning Supportive
Environment)
479
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
480
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
481
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
*
การเมือง
นักการศึกษา ผู้เรียน
*
ผู้ปกครอง สังคม
1. กลไกการขับเคลื่อนในเชิ งนโยบาย
482
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2.1 หน่ วยงานที่ เ กี่ ย วข้ อ งภายในกระทรวงศึ ก ษาธิ การต้ อ งผลัก ดัน ให้ เ กิ ด
กระบวนการมีส่วนร่วม ควรประสานความร่วมมือ ทางานร่วมกันกระหว่าง
483
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
หน่ วยงานส่ ว นกลาง หน่ วยงานระดับ จัง หวัด หน่ วยงานส่ ว นท้ อ งถิ่ น
ตลอดจนภาคีเครือข่ายด้านการศึกษาเรียนรู้ รวมถึงหน่ วยงานที่ เกี่ยวข้องใน
การรับผิ ดชอบและผลักดัน “ประเด็นเชิ งยุทธศาสตร์” ด้านการพัฒนามนุษย์
(Human Development) เพื่อผลักดันประเด็นเชิ งยุทธศาสตร์อย่างมีทิศทาง
สอดคล้อง เชื่ อมต่ อและ หนุนเสริ มกัน อาทิ สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมันคงของมนุ
่ ษย์
กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข สานักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้
และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน เป็นต้น
2.2 หน่ วยงานที่ เกี่ยวข้องภายในกระทรวงศึ กษาธิ การ ควรนาผลการวิ จยั ครัง้ นี้
นาไปปฏิ บตั ิ งานปรับประยุกต์ใช้ อาจปรับกลไกและรูปแบบการปฏิ บตั ิ งาน
โดยให้ความสาคัญกับการส่งเสริ มการจัดกระบวนการเรียนรู้และส่งเสริ มการ
ั หาใน
เรี ย นรู้ต ลอดชี วิ ต ที่ ส อดคล้ อ งกับ มิ ติ ก ารพัฒ นาในทุ ก ระดับ ทัง้ ป ญ
ประเทศแต่ละท้องถิน่ (Local) ทัง้ พืน้ ทีเ่ ขตเมือง และพืน้ ทีช่ นบท ตลอดจนเชื่อมต่อ
กับประเด็นการพัฒนาระดับภูมภิ าค (Regional) โดยเฉพาะอย่างยิง่ ประชาคม
อาเซียน และในระดับโลก (Global)
2.3 การจัด ตัง้ สถาบัน และ/หรือ ปรับโครงสร้างเชิ ง สถาบัน โดยพิ จารณาจัด ตัง้
สถาบั น ใหม่ ที่ จ าเป็ น เช่ น สถาบั น เทคโนโลยี เ พื่ อ การศึ ก ษาเรี ย นรู้
สถาบันวิ จยั เพื่อวิจยั เชิงนโยบายด้านการศึกษาเรียนรูร้ ะดับมหภาค และการวิจยั
หลักสูตร พัฒนากระบวนการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ ตลอดจนนวัตกรรมการ
เรีย นการสอนที่ม ีคุ ณ ภาพ หรื อ ปรับ โครงสร้ า งเชิ งสถาบัน (Institutional
Arrangement) เพื่อปรับโครงสร้างเชิงสถาบันให้มคี วามเหมาะสมซึง่ จะนาไปสู่การ
ขับเคลื่อ นให้เ กิดปฏิส มั พันธ์ระหว่างบุค ลากรและหน่ วยงานที่เกี่ยวข้อ งให้มกี าร
ดาเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.4 ส่งเสริ มการศึกษาเรียนรู้ให้เกิ ดผลในทางปฏิ บตั ิ ตามกรอบกฎหมายที่ กาหนด
ไว้ เพื่ อ ส่ ง เสริ ม การศึ ก ษาทุ ก รูป แบบ ไม่ว่า จะเป็ น การศึก ษาที่เ ป็ น ทางการ
การศึกษาไม่เป็ นทางการ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย การศึกษา
ทางเลือ กที่ยดึ ความต้อ งการของชุ มชนในท้อ งถิ่น เป็ นหลัก โฮมสคูล ตลอดจน
ส่งเสริมการศึกษาเชิงสังคม (Social Education Promotion) เพื่อผลักดันการศึกษา
484
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
485
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การขับเคลือ่ นขยายผล
2.7 กระทรวงศึ ก ษาธิ การเป็ นเจ้ า ภาพหลัก ร่ ว มกับ หน่ วยงานที่ เ กี่ ย วข้ อ ง
ด าเนิ นการ ขยายผลจุ ด สว่ า ง (Bright Spot) ที่ เ ป็ นโรงเรี ย นหรื อ
สถาบันการศึกษาตัวอย่างที่ ประสบความสาเร็จ ส่งเสริ มสนับสนุนครูที่สอนดี
และจัดกระบวนการเรียนรู้ได้ เป็ นเลิ ศ ขยายผลให้ เกิ ดการปฏิ บตั ิ จริ งในวง
กว้าง ขยายผลตัวอย่างที่ประสบความสาเร็จหรือจุดสว่างในการพัฒนาการศึกษา
เรียนรู้ ให้เกิดผลในวงกว้าง สร้างตัวอย่างทีด่ เี หล่านี้เพื่อจุดประกาย อาทิ การเรียน
การสอนทีม่ คี วามเป็ นเลิศทางวิชาการควบคู่ไปกับการปลูกฝงั คุณธรรมอย่างเข้มข้น
การขยายผลนวัตกรรมการเรียนรูเ้ พื่อสร้างสรรค์ด้วยปญั ญา ที่ช่วยบ่มเพาะทักษะ
การเรียนรูท้ ส่ี อดคล้องกับบริบทพลวัตรการเปลีย่ นแปลงในศตวรรษที่ 21 กรณีการ
พัฒ นาการศึ ก ษาควบคู่ ไ ปกับ การขจัด ความยากจนและกรณี ศึก ษาการร่ ว ม
รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อเพิม่ คุณภาพชีวติ และขจัดความยากจนอย่างยังยื ่ นโดยภาค
ธุรกิจเอกชน ซึง่ ช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาไปพร้อมๆกับการพัฒนาสังคม
486
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
487
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สร้าง
5. สร้างสังคมแห่งปญั ญา (Wisdom-based Society) และสร้างสภาพแวดล้อมทีเ่ อือ้ ต่อการ
เรียนรู้ (Learning Supportive Environment) เพื่อสร้างมนุษย์ทส่ี มบูรณ์ (ไม่ใช่แค่เน้นแต่
วิชาการ)
เป้ าหมาย
1) ยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยเพิม่ ขึน้ อย่างมีนยั สาคัญ
2) เกิดการเรียนรูต้ ลอดชีวติ เกิดการเปลีย่ นแปลงในวัฒนธรรมและสังคม เป็ นสังคมแห่ง
การเรียนรู้ สังคมแห่งปญั ญา
488
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
489
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ยุทธศาสตร์ที่ 4 จัดให้มรี ปู แบบการบริหารจัดการที่ แผนงานที่ 4.1 ปฏิ รปู เชิ งโครงสร้าง และ
ปรับรูปแบบการ หลากหลาย มีความอิสระ สอดคล้อง พิ จารณาปรับรูปแบบการบริหารจัดการ เพื่อ
บริหารจัดการ กับศักยภาพและความพร้อมของ ปรับรูปแบบการบริหารจัดการ ความเป็ นอิสระ
โรงเรียนและชุมชน เพื่อลดการรวม สอดคล้องกับศักยภาพ และความพร้อมของ
ศูนย์ และลดภาระของภาครัฐ สถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อลดภาระ
งบประมาณในกรณีสถาบันการศึกษาทีม่ คี วาม
พร้อมในการบริหารจัดการ และเปิ ดโอกาสให้
ชุมชนเข้าร่วมพัฒนา
แผนงานที่ 4.2 บริหารการเปลี่ยนแปลง
“Change Management” เพื่อปรับให้
กระทรวงศึกษาธิการเป็ นองค์กรแห่งการเรียนรู้
(Learning Organization) และนาแนวคิดการ
เรียนรูใ้ หม่ (New Concept of Learning) มาสู่
การปฏิบตั อิ ย่างแท้จริง
แผนงานที่ 4.3 ปฏิ รปู ระบบการบริหาร
จัดการ (Management System) เพื่อให้ระบบ
การบริหารการศึกษาเป็ นระบบทีม่ ุ่งเน้น
ประสิทธิภาพ มุ่งเน้นผลงาน และให้อสิ ระตาม
ศักยภาพความพร้อมของสถาบันการศึกษา
ภายใต้เงื่อนไขการรับผิดรับชอบ โดยมีการ
ประเมินทีเ่ น้นผลงานและพัฒนาการอย่างจริงจัง
ผูกโยงเรื่องความรับผิดรับชอบ (Accountability)
และมุ่งเน้นความโปร่งใส (Transparency)
วิเคราะห์ผลงานและความคืบหน้า ระบุและ
ั
แก้ไขปญหาคอขวด (Bottleneck)
แผนงานที่ 4.4 การพัฒนาระบบการ
บริหารจัดการการศึกษา และสร้างเครือข่าย
ตลอดจนการส่งเสริมให้โรงเรียนสามารถระดม
ทรัพยากรจากแหล่งต่างๆ ด้วยตนเองเพื่อจะมี
ทรัพยากรอย่างเพียงพอในการจัดการศึกษา
อย่างคุณภาพ
490
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
491
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
คุณภาพการศึกษา ขยายโอกาสทางการศึกษา
คุณภาพคน โอกาสสาหรับทุกคนตลอดชีวิต
คุณภาพสังคมภูมิปัญญา โอกาสสาหรับกลุ่มขาดโอกาส
การมีส่วนร่วม
การจัดทาแผน
การบริ หารจัดการ
การระดมทรัพยากร
การเป็ นส่วนหนึ่ งของประชาคมอาเซียน/
ประชาคมโลก
พ่อแม่
ผูป้ กครอง
สานักนายก ภาคเอกชน
รัฐมนตรี
ภาคประชา
สังคม
กระทรวง
ศึกษาธิ การ
กระทรวง กระทรวง
มหาดไทย อื่นๆที่
เกี่ยวข้อง
กระทรวง กระทรวง
ท่องเที่ยวฯ สาธารณสุข
กระทรวง
กระทรวง กระทรวง แรงงาน
วัฒนธรรม พัฒนา
สังคม
492
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
493
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
494
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
495
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
496
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
497
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
498
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
499
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
500
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
501
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
502
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
503
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
504
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
505
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
506
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
507
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
508
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
509
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
510
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
511
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
512
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
513
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
514
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
515
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
บทที่ 6
ข้อเสนอแนะงานวิจยั ในอนาคต
517
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
เอกสารอ้างอิง
ภาษาไทย
กระทรวงศึกษาธิการ (2554) “สถิตกิ ารศึกษาฉบับย่อ 2554”. กรุงเทพฯ: สานักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงศึกษาธิการ.
จอมพงศ์ มงคลวนิช (2556) “การบริหารองค์การและบุคลากรทางการศึกษา”. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์
แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พิมพ์ครัง้ ที่ 2. จิรวัฒน์ เอ็กซ์เพรส.
จุรี วิจติ รวาทการ (2554) “วิเคราะห์ลกั ษณะนิสยั ของคนไทย”. เข้าถึงจาก http://www.cps.chula.ac.th/
pop_info_2551/Image+Data/Publications/Journal/journal11-24/t-journal27-2_fu-4.pdf.
ธนาคารแห่งประเทศไทย (2554) “สถานการณ์การจ้างงาน”. เอกสารเผยแพร่ผลสารวจของธนาคาร
แห่งประเทศไทย.
ธนาคารแห่งประเทศไทย (2555) “พฤติกรรมการกาหนดค่าจ้างของไทย”.
ธนาคารแห่งประเทศไทย (2556) “ตลาดแรงงานไทยและบทบาทในการสร้างความแข็งแกร่งให้
เศรษฐกิจไทย”. ธรรกมลการพิมพ์.
ธีระ รุญเจริญ (2553) “ความเป็ นมืออาชีพในการจัดและบริหารการศึกษายุคปฏิรปู การศึกษา (ฉบับ
ปรับปรุง) เพือ่ ปฏิรปู รอบ 2 และประเมินภายนอกรอบ 3”. กรุงเทพฯ: ข้าวฟ่าง. พิมพ์ครัง้ ที่ 5.
519
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
520
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
521
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
522
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
523
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภาษาอังกฤษ
Afidah, Nor (n.d.). “Open University Degree Programme (OUDP)”. Retrieved February 2014.
http://infopedia.nl.sg/articles/SIP_92_2004-12-30.html.
AnitSomech (2000) “The Independent and the Interdependent Selves: Different Meanings in
Different Cultures”. International Journal of Intercultural Relations 24: 161-172.
Atjonen, Päivi, and Siu Cheung Li (2006) “ICT in Education in Finland and Hong Kong - An
Overview of the Present State of the Educational System at Various Levels”, Informatics
in Education 5(2): 183–194.
Barro, Robert J. (1991) “Economic Growth in a Cross Section of Countries”. Quarterly Journal
of Economics 106: 407-443.
Bassanini, Andrea, and Stefano Scarpetta (2001) “Does Human Capital Matter for Growth in
OECD Countries?: Evidence from Pooled Mean-Group Estimates”. OECD Economics
Working Paper No.282.
Behrman, Jere R., and Nevzer Stacey (eds.) (1997) “The Social Benefits of Education”. The
United State of America: The University of Michigan Press.
Benhabib, Jess, Mark M. Spiegel (1994) “The role of human capital in economic
development: evidence from aggregate cross-country data”. Journal of Monetary
Economics 34 (2): 143-173.
Bergmann, Jonathan and Aaron Sams (2012) “Flip Your Classroom: Reach Every Student in
Every Class Every Day”. The United State of America: International Society for
Technology in Education.
Blundell, Richard, Lorraine Dearden, Costas Meghir, and Barbara Sianesi (1999) “Human
Capital Investment: the Returns from Education and Training to the Individual”. The
Firm and the Economy, Fiscal Studies 20 (1): 1-23.
De Jager, Nils (2011), “A comparative analysis of the science and innovation profiles of
OECD and selected countries”. Department of Innovation, Industry, Science and
Research Working Paper 2011- 03.
Denny, Kevin John, and Colm Harmon (2001) “Testing for Sheepskin Effects in Earnings
Equations: Evidence for Five Countries”. Applied Economics Letters 8: 635-637.
524
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
525
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Finnish National Board of Education (2011), “Learning and Competence: Strategy of the
Finnish National Board of Education (FNBE)”.
Griffith, Rachel, Stephen Redding and John Van Reenan (2000) “Mapping the Two Faces of
R&D: Productivity, R&D, Skills and Trade in an OECD Panel of Industries”. Institute of
Fiscal Studies.
Grilliches, Zvi (1977) “Estimating the Returns to Schooling: Some Econometric Problems”.
Econometrica 45: 1-22.
Hanushek, E. (2011) “Education and economic growth: Some lessons for developing
countries”. Paper presented at the conference ANU-DBU Economics of Education
Policy: Access and Equity at Dhurakij Pundit University, Bangkok, Thailand.
Harmon, Colm, Hessel Oosterbeek, and Ian Walker (2003) “The Returns to Education:
Microeconomics”. Journal of Economic Surveys 17: 115-155.
IMD (2013), “Global Competitiveness Index 2013”.
INSEAD and WIPO (2012), “Global Innovation Index 2012”.
Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology (IPST) (2008) “Knowledge
and Skill in Sciences for Tomorrow’s World: A Report of PISA International Test”.
Jaffe, Klaus (2005), “Science, Religion and Economic Development”. Interciencia, Volume 30,
Number 6.
Jeronen, Eila, Juha Jeronen and Hanna Raustia (2008) “Environmental Education in Finland:
A Case Study of Environmental Education in Nature Schools”. International Journal of
Environmental & Science Education 4(1): 1-23.
Kim, Gwang-Jo (2001) “Education Policies and Reform in South Korea”. Secondary
Education in Africa: Strategies for Renewal Chapter 3: 29-40.
Kis, Viktória, and Eunah Park (2012) “A Skills beyond School Review of Korea”, OECD
Reviews of Vocational Education and Training. OECD Publishing.
Korean Research Institute for Vocational Education and Training (2013) “Reform and
Innovation of Technical and Vocational Education in the Republic of Korea”. Access via
www.unesco.org/education/educprog/tve/nseoul/docse/reftvke.html.
526
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
527
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
528
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
OECD (2013) “Could Learning Strategies Reduce the Performance Gap between Advantaged
and Disadvantaged Students?”. PISA in Focus 2013/07. OECD Publications.
OECD (2013) “Structural Policy Country Notes: Thailand”. OECD Publications.
OECD (2013) “Who Are the Academic All-rounders?”. PISA in Focus 2013/08. OECD
Publications.
OECD (2013), “OECD Review of Innovation Policy: Innovation in Southeast Asia”.
Office for National Education Standards and Quality Assessment (ONESQA) (2008), “Annual
Report”. Access via www.onesqa.or.th/en/annual/annual.php.
Office of the Education Council, Ministry of Education (2013) “Measure of Achievement”.
International Conference on Education 2013.
Office of the Education Council, Ministry of Education (2013) “Mobile Learning Policy
Guideline: Thailand Experience”. International Conference on Education 2013.
Office of the Education Council, Ministry of Education (2013) “Teacher Policy”. International
Conference on Education 2013.
Paehlke, Robert (2009) “Globalization, Interdependence and Sustainability: Introduction to
Sustainable Development”. Access via http://www.eolss.net/Sample-Chapters/C13/.
Parandekar, Suhas D. (2011) “Thailand: Analysis of Efficiency of Educational Expenditures.”
World Bank Discussion Paper for Public Finance Management Report. Washington
D.C.: Pearson.
Salami, Reza and Soltanzadeh, Javad (2012), “Comparative Analysis for Science,
Technology and Innovation Policy; Lessons Learned from Some Selected Countries
(Brazil, India, China, South Korea and South Africa) for Other LDCs Like Iran”. Journal
of Technology Management & Innovation, Volume 7, Issue 1.
Seng, Law Song (2011) “Case Study on National Policies Linking TVET with Economic
Expansion: Lessons from Singapore”, Background paper prepared for the Education for
All Global Monitoring Report 2012, UNESCO Publications.
Seong, David Ng Foo (2006) “Strategic Management of Educational Development in
Singapore”. Background paper prepared for the Asia Education Study Tour for African
Policy Makers.
529
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
Singapore Institute of Management (n.d.). “SIM Open University Centre Programmes (SIM-
OUC)”. Retrieved February 2014, from www1.sim.edu.sg/sim/pub/gen/sim_pub_
gen_content.cfm?mnuid=216.
Sysan A. Ambrose, et al. (2010) “How Learning Works: Seven Research-Based Principles for
Smart Teaching”. Published by Jossey-Bass.
Thailand Development Research Institute (TDRI) (2012) “Revamping the Thai Education
System: Quality for All”. TDRI Quarterly Review 27(2).
The Open University (n.d.). “Teaching and learning at the OU”. Retrieved February 2014.
http://www.open.ac.uk/about/main/the-ou-explained/teaching-and-learning-the-ou.
The State of São Paulo Research Foundation (2004), “Science, Technology & Innovation
Indicators in the State of Sao Paulo/Brazil”.
The Trade Union of Education in Finland (2008) “Teacher Education in Finland”.
Themen-Schwerpunk (2011) “Korean Policies on Secondary Vocational Education: Efforts to
Overcome Skills Mismatch and Labor Force Shortage”. BWP 3: 30-33.
Toru Sato, and Doug McCann (1997) “Individual Differences in Relatedness and Individuality:
An Exploration of Two Constructs”. Person IndicidLXff 24: 847-859.
UIS (2011) “Global Education Digest 2011”. Canada: UNESCO Institute for Statistics.
UNESCO (2001). “Handbook of Effective Implementation of Continuing Education at the
Grassroots”. Bangkok, Thailand: UNESCO Principal Regional Office for Asia and the
Pacific.
UNESCO (2011) “World Data on Education”. UNESCO Publications.
UNESCO (2013) “Policy Guidelines for Mobile Learning”. UNESCO Publications.
Warr, Peter (2012), “Thailand’s Development Strategy and Growth Performance”. World
Institute for Development Economics Research Working Paper No. 2011/02.
Watanabe, Reiko (n.d.). “The Juku System: The other Face of Japan’s Education System”.
Retrieved February 2014. http://www.education-in-japan.info/sub109.html.
Williams, Roger J. (1957) “Individuality and Education”. Educational Leadership by
International Journal of Intercultural Relations: 144-148.
530
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
World Bank (2010). “Escaping the Middle-Income Trap”. East Asia and Pacific Economic
Update 2010, Vol.2.
World Bank (2012) “Leading with Ideas: Skills for Growth and Equity in Thailand”. World Bank
Publications.
World Bank (2012), “Knowledge Economy Index 2012”.
Yoshida, Masami (2008), “Implementation ICT in Education: A Case Study of Japan”, Paper
Presented at National Workshop of the Commission on Higher Education, Ministry of
Education, Thailand.
531
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภาคผนวกที่ 1
Education as an Engione for
Transformation
533
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
534
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
535
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
536
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
537
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
538
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
539
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
540
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
541
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
542
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
543
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
544
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
545
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
546
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
547
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
548
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภาคผนวกที่ 2
สรุปการประชุมระดมความคิดเห็น
549
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การจัดประชุมเพื่อระดมความคิ ดเห็น
หัวข้อ “การพัฒนากาลังคนเพื่อเพิ่ มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย”
ภายใต้โครงการวิ จยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทย
กับการเตรียมความพร้อมสู่ศตวรรษที่ 21
วันศุกร์ที่ 16 สิ งหาคม 2556 เวลา 13.00 -16.00 น.
ณ ห้องประชุม Dean Dipak C.Jain อาคารศศนิ เวศ จุฬาลงกรณ์ มหาวิ ทยาลัย
หลักการและเหตุผล
การศึกษาในฐานะที่เป็ นกลไกหลักในการพัฒนา ส่งเสริม ปลูกฝงั แนวความคิด ความรู้ ให้กบั
พลเมืองและสังคม รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพทรัพยากรทุนมนุ ษย์ของประเทศ เพื่อตอบสนองความ
ต้ อ งการก าลัง คนทัง้ ป จั จุ บ ัน และอนาคตของประเทศ ดัง นั ้น การศึ ก ษาจึง เป็ น ตั ว แปรหลัก ของ
ความสามารถในการแข่งขันระยะยาว (Long Term Competitiveness) การออกแบบการศึกษาจึงเป็ นข้อ
ต่อสาคัญของการพัฒนาประเทศในทุกด้านทีเ่ กีย่ วข้องกับมนุษย์ เศรษฐกิจและสังคม
อย่างไรก็ตาม ระบบศึกษาและการผลิตกาลังคนของประเทศในช่วงทศวรรษที่ผ่านมายังขาด
ความสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของประเทศ ดังจะเห็นได้ชดั จากสถานการณ์วกิ ฤตการขาดแคลน
แรงงานซึง่ เพิม่ ความรุนแรงมากขึน้ เรือ่ ยๆ การขาดแคลนแรงงานทัง้ ด้านปริมาณและคุณภาพเป็ นปญั หา
เชิง โครงสร้า งที่ม ีนั ย ส าคัญ ต่ อ ความสามารถในการแข่ ง ขัน ของไทย ซึ่ง จะส่ ง ผลกระทบต่ อ การ
เจริญ เติบ โตอย่า งยัง่ ยืน ในระยะยาวเนื่ อ งจากประเทศไม่ ส ามารถใช้ท รัพ ยากรมนุ ษ ย์ไ ด้อ ย่า งเต็ม
ประสิทธิภาพ ดังนัน้ การแก้ไขปญั หาการขาดแคลนแรงงานและพัฒนาคุณภาพแรงงานอย่างต่อเนื่องจึงมี
ความจาเป็ นอย่างยิง่ หากประเทศไทยต้องการจะรักษาศักยภาพการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ต่อไป
อย่างเหมาะสม รวมทัง้ ก้าวออกจากกับดักรายได้ประเทศปานกลางไปสู่ประเทศโลกทีห่ นึ่ง ทีข่ บั เคลื่อน
เศรษฐกิจด้วยความรูแ้ ละนวัตกรรม
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ร่วมกับ Sasin Institute for
Global Affairs (SIGA) ภายใต้สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้
ก าหนดให้ม ีก ารจัด ประชุ ม เพื่อ ระดมความคิด เห็น ภายใต้ ห ัว ข้อ “การพัฒ นาก าลัง คนเพื่อ เพิ่ม ขีด
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย” เพื่อเป็ นการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒ ิ
ผูเ้ ชีย่ วชาญและกาหนดทิศทางนโยบายร่วมกัน
550
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
วัตถุประสงค์
เพื่อเป็ นการระดมความคิดร่วมกันและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นการพัฒนากาลังคน
รวมทัง้ ระบุประเด็นท้าทายและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการวางแผนกาลังคนและการจัดการศึกษา
เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ
วัน/เวลา/สถานที่
วันศุกร์ท่ี 16สิงหาคม 2556 เวลา 13.00 -16.00 น. ณ ห้อง Dean DipakC. Jainอาคาร
ศศนิเวศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผูเ้ ข้าร่วมงาน
ผูแ้ ทนของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและหน่ วยงานผูก้ าหนดนโยบายทีเ่ กี่ยวข้อง
รวมถึงผูท้ รงคุณวุฒ ิ ตลอดจนผูแ้ ทนจากสถาบันการศึกษาและภาคเอกชน จานวน 20-30 ท่าน
รูปแบบการจัดประชุม
รูปแบบการจัดประชุมเชิงปฏิบตั กิ ารครัง้ นี้ เน้นกระบวนการแลกเปลีย่ นความคิดเห็นและองค์
ความรู้ โดยในช่ว งแรกคณะที่ปรึกษาจะนาเสนอภาพรวมของโครงการและวัตถุ ประสงค์ของการจัด
ประชุ ม รวมทัง้ ผลการศึก ษาเบื้อ งต้น ตามด้ว ยการเปิ ดเวทีการเสวนา ระดมความคิดเห็น ระหว่ า ง
ผูเ้ ข้าร่วมการประชุม
หน่ วยงานผูร้ บั ผิดชอบการจัดประชุม
สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ร่วมกับ Sasin Institute for Global Affairs (SIGA)
ภายใต้สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
551
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
16.00น. ปิดการประชุม
*****************************************
552
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
553
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
554
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
555
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ประเด็นปัญหาปัจจุบนั
ความไม่คงเส้นคงวาของนโยบาย เนื่องจากมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีการศึกษาซึง่ เป็ นผูก้ าหนด
นโยบายบ่อยครัง้ แต่ละคนที่ขน้ึ มาก็ยกนโยบายใหม่เพื่อให้เป็ นผลงานของตนขึน้ มาโดยไม่ได้
สานต่อ หรือต่ อ ยอดของเก่าทาให้ไม่เ กิดความต่ อ เนื่อ งของนโยบาย นอกจากนี้การประกาศ
นโยบายแต่ละครัง้ มักพูดถึงแต่เป้าหมาย โดยไม่ได้มกี ารแจกแจงแผนการดาเนินงานทีก่ าหนด
สิง่ ที่ต้องทาในระยะสัน้ กลาง ยาว เพื่อไปถึงเป้าหมายนัน้ ๆ และที่สาคัญคือมักจะขาดการระบุ
ตารางเวลา(Timeline) ของแผนงานอย่างชัดเจน จึงทาให้ไม่เกิดการผลักดันให้เห็นผลสาเร็จ
ลุล่วงเป็ นรูปธรรมได้ยกตัวอย่างเช่น ปจั จุบนั การตัง้ เป้าให้สดั ส่วนของนักเรียนสายสามัญและ
อาชีวะเป็น 50:50 แต่ยงั ไม่เห็นแผนงานทีจ่ ะมารองรับ
ค่านิ ยมปริ ญญา ผูป้ กครองไทยอยากให้ลูกได้ปริญญาจึงส่งเสริมให้เรียนสายสามัญต่อปริญญา
ตรี ทัง้ ๆที่บางครัง้ ไม่ได้มเี ป้าหมายชัดเจนว่าจะเรียนปริญ ญาตรีไปเพื่อ อะไร ซึ่งเมื่อ จบออก
มาแล้วไม่สามารถหางานทาได้ เนื่องจากตลาดแรงงานมีความต้องการน้อยกว่าสายอาชีว ะหรือ
วิชาชีพเฉพาะ ส่วนใหญ่จงึ ต้องทางานลดวุฒกิ ารศึกษาของตนเอง เป็ นต้นทุนการเสียโอกาส
(Opportunity Cost) ทัง้ เวลาทีเ่ สียไปกับการเรียนและการสูญเสียรายได้และโอกาสในการเลื่อน
ขัน้ การทางานไปอย่างน่ าเสียดาย โดยสาเหตุสาคัญคือนักเรียนไม่มขี อ้ มูลเกี่ยวกับเรื่องอาชีพที่
เพียงพอก่อนตัดสินใจเลือกเรียนระหว่างสายสามัญและสายอาชีพ
สังคมไทยไม่ได้ให้ ความยุติธรรมกับเด็กอาชี วะ โดยยังมองว่าเด็กนักเรียนอาชีวะมีสถานะที่
ต่ าต้อย และมองว่าเป็ นตัวปญั หา ส่ง ผลไปถึงเด็กอาชีว ะเองที่รู้สกึ ว่ าตนเองถูก ดูถูก เหยียด
หยาม ขาดการเห็นคุณค่าในตัวเอง (self-esteem) ทาให้อยากจะแสดงพฤติกรรมทีก่ ้าวร้าวไล่ตี
กัน พยายามสร้างอัตลักษณ์หาจุดยืนในสังคมสร้างปมเด่นเพื่อลบปมด้อยของตน
556
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
อาชี ว ศึ ก ษาไม่ ไ ด้ ร บั การสนั บ สนุ น อย่ า งแท้ จ ริ ง ถึง แม้จ ะมีก ารออกนโยบายต่ า งๆ แต่
เนื่องจากระดับผูน้ าไม่ได้เห็นความสาคัญของอาชีวศึกษา จึงไม่เคยได้รบั การผลักดันที่นาไปสู่
การปฏิบตั ิอย่างแท้จริงตรงกันข้ามกลับไปสนับสนุ นนโยบายที่ส่งผลกระทบอันไม่พงึ ประสงค์
(Adverse Effects) ต่ออาชีวศึกษา เช่น นโยบายค่าใช้จ่ายรายหัวการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน ทีท่ าให้
โรงเรียนทัวไปส่
่ งเสริมให้เด็กเรียนต่ อสายสามัญ เพื่อ ให้ได้งบประมาณมากขึ้นหรือ การปรับ
เกณฑ์ร บั เด็ก สายสามัญ ของส านั ก งานคณะกรรมการการศึก ษา ขัน้ พื้น ฐาน (สพฐ.) ในปี
การศึกษา 2556 ทีเ่ ปิดช่องให้เด็ก ม.3 เรียนต่อ ม.4 โรงเรียนเดิมได้ง่ายและมากขึน้ แทนทีจ่ ะ
ปล่อยให้เด็กไปเรียนต่อสายอาชีพ หรือนโยบายประกันค่าจ้างที่ 15,000 บาท สาหรับผู้จบ
การศึกษาระดับปริญญาตรีส่งผลให้เด็กหนีไปเรียนสายสามัญมากขึน้
ขาดแคลนครูสอนอาชี วะโดยเฉพาะในสถาบันอาชี วศึ กษาของเอกชน เนื่องจากครูท่มี า
สอนอาชีว ะต้อ งมีค วามรู้ทางสาขาอาชีพเฉพาะ เช่น บัญ ชี การช่างซึ่งโดยส่ ว นใหญ่ แล้ว จะ
ออกไปทางานกับภาคเอกชนเนื่องจากมีฐานเงินเดือนที่สูงกว่านอกจากนี้มคี รูท่จี ะมาสอนได้
จาเป็ นจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ซึง่ อาจเป็ นอีกหนึ่งสาเหตุทท่ี าให้ครูหายากขึน้ (Barriers to
entry)
คุณลักษณะของเด็กที่จบการศึกษาออกมาไม่ตรงกับความต้ องการของนายจ้าง โดยส่วน
ใหญ่แล้วนักเรียนทีก่ าลังเข้าสู่ตลาดแรงงานใหม่ๆ นายจ้างไม่ได้คาดหวังว่าจาเป็ นต้องมีความรู้
ในเชิงเทคนิค (Technical Knowledge) แต่ประเด็นทีพ่ บว่าเป็ นปญั หามากกว่าในปจั จุบนั มีดงั นี้
1) ขาดความสามารถในการเรียนรูง้ าน (Willingness to learn)
2) ทัศนคติทอ่ี ยากจะทาแต่งานสบาย ความรับผิดชอบในหน้าทีก่ ารงานต่ า (Work Ethics)
3) ค่ า นิ ย มเสื่อ มถอย เอกลัก ษณ์ ของความเป็ น ไทยหายไป (เช่น การใช้ค าหยาบของ
ผูห้ ญิง) ขาดการแสดงความเคารพผูส้ งู อายุ
4) ขาดทักษะในการใช้ชวี ติ (Life Skills) โดยเฉพาะทักษะในการสื่อสาร การมีปฏิสมั พันธ์
กับผูอ้ ่นื และการทางานร่วมกับผูอ้ ่นื
ขาดเวที ในการร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ก่อให้เกิดปญั หาความไม่สอดคล้อง
ของอุ ป สงค์แ ละอุ ป ทานของแรงงานดัง ที่เ ห็น ในป จั จุ บ ัน โดยภาครัฐ (เช่ น กรมพัฒ นาฝี ม ือ
แรงงาน) และสถาบันการศึกษาไม่มขี อ้ มูลว่าภาคธุรกิจมีความต้องการแรงงานอย่างไร ทัง้ ในเชิง
ปริมาณและคุณภาพ
แนวทางการเพิ่ มสัดส่วนเรียนอาชีวะ
การสร้างแรงจูงใจ: จากการทาแบบสารวจของสถาบัน SBAC เกี่ยวกับ พบว่าปจั จัยสาคัญทีจ่ ะ
ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกเรียนอาชีวะมีดงั นี้
557
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1. สร้างความมันใจว่ ่ าเรียนจบแล้วต้องมีงานทาหรือมีโอกาสในการทางานมีรายได้ระหว่าง
เรียน
2. สร้างความมันใจว่ ่ าเรียนแล้วมีโอกาสก้าวหน้าในโลกการทางาน มีรายได้ดี หรือสามารถ
เป็นเจ้าของกิจการได้
3. จะต้องลบล้างภาพลักษณ์ความรุนแรง สื่อควรเลิกประชาสัมพันธ์อาชีวะในภาพลบมา
น าเสนอส่ ว นดีใ ห้ส ัง คมได้ร ับ รู้ม ากขึ้น เช่ น เด็ก อาชีว ะออกไปสร้า งชื่อ เสีย งในการ
ประกวดต่างๆ
การเรียนการสอนด้านวิ ชาชี พควรเริ่ มก่อนระดับอาชี วศึกษา ควรมีการบรรจุหลักสูตรด้าน
วิชาชีพ ไว้ต งั ้ แต่ ระดับมัธ ยมต้น เพื่อ ให้เ ด็กมีค วามรู้ทกั ษะพื้นฐานและสร้างความคุ้นเคยกับ
ลักษณะวิชาที่เน้ นการปฏิบตั ิ ซึ่งอาจมีส่วนช่วยการเลือกเรียนต่ออาชีวะง่ายขึ้น ไม่รสู้ กึ แปลก
แยกจนเกินไปทีจ่ ะเลือกเรียนสายอาชีวะ เมือ่ จบจากการศึกษาขัน้ บังคับ
การแนะแนวการศึกษาในระดับมัธยมควรให้ ความรู้และความเข้าใจที่ ถกู ต้ องเกี่ยวกับ
การเรียนสายอาชีพ จากปจั จุบนั ทีใ่ ห้ความสาคัญการเรียนต่อในสายสามัญเพียงอย่างเดียว ทา
ให้นัก เรียนไม่เ ห็นทางเลือกที่ห ลากหลายเพียงพอ นอกจากนี้ อาจารย์แนะแนวต้อ งมีพฒ ั นา
ความรูใ้ ห้เท่าทันกับโลกของการทางานทีม่ คี วามเปลีย่ นแปลงไปอย่างรวดเร็วมากขึน้
การจัด ตัง้ สถาบันคุณ วุฒิ วิช าชี พ เพื่ อ ก าหนดมาตรฐานฝี มื อ แรงงาน โดยการก าหนด
มาตรฐานอาชีพ สมรรถนะความรูแ้ ละความสามารถในการปฏิบตั งิ านนัน้ จะนาไปสู่การยกระดับ
คุณภาพแรงงานให้มมี าตรฐานสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ทัง้ ในประเทศและ
ต่างประเทศ นอกจากนี้ยงั เพิม่ ความเป็ นธรรมให้กบั คนทีเ่ รียนอาชีวศึกษา เนื่องจากสามารถทา
ให้ก ารจัดทาค่ าตอบแทนเป็ นระบบมากขึ้น ทาให้การปรับ ฐานค่ าจ้างเป็ น ไปตามสมรรถนะ
(Competency) หรือทักษะของแรงงานมากกว่าวุฒกิ ารศึกษา(Degree) อย่างทีเ่ ป็ นอยู่ในปจั จุบนั
ซึ่งผู้ท่จี บตามมาตรฐานคุณวุฒวิ ชิ าชีพดังกล่าวจะได้รบั ค่าตอบแทนที่สูงกว่าผู้ท่จี บปริญญาตรี
ทัวไป
่
ค่าจ้างของคนจบอาชี วะ vsจบปริ ญญาจากตัวอย่างของบริษทั SCG ในช่วงเริม่ ต้นงาน ช่าง
เทคนิคทีจ่ บอาชีวะกับตาแหน่ งวิศวกรทีจ่ บปริญญาตรีนนั ้ มีรายได้ใกล้เคียงกัน แต่เมื่อเวลาผ่าน
ไปลักษณะงานของทัง้ สองตาแหน่ งมีความแตกต่างกันค่อนข้างมากเช่นช่างเทคนิคอาจได้เลื่อน
ตาแหน่ งโตขึน้ เป็ นระดับหัวหน้าแผนกได้แต่ยงั ถือเป็ นงานปฏิบตั กิ าร (Operation) ในขณะที่
วิศวกรต้องรับผิดชอบการทาการศึกษา (research) เป็ นลักษณะของโครงการ (Project) ทีต่ ้องมี
การติดต่อกับลูกค้า มีหน้าทีค่ วามรับผิดชอบมากกว่า จึงทาให้สุดท้ายแล้วมีช่องว่าง (Gap) ของ
เงินเดือนระหว่างสองสายนี้ ซึง่ ถือเป็ นมาตรฐานการกาหนดค่าจ้างของภาคเอกชนในปจั จุบนั
การอบรมฝี มือแรงงานระหว่างการทางาน เพื่อช่วยแก้ปญั หาการขาดแคลนแรงงานเร่งด่วน
โดยเน้ นหลัก สูต รการสอนระยะสัน้ เป็ นการยกระดับทักษะของแรงงานที่กาลังทางาน (Skill
558
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
แนวทางการเพิ่ มคุณภาพการศึกษาเพื่อการพัฒนากาลังคน
หลักสูตรเน้ นการปฏิ บตั ิ และสร้างสมรรถนะ (Competency-based)เพื่อตอบโจทย์การสร้าง
ทักษะแรงงานทีต่ รงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ทัง้ นี้จะต้องมีกลไกให้ภาคเอกชนเข้ามา
มีส่ ว นร่ว มในการปรับหลัก สูต รโดยที่ผ่ านมามีโมเดลความร่ว มมือ ที่ประสบความสาเร็จของ
อาชีวศึกษา คือการเรียนการสอนแบบทวิภาคีซง่ึ ได้รบั ความสนใจสูงเนื่องจากนักเรียนสามารถมี
รายได้จากการทางานระหว่างเรียน โดยเป็ นการจับมือกันระหว่างผู้ประกอบการและสถาบัน
อาชีวศึกษายกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ในจังหวัดอยุธยา ส่วนในระดับอุดมศึกษาควร
ให้ค วามส าคัญ กับ การจัดสหกิจศึกษา ให้นัก ศึก ษาไปฝึ ก งานในสถานประกอบการมากขึ้น
เนื่อ งจากมหาวิทยาลัยมีข้อ จากัดค่ อ นข้างมากไม่ส ามารถปรับเปลี่ยนหลักสูต รให้ท ันความ
ต้องการของภาคเอกชน
การจัดตัง้ สถาบันอบรมครูวิชาชี พโดยเฉพาะ เนื่องจากปจั จุบนั มีแต่การผลิตครูสอนวิชาการ
สาหรับการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานครูสอนวิชาชีพในสถาบันอาชีวศึกษาขาดแคลน
ภาคเอกชนควรเข้ า มามี บ ทบาทในการจัด การศึ ก ษามากขึ้ น เนื่ อ งจากป จั จุ บ ัน ระบบ
การศึกษาไม่ทราบว่าภาคธุรกิจต้องการอะไร แม้ปจั จุบนั จะมีการจัดการเรียนการสอนแบบทวิ
ภาคีมาตอบโจทย์ แต่ยงั เป็ นแค่การปรับด้านอุปทาน (Supply-side) เท่านัน้ ซึ่งยังไม่เพียงพอ
การแก้ปญั หาเรื่องกาลังคนอย่างยังยื
่ นต้องอาศัยการพัฒนาด้านอุปสงค์ของแรงงาน (Demand-
side) ไปพร้อมๆกัน กล่าวคือจะต้องมีการปรับ กลไกแก้ปญั หาเรื่องความก้าวหน้าในการทางาน
(Career path) ด้วย
559
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
560
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
561
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
562
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
563
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
564
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การจัดประชุมเพื่อระดมความคิ ดเห็น
หัวข้อ “ศักยภาพของโรงเรียนทางเลือกในการเป็ นต้นแบบการจัดการศึกษาไทย”
ภายใต้โครงการวิ จยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทย
กับการเตรียมความพร้อมสู่ศตวรรษที่ 21
วันจันทร์ที่ 19สิ งหาคม 2556 เวลา 13.00 -16.00 น.
ณ ห้องประชุม Depak C. Jain อาคารศศนิ เวศน์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิ ทยาลัย
หลักการและเหตุผล
การจัดการศึกษานับเป็ นกลไกหลักในการปลูกฝงั และพัฒนาแนวความคิด ความรู้ รวมถึงทักษะ
ต่างๆ ให้กบั พลเมืองและสังคม เพื่อ สร้างบุคคลที่มคี วามสมบูรณ์ในทุกด้าน มีความสมดุลทัง้ ทางด้าน
วิชาการและการใช้ชวี ติ เป็ น ทรัพยากรมนุ ษย์ท่มี คี ุณภาพของประเทศ ทัง้ นี้ การออกแบบระบบนิเวศน์
ของการศึกษา(Learning Ecosystem) ทีเ่ หมาะสมกับพลวัตร (Dynamic) ของโลกในศตวรรษที่ 21 ย่อม
เป็นข้อต่อสาคัญของการเรียนรู้
อย่างไรก็ตาม ระบบการศึกษาของประเทศในช่วงทศวรรษทีผ่ ่านมายัง มุ่งเน้นทีก่ ารสอบแข่งขัน
เพื่อวัดผล โดยมองว่าการเรียนเป็ นเครื่องมือเพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมายคือวุฒกิ ารศึกษา มากกว่าการให้
ความสาคัญกับกระบวนการในการเรียนรูร้ ะหว่า งทางค่านิยมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นในรูปแบบการเรียน
การสอนที่เน้นการท่องจา มีกรอบรูปแบบที่ค่อนข้างตายตัวสาหรับผู้เรียน อีกทัง้ ยังละเลยปฏิสมั พันธ์
ระหว่างโรงเรียน บ้าน และชุมชน
แนวคิดโรงเรียนทางเลือกที่ยดึ เด็กเป็ นศูนย์กลาง มีกระบวนการเรียนรูท้ ่ียดื หยุ่น หลากหลาย
สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาการเรียนรูเ้ ข้ากับชีวติ จริงและชุมชน จึงน่ าจะเป็ นกลไกหนึ่งช่วยในการปรับการ
จัดการศึกษาไทย โดยอาจขยายผลได้ทงั ้ ในรูปแบบของการเพิม่ การผลักดันโรงเรียนทางเลือก หรือนา
ปจั จัยแห่งความสาเร็จ (Key Success Factor) มาปรับใช้กบั โรงเรียนทัวไป ่
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ร่วมกับ Sasin Institute for
Global Affairs (SIGA) ภายใต้สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้
กาหนดให้มกี ารจัดประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นภายใต้หวั ข้อ “ศักยภาพของโรงเรียนทางเลือกในการ
เป็นต้นแบบการจัดการศึกษาไทย” เพื่อเป็ นการแลกเปลีย่ นข้อคิดเห็นจากผูท้ รงคุณวุฒ ิ ผูเ้ ชีย่ วชาญและ
กาหนดทิศทางนโยบายร่วมกัน
565
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
วัตถุประสงค์
เพื่อ เป็ น การระดมความคิด ร่ว มกัน และแลกเปลี่ย นข้อ มูล เกี่ย วกับ การจัด ระบบนิ เ วศน์ ข อง
การศึกษาสาหรับศตวรรษที่ 21 โดยประยุกต์ใช้และ/หรือขยายผลจากแนวคิด ของโรงเรียนทางเลือก
รวมทัง้ ระบุประเด็นท้าทายและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการวางแผนการจัดการศึกษาเพื่อตอบโจทย์
การพัฒนาประเทศ
วัน/เวลา/สถานที่
วันจันทร์ท่ี 19สิงหาคม 2556 เวลา 13.00 -16.00 น. ณ ห้อง Depak C. Jain อาคารศศนิเวศน์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผูเ้ ข้าร่วมงาน
ผูแ้ ทนของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและหน่ วยงานผูก้ าหนดนโยบายทีเ่ กี่ยวข้อง
รวมถึงผูท้ รงคุณวุฒ ิ ตลอดจนผูแ้ ทนจากสถาบันการศึกษาและภาคเอกชน จานวน 20-30 ท่าน
รูปแบบการจัดประชุม
รูปแบบการจัดประชุมเชิงปฏิบตั กิ ารครัง้ นี้ เน้นกระบวนการแลกเปลีย่ นความคิดเห็นและองค์
ความรู้ โดยในช่ว งแรกคณะที่ปรึกษาจะนาเสนอภาพรวมของโครงการและวัตถุ ประสงค์ของการจัด
ประชุ ม รวมทัง้ ผลการศึก ษาเบื้อ งต้น ตามด้ว ยการเปิ ดเวทีการเสวนา ระดมความคิดเห็น ระหว่ า ง
ผูเ้ ข้าร่วมการประชุม
566
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
16.00น. ปิดการประชุม
*****************************************
567
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
568
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
569
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
570
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
571
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
572
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ประเด็นปัญหาของการจัดการศึกษาในปัจจุบนั ของประเทศไทย
การตัง้ เป้ าหมายของการศึกษา
พรบ.การศึกษาของไทยในปจั จุบนั มีการกาหนดเป้าหมายการพัฒนาความเป็ นมนุ ษย์ นับว่ามี
การมองรอบด้านที่ส มบูรณ์ ก ว่าของประเทศอื่น แต่ ยงั ไม่มกี ารนาไปสู่ก ารปฏิบตั ิอ ย่างเป็ น
รูปธรรม
การศึกษาควรเป็นสิง่ ทีไ่ ม่ใช่เพื่อการศึกษาเอง ต้องสามารถสร้างคน พัฒนาสังคม
ต้องเน้นพัฒนาเด็กให้มคี วามสมดุล เน้นให้เด็กเรียนรูท้ ่จี ะพึ่งพาตนเองได้ เป็ นคนดี เสียสละ
และมีเมตตา แทนการเน้นวิชาการเพียงอย่างเดียว
ข้อสอบมาตรฐาน เช่น ONET PISA น่ าจะเป็ นเพียงมาตรฐานหนึ่งในการตรวจสอบตัวเอง
เท่านัน้ ไม่ควรถูกใช้เป็ นเป้าหมายหลักของการศึกษาดังเช่นปจั จุบนั ทาให้การศึกษาเป็ นไป
เพียงเพื่อการศึกษา (Education just for Education) แต่ไม่สามารถตอบโจทย์ของสังคมได้
ในปจั จุบนั โรงเรียนต่างๆ โดยเฉพาะโรงเรียนทางเลือก มีตน้ ทุนทีส่ ูญเปล่าไปกับการประเมินผล
จากส่วนกลางเป็นจานวนมาก
เมือ่ มีการเปลีย่ นแปลงรัฐบาล นโยบายการศึกษาก็มกั จะได้รบั ผลกระทบตามไปด้วย
ปรัชญาการเรียนการสอน
นโยบายการศึกษาในปจั จุบนั มุ่งเน้ นแต่การแข่งขัน ทาให้เกิดการสร้างประชากรที่ขาดความ
เมตตา และเน้นการส่งคนออกจากบ้าน ออกจากภูมลิ าเนา ไม่ได้ส่งเสริมให้คนกลับไปพัฒนา
ท้องถิน่ /บ้านเกิด
573
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ข้อเสนอแนะรูปแบบการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนทางเลือกที่อาจนามาขยายผลได้
บทบาทของครู
ต้องพยายามสร้างและดึงดูดให้คนเก่ง คนดี มีความเสียสละ และรักเด็ก เข้ามาเป็นครูให้มากขึน้
ครูไม่จาเป็ นต้องสอนเนื้อหาสาระทัง้ หมดเอง อาจเชิญผู้เชี่ ยวชาญในด้านต่ างๆ มาร่ว มเป็ น
วิทยากร หรือ อาจารย์พเิ ศษ
บทบาทของครูไม่ใช่เพียงแค่การสอนวิชาความรู้ เก่งด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็ น
แบบอย่างทีด่ ใี ห้กบั เด็กนักเรียน
การทาวิจยั ของครู ควรเน้ นเป็ น การวิจยั เชิงปฏิบตั ิการอย่างมีส่วนร่วม(Participatory Action
Research) มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงรูปแบบการเรียนการสอน
ครูต้อ งมีค วามเอาใจใส่ เ ด็ก นัก เรียน มีค วามสมบูรณ์ ทงั ้ ทางสติปญั ญา (มีค วามรู้) สัง คม (มี
เครือข่าย) ร่างกาย (สุขภาพแข็งแรง) และอารมณ์ (มีสวัสดิการ มีจติ วิทยาในการสอน)
ปญั หาสาคัญประการหนึ่งอยู่ทก่ี ระบวนการผลิตครู ของคณะครุศาสตร์/คณะศึกษาศาสตร์ โดย
หากไม่สามารถแก้ในระดับมหภาคได้ในทันทีทนั ใด ก็ต้องเริม่ จากการเน้นทีค่ รูก่อน และอาจใช้
วิธกี ารเดียวกันสาหรับทัง้ ประเทศไม่ได้ แต่ตอ้ งแบ่งตามสังกัด และ/หรือพืน้ ที่
การจัดการเรียนการสอน
การศึกษาทางเลือกสามารถนามาประยุกต์ใช้เป็ นตัวอย่างของการจัดการเรียนการสอน และ
สะท้อนได้ว่า การจัดการเรียนรูท้ ด่ี ไี ม่ได้ขน้ึ อยู่กบั ทุนเป็ นปจั จัยสาคัญ แต่ขน้ึ อยู่กบั ความเชื่อ วิธ ี
คิด เป้าหมาย และการฝึ กครู เป็ นสาคัญ มุ่งเน้ นการสอนให้เ ด็กเป็ นคนดีนาวิชาการ ซึ่งต้อ ง
อาศัยการเปลีย่ นทัศนคติ
หลักสูตรจะทิ้งหลักสูตรแกนกลางไม่ได้ แต่สามารถปรับเปลี่ยนที่วธิ กี ารจัดการเรียนรูไ้ ด้ เช่น
การใช้ระบบออนไลน์ การเรียนกับอาจารย์เฉพาะทาง การทาโครงการและมีการนาเสนอผลงาน
เชื่อมโยงกับชุมชน เช่น มีกิจกรรมกรเรียนรู้ภูมปิ ญั ญาท้องถิ่น โดยเชิญผู้นาชุมชน และ/หรือ
ปราชญ์ชาวบ้านมาร่วมแลกเปลีย่ นเรียนรู้
574
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
จัด การการเรีย นรู้ อ ย่ า งหลากหลายรู ป แบบสร้ า งเครือ ข่ า ยการเรีย นรู้ รวมถึ ง ใช้ ก ลไก
Professional Learning Community (PLC)
เน้นรูปแบบการเรียนการสอนแบบโครงการ ให้เด็กมีการเรียนรูแ้ บบประเด็นปญั หาร่วม (Cross-
cutting) ระหว่างสาขาวิชาแทนการเรียนรูแ้ บบไซโลเกิดการประมวลความรูเ้ พื่อค้นหาคาตอบได้
ด้วยตนเอง ไม่ใช่ได้รบั การป้อนคาตอบให้ตลอดเวลา
จัดกิจกรรมการฝึ กงาน เพื่อให้เด็กมีโอกาสเรียนรูป้ ระสบการณ์การทางานจริง นอกเหนือจาก
การเรียนในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว
ในปจั จุบนั มี “Forum ศึกษาไทย” ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒทิ ่ไี ม่ได้อยู่ในแวดวงการศึกษา
โดยตรงแต่ตอ้ งการช่วยพัฒนาระบบการศึกษาไทย ซึง่ จะเป็นพันธมิตรหนึ่งทีส่ าคัญ
การวัดและประเมิ นผล
ต้องมีการทบทวนเป้าหมายที่แท้จริงของการศึกษา เพื่อให้สามารถกาหนดตัวชี้วดั ผลสัมฤทธิ ์
ของการศึกษาที่สอดคล้องกันได้ และการวัดผลก็ควรมีความหลากหลาย ไม่ใช่มแี ค่เพียงการ
สอบ ONET หรือการสอบ Entrance
การตีความถึงความคุม้ ค่าของการศึกษา ต้องมีความหลากหลาย ไม่ได้มองแค่ ผลตอบแทนในรูป
ตัวเงินหรือผลคะแนนจากการสอบเท่านัน้
ตัวอย่างการเรียนการสอนของโรงเรียนทางเลือก
โรงเรียนสัมมาสิ กขา: จัดการเรียนการสอนวิชาการเป็ นโมดูลสัน้ ๆ เท่าทีจ่ าเป็ น เน้นการเรียนรู้
จากการปฏิบตั ิ ให้เด็กพึ่งพาตนเองได้ สามารถดารงชีวติ ได้ เช่น สอนการปลูกผักเพื่อบริโภค
และส่ วนที่เหลือ ก็นาไปขาย ให้นักเรียนมีการฝึ กงานตัง้ แต่ ชนั ้ ม.1 ให้เกิดการเรียนรู้จาก
ประสบการณ์ตรง และเน้นการเชื่อมโยงกับชุมชน ให้ผรู้ /ู้ ผูเ้ ชีย่ วชาญ จากหลากหลายภาคส่วน
มาร่วมให้ความรูก้ บั นักเรียน
โรงเรียนรุ่งอรุณ: เชื่อว่ามนุ ษย์เราสามารถพัฒนาให้อยู่เหนือโลกได้ ยึดหลักการเรียนการสอน
โดยอาศัยหลักกัลยาณมิตร โยนิโสมนสิการ และไตรสิกขา สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ สอนวิถกี าร
เรียนรูท้ ่จี ะอยู่ร่วมกันรวมถึงการสร้างครูและสอนครู มีการใช้หลักสูตรชุมชนนิเวศ (Eco-village
Design Curriculum)เพื่อให้เกิดการศึกษาแบบองค์รวม (Holistic Education) เช่น สอนให้เด็ก
ความสัมพันธ์แบบครบวงจร ว่าข้าว 1 จาน มีทม่ี าทีไ่ ปอย่างไร ตัง้ แต่จากทุ่งนามาสู่โต๊ะอาหาร
เพื่อให้รจู้ กั ความเห็นอกเห็นใจ มีเมตตา
โรงเรียนวรรณสว่างจิ ต:เน้นรูปแบบการสอนแบบโครงการ ให้เด็กรูจ้ กั ตัง้ คาถามและค้นหา
คาตอบได้เอง ครูจะไม่ให้คาตอบแก่เด็กในทันที แต่จะชวนเด็กให้ร่วมกันค้นหาคาตอบ ซึง่ เป็ น
575
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
576
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การจัดประชุมเพื่อระดมความคิ ดเห็น
หัวข้อ “แนวทางการพัฒนาและเตรียมความพร้อมของครูส่ศู ตวรรษที่ 21”
ภายใต้โครงการวิ จยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทย
กับการเตรียมความพร้อมสู่ศตวรรษที่ 21
วันอังคารที่ 20 สิ งหาคม 2556 เวลา 13.00-16.00 น.
ณ ห้องประชุม Depak C. Jain อาคารศศนิ เวศน์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิ ทยาลัย
หลักการและเหตุผล
การศึกษาในฐานะที่เป็ นกลไกหลักในการพัฒนา ส่งเสริม ปลูกฝงั แนวความคิด ความรู้
ให้กบั พลเมืองและสังคม รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพทรัพยากรทุนมนุ ษย์ของประเทศ เพื่อตอบสนอง
ความต้อ งการก าลัง คนทัง้ ปจั จุบนั และอนาคตของประเทศ ดัง นัน้ การศึก ษาจึง เป็ นตัว แปรหลัก ของ
ความสามารถในการแข่งขันระยะยาว (Long Term Competitiveness) การออกแบบการศึกษาจึงเป็ นข้อ
ต่อสาคัญของการพัฒนาประเทศในทุกด้านทีเ่ กีย่ วข้องกับมนุษย์ เศรษฐกิจและสังคม
อย่างไรก็ตาม การศึกษาของไทยยังคงมีปญั หาในหลายมิติ ทัง้ มิตขิ องนักเรียน โรงเรียน ระบบ
การบริหารจัดการ หลักสูตร รวมทัง้ ปญั หาของครูซ่งึ เป็ นบุคลากรทางการศึกษาที่ถือได้ว่าเป็ นปจั จัย
สาคัญต่อการพัฒนาระบบการศึกษา เพราะเป็ นปจั จัยที่มผี ลค่อนข้างมากต่อผลสัมฤทธิ ์ทางการศึกษา
ของผู้เรียน รวมทัง้ พัฒนาการการเรียนรูข้ องผู้เรียนด้วยอย่างไรก็ตามการปฏิบตั งิ านในปจั จุบนั ของครู
ยังคงพบอุปสรรคปญั หาในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็ น ปญั หาเชิงโครงสร้าง (Structure) ได้แก่ การผลิตครู
ระบบการใช้งานครู ระบบการประเมินความก้าวหน้า หลักสูตร การจัดสรรทรัพยากร เป็ นต้นปญั หาของ
กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็ นปญั หาทีม่ าจากหน่วยงานส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธิการกาหนดแนวนโยบายมา
ซึง่ ครูในฐานะผูป้ ฏิบตั ิงานตรงสนองแนวนโยบายมาอีกทางหนึ่งปญั หาเชิงพฤติกรรมและปจั จัยพื้นฐาน
ของครู(Conduct) เช่น ทักษะและความสามารถด้านการสอน ความเข้าใจในความแตกต่างหลากหลาย
ของผูเ้ รียน ความสามารถในการประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียน เป็ นต้น กลุ่มของปญั หานี้ส่วนใหญ่
มัก มาจากตัว ของครูเ องเป็ นหลัก และปญั หาเชิง วัฒนธรรม (Culture)เช่น ค่ านิย มและความเชื่อ ต่ อ
รูปแบบการสอน ทัศนคติของครูต่อการมองผู้เรียนว่าตนเป็ นศูนย์กลางหรือผู้เรียนเป็ นศูนย์กลาง กลุ่ม
ของปญั หานี้ส่วนใหญ่มกั มาจากตัวของครูเองและบรรทัดฐานของสังคมที่หล่อหลอมเป็ นแนวความคิด
หลักของสังคม
นอกจากปญั หาข้างต้นแล้วทีจ่ าเป็ นต้องมี “การเหลียวหลัง” เพื่อทาการซ่อมแก้ปญั หา แต่กต็ ้อง
มี “การแลหน้า” เพื่อทาการวางอนาคตด้วย นัน้ คือ การเปลีย่ นแปลงของบริบทโลก ภูมภิ าค และประเทศ
ภายใต้ศตวรรษที่ 21 ส่ งผลให้ค นในประเทศจาเป็ นต้อ งมีการปรับเปลี่ยนไปตามบริบท ทาให้ ระบบ
577
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
รูปแบบการจัดประชุม
รูปแบบการจัดประชุมเชิงปฏิบตั กิ ารครัง้ นี้ เน้นกระบวนการแลกเปลีย่ นความคิดเห็น และองค์
ความรู้ โดยในช่ว งแรกคณะที่ปรึกษาจะนาเสนอภาพรวมของโครงการและวัตถุ ประสงค์ของการจัด
ประชุ ม รวมทัง้ ผลการศึก ษาเบื้อ งต้น ตามด้ว ยการเปิ ดเวทีการเสวนา ระดมความคิดเห็น ระหว่ า ง
ผูเ้ ข้าร่วมการประชุมโดยมีประเด็นคาถามเบือ้ งต้น ดังนี้
578
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
16.00น. ปิดการประชุม
*****************************************
579
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
580
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
581
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
17 คุณนิพนธ์ หรังมี
่ กรรมการบริหารสภาผูป้ กครองและครูแห่งประเทศไทย สภาผูป้ กครองและครูแห่งประเทศไทย
582
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภาพบรรยากาศประชุมเพื่อระดมความคิ ดเห็นหัวข้อ
“แนวทางการพัฒนาและเตรียมความพร้อมของครูส่ศู ตวรรษที่ 21”
583
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภาพบรรยากาศประชุมเพื่อระดมความคิ ดเห็นหัวข้อ
“แนวทางการพัฒนาและเตรียมความพร้อมของครูส่ศู ตวรรษที่ 21”
584
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
585
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
นิยามและมุมมองของความเป็นครู
ครูเป็ นอาชีพทีต่ ้องมีการเสียสละ ต้องทางานหนักและอุทศิ เวลาของตนเองในแต่ละวันให้นักเรียนอย่าง
ต่อเนื่อง เป็ นทัง้ แม่พมิ พ์ของชาติในทัง้ ด้านวิชาการและวิชาชีวติ และยังต้องสามารถเป็ นบุคคลที่สร้าง
แรงบันดาจใจให้แก่นกั เรียนได้
ครูต้องมีความเป็ นผูอ้ อกแบบการเรียน (Learning Designer) กล่าวคือ มีความสามารถในการ
ออกแบบการเรียนรู้ ทีป่ รับไปตามบริบทและลักษณะของชัน้ เรียน
จะต้องมีความสามารถในการทาเนื้อหาจากยากให้เป็ นง่าย สร้างสภาวะแวดล้อมในการเรียนรูท้ ่ี
เหมาะสมให้แก่ชนั ้ เรียน เพื่อให้เกิดความกระตือรือร้นทีด่ ี
เน้นผูเ้ รียนเป็นศูนย์กลางในการจัดการเรียนการสอน (ซึง่ ในความเป็ นจริงนัน้ เป็ นลักษณะทีส่ วน
ทางกับ การวัด ผลสัม ฤทธิอ์ ย่ า งการสอบทางวิชาการเพื่อ การเข้า เรีย นมหาวิท ยาลัย ซึ่ง ไม่
สอดคล้องกับแนวคิดทีว่ ่าการศึกษาคือการปลูกฝงั ทักษะในการใช้ชวี ติ )
ครูต้องมีความสุขในการทาหน้ าที่ครู รักการทางานร่วมกับนักเรียน รักเด็กนักเรียนอย่างเท่า
เทียมกันไม่สนับสนุนการแก่งขันแก่งแย่งในชัน้ เรียน
เป้าหมายทีแ่ ท้จริงของการเรียนการสอน
การศึกษาควรเป็ นการเพิม่ ความเป็ น Cognitive และความเป็ นมนุ ษย์ให้แก่บุคคล ในกรณีตวั อย่างของ
ประเทสสิงคโปร์นัน้ ได้ตงั ้ เป้าหมายเอาไว้ว่าผู้เรียนจะต้องเป็ นผู้ท่มี คี วามมันใจ ่ (Confident Person)
เป็ นผูท้ ม่ี วี นิ ัยในการเรียนรู้ (Self-Directed Learner) เป็ นผูท้ ม่ี คี วามกระตือรือร้น (Active Contributor)
และเป็นพลเมืองทีด่ ี (Concern Citizen)
ผลงานครูคอื ตัวลูกศิษย์ ไม่ใช้กระดาษการวิจยั (ซึ่งบางครัง้ สวนทางกับการวัด ผลสัมฤทธิ ์ใน
ปจั จุบนั ทีเ่ ป็นอยู)่
586
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ครูและการวัดผลสัมฤทธิ ์ทางการศึกษาของนักเรียน
หนึ่งในกุญแจที่สาคัญ คือลักษณะการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งปจั จุบนั เป็ นในลักษณะของการวัดผล
ทางด้านเนื้ อ หาวิช าการ เมื่อ ผลคะแนนออกมาไม่ดี ส่ งผลให้ กระทรวงที่เ กี่ยวข้อ งเพ่ ง เล็ง ลงมาที่
ประสิทธิภาพของสถาบันการศึกษาและสถาบันการศึกษานัน้ ๆ จึงเพ่งเล็งลงมายังครูเป็ นการส่งต่อความ
กดดันให้เ กิดลักษณะการเรียนการสอนที่เ น้ นแต่ เ นื้ อหาทางด้านวิชาการในปจั จุบนั ซึ่งการวัด ผลใน
ลักษณะนี้ไม่น่าใช่คาตอบทีด่ ที ส่ี ุดในการวัดผลสัมฤทธิ ์ทางการศึกษา
ควรมีการวัดผลจากพัฒนาการของนักเรียนเป็นรายบุคคล ส่งเสริมให้เรียนในสิง่ ทีต่ นรัก ไม่ว่าจะ
เป็นในแง่ของวิชาการหรือการทากิจกรรมต่างๆ
หากว่ากันตามความเป็ นจริง ใช่ว่าเด็กไทยในปจั จุบนั มีความสามารถด้อยกว่าเด็กไทยในยุค
สมัยก่อนแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าความสามารถเหล่านัน้ ในภาพรวมยังไม่สามารถพัฒนาทัวถึ
่ ง
และท่วงทันประเทศอื่นทีเ่ คยอยูใ่ นระดับเดียวกันกับไทยได้อย่างทีค่ วร
ครูมกั จะถูกใช้เป็น “จาเลย” เมือ่ เราพูดถึงระบบของการศึกษา แต่ความจริงแล้วนัน้ ครูถูกบีบคัน้
ด้วยวัฒนธรรมในสังคม ในลักษณะทีว่ ่ายิง่ สอนวิชาการมากยิง่ เป็นสิง่ ทีด่ หี รือสิง่ ทีค่ วรจะทา
PISA คือการวัดผลในลักษณะที่องิ ทักษะการอยู่ในชีวติ ประจาวันภายในสังคมว่ามีมากน้อย
เพียงใด ซึง่ เป็นลักษณะการวัดผลทีด่ ี ควรนาแนวคิดมาประยุกต์ใช้ และจากการวัดผลของ PISA
นี้เองทีแ่ สดงให้เห็นว่าเด็กไทยมีทกั ษะในการอ่านตีความลดน้อยลง ถึงแม้ว่าจะสามารถอ่านออก
เขียนได้แต่ทา้ ยทีส่ ุดแล้วไม่สามารถขยายความหรือตีความได้
ลักษณะของการเรียนการสอนควรมีการปลูกฝงั ในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม อย่างจริงจัง แต่ก็
อาจจะเป็นการยากทีจ่ ะทาให้เห็นผลในเร็ววัน
แนวคิดและข้อเสนอแนะในเรือ่ งแนวทางการพัฒนาครู
เราสามารถแบ่งช่วงอายุงานของครูออกได้เป็ น 3 ระยะ (Phases) ใหญ่ๆ คือ หนึ่ง การอบรมบ่มเพาะ
ทักษะการเป็นครูในช่วงแรก สอง ช่วงเริม่ ต้นของการเป็ นครู สังสมประสบการณ์
่ กล่าวคือช่วง 10 ปีแรก
ของการเป็นครู สาม คือการเป็ นครูทม่ี ากประสบการณ์ หรือหลังจากการมีอายุงานของการเป็ นครู 10 ปี
ขึน้ ไป
การอบรมในเรือ่ งของพืน้ ฐานความเป็นครู เช่นจริยธรรมความเป็ นครู จะต้องอยู่ในระยะแรกของ
ชีวติ ความเป็ นครู ส่วนระยะที่สองหรือ 10 ปี แรกของการประกอบวิชาชีพครูเปรียบเสมือนเป็ น
การฝึกฝนระหว่างการทางาน (On the Job Training) คือเน้นในเรือ่ งของทักษะและความรูท้ ต่ี ้อง
ใช้การสังสมไปเรื
่ ่อยๆ ไม่ใช่มาจากการอบรมและในระยะสุดท้าย จะเป็ นเรื่องของการหมุนเวียน
587
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
588
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
589
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ตัวอย่างแนวทางการปฏิบตั จิ ากต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา: มีการดูพฒ ั นาการของเด็ก ว่าประเทศต้องการให้ไปในทิศทางใด แล้วจึงนา
แนวคิดนัน้ มาสอนและบ่มเพาะนักเรียนวิชาชีพครูในมหาวิทยาลัย รวมทัง้ ยังมีการสอนทักษะ
ของผูป้ ระกอบการให้แก่นกั เรียนวิชาชีพครูดว้ ยเช่นกัน (Entrepreneurship)
ฟินแลนด์: การบ่มเพาะครูคอื การนาเอาคนทีม่ คี วามสามารถจริงๆ (Cream of the Crop) มาบ่ม
เพาะ วัดทักษะการแสดงออก ทักษะเชิงไหวพริบ มีการให้ เขียนเรียงความแสดงความคิดเห็น
ความเป็ นครูการเป็ น Autonomous LearnerProblem Solver และ Knowledge Creator เพราะ
ต้อ งสร้างองค์ค วามรู้ท่เี หมาะกับบริบทการเรียนการสอนในชัน้ เรียนของตนรวมไปถึงการมี
Leadership ก้เป้นสิง่ สาคัญ
ญี่ปุ่น: ไม่มรี ะบบวิทยฐานะเหมือนอย่างประเทศไทย มีการตัง้ เงินเดือนข้าราชการครูสูง แต่ม ี
กฎหมายห้ามประกอบการอื่นในขณะทีเ่ ป็นครู และการวิจยั จะต้องสามารถตอบโจทย์ออกมาเป็ น
Action Research ให้เป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน โดยใช้ PDCA เป็นตัวขับเคลื่อน
Bill Gates: ครูต้องการ Feedback ทีแ่ ท้จริงเป็ นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นกรณีของประเทศจีน
มีการถ่ายวีดโี อ เก็บรายละเอียดความเป็ นไปของห้องเรียน จากต้นวันจนจบวัน ซึ่งทาให้เกิด
ประสิทธิภาพมากขึน้ รวมไปถึง Feedback จากเพื่อนร่วมงานด้วยกันเองก็สาคัญเช่นเดียวกัน
590
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สื่อ สาร และทัก ษะในการบริห ารสังคมและการมีจติ สาธารณะ ซึ่งทัง้ 5 บันไดนี้ จะเป็ นปจั จัย
สาคัญในการนาพากาลังคนเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างมีคุณภาพ
o หากแบ่งภาพรวมของการศึกษาออกเป็นองค์ประกอบกว้างๆ สามารถแบ่งออกได้เป็ น 3
ประเด็นคือ ด้านองค์ความรูต้ ามกลุ่มสาระ ด้านลักษณะของการถ่ายทอดองค์ความรู้
และด้านลักษณะเฉพาะของบุคคลหรือผูเ้ รียน
o ในเรื่อ งของการพัฒ นาครู ก็ ส ามารถแบ่ ง ออกได้ เ ป็ น 5 รู ป แบบได้ แ ก่ Teaching
Coaching Mentoring Exchanging และ Online Sharing (เพื่อการแลกเปลีย่ นความรู้
ระหว่างครู)
การปรับเปลีย่ นหรือปฏิรปู การศึกษาจะต้องเป็ นการเปลีย่ นระบบความเชื่อโดยภาพรวม เปลีย่ น
ทัศนคติของทัง้ นักเรียน และครูไปด้วยกัน
การทางานของสานักงาน กคศ. นัน้ ควรมีความสอดคล้องกับการทางานของคุรสุ ภา
o ตามมุมมองของหน่วยงานเห็นว่าเม็ดเงินค่าตอบแทนของครูนนั ้ สูงกว่าข้าราชการอื่นอยู่
แล้ว และลัก ษณะการบัง คับ ใช้เ รื่อ งของวิท ยฐานะที่เ ป็ น ไปตาม ว.17 คือ การเน้ น
ผลสัมฤทธิ ์ของนักเรียน อาจจะโดนโจมตีว่าละทิง้ ความเป็ นเลิศทางด้านวิชาการ
o หากไม่มกี ารกาหนดในเรือ่ งของวิทยฐานะแล้ว ครูบางกลุ่มก็ไม่สนใจทาผลงาน
o ควรมีการแก้ระเบียบกฎหมาย สร้างเกณฑ์การประเมินใหม่คดิ ให้นอกกรอบไม่ให้ตดิ กับ
ดักของระบบที่เป็ นอยู่มุ่งเป้าไปที่ลกั ษณะอันพึงประสงค์ของคนในศตวรรษที่ 21 ทัง้ นี้
จะต้องมีการร่วมมือจากทัง้ ภาคเอกชน ภาครัฐ และตัวผูเ้ กีย่ วข้องกับการศึกษาเอง (เช่น
นักเรียนและผูป้ กครอง)
o ขยายการดูแลครูให้ขยายไปถึงครูทเ่ี สียสละเพื่ออุดมการณ์เช่น ครูตามถิน่ ทุรกันดาร ครู
ภาคปริยธรรม สช. โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็ น
ต้น
591
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภาคผนวกที่ 3
สรุปการสัมภาษณ์และการศึกษาดูงาน
593
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
594
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
595
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กรณี การศึกษาดูงานโรงเรียนไกลกังวล
และสรุปประเด็นจากการสัมภาษณ์ นายวรวิ ทย์ กุลจิ รกาญจน์
ผูอ้ านวยการโรงเรียนวังไกลกังวล
9 สิ งหาคม 2556
ภาพรวมของโรงเรียน
โรงเรีย นวัง ไกลกั ง วล ตั ง้ อยู่ ท่ี อ าเภอหัว หิ น จัง หวัด ประจวบคี ร ีข ัน ธ์ เป็ นโรงเรีย นที่
พระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรมหาอานั น ทมหิด ลมีพ ระบรมราชานุ ญ าตให้จ ดั ตัง้ ขึ้น เมื่อ วัน ที่ 22
มิถุนายน พ.ศ. 2481 โดยมีวตั ถุประสงค์เพื่อให้การศึกษาแก่บุตรหลานของเจ้าหน้าทีผ่ รู้ กั ษาวังไกลกังวล
ซึง่ มีอยูจ่ านวนมากแต่ไม่มสี ถานทีเ่ ล่าเรียน มีฐานะเป็นโรงเรียนราษฎร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั
ทีไ่ ด้พระราชอุปการะค่าใช้จ่ายจากเงินพระราชกุศลเป็นรายปี
โรงเรีย นวัง ไกลกัง วลเป็ น โรงเรีย นของรัฐ ในสัง กัด ส านั ก งานคณะกรรมการศึก ษาเอกชน
กระทรวงศึกษาธิการ เปิ ดสอนตัง้ แต่ในระดับอนุ บาล 1 ถึง ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 6 และมีการสอนใน
ประดับประกาศวิชาชีพ มีรปู แบบการบริหารโดยคณะกรรมการเรียกว่า "กรรมการบริหารโรงเรียนวังไกล
กังวล" ประกอบด้วยผูท้ รงคุณวุฒทิ างด้านการบริหารโรงเรียน และทางด้านวิชาการ
วิ สยั ทัศน์
โรงเรียนวังไกลกังวลจัดการศึกษา เพื่อสนองพระบรมราโชบายทีพ่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั
พระราชทาน แก่โรงเรียนวังไกลกังวล ความว่า... “ให้จดั การศึกษาอบรมเด็กนักเรียนให้เป็ นเด็กดี มี
เมตตากรุณา เมือ่ จบการศึกษาตามกาลังสติปญั ญาของแต่ละคนแล้ว ให้มคี วามสามารถทางานประกอบ
อาชีพพึง่ ตนเองได้ ไม่ว่าจะเรียนถึงระดับชัน้ ใดก็ตาม”
พันธกิ จ
1. ส่งเสริมและปลูกจิตสานึก ให้มคี วามจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. จัดการศึกษาด้วยระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ให้ม ีคุณภาพ ตามมาตรฐานการศึกษา
และเต็มตามศักยภาพของแต่ละบุคคล
3. จัดสภาพแวดล้อมของสถานศึกษาให้เป็นแหล่งเรียนรูท้ ห่ี ลากหลายและเพียงพอ
4. ส่งเสริมให้บุคลากรได้มกี ารพัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ
5. บริหารจัดการด้วยระบบสารสนเทศ
6. สร้า งความสัม พัน ธ์ก ับ ชุ ม ชนให้ม ีส่ ว นร่ ว มในการบริห ารจัด การและมีก ารด าเนิ น การตาม
โครงการ/งานและกิจกรรม ครอบคลุมมาตรฐานการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน
596
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ประเด็นเกีย่ วกับการศึกษาด้วยระบบทางไกลผ่านดาวเทียม
โรงเรียนวังไกลกังวลมีการจัดทาโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม โดยจัดตัง้ สถานีวทิ ยุ
โทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม DLTV ขึน้ ทีโ่ รงเรียนวังไกลกังวล ถ่ายทอดการเรียนการสอน
ออกอากาศไปยังโรงเรียนเครือข่ายทัวประเทศ่ เริม่ ตัง้ แต่วนั ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2538 และต่อมาได้จดั ตัง้
เป็น “มูลนิธกิ ารศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม” เมือ่ วันที่ 2 เมษายน 2539
ปจั จุบนั นี้โรงเรียนวังไกลกังวลเป็ นต้นแบบทีท่ รงประสิทธิภาพ และเป็ นศูนย์กลางการเรียนการ
สอนด้ว ยระบบทางไกลผ่ านดาวเทียมที่ก้าวหน้ า เป็ นสถานศึกษาแห่งแรกที่ใ ช้เทคโนโลยีท่ที นั สมัย
ถ่ายทอดกระบวนการสอน การจัดกิจกรรมการเรียนรูต้ ลอดทัง้ การสร้างองค์ความรูค้ วบคู่คุณธรรมไปยัง
ผู้เรียนทัง้ ในประเทศและต่างประเทศ สนองพระบรมราโชบายที่ทรงเน้ นให้นักเรียนได้รู้จกั ช่วยเหลือ
ตนเองและยึดเป็นแนวปฏิบตั ติ ามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
วัตถุประสงค์
o เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาด้วยระบบทางไกลผ่านดาวเทียม และมุ่งแก้ไขปญั หาการ
ขาดแคลนครูของโรงเรียนในพื้นทีช่ นบทห่างไกล รวมถึงปญั หามาตรฐานไม่เท่าเทียม
กันของสถานศึกษาต่างๆ ได้
o เพื่อขยายการเข้าถึงความรู้ ทัง้ สาหรับนักเรียนและประชาชน ช่วยส่งเสริมกระบวนการ
เรียนรูต้ ลอดชีวติ
ช่องทางการรับชมรายการ DLTV
o ระบบ DStv: ระบบจานรับสัญญาณดาวเทียมในย่านความถี่ KU-Band
o ระบบ CAtv: ระบบเคเบิลทีว ี
o ระบบ Internet: ทัง้ ในลักษณะ Live Broadcast และ On Demand ที่website
http://www.dlf.ac.th
ปัจจัยแห่งความสาเร็จ
o เป็ น การริเ ริม่ น าเทคโนโลยีส ารสนเทศเข้า มาใช้ใ นการจัด การเรียนการสอนอย่างมี
ประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงชุมชนได้ค่อนข้างทัวถึ่ ง
o สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่ วน เช่น มูลนิธไิ ทยคิดไทยคมเป็ น
ผู้สนับสนุ นด้านการจัดหาอุปกรณ์ ถ่ายทอด กองทัพไทยดูแลระบบการถ่ายทอดจาก
โรงเรียนต้นทาง และกองทัพบกเป็นผูด้ แู ลการติดตัง้ อุปกรณ์ทโ่ี รงเรียนปลายทาง
ข้อจากัดในการดาเนิ นการ
o การจัดการเรียนการสอนทีห่ อ้ งเรียนต้นทางต้องเป็ นไปโดยเคร่งครัดและมีความถูกต้อง
เนื่องจากเป็นการถ่ายทอดสดไปในวงกว้าง หากมีขอ้ ผิดพลาดจะเกิดผลกระทบสูง
597
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การพัฒนาค่าตอบแทนและสวัสดิ การครู
o การเพิ่ ม ค่ าตอบแทน อาจจะเป็ น แรงจูง ใจส าคัญ ให้ค นเข้า มาเรียนครูหรือ เป็ น ครู
หากแต่ไม่ใช่แรงจูงใจทีแ่ ท้จริงในระยะยาว
o การแก้ปัญหาหนี้ สินของครู อาจไม่ใช่ปญั หาครูได้โดยตรง เป็ นแนวทางการแก้ปญั หา
ทางอ้อมมากกว่า เพราะเป็ นปจั จัยทีอ่ าจมีผลต่อการปฏิบตั หิ น้าที่ของครูน้อยกว่าปจั จัย
อื่น
ประเด็นเกีย่ วกับการจัดการเรียนการสอน
โรงเรียนไกลกังวลในปัจจุบนั มีการเรียนการสอนทีค่ รบวงจร กล่าวคือ มีการเรียนการสอน
ในทุกระดับชัน้ เริม่ ตัง้ แต่ชนั ้ เด็กก่อนวัยเรียน อนุ บาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ทัง้ นี้เด็กคน
ไหนที่จ บจากระดับ ชัน้ มัธ ยมศึก ษาแล้ว มีค วามประสงค์ท่ีจ ะเรีย นต่ อ ในระดับ ที่สู ง ขึ้น ก็ม ี
อาชีวศึกษารองรับ คือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพและประกาศนียบัตรวิชาชีพชัน้ สูง (ปวส.) ที่
วิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล ซึ่งมีการเปิ ดสอนหลักสูตรระยะสัน้ ด้านวิชาชีพต่างๆสาหรับ
บุคคลทัวไปด้
่ วย นอกจากนี้หากนักเรียนมีความประสงค์ท่จี ะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ทาง
โรงเรีย นไกลกัง วลก็ม ีโ ควต้า ให้เ รีย นได้ใ นสถาบัน การเรีย นการสอนในเครือ อีก ที่ห นึ่ ง คือ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตวังไกลกังวลซึง่ ตอบสนองกระแสพระราชดารัสของ
ในหลวงที่จะต้อ งจัดการศึกษาให้เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มคี ุณภาพจนถึงระดับ
ปริญญา
599
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
นั กเรี ย นที จ่ บการศึ กษาจากโรงเรี ย นไกลกัง วลมี ผลสัม ฤทธิ เ์ ป็ นที น่ ่ าพอใจ โดยเมื่อ ปี
การศึกษา 2556 ทีผ่ ่านมามีนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6 สามารถสอบตรงเข้าเรียนต่อในระดับ
ปริญญาตรีท่มี หาวิทยาลัยของรัฐกว่า 80 กว่าคน (ประมาณร้อยละ 50) โดยนักเรียนทีเ่ หลือ
สามารถสอบชิงทุนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเอกชน อาทิเช่น มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC)
มหาวิทยาลัยรังสิต หรือมีบางส่วนทีไ่ ด้ทุนไปเรียนต่อทีต่ ่างประเทศ เช่น ประเทศจีน นอกจากนี้
นักเรียนทีส่ าเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษาส่วนมากก็ได้รบั เกียรติ นิยม นับเป็ นเครื่องยืนยัน
ถึงผลสาเร็จและคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนไกลกังวลได้เป็นอย่างดี
600
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
601
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
602
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
603
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กรณี ศึกษาดูงานโรงเรียนสัตยาไส
และติ ดตามการดาเนิ นกิ จกรรมของโรงเรียนสัตยาไส จ.ลพบุรี
โดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา เป็ นผูน้ าดาเนิ น
และสรุปประเด็นจากการร่วมแลกเปลี่ยนความคิ ดเห็นกับ
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา และผู้อานวยการโรงเรียน ครู และนักเรียน
29 สิ งหาคม 2556
ภาพรวมของโรงเรียน
โรงเรียนสัตยาไสจัดตัง้ ขึน้ ในปี พ.ศ. 2535 ตัง้ อยู่ทอ่ี าเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุร ี บนเนื้อทีก่ ว่า
300 ไร่ ท่ามกลางธรรมชาติ อยู่ภายใต้การดูแลของดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ซึง่ เป็ นผูบ้ ริหารสูงสุด
ของโรงเรียน เปิดรับนักเรียนตัง้ แต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีท่ี 6 เป็นโรงเรียนประจาและมีการจัด
อาหารมังสวิรตั ใิ ห้กบั นักเรียน โดยไม่มกี ารเก็บค่าเล่าเรียนแต่อย่างใด ในปจั จุบนั มีนักเรียน 352 คน ครู
49 คน อัตราส่วนครูต่อนักเรียนประมาณ 1:6 และแต่ละห้องเรียนจะมีนกั เรียนไม่เกิน 30 คน
โรงเรียนแห่งนี้อยู่ภายใต้กฎ "ความรัก ความเมตตา" โดยเด็กนักเรียนและคุณครูอยู่ในโรงเรียน
เป็ นเสมือนครอบครัวใหญ่ ทุกคนดูแลช่วยเหลือกัน ทางโรงเรียนได้เน้นให้เด็กนักเรียนเป็ นคนดี ไม่ได้
เน้นให้เป็ นคนเก่งเพียงอย่างเดียว เพื่อเด็กจะได้เป็ นผู้ใหญ่ทด่ี ใี นอนาคต สังคมต้องการคนดีและคนเก่ง
ควบคู่กนั ไป ดังปรัชญาของโรงเรียนทีก่ ล่าวว่า “ปลายทางการศึกษา คือ อุปนิสยั ทีด่ งี าม”
วิ สยั ทัศน์
เด็กจะได้รบั การอบรมบ่มนิสยั ให้มคี วามรัก ความเมตตากรุณา มีกริ ยิ ามารยาททีด่ งี าม มีความอ่อนน้อม
ถ่อมตน ซื่อสัตย์ สุจริต กล้าหาญ กตัญญู มันใจในตนเอง
่ รูจ้ กั คิด เสียสละ มีระเบียบวินัย ปฏิบตั ติ ่ อผูอ้ ่นื
อย่างผูม้ คี วามรับผิดชอบ และรักวัฒนธรรมไทย
พันธกิ จ
1. ส่งเสริมและพัฒนาผูเ้ รียน ครู และผูป้ กครองโดยยึดหลักคุณค่าความเป็นมนุษย์ เพื่อให้มอี ุปนิสยั
ทีด่ งี าม เป็นแบบอย่างทีด่ แี ละยกระดับจิตใจให้เป็นมนุษย์ทส่ี มบูรณ์
2. จัดสภาพแวดล้อ มและบรรยากาศในทุกๆ ด้านให้ส อดคล้องกับการเรียนรู้และฝึ กปฏิบตั ิจริง
เพื่อให้ผเู้ รียนแสดงออกซึง่ ความสามารถของตนได้อย่างเต็มที่
3. ส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้เรียนมีความเป็ นเลิศทางคุณธรรม วิชาการ การกีฬาและทักษะต่างๆ
ตามศักยภาพ
4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผเู้ รียนแสวงหาความรูจ้ ากแหล่งการเรียนรูท้ งั ้ ในและนอกประเทศเพื่อให้
เกิดการเรียนรูต้ ลอดชีวติ
5. ส่งเสริมการวิจยั ในชัน้ เรียน เพื่อพัฒนาการเรียนรูอ้ ย่างต่อเนื่อง
604
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
6. บริหารสถานศึกษาและจัดการศึกษาตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อให้สามารถพึ่งพา
ตนเองได้อย่างเข้มแข็งและยังยื
่ น
ประเด็นเกีย่ วกับการจัดการเรียนการสอน
โรงเรียนสัตยาไสใช้หลัก “Educare” เน้นการอบรมเลีย้ งดู โดยมีความเชื่อว่ามนุ ษย์ทุกคนล้วนมี
ศักยภาพในตนเอง ผูส้ อนจึงต้องพยายามดึงเอาศักยภาพเหล่านัน้ ออกมา ตรงกับการศึกษาทีย่ ดึ ผูเ้ รียน
เป็นศูนย์กลาง ครูเป็นผูช้ ท้ี างให้กบั นักเรียนซึง่ เป็นผูแ้ สวงหา เน้นให้รจู้ กั ตัง้ คาถาม มีความคิดสร้างสรรค์
ควบคู่ไปกับการโน้มนาให้สวดมนต์ ปฏิบตั สิ มาธิ เพื่อเสริมสร้างจิตใจให้เข้มแข็ง มีความเมตตากรุณา
และมีจติ อาสาทีจ่ ะช่วยเหลือผูอ้ ่นื โดยยึดหลัก 3 H คือ Head = สมอง Heart = หัวใจ Hand = การ
กระทา การเรียนการสอนเริม่ จากความคิดดี คิดด้านบวกแล้วถ่ายทอดออกมาเป็ นการกระทาทีด่ แี ละมี
ประโยชน์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของคุณค่าในความเป็ นมนุ ษย์ทส่ี ะท้อนอยู่ใน “คุณธรรม 5 ประการ” ซึง่
ถือเป็ นแนวทางในการดาเนินชีวติ และการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน อันประกอบไปด้ว ย 1)
ความรักความเมตตา 2) ความจริง 3) การประพฤติชอบ4) ความสงบสันติ และ 5) อหิงสา
เป้าหมายในการจัดการศึกษาของโรงเรียนสัตยาไสนัน้ ก็คอื “EDUCATION” ซึง่ ก็คอื
Enlightenment: การรูแ้ จ้ง
Duty and Devotion: การปฏิบตั หิ น้าทีแ่ ละการเสียสละอุทศิ ตน
Understanding: ความเข้าใจถ่องแท้
Character: อุปนิสยั ทีด่ งี าม
Action: การนาความรูไ้ ปปฏิบตั ิ
Thanking: การมีใจกตัญญูรคู้ ุณ
Integrity: ความมีเกียรติ รูจ้ กั รับผิดชอบ
Oneness: ความมีใจสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
Nobility: ความสง่างาม
โรงเรียนใช้หลักการ “การเรียนรูโ้ ดยนักเรียนเป็ นศูนย์กลาง” และ “การเรียนรูแ้ บบบูรณาการ”
เช่น ให้นักเรียน (เริม่ แต่ชนั ้ อนุ บาล) ร่วมกาหนดหัวข้อทีจ่ ะเรียนรู้ แล้วครูเป็ น ผูเ้ อื้ออานวย (ไม่ใช่สอน)
ให้นกั เรียนได้เรียนรู้ โดยเน้นการเรียนรูจ้ ากการได้ปฏิบตั ิ ได้เห็นได้ฟงั ได้สมั ผัส ได้ทดลอง ได้คดิ อย่าง
เหมาะสม ทาให้เด็กเป็ นคนเก่งคนดี นอกจากนี้โรงเรียนสัตยาไสได้นาหลัก “ศีล สมาธิ ปญั ญา” มา
ประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เน้น “ความรักความเมตตา” และ “คุณธรรม” โดยบูรณาการเข้า
ไปในการเรียนการสอนและกิจกรรมต่างๆ สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมในทุกสาระการเรียนรู้ สอน
ทักษะชีวติ ในการอยู่ร่วมกัน นักเรียนได้เรียนรูต้ ามศักยภาพของตน ตลอดจนการส่งเสริมศักยภาพของ
605
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
606
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
607
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
608
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
609
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
โรงเรีย นสาธิต พัฒ นา เป็ น โรงเรีย นเอกชน สัง กัด ส านัก บริห ารงานคณะกรรมการส่ ง เสริม
การศึก ษาเอกชน ก่ อ ตัง้ โดยมูล นิธ ินวัต กรรมการศึกษาซึ่งต้อ งการส่ งเสริมมาตรฐานการศึกษาของ
ประเทศให้มคี ุณภาพ มูลนิธนิ วัตกรรมการศึกษา จึงเริม่ ดาเนินการก่อตัง้ โรงเรียนนวัตกรรมการศึกษา
ขึน้ มาเป็นครัง้ แรกในปี พ.ศ. 2549 เพื่อจัดการศึกษาในระดับปฐมวัยและต่อมาได้เปลีย่ นชื่อเป็ นโรงเรียน
อนุบาลบ้านของเล่น ในปีเดียวกันปี พ.ศ. 2550 มูลนิธนิ วัตกรรมการศึกษา ได้ปรับชื่อเป็ นโรงเรียนสาธิต
พัฒนา เพื่อ จัดการศึก ษาในระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาโดยได้เ ข้าร่ว มโครงการความ
ร่วมมือ ทางวิชาการกับคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาการจัดการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน
และได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนอนุ บาลบ้านของเล่น เป็ นโรงเรียนอนุ บาลต้นกล้าสาธิต โดยโรงเรียนสาธิต
พัฒนาและโรงเรียนอนุบาลต้นกล้าสาธิตได้แยกการบริหารงานออกเป็ น 2 โรงเรียน
ปี พ.ศ. 2551 ได้รวมโรงเรียนอนุบาลต้นกล้าสาธิตกับโรงเรียนสาธิตพัฒนาเป็ นโรงเรียนเดียวกัน
คือ"โรงเรียนสาธิตพัฒนา"เมือ่ รวมระดับปฐมวัย กับ โรงเรียนสาธิตพัฒนาแล้ว มูลนิธนิ วัตกรรมการศึกษา
จึงขอความร่ว มมือทางวิชาการจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการพัฒนาโรงเรียน
ครอบคลุม ถึงระดับอนุบาลด้วย และทาข้อตกลงการช่วยเหลือทางวิชาการ รวม 6 ด้าน ดังนี้
1. การจัดระบบบริหารโรงเรียน และระบบประกันคุณภาพ
2. การจัดทาหลักสูตร ระบบการจัดการเรียนการสอนและการนิเทศ
3. การกาหนดมาตรฐานบุคลากร และอัตราเงินเดือน
4. การรับนักเรียน
5. การคัดเลือกและเตรียมบุคลากร
6. การพัฒนาหลักสูตรและบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
วิ สยั ทัศน์
โรงเรียนสาธิตพัฒนาเป็นสถานศึกษาขัน้ พืน้ ฐานชัน้ แนวหน้าของประเทศ ทีจ่ ดั การศึกษาให้
ผูเ้ รียนรูม้ คี วามเป็ นผูน้ าทีม่ หี วั ใจประชาธิปไตย กล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ มีทกั ษะชีวติ คิดเชิงบวก
สามารถสื่อสารได้ในระดับนานาชาติ เป็นพลเมืองไทย และพลเมืองโลกทีม่ คี วามสุขอย่างยังยื ่ น
610
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
611
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภ า พ ร ว ม ก า ร ศึ ก ษ า ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ
1) ระบบการผลิ ต “ว่าที ค่ รูประจาการ” ควรมีการปรับปรุงเปลีย่ นแปลงอย่างเร่งด่วน โดยมี
ประเด็นทีส่ าคัญ ดังนี้
- แม้ ว่ า จะมี ป ริ ม าณครูที จ่ บมาจ านวนมาก แต่ มีปั ญ หาเรื อ่ งคุณ ภาพครูก ล่ าวคือ มี
บุคลากรทีผ่ ลิตจานวนมาก แต่กม็ คี วามขาดแคลนครู มาตรฐานแตกต่างกันระหว่างสถาบัน
โดยเฉพาะประเด็นด้านคุณภาพ ฉะนัน้ จึงควรเร่งปฏิรปู ระบบการผลิตครู
- กระบวนการเรี ย นการสอนของสถาบัน ผลิ ต ครูใ นปั จ จุบ นั ยัง ค่ อ นข้ า งแยกส่ ว น
ระหว่างการสอนทฤษฎี และการปฏิ บตั ิ หรือเป็ นการฝึ กฝนที ไ่ ม่ล่มุ ลึกอี กทัง้ ไม่มีการ
สอนการวิ เคราะห์หลักสูตร ส่งผลให้ขาดการบ่มเพาะความเป็ นครูทเ่ี ข้มข้น และบัณฑิตที่
จบแล้วเมื่อเข้าเป็ นครูประจาการจึงขาดทักษะการสอน และขาดทักษะในการคิดวิเคราะห์
หลักสูตรแกนกลางทีไ่ ด้รบั มา และการประยุกต์สอนให้เข้ากับเด็กนัก เรียนและบริบท ดังนัน้
จึงควรมีการผสมผสานบูรณาการตัง้ แต่ขนั ้ ตอนการผลิตครู เพื่อบ่มเพาะความเป็ นครู ทักษะ
การสอน
- บัณฑิ ตที จ่ บครูหรือคุรศุ าสตร์โดยตรงไม่ได้เข้าทางานบรรจุเป็ นครูจานวนมาก อี ก
ทัง้ ไม่สามารถดึงดูดคนเก่งให้ สนใจเข้ามาประกอบอาชี พครูได้ ส่วนหนึ่งเนื่องมาจาก
ผลตอบแทนครูต่ า มีความแตกต่างกับอาชีพอื่นมาก เมื่อเทียบกับภาระงาน อีกทัง้ ค่านิยม
หรือการให้ความสาคัญกับอาชีพครูมนี ้อยลง ทาให้เกิดความขาดแคลนครูทม่ี คี ุณภาพ ครูท่ี
มีความเชีย่ วชาญในบางสาขา
2) ควรเร่งพัฒนา เสริ มศักยภาพครูประจาการ
- ปัจจุบนั มีปัญหาเรือ่ งคุณภาพครู ครูประจาการมีข้อจากัดในการสอน ทาให้ ผ้เู รียน
ขาดความรู้ความเข้ าใจอย่างลึ กซึ้ ง ควรเร่งพัฒนาศักยภาพครูมคี วามจาเป็ นอย่างยิง่
เพื่อแลกเปลีย่ นเรียนรูแ้ ละนาไปสู่การปรับปรุงพัฒนาวิธกี ารสอน และปรับการจัดการเรียน
การสอน อาทิ การฝึกอบรม แลกเปลีย่ นเรียนรูร้ ะหว่างครูดว้ ยวิธกี ารต่างๆ สร้างเครือข่าย
ครูประจาการ ควรพัฒนาระบบครูพเ่ี ลีย้ งทีส่ นับสนุ น
- ครูได้ทาหน้ าทีไ่ ม่เต็มศักยภาพความเชีย่ วชาญของตน เนื่องจากปจั จุบนั ครูสอนในวิชา
ที่ต นไม่ไ ด้เ ชี่ย วชาญ เนื่ อ งจากระบบการสอบครู จะมีก ารขึ้น บัญ ชีค รู ท่ีส อบได้ไ ว้ เมื่อ
โรงเรียนใดมีการขาดแคลนครูและขออัตรากาลังคนมา ทางส่วนกลางจะจัดส่งครูทข่ี น้ึ บัญชี
สอบจัด ส่ งตามล าดับ ที่ข้นึ บัญ ชีไ ว้ ท าให้ค รูท่ไี ปสอนตามโรงเรีย นไม่ไ ด้ส อนตามความ
เชี่ยวชาญเฉพาะของตน ดังนัน้ ควรปรับปรุงระบบการขึ้นบัญ ชีค รู และการจัดส่ งครูไป
ประจาการตามโรงเรียน สถานศึกษาตามความเชีย่ งชาญ
612
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
613
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สรุปประเด็นการสัมภาษณ์
ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร
ผูอ้ านวยการสถาบันส่งเสริ มการสอนวิ ทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
4 กันยายน พ.ศ. 2556
ความต่อเนือ่ งเชิงนโยบาย
ระบบการศึกษาของไทยนัน้ ขาดความต่อเนื่องเชิงนโยบายการศึกษา เนื่องจากการทานโยบายต้องอิง
จากภาคการเมือง แต่เมื่อมีการสับเปลี่ยนรัฐมนตรีของกระทรวงศึกษาธิการอยู่ตลอดเวลาก็ยากที่จะมี
การสานต่อทางนโยบายให้สาเร็จลุล่วงได้ดว้ ยดี
- เนื่องจากการทานโยบายการศึกษาได้รบั อิทธิพลจากการเมืองเป็ นอย่างมาก เมื่อภาคการเมือง
รุ่นใหม่เป็ นกลุ่มคนที่ไร้คุณภาพ เข้ามาทางานได้เพียงเพราะใช้เส้นสายภายใน จึงเป็ นการฉุ ด
คุณภาพการศึกษาลงไปด้วยในขณะเดียวกัน
- คนที่เ ข้า มาบริห ารทางด้า นการศึก ษา ถึง จะให้ค วามส าคัญ แต่ ก็ไ ม่ ไ ด้เ ข้า ใจอย่ า งแท้จ ริง
โดยเฉพาะอย่างยิง่ ผู้ท่เี ข้ามาเป็ นรัฐมนตรีของกระทรวงศึกษาธิการที่ผ่ านมานัน้ ไม่ใ ช่ค นที่ม ี
ความรูค้ วามสามารถในเรื่องของศึกษาศาสตร์มากนัก ไม่สามารถมองในภาพใหญ่และส่งเสริม
การพัฒนาได้อย่างครบองค์ประกอบ
คุณภาพของระบบการศึกษา
สถาบันศึกษานัน้ มีคุณภาพลดต่าลงโดยภาพรวม นักเรียนไทยได้ผลการประเมินจาก PISA ในระดับทีต่ ่ า
กว่าเกณฑ์อกี ทัง้ ยังมีปญั หาในเรือ่ งของค่านิยมทีส่ ่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาการศึกษา
- การเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ยังคงเป็ น ค่ านิยมที่ม ีค วามเด่น ชัด ซึ่งอัน ที่จริงแล้ว การรองรับ
นักศึกษาเข้าสู่มหาวิทยาลัยนัน้ ทาได้แค่เพียงร้อยละ 30 ของนักเรียนทัง้ หมด ซ้าแล้วไม่มกี ารให้
ความสาคัญต่ออาชีวศึกษาทัง้ ๆ ทีต่ ลาดแรงงานมีความต้องการแรงงานในระดับนี้อยู่เป็ นจานวน
มาก อีกทัง้ ยังมีการเหยียดระดับชัน้ (Discriminate) ด้วยค่านิยมทางสังคมอีกด้วย
- ปริญญาคือใบเบิกทางทีส่ าคัญมากกว่าทักษะทีม่ แี ละจับต้องได้จริงทุกคนมุ่งเน้นเรียนให้ได้วุฒทิ ่ี
สูงเพื่อเอามาประดับเป็ นสถานภาพ (Status) ในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในปจั จุบนั ทีป่ ริญญา
ตรีนัน้ ไม่เพียงพอ ทุกคนต้องพยายามเรียนเพื่อให้ได้ปริญญาโท ทัง้ ๆที่ไม่รคู้ วามต้องการของ
ตนเอง ไม่มจี ุดมุ่งหมายทีแ่ ท้จริงนอกจากการเรียนเพื่อให้ได้วุฒ ิ ทาให้ในทีส่ ุดขาดทักษะการใช้
ชีวติ และประสบการณ์ทส่ี ถานศึกษาไม่สามารถให้ได้
614
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การผลิตครูและคุณภาพของครูในระบบการศึกษา
ปจั จุบนั คนส่วนใหญ่ท่เี ลือกเป็ นครูคอื กลุ่มคนที่ไม่สามารถประกอบอาชีพในลักษณะอื่น หรือไม่รวู้ ่าจะ
ประกอบอาชีพอะไรกล่าวคือ ไม่ได้มใี จอยากจะเป็ นครู อีกทัง้ ยังต่างจากในอดีตที่คนที่จะมาประกอบ
อาชีพเป็นครูนนั ้ คือคนทีเ่ ก่งทีส่ ุดในชัน้ เรียน
- สถาบันสร้างบุคลากรทางด้านการศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยราชภัฎ ไม่มคี วามเชื่อมโยงต่อความ
ต้องการของโรงเรียนหรือประเทศชาติ อีกทัง้ ยังพยายามผลิตคนในสายอาชีพอื่นที่ไม่ใช่ Core
Business ของตนเองเพียงเพื่อต้องการหารายได้ เปิดภาคค่า วันเสาร์อาทิตย์ และหน่ วยผลิตครู
เองก็ไม่ได้มคี วามสามารถมากนัก
- จากการสารวจบุคลากรการศึกษาไทยของ TEDS-M (Teacher Education and Development
Study in Mathematics) พบว่าครูทส่ี อนนักเรียนในกลุ่มสาระคณิตศาสตร์ส่วนมากนัน้ มีความรู้
เพียงพอแค่การสอนในระดับประถมเท่านัน้
- ทัง้ นี้ สสวท. ได้พยายามทีจ่ ะเผยแพร่ความรูก้ ารจัดการเรียนการสอนทีเ่ พียงพอผ่านการจัดทา
ตาราเพื่อครู หรือทีเ่ รียกว่าคู่มอื ครูส่งให้องค์การค้า (สกสค.) เป็ นผูจ้ ดั จาหน่ าย แต่อย่างไรก็ตาม
ก็ยงั ประสบปญั หาต้นทุนในการผลิต รวมไปถึงอุปสรรคในการเผยแพร่ให้ทวถึ ั ่ ง ทาให้ค่มู อื ครูไป
ไม่ถงึ มือกลุ่มเป้าหมายทีต่ ้องการทัง้ ๆทีร่ าคาต้นทุนจริงแล้วไม่ได้สูงมากมายเพราะ สสวท. เป็ น
ผูผ้ ลิต Prototype ให้ อีกทัง้ กลไกการค้าขายก็ไม่สนับสนุ นให้โรงเรียนมีอสิ ระในการเลือกซือ้ นัก
การทีใ่ ห้องค์การค้า (สกสค.) เป็ นผูจ้ ดั จาหน่ ายนัน้ เป็ นอีกปญั หาหนึ่งเนื่องจากเป็ นองค์กรภายใต้
หน่วยงานรัฐจึงไม่มปี ระสิทธิภาพเทียบเท่าเอกชน
- เนื่องด้วยการขาดแคลนคู่มอื ครูน้ีเองทีท่ าให้คุณภาพของการเรียนการสอนเสื่อมถอยลง เมื่อครู
ใช้หนังสือเล่นเดียวกับนักเรียน การเรียนการสอนย่อมไม่มที ศิ ทางทีถ่ ูกต้องอย่างทีค่ วรจะเป็น
- ความหวังของระบบการศึกษานัน้ อยู่ท่กี ารบ่มเพาะวิชาให้แก่ครูรุ่นใหม่ เพราะเราไม่สามารถ
แก้ไขแนวคิดของครูรนุ่ เก่าได้แล้ว ควรเปลีย่ นวิธกี ารสอน เน้นการแก้ปญั หามากกว่าการท่องจา
- ครูจะต้องได้รบั การพัฒนาอยูต่ ลอดเวลา ไม่ใช่ว่าจบอยูท่ ก่ี ารเรียนเพื่อให้ได้มาซึง่ วิชาชีพ
615
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
หลักสูตรการเรียนการสอน
ทีจ่ ริงแล้วหลักสูตรการเรียนการสอนของประเทศไทยนัน้ มีการวางเอาไว้อย่างเป็ นระบบและครอบคลุม
รอบด้าน แต่ครูไม่สามารถนาไปปฏิบตั ไิ ด้อย่างเต็มที่ อันเนื่องมาจากข้อจากัดทางด้านสื่อการสอนและ
คุณภาพของครูเอง การขาดแคลนกาลังคนและโครงสร้างพื้นฐานก็เป็ นประเด็นทีส่ าคัญทีท่ าให้คุณภาพ
การศึกษาลดถอยลงเรือ่ ยๆ
- โดยเฉพาะในพืน้ ทีต่ ่างจังหวัดทีค่ รูมจี านวนจากัด จึงทาให้ครูจาเป็ นทีจ่ ะต้องทาทุกอย่างได้ สอน
ทุกอย่างเป็น แต่เมือ่ ไม่มที กั ษะจึงไม่เกิดประสิทธิผล
- การเรียนรูใ้ นระดับประถมศึกษามีความสาคัญเป็ นอย่างมากต่อการพัฒนาทางด้านความคิดของ
เด็ก แต่เมื่อฐานไม่ดกี ารต่อยอดก็ไม่สามารถทาได้อย่างที่ควรจะเป็ น ซึ่งต่างจากต่างประเทศ
หรือในประเทศทีพ่ ฒ ั นาแล้ว ทีล่ ว้ นให้ความสาคัญต่อการศึกษาระดับพืน้ ฐานทัง้ นัน้
- ควรให้ความสาคัญกับการปูพน้ื ฐานในระดับชัน้ ปฐมวัยและประถมศึกษาให้มากขึน้
- หลัก สูต รการสอนจะต้อ งทาให้นักเรีย นสามารถใช้ท ักษะที่มอี ยู่ใ นชีว ิต ประจาวัน ได้ใ นทุก ๆ
สาขาวิชา แต่สงิ่ ทีส่ าคัญคือ (1) นักเรียนต้องสามารถอ่านออกเขียนได้ ไม่ใช่แค่สามารถอ่านได้
อย่า งเดีย ว แต่ ต้อ งสามารถจับ ใจความและถ่ า ยทอดได้ด้ว ยเช่ น กัน มีว ิช าคณิต ศาสตร์แ ละ
วิทยาศาสตร์เป็ นหลักพืน้ ฐานในกระบวนการคิด (2) การวางหลักสูตรการศึกษาจะต้องเป็ นใน
616
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ความสามารถในการรองรับนักเรียน
มีความพยายามในการเพิม่ ให้ถงึ การศึกษาภาคบังคับ เดิมเรามีโรงเรียนประถมกว่า 30,000 โรงเรียน
แต่มโี รงเรียนมัธยมเพียงแต่ 3,000 โรงเรียน ซึง่ การทีน่ กั เรียนทุกคนจะเข้าสู่ระดับมัธยมศึกษานัน้ เป็ นไป
ไม่ได้อย่างแน่ นอน ทาให้ต้องมีการเปิ ดโรงเรียนเพิม่ แต่ก็เป็ นการเปิ ดเพิม่ ที่ไม่มคี ุณภาพ ทรัพยากร
บุคคลไม่พร้อม ทาให้ครูตอ้ งสอนควบชัน้
- หนึ่งในแนวทางการเปิ ดโรงเรียนเพิม่ คือโรงเรียนขยายโอกาส คือการขยายตัว ของโรงเรียน
ประถมที่เปิ ดระดับมัธยมเพิม่ ซึ่งไม่ใช่โครงการที่ถูกไตร่ตรองโดยรอบด้าน เป็ นการขยายที่ไม่
คานึงถึงประสิทธิภาพและไม่ยงั ผลสัมฤทธิ ์อย่างแท้จริง
- หนึ่งเหตุผลของโรงเรียนขยายโอกาสนัน้ คือเพียงเพื่อให้ครอบคลุมการศึกษาภาคบังคับ
- ในพืน้ ทีๆ่ ต้องการความช่วยเหลือนัน้ ควรเร่งให้เกิดการพัฒนา เพราะสภาพแวดล้อมนัน้ ส่งผลต่อ
การเรียนรูอ้ ย่างมาก ไม่ว่าจะเป็ นความเป็ นอยู่ของครอบครัว การเดินทางทีย่ ากลาบาก และการ
ทีเ่ ด็กไม่ได้รบั การดูแลอย่างทัวถึ
่ ง ทุกสิง่ ล้วนส่งผลต่อผลสัมฤทธิ ์ทางการศึกษาทัง้ สิน้
- สัดส่วนของครูหรือนักเรียนต่อโรงเรียนที่ใช้กนั เป็ นเพียงวิธกี ารเฉลี่ยจานวนคนต่อจานวนโรง
กล่าวคือ ไม่สามารถบอกสภาพความเป็นจริงได้
617
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ประเด็นข้อเสนอแนะหรือข้อคิดเห็นอืน่ ๆ
- ต้องสนับสนุนให้เกิดอัตราส่วนนักวิจยั ต่อประชากร 15:10,000
- การศึกษาควรอยูบ่ นพืน้ ฐานของความเสมอภาค ทุกคนควรได้รบั โอกาสเท่ากัน
- ความสามารถของคนไทยยังคงไม่พร้อมกับการบริหารแบบกระจายอานาจ (Decentralization)
- ต้องให้ความสาคัญกับ Media Literacy ใช้ประโยชน์ดว้ ยการบรูณาการ ใช้ส่อื เป็ นตัวกลางอย่าง
มีประสิทธิผลยกตัวอย่างเช่น สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ทีใ่ ห้ช่วงเวลา สสวท.
- การสร้างสังคมโดยรวมนัน้ ต้องมีรากฐานที่แข็งแรงมาจากการศึกษาที่ดี ต้องให้ความสาคัญแก่
การศึกษาเป็น Priority แรก
- องค์การปกครองส่วนท้องถิน่ และภาคเอกชนควรเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ให้ความ
ร่วมมือในการสร้างสื่อการเรียนรู้ ตลอดจนถึงการวางแผนว่านักเรียนที่จบการศึกษาออกมาจะ
สามารถทาประโยชน์อะไรให้กบั ชุมชน เป็ นต้น เพราะลาพังเงินจากภาครัฐเพียงอย่างเดียวไม่
สามารถตอบโจทย์ทุกอย่างได้ทนั ท่วงที
- การแก้ปญั หาควรเริม่ จากการมองในภาพใหญ่ (Macro) แล้วถึงลงลึกในเชิงย่อย (Micro) เพื่อให้
เกิดความเป้นบูรณาการเข้าด้วยกัน หากเริม่ จากภาพย่อยแล้วรวมเป็ นภาพใหญ่จะเป็ นการยาก
ทีจ่ ะทาให้มงุ่ สู่เป้าหมายร่วมเดียวกันได้
- มีก ารให้ทุ น แต่ เ มื่อ ส าเร็จ การศึก ษาแล้ว กลับ ไม่ม ีห น้ า ที่ห รือ ต าแหน่ ง หน้ า ที่ก ารงานให้ล ง
เปรียบเสมือนการให้ทุนดังกล่าวนัน้ เสียไปเปล่ าๆเนื่องจากไม่สามารถใช้ความรู้ท่ไี ด้มาอย่าง
เต็ม ที่แ ละเกิดประโยชน์ ในที่สุ ดคนที่ไ ด้ทุน เพื่อ การวิจ ยั เหล่ านัน้ ก็ผนั ตัว ไปเป็ นอาจารย์ใ น
มหาวิทยาลัย แทนทีจ่ ะได้ใช้ความรูท้ ม่ี อี ยูใ่ นการพัฒนาสิง่ นวัตกรรม ปญั หาทีย่ งิ่ ไปกว่านัน้ คือไม่
มีใครมีแรงจูงใจที่จะไปอยู่มหาวิทยาลัยที่ห่างความเจริญ ซึ่งทาให้ความเป็ นไปได้ท่จี ะค้นพบ
ช้างเผือกและในพืน้ ทีเ่ หล่านัน้ หายไป เด็กเก่งทีข่ าดครูเก่งย่อมไม่สามารถประสบความสาเร็จได้
- ประชาคมอาเซียนจะทาให้เกิดการเคลื่อนย้ายของแรงงาน(Labor Mobility) ภายในหมู่ประเทศ
เอเชีย ตะวัน ออกเฉี ย งใต้ ในกรณี ข องประเทศไทยนั ้น มีค วามเป็ น ไปได้สู ง ที่จ ะเกิด การ
เคลื่อนย้ายออกของแรงงานทักษะสูงในขณะทีเ่ กิดการไหลเข้าของแรงงานทักษะต่า
- สิง่ ทีค่ วรทาให้สาเร็จคือ (1) ทาอย่างไรให้คนในประเทศพัฒนาไปด้วยกัน (2) ทาอย่างไรให้คน
เก่ง (Cream of the Crop) มาเป็ นบุคลากรในระดับประถมศึกษาเพื่อการสร้างพืน้ ฐานทีด่ ขี อง
กระบวนการเรียนรู้
618
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สรุปประเด็นจากการสัมภาษณ์
นายพารณ อิ ศรเสนา ณ อยุธยา
ผูอ้ านวยการใหญ่โรงเรียนดรุณสิ กขาลัย
9 กันยายน 2556
ปฏิ รปู กระทรวงศึ กษาธิ การ ปจั จุบนั การทางานของหน่ วยงานในกระทรวงศึกษายังเป็ นแบบ
แยกส่วนอยู่มาก ควรต้องมีการบูรณาการร่วมกันมากขึน้ อาจแบ่งตามหน้าที่ (Function) เช่น
การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษาทางเลือก
619
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
620
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
โรงเรียนดรุณสิ กขาลัย
ปรัชญาการศึก ษาของโรงเรียนตัง้ อยู่บนหลักการ Constructionismของ Prof. Seymour
Papert แห่ง The Media Lab of Massachusetts Institute of Technology (MIT)โดย
กระบวนการเรียนรูน้ ้มี ชี ่อื ภาษาไทยว่า “การเรียนรูเ้ พื่อสร้างสรรค์ดว้ ยปญั ญา” มีความคล้ายคลึง
กับหลักการเรียนรูผ้ ่านการปฏิบตั ภิ าวนาในพุทธศาสนา ทีใ่ ห้ความสาคัญกับการสร้างองค์ความรู้
ผ่านประสบการณ์จริงของตนเอง โดยหลักการพื้นฐานของการจัดการเรียนรูจ้ ะประกอบด้วย 3
กระบวนการทีส่ าคัญ คือ 1) การคิด (Thinking or Designing) 2) การลงมือทา (Making or
Doing) 3)การสะท้อ นความคิด (Reflecting or Contemplating) กระบวนการเรียนรู้แบบ
Constructionism นี้เป็นการเรียนผ่านโครงงาน (Project Based Learning)สิง่ ทีน่ ักเรียนสร้าง
นัน้ จะเป็ นโจทย์ทน่ี ักเรียนสนใจ ซึง่ นักเรียนจะได้พบประสบการณ์และความรูท้ ห่ี ลากหลายทีจ่ บั
ต้องได้ชวี ติ จริง จากนัน้ นักเรียนก็จะได้ผ่านกระบวนการสะท้อนความคิด (Reflection) ด้วยการ
บันทึกประจาวัน ซึ่งเป็ นการให้นักเรียนได้ฝึกฝนการทบทวน และเรียนรูจ้ ากประสบการณ์และ
กระบวนการทีไ่ ด้ผ่านไป
พันธกิ จ ของโรงเรียนดรุณสิกขาลัยทีส่ าคัญอีกประการหนึ่ง คือ การพัฒนาผูเ้ รียนให้สามารถใช้
วิจารณญาณในการคัด สรรข่าวสาร (Data) ที่มอี ยู่ม ากมายในปจั จุ บนั มาแปรเป็ น ข้อ มูล
(Information) ที่เป็ นประโยชน์ สามารถคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และพัฒนาข้อมูลเหล่านัน้ ไปสู่
ความรู้ (Knowledge) ที่สงสมเป็ ั่ นประสบการณ์ ซึ่งเมื่อนาไปใช้อย่างมีสติ จะทาให้เกิดปญั ญา
(Wisdom) ทีจ่ ะเป็ นพืน้ ฐานในการแก้ปญั หา วางแผน และการสร้างสรรค์นวัตกรรม
621
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
622
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
งานวิ จยั ของ Prof. Kristan Morrison (Radford University) ได้ตงั ้ คาถามเกี่ยวกับเป้าหมายสูงสุด
ของการศึกษา โดยใช้การเปรียบเทียบระหว่างการศึกษาดัง้ เดิม (Conventional Education) และ
การศึกษาทางเลือกแบบใหม่ (Unconventional Education) มีรายละเอียดดังนี้
1. นักเรียนจะมีความใฝร่ ู้ รูจ้ กั การคิดวิเคราะห์ในสภาพแวดล้อมแบบไหน ระหว่างสภาพแวดล้อมที่
เขามีอสิ ระในการตัง้ คาถามใดก็ได้ทอ่ี ยากจะถาม หรือในสภาพแวดล้อมที่เขาถูกบอกว่าควรจะ
ถามคาถามใด จะต้องคิดอย่างไร โดยปราศจากการคานึงถึงประสบการณ์ชวี ติ หรือความสนใจ
ของเขา
2. นักเรียนจะเป็นผูท้ เ่ี ปิดกว้างต่อข้อคิดเห็นและมุมมองทีห่ ลากหลายได้อย่างไร หากเขาได้พบเจอ
แต่มุมมองที่แคบและมีลกั ษณะเป็ นแบบเดียวกันทัง้ หมด (Homogenized view) จากการเรียน
ผ่านตาราเรียนเพียงอย่างเดียว
3. นักเรียนจะสามารถมีความเข้าใจลึกซึ้งถึงความสลับซับซ้อนและความเชื่อมโยงสอดคล้องกัน
ขององค์ความรูต้ ่างๆได้อย่างไร หากเขาจะต้องเรียนแบบแยกส่วนตามสาขาวิชา (Fragmented)
และห่างจากโลกความเป็นจริง (Oversimplified)
4. นักเรียนจะมีความตระหนักรูต้ นเองในสภาพแวดล้อมแบบไหน ระหว่างสภาพแวดล้อมทีเ่ ขาได้
ถู ก ส่ ง เสริม ให้ค้น หาสิ่ง ที่ม ีค วามหมายส าหรับ เขา หรือ ในสภาพแวดล้อ มที่ ค วามสนใจของ
นักเรียนถูกกลบด้วยองค์ความรูท้ เ่ี ป็ นมาตรฐานเดียว (Standardized knowledge) โดยทีพ่ วก
เขาไม่สามารถควบคุมหรือจัดการอะไรใดๆทัง้ สิน้
5. ความเป็นเอกลักษณ์ของนักเรียนแต่ละคน (Individuality) จะเกิดขึน้ ในรูปแบบการเรียนการสอน
แบบใด ระหว่างโมเดลการผลิตแบบโรงงาน (Factory Model) ทีเ่ ป็ นแบบเดียวกันทัง้ หมด หรือ
โมเดลที่ใ ห้ค วามส าคัญ กับการเรียนรู้ต ามศัก ยภาพและพรสวรรค์ท่ีมคี วามแตกต่ า งกันของ
นักเรียนแต่ละคน
6. นักเรียนจะเป็ นผูท้ ม่ี คี วามรับผิดชอบ เชื่อมันในตั่ วเอง และยึดมันต่
่ อความเป็ นประชาธิปไตยใน
สภาพแวดล้อมแบบไหน ระหว่างสภาพแวดล้อมที่เขามีสทิ ธิในการตัดสินใจว่าเขาจะใช้เวลาใน
แต่ละวันอย่างไร การปฏิบตั กิ ารประจาวันของโรงเรียนควรเป็ นอย่างไร และการแก้ไขปญั หาข้อ
ขัดแย้งต่างต่างๆ หรือในสภาพแวดล้อมทีน่ กั เรียนไม่มสี ทิ ธิในการตัดสินใจใดๆทัง้ สิน้
7. นักเรียนจะรูส้ กึ ว่าการเรียนรูเ้ ป็นสิง่ ทีส่ นุกและให้ความพึงพอใจกับเขาและทาให้เขากลายเป็ นผูท้ ่ี
เรียนรูต้ ลอดชีวติ (Lifelong Learner) ได้ในสภาพแวดล้อมแบบไหน ระหว่างสภาพแวดล้อมที่
ถูกบังคับ ยัดเยียดให้ตอ้ งเรียนหนังสือแบบท่องจา ทาข้อสอบมากมาย หรือสภาพแวดล้อมทีเ่ ขา
สามารถใช้เวาไปกับการเรียนรูส้ งิ่ ทีพ่ วกเขามีความสนใจและมีความหมายต่อตนเอง
623
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์เปิดทาการสอนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายรุน่ แรกในปีการศึกษา
2534
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ องค์การมหาชน จัดตัง้ ขึน้ ตามพระราชกฤษฎีกาการจัดตัง้ โรงเรียน
มหิดลวิทยานุสรณ์ พ.ศ. 2543 เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย เปิดสอนในระดับ
มัธยมศึกษา
รูปแบบการจัดตัง้ :โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์มสี ถานภาพเป็ นองค์การมหาชน ภายใต้การ
กากับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการตามประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดตัง้ โรงเรียนมหิดล
วิทยานุสรณ์ขน้ึ เมือ่ วันที่ 25 สิงหาคม พุทธศักราช 2543 ได้มกี าร เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์แห่งแรก
ของประเทศไทย เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษา
การจัดตัง้ เป็นองค์การมหาชน ทาให้โรงเรียนสามารถ ดาเนินการบริหารจัดการให้เยาวชนทีม่ ี
ความสามารถพิเศษได้รบั การพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ โรงเรียนมีอสิ ระในการดาเนินงาน รวมทัง้ การ
พัฒนาหลักสูตรและสื่อทีม่ ลี กั ษณะเฉพาะตัว แตกต่างจากโรงเรียนมัธยมศึกษาปกติโดยทัวไป
่
ภารกิ จสาคัญของโรงเรียนคือ การวิจยั พัฒนา และสร้างองค์ความรูใ้ นการค้นหาและการจัด
การศึกษาสาหรับผูม้ ศี กั ยภาพสูงด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ระดับมัธยมศึกษาที่
สามารถใช้เป็ นต้นแบบขยายผลใน วงกว้างได้ ทัง้ นี้เพื่อพัฒนานักเรียนเหล่านัน้ ให้มคี วามสามารถระดับ
มาตรฐานโลกมีจติ วิญญาณของความเป็ นนักวิจยั นักประดิษฐ์คดิ ค้น มีสุขภาพพลานามัยทีด่ ี มีคุณธรรม
จริยธรรม รักการเรียนรู้ มีความเป็ นไทย มีความมุง่ มันใน
่ การพัฒนาประเทศชาติและมีเจตคติทด่ี ตี ่อ
เพื่อนร่วมโลกและธรรมชาติเป็ นตัวป้อนทีม่ คี ุณภาพสูงเยีย่ มเข้าสู่ระดับ อุดมศึกษาเพื่อพัฒนาไปสู่ความ
เป็นนักวิชาการนักวิจยั และนักประดิษฐ์คดิ ค้นระดับมาตรฐานโลกของประเทศชาติในอนาคต
เกณฑ์การคัดเลือกนักเรียน:เป็นไปอย่างเคร่งครัด โดยเปิดรับปีละ 240 คน ด้วยการสอบวิชา
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการสอบ SAT
ครู:โรงเรียนเน้นครูเก่ง ทีจ่ บทางด้านวิทยาศาสตร์เฉพาะทาง และมีการอบรมวิชาชีพครูเพิม่ เติม
เนื่องจากต้องการเน้นให้นกั เรียนได้รบั การถ่ายทอดวิชาความรูจ้ ากครูทม่ี คี วามเชีย่ วชาญโดยตรงทาง
วิทยาศาสตร์เข้มข้น โดยโรงเรียนมีครูประมาณ 70 ท่านทีจ่ บการศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญา
เอก
624
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ข้อจากัดและปัจจัยเสี่ยง
การเรียนต่ อของนักเรียนในด้ านวิ ทยาศาสตร์มีน้อย: แม้ว่าโรงเรียนมหิดลวิทยา
นุสรณ์เป็ นโรงเรียนวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยแต่จากสถิตพิ บว่า ภายหลังทีน่ ักเรียน
ได้จบการศึกษา พบว่า นักเรียนทีเ่ รียนต่อทางด้านวิทยาศาสตร์ในระดับอุดมศึกษายังมี
สัดส่วนทีน่ ้อย โดยในกลุ่มทีเ่ ลือกเรียนต่อวิทยาศาสตร์น้ีมสี ดั ส่วนเพียงประมาณร้ อยละ
17-20 ซึ่งมักจะได้รบั ทุนการศึกษาต่อที่ต่างประเทศ ในขณะที่นักเรียนที่เรียนต่อใน
ประเทศไทยมักเลือกเรียนต่อทางด้านแพทยศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ในสัดส่วนทีส่ ูง
ส่วนหนึ่งเนื่องจากค่านิยม ทัศนคติผู้ปกครอง ทีอ่ ยากสนับสนุ นให้บุตรหลานเรียนเพื่อ
เป็ นแพทย์ หรือวิศ วกรมากกว่า เพราะมีเส้นทางอาชีพ (Career Path)ที่ชดั เจนกว่า
อย่า งไรก็ต าม อีก ส่ ว นหนึ่ ง เนื่ อ งมากจากภาครัฐ ยัง มิไ ด้ส นับ สนุ น ส่ ง เสริม ทางด้า น
625
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
วิทยาศาสตร์อย่างครบวงจร หรือแสดงให้เห็นผู้เรียนและผู้ปกครองเห็นทิศทางการ
สนับสนุน
ผู้บริ หารโรงเรียน เป็ นปั จจัยหนึ่ งที่ มีความสาคัญอย่างยิ่ งต่ อการพัฒนาโรงเรียน:
เนื่องจากโรงเรียนมหิดลวิทยานุ สรณ์เป็ นโรงเรียนทีม่ ลี กั ษณะเฉพาะ อีกทัง้ รูปแบบการ
บริหารงานเป็นลักษณะองค์การมหาชน ดังนัน้ การค้นหาผูบ้ ริหารงานทีม่ ที งั ้ ความเข้าใจ
ด้านวิทยาศาตร์ และเลือกทีจ่ ะมาบริหารงานในองค์การมหาชนซึง่ มีวาระการดาเนินงาน
จึงเป็นเรือ่ งทีค่ ่อนข้างยาก
626
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สรุปประเด็นจากการสัมภาษณ์
ดร. ยงยุทธ แฉล้มวงษ์
สถาบันวิ จยั เพื่อการพัฒนาประเทศไทย
12 กันยายน 2556
ปัญหาของการปฏิ รปู
กฎหมายที่กาหนดการปฏิรูปการศึกษาของไทย มีผลให้ม ีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ
กระทรวงศึกษาธิ การครัง้ ใหญ่ กรมต่างๆ ถูกยุบไป ได้มกี ารรวมเอาทบวงมหาวิทยาลัย และ
สภาการศึกษาแห่งชาติเข้ามาไว้ในกระทรวงศึกษาธิการ กลายเป็ นโครงสร้างใหม่ ประกอบด้วย
5 หน่วยงานหลัก แต่ไม่ได้ช่วยให้เกิดการบูรณาการมากขึน้ แต่ละหน่ วยงานยังทางานเป็ นแท่ง
เช่นเดิม นอกจากนี้การรวมเอาทบวงมหาวิทยาลัยเข้ามาไว้ในกระทรวงเดียวกันทาให้เป็ นการ
การบันทอนพั
่ ฒนาของอุดมศึกษา เนื่องจากถูกครอบคลุมโดยการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน
การปฏิรปู การศึกษาในยุคทีผ่ ่านมาเป็นเพียงการขับเคลื่อนในเชิ งสัญลักษณ์ หรือเป็ นลักษณะ
paper-based คือเน้นการวางแผน (Planning) หรือการผลิตงานวิจยั เชิงวิชาการเป็ นหลัก แต่
ข้อเสนอแนะทัง้ หลายกลับไม่ได้ถูกนาไปปฏิบตั จิ ริง
การใช้ จ่ายในด้านการศึกษาของภาครัฐทีผ่ ่านมาส่วนใหญ่เป็ นงบประจาส่วนทีเ่ ป็ นการลงทุน
(Investment) น้อยมาก หากมีก็มกั จะเน้นการก่อสร้างตึกอาคารเรียนทีเ่ ป็ นโครงสร้างพืน้ ฐาน
ทางกายภาพ (Physical Infrastructure) โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย/ราชภัฎ แต่ไม่ได้ลงไปถึงตัว
คน ครู หรือบุคลากร ซึง่ มีความสาคัญมากกว่าในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ครู
ปจั จุบนั ครูที่กาลังสอนส่วนใหญ่เป็ นผู้สูงอายุแล้ว สมรรถนะลดต่ าลงทาให้คุณภาพการสอน
อาจไม่เทียบเท่าในอดีต เป็นไปตามหลักของเศรษฐศาสตร์ Law of Diminishing Return ซึง่ หาก
เป็ นภาคเอกชนเมื่อองค์กรเขาไปถึงจุด Diminishing Return นี้แล้ว จะต้องมีการปรับโครงสร้าง
(Restructuring) เพื่อฟื้ นฟูเ พื่อให้กลับสู่สภาพเดิม (Revitalize) แต่ ปจั จุบนั ยัง ไม่เห็นความ
พยายามของกระทรวงศึกษาในการทาเรือ่ งนี้
มี ส ถาบันผลิ ตครูมากเกิ นไป ท าให้ ค วบคุมคุณ ภาพได้ ย าก ใบประกอบอาชีพ ครู ไม่ไ ด้
มาตรฐาน ไม่สามารถแสดงสมรรถภาพที่แท้จริงของครู เนื่องจากคุรุสภาไม่ได้กากับดูแลอย่าง
เข้มงวดเพียงพอ นอกจากนี้ย งั ขาดการประเมินเพื่อควบคุมคุณภาพอย่างตลอดต่อเนื่อง (Re-
evaluation) ควรจะทาเหมือนใบขับขีท่ ม่ี กี ารทดสอบใหม่เพื่อต่ออายุไม่ใช่เป็ นใบอนุ ญาตแบบ
ตลอดชีพ
627
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
628
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ประเด็นความท้าทายอื่นๆในระบบการศึกษาไทยปัจจุบนั
นโยบายอุดหนุนต่ อหัวเป็ นการจัดสรรทรัพยากรอย่างไม่มปี ระสิทธิภาพโดยทาให้เกิดการแย่ง
นักเรียนจากสายอาชีวะไปสู่สายสามัญเพื่อให้ได้งบประมาณมากขึน้
ระบบการบริ ห ารจัด การการศึ ก ษาจ าเป็ นต้ อ งกระจายอ านาจออกจากส่ ว นกลาง
(Decentralize) มากขึ้น ทัง้ นี้ต้อ งขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ ล ะท้อ งถิ่น โดยใช้รูปแบบการ
กระจายแบบเป็น Node โดยแบ่งตามCluster เขตการศึกษาทีม่ อี ยูแ่ ล้ว
เป้ าหมายสาคัญของการจัดการศึกษา คือ ต้ องทาให้ เด็กได้ค้นพบศักยภาพของตนเอง รู้
ว่าตัวเองมีความสนใจในเรื่องใด เพื่อที่ส ามารถตัดสินใจได้ว่าจะเรียนต่ อสาขาวิชาไหน หรือ
ประกอบอาชีพ ใดดังนัน้ จริงๆแล้ว การมีค วามรู้และทักษะนัน้ อาจเป็ นเพียงแค่ ยอดของภูเ ขา
น้ าแข็งเท่านัน้ สิง่ ที่ลกึ ลงไปและเป็ นพืน้ ฐานทีส่ าคัญคือคุณลักษณะหรือเจตคติของคนทีบ่ อกว่า
เขาชอบอะไรและเหมาะกับอะไร ซึ่งเป็ นหน้ าที่ของภาคการศึกษาที่ต้องดึงศักยภาพของเขา
ออกมาให้ได้
ควรให้ ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึ กษามากขึ้น จะเป็ นการช่วยลดภาระ
ด้านงบประมาณของภาครัฐ อีกทัง้ ที่ผ่านมาจะเห็นว่าภาคเอกชนสามารถการจัดการศึกษาได้
อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผ ลมากกว่า ซึ่งหน้ าที่ของรัฐควรเป็ นเพียงผู้อ านวยความ
สะดวก หรือเข้าไปปิดช่องโหว่ช่วยเหลือโรงเรียนทีอ่ ยูใ่ นพืน้ ทีห่ ่างไกลทีข่ าดแคลนทรัพยากรเป็ น
หลัก เพื่อไม่ให้เกิดปญั หาความเหลื่อมล้าในการเข้าถึง
การวางแผนกาลังคน
ปจั จุบนั มีความพยายามทีจ่ ะเปลีย่ นผ่านไปสู่ระบบ Competency-based pay มากขึน้ ผ่านการ
ใช้กรอบคุณวุฒแิ ห่งชาติ แต่ยงั มีอุปสรรคอยู่เนื่องจากมีหลายหน่ วยงานที่ต่างคนต่างมีกรอบ
คุณวุฒขิ องตนเอง ตัง้ แต่ National Qualification Framework (NQF) ของสภาการศึกษาทีเ่ พิง่ มี
การจัดทาซึง่ เป็ นกรอบใหญ่ในด้านการวัดสมรรถนะ หรือ Thai Professional Qualification ซึง่
เป็ น การวัด ทัก ษะอาชีพ ที่มกี ารใช้ม าอย่า งยาวนาน นอกจากนี้ย งั มีก รอบมาตรฐานคุ ณ วุ ฒ ิ
ระดับอุ ดมศึก ษา (TFQ) ของอุ ดมศึกษา จาเป็ นต้อ งมีการบูร ณาการร่ว มกัน การมีระบบ
National Qualification นี้จะช่วยแก้ปญั หาเรื่องเด็กไม่เรียนสายอาชีวะ เนื่องจากเมื่อจบอาชีวะ
แล้วสามารถใช้คุณวุฒเิ ทียบเรียนต่อปริญญาได้ทนั ที ซึง่ จะเป็น Technical University
การวางแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของประเทศจะต้องมีความชัดเจนมากขึน้ แล้วถึงจะสามารถ
ระบุได้ว่าเราต้องการแรงงานแบบไหนทัง้ ในเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ตัวอย่างเช่น ในภาค
เกษตรเราต้องมุ่งไปสู่การทาเกษตรแบบสมัยใหม่ (Modern Agriculture) จึงต้องสนับสนุ นให้คน
เรียนด้านเทคโนโลยีการเกษตร ขณะทีใ่ นภาคอุตสาหกรรม สภาพัฒน์ฯได้ระบุอุตสาหกรรมหลัก
ของประเทศ 6 อุตสาหกรรมในแผนยุทธศาสตร์ประเทศ ซึง่ ภาคการศึกษาก็ควรผลิตบัณฑิตให้
สอดคล้องกับความต้องการแรงงานเหล่านี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามประเทศไทยควรมุ่งเน้ นไปสู่
629
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
630
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
หลักการของโรงเรียน
วิ สยั ทัศน์ โรงเรียนเพลินพัฒนาเป็ นองค์กรแห่งการเรียนรู้ท่มี ุ่งสร้างผู้เรียนให้บรรลุศกั ยภาพ
สูงสุดของตนเองร่วมกัน เพื่อความสุขอย่างยังยื่ นของชีวติ และสังคม
ค่ านิ ยมหลัก เคารพความแตกต่าง ให้เกียรติความเป็ นมนุ ษย์ กล้าคิด กล้าทา กล้าหาญทาง
จริยธรรม เพลินกับการให้และการอุทศิ พัฒนาตนด้วยการเรียนรูอ้ ยูเ่ สมอ
หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกเข้าเรียนของเพลิ นพัฒนาพิ จารณา
จาก 2 รูปแบบคือ (1)การสัมภาษณ์พูดคุยกับผู้ปกครอง (ทัง้ ครอบครัว) ใช้เวลาครอบครัวละ
ประมาณ 30 นาที เพื่อเป็ นการทวนสอบถึงแนวทางของโรงเรียน และความต้องการของผู้ปกครองให้
สอดคล้องในแนวทางเดียวกัน และ (2)การพิจารณานักเรียน
แนวทางการพัฒนานักเรียน
แนวทางการจัดการเรียนรูใ้ ห้กบั เด็กๆ ในวัยเตรียมอนุ บาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลายของเพลิน
พัฒนา โดยผู้เรียนในทุกระดับ ชัน้ จะเรียนรู้ด้วยกระบวนการและเทคนิควิธที ่หี ลากหลาย อาทิ Active
Learning การเรีย นเชิง รุก ที่ผู้เ รีย นต้อ งลงมือ กระท าเพื่อ ให้เ กิด ความเข้า ใจต่ อ สิ่ง ที่เ รีย นรู้ เป็ น
กระบวนการเรียนรูท้ ผ่ี เู้ รียนเป็ นผูผ้ ลิตความรูข้ น้ึ เอง Brain-Based Learning การเรียนรูท้ ส่ี อดคล้องกับ
ธรรมชาติการทางานและการเรียนรูข้ องสมอง Multiple Intelligences (MI) การจัดการเรียนรูท้ ส่ี ่งเสริม
ปรีชาชาญและความถนัดของนักเรียน Constructive Learning การเรียนรูท้ เ่ี ปิดโอกาสให้ผู้เรียนสร้าง
ความรูด้ ว้ ยตนเองอย่างเป็ นลาดับขัน้ และ Comprehensive Learning การเรียนรูท้ เ่ี ปิดโอกาสให้ผเู้ รียน
ได้ประมวลความรูแ้ บบองค์รวม เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรูแ้ ละพัฒนาอย่างเต็มตามศักยภาพ เหมาะสมกับ
ช่วงวัยมีเป้าหมายเพื่อให้เด็กๆ พัฒนาตนอย่างเพลิดเพลินและเติบโตอย่างมีความสุข ถึงพร้อมด้วย
ทักษะสาคัญ 3 ประการ คือ ทักษะชีวติ (Life Skills) มีคุณลักษณะนิสยั ทีด่ งี าม สามารถจัดการและดูแล
ชีวติ ของตนเองได้ดี และอยู่ร่วมในสังคมทีห่ ลากหลาย แตกต่างทางความคิดได้อย่างดี พร้อมทีจ่ ะเผชิญ
กับความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคตอย่างมีความสุข ทักษะการเรียนรู้ (Learning
Skills / Knowledge Skills) มีพ้นื ฐานความรูแ้ ละความสามารถในการเรียนรูไ้ ด้ดี มีศกั ยภาพในการ
ประยุก ต์ใ ช้แ ละต่ อ ยอดความรู้ไ ด้ต ามความสนใจของแต่ ล ะบุ ค คล และทัก ษะการท างาน ( Working
Skills) มีค วามสามารถในการจัดการงานของตนได้ดี และมีท ักษะที่จาเป็ น ต่ อ โอกาสในการประสบ
ความสาเร็จในชีวติ
631
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กระบวนการสร้างครูของโรงเรียนเพลิ นพัฒนา
การนาเอากระบวนการเรียนรูแ้ บบ Lesson Study เข้ามาปรับใช้เป็ นวิถที างในการพัฒนาครูของ
ช่วงชัน้ ที่ 1 และ 2
Lesson Study ในบริบทของเพลินพัฒนา หมายถึง การพัฒนาครูโดยให้กลุ่มครูช่วยแนะนา
กันเอง สาธิตกันเอง ประเมิน (การจัดการเรียนการสอน) กันเอง และช่วยปรับปรุงซึง่ กันและกัน
ภายใต้การจัดการเรียนการสอนที่มคี วามชัดเจนในแนวทางเดียวกันโดยมีครูพ่เี ลี้ยง โค้ช หรือ
ผู้เชี่ยวชาญ เวียนเข้าร่วมอย่างสม่าเสมอ และอาศัยข้อมูลจากการร่วมคิด ร่วมทา ร่วมสังเกต
ร่วมสะท้อน ร่วมประเมิน (การจัดการเรียนการสอน) ร่ว มศึกษา และร่วมพัฒนา (วิธกี ารจัดการ
เรีย นการสอนและพัฒ นาคุ ณ สมบัติท่ีส าคัญ ของครู) เป็ น ทรัพ ยากรหลัก ในการขับ เคลื่อ น
กระบวนการ โดยที่กระบวนการพัฒนาครูดงั กล่าวนี้ดาเนินไปในหน้ างานการจัดการเรียนการ
สอนทีก่ ลุ่มครูเหล่านี้ตอ้ งทาจริงเป็นงานประจา
การพัฒนาครูด้วย Lesson Study นี้จะช่ว ยให้ค รูสามารถจัดการเรียนรู้ใ นสถานการณ์เปิ ด
หรือ Open approach กล่ า วคือ เปิ ดประตูผู้เ รียน และส่ งเสริมผู้เ รียนทุกคนให้นาความรู้
ความสามารถทัง้ หมดที่ส ะสมอยู่อ อกมาใช้อ ย่า งเต็ม ที่ และขยายศัก ยภาพออกไปเรื่อ ยๆ
ตลอดจนส่งเสริมให้มกี ารใช้ความรูค้ วามสามารถดังกล่าว เกิดเป็ นการสร้างความรูข้ องผูเ้ รียนที่
มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอย่างทัวถึ ่ ง จะเห็นได้ว่า Open approach นี้มหี ลักการที่
สอดคล้องกันกับ “กระบวนการก้าวพอดี” ที่เป็ นวิถีปฏิบตั ใิ นการจัดการเรียนรูข้ องโรงเรียน
นันเอง
่
ก่อ นเปิ ดปี การศึกษา คุ ณครูแกนนาของช่ วงชัน้ และคุณครูว ิชาการไดช่ว ยกันวางกลไก การ
ทางานให้ครูทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ให้ได้มากที่สุดโดยการจัดตาราง
คาบสอนให้ครูท่สี อนในหน่ วยวิชาเดียวกันสามารถเข้าร่วมเรียนรูใ้ นทุกขัน้ ตอน ตัง้ แต่ขนั ้ ก่อน
สอน ระหว่างสอน และหลังสอน ได้แก่
o ก่อนสอน: เตรียมแผนการเรียนรูใ้ ห้กจิ กรรมการเรียนรูเ้ ป็นไปในสถานการณ์เปิด
o ระหว่างสอน: ครูเจ้าของชัน้ เรียนมองห้องเรียนของตัวเองว่าสามารถจัดให้กระบวนการ
เรียนรูท้ ่เี กิดขึน้ มีขนั ้ ตอนครบครัน ตัง้ แต่ ขนั ้ แนะนา เปิ ดประเด็นโจทย์ การแก้ปญั หา
และ/หรือการสร้างสรรค์ นาเสนอความรูแ้ ละแลกเปลีย่ นเรียนรู้ สรุป หรือไม่ / ครูผเู้ ข้า
สังเกตการณ์พบว่าผู้สอนสามารถจัดให้กระบวนการเรียนรูท้ ่เี กิดขึน้ มีขนั ้ ตอนครบครัน
หรือไม่ อย่างไร
o หลังสอน: การสะท้อนและใคร่ครวญตนเอง เพื่อประเมินการจัดการเรียนการสอนของ
ตนเอง เรียนรูแ้ ละพัฒนาตนเอง และพัฒนาการจัดการเรียนการสอนผ่านเครื่องมือทีเ่ ป็ น
แบบสะท้อนตนเอง เทียบประกอบกับแผนการเรียนการสอนของคาบนัน้ ๆ / การสะท้อน
จากมุมของผู้นิเทศ และเพื่อนที่เข้าสังเกตการณ์ ที่เป็ นไปเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา
ตนเองของกลุ่ม
632
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของคุณครูเพลิ นพัฒนา
คุ ณ ลัก ษณะอัน พึง ประสงค์ข องคุ ณ ครูเ พลิน พัฒ นา บุ ค ลากรครูเ พลิน พัฒ นาทุ ก ๆ คนจะมี
เป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพขององค์กร และศักยภาพของตนเองไปในทิศทางร่วมกัน คุณครูเพลิน
พัฒนาจะต้องมี คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และมีสมรรถนะทีเ่ กีย่ วข้องกับการเรียนการสอน อาทิ
มีทศั นคติ เชิ งบวกต่อการปฏิบตั หิ น้าที่ภายในโรงเรียน มีเจตคติท่ดี ตี ่อเด็ก มีสุขภาพจิตที่ดี
สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี มีอธั ยาศัยที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริง เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดี
สื่อสารกับผูป้ กครองได้เป็ นอย่างดี สามารถแก้ / ปรับพฤติกรรมขณะทีน่ ักเรียนอยู่ในชัน้ เรีย น
ได้ มีความเข้าใจในเรื่องพัฒนาการทางด้านทักษะการสังเกต ศึกษา และประเมินพัฒนาการ
ของนักเรียน
มีความเข้าใจในปรัชญาแนวทางการศึกษาของโรงเรียน หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตร
แกนกลาง ของกระทรวงศึกษาธิการ การวัด และประเมินผลของนักเรียน สามารถเชื่อมโยง
หลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียน เข้ากับหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการ
มีความสามารถในการสอน และจัดการชัน้ เรียนได้ดีในระดับหนึ่ ง สามารถจัดการเรียนรู้
(ตลอดจนใช้เทคนิค และกุศโลบายต่างๆ) ให้นกั เรียนส่วนใหญ่เข้าใจ บูรณาการความรูต้ ่าง ๆ ที่
จาเป็นอย่างเหมาะสม ครอบคลุมเนื้อหาสาคัญ สอดคล้องกับศักยภาพทีแ่ ตกต่างกันของนักเรียน
ภายในห้องเรียน
สนั บสนุ นการเรียนรู้ให้ นักเรี ยนในความรับผิ ดชอบเข้ าใจ และเรียนรู้ตามศักยภาพของ
นัก เรียน ทัง้ ยังต้อ งประสานงานกับ ผู้ปกครองเพื่อ ส่ งเสริม (หรือ แก้ปญั หา) พัฒนาการของ
นักเรียน พัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้กบั นักเรียน หรือ แก้ไขปญั หาในกรณีทน่ี ักเรียนมี
คุณลักษณะอันไม่พงึ ประสงค์
มีการทางานเป็ นทีมที่ดี มีส่วนร่วมกับทีมงานอย่างเต็มใจ เต็มที่ มีน้าใจ
การจัดการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้
โรงเรียนเพลินพัฒนาจัดเวลาให้นักเรียนได้มกี ารเรียนรู้ 40 สัปดาห์ใน 1 ปี การศึกษา (ช่วงชัน้
อนุ บ าล-ช่ว งชัน้ ที่ 2)โดยได้แ บ่ ง ปี ก ารศึกษาออกเป็ น 4 ภาค ภาคละ 10 สัป ดาห์ ซึ่ง มีช่ือ ภาคและ
ช่วงเวลาเปิด-ปิดภาคดังนี้ภาคที่ 1 ภาคฉันทะ ภาคที่ 2 ภาควิ ริยะ ภาคที่ 3 ภาคจิ ตตะ และภาคที่ 4
ภาควิ มงั สาเพื่ อรอบการทางานของครูและบุคลากรที่สนั ้ ลงจะทาให้ระบบการวิจยั และพัฒนาในการ
ทางานมีค วามกระชับ รัดกุ ม และมีป ระสิทธิภาพสูง ในการปรับปรุง และพัฒ นาตนเอง องค์ก ร และ
แผนการทางานอยูต่ ลอดเวลา ซึง่ มีผลโดยตรงต่อพัฒนาการของนักเรียน
633
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กิ จกรรมการเรียนรู้
โรงเรีย นเพลิน พัฒ นาตัง้ ใจออกแบบทุ ก หน่ ว ยวิช า เพื่อ สร้ า งหนทางให้ ผู้ เ รีย นได้ เ ข้ า สู่
กระบวนการเรียนรูแ้ ละมีพฒ ั นาการชีวติ ที่งอกงามสมวัย เติบโตเต็มศักยภาพ มีความสุข รักการเรียนรู้
เกิดความเข้าใจในเนื้อหา และทักษะอย่างยังยื ่ น ลึกซึง้ ถึงชีวติ จิตใจ สามารถเชื่อมโยงสู่การประยุกต์ใช้ใน
วิถชี วี ติ ได้ดว้ ยตนเองจากประสบการณ์ตรง ทุกๆ หน่ วยวิชาจึงต้องสร้างทัง้ ความรู้ ความคิด ทักษะ และ
สมรรถภาพต่างๆ ให้เกิดขึน้ กับผูเ้ รียนอย่างเพียงพอ ต่อการศึกษาในระดับทีส่ ูงขึน้ ไป สามารถจัดการกับ
ปญั หาต่างๆ ทีเ่ กิดขึน้ ในแต่ละช่วงวัยได้อย่างถูกต้องดีงาม ตลอดจนคานึงถึงความเชื่อมโยงระหว่างวิชา
ต่างๆ อย่างเป็ นเอกภาพ เพื่อก่อเกิดการพัฒนาแบบพหุปญั ญาในมิตทิ ก่ี ว้างขวางขึน้ กับผูเ้ รียน โดยการ
เชื่อมโยงการเรียนรู้สู่การประยุกต์ใช้ในการงาน และในชีวติ ประจาวันอยู่เสมอ โดยมี วถิ ชี วี ติ เพื่อการ
เรียนรู้ ผ่ า นกิจกรรมพัฒนาผู้เ รีย นการเรียนรู้จ ากวิ ถีชีว ิต ในโรงเรีย นเครือ ข่า ยเพื่อ การเรีย นรู้ ผ่ า น
สภาพแวดล้อมของการเรียนรูด้ งั ต่อไปนี้
ในห้องเรียน
นอกห้องเรียน
ภาคสนาม เช่น โครงการชื่นใจได้เรียนรู้ ฝึกให้เด็กวิเคราะห์ ชื่นใจ... ได้เรียนรู้ โครงงาน “ชื่นใจ
...ได้เรียนรู้” คือโจทย์ คือเงื่อนไข คือโอกาส ทีผ่ เู้ รียนจะใช้เป็ นเครื่องมือเปิ ดศักยภาพทีม่ อี ยู่ใน
ตนออกมา เมื่อมีโจทย์ท่ที ้าทาย เครือข่ายจานวนมหาศาลในสมองจะทางานอย่างเชื่อมโยงกัน
เกิดเป็นการสังเคราะห์ความรูใ้ หม่ทผ่ี เู้ รียนผลิตขึน้ จากความเข้าใจของผูเ้ รียนเอง แล้วเรียบเรียง
ออกมาเป็นงานใน 2 ส่วนด้วยกันคือ แฟ้ มการพัฒนาตน (Port’AAR) และการนาเสนอความ
เข้าใจในรูปแบบต่ างๆ หลักการพื้นฐานของโครงงานชื่นใจ...ได้เรียนรู้ คือ กระบวนการท้า
ทายให้ผเู้ รียนสามารถอธิบายสิง่ ทีต่ นได้เรียนรูอ้ อกมาให้ผอู้ ่นื เข้าใจได้ จับต้องหรือเห็นได้อย่าง
เป็ นรูปธรรม ซึง่ การทีต่ ้องอธิบายให้ตวั เองและผูอ้ ่นื เข้าใจอย่างกระจ่างทีส่ ุดเท่าทีจ่ ะเป็ นไปได้น้ี
ได้ก ลายเป็ นสถานการณ์ ท่ปี ลุ ก ให้ผู้เ รียนเกิด ความรู้ส ึกตื่นตัว เกิดแรงพยายามที่จ ะนาเอา
ศักยภาพทีม่ อี ยู่ในตนออกมาใช้ให้มากที่สุดเท่าทีจ่ ะมากได้ ศักยภาพหรือความปรีชาชาญทัง้ 8
ด้านที่ผู้เรียนมีอยู่แตกต่างกันไป จึงเป็ นต้นทุนสาคัญในการสร้างปจั จัยของความสาเร็จให้กบั
งานชื่นใจได้เรียนรู้
การประเมิ นผลของเพลิ นพัฒนา
การทดสอบของโรงเรียนเพลิ นพัฒนาเป็ นการทดสอบภายใต้ หลักของการสะท้ อนเพื่ อ
พัฒนาไม่ใช่การทดสอบในหลักของการคัดเลือก หรือจัดลาดับแข่งขัน ดังนัน้ ผลการสอบจึงไม่ใช่ต ัว
ตัดสินชะตาชีวติ ของนักเรียนว่าดีหรือเลว ฉลาดหรือโง่ หรือว่าใครฉลาดกว่าดีกว่าใครในลาดับใดแต่ผล
การสอบ คือภาพสะท้อนพัฒนาการในฐานะคนๆหนึ่ง ซึ่งต้องมีการพิจารณาจากหลายๆด้าน และในแต่
ละด้านก็ตอ้ งใช้ตวั บ่งชีท้ ห่ี ลากหลายเช่นกัน บริบทของตัวบ่งชีเ้ หล่านัน้ ก็เป็ นสิง่ สาคัญเช่นกันทีจ่ ะช่วยให้
เห็นศักยภาพและสมรรถภาพของนักเรียนในกรณีทแ่ี ตกต่างกันไป เมื่อทาการประเมินอย่างหลากหลาย
634
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
635
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การวางยุทธศาสตร์ทางการศึกษา
ทีผ่ ่านมาประเทศไทยขาดการวางยุทธศาสตร์ทางการศึกษาระยะยาว ยุทธศาสตร์ทด่ี คี วรมี
ลักษณะ 3 ประการ คือมีผลกระทบทีก่ ว้างขวาง (Impact) เชิงรุก (Aggressive) และสามารถ
นาไปปฏิบตั ไิ ด้ไม่ยากจนเกินไป (Simplified) สาหรับนโยบายด้านการศึกษาประเทศไทยมักคิด
ตามหลังประเทศอื่นๆ ดึงเอาส่ว นดี (best practice) ขอประเทศต่างๆมาใช้แต่ไม่ได้มกี ารนามา
ปรับให้เหมาะสมกับบริบทของไทยอีกทัง้ ยังขาดการเชื่อมโยงของแต่ละเรื่องให้เป็ นระบบ ขาด
การบูรณาการกันอย่างชัดเจน
ปจั จุบนั คณะทางานปฏิรูปการศึกษาประกอบไปด้วยนักการศึก ษามากมาย แต่ ขาดนั กวาง
ยุทธศาสตร์ หรือผู้ที่ ทางานบุกเบิ ก และผู้นาการการเปลี่ยนแปลง (change agents)มา
ช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนทัง้ นี้อาจเป็ นเพราะกระทรวงศึกษาไม่เคยสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม
อย่างแท้จริง ดังนัน้ จึงจาเป็ นต้องสร้างเวที (platform) ที่ทุกภาคส่วนจะมาแสวงหาทางออก
ร่วมกันเช่นการทาประชาพิจารณ์เป็ นต้น
ควรมองการแก้ไขปัญหาการศึกษาเป็ นไปเพื่อการแก้ไขปัญหาประเทศ ซึง่ จะช่วยอธิบาย
ว่าทาไมสังคมจึงควรให้ความสาคัญเกี่ยวกับประเด็นการศึกษาและการทุ่มเทงบประมาณของ
ภาครัฐลงไปทีภ่ าคการศึกษานัน้ ถือเป็นการใช้ทรัพยากรทีพ่ งึ ประโยชน์สุด
ประเทศสิงคโปร์เป็นกรณีตวั อย่างทีด่ ที ป่ี ระสบความสาเร็จในการปฏิรปู การศึกษา โดยเบือ้ งหลัง
มีทมี ของวิศวกร (system engineer) มาเป็ นทีป่ รึกษาช่วยรัฐมนตรีการศึกษาของสิงคโปร์ในการ
แก้ปัญหาอย่างเป็ นระบบโดยเน้ นที่ “กระบวนการ”(Process) เป็ นสาคัญ ยกตัวอย่างเช่น
การเรียนการสอนคณิตศาสตร์โดยใช้รปู บาร์โมเดล (Bar Model)ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเกิด
ความคิดรวบยอด และสามารถสร้างองค์ความรู้ด้ว ยตนเอง ทาให้นักเรียนสามารถทาโจทย์
ปญั หาได้อย่างง่ายและถูกต้อง ข้อดีของการเน้นพัฒนากระบวนการสอน ทาให้ไม่จาเป็ นต้องมี
ครูเก่ง เพราะมีเครื่องมือที่มมี าตรฐานพอโดยที่ทุกคนสามารถนาไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และประสิทธิผล
ประเทศไทยควรมีก ารจัด ตัง้ หน่ วยงานที่ ทาหน้ าที่ ในการแสวงหากระบวนการที่ ดี (Best
Process)และทาการเผยแพร่ตลอดจนพยายามผลักดันอย่างเป็ นระบบให้ เกิ ดผลกระทบใน
ทางบวกที่เป็ นวงกว้างในระดับประเทศ(Massively Scalable)ภายในเวลาอันรวดเร็ว
636
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การสร้างระบบแรงจูงใจ
การศึกษาไทยขาดระบบการสร้างแรงจูงใจ ซึง่ เป็นกลไกการขับเคลื่อนสิง่ ทีเ่ ราอยากจะทาให้เกิด
ในปจั จุบนั เมือ่ มีปญั หาทุกฝา่ ยก็ดแี ต่จะผลักความผิดให้คนอื่น จึงจาเป็ นต้องมีการสร้างกลไกใน
การรับผิดชอบ(Accountability) ยกตัวอย่างปญั หาเรือ่ งการขาดแคลนแรงงาน ภาคการศึกษา
ในฐานะของผู้ผ ลิตแรงงานไม่เคยสนใจว่าบัณฑิตที่จบมาตอบโจทย์ตลาดแรงงานหรือไม่ จน
ภาคเอกชนต้องเข้ามาจัดการศึกษาเอง นอกจากนี้การขับเคลื่อนทีค่ วามต่อเนื่องสามารถบรรลุ
เป้าหมายได้นนั ้ จะต้องมีการติ ดตามประเมิ นผลและกาหนดตัวชี้วดั ที่ถกู ต้อง ทีว่ ดั
กลไกการสร้างแรงจูงใจทีส่ าคัญ มีดงั ต่อไปนี้
1. ครู – วิทยฐานะของครูควรขึน้ กับผลสัมฤทธิ ์ของนักเรียนโดยตรงไม่ใช่ผลงานทาง
เอกสารอย่างในปจั จุบนั
2. ผูอ้ านวยการ/ผูบ้ ริหารโรงเรียน – ผลตอบแทนควรขึน้ อยู่กบั ผลสัมฤทธิ ์ของโรงเรียน
ทัง้ นี้เพื่อช่วยแก้ปญั หาเรื่องความเหลื่อมล้าของคุณภาพการศึกษา ต้องใช้ตวั ชีว้ ดั ทีเ่ ป็ น
การปรับปรุงของผลสัมฤทธิ ์ จะจูงใจให้ผบู้ ริหารอยากไปช่วยพัฒนาโรงเรียนเล็กซึง่ ยังมี
ค่าเฉลี่ยของผลสัมฤทธิ ์ทางการศึกษาของนักเรียนที่อยู่ในระดับต่ าอยู่ในกรณีของรอง
ผูอ้ านวยการ อาจมีการจัดทาโครงการทีม่ เี งือ่ นไขผูกการช่วยบ่มเพาะโรงเรียนเล็กไว้กบั
การเลื่อนตาแหน่ง
นอกจากนี้ควรสร้างกลไกที่เปิ ดโอกาสให้ สถานศึกษาและชุมชนสามารถจัดสรรทรัพยากร
ได้ด้วยตนเองเนื่องจากทุกคนในชุมชนต่างมีความต้องการช่วยเหลือด้านการศึกษา ในขณะที่
นัก การเมือ งก็พ ร้อ มที่จ ะสนับสนุ น เพราะต้อ งการฐานเสีย งอยู่แล้ว ดูต ัว อย่างของโรงเรีย น
เทศบาลในเมืองของแต่ละจังหวัด ซึ่งมีความสามารถในการระดมทุนและการบริหารจัดการทีใ่ ช้
ทรัพยากรของชุมชนและท้องถิน่ เป็ นหลักอย่างไรก็ตามยังติดประเด็นปญั หาในเรื่องของครูทต่ี ้อง
รอส่งมาจากส่วนกลาง
ควรยกเลิ กกฎกติ กาที่ เป็ นอุปสรรคต่ อการปฏิ รปู (Barrier to Reform)เช่น ครูจาเป็ นต้องมี
ใบประกอบวิชาชีพ หรือการทีโ่ รงเรียนต้องเปิดเฉพาะวันจันทร์ถงึ ศุกร์ ซึง่ ข้อจากัดเหล่านี้ทาให้
เราสูญเสียโอกาสในการใช้ทรัพยากรที่มอี ยู่แล้วอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีผู้ท่มี คี วามรู้
ทักษะ ประสบการณ์ท่ยี นิ ดีทจ่ี ะอาสามาให้ความรูก้ บั เด็กนักเรียนมากมาย เพียงแต่จะต้องเป็ น
ช่วงวันทีพ่ วกเขาหยุดงาน
อย่างไรก็ตามการสร้างระบบให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาอย่างสมบูรณ์นัน้ มี
เงือ่ นไขสาคัญ 2 ประการคือ
1. ต้องให้ส่งเสริมให้เด็กเรียนโรงเรียนใกล้บ้า น หากเด็กต้องการเข้าโรงเรียนดีๆที่อยู่ไกล
บ้านอาจจะออกมาตรการเช่นเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษเพิม่ เติม
2. ครูควรถูกส่งไปสอนในโรงเรียนใกล้บ้าน เนื่องจากจะช่วยให้มเี วลาให้กบั เด็กนักเรียน
มากขึ้น ลดปญั หาทางครอบครัว ของครู อีก ทัง้ ชุ มชนยัง สามารถช่ ว ยท าหน้ าที่ค อย
637
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
เป้ าหมายของการจัดการศึกษา
หน้าทีข่ องระบบการศึกษาไทย คือการสร้างคนไทยให้เป็ นมนุ ษย์ทส่ี มบูรณ์ ในขณะเดียวกันต้อง
ทาให้เ ขาเป็ นผู้ท่มี ศี กั ยภาพในการตอบแทนให้กับสังคมด้วย ซึ่งก็คอื การเป็ นพลเมือ งดีของ
ประเทศนันเอง ่
ป จั จุ บ ัน หลัก สู ต รในโรงเรี ย นไม่ ส ามารถตอบโจทย์ ค วามจ าเป็ นต่ อ การด ารงชี วิ ต
ยกตัวอย่าง วิชาสุขศึกษาอาจมีเนื้อหาทีเ่ กี่ยวกับโภชนาการ เช่นการดื่มน้ าให้ด่มื 8 แก้วต่อวัน
แต่ไม่ได้สอนว่าดื่มตอนไหนจะให้ประโยชน์อย่างไร เช่นดื่ม 2แก้วตอนตื่นนอนก่อนการแปรงฟงั
เพื่อช่วยการขับถ่าย หรือการกินผักผลไม้ควรกินก่อนทานอาหารหลักเนื่องจากจะช่วยดูดซับ
ไขมันในอาหาร สิง่ เหล่านี้ท่จี าเป็ น ต่อการดารงชีวติ และดูแลสุขภาพของเด็กและครอบครัวกลับ
แต่ไม่ได้ถูกบรรจุเข้าไปในหลักสูตรการเรียนการสอนหากมีการเผยแพร่ความรูเ้ หล่านี้อย่างเป็ น
ระบบจะช่ว ยลดค่ ารัก ษาพยาบาลซึ่งถือ เป็ นต้นทุนทางสังคมไปได้มาก แสดงให้เ ห็นว่าการ
ปรับปรุงเรือ่ งการศึกษานัน้ สามารถช่วยแก้ไขปญั หาสาธารณสุขของประเทศได้เช่นกัน
นอกจากนี้ในหลายกรณี มีหลักการที่ ดีแต่ กระบวนการไม่ถกู ต้ องทาให้ไม่เกิดผลลัพธ์ตาม
เป้าหมายทีต่ ้องการ ยกตัวอย่างเช่น แม้จะโรงเรียนส่วนใหญ่จะมีการสอนว่ายน้ า แต่กลับพบว่า
เด็กหลายคนแม้จบ ป 6 กลับไม่สามารถว่ายน้ าเป็ นทัง้ นี้เป็ นเพราะทักษะการว่ายน้ านัน้ ต้อง
อาศัยการฝึกทีม่ คี วามถี่ กล่าวคือต้องว่ายติดต่อกันทุกวันในช่วงแรก ในขณะทีโ่ รงเรียนทัวไปจะ
่
จัดการเรียนการสอนเป็ นแบบสัปดาห์ละครัง้ ซึ่งถือเป็ นข้อแตกต่างระหว่างโรงเรียนทัวไปและ
่
โรงเรียนทางเลือก กล่าวคือ โรงเรียนทางเลือกจะมีการจัดการเรียนการสอนทีย่ ดื หยุ่นมากกว่า
638
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
แต่ท้ายสุดแล้วได้ผลสัมฤทธิ ์ที่ต้องการตามที่กระทรวงศึกษากาหนดและสามารถทาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพอีกด้วย
STEM Education
เป้าหมายของ STEM education ไม่ควรจากัดอยู่แต่เรื่องของการสร้างนวัตกรรม และคงไม่
จาเป็ นต้อ งเน้ น แต่ เ ฉพาะสายวิท ยาศาสตร์ เราควรมองว่ า STEM ควรท าหน้ า ที่ เป็ นอี ก
เครื่องมือหนึ่ งที่ จะช่ วยเพิ่ ม productivity ให้คนไทยไม่ว่าจะประกอบอาชีพใดก็ตามจะต้องมี
ความสามารถในการสร้างมูลค่าเพิม่ ให้กบั งานของตนเอง
การจัดการเรียนการสอน STEM นัน้ จาเป็ นต้องเริม่ ตัง้ แต่เด็ก โดยนอกเหนือจากการฝึกการคิด
วิเคราะห์คดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ (Critical Thinking) อีกทักษะหนึ่งทีม่ คี วามสาคัญแต่สงั คมไทย
ยังไม่มใี ครพูดถึงเท่าไหร่นัก คือ ทักษะการคิ ด อย่ างเป็ นระบบ (Systemic Thinking)โดย
สามารถฝึ ก ให้เ ด็ก มีทกั ษะนี้ จากการจัด การเรียนการสอนโดยใช้ปญั หาเป็ นหลัก (Problem-
based Learning) ซึง่ มุ่งการใช้ปญั หาจริงหรือการจาลองสถานการณ์เป็ นตัวเริม่ ต้นเพื่อกระตุ้น
การเรียนรู้ จากนัน้ ค่อยนาประเด็นจากปญั หาไปสู่การสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อเรียนรู้
เพิม่ ขึน้ และสร้างความเข้าใจกลไกของตัวปญั หา รวมทัง้ วิธกี ารแก้ปญั หา ดังนัน้ การจัดการ
เรียนการสอนโดยใช้ปญั หาเป็ นหลักนี้ ผูเ้ รียนมีความรูใ้ นเรื่องทีก่ าลังจะศึกษาน้อย หรือไม่มเี ลย
แต่เมื่อผ่านกระบวนการการเรียนการสอนนี้แล้ว ผู้เรียนจะได้ความรูเ้ หล่านัน้ จากการสืบค้นเอง
และ การอภิปรายแลกเปลี่ยนความรูก้ บั เพื่อน ช่วยส่งเสริมให้เด็กคิดวางแผนอย่างเป็ นขัน้ ตอน
และเป็ นระบบ โดยมีครูคอยให้การสนับสนุ น (Facilitate) เรียนไปพร้อมกับนักเรียน โดยไม่
จาเป็นต้องมีคาตอบแต่หน้าทีส่ าคัญคือการสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กมีความรูส้ กึ สนใจและรักใน
สิง่ ทีต่ นกาลังเรียน
639
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กรณี การศึกษาดูงานสถาบันการจัดการปัญญาภิ วฒ
ั น์
วันที่ 17 กันยายน 2556
ภาพรวมของสถาบัน
สถาบันการศึกษาในเครือปญั ญาภิวฒ ั น์ ประกอบไปด้วย 1) วิทยาลัยเทคโนโลยีปญั ญาภิวฒ
ั น์
(Panyapiwat Technological College) เปิดสอนระดับปวช.และ 2) สถาบันการจัดการปญั ญาภิวฒ ั น์
(Panyapiwat Institute of Management: PIM) ระดับปริญญาตรี โท และเอก รวมทัง้ ยังมีหน่ วยการเรียน
20 แห่ง จัดการเรียนการสอนทางไกล และเครือข่ายอาชีวศึกษาเอกชน 50 แห่ง เน้นการเรียนการสอน
ทัง้ ทางทฤษฎีและปฏิบตั ิ ให้ผเู้ รียนได้เรียนได้เรียนจากประสบการณ์จริง (Work-based Learning) และ
ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม โดยมีลกั ษณะของบัณฑิตที่พงึ ปรารถนาคือ เรียนเป็ น คิดเป็ น ทางานเป็ น
รักความถูกต้อง และเข้าใจวัฒนธรรมองค์กร
วิ สยั ทัศน์
มีความมุ่งมันสู
่ ่สถาบันอุดมศึกษาชัน้ นาด้านธุรกิจค้าปลีก การบริหารจัดการ และเทคโนโลยีใน
ภูมภิ าคเอเชีย ทีเ่ น้นการเรียนรูจ้ ากประสบการณ์จริงและการสร้างสรรค์นวัตกรรม
พันธกิ จ
1. จัดการศึก ษาเพื่อ ผลิต บัณ ฑิต ที่มคี ุ ณภาพได้มาตรฐาน และตรงกับความต้อ งการของสถาน
ประกอบการ โดยเน้นการเรียนรูจ้ ากประสบการณ์จริง
2. ผลิต ผลงานวิจ ัย ที่ม ีคุ ณ ภาพในศาสตร์ส าขาวิช าต่ า งๆ อัน ก่ อ ให้ เ กิด องค์ค วามรู้แ ละการ
สร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อการพัฒนาองค์กร สังคม และประเทศชาติ
3. จัดบริการวิชาการทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อสถานประกอบการ ชุมชน สังคมและ ประเทศชาติ
4. อนุ รกั ษ์ สืบสาน และเผยแพร่ศลิ ปะและวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ รวมทัง้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้
ศิลปะและวัฒนธรรมของชาติอ่นื
5. เสริมสร้างสมรรถนะ องค์กรให้เกิด ประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทัง้ เพิม่ ขีดความสามารถ
ในการแข่งขัน ให้เจริญเติบโตอย่างยังยื ่ น และมีความสุขในการทางาน
640
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สรุปประเด็นจากการสัมภาษณ์
รศ. ดร.สมภพ มานะรังสรรค์
อธิ การบดี สถาบันการจัดการปัญญาภิ วฒ ั น์ (Panyapiwat Institute of Management: PIM)
วันที่ 17 กันยายน 2556
641
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
PIM
เป้าหมายของ PIM ก็คอื การสร้าง “Moral Education” ซึง่ มีแนวโน้มทีจ่ ะมีความสาคัญเป็ นอย่าง
ยิง่ ในอนาคต บัณฑิตต้องมีจริยธรรมในการทางาน ไม่เอารัดเอาเปรียบสังคม มีค่านิยมทีเ่ ห็นการ
ทางานเป็นสิง่ ทีถ่ ูกต้องดีงาม ไม่ใช่เห็นการทางานเป็นเสมือนการถูกบังคับ
PIM ใช้ “DJT Model” (Deutsche – Japan – Thailand Business Model) ในการดาเนินงานจัด
การศึกษา นันคื ่ อ เยอรมนีโดดเด่นด้านการฝึกบุคลากรทางการศึกษาควบคู่ไปกับการปฏิบตั งิ าน
(Work-based learning) เป็ นผูค้ ดิ ค้นนวัตกรรม (Innovation) เน้นการเพิม่ ประสิทธิภาพในการ
ประกอบการ (Productivity & Perfectionism) ขณะทีญ ่ ่ปี ่นุ เป็ นเจ้าตลาด (Marketability) เป็ น
ชาติแห่งข้อมูลข่าวสาร (Information) และเทคโนโลยี (Technology) ส่วนไทยเก่งในเรื่องการ
สร้างสรรค์ (Creativity) มีความยืดหยุน่ (Flexibility) เรียบง่ายและสบายๆ (Relaxation)
PIM เน้นการสร้าง “TSR” (Teacher – Student Relationship) เพื่อคอยติดตามดูแลและให้
คาปรึกษาในเรื่องต่างๆ เนื่องจากนักเรียนมักมีปญั หาในการแบ่งเวลา จากตารางการเรียนการ
สอนทีค่ ่อนข้างหนัก เน้นทัง้ ภาคทฤษฎีและปฏิบตั ิ เรียนทุกวันตัง้ แต่จนั ทร์ – อาทิตย์ หยุดแค่วนั
อังคาร และไม่มปี ิดเทอม
การจัดการศึก ษาเพื่อสร้างบุค ลากรให้กับบริษัทโดยตรงนัน้ นอกจากจะช่ว ยตอบโจทย์ค วาม
ต้องการในเชิงธุรกิจได้แล้ว ยังสามารถตอบโจทย์การบริหารจัดการบุค คลากรผ่านการสร้าง
Corporate Loyalty ได้อีกทางหนึ่ง เนื่องจากการรักษาผู้มคี วามสามารถไว้ในองค์กรก็เป็ น
ประเด็นท้าทายทีส่ าคัญในปจั จุบนั จึงต้องพยายามสร้าง Corporate Loyalty ควบคู่ไปกับการ
แสดงให้เห็นว่าบริษทั มีเส้นทางอาชีพ (Career Path) ทีม่ นคงรองรั ั่ บอยู่ และมีการส่งเสริมการ
พัฒนาตนเองของพนักงานอย่างต่อเนื่อง
สถาบันการศึกษาในเครือปญั ญาภิวฒ ั น์ นับได้ว่าเป็ นการช่วยเหลือสังคมอย่างหนึ่งของบริษัท
ผ่านการช่ว ยเพิม่ การเข้าถึงการศึก ษา เนื่องจากผู้เ รียนส่ วนใหญ่มาจากต่างจังหวัดและเป็ น
ผูด้ อ้ ยโอกาส จากการทีส่ ถาบันใช้หลักการรับสมัครแบบเชิงรุก เข้าไปในพืน้ ทีต่ ่างๆ ทัวประเทศ ่
และให้ทุนการศึกษาสาหรับผูท้ ม่ี คี วามสามารถ
Corporate University สามารถช่วยกระตุ้นให้เกิด R&D ทีม่ ากขึน้ ได้ จากการมีเครือข่ายความ
ร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจและภาควิชาการ เช่น
- ด้านวิศวกรรมศาสตร์ มีการเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนคร
เหนือ และมีแผนจะสร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในประเทศเยอรมัน
- ด้านนวัตกรรมการจัดการเกษตร มีการเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ GISDA
การพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย
ปญั หาสาคัญ
642
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
643
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สรุปประเด็นจากการสัมภาษณ์
คุณมีชยั วีระไวทยะ
วันอังคารที่ 17 กันยายน 2556
ภาพรวมการพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย
กรอบการพัฒนา
- กรอบกฎหมายตามรัฐธรรมนูญได้มบี ทบัญญัตกิ ารพัฒนาการศึกษาไว้ แต่ไม่ได้มกี ารนามา
สู่การปฏิบตั ิ
- ทีผ่ ่านมาการพัฒนาเป็นไปแบบแยกส่วน ควรมีการปฏิวตั กิ ารศึกษาควบคู่ไปกับการขจัด
ความยากจน
- ควรให้โรงเรียนเป็ นแหล่งการเรียนรูต้ ลอดชีวติ สาหรับทุกคนในชุมชน เนื่องจากทีผ่ ่านมา
มีการใช้โครงสร้างพืน้ ฐาน บุคลากรและทรัพยากรของโรงเรียนยังไม่คุม้ ค่า ทัง้ ทีม่ ศี กั ยภาพ
มาก ดังนัน้ จึงจาเป็ นต้องพัฒนาโรงเรียนเป็ นศูนย์กลางการพัฒนา เป็นแหล่งเรียนรู้ และ
เป็นจุดพัฒนาสังคมทีต่ อบสนองทุกคนในชุมชน
- ระบบการศึกษาไทยทีผ่ ่านมา เป็นการทาลายชนบท การพัฒนาทีร่ วมศูนย์ หรือการมี
สถาบันการศึกษากระจุกตัวอยูใ่ นส่วนกลางทาให้ดงึ คนจากต่างจังหวัดเข้ามาเรียน และ
ทางานอยูท่ ก่ี รุงเทพฯและปริมณฑล ไม่กลับไปถิน่ ฐานภูมลิ าเนา
- ควรเน้นการสอนคนให้เป็นคนดี ซึง่ คนดี สอนให้เก่งได้
รูปแบบการบริ หารจัดการ
- ตัวอย่างประสบการณ์ต่างประเทศหลายแห่ง กระทรวงศึกษาธิการของประเทศอื่นๆ มี
บทบาทหน้าทีเ่ ฉพาะ เน้นหน้าทีห่ ลักในการพัฒนาหลักสูตรและครู ฉะนัน้
กระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทยควรลดขนาดลงมา และให้ภาคส่วนอื่น โดยเฉพาะ
เอกชนเข้ามามีบทบาท
- ควรมีการแปรรูป (privatization)หรือให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วม ขณะทีท่ างภาครัฐหรือ
กระทรวงศึกษาธิการควรลดบทบาทหน้าทีล่ ง
- ควรดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มาก ปรับรูปแบบการบริหารจัดการเป็นแบบใหม่
(New Business Model)โดยการสร้างแรงจูงใจ (Incentive)ให้ภาคเอกชน ดังนัน้ ในอนาคต
รัฐควรจะประกาศเชือ้ เชิญให้ภาคธุรกิจเอกชนเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระและเพิม่ บริการที่
สาคัญ เช่น โครงการพัฒนาการศึกษาเพื่อยกระดับชุมชน โดยให้สามารถนาค่าใช้จา่ ยใน
โครงการไปหักลดหย่อนภาษีในอัตราทีเ่ หมาะสมกว่าปจั จุบนั
- ตัวอย่างการมีส่วนร่วมกับภาคเอกชน เช่น แทนทีภ่ าคเอกชนจะบริจาค หรือการทา
กิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility: CSR) กระจัด
644
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กระจายทัวไป
่ ควรดึงให้ภาคเอกชนมาทากิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อการศึกษา
ให้เกิดผล โดยให้เอกชนในแต่ละจังหวัดรวมกลุ่ม และร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาโรงเรียน
หรือสถานศึกษาในพืน้ ที่ โดยให้ความสาคัญกับการใช้เงินเพื่อกิจกรรม 3 ประการ ได้แก่
1) จัดอบรมครูทุกคน ทุกโรงเรียนในระยะยาวต่อเนื่องให้มกี ารสอนแบบสมัยใหม่ 2) นา
พนักงานของบริษทั ตนไปช่วยสอนเสริม 3) ให้บริษทั ว่าจ้างครูใหม่ เป็ นพนักงานของบริษทั
ตน รับเงินเดือนในระดับเดียวกับพนักงานของบริษทั ตน แต่เป็ นฝา่ ย CSR ทีท่ าหน้าทีเ่ ป็น
ครูสอนโรงเรียนต่างๆ การพัฒนาในลักษณะเช่นนี้จะสร้างการมีส่วนร่วมระหว่าง
สถาบันการศึกษาและภาคเอกชน ชุมชนก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยังยื ่ น
การร่วมรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อเพิ่ มคุณภาพชีวิตและขจัดความยากจนอย่างยังยื
่ นโดยภาค
ธุรกิ จเอกชน
ตัวอย่างทีน่ ่ าสนใจในการทาธุรกิจเพื่อมาดูแลสังคมก็คอื การทาโครงการเพื่อส่งเสริมการศึกษา
หรือทีเ่ รียกว่า BREAD (Business for Rural Education and Development) เป็ นการศึกษาเพื่อพัฒนา
ชนบท ซึ่งคุณมีชยั เป็ นประธานและผู้ก่อตัง้ บริษทั ธุรกิจเพื่อพัฒนาการศึกษาและชนบท จากัด ขึน้ มา
เพื่อหารายได้จากการดาเนินธุ รกิจไปใช้ใ นการพัฒนาคุ ณภาพชีวติ ของ ชุมชนในชนบทให้ดขี ้นึ การ
ดาเนินการมีลกั ษณะ Social Enterprise โดยดาเนินธุรกิจและผลกาไรจะถูกนากลับไปเพื่อใช้ในการ
แก้ปญั หาและพัฒนาการศึกษา
BREAD เป็ นโครงการที่เริม่ มาตัง้ แต่ปี 2552 มีภารกิจหารายได้ในเชิงธุรกิจ เพื่อใช้ในองค์กร
สาธารณประโยชน์ในเครือข่าย โดยจะนาผลกาไรทีไ่ ด้ทงั ้ หมดหลังหักสารองและขยายธุรกิจแล้วไปใช้ใน
กิจกรรมสาธารณประโยชน์ดา้ นการศึกษา และการพัฒนาคุณภาพชีวติ ในชนบท โดยมีพนั ธสัญญาว่าจะ
ดาเนิน ธุ ร กิจ อย่างโปร่ง ใส มีคุ ณ ธรรม จริยธรรม มีจุดยืน ชัดเจนในการช่ว ยเหลือ สังคม และพัฒนา
ประสิทธิภาพในการทางานเทียบเท่าองค์กรธุรกิจเอกชนชัน้ นา
มูลนิธมิ ชี ยั วีระไวทยะดาเนินโครงการ School-BIRD หรือ School-BIRD : School-Based
Integrated Rural Development ขึน้ มาเพื่อ ปฎิวตั โิ รงเรียนในชุมชนให้เป็ นศูนย์กลางการเรียนรู้ พัฒนา
คุณภาพชีวติ
การเรียนการสอน การเรียนรู้
- ภาพรวมในปจั จุบนั การเรียนการสอนของไทย ยังเน้นท่องจา ไม่ได้เน้นการคิดวิเคราะห์
- โรงเรียนหลายแห่งทีป่ ระสบความสาเร็จยังไม่ได้มกี ารขยายผลเท่าทีค่ วร อาทิ กลุ่ม
โรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยต่างๆ ควรขยายสาขา หรือเป็นพีเ่ ลีย้ งให้กบั โรงเรียนอื่นๆ
เพื่อขยายคุณภาพการศึกษาของประเทศ
645
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
647
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
648
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กรณี การศึกษาดูงานโรงเรียนบ้านหนองทองลิ่ ม
School-BIRD (School-Based Integrated Rural Development)
ดาเนิ นการโดยมูลนิ ธิมีชยั วีระไวทยะ
โรงเรียนก าหนดให้ว นั ดัง กล่ าวเป็ นวันพระประจาสัปดาห์ โรงเรีย นจะให้เ ด็กๆใส่ ชุด ขาวมา
โรงเรียน มีการสวดมนต์ไหว้พระเป็ นประจาทุกวันและมีวชิ าทีเ่ รียนกับพระอาจารย์ท่นี ิมนต์มา
สอนเป็ นประจาทุกสัปดาห์ กิจกรรมวิถพี ุทธนอกจากมุ่งหวังปลูกฝงั เรื่องคุณธรรม จริยธรรมแล้ว
ยังปลูกฝงั ความรักในพระพุทธศาสนา ความรักในศิลปวัฒนธรรมอันดีของท้องถิน่ ตนเอง เพราะ
ทางโรงเรียนจะให้นัก เรียนมีส่ ว นร่ว มในวันส าคัญ ประจาท้อ งถิ่น ปลูกฝ งั ค่ านิยมความรัก ใน
เอกลักษณ์ของชุมชน เพื่อสร้างให้นกั เรียนเห็นความสาคัญชุมชน
- โรงเรียนบ้านหนองทองลิม่ มีโครงการเยีย่ มบ้านนักเรียนเพื่อให้ตรงต่อวัตถุประสงค์ของโรงเรียน
คือ เป็ นโรงเรียนขยายโอกาสและให้นักเรียนได้รบั การศึกษาขัน้ พืน้ ฐานอย่างครบถ้วน จึงต้องมี
โครงการการเยี่ยมบ้านให้ค รูออกไปพบครอบครัวของนักเรียน และพูดคุยกับครอบครัวของ
นักเรียนเป็ นการกระตุ้นให้ครบครัวและชุมชนเห็นความสาคัญของการศึกษา และให้คุ ณครูได้
ทาการสารวจฐานะสภาพความเป็ นอยู่ของครอบครัว และสถานภาพของนักเรียน เพื่อให้ความ
ช่ว ยเหลือ ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็ นทุนการศึกษา หรือ ค าแนะนาด้านการเรียน หาก
นักเรียนต้องทางานไปด้วยเรียนไปด้วย
- ในความร่วมมือกับ PDA ทาให้โรงเรียนบ้านหนองทองลิม่ ได้รบั การสนับ สนุ นจากหน่ วยงาน
อื่นๆที่ร่วมกับ PDA ในโครงการ School-BIRD ไม่ว่าจะเป็ นองค์กรไม่แสวงหาผลกาไรและ
ภาคเอกชน เช่น CIDA, IKEA รวมถึงหน่ วยงานด้านการศึกษาคือสานักงานพัฒนาประชากร
ของมหาวิทยาลัยมหิดล เข้ามาศึกษาตรวจสอบกระบวนการและความก้าวหน้าของโครงการ
ภายในชุมชนและโรงเรียน อีกทัง้ ยังได้รบั การสนับสนุ นวัสดุอุปกรณ์ ซึง่ ทาให้การพัฒนาดาเนิน
ไปอย่างรวดเร็ว โดยมี PDA เป็ นผู้ตดิ ต่อประสานงานและเป็ นผู้ให้ความร่วมมือในเรื่องการ
ติดต่อและหาเครือข่ายเพื่อขยายโอกาสให้กบั โรงเรียน ได้พฒ ั นาตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
School-BIRD
- ครูอาจารย์ได้รบั การสนับสนุ นและคัดเลือกเพื่อเข้าอบรมพัฒนาการสอน ซึ่งทาให้ครูได้เรียนรู้
วิธกี ารสอน การวางแผนการสอน และ ประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาด้านการศึกษาใหม่ๆ
จากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็ นโครงการที่ SIFA ได้เข้ามาเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนแบบใหม่
ฝึ กให้ครูคดิ และหาวิธกี ารสอนที่ทาให้นักเรียนมีความสนุ กในการเรียนและต่อยอดให้นักเรียน
เกิดกระบวนการคิดหาคาตอบและตัง้ คาถามด้วยตนเอง ซึ่งในการอบรมจากทาง SIF นัน้
แตกต่างจากการอบรมของส่วนกลางหรือจากกระทรวงศึกษาธิการทีเ่ ป็ นการอบรมแบบนัง่ เรียน
ทัง้ วัน และสอนแต่ในภาคทฤษฎี
ข้อเสนอแนะและความเห็นแลกเปลีย่ นจากคุณครูทงั ้ 2 ท่านต่อระบบการเรียนการสอน
สิง่ ทีไ่ ด้จากการอบรมร่วมกับ SIF
- ในการเรียนการสอนครูต้อง Active อยู่เสมอเพื่อให้เด็กนักเรียนรูส้ กึ สนุ กและเป็ นการกระตุ้น
เด็ก ๆให้ส นใจเรีย นรู้ ไม่ง่ว งในชัน้ เรียนและพยายามคิดหาค าตอบร่ว มไปกับ แบบฝึ กหัดใน
ห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นการทดลองหรือวิธกี ารสอนทีด่ งึ ดูดความสนใจจากนักเรียนภายในชัน้
650
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
- ครูควรมีแหล่งให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการสอนหรือพัฒนาทักษะครู ซึ่งสามารถ
ค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับรูปแบบการสอนหรือแนวทางในการสอนเพื่อพัฒนาทักษะนักเรียน
ภายในชัน้ หรือวิธกี ารสอนใหม่ๆให้เด็กได้มสี ่วนร่วมและสามารถกระตุ้นให้นักเรียนมีความสนใจ
บทเรียน
- ในการอบรมครูควรให้ความสาคัญกับการวางแผนการสอน ซึ่งครูต้องมีการเตรียมตัวก่อนที่จะ
เข้าสอนทุกครัง้ เพื่อให้การเรียนในแต่ละวันไม่น่าเบื่อ และทาให้เด็กได้เกิดกระบวนการเรียนรู้
ภายในห้องเรียนอย่างสนุกสนาน
- การสังเกตการสอน ในการสังเกตการสอนของครูท่านอื่นๆเป็ นการศึกษาวิธกี ารสอนใหม่ๆทีอ่ าจ
นาไปสู่การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนในวิชาของตนเอง และร่วมพูดคุยกันเพื่อแลกเปลีย่ น
วิธกี ารสอนและหาแนวทางในการวางแผนการสอนให้กบั นักเรียนเพื่อพัฒนาการเรียนรูข้ องเด็ก
ให้เหมาะสมกับช่วงวัยและทาให้เด็กนักเรียนกลายเป็ นผูส้ นใจใฝ่รอู้ ย่างจริงจัง
- การให้นักวิชาการหรือผูเ้ ชีย่ วชาญในสาขาวิชาต่างๆมา Work shop ครูเพื่อพัฒนาความรูต้ าม
เนื้อหาวิชาและประเมินความรู้ของครูใ ห้มชี ุดความรู้ความเข้าใจในสาขาวิชาที่ต นสอนอย่าง
แท้จริง
บทสะท้อนปญั หาของระบบการศึกษาไทย
- ครูทางานในหลายหน้าที่
ครูในระบบการศึกษาไทยต้องทางานเอกสารและเตรียมการสอนไปด้วยทาให้ครูไม่มเี วลาในการ
วางแผนการสอน รูปแบบการสอนจึงเป็ นแบบการป้อนซึง่ นอกจากจะไม่สามารถเรียกความสนใจ
จากนัก เรียนในชัน้ ได้แ ล้ว ยังทาให้นักเรียนเกิดความรู้ส ึกเบื่อ หน่ ายในการเรียนและไม่เ ห็น
ความสาคัญของการเรียน ซึง่ ภาระงานทีม่ ากมายนี้ ทาให้คุณครูไม่ได้รบั การพัฒนาในเรื่องการ
สอนและไม่มเี วลาในการให้ความสนใจกับเด็กอย่างเต็มที่
- การอบรมจากภาครัฐไม่ตอบโจทย์ปญั หาการสอน
การอบรมการสอนของรัฐน่ าเบื่อและไม่ตอบโจทย์ปญั หาการเรียนการสอนของครูในปจั จุบนั คือ
ไม่มวี ธิ กี ารใหม่ๆ หรือแนวทางใหม่ในการสอนให้กบั ครู แต่ให้ครูไปนัง่ ฟงั บรรยายซึ่งไม่มกี าร
ปฏิบตั จิ ริงครูจงึ ไม่สามารถนามาปฏิบตั จิ ริงในชัน้ เรียนได้
- ครูไม่ตรงสาขาวิชาทีจ่ บ
ในการคัดบุคลากรมาเป็ นครูมกั ไม่ตรงกับวิชาที่สอนในชัน้ เรียน และครูหนึ่งคนต้องสอนหลาย
วิชาเพราะจานวนชัน้ เรียนทีม่ ากทาให้มคี รูไม่เพียงพอต่อจานวนนักเรียน ทาให้ดูแลนักเรียนได้
ไม่ค่อยทัวถึ ่ ง
651
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กรณี การศึกษาดูงานสหกรณ์พฒ
ั นาประชากรและชุมชนลาไทรโยง จากัด
653
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กรณี การศึกษาดูงานชุมชนหมู่บ้านหนองตาเข้ม
Community based integrate rural development
654
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ชุมชนต้นแบบและการสนับสนุนจากหน่ วยงานภายนอก
ชุมชนบ้านหนองตาเข้ม เป็ นชุมชนทีม่ ศี ูนย์เรียนรู้ ทีส่ ามารถสร้างรายได้ให้กบั ชุมชน ซึง่ ในการ
บริห ารอย่างยังยื
่ นนัน้ จาเป็ นต้อ งดูแลในเรื่องผลประกอบการและความคุ้มค่าของการลงทุนเพื่ อให้
เกิดผลทีส่ ามารถนาทุนไปต่อยอดและเพิม่ มูลค่าให้กบั ผลิตภัณฑ์และพัฒนาชุมชนได้ จากแนวทางการ
บริหารจัดการด้านการเงินที่ PDA เข้ามาให้ความรูจ้ นชุมชนมีการบริหารจัดการด้านการเงินด้วยตนเอง
ทาให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ที่มแี นวคิดเรื่องการบริหารและการลงทุน
อย่างยังยื
่ น ได้ร่วมกับชุมชนจัดฝึกอบรมและให้ความรูเ้ กี่ยวกับการทาการเกษตรทีพ่ อเพียง ยังยื ่ น และ
สามารถพัฒนาคุณภาพชีวติ ความเป็ นอยู่ให้กบั ผูท้ ป่ี ระกอบอาชีพเกษตรกรรมได้ โดยให้ผู้ทเ่ี ข้ามากู้ยมื
เงินของธนาคารนัน้ มีความรูใ้ นเรื่องการบริหารจัดการเงินและรูจ้ กั วิธกี ารใช้เงินอย่างคุม้ ค่า เพื่อให้ภาค
การเกษตรที่เข้ามากู้ยมื เงินจากธนาคารสามารถบริหารจัดการรายได้และรายจ่ายในการลงทุน การ
อุปโภคบริโภค และรูจ้ กั สร้างหรือเพิม่ มูลค่าของผลิตภัณฑ์ของตนเองเพื่อให้เกิดความยังยื ่ นในการทา
อาชีพเกษตรกรรม และลดภาระค่าใช้จ่า ยให้เกษตรกรเป็ นหนี้น้อยลง หรือไม่เป็ นหนี้ ตามวัตถุประสงค์
ของธนาคารคือ ให้เกษตรกรรูจ้ กั การใช้จ่ายและเกิดความยังยื ่ นในการประกอบอาชีพของเกษตรกร โดย
ไม่ทาให้เกษตรทีเ่ ข้ามาใช้บริการกับธนาคารต้องเป็นหนี้ตลอดชีวติ
656
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
มูล นิ ธ ิม ีช ัย วีร ะไวทยะ เป็ น ผู้ส นับ สนุ นทางการเงินของโรงเรียนโดยตรง ซึ่ง ทางมูล นิ ธ ิม ี
เป้าหมายของการสร้างโรงเรียนให้เป็ นศุนย์กลางของชุมชนอย่างครบวงจร นอกจากการเรียนการสอน
ทางด้านวิชาการแล้วจึงมีการสร้างโครงการมากมายประกอบ ยกตัวอย่างเช่นโครงการ School-bird ซึง่
เป็ นโครงการที่ขยายออกไปในระดับภาคพื้นอีส าน และตะวันออก (ระยอง ชลบุ ร)ี คือ การสร้างให้
โรงเรียนเป็ นศูนย์กลางของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เป็ นศูนย์การเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง
(เช่นอบรมเรื่องการปลูกเห็ด หรือปลูกมะนาวนอกฤดู) มีการจาลองรูปแบบการเกษตรกรรมให้นักเรี ยน
ได้ทากิจกรรม ส่ งเสริมให้นัก เรียนรู้จกั การใช้ทรัพยากรที่มใี นพื้น ที่อ ย่างมีประสิทธิภาพนักเรียนใน
โรงเรียนจะไม่มกี ารเสียค่าใช้จ่ายเป็ นเงิน แต่จะต้องจ่ายเป็ น “ความดี” กล่าวคือ การทากิจกรรมเพื่อ
สังคม โดยการร่วมกันปลูกต้นไม้ทงั ้ หมด 400 ร้อยต้นภายในระยะเวลา 1 ปี เพื่อเป็ นการสร้างจิตสานึก
ต่อส่วนรวม ต่อชุมชน ให้แก่นักเรียน มีการส่งเสริมให้นักเรียนคิดสร้างธุรกิจของตนเองในทุกระดับชัน้
เรียน อีก ทัง้ ยังให้ผู้ปกครองเข้ามาร่ว มอบรมในเรื่อ งของการประกอบการ และจัดอบรมในเรื่อ งของ
Social Enterprise ให้แก่นกั ศึกษามหาวิทยาลัยทุกๆสัปดาห์อกี ด้วย
657
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
658
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
โรงเรีย นมีช ัย พัฒ นาได้ส ร้า งเครือ ข่ า ยการพัฒ นาครูร่ ว มกับ สถาบัน การศึก ษาอื่น ๆ มีก ารร่ ว มมือ
(Collaboration) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเมลเบิรน์ (University of Melbourne) แห่งประเทศออสเตรเลียเพื่อ
โปรแกรมการพัฒนาครูฝึกสอน ทัง้ ยังมีการสร้างโครงการแลกเปลี่ยน ส่งครูภายในโรงเรียนไปฝึกฝนดู
งานยังประเทศสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และออสเตรเลีย แต่บางครัง้ เหมือนเป็ นการเสียเปล่าเพราะครูท่ี
ส่งไปฝึกฝนเหล่านัน้ กลับมาทางานให้กบั โรงเรียนได้ไม่นานก็ออกไปทางานทีอ่ ่นื เสีย กลายเป็ นเสียทัง้
โอกาสและเงินในการบ่มเพาะความรูแ้ ละทักษะให้ครูอย่างคุม้ ค่า
เนื่องจากการสร้างแนวทางให้เด็กนักเรียนค้นพบศักยภาพของตนเองนัน้ มีความสาคัญอย่างยิง่
โดยเฉพาะในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ซึง่ ในขณะนี้โรงเรียนมีชยั พัฒนาซึง่ เปิดมาได้เพียง 5 ปีนนั ้ ยัง
มีนักเรียนถึงแค่ชนั ้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ณ ปจั จุบนั ) ที่จะต้องมีการค้นพบศักยภาพของตนเองเพื่อการต่อ
ยอดทางการศึกษาในระดับทีส่ ูงขึน้ ไป ทางโรงเรียนจึงเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกงาน จะเป็ นแนวทางที่
ดีกว่าการมีครูแนะแนวเพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น นักเรียนทีม่ คี วามสนใจในด้านร้องเต้นเล่นดนตรี
สามารถเข้าไปสัมผัสการทางานของ True Academy Fantasia ส่วนทีส่ นใจด้านการโรงแรมก็สามารถ
เข้าไปฝึ ก งานในเครือ Bayan Tree และส่ ว นที่ส นใจด้านการแพทย์ก็ส ามารถเข้าไปฝึ ก งานใน
โรงพยาบาลสมิตติเวช ทัง้ นี้ เพื่อให้นักเรียนรูว้ ่าตนเองชอบหรือไม่ชอบ โดยตัดสินใจจากประสบการณ์
ตรง นอกจากนี้ ย งั มีก ารดึง บุ ค ลากรที่ม ีป ระสบการณ์ สู ง มาบรรยายและถ่ า ยทอดความรู้ มีทีม งาน
ประสานงานโดยเฉพาะ หากเด็กมีโอกาสได้ฝึกงานเร็วมากเท่าใด ก็จะส่งผลให้สามารถค้น พบตนเองได้
เร็วยิง่ ขึน้ เท่านัน้
659
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
แม้ว่ า จะเป็ นโรงเรีย นทางเลือ ก แต่ ก ารเรีย นการสอนยัง คงยึด ตามแนวทางหลัก สูต รของ
กระทรวงศึกษาธิการเป็ นฐาน เพื่อให้นักเรียนมีความรูเ้ พียงพอต่อการต่อยอดในสายการศึกษาได้ต่อไป
สามารถเข้าสู่การเรียนในมหาวิทยาลัยได้โดยไม่บกพร่อง หลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนมีการ
มุง่ เน้นในเรือ่ งของ
- การเกษตร พลังงานทดแทน
- การคิดนอกกรอบเพื่อสร้างนวัตกรรม
- กระบวนการเรียนรูจ้ ากการตัง้ คาถาม
- การสร้างผูน้ า
- การแก้ปญั หาเพื่อชุมชน
- การช่วยเหลือผูด้ อ้ ยโอกาส
- ความสามารถทางดนตรี
- การสร้างคนดี
กล่ าวคือ มีกิจกรรมที่ส่ งเสริม การประกอบการทางธุรกิจ การสร้างนวัต กรรม การบริหาร
จัดการ การตัง้ คาถาม ความเป็ นผู้นา และยังมีการเน้นโครงการหรือกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมให้นักเรียน
เป็ นคนดี ด้วยการช่วยเหลือวัดในท้องถิน่ ช่วยเหลือชาวบ้านชาวนา สร้างเสริมจิตสานึกที่ไร้คอรัปชัน่
ด้วยการช่วยเหลือการบริหารหรือจัดการในท้องถิน่ ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสด้วยการให้เด็กนักเรียนได้
สัมผัสจริงทาจริง เช่นการลองสัมผัสความยากลาบากของคนพิการด้วยการทดลองนัง่ และทากิจกรรม
ประจาวันบนรถเข็น นอกจากนี้แล้ว ยังมีการเชิญปราชญ์ชาวบ้านให้เข้ามาอบรมความรูภ้ ายในโรงเรียน
เป็นการเรียนรูจ้ ากประสบการณ์ตรงจากผูเ้ ชีย่ วชาญ เปิดโอกาสให้ผเู้ ชี่ยวชาญเข้ามาให้ความรูไ้ ด้โดยไม่
ต้องมีใบประกอบวิชาชีพครู
660
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
กรณี การศึกษาดูงานโรงเรียนรุ่งอรุณ
และสรุปประเด็นจากการสัมภาษณ์ นางสุนิสา ชื่นเจริ ญสุข
ผูอ้ านวยการโรงเรียนรุ่งอรุณ
18 ตุลาคม พ.ศ. 2556
ภาพรวมของโรงเรียน
โรงเรียนรุง่ อรุณได้รบั การรับรองจากสานักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนในปี พ.ศ.2540 มี
แบ่งการศึกษาออกเป็ น 3 ระดับชัน้ ด้วยกันคือ โรงเรียนเล็กสาหรับเด็กอนุ บาล โรงเรียนประถม และ
โรงเรียนมัธยม ปจั จุบนั มีจานวนครู 140 คนต่อนักเรียน 1,000 คน คิดเป็ นสัดส่วนครูต่อนักเรียน 1:8 มี
การจัดการศึกษานักเรียน 25 คนต่อห้อง มุ่งเน้นส่งเสริมความสัมพันธ์อนั ใกล้ชดิ ของครูและนักเรียน บ่ม
เพาะความรัท้ งั ้ ด้านการวิชาการและการใช้ชวี ติ อีกทัง้ ยังส่งเสริมการทากิจกรรมร่วมกันระหว่างพ่อแม่
ผู้ปกครองและโรงเรียนซึ่งในแต่ ละโรงเรียนนัน้ (เล็ก ประถม มัธยม) จะมีครูใหญ่ดูแลและรับผิดชอบ
โรงเรียนละ 1 คน มีหน้าทีส่ ร้างความเข้าใจในความเป็ นครูให้แก่เหล่าบุคลากร ชีแ้ นะหนทางการทางาน
ร่วมกันเป็นกลุ่ม รวมไปถึงในเรือ่ งของการบรูณาการองค์ความรูข้ องแต่ละระดับชัน้ ก็ดว้ ยเช่นกัน
โรงเรียนรุง่ อรุณมีเป้าหมายหลักคือการมุง่ เน้นให้การศึกษาอย่างเป็ นองค์รวม ส่งเสริมการเรียนรู้
ของนักเรียนผ่านสภาพแวดล้อมมีทค่ี วามเป็ นธรรมชาติเพื่อให้เกิดการกระตุ้นบูรณาการการเรียนรูด้ ว้ ย
ตนเอง เกิดเป็ นชุมชนแห่งการเรียนรูซ้ ง่ึ ประกอบไปด้วยครู นักเรียนและผู้ปกครองที่มคี วามสัม พันธ์อนั
แน่ นแฟ้น อีกทัง้ ยังได้นาแนวความคิดทางพระพุทธศาสนาเข้ามาผนวกเข้ากับแนวางการสอน สร้างให้
เป็ นหลักของการเรียนรู้ท่สี าคัญ โดยทางโรงเรียนมีท่านเจ้าคุณพระธรรม-ปิ ฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) เป็ นที่
ปรึกษาสูงสุ ด ของฝ่ายคณะกรรมการการบริห ารของโรงเรียน และยังมี ศ.นพ.ประเวศ วะสี ประธาน
คณะกรรมการมูลนิธโิ รงเรียนรุ่งอรุณเป็ นบุคคลสาคัญในการผลักดันทิศทางของการให้การศึกษาของ
โรงเรียนโดยมูล นิธ ิโรงเรียนรุ่งอรุณ ดังกล่ าว ได้ก่ อตัง้ ขึ้นเพื่อ พัฒนา วิจยั วิเคราะห์ และประมวลผล
กระบวนการเรียนรูข้ องมนุ ษย์ ทัง้ นี้เพื่อการพัฒนาคุณค่าทีแ่ ท้จริงของความเป็ นมนุ ษย์ทจ่ี ะอยู่ร่วมกันใน
สังคม ทัง้ การเป็ นคนที่มคี วามรูม้ คี วามสามารถ และการเป็ นคนดี มีความสุข ตลอดจนกระทังการสร้ ่ าง
เครือข่ายทีแ่ น่ นแฟ้น มีปฏิสมั พันธ์อนั ดีงามและเกือ้ กูลซึง่ กันและกัน
ระบบการคัดเลือกเด็กเข้ารับการศึกษาในโรงเรียน
นอกเสียจากการคัดเลือกทีต่ วั นักเรียนแล้ว การคัดเลือกผูป้ กครองนัน้ ก็มคี วามสาคัญไม่แพ้กนั กล่าวคือ
ผู้ป กครองจะต้ อ งมีท ัศ นคติท่ีดีต่ อ ระบบการเรีย นการสอนของโรงเรีย น สามารถปรับ ตัว เข้า หา
สภาพแวดล้อมและการปฏิสมั พันธ์ในระบบสังคมของโรงเรียนได้ ผู้ปกครองเก่าจะมีส่วนร่วมในการคัด
ผูป้ กครองใหม่ทป่ี ระสงค์จะให้ลูกได้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียนรุ่งอรุณนี้ดว้ ยเช่นกัน เพราะในทีส่ ุดแล้ว
เป้าหมายทีส่ าคัญของโรงเรียนคือการสร้างเสริมชุมชนคนคุน้ เคย ก่อเกิดเป็ นความสัมพันธ์ทเ่ี น้นแฟ้นไม่
ว่าจะเป็ นจาก นักเรียน ครู หรือ ผู้ปกครอง ซึ่งเป็ นไปตามหลักของพระพุทธศาสนาทีเ่ รียกว่า “กัลยาน
มิตร” นันเอง
่ ซึง่ เป้นแนวคิดทีท่ างโรงเรียนได้ยดึ ถือและปฏิบตั ติ ามโดยตลอดมา
661
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การเรียนการสอนภายในรัว้ โรงเรียน
โรงเรียนรุ่งอรุณเน้นความเป็ นบรูณาการของความรู้ เป็ นอย่างมาก มีการจัดตัง้ หน่ วยบูรณาการ
เพื่อการจัดการ Project-based Learning ขึน้ มา ส่งเสริมให้แต่ละห้องเรียนมีการทาโครงงาน 2-3 ชิ้น
ตามความสนใจของนักเรียนเอง โรงเรียนรุ่งอรุณนี้เริม่ ต้นการเรียนการสอนโดยยึดเอาวิถพี ุทธเป็ นหลัก
สาคัญส่งเสริมให้เกิดการเข้าใจตนเอง ผูอ้ นื ่ และสิง่ รอบข้างเพือ่ สร้างสัมพันธ์ทดี ่ ี พัฒนาจิตใจ และให้เกิด
อิสระทางความคิด พึง่ พาตนเองและขับเคลื่อนสิง่ ต่างๆรอบข้างได้ดว้ ยตนเอง มีการนาเอาหลักการเรียน
การสอนของประเทศอิตาลีท่ใี ห้ความสาคัญกับ 3 สิง่ คือ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศิลปะ เป็ นหลัก
โดยเฉพาะศิลปะซึ่งเป็ นศาสตร์ท่กี ่ อให้เกิดการกระตุ้นหรือแรงบันดาลใจ (Inspiration) เป็ นตัวกลางใน
การเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างบุคคลหนึ่งไปสู่อกี บุคคลหนึ่งด้วยเช่นกัน
การสร้างแรงบันดาลใจนัน้ ก็เป็ นสิง่ ที่สาคัญ การรับรูส้ ภาพแวดล้อมรอบตัวทีด่ จี ะก่อให้เกิดการ
พัฒนาด้วยตนเองได้ในทีส่ ุด มีการปฏิบตั ธิ รรมเพื่อให้เกิดสติสมั ปชัญญะ ครูและนักเรียนมีความสัมพันธ์
กันในลักษระของพุทธสัมพันธ์ ทัง้ นี้ นอกจากการส่งเสริมการเรียนรูด้ ้วยตนเองแล้ว ยังมีระบบการดูแล
กันและกันภายในโรงเรียนไม่ว่าจะเป็ นทัง้ ในหมู่นักเรียนหรือครูดว้ ยกันเอง เช่น การวางแผน หรือแม้แต่
การร่วมสรุปบทเรียนด้วยกัน มีการพูดคุย ร่วมแก้ปญั หาด้วยกันในหมูค่ รูผสู้ อน เป็นต้น
ระบบการฝึกฝนและส่งเสริมครูของโรงเรียนนัน้ มีความชัดเจน มีการอานวยและให้โอกาสครูท่มี ี
ความรูเ้ ฉพาะด้านในแต่ละชัน้ เรียนได้ฝึก ฝนเพิม่ ในสถาบันอาศรมศิลป์ซง่ึ เป็ นสถาบันทีม่ กี ารร่วมมือกัน
ในลักษณะของโรงเรียนและมหาวิทยาลัย สร้างความสัมพันธ์คล้ายกับมหาวิทยาลัยกับโรงเรียนสาธิต
ยกตัวอย่างเช่นในเรือ่ งของSocial Entrepreneurship เป็นต้นจุดประสงค์กเ็ พื่อการบ่มเพาะความรูใ้ ห้มาก
662
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
663
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
664
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สรุปประเด็นการสัมภาษณ์
ศาสตราจารย์ ศรีราชา เจริ ญพานิ ช
ผูต้ รวจการแผ่นดิ น
วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556
ความบกพร่องของระบบการศึกษาไทยทัวไปในปั
่ จจุบนั
ปั ญหาเชิ งโครงสร้าง การที่ประเทศไทยมีปญั หาในเรื่องของระบบการศึกษานัน้ ส่วนใหญ่ก่อ
เกิดมาจากปญั หาระดับโครงสร้างของหน่ วยงานที่รบั ผิดชอบ กล่าวคือ กระทรวงศึกษาธิการนัน้ มีความ
รับผิดชอบทีบ่ ดิ เบือนไปจากทีค่ วรจะเป็ น อีกทัง้ เป็ นความผิดพลาดทีเ่ กิดขึน้ จากแนวคิดของการรวมเอา
หลาย ๆ “ทบวง” เข้าด้วยกันเป็ น “กระทรวง” ซึง่ ไม่ใช่การเปลีย่ นแปลงทีเ่ อื้อให้เกิดประสิทธิภาพในการ
ทางาน เนื่องจากทาให้องค์กรมีขนาดทีใ่ หญ่โตมากเกินไปและยากแก่การทางานอย่างเป็นระบบ
ด้านบุคลากร บุคลากรของกระทรวงศึกษาธิการนับว่ามีบุคลากรจานวนมาก ประเด็นด้าน
บุคลากรภายในจึงมีความสาคัญไม่ยงิ่ หย่อนไปกว่าประเด็นด้านอื่นๆ อย่างไรก็ดี ในบางกรณีทบ่ี ุคลากร
หรือผูเ้ ชีย่ วชาญทีจ่ บการศึกษาจากต่างประเทศ มุ่งนาเอาตัวอย่างประสบการณ์จากต่างประเทศทีส่ าเร็จ
แล้วหรือระบบทีค่ ดิ ค้นขึน้ โดยประเทศอื่น เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา มาใช้กบั ประเทศไทยโดยมิได้มกี าร
ดัดแปลงหรือประยุกต์ให้เข้ากับบริบทของไทยส่งผลให้เกิดข้อจากัดในการพัฒนาระบบการศึกษาและ
ขับเคลื่อนการเรียนรูข้ องไทยได้อย่างแท้จริง
ด้ า นการใช้ อุป กรณ์ สื อ่ การสอน ความบกพร่ อ งทางด้า นการใช้อุ ป กรณ์ ส่ือ การสอนก็ม ี
ความสาคัญ เช่นกัน ยกตัว อย่างเช่น โครงการแจกแท็บเล็ ต (Tablet) แก่ เ ด็กนักเรียนเพื่อ พัฒนา
การศึกษา แต่ในบางพืน้ ที่ หรือบางสถานศึกษายังมีขอ้ จากัดเนื่องจากความสามารถของบุคลากรหรือ
สถานศึกษาในการใช้อุปกรณ์น้ีให้เกิดประโยชน์สูงสุดนัน้ ยังมีน้อย จึงทาให้อุปกรณ์ทไ่ี ด้มานัน้ กลายเป็ น
เพียงสื่อการเล่นยามว่าง แทนการใช้ให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษาอย่างทีค่ วรจะเป็ น หรือแม้แต่การหัน
มาใช้เครื่องคิดเลข ซึง่ ไม่ใช่การสนับสนุ นทักษะการคิดของเด็กในวัยพัฒนาทีถ่ ูกต้อง ซ้ายังทาให้ทกั ษะ
การคิดคานวนในใจลดถอยลงด้วยเช่นกัน ดังนัน้ การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารหรืออุปกรณ์ส่อื
การสอนจึงควรให้ความสาคัญกับการเสริมสร้างศักยภาพ (Capacity Building) และมุ่งเน้นทีเ่ นื้อหาสาระ
(Content) ควบคู่ไปด้วย
ระบบการผลิ ตและพัฒนาครู ในส่วนของระบบครูท่ผี ่านมาก็เป็ นปญั หาต่ อภาพการศึกษา
โดยรวม เนื่องจากระบบทีเ่ ป็นอยูไ่ ม่ได้เป็นการรับรองความเหมาะสมของครูผสู้ อนที่เพียงพอ โดยเฉพาะ
ในเรื่องของการออกใบอนุ ญาตประกอบวิชาชีพครู ที่ควรจะปรับเปลี่ยนให้เป็ นระบบที่เอื้อต่อการรักษา
มาตรฐานของบุคลากร หรือเอื้อให้เกิดการค้นคว้าหรือคิดค้นองค์ความรูอ้ ย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงการทา
เอกสารที่ไ ม่มคี วามเกี่ยวข้องกับความสามารถในการปฏิบตั ิห น้ าที่ท่แี ท้จริงของครู ในขณะเดียวกัน
ระบบการสอนเพื่อการเป็ นครูก็ควรต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ เสริมสร้างคุณภาพให้มากขึน้ อาจจะ
665
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ปัญหาและข้อเสนอแนะในเรื่องของอาชีวศึกษาและการศึกษานอกระบบ
กรมอาชีวศึก ษา หรือ ในปจั จุบนั ที่เรียกว่ า ส านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ภายใต้
กระทรวงศึกษาธิการ มีความรับผิดชอบในการดูแลพัฒนาอาชีวศึกษา อย่างไรก็ตาม หน่ วยงานนี้ไม่ม ี
ความพร้อมในเรื่องของการจัดสรรเครื่องมือเท่าที่ค วรเมื่อ เทียบกับ กรมพัฒนาฝี มอื แรงงาน ภายใต้
กระทรวงแรงงาน ที่มที งั ้ เครื่องมือและเครือข่ายในระดับท้องถิน่ ดังนัน้ จึงควรปรับเปลี่ยนหน่ วยงานที่
รับผิดชอบตามความพร้อมและความสามารถ หรือไม่กร็ ่วมมือกันในการพัฒนา อย่างไรก็ตาม วิธที จ่ี ะทา
ให้เกิดประสิทธิภาพในการสร้างแรงงานมากที่สุดคือการร่วมมือกับภาคส่วนเอกชนและอุตสาหกรรมที่
เป็นผูใ้ ช้แรงงานโดยตรง ทัง้ นี้ เพื่อให้เกิดการฝึกฝนทักษะทีถ่ ูกต้อง ทาให้แรงงานเหล่านัน้ จบออกมาแล้ว
ทางานได้จริง ปฏิบตั ไิ ด้โดยทีไ่ ม่ตอ้ งฝึกฝนเพื่อเติม
666
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
667
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
สรุปประเด็นจากการสัมภาษณ์
ดร. กมล รอดคล้าย
รองเลขาธิ การคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน
ธันวาคม พ.ศ. 2556
ปัญหาและอุปสรรคที่สาคัญในปัจจุบนั ของการพัฒนาการศึกษาไทย
668
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
นโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาและกาลังคนของไทยที่ควรเร่งผลักดัน และมีผลกระทบ
สูง
นโยบายต้องมีการกาหนดเป้าหมายการพัฒนาทีช่ ดั เจน กาหนดผลผลิต หรือลักษณะเด็กไทยว่า
ประกอบด้วยคุณลักษณะอะไรบ้าง เช่น
1) เป็นคนเก่ง (ในทางวิชาการ ในด้านอื่นๆ เช่น ดนตรี กีฬา รวมทัง้ เป็นคนเก่งในทางโลก
การเข้าสังคม เป็ นต้น)
2) เป็นคนดี (มีคุณธรรม ซื่อสัตย์ มีวนิ ยั เป็นต้น)
3) ใช้ชวี ติ ในสังคมได้อย่างมีความสุข ดังนัน้ การศึกษาจะต้องเป็นการศึกษาเพื่อสร้างความ
เป็นพลเมือง
ยุทธศาสตร์การพัฒนาทีส่ าคัญ ได้แก่
การสร้างโอกาส (การเข้าถึง เท่าเทียม) องค์ประกอบในการเข้าถึงทรัพยากร ผ่านในแง่
มาตรฐานขัน้ ต่ า ตลอดจนการสร้างโอกาสในการศึกษาเรียนรูต้ ลอดชีวติ การศึกษานอก
ระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย การเรียนรูต้ ลอดชีวติ
การสร้างการศึกษาทีม่ คี ุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิง่ การพัฒนาครู ระบบการพัฒนาครู
วิธกี ารศึกษา
การเพิม่ ขีดความสามารถในการแข่งขัน เรือ่ งความสามารถเฉพาะมิตติ ่างๆ
นอกจากนี้ ในการพัฒนาของประเทศไทยจาเป็นต้องให้ความสาคัญกับการขยายผลตัวอย่างที่
ประสบความสาเร็จต่างๆ ให้เกิดผลในวงกว้าง รวมทัง้ สร้างระบบการบริหารจัดการทีจ่ าเป็ นทีช่ ่วยในการ
ส่งเสริมการศึกษาเรียนรู้ ตัวอย่างเช่น ศูนย์รวมคลังสมอง สถานีวทิ ยุโทรทัศน์การศึกษาแห่งชาติ
สถาบันการแปลภาษาแห่งชาติ เป็นต้น
669
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
การเมือง
*
นัก ผูเ้ รียน
การศึกษา
670
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
671
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ภาคผนวกที่ 4
การประชุมเชิงปฏิบตั กิ ารผูเ้ ชี่ยวชาญ
ด้านการศึกษา
673
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
1. หลักการและเหตุผล
การศึกษาเป็ นกลไกหลักในการพัฒนา ส่งเสริม ปลูกฝงั แนวความคิด ความรู้ ให้กบั พลเมือง
และสังคมโดยรวมของทุกประเทศ ดังนัน้ การศึกษาจึงเป็ นตัวแปรหลักของความสามารถในการแข่งขัน
ระยะยาว (Long Term Competitiveness) การออกแบบการศึกษาจึงเป็ นข้อต่อสาคัญของการพัฒนา
ประเทศในทุกด้านทีเ่ กีย่ วข้องกับมนุษย์และสังคม
บริบททีส่ าคัญในการออกแบบการศึกษาในปจั จุบนั ก็คอื พลวัตการเปลีย่ นแปลงโลกจากการก้าว
ผ่ านจากศตวรรษที่ 20 เข้าสู่ศ ตวรรษที่ 21 การเปลี่ยนแปลงดังกล่ าวได้ส่ งผลกระทบทัง้ ทางสัง คม
เศรษฐกิจ สิง่ แวดล้อม และการเมืองของทุกประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านกระแสการเปลี่ยนแปลงที่
ชัดเจนในด้านต่างๆ เช่น การปฏิวตั ิ Arab Spring ผ่านการใช้เทคโนโลยี Social Media การก้าวขึน้ มา
ทางเศรษฐกิจของเอเชีย หรือภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง เป็ นต้น คนในโลกยุคใหม่จงึ ต้องมีความพร้อมที่
จะเผชิญกับความเปลีย่ นแปลง หากสังคมหรือพลเมืองขาดความพร้อมในการก้าวผ่านก็จะทาให้ประเทศ
ไม่ส ามารถเดินต่อได้จนเสี่ยงกับการเป็ นรัฐที่ล้มเหลว ประเทศไทยก็จาเป็ นต้อ งก้าวสู่ศ ตวรรษที่ 21
เช่นกัน ดังนัน้ การเตรียมความพร้อมคนไทย เพื่อการนาพาสังคมและประเทศไปสู่โลกที่ 1 จึงเป็ นจุด
วิกฤตของชาติทไ่ี ม่อาจหลีกเลีย่ งได้
อย่างไรก็ตาม ทีผ่ ่านมาประเทศไทยยังคงขาดความชัดเจนในการกาหนดเป้าประสงค์หลักของ
การศึกษา(Objective Function) ซึง่ เปรียบเสมือนเป็ นผลสุทธิของระบบ หรือปลายทางทีก่ ารศึกษาต้อง
พัฒนาและเสริมสร้างให้พ ลเมืองและสังคมสามารถอยู่ได้อย่างภาคภูม ิ แต่การตัง้ เป้าประสงค์หลักของ
การศึก ษาเพียงอย่า งเดียวไม่ส ามารถพัฒนามนุ ษ ย์และสังคมได้ หากแต่ ต้อ งมีกลไกการขับเคลื่อ น
แนวนโยบายและยุ ท ธศาสตร์ท่ีป ฏิบ ัติไ ด้ จ ริง โดยการด าเนิ น การจะต้ อ งเข้า ใจถึง ทัง้ บริบ ทการ
เปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 พื้นฐานปรัชญาการศึกษาไทย รวมถึงองค์ประกอบของระบบ
นิเวศน์การดาเนินชีวติ ของผูเ้ รียน โดยความเข้าใจเหล่านี้ควรเป็ นความรูพ้ น้ื ฐานทีส่ นั ้ กระชับ เข้าใจง่าย
และมีแนวปฏิบตั ทิ ช่ี ดั เจน โดยบุคคลในวงการศึกษาไทยตัง้ แต่ผู้กาหนดนโยบาย ผูม้ สี ่วนร่วมทัง้ ภาครัฐ
และเอกชน ตราบไปจนถึงตัวผู้เรียนเองจะต้องมีความเข้าใจในแนวปฏิบตั แิ ละมีส่วนร่วมในการปฏิบตั ิ
อย่างเพียงพอ ซึง่ แนวปฏิบตั เิ หล่านี้บางส่วนอาจไม่ใช่การเปลีย่ นแปลงทีล่ ะน้อย (Incremental Change)
แต่อาจจาเป็นต้องเปลีย่ นถึงรากฐานแนวคิด (Paradigm Shift/ Fundamental Change) ดังนัน้ การมีส่วน
ร่วมและความเข้าใจของภาคส่วนจึงเป็ นอีกปจั จัยในการเปลีย่ นรูปครัง้ นี้
674
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
675
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
โดยทัวไปเครื
่ ่องมือหรือวิธกี ารทีน่ ิยมใช้จนอาจเรียกได้ว่า เป็ นมาตรฐานคือ การศึกษาแนวโน้ม
(trends) และการคาดคะเน (forecast) อย่างไรก็ตาม การศึกษาทัง้ สองนี้เหมาะสมกับอนาคตที่มคี วาม
ชัดเจนในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถที่จะทาให้เห็นครอบคลุมถึงลักษณะของอนาคตที่ชดั เจนในระดับ
รายละเอียดและระบุถงึ ความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อ งได้ ด้วยเหตุน้ี การวางแผนโดยอาศัยภาพอนาคต
(Scenario Planning) จึงเป็ นเครื่องมือทีไ่ ด้รบั การยอมรับเพิม่ ขึน้ อย่างรวดเร็ว และมีการนามาใช้อย่าง
แพร่หลายเพื่อประกอบการกาหนดนโยบายระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็ นในประเทศ อังกฤษ แอฟริกาใต้
ญีป่ นุ่ จีน ฯลฯ
การวางแผนด้วยภาพอนาคตเป็ นเครื่องมือทีใ่ ช้สาหรับการมองภาพอนาคตทีม่ โี อกาสเกิดขึน้ ได้
(possible) และเกีย่ วข้องกับประเด็นทีอ่ ยู่ในความสนใจ (relevant) ให้เกิดความชัดเจนขึน้ โดยอาศัยการ
สร้างภาพอนาคตที่หลากหลายและครอบคลุมเหตุการณ์ท่อี าจเกิดขึน้ จากการผสมผสานแนวโน้มของ
ปจั จัยขับเคลื่อน (driver trends) ความไม่แน่ นอน (uncertainties) และเหตุ การณ์ท่ไี ม่คาดคิด
(surprises) ซึง่ ภาพอนาคตเหล่านี้สามารถนามาศึกษาต่อเพื่อให้เห็นความชัดเจนยิง่ ขึน้
การวางแผนด้วยภาพอนาคตสามารถนามาช่วยในการวิเคราะห์และวางแผนระยะยาวในหลายๆ
ขัน้ ตอนไม่ว่าจะเป็ นในส่วนการศึกษาเพื่อเตรียมการวางนโยบาย หรือการกาหนดหัวข้อนโยบายหรือ
ยุทธศาสตร์ ตลอดจนการวัดและประเมินผลนโยบาย
3. วัตถุประสงค์
การประชุมเชิงปฏิบตั ิการผู้เชี่ยวชาญด้ านการศึกษาในครัง้ นี้มวี ตั ถุประสงค์เพื่อ สารวจความ
คิดเห็นผูเ้ ชีย่ วชาญ และระดมความคิดร่วมกัน ตลอดจนรับฟงั ความเห็นของผูบ้ ริหารและผูท้ รงคุณวุฒทิ ่ี
เกีย่ วข้องทุกภาคส่วนของการศึกษา
4. ผลที่คาดว่าจะได้รบั
ผลลัพธ์ทค่ี าดว่าจะได้รบั จากวิธกี ารเดลฟายและการวางแผนด้วยภาพอนาคต ได้แก่
1) ปจั จัยผลักดันระบบการศึกษาของประเทศไทยและปจั จัยไม่แน่ นอนทีส่ าคัญของการ
กาหนดภาพการศึกษาของประเทศไทยในศตวรรษที่ 21
2) ช่องว่าง (Gap)ระหว่างระดับการพัฒนาการศึกษาทีค่ าดหวังในศตวรรษที่ 21 กับระดับ
การพัฒนาการศึกษาไทยในปจั จุบนั
3) ช่องว่าง (Gap) ระหว่างคนไทยในศตวรรษที่ 21 ทีพ่ งึ ประสงค์กบั คนไทยในปจั จุบนั
4) ภาพอนาคตของการศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21
5) วิสยั ทัศน์และประเด็นยุทธศาสตร์ดา้ นการศึกษาของประเทศไทย ในอีก 15 ปีขา้ งหน้า
676
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
677
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
678
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
679
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2. ความเท่าเทียมของการศึกษา 50
40
3. ประสิทธิภาพของการจัดการศึกษา 30 21.7%
4. คุณภาพการศึกษา 20
5%
13.3%
5%
10
5. อื่นๆ ระบุ 0
680
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ท่านคิดว่า โดยภาพรวมยังมีช่องว่าง (Gap)ระหว่างระดับปจั จุบนั (As Is)กับ เป้าหมายทีพ่ งึ ประสงค์ (Should Be)มาก
น้อยเพียงไร
1. น้อยทีส่ ดุ
50 42.9%
2. น้อย 34.9%
40
3. ปานกลาง 30
4. มาก 20 15.9%
10 6.3%
5. มากทีส่ ดุ 0%
0
30
3. ส่งเสริมให้เด็กเป็ นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต ที่มุ่ง
ใฝ่ ห าความรู้ สามารถพั ฒ นาตนเองได้ 20
11.3%
10
ตลอดเวลา 3.2%
0
4. มุ่งพัฒนาความเป็ นมนุ ษย์ทส่ี มบูรณ์ สร้างเด็ก [1] [2] [3] [4]
ให้เ ป็ น คนดีของสัง คม สร้างประโยชน์ แ ก่ค น
รอบข้าง ชุมชน และประเทศชาติ
1. น้อยทีส่ ดุ 60 49.2%
50
2. น้อย
40
28.6%
3. ปานกลาง 30
20 14.3%
4. มาก 10 1.6%
6.3%
5. มากทีส่ ดุ 0
681
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2. น้อย 30 24.2%
3. ปานกลาง 20
17.7% 19.4%
4. มาก 10
1.6%
5. มากทีส่ ดุ 0
5. มากทีส่ ดุ 10 6.5%
0%
0
40 34.9%
1. น้อยทีส่ ดุ 30
2. น้อย 20 12.7%
10
3. ปานกลาง 1.6% 3.2%
0
4. มาก
5. มากทีส่ ดุ
682
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
5. อื่นๆ ระบุ 20
7.41% 8.47%
10 5.29%
0
[1] [2] [3] [4] อื่นๆ
ภาพต่อไปนี้สะท้อนภาพอนาคตทีพ่ งึ ประสงค์ของประเทศไทย
หากให้ภาพทีพ่ งึ ประสงค์ในความคิดของท่านมีคะแนน = 5
ท่านคิ ดว่า ในปัจจุบนั สภาพความเป็ นจริงของสังคมมีระดับเป็ นเช่นไร
30
กลาง
20
4. ปจั จุบนั ห่างไกลจากเป้าหมายระดับน้อย 10
9.5%
3.2% 1.6%
5. ปจั จุบนั มีสภาพใกล้เคียงหรือเหมือนภาพ 0
อนาคตทีพ่ งึ ประสงค์แล้ว [1] [2] [3] [4] [5]
4. มาก
10
5. มากทีส่ ดุ 1.6%
0
684
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
2. น้อย 30
22.2%
3. ปานกลาง 20
19%
14.3%
4. มาก 10
7.9%
5. มากทีส่ ดุ
0
2. น้อย 50
40
3. ปานกลาง 30 23.8%
4. มาก 20 11.1%
10 4.8%
5. มากทีส่ ดุ 3.2%
0
1. ไม่เห็นด้วยอย่างยิง่ 50
38.1%
40
2. ไม่เห็นด้วย 31.7%
30
3. เฉยๆ 20
19%
4. เห็นด้วย 10
7.9%
3.2%
5. เห็นด้วยอย่างยิง่ 0
685
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ข้อที่ 26 ถ้าอนาคตประเทศไทยใช้ระบบการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายกระจายอานาจการจัดการศึกษา
ให้กบั พ่อแม่ โรงเรียน องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน และ องค์กรปกครองท้องถิ่น ร่วมกันกาหนดหลักสูตรและการ
ประเมินผลทีแ่ ตกต่างกันไปตามแต่ละบริบทท้องถิน่ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร
1. ไม่เห็นด้วยอย่างยิง่ 50 43.5%
38.7%
2. ไม่เห็นด้วย 40
30
3. เฉยๆ 20 11.3%
4. เห็นด้วย 10 3.2% 3.2%
0
5. เห็นด้วยอย่างยิง่
ข้อที่ 27 ถ้าอนาคตประเทศไทยใช้ระบบการ
บริหารจัดการแบบมีมาตรฐานจากส่วนกลางและให้ 60 50.8%
อิสระโรงเรียนหรือท้องถิน่ มีความยืดหยุ่นในการ 50
39.7%
บริหารจัดการได้ดว้ ยท่านมีความคิดเห็นอย่างไร 40
30
1. ไม่เห็นด้วยอย่างยิง่ 20
10 6.3% 3.2%
0%
2. ไม่เห็นด้วย 0
3. เฉยๆ
4. เห็นด้วย
5. เห็นด้วยอย่างยิง่
1. ประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากร
40 36.76%
2. ความรับผิดชอบของสถาบันการศึกษา
(Accountability) 30 27.57%
3. ความยืดหยุ่นในกระบวนการจัดการเรียน 20
การสอน 8.65% 9.73%
11.35%
10 5.95%
4. หลักสูตรและการประเมินผลไม่สอดคล้อง
กับผลสัมฤทธิที์ ต่ อ้ งการ 0
[1] [2] [3] [4] [5] อื่นๆ
5. การขาดการบูร ณาการร่ วมกันระหว่า ง
หน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ และขาดการมีสว่ นร่วมกับภาคส่วนอื่นๆ (ภาคธุรกิจ, ชุมชน)
6. อื่นๆระบุ
686
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ข้อที่ 31-33 ในความคิดของท่าน ความสาเร็จของผูเ้ รียน (Learners) ขึน้ อยู่กบั ปจั จัยใดสูงสุด
1. ตัวผูเ้ รียนเอง
40 34.79%
2. ครอบครัว 29.86%
30
3. โรงเรียนและครู 24.11%
4. เพื่อน 20
1. น้อยมาก
60 52.4%
2. น้อย 50
3. ปานกลาง 40 30.2%
30
4. ค่อนข้างมาก 20 14.3%
10 1.6% 1.6%
5. สูงมาก 0
687
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
4. เลียนแบบต่างชาติ 10
2.72%
1.09%
5. อื่นๆ ระบุ 0
ข้อที่ 39 ถ้ามีการปฏิรูปการศึกษา แต่ ไม่ได้มกี าร [1] [2] [3] [4] อื่นๆ
3. ปานกลาง 10 1.6%
0
4. มาก
5. มากทีส่ ดุ
688
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
689
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
ในสังคม 0
5. อื่นๆ ระบุ [1] [2] [3] [4] อื่นๆ
ข้อที่ 45 ถ้าเลือกได้เพียงภาพสถานการณ์ทด่ี ที ส่ี ุดของการศึกษา (Best Case Scenario) เพียง 1 ภาพ ข้อความใด
ต่อไปนี้สะท้อนภาพการศึกษาในอนาคตทีท่ ่านพึงปรารถนาทีส่ ดุ
1. การศึกษาไทยมีความโดดเด่นและเป็ นเลิศ
66.1%
ท า ง วิ ช า ก า ร ผ ลิ ต แ ร ง ง า น ที่ มี ขี ด 70
60
ความสามารถป้อนตลาดแรงงาน ขับเคลื่อน 50
ให้ประเทศมีขดี ความสามารถในการแข่งขัน 40
2. การศึกษาไทยช่วยให้คนค้นพบศักยภาพใน 30 17.7%
ตนเอง ทาให้คนพึง่ พาตนเองได้ มีความสาม 20 9.7%
10 3.2% 3.2%
รถในการปรั บ ตั ว มี ท ั ก ษะต่ า งๆ เป็ น
0
การศึกษาที่พฒ ั นาสอดคล้องกับบริบทพืน้ ที่ [1] [2] [3] [4] อื่นๆ
วิถชี วี ติ แบบไทย
690
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
40
35.36%
30 26.24%
20
12.15%
9.67%
10 6.35%
4.42% 5.52%
0.28%
0
[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8]
691
โครงการวิจยั เรื่องการกาหนดแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทยกับการเตรียมความพร้อมสูศ่ ตวรรษที่ 21
692
คณะวิจยั