You are on page 1of 160

เขียน เชควะหีด บินอับดุสสะลาม บาลีย์

แปล Zunnur
30+1 เรื่องราวของผู้กล้าในหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม
(จากหนังสือ “ศุวัร มิน อิบติลาอ์ อัลอุละมาอ์”)

เขียน เชควะหีด บินอับดุสสะลาม บาลีย์


แปล Zunnur
ตรวจทาน อ.มุคลิศ ดอเลาะ
พิสูจน์อักษร อลันตม์ วรรณมาตร / อุมมุฮันซอละฮฺ
ศิลปกรรม Nakhara Yakoh

พิมพ์ครั้งที่ 1 : ธันวาคม 2564 จำ�นวน 1,000 เล่ม

ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแห่งชาติ

วะหีด บินอับดุสสะลาม บาลีย์.


30+1 เรื่องราวของผู้กล้าในหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม,-- นราธิวาส :
มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ, 2564.
151 หน้า.

1. ศาสนาอิสลาม -- ประวัติศาสตร์. I. ซูเราะห์, ผู้แปล. II. ชื่อเรื่อง.

297.09
ISBN 978-616-588-187-6

พิมพ์ที่
นัตวิดาการพิมพ์
457/202-206 ตรอกวัดจันทร์ใน เจริญกรุง 107 ถนนเจริญกรุง
บางคอแหลม กรุงเทพมหานคร 10120
โทร. 0 2291 6530

กำ�ไรส่วนหนึ่งมอบให้
กลุ่มฟิตยะตุลฮัก หรือสมาคมพัฒนาเยาวชนมุสลิมไทย (สพยท.)
185 ถนนรามคำ�แหง แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240
โทร. 08 9513 5667

ไม่สงวนลิขสิทธิ์ในการนำ�เนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่มีเจตนาแสวงหากำ�ไร
แด่ ความกล้าหาญ
สารบั ัญ

สารบัญ 4
คำ�นำ�ผู้เรียบเรียง 6
คำ�นำ�ผู้แปล 8
ตารางช่วงเวลาและยุคสมัยของบุคคล 11
แผนภาพแสดงสถานที่สำ�คัญ 13
เรื่องที่ 1 : โอ้อัลลอฮฺ อย่าปล่อยให้เขาฆ่าใครได้อีกหลังจากฉัน! 14
เรื่องที่ 2 : เขาอายุเพียง 18 ปี เท่านั้น 21
เรื่องที่ 3 : ฉันไม่ได้เห็นใบหน้าเหล่านี้มา 40 ปีแล้ว 24
เรื่องที่ 4 : เชคท่านนี้พูดถูก และฉันเองที่ผิด 28
เรื่องที่ 5 : มันแหลมคมยิ่งกว่าดาบเสียอีก 34
เรื่องที่ 6 : เคาะลีฟะฮฺอุมัร บินอับดุลอะซีซ กับเด็กคนหนึ่ง 37
เรื่องที่ 7 : ให้เขาเรียนรู้ความถ่อมตนเสียบ้าง 41
เรื่องที่ 8 : ฏอวูส ผู้ไม่ยอมให้สลามตามธรรมเนียม 42
เรื่องที่ 9 : เจ้าเด็กเวร! 47
เรื่องที่ 10 : ฉันอยากให้เขารู้ว่า... 49
เรื่องที่ 11 : โอ้บุตรชายของฏอวูส 51
เรื่องที่ 12 : ฉันเตือนท่านเพื่ออัลมะฮฺดีย์ 55
เรื่องที่ 13 : ตรงนี้ โอ้อบูสะอีด ตรงนี้เลย! 59
เรื่องที่ 14 : บทนำ�หนังสืออัลเคาะร็อจญ์ 64
เรื่องที่ 15 : ฉันมีสิทธิ์หลั่งเลือดพวกเขา 69
เรื่องที่ 16 : ฉันไม่คู่ควรกับหน้าที่ดังกล่าว 72
เรื่องที่ 17 : บัลลังก์ ไม้เท้า และร่างกฏหมาย 75
เรื่องที่ 18 : ทำ�ไมท่านมาหาเราช้านักล่ะ? 80
เรื่องที่ 19 : เรื่องราวของสุฟยาน อัษเษารีย์ 87
เรื่องที่ 20 : ไม่ต้องพาขบวนม้าและข้าบริวารมากมายมาด้วย 95
เรื่องที่ 21 : เคาะลีฟะฮฺอัลมะฮฺดีย์ร้องไห้ 99
เรื่องที่ 22 : เมื่ออิมามมาลิกถูกเฆี่ยน 70 ครั้ง 102
เรื่องที่ 23 : ฝ่ามือนี้นุ่มนวลจริง ๆ 105
เรื่องที่ 24 : แต่ฉันต้องทำ�! 113
เรื่องที่ 25 : โดมเงินและทองคำ�ของเคาะลีฟะฮฺอันนาศิร 115
เรื่องที่ 26 : เชคอัลดุลกอดิรฉวยโอกาส 123
เรื่องที่ 27 : หากคน ๆ นี้เป็นบาทหลวงของเรา เราจะล้างเท้า 126
ทั้ง 2 ข้างของเขา
เรื่องที่ 28 : เชคอัลอิซซฺ ผู้ขายบรรดาผู้ปกครองรัฐ 132
เรื่องที่ 29 : ฉันจะไม่กลับไปที่ดะมัสกัส 136
เรื่องที่ 30 : อิมามอิบนุตัยมียะฮฺ ผู้ยับยั้งฆอซาน 140
เรื่องที่ +1 : อัสมาอ์ ผู้ไม่เกรงกลัวหัจญาจญ์ 146
ปิดท้าย 152
เกี่ยวกับผู้เขียน 153
คำำ�นำำ�ผู้้เ� รีียบเรีียง

แท้จริง มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺ เราขอ


สรรเสริญพระองค์ ขอความช่วยเหลือ ขอทางนำ� และการอภัยโทษ
จากพระองค์ และเราขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความชั่วร้าย
ของตัวเราเอง และจากความเลวร้ายของสิ่งที่เราทำ� ใครก็ตามที่
พระองค์ทรงชี้แนะทางให้ ก็ไม่มีใครจะทำ�ให้เขาหลงทางไปได้ และ
ใครก็ตามที่พระองค์ให้เขาหลงทาง ก็ไม่มีใครที่สามารถชี้แนะทาง
แก่เขาได้อกี ผมขอปฏิญาณตนว่า ไม่มพี ระเจ้าอืน่ ใดนอกจากอัลลอฮฺ
เพียงผูเ้ ดียวเท่านัน้ ไม่มภี าคีใดๆ สำ�หรับพระองค์ และผมขอปฏิญาณ
ตนว่า มุฮัมหมัดคือบ่าวและศาสนฑูตของพระองค์
นี่คือเรื่องราวจากประวัติศาสตร์ของอุมมะฮฺอิสลามที่รุ่งโรจน์
ของพวกเรา ซึ่งฉายภาพความสัมพันธ์ระหว่างบรรดาผู้รู้ (อุละมาอ์)
และผูป้ กครองแผ่นดิน (อุมะรออ์) หากทัง้ 2 กลุม่ นีด้ ี อุมมะฮฺทงั้ หมด
ก็จะดีตามไปด้วย แต่ถ้าทั้ง 2 กลุ่มนี้เสื่อมเสีย อุมมะฮฺทั้งหมดก็จะ
เสื่อมเสียตามไปด้วยเช่นกัน
ผมได้หยิบยกเรือ่ งราวต่อจากนีม้ าโดยมิได้เขียนเนือ้ หาเพิม่ เติม
ใดๆ เพราะทุกเรื่องราวมีคำ�สั่งเสียและข้อตักเตือนที่เพียงพอแล้ว
สำ�หรับผู้อ่านทุกท่าน ผมเรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาให้เป็นคำ�
ตักเตือนแก่ผู้ที่พลั้งเผลอ และเป็นข้อระลึกสำ�หรับผู้ที่หลงลืม

6
ผมขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺให้หนังสือเล่มนี้เป็นประโยชน์ แท้จริง
พระองค์ทรงสามารถในสิ่งดังกล่าว โอ้อัลลอฮฺ โปรดประทานพรให้
แก่ผู้เป็นนายเหนือหัวของเรา คือท่านนบีมุฮัมหมัด ให้แก่ครอบครัว
และบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่าน ตลอดจนผูท้ เี่ จริญรอยตามพวกท่าน
ด้วยดีตราบจนถึงวันกิยามะฮฺ

ณ หิญาซ วันที่ 4 เดือนเศาะฟัร ปีฮิจเราะฮฺที่ 1410


เขียนโดย บ่าวผู้ขัดสนที่สุดของอัลลอฮฺ
วะหีด อับดุสสะลาม บาลีย์

7
คำำ�นำำ�ผู้้แ
� ปล

มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลแห่ง
สากลโลก ขอการสถาพรและความศานติจงมีแด่ท่านนบีมุฮัมหมัด
บรรดาเศาะหาบะฮฺ และผู้เจริญรอยตามพวกท่า นจวบจนถึงวัน
กิยามะฮฺ
หนังสือที่อยู่ในมือท่านนี้มีชื่อว่า “30+1 เรื่องราวของผู้กล้าใน
หน้าประวัตศิ าสตร์อิสลาม” ซึ่งผมได้แปลมาจากหนังสือ “ศุวัร มิน
อิบติลาอ์ อัลอุละมาอ์” (ส่วนหนึ่งจากบททดสอบของบรรดาผู้รู้)
เรียบเรียงโดย เชควะหีด บินอับดุสสะลาม บาลี ผู้รู้ร่วมสมัยชาว
อียิปต์ ที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ขออัลลอฮฺทรงปกป้องดูแลท่าน
หนังสือ “ศุวัร มิน อิบติลาอ์ อัลอุละมาอ์” นั้น บรรจุ 30
เรื่องราวของบรรดาอุละมาอ์ในอดีตที่ต้องเผชิญหน้ากับบรรดาผู้นำ�
ทั้งดีและร้าย ในระดับต่างๆ บางคนเป็นถึงเคาะลีฟะฮฺ ผู้นำ�สูงสุด
ของอาณาจักรอิสลาม และบางคนก็เป็นผูป้ กครองแคว้นหรือผูว้ า่ การ
ของเมือง
อัลลอฮฺ สุบหานะฮุวะตะอาลาทรงปกป้องดูแลอิสลามและ
ประชาชาตินี้ ด้วยกับความรู้ของบรรดาผู้รู้และเลือดเนื้อของเหล่า
มุญาฮิดีน คือผู้รู้และนักสู้ที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดนอกจากอัลลอฮฺ
ยุ ค สมั ย ที่ เ ต็ ม ไปด้ ว ยความอธรรมและการกดขี่ ข่ ม เหงใน
ปัจจุบันนี้ ทำ�ให้ความจริงถูกปกปิดบิดเบือน ในขณะที่ความเท็จก็

8
แพร่กระจายย่างกรายไปทั่ว คงเป็นเรื่องที่ดีมาก ถ้าเราได้เรียนรู้
“ความกล้าหาญ” จาก “ผู้กล้า” ทั้งหลายในหนังสือเล่มนี้ แล้วใช้เป็น
แรงบันดาลใจ เพิ่มพลัง และผลักดันตัวเราเองให้ “กล้าหาญ” อย่าง
พวกเขาบ้างสักครั้งหนึ่ง หรือสักนิดหนึ่งก็ยังดี
ผมจึงได้เปลีย่ นชือ่ หนังสือเล่มนีเ้ ป็น “30+1 เรือ่ งราวของผูก้ ล้า
ในหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม” และได้เพิ่มเติมเรื่องราวของวีรสตรี
ผู้กล้าหาญท่านหนึ่งเข้าไปด้วย โดยจัดให้เป็นเรื่องราวลำ�ดับสุดท้าย
ของหนังสือเล่มนี้ เพื่อแสดงความเคารพ ยกย่อง และเชิดชูเกียรติ
ของสตรี ผู้อยู่เบื้องหลังความสำ�เร็จของชายชาตรีที่ยิ่งใหญ่ทุกคน
ผมได้ทำ�การปรับแต่งและเพิ่มเติมเนื้อหาจากหนังสือต้นฉบับ
ไปพอสมควร ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์กับผู้อ่านมาก
ที่สุด ดังนี้
1. ผมได้ท�ำ ตารางแสดงช่วงเวลาและยุคสมัยของบุคคลต่าง ๆ
ตลอดจนสถานทีส่ �ำ คัญ ๆ ทีถ่ กู กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ เพือ่ ให้ผอู้ า่ น
ได้เห็นภาพและรู้ว่า เรื่องราวของผู้กล้าที่กำ�ลังอ่านอยู่นั้นเกิดขึ้นเมื่อ
ไหร่? ที่ไหน? มีใครที่อยู่ร่วมยุคเดียวกันบ้าง? มีเหตุการณ์ไหนบ้าง
ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหรือมีไทมไลน์ที่ทับซ้อนกัน? เป็นต้น
2. อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ผมเรียบเรียงเรื่องราวท้ายสุดของ
หนังสือเล่มนีข้ นึ้ มาเอง ทัง้ นีก้ เ็ พือ่ แสดงความเคารพและเชิดชูเกียรติ
แก่ผู้หญิงทุกคน นั่นคือสิ่งที่อิสลามได้อบรมสั่งสอนผู้ชายเสมอมา
3. ผมได้ปรับแต่งเนื้อหาบางจุด และได้เพิ่มเติมเนื้อหาบาง
อย่างเข้าไปในเรื่องราวทั้ง 30 เรื่องด้วย เพื่อให้ผู้อ่านได้ทำ�ความ
รู้จักกับผู้กล้าแต่ละคน และเข้าใจบริบทของแต่ละเหตุการณ์มาก
ยิ่งขึ้น อินชาอัลลอฮฺ

9
4. ผมได้ ต รวจสอบแหล่ ง อ้ า งอิ ง ของเรื่ อ งราวแต่ ล ะเรื่ อ งที่
ผูเ้ ขียนได้ระบุเอาไว้ และเพิม่ เติมแหล่งอ้างอิงอืน่ ๆ ทีน่ า่ เชือ่ ถือเสริม
เข้าไปด้วย มั่นใจได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น
จริงในประวัติศาสตร์อิสลามของเรา

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับพี่น้อง
ทุกท่าน หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ในหนังสือเล่มนี้ สามารถแจ้งมาที่
ผมได้เสมอ เพื่อแก้ไขในลำ�ดับต่อไป ขออัลลอฮฺทรงตอบรับการงาน
นี้ และทรงให้อภัยในข้อบกพร่องและความผิดพลาดต่างๆ ของผม
ครอบครัว และพี่น้องมุสลิมทุกคน

Zunnur
24 สิงหาคม 2564
16 มุหัรร็อม 1443

10
เรื่่�องที่่� 1

โอ้้อััลลอฮฺฺ
อย่่าปล่่อยให้้เขาฆ่่าใคร
ได้้อีีกหลั ังจากฉั ัน!

ในอดีต มีตาบิอีนท่านหนึ่งชื่อว่า “สะอีด บินญุบัยรฺ” เป็น


ชาวกูฟะฮฺ มีชีวิตอยู่ในช่วงปีฮิจเราะฮฺที่ 46-95 ท่านคือผู้รู้ที่มีความ
ยำ�เกรงต่ออัลลอฮฺ รับความรู้มาจากบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เช่น ท่านอับดุลลอฮฺ บินอับบาส,
อับดุลลอฮฺ บินอุมัร และท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น หัจญาจญ์ บินยูสุฟ อัษษะเกาะฟีย์
คนชัว่ จากเผ่าษะกีฟ เขาเป็นทัง้ ผูป้ กครองแคว้นและผูน้ �ำ กองทัพ และ
เป็นเสมือนมือขวาคนหนึง่ ของเคาะลีฟะฮฺอบั ดุลมะลิก บินมัรวาน แห่ง
ราชวงศ์อุมัยยะฮฺ เขาเลือกกระทำ�สิ่งที่คลุมเครือ (ชุบุฮาต) ปกครอง
ด้วยความอธรรม และกำ�จัดศัตรูของตนเองทั่วแผ่นดินอิสลามตาม
คำ�สั่งของหัวหน้าและเจ้านายของเขา หัจญาจญ์สร้างความวิบัติ
ไปทั่วทุกแห่ง ไร้ความเมตตาและความยำ�เกรงต่ออัลลอฮฺ

14
ในปี ฮิ จ เราะฮฺ ที่ 80 ประชาชนจำ � นวนมากที่ ถู ก หั จ ญาจญ์
กดขี่ข่มเหงมานาน นำ�โดยอับดุรเราะหฺมาน บินอัชอัษ ก็ได้ลุกขึ้น
ต่อต้าน บรรดาอุละมาอ์หลายท่านได้เข้าร่วมในกองกำ�ลังต่อต้านนี้
1 ในนั้นก็คือ สะอีด บินญุบัยรฺ เกิดการต่อสู้กันหลายครั้ง แต่สุดท้าย
กองทัพของอับดุรเราะหฺมานก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับหัจญาจญ์
หลายชีวิตถูกฆ่าตาย ผู้คนมากมายถูกจับกุมตัวและตัดสิน
ประหารชีวิต สะอีดหนีรอดมาได้ ท่านเดินทางรอนแรมไปยังเมือง
ต่างๆ เพื่อหลบซ่อนตัว
อบูหุศ็อยนฺ เล่าว่า : ฉันได้พบสะอีด บินญุบัยรฺ ที่เมืองมักกะฮฺ
ฉันบอกเขาว่า “คอลิด บินอับดุลลอฮฺ มาถึงแล้ว และฉันรู้สึกกังวล
เกี่ยวกับท่านมากเหลือเกิน”
สะอีดตอบว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันหลบหนีจากเขา จนรูส้ กึ
ละอายใจต่ออัลลอฮฺแล้ว”1
ขณะนั้น คอลิด บินอับดุลลอฮฺ อัลก็อสรีย์ ดำ�รงตำ�แหน่ง
เป็นผู้ปกครองเมืองมักกะฮฺ เมื่อเขาทราบข่าวว่า สะอีด บินญุบัยรฺ
อาศัยอยู่ในเขตการปกครองของเขา เขาจึงได้ออกคำ�สั่งให้จับกุมตัว
สะอีดและขังท่านเอาไว้ เขาต้องการกำ�จัดสะอีด จึงได้ส่งตัวท่าน
ไปให้หัจญาจญ์ บินยูสุฟ ที่เมืองดะมัสกัส โดยมีอิสมาอีล บินวาสิฏ
อัลบะญะลีย์ เป็นผู้ควบคุมตัวไป
เมื่ อ สะอี ด บิ น ญุ บั ย รฺ และหั จ ญาจญ์ บิ น ยู สุ ฟ ได้ เ จอกั น
การสนทนาระหว่างทั้งสองก็เกิดขึ้น
หัจญาจญ์ถามว่า “เจ้าชื่ออะไร?”

1 - ดู นุซฮะตุล ฟุเฎาะลาอ์ ตะฮฺซีบ สิยะรุล อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ โดย เชคมุฮัมหมัด หะสัน บินอะกีล
มูซา อัชชะรีฟ เล่มที่ 1 หน้าที่ 395

15
สะอีดตอบว่า “ฉันคือ สะอีด (คนที่มีความสุข) บุตรชายของ
ญุบัยรฺ (ผู้กล้าหาญ)”
หัจญาจญ์ปฏิเสธ “เปล่า! เจ้าชื่อ ชะกิยฺ (คนที่ทุกข์ยากอนาถา)
ลูกชายของ กุสัยรฺ (คนที่เป็นอัมพาต) ต่างหาก”
สะอีดตอบกลับว่า “ไม่ใช่! แม่ของฉันรู้จักชื่อฉันดีกว่าเจ้า”
หัจญาจญ์จึงพูดว่า “น่าอนาถทั้งแม่ของเจ้าและตัวเจ้าด้วย”
สะอีดพูดว่า “เจ้าไม่ได้รู้ทุกอย่างหรอกนะ”
หัจญาจญ์กพ็ ดู ว่า “เจ้าจะได้ลมิ้ รสชาติของไฟทีล่ กุ โชนของโลกนี”้
สะอีดตอบกลับว่า “ถ้าฉันรู้ว่ามันอยู่ในอำ�นาจของเจ้าแล้วละก็
ฉันคงยกให้เจ้าเป็นพระเจ้าไปแล้ว”
แล้วหัจญาจญ์กเ็ ปลีย่ นไปถามเรือ่ งอืน่ แทน เขาถามว่า “เจ้าคิด
เห็นอย่างไรกับมุฮัมหมัด?”
สะอีดตอบว่า “ท่านคือนบีแห่งความเมตตา และเป็นผู้นำ�
ผู้ชี้แนะแนวทาง”
หัจญาจญ์ถามอีกว่า “แล้วเจ้าคิดเห็นอย่างไรกับอลี? เขาได้เข้า
สวรรค์หรือตกนรก?”
สะอีดตอบว่า “ถ้าฉันเคยเข้าไปในสวรรค์หรือนรก และรู้ว่าใคร
อยู่ในนั้นบ้าง ฉันก็คงได้รู้ว่าใครคือชาวสวรรค์ และใครคือชาวนรก”
หั จ ญาจญ์ ถ ามต่ อ ไปว่ า “เจ้ า คิ ด เห็ น อย่ า งไรกั บ บรรดา
เคาะลีฟะฮฺ?”
สะอีดตอบว่า “ฉันไม่ใช่ตัวแทนของพวกเขา”
หัจญาจญ์เค้นถามอีกว่า “แล้วเจ้าชื่นชมใครมากที่สุด?”
สะอีดก็ตอบว่า “ก็คนที่ (อัลลอฮฺ) ผู้ทรงสร้างฉัน พอพระทัย
มากที่สุด”

16
หัจญาจญ์จึงถามว่า “แล้วใครล่ะที่ผู้สร้างพอพระทัยมากที่สุด?”
สะอีดตอบว่า “ผูท้ รงรอบรูส้ งิ่ ทีเ่ ร้นลับและเปิดเผยของพวกเขา
เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้”
เหมือนกับว่าหัจญาจญ์ยงั ไม่สามารถหาทางเอาชนะสะอีดในการ
โต้เถียงครั้งนี้ได้ เขาจึงพูดว่า “ฉันอยากให้เจ้าเชื่อใจฉัน”
สะอีดจึงตอบว่า “ฉันไม่ชอบเจ้า ฉันจึงปฏิเสธเจ้า”
หัจญาจญ์กถ็ ามว่า “แล้วเป็นอะไรของเจ้า ทำ�ไมไม่หวั เราะบ้าง?”
สะอีดอธิบายว่า “สิ่งถูกสร้างจะหัวเราะได้อย่างไรกัน ทั้งที่มัน
ถูกสร้างมาจากดิน และสุดท้ายดินนั้นจะถูกไฟนรกกัดกิน”
หัจญาจญ์ยังถามต่ออีกว่า “แล้วเราละเป็นอย่างไรบ้างตอนเรา
หัวเราะ?”
สะอีดตอบว่า “หัวใจแต่ละดวงนั้นไม่เหมือนกันหรอก”
หั จ ญาจญ์ ไ ด้ ใ ห้ บ ริ ว ารของเขานำ � ไข่ มุ ก พลอย และทั บ ทิ ม
มาวางไว้ต่อหน้าสะอีด
สะอีดได้พูดขึ้นว่า “ถ้าเจ้าบริจาคสมบัติเหล่านี้ เพื่อปกป้องตัว
เจ้าเองจากการลงโทษในวันกิยามะฮฺ นั่นจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า แต่ถ้าไม่
แล้ว เจ้าก็จงรูไ้ ว้เถอะว่า การลงโทษเพียงครัง้ เดียวในวันนัน้ สามารถ
ทำ�ให้แม่ทุกคนลืมลูกอ่อนที่เธอกำ�ลังป้อนนมให้ได้ในทันที และไม่มี
ความดีงามใดบนโลกใบนี้ นอกจากทรัพย์สินที่ดีและบริสุทธิ์เท่านั้น”
ต่อมาหัจญาจญ์กไ็ ด้สงั่ ให้น�ำ พิณและขลุย่ มา เมือ่ เขาเริม่ ดีดพิณ
และเป่าขลุ่ย สะอีดก็ร้องไห้
หัจญาจญ์จึงถามว่า “เจ้าร้องไห้ทำ�ไม? นี่ไงความบันเทิง”
สะอีดตอบว่า “มันคือความโศรกเศร้าต่างหาก การเป่านัน้ ทำ�ให้
ฉันนึกถึงวันที่ยิ่งใหญ่ คือวันที่สังข์จะถูกเป่าขึ้น ส่วนพิณนั่นมันทำ�มา

17
จากต้นไม้ที่ถูกตัดโดยไม่ชอบธรรม และสายของมันก็ถูกทำ�มาจาก
ขนแกะ ซึ่งจะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในวันกิยามะฮฺ”
ถึงตอนนีห้ จั ญาจญ์กไ็ ม่สามารถอดทนกับสะอีดได้อกี ต่อไป เขา
พูดว่า “เจ้าจงหายนะไปซะเถอะ โอ้สะอีด!”
สะอีดตอบกลับไปว่า “ไม่มคี วามวิบตั หิ รอก สำ�หรับผูท้ ไี่ ด้รบั การ
คุ้มกันให้ห่างไกลจากไฟนรกและได้เข้าสู่สวนสวรรค์”
หัจญาจญ์สวนกลับว่า “เลือกมา โอ้สะอีด! จะให้ฉันทรมานเจ้า
ด้วยวิธีไหน?
สะอี ด ตอบว่ า “เจ้ า ก็ เ ลื อ กเองสิ ! ขอสาบานต่ อ อั ล ลอฮฺ
เจ้าทรมานฉันด้วยวิธีไหน อัลลอฮฺก็จะทรมานเจ้าด้วยวิธีเดียวกันนั้น
ในวันกิยามะฮฺเช่นกัน”
หัจญาจญ์จึงถามว่า “เจ้าอยากให้ฉันอภัยโทษให้ไหม?”
สะอีดตอบว่า “หากมีการอภัยโทษ มันก็มาจากอัลลอฮฺ เจ้าไม่มี
สิทธิใด ๆ ที่จะให้อิสรภาพและการอภัยโทษ”
หัจญาจญ์จึงสั่งว่า “นำ�ตัวเขาออกไป แล้วประหารเดี๋ยวนี้!”
ขณะทีส่ ะอีดถูกนำ�ตัวออกไป ท่านก็หวั เราะ เมือ่ หัจญาจญ์รู้ เขา
ก็สงั่ ให้น�ำ ตัวสะอีดกลับเข้ามาใหม่และถามว่า “หัวเราะอะไรของเจ้า?”
สะอีดตอบว่า “ฉันแปลกใจกับความอาจหาญของเจ้าต่ออัลลอฮฺ และ
ความอ่อนโยนของพระองค์ที่มีให้กับเจ้า”
หัจญาจญ์สั่งให้ปูหนังสัตว์ (สำ�หรับรองศรีษะและเลือด) แล้ว
บัญชามือสังหารของเขาว่า “ประหารเขาซะ!”
สะอีดก็ได้อ่านอายะฮฺอัลกุรอานที่ว่า

18
ۖ ‫يفا‬ َ ْ ‫ات َو‬
ً ِ‫اأْل ْر َض َحن‬ ِ ‫او‬
َ ‫الس َم‬ َّ ‫ي لِ لَّ ِذي َف َط َر‬ ِ ِّ
َ ‫ِإني َو َّج ْه ُت َو ْجه‬
﴾٧٩﴿ ‫ين‬َ ‫َو َما َأنَ ا ِم َن الْ ُم ْش ِر ِك‬

ฉั น ผิ น หน้ า ของฉั น แก่ ผู้ ที่ ส ร้ า งชั้ น ฟ้ า และแผ่ น ดิ น ในฐานะ


ของผู้ใฝ่หาความจริง ผู้สวามิภักดิ์ และฉันมิได้อยู่ในหมู่ผู้ตั้งภาคี
(อัลอันอาม 6 : 79)
หัจญาจญ์ ได้ยินอย่างนั้นจึงเปลี่ยนคำ�สั่ง เขาพูดว่า “หันหน้า
ของเขาไปยังทิศที่ไม่ใช่กิบละฮฺ”
สะอีดก็ได้อ่านอีกอายะฮฺหนึ่งว่า

ۚ ‫َف َأ ْينَ َما ُت َولُّ وا َف َث َّم َو ْج ُه اللَّ ِه‬

ٌ ِ‫اس ٌع َعل‬
﴾١١٥﴿ ‫يم‬ ِ ‫ِإ َّن اللَّ َه َو‬

ไม่ ว่ า พวกเจ้ า จะหั น ไปทางไหน ที่ นั่ น แหละคื อ พระพั ก ตร์


ของอั ล ลอฮฺ แท้ จ ริ ง อั ล ลอฮฺ คื อ ผู้ ท รงกว้ า งขวาง ผู้ ท รงรอบรู้
(อัลบะเกาะเราะฮฺ 2 : 115)
หัจญาจญ์ก็ออกคำ�สั่งใหม่ว่า “ปิดหน้าเขาซะ!”
สะอีดก็อ่านอายะฮฺอื่นอีกว่า

﴾٥٥﴿ ‫ى‬ ُ ِ َ ‫ِم ْن َها َخ َل ْقنَ اكُ ْم َو ِف‬


ُ ‫يها نُ ِع‬
ٰ ‫يدكُ ْم َوم ْن َها نُ ْخ ِر ُجكُ ْم َت َار ًة أ ْخ َر‬

จากแผ่นดินนั้นเราได้บังเกิดพวกเจ้า และในแผ่นดินนั้นเรา
จะให้พวกเจ้ากลับคืนไป และจากแผ่นดินนั้นเราจะให้พวกเจ้ากลับ
ออกมาอีกครั้งหนึ่ง (ฏอฮา 20 : 55)

19
สุดท้ายหัจญาจญ์ก็สั่งว่า “สังหารเขาเดี๋ยวนี้!”
สะอีด บินญุบัยรฺ จึงได้กล่าวว่า “ฉันขอปฏิญาณตนว่า ไม่มี
พระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงผู้เดียว ไม่มีภาคีใดๆ สำ�หรับ
พระองค์ และมุฮัมหมัดนั้นคือบ่าวและเราะสูลของพระองค์ จง
รับคำ�ปฏิญาณนี้ของฉันไป โอ้หัจญาจญ์ จนกว่าเจ้าจะมาพบฉัน
อีกครั้งพร้อมด้วยคำ�ปฏิญาณดังกล่าวในวันกิยามะฮฺ โอ้อัลลอฮฺ
อย่าปล่อยให้เขาฆ่าใครได้อีกหลังจากฉัน”2
แล้วท่านก็ถูกประหารชีวิตเป็นชะฮีด (ผู้พลีชีพ) ในหนทาง
ของอัลลอฮฺ ท่านเสียชีวิตในวันที่ 11 เราะมะฎอน ปีฮิจเราะฮฺที่ 95
ขณะอายุได้ 59 ปี
ไม่กี่วันต่อมา ในเดือนเราะมะฎอนหรือเดือนเชาวาลของปี
เดียวกันนัน้ หัจญาจญ์ก็เริ่มล้มป่วยและสิ้นชีวิตลง ด้วยบะเราะกะฮฺ
(ความจำ�เริญ) แห่งดุอาอ์ของท่านสะอีด บินญุบัยรฺ
ขออัลลอฮฺทรงเมตตาท่านสะอีด ด้วยเถิด

2 - ดู วะฟะยาตุล อะอฺยาน วะอันบาอุ อับนาอิซ ซะมาน โดย อิบนุค็อลลิกาน เล่มที่ 2 หน้าที่ 371

20
เรื่่�องที่่� 2

เขาอายุุเพีี ยง 18 ปีี
เท่่านั้้�น

ผู้รู้อีกท่านหนึ่งที่เคยเผชิญหน้ากับหัจญาจญ์ บินยูสุฟ อัษษะ


เกาะฟียก์ ค็ อื หะฏีฏ3 อัซซัยยาต เราะหิมะฮุลลอฮฺ หะฏีฏเป็นคนทีช่ อบ
ถือศีลอดและยืนละหมาด และมักจะออกเดินทางจากเมืองบัศเราะฮฺ
ไปยังมักกะฮฺเป็นประจำ�ทุกปี4
หะฏีฏถูกนำ�ตัวไปยังหัจญาจญ์ เมื่อมาถึงแล้ว หัจญาจญ์ก็ถาม
ว่า “เจ้าคือหะฏีฏ?”
หะฏีฏตอบว่า “ใช่” แล้วก็พูดว่า “ถามสิ่งที่เจ้าอยากรู้มาสิ
แท้จริง ฉันสาบานต่ออัลลอฮฺที่หน้ามะกอมอิบรอฮีมไว้ 3 อย่าง
คือ (1) หากฉันถูกถาม ฉันจะตอบด้วยความสัตย์จริง (2) หากฉัน
ถูกทดสอบ ฉันจะอดทน และ (3) หากฉันได้รับความโปรดปราน
ฉันจะขอบคุณ”
3 - หนังสือบางเล่มเขียนว่า หุฏ็อยฏฺ อัซซัยยาต
4 - ดู อัลอิกติฟาอ์ ฟี อัคบาริล คุละฟาอ์ โดย อับดุลมะลิก บินอัลกัรดะบูส เล่มที่ 1 หน้าที่ 274

21
หัจญาจญ์จึงถามว่า “เจ้าคิดอย่างไรบ้างเกี่ยวกับฉัน?”
หะฏีฏตอบด้วยความสัตย์จริงว่า “ฉันขอพูดว่า เจ้าคือ 1 ใน
คนที่เป็นศัตรูของอัลลอฮฺบนแผ่นดินนี้ เจ้าฝ่าฝืนข้อห้าม และ
ฆ่าชีวิตผู้คนอย่างอธรรม”
หัจญาจญ์ถามอีกว่า “แล้วเจ้าคิดอย่างไรกับท่านอะมีรลุ มุอม์ นิ นี
เคาะลีฟะฮฺอับดุลมะลิก บินมัรวาน?”
หะฏีฏก็ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “เขามีความผิดทีใ่ หญ่หลวง
กว่าเจ้า และเจ้าคือ 1 ในความผิดที่มากมายของเขา”
หัจญาจญ์ได้สงั่ ให้ทหารของเขาลงโทษหะฏีฏ บทลงโทษทีห่ ะฏีฏ
ได้รับนั้นรุนแรงมาก ท่านถูกมัดด้วยเชือก แล้วก็ถูกทุบตีด้วยหอก
หลายครั้ง จนร่างกายเป็นรอยฟกช้ำ�ระบมไปทั้งตัว ทหารไม่ยอมฟัง
สิ่งที่หะฏีฏพูดออกมาเลย บางคนได้รายงานให้หัจญาจญ์ทราบว่า
หะฏีฏแทบจะสิ้นลมหายใจแล้ว หัจญาจญ์จึงสั่งการว่า “เอาตัวเขา
ออกไปที่ตลาด และตัดคอเขาซะ”
ญะอฺฟัร บินอัลมุฆีเราะฮฺ ซึ่งเป็นผู้รายงานเรื่องนี้ เล่าว่า : ฉัน
และเพื่อนๆ ของหะฏีฏได้เข้าไปหาหะฏีฏแล้วถามว่า “หะฏีฏ ท่าน
ต้องการอะไรไหม?” หะฏีฏตอบว่า “น้ำ�สักอึกหนึ่ง”
เราจึงรินน้�ำ ให้เขาดืม่ จากนัน้ เขาก็ถกู ประหารชีวติ เป็นชะฮีดใน
หนทางของอัลลอฮฺ ขณะนัน้ เขาอายุเพียง 18 ปีเท่านัน้ เอง ขออัลลอฮฺ
ทรงเมตตาเขา5

5 - ดู อิหฺยาอ์ อุลูมิดดีน โดย อิมามอัลเฆาะซาลี เล่มที่ 5 หน้าที่ 54 และ ซะฮฺเราะตุล บุสตานฯ โดย
ดร.สัยยิด อัลอัฟฟานีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 246

22
หะฏีฏตอบ
ด้วยความสัตย์จริงว่า
“ฉัันขอพูู ดว่่า
เจ้้าคืือ 1 ในคนที่่�เป็็น
ศััตรููของอััลลอฮฺฺบนแผ่่นดิินนี้้�
เจ้้าฝ่่าฝืืนข้้อห้้าม
และฆ่่าชีีวิิตผู้้�คนอย่่างอธรรม”

23
เรื่่�องที่่� 3

ฉั ันไม่่ได้้เห็็นใบหน้้าเหล่่านี้้�
มา 40 ปีีแล้้ว

ในช่วงการปกครองของเคาะลีฟะฮฺอับดุลมะลิก บินมัรวาน
เคาะลีฟะฮฺคนที่ 5 แห่งราชวงศ์อมุ ยั ยะฮฺ (ระหว่างปีฮจิ เราะฮฺที่ 65-86)
มีผรู้ ทู้ มี่ ชี อื่ เสียงท่านหนึง่ ชือ่ ว่า “สะอีด บินมุสยั ยิบ” ซึง่ ได้รบั ฉายาว่า
เป็น “ผู้รู้แห่งเมืองมะดีนะฮฺ” และ “หัวหน้าตาบิอีน” อีกทั้งยังเป็น 1
ในฟุเกาะฮาอ์ (นักนิติศาสตร์อิสลาม) ทั้ง 7 คน ของเมืองมะดีนะฮฺ
อีกด้วย
ยะหฺยา บินสะอีด ได้เล่าว่า : ฮิชาม บินอิสมาอีล ผูป้ กครองเมือง
มะดีนะฮฺ ได้เขียนจดหมายไปยังเคาะลีฟะฮฺอบั ดุลมะลิก บินมัรวาน ว่า
ชาวมะดีนะฮฺยอมรับทีจ่ ะให้สัตยาบันแก่อลั วะลีดและสุลยั มาน (ทัง้ 2
คน เป็นลูกชายของเคาะลีฟะฮฺอบั ดุลมะลิก) ยกเว้นสะอีด บินมุสยั ยิบ
เพียงคนเดียว

24
เคาะลีฟะฮฺอบั ดุลมะลิกได้ตอบจดหมายของฮิชาม โดยสัง่ ให้ใช้
อำ�นาจบังคับให้สะอีดยอมถวายสัตยาบันให้ได้ แม้จะต้องใช้ความ
รุนแรงก็ตาม หากสะอีดปฏิเสธ ก็จงเฆี่ยนตีเขา 50 ครั้ง แล้วแห่
ประจานให้ทั่วตลาดมะดีนะฮฺ
เมือ่ จดหมายดังกล่าวมาถึงมือผูป้ กครองมะดีนะฮฺ สุลยั มาน บิน
ยะซาร, อุรวะฮฺ บินซุบัยรฺ (2 ท่านนี้ก็เป็นฟุเกาะฮาอ์ทั้ง 7 แห่งเมือง
มะดีนะฮฺเช่นกัน) และซาลิม บินอับดุลลอฮฺ (คือหลานชายคนหนึง่ ของ
ท่านอุมัร บินอัลค็อฏฏ็อบ) ก็ได้มาหาสะอีด บินมุสัยยิบ
พวกเขาพูดว่า “เรามาหาท่านเพราะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
จดหมายของเคาะลีฟะฮฺอับดุลมะลิกได้มาถึงแล้ว หากท่านไม่ยอม
ให้สัตยาบัน คอของท่านต้องหลุดออกจากบ่าแน่ เราขอแนะนำ�ทาง
เลือก 3 ทางให้ท่าน ท่านเลือกมาสักทางหนึ่งเถอะ เพราะผู้ปกครอง
เมืองจะต้องมาหาท่าน และอ่านจดหมายของเคาะลีฟะฮฺให้ทา่ นฟังแน่
แต่ท่านไม่ต้องตอบไปหรอก ไม่ว่าจะ ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ ก็ตาม”
สะอีดกล่าวว่า “ผู้คนพูดกันไปแล้วว่า สะอีด บินมุสัยยิบ ได้ให้
สัตยาบันไปแล้ว แล้วจะให้ฉันทำ�อย่างไร? ถ้าฉันพูดว่า ‘ไม่’ ใครจะ
สามารถพูดว่า ‘ใช่’ ได้ล่ะ”
ทั้ง 3 คนแนะนำ�ว่า “ท่านอยู่แต่ในบ้านก็พอ อย่าออกไปไหน
สักพักหนึ่ง แม้จะเป็นการออกไปละหมาดก็ตาม เพราะผู้ปกครอง
เมืองต้องมาหาท่านแน่ และเราเกรงว่าเขาจะมาหาท่านที่บ้านตอน
ที่ท่านไม่อยู่”
สะอีดตอบว่า “หู 2 ข้างของฉันได้ยินเสียงอะซานชัดเจน
ว่า ‘หัยยะ อะลัศ เศาะลาฮฺ, หัยยะ อะลัศ เศาะลาฮฺ - มาสู่การ
ละหมาดเถิด มาสู่การละหมาดเถิด’ แล้วฉันจะทำ�อย่างไร?”

25
ทั้ง 3 คนแนะนำ�ว่า “ถ้าอย่างนั้น ท่านก็ย้ายไปที่อื่นก่อน เพราะ
ฮิชามจะต้องส่งคนไปที่มัจญ์ลิสของท่านแน่นอน และถ้าเขาไม่เจอ
ท่าน เขาจะต้องสั่งจับกุมท่านแน่”
สะอีดจึงพูดว่า “สิ่งถูกสร้างของอัลลอฮฺนั้นเท่าเทียมกัน ฉันจะ
ไม่ก้าวไปข้างหน้าหรือถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว”
ทั้ง 3 คน จึงได้จากออกมา สะอีด บินมุสัยยิบออกมาละหมาด
ซุฮรฺ เสร็จแล้วก็นั่งอยู่ที่มัจญ์ลิส ของท่านเหมือนปกติ เมื่อฮิชาม
บินอิสมาอีล ผูป้ กครองเมืองมะดีนะฮฺละหมาดเสร็จแล้ว เขาก็ส่งเจ้า
หน้าที่ไปหาสะอีด แล้วนำ�ตัวท่านไป
ฮิชาม บินอิสมาอีล ได้กล่าวกับสะอีดว่า “อะมีรุลมุอ์มินินได้
เขียนจดหมายมาถึงเรา หากท่านไม่ยอมให้สตั ยาบัน (แก่อลั วะลีดและ
สุลัยมาน) เราก็จะต้องประหารชีวิตท่าน” (ฮิชามพูดเพื่อข่มขู่ เพราะ
เคาะลีฟะฮฺอับดุลมะลิกไม่ได้สั่งลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต)
สะอีดตอบกลับว่า “ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ
วะสัลลัม ห้ามการให้สัตยาบัน 2 ครั้งในเวลาเดียวกัน นั่นคือให้
สัตยาบันกับวะลีด และให้สัตยาบันแก่สุลัยมาน”
เมื่ อ ฮิ ช ามเห็ น ว่ า สะอี ด ไม่ ย อมทำ � ตามคำ� สั่ ง เขาก็ สั่ ง ให้ นำ �
ตัวสะอีดไปที่กำ�แพงเมือง โดยที่คอถูกยึดไว้ และดาบก็พร้อมจะ
กวัดแกว่ง ฮิชามเห็นว่าสะอีดยังคงปฏิเสธไม่ยอมให้สตั ยาบัน เขาจึง
สัง่ ให้มอื สังหารถอดเสือ้ ของสะอีดออกมา แล้วฮิชามก็พดู ว่า “หากฉัน
ไม่รับรู้เรื่องจดหมายคำ�สั่งดังกล่าว ฉันก็ไม่ทำ�สิ่งนี้แน่นอน”
แล้วสะอีด บินมุสัยยิบก็ถูกเฆี่ยน 50 ครั้ง และถูกแห่ประจาน
ทัว่ ตลาดมะดีนะฮฺ แล้วก็ถกู ปล่อยตัวไปในทีส่ ดุ ในตอนทีถ่ กู ปล่อยตัว
นั้น ผู้คนเพิ่งกลับมาจากละหมาดอัศรฺกัน สะอีดมองเห็นจึงพูดขึ้นว่า

26
“ฉันไม่ได้เห็นใบหน้าเหล่านี้มา 40 ปีแล้ว” นั่นเป็นเพราะว่า ท่านมา
รอละหมาดเป็นคนแรกเสมอ ท่านเป็นอิมามนำ�ละหมาดหรือละหมาด
แถวหน้าเป็นประจำ� และไม่เคยพลาดตักบีรแรกเลย
ฮิชามสัง่ ห้ามไม่ให้ผคู้ นคบหาสมาคมกับสะอีด และหนึง่ ในความ
สำ�รวมตน (วะเราะอฺ) ของท่านก็คอื เมือ่ มีใครคนหนึง่ มาหาท่าน ท่าน
ก็จะพูดว่า “ห่าง ๆ ฉันไว้เถอะ” เพราะท่านไม่อยากให้คนๆ นั้นถูก
ลงโทษเพราะตัวท่าน6

6 - ดู วะฟะยาต อัลอะอฺยาน วะอันบาอุ อับนาอิซ ซะมาน โดย อิบนุค็อลลิกาน เล่มที่ 2 หน้าที่ 337,
สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ เล่มที่ 4 หน้าที่ 231 และ หิลยะตุล เอาลิยาอ์
วะเฏาะบะกอตุล อัศฟิยาอ์ โดย อบูนุอัยมฺ อัลอัศฟะฮานีย์ เล่มที่ 2 หน้าที่ 170

27
เรื่่�องที่่� 4

เชคท่่านนี้้�พููดถููก
และฉั น
ั เองที่่� ผิิ ด

สุลัยมาน บินอับดุลมะลิก เคาะลีฟะฮฺคนที่ 7 แห่งราชวงศ์


อุมัยยะฮฺ (ปกครองในช่วงปีฮิจเราะฮฺที่ 96-99) เขาคือน้องชายของ
เคาะลีฟะฮฺอัลวะลีด และเป็นลูกชายของเคาะลีฟะฮฺอับดุลมะลิก
บินมัรวาน
สุ ลัย มานเป็ น คนที่มีชื่อเสีย งเรื่องการพูด ที่ฉ ะฉาน มีค วาม
วะเราะอฺ (สำ�รวมตน) และตักวา (ความยำ�เกรง) เขาเป็นคนที่รัก
ความยุติธรรม และรักการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ เขามีแหวน
ทีม่ ขี อ้ ความเขียนไว้วา่ “ฉันศรัทธาต่ออัลลอฮฺดว้ ยความบริสทุ ธิใ์ จยิง่ ”7
นอกจากนี้เขายังเป็นเคาะลีฟะฮฺที่ให้เกียรติผู้รู้มาก โดยเฉพาะ
อุมัร บินอับดุลอะซีซ และเราะญาอ์ บินหัยวะฮฺ ผู้รู้ 2 ท่านที่ได้กลาย

7 - ดู นุซฮะตุล ฟุเฎาะลาอ์ ตะฮฺซีบ สิยะรุล อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ โดย เชคมุฮัมหมัด หะสัน บินอะกีล
มูซา อัชชะรีฟ เล่มที่ 1 หน้าที่ 473

28
เป็นที่ปรึกษาและคนสนิทของเขา ความดีงามมากมายเกิดขึ้นใน
ช่วงการปกครองของเขา จนประชาชนมองว่า เคาะลีฟะฮฺสุลัยมาน
บินอับดุลมะลิก คือกุญแจแห่งความดีงามต่างๆ8
ครั้งหนึ่ง เคาะลีฟะฮฺสุลัยมาน บินอับดุลมะลิก ได้ออกเดินทาง
ไปประกอบพิธีหัจญ์ ระหว่างทางเขาได้แวะหยุดที่เมืองมะดีนะฮฺ เขา
ถามว่า “ทีน่ มี่ ใี ครเคยพบกับบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านนบีบา้ งไหม?”
คนรอบข้างก็ตอบว่า “มีครับ คืออบูฮาซิม”
อบูฮาซิม คือผูร้ ทู้ ยี่ งิ่ ใหญ่ของเมืองมะดีนะฮฺ ชือ่ จริงคือ สะละมะฮฺ
บินดีนาร เคาะลีฟะฮฺสลุ ยั มานได้สง่ คนไปเชิญอบูฮาซิมมาเข้าพบ เมือ่
ทั้งสองได้พบกัน เคาะลีฟะฮฺสุลัยมานก็ถามว่า “โอ้อบูฮาซิม ความ
ห่างเหินนี้คืออะไร?”
อบูฮาซิมตอบว่า “ท่านเห็นความห่างเหินอะไรจากฉันหรือ?
โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน”
สุลัยมานตอบว่า “ใบหน้าของผู้คนต่างหันมาหาฉัน แต่ท่านไม่”
อบูฮาซิมก็ตอบว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ท่านไม่รจู้ กั ฉันมาก่อน
และฉันก็ไม่รู้จักท่านด้วย แล้วความห่างเหินอะไรกันล่ะที่ท่านเห็น
จากฉัน?”
สุลัยมานได้หันไปหาอัซซุฮฺรีย์ (ผู้รู้คนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์)
แล้วพูดว่า “เชคท่านนี้พูดถูก และฉันเองที่ผิด”
แล้วเคาะลีฟะฮฺสุลัยมานก็เริ่มถามคำ�ถามต่างๆ กับอบูฮาซิม
เขาถามว่า “โอ้อบูฮาซิม ทำ�ไมพวกเราถึงได้รังเกียจความตาย?”
อบูฮาซิมตอบว่า “เพราะพวกท่านทำ�ลายอาคิเราะฮฺ แต่ชอบ

8 - ดู อัลอาละมุล อิสลามีย์ ฟี อัลอัศริล อุมะวีย์ โดย ศ.ดร.อับดุชชาฟีย์ มุฮัมหมัด อับดุลละฏีฟ


หน้าที่ 145-151

29
บูรณะฟื้นฟูดุนยาของตัวเอง พวกท่านจึงรังเกียจที่จะย้ายจากความ
เจริญไปสู่ความพังพินาศ”
สุลัยมานถามต่อว่า “สภาพของผู้คนตอนกลับไปหาอัลลอฮฺ
จะเป็นอย่างไรกันบ้าง?”
อบูฮาซิมตอบว่า “โอ้อะมีรลุ มุอม์ นิ นี สำ�หรับคนดีนนั้ ก็เหมือน
กับคนที่หายหน้าหายตาไปนานแล้วได้กลับมาหาครอบครัวของ
ตัวเอง แต่สำ�หรับคนชั่วนั้นเหมือนกับทาสที่ได้หลบหนีไป แล้ว
ต้องกลับมาเจอเจ้านายของตัวเองอีกครั้ง”
สุลัยมานร้องไห้แล้วกล่าวว่า “แล้วฉันจะพึ่งพาสิ่งใดได้อีก ณ
ที่อัลลอฮฺ”
อบูฮาซิมตอบว่า “จงมอบชีวติ ของท่านให้กบั คัมภีรข์ องพระองค์
เถิด พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า

ٍ ‫إ َّن َْاأْل ْب َر َار َل ِفي نَ ِع‬‎ِ


﴾١٣﴿ ‫يم‬
ٍ ‫َو ِإ َّن الْ ُف َّج َار َل ِفي َج ِح‬
﴾١٤﴿ ‫يم‬

แท้จริงบรรดาผูท้ รงคุณธรรมนัน้ จะอยูใ่ นความโปรดปราน และ


แท้จริงบรรดาคนชั่วจะอยู่ในนรกที่ลุกโชน (อัลอินฟิฏอร 82 : 13-14)”
สุลัยมานถามต่อไปว่า “แล้วความเมตตาของอัลลอฮฺอยู่ที่ไหน
บ้าง?”
อบูฮาซิมตอบว่า “อยู่ใกล้กับคนที่ทำ�ความดีทั้งหลาย”
สุลัยมานถามอีกว่า “โอ้อบูฮาซิม ใครคือบ่าวของอัลลอฮฺที่มี
เกียรติที่สุด”

30
อบูฮาซิมตอบว่า “คือคนที่ทำ�ความดีและมีตักวา”
สุลัยมานถามต่อว่า “แล้วการงานใดที่มีความประเสริฐที่สุด?”
อบูฮาซิมตอบว่า “คือการปฏิบตั สิ งิ่ ทีเ่ ป็นฟัรฎู พร้อมกับห่างไกล
จากสิ่งหะรอมทั้งหลาย”
สุลัยมานถามอีกว่า “คำ�พูดไหนที่น่ารับฟังที่สุด?”
อบูฮาซิมตอบว่า “คือความจริงทีถ่ กู กล่าวแก่คนทีห่ วาดกลัวและ
มีความหวัง”
สุลัยมานถามต่อว่า “ผู้ศรัทธาคนไหนที่ขาดทุนที่สุด?”
อบูฮาซิมตอบว่า “คนที่ทำ�ความผิดเพราะอารมณ์ใฝ่ต่ำ�ของ
พี่น้องผู้อธรรมของเขา เขาได้ขายอาคีเราะฮฺของตัวเองด้วยเรื่อง
ดุนยาของคนอื่น”
สุลยั มานถามอีกว่า “ท่านคิดเห็นอย่างไรบ้างกับการบริหารงาน
ที่ผ่านมาของเรา?”
อบูฮาซิมได้ถามกลับไปว่า “ท่านจะอภัยให้ฉันไหมล่ะ?”
สุลัยมานตอบว่า “แน่นอน คำ�ตอบของท่านคือคำ�นะศีหะฮฺ
(ตักเตือน) สำ�หรับฉัน”
อบู ฮ าซิ ม จึ ง กล่ า วว่ า “บรรพบุ รุ ษ ของท่ า นใช้ อำ � นาจขู่ เ ข็ ญ
ประชาชน พวกเขายึดแผ่นดินนี้ไปด้วยความรุนแรง โดยมิได้ปรึกษา
หารือ และประชาชนก็ไม่ได้เต็มใจให้ พวกเขาสังหารประชาชน
บางส่วนทีไ่ ม่มคี วามผิดอย่างโหดเหีย้ ม และอีกบางส่วนก็ตอ้ งอพยพ
หนีไป และแน่นอนท่านไม่เคยสัมผัสสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาหรอก”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสุลยั มานพูดขึ้นว่า “สิ่งที่เจ้าพูดนั้น ชั่วช้า
ยิ่งนัก”

31
อบูฮาซิมตอบกลับว่า “แท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงรับเอาคำ�มัน่ สัญญา
จากบรรดาผู้รู้ว่า จะต้องนำ�เสนอความจริงแก่มวลมนุษย์ และไม่
ปกปิดมันไว้”
แล้วสุลัยมานก็ถามว่า “โอ้อบูฮาซิม เราต้องทำ�อย่างไรบ้างถึง
จะเป็นการรับใช้ประชาชนด้วยดี?”
อบูฮาซิมตอบว่า “ท่านจงทิ้งการพูดคุยที่ไร้สาระ จงยึดมั่นใน
คำ�สัญญา และปฏิบัติกับพวกเขาอย่างเท่าเทียมกัน (ยุติธรรม)”
สุลัยมานถามว่า “แล้วเรื่องเงินภาษีของพวกเขาละ?”
อบูฮาซิมตอบว่า “จงเก็บภาษีจากทรัพย์สินความร่ำ�รวยของ
ประชาชน แล้วใช้เงินภาษีดังกล่าวเพื่อประโยชน์สุขของพวกเขา”
สุลยั มานถามอีกว่า “โอ้อบูฮาซิม บอกฉันหน่อยสิวา่ ท่านต้องการ
อะไรบ้าง?”
อบูฮาซิมจึงถามกลับว่า “ท่านคุ้มครองฉันจากไฟนรก และ
พาฉันเข้าสวนสวรรค์ได้ไหม?”
สุลัยมานตอบว่า “ฉันทำ�อย่างนั้นไม่ได้หรอก”
อบูฮาซิมจึงพูดว่า “ฉันไม่ต้องการอะไรนอกจาก 2 อย่างนี้”
เคาะลีฟะฮฺสุลัยมานได้ลุกขึ้นและมอบเงิน 100 ดีนารให้กับอบูฮาซิม
แตท่านปฏิเสธและคืนมันให้กับเคาะลีฟะฮฺสุลัยมาน9

9 - ดู วะฟะยาต อัลอะอฺยาน วะอันบาอุ อับนาอิซ ซะมาน โดย อิบนุค็อลลิกาน เล่มที่ 2 หน้าที่ 423

32
อบูฮาซิมตอบว่า
“โอ้้อะมีีรุุลมุุอ์มิ
์ ินีีน
สำำ�หรั บ
ั คนดีีนั้้�น ก็็ เ หมืื อ นกัับ
คนที่่�หายหน้้าหายตาไปนาน
แล้้วได้้กลับ
ั มาหา
ครอบครััวของตััวเอง
แต่่สำ�หรั
ำ บ
ั คนชั่่�วนั้้น

� หลบหนีีไป
เหมืือนกัับทาสที่่ได้้
แล้้วต้อ
้ งกลัับมาเจอ
เจ้้านายของตััวเองอีีกครั้้�ง”

33
เรื่่�องที่่� 5

มั ันแหลมคมยิ่่ง � กว่่า
ดาบเสีียอีีก

อย่างทีไ่ ด้กล่าวไปในบททีแ่ ล้วว่า เคาะลีฟะฮฺสลุ ยั มาน บินอับดุล


มะลิก เป็นเคาะลีฟะฮฺทใี่ ห้เกียรติผรู้ มู้ าก ในช่วงการปกครองของท่าน
จึงมีผู้รู้หรือแม้แต่ประชาชนที่ได้เข้าพบเคาะลีฟะฮฺเพื่อให้คำ�ปรึกษา
และกล่าวตักเตือนต่างๆ อยู่บ่อยๆ หนึ่งในนั้นคือ เรื่องราวของชาย
คนนี้
ชายชนบทคนหนึง่ (บ้างว่าเป็นผูร้ คู้ นหนึง่ ) ได้เข้าพบเคาะลีฟะฮฺ
สุลัยมาน บินอับดุลมะลิก เคาะลีฟะฮฺได้ต้อนรับเขาแล้วพูดว่า “บอก
กิจธุระของท่านมาได้เลย”
ชายคนนี้ก็ได้พูดว่า “โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน ฉันจะพูดบางอย่างกับ
ท่าน และท่านจงรับไว้เถิด ท่านจะไม่ชอบมันก็ตาม เพราะเรื่องที่ฉัน
จะพูดนี้มีสิ่งที่ท่านชื่นชอบอยู่ หากท่านกรุณารับมันเอาไว้”

34
สุ ลั ย มานจึ ง กล่ า วว่ า “เราพยายามใจกว้ า งมากที่ สุ ด กั บ
คนที่เราไม่ได้คาดหวังคำ�ตักเตือนของเขา และไม่ปลอดภัยจากการ
หลอกลวงของเขา แล้วจะเป็นอย่างไรเล่ากับคนที่เราปลอดภัยจาก
การหลอกลวงของเขา อีกทั้งยังคาดหวังในคำ�ตักเตือนของเขาด้วย”
ชายคนนี้ ก็ ไ ด้ ก ล่ า วว่ า “โอ้ อ ะมี รุ ล มุ อ์ มิ นี น แท้ จ ริ ง ท่ า นถู ก
รายล้อมไปด้วยคนโกงที่แสวงหาผลประโยชน์เพื่อตัวเอง พวกเขา
ซือ้ ดุนยาโดยแลกกับอาคิเราะฮฺ และหวังความพอใจของท่านแม้ตอ้ ง
ทำ�ให้อัลลอฮฺโกรธกริ้ว พวกเขากลัวท่านในเรื่องของอัลลอฮฺ แต่กลับ
ไม่กลัวพระองค์ในเรื่องของท่าน พวกเขาโจมตีอาคิเราะฮฺ แต่กลับ
ทำ�สัญญาฉันท์มิตรกับดุนยา ท่านอย่าได้มอบหมายให้พวกเขาดูแล
ผู้ที่อัลลอฮฺได้ทรงมอบหมายให้แก่ท่านเลย เพราะพวกเขาจะไม่รับ
ผิดชอบใด ๆ พวกเขาดูแคลนหน้าที่ความรับผิดชอบ ดูถูกประชาชน
อีกทั้งยังกระทำ�สิ่งต่าง ๆ ตามใจชอบ ท่านคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อ
ความผิดทีพ่ วกเขาก่อ แต่พวกเขาไม่ตอ้ งรับผิดชอบใดๆ กับความผิด
ทีท่ า่ นทำ� ฉะนัน้ แล้ว ท่านอย่าได้ฟนื้ ฟูบรู ณะดุนยาของพวกเขาด้วย
การทำ�ลายอาคิเราะฮฺของท่านเองเลย เพราะแท้จริงแล้ว คนทีโ่ ง่
เขลาทีส่ ดุ ก็คอื คนทีข่ ายอาคิเราะฮฺของตัวเองเพือ่ ดุนยาของคนอืน่ ”
สุลัยมานได้กล่าวกับชายคนนี้ว่า “แท้จริงท่านได้กวัดแกว่งลิ้น
ของท่าน และมันแหลมคมยิ่งกว่าดาบเสียอีก”
แต่เขาตอบกลับว่า “ใช่แล้ว โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน แต่คงไม่ใช่
สำ�หรับท่าน”10 แล้วเขาก็จากไป

10 - ดู อิหฺยาอ์ อุลูมิดดีน โดย อิมามอัลเฆาะซาลี เล่มที่ 5 หน้าที่ 122 และ ตารีค ดิมัชกฺ โดย
อิบนุอะซากิร เล่มที่ 68 หน้าที่ 175

35
“ท่่านอย่่าได้้ฟื้้�นฟูู บูร
ู ณะ
ดุุนยาของพวกเขา
ด้้วยการทำำ�ลายอาคิิเราะฮฺฺ
ของท่่านเองเลย
เพราะแท้้จริง ิ แล้้ว
คนที่่โง่่เขลาที่่�สุุดก็็ คืือ

คนที่่�ขายอาคิิเราะฮฺฺของตััวเอง
เพื่่� อดุุนยาของคนอื่่�น”

36
เรื่่�องที่่� 6

เคาะลีีฟะฮฺฺอุุมั ัร บิินอับดุ
ั ล ุ อะซีีซ
กั ับเด็็ กคนหนึ่่�ง

เมือ่ เคาะลีฟะฮฺสลุ ยั มาน บินอับดุลมะลิก แห่งราชวงศ์อมุ ยั ยะฮฺ


เสียชีวติ ลง ตำ�แหน่งเคาะลีฟะฮฺของอาณาจักรอิสลามก็ได้ถกู ส่งต่อให้
กับท่านอุมรั บินอับดุลอะซีซ ผ่านพินยั กรรมทีเ่ คาะลีฟะฮฺสลุ ยั มานได้
เขียนไว้ก่อนจะจากไป
ท่านอุมรั บินอับดุลอะซีซ ในวัย 37 ปี จึงได้ขนึ้ เป็นเคาะลีฟะฮฺคน
ใหม่ เกิดการเปลีย่ นแปลงทีด่ ขี นึ้ อย่างรวดเร็ว ท่านเร่งบรรเทาความ
เดือนร้อนของประชาชน มอบคืนสิทธิต่างๆ แก่ผู้คน และปกครอง
ด้วยความยุติธรรม
ผู้คนจากทั่วทุกแผ่นดินเดินทางมาเข้าพบท่านเพื่อแสดงความ
ยินดีและร้องเรียนปัญหาหรือความต้องการต่าง ๆ ของพวกเขา คณะ
เดินทางของชาวหิญาซ (มักกะฮฺและมะดีนะฮฺ) ก็ได้มาหาท่านด้วย
แล้วเด็กชายคนหนึ่งจากบนีฮาชิมก็ได้เข้าพบท่านอุมัร

37
ท่านอุมรั ได้กล่าวว่า “คนทีเ่ ข้ามาพูดคุยนัน้ ควรเป็นคนทีอ่ าวุโส
กว่าเธอนะ”
เด็กคนนี้ตอบว่า “ขออัลลอฮฺทรงปรับปรุงแก้ไขอะมีรุลมุอ์มินีน
ให้ดขี นึ้ ด้วยเถิด แท้จริงความอาวุโสนัน้ ขึน้ อยูก่ บั 2 สิง่ ทีเ่ ล็กคือ หัวใจ
และลิน้ เมือ่ อัลลอฮฺประทานลิน้ ทีค่ ล่องแคล่วและหัวใจทีอ่ อ่ นโยนกับ
บ่าวคนหนึ่ง เขาก็คู่ควรที่จะได้พูด แล้วคนที่ฟังคำ�พูดของเขาก็จะรับ
รูถ้ งึ ความประเสริฐของเขาได้เอง โอ้อะมีรลุ มุอม์ นิ นี หากความอาวุโส
นัน้ วัดกันด้วยอายุแล้ว ในอุมมะฮฺนยี้ อ่ มมีคนทีค่ คู่ วรกับตำ�แหน่งของ
ท่านมากกว่าตัวท่านแน่นอน”
ท่านอุมรั พูดว่า “เธอพูดถูกแล้ว บอกสิง่ ทีเ่ ธอต้องการมาได้เลย”
เด็กคนนัน้ พูดว่า “ขออัลลอฮฺทรงปรับปรุงอะมีรลุ มุอม์ นิ นี ให้ดขี นึ้
ด้วยเถิด เราเดินทางมาเพื่อแสดงความยินดี ไม่ได้นำ�ภัยพิบัติมาให้
เรามาพบท่านได้กด็ ว้ ยบุญคุณทีอ่ ลั ลอฮฺประทานให้แก่เราผ่านตัวท่าน
และเราต้องการเพียงบอกความรูส้ กึ ยินดีและความกลัวในใจของเรา
ให้ทา่ นทราบเท่านัน้ เอง เราดีใจเพราะเรามาจากแผ่นดิน (ทีห่ า่ งไกล)
ของเราและได้พบเจอกับท่าน และเรารู้สึกกลัวเพราะว่า (วันนี้) เรา
ปลอดภัยจากการความชัว่ ร้ายด้วยกับความยุตธิ รรมของท่าน (แต่วนั
หน้ามันอาจจะหายไป)”
ท่านอุมัรจึงพูดว่า “เตือนฉันหน่อยสิ โอ้เด็กน้อย”
เด็กคนนัน้ ก็ได้กล่าวว่า “ขออัลลอฮฺทรงปรับปรุงอะมีรลุ มุอม์ นิ นี
ให้ดขี นึ้ ด้วยเถิด หลายคนถูกล่อลวงด้วยกับความอ่อนโยนของอัลลอฮฺ
ความคิดทีเ่ พ้อฝัน และคำ�สรรเสริญเยินยอจากมนุษย์ แล้วพวกเขาก็
พลาดพลั้งและตกลงไปในไฟนรก ฉะนั้น ท่านอย่าได้ถูกหลอกด้วย
กับความอ่อนโยนที่อัลลอฮฺมีให้กับท่าน, ความคิดที่เพ้อฝันของ

38
ตัวท่านเอง ตลอดจนคำ�สรรเสริญเยินยอจากมนุษย์ กระทั่งท่าน
ทำ�สิง่ ทีผ่ ดิ พลาด และต้องไปพบเจอกับคนเหล่านัน้ หวังว่าอัลลอฮฺ
จะไม่รวมท่านอยูใ่ นคนพวกนัน้ และขอพระองค์ทรงให้ทา่ นพบเจอ
แต่คนดีของอุมมะฮฺนี้” แล้วเด็กคนนั้นก็นิ่งเงียบไป
ท่านอุมัรได้ถามว่า “เธออายุเท่าไหร่แล้ว?”
ชายคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ตอบว่า “เขาอายุ 11 ปี ครับ”
แล้วท่านอุมัรก็ได้ถามเกี่ยวกับเด็กคนนั้น ปรากฏว่าเขาคือ
ลูกชายของท่านหุสยั นฺ บินอลี เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮฺ (หลายชายของท่าน
นบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม) แล้วท่านอุมัรก็กล่าวชื่นชมและ
ขอดุอาอ์ให้กับเขา11

11 - ดู มุรูญุซ ซะฮับ วะมะอาดิน อัลยะวาฮิร โดย อัลมัสอูดีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 430

39
“ท่่านอย่่าได้้ถููกหลอก
ด้้วยกับ ั ความอ่่อนโยน
�อั
ที่่ ล ั ลอฮฺฺมีีให้้กับ
ั ท่่าน,
ความคิิดที่่�เพ้้อฝััน
ของตััวท่่านเอง
ตลอดจนคำำ�สรรเสริิญ
เยิินยอจากมนุุษย์์
กระทั่่�งท่่านทำำ�สิ่่�งที่่�ผิิดพลาด
และต้้องไปพบเจอกัับคนเหล่่านั้้�น
หวัังว่่าอััลลอฮฺฺ
จะไม่่รวมท่่านอยู่่�ในคนพวกนั้้�น
และขอพระองค์์ทรงให้้ท่่าน
พบเจอแต่่คนดีีของอุุมมะฮฺฺนี้้�”

40
เรื่่�องที่่� 7

ให้้เขาเรีียนรู้้ �
ความถ่่อมตนเสีียบ้้าง

ตาบิอีนที่ยิ่งใหญ่และผู้รู้ของเมืองชามท่านหนึ่งนามว่า มักหูล
บินอับดุลลอฮฺ อัชชามีย์ ท่านเป็นทั้งมุหัดดิษ (ผู้รู้ด้านหะดีษ) และ
ฟะกีฮฺ (นักนิติศาสตร์อิสลาม) ความรู้ความเข้าใจของท่านเป็นที่
ยอมรับและมีชื่อเสียงไปทั่วแผ่นดินชาม
ครั้งหนึ่ง มักหูลได้นั่งอยู่ที่มัจญ์ลิสของท่าน กำ�ลังสอนบรรดา
นักศึกษาทีร่ ายล้อมรอบตัวท่านตามปกติ ทันใดนัน้ เคาะลีฟะฮฺยะซีด
บินอับดุลมะลิก เรียกสั้น ๆ ว่า เคาะลีฟะฮฺยะซีดที่ 2 เป็นเคาะลีฟะฮฺ
คนที่ 9 แห่งราชวงศ์อุมัยยะฮฺ ก็ได้เดินมาที่หะละเกาะฮฺของท่าน
พร้อมด้วยสิง่ ประดับประดาและความเย่อหยิง่ ยะซีดต้องการให้พวก
นักศึกษาเปิดทางให้กับเขา
มักหูลจึงพูดขึน้ ว่า “ไม่ตอ้ งไปสนใจ ให้เขาได้เรียนรูค้ วามถ่อม
ตนเสียบ้าง” 12

12 - ดู สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ เล่มที่ 5 หน้าที่ 150

41
เรื่่�องที่่� 8

ฏอวููส ผู้้ไ� ม่่ยอมให้้สลาม


ตามธรรมเนีียม

เคาะลี ฟ ะฮฺ ฮิ ช าม บิ น อั บ ดุ ล มะลิ ก แห่ ง ราชวงศ์ อุ มั ย ยะฮฺ


ปกครองในช่วงระหว่างปีฮิจเราะฮฺที่ 105-125 ต่อจากพี่ชายของเขา
คือเคาะลีฟะฮฺยะซีด ที่ 2 ในเรื่องเล่าก่อนหน้านี้
ครั้งหนึ่ง เคาะลีฟะฮฺฮิชามได้เดินทางไปยังเมืองมักกะฮฺเพื่อ
ประกอบพิธีหัจญ์ เมื่อถึงที่น่ันเขาก็กล่าวขึ้นว่า “เชิญเศาะหาบะฮฺ
สักคนมาหาฉันหน่อย”
บริวารของเขาแจ้งว่า “โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน พวกเขาเสียชีวิตกัน
หมดแล้วครับ”
ฮิชามจึงพูดว่า “(ถ้าอย่างนั้น) เชิญตาบิอีนสักคนหนึ่งมาแทน
ก็ได้”
แล้วฏอวูส บินกัยสาน อัลยะมานีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ ซึ่งเป็น
ผู้รู้ที่ยิ่งใหญ่ก็ถูกเชิญมา ฏอวูสเป็นตาบิอีนที่ได้พบกับเศาะหาบะฮฺ
นบีกว่า 50 ท่าน ท่านจึงมีรายงานหะดีษและเรื่องราวต่างๆ ของ
ศาสนาจากบรรดาเศาะหาบะฮฺหลายท่าน โดยเฉพาะจากท่านอิบนุ
อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ท่านฏอวูสถูกจัดให้เป็นลูกศิษย์คนสนิท

42
และสหายที่ใกล้ชิดของท่านอิบนุอับบาส อิมามอิบนุกะษีรเคยพูดไว้
ว่า “เขา (ฏอวูส) คือหนึ่งในอิมามที่โดดเด่น ทั้งการอิบาดะฮฺ, ความ
สมถะ, ความรูท้ มี่ ปี ระโยชน์ และการงานทีด่ ถี กู รวบรวมไว้ในตัวเขา”13
เมื่อฏอวูสมาถึงและได้เข้าไปหาฮิชาม ท่านถอดรองเท้าทั้ง 2
ข้างไว้ที่ขอบพรมปูพ้ืน โดยไม่ได้ให้สลามตามธรรมเนียมแก่อะมีรุล
มุอ์มินีน14 แต่เขากลับพูดว่า “อัสสะลามุอะลัยกะ (ขอความศานติจง
มีแด่ท่าน) โอ้ฮิชาม” ฏอวูสไม่ได้เรียกฮิชามด้วยชื่อกุนยะฮฺของเขา15
แถมยังนั่งลงข้าง ๆ แล้วถามว่า “เป็นอย่างไรบ้างฮิชาม?”
ฮิชามโมโหมาก และอยากจะจัดการกับฏอวูส แต่บริวารคน
หนึง่ ได้พดู กับเขาว่า “ท่านกำ�ลังอยูใ่ นแผ่นดินหะรอมของอัลลอฮฺและ
เราะสูลของพระองค์ ท่านทำ�อย่างนั้นไม่ได้”
ฮิชามถามฏอวูสว่า “โอ้ฏอวูส เจ้าทำ�อย่างนั้นทำ�ไม?”
ฏอวูสถามว่า “ฉันทำ�อะไรล่ะ?”
ฮิชามตอบว่า “เจ้าถอดรองเท้าไว้ทปี่ ลายพรมของฉัน ไม่ยอมจูบ
มือของฉัน และไม่ให้สลามตามธรรมเนียมแก่อะมีรลุ มุอม์ นิ นี ด้วย เจ้า
ไม่เรียกฉันด้วยชือ่ กุนยะฮฺของฉัน แถมยังมานัง่ ข้างๆ ฉันโดยไม่ได้รบั
อนุญาตด้วย แล้วยังมีหน้ามาถามอีกว่า ‘เป็นอย่างไรบ้างฮิชาม?’”

13 - ดู อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ โดย อิมามอิบนุกะษีร เล่มที่ 5 หน้าที่ 244 เป็นต้นไป และตะฮฺซีบุล


กะม้าล ฟี อิสมาอิร ริญาล โดย อิมามอัลมิซซีย์ เล่มที่ 13 หน้าที่ 357 เป็นต้นไป
14 - ตามธรรมเนียมแล้ว ประชาชนจะกล่าวสลามแก่เคาะลีฟะฮฺ โดยใช้คำ�ว่า “ขอความศานติจงมีแด่
ท่าน โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน” - ผู้แปล
15 - กุนยะฮฺ คือฉายาหรือชื่อเรียกที่ขึ้นต้นด้วยชื่อพ่อหรือแม่ เช่น อบูบักรฺ (พ่อของบักรฺ), อบูหัฟศฺ (พ่อ
ของหัฟเศาะฮฺ) - เป็นชื่อกุนยะฮฺของท่านอุมัร, อุมมุอัยมัน (แม่ของอัยมัน) - เธอเป็นแม่เลี้ยงของท่าน
นบี, อบูละฮับ (พ่อของละฮับ) และอบูญะฮัล (พ่อของญะฮัล) เป็นต้น ฏอวูสไม่ได้เรียกฮิชามด้วยชื่อกุน
ยะฮฺ ซึ่งฮิชามมองว่านั่นเป็นการไม่ให้เกียรติเขา

43
ฏอวูสจึงตอบกลับว่า “สิ่งที่ฉันทำ�ไปนั้น คือการถอดรองเท้าที่
ปลายพรม ฉันทำ�มันทุกวัน วันละ 5 ครั้งต่อหน้าพระผู้อภิบาล ผู้ทรง
มีเกียรติยิ่ง พระองค์ไม่เคยลงโทษฉัน และพระองค์ไม่โกรธฉันด้วย
ทีท่ า่ นพูดว่า ‘เจ้าไม่ยอมจูบมือฉัน’ แท้จริงแล้วฉันเคยได้ยนิ ท่าน
อะมีรุลมุอ์มินีน อลี บินอบีฏอลิบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวไว้ว่า‘ไม่
อนุญาตให้ใครคนหนึ่งจูบมือของอีกคนหนึ่ง ยกเว้นมือของภรรยา
เนือ่ งจากมีอารมณ์ปรารถนา หรือมือของลูกเพือ่ แสดงความรักความ
เอ็นดูเมตตา’
และคำ�พูดของท่านที่ว่า ‘เจ้าไม่ได้ให้สลามตามธรรมเนียมแก่
อะมีรุลมุอ์มินีน’ นั้น ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่พอใจในการเป็นผู้นำ�ของ
ท่าน และฉันก็ไม่อยากพูดโกหกด้วย
ส่วนทีท่ า่ นพูดว่า ‘เจ้าไม่เรียกฉันด้วยชือ่ กุนยะฮฺของฉัน’ แท้จริง
แล้วอัลลอฮฺทรงเรียกบรรดานบีและบุคคลทีเ่ ป็นทีร่ กั ของพระองค์ดว้ ย
ชือ่ จริงของพวกเขา ไม่ใช่ดว้ ยชือ่ กุนยะฮฺ พระองค์ทรงตรัสว่า ‘โอ้ดาวูด,
โอ้ยะหฺยา, โอ้อซี า’ แต่กบั ศัตรูของพระองค์นนั้ พระองค์ทรงเรียกด้วย
ชื่อกุนยะฮฺ พระองค์ทรงตรัสว่า

﴾١﴿ ‫َت َّب ْت َي َدا َأ ِبي َل َه ٍب َو َت َّب‬

มื อ ทั้ ง 2 ข้ า งของอบู ล ะฮั บ จงพิ น าศ และเขาก็ พิ น าศแล้ ว


(อัลมะสัด 111 : 11)

44
และคำ�พูดสุดท้ายของท่านทีว่ า่ ‘เจ้ามานัง่ ข้างๆ ฉันโดยไม่ได้รบั
อนุญาต’ แท้จริงฉันเคยได้ยินท่าน อะมีรุลมุอ์มินีน อลี บินอบีฏอลิบ
พูดไว้ว่า ‘หากท่านต้องการมองดูชาวนรก ก็จงมองไปยังคนที่นั่งลง
ขณะที่คนรอบข้างเขายืนขึ้น’”
(ถึงตอนนี้) ฮิชามจึงพูด กับฏอวูสว่า “โปรดตักเตือนฉันด้วย
เถอะ”
ฏอวูสก็ได้กล่าวคำ�ตักเตือนแก่เขา ท่านกล่าวว่า “ฉันเคยได้ยิน
อะมีรุลมุอ์มินีน อลี บินอบีฏอลิบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวไว้ว่า
‘แท้จริงในนรกญะฮันนัมนั้นมีงูตัวใหญ่เท่าเสาและแมงป่องตัวโต
เท่าลา ซึ่งจะกัดต่อยผู้นำ�ทุกคนที่ไม่ยุติธรรมกับประชาชนของ
เขา’” แล้วท่านก็ลุกขึ้นและเดินจากไป16
นี่คือบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ของท่านฏอวูส ตลอดจนบรรดา
อุละมาอ์ผู้ไม่หวั่นเกรงต่อใครทั้งสิ้น นอกจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮุ
วะตะอาลา เท่านั้น
มีต่อ...

16 - ดู วะฟะยาต อัลอะอฺยาน วะอันบาอุ อับนาอิซ ซะมาน โดย อิบนุค็อลลิกาน เล่มที่ 2 หน้าที่ 510

45
“แท้้จริง
ิ ในนรกญะฮัันนััมนั้้�น
มีีงููตัวั ใหญ่่เท่่าเสา
และแมงป่่องตััวโตเท่่าลา
ซึ่่�งจะกััดต่่อยผู้้�นำำ�ทุุกคน
ที่่�ไม่่ยุุติิธรรมกัับประชาชนของเขา”

46
เรื่่�องที่่� 9

เจ้้าเด็็ กเวร!

ท่านฏอวูส บินกัยสาน เราะหิมะฮุลลอฮฺ เป็นตาบิอีนที่มีชื่อ


เสียงในเรื่องความรู้ความเข้าใจในศาสนา การใช้ชีวิตที่สมถะ และ
ความกล้าหาญ ไม่ยอมจำ�นนหรืออ่อนข้อให้กับการอธรรมและคนชั่ว
ทั้งหลาย
ลูกชายคนหนึ่งของฏอวูสได้เล่าไว้ว่า : ฉันมักจะพูดกับคุณพ่อ
ว่า ท่านควรออกไปจากแผ่นดินนี้ (หมายถึงเยเมน) ได้แล้ว แล้ว
ท่านก็ท�ำ มันจริงๆ เราออกไปอย่างเงียบๆ และได้แวะหยุดทีห่ มูบ่ า้ น
แห่งหนึ่ง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ๆ ทำ�งานให้กับผู้ปกครองเมืองเยเมนชื่อว่า
“อิบนุนะญีหฺ” เขาเป็นเจ้าหน้าที่ ๆ ชั่วช้ามาก
พวกเราได้ร่วมละหมาดศุบหฺท่ีมัสญิด แล้วอิบนุนะญีหฺก็ได้เข้า
มาหา เขานั่งลงตรงหน้าฏอวูสแล้วให้สลาม แต่ฏอวูสไม่ตอบ เขา
พยายามจะคุยด้วย แต่ฏอวูสกลับหันหลังให้ อิบนุนะญีหฺขยับมาอีก
ฝั่ง แต่ฏอวูสก็ไม่สนใจเขา

47
ฉั น สั ง เกตเห็ น เหตุ ก ารณ์ และได้ เ ข้ า ไปหาอิ บ นุ น ะญี หฺ
ฉันจับมือเขาและกล่าวขอโทษ ฉันพูดกับเขาว่า “อบูอับดุรเราะหฺ
มาน (หมายถึง ฏอวูส) ไม่รู้จักท่าน”
อิบนุนะญีหฺพูดว่า “เพราะเขารู้จักฉันต่างหาก เขาถึงได้ทำ�สิ่งที่
เจ้าก็เห็นอยู่”
ลูกชายของฏอวูสเล่าต่อไปว่า : แล้วพ่อของฉันก็เดินจากไปโดย
ไม่พูดอะไรสักคำ� เมื่อฉันเข้าไปหาท่านที่บ้าน ท่านก็พูดว่า “เจ้าเด็ก
เวร! เจ้าตั้งใจจะจัดการพวกเขาด้วยดาบของเจ้า แต่กลับไม่สามารถ
ระงับปากของตัวเองได้”17 ในอีกรายงานหนึ่งระบุว่า ฏอวูสได้หันมา
ที่ลูกชาย แล้วกล่าวว่า “เจ้าเด็กเวร! เจ้ากล่าวโจมตีพวกเขาด้วย
ฝีปากที่แหลมคมตอนอยู่ลับหลัง แต่กลับเอ่ยคำ�พูดที่ยอมจำ�นน
ให้เมื่อพวกเขามาถึง จะมีความกลับกลอกอื่นจากนี้อีกไหม?”
มีต่อ...

17 - ดู สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ เล่มที่ 5 หน้าที่ 41

48
เรื่่�องที่่� 10

ฉั ันอยากให้้เขารู้้ว่
� ่า...

เรายังคงพูดถึงท่านฏอวูส บินกัยซาน ตาบิอนี ชาวเยเมนทีม่ สี าย


เลือดเปอร์เซีย ท่านเกิดทีเ่ ยเมน ในปีฮจิ เราะฮฺที่ 33 (โดยประมาณ) คือใน
ช่วงท้ายการปกครองของเคาะลีฟะฮฺอษุ มาน บินอัฟฟาน เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮฺ
ท่านฏอวูสเสียชีวิตที่เมืองมักกะฮฺ ในปีฮิจเราะฮฺที่ 106 (ในยุค
เคาะลีฟะฮฺฮิชาม บินอับดุลมะลิก) ท่านมีชีวิตยืนยาวถึง 73 ปี ผ่าน
การปกครองของเคาะลีฟะฮฺหลายท่าน ไล่ตงั้ แต่เคาะลีฟะฮฺอรั รอชิดนี
ท่านที่ 3 และ 4 คือท่านอุษมาน บินอัฟฟาน และท่านอลี บินอบีฏอลิบ
ต่อด้วยบรรดาเคาะลีฟะฮฺแห่งราชวงศ์อมุ ยั ยะฮฺ ได้แก่ ท่านมุอาวิยะฮฺ
บินอบีสฟุ ยาน, ยะซีด บินมุอาวิยะฮฺ, มุอาวิยะฮฺท่ี 2, มัรวาน บินอัลหะกัม,
อับดุลมะลิก บินมัรวาน, อัลวะลีดและสุลยั มาน บินอับดุลมะลิก, ท่าน
อุมรั บินอับดุลอะซีซ, ยะซีดที่ 2 และสุดท้ายคือ เคาะลีฟะฮฺฮชิ าม บิน
อับดุลมะลิก

49
วันหนึ่งในยุคเคาะลีฟะฮฺสุลัยมาน บินอับดุลมะลิก เคาะลีฟะฮฺ
ได้เดินมาหาฏอวูส แต่ท่านไม่สนใจ ซึ่งนี่คือเรื่องปกติของฏอวูส
เคาะลีฟะฮฺไม่ได้มีเกียรติสูงส่งเหนือคนทั่วไปเลยในสายตาของท่าน
ผู้คนจึงพากันพูดถึงท่าทีดังกล่าวของท่านต่อเคาะลีฟะฮฺ
ฏอวูสจึงได้กล่าวว่า “ฉันอยากให้เขา (เคาะลีฟะฮฺ) รู้ว่า
อัลลอฮฺทรงมีปวงบ่าวที่สมถะ ไม่มีความปรารถนาใดๆ ในสิ่งที่
เขาครอบครอง”18 ด้วยเหตุนี้เอง ฏอวูสจึงถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งใน
ตาบิอีนที่มีชีวิตสมถะมาก

18 - ดู วะฟะยาต อัลอะอฺยาน วะอันบาอุ อับนาอิซ ซะมาน โดย อิบนุค็อลลิกาน เล่มที่ 2 หน้าที่ 424
และ สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ เล่มที่ 5 หน้าที่ 39

50
เรื่่�องที่่� 11

โอ้้บุุตรชายของฏอวููส

มีรายงานว่า อบูญะอฺฟัร อัลมันศูร เคาะลีฟะฮฺคนที่ 2 แห่ง


ราชวงศ์อับบาสียะฮฺ ได้เรียกอับดุลลอฮฺ ลูกชายของท่านฏอวูสใน
เรื่องเล่าที่ผ่านมา พร้อมกับอิมามมาลิก บินอนัส เราะหิมะฮุมัลลอฮฺ
ไปเข้าพบ
เมื่ อ ทั้ ง 2 ท่ า นได้ พ บกั บ อั ล มั น ศู ร เคาะลี ฟ ะฮฺ นิ่ ง เงี ย บอยู่
ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปหาอับดุลลอฮฺ แล้วกล่าวว่า “โอ้บุตรชายของ
ฏอวูส รายงานบางอย่างจากพ่อของท่านมาหน่อยสิ (หมายถึง ท่าน
ฏอวูส บินกัยซาน)”
อับดุลลอฮฺกล่าวว่า “พ่อของฉันได้รายงานว่า ท่านเราะสู
ลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เคยกล่าวว่า ‘คนที่จะถูก
ลงโทษอย่างรุนแรงที่สุดในวันกิยามะฮฺ ก็คือคนที่อัลลอฮฺทรงให้
เขามีส่วนร่วมในการปกครองของพระองค์ แต่เขากลับนำ�ความ
ชั่วร้ายเข้ามาปะปนกับความยุติธรรมของพระองค์’”

51
มาลิกได้กล่าวว่า “ฉันได้กระชับเสื้อผ้าของฉัน เพราะเกรงว่า
อัลมันศูรจะ (สังหารฏอวูส และ) ทำ�ให้เลือดของเขาสาดมาที่ฉัน”
หลังจากนิง่ เงียบอยูค่ รูห่ นึง่ อัลมันศูรก็หนั ไปหาอับดุลลอฮฺ แล้ว
พูดว่า “โอ้บุตรชายของฏอวูส เตือนฉันหน่อยสิ”
อับดุลลอฮฺก็ได้กล่าวว่า “ได้เลย โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน แท้จริง
อัลลอฮฺ ผู้สูงส่งยิ่ง ทรงตรัสไว้ว่า :

ٍ ‫ َأ َل ْم َت َر كَ ْي َف َف َع َل َر ُّب َك ِب َع‬‎
﴾٦﴿ ‫اد‬
ِ ‫ات الْ ِع َم‬
﴾٧﴿ ‫اد‬ ِ َ‫ِإ َر َم ذ‬
﴾٨﴿ ‫الَّ تِ ي َل ْم ُي ْخ َل ْق ِم ْث ُل َها ِفي الْ ِب َاَل ِد‬
﴾٩﴿ ‫الص ْخ َر ِبالْ َواد‬
َّ ‫ين َج ُابوا‬َ ‫ود الَّ ِذ‬ َ ‫‏ َو َث ُم‬
﴾١٠﴿ ‫اد‬ َ ْ ‫‏ َو ِف ْر َع ْو َن ِذي‬
ِ ‫اأْل ْو َت‬

﴾١١﴿ ‫ين َط َغ ْوا ِفي الْ ِب َاَل ِد‬


َ ‫الَّ ِذ‬
﴾١٢﴿ ‫اد‬َ ‫يها الْ َف َس‬ َ ‫َف َأ ْك َث ُروا ِف‬
﴾١٣﴿ ‫اب‬ ِ ‫َف َص َّب َع َل ْي‬
ٍ َ‫ه ْم َر ُّب َك َس ْو َط َعذ‬
ِ ‫ِإ َّن َر َّب َك َل ِبالْ ِم ْر َص‬
﴾١٤﴿ ‫اد‬

เจ้ า ไม่ เ ห็ น หรื อ ว่ า พระเจ้ า ของเจ้ า กระทำ � ต่ อ พวกอ๊ า ดแห่ ง


อิร็อมอย่างไร? พวกเขามีเสาหินสูงตระหง่าน ซึ่งไมมีการสร้างอะไร
แบบนั้นตามหัวเมืองทั้งหลาย และพวกษะมูดผู้สกัดหิน ณ หุบเขา
และฟิรเอานฺ เจ้าแห่งการตรึงเสาเต๊นท์ (พวกเขา) คือบรรดาผูล้ ะเมิด
ตามหัวเมืองต่างๆ แล้วก่อความเสียหายอย่างมากมายในหัวเมือง
เหล่านั้น ดังนั้นพระเจ้าของเจ้าจึงกระหน่ำ�การลงโทษนานาชนิด
ลงบนพวกเขา แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้นทรงเฝ้าดูอย่างแน่นอน
(อัลฟัจรฺ 89 : 6-14)”
52
มาลิกกล่าวว่า “ฉันได้กระชับเสื้อผ้าของฉัน เพราะเกรงว่า
อัลมันศูรจะ (สังหารฏอวูส และ) ทำ�ให้เลือดของเขาสาดมาที่ฉัน”
เคาะลีฟะฮฺอลั มันศูรได้หยุดอับดุลลอฮฺไว้แล้วกล่าวว่า “ยืน่ หมึก
นั้นมาให้ฉันหน่อย” เคาะลีฟะฮฺกล่าวถึง 3 ครั้ง แต่อับดุลลอฮฺก็ไม่
สนใจคำ�ขอของเคาะลีฟะฮฺ จนเกิดความตึงเครียดระหว่างพวกเขา
แล้วอัลมันศูรก็พูดอีกครั้งว่า “ยื่นหมึกนั้นมาให้ฉัน” แต่อับดุลลอฮฺก็
ยังไม่ยอมขยับ
อัลมันศูรจึงถามว่า “ทำ�ไมเจ้าถึงไม่ยอมยื่นมันมาให้ฉัน”
อับดุลลอฮฺ บินฏอวูส ตอบว่า “ฉันกลัวว่าท่านจะใช้มันทำ�สิ่งที่
เป็นการฝ่าฝืนต่ออัลลอฮฺ แล้วฉันจะกลายเป็นภาคีรว่ มกับท่านในการ
ฝ่าฝืนนั้น”
เมือ่ ได้ยนิ ดังนัน้ เคาะลีฟะฮฺอลั มันศูรก็ได้กล่าวว่า “เจ้าทัง้ 2 คน
จงออกไป”
อับดุลลอฮฺก็ได้พูดว่า “นั่นคือสิ่งที่เราต้องการมาจนถึงตอนนี้”
มาลิกกล่าวว่า “ตัง้ แต่วนั นัน้ เป็นต้นมาฉันก็ได้รบั รูถ้ งึ ความพิเศษของ
อับดุลลอฮฺ บินฏอวูส” 19
นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า : บุคคลในเรือ่ งดังกล่าวนีไ้ ม่นา่ จะ
ใช่อับดุลลอฮฺ บินฏอวูส แต่เป็นอับดุลลอฮฺ บินอะฏออ์ เนื่องจากว่า
อับดุลลอฮฺ บินฏอวูสนัน้ เสียชีวติ ไปตัง้ แต่ปฮี จิ เราะฮฺที่ 13220 ในขณะ
ทีอ่ บูญะอฺฟรั อัลมันศูร เริม่ เป็นเคาะลีฟะฮฺของอาณาจักรอิสลามในปี
ฮิจเราะฮฺที่ 136 วัลลอฮุอะอฺลัม (อัลลอฮฺทรงรู้ดีที่สุด)

19 - ดู ตัซกีเราะตุล หุฟฟาซ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 160 และวะฟะยาต อัลอะอฺยาน


วะอันบาอุ อับนาอิซ ซะมาน โดย อิบนุค็อลลิกาน เล่มที่ 2 หน้าที่ 511
20 - ดู ตะฮฺซีบ อัตตะฮฺซีบ โดย อิบนุหะญัร อัลอัษเกาะลานีย์ เล่มที่ 5 หน้าที่ 267
53
อับดุลลอฮฺกล่าวว่า
“พ่่ อของฉัันได้้รายงานว่่า
ท่่านเราะสููลุุลลอฮฺฺ
ศ็็ อลลััลลอฮุุ อะลััยฮิิ วะสััลลััม
เคยกล่่าวว่่า ‘คนที่่�จะถููก
ลงโทษอย่่างรุุนแรงที่่�สุุด
ในวัันกิิยามะฮฺฺ ก็็ คืือคนที่่�
อััลลอฮฺฺทรงให้้เขามีีส่่วนร่่วม
ในการปกครองของพระองค์์
แต่่เขากลัับนำำ�ความชั่่�วร้า้ ย
เข้้ามาปะปนกัับความยุุติิธรรม
ของพระองค์์”

54
เรื่่�องที่่� 12

ฉั ันเตืือนท่่านเพื่่� ออัล
ั มะฮฺฺดีย์
ี ์

อิมามอัชชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ ได้รายงานว่า ลุงของฉันคือ


มุฮัมหมัด บินอลี ได้เล่าว่า
ฉั น ได้ เ ข้ า ร่ ว มในการพบปะกั บ อะมี รุ ล มุ อ์ มิ นี น อบู ญ ะอฺ ฟั ร
อัลมันศูร เคาะลีฟะฮฺคนที่ 2 แห่งราชวงศ์อับบาสิยะฮฺ โดยมีอิบนุ
อบีซิอฺบ์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ อยู่ที่นั่นด้วย ขณะนั้นผู้ปกครองเมือง
มะดีนะฮฺคือ อัลหะสัน บินยะซีด
อิบนุอบีซิอฺบ์ หรือชื่อจริงคือ มุฮัมหมัด บินอับดุรเราะหฺมาน
บินอัลมุฆีเราะฮฺ บินอัลหาริษ บินอบีซิอฺบ์ เป็นตาบิอีน นักรายงาน
หะดีษ และผู้รู้ที่ยิ่งใหญ่ มุศอับ อัซซุบัยรีย์ เคยกล่าวไว้ว่า “อิบนุอบี
ซิอฺบ์ คือฟะกีฮฺ (ผู้รอบรู้ในนิติศาสตร์อิสลาม) แห่งเมืองมะดีนะฮฺ”21
ท่านเกิดที่เมืองมะดีนะฮฺ มีชีวิตอยู่ในช่วงปีฮิจเราะฮฺที่ 80-159

21 - ดู สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ เล่มที่ 7 หน้าที่ 140

55
เผ่าฆิฟารีย์ได้เข้ามาร้องเรียนบางอย่างกับเคาะลีฟะฮฺเกี่ยวกับ
อัลหะสัน บินยะซีด ผูป้ กครองเมืองมะดีนะฮฺ อัลหะสันจึงกล่าวว่า “โอ้
อะมีรลุ มุอม์ นิ นี ท่านลองถามเรือ่ งของพวกเขากับอิบนุอบีซอิ บฺ ส์ คิ รับ”
เคาะลีฟะฮฺอัลมันศูรตอบว่า “เราจะถามเขา”
แล้วอัลมันศูรก็ได้ถามอิบนุอบีซิอฺบ์ว่า “เจ้ามีความเห็นอย่างไร
บ้างเกี่ยวกับพวกเขา โอ้อิบนุอบีซิอฺบ์?”
ท่านตอบว่า “ฉันขอเป็นพยานว่า พวกเขาทำ�ลายเกียรติของ
ผู้อื่น และมักสร้างความเดือนร้อนแก่ผู้คน”
เคาะลีฟะฮฺอลั มันศูรจึงถามคนจากเผ่าฆิฟารียว์ า่ “พวกเจ้าได้ยนิ
ไหม?”
พวกเขาจึงตอบกลับไปว่า “โอ้อะมีรลุ มุอม์ นิ นี ท่านลองถามเรือ่ ง
อัลหะสัน บินยะซีด กับเขา (หมายถึง อิบนุอบีซิอฺบ์) บ้างสิ”
อัลมันศูรจึงหันไปพูด กับอิบนุอบีซิอฺบ์ว่า “แล้วเจ้าคิดเห็น
อย่างไรเกี่ยวกับอัลหะสัน บินยะซีด?”
ท่านก็ตอบว่า “ฉันขอเป็นพยานว่า เขาตัดสินโดยไม่ชอบธรรม
และทำ�ตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ�ของตัวเอง”
เคาะลีฟะฮฺอลั มันศูรจึงถามอัลหะสันว่า “โอ้หะสัน! เจ้าได้ยนิ สิง่
ที่ชัยคฺคนดีคนนี้กล่าวถึงเจ้าไหม?”
อัลหะสันตอบกลับว่า “โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน ลองถามเขาเกี่ยวกับ
ตัวท่านบ้างสิครับ”
อัลมันศูรจึงถามว่า “เจ้าคิดเห็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับฉัน?”
ท่านอิบนุอบีซิอฺบ์ได้ถามกลับไปว่า “ท่านจะอภัยให้ฉันไหมล่ะ?
โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน”
อัลมันศูรตอบว่า “ฉันจะขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺให้กับเจ้า แต่เจ้า
ต้องตอบฉันมา”

56
ท่ านอิ บ นุ อบี ซิอฺบ์จึง ได้กล่า วว่า “ท่า นจะขอดุอาอ์ให้กับฉัน
เสมือนว่าท่านไม่ได้รู้จักตัวเองเลย”
เคาะลีฟะฮฺอัลมันศูรจึงพูดว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ เจ้าก็บอก
ฉันมาสิ”
แล้วท่านอิบนุอบีซิอฺบ์ก็กล่าวว่า “ฉันขอเป็นพยานยืนยันว่า
แท้จริงท่านได้ยดึ เอาทรัพย์สนิ ของผูอ้ นื่ มาโดยไม่ชอบธรรม แล้วท่าน
ก็มอบมันให้กบั คนทีไ่ ม่มสี ทิ ธิอ์ นั ชอบธรรมด้วย และฉันขอเป็นพยาน
อีกว่า ท่านได้ก่อการอธรรมมากมายในแผ่นดิน”
เคาะลีฟะฮฺอบูญะอฺฟัร อัลมันศูร ได้ลุกขึ้นจากที่นั่งของเขา เดิน
ตรงไปหาท่านอิบนุอบีซอิ บฺ ์ บีบคอของท่าน แล้วก็กล่าวว่า “ขอสาบาน
ต่ออัลลอฮฺ ถ้าฉันไม่ต้องมานั่งอยู่ท่ีนี่ ฉันคงพิชิตเปอร์เซีย, โรมัน,
ดัยลัม (ในอิหร่าน) และตุรกีไปแล้ว”
ท่านอิบนุอบีซิอฺบ์จึงพูดว่า “โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน ท่านอบูบักรฺ
และอุมัร (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา) ก็เคยขึ้นเป็นผู้ปกครอง ท่านทั้ง
สองรับทรัพย์สิน (ของประชาชน) มาอย่างถูกต้องและแบ่งออก
ไปอย่างทั่วถึง อีกทั้งยังพิชิตเปอร์เซียและโรมัน และทำ�ให้พวก
เขาตกต่ำ�ลงได้สำ�เร็จ”
เคาะลีฟะฮฺอลั มันศูรได้ปล่อยมือของตัวเองและให้อบิ นุอบีซอิ บฺ ์
นั่งลง แล้วก็กล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ถ้าฉันไม่รู้มาก่อนว่าเจ้า
เป็นคนที่ซื่อตรงจริง ฉันคงฆ่าเจ้าไปแล้ว”
ท่ า นอิ บ นุ อ บี ซิ อฺ บ์ ก็ ไ ด้ ก ล่ า วว่ า “ขอสาบานต่ อ อั ล ลอฮฺ
โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน ฉันเตือนท่านก็เพื่ออัลมะฮฺดีย์ ลูกชายของท่าน”
มุฮัมหมัด บินอลี คุณลุงของอิมามอัชชาฟิอีย์ ได้เล่าต่ออีกว่า :
มี ร ายงานว่ า เมื่ อ ท่ า นอิ บ นุ อ บี ซิ อฺ บ์ ก ลั บ มาจากการพบปะกั บ
เคาะลีฟะฮฺอลั มันศูรในครัง้ นัน้ แล้ว ท่านก็ได้พบกับสุฟยาน อัษเษารีย์
(เป็นผู้รู้ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในหมู่ตาบิอิตตาบิอีน)
57
สุฟยานพูดว่า “โอ้อบุลหาริษ (เป็นชื่อกุนยะฮฺของท่านอิบนุ
อบี ซิ อฺ บ์ ) ฉั น ดี ใ จนะที่ ไ ด้ ฟั ง สิ่ ง ที่ ท่ า นพู ด กั บ จอมเผด็ จ การคนนี้
(หมายถึงเคาะลีฟะฮฺอัลมันศูร) แต่ฉันรู้สึกไม่ดีเลยกับคำ�พูดที่ว่า
‘ฉันเตือนท่านก็เพื่ออัลมะฮฺดีย์ ลูกชายของท่าน’”
ท่านอิบนุอบีซิอฺบ์ตอบว่า “ขออัลลอฮฺทรงอภัยโทษให้กับท่าน
ด้วยเถิด โอ้อบูอับดุลลอฮฺ (เป็นชื่อกุนยะฮฺของสุฟยาน) พวกเรา
ทุกคนล้วนเป็นมะฮฺดีย์ (ที่หมายถึง ทารกในเปล) เราทุกคนเคยอยู่
ในอัลมะฮดฺ (เปล) มาก่อนทั้งนั้น”22

22 - ดู อิหฺยาอ์ อุลูมิดดีน โดย อิมามอัลเฆาะซาลี เล่มที่ 7 หน้าที่ 27

58
เรื่่�องที่่� 13

ตรงนี้้� โอ้้อบููสะอีีด
ตรงนี้้�เลย

อัลหะสัน อัลบัศรีย์ คือตาบิอีนที่ยิ่งใหญ่แห่งเมืองบัศเราะฮฺ


เกิดในปีฮิจเราะฮฺที่ 21 ช่วงท้ายการปกครองของเคาะลีฟะฮฺอุมัร
บิน อัลค็อฏฏ็อบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ อัลหะสันเติบโตมาในบ้านของ
บรรดาภรรยาของท่านนบีและบ้านของบรรดาเศาะหาบะฮฺ เพราะ
“ค็อยเราะฮฺ” แม่ของท่านเคยรับใช้ท่านหญิงอุมมุสะละมะฮฺ ภรรยา
ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ส่วนคุณพ่อคือ “ยะซาร”
ก็เคยรับใช้ท่านซัยดฺ บินษาบิต เศาะหาบะฮฺที่สำ�คัญคนหนึ่งของท่าน
นบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม และท่านอุมัรเองเคยขอดุอาอ์ให้
กับอัลหะสันว่า “โอ้อัลลอฮฺ โปรดทำ�ให้เขาเข้าใจในศาสนา และเป็น
ที่รักของผู้คน” 23

23 - ดู อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ โดย อิมามอิบนุกะษีร เล่มที่ 9 หน้าที่ 278 และ สิยัร อะอฺลาม อันนุ
บะลาอ์ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ เล่มที่ 4 หน้าที่ 564

59
เมื่ อ อั ล หั จ ญาจญ์ บิ น ยู สุ ฟ อั ษ ษะเกาะฟี ย์ ได้ ขึ้ น ปกครอง
แคว้นอิรักและก่อการอธรรมอย่างมากมายในแผ่นดิน อัลหะสัน
อัลบัศรีย์ คือหนึง่ ในคนส่วนน้อยทีก่ ล้าลุกขึน้ ต่อต้านความอธรรมของ
อัลหัจญาจญ์ เปิดเผยความชัว่ ของเขาต่อหน้าผูค้ น และพูดความจริง
อย่างตรงไปตรงมา
อัลหัจญาจญ์ได้สร้างวังส่วนตัวของเขาทีเ่ มืองวาสิฏ (อยูร่ ะหว่าง
เมืองบัศเราะฮฺและกูฟะฮฺ ในแคว้นอิรัก) เมื่อสร้างเสร็จแล้วเขาก็ได้
เชิญประชาชนทั้งหลายให้มาร่วมชื่มชมยินดีและขอดุอาอ์ให้กับเขา
อั ล หะสั น ไม่ ย อมปล่ อ ยให้ ตั ว เองพลาดโอกาสการชุ ม นุ ม ใน
ครั้งนี้ ท่านออกไปร่วมชุมนุมด้วย เพื่อจะได้ชี้แนะตักเตือนผู้คน
มิให้ลุ่มหลงกับดุนยา แต่ให้หลงใหลกับสิ่งที่มีอยู่ ณ ที่อัลลอฮฺ ผู้ทรง
เกียรติและยิ่งใหญ่ แทน
เมื่อมาถึงที่ชุมนุม ท่านเห็นว่าผู้คนกำ�ลังมองดูวังหลังใหญ่
พวกเขาตกอยูใ่ นภวังค์แห่งความงดงาม ตะลึงงันกับความกว้างขวาง
และต้องมนต์กับสิ่งของประดับประดาทั้งหลาย อัลหะสันหยุดยืน
อยู่ท่ามกลางผู้คนเพื่อกล่าวปราศรัย และนี่คือส่วนหนึ่งจากคำ�พูด
ของท่าน
“แท้จริง เรากำ�ลังมองดูอาคารทีส่ ร้างขึน้ โดยคนทีอ่ ปั ยศทีส่ ดุ
และเราพบว่าเมือ่ ก่อน ฟิรเอานฺกเ็ คยสร้างวังทีใ่ หญ่โต อีกทัง้ ยังสูง
ยิ่งกว่าอาคารหลังนี้อีก แล้วอัลลอฮฺก็ทรงทำ�ลายทิ้ง ทั้งฟิรเอานฺ
และสิง่ ทีเ่ ขาได้สร้างขึน้ มา อัลหัจญาจญ์จะรูร้ เึ ปล่านะว่า ชาวฟาก
ฟ้าต่างสาปแช่งเขา และชาวโลกทั้งหลายก็หลอกลวงเขา...”
อัลหะสันยังคงพูดต่อไป กระทั่งผู้ฟังคนหนึ่งได้หยุดท่านไว้
เพราะเกรงว่าอัลหัจญาจญ์จะรู้และระเบิดความโกรธใส่ท่าน ผู้ฟัง

60
คนนั้นพูดว่า “พอแล้ว...พอแล้วละ โอ้อบูสะอีด (เป็นชื่อกุนยะฮฺของ
อัลหะสัน)”
อัลหะสันจึงพูดกับชายคนนั้นว่า “แท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงรับเอา
คำ�มั่นสัญญาจากบรรดาผู้รู้ว่า พวกเขาจะต้องนำ�เสนอความจริงแก่
มวลมนุษย์ และไม่ปกปิดมันไว้”
วันต่อมา เมือ่ อัลหัจญาจญ์ทราบข่าวเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ เมือ่ วาน
เขาก็ได้เข้ามายังที่ชุมนุม เขาโมโหมากและได้พูดขึ้นว่า “พวกเจ้า
จงวิบัติและพินาศไปซะเถิด เจ้าทาสจากเมืองบัศเราะฮฺได้ลุกขึ้นพูด
เรือ่ งของฉัน แต่ไม่มใี ครเลยในหมูพ่ วกเจ้าทีจ่ ะปฏิเสธและตอบโต้มนั
ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันขอสั่งให้พวกเจ้าฆ่ามันซะ เจ้าพวกขี้ขลาด
ทั้งหลาย!”
แล้วอัลหัจญาจญ์ก็สั่งให้นำ�ดาบและปลอกหนังมาให้ แล้วทั้ง 2
อย่างก็ถูกนำ�มา จากนั้นเขาก็เรียกมือสังหารมา แล้วมือสังหารก็ได้
มายืนอยู่ต่อหน้าเขา เขาได้ส่งเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งออกไปจับกุมตัว
ท่านอัลหะสัน ไม่นานท่านก็ถูกนำ�ตัวมา ทุกสายตาจับจ้องไปยังท่าน
และหัวใจก็เต้นแรงไม่หยุด เมือ่ อัลหะสันเห็นดาบ ปลอกหนัง และมือ
สังหาร ท่านก็ขยับปากพูดอะไรบางอย่าง แล้วท่านก็ยนื เผชิญหน้ากับ
อัลหัจญาจญ์โดยไม่หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย
ท่านเป็นตัวแทนความยิ่งใหญ่ของผู้ศรัทธา คือเกียรติยศและ
ศักดิ์ศรีของชาวมุสลิม และเป็นนักดาอีย์ผู้เรียกร้องไปสู่อัลลอฮฺ
เมื่ออัลหัจญาจญ์เห็นท่านอัลหะสัน เขาเกิดรู้สึกหวั่นเกรงอย่าง
ที่สุด เขาพูดขึ้นว่า “ตรงนี้ โอ้อบูสะอีด...ตรงนี้เลย!” เขาสั่งให้เปิด
ทางให้อัลหะสัน และยังคงพูดต่อไปว่า “มาตรงนี้ได้เลย”

61
ผูค้ นต่างมองดูอลั หัจญาจญ์ดว้ ยความแปลกใจ โดยเฉพาะเมือ่
เขาเชิญอัลหะสันให้ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ของเขา
เมื่ออัลหะสันได้นั่งลงในที่ชุมนุมแล้ว อัลหัจญาจญ์ก็หันไปทาง
ท่าน และได้ถามเรือ่ งราวศาสนากับท่าน อัลหะสันตอบทุกคำ�ถามของ
อัลหัจญาจญ์ดว้ ยหัวใจทีม่ นั่ คง คำ�อธิบายทีช่ ดั เจน และด้วยความรูท้ ี่
กว้างขวาง กระทัง่ อัลหัจญาจญ์ได้พดู กับท่านว่า “ท่านคือหัวหน้าของ
บรรดาอุละมาอ์ โอ้อบูสะอีด” จากนั้นเขาก็สั่งให้นำ�น้�ำ หอมราคาแพง
มาให้ เขาทาน้�ำ หอมลงไปทีเ่ คราของอัลหะสัน กล่าวอำ�ลา และส่งตัว
ท่านถึงหน้าประตู
ขณะทีอ่ ลั หะสันกำ�ลังออกไปนัน้ บริวารคนหนึง่ ของ อัลหัจญาจญ์
ได้ติดตามท่านออกไปด้วย เขาได้ถามอัลหะสันว่า “โอ้ท่านอบูสะอีด
อัลหัจญาจญ์ปฏิบัติกับท่านในแบบที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย และฉัน
สังเกตุเห็นว่า ตอนที่ท่านมาถึง ท่านมองเห็นดาบและปลอกหนัง
แล้วท่านก็ขยับริมฝีปากกล่าวบางอย่าง ท่านกล่าวอะไรหรือครับ?”
อัลหะสันตอบว่า “ฉันกล่าวว่า โอ้ผู้ทรงดูแลความโปรดปราน
และเป็นที่พำ�นักของฉันในยามยาก โปรดทำ�ให้ความโกรธกริ้วของ
เขา (อัลหัจญาจญ์) เย็นลงและปลอดภัยแก่ตัวฉันด้วยเถิด เฉกเช่น
ที่พระองค์เคยทำ�ให้ไฟเย็นลงและปลอดภัยแก่นบีอิบรอฮีม”24

24 - ดู ศุวัร มิน หะยาติต ตาบิอีน โดย ดร.อับดุรเราะหฺมาน เราะอ์ฟัต อัลบาชา หน้าที่ 101-104

62
“แท้้จริง
ิ เรากำำ�ลัง ั มองดูู
อาคารที่่�สร้า้ งขึ้้�น
โดยคนที่่�อัปยศ
ั ที่่�สุุด
และเราพบว่่าเมื่่�อก่่อน
ฟิิ รเอานฺฺก็็เคยสร้้างวััง
ที่่�ใหญ่่โต อีีกทั้้�งยัังสููง
ยิ่่�งกว่่าอาคารหลัังนี้้�อีีก
แล้้วอัล
ั ลอฮฺฺก็็ทรง
ทำำ�ลายทิ้้�ง ทั้้�งฟิิ รเอานฺฺ
และสิ่่�งที่่�เขาได้้สร้า้ งขึ้้�นมา
อััลหั ัจญาจญ์์จะรู้้�รึึเปล่่านะ
ว่่า ชาวฟากฟ้้ าต่่าง
สาปแช่่งเขา
และชาวโลกทั้้�งหลาย
ก็็ หลอกลวงเขา...”

63
เรื่่�องที่่� 14

บทนำำ�หนัง
ั สืืออัล
ั เคาะร็็ อจญ์์

ว่ า กั น ว่ า หนึ่ ง ในยุ ค สมั ย ที่ เ ป็ น ยุ ค ทองของประวั ติ ศ าสตร์


อิสลาม ก็คือช่วงการปกครองของเคาะลีฟะฮฺลำ�ดับที่ 5 แห่งราชวงศ์
อับบาสียะฮฺ คือเคาะลีฟะฮฺฮารูน อัรเราะชีด คือตัง้ แต่ชว่ งปีฮจิ เราะฮฺที่
170–193 เป็นยุคสมัยทีอ่ าณาจักรอิสลามมีความกว้างขวาง เข้มแข็ง
และเจริญรุ่งเรือง
วันหนึ่งเคาะลีฟะฮฺฮารูน อัรเราะชีด ได้ขอให้อบูยูสุฟ อัลกอฎีย์
เขี ย นหนั ง สื อ เกี่ ย วกั บ การเรี ย กเก็ บ ภาษี จ ากประชาชน (กิ ต าบ
อัลเคาะร็อจญ์)
เคาะลีฟะฮฺฮารูน อัรเราะชีด ให้ความเคารพนับถือแก่อบูยูสุฟ
อัลกอฎีย์ มาก ท่านคือลูกศิษย์คนสนิทของอิมามอบูหะนีฟะฮฺ เราะหิมะ
ฮุลลอฮฺ ได้รบั การยอมรับในวิชาความรูห้ ลากหลายด้าน กระทัง่ ได้รบั
การแต่งตัง้ ให้เป็นผูพ้ พิ ากษาสูงสุดของอาณาจักรอิสลามมาตัง้ แต่ยคุ
เคาะลีฟะฮฺอัลมะฮฺดีย์ คุณพ่อของเคาะลีฟะฮฺฮารูน อัรเราะชีด

64
เมื่อรับทราบถึงความต้องการของเคาะลีฟะฮฺ ท่านผู้พิพากษา
ใหญ่กไ็ ด้เริม่ เขียนหนังสือดังกล่าวขึน้ มา โดยไม่ลมื ทีจ่ ะเริม่ ต้นบทนำ�
หนังสือด้วยการกล่าวตักเตือนเคาะลีฟะฮฺ ท่านเขียนไว้ว่า :
“โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ
แท้จริงท่านได้แบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ ที่มีผลบุญ
การตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ (หากท่านทำ�หน้าที่อย่างดี) แต่ก็มีบทลงโทษ
ตอบแทนที่รุนแรงด้วยเช่นกัน (หากท่านไม่ทำ�หน้าที่ของตัวเอง)
อัลลอฮฺทรงมอบกิจการของอุมมะฮฺนี้ให้ท่านดูแล ท่านติดต่อพบปะ
กับผู้คนมากมายทั้งเช้าและเย็น อัลลอฮฺได้มอบหมายให้ท่านรับผิด
ชอบพวกเขา พระองค์ไว้วางใจให้ท่านดูแลพวกเขา พระองค์ทดสอบ
ท่านด้วยกับพวกเขา และให้ท่านจัดการเรื่องของพวกเขา
อาคารจะไม่มที างมัน่ คงได้เลย หากมิได้วางรากฐานไว้บนความ
ตักวา (ความยำ�เกรงต่อพระเจ้า) อัลลอฮฺจะทรงมายังอาคารหลังนัน้
แล้วทำ�ลายมันทิ้งจนพังพินาศทับผู้ที่สร้างมันขึ้นมา หรือไม่พระองค์
ก็จะทรงช่วยเหลือและสนับสนุนเขา ดังนั้น ท่านอย่าได้ปล่อยปละ
ละเลยกิจการของอุมมะฮฺและประชาชนที่พระองค์ได้ทรงมอบหมาย
ให้กับท่านเด็ดขาด
แท้จริงความเข้มแข็งนัน้ อยูใ่ นการทำ�งานด้วยอนุมตั ขิ องอัลลอฮฺ
ท่านอย่าได้ผลัดงานของวันนี้ไปวันพรุ่งนี้ ถ้าท่านทำ�อย่างนั้น ท่านก็
ปล่อยปละละเลยแล้ว แท้จริงอะญัล (ความตาย) ย่อมมาถึงก่อนที่
ความหวังทุกอย่างจะบรรลุผล ฉะนัน้ จงต้อนรับอะญัลด้วยการทำ�งาน
เถิด เพราะไม่มีการทำ�งานอีกแล้วหลังจากอะญัล
แท้จริง ผู้นำ�จะถูกนำ�ตัวไปยังพระผู้เป็นเจ้าเพื่อสอบสวนเกี่ยว
กับบทบาทหน้าที่ของเขา ดังนั้น ท่านจงดำ�รงไว้ซึ่งความถูกต้องใน
อำ�นาจหน้าที่ที่อัลลอฮฺได้มอบหมายให้กับท่าน แม้เพียงช่วงเวลา

65
เดียวในตอนเช้าก็ตาม เพราะแท้จริงแล้วผู้นำ�ที่มีความสุขที่สุด ณ
ที่อัลลอฮฺ ในวันกิยามะฮฺข้างหน้า ก็คือผู้นำ�ที่สร้างความสุขให้กับ
ประชาชนของเขา
ท่านอย่าทำ�สิ่งที่ผิดจนประชาชนพากันทำ�ตามท่านไปด้วย
จงระมัดระวังการตัดสินใจด้วยอารมณ์ใฝ่ต่ำ�และความโกรธ เมื่อ
ท่านเผชิญหน้ากับ 2 ทาง ทางหนึ่งเพื่ออาคิเราะฮฺ อีกทางเพื่อ
ดุนยา ก็จงเลือกทางแห่งอาคิเราะฮฺเถิด เพราะอาคิเราะฮฺนนั้ ถาวร
ส่วนดุนยานั้นมีวันสิ้นสลาย ซึ่งผู้ที่ยำ�เกรงจะระมัดระวังอยู่เสมอ
ท่านจงปฏิบัติกับผู้คนในเรื่องของอัลลอฮฺด้วยความยุติธรรม
ทั้งกับคนใกล้และคนไกล และอย่ากลัวการตำ�หนิของผู้ใดในเรื่อง
ของพระองค์ ท่านจงระมัดระวัง แท้จริงการระแวดระวังนัน้ ทำ�ได้ดว้ ย
หัวใจ ไม่ใช่ด้วยปาก
ท่านจงตักวาต่ออัลลอฮฺ ท่านจะบรรลุถงึ ความตักวาได้กด็ ว้ ยการ
หลีกห่างการฝ่าฝืนต่อพระองค์ ใครก็ตามทีต่ กั วาต่ออัลลอฮฺ พระองค์
จะคอยปกป้องดูแลเขา
โอ้อะมีรลุ มุอม์ นิ นี ฉันขอสัง่ เสียให้ทา่ นปกป้องดูแลสิง่ ทีอ่ ลั ลอฮฺ
ทรงประทานและมอบหมายให้ทา่ นดูแล และท่านอย่ามองสิง่ เหล่านัน้
เว้นแต่เพือ่ กลับไปหาอัลลอฮฺและทำ�มันเพือ่ พระองค์ เพราะหากท่าน
ไม่ทำ�เช่นนั้นแล้ว ทางนำ�ที่เรียบง่ายจะทำ�ให้ท่านรู้สึกลำ�บาก มันจะ
บดบังดวงตาของท่าน ซ่อนสัญญาณของทางนำ�ไปจากท่าน ทำ�ให้ทา่ น
รู้สึกคับแคบ ปฏิเสธสิ่งที่ท่านรู้ และยอมรับสิ่งที่ท่านปฏิเสธ ท่านจง
ต่อสูก้ บั จิตใจของตัวเองและมีชยั เหนือมัน แท้จริงผูน้ �ำ ทีล่ ะเลยหน้าที่
ความรับผิดชอบ จนความเสียหายต่างๆ เกิดขึน้ ด้วยน้�ำ มือของเขานัน้
ถ้าเขาต้องการ เขาก็สามารถหลีกเลี่ยงมันได้ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ

66
ท่ า นจงเผยแพร่ ท างนำ � ไปยั ง ทุ ก ที่ เพราะการละทิ้ ง มั น
หมายถึงการละเลยต่อทางนำ�นัน่ เอง เมือ่ ไหร่ทผี่ คู้ นสาละวนอยูก่ บั สิง่
อืน่ ความวิบตั กิ จ็ ะบังเกิดขึน้ อย่างรวดเร็ว แต่หากพวกเขาทำ�ความดี
พวกเขาก็จะเป็นคนทีม่ คี วามสุขทีส่ ดุ และอัลลอฮฺจะทรงตอบแทนด้วย
ความดีงามที่ทวีคูณ
ท่านจงระวังไว้ให้ดี อย่าได้ละเลยประชาชนของท่านเอง พระผู้
เป็นเจ้าจะยึดเอาสิทธิของพวกเขาไปจากท่าน และจะทำ�ให้ทา่ นตกต่�ำ
เพราะว่าท่านละเลยผลบุญของตัวเอง อาคารนัน้ แข็งแรงก่อนทีม่ นั จะ
ชำ�รุดทรุดโทรม และท่านจะได้รบั (การตอบแทนทีด่ )ี จากสิง่ ทีท่ า่ นทำ�
กับประชาชนของท่าน จงอย่าลืมและอย่าละเลยพวกเขา รวมถึงสิ่ง
ต่างๆ ที่สร้างความผาสุกให้กับพวกเขา แล้วอัลลอฮฺก็จะไม่ลืมท่าน
และจะไม่ละเลยต่อสิทธิของท่านบนโลกนี้ด้วย
ท่ า นจงเติ ม เต็ ม ค่ำ � คื น และวั น เหล่ า นี้ ด้ ว ยการขยั บ ลิ้ น
ในใจของท่ า นเพื่ อ กล่ า วรำ � ลึ ก ถึ ง อั ล ลอฮฺ ใ ห้ ม าก ด้ ว ยคำ � กล่ า ว
ตัสบีหฺ (สุบหานัลลอฮฺ), ตะฮฺลีล (ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ), ตะหฺมีด
(อั ล หั ม ดุ ลิ ล ลาฮฺ ) และการเศาะละวาตให้ กั บ ท่ า นเราะสู ลุ ล ลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม นบีผู้เป็นความเมตตาและเป็นผู้นำ�ที่
ชี้แนะนำ�ทาง”25

25 - ดูบทนำ�หนังสือ อัลเคาะร็อจญ์ โดย อิมามอบูยูสุฟ อัลกอฎีย์

67
ท่่านอย่่าทำำ�
สิ่่�งที่่�ผิิดจนประชาชนพากััน
ทำำ�ตามท่่านไปด้้วย
จงระมััดระวัังการตััดสิินใจ
ด้้วยอารมณ์์ใฝ่่ต่ำำ��
และความโกรธ
เมื่่�อท่่านเผชิิญหน้้ากัับ 2 ทาง
ทางหนึ่่�งเพื่่� ออาคิิเราะฮฺฺ
อีีกทางเพื่่� อดุุนยา
ก็็ จงเลืือกทาง
แห่่งอาคิิเราะฮฺฺเถิิด
เพราะอาคิิเราะฮฺฺนั้้น
� ถาวร

68
เรื่่�องที่่� 15

ฉั ันมีีสิทธิ์์
ิ หลั่่
� ง
� เลืือดพวกเขา

ในช่ ว งการปกครองของเคาะลี ฟ ะฮฺ อ บู ญ ะอฺ ฟั ร อั ล มั น ศู ร


เคาะลีฟะฮฺคนที่ 2 แห่งราชวงศ์อับบาสิยะฮฺ ชาวโมซูลในอิรักได้
ลุกขึน้ ต่อต้านการปกครองของเขา ทัง้ ทีเ่ คาะลีฟะฮฺได้เคยข่มขูไ่ ว้กอ่ น
แล้วว่า หากประชาชนชาวโมซูลก่อการกบฏ เขาก็มีสิทธิ์ที่จะประหัต
ประหารและหลั่งเลือดของพวกเขา
อัลมันศูรได้รวบรวมบรรดาผู้รู้นักนิติศาสตร์ ซึ่งมีอิมามอบู
หะนีฟะฮฺ อยู่ในกลุ่มผู้รู้เหล่านั้นด้วย อิมามอบูหะนีฟะฮฺ เราะหิมะ
ฮุลลอฮฺ หรือชื่อจริงคือ “อันนุอฺมาน บินษาบิต” คือผู้รู้ที่ยิ่งใหญ่ใน
หมู่ตาบิอีน เป็นอิมามเจ้าของมัซฮับหะนะฟีย์ ซึ่งนับเป็นมัซฮับแรก
จากมัซฮับทั้ง 4 ที่ถือกำ�เนิดขึ้นมา
ท่านอิบนุลมุบาร็อก เราะหิมะฮุลลอฮฺ เคยยกย่องอิมามอบู
หะนีฟะฮฺไว้วา่ “ฉันเคยเห็นคนทีข่ ยันอิบาดะฮฺมากทีส่ ดุ , คนทีม่ คี วาม

69
เคร่งครัดและสำ�รวมตนที่สุด, คนที่รอบรู้มากที่สุด และคนที่มีความ
เข้าใจมากที่สุด คนที่ขยันอิบาดะฮฺมากที่สุดคืออับดุลอะซีซ บินอบู
ดาวูด ส่วนคนทีเ่ คร่งครัดและสำ�รวมตนทีส่ ดุ คืออัลฟุฎอ็ ยลฺ บินอิยาฎ
และคนที่รอบรู้ที่สุดก็คือสุฟยาน อัษเษารีย์ ในขณะที่คนที่มีความ
เข้าใจมากที่สุดก็คืออบูหะนีฟะฮฺ” แล้วอิบนุลมุบาร็อกก็กล่าวต่อว่า
“ฉันไม่เคยเห็นใครที่มีความเข้าใจลึกซึ้งเท่าเขา”26
เมื่อบรรดาผู้รู้ได้รวมตัวกันครบแล้ว เคาะลีฟะฮฺอัลมันศูรก็ได้
กล่าวขึ้นว่า “ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เคยกล่าว
ไว้ใช่ไหมว่า ‘ผู้ศรัทธานั้นจะต้องทำ�ตามเงื่อนไข (หรือสัญญา) ของ
ตัวเอง’ และชาวโมซูลเคยสัญญาไว้ว่าจะไม่ทำ�การกบฏต่อฉัน แต่
พวกเขากลับออกมาต่อต้านการปกครองของฉัน ฉะนั้น ฉันก็มีสิทธิ์
ที่จะหลั่งเลือดพวกเขาได้”
ชายคนหนึ่งได้พูดขึ้นว่า “ท่านใจกว้างกับพวกเขา และพวกเขา
ก็ยอมรับในคำ�พูดของท่าน หากท่านให้อภัย ท่านก็จะเป็นหนึ่งในหมู่
ผู้ให้อภัย แต่หากท่านจะลงโทษ พวกเขาจะอ้างสิทธิ์อะไรได้อีก”
แล้วชายคนนั้นก็ถามอบูหะนีฟะฮฺว่า “โอ้ท่านเชค ท่านคิดเห็น
อย่างไรบ้าง? เราอยู่ในการปกครองตามแบบอย่างนบี และอยู่ใน
แผ่นดินที่ปลอดภัยมิใช่หรือ?”

26 - ดู มะนาซิลุล อะอิมมะฮฺ อัลอัรบะอะฮฺฯ โดย อบูซะกะรียา อัสสิลมาสีย์ หน้าที่ 174

70
อิมามอบูหะนีฟะฮฺตอบว่า “พวกเขาให้สัญญากับท่านในสิ่งที่
พวกเขาไม่มีความสามารถ และท่านก็ทำ�สัญญากับพวกเขาด้วย
กับสิ่งที่ไม่ใช่สิทธิของท่าน เพราะไม่อนุญาตให้หลั่งเลือดของ
มุสลิม เว้นแต่ด้วยกับ 1 ใน 3 สาเหตุเท่านั้น”27
อัลมันศูรสั่งให้บรรดาผู้รู้ลุกขึ้นแล้วแยกย้ายกันออกไป ยกเว้น
อิมามอบูหะนีฟะฮฺทอี่ ลั มันศูรเรียกให้อยูต่ อ่ แล้วเคาะลีฟะฮฺอลั มันศูร
ก็พูดขึ้นว่า “โอ้ท่านเชค ท่านพูดถูกต้องแล้ว ท่านจงกลับไปยังเมือง
ของท่านเถิด แต่อย่าได้ฟัตวา (ตัดสินชี้ขาด) แก่ผู้คน ด้วยกับสิ่งที่
อาจสร้างความเสื่อมเสียแก่ผู้นำ�ของท่านได้ เกรงว่ามันจะกลายเป็น
เครื่องมือของพวกเคาะวาริจญ์”28
มีต่อ...

27 - อิมามอบูหะนีฟะฮฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กำ�ลังอ้างถึงหะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ


วะสัลลัม ที่ว่า
‫ والنَّ ْف ُس بالنَّ ْف ِس‬،‫الزانِ ي‬
َّ ‫الث ِّي ُب‬ ٍ ‫بإح َدى َث‬
َّ : ‫الث‬ ْ ‫ام ِر ٍئ ُم ْسلِ ٍم َّإاَّل‬
ْ ‫ال َي ِح ُّل َد ُم‬
‫ماع ِة‬
َ ‫المفا ِر ُق لِ لْ َج‬
ُ ‫والتَّ ا ِر ُك لِ ِدينِ ِه‬

“ไม่อนุญาตให้หลั่งเลือดของมุสลิมคนหนึ่ง เว้นแต่ด้วย 1 ใน 3 สาเหตุ ได้แก่ (1) ผู้ทำ�ผิด


ประเวณีที่แต่งงานแล้ว (2) ชดใช้ชีวิตด้วยชีวิต (คือ การประหารฆาตกรที่ฆ่าชีวิตผู้อื่น) และ (3) ผู้ที่
ละทิ้งศาสนา แยกตัวออกจากญะมาอะฮฺ (ประชาชาติอิสลาม)” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์และมุสลิม)

28 - ดู มะนากิบ อัลอิมามุล อะอฺซ็อมฯ โดย อิบนุลบะซาซีย์ เล่มที่ 2 หน้าที่ 17

71
เรื่่�องที่่� 16

ฉั ันไม่่คู่่�ควร
กั ับหน้้าที่่�ดั ังกล่่าว

แม้จะได้รับคำ�เตือนว่าให้ระมัดระวังในการให้คำ�ฟัตวา แต่ด้วย
ความซื่อตรงและเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ อิมามอบูหะนีฟะฮฺจึงไม่ยอมให้
ใครเข้ามามีอิทธิพลหรือแทรกแซงท่านในการพูดความจริงได้
อิมามอบูหะนีฟะฮฺได้วิพากษ์วิจารณ์เคาะลีฟะฮฺอัลมันศูรอย่าง
ตรงไปตรงมาในมัจญ์ลสิ ของท่าน อีกทัง้ ยังปฏิเสธของฮะดียะฮฺตา่ ง ๆ
ที่เคาะลีฟะฮฺได้ส่งมาหวังเอาใจท่านด้วย29
และเมือ่ กองทัพของอัลมันศูรได้ลงมือปราบปรามประชาชนทีล่ กุ
ขึ้นต่อต้านความอธรรมของรัฐ และสังหารมุฮัมหมัด อันนัฟสุซซะกีย์
และอิบรอฮีม น้องชายของเขา ซึ่งเป็นแกนนำ�ในการลุกฮือในครั้งนี้
ท่าทีของอิมามอบูหะนีฟะฮฺก็ยิ่งแข็งกร้าวมากขึ้นเพราะทั้ง 2 คน คือ
อะฮฺลุลบัยตฺที่สืบเชื้อสายถึงท่านนบีมุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ
วะสัลลัม และยังเป็นลูกชายของอับดุลลอฮฺ บินอัลหะสัน ซึง่ อิมามอบู
29 - ดู อบูหะนีฟะฮฺฯ โดย มุฮัมหมัด อบูซะฮฺเราะฮฺ หน้าที่ 53

72
หะนีฟะฮฺมคี วามสัมพันธ์ทใี่ กล้ชดิ และเคยศึกษาเรียนรูศ้ าสนาจากเขา
มาโดยตรงด้วย
เคาะลีฟะฮฺอลั มันศูรรูด้ ถี งึ เกียรติศกั ดิข์ องอิมามอบูหะนีฟะฮฺ เขา
ต้องการแต่งตั้งให้ท่านเป็นกอฎีย์ (ผู้พิพากษา) แห่งเมืองแบกแดด
เพื่อหวังจะเอาใจและทดสอบความจงรักภักดีของท่าน
อิ ม ามอบู ห ะนี ฟ ะฮฺ ถู ก เรี ย กตั ว ไปพบเคาะลี ฟ ะฮฺ ที่ แ บกแดด
อัลมันศูรได้กล่าวสาบานว่าจะแต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้พิพากษา แต่
อิมามอบูหะนีฟะฮฺก็สาบานเช่นกัน ท่านยืนกรานว่าจะไม่รับตำ�แหน่ง
ดังกล่าว
อัรเราะบีอฺ บินยูนุส เจ้าหน้าที่ผู้รับใช้ของเคาะลีฟะฮฺ จึงพูดกับ
อิมามอบูหะนีฟะฮฺว่า “ท่านไม่เห็นหรือว่า อะมีรุลมุอ์มินีน ได้กล่าว
สาบานแล้ว?”
ท่านอิมามตอบว่า “อะมีรลุ มุอม์ นิ นี นัน้ สามารถจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ
(ค่าปรับเนือ่ งจากการทำ�ผิดหรือยกเลิก) คำ�สาบานมากกว่าฉัน” ท่าน
ปฏิเสธไม่ยอมรับตำ�แหน่งที่เคาะลีฟะฮฺเสนอ
อัรเราะบีอไฺ ด้เล่าว่า : ฉันเห็นอัลมันศูรมอบตำ�แหน่งผูพ้ พิ ากษา
ให้กับอบูหะนีฟะฮฺ แต่เขากลับพูดว่า “จงตักวาต่ออัลลอฮฺ และอย่า
มอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้กับใคร นอกจากคนที่เกรงกลัว
พระองค์เท่านัน้ ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันไม่ใช่คนทีน่ า่ ไว้วางใจใน
ภาวะสุขสบายดี แล้วฉันจะเป็นคนทีน่ า่ ไว้ใจในภาวะโกรธได้อย่างไร?
หากท่านออกคำ�สัง่ บางอย่าง แล้วท่านก็ขม่ ขูฉ่ นั ว่าจะเลือกการถูกโยน
ทิง้ ให้จมลงในแม่น�้ำ ยูเฟรติสหรือยอมทำ�ตามคำ�สัง่ ดังกล่าว แน่นอน
ฉันจะเลือกจมลงไปในแม่น้ำ� ท่านมีคนรอบกายที่ต้องการให้คน
เคารพนับถือพวกเขาเพื่อท่าน และฉันไม่คู่ควรกับหน้าที่ดังกล่าว”

73
เคาะลีฟะฮฺอลั มันศูรได้กล่าวว่า “เจ้าโกหก เจ้าคูค่ วรกับตำ�แหน่งนี”้
อิมามอบูหะนีฟะฮฺจึงตอบกลับไปว่า “ท่านได้ตัดสินฉันแล้ว
ท่านจะแต่งตั้งให้คนๆ หนึ่งเป็นผู้พิพากษาได้อย่างไร ทั้งที่เขา
เป็นจอมโกหก”30
การปฏิเสธตำ�แหน่งดังกล่าว เท่ากับเป็นการปฏิเสธบัญชาของ
เคาะลีฟะฮฺ สุดท้ายอิมามอบูหะนีฟะฮฺจึงถูกลงโทษด้วยการโบยและ
ถูกจองจำ�โดยไม่มกี �ำ หนด ด้วยอายุทมี่ ากแล้วและร่างกายก็ทรุดโทรม
ลงเรื่อย ๆ สุดท้ายท่านก็ล้มป่วยและเสียชีวิตลงในที่สุด
อิมามอบูหะนีฟะฮฺเสียชีวติ ในปีฮจิ เราะฮฺที่ 150 บ้างว่า 151 หรือ
153 และบ้างก็บอกว่า ท่านเสียชีวิตในวันเดียวกับที่อิมามอัชชาฟิอีย์
กำ�เนิดขึ้นมา มีผู้คนกว่า 50,000 คนมาร่วมเป็นสักขีพยานละหมาด
ญะนาซะฮฺให้กับท่าน 31

30 - ดู วะฟะยาต อัลอะอฺยาน วะอันบาอุ อับนาอิซ ซะมาน โดย อิบนุค็อลลิกาน เล่มที่ 5 หน้าที่ 407
31 - ดู อบูหะนีฟะฮฺฯ โดย มุฮัมหมัด อบูซะฮฺเราะฮฺ หน้าที่ 59

74
เรื่่�องที่่� 17

บั ัลลั ังก์์ ไม้้เท้้า


และร่่างกฏหมาย

คิลาฟะฮฺอับบาสียะฮฺ คือรัฐอิสลามลำ�ดับที่ 3 มีเมืองหลวง


ตั้งอยู่ที่เมืองแบกแดดในอิรัก เป็นรัฐที่ปกครองโดยบรรดาผู้นำ�ที่มี
เชื้อสายมาจากอัลอับบาส บินอับดุลมุฏเฏาะลิบ คุณลุงของท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ถูกสถาปนาขึ้นหลังจากที่สามารถ
โค่นล้มราชวงศ์อุมัยยะฮฺได้สำ�เร็จ
อับดุลลอฮฺ บินอลี หนึ่งในแกนนำ�การปฏิวัติ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง
ของ อบุลอับบาส อับดุลลอฮฺ อัสสะฟาฮฺ และอบูญะอฺฟัร อัลมันศูร
ที่ต่อมา ได้กลายเป็นเคาะลีฟะฮฺคนแรกและคนที่สองของราชวงศ์
อับบาสียะฮฺตามลำ�ดับ
ภายหลังขับไล่ราชวงศ์อุมัยยะฮฺออกไปได้สำ�เร็จ อับดุลลอฮฺ
บินอลีได้เข้าไปที่เมืองดะมัสกัส เขาตามหาอัลเอาซาอีย์ อยู่ 3 วัน
แต่ไม่เจอตัวเลย กระทั่งอัลเอาซาอีย์ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าเขา

75
อัลเอาซาอีย์ หรือชื่อจริงคือ อบูอัมรู อับดุรเราะหฺมาน บินอัมรู
คือตาบิอิตตาบอีนที่เป็นผู้รู้นักนิติศาสตร์อิสลามและนักหะดีษ และ
ถูกยกย่องให้เป็นอิมามแห่งแผ่นดินชาม
อิมามอัลเอาซาอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ ได้เล่าเหตุการณ์ต่อไปนี้
ด้วยตัวเอง ท่านเล่าว่า :
ฉันได้เข้าพบอับดุลลอฮฺ บินอลี ขณะนั้นเขากำ�ลังนั่งอยู่บน
บัลลังก์ มือขวาถือไม้เท้า และมือซ้ายถือเอกสารร่างกฏหมายเอาไว้
รอบ ๆ ตัวเขามีบรรดาทหารยืนถือดาบ ฝัก และเหล็ก ฉันให้สลาม
แต่เขาไม่ตอบกลับมา เขาใช้ไม้เท้าในมือตีพื้น แล้วก็กล่าวขึ้นว่า “โอ้
เอาซาอีย์ เจ้าคิดเห็นอย่างไรบ้างกับสิง่ ทีเ่ ราทำ�ไป เราขจัดอำ�นาจของ
บรรดาผูอ้ ธรรมต่อประชาชนและแผ่นดิน มันคือการญิฮาดและริบาฏ
(การป้องกันชายแดนของแผ่นดินอิสลาม) ใช่ไหม?”
ฉันตอบว่า “โอ้ท่านผู้นำ� ฉันได้ยินยะหฺยา บินสะอีด อัลอันศอ
รีย์ อัตตัยมีย์ (เป็นตาบิอีน) เล่าว่าเคยได้ยินมุฮัมหมัด บินอิบรอฮีม
(เป็นตาบิอีน) เล่าว่าเคยได้ยิน อัลเกาะมะฮฺ บินวักก็อศ (เป็นตาบิ
อีน32) เล่าว่า :
ท่านอุมัร บินอัลค็อฏฏอบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า ฉันเคย
ได้ยินท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า

32 - อัลเกาะมะฮฺ เป็นตาบิอีนที่เกิดในยุคนบี แต่ไม่ทันได้เจอกับท่านนบี ในวิชาหะดีษจะเรียกว่า “อัล


มุค็อดร็อม” หรือจะเรียกว่าเป็น “ตาบิอีนรุ่นแรก” ก็ได้ (ดู นุซฮะตุล ฟุเฎาะลาอ์ ตะฮฺซีบ สิยะรุล อะอฺ
ลาม อันนุบะลาอ์ โดย เชคมุฮัมหมัด หะสัน บินอะกีล มูซา อัชชะรีฟ เล่มที่ 1 หน้าที่ 330)

76
َ ،‫وإنما ِال ْم ِر ٍئ ما نَ َوى‬
‫فمن كانَ ْت‬ َّ ،‫ات‬ ِّ ‫مال‬
ِ ‫بالن َّي‬ ُ ‫األع‬
ْ ‫َّإنما‬

َ ،‫ورسولِ ِه‬
‫ومن‬ َ ‫هللا‬ ِ ِ ‫ َف‬،‫ورسولِ ِه‬
‫ه ْج َر ُت ُه إلى‬ َ ‫هللا‬ ِ ‫ِه ْج َر ُت ُه إلى‬

، ‫ام َر َأ ٍة َي ْن ِك ُح َها‬
ْ ‫أو‬
ِ ‫يبها‬ ُ ‫كانَ ْت ِه ْج َر ُت ُه لِ ُد ْنيا ُي ِص‬
‫هاج َر َإل ْي ِه‬
َ ِ ‫َف‬
‫ه ْج َر ُت ُه إلى ما‬

แท้จริง การงานทั้งหลายขึ้นอยู่กับเจตนา และทุกคนจะได้รับ


ในสิ่งที่เขาได้เจตนาไว้ ดังนั้นใครก็ตามที่การอพยพของเขาเป็นไป
เพื่ออัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ การอพยพของเขาก็เป็นไปเพื่อ
อัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ และใครก็ตามที่การอพยพของเขา
เป็นไปเพือ่ ดุนยาทีเ่ ขาต้องการหรือเพือ่ แต่งงานกับหญิงคนหนึง่ การ
อพยพของเขาก็เป็นไปตามความประสงค์ที่เขาได้อพยพไป (บันทึก
โดย อัลบุคอรีย์และมุสลิม)”

อับดุลลอฮฺ บินอลี ได้ใช้ไม้เท้าของเขาตีลงทีพ่ นื้ อย่างแรง ทหาร


รอบกายเขาก็หนั มาจับดาบกัน แล้วเขาก็ถามขึน้ ว่า “โอ้เอาซาอีย์ แล้ว
เจ้าคิดเห็นอย่างไรบ้างเรื่อง (การหลั่ง) เลือดของพวกอุมัยยะฮฺ?”
ฉันตอบว่า “ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม
เคยกล่าวไว้ว่า

،‫الزانِ ي‬
َّ ‫الث ِّي ُب‬ ٍ ‫بإح َدى َث‬
َّ :‫الث‬ ْ ‫ام ِر ٍئ ُم ْسلِ ٍم َّإاَّل‬
ْ ‫ال َي ِح ُّل َد ُم‬
‫ماع ِة‬
َ ‫المفا ِر ُق لِ لْ َج‬
ُ ‫والتا ِر ُك لِ ِدينِ ِه‬
َّ ،‫بالن ْف ِس‬
َّ ‫والن ْف ُس‬
َّ

77
‘ไม่อนุญาตให้หลัง่ เลือดของมุสลิมคนหนึง่ ยกเว้นด้วยกับ 1 ใน
3 สาเหตุ (ได้แก่) ชดใช้ชีวิตด้วยชีวิต (คือ การประหารฆาตรกรที่ฆ่า
ชีวติ ผูอ้ นื่ ), ผูท้ �ำ ผิดประเวณีทแี่ ต่งงานแล้ว และผูท้ ลี่ ะทิง้ ศาสนา แยก
ตัวออกจากญะมาอะฮฺ (ประชาชาติอิสลาม)” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์
และมุสลิม)
อับดุลลอฮฺ บินอลี ใช้ไม้เท้าตีพนื้ อีกครัง้ ครัง้ นีแ้ รงขึน้ ไปอีก แล้ว
เขาก็ถามว่า “แล้วเรื่องสมบัติของพวกเขาล่ะ?”
ฉันตอบว่า “หากพวกเขาได้รับมาด้วยวิธีที่หะรอม มันก็เป็น
สิ่งที่หะรอมสำ�หรับท่านด้วย แต่ถ้าพวกเขาได้มาด้วยวิธีที่หะลาล
มันก็ไม่ใช่สงิ่ ทีห่ ะลาลสำ�หรับท่านอยูด่ ี เว้นแต่ทา่ นจะรับมาด้วยวิธี
การที่ศาสนาอนุญาตเท่านั้น”
อับดุลลฮฺ บินอลี ตีไม้เท้าแรงขึ้นกว่าเดิมไปอีก แล้วก็ถามว่า
“จะเป็นอย่างไรหากเจ้าได้รบั การแต่งตัง้ ให้เป็นกอฎีย์ (ผูพ้ พิ ากษา) ?”
ฉันตอบว่า “คนก่อนหน้าท่านไม่เคยเสนอเรื่องนี้กับฉันเลย ฉัน
ชอบให้พวกเขาปฏิบัติดีกับฉันก่อนมากกว่า”
อับดุลลอฮฺก็ถามว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าอยากกลับออกไปแล้ว?”
ฉันก็ตอบว่า “ฉันมีภรรยา และพวกเธอมีสิทธิที่ฉันต้องสนอง
ตอบ ขณะนี้หัวใจของพวกเธอรู้สึกวิตกกังวลเพราะฉัน”
ฉัน (อัลเอาซาอีย์) อดทนรออย่างระแวดระวัง เพราะเกรงว่า
ศรีษะอาจจะร่วงหล่นลงมาได้ แต่สุดท้ายอับดุลลอฮฺก็อนุญาตให้ฉัน
กลับไปได้33
มีต่อ...

33 - ดู อัลอิสลาม บัยนัล อุละมาอ์ วัลหุกกาม โดย อับดุลอะซีซ อัลบัดรีย์ หน้าที่ 62 หรือดู อัลมะญัล
ละฮฺ อัลอะเราะบีย์ หมายเลขที่ 71 ปี ค.ศ. 1964 หัวข้อ “อัลเอาซาอีย์ ฟะกีฮฺ อะฮฺลุชชาม”

78
“หากพวกเขา
ั มาด้้วยวิิธีีที่่�หะรอม
ได้้รับ
มัันก็็ เป็็นสิ่่�งที่่�หะรอม
สำำ�หรับ
ั ท่่านด้้วย
แต่่ถ้า้ พวกเขาได้้มา
ด้้วยวิิธีีที่่�หะลาล
ั ก็็ ไม่่ใช่่สิ่่�งที่่�หะลาล
มัน
สำำ�หรับ
ั ท่่านอยู่่�ดีี
เว้้นแต่่ท่่านจะรัับมา
ด้้วยวิิธีีการที่่�ศาสนา
อนุุญาตเท่่านั้้�น”

79
เรื่่�องที่่� 18

ทำำ�ไมท่่านมาหาเราช้้านัักล่่ะ?

อิมามอัลเอาซาอีย์ (เกิดในปีฮิจเราะฮฺที่ 88 และเสียชีวิตในปี


ฮิจเราะฮฺที่ 159)34 คือ 1 ในผู้รู้ไม่กี่คนที่ได้รับความเคารพเป็นพิเศษ
จากเคาะลีฟะฮฺอบูญะอฺฟรั อัลมันศูร ต่อไปนีค้ อื สิง่ ทีท่ า่ นได้เล่าไว้ดว้ ย
ตัวเอง ท่านเล่าว่า :
อะมีรุลมุอ์มินีน อบูญะอฺฟัร อัลมันศูร ได้ส่งคนมาแจ้งให้ฉันเข้า
พบ ขณะนั้นฉันอยู่ที่ชายหาดริมทะเล ฉันได้เดินทางไป และเมื่อฉัน
มาถึง ฉันก็ได้ให้สลามแก่เคาะลีฟะฮฺ เขารับสลามและอนุญาตให้ฉัน
นั่งลง แล้วเคาะลีฟะฮฺอัลมันศูรก็ถามขึ้นว่า “ทำ�ไมท่านมาหาเราช้า
นักล่ะ โอ้เอาซาอีย์?”
ฉันถามกลับว่า “ท่านต้องการสิ่งใดหรือ? โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน”

34 - ดู นุซฮะตุล ฟุเฎาะลาอ์ ตะฮฺซีบ สิยะรุล อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ โดย เชคมุฮัมหมัด หะสัน บินอะกีล
มูซา อัชชะรีฟ เล่มที่ 1 หน้าที่ 569

80
เขาตอบว่า “ฉันอยากจะเรียนรู้จากท่าน”
ฉันพูดว่า “ดูก่อนเถิด โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน ท่านมิได้เขลาในเรื่อง
คำ�พูด (ความรู้) ของเราเลยแม้แต่น้อย”
เขากล่าวว่า “แล้วฉันจะรูไ้ ด้อย่างไร ทัง้ ทีฉ่ นั ก็ยงั ขอมันจากท่าน
อยู่เลย และเพราะเหตุนี้เอง ฉันจึงได้ตามหาและเชิญท่านมาที่นี่”
ฉันกล่าวว่า “ฉันหวั่นใจว่าท่านจะฟังความรู้จากฉัน แล้วไม่นำ�
ไปปฏิบัติ”
อัรเราะบีอฺ (เจ้าหน้าที่ของอัลมันศูร) ร้องตะโกนมาที่ฉัน แล้ว
ก็ชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว แต่อัลมันศูรหยุดเขาไว้แล้วกล่าวว่า
“นี่คือการพบปะเพื่อแสวงหาความดีงาม ไม่ใช่การพบปะเพื่อตัดสิน
ลงโทษใคร”
เมือ่ หัวใจของฉันสงบลง ฉันก็ได้พดู ต่อไปว่า : โอ้อะมีรลุ มุอม์ นิ นี
มักหูล (เป็นตาบิอนี ) ได้รายงานให้กบั ฉันว่า อะฏิยยะฮฺ บินบุสรฺ กล่าว
ว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เคยกล่าวไว้ว่า

‫اء ْت ُه َم ْو ِع َظ ٌة ِم َن اللَّ ِه ِفي ِدينِ ِه؛ َف ِإ َّن َها نِ ْع َم ٌة ِم َن‬ َ


َ ‫أ ُّي َما َع ْب ٍد َج‬
‫ َو ِإال كَ انَ ْت ُح َّج ًة ِم َن اللَّ ِه‬،‫ َف ِإ ْن َق ِب َل َها ِب ُش ْك ٍر‬،‫يق ْت ِإ َل ْي ِه‬
َ ‫اللَّ ِه ِس‬
‫اد اللَّ ُه َع َل ْي ِه ِب َها َس َخ ًطا‬
َ ‫اد ِب َها ِإ ْث ًما َو َي ْز َد‬
َ ‫َع َل ْي ِه لِ َي ْز َد‬

ใครก็ตามที่มีคำ�ตักเตือนจากอัลลอฮฺในเรื่องศาสนามายังเขา
นั่นคือนิอฺมะฮฺ (ความโปรดปราน) จากพระองค์ที่ถูกประทานให้กับ
เขา หากว่าเขารับมันไว้ด้วยความรู้สึกขอบคุณ แต่หากไม่แล้ว มันก็
จะเป็นหลักฐานที่มัดตัวเขาไว้ เพื่อให้ความผิดบาปของเขาเพิ่มมาก
ขึน้ และความโกรธกริว้ ของอัลลอฮฺทมี่ ตี อ่ เขาก็จะเพิม่ ขึน้ ด้วยเช่นกัน”
(บันทึกโดย อัลบัยฮะกีย์และอบูนุอัยมฺ)
81
โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน ใครก็ตามที่รังเกียจความจริง เขาก็รังเกียจ
อัลลอฮฺด้วย เพราะแท้จริงแล้วอัลลอฮฺคือความจริงที่ชัดเจน และผู้ที่
พิชติ หัวใจของผูค้ นโดยมอบหมายกิจการของพวกเขาให้กบั ท่าน ก็คอื
(บรรดาเศาะหาบะฮฺ) ผูใ้ กล้ชดิ ท่านเราะสูลลุ ลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ
วะสัลลัม ท่านเราะสูลเอ็นดูเมตตาพวกเขาโดยทั่วกัน และท่านได้รับ
การยกย่องสรรเสริญทั้ง ณ ที่อัลลอฮฺและในหมู่มนุษย์
ท่าน (หมายถึง เคาะลีฟะฮฺอัลมันศูร) จะต้องปฏิบัติหน้าที่
ต่อประชาชนอย่างถูกต้อง ดำ�รงไว้ซึ่งความยุติธรรม ปกปิดความ
บกพร่องทั้งหลายของพวกเขา อย่าปิดประตูใส่พวกเขา และอย่าปิด
กั้นพวกเขาด้วย ท่านจงปิติยินดีกับความโปรดปรานและรู้สึกทุกข์ใจ
กับความเลวร้ายที่ประสบกับพวกเขาเถิด
โอ้อะมีรลุ มุอม์ นิ นี ท่านสาละวนอยูก่ บั เรือ่ งของตัวเอง จนลืม
ประชาชนซึ่งเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของท่าน ไม่ว่าจะเป็นคน
ผิวแดงหรือผิวดำ� เป็นมุสลิมหรือกาฟิร พวกเขาทุกคนล้วนมีสทิ ธิ
ที่จะได้รับการปฏิบัติด้วยความเป็นธรรมจากท่าน จะเป็นอย่างไร
เล่าหากพวกเขาลุกขึน้ มา กลุม่ แล้วกลุม่ เล่า แล้วทุกคนก็รอ้ งเรียน
เรือ่ งความเลวร้ายและการอธรรมทีท่ า่ นได้กอ่ ไว้และแพร่กระจาย
ออกไป
โอ้อะมีรลุ มุอม์ นิ นี หากอำ�นาจการปกครองเป็นของคนก่อนหน้า
ท่าน มันก็จะมาไม่ถงึ ท่านอย่างแน่นอน อำ�นาจนัน้ จะไม่คงอยูถ่ าวรกับ
ท่านหรอก เช่นเดียวกับที่มันก็จะไม่คงอยู่ถาวรกับคนอื่น ๆ เช่นกัน
โอ้ อ ะมี รุ ล มุ อ์ มิ นี น ฉั น ได้ รั บ รายงานมาว่ า ท่ า นอุ มั ร บิ น
อั ล ค็ อ ฏฏอบ เราะฎิ ยั ล ลอฮุ อั น ฮฺ เคยกล่ า วไว้ ว่ า “หากพบว่ า มี

82
ลูกแกะนอนตายอยู่ข้างแม่น้ำ�ยูเฟรติส ฉันหวั่นใจเหลือเกินว่าฉันจะ
ถูกสอบสวนในเรื่องดังกล่าว” แล้วจะเป็นอย่างไรกับเรื่องราวของ
คนที่ถูกขวางกั้นจากความยุติธรรม ทั้งที่เขาอยู่ภายใต้อำ�นาจความ
รับผิดชอบของท่าน?
โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน อัลอับบาส บรรพบุรุษของท่านเคยร้องขอ
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เรือ่ งตำ�แหน่งผูป้ กครองเมือง
มักกะฮฺ ฏออิฟ หรือเยเมน แล้วท่านนบีก็กล่าวว่า

َ ‫إم َار ٍة َاَل ُت ْح ِص‬


‫يها‬ َ ‫يها َخ ْي ٌر ِم ْن‬
َ ‫َيا َع ِّم نَ ْف ٌس ُت ْح ِي‬

“โอ้อบั บาส โอ้ลงุ ของผูเ้ ป็นนบี ชีวติ ของคนๆ หนึง่ ทีท่ า่ นปกป้อง
นั้น ดีกว่าอำ�นาจการปกครองที่ท่านไม่สามารถควบคุมได้” (บันทึก
โดย อัลบัยฮะกีย์และอิบนุอะบิดดุนยา)

เป็ น คำ � ตั ก เตื อ นที่ ท่ า นนบี ม อบให้ กั บ ลุ ง ของท่ า นด้ ว ยความ


ห่วงใย
ท่านนบีบอกกับลุงว่า ตัวท่านไม่อาจประกันความปลอดภัยให้
แก่เขาจากการลงโทษของอัลลอฮฺได้ พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า

‫ين‬ َ ْ ‫ير َت َك‬


َ ‫اأْل ْق َر ِب‬ ِ ‫َو َأ‬
َ ‫نذ ْر َع ِش‬

จงตักเตือนเครือญาติที่ใกล้ชิดของเจ้า (อัชชุอะรออ์ 26 : 214)

83
ท่านกล่าวอีกว่า

ِ
‫هللا‬ ‫اس َيا َص ِف َّي ُة َع َّم َة َر ُس ْو ِل‬ ُ ‫َيا َع َّب‬
‫هللا َش ِيئً ا‬
ِ ‫ي َع ْنكُ ْم ِم َن‬ ِ‫ُ ن‬ َ ‫اط َم ُة ِب ْن َت ُم َح َّم ٍد ِإ ِّن‬
ِ ‫َو َيا َف‬
ْ ‫ي ل ْس ُت أ ْغ‬ ْ
‫ي َو َلكُ ْم َع َم ُلكُ ِم‬ ِ‫ل‬
ْ ‫ي َع َم‬ ْ
ِ‫ل‬

“โอ้อับบาส โอ้เศาะฟียะฮฺ คุณป้าของผู้เป็นนบี และโอ้ฟาฏิมะฮฺ


ลูกสาวของมุฮมั หมัด แท้จริงฉันไม่สามารถประกันความปลอดภัยจาก
การลงโทษของอัลลอฮฺให้กบั พวกท่านได้เลยแม้แต่นอ้ ย การงานของ
ฉันนั้นสำ�หรับตัวฉันเอง และการงานของพวกท่านก็สำ�หรับตัวพวก
ท่าน” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ และอิบนุอะบิดดุนยา)

ท่านอุมัร บินอัลค็อฏฏอบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เคยกล่าวไว้ว่า :


ผู้นำ�นั้นมี 4 แบบ ได้แก่
(1) ผู้นำ�ที่แข็งแกร่ง สามารถควบคุมตนเองและลูกน้องได้ เขา
เปรียบเสมือนมุญาฮิด (นักรบทีต่ อ่ สู)้ ในหนทางของอัลลอฮฺ พระองค์
ทรงแผ่ความเมตตาให้กับเขาอยู่เสมอ
(2) ผูน้ �ำ ทีอ่ อ่ นแอ เขาควบคุมตัวเองได้ แต่ตกอยูภ่ ายใต้อทิ ธิพล
ของลูกน้องของเขาเพราะความอ่อนแอ เขาคือผู้นำ�ที่อยู่ปลายขอบ
แห่งความพินาศ เว้นแต่อัลลอฮฺจะทรงเมตตา
(3) ผู้นำ�ที่สามารถควบคุมลูกน้องได้ แต่ยอมจำ�นนต่ออารมณ์
ใฝ่ต่ำ�ของตัวเอง เขาเป็นเสมือนนรกอัลหุเฏาะมะฮฺ35 ซึ่งท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้เคยกล่าวไว้ว่า
35 - อัลหุเฏาะมะฮฺ คือชื่อหนึ่งของนรก มันทำ�ลายทุกอย่างที่ถูกโยนลงไป

84
َ ‫الح ُط َم ُة َف ُه َو‬
‫الهالِ ُك َو ْح َد ُه‬ ُ ‫اء‬ ِّ ‫ِإ َّن َش َّر‬
ِ ‫الر َع‬

ผู้นำ�ที่เลวร้ายที่สุดก็คืออัลหุเฏาะมะฮฺ และเขาจะทำ�ลายตัวเอง
จนพินาศไป (บันทึกโดย มุสลิม)

(4) ผู้นำ�ที่ยอมจำ�นนต่ออารมณ์ใฝ่ต่ำ�ของตัวเองและอยู่ภายใต้
อิทธิพลของข้าบริวาร พวกเขาจะพินาศไปพร้อมกันทั้งหมด
โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน เรื่องที่ยากลำ�บากที่สุดก็คือการดำ�รงไว้ซึ่ง
สิทธิของอัลลอฮฺ และสิ่งที่มีเกียรติที่สุด ณ ที่พระองค์คือความตักวา
ใครก็ตามทีแ่ สวงหาเกียรติยศด้วยการเชือ่ ฟังอัลลอฮฺ พระองค์จะทรง
ยกย่องและเทิดเกียรติให้เขา และใครก็ตามที่แสวงหามันด้วยการ
ฝ่าฝืน พระองค์จะทำ�ให้เขาต้องอัปยศและตกต่ำ� นี่คือคำ�ตักเตือน
ของฉันแก่ท่าน และขอความศานติจงมีแด่ท่าน

อิมามอัลเอาซาอีย์ เล่าต่อว่า :
แล้วฉันก็ลุกขึ้นจากนั่ง เคาะลีฟะฮฺอัลมันศูรจึงถามว่า “ท่านจะ
ไปไหน?”
ฉันตอบว่า “ฉันจะกลับไปหาลูกๆ และบ้านเกิดของฉัน หาก
ท่านอะมีรุลมุอ์มินีนอนุญาต อินชาอัลลอฮฺ”
เคาะลีฟะฮฺอัลมันศูรตอบว่า “ฉันอนุญาต และขอบคุณมาก
สำ�หรับคำ�ตักเตือนของท่าน ฉันรับมันไว้แล้ว”
มุฮัมหมัด บินมัศอับ ลูกศิษย์คนหนึ่งของอิมามอัลเอาซาอีย์
เล่าว่า : เคาะลีฟะฮฺอัลมันศูรได้มอบเงินจำ�นวนหนึ่งให้กับท่านอิมาม

85
เพื่อเป็นเสบียงค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับ แต่ท่านปฏิเสธและ
กล่าวว่า “ฉันไม่จำ�เป็นต้องใช้มัน ฉันไม่ได้ขายคำ�ตักเตือนของฉัน
เพื่อรางวัลตอบแทนในดุนยา”
อัลเอาซาอีย์ได้สอนมัซฮับของเขาให้แก่เคาะลีฟะฮฺอัลมันศูร
และไม่พบว่าอัลมันศูรจะโกรธเคืองหรือไม่พอใจอะไรใด ๆ เลย36

36 - ดู ตารีค ดิมัชกฺ โดย อิบนุอะซากิร เล่มที่ 14 หน้าที่ 336 และอัลหาฟิซ อิบนุอะบิดดุนยา


ได้รายงานคำ�ตักเตือนนี้ไว้ในหนังสือ “มะวาอิซ อัลคุละฟาอ์”

86
เรื่่�องที่่� 19

เรื่่�องราวของ
สุุฟยาน อััษเษารีีย์ ์

สุฟยาน อัษเษารีย์ หรือ อบูอับดุลลอฮฺ สุฟยาน บินสะอีด บิน


มัสรูก อัษเษารีย์ เป็นตาบิอิตตาบิอีน ที่เกิดในปีฮิจเราะฮฺที่ 97 คือ
ผู้รู้ที่ยิ่งใหญ่จากเมืองกูฟะฮฺ เป็น 1 ในบรรดาอิมามในเรื่องอัลหะดีษ
ถึงขั้นที่ถูกยกย่องเป็น “อะมีรุลมุอ์มินีนในเรื่องหะดีษ” เลยทีเดียว
อิมามอัซซะฮะบียย์ กย่องว่าท่านเป็น “ชัยคุลอิสลาม, อิมามของ
บรรดานักท่องจำ� และเป็นหัวหน้าของบรรดาอุละมาอ์นกั ปฏิบตั ใิ นยุค
ของท่านเอง” อิมามอะหมัดก็เคยพูดถึงท่านไว้ว่า “รู้ไหมว่าใครคือ
อิมาม (ที่แท้จริง)? เขาก็คืออิมามสุฟยาน อัษเษารีย์ ไม่มีใครล้ำ�หน้า
เขาในหัวใจของฉัน” อิมามอัลเอาซาอีย์ เองก็เคยกล่าวไว้เช่นกันว่า
“หากมีใครพูดว่า จงเลือกใครสักคนหนึ่งในอุมมะฮฺนี้ที่ดำ�รงมั่นด้วย
คัมภีรข์ องอัลลอฮฺและสุนนะฮฺของท่านนบี ฉันจะเลือกสุฟยาน อัษเษารีย”์
และผู้รู้บางท่านถึงขั้นพูดว่า “สุฟยานในยุคของเขานั้น ก็เหมือนกับ

87
ท่านอบูบักรและอุมัรในยุคของทั้ง 2 ท่าน”37
ท่านสุฟยาน อัษเษารีย์ นั้นได้รับการยกย่องอย่างสูง ตั้งแต่
อดีตจนถึงปัจจุบัน และต่อไปนี้คือ 4 เหตุการณ์ที่ท่านได้เผชิญหน้า
กับเคาะลีฟะฮฺ ผู้นำ�สูงสุดของอาณาจักรอิสลาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึง
ความรู้ ความกล้าหาญ และความสมถะที่สูงมากของท่าน

เหตุการณ์ที่ 1
เคาะลีฟะฮฺอบูญะอฺฟัร อัลมันศูร แห่งราชวงศ์อับบาสียะฮฺ
แม้ว่าจะเป็นเคาะลีฟะฮฺลำ�ดับที่ 2 แต่ก็ถูกยกย่องว่าเป็นผู้สถาปนา
คิลาฟะฮฺอับบาสียะฮฺที่แท้จริง และแม้ว่าจะมีข้อบกพร่อง ความ
ผิดพลาด และการอธรรมในการปกครองบ้านเมืองอยู่ไม่น้อย แต่
คุณงามความดีของเขาก็มีไม่น้อยเช่นกัน ส่วนหนึ่งก็คือ การรับฟัง
และเคารพให้เกียรติบรรดาผู้รู้
วันหนึง่ ท่านสุฟยาน อัษเษารีย์ ได้เข้าพบเคาะลีฟะฮฺอบูญะอฺฟรั
อัลมันศูร เคาะลีฟะฮฺสั่งให้ท่านแจ้งวัตถุประสงค์หรือความต้องการ
ของท่าน สุฟยานก็ตอบว่า “ท่านจงยำ�เกรงต่ออัลลอฮฺเถิด แท้จริง
แผ่นดินเต็มไปด้วยการอธรรมและความชั่วร้ายแล้ว”
อั ล มั น ศู ร ก้ ม หั ว ลงต่ำ � (เสมื อ นว่ า กำ � ลั ง ครุ่ น คิ ด บางอย่ า ง)
ต่อมาเขาก็ทวนคำ�ถามเดิมอีกครั้ง ท่านสุฟยานก็ตอบว่า “แท้จริง
ท่ า นดำ � รงตำ � แหน่ ง นี้ ไ ด้ ก็ ด้ว ยการต่ อ สู้ ข องชาวมุ ฮ าญิ รี น
และอันศอร ขณะนี้ลูกหลานของพวกเขากำ�ลังล้มตายเพราะ
ความหิวโหย ท่านจงตักวาต่ออัลลอฮฺและมอบสิทธิที่เป็นของ
พวกเขาเถิด”

37 - ดู สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ เล่มที่ 7 หน้าที่ 229 เป็นต้นไป

88
อัลมันศูรก้มหัวลงด้วยความรู้สึกขอบคุณ แล้วเขาก็กล่าวทวน
คำ�ถามเดิมอีกครั้ง แต่ท่านสุฟยานก็เดินจากไปแล้ว38
เมื่ออิมามอบูหะนีฟะฮฺได้เสียชีวิตลงในคุกที่เมืองแบกแดด
เนือ่ งจากปฏิเสธตำ�แหน่งผูพ้ พิ ากษาทีเ่ คาะลีฟะฮฺอบูญะอฺฟรั อัลมันศูร
ต้องการจะยกให้ เคาะลีฟะฮฺกม็ องหาผูร้ คู้ นใหม่ทมี่ าจะรับตำ�แหน่งดัง
กล่าว ที่ปรึกษาเคาะลีฟะฮฺได้แนะนำ�ท่านสุฟยาน อัษเษารีย์ ซึ่งผู้คน
ในขณะนัน้ ยกย่องให้เป็นคนทีม่ คี วามรูม้ ากทีส่ ดุ เคาะลีฟะฮฺจงึ ส่งเจ้า
หน้าที่ให้รีบนำ�ตัวท่านมาเข้าพบทันที
แน่นอนว่าท่านสุฟยานไม่ยอมรับตำ�แหน่งดังกล่าว และท่าน
รู้ดีว่าการปฏิเสธตำ�แหน่งนี้จะนำ�ความเดือนร้อนและปัญหาต่างๆ
เข้ามาในชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เฉกเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับอิมาม
อบูหะนีฟะฮฺแล้วก่อนหน้านี้ ท่านจึงตัดสินใจหลบหนีไปยังมักกะฮฺ
และตั้งแต่นั้นมาท่านก็ถูกทางการตามล่าตัว ท่านอยู่ที่เมืองมักกะฮฺ
ก่อนจะหนีไปยังบัศเราะฮฺ แล้วย้ายมาหลบซ่อนตัวที่เยเมน ก่อนจะ
เดินเท้ากลับมายังมักกะฮฺอีกครั้ง กระทั่งในที่สุด ปีฮิจเราะฮฺที่ 158
เคาะลีฟะฮฺอัลมันศูร ก็ได้เสียชีวิตลง39
มีต่อ...

38 - ดู อิหฺยาอ์ อุลูมิดดีน โดย อิมามอัลเฆาะซาลีย์ เล่มที่ 5 หน้าที่ 120


39 - ดู สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ เล่มที่ 7 หน้าที่ 229 เป็นต้นไป

89
เหตุการณ์ที่ 2
เมื่ อ เคาะลี ฟ ะฮฺ อั ล มั น ศู ร เสี ย ชี วิ ต อั ล มะฮฺ ดี ย์ ก็ ไ ด้ ขึ้ น เป็ น
เคาะลีฟะฮฺต่อจากคุณพ่อ ท่านสุฟยาน อัษเษารีย์ ได้เล่าว่า :
ครั้งหนึ่ง เคาะลีฟะฮฺอัลมะฮฺดีย์ได้เดินทางมาประกอบพิธีหัจญ์
เขาได้กล่าวว่า “ฉันต้องพบกับสุฟยานให้ได้” แล้วเขาก็ส่งเจ้าหน้าที่
ออกตามหาฉันที่บริเวณบัยตุลลอฮฺ กระทั่งพวกเขาเจอฉันในช่วง
กลางคืน
เมื่อฉันมาถึงและยืนอยู่ต่อหน้าอัลมะฮฺดีย์ เขาก็ถามว่า
“ทำ�ไมท่านไม่มาพบเรา เราจะได้ปรึกษาปัญหาของเรากับท่าน?
อะไรก็ตามที่ท่านสั่งให้เราทำ� เราจะทำ�ตาม และไม่ว่าจะท่านจะห้าม
อะไร เราก็จะหยุดทำ�ทันที”
ฉันจึงถามเขาว่า “ท่านใช้จ่ายไปมากเท่าไหร่แล้วกับการเดิน
ทางในครั้งนี้?”
เขาตอบว่า “ฉันไม่รู้ ฉันมีเลขานุการและผูช้ ว่ ยทีจ่ ดั การเรือ่ งนีใ้ ห้”
ฉันจึงพูดว่า “แล้วท่านจะหาเหตุผลไหนมาอ้างได้ในวันข้างหน้า
เมื่ อ ท่ า นอยู่ ต่ อ หน้ า อั ล ลอฮฺ ผู้ ท รงสู ง สุ ด แล้ ว พระองค์ ท รงถาม
ท่ า นเกี่ ย วกั บ เรื่ อ งนี้ ? ทั้ ง ที่ เ มื่ อ ก่ อ น ท่ า นอุ มั ร บิ น อั ล ค็ อ ฏฏอบ
เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ได้เดินทางไปประกอบพิธิหัจญ์ ท่านกล่าวกับคน
รับใช้ของท่านว่า ‘เจ้าใช้จา่ ยไปเท่าไหร่แล้วกับการเดินทางในครัง้ นี?้ ’
คนรับใช้ตอบว่า ‘18 ดีนารครับ ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน’ ท่านอุมัรจึง
อุทานว่า ‘ฉิบหายแล้วสิ นี่เรากำ�ลังผลาญเงินจากคลังสมบัติของพี่
น้องมุสลิมอย่างสิ้นเปลืองแล้ว’
และท่านคงจะเคยได้ยนิ เรือ่ งทีเ่ ราได้รายงานให้แก่อลั มันศูรแล้ว
เป็นรายงานจากอัลอัสวัด บินยะซีด (เป็นตาบิอนี ) จากอัลเกาะมะฮฺ (เป็น

90
ตาบิอนี ) จากท่านอิบนุมสั อูด เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮฺ ว่า ท่านเราะสูลลุ ลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เคยกล่าวไว้ว่า

َ ‫هللا ِف ْي ِما َش‬


‫اء ْت‬ ِ ‫ال َر ُس ْو ِل‬ِ ‫هللا ِو ِم‬
ِ ‫ال‬ِ ‫ي َم‬ ِ ٍ
ْ ‫ُر َّب ُمتَ َخ ِّوض ف‬
َّ ‫نَ ْف ُس ُه َل ُه‬
‫الن ُار َغ ًدا‬

‘บางทีผู้ที่ใช้จ่ายทรัพย์สินของอัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์
ตามที่อารมณ์ใฝ่ต่ำ�ของตัวเองต้องการนั้น วันข้างหน้าเขาจะต้องถูก
ลงโทษในนรก’ (บันทึกโดย อัตติรมิซีย์)”

อบูอบุ ยั ดฺ ซึง่ เป็นเลขานุการของเคาะลีฟะฮฺอลั มะฮฺดยี ไ์ ด้พดู ขึน้


ว่า “อะมีรุลมุอ์มินีนเป็นอย่างนั้นหรือไง?”
ด้วยความเข้มแข็งในฐานะผู้ศรัทธาและเกียรติยศของมุสลิม
ท่านสุฟยาน อัษเษารีย์ได้ตอบกลับไปว่า “เงียบซะเถอะ คนที่ทำ�ให้
ฟิรเอานฺต้องพินาศก็คือฮามาน และคนที่ทำ�ให้ฮามานพินาศก็คือ
ฟิรเอานฺ”40

40 - ดู วะฟะยาต อัลอะอฺยาน วะอันบาอุ อับนาอิซ ซะมาน โดย อิบนุค็อลลิกาน เล่มที่ 2 หน้าที่ 387

91
เหตุการณ์ที่ 3
เคาะลีฟะฮฺอัลมะฮฺดีย์มีภรรยาคนหนึ่งชื่อว่า “อัลค็อยซุรอน”
นักประวัติศาสตร์มีความเห็นแตกต่างกันว่าเธอเป็นใคร? และมา
จากไหน?
บางคนบอกว่าเธอเป็นทาสีจากเมืองเยเมน บางคนก็บอกว่า
มาจากโมรอคโค หรือถูกพวกป่าเถือ่ นลักพาตัวแล้วนำ�มาขายทีเ่ มือง
มักกะฮฺ ซึ่งต่อมาเคาะลีฟะฮฺอัลมันศูร คุณพ่อของเคาะลีฟะฮฺอัลมะฮฺ
ดีย์ หรือเป็นเคาะลีฟะฮฺอัลมะฮฺดีย์เองที่ซื้อเธอไป
เธอให้กำ�เนิดลูกชาย 2 คนที่ได้กลายเป็นเคาะลีฟะฮฺในเวลา
ต่อมา คือเคาะลีฟะฮฺมซู า อัลฮาดีย์ และเคาะลีฟะฮฺฮารูน อัรเราะชีด41
วันหนึง่ (ก่อนทีท่ งั้ สองจะแต่งงานกัน) เคาะลีฟะฮฺอลั มะฮฺดยี ไ์ ด้
พูดกับอัลค็อยซุรอนว่า “ฉันอยากแต่งงานกับเธอ”
อัลค็อยซุรอนตอบว่า “ท่านแต่งงานกับฉันไม่ได้”
อัลมะฮฺดีย์ก็พูดว่า “ได้สิ”
อัลค็อนซุรอนจึงพูดว่า “ต้องมีคนกลางระหว่างท่านกับฉัน”
อัลมะฮฺดีย์เสนอว่า “ถ้าเป็นสุฟยาน อัษเษารีย์ ได้ไหม?”
เธอตอบว่า “ได้”
อัลมะฮฺดีย์ได้ไปพบท่านสุฟยาน และกล่าวว่า “อุมมุรเราะชีด
(กุนยะฮฺของอัลค็อยซุรอน) คิดว่า ฉันแต่งงานกับเธอไม่ได้ ทั้งที่
อัลลอฮฺ ผู้ทรงสูงส่งได้ตรัสไว้ว่า

َ ‫ى َو ُث َاَل َث َو ُر َب‬
‫اع‬ ْ ِ ِّ َ َ ‫انك ُحوا َما َط‬
ٰ َ‫اب لكُ م ِّم َن الن َساء َمثن‬
ِ ‫َف‬

41 - ดู ตารีค บัฆดาด โดย อัลเคาะฏีบ อัลบัฆดาดีย์ เล่มที่ 16 หน้าที่ 616

92
จงแต่งงานกับผู้ที่ดีสำ�หรับพวกเจ้าในหมู่สตรี 2 คน 3 คน และ
4 คน (อันนิสาอ์ 4 : 3)” แล้วเขาก็เงียบ

ท่านสุฟยานได้อ่านอายะฮฺดังกล่าวต่อไปว่า

ِ ‫َف ِإ ْن ِخ ْفتُ ْم َأ َّاَّل َت ْع ِد ُلوا َف َو‬


‫اح َد ًة‬

แต่ถ้าพวกเจ้าเกรงว่าพวกเจ้าจะให้ความยุติธรรมไม่ได้ ก็จง
แต่งงานเพียงคนเดียว

แล้วท่านสุฟยานก็กล่าวว่า “และท่านให้ความยุติธรรมไม่ได้”
เคาะลี ฟ ะฮฺ อั ล มะฮฺ ดี ย์ น้ อ มรั บ คำ � ตั ก เตื อ นของท่ า นสุ ฟ ยาน
อัษเษารีย์ เขาสั่งให้คนรับใช้ของเขามอบเงิน 10,000 ดิรฮัมให้กับ
ท่านสุฟยาน แต่ท่านปฏิเสธ ไม่ยอมรับมันไว้42
อย่ า งไรก็ ต าม ภายหลั ง เคาะลี ฟ ะฮฺ อั ล มะฮฺ ดี ย์ ก็ ไ ด้ ป ล่ อ ย
ค็อยซุรอนให้เป็นอิสระและแต่งงานกับเธอในที่สุด

เหตุการณ์ที่ 4
อัลเกาะอฺกออฺ บินหะกีม เล่าว่า :
ฉันเคยอยูก่ บั เคาะลีฟะฮฺอลั มะฮฺดยี ์ แล้วสุฟยาน อัษเษารีย์ ผูร้ ทู้ ี่
ยิง่ ใหญ่ของชาวมุสลิมก็มาถึง เขาเดินเข้ามาแล้วก็ให้สลามกับคนอืน่
ๆ แต่ไม่ให้สลามแก่เคาะลีฟะฮฺ ขณะนัน้ อัรเราะบีอยฺ นื ถือดาบคอยดูแล
สถานการณ์อยู่ข้างๆ เคาะลีฟะฮฺ
42 - ดู วะฟะยาต อัลอะอฺยาน วะอันบาอุ อับนาอิซ ซะมาน โดย อิบนุค็อลลิกาน เล่มที่ 2 หน้าที่ 389

93
อัลมะฮฺดยี ต์ อ้ นรับสุฟยานด้วยใบหน้าทีส่ ดใส แล้วเขาก็กล่าวว่า
“โอ้สฟุ ยาน มองดูรอบตัวท่านสิ ท่านคิดว่าหากเราประสงค์รา้ ยกับท่าน
เราจะไม่สามารถทำ�อะไรกับท่านได้หรือ? ตอนนีเ้ ราคุมตัวท่านไว้แล้ว
ท่านไม่กลัวว่าเราจะลงโทษท่านตามอำ�เภอใจหรือ?”
ท่ า นสุ ฟ ยานกล่ า วว่ า “หากท่ า นลงโทษฉั น (โดยอธรรม)
กษัตริยผ์ ทู้ รงอำ�นาจ ผูท้ รงจำ�แนกระหว่างความจริงกับความเท็จ
ก็จะลงโทษท่านด้วย”
อัรเราะบีอฺได้กล่าวกับเคาะลีฟะฮฺอัลมะฮฺดีย์ว่า “โอ้อะมีรุล
มุอม์ นิ นี จะปล่อยให้คนโง่คนนีเ้ ข้าพบท่านเพียงเพือ่ กล่าวเช่นนีอ้ ย่าง
นั้นหรือ? โปรดอนุญาตให้ฉันฟันคอเขาด้วยเถิด”
เคาะลีฟะฮฺอัลมะฮฺดีย์จึงกล่าวว่า “เงียบซะ ให้ตายสิ คนๆ นี้
และคนทีเ่ หมือนกับเขาต้องการให้เราฆ่าพวกเขาอยูแ่ ล้ว เราจะได้ทน
ทุกข์เนื่องจากความสุขของพวกเขา จงเขียนเอกสารคำ�สั่งแต่งตั้งให้
เขาเป็นผู้พิพากษาของเมืองกูฟะฮฺ และห้ามมีใครคัดค้านคำ�ตัดสิน
ของเขาด้วย”
แล้วคำ�สัง่ แต่งตัง้ ก็ได้ถกู เขียนขึน้ และถูกมอบให้กบั ท่านสุฟยาน
อัษเษารีย์ ท่านรับหนังสือดังกล่าวไว้แล้วก็ออกไป ท่านทิ้งมันลงใน
แม่น้ำ�ไทกริส แล้วก็หายตัวไป ผู้คนในทุกหัวเมืองต่างออกตามหา
ท่าน แต่ไม่มีใครเจอเลย ตำ�แหน่งผู้พิพากษาจึงกลายเป็นของชะรีก
อันนะเคาะอีย์ 43

43 - ดู ตัซกิเราะตุล หุฟฟาซ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 160 และ วะฟะยาต อัลอะอฺยาน
วะอันบาอุ อับนาอิซ ซะมาน โดย อิบนุค็อลลิกาน เล่มที่ 2 หน้าที่ 390

94
เรื่่�องที่่� 20

ไม่่ต้้องพาขบวนม้้า
และข้้าบริิวารมากมายมาด้้วย

ในอดีตมีผู้รู้ท่านหนึ่งนามว่า หัมมาด บินสะละมะฮฺ เสียชีวิตใน


ปีฮิจเราะฮฺที่ 167 อิมามอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวถึงหัมมาดว่า ท่านคือ
อิมามผู้เป็นแบบอย่าง และเป็นชัยคุลอิสลาม44
วันหนึง่ มุกอติล บินสุลยั มาน หรือ มุกอติล บินศอลิหฺ ได้เล่าว่า :
ฉั น ได้ ไ ปเยี่ ย มหัมมาด บิน สะละมะฮฺ ปรากฏว่าที่บ้านของ
เขาไม่มีอะไรเลยนอกจากเสื่อ 1 ผืน ซึ่งเขากำ�ลังนั่งทับและอ่าน
อัลกุรอานในมือตัวเอง เขามีกระเป๋าทีเ่ ก็บสมุดบันทึกความรูข้ องเขา
ไว้ และน้�ำ สะอาดสำ�หรับใช้อาบน้�ำ ละหมาด เมือ่ ฉันนัง่ ลง ใครบางคน
ก็ได้เคาะประตูบ้าน
หัมมาดจึงบอกภรรยาของเขาว่า “หะบีบะฮฺ ออกไปดูหน่อยว่า
มีใครมา?”
44 - ดู สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ เล่มที่ 7 หน้าที่ 445

95
เธอก็ตอบว่า “คนส่งสารของมุฮมั หมัด บินสุลยั มาน (ผูป้ กครอง
เมืองกูฟะฮฺและบัศเราะฮฺในตอนนั้น) มาหาหัมมาด บินสะละมะฮฺ”
หัมมาดก็ได้เชิญเขาเข้ามา
หลังจากให้สลามแล้ว คนส่งสารก็ได้อา่ นจดหมาย ความว่า “ขอ
อัลลอฮฺทรงคุ้มครองท่านด้วยกับการคุ้มครองที่พระองค์ได้มอบให้
กับบุคคลผูเ้ ป็นทีร่ กั ของพระองค์และบรรดาผูเ้ ชือ่ ฟังภักดีทงั้ หลาย มี
ปัญหาบางอย่างเกิดขึน้ แล้ว ขอให้ทา่ นมาหาเราด้วย เราจะได้ปรึกษา
ปัญหาดังกล่าวกับท่าน วัสสะลาม”
แล้วหัมมาดก็กล่าวขึ้นว่า “หะบีบะฮฺ หยิบน้ำ�หมึกมาให้หน่อย”
แล้วหัมมาดก็พูดกับฉัน (มุตอกิล) ว่า “ตอบจดหมายของ
เขาหน่อย เขียนลงไปว่า ‘ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครองท่านด้วยกับการ
คุ้มครองที่พระองค์ได้มอบให้กับบุคคลผู้เป็นที่รักของพระองค์และ
บรรดาผู้เชื่อฟังภักดีทั้งหลายเช่นกัน เท่าที่เราทราบมา บรรดา
อุละมาอ์นั้นจะไม่เดินทางไปหาใครคนใดคนหนึ่ง หากท่านมี
ปัญหา ท่านก็จงมาหาเรา แล้วถามปัญหาของท่านกับเรา และหาก
ท่านจะเดินทางมา ก็ไม่ตอ้ งพาขบวนม้าและข้าบริวารมากมายมา
ด้วยเด็ดขาด มิฉะนั้นฉันจะไม่ตอบปัญหาของท่าน และฉันจะไม่
ตักเตือนท่าน นอกจากให้ท่านยำ�เกรงต่ออัลลอฮฺ วัสสะลาม’”
คนส่งสารรับจดหมายของหัมมาด แล้วก็เดินทางออกไป
ต่อมา ขณะที่ฉัน (มุกอติล) ยังนั่งอยู่กับหัมมาด เสียงเคาะประตูก็
ดังขึ้นอีกครั้ง หัมมาดพูดกับภรรยาของเขาอีกครั้งหนึ่งว่า “หะบีบะฮฺ
ออกไปดูหน่อยว่ามีใครมา?”
เธอตอบกลับมาว่า “มุฮัมหมัด บินสุลัยมานค่ะ”
หัมมาดพูดกับเธอว่า “บอกเขาไปว่า เข้ามาคนเดียวเท่านั้น”

96
แล้วมุฮัมหมัด บินสุลัยมาน ผู้ปกครองแห่งเมืองกูฟะฮฺและ
บัศเราะฮฺก็ได้เข้ามา และนั่งลงต่อหน้าหัมมาด เขาถามว่า “ทุกครั้ง
ที่ฉันมองท่าน ทำ�ไมฉันต้องรู้สึกหวั่นเกรงท่านด้วย?”
หัมมาดตอบว่า “ษาบิต อัลบุนานีย์ (เป็นตาบิอีน และเป็น
อาจารย์คนหนึ่งของหัมมาด) ได้รายงานให้ฉันฟังว่า เขาเคยได้ยิน
ท่านอนัส บินมาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า : ฉันเคยได้ยินท่าน
เราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า

‫ َو ِإذَ ا‬, ‫ي ٍء‬ َ ِ ِ ِ ْ‫العالِ َم ِإذَ ا َأ َر َ ِ ل‬


ْ ‫ َه َاب ُه كُ ُل ش‬, ‫اد ِبع مه َو ْج َه هللا‬ َ ‫ِإ َّن‬
‫ي ٍء‬ َ ِّ ِ َ ‫ َه‬, َ‫اد َأ ِن ُي ْكثِ َر ِب ِه الكُ نُ ْوز‬
َ ‫َأ َر‬
ْ ‫اب م ْن كُ ل ش‬

แท้จริงเมื่อผู้รู้คนหนึ่งใช้ความรู้ของเขาเพื่อแสวงหาพระพักต์
(ความพอพระทัย) ของอัลลอฮฺ ทุกสิง่ ทุกอย่างจะเกรงกลัวเขา แต่หาก
เขาใช้มนั เพือ่ กอบโกยทรัพย์สมบัติ เขาจะเกรงกลัวทุกสิง่ ทุกอย่าง” 45

มุฮัมหมัด บินสุลัยมาน ถามต่ออีกว่า “ขออัลลอฮฺทรงเมตตา


ท่าน ท่านคิดเห็นอย่างไรกับคนที่มีลูกชาย 2 คน แล้วเขาพอใจลูก
คนหนึ่งมากกว่าอีกคน และตั้งใจจะมอบ 2 ใน 3 ของสมบัติให้กับ
ลูกชายคนนั้นตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่?”
หัมมาดตอบว่า “ขออัลลอฮฺทรงเมตตาท่านเช่นกัน ท่านอย่าทำ�
อย่างนัน้ เลย ฉันเคยได้ยนิ ท่านอนัส บินมาลิก กล่าวว่า ฉันเคยได้ยนิ

45 - อัสสุบกีย์บอกว่า หะดีษนี้ไม่มีที่มาที่ไป (ดู ตะอฺฏีรุล อันฟาส มิน หะดีษิล อิคลาศ โดย ดร. สัยยิด
บินหุสยั นฺ อัลอัฟฟานีย์ หน้าที่ 621) และเชคอัลบานียบ์ อกว่า เป็นหะดีษเฎาะอีฟ (ในหนังสือ สิลสิละตุล
เฎาะอีฟะฮฺฯ)

97
ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวไว้ว่า :

‫ي َح َياتِ ِه َو َّف َق ُه‬ ِ ِ ِ ِ ِ ِّ َ ُ َ ‫ِإذَ ا َأ َر‬


ْ ‫هللا أ ْن ُي َعذ َب َع ْب ًدا م ْن ع َباده ف‬ ‫اد‬
‫ِإ َلى َو ِص ِّي ٍة َجائِ َر ٍة‬

เมื่ออัลลอฮฺประสงค์จะลงโทษบ่าวคนใดคนหนึ่งขณะที่เขายังมี
ชีวิตอยู่ พระองค์จะนำ�ทางเขาไปสู่คำ�สั่งเสียที่ไม่เป็นธรรม”
มุฮมั หมัดต้องการมอบเงินให้แก่หมั มาด แต่เขาปฏิเสธ สุดท้าย
มุฮัมหมัด บินสุลัยมาน ผู้ปกครองเมืองบัศเราะฮฺ ก็เดินออกไป46

46 - ดู อัลอิสลาม บัยนัล อุละมาอ์ วัลหุกกาม โดย อับดุลอะซีซ อัลบัดรีย์ หน้าที่ 99

98
เรื่่�องที่่� 21

เคาะลีีฟะฮฺฺอัล
ั มะฮฺฺดีย์
ี ร้้อ
์ งไห้้

ในอดีตมีชาวสะลัฟท่านหนึ่งนามว่า “ศอลิหฺ อัลมัรรีย์” ผู้คน


รูจ้ กั ท่านในฐานะของคนทีม่ คี วามยำ�เกรงต่ออัลลอฮฺและใช้ชวี ติ อย่าง
สมถะ พำ�นักอยูท่ เี่ มืองบัศเราะฮฺ ท่านรายงานหะดีษจากท่านอัลหะสัน,
บักรฺ บินอับดุลลอฮฺ อัลมุซะนีย,์ ษาบิต และเกาะตาดะฮฺ เป็นต้น ท่าน
เสียชีวิตในปีฮิจเราะฮฺที่ 172 หรือ 176 วัลลอฮุอะอฺลัม 47
วันหนึ่ง เคาะลีฟะฮฺอัลมะฮฺดีย์ แห่งราชวงศ์อับบาสียะฮฺได้ส่ง
เจ้าหน้าที่ไปหาศอลิหฺ อัลมัรรีย์ เพื่อเชิญท่านมาที่วังเคาะลีฟะฮฺ
ศอลิหฺ อัลมัรรีย์ ได้เล่าเหตุการณ์นี้ไว้ด้วยตัวเองว่า :
เมื่ อ ฉั น ได้ พ บกั บ เคาะลี ฟ ะฮฺ อั ล มะฮฺ ดี ย์ ฉั น ก็ ก ล่ า วว่ า “โอ้
อะมีรุลมุอ์มินีน โปรดรับสิ่งที่ฉันจะมอบให้ท่านในวันนี้ไว้เพื่ออัลลอฮฺ
เถิด เพราะคนที่คู่ควรที่สุดที่จะได้รับความรักจากอัลลอฮฺ ก็คือคนที่
รับฟังคำ�ตักเตือน แม้มันจะเป็นคำ�ตักเตือนที่รุนแรงก็ตาม

47 - ดู สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ เล่มที่ 8 หน้าที่ 47

99
คนที่เป็นเครือญาติกับท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ
วะสัลลัม48 ก็ควรสืบสานจรรยามารยาทและเดินตามทางนำ�ของท่าน
แท้จริงอัลลอฮฺได้ประทานความเข้าใจในวิชาความรู้และข้อโต้แย้ง
ที่ชัดเจนเป็นมรดกให้ท่านใช้ตัดสินทุกข้อกล่าวอ้าง ทุกครั้งที่ท่าน
อ้างหลักฐานหรือทำ�สิ่งที่คลุมเครือซึ่งไม่มีหลักฐานที่ถูกต้องจาก
อัลลอฮฺรับรอง ท่านก็จะพบกับความโกรธกริ้วของพระองค์ตาม
ระดับความโง่เขลาหรือความมดเท็จที่ท่านได้ก่อไว้
พึงทราบเถิดว่า ท่านเราะสูลลุ ลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม
นัน้ จะเป็นศัตรูคโู่ ต้แย้งของคนทีต่ อ่ ต้านอุมมะฮฺของท่าน และแย่งชิง
บทบัญญัติของพวกเขา ใครก็ตามที่มุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ
วะสัลลัม เป็นศัตรูของเขา อัลลอฮฺก็เป็นศัตรูของเขาด้วย
ดังนั้นจงเตรียมตัวให้พร้อมเผชิญหน้ากับอัลลอฮฺและเราะสูล
ของพระองค์ ด้วยข้อโต้แย้งที่สามารถการันตีความปลอดภัยของ
ท่าน หรือทำ�ให้ท่านรอดพ้นจากความพินาศได้เถิด (ซึ่งแน่นอนว่า
ไม่มีหรอก)
และพึงรู้ไว้ว่า โรคที่ร้ายกาจที่สุดคือการตื่นขึ้นของอารมณ์
ใฝ่ต่ำ� ส่วนคนที่เท้าทั้ง 2 ข้างของเขามั่นคงที่สุดในวันกิยามะฮฺ ก็คือ
คนที่ยึดมั่นกับคัมภีร์ของอัลลอฮฺและสุนนะฮฺของท่านเราะสูลุลลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม
คนอย่างท่านไม่ควรหยิ่งผยองด้วยการฝ่าฝืนพระองค์ แต่ควร
โต้กลับความชั่วด้วยความดีงาม ให้พวกปราชญ์ชั่วได้เห็นมัน แล้ว
ท่านก็ใช้กับดักนี้ออกตามล่าดุนยาตามที่ท่านต้องการได้เลย

48 - เคาะลีฟะฮฺอัลมะฮฺดีย์นั้นสืบเชื้อสายมาจากอัลอับบาส คุณลุงของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะ


ลัยฮิ วะสัลลัม

100
ท่านจงรับคำ�ตักเตือนนี้ด้วยดีเถิด เพราะฉันได้นำ�เสนอให้กับ
ท่านด้วยวิธีที่ดีที่สุดแล้ว”
เคาะลีฟะฮฺอัลมะฮฺดีย์ร้องไห้ และได้สั่งให้มอบบางอย่างแก่
ศอลิหฺ แต่เขาไม่ยอมรับมันไว้
ในหนังสือบางเล่มเล่าว่า ศอลิหไฺ ด้เห็นคำ�ตักเตือนดังกล่าวของ
เขาถูกจารึกไว้ในสมุดบันทึกของเคาะลีฟะฮฺอัลมะฮฺดีย์ด้วย49

49 - ดู วะฟะยาต อัลอะอฺยาน วะอันบาอุ อับนาอิซ ซะมาน โดย อิบนุค็อลลิกาน เล่มที่ 2 หน้าที่ 494

101
เรื่่�องที่่� 22

เมื่่� ออิิ ม ามมาลิิ ก


ถููกเฆี่่�ยน 70 ครั้้�ง

อิมามมาลิก เราะหิมะฮุลลอฮฺ เจ้าของมัซฮับมาลิกีย์ เกิดในปี


ฮิจเราะฮฺที่ 93 คือในช่วงการปกครองของเคาะลีฟะฮฺอัลวะลีด บิน
อับดุลมะลิก แห่งราชวงศ์อุมัยยะฮฺ และเสียชีวิตลงในปีฮิจเราะฮฺ
ที่ 179 คือในยุคการปกครองของเคาะลีฟะฮฺฮารูน อัรเราะชีด แห่ง
ราชวงศ์อับบาสียะฮฺ
ท่านคือ 1 ในผู้รู้คนสำ�คัญที่สุดของเมืองมะดีนะฮฺ กระทั่งได้รับ
ฉายาว่าเป็น “อิมามแห่งแผ่นดินหิจเราะฮฺ”
ครั้งหนึ่ง อิมามมาลิกถูกนำ�ตัวไปพบกับญะอฺฟัร บินสุลัยมาน
บินอลี บินอับดุลลอฮฺ บินอับบาส เขาคือผู้ปกครองเมืองมะดีนะฮฺ
และเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเคาะลีฟะฮฺอบูญะอฺฟัร อัลมันศูร
ที่ปรึกษาของญะอฺฟัรได้รายงานว่า “เขา (อิมามมาลิก) ไม่ยอม
กล่าวคำ�สาบานให้สัตยาบันแก่พวกท่านเลย”

102
ญะอฺฟัรโกรธมาก เขาสั่งให้ถอดเสื้อของอิมามมาลิกออก แล้ว
เฆี่ยนตีท่านด้วยแส้ ขณะนั้นมือของท่านยังถูกมัดไว้ จนกระทั่งไหล่
ของท่านหลุด ญะอฺฟัรทำ�สิ่งที่โหดร้ายมาก หลังการเฆี่ยนตีในครั้งนี้
อิมาม มาลิกก็ถูกโจมตีต่าง ๆ นา ๆ มากมาย
อิมามอิบนุลเญาซีย์ ได้เขียนไว้ในหนังสือ “ซุซูรุล อุกูด” ว่า :
ในปีฮิจเราะฮฺที่ 147 อิมามมาลิก บินอนัส ถูกเฆี่ยน 70 ครั้ง เพราะ
ฟัตวาไม่ตรงกับที่สุลต่าน (ผู้ปกครอง) ต้องการ50
ชาวมะดีนะฮฺนั้นโกรธเคืองต่อผู้ปกครองเมืองมะดีนะฮฺ และ
ราชวงศ์ อั บ บาสี ย ะฮฺ อ ยู่ แ ล้ ว เนื่ อ งจากการอธรรมของพวกเขา
การทำ � เช่ น นี้ กั บ ผู้ รู้ ที่ พ วกเขารั ก ยิ่ ง ทำ � ให้ ช าวมะดี น ะฮฺ ไ ม่ พ อใจ
เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเคาะลีฟะฮฺอบูญะอฺฟัร อัลมันศูร ก็รับรู้ได้
ญะอฺฟัร บินสุลัยมาน ผู้ปกครองเมืองมะดีนะฮฺนั้น ลงโทษ
อิมามมาลิกโดยพลการ เคาะลีฟะฮฺอบูญะอฺฟัร อัลมันศูร ไม่ได้มี
คำ�สั่งหรือมีส่วนร่วมใดๆ กับเหตุการณ์ในครั้งนี้เลย ด้วยเหตุน้ีเอง
เมือ่ เคาะลีฟะฮฺอลั มันศูรเดินทางมาประกอบพิธหี จั ญ์ เขาได้สง่ คนไป
หาอิมามมาลิกเพื่อขอโทษท่าน
อิ ม ามมาลิ ก เราะหิ ม ะฮุ ล ลอฮฺ เล่ า ไว้ ว่ า : เมื่ อ ฉั น เข้ า พบ
เคาะลีฟะฮฺอบูญะอฺฟัร เขาก็กล่าวกับฉันว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ
ผู้ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ฉันไม่ได้มีรับสั่งในสิ่งที่เกิด
ขึ้น และฉันก็ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับมันด้วย ประชาชนแห่งแผ่นดินหะรอม
ทัง้ 2 จะคงอยูใ่ นความดีงามตราบใดทีท่ า่ นยังอยูใ่ นหมูพ่ วกเขา และ
ฉันคิดว่า (ด้วยประสงค์ของอัลลอฮฺ) ท่านคือผู้ปกป้องพวกเขาจาก
การลงโทษ และอัลลอฮฺได้ทรงยกพลังอำ�นาจที่ยิ่งใหญ่ไปจากพวก

50 - ดู วะฟะยาต อัลอะอฺยาน วะอันบาอุ อับนาอิซ ซะมาน โดย อิบนุค็อลลิกาน เล่มที่ 4 หน้าที่ 137

103
เขาเพราะท่าน แท้จริงแล้วพวกเขาคือคนทีร่ วดเร็วในการเข้าสูฟ่ ติ นะฮฺ
และฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันได้สั่งให้นำ�ตัวเขา (ญะอฺฟัร บินสุลัย
มาน) จากเมืองมะดีนะฮฺไปยังประตูเมืองอิรักแล้ว ฉันสั่งจำ�คุกเขา
และทำ�ให้เขาต้องประสบกับความอัปยศอดสู และฉันจะลงโทษเขา
เป็น 2 เท่าจากที่เขาทำ�กับท่าน”
ฉั น (อิ ม ามมาลิ ก ) กล่ า วว่ า “ขออั ล ลอฮฺ ท รงอภั ย ให้ กั บ
อะมีรุลมุอ์มินีนและทรงยกเกียรติแก่ท่พี ำ�นักของท่าน ฉันยกโทษ
ให้ กั บ เขา เนื่ อ งด้ ว ยความสั ม พั น ธ์ เ ครื อ ญาติ ข องเขากั บ ท่ า น
เราะสูลลุ ลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม และกับท่านเองด้วย”
เคาะลีฟะฮฺอบูญะอฺฟัร อัลมันศูร ก็ได้กล่าวตอบว่า “ขออัลลอฮฺ
ทรงอภัยให้กับท่านด้วย”51

51 - ดู มาลิกฯ โดย มุฮัมหมัด อบูซะฮฺเราะฮฺ หน้าที่ 79-81

104
เรื่่�องที่่� 23


ฝ่่ามืือนี้้นุ่่�มน วลจริิง ๆ

อัลฟ็อฎลฺ บินอัรเราะบีอฺ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า อิบนุรเราะบีอฺ


ผู้ช่วยคนหนึ่งของเคาะลีฟะฮฺฮารูน อัรเราะชีด แห่งราชวงศ์อับบาสี
ยะฮฺ ได้เล่าว่า :
วันหนึง่ ขณะทีฉ่ นั อยูท่ บี่ า้ น ฉันถอดเสือ้ ผ้าออกเพือ่ เตรียมตัวเข้า
นอน แต่แล้วฉันก็ได้ยนิ เสียงเคาะประตูดงั มาก ด้วยความกังวลใจฉัน
จึงถามขึ้นว่า “นั่นใคร?” คนที่อยู่หลังประตูตอบกลับมาว่า “จงตอบ
รับการมาของอะมีรุลมุอ์มินีนเถิด”
ฉันรีบเดินไปเปิดประตู ปรากฏว่า เคาะลีฟะฮฺฮารูน อัรเราะชีด
ยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ใบหน้าของท่านดูหมองคล้ำ�และเศร้าเสียใจ
ฉันจึงพูดว่า “โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน ท่านส่งคนมาหาฉันก็ได้ ฉันจะเป็น
คนไปหาท่านเอง”
เคาะลีฟะฮฺฮารูนตอบว่า“ให้ตายสิ มีบางอย่างรบกวนจิตใจฉัน

105
ฉั น นอนไม่ ห ลั บ เลย และรู้ สึ ก วิ ต กกั ง วลมากด้ ว ย มี เ พี ย งผู้ รู้ ที่ มี
ตักวาเท่านั้นที่สามารถขจัดเรื่องกวนใจของฉันได้ ช่วยแนะนำ�ใคร
สักคนหนึ่งให้ฉันที”
อิบนุรเราะบีอไฺ ด้แนะนำ�อัลฟุฎอ็ ยลฺ บินอิยาฎ เคาะลีฟะฮฺอรั เราะชีด
จึงพูดว่า “รบกวนพาฉันไปหาเขาหน่อย”
อัลฟุฎ็อยลฺ บินอิยาฎ คือ 1 ในผู้รู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในช่วงปี
ฮิจเราะฮฺศตวรรษที่ 2 ท่านเกิดในปีฮจิ เราะฮฺที่ 107 ทีเ่ มืองสะมัรก็อนดฺ
แคว้นคุรอซาน แต่ก่อนนั้นท่านอัลฟุฎ็อยลฺ บินอิยาฎ ไม่ได้เป็นผู้รู้
หรือคนดีที่ผู้คนต่างยกย่องชื่นชม ท่านเคยเป็นโจรขวางทางสัญจร
และปล้นสะดมทรัพย์สินของผู้คน แต่อัลลอฮฺทรงดลใจให้ท่านกลับ
เนื้อกลับตัวอย่างแท้จริง เปลี่ยนแปลงตัวเองจนกระทั่งกลายเป็น
ผู้รู้ที่ยิ่งใหญ่ ถึงขั้นได้รับขนานนามว่าเป็น “อาบิดุล หะเราะมัยนฺ”
(นักอิบาดะฮฺแห่งเมืองหะรอมทั้ง 2)52
อิบนุรเราะบีอฺ ได้เล่าต่อไปว่า : แล้วเราทั้ง 2 คนก็เดินทางไป
หาอัลฟุฎอ็ ยลฺ บินอิยาฎ ปรากฏว่าเขากำ�ลังละหมาดอยูท่ หี่ อ้ งของเขา
ตอนนั้นเขากำ�ลังอ่านอายะฮฺกุรอานที่ว่า

َ ‫ات َأن َّن ْج َع َل ُه ْم كَ الَّ ِذ‬


‫ين‬ ِ َ‫الس ِّيئ‬
َّ ‫اجتَ َر ُحوا‬ َ ‫َأ ْم َح ِس َب الَّ ِذ‬
ْ ‫ين‬
‫اء َما‬
َ ‫اه ْم َو َم َم ُات ُه ْم َس‬
ُ ‫اء َّم ْح َي‬
ً ‫ات َس َو‬ َّ ‫آمنُ وا َو َع ِم ُلوا‬
ِ ‫الصالِ َح‬ َ
﴾٢١﴿ ‫ون‬
َ ‫َي ْحكُ ُم‬

52 - ดู สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ เล่มที่ 8 หน้าที่ 422 และตารีค ดิมัชกฺ โดย
อิบนุอะซากิร เล่มที่ 32 หน้าที่ 499

106
บรรดาผู้ที่ทำ�ความชั่วคิดหรือว่า เราจะทำ�ให้พวกเขากับบรรดา
ผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีทั้งหลายเท่าเทียมกัน ทั้งในช่วงการมี
ชีวิตและการตายของพวกเขา สิ่งที่พวกเขาตัดสินนั้นชั่วช้าจริงๆ
(อัลญาษิยะฮฺ 45 : 21)

เคาะลีฟะฮฺอรั เราะชีดได้ยนิ ดังนัน้ จึงกล่าวขึน้ ว่า “หากเราต้องการ


ประโยชน์จากอะไรบางอย่าง นี่แหละใช่เลย” แล้วท่านก็เคาะประตู
อัลฟุฎ็อยลฺถามว่า “นั่นใคร?”
อัรเราะชีดตอบว่า “จงตอบรับอะมีรุลมุอ์มินีนเถิด”
อัลฟุฎ็อยลฺตอบกลับว่า “ฉันไม่มีธุระอะไรกับอะมีรุลมุอ์มินีน”
อัรเราะชีดถามกลับไปว่า “สุบหานัลลอฮฺ ท่านต้องเชื่อฟังเขา
มิใช่หรือ?”
อิบนุรเราะบีอเฺ ล่าต่อว่า : อัลฟุฎอ็ ยลฺยอมเปิดประตูออกมา แล้ว
เขาก็กลับเข้าไปในห้องและดับตะเกียงไฟ จากนั้นก็เดินไปที่มุมหนึ่ง
ของห้อง เราเดินตามเขาไป
เคาะลีฟะฮฺฮารูน อัรเราะชีดได้จับมือสลามกับเขาก่อน เมื่อได้
สัมผัสมือกันแล้ว อัลฟุฎ็อยลฺก็พูดขึ้นว่า “โอ้ ฝ่ามือนี้นุ่มนวลจริงๆ
ถ้ามันรอดพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮฺในวันพรุ่งนี้ก็คงดี”
ฉัน (อิบนุรเราะบีอ)ฺ กล่าวในใจว่า “หวังว่าคืนนี้ เขา (อัลฟุฎอ็ ยลฺ)
จะตักเตือนเคาะลีฟะฮฺดว้ ยคำ�พูดทีจ่ ริงใจ ทีอ่ อกมาจากหัวใจทีย่ �ำ เกรง”
เคาะลีฟะฮฺอรั เราะชีดกล่าวว่า “รับสิง่ ทีเ่ ราพามาให้ทา่ นหน่อยสิ
ขออัลลอฮฺทรงเมตตาท่าน”
แต่อลั ฟุฎอ็ ยลฺ บินอิยาฎฺ กลับตอบว่า “ท่านพาอะไรมาล่ะ แท้จริง
ตัวท่านนัน้ แบกภาระบาปทีม่ ากมาย เต็มไปด้วยความอัปยศอดสูของ

107
ประชาชนและทุกคนทีอ่ ยูก่ บั ท่าน ทัง้ ทีป่ รึกษาและเจ้าหน้าทีท่ งั้ หลาย
จะพาดพิงบาปต่างๆ ของพวกเขามาที่ท่านในวันแห่งการคิดบัญชี
พวกเขาอธรรมและทำ�ชั่วก็เพราะท่าน
ในวันแห่งการคิดบัญชี เมื่อม่านที่กั้นขวางระหว่างท่านกับพวก
เขาถูกเปิดออก พวกเขาจะเป็นคนที่เกลียดท่านมากที่สุด และจะหนี
ห่างจากท่านมากที่สุดด้วย แม้ว่าท่านจะขอให้พวกเขาช่วยแบ่งเบา
ภาระบาปบางอย่างทีพ่ วกเขาเคยทำ�ไว้กต็ าม และคนทีจ่ ะรักท่านมาก
ที่สุดก็คือ คนที่หนีห่างจากท่านมากที่สุด (ตอนอยู่บนโลกดุนยา)”
อัลฟุฎอ็ ยลฺ กล่าวต่อไปว่า “แท้จริงเมือ่ ท่านอุมรั บินอับดุลอะซีซ
ขึน้ เป็นเคาะลีฟะฮฺ (ในยุคสมัยของราชวงศ์อมุ ยั ยะฮฺ) เขาได้เชิญสาลิม
บินอับดุลลอฮฺ, มุฮัมหมัด บินกะอบฺ และเราะญาอ์ บินหัยวะฮฺ ทั้ง
3 ท่านล้วนเป็นผู้รู้ที่ดี แล้วท่านอุมัรก็พูดกับพวกเขาว่า ‘ฉันกำ�ลัง
ถูกทดสอบด้วยกับภัยพิบัตินี้ โปรดตักเตือนฉันด้วย’ ท่านอุมัรมอง
ตำ�แหน่งเคาะลีฟะฮฺวา่ เป็นภัย แต่ตวั ท่านและข้าบริวารของท่านกลับ
มองว่ามันเป็นความโปรดปราน
สาลิม บินอับดุลลอฮฺ ได้กล่าวกับเคาะลีฟะฮฺอมุ รั บินอับดุลอะซีซ
ว่า ‘หากท่านอยากจะรอดพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮฺในวัน
พรุ่งนี้ ท่านจงทำ�ให้มุสลิมที่อาวุโสกว่าเป็นเสมือนพ่อของท่าน
และคนทีอ่ ายุไล่เลีย่ กันเป็นพีน่ อ้ งของท่าน และคนทีอ่ ายุนอ้ ยกว่า
เป็นลูกหลานของท่าน ท่านจงเคารพคุณพ่อ ให้เกียรติพนี่ อ้ ง และ
เมตตาสงสารลูกๆ’
ส่วนเราะญาอ์ บินหัยวะฮฺ ก็ได้กล่าวเช่นกันว่า ‘หากวันพรุ่งนี้
ท่านอยากจะปลอดภัยจากการลงโทษของอัลลอฮฺ ท่านก็จงรักชาว
มุสลิมเหมือนกับที่ท่านรักตัวเอง และจงรังเกียจ ไม่อยากให้สิ่งที่

108
ตัวท่านเองรังเกียจต้องประสบกับพวกเขาด้วย จากนั้นก็จงตายเถิด
หากท่านต้องการ’
ฉัน (อัลฟุฎ็อยลฺ บินอิยาฎ) ขอกล่าวว่า : โอ้ฮารูน ฉันรู้สึก
กลัวเกี่ยวกับท่านจริงๆ กลัววันที่เท้าทั้งหลายจะทรุดต่ำ�ลง’” แล้ว
เคาะลีฟะฮฺฮารูน อัรเราะชีด ก็ร้องไห้
อิบนุรเราะบีอฺเล่าต่อว่า : ฉันกล่าวว่า “พูดดีๆ กับอะมีรุล
มุอ์มินีนหน่อยสิ”
อัลฟุฎอ็ ยลฺกต็ อบว่า “ฉันพูดดีกบั เขาแล้ว เจ้าและเพือ่ น ๆ ของ
เจ้านั้นแหละที่จะทำ�ให้เขาพินาศ”
อัลฟุฎ็อยลฺยังกล่าวกับเคาะลีฟะฮฺฮารูน อัรเราะชีด ต่ออีกว่า
“โอ้พอ่ หนุม่ รูปหล่อ ท่านคือคนทีอ่ ลั ลอฮฺ ผูท้ รงเกียรติและสูงส่งยิง่ จะ
บัญชาให้แสดงความรับผิดชอบต่อการสร้างสรรค์ (ทีง่ ดงาม) นีใ้ นวัน
กิยามะฮฺ ถ้าท่านสามารถดูแลรักษาใบหน้านีใ้ ห้งดงามได้ ก็จงทำ�เถิด
แต่จงระวังการใช้ชีวิตในตอนเช้าหรือบ่าย โดยที่ในใจของท่าน
เก็บซ่อนการทรยศต่อประชาชนคนใดคนหนึ่งเอาไว้ แท้จริงท่าน
เราะสูลุลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เคยกล่าวไว้ว่า

ًّ ‫َم ْن َأ ْص َب َح َل ُه ْم َغ‬
َ ‫اشا َل ْم َي ِر ْح َرائِ َح َة‬
‫الج َّن ِة‬

ใครก็ตามที่ตื่นขึ้นมาในยามเช้าในสภาพที่มีความคิดทรยศ
เขาจะไม่ได้กลิ่นสวรรค์ (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์)”

เคาะลีฟะฮฺอัรเราะชีดร้องไห้อีกครั้ง แล้วเขาก็ถามขึ้นว่า “ท่าน


มีหนี้สินบ้างไหม?”

109
อัลฟุฎ็อยลฺตอบว่า “มี เป็นหนี้สินกับพระผู้เป็นเจ้าซึ่งยังไม่ได้
ถูกชำ�ระ ฉันวิบัติแน่ หากพระองค์คิดบัญชีกับฉัน ฉันบรรลัยแน่ หาก
พระองค์สอบปากคำ�ฉัน และฉันฉิบหายแน่ ๆ หากพระองค์ไม่ยอมรับ
ในเหตุผลของฉัน”
เคาะลีฟะฮฺอัรเราะชีดกล่าวว่า “ฉันหมายถึง หนีสิ้นกับเพื่อน
มนุษย์ด้วยกัน”
อัลฟุฎอ็ ยลฺตอบว่า “แท้จริง พระผูเ้ ป็นเจ้าไม่ได้สงั่ ใช้ฉนั ในเรือ่ ง
นี้ พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า

﴾٥٦﴿ ‫ون‬ َ ‫َو َما َخ َل ْق ُت الْ ِج َّن َو ِ ْاإْل‬


ِ ‫نس ِإ َّاَّل لِ َي ْع ُب ُد‬
ِ ‫يد َأن ُي ْط ِع ُم‬
﴾٥٧﴿ ‫ون‬ ُ ‫يد ِم ْن ُهم ِّمن ِّر ْز ٍق َو َما ُأ ِر‬ ُ ‫َما ُأ ِر‬
ُ ِ‫اق ذُ و الْ ُق َّو ِة الْ َمت‬
﴾٥٨﴿ ‫ين‬ َّ ‫ِإ َّن اللَّ َه ُه َو‬
ُ ‫الر َّز‬

และข้ามิได้สร้างญินและมนุษย์เพื่อ (เป้าหมาย) อื่นใด เว้นแต่


เพื่อเคารพภักดีต่อข้า ข้าไม่ต้องการปัจจัยยังชีพจากพวกเขา และ
ข้าก็ไม่ต้องการให้พวกเขาถวายอาหารให้ข้าด้วย แท้จริงอัลลอฮฺ
คือผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพที่มากหลาย ผู้ทรงพลัง ผู้ทรงมั่นคง
(อัซซาริยาต 51 : 56-58)”
เคาะลีฟะฮฺฮารูน อัรเราะชีด จึงได้กล่าวว่า “นี่คือ (เงินจำ�นวน)
1,000 ดีนาร โปรดรับไว้เถิด แล้วใช้จ่ายมันเพื่อครอบครัวของท่าน
และเพื่อเสริมการอิบาดะฮฺของท่านด้วย”
อั ล ฟุ ฎ็ อ ยลฺ ต อบกลั บ ว่ า “สุ บ หานั ล ลอฮฺ ฉั น แนะนำ � ทางที่
ปลอดภัยให้กับท่าน แต่ท่านกลับตอบแทนฉันแบบนี้”53
53 - ดู สิยรั อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ เล่มที่ 8 หน้าที่ 378 และ หิลยะตุล เอาลิยาอ์ ยาอ์ วะเฏาะบะกอตุล
อัศฟิยาอ์ โดย อบูนุอัยมฺ อัลอัศบะฮานีย์ เล่มที่ 8 หน้าที่ 105

110
อัลฟุฎ็อยลฺ บินอิยาฎ ไม่ยอมรับเงินดังกล่าว และนิ่งเงียบไม่
พูดอะไรอีก
อิบนุรเราะบีอฺได้เล่าว่า : เราเดินออกมา แล้วเคาะลีฟะฮฺฮารูน
อัรเราะชีด ก็กล่าวกับฉันว่า “หากท่านจะแนะนำ�ใครให้ฉันอีก ก็จง
แนะนำ�คนแบบนี้ เขาคือผู้นำ�ของชาวมุสลิมในยุคนี้”

มีรายงานอืน่ เล่าว่า วันหนึง่ เคาะลีฟะฮฺฮารูน อัรเราะชีดได้กล่าว


กับอัลฟุฎ็อยลฺว่า “ท่านสมถะมากจริง ๆ”
อัลฟุฎ็อยลฺตอบกลับว่า “ท่านสมถะมากกว่าฉันอีก”
เคาะลี ฟ ะฮฺ ฮ ารู น แปลกใจจึ ง ถามว่ า “จะเป็ น อย่ า งนั้ น ได้
อย่างไร?”
อัลฟุฎ็อยลฺตอบว่า “เพราะฉันสมถะต่อดุนยา แต่ท่านนั้นสมถะ
ต่ออาคิเราะฮฺ ดุนยานัน้ มีวนั สิน้ สลาย แต่อาคิเราะฮฺนน้ั คงอยูต่ ลอดไป”54

54 - ดู วะฟะยาต อัลอะอฺยาน วะอันบาอุ อับนาอิซ ซะมาน โดย อิบนุค็อลลิกาน เล่มที่ 4 หน้าที่ 48

111
“หากท่่านอยากจะรอดพ้้น
จากการลงโทษของอััลลอฮฺฺ
ในวัันพรุ่่�งนี้้� ท่่านจงทำำ�ให้้

มุุสลิิมที่่อาวุุ โสกว่่า
เป็็นเสมืือนพ่่ อของท่่าน

และคนที่่อายุุ ไล่่เลี่่�ยกัน

เป็็นพี่่�น้อ
้ งของท่่าน
และคนที่่อายุุ� น้อ
้ ยกว่่า
เป็็นลููกหลานของท่่าน
ท่่านจงเคารพคุุณพ่่ อ
ให้้เกีียรติิพี่�น้
่ อ ้ ง
และเมตตาสงสารลููก ๆ ”

112
เรื่่�องที่่� 24

แต่่ฉั ันต้้องทำำ�

ชุอยั บฺ บินหัรบฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ คือผูร้ ชู้ าวคุรอซานและเป็นนัก


หะดีษที่น่าเชื่อถือ ท่านเกิดในปีฮิจเราะฮฺที่ 196 และได้ย้ายมาพำ�นัก
อาศัยอยู่ที่เมืองมะดาอิน ในแคว้นอิรัก กระทั่งผู้คนเรียกขานกันว่า
“อบูศอลิห55ฺ อัลมะดาอินีย์” คือเป็นชาวเมืองมะดาอินไปแล้ว ก่อน
จะย้ายมาอาศัยอยู่ที่เมืองมักกะฮฺจนกระทั่งเสียชีวิต
ชุอัยบฺได้เล่าว่า : ครั้งหนึ่งขณะที่ฉันอยู่บนถนนในเมืองมักกะฮฺ
ฉันได้เห็นเคาะลีฟะฮฺฮารูน อัรเราะชีด ฉันจึงพูดในใจว่า “เจ้าจะต้อง
สั่งใช้ (ความดี) และห้ามปราม (ความชั่ว)”
แล้วใจของฉันก็ตอบตัวเองกลับมาว่า “อย่าทำ�นะ ชายคนนี้คือ
จอมเผด็จการ เมื่อไหร่ที่เจ้าสั่งใช้เขา เขาต้องตัดหัวเจ้าแน่”
ฉันจึงพูดกับตัวเองว่า “แต่ฉันต้องทำ�”

55 - เป็นชื่อกุนยะฮฺ (ฉายา) ของชุอัยบฺ บินหัรบฺ

113
เมื่อฮารูน อัรเราะชีด เดินเข้ามาใกล้ ฉันก็ประกาศเสียงดังว่า
“โอ้ฮารูน เจ้าได้ทำ�ร้ายอุมมะฮฺนี้ และเดินตามพวกสัตว์เดรัจฉาน”
เคาะลีฟะฮฺฮารูนจึงสั่งว่า “จับตัวเขา”
ฉันถูกนำ�ตัวไปทีว่ งั ของเขา เขานัง่ อยูบ่ นเก้าอี้ และเล่นไม้เท้าที่
อยู่ในมือ เขากล่าวขึ้นว่า “เจ้ามาจากไหน?”
ฉันตอบว่า “มาจากกลุ่มคนที่ถูกทำ�ลายมากที่สุด”
เคาะลีฟะฮฺฮารูนถามว่า “แม่ของเจ้าจากเจ้าไปเมื่อไหร่แล้ว?”
ฉันตอบว่า “ตั้งแต่เด็กแล้ว”
เคาะลีฟะฮฺถามต่ออีกว่า “ทำ�ไมเจ้าถึงเรียกชื่อฉันอย่างนั้น?”
ฉัน (ชุอยั บฺ บินหัรบฺ) ตอบว่า “ฉันขอดุอาอ์ตอ่ อัลลอฮฺด้วยการ
เรียกชื่อของพระองค์ ฉันกล่าวว่า ‘โอ้อัลลอฮฺ โอ้อัรเราะหฺมาน’
พระองค์มิได้ห้ามฉันเรียกชื่อของพระองค์เลย และฉันพบว่าใน
อัลกุรอาน พระองค์ทรงเรียกสิ่งถูกสร้างที่พระองค์ทรงรักมาก
ทีส่ ดุ (ด้วยชือ่ จริง) ว่า ‘มุฮมั หมัด’ และเรียกสิ่งถูกสร้างทีพ่ ระองค์
ทรงโกรธกริ้วที่สุดด้วยฉายา(กุนยะฮฺ) ว่า ‘อบูละฮับ’”
เคาะลีฟะฮฺฮารูนก็ได้พูดว่า “นำ�ตัวเขาออกไปเถอะ”56

56 - ดู วะฟะยาต อัลอะอฺยาน วะอันบาอุ อับนาอิซ ซะมาน โดย อิบนุค็อลลิกาน เล่มที่ 2 หน้าที่ 470

114
เรื่่�องที่่� 25

โดมเงิินและทองคำำ�
ของเคาะลีีฟะฮฺฺอันน
ั าศิิร

หลังจากทีค่ ลิ าฟะฮฺอสิ ลามแห่งราชวงศ์อมุ ยั ยะฮฺทเี่ มืองดะมัสกัส


สิ้นสุดลง และถูกแทนที่ด้วยคิลาฟะฮฺของราชวงศ์อับบาสียะฮฺ ซึ่ง
ได้ย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองแบกแดด ในแคว้นอิรัก ลูกหลานของ
ราชวงศ์อุมัยยะฮฺก็ได้ไปก่อร่างสร้างรัฐอิสลามอีกแห่งขึ้นในแผ่นดิน
ฝั่งตะวันตก ซึ่งตอนนั้นเรียกว่า “อันดะลุส” คือบริเวณคาบสมุทร
ไอบีเรีย ได้แก่แผ่นดินในประเทศสเปนและโปรตุเกสปัจจุบัน
เมื่อรัฐอิสลามแห่งอันดะลุส โดยราชวงศ์อุมัยยะฮฺนี้ขยายใหญ่
โตและเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ ในปีฮิจเราะฮฺที่ 316 อับดุรเราะหฺ
มาน อันนาศิร ลิดีนิลลาฮฺ ผู้นำ�รัฐอิสลามแห่งอันดะลุส ลำ�ดับที่ 8
ก็ได้ประกาศตนเป็นเคาะลีฟะฮฺ ผู้นำ�ของอาณาจักรอิสลามทั้งมวล57
นั่นเป็นช่วงเวลาที่สร้างความสับสนอยู่ไม่น้อย เพราะฟากหนึ่ง
57 - ดู เดาละตุล อิสลาม ฟิล อันดะลุส โดย มุฮัมหมัด อับดุลลอฮฺ อินาน หน้าที่ 430

115
ของโลกอิสลาม เรามีเคาะลีฟะฮฺจากราชวงศ์อิบบาสียะฮฺแล้วที่แผ่น
ดินอิรกั แล้วมีเคาะลีฟะฮฺเพิม่ อีกคนทีแ่ ผ่นดินอันดะลุส ยังไม่นบั รวม
ผูน้ �ำ รัฐของชาวชีอะฮฺในแอฟริกาตะวันออก เรียกว่าราชวงศ์ฟาฏิมยี ะฮฺ
ซึ่งก็ประกาศตัวเป็นเคาะลีฟะฮฺเช่นกัน
เคาะลีฟะฮฺอับดุรเราะหฺมาน อันนาศิร เคาะลีฟะฮฺคนแรกของ
ราชวงศ์อมุ ยั ยะฮฺในอันดะลุส ให้ความสำ�คัญมากๆ กับการสร้างเมือง
ซะฮฺรออ์ เขาทุ่มงบประมาณมากมายของรัฐเพื่อสร้างและประดับ
ประดาเมืองนี้ มันคือการผสมผสานกันของรูปแบบวังที่งดงามทั้ง
หลาย เขาดูแลการสร้างและตกแต่งมันด้วยตัวเอง เขาสาละวนอยู่
กับมันจนกระทั่งครั้งหนึ่งเขาพลาดการละหมาดวันศุกร์
มุนซิร บินสะอีด ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้กล่าวคุฏบะฮฺวันศุกร์และ
ตุลาการแห่งแผ่นดินอันดะลุส เขามองเห็นความบกพร่องและความ
สุรุ่ยสุร่ายของเคาะลีฟะฮฺอันนาศิร จึงต้องการที่จะทำ�อะไรบางอย่าง
เพือ่ ไม่ให้ตนเองต้องบกพร่องในหน้าทีท่ อี่ ลั ลอฮฺได้ทรงกำ�หนดให้แก่
บรรดาอุละมาอ์ นั่นก็คือ การตักเตือนผู้นำ�
เขาตั้งใจจะกล่าวคำ�ตักเตือนที่มีค่าแก่เคาะลีฟะฮฺอันนาศิร ให้
เคาะลีฟะฮฺคดิ ทบทวนเรือ่ งความสุรยุ่ สุรา่ ยและการใช้จา่ ยงบประมาณ
ทีม่ ากมายไปกับการสร้างเมืองซะฮฺรออ์ คำ�ตักเตือนดังกล่าวจะถูกส่ง
ถึงผู้คนมากมายที่มาร่วมละหมาดที่มัสญิดญามิอฺ อัซซะฮฺรออ์
เมื่ อ ถึ ง วั น ศุ ก ร์ ที่ ร อคอย มุ น ซิ ร ได้ ขึ้ น ไปบนมิ ม บั ร และ
เคาะลีฟะฮฺอันนาศิรก็ได้มาถึง มัสญิดเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มา
ร่วมละหมาด มุนซิรเริม่ ต้นคุฏบะฮฺของเขาด้วยการอ่านพระดำ�รัสของ
อัลลอฮฺที่ว่า

116
َ ‫يع َآي ًة َت ْع َب ُث‬
﴾١٢٨﴿ ‫ون‬ َ ُ‫َأ َت ْبن‬
ِّ ُ‫ون ِبك‬
ٍ ‫ل ِر‬
َ ‫ون َم َصانِ َع َل َعلَّ كُ ْم َت ْخ ُل ُد‬
﴾١٢٩﴿ ‫ون‬ َ ُ‫َو َت َّت ِخذ‬
َ ‫َو ِإذَ ا َب َط ْشتُ م َب َط ْشتُ ْم َج َّبا ِر‬
﴾١٣٠﴿ ‫ين‬
﴾١٣١﴿ ‫ون‬ِ ‫يع‬ ُ ‫َف َّات ُقوا اللَّ َه َو َأ ِط‬
َ ‫َو َّات ُقوا الَّ ِذي َأ َم َّدكُ م ِب َما َت ْع َل ُم‬
﴾١٣٢﴿ ‫ون‬
ٍ ‫َأ َم َّدكُ م ِب َأ ْن َع‬
َ ِ‫ام َو َبن‬
﴾١٣٣﴿‫ين‬
﴾١٣٤﴿ ‫ون‬ ٍ ‫َو َج َّن‬
ٍ ‫ات َو ُع ُي‬
ٍ ‫اب َي ْو ٍم َع ِظ‬
﴾١٣٥﴿ ‫يم‬ ُ ‫ِإ ِّني َأ َخ‬
َ َ‫اف َع َل ْيكُ ْم َعذ‬

พวกท่านสร้างอนุสาวรียไ์ ว้บนทีส่ งู ทุกหนแห่งเพือ่ โอ้อวดกระนัน้


หรือ? และพวกท่านก็สร้างคฤหาสน์ตา่ ง ๆ เสมือนกับว่าพวกท่านจะ
อยู่ยงคงกระพันไปตลอดกาลกระนั้นหรือ? และเมื่อพวกท่านทำ�ร้าย
ใคร พวกท่านก็กระทำ�อย่างโหดร้ายทารุณ ฉะนัน้ พวกท่านจงยำ�เกรง
อัลลอฮฺและเชือ่ ฟังเถิด และพวกท่านจงเกรงกลัวผูท้ รงประทานให้แก่
พวกท่านสิง่ ทีพ่ วกท่านก็รดู้ อี ยูแ่ ล้ว พระองค์ทรงประทานแก่พวกท่าน
ซึง่ ปศุสตั ว์, ลูกหลาน, สวนทีห่ ลากหลาย และลำ�ธารมากมาย แท้จริง
ฉันกลัวว่าพวกท่านจะได้รับการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่ (อัชชุอะรออ์
26 : 128-135)

จากนั้นท่านก็ตำ�หนิการใช้จ่ายที่สุรุ่ยสุร่ายในการก่อสร้างเมือง
ด้วยคำ�พูดที่หนักแน่นและรุนแรง แล้วได้อ่านพระดำ�รัสของอัลลอฮฺ
ที่ว่า

117
‫ان َخ ْي ٌر َأم َّم ْن‬ٍ ‫ى ِم َن اللَّ ِه َو ِر ْض َو‬ٰ ‫ى َت ْق َو‬
َ َ
ٰ ‫َف َم ْن أ َّس َس ُب ْن َيانَ ُه َعل‬
‫ى َش َفا ُج ُر ٍف َها ٍر َف ْان َه َار ِب ِه ِفي نَ ا ِر َج َه َّن َم‬ َ َ
ٰ ‫أ َّس َس ُب ْن َيانَ ُه َعل‬
﴾١٠٩﴿ ‫ين‬َ ‫الظالِ ِم‬َّ ‫َواللَّ ُه َاَل َي ْه ِدي الْ َق ْو َم‬

ผู้ที่วางรากฐานอาคารของเขาบนความยำ�เกรงต่ออัลลอฮฺและ
บนความโปรดปรานนั้นดีกว่า หรือว่าผู้ที่วางรากฐานอาคารของเขา
ที่ริมขอบเหวซึ่งจะพังทลายลง แล้วมันก็พังลงโดยนำ�เขาลงไปใน
นรกญะฮันนัม และอัลลอฮฺจะไม่ทรงชี้แนะทางแก่กลุ่มชนที่อธรรม
(อัตเตาบะฮฺ 9 : 109)

มุนซิรกล่าวตักเตือน ตำ�หนิ และคิดบัญชี จนกระทั่งผู้ฟังทั้ง


หลายรู้สึกวิตกกังวล โดยเฉพาะเคาะลีฟะฮฺอันนาศิร เขารู้ตัวดีว่า
มุนซิรกำ�ลังหมายถึงตัวเขา เขาจึงร้องไห้และเสียใจกับความละเลย
ของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่เคาะลีฟะฮฺอันนาศิรไม่สามารถยอมรับ
การตักเตือนในที่สาธารณะและคำ�พูดที่รุนแรงดังกล่าวได้
หลั ง เหตุ ก ารณ์ ดั ง กล่ า ว เคาะลี ฟ ะฮฺ อั น นาศิ ร ได้ ป รารภกั บ
อัลหะกัม ลูกชายของเขาว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ มุนซิรจงใจกล่าว
คุฏบะฮฺถึงพ่อ มีเพียงพ่อเท่านั้นที่เข้าใจเจตนาของเขา เขาล่วงเกิน
พ่อมากเกินไปแล้ว...”
ยิ่ ง นึ ก ถึ ง คำ � พู ด ของมุ น ซิ ร ก็ ยิ่ ง ทำ � ให้ เ คาะลี ฟ ะฮฺ อั น นาศิ ร
โกรธเคื อ งมากยิ่ ง ขึ้ น เขาจึ ง ต้ อ งการลงโทษมุ น ซิ ร เคาะลี ฟ ะฮฺ
ได้ ก ล่ า วสาบานว่ า เขาจะไม่ ล ะหมาดวั น ศุ ก ร์ ต ามหลั ง มุ น ซิ ร อี ก
ต่อไป เขาหันไปละหมาดตามหลังอะหมัด บินมุฏ็อรริฟ ซึ่งเป็น

118
เคาะฏีบที่มัสญิดญามิอฺ อัลกุรฏูบะฮฺ58 แทน
แต่เมื่ออัลหะกัม ลูกชายของเขาเห็นว่า คุณพ่อคิดถึงเมือง
ซะฮฺรออ์และการละหมาดที่มัสญิดญามิอฺ อัซซะฮฺรออ์ มาก จึงได้
ถามพ่อว่า “ในเมือ่ พ่อไม่ชอบมุนซิร ทำ�ไมพ่อไม่ปลดเขาจากการเป็น
อิมามล่ะ?”
เคาะลีฟะฮฺอับดุรเราะหฺมาน อันนาศิร คาดไม่ถึงว่าลูกของเขา
จะพูดอย่างนั้น เขาตอบกลับไปว่า “คนอย่างมุนซิร บินสะอีด ที่ไม่มี
ใครสงสัยในความประเสริฐของเขา ความดีงามของเขา และความรู้
ของเขา ต้องถูกปลดออก เพียงเพื่อสนองความต้องการของจิตใจที่
หันเหออกจากทางทีถ่ กู ต้องและไม่มเี ป้าหมายได้อย่างไรกัน? นีค่ อื สิง่
ทีไ่ ม่มที างเกิดขึน้ เด็ดขาด พ่อละอายใจต่ออัลลอฮฺเหลือเกินทีพ่ ระองค์
ไม่ยอมให้คนอย่างมุนซิร ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความสำ�รวมตน
(วะเราะอฺ) และความสัตย์จริง (ศิดกฺ) เป็นคนกลาง ระหว่างพ่อกับ
พระองค์ในการละหมาดวันศุกร์
เขา (มุนซิร) ต้อนพ่อจนมุม แล้วพ่อก็กล่าวคำ�สาบานต่ออัลลอฮฺ
ความจริงแล้ว พ่ออยากจะหาทางจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ (ค่าปรับ) ด้วยสิ่ง
ที่พ่อมีสำ�หรับคำ�สาบานดังกล่าว แต่มุนซิรนั้นร่วมละหมาดกับผู้คน
ตลอดทัง้ ชีวติ ของเขาและชีวติ ของเราด้วย อินชาอัลลอฮฺ (หากอัลลอฮฺ
ประสงค์) แต่พ่อก็ไม่คิดว่า เราจะยอมรับเขาไปตลอดหรอก”
เมื่ อ ช่ อ งว่ า งระหว่ า งมุ น ซิ ร บิ น สะอี ด และเคาะลี ฟ ะฮฺ
อับดุรเราะหฺมาน อันนาศิร เริ่มมากขึ้น เนื่องจากคำ�วิจารณ์ต่อการ
ใช้จ่ายที่สุรุ่ยสุร่ายในการสร้างเมืองซะฮฺรออ์ อัลหะกัม ลูกชายของ
เคาะลีฟะฮฺต้องการให้ทั้ง 2 คนประนีประนอมกัน เขาจึงแก้ตัวให้มุน
ซิรต่อหน้าคุณพ่อ
58 - คือ มุสญิดใหญ่แห่งเมืองคอร์โดบา ปัจจุบันกลายเป็นอาสนวิหารของชาวคริสเตียน เรียกว่า
อาสนวิหารคอร์โดบา

119
เขากล่าวว่า “โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน เขา (มุนซิร) เป็นคนดี และหวัง
แต่เพียงสิง่ ดีงาม หากเขาได้เห็นสิง่ ทีท่ า่ นใช้จา่ ยไปและความงดงาม
ของอาคารหลังนั้น เขาจะต้องผ่อนปรนให้กับท่านแน่นอน”
อาคารทีว่ า่ นี้ หมายถึง โดมทีเ่ คาะลีฟะฮฺอนั นาศิรสร้างขึน้ ทีเ่ มือง
ซะฮฺรออ์ ชั้นบนสุดของโดมสร้างขึ้นจากเงิน และบางส่วนก็เคลือบ
ด้วยทองคำ� หลังคามี 2 สี คือสีเหลืองสดใสและสีขาวที่ส่องแสง
แวววาว
ได้ฟงั คำ�พูดของลูก เคาะลีฟะฮฺอนั นาศิรก็ได้สงั่ ให้ปพู รมจากไหม
เขานัง่ ลงต่อหน้าเจ้าหน้าทีข่ องเขา แล้วพูดกับคนใกล้ชดิ และรัฐมนตรี
ว่า “พวกท่านเคยพบเห็นหรือเคยได้ยนิ ว่ามีกษัตริยค์ นไหนเคยทำ�สิง่
ที่ฉันทำ�มาก่อนไหม?”
พวกเขาตอบว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ไม่เลย โอ้อะมีรลุ มุอม์ นิ นี
มีเพียงท่านคนเดียวเท่านั้น”
ทันใดนั้น มุนซิร บินสะอีด ก็ได้เข้ามาในห้อง เขาก้มศรีษะลง
(แสดงความเคารพ) และเมื่อได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เขาก็กล่าวกับ
เคาะลีฟะฮฺอันนาศิรเหมือนกับที่อันนาศิรได้กล่าวกับคนใกล้ชิดของ
เขา (คือกล่าวว่า พวกท่านเคยพบเห็นหรือเคยได้ยนิ ว่ามีใครก่อนหน้า
ฉันเคยทำ�สิ่งทีฉ่ นั ทำ�บ้างไหม?) แล้วน้�ำ ตาของมุนซิรก็ไหลลงมาโดน
เคราของเขาจนเปียกชุม่ เขาเสียใจทีไ่ ด้ยนิ ความคิดเห็นทีผ่ ดิ ๆ ของ
เคาะลีฟะฮฺ
เขากล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน ท่าน
ไม่รู้ตัวเลยว่าชัยฏอนได้กระซิบกระซาบหลอกล่อท่านไปไกลถึง
ไหนแล้ว การเป็นผู้นำ�ของท่านและตำ�แหน่งที่อัลลอฮฺ ผู้สูงส่ง
ได้มอบให้กับท่าน ซึ่งทำ�ให้ท่านได้รับความเคารพนับถือจาก
พี่น้องมุสลิมนั้น ไม่สามารถสู้กับมันได้เลย สุดท้ายมันจะพาท่าน
ลงไปอยู่ในสถานะเดียวกับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย”
120
เคาะลีฟะฮฺรู้สึกขนลุกกับคำ�พูดของมุนซิร และได้ถามขึ้นว่า
“ดูสิ่งที่เจ้าพูดสิ อัลลอฮฺจะปล่อยให้ฉันอยู่ในสถานะเดียวกันกับพวก
เขาได้อย่างไร?”
มุนซิรตอบว่า “ใช่สิ อัลลอฮฺไม่ได้กล่าวไว้หรือว่า

ِ ‫اس ُأ َّم ًة َو‬


‫اح َد ًة‬ ُ ‫الن‬ َ ُ‫َو َل ْو َاَل َأن َيك‬
َّ ‫ون‬
‫ه ْم ُس ُق ًفا ِّمن ِف َّض ٍة‬
ِ ِ‫الر ْح َٰم ِن لِ ُب ُيوت‬
َّ ‫لَّ َج َعلْ نَ ا لِ َمن َي ْك ُف ُر ِب‬
َ ‫َو َم َعا ِر َج َع َل ْي َها َي ْظ َه ُر‬
﴾٣٣﴿ ‫ون‬

และหากมิ ใ ช่ เ พื่ อ มนุ ษ ย์ ทั้ ง หลายจะได้ เ ป็ น ประชาชาติ ห นึ่ ง


เดียวกันแล้ว แน่นอนเราจะให้ผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อพระผู้ทรงกรุณา
ปรานี มีบ้านของพวกเขา หลังคาทำ�ด้วยเงิน และบันไดที่พวกเขาขึ้น
(ก็ทำ�ด้วยเงิน) ด้วย (อัซซุครุฟ 43 : 33)”

เคาะลีฟะฮฺอันนาศิรนิ่งเงียบ เขาก้มหัวอยู่นาน แล้วน้ำ�ตาก็


เริ่มไหลลงมาโดนเคราจนเปียกชุ่ม เขาหันไปหามุนซิร แล้วกล่าวว่า
“ญะซากัลลอฮุคอ็ ยรอน (ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนท่านด้วยความดีงาม)
สิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นความจริง”
เคาะลีฟะฮฺอนั นาศิรลุกขึน้ จากทีน่ งั่ และสัง่ ให้รอื้ ถอนหลังคาโดม
แล้วสร้างใหม่จากดินเหมือนโดมทั่วๆ ไป 59

59 - ดู มะกอละฮฺ บัยนะ เคาะลีฟะฮฺ วะกอฎีย์ ในวารสารอัลอัซฮัร ประจำ�เดือนเราะมะฎอน ปี


ฮ.ศ.1371 โดยอับดุลหะมีด อัลอิบาดีย์ และดู อัลอิสลาม บัยนัล อุละมาอ์ วัลหุกกาม โดย อับดุลอะซีซ
อัลบัดรีย์ หน้าที่ 93

121
“ขอสาบานต่่ออััลลอฮฺฺ
โอ้้อะมีีรุุลมุุอ์มิ
์ ินีีน
ท่่านไม่่รู้้�ตัวั เลยว่่า
ชััยฏอนได้้กระซิิบกระซาบ
หลอกล่่อท่่านไปไกลถึึงไหนแล้้ว
การเป็็นผู้้�นำำ�ของท่่าน
และตำำ�แหน่่งที่่�อัล
ั ลอฮฺฺ ผู้้�สููงส่่ง
ได้้มอบให้้กับ ั ท่่าน

ซึ่่งทำำ�ให้้ท่่านได้้รับ

ความเคารพนัับถืือ
จากพี่่�น้อ
้ งมุุสลิิมนั้้�น
ไม่่สามารถสู้้�กัับมัน
ั ได้้เลย
สุุดท้้ายมัันจะพาท่่าน
ลงไปอยู่่�ในสถานะเดีียวกัับ
บรรดาผู้้�ปฏิิเสธศรััทธา
ทั้้�งหลาย”

122
เรื่่�องที่่� 26

เชคอัับดุล
ุ กอดิิรฉวยโอกาส

เชคอับดุลกอดิร อัลกัยลานีย์ หรือ อัลญัยลานีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ


เกิดทีเ่ มืองญัยลาน ทางตอนเหนือของอิหร่านในปัจจุบนั ท่านมีชวี ติ อยู่
ในช่วงปีฮจิ เราะฮฺที่ 470-561 โดยมีเชือ้ สายสืบถึงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ
อะลั ย ฮิ วะสั ล ลั ม ผ่ า นทางท่ า นอั ล หะสั น บิ น อลี บิ น อบี ฏ อลิ บ
เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา
เชคอับดุลกอดิร เป็นผู้รู้อีกท่านหนึ่งที่กล้าตักเตือนผู้นำ�ที่ใช้
อำ�นาจไม่ถูกต้อง ท่านตำ�หนิการปกครองที่ไม่เป็นธรรมของพวก
ผู้นำ� วิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามคำ�สั่งของสุลต่านโดยไม่
ระมัดระวัง และตักเตือนผูค้ นไม่ให้เชือ่ ฟังคำ�สัง่ ของผูน้ �ำ ทีข่ ดั แย้งกับ
หลักการศาสนา
ในปีฮิจเราะฮฺที่ 541 เคาะลีฟะฮฺอัลมุกตะฟีย์ ลิอัมริลลาฮฺ
เคาะลีฟะฮฺลำ�ดับที่ 31 ของราชวงศ์อับบาสียะฮฺ ได้แต่งตั้งให้ยะหฺยา
บินสะอีด

123
หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อิบนุลมะซาหิม” ให้เป็นผู้พิพากษา ทั้งที่
เขาเป็นคนที่อธรรม สุดท้ายการกดขี่ข่มเหง ยึดทรัพย์สิน และรับเงิน
สินบนก็เกิดขึ้น มีการเขียนเอกสารใบปลิวต่อต้านเขาติดตามมัสยิด
และถนนหนทาง แต่ไม่มีใครสามารถพูดหรือกล้าต่อต้านเขาตรงๆ
สิบฏ บินอัลเญาซีย์ เล่าว่า : วันหนึ่ง เคาะลีฟะฮฺอัลมุกตะฟีย์ได้
มาละหมาดทีม่ สั ญิด เชคอับดุลกอดิรได้ฉวยโอกาสนีก้ ล่าวคุฏบะฮฺบน
มิมบัรเพื่อคัดค้านเรื่องที่เคาะลีฟะฮฺแต่งตั้งให้ยะหฺยา บินสะอีด เป็น
ผู้พิพากษา ท่านกล่าวด้วยเสียงที่ดังว่า “ท่านปกครองประชาชน
มุสลิมด้วยความอธรรมอย่างทีส่ ดุ แล้ววันพรุง่ นี้ ท่านจะตอบพระผู้
เป็นเจ้าแห่งสากลโลก ผู้ทรงเมตตาที่สุด อย่างไร?”
เคาะลีฟะฮฺอลั มุกตะฟียส์ ะดุง้ ไปพักหนึง่ คำ�พูดดังกล่าวทิม่ แทง
หัวใจของเขา ในที่สุดเคาะลีฟะฮฺก็ได้ปลดยะหฺยา บินสะอีด ออกจาก
ตำ�แหน่งผู้พากษา60

60 - และดู อัลอิสลาม บัยนัล อุละมาอ์ วัลหุกกาม โดย อับดุลอะซีซ อัลบัดรีย์ หน้าที่ 86 และเกาะลาอิด
อัลญะวาฮิรฯ โดย เชคมุฮัมหมัด บินยะหฺยา อัตตาซะฟีย์ หน้าที่ 8

124
“ท่่านปกครองประชาชนมุุสลิิม
ด้้วยความอธรรมอย่่างที่่�สุุด
แล้้ววัน
ั พรุ่่�งนี้้� ท่่านจะตอบ
พระผู้้�เป็็นเจ้้าแห่่งสากลโลก
ผู้้�ทรงเมตตาที่่�สุุด อย่่างไร? ”

125
เรื่่�องที่่� 27

หากคน ๆ นี้้�เป็็นบาทหลวงของเรา
เราจะล้้างเท้้าทั้้�ง 2 ข้้างของเขา

หลังจากสุลต่านเศาะลาหุดดีน อัลอัยยูบีย์ ผู้พิชิตบัยตุลมักดิส


คืนจากพวกครูเสดได้จากไป ในปีฮิจเราะฮฺที่ 589 แผ่นดินของ
ราชวงศ์อัยยูบียะฮฺก็ถูกแบ่งเป็นรัฐต่างๆ เกิดข้อพิพาท และขัดแย้ง
กันเอง
เป็นความขัดแย้งระหว่างกษัตริย์ศอลิหฺ อิมาดุดดีน อิสมาอีล
ผู้ ป กครองแห่ ง ดะมั ส กั ส และกษั ต ริ ย์ ศ อลิ หฺ มั จ มุ ด ดี น อั ย ยู บ
ผู้ปกครองแห่งอียิปต์ ซึ่งเริ่มต้นด้วยกลอุบายต่าง ๆ กระทั่งสุดท้าย
ก็เกิดสงครามระหว่างกัน
กษัตริย์อิสมาอีลรู้สึกว่ากษัตริย์นัจมุดดีน อัยยูบ นั้นเป็นภัย
คุกคามของเขา จึงได้ขอความช่วยเหลือจากกองทัพครูเสดซึ่งเป็น
ศัตรูอิสลาม กษัตริย์อิสมาอีลทำ�สัญญากับพวกครูเสดเพื่อต่อสู้กับพี่
น้องมุสลิมของตัวเอง โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือการมอบเมืองศ็อยดา
ให้แก่กองทัพครูเสด นี่คือรายงานจากอิมามอัสสุบกีย์
126
ส่วนในรายงานของอัลมักรีซีย์และนักประวัติศาสตร์คนอื่นๆ
ระบุว่า รวมถึงเมืองก็อลอะฮฺ ศ็อฟดฺ และเมืองอื่นๆ ด้วย
กษัตริย์อิสมาอีลได้วางแผนการทรยศในครั้งนี้อย่างรอบคอบ
เขาอนุ ญ าตให้ ท หารครูเสดเข้า มาในเมืองดะมัสกัสเพื่อซื้ออาวุธ
อุปกรณ์การรบ และสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องการ นโยบายที่ชั่วร้ายนี้ทำ�ให้
ประชาชนมุสลิมและบรรดาอุละมาอ์ลุกขึ้นมาต่อต้านเขา
อัลอิซซฺ บินอับดุสสะลาม หรือชื่อจริงคือ อับดุลอะซีซ บิน
อับดุสสะลาม ผูร้ ทู้ ยี่ งิ่ ใหญ่ ผูไ้ ด้รบั ฉายาว่าเป็น “อิซซุดดีน-เกียรติยศ
ของศาสนา” และ “สุลฏอนุลอุละมาอ์-สุลต่าน (ผู้นำ�) ของบรรดา
ผูร้ ”ู้ ซึง่ ขณะนัน้ ดำ�รงตำ�แหน่งเป็นเคาะฏีบทางการของมัสญิดญามิอฺ
อัลอุมะวีย์ ในเมืองดะมัสกัส
เชคอัลอิซซฺได้ลุกขึ้นต่อต้านการทรยศของบรรดาผู้ทรยศทั้ง
หลาย ท่านออกฟัตวาห้ามขายอาวุธให้แก่ทหารครูเสด ท่านขึน้ คุฏบะฮฺ
วันศุกร์ที่มัสญิดญามิอฺ อัลอุมะวีย์ ประกาศคำ�ฟัตวาและปฏิเสธอย่าง
หนักแน่นต่อกษัตริย์อิสมาอีลที่ได้ออกนโยบายที่ชั่วช้าและทรยศต่อ
ประชาชาติอิสลาม
ในช่วงท้ายของคุฏบะฮฺ เชคได้ขอดุอาอ์ถึงกษัตริย์อิสมาอีล ซึ่ง
เหมือนเป็นการประกาศถอนสัตยาบันและความจงรักภักดี ท่านได้ขอ
ดุอาอ์ว่า “โอ้อัลลอฮฺ โปรดทำ�ให้ประชาชาตินี้เข้มแข็งด้วยพลังแห่ง
ทางนำ� ทีจ่ ะเชิดชูเกียรติของบรรดาผูท้ พี่ ระองค์ทรงรัก และทำ�ให้ศตั รู
ทั้งหลายของพระองค์ตกต่ำ� ให้ประชาชาตินี้เชื่อฟังภักดีต่อพระองค์
ท่าน และห้ามปรามการละเมิดฝ่าฝืนต่อพระองค์” ผู้มาร่วมละหมาด
ต่างพร้อมใจกันกล่าวอามีนให้กับดุอาอ์ของเชคอัลอิซซฺ
ในวันนั้นกษัตริย์อิสมาอีลไม่ได้ร่วมฟังคุฏบะฮฺด้วย เขาอยู่นอก
เมือง ดะมัสกัส แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐได้รายงานเรื่องนี้ให้กับเขา

127
เขาก็สั่งให้ปลดเชคอัลอิซซฺจากตำ�แหน่งทันที อีกทั้งยังได้สั่งจับกุม
ท่านพร้อมกับเพื่อนอีกคนของท่านด้วยคือ เชคอิบนุลหาญิบ อัลมา-
ลิกีย์ ซึ่งได้ร่วมมือกับเชคในการต่อต้านนโยบายของกษัตริย์ด้วย
บรรดาผู้สนับสนุนและลูกศิษย์ลูกหาของเชคได้เสนอให้ท่าน
ทิ้งเมืองนี้ไปเพื่อป้องกันการคุกคามของกษัตริย์ พวกเขาเตรียม
สัมภาระทุกอย่างและช่องทางการหลบหนีให้กับท่านแล้ว แต่ท่าน
ปฏิเสธ ขออัลลอฮฺทรงเมตตาท่านด้วยเถิด พวกเขาพยายามขอร้อง
และโน้มน้าวให้เชคหนีไป พวกเขาขอให้เชคหลบซ่อนตัวอยู่ในที่
ปลอดภัย ทีซ่ งึ่ กษัตริยแ์ ละข้าบริวารของเขาไม่สามารถหาท่านได้ แต่
ท่านก็ปฏิเสธอยู่ดี
เชคอัลอิซซฺกล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันจะไม่หนีและไม่
หลบซ่อนตัว เราอยูใ่ นช่วงเริม่ ต้นของการญิฮาด (ต่อสูใ้ นหนทางของ
อัลลอฮฺ) และเรายังไม่ได้ท�ำ อะไรเลยก่อนหน้านี้ ฉันพร้อมทีจ่ ะแบกรับ
ผลลัพธ์ทกุ อย่างของการต่อสูใ้ นครัง้ นี้ และอัลลอฮฺจะไม่ปล่อยให้การ
งานของผู้อดทนทั้งหลายต้องสูญเปล่าอย่างแน่นอน”
เมื่อกษัตริย์อิสมาอีลกลับมาถึงเมืองดะมัสกัส เขาก็ปล่อยเชค
ทั้ง 2 จากการคุมขัง แต่มีคำ�สั่งเฉพาะให้กักบริเวณเชคอัลอิซซฺ บิน
อับดุสสะลาม ไว้ที่บ้านของท่าน เชคต้องอยู่แต่ในบ้าน ไม่อนุญาต
ให้ออกฟัตวา และห้ามพบปะหรือเจอะเจอกับใคร เชคทำ�ได้แค่เพียง
เป็นอิมามนำ�ละหมาดวันศุกร์ หาหมอในกรณีจำ�เป็น และเข้าห้องน้ำ�
เท่านั้น
วันเวลาผ่านไป เชคอัลอิซซฺยังถูกบังคับให้ใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน
ท่านถูกห้ามไม่ให้ฟตั วาและติดต่อหาใคร ไม่วา่ จะเป็นญาติพนี่ อ้ งหรือ
ลูกศิษย์ของท่านก็ตาม งานอดิเรกที่มีเกียรติและหน้าที่ความรับผิด

128
ชอบอันศักดิส์ ทิ ธิข์ องท่าน คือการสัง่ ใช้ความดีและห้ามปรามความชัว่
ต้องหยุดชะงักลง เชคได้เรียกร้องการอพยพออกจากเมืองดะมัสกัส
ไปยังอียิปต์ หลังจากการสนทนาหลายครั้งและพิจารณาทบทวนกัน
อยู่หลายรอบ สุดท้ายกษัตริย์อิสมาอีลก็ยอมปล่อยท่านให้เป็นอิสระ
เชคอัลอิซซฺยังคงอยู่ที่ดะมัสกัส แต่ไม่นานท่านก็ย้ายไปยัง
บัยตุลมักดิส กษัตริย์นาศิร ดาวูด ผู้ปกครองเมืองเครัค ได้สกัดท่าน
เอาไว้ เขาขัดขวางการเดินทางและนำ�ตัวท่านไปยังเมืองนาบลูส
เชคอาศัยอยู่ท่ีนั่นครู่หนึ่ง ท่านพบเจอปัญหาหลายอย่าง ต่อ
มาจึงได้ย้ายไปยังบัยตุลมักดิส ไม่นานกษัตริย์ศอลิหฺ อิมาดุดดีน
อิสมาอีล ผูป้ กครองเมืองดะมัสกัส, กษัตริยอ์ ลั มันศูร ผูป้ กครองเมือง
ฮอมส์ และกษัตริย์ฝรั่งเศสบางคน พร้อมกับทหารและกองทัพของ
พวกเขา ก็ได้มาถึงบัยตุลมักดิส เตรียมมุ่งหน้าบุกเมืองอียิปต์ของ
กษัตริย์ศอลิหฺ นัจมุดดีน อัยยูบ
กษัตริยศ์ อลิหฺ อิสมาอีล ได้สง่ คนสนิทของเขาไปเป็นฑูตพบเจอ
กับเชคอัลอิซซฺ บินอัสสะลาม โดยนำ�ผ้าเช็คหน้าของสุลต่านไปด้วย
กษัตริยศ์ อลิหพฺ ดู กับฑูตคนนีว้ า่ “จงมอบผ้าเช็ดหน้าของฉันให้กบั เขา
พยายามนุ่มนวลกับเขาให้ได้มากที่สุด เกลี้ยกล่อมเขาให้กลับมารับ
ตำ�แหน่งเดิมอีกครั้ง หากเขายอมรับ จงพาเขามาหาฉัน แต่ถ้าเขา
ปฏิเสธ ก็จงจับเขาขังไว้ในกระโจมสักหลังข้างกระโจมของฉัน”
เมื่อฑูตคนนั้นได้พบเจอกับเชคอัลอิซซฺ เขาก็เริ่มพูดคุยกับท่าน
ด้วยท่าทีที่เป็นมิตรและสุภาพอ่อนโยน แล้วเขาก็พูดประโยคหนึ่งว่า
“เพื่อกลับไปดำ�รงตำ�แหน่งเดิมของท่านและรับเอาสิ่งอำ�นวยความ
สะดวกต่าง ๆ ที่ท่านเคยได้รับ ขอแค่เพียงท่านให้ความร่วมมือ และ
จูบมือของกษัตริย์สักครั้งหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่มีอย่างอื่นแล้ว”

129
เชคอัลอิซซฺจึงพูดขึ้นว่า “โอ้เจ้าคนยากจน ขอสาบานต่อ
อัลลอฮฺ เขาเองยังไม่ยอมจูบมือฉันเลย แล้วฉันจะจูบมือเขาทำ�ไม
พวกเจ้าอยู่บนหุบเขาลูกหนึ่ง ส่วนฉันก็อยู่บนหุบเขาอีกลูกหนึ่ง
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ ผู้ทรงคุ้มครองฉันจาก
ภัยพิบัติที่ประสบกับพวกเจ้า”
ฑูตคนนั้นพูดว่า “เชคครับ กษัตริย์ส่งฉันมาเพื่อให้ท่านยอมรับ
ข้อเสนอของเขา ถ้าไม่แล้ว ฉันก็ต้องจับตัวท่านไป”
เชคตอบว่า “เชิญทำ�สิ่งที่พวกเจ้าอยากทำ�เถอะ”
เชคอัลอิซซฺถูกจับตัวไปและถูกขังไว้ในกระโจมหลังหนึ่งข้าง
กระโจมของสุลต่าน ท่านอ่านอัลกุรอานในระหว่างที่ถูกคุมขัง และ
กษัตริย์อิสมาอีลก็ได้ยินเสียงของท่าน
วันหนึ่ง กษัตริย์ศอลิหฺ อิสมาอีลได้ถามพวกกษัตริย์ฝรั่งเศสว่า
“พวกท่านได้ยินเสียงอ่านกุรอานของเชคคนนี้ไหม?”
พวกเขาตอบว่า “ได้ยิน”
กษั ต ริ ย์ อิ ส มาอี ล อธิ บ ายว่ า “นี่ คื อ บาทหลวงที่ ยิ่ ง ใหญ่ ข อง
ชาวมุสลิม ฉันขังเขาเอาไว้ เพราะเขาต่อต้านคำ�สั่งของฉันที่มอบ
ป้อมปราการบางแห่งของชาวมุสลิมให้กับพวกท่าน ฉันปลดเขาลง
จากตำ�แหน่งผู้เทศนา (เคาะฏีบ) ประจำ�เมืองดะมัสกัส และจาก
ตำ�แหน่งอื่นๆ แล้วฉันก็เนรเทศเขาออกไป และวันนี้ฉันก็จับเขามา
ขังอีกครั้งเพื่อพวกท่าน”
กษัตริย์ฝรั่งเศสเหล่านั้นจึงพูดกับกัตริย์ศอลิหฺ อิสมาอีล ว่า
“หากคน ๆ นี้เป็นบาทหลวงของเรา เราจะล้างเท้าทั้ง 2 ข้าง
ของเขา และเราจะดื่มน้ำ�ที่ใช้ล้างเท้าของเขาด้วย”61
61 - ดู อัลอิสลาม บัยนัล อุละมาอ์ วัลหุกกาม โดย อับดุลอะซีซ อัลบัดรีย์ หน้าที่ 193 เป็นต้นไป และ
วา อิสลามาฮฺ โดย อลี อะหฺมัด บากะษีร หน้าที่ 100

130
สุ ด ท้ า ยสงครามระหว่ า งกษั ต ริ ย์ ศ อลิ หฺ นั จ มุ ด ดี น อั ย ยู บ
ผู้ปกครองแห่งอียิปต์ และกษัตริย์ศอลิหฺ อิมาดุดดีน อิสมาอีล
ผู้ปกครองแห่งดะมัสกัส ซึ่งมีพันธมิตรจากเมืองต่าง ๆ และกองทัพ
ครูเสดร่วมด้วยก็ได้ปะทุขึ้น แต่อัลหัมดุลิลลาฮฺ กองทัพของกษัตริย์
ศอลิหฺ อัยยูบ เป็นฝ่ายชนะ
เชคอัลอิซซฺรอดพ้นจากการคุมขังของกษัตริย์ศอลิหฺ อิสมาอีล
และได้เดินทางไปยังเมืองอียปิ ต์ โดยได้รบั การต้อนรับและให้เกียรติ
อย่างมากจากกษัตริย์ศอลิหฺ อัยยูบ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็น
ผู้กล่าวคุฏบะฮฺประจำ�ที่มัสญิดญามิอฺ อัมรู บินอัลอาศ และยังดำ�รง
ตำ�แหน่งเป็นผู้พิพากษาหรือตุลาการสูงสุดของเมืองอียิปต์ด้วย
มีต่อ...

131
เรื่่�องที่่� 28

เชคอััลอิิซซฺฺ
ผู้้ข
� ายบรรดาผู้้ป
� กครองรััฐ

มัมลูกเติรก์ หรือกลุม่ ทหารทาสชาวเติรก์ นัน้ มีอทิ ธิพลทีส่ งู มาก


ต่อรัฐอิสลามในช่วงท้ายการปกครองของราชวงศ์อับบาสิยะฮฺ พวก
เขามีอทิ ธิพลเรือ่ ยมาจนกระทัง่ ได้กลายเป็นเจ้าหน้าทีร่ ฐั ระดับสูงหรือ
ผูป้ กครองรัฐในยุคการปกครองของสุลต่านนัจมุดดีน อัยยูบ สุลต่าน
คนที่ 7 ของราชวงศ์อัยยูบียะฮฺที่อียิปต์
เชคอัลอิซซฺ บินอับดุสสะลาม ซึง่ ดำ�รงตำ�แหน่งในฐานะตุลาการ
สูงสุดของเมืองอียปิ ต์ในขณะนัน้ ท่านทำ�หน้าทีเ่ ป็นผูพ้ พิ ากษาอย่างดี
ที่สุด ด้วยการบังคับใช้กฏหมายชะรีอะฮฺ ท่านไม่กลัวเกรงการตำ�หนิ
ใดๆ ของใครทั้งสิ้นยกเว้นอัลลอฮฺ ท่านได้พิจารณาความถูกต้อง
ชอบธรรมของกฏหมายต่าง ๆ ที่พวกผู้ปกครองใช้ แล้วก็ประกาศ
คำ�ตัดสินอย่างตรงไปตรงมาเสมอ
อิมามอัสสุบกีย์เล่าว่า : นักประวัติศาสตร์ได้บันทึกเรื่องราว
ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างเชคอัลอิซซฺ บินอับดุสสะลาม กับ
บรรดาผู้ปกครองรัฐชาวเติร์กไว้ว่า :
132
เชคอัลอิซซฺไม่ยอมรับว่าพวกมัมลูกเติรก์ เป็นอิสระชน พวกเขามี
สถานภาพเป็นทาส กฏหมายเกี่ยวกับทาสจึงถูกบังคับใช้กับพวกเขา
พวกเขาจะถูกใช้ประโยชน์เพื่อบัยตุลมาล (การคลัง) ของชาวมุสลิม
ซึ่งต่อมาเรื่องนี้ก็ได้ไปถึงหูของบรรดาผู้ปกครองเหล่านั้น
คำ�พูดของเชคอัลอิซซฺกลายเป็นประเด็นร้อนและถูกวิพากษ์
วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ท่านยังคงหนักแน่นในจุดยืนของ
ตนเอง ท่านปฏิเสธที่จะยอมรับพวกเขาในเรื่องการซื้อขายและการ
แต่งงาน ทำ�ให้ผลประโยชน์ของพวกเขาเสียหาย
ในหมู่ พ วกมั ม ลู ก เติ ร์ ก มี อุ ป ราชหรื อ รั ฐ มนตรี ค นหนึ่ ง ที่ ไ ม่
พอใจเชคอัลอิซซฺอย่างมาก เขาได้รวบรวมคนและส่งตัวแทนไปหา
เชคอัลอิซซฺ ตัวแทนคนนี้ถามท่านว่า “ท่านต้องการอะไรกันแน่?”
เชคอัลอิซซฺตอบว่า “ฉันอยากจะพบปะกับพวกท่าน และเรียก
ร้ อ งให้ พ วกท่ า นถู ก ขายเป็ น สมบั ติ แ ก่ บั ย ตุ ล มาลของชาวมุ ส ลิ ม
เพื่อให้พวกท่านได้เป็นอิสระ (จริงๆ) ด้วยวิธีการที่ถูกต้องตามหลัก
การศาสนา”
พวกเขาได้รายงานเรื่องนี้ให้กับสุลต่านนัจมุดดีน อัยยูบ ซึ่ง
สุลต่านก็ได้ส่งฑูตไปพูดคุยกับเชคอัลอิซซฺ แต่ท่านยังคงยืนยันในคำ�
ตอบเดิม สุดท้ายสุลต่านก็ได้กล่าวคำ�พูดที่ทำ�ร้ายจิตใจเชคอัลอิซซฺ
ทำ � ให้ ท่ า นไม่ อ ยากจะยุ่ ง เกี่ ย วกั บ เรื่ อ งนี้ อี ก ท่ า นไม่ อ ยากมี ส่ ว น
เกี่ยวข้องใด ๆ อีกแล้ว
เชคอัลอิซซฺไม่พอใจมากทีส่ ลุ ต่านนัจมุดดีนไม่ให้เกียรติทา่ น ทัง้
ในฐานะผู้รู้และในฐานะของผู้พิพากษาสูงสุดแห่งอียิปต์ ท่านจึงจัด
เก็บสัมภาระต่าง ๆ ของท่านแล้วบรรทุกขึ้นบนหลังลาตัวหนึ่ง ท่าน
ให้สมาชิกครอบครัวของท่านขีล่ าอีกตัว ส่วนท่านเองนัน้ เดินตามหลัง

133
พวกเขาอีกที ท่านตั้งใจจะไปจากเมืองไคโร (อียิปต์) และมุ่งหน้าสู่
แผ่นดินชาม
แต่ไม่ทันได้ถึงครึ่งทางที่ตั้งใจไว้ เชคอัลอิซซฺ บินอับดุสสะลาม
ก็ถกู ประชาชนมุสลิมจำ�นวนมากสกัดเอาไว้ มีทงั้ เด็กๆ สตรี และชาย
ชาตรี รวมไปถึงบรรดาอุละมาอ์ คนดี นักธุรกิจ และอื่นๆ พวกเขาไม่
ยอมให้เชคจากไป
เหตุการณ์นี้ได้ไปถึงหูของสุลต่าน ชายคนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับ
สุลต่านได้พูดว่า “เมื่อไหร่ที่เขาจากไป อำ�นาจของท่านก็จะจบลง
อย่างแน่นอน”
สุลต่านนัจมุดดีน อัยยูบ ต้องการพบเชคอัลอิซซฺ เขาขอร้องให้
เชคกลับมาที่เมืองไคโร เชคจึงกลับมา สุลต่านตกลงที่จะขายพวกผู้
ปกครองชาวเติรก์ ซึง่ มีสถานะเป็นทาสตามคำ�ฟัตวาของเชค อัลอิซซฺ
ผูช้ ว่ ยคนหนึง่ ของสุลต่านได้สง่ ของขวัญไปให้กบั เชคเพือ่ เอาใจ
ท่าน แต่ท่านปฏิเสธ ผู้ช่วยคนนี้ไม่พอใจมากจึงได้พูดกับพรรคพวก
ของเขาว่า “เชคคนนีเ้ รียกร้องให้ซอื้ ขายเราได้อย่างไรกัน?! ทัง้ ทีพ่ วก
เราคือผูป้ กครองแผ่นดิน ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันจะฆ่าเขาด้วยดาบ
เล่มนี้เอง”
แล้วเขาก็มุ่งหน้าไปที่บ้านของเชคอัลอิซซฺ โดยที่มือของเขา
ถือดาบไว้ เขาเคาะประตูบ้านเชค ลูกชายของเชคเปิดประตูออกมา
ต้อนรับ เมือ่ เห็นว่าเป็นผูช้ ว่ ยของสุลต่าน ลูกชายก็กลับเข้าไปในบ้าน
และบอกให้พอ่ ทราบ ดูเหมือนว่าเชคอัลอิซซฺไม่ได้รสู้ กึ วิตกกังวลใดๆ
เลย เชคอัลอิซซฺได้พูดกับลูกชายว่า “โอ้ลูกพ่อ พ่อของลูกไม่ค่อยได้
ออกไปต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺมากนัก”
เชคพูดอย่างนี้เพราะท่านรู้ตวั ดีว่า เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
กับท่านได้ตลอดเวลา และท่านพร้อมทีจ่ ะต่อสูใ้ นหนทางของอัลลอฮฺ

134
เสมอเมื่อเวลานั้นมาถึง แล้วท่านก็เดินออกไป
ประหนึง่ ว่า การตัดสินของอัลลอฮฺได้ลงมาทีผ่ ชู้ ว่ ยสุลต่านคนนี้
ทันที ในตอนที่เชคอัลอิซซฺมองหน้าเขานั้น อยู่ๆ มือของเขาก็แข็งทื่อ
แล้วก็สั่นไหว ทำ�ให้ดาบที่เขาถืออยู่ร่วงหล่นลงมา เขาร้องไห้ และ
ได้ขอให้เชคอัลอิซซฺช่วยดุอาอ์ให้เขาด้วย เขาถามเชคว่า “ท่านครับ
มีความดีงามไหนที่ท่านอยากทำ�บ้างไหม?”
เชคตอบว่า “ฉันเรียกร้องให้ขายพวกท่าน”
ผู้ช่วยคนนั้นถามต่อว่า “แล้วท่านจะใช้ราคา (ค่าตัว) ของพวก
เราทำ�อะไรบ้าง?”
เชคตอบว่า “ใช้เพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องมุสลิม”
ผู้ช่วยถามอีกว่า “ใครจะเป็นคนเก็บเงินเหล่านั้นไว้?”
เชคตอบว่า “ฉันเอง”
แล้ ว ผู้ ช่ ว ยสุ ล ต่ า นคนนั้ น ก็ ย อมรั บ ในคำ � เรี ย กร้ อ งของเชค
สุดท้ายสิ่งที่เชคอัลอิซซฺปรารถนาก็เกิดขึ้น ท่านได้เรียกตัวบรรดา
ผู้ปกครองรัฐ (ที่เป็นทาสชาวเติร์ก) มาขายทีละคน ๆ ซึ่งราคาค่าตัว
ของพวกเขานั้นแพงมาก ท่านเก็บเงินที่ขายได้เอาไว้ แล้วใช้มันเพื่อ
ทำ�สิ่งที่ดีงาม (ที่เป็นประโยชน์ของอุมมะฮฺอิสลาม)
ความกล้ า หาญแบบนี้ ไ ม่ เ คยมี ใ ครก่ อ นหน้ า ท่ า นเคยทำ �
มาก่ อ น ขออั ล ลอฮฺ ท รงเมตตาและพอพระทั ย ในตั ว เชคอั ล อิ ซ ซฺ
บินอับดุสสะลาม ด้วยเถิด 62

62 - ดู อัลอิสลาม บัยนัล อุละมาอ์ วัลหุกกาม โดย อับดุลอะซีซ อัลบัดรีย์ หน้าที่ 197

135
เรื่่�องที่่� 29

ฉั ันจะไม่่กลั ับไปที่่�ดะมั ัสกั ัส

ราชวงศ์มัมลูกียะฮฺ หรือ มัมลูก หรือ มะมาลีก คือ 1 ในรัฐ


อิสลามทีเ่ กิดขึน้ ในช่วงท้ายของคิลาฟะฮฺอบั บาสียะฮฺ โดยเริม่ สถาปนา
ขึน้ ตัง้ แต่ปฮี จิ เราะฮฺที่ 648 หลังราชวงศ์อยั ยูบยี ะฮฺสนิ้ สุดลง จนกระทัง่
อำ�นาจของราชวงศ์อุษมานียะฮฺได้แผ่ขยายเข้ามาแทนที่ ทั้งในแผ่น
ดินชามและอียิปต์ ในช่วงประมาณปีฮิจเราะฮฺที่ 923
ราชวงศ์มัมลูกียะฮฺนั้นประสบความสำ�เร็จอย่างยิ่งใหญ่ ด้วย
การเอาชนะและขับไล่กองทัพมองโกลได้สำ�เร็จใน “ศึกอัยนฺญาลูต”
เมื่อวันที่ 25 เดือนเราะมะฎอน ปีฮิจเราะฮฺที่ 658 ในยุคของสุลต่าน
สัยฟุดดีน กุฏุซ สุลต่านคนที่ 3 ของราชวงศ์มัมลูกียะฮฺ
แม้ว่าราชวงศ์มัมลูกียะฮฺจะสามารถขับไล่มองโกลไปได้แล้ว
แต่การต่อสู้ระหว่าง 2 ฝ่ายยังไม่สิ้นสุด สุลต่านซอฮิร รุกนุดดีน
บัยบะร็อสฺ (หรือบัยบัรสฺ) สุลต่านคนที่ 4 ของราชวงศ์มัมลูกียะฮฺ ซึ่ง
เคยเป็นแม่ทพั ในศึกอัยนฺญาลูต จึงต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาอีกครัง้
สุลต่านต้องการทีจ่ ะออกไปต่อสูก้ บั กองทัพมองโกลทีแ่ ผ่นดินชาม เขา
ขอให้บรรดาอุละมาอ์ออกฟัตวาให้อนุญาตรวบรวมทรัพย์สิน (ภาษี)
จากประชาชนเพื่อใช้จ่ายในการทำ�สงครามครั้งนี้
136
บรรดาผูร้ นู้ กั นิตศิ าสตร์อสิ ลามจึงได้เขียนจดหมายส่งไปให้เขา
โดยอนุญาตให้ทำ�อย่างนั้นได้
สุลต่านซอฮิร บัยบะร็อสฺได้ถามว่า “ยังมีใครอีกไหม? (ที่ยังไม่
อนุญาต)”
เจ้าหน้าทีค่ นหนึง่ ตอบว่า “เหลือเชคมุหยฺ ดิ ดีน อันนะวะวีย์ ครับ
ท่าน”
สุลต่านจึงสัง่ ให้ออกตามหาอิมามอันนะวะวียแ์ ละนำ�ตัวท่านมา
อิมามอันนะวะวีย์ หรือชือ่ จริงคือ อบูซะกะรียา ยะหฺยา บินชะร็อฟ
เราะหิมะฮุลลอฮฺ คือผูร้ ทู้ มี่ ชี อื่ เสียงมากทีส่ ดุ ในประวัตศิ าสตร์อสิ ลาม
ท่านเกิดในปีฮิจเราะฮฺที่ 631 ที่เมืองนะวา (เมืองทางตะวันตกเฉียง
ใต้ของประเทศซีเรีย ห่างจากเมืองดะมัสกัสประมาณ 85 กิโลเมตร)
อิ ม ามอั น นะวะวี ย์ ไ ด้ เ ขี ย นหนั ง สื อ หลายเล่ ม ที่ โ ด่ ง ดั ง จนถึ ง
ปัจจุบัน เช่น หนังสือ 40 หะดีษอันนะวะวีย์, ริยาฎุศศอลิหีน, อัลมิน
ฮาจญ์ (อธิบายหนังสือเศาะฮีหฺมุสลิม), มินฮาญุฏ ฏอลิบีนฯ และเรา
เฎาะตุฏ ฏอลิบีนฯ เป็นต้น
อิมามอันนะวะวีย์นั้นไม่ได้มีชื่อเสียงแค่ในเรื่องวิชาการเท่านั้น
ท่านยังได้รบั การยกย่องเชิดชูในเรือ่ งความสมถะและการสัง่ ใช้ความ
ดีและห้ามปรามความชั่วด้วย อบุลอับบาส บินฟะร็อจญ ลูกศิษย์คน
หนึ่งของท่านได้กล่าวไว้ว่า “เชคมุหฺยิดดีนนั้นบรรลุความสำ�เร็จใน
3 เรือ่ ง...ได้แก่ (1) วิชาความรูแ้ ละการทำ�หน้าทีเ่ กีย่ วกับมัน (2) ความ
สมถะต่อดุนยา และ (3) การสั่งใช้ความดีและห้ามปรามความชั่ว” 63
เมื่ออิมามอันนะวะวีย์ได้มาถึงแล้ว สุลต่านซอฮิร บัยบะร็อสฺ
ก็ได้กล่าวว่า “ท่านจงเขียนความเห็นชอบร่วมกับบรรดาฟุเกาะฮาอ์
เถิด” แต่อิมามนะวะวีย์ปฏิเสธ
สุลต่านจึงถามว่า “ทำ�ไมท่านถึงปฏิเสธล่ะ?”
63 - ดู ตะหฺฟะตุฏ ฏอลิบีน ฟี ตัรญะมะฮฺ อัลอิมาม มุหฺยิดดีน โดย อิมามอิบนุลอัฏฏ็อร
137
อิ ม ามอั น นะวะวี ย์ ต อบว่ า “ฉั น รู้ ว่ า ท่ า นเคยเป็ น ทาสของผู้
ปกครองคนหนึง่ ชือ่ ว่าบุนดักดาร ท่านไม่มสี มบัตอิ ะไรเลยแม้แต่นอ้ ย
แล้วอัลลอฮฺก็ทรงโปรดปรานและทำ�ให้ท่านเป็นกษัตริย์ และฉันเคย
ได้ยินมาว่า ท่านมีทาสจำ�นวน 1,000 คน โดยทาสทุกคนมีเชือกผูกที่
ทำ�มาจากทองคำ� และท่านยังมีทาสีอกี 200 คน ซึ่งทุกคนมีสิทธิสวม
ใส่เครือ่ งประดับต่าง ๆ เมือ่ ท่านมอบทัง้ หมดนีเ้ พือ่ การต่อสู้ แล้วให้
พวกทาสใช้เชือกทัว่ ไปเป็นการทดแทน รวมไปถึงให้พวกทาสีสวม
ใส่เสือ้ ผ้าทีเ่ หมาะสม โดยไม่ตอ้ งมีเครือ่ งประดับตกแต่งใด ๆ ฉัน
จึงจะฟัตวาให้ทา่ นสามารถเก็บรวบรวมทรัพย์สนิ จากประชาชนได้”
เมือ่ ได้ยนิ คำ�ตอบของอิมามอันนะวะวีย์ สุลต่านซอฮิร บัยบะร็อส
ก็ไม่พอใจอย่างมาก เขาพูดด้วยความโกรธว่า “ออกไปจากเมืองของ
ฉันซะ” (หมายถึง เมืองดะมัสกัส)
อิมามอันนะวะวียต์ อบว่า “ฉันได้ยนิ แล้วและพร้อมทำ�ตามทันที”
แล้วท่านก็เดินทางออกจากเมืองดะมัสกัสไปยังเมืองนะวา บ้านเกิด
ของท่านเอง
บรรดาผู้รู้ได้เตือนสุลต่านซอฮิรว่า “แท้จริงอันนะวะวีย์คนนี้
คือผู้รู้และคนดีที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรา คือคนที่ควรเป็นแบบอย่าง
ท่านควรพาเขากลับมายังดะมัสกัส”
สุ ด ท้ า ยสุ ล ต่ า นซอฮิ ร ยอมเขี ย นจดหมายขอร้ อ งให้ อิ ม าม
อันนะวะวีย์กลับมา แต่ท่านปฏิเสธ ท่านกล่าวว่า “ฉันจะไม่กลับไปที่
เมือง ดะมัสกัส ตราบใดที่ซอฮิรยังอยู่ที่นั่น” 1 เดือนต่อมา สุลต่าน
ก็เสียชีวิต64

64 - ดู มิน อัคลากิล อุละมาอ์ โดย เชคมุฮัมหมัด สุลัยมาน หน้าที่ 179 และ อัลอิมาม อันนะวะวีย์ฯ
โดย อับดุลเฆาะนีย์ อัดดักรฺ หน้าที่ 107 เป็นต้นไป

138
“เมื่่�อท่่านมอบ
ทั้้�งหมดนี้้�เพื่่� อการต่่อสู้้�
แล้้วให้้พวกทาส
ใช้้เชืือกทั่่�วไปเป็็นการทดแทน
รวมไปถึึงให้้พวกทาสีี
สวมใส่่เสื้้�อผ้้าที่่�เหมาะสม
โดยไม่่ต้อ
้ งมีี
เครื่่�องประดัับตกแต่่งใด ๆ
ฉัันจึึงจะฟัั ตวาให้้ท่่าน
สามารถเก็็ บรวบรวม
ทรััพย์สิ
์ ินจากประชาชนได้้”

139
เรื่่�องที่่� 30

อิิมามอิิบนุุตั ัยมีียะฮฺฺ
ผู้้ยั
� ับยั้้�งฆอซาน

ในช่วงท้ายของปีฮิจเราะฮฺที่ 698 มีข่าวใหญ่แพร่สะพัดไปทั่วว่า


มะหฺมูด ฆอซาน ผู้นำ�คนที่ 7 ของจักรวรรดิข่านอิล ซึ่งแตกมาจาก
จักรวรรดิมองโกล พร้อมกับกองทัพของเขาที่มาจากอิหร่านกำ�ลัง
มุ่งหน้ามายังเมืองอเล็ปโป (ในแผ่นดินชาม หรือซีเรียปัจจุบัน)
วันที่ 27 เดือนเราะบีอุลเอาวัล ปีฮิจเราะฮฺที่ 699 ที่วาดีย์
สะลีมะฮฺ กองทัพของฆอซานก็ได้เผชิญหน้ากับกองทัพของสุลต่าน
อั น นาศิ ร บิ น เกาะลาวู น สุ ล ต่ า นแห่ ง ราชวงศ์ มั ม ลู กี ย ะฮฺ หลั ง
จากสงครามของทั้ง 2 ฝ่ายในศึก “หามียะฮฺ อัลวะฏีส” สิ้นสุดลง
ปรากฏว่ากองทัพของสุลต่านอันนาศิรเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
บรรดาทหารและผูน้ �ำ เหล่าทัพต่างพากันหนีเอาชีวติ รอด บรรดา
ข้า ราชการจากเมืองดะมัส กัส ก็อพยพหนีไปที่อียิปต์ตามสุลต่าน
อันนาศิรด้วย จึงไม่มีผู้พิพากษา ผู้นำ� หรือข้าราชการแผ่นดินอยู่ที่

140
เมืองดะมัสกัสเลย มีเพียงชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮฺ ที่ปักหลักอยู่
ที่นั่นเพื่อป้องกันเมืองพร้อมกับประชาชน
ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮฺ คือผู้รู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด
คนหนึ่ง นับตั้งแต่ช่วงท้ายของฮิจเราะฮฺศตวรรษที่ 7 จนถึงปัจจุบัน
ชือ่ จริงของท่านคือ อบุลอับบาส อะหฺมดั บินอับดุลหะลีม อัลหัรรอนีย์
เราะหิมะฮุลลอฮฺ ท่านเกิดในปีฮิจเราะฮฺที่ 661 คือไม่กี่ปีหลังจาก
กองทัพมองโกลบุกโจมตีแบกแดด เมืองหลวงของอาณาจักรอิสลาม
อิมามอิบนุตัยมียะฮฺได้รวบรวมเจ้าหน้าที่รัฐที่ยังหลงเหลือ และเห็น
พ้องร่วมกับพวกเขาว่าจะต้องรับมือกับสถานการณ์ให้ได้ ในฐานะ
ผู้นำ�ของคณะผู้แทนจากเมืองชาม ท่านได้เดินทางไปพบฆอซานที่
เมืองนับกฺ (อยูท่ างตอนเหนือของเมืองดะมัสกัส) บทสนทนาทีด่ เุ ดือด
ระหว่างทั้งสองจึงเกิดขึ้น
อบูบกั รฺ บินเกาะวาม อัลบาลิสยี ์ (เสียชีวติ ปี ฮ.ศ.718) ได้เล่าว่า
: ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮฺ ได้กล่าวกับฆอซาน โดยมีล่ามคนหนึ่ง
คอยแปลคำ�พูดให้ ท่านกล่าวว่า “ท่านอ้างว่าเป็นมุสลิม และท่านมี
ทั้งผู้พิพากษา, อิมาม, เชค และบรรดาผู้ประกาศอะซาน แต่ท่าน
กลับโจมตีพวกเรา ท่านมาทีแ่ ผ่นดินของพวกเราทำ�ไมกัน? ทัง้ พ่อ
และปูข่ องท่านต่างก็เป็นกาฟิร (ผูป้ ฏิเสธศรัทธา) ท่านรุกรานแผ่น
ดินอิสลาม ทัง้ ทีท่ า่ นทำ�สัญญากับเราแล้ว ท่านให้สญ ั ญา แต่กลับ
บิดพลิ้ว แค่นี้แหละที่เราอยากจะพูด”
อิมามอิบนุตยั มียะฮฺและฆอซานได้โต้เถียงกันในประเด็นต่าง ๆ
ท่านอิมามทำ�ทุกอย่างเพื่ออัลลอฮฺ แล้วฆอซานก็ได้สั่งให้จัดเตรียม
อาหารแก่คณะผู้แทนจากเมืองชาม ทุกคนร่วมรับประทานอาหาร
ยกเว้นอิมามอิบนุตัยมียะฮฺ

141
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของฆอซานจึงถามว่า “ท่านไม่กินหรือ?”
ท่านตอบว่า “ฉันจะกินอาหารของพวกท่านลงได้อย่างไร ทั้งที่
ทัง้ หมดนัน้ พวกท่านยึดเอามาจากทรัพย์สนิ ของผูค้ น และพวกท่านก็
ปรุงมันโดยใช้ไม้ที่ตัดมาจากต้นไม้ของประชาชน?”
ฆอซานตั้งใจฟังคำ�พูดของอิมามอิบนุตัยมียะฮฺ เขาจ้องมองไป
ยังท่านโดยไม่หนั ไปทางอืน่ เลย ฆอซานนัน้ รูส้ กึ เคารพและชืน่ ชมท่าน
อิมามจากหัวใจ เขาถามว่า “เชคคนนีเ้ ป็นใครกัน? ฉันไม่เคยเห็นคน
แบบเขามาก่อนเลย คนที่มีจิตใจมั่นคง คำ�พูดที่ทะลุทะลวงถึงหัวใจ
และฉันก็ไม่เคยพบใครที่คู่ควรแก่การเป็นแบบอย่างมากไปกว่าเขา
ด้วย”
แล้วข้าบริวารของฆอซานก็ได้พูดถึงอิมามอิบนุตัยมียะฮฺให้เขา
ฟัง ทั้งความรู้และวีรกรรมต่าง ๆ ที่ท่านเคยทำ�ไว้ ต่อมาฆอซานจึง
ได้ขอให้อิมามอิบนุตัยมียะฮฺขอดุอาอ์ให้กับเขา
ท่านได้ขอดุอาอ์ว่า “โอ้อัลลอฮฺ หากบ่าวของพระองค์คนนี้
(หมายถึงฆอซาน) ต่อสู้เพื่อเชิดชูดำ�รัสของพระองค์ให้สูงส่ง และ
เพื่อให้ศาสนาทั้งหมดเป็นของพระองค์ ขอพระองค์ทรงช่วยเหลือ
และสนับสนุนเขาด้วยเถิด และโปรดมอบแผ่นดินและปวงบ่าวทั้ง
หลายของพระองค์ให้เขา (ปกครอง) ด้วย แต่หากเขาทำ�สิ่งนั้นเพื่อ
การโอ้อวด, ชื่อเสียง, กอบโกยผลประโยชน์ของดุนยา หรือเพื่อให้
คำ�พูดของตัวเขาเองสูงส่ง, ทำ�ให้อิสลามและชาวมุสลิมตกต่ำ� ก็ขอ
พระองค์ทรงทำ�ให้เขาตกต่ำ� หวั่นไหว ถูกทำ�ลาย และตัดตอนเขาทิ้ง
ไปด้วยเถิด”
ฆอซานยกมือทั้ง 2 ข้างของเขา และกล่าวอามีนขานรับดุอาอ์
ของท่านอิบนุตัยมียะฮฺ

142
อบูบักรฺ อัลบาลิสีย์ ได้เล่าต่อว่า : พวกเรารีบรวบเสื้อผ้าเข้ามา
เพราะหากฆอซานสั่งฆ่าท่าน เกรงว่าเลือดของท่านจะกระเด็นโดน
เสื้อผ้าของเรา หลังจากที่พวกเราออกมาแล้ว มัจมุดดีน หัวหน้าผู้
พิพากษาและคนอืน่ ๆ ก็ได้พดู กับอิมามอิบนุตยั มียะฮฺวา่ “ท่านเกือบ
จะทำ�ให้ตัวเองและพวกเราทุกคนฉิบหายกันหมดแล้ว ขอสาบานต่อ
อัลลอฮฺ ตั้งแต่บัดนี้ พวกเราจะไม่ร่วมมือกับท่านอีก”
อิมามอิบนุตยั มียะฮฺจึงกล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันเองก็
จะไม่เข้าร่วมกับพวกท่านด้วย”
คณะผูแ้ ทนของเมืองชามได้เดินทางกลับไป ส่วนอิมามอิบนุตยั
มียะฮฺและสหายของท่านยังคงอยูท่ นี่ นั่ ท่านกลายเป็นคนทีเ่ จ้าหน้าที่
และคนใกล้ชิดของฆอซานต่างพูดถึง พวกเขามาหาท่านและขอให้
ท่านช่วยดุอาอ์ให้
ต่อมาท่านก็เดินทางกลับไปยังเมืองดะมัสกัส ขอสาบานต่อ
อัลลอฮฺ ท่านมาถึงเมืองดะมัสกัสโดยมีทหารม้ากว่า 300 นายที่เดิน
ทางมาให้การคุม้ ครอง ฉัน (อัลบาลิสยี )์ คือหนึง่ ในคนทีอ่ ยูร่ ว่ มกับท่าน
ส่วนคนทีไ่ ม่ยอมเข้าร่วมกับท่านนัน้ ระหว่างเดินทางกลับ พวกเขาถูก
พวกมองโกลกลุ่มหนึ่งบุกโจมตีและปล้นสะดม เสื้อผ้าและสมบัติทุก
อย่างของพวกเขาถูกเอาไปจนหมด
แม้ฆอซานจะยอมถอยทัพกลับไป แต่อิมามอิบนุตัยมียะฮฺก็ยัง
กำ�ชับให้ชาวเมืองดะมัสกัสเตรียมพร้อมสำ�หรับการญิฮาดอยูเ่ สมอ ตัว
ท่านเองคอยลาดตระเวนตามแนวกำ�แพงเมืองทุกคืน จนกระทัง่ ในปี
ฮิจเราะฮฺที่ 700 ฆอซานก็ได้ยกทัพมาอีกครัง้ ท่านกล่าวปราศรัยปลุก
ขวัญกำ�ลังใจให้กบั ผูค้ น และได้เดินทางไปยังอียปิ ต์เพือ่ ขอให้สลุ ต่าน
มัมลูกยกทัพมาช่วย กระทั่งกองทัพของฆอซานไม่กล้าเปิดศึกเข้ามา

143
แต่สดุ ท้ายสงครามก็ปะทุขนึ้ อิมามอิบนุตยั มียะฮฺและประชาชน
ชาวดะมัสกัส พร้อมกับกองทัพของสุลต่านอันนาศิร เกาะลาวูน ได้
ต่อสู้กับกองทัพมองโกลภายใต้การนำ�ของก็อฏลูชาฮฺ ผู้บัญชาการ
และผูช้ ว่ ยของฆอซาน จนกระทัง่ ได้รบั ชัยชนะไปในทีส่ ดุ สงครามครัง้
นี้มีชื่อว่า “ศึกชักหับ” เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2-4 เราะมะฎอน ปีฮิจเราะฮฺ
ศักราชที่ 70265

65 - ดู มุคตะศ็อร มินฮาญิส สุนนะฮฺ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ หน้าที่ 332 และอิบนุตัยมียะฮฺฯ โดย


มุฮัมหมัด อบูซะฮฺเราะฮฺ หน้าที่ 33 เป็นต้นไป

144
“ท่่านอ้้างว่่าเป็็นมุุสลิิม
และท่่านมีีทั้้�งผู้้�พิิ พากษา,
อิิมาม, เชค และบรรดา
ผู้้�ประกาศอะซาน
แต่่ท่่านกลัับโจมตีีพวกเรา
ท่่านมาที่่�แผ่่นดิินของพวกเรา
ทำำ�ไมกััน?
ทั้้�งพ่่ อและปู่่� ของท่่าน
ต่่างก็็ เป็็นกาฟิิ ร (ผู้้�ปฏิิเสธศรััทธา)
ท่่านรุุกรานแผ่่นดิินอิิสลาม
ทั้้�งที่่�ท่่านทำำ�สัญ
ั ญากัับเราแล้้ว
ท่่านให้้สัญ
ั ญา
แต่่กลับ ั บิิดพลิ้้�ว
แค่่นี้้�แหละที่่�เราอยากจะพูู ด”

145
เรื่่�องที่่� +1

อััสมาอ์์ ผู้้ไ� ม่่เกรงกลั ัวหั ัจญาจญ์์

วันจันทร์ ที่ 12 เดือนเราะบีอุลเอาวัล ปีฮิจเราะฮฺที่ 11 ท่านนบี


มุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้จากไป อุมมะฮฺอิสลาม
มีผู้นำ�คนใหม่ คือท่านอบูบักรฺ อัศศิดดี้ก เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ
ท่านอบูบักรฺ อัศศิดดี้กเป็นเคาะลีฟะฮฺอยู่ประมาณ 2 ปี (คือ
ระหว่างปี ฮ.ศ.11-13) ต่อด้วยท่านอุมรั บินอัลค็อฏฏอบ อีกประมาณ
10 ปี (คือระหว่างปี อ.ศ.13-23) และตามด้วยท่านอุษมาน บินอัฟฟาน
เป็นระยะเวลา 12 ปี (คือระหว่างปี ฮ.ศ.23-35) ก่อนที่การฆาตกรรม
ท่านอุษมานจะทำ�ให้อมุ มะฮฺอสิ ลามเกิดความขัดแย้งและแตกแยกกัน
เป็นครั้งแรก
อัลหัมดุลลิ ลาฮฺ ด้วยความช่วยเหลือของอัลลอฮฺ และการตัดสิน
ใจของท่านอัลหะสัน บินอลี ที่ได้สละตำ�แหน่งเคาะลีฟะฮฺให้กับท่าน
มุอาวิยะฮฺ บินอบีสุฟยาน ทำ�ให้ประชาชาติน้ีกลับมาเป็นปึกแผ่น

146
เข้มแข็ง และยิ่งใหญ่อีกครั้ง พร้อม ๆ กับการเริ่มต้นยุคใหม่ นั่นคือ
ยุคการปกครองของราชวงศ์อุมัยยะฮฺ
แต่แล้วในปีฮิจเราะฮฺที่ 64 เมื่อเคาะลีฟะฮฺมุอาวะฮฺที่ 2 แห่ง
ราชวงศ์ อุมั ย ยะฮฺ ไ ด้เสีย ชีวิต ลง ความแตกแยกก็เกิดขึ้นอีก ครั้ง
อุมมะฮฺอิสลามขัดแย้งกันเรื่องการเลือกเคาะลีฟะฮฺคนใหม่ ระหว่าง
ท่านอับดุลลอฮฺ บินซุบัยรฺ และมัรวาน บินอัลหะกัม
เจ้าหน้าที่รัฐและชาวเมืองชามไม่น้อย รวมถึงผู้คนในหัวเมือง
และแคว้นต่างๆ ได้ให้สัตยาบันแก่อับดุลลอฮฺ บินซุบัยรฺ แต่มัรวาน
บินอัลหะกัมเองก็มผี สู้ นับสนุนอยูเ่ ป็นจำ�นวนมาก สุดท้ายจึงเกิดการ
ปะทะกันระหว่างผูส้ นับสนุนของทัง้ 2 ฝ่าย กระทัง่ มัรวานได้รบั ชัยชนะไป
แต่ ค วามขั ด แย้ ง ยั ง ไม่ สิ้ น สุ ด เมื่ อ มั ร วานเสี ย ชี วิ ต ลงในปี
ฮิจเราะฮฺที่ 65 ลูกชายของเขาคือ อับดุลมาลิก บินมัรวาน ก็ได้ขึ้นมา
สืบทอดตำ�แหน่งต่อไป อับดุลลอฮฺ บินซุบัยรฺ ค่อย ๆ สูญเสียอำ�นาจ
ของเขาในเมืองต่าง ๆ กระทัง่ เหลือแค่เพียงทีเ่ ดียวคือ เมืองมักกะฮฺ
หัจญาจญ์ บินยูสุฟ อัษษะเกาะฟีย์ ผู้ปกครองแคว้นอิรักและ
ผู้นำ�กองทัพของราชวงศ์อุมัยยะฮฺ เขาคือคนที่โหดร้ายและชอบ
การประหั ต ประหาร เขาได้ ย กทั พ ขนาดใหญ่ มุ่ ง หน้ า มายั ง เมื อ ง
มักกะฮฺ เขาล้อมอับดุลลอฮฺ บินซุบัยรฺ และผู้สนับสนุนเอาไว้ และ
ห้ามมิให้ใครส่งความช่วยเหลือเข้าไปข้างใน เขาโจมตีเมืองมักกะฮฺ
ด้วยการยิงก้อนหินใส่โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “มันญะนีก” กระทั่ง
อาคารกะอฺบะฮฺและมัสญิดหะรอมได้รับความเสียหาย ผู้คนล้มตาย
บาดเจ็บ และหิวกระหาย จนกระทั่งสุดท้ายชาวมักกะฮฺก็เริ่มละทิ้ง
อับดุลลอฮฺ บินซุบัยรฺ
อั บ ดุ ล ลอฮฺ บิ น ซุ บั ย รฺ ได้ เ ข้ า ไปพบคุ ณ แม่ เธอคื อ อั ส มาอ์
ลูกสาวของท่านอบูบกั รฺ อัศศิดดีก้ , ภรรยาของท่านซุบยั รฺ บินเอาวาม

147
เศาะหาบะฮฺผู้พิทักษ์ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เธอ
คือพี่สาวของท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา และเป็นผู้แบก
ถุงสัมภาระอาหารส่งให้ท่านนบีและพ่อของเธอ ในตอนที่ทั้ง 2 เดิน
ทางอพยพไปยังเมืองมะดีนะฮฺ ทัง้ ทีต่ อนนัน้ เธอกำ�ลังตัง้ ครรภ์ลกู คน
แรก ซึ่งก็คือ อับดุลลอฮฺ บินซุบัยรฺ นั่นเอง
ตอนนัน้ อัสมาอ์แก่ชรามากแล้วและเธอก็ตาบอดด้วย อับดุลลอฮฺ
ได้พดู กับเธอว่า “แม่ครับ ผูค้ นต่างละทิง้ ผมไปแล้ว รวมถึงลูกชายทัง้
2 คน (หมายถึง หัมซะฮฺและคุบัยบฺ) และครอบครัวของผมด้วย ไม่มี
ใครอยู่ข้างผมอีกแล้ว นอกจากคนเพียงเล็กน้อยที่ปกป้องผมได้แค่
เพียงชั่วครู่หนึ่งเท่านั้น พวกเขา (หมายถึง หัจญาจญ์) จะมอบสมบัติ
ของดุนยาตามที่ผมต้องการ แม่เห็นว่าอย่างไรบ้างครับ?”
อัสมาอ์ตอบว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ลูกแม่ ลูกรูด้ อี ยูแ่ ล้วเกีย่ ว
กับตัวลูกเอง ถ้าลูกมัน่ ใจว่าลูกอยูบ่ นความถูกต้องและเรียกร้องไปสู่
ความถูกต้อง ก็จงยืนหยัดต่อไป สหายของลูกหลายคนถูกสังหารเพือ่
ปกป้องความถูกต้องนี้ อย่าให้ลกู สมุนของราชวงศ์อมุ ยั ยะฮฺลอ้ เล่นกับ
ลูกได้เด็ดขาด ถ้าลูกหวังความสุขสบายของดุนยา ลูกก็คือบ่าวที่แย่
ทีส่ ดุ ลูกจะทำ�ลายทัง้ ตัวเองและคนทีต่ อ่ สูร้ ว่ มกับลูกด้วย ถ้าลูกจะพูด
ว่า ‘ผมอยู่กับความถูกต้อง แต่เมื่อสหายของผมอ่อนกำ�ลังลง ผมจึง
อ่อนแอตาม’ นั่นไม่ใช่ท่าทีของอิสระชนและคนที่มีศาสนาเลย ลูกจะ
อยู่บนโลกนี้ไปได้นานแค่ไหนกัน? ความตายย่อมดีกว่าแน่นอน!”
อับดุลลอฮฺ บินซุบยั รฺ ได้เข้าไปใกล้คณ
ุ แม่และจุมพิตลงทีบ่ ริเวณ
หน้าผากของเธอ แล้วก็กล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ นี่คือสิ่งที่ผม
ยืนหยัดเรียกร้องมาโดยตลอด ผมไม่มีวันถูกดุนยาล่อลวงเด็ดขาด
ผมไม่ได้รักชีวิตที่สุขสบายบนดุนยาเลย ผมออกมาด้วยความโกรธ
เพือ่ อัลลอฮฺ เพราะกฏเกณฑ์ของพระองค์ถกู ละเมิด ผมเพียงต้องการ

148
รู้ความคิดเห็นของแม่เท่านัน้ เอง และท่านได้เพิม่ ความชัดแจ้งให้กบั
ความชัดแจ้งเดิมที่ผมมีอยู่แล้ว แม่ครับ แม่ดูไว้นะ เพราะผมจะถูก
ฆ่าตายในวันนี้อย่างแน่นอน ฉะนั้นแม่อย่าเศร้าโศกจนเกินไป แม่จง
ยอมรับการตัดสินของอัลลอฮฺเถิด”66
อัสมาอ์ได้บอกลาลูกชายของเธอ ด้วยการขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ
แล้วอับดุลลอฮฺ บินซุบยั รฺ ก็ออกไปสานต่อการต่อสูข้ องเขา จนในทีส่ ดุ
เขาก็ถูกฆ่าตาย หัจญาจญ์ได้ตัดคอของอับดุลลอฮฺ และตรึงร่างกาย
ของเขาแขวนไว้ที่อัลหะญูน (อยู่ทางทิศเหนือของมัสญิดหะรอม)
อั ล หั จ ญาจญ์ ไ ด้ เ รี ย กอั ส มาอ์ ไ ปเข้ า พบ แต่ เ ธอไม่ ย อมไป
อัลหัจญาจญ์จึงได้มาหาและกล่าวกับเธอว่า “คุณแม่ อะมีรุลมุอ์มินีน
ได้สั่งเสียให้ฉันทำ�ดีกับท่าน ท่านต้องการให้ช่วยอะไรไหม?”
อัสมาอ์ตอบว่า “ฉันไม่ใช่แม่ของเจ้า ฉันคือแม่ของคนที่ถูกตรึง
กางเขนอย่างทารุน ฉันไม่ตอ้ งการอะไรจากเจ้า แต่ฉนั จะขอพูดว่า ฉัน
เคยได้ยนิ ท่านเราะสูลลุ ลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวไว้วา่

ٌ َّ‫ي َث ِق ْي ٍف كَ ذ‬
‫اب َو َم ِب ْي ٌر‬ ِ
ْ ‫َي ْخ ُر ُج ف‬

ในเผ่าษะกีฟนัน้ จะมีจอมโกหกและฆาตกรผูบ้ อ่ นทำ�ลายปรากฏ


ตัวออกมา” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์, อัตติรมิซีย์ และอัฏฏ็อบรอนีย์)

จอมโกหกนั้น เราได้เห็นเขาแล้ว (คือมุคตาร บินอบีอุบัยดฺ


ผู้อ้างตนเป็นนบี) ส่วนฆาตกรผู้บ่อนทำ�ลายก็คือตัวเจ้า”67

66 - ดู อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ โดย อิมามอิบนุกะษีร เล่มที่ 4 หน้าที่ 314 เป็นต้นไป


67 - ดู สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ โดย อิมามอัซซะฮะบีย์ เล่มที่ 2 หน้าที่ 288 และตารีค อัฏเฏาะบะรีย์
โดย อิมามอัฏเฏาะบะรีย์ เล่มที่ 6 หน้าที่ 187 เป็นต้นไป

149
อีกรายงานหนึ่งระบุว่า หัจญาจญ์ได้กล่าวกับอัสมาอ์ว่า “ลูก
ของท่านหลงทาง (จากความถูกต้อง) ในแผ่นดินหะรอมของอัลลอฮฺ
ฉันจึงสังหารเขา เพราะเขาคือคนทีบ่ ดิ เบือนและฝ่าฝืน กระทัง่ อัลลอฮฺ
ได้ให้เขาลิ้มรสชาติการลงโทษที่แสนเจ็บปวด”
อัสมาอ์กล่าวว่า “โกหก เจ้าศัตรูของอัลลอฮฺและศัตรูของ
ชาวมุสลิม ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ คนที่เจ้าฆ่านั้นเขาคือคนที่ขยัน
ละหมาด, ถือศีลอด, กตัญญูต่อพ่อแม่ และคอยปกป้องรักษา
ศาสนานี้ หากว่าเจ้าคือผู้ทำ�ลายดุนยาของเขา เขาก็จะเป็น
ผู้ทำ�ลายอาคิเราะฮฺของเจ้า และท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ
อะลัยฮิ วะสัลลัม เคยกล่าวกับพวกเราว่า :

‫اآلخ ُر ِم ْن ُه َما َأ َش ُّر‬


َ ‫ان‬ِ ‫َي ْخ ُر ُج ِم ْن َث ِق ْي ٍف كَ ذَّ َاب‬
‫الم ِب ْي ُر‬ َ ‫ِم َن‬
َ ‫ َو ُه َو‬، ‫األ َّو ِل‬

จอมโกหก 2 คนจากเผ่าษะกีฟจะปรากฏตัวออกมา โดยคน


ที่ 2 นั้นชั่วร้ายกว่าคนแรก เขาคือฆาตกรผู้บ่อนทำ�ลาย

และเขาคนนี้ก็คือเจ้านั่นแหละ โอ้หัจญาจญ์!”
ศพของอับดุลลอฮฺ บินซุบัยรฺ ถูกนำ�ลงมาทำ�พิธีญะนาซะฮฺ และ
ไม่กี่วันต่อมา อัสมาอ์ บินติอบูบักรฺ ก็ได้เสียชีวิตลง ตอนนั้นเธออายุ
ครบ 100 ปี และเธอคือหญิงชาวมุญาฮีรีนคนสุดท้ายที่เสียชีวิต

150
ปิิดท้้าย

นี่คือ 30 เรื่องราวที่ผม (เชควะหีด) ได้รวบรวมและเลือกสรร


มาจากเหตุการณ์ต่างๆ ในประวัติศาสตร์ ผมขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺให้
เรื่องราวเหล่านี้เป็นประโยชน์กับพี่น้องมุสลิม
โอ้อลั ลอฮฺ มหาบริสทุ ธิย์ งิ่ แด่พระองค์ และด้วยการสรรเสริญต่อ
พระองค์ ผมขอปฏิญาณตนว่าไม่มพี ระเจ้าอืน่ ใดนอกจากพระองค์ ผม
ขออภัยโทษและขอกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์

152
เกี่่�ยวกั ับผู้้เ� รีียบเรีียง

เชควะหีด บินอับดุสสะลาม บาลีย์ เกิดเมื่อปี ค.ศ.1963 ที่


เขตกั ฟ รุ ช ชั ย คฺ ประเทศอี ยิ ป ต์ ท่ า นจบการศึ ก ษาขั้ น พื้ น ฐานที่
เขตกัฟรุชชัยคฺ และได้ศกึ ษาต่อระดับปริญญาตรีในคณะศึกษาศาสตร์
(ตัรบียะฮฺ) เอกวิชาภาษาอาหรับ โดยสำ�เร็จการศึกษาในปี ค.ศ.1985
ตอนนั้นท่านท่องจำ�อัลกุรอานได้ทั้งเล่ม
เชคได้ เ ดิ น ทางไปศึ ก ษาเรี ย นรู้ ที่ แ ผ่ น ดิ น หะรอม (ประเทศ
ซาอุ ดิ อ าระเบี ย ) นาน 6 ปี ท่ า นได้ เ รี ย นรู้ กั บ บรรดาอุ ล ะมาอ์
หลายท่ า นที่ นั่ น เช่ น เชคอั บ ดุ ล อะซี ซ บิ น บาซ, เชคมุ ฮั ม หมั ด
บินศอลิหฺ อัลอุษยั มีน, เชคอับดุลลอฮฺ บินอับดุรเราะหฺมาน อัลญิบรีน,
เชคอับดุลมุหสฺ นิ อัลอับบาด, เชคอบูบกั รฺ อัลญะซาอิรยี ,์ เชคอะฏิยยะฮฺ
มุฮัมหมัด สาลิม, เชคอับดุลลอฮฺ อัลอัจลาน รวมถึงเชคมุฮัมหมัด
นาศิรุดดีน อัลอัลบานีย์ด้วย เป็นต้น

153
เชควะหีดมีสายรายงาน (สะนัด) ความรู้ที่รับมาจากอาจารย์
หลายท่าน และได้รบั การรับรอง (อิญาซะฮฺ) ความรูใ้ นตำ�รับตำ�ราต่าง
ๆ หลายเล่ม ซึ่งสามารถสืบสาวย้อนกลับไปถึงผู้เขียนตำ�ราเหล่านั้น
ได้ เช่น หนังสือเศาะฮีหฺอัลบุคอรีย์, เศาะฮีหฺมุสลิม, สุนันอบูดาวูด,
สุนนั ติรมิซยี ,์ สุนนั นะสาอีย,์ สุนนั อิบนุมาญะฮฺ, หนังสืออัลมุวฏั เฏาะอ์
ของอิมามมาลิก, หนังสือชะมาอิล มุฮัมมะดียะฮฺของอิมามติรมิซีย์,
อัรริสาละฮฺของอิมามอัชชาฟิอีย์, หนังสืออัรบะอีนอันนะวะวีย์ และ
บุลูฆุลมะรอมของอิมามอิบนุหะญัร อัลอัษเกาะลานีย์ เป็นต้น
หลั ง กลั บ มาจากประเทศซาอุ ดิ อ าระเบี ย เชควะหี ด ได้ ทำ �
การดะอฺวะฮฺในเมืองของท่าน และเมืองอื่นๆ ทั่วอียิปต์ ท่านเคย
เดินทางไปทำ�การดะอฺวะฮฺในหลายประเทศ ทั้งในแอฟริกา, ยุโรป
และตะวันออกกลาง เช่น ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย, กาต้าร์, ซูดาน,
มาลาวีและโมซัมบิก อยู่ในแอฟริกาตะวันออก ซึ่งมีผู้เข้ารับอิสลาม
อย่างน้อย 8,600 คน, ในประเทศรวันดาเอง มีผู้เข้ารับอิสลามกับ
ท่านประมาณ 1,000 กว่าคน, ท่านเคยเดินทางไปที่บะห์เรน, สหรัฐ
อาหรับเอมิเรตส์, คูเวต, โปแลนด์ รวมถึงอินโดนีเซีย และประเทศ
อื่น ๆ อีกมาก เฉพาะที่แอฟริกานั้น มีผู้คนกว่า 150,000 คน จาก
1,500 เมือง ใน 10 ประเทศ ที่เข้ารับอิสลามผ่านงานดะอฺวะฮฺของ
ท่านและทีมงาน
ท่านได้เขียนหนังสือที่มีคุณค่าหลายเล่ม เล่มที่ดูเหมือนจะเป็น
หนังสือที่โด่งดังมากที่สุดของท่านก็คือ หนังสือ “วิกอยะตุลอินซาน
มินัล ญินนิ วัชชัยฏอน” และ “อัศศอริมุล บัตตาร ฟิตตะศ็อดดีย์
ลิสสะหะเราะฮฺ อัลอัชร็อร” หนังสือ 2 เล่มนี้พูดถึงเรื่องการป้องกัน
และจัดการกับไสยศาสตร์ (ผู้แปลหวังว่า จะมีโอกาสได้แปลหนังสือ
ทั้ง 2 เล่มนี้ของท่านในอนาคตด้วย อินชาอัลลอฮฺ)

154
ปั จ จุ บั น (ปี ฮ.ศ.1442 ตรงกั บ ปี ค.ศ.2021) เชควะหี ด
บินอับดุสสะลาม บาลี มีอายุ 58 ปีแล้ว ท่านยังคงแข็งแรงและขยัน
ขันแข็งทำ�งานดะอฺวะฮฺในทีต่ า่ งๆ ทีท่ า่ นเดินทางไป และผ่านช่องทาง
ต่าง ๆ ที่ท่านสามารถทำ�ได้ ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครองดูแลท่านและ
ตอบแทนความดีงามของท่านด้วยสวนสวรรค์ชั้นฟิรเดาสฺ
นี่คือแฟนเพจเฟสบุ๊คทางการของท่าน
www.facebook.com/wahidbaly

155
สแกน
เพื่่�อดููหนัังสืือเล่่มอื่่�น ๆ
ของ Zunnur

www.genfa.co

You might also like