You are on page 1of 23

________________________________________

บทความซีรส
ี ช
์ ุด :

ประวัติศาสตร์ชาติก่อน
The Previous National History
ตอนที่ 1 : เอซรา

Contents

บทที่ 1 : ข้อวิพากษ์ 1
บทที่ 2 : หักล้าง 2
- ชาวยิวทุกกลุ่มหรือบางส่วน 2
- ความเป็นไปได้ 9
- เเล้วไหนหล่ะ หลักฐาน? 15
บทที่ 3 : สรุป 20
________________________________________
เกริน
่ นำ
Introduction

ขอต้อนรับพีน
่ ้องมุสลิมทุก ๆ ท่านเเละบรรดาต่างศาสนิกผูท
้ ี่มใี จใฝ่หาสัจ-
ธรรมทุก ๆ คนเข้าสูซ
่ รี ส
ี ช
์ ุดใหม่นน
ั ่ คือ “ประวัติศาสตร์ชาติก่อน” The Previous
National History ซึ่งเป็นซีรส
ี ใ์ หม่ที่จะมาเจาะลึกวิเคราะห์เเละพู ดคุยในประเด็น
ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ (History) ที่ปรากฎในคัมภีรก
์ รุ อานว่ามีขอ
้ ผิดพลาดใน
ประเด็นที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ตามที่บางกลุ่มกล่าวอ้างหรือไม่?
บรรดามิชชันนารีคริสเตียน (Missionary) ตลอดรวมไปถึงบรรดาเอทิสต์
(Atheist) ที่คอยโจมตีคัมภีรก
์ รุ อานโดยการพยายามที่จะหาจุดที่คาดได้วา่ คัมภีร ์
กุรอานนัน
้ ผิดพลาดในทุก ๆ ศาสตร์ ไม่วา่ จะวิทยาศาสตร์, ดาราศาสตร์, จักรวาล
วิทยา, ธรณีวท
ิ ยา รวมไปถึงประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน โดยการตัง
้ ข้อสันนิษฐาน
ว่าผูเ้ ขียนคัมภีรก
์ รุ อานคงจะไปได้ยน
ิ เรื่องราวที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในยุคก่อน
ๆ เเล้วนำมาเขียนใส่ในคัมภีรก
์ รุ อานโดยไม่ได้กรองของผิดของถูก บ่งชีว้ า่ คัมภีร ์
นี้ไม่ได้มาจากพระเจ้าเเต่อย่างใด ซึ่งซีรส
ี ช
์ ุดนี้เราจะมาทำการชีเ้ เจงถึงข้ออ้างต่าง
ๆ ที่โลดเเล่นกันอยูต
่ ามเพจโจมตีอิสลามว่าจริง ๆ เเล้วคัมภีรก
์ รุ อานไม่ได้มค
ี วาม
ผิดพลาดหรือสับสนเลยเเต่อย่างใด เเต่เป็นพวกท่านเองต่างหากที่สบ
ั สน!!
เเละในตอนที่ 1 นี้เราจะมาวิเคราะห์ถึงประเด็น ๆ หนึ่งที่ฝ่ายผูโ้ จมตีคัมภีร ์
กุรอานนำมาเป็นประเด็นโจมตี นัน
่ ก็คือ ชาวยิวนับถือ “เอซรา” (Ezra) เป็นบุตร
ของพระเจ้าตามที่คัมภีรก
์ รุ อานได้เเจ้งหรือไม่? มาร่วมหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน
ในซีรส
ี ช
์ ุดนี้ได้เลยครับ…

Islamic & Quran for Life


________________________________________
บทที่ 1 : ข้อวิพากษ์
Criticism

บรรดาผูโ้ จมตีคัมภีรก
์ รุ อานได้หยิบยกประเด็นหนึ่งที่พวกเขาอ้างว่าผูเ้ ขียน
คัมภีรก
์ รุ อานสับสน ไปเข้าใจความเชื่อของยิวเเบบมัว่ ๆ ซึ่งขัดเเย้งกับข้อมูลทาง
ประวัติศาสตร์ที่เป็นที่ทราบกันดี นัน
่ ก็คือ ชาวยิวเชื่อว่า “เอซรา” นัน
้ เป็นบุตรของ
พระเจ้าเช่นเดียวกับที่คริสต์เชื่อว่า “พระเยซู” เป็นบุตรของพระเจ้าหรือไม่? ซึ่งเเน่
นอนว่าถ้าเราไปถามยิวในทุกวันนี้พวกเขาก็คงตอบว่า “ไม่เชื่อ” เเล้วเหตุใดคัมภีร ์
กุรอานถึงได้กล่าวว่าชาวยิวเชื่อว่าเอซราเป็นบุตรของพระเจ้า? ตามที่อัลลอฮฺ ซุบ
ฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงตรัสไว้ในคัมภีรก
์ รุ อานว่า :

َ ٰ ‫ص َرى ۡٱلمَسِ ي ُح ۡٱبنُ ٱهَّلل ۖ ِ ٰ َذل َِك َق ۡولُهُم ِبَأ ۡف ٰ َوه ِِه ۡۖم ي‬
َ ‫ُض ِهُئ‬
‫ون َق ۡو َل‬ ِ ‫ت ۡٱل َي ُهو ُد ُع َز ۡي ٌر ۡٱبنُ ٱهَّلل ِ َو َقا َل‬
َ ٰ ‫ت ٱل َّن‬ ِ ‫َو َقا َل‬
َ ‫ِين َك َفرُو ْا مِن َق ۡب ۚ ُل ٰ َق َت َل ُه ُم ٱهَّلل ۚ ُ َأ َّن ٰى ي ُۡؤ َف ُك‬
‫ون‬ َ ‫ٱلَّذ‬

และชาวยิวได้กล่าวว่า อุ ซย
ั ร์ (Ezra) เป็นบุตรของอัลลอฮ์ และชาวคริสต์ได้
กล่าวว่า อัล-มะซีห์ เป็นบุตรของอัลลอฮ์ นัน
่ คือถ้อยคำที่พวกเขากล่าวขึ้นด้วย
ปากของพวกเขาเอง ซึ่งคล้ายกับถ้อยคำของบรรดาผูท
้ ี่ได้ปฏิเสธการศรัทธามา
ก่อน ขออัลลอฮ์ทรงละอ์นัต พวกเขาด้วยเถิด พวกเขาถูกหันเห ไปได้อย่างไร?1

โองการนี้พระองค์ได้ทรงเเจ้งว่าชาวยิวนัน
้ ได้กล่าวว่า “อุ ซย
ั ร์ (Ezra) เป็น
บุตรของอัลลอฮฺ” ซึ่งผูโ้ จมตีคัมภีรก
์ รุ อานได้อ้างว่าในประวัติศาสตร์ชาวยิวไม่ได้
ยกเอซราเป็นบุตรของพระเจ้า ไม่มห
ี ลักฐานหรือบันทึกใดที่ชวี้ า่ ชาวยิวต่างเคารพ
สักการะเอซราเป็นบุตรของพระเจ้า ฉะนัน
้ สิง
่ นี้ถือได้วา่ ผิดพลาดอย่างชัดเจน
1

1
อัต-เตาบะห์ บทที่ 9:30 Thai - King Fahad Quran Complex
________________________________________
บทที่ 2 : หักล้าง
Refute

ชาวยิวทุกกลุ่มหรือบางส่วน?
ปัญหาสำคัญข้อหนึ่งเลยที่จะต้องได้รบ
ั การชีเ้ เจงในประเด็นนี้ก็คือ ชาวยิว
ในโองการนี้ที่พระองค์ได้ทรงกล่าวถึงคือชาวยิวทุกกลุ่ม, ทุกคน, ยิวกระเเสหลัก
หรือชาวยิวเเค่บางกลุ่ม, บางคน? บรรดาผูท
้ ี่โจมตีโองการนี้เชื่อย่างเต็มปากเลย
ว่าชาวยิวในโองการนี้หมายถึง ชาวยิวทุกกลุ่ม โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากโองการ
นี้กล่าวถึง ‫( اليهود‬ยะฮูด) เป็นการเรียกรวมชาวยิวทุก ๆ คน โองการนีไ้ ม่ได้เขียน
ว่า ‫( بعض اليهود‬บะอดฺ อัล-ยะฮูด) ที่เเปลว่า ชาวยิวบางคน, บางส่วน หมายความ
ว่าผูเ้ ขียนโองการนี้ต้องการจะสื่อว่าชาวยิวในโองการนี้หมายถึงชาวยิวทุก ๆ คน
ผูท
้ ี่อ้างเช่นนี้เเสดงว่าไม่ได้มค
ี วามรูใ้ นเรื่องของภาษาอาหรับซึ่งเป็นภาษาที่
คัมภีรก
์ รุ อานได้ใช้เลยเเม้เเต่น้อย ในกฎทางภาษาอาหรับนัน
้ มีกฎหนึ่งที่เรียกกัน
ว่า ‫( اطالق اسم الكل علي الجزء‬อิฏลาก อิสมฺ อัล-กุล อะลา อัล-ญุซอฺ ) หมายถึง การ
อ้างถึงบางกลุ่ม, บางส่วนโดยใช้ช่ อ
ื เรียกโดยรวมทัง
้ หมด นัน
่ หมายความว่าชาว
ยิวในโองการนี้ หมายถึง ชาวยิวบางส่วนเท่านัน
้ เเต่ใช้คำเรียกโดยภาพรวม ดังที่
ี ์ (ฮ.ศ. 671) ได้อธิบายโองการนีัว่า :
ท่านอิหม่ามอัล-กุรฏุบย

َ ‫ َأِلنَّ َلي‬،‫وص‬
‫ْس ُك ُّل ْال َيهُو ِد‬ ْ ٌ َ ْ ِ ‫﴿وقا َل‬ َ :‫َق ْولُ ُه َت َعا َلى‬
ُ ‫ص‬ ِ ‫ت ال َيهُو ُد﴾ َهذا َل ْفظ َخ َر َج َع َلى ال ُعم‬
ُ ‫ُوم َو َم ْع َناهُ ا ْل ُخ‬
‫] َو َل ْم َيقُ ْل َذل َِك ُك ُّل‬١٧٣ :‫) [آل عمران‬٣(﴾‫ِين قا َل َل ُه ُم الناس‬ َ ‫ ﴿الَّذ‬:‫ َو َه َذا م ِْث ُل َق ْولِ ِه تعالى‬.‫َقالُوا َذل َِك‬
ِ ‫ال َّن‬
‫اس‬

อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสว่า : (เเละชาวยิวได้กล่าวว่า) คำนี้เป็นคำศัพท์โดยภาพ


2
________________________________________
หักล้าง

ี วามหมายเฉพาะเจาะจง เนื่องจากไม่ใช่ชาวยิวทุกคนที่จะพู ดถึงสิง


รวมเเต่มค ่ ดัง
กล่าว (พู ดว่าอุ ซย
ั ร์คือบุตรของอัลลอฮฺ) ดังเช่นที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสว่า :
(บรรดาผูท
้ ี่ผค
ู้ น2กล่าวเเก่พวกเขาว่า…) [อาละอิมรอน : 173] ซึ่งไม่ใช่มนุษย์ทก

ๆ คนที่จะพู ดสิง
่ ดังกล่าว
3

จากคำอธิบายข้างต้นของท่านอิหม่ามอัล-กุรฏูบย
ี บ
์ ง
่ ชีว้ า่ การที่อัลลอฮฺทรง
ตรัสถึงชาวยิวโดยใช้คำว่า ‫ اليهود‬ไม่ได้หมายความว่าอัลลอฮฺต้องการจะสื่อถึงชาว
ยิวทัง
้ หมดไปซะทีเดียว ซึ่งท่านอิหม่ามอัล-กุรฏูบย
ี ก
์ ็ได้ยกโองการอื่น ๆ มาเสริม
ต่อไปนี่เราจะยกตัวบทอื่น ๆ มาเพื่อมาชีว้ า่ คำที่ใช้เรียกโดยภาพรวมไม่จำเป็นจะ
ต้องหมายถึงภาพรวมไปซะทีเดียว ดังที่อัลลอฮฺได้ทรงตรัสไว้อีกว่า :

ۚ
…‫ت ۡٱل َي ُهو ُد َي ُد ٱهَّلل ِ َم ۡغلُو َل ٌة‬
ِ ‫َو َقا َل‬

เเละชาวยิวได้กล่าวว่า “พระหัตถ์ (มือ) ของอัลลอฮฺนน


ั ้ ถูกล่ามตรวน…4

คำถามคือชาวยิวในโองการนี้หมายถึงชาวยิวทัง
้ หมดทุกคน, ทุกกลุ่ม, ทุก
ยุคสมัยไหม? คำตอบคือไม่ใช่เเน่นอน ตัฟซีร (หนังสืออรรถาธิบายกุรอาน) ระบุ
ว่าชาวยิวในโองการนึ้ที่พูดว่า “พระหัตถ์ของอัลลอฮฺนน
ั ้ ถูกล่าม” หมายถึง ชาวยิว
3

2
คำว่า ‫ الناس‬เเปลว่า มนุษย์, ผู ้คน สิง่ นีไ
้ ม่ได ้หมายความว่ามนุษย์ทก ุ คนจะกล่าวเเก่พวกเขา เเต่หมายถึงผู ้คนบาง
กลุม่ ซึง่ ใช ้คำเรียกโดยภาพรวมเเต่เฉพาะกลุม ่ คนบางกลุม ่
3
มูฮำหมัด อิบนุ อะหฺมด ั อิบนุ อบีบกั รฺ อิบนุ ฟั รหฺ (อัล-กุรฏบู ย
ี )์ . อัล-ญามิอฺ อัล-อะหฺกาม อัล-กุรอาน เล่มที่ 10.
หน ้าที่ 172
4
อัล-มาอิดะห์ บทที่ 5:64 Thai - King Fahad Quran Complex
________________________________________
หักล้าง

บางกลุ่มหรือบางคนในเมืองมะดีนะห์ในยุคสมัยของท่านนบีมูฮำหมัด ซ็อลลัลลอ
ฮุอะลัยฮิวะซัลลัมซึ่งชาวยิวที่กล่าวเช่นนี้มช
ี ่อ
ื ว่า ฟินหาซ อิบนุ อาซูรออฺ บางราย
รายงานระบุวา่ คือ ชะอสฺ อิบนุ กอยสฺ ซึ่งจะเป็นใครก็ตามเเต่นน
ั ้ ไม่ใช่ประเด็นหลัก
เเต่ที่เเน่ ๆ ก็คือชาวยิวในโองการนี้หมายถึงชาวยิวบางคนหรือบางกลุ่มในสมัย
ของท่านนบีมูฮำหมัด ซ็อลลัลฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เเล้วเหตุใดคัมภีรก
์ รุ อานจึงใช้คำ
ใช้คำว่า ‫ اليهود‬เช่นเดียวกับบทอัต-เตาบะห์ 9:30? บ่งชีอ
้ ย่างชัดเจนว่าคำว่า ‫اليهود‬
นัน
้ ไม่จำเป็นจะต้องหมายถึงชาวยิวทัง
้ หมดทุกคนตามที่ใครบางคนำด้อ้าง
เอทิสต์บางคนได้ยกหะดีษบทหนึ่งซึ่งเป็นฮะดีษที่ถก
ู บันทึกอยูใ่ นซอเหียะห์
บุคอรียเ์ เละมุสลิมเพื่อสนับสนุนข้ออ้างที่วา่ ชาวยิวในโองการข้างต้นหมายถึงชาว
ยิวทัง
้ หมด หะดีษบทนี้รายงานจากท่านอบีซะอีด อัล-คุดรีย์ ซึ่งเอทิสต์ได้ยกมา
บางส่วนมีใจความว่า :

َ ‫ كنا نعبد ع َُزير‬:‫ ما كنتم تعبدون؟ قالوا‬:‫…فيقال لليهود‬


‫ لم يكن هلل صاحبة‬،‫ كذبتم‬:‫ فيقال‬،‫ابن هللا‬
‫ ثم يقال‬،‫ فيتساقطون في جهنم‬،‫ اشربوا‬:‫ فيقال‬،‫ نريد أن تسق َينا‬:‫ فما تريدون؟ قالوا‬،‫وال ولد‬
،‫ لم يكن هلل صاحبة‬،‫ كذبتم‬:‫ فيقال‬،‫المسيح ابن هللا‬
َ ‫ كنا نعبد‬:‫ ما كنتم تعبدون؟ فيقولون‬:‫للنصارى‬
…‫وال ولد‬

เเละจะมีเสียงกล่าวเเก่ชาวยิวว่า : พวกท่านเคารพสักการะสิง
่ ใดหรือ? พวกเขาได้
กล่าวว่า : พวกเราเคารพสักการะอุ ซย
ั ร์บุตรของอัลลอฮฺ เเละจะมีการกล่าวว่า :
พวกเจ้าโกหก! เเท้จริงอัลลอฮฺนน
ั ้ ไม่ทรงมีค่ค
ู รองเเละบุตร พวกเจ้าต้องการสิง

ใด? พวกเขาได้กล่าวว่า : พวกเราอยากให้ท่านจัดหาน้ำให้เรา เเละจะมีการกล่าวว่า
: พวกเจ้าจงดื่มเถิด เเละพวกเขาก็จะตกลงไปในนรก หลังจากนัน
้ ก็มเี สียงกล่าว
เเก่ชาวคริสต์วา่ …
4
________________________________________
หักล้าง

พวกเขาได้อ้างว่าฮะดีษบทนี้ท่านนบีมูฮำหมัด ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะ-
ซัลลัม ได้ยน
ื ยันอย่างชัดเจนว่าชาวยิวทั้งหมดนัน
้ จะถูกลงโทษเพราะเชื่อว่าเอซรา
เป็นบุตรของพระเจ้าในวันกิยามะห์ (วันพิพากษา) คำถามคือ จากตัวบทดังกล่าว
ข้างต้นมีตรงไหนที่ชเี้ เบบเจาะจงเลยว่าเป็นชาวยิวทัง
้ หมด? หรือที่เอทิสต์เข้าใจ
ว่าทัง
้ หมดเพียงเพราะเเค่ตัวบทใช้คำว่า “ชาวยิว” เลยโมเมไปเลยว่าหมายถึงชาว
ยิวทัง
้ หมด? เเต่ถ้าหากเราลองไตร่ตรองหะดีษบทนีเ้ เบบละเอียดถี่ถ้วนเเละดูทั้ง
ตัวบทเราจะพบว่าหะดีษบทนี้ไม่ได้ชวี้ า่ เป็นชาวยิวทัง
้ หมด เเถมยังชีอ
้ ีกว่ามีเพียง
เเค่ชาวยิวบางกลุ่มส่วนน้อยเท่านัน
้ ดังตัวบทก่อนหน้าที่วา่ :

‫ فيذهب أصحابُ الصليب مع‬،‫ ليذهب ك ُّل قوم إلى ما كانوا يعبدون‬:ٍ‫ «ينادي مناد‬:‫…ثم قال‬
‫ حتى يبقى من كان يعبد‬،‫ وأصحابُ ك ِّل آله ٍة مع آلهتهم‬،‫ وأصحابُ األوثان مع أوثانهم‬،‫صليبهم‬
:‫ فيقال لليهود‬، ٌ‫ ثم يؤتى بجهنم تعرضُ كأنها َسراب‬،‫ و ُغ َّبرات من أهل الكتاب‬،‫ مِن َبرٍّ أو فاجر‬،‫هللا‬
َ
َ ‫ كنا نعبد ع َُزير‬:‫ما كنتم تعبدون؟ قالوا‬
‫ فما‬،‫ لم يكن هلل صاحبة وال ولد‬،‫ كذبتم‬:‫ فيقال‬،‫ابن هللا‬
…‫ فيتساقطون في جهنم‬،‫ اشربوا‬:‫ فيقال‬،‫ نريد أن تسق َينا‬:‫تريدون؟ قالوا‬

ความหมายโดยสรุป : ในวันกิยามะห์อัลลอฮฺจะทรงรวบรวมบรรดาผูท
้ ี่เคารพสิง

อื่นนอกจากอัลลอฮฺ ไม่วา่ จะเป็นบรรดารูปปั้น, รูปเจว็ดต่าง ๆ, เทวรูป, เทพเจ้า
จอมปลอมต่าง ๆ หรือสิง
่ อื่น ๆ เเละพระองค์จะทรงจับพวกเขาเหล่านัน
้ ทัง
้ หมด
ลงไปในนรก จนกระทัง
่ ไม่เหลือผูใ้ ดเว้นเเต่บรรดาผูท
ั ี่เคารพสักการะอัลลอฮฺเพียง
้ คนที่ทำความดีเชื่อฟังพระองค์เเละคนที่ทำความชัว่ ฝ่าฝืนพระองค์
องค์เดียว ทัง
เเละส่วนน้อยของชาวคัมภีร์ (ยิวเเละคริสต์) เเล้วนรกก็จะมายังพวกเขาดังเช่น
ภาพลวงตา เเละก็จะมีเสียงกล่าวเเก่ชาวยิวว่า…5
5

5
มูฮำหมัด บิน อิสมาอีล อัลบุคอรีย.์ ซอเหียะห์บค
ุ อรีย.์ กิตาบ อัต-เตาฮีด. หะดีษที่ 65
________________________________________
หักล้าง

คำว่า ‫( غبر‬ฆุบบะเราะ) หมายถึง กลุ่มน้อยที่หลงเหลืออยู่ ซึ่งหมายความว่า


ชาวยิวเเละชาวคริสต์ที่ถก
ู ถามในตัวบทหะดีษข้างต้นคือกลุ่มส่วนน้อยเท่านัน
้ ซึ่ง
ส่วนมากของพวกเขาจะถูกจับลงนรกไปในช่วงเเรกเเล้วเนื่องจากว่าพวกเขาเหล่า
นัน
้ ได้เคารพสิง
่ อื่นนอกจากอัลลอฮฺ เเล้วตรงไหนที่ชวี้ า่ ชาวยิวทัง
้ หมด?
หรืออาจจะมีบางคนมาเเอบตีเนียนตัง
้ ประเด็นใหม่วา่ ฉะนัน
้ หะดีษบทนี้ก็ผด

พลาดซิ เนื่องจากตามความเป็นจริงศาสนายิวเเละศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่เชื่อ
ในพระเจ้าองค์เดียว (Monotheism) เเล้วทำไมท่านนบีมูฮำหมัดถึงบอกว่าชาว
ยิวเเละชาวคริสต์สว่ นมากถึงเคารพสักการะสิง
่ อื่นนอกจากพระเจ้าองค์เดียว?
ก่อนอื่นต้องเเยกก่อนระหว่างหลักคำสอนของศาสนาเเละคนนับถือศาสนา
นัน
้ การที่หลักคำสอนของศาสนาสอนอย่างนัน
้ อย่างนี้ ไม่ได้หมายความว่าคนที่
นับถือศาสนานัน
้ จะต้องทำตามหลักคำสอนเสมอไป การที่ศาสนายิวนัน
้ ได้สอนว่า
มีพระเจ้าองค์เดียวเเละเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียว ไม่ได้หมายความว่าชาว
ยิวส่วนใหญ่จะต้องทำตามหลักคำสอนนัน
้ ถ้าหากเราได้ศึกษาประวัติศาสตร์ชาว
ยิวตัง
้ เเต่อดีตเราจะพบว่าการเคารพสักการะเทพเจ้าองค์ ๆ อื่นร่วมกับพระเจ้า
เป็นสิง
่ ที่ชาวยิวในยุคอดีตหรือที่เรียกว่าชาว “อิสรออีล” (Israel) ปฏิบต
ั ิกันจน
เป็นเรื่องปกติ ในพระคัมภีรไ์ บเบิลภาคพันธสัญญาเก่า (Old Testament) ได้มี
ระบุไว้วา่ บรรดาชาวอิสราอีลได้ทำการเคารพสักการะเทพเจ้าองค์อ่ ืน ๆ อย่างเช่น
ในหนังสือ “Book of Judges” เเละนักวิชาการส่วนใหญ่มค
ี วามเห็นว่าชาวอิสรา
อีลในยุคอดีตนัน
้ มีการเคารพบูชาเทพต่าง ๆ ของชาวคานาอัน เช่น พระบาอัล,
เอล, อาเชราห์6 ด้วยเหตุนี้ทำให้ชาวอิสราเอลตกเป็นเชลยของอาณาจักรบาบิโลน
6

6
สมิธ, มาร์ค เอส. The Early History of God: Yahweh and the Other Deities in Ancient Israel. หน ้าที่ 7
________________________________________
หักล้าง

ยิง
่ ไปกว่านัน
้ การเคารพสักการะสิง
่ อื่นนอกจากอัลลอฮฺไม่ได้จำกัดเพียงเเค่
การเคารพรูปปั้นเทวรูปหรือนับถือเทพองค์อ่ ืน ๆ เพียงอย่างเดียว เเต่ท่านนบีได้
บอกว่าการเคารพสิง
่ อื่นนอกจากอัลลอฮฺของชาวยิวเเละชาวคริสต์อีกเเบบหนึ่งก็
คือการที่พวกเขาเชื่อฟังคำสัง่ ของนักบวชของพวกเขามากกว่าคำสัง่ ของพระเจ้า
ดังการรายงานจากท่านอะดีย์ บิน ฮาติม ร่อฎิยล
ั ลอฮุอันฮุ7 หมายความว่าชาวยิว
เเละชาวคริสต์ได้เชื่อฟังคำพู ดของบาทหลวง, มากกว่าคำพู ดของพระเจ้า สิง
่ ไหน
ที่พระเจ้าทรงห้าม เเต่บาทหลวงของพวกเขากลับอนุญาติ สิง ่ ไหนที่พระเจ้านัน
้ ได้
ทรงอนุมต ั กลับปฏิเสธ พวกเขาก็เชื่อฟังบาทหลวง
ั ิ เเต่บาทหลวงของพวกเขานัน
การกระทำเหล่านี้ถือได้วา่ เป็นการเคารพสักการะสิง
่ อื่นนอกเหนือจากพระเจ้าด้วย
เนื่องจากผูท
้ ี่สามารถตัง
้ บทบัญญัติทางศาสนาได้คือพระเจ้าองค์เดียวเท่านัน
้ ทัง

หมดเหล่านี้คล้องกับการที่อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวไว้ในคัมภีรก
์ รุ อานว่า :

َ ‫ٱ َّت َخ ُذ ٓو ْا َأ ۡح َب‬
ِ ‫ارهُمۡ َور ُۡه ٰ َب َنهُمۡ َأ ۡر َبا ًبا مِّن ُد‬
…ِ ‫ون ٱهَّلل‬

พวกเขาได้ยด
ึ เอาบรรดานักปราชญ์ของพวกเขา และบรรดาบาดหลวงของพวก
เขาเป็นพระเจ้า อื่นจากอัลลอฮ์…8

ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อธิายโองการบทนี้ไว้ในหะดีษที่ถก



รายงานโดยท่านอะดีย์ บิย ฮาติม ว่าการที่พวกเขา (ขาวยิวเเละชาวคริสต์) นับถือ
บรรดานักปราชญ์เเละบาทหลวงของพวกเขาเป็นพระเจ้า หมายถึง การที่พวกเขา
7

7
ี ์ 3095. สายรายงานซอเหียะห์ (บางท่านให ้หะซัน)
บันทึกโดยติรมีซย
8
อัต-เตาบะห์ บทที่ 9:31 Thai - King Fahad Quran Complex
________________________________________
หักล้าง

ได้ยด
ึ เอาคำพู ดของบรรดาปราชญ์บาทหลวงเหนือคำพู ดของพระองค์ ราวกับว่า
พวกเขาคือพระเจ้า ซึ่งสิง
่ นี้สามารถพิสจ
ู น์ได้จากหารบันทึกของชาวคริสต์เองใน
พระวรสารของมาระโกหรือมาร์ค (Gospel of Mark) ในบทที่ 7, พระวรสารของ
มัทธิว (Gospel of Matthew) ในบทที่ 15, ในหนังสือของอิสยาห์ (Book of Is-
aiah) บทที่ 29:13 ฉะนัน
้ จึงไม่ใช่เรื่องเหนือจินตนาการอะไรในการที่เราจะพู ดว่า
ชาวยิวส่วนใหญ่ได้เคารพนับถือสิง
่ อื่นนอกจากพระเจ้า
ส่วนของชาวคริสต์ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผด
ิ เเปลกเเต่อย่างใดเนื่องจากนิกายที่มผ
ี ู้
คนนับถือมากที่สด
ุ นัน
่ ก็คือนิกายคาทอลิก (Catholic) ซึ่งนิกายดังกล่าวได้อนุ-
ญาตในการทำรูปเคารพ ดังที่เราจะได้เห็นรูปปั้นของพระเยซู, พระเเม่มารีเเละนัก
บุญคนอื่น ๆ รวมไปถึงไม้กางเขนที่คริสเตียนส่วนใหญ่ให้ความนับถือ ยิง
่ ไปกว่า
นัน
้ ก็มน
ี ิกายอื่น ๆ เช่น นิกายออร์โธด็อกซ์ (Orthodox) เเละก็เป็นนิกายโปรเเต-
เเตนท์ (Protestants) เองมิใช่หรือที่บอกว่านิกายคาทอลิกนัน
้ ได้ทำการบูชารูป
เคารพ? ดังกล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเเต่อย่างใดในการที่จะบอกว่าชาวยิวเเละชาว
คริสต์ได้ทำการเคารพนับถือสิง
่ อื่นนอกจากพระเจ้าองค์เดียว
เหล่านี้ทัง
้ หมดเป็นการหักล้างข้ออ้างของฝ่ายที่โจมตีคัมภีรก
์ รุ อานไปในตัว
เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามได้ตัง
้ เหตุผลว่าหลักคำสอนของศาสนายิวนัน
้ เป็นเอกเทว-
นิยม หมายถึง เคารพนับถือในพระเจ้าองค์เดียว ฉะนัน
้ เป็นไปไม่ได้ที่ชาวยิวจะมา
ตัง
้ ใครขึ้นเป็นพระบุตรเเละเคารพสิง
่ อื่นนอกจากพระเจ้าเพียงองค์เดียว เเต่จาก
ที่เราได้วเิ คราะห์มาอย่างยาวเหยียด เราได้พบว่าไม่ใช่เงื่อนไขเลยถ้าหากว่าหลักคำ
สอนของศาสนาสอนอย่างนี้ เเล้วศาสนิกในศาสนานัน
้ จะทำตามอย่างเคร่งครัด
จนหาคนหลุดออกนอกลู่นอกทางไม่ได้ ดังนัน
้ การที่คัมภีรก
์ รุ อานได้เล่าว่าชาวยิว

8
________________________________________
หักล้าง

บางส่วนยกเอซราเป็นบุตรของอัลลอฮฺยอ
่ มไม่ใช่เรื่องที่เป็นไม่ได้ (Impossible)
เลยเเต่อย่างใดเลย ยิง
่ ไปกว่านัน
้ ถ้าหากเราลองพิจารณาดู ชาวยิวส่วนใหญ่ไม่ทำ
ตามหลักคำสอนของพระเจ้าในเรื่องของการเคารพพระองค์เพียงองค์เดียว เเล้ว
จะนับประสาอะไรกับกลุ่มชาวยิวเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามดินเเดนชนบททุรกันดารที่จะ
มีเเนวคิดความเชื่อนอกรีตเข้ามาบ้าง? ขนาดกลุ่มส่วนใหญ่ยง
ั มีเเนวความเชื่อที่
หลงได้ กลุ่มส่วนน้อยที่อยูท
่ ่ามกลางดินเเดนที่ความเชื่อนอกรีตปกคลุมราวกับ
กลุ่มเมฆหมอกสีดำครึม
้ ที่ปกคลุมคาบสมุทรอาหรับก็ยอ
่ มยิง
่ กว่าที่จะมีเเนวความ
คิดที่นอกรีตขึ้น

ความเป็นไปได้
ถ้าหากเราถามว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงที่ในดินเเดนอาระเบียทะเล
ทรายเมื่อ 1,400 กว่าปีก่อนจะมีกลุ่มชาวยิวบางกลุ่มที่นับถือเอซราเป็นบุตรของ
พระเจ้า คำคอบคือ มีความเป็นไปได้มากเลยทีเดียวไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันเเต่อย่างใด
ทัง
้ ในด้านบริบทสภาพเเวดล้อมของดินเเดนอาระเบียรวมไปถึงสถานภาพที่สง
ู ส่ง
ของเอซราตามความเชื่อของชาวยิวดัง
่ เดิม
ด็อกเตอร์อิสราอีล วู ลเฟนซอน9 (‫ )اسرائيل ولفنسون‬ซึ่งได้กล่าวไว้ในหนังสือ
ของเขาเล่มหนึ่งซึ่งมีช่ อ
ื ว่า “ ‫”تاريخ اليهود في بالد العرب في الجاهلية و صدر اإلسالم‬
หรือชื่อไทยคือ “ประวัติศาสตร์ขาวยิวในดินเเดนอาหรับในยุคญาฮิลียะห์10เเละจุด
เริม
่ ต้นของอิสลาม” ในหน้าที่ 13 เขาได้กล่าวว่า :
9

9
ออกเสียงผิดขออภัย
10
ยุคก่อนทีท ู ำหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะเกิด
่ า่ นนบีมฮ
________________________________________
หักล้าง

‫ انهم كانوا ينكرون وجود‬.‫ م‬.‫و هناك شهادات من يهود مدينة دمشق و حلب في القرن الثالث ب‬
‫يهود في الجزيرة العربية و يقولون ان الذين يعتبرون انفسهم من اليهود في جهات خيبر ليسوا‬
‫يهود حقا اذ لم يحافظوا على الديانة االلهية التوحيدية و لم يخضعوا لقوانين التلمود خضوعا‬
‫تاما‬

มีคำบอกเล่าจากชาวยิวที่ได้อาศัยอยูใ่ นเมืองดามัสกัสเเละอเลปโปในศตวรรษที่ 3
ของคริสตกาล พวกเขาเคยปฏิเสธการดำรงอยูช
่ าวยิวในคาบสมุทรอาหรับ เเล้ว
พวกเขาได้กล่าวว่า : พวกเขาเหล่านัน
้ ซึ่งคิดว่าตนเองเป็นชาวยิวในภูมภ
ิ าคคอย-
บัร11 พวกเขาเหล่านัน
้ ไม่ใช่ชาวยิวที่เเท้จริง เนื่องจากพวกเขาไม่ได้รก
ั ษาศาสนา
เอกเทวนิยม เเละพวกเขาไม่ได้ยอมจำนนต่อบัญญัตของตัลมูดอย่างสมบูรณ์12

10

11
ภูมภ
ิ าคหนึง่ ในคาบสมุทรอาหรับ
12
อิสราอีล วูลเฟนซอน. ตารีค อัล-ยะฮูด ฟี บิลาด อัล-อะร็อบ ฟี อัล-ญาฮิลย
ี ะห์ วะ ซ็อดรฺ อัล-อิสลาม. หน ้าที่ 13
________________________________________
หักล้าง

จากคำกล่าวข้างต้นบ่งชีว้ า่ อิทธิพลของความเชื่อพหุเทวนิยม (Polythe-


ism) ที่เเพร่หลายอยูใ่ นคาบสมุทรอาระเบียได้เข้าไปสูก
่ ลุ่มชาวยิวที่ได้อาศัยอยูใ่ น
คาบสมุทรอาระเบีย จนเรียกได้วา่ ชาวยิวในอาระเบียเป็นเพียงเเค่ชาวยิวตามบัตร
ประชาชนเท่านัน
้ จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเเต่อย่างใดในการที่คัมภีรก
์ รุ อานทรงประ-
นามเเนวความเชื่อหลงผิดที่ชาวยิวบางกลุ่มในดินเเดนอาหรับได้เชื่อกัน เเละไม่ใช่
เรื่องเกินจริงเเต่อย่างใดที่ชาวยิวกลุ่มนัน
้ ได้เลือกยกเอซราเป็นบุตรของพระเจ้า
ตามสถานะดัง
่ เดิมของเอซราที่ชาวยิวต่างเชื่อกันว่าเอซรานัน
้ เป็น :
- บิดาของชาวยิว13
- โมเสสที่ 214
- ในวรรณกรรมชาซาล (Chazalic) ระบุวา่ เอซราเป็นผูท
้ ี่ได้รบ
ั ความเคารพ
อย่างสูงในศาสนายิว15
จากตำเเหน่งเหล่านี้ก็สามารถมองได้วา่ ไม่ใช่เรื่องเเปลกอะไรที่จะมีกลุ่มชาวยิวซัก
กลุ่มที่อาจจะได้รบ
ั อิทธิผลเเนวความเชื่อผิดที่ ๆ หรือการเข้าใจผิดจากอะไรก็ตาม
เเต่ทำให้ชาวยิวบางกลุ่มหลุดออกนอกคำสอนไปยกสถานะเอซราขึ้นเป็นบุตรของ
พระเจ้า เเล้วถ้าหากเราดูในคัมภีรไ์ บเบิลภาคพันธสัญญาเก่า (Old Testament)
ก็มห
ี ลายจุดด้วยกันที่ยกคนนัน
้ คนนีข
้ ้น
ึ เป็นสถานะบุตรของพระเจ้า ไม่วา่ จะเป็นผู้
เผยวจนะ, คนดีมศ
ี ีลธรรม, ทูตสวรรค์, กษัตริยท
์ ี่ปกครองอิสราเอล ล้วนเเล้วเเต่
มีตำเเหน่งบุตรของพระเจ้ากันทัง
้ สิน
้ จึงไม่ใช่เรื่องเเปลกที่จะมีชาวยิวบางกลุ่มที่
มีความเคารพนับถือเอซรามาก ๆ จนถึงขัน
้ ยกขึ้นเป็นบุตรของพระเจ้า
11

13
Britannica. “Ezra”,
14
Talmud Sanhedrin 21b
15
The New Encyclopedia of Judaism, “Ezra”
________________________________________
หักล้าง

ถ้าหากว่าเราจะลงลึกไปอีก ชาวอาหรับในยุคนัน
้ มีความเชื่อที่หลงผิดเกี่ยว
กับเหล่าทูตสวรรค์ (Angel) เช่นบรรดาทูตสวรรค์หรือมลาอีกะห์นน
ั ้ เป็นบุตรสาว
ของอัลลอฮฺ ดังที่คัมภีรก
์ รุ อานได้ประนามความเชื่อนี้เอาไว้16 หรือด็อกเตอร์โจ-
นาธาน บราวน์ ได้ระบุวา่ มีการค้นพบคำจารึกในวิหารชาวยิวซึ่งตัง
้ อยูใ่ นอาระเบีย
ใต้ คำจารึกระบุวา่ วิหารเเห่งนีต
้ ัง
้ ชื่อตาม “ซูรอ
ิ ีล” (Ṣūrī’īl) ใกล้เคียงกับชื่อของ
ทูตสวรรค์องค์หนึ่งนามว่า “ซูรเิ อล” (Ṣūrī’el) บ่งชีว้ า่ มีความเป็นไปได้ที่จะมีการ
เคารพบูชาทูตสวรรค์ข้น
ึ 17 ยิง
่ ไปกว่านัน
้ มีการระบุไว้ในตัลมูด (Talmud) ว่ามีชาว
ยิวนอกรีตได้เรียกร้องให้ทำการเคารพสักการะทูตสวรรค์องค์หนึ่งที่มช
ี ่อ
ื ว่า “เม-
ตาตรอน” (Metatron)18 เหล่านี้ชใี้ ห้เห็นว่าในยุคอดีตนัน
้ มีความเชื่อหลงผิดต่าง
ๆ เกี่ยวกับบรรดาทูตสวรรค์ ซึ่งมีบน
ั ทึกบางบันทึกชีว้ า่ เอซราถูกยกสถานะเหนือ
มนุษย์ ในตำรา 2 เอดราส (เอซรา) ระบุวา่ :

for you shall be taken up from among humankind, and henceforth you
shall live with my Son and with those who are like you, until the times are
ended

่ นุษย์ เเละต่อจากนี้ไปนัน
เพราะเจ้าจะถูกรับขึ้นจากท่ามกลางหมูม ้ เจ้าจะได้อยูก
่ ับ
เหล่าพระบุตรของเราเเละอยูก
่ ับผูท
้ ี่เป็นเหมือนกับเจ้าจวบจนวาระสุดท้าย19

จากตัวบทพระคัมภีรข์ า้ งต้นบ่งชีว้ า่ เอซราถูกยกขึ้นไปอยูก


่ ับเหล่าบุตรของ
12

16
บท อัล-อิสรออฺ 17:40 เเละบทอืน
่ ๆ
17
โจนาธาน บราวน์. The Qur’an, the Jews and Ezra as the Son of God
18
Talmud Sanhedrin 38a
19
2 Esdras 14:9. New Revised Standard Version Updated Edition (NRSVUE)
________________________________________
หักล้าง

พระเจ้า ซึ่งจากตัวบทเพียงเเค่นี้เราไม่สามารถรูไ้ ด้เเน่ชด


ั ว่าบุตรของพระเจ้าในข้อ
พระคัมภีรน
์ ้ค
ึ ือกลุ่มใด? ซึ่งเป็นไปได้วา่ อาจจะเป็นกลุ่มของเหล่าทูตสวรรค์ เเละ
ถึงเเม้วา่ ตัวข้อพระคัมภีรน
์ ี้จะไม่ได้เเน่ชด
ั ในการที่จะสรุปว่าการที่เอซราคือบุตของ
พระเจ้าเนื่องจากได้อยูก
่ ับเหล่าพระบุตรของพระเจ้า อย่างไรก็ตามนัน
้ เราก็สามาร
ชีไ้ ด้วา่ ในยุคอดีตมีการยกเอซราเหนือสถานะผูเ้ ผยวจนะธรรมดา ๆ คนหนึ่ง หรือ
อาจจะเข้าใจไปเลยก็ได้วา่ เอซรานัน
้ คือทูตสวรรค์ เนื่องจากข้อพระคัมภีรข์ า้ งต้นมี
ความคล้ายกับเรื่องราวของ “เอโนค” (Enoch) ซึ่งเรื่องราวของเอโนคได้ถก
ู ระบุ
ไว้วา่ เขานัน
้ ถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ ซึ่งในคัมภีรท
์ ี่ถก
ู เรียกว่าคัมภีรท
์ ี่ไม่มห
ี ลักฐาน
(Apocrypha) ที่มช
ี ่อ
ื ว่า 3 Enoch ระบุไว้อย่างชัดเจนเลยว่าเอโนคนัน
้ ถูกรับขึ้น
สูส
่ วรรค์เเล้วก็ได้กลายมาเป็นทูตสวรรค์20 ยิง
่ ไปกว่านัน
้ มีการระบุวา่ เอโนคนัน
้ คือ
ทูตสวรรค์ที่มช
ี ่อ
ื ว่า “เมตาตรอน” ซึ่งเป็นทูตสวรรค์ที่ถก
ู ชาวยิวนอกรีตเคารพ21
นี่ก็เป็นความคล้ายในส่วนหนึ่งระหว่างเอโนคเเละเอซรา จึงไม่เเปลกที่ใครบางคน
จะยกเอซราขึ้นเป็นทูตสวรรค์ดว้ ย หรือเบยเถิดไปกว่านัน
้ คือยกเอซราขึ้นเป็นพระ
บุตรของพระเจ้า
ยิง
่ ไปกว่านัน
้ มีการระบุอย่างชัดเจนว่ามีชาวยิวบางคนมีความเชื่อที่วา่ ผูเ้ ผย
วจนะท่านหนึ่งนามว่า “มาลาคี” (Malachi) เเท้ที่จริงเเล้วก็คือเอซรานัน
่ เองโดย
ใช้ช่ อ
ื ว่ามาลาคีตามการอรรถธิบายของอดัม คลาร์ก (Adam Clark) ซึ่งถ้าหาก
เราวิเคราะห์คำว่า “มาลาคี” ซึ่งเเปลว่า ผูส
้ ง
่ สารของฉัน, ทูตสวรรค์ของฉัน ทำไม
จึงมีบางคนเชื่อมโยงชื่อนี้กับเอซรา? โดยถ้าหากว่าเราได้ไปดูการเเปลในหนังสือ
13

20
3 Enoch 9:1–5; 15:1–2
21
Scholem, Gershom G. Major Trends in Jewish Mysticism, หน ้าที่ 67
_______________________________________
หักล้าก

ทาร์กม
ุ โจนาธาน (Targum Jonathan) เราจะพบการเเปลของหนังสือมาลาคี
บทที่ 1:1 ว่า :

:‫ַמטַל ּפִתְ גָמָא דַ יי ָ עַל יִׂש ְָראֵל ְּבי ַד ַמלְאֲ כֵי דְ יִתְ ק ְֵרי ׁשְ מֵיּה ֶעז ְָרא ַספ ְָרא‬

ภาระแห่งพระวจนะของพระเยโฮวาห์​ที่​มต
ี ่​ออ​ิสราเอลโดยพระหัตถ์ของทูตสวรรค์
(มาลาคี) โดยมีนามว่า “เอซรา” ผู้จดบันทึก22

ดังกล่าวนี้ทัง
้ หมดบ่งชีว้ า่ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เเต่อย่างใดในการที่จะมียวิ
บางกลุ่มยกเอซราขึ้นเป็นบุตรของพระเจ้า หลักฐานเหล่านี้ทำให้เราได้รวู ้ า่ ในอดีต
นัน
้ มีเเนวความเชื่อที่หลงผิดหลากหลาย จึงไม่เเปลกที่ชาวยิวบางกลุ่มในดินเเดน
อาระเบียจะเข้าใจต่อตัวบทต่าง ๆ เหล่านี้จง
ึ เกิดความเชื่อที่วา่ เอซราคือทูตสวรรค์
ของพระเจ้าจนเลยเถิดเป็นพระบุตรของพระเจ้า ด้วยเหตุดังกล่าวนี้เองทำให้ รับ-
บี โรเวน ไฟร์สโตน (Rabbi Reuven Fireatone) นักประวัติศาสตร์ศาสนาชาว
อเมริกัน ได้กล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีชาวยิวบางกลุ่มนัน
้ ได้ผลักดันขอบเขต
ความเชื่อที่เกี่ยวกับบุคคลสำคัญดังที่ได้มป
ี รากฎในตำราโบราณทัง
้ 2 เล่ม นัน
่ ก็
คือเอดราส (Esdras) เเละ เอโนค (Enoch)23

14

22
Targum Jonathan on Malachi 1:1
23
Rabbi Reuven Firestone. Children of Abraham: An Introduction to Judaism for Muslims. หน ้าที่ 35-36
_______________________________________
หักล้าก

เเล้วไหนหล้ะ หลักฐาน?
จากหลักฐานถึงความเป็นไปได้ทัง
้ หมดนี้ อาจจะมีใครบางคนกล่าวว่า “ไหน
หลักฐาน?” คัมภีรก
์ รุ อานอ้างว่าชาวยิวนับถือเอซราเป็นบุตรพระเจ้าเเล้วอะไรคือ
หลักฐานที่ชวี้ า่ ชาวยิวนับถือเอซราเป็นบุตรของพระเจ้าจริง? ถ้าคนที่ถามหาหลัก
ฐานโดยหาบนฐานความเชื่อที่วา่ ชาวยิวที่ถก
ู กล่าวถึงในคัมภีรก
์ รุ อาน อัต-เตาบะห์
9:30 หมายถึงชาวยิวทุกกลุ่ม โปรดกลับไปทำความเข้าในหน้าที่ 2 เป็นต้นมาอีก
ครัง้ เนื่องจากชาวยิวที่ถก
ู กล่าวถึงเป็นเพียงเเค่ชาวยิวบางกลุ่มส่วนน้อยเท่านัน

มิใช่ชาวยิวทุกกลุ่มทุกคนเเต่อย่างใด เเละหลักฐานจากหะดีษของท่านนบีรวมไป
ถึงคำบอกเล่าจากซอฮาบะห์ (สาวกของท่านนบี) ที่ได้เล่าว่ามีชาวยิวบางคนได้มา
หาท่านนบีพร้อมกับต่อว่าท่านนบีในการที่ท่านนบีไม่ใช้กิบละห์ของพวกเขา (ยิว)
เเละไม่เชื่อว่าอุ ซย
ั ร์คือบุตรของอัลลอฮฺ ซึ่งตามรายงานนัน
้ ระบุวา่ ชาวยิวที่เชื่อเช่น
นัน
้ มีอย่างน้อย 4 คน คือ ซัลลาม บิน มิชกัม, นุอฺมาน บิน เอาฟา อบูอนัส, ชะอสฺ
บิน กอยสฺ, มาลิก บิน ซอยฟฺ บางรายงานเพิม
่ อีกคนหนึ่งก็คือ ฟินหาซ บิน อาซู-
รออฺ 24 ซึ่งถ้าหากสายรายงานนี้ซอเหียะห์ก็สามารถใช้เป็นหลักฐานได้วา่ ในยุคของ
ท่านนบีมูฮำหมัด ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ชาวยิวในเมืองมะดีนะห์บางกลุ่มได้
มีความเชื่อเช่นนี้ ดังนัน
้ หลักฐานที่ชวี้ า่ ในอดีต ณ คาบสมุทรอาหรับนี้นเคยมีชาว
ยิวบางกลุ่มนับถือเอซราก็คือ คัมภีรก
์ รุ อาน, หะดีษของท่านนบี เเละรายงานจาก
ซอฮาบะห์นน
ั ่ เอง เนื่องจาก 3 เเหล่งนี้เป็นเเหล่งข้อมูลหลักที่เราจะรูไ้ ด้วา่ ในเมือง
15

24
จากการค ้นคว ้าทางเรายังไม่ทราบว่าสายรายงานเรือ
่ งเล่านีซ
้ อเหียะห์หรือดออีฟ หากใครมีความรู ้สามารถ ้เเจ ้งได ้
ครับ
_______________________________________
หักล้าก

มักกะห์, มะดีนะห์ เเละอาณาบริเวณรอบ ๆ นัน


้ เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ส่วนใครจะ
เชื่อหลักฐานเหล่านี้ไหมนัน
้ อีกเรื่อง เเต่จะมาบอกว่า 3 เเหล่งนี้ไม่ใช่หลักฐานย่อม
ไม่ใช่เรื่องที่ถก
ู นัก เเละการที่พวกท่านไม่เชื่อถึงความน่าเชื่อถือของหลักฐานเหล่า
นัน
้ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาสรุปว่าข้อมูลดังกล่าวผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ ตัวอย่าง
หนึ่งในคัมภีรก
์ รุ อานในบทอัล-มะซัดที่ได้มก
ี ารระบุเรื่องราวของอบูละหับ ซึ่งเรือง
ราวนี้ปรากฎอยูใ่ นคัมภีรก
์ รุ อานเเล้วเสริมด้วยรายงานต่าง ๆ จากเหล่าซอฮาบะห์
เเน่นอนว่าถ้าหากเราถามว่าบรรดาเอทิสต์วา่ เชื่อเรื่องราวนี้ไหม? คำตอบก็อาจจะ
เชื่อครึง
่ ไม่เชื่อครึง
่ หรือไม่เชื่อเลย เเต่มใี ครมาบอกไหมว่าเรื่องราวนี้ผด
ิ พลาดใน
ด้านของประวัติศาสตร์ เนื่องจากไม่มห
ี ลักฐานจากเเหล่งอื่นมาสมทบสนับสนุน?
รวมไปถึงบรรดาหะดีษอีกเป็นพัน ๆ บทที่ได้เล่าว่าท่านนบีได้พูดอย่างพู ดอย่างงี้
ทำอย่างนัน
้ ทำอย่างนี้ เเละได้เล่าถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้น ณ ช่วงเวลานัน

คำถามคือมีใครมาบอกไหมว่าหะดีษเหล่านี้มข
ี อ
้ ผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ เนื่อง
จากไม่มห
ี ลักฐานหรือบันทึกเเหล่งอื่น ๆ มาสนับสนุน? เช่นเดียวกัน เเหล่งข้อมูล
ของอิสลามระบุวา่ มีชาวยิวบางกลุ่มมีความเชื่อที่หลงผิดดังกล่าว เหตุใดถึงมีขอ

สรุปได้วา่ ข้อมูลเหล่านีัผิดพลาดไม่มห
ี ลักฐาน ทัง
้ ๆ ที่เเหล่งข้อมูลของอิสลามนี่
เเหละคือหลักฐานในการที่จะบอกได้วา่ อะไรเป็นอะไรในเมืองมะดีนะห์เมื่อ 1,400 ปี
ก่อน?
หรืออาจจะมีบางคนเเย้งว่าข้อมูลดังกล่าวมีการพาดพิงถึงชาวยิวฉะนัน
้ จึง
ต้องมีบน
ั ทึกจากชาวยิวกลุ่มนัน
้ มาสนับสนุนด้วย ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่ามีเหตุ
16
_______________________________________
หักล้าก

หลากหลายประการที่เป็นสาเหตุให้เราไม่เจอบันทึกของชาวยิวกลุ่มที่เคารพเอซรา
เช่น กลุ่มชาวยิวที่นับถือความเชื่อนอกรีตนี้เป็นเพียงเเค่กลุ่มเล็กกลุ่มน้อย จึงไม่
ใช่เรื่องเเปลกเเต่อย่างใดที่เราจะไม่พบหลักฐานบันทึกจากพวกเขา เนื่องจากเป็น
เพียงกลุ่มเล็ก ๆ ที่นับถือกันในกลุ่มของพวกเขาเท่านัน
้ จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
ในการบันทึกว่า “กลุ่มของเรานับถือเอซราเป็นบุตรของพระเจ้า” เเละจากที่เราได้
เห็นกลุ่มลัทธิที่มค
ี วามเชื่อเเปลกประหลาดอย่างเช่น ลัทธิพระบิดา ที่เป็นข่าวโด่ง
ดังเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นกลุ่มความเชื่อเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านัน
้ เราก็ยง
ั ไม่พบว่า
ลัทธินี้มก
ี ารบันทึกถึงความเชื่อหรือพิธก
ี รรมของพวกเขาเเต่อย่างใด โดยมีเพียง
เเค่คำบอกเล่าจากปากของชาวบ้านเเถว ๆ นัน
้ เเละลัทธิความเชื่อประหลาด ๆ อื่น
ที่เป็นกลุ่มลัทธิสว่ นน้อย ๆ นับถือกันเพียงเเค่ในวงเเคบ ๆ ไม่ได้เป็นที่รจ
ู้ ก
ั กันใน
วงกว้างส่วนใหญ่เเล้วจะไม่ค่อยมีการบันทึกเป็นคัมภีรข์ องลัทธินน
ั ้ ๆ ซะเท่าไหร
ฉะนัน
้ จึงเป็นเรื่องปกติที่กลุ่มชาวยิวที่มค
ี วามเชื่อนอกรีตดังกล่าวจะไม่ได้มบ
ี น
ั ทึก
หรือคัมภีรข์ องลัทธินน
ั ้ หรือถ้าหากว่ามีการบันทึกก็เป็นไปได้สง
ู ว่าบันทึกดังกล่าว
นัน
้ จะสูญหายหรือสูญสลายไปก็ได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นที่รจ
ู้ ก
ั กันในวงกว้างเเละไม่
มีใครสานต่อความเชื่อดังกล่าว จึงเป็นเหตุผลว่าเเนวความเชื่อนี้สญ
ู พันธ์ไปในที่
สุด อย่างไรก็ตามเเต่การที่ไม่มบ
ี น
ั ทึกหรือเเหล่งข้อมูลจากชาวยิวไม่ได้เป็นเงื่อน
ไขว่าเลยเเหล่งข้อมูลของอิสลามที่อยูค
่ ลุกคลีกับชาวยิวอาหรับจะไม่สามารถเป็น
หลักฐานได้
ยิง
่ ไปกว่านัน
้ ในหะดีษบทต่าง ๆ ก็มห
ี ะดีษที่เล่าถึงเหตุการณ์ระหว่างมุสลิม
17
_____________________________________
หักล้าก

กับชาวยิวในดินเเดนอาหรับหรือชาวยิวกับท่านนบีมูฮำหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ-
วะซัลลัม อยูเ่ ยอะเเยะมากมายซึ่งจะขอยกมาซักหนึ่งตัวอย่างดังการรายงานจาก
ท่านหญิงอาอีชะห์ ร่อฎิยล
ั ลอฮุอันฮา กล่าวว่า :

‫ِي َط َعامًا ِب َنسِ يَئ ٍة َفَأعْ َطاهُ ِدرْ عًا َل ُه َرهْ ًنا‬
ٍّ ‫ا ْش َت َرى َرسُو ُل هَّللا ِ صلى هللا عليه وسلم ِمنْ َي ُهود‬

ท่านร่อซูล
้ ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ซ้ อ
ื อาหารจากชาวยิวด้วยกับการ
ขายเเบบผ่อน โดยการนำเสื้อเกราะของเขาเป็นหลักประกัน25

จากหะดีษบทนี้ขอถามฝ่ายที่ยกเรื่องของเอซรามาโจมตีคัมภีรก
์ รุ อานว่า…
1. ชาวยิวในหะดีษบทดังกล่าวนี้หมายถึงชาวยิวทุกคนหรือบางคน?
2. หะดีษบทนีถ
้ ือว่าผิดพลาดกับประวัติศาสตร์ของชนชาติยวิ ไหม? เนื่องจาก
ไม่มบ
ี น
ั ทึกหรือหลักฐานอะไรเลยจากฝั่งยิวว่าเคยมีการค้าขายกับท่านนบี
เช่นเดียวกัน ในพระวรสารมัทธิว บทที่ 23 มีการระบุถึงคำพู ดของพระเยซูที่ได้
ทรงประนามบรรดาบาทหลวงยิว, ธรรมจารย์, ฟาริสี อย่างหนักเเน่น พระเยซูนน
ั้
ทรงประนามถึงขัน
้ บอกว่าพวกเขาเป็นดังอุ โมงค์ฝังศพที่ฉาบด้วยปูนซึ่งข้างนอก
ดูงดงาม เเต่ขา้ งในเต็มไปด้วยสิง
่ โสโครกทัง
้ หลาย พวกเขาก็เป็นอย่างนัน
้ เเหละ
ภายนอกดูเป็นคนชอบธรรม เเต่ทว่าภายในนัน
้ เต็มไปด้วยความหน้าซื่อใจคนเเละ
18

25
มุสลิม บิน อัล-ฮัจญาจ. ซอเหียะห์มส
ุ ลิม. กิตาบ อัล-มุซาเกาะห์. หะดีษที่ 153
_______________________________________
หักล้าก

ความอธรรม26 เเต่กระนัน
้ เราก็ยง
ั ไม่เคยเห็นใครออกมาตัง
้ ประเด็นว่าข้อพระคัม-
ภีรเ์ หล่านีผ
้ ด
ิ พลาดเเละขัดเเย้งกับประวัติศาสตร์ของชาวยิวเลย? ไม่เคยเห็นใคร
ออกมาถามหาหลักฐานจากเเหล่งบันทึกของชาวยิวต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเลย?
ฉะนัน
้ เเล้วประเด็นในเรื่องของชาวยิวนับถือเอซราเป็นบุตรของพระเจ้าที่ได้
ปรากฎในคัมภีรก
์ รุ อานไม่ใช่เรื่องผิดพลาดทางประวัติศาสตร์เเต่อย่างใดเลย เป็น
ั้
เพียงโองการที่ได้ตำหนิเเนวความเชื่อของชาวยิวบางกลุ่มในเมืองมะดีนะห์เท่านัน
มิได้หมายถึงความเชื่อหลักของศาสนายิวเเต่อย่างใด เเละการที่เเหล่งข้อมูลของ
อิสลามไม่วา่ จะเป็นคัมภีรก
์ รุ อาน, หะดีษของท่านนบี รวมไปถึงรายงานจากเหล่า
ซอฮาบะห์ได้ระบุวา่ ชาวยิวบางกลุ่มในเมืองมาดีนะห์มค
ี วามนอกรีตดังกล่าวถือได้
ว่าเป็นหลักฐานที่เล่าถึงสภาพเหตุกรณ์ต่าง ๆ ในเมืองมะดีนะห์ดังเช่นกับหะดีษ
บทอื่น ๆ จึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ผด
ิ พลาดทางประวัติศาสตร์ของชาวยิวตามที่ผโู้ ง่
เขลาบางคนได้อ้างขึน

________________________________________

19

26
พระวรสารเเมทธิว บทที่ 23:27-28
________________________________________
บทที่ 3 : สรุป
conclusion

1. ชาวยิวที่ถก
ู กล่าวถึงในคัมภีรก
์ รุ อาน บทอัต-เตาบะห์ 9:30 เป็นเพียงเเค่ยวิ
บางกลุ่มเท่านัน
้ ไม่ได้หมายถึงชาวยิวทัง
้ หมด ดังหลักฐานจากหลาย ๆ ตัว
บทที่ก็ใช้คำเรียกภาพรวมเเต่ชเี้ ฉพาะเเค่กลุ่มคนบางกลุ่ม เเละมีหลักฐานที่
ชีอ
้ ย่างชัดเจนว่าชาวยิวที่มค
ี วามเชื่อเช่นดังกล่าวเป็นเพียงเเค่บางกลุ่มเท่า
นัน
้ ดังการรานงานจากท่านนบีในหะดีษบทหนึ่ง
2. การบอกว่าในศาสนายิวนัน
้ เป็นความเชื่อ “เอกเทวนิยม” เพื่อที่จะอ้าง
ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชาวยิวมานับถืออะไรเเบบนึ้ เป็นการอ้างที่ไม่ถก
ู ตัอง
ซึ่งจากที่เราเห็นกันโดยทัว่ ไป ไม่ใช่เงื่อนไขเลยว่าถ้าหลักคำสอนของศาสนา
ยิวสอนเเบบนัน
้ ทุกคนที่นับถือศาสนายิวจะทำตามกันหมด
3. มีหลักฐานมากมายที่ชวี้ า่ มีความเป็นไปได้สง
ู ที่จะมีชาวยิวบางกลุ่มยกย่อง
เอซราจนถึงขัน
้ ยกเอซราขึ้นเป็นบุตรของพระเจ้า เเละยิง
่ ไปกว่านัน
้ ดินเเดน
อาหรับที่มเี เนวความเชื่อหลงผิดต่าง ๆ มากมายจึงไม่ใช่เรื่องเเปลกอะไรที่
ชาวยิวในสภาพเเวดล้อมนัน
้ จะมีเเนวความเชื่อเเปลก ๆ ยึดถือกัน
4. การที่เเหล่งข้อมูลของอิสลามได้ระบุวา่ มีชาวยิวในเมืองมะดีนะห์มค
ี วามเชื่อ
ว่าเอซราคือบุตรของพระเจ้า เเหล่งข้อมูลเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นหลักฐานได้เช่น
เดียวกันดังที่หะดีษอีกเป็นพัน ๆ บทที่ถือว่าเป็นหลักฐานถึงเหตุการณ์ต่าง
ๆ ในเมืองมะดีนะห์ เเละดังที่วรสารต่าง ๆ ที่ถก
ู ถือว่าเป็นหลักฐานถึง
เหตุการณ์ต่าง ๆ เเละสภาพของชาวยิวในสมัยนัน

20
หมายเหตุ
Note

*หากใครต้องการลิงค์อ้างอิงในเรื่องไหนสามารถทักมาขอได้ในอินบ็อกซ์หรือขอ
ได้ที่คอมเมนต์ได้เลยครับ หรือมีเรื่องค้างคาใจตรงไหนหรืออยากสอบถามตรง
ไหนสามารถสอบถามได้ตลอดครับ หรือถ้ามีขอ
้ มูลผิดพลาดประการใดสามารถ
ที่จะ ชีเ้ เจงบนพื้นฐานวิชาการได้เลยครับ ^_^

**ขอความร่วมมือพีน
่ ้องทุก ๆ ท่านที่คิดว่าบทความซีรส
ี ต
์ อนนี้มป
ี ระโยชน์ ขอคน
ล่ะ 1 เเชร์เพื่อให้บทความนี้กระจายออกไปเป็นวงกว้างมากที่สด
ุ เพื่อเป็นประโยชน์
ต่อผูท
้ ี่มข
ี อ
้ สงสัยต่อประเด็นดังกล่าว ขออัลลอฮฺทรงตอบเเทนความดีเเก่พน
ี่ ้อง
ทุก ๆ ท่านด้วยเถิด…

You might also like