Professional Documents
Culture Documents
แนะนำบทบัญญัติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงโดยเฉพาะ
แนะนำบทบัญญัติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงโดยเฉพาะ
แนะนำบทบัญญัตติ ่ ำงๆ
ที่เกี่ยวข้ องกับผู้หญิงโดยเฉพำะ
] Thai – ไทย – [ تايالندي
แปลโดย ยูซฟุ อบูบกั รฺ , อารี ฟีน ยาชะรัด
สำรบัญ
คำนำ ........................................................................................................6
บทที่ 1 บทบัญญัตทิ ่ วั ไป ......................................................................9
หนึง่ สถานภาพของสตรี ในยุคก่อนอิสลาม ............................. 9
สอง สถานภาพของสตรี ในอิสลาม ....................................... 11
สาม เป้าหมายของศัตรูตอ่ สตรี มสุ ลิม................................... 15
สี่ การทางานนอกบ้ านของผู้หญิง ........................................ 17
บทที่ 2 บัญญัตวิ ่ ำด้ วยกำรดูแลเรื อนร่ ำงของสตรี ........................18
หนึง่ ดูแลตัวเองตามฟิ ฏเราะฮฺ ............................................. 18
สอง ข้ อปฏิบตั เิ กี่ยวกับเส้ นผมและขน .................................. 19
บทที่ 3 บัญญัตวิ ่ ำด้ วยเลือดประจำเดือน เลือดเสีย และเลือด
หลังคลอด..............................................................................................30
หนึง่ เลือดประจาเดือน (หัยฎ์) ............................................. 30
สอง เลือดเสีย (อิสติหาเฎาะฮฺ) ............................................ 41
สาม เลือดหลังคลอดบุตร (นิฟาส) ....................................... 47
บทที่ 4 บัญญัตวิ ่ ำด้ วยอำภรณ์ และหิญำบ .....................................56
หนึง่ คุณสมบัตขิ องอาภรณ์สาหรับสตรี ผ้ ศู รัทธา ................... 56
สอง นิยามของหิญาบ พร้ อมหลักฐานและประโยชน์ ............. 58
บทที่ 5 บัญญัตวิ ่ ำด้ วยกำรละหมำดของผู้หญิง .............................63
2
คำนำ
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
การสรรเสริ ญทังมวลเป็
้ นสิทธิของอัลลอฮฺ ผู้ทรงสร้ างสรรพ
สิ่ง แล้ วชี ้นาทาง และทรงสร้ างคูค่ รองที่มาจากผู้ชายและผู้หญิง มา
จากน ้าอสุจิเมื่อมันถูกหลัง่ ออกมา ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้ า ที่
ถูกเคารพภักดีอย่างแท้ จริ ง นอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียวเท่านัน้
ไม่มี ภ าคีอันใดสาหรับพระองค์ สาหรับพระองค์เท่านัน้ ที่ ฉันมอบ
การสรรเสริ ญทังโลกนี
้ ้และโลกหน้ า และฉันขอปฏิญาณว่ามุหมั มัด
เป็ นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์ ผู้ซึ่งถูกนาพาขึน้ ไปสู่ฟ ากฟ้ า
แล้ วได้ เห็นสัญ ญาณต่างๆ อัน ยิ่งใหญ่ ของพระผู้อภิ บาลของเขา
ความจ าเริ ญ และความศานติจ งมี แด่ท่าน วงศาคณาญาติ และ
เหล่าสาวกของท่านทุกคน
อนึ่ง เมื่อสถานภาพของสตรี มุสลิ ม ในอิสลามนัน้ มี ความ
สูงส่ง และเธอก็ มี ภ ารกิ จ ส าคัญ หลายประการ และท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ ได้ มีคาชีแ้ นะต่างๆ แก่บรรดาสตรี
เป็ นการเฉพาะ ท่านได้ สงั่ เสียให้ ดแู ลพวกเธอในคุฎบะฮฺของท่าน ณ
ทุ่งอะเราะฟาต ซึ่งเป็ นหลักฐานที่บ่งชี ถ้ ึงความจาเป็ นที่ต้องเอาใจ
7
บทที่ 1
บทบัญญัตทิ ่ วั ไป
และพระองค์ตรัสอีกว่า
َ َُ أَأ
ۥدةُ ُسئلَ أ
]٨ : ﴾ [اتلكوير٨ ت ِ ﴿ ِإَوذا ٱلموء
ความว่า “และเมื่อทารกหญิ งที่ถูกฝั งทังเป็
้ นถูกถาม ด้ วยความผิด
อันใดเล่าเธอจึงถูกฆ่า” (อัต-ตักวีร : 8-9)
สอง สถำนภำพของสตรีในอิสลำม
อิส ลามได้ ขจัดความอธรรมต่างๆ เหล่านัน้ ออกจากสตรี
และคืนความเป็ นมนุษย์แก่เธอ โดยที่อลั ลอฮฺตรัสได้ วา่
ُ َ ُ َ َأ َى
كم ّمِن َذكر َوأ َ ى
]١٣ :نث ﴾ [احلجرات ُ ي َأي َها ٱنل
اس إِنا خلقن َٰٓ َ ﴿
ความว่า “โอ้ มวลมนุษยชาติทงั ้ หลาย แท้ จริ งเราได้ สร้ างพวกเจ้ า
จากเพศชายและเพศหญิง” (อัล-หุญรุ อต : 13)
และอัลลอฮฺยงั ตรัสอีกว่า
َ َ َ أُ أ ُّ َ ّ َ ُ أُ َى َ َ أُ َى َى َ أُ أ
ِ شك ى
]٧٣ : ت﴾ [األحزاب ِ شك ِي وٱلم
ِ ت وٱلم ِ ﴿ ِّلعذِب ٱّلل ٱلمنفِقِي وٱلمنفِق
ความว่า “เพื่ อ อัล ลอฮฺ นัน้ จะทรงลงโทษบรรดามุน าฟิ กชายและ
หญิ ง และจะทรงลงโทษบรรดาผู้ ตัง้ ภาคี ช ายและหญิ ง ” (อัล -
อะห์ซาบ : 73)
และอัลลอฮฺได้ ตรัสว่า
َ َ ٓ ُ َ أُ َ ّ أ ُ ََأ َ َأ َ ُ أ ُ ُ ُ ُ
ين فإ ِ ن كن ن َِسا ء ف أوقِ ﴿ يوصِ يكم ٱ ّلل ِ ٓف أ و ىل ِد كم ل ِذل ك ِر مِثل ح ِظ ٱ ۡل نثي
ُ ََ ٱثأنَ َت أي فَلَ ُهن ثُلُ َثا َما تَ َر َك ِإَون ََكنَ أ
]١١ : ت َوىح َِدة فل َها ٱنلّ أِصف﴾ [النساء ِ
“อัล ลอฮฺ ไ ด้ ท รงสั่ง เสี ย พวกเจ้ าไว้ เกี่ ย วกับ ลูก ๆ ของพวกเจ้ า ว่ า
สาหรับผู้ชายนันมี ้ สิทธิ์ ได้ รับเท่ากับส่วนแบ่งของผู้หญิ งสองคน แต่
หากลูกๆ เป็ นผู้หญิ ง สองคนขึน้ ไป พวกเธอก็จะได้ รับสองในสาม
จากสิ่งที่ เขาได้ ทิง้ ไว้ และถ้ าลูกเป็ นผู้หญิ งคนเดียว เธอก็จะได้ รับ
ครึ่งหนึง่ ...” (อัน-นิสาอ์ : 11)
อัลลอฮฺได้ บญ
ั ญัติให้ ภรรยาเป็ นผู้ดแู ลบ้ านของสามี เป็ นผู้
อบรมขั ด เกลาบรรดาลู ก ๆ ท่ า นเราะสู ล ศ็ อ ลลั ล ลอฮุ อ ะลั ย ฮิ
วะสัลลัม กล่าวว่า
َ َ
»ت َز ْو ِج َها َو َم ْسئولة ع ْن َر ِعيَّ ِت َها َْ َ َ َْ َْ
ِ « َوالمرأة را ِعية ِيف بي
15
บทที่ 2
บัญญัตวิ ่ ำด้ วยกำรดูแลเรือนร่ ำงของสตรี
หลังจากนันท่
้ านยังได้ กล่าวว่า
َّ
.اَّلل َاَّلل َعلَيْه َو َسلَّ َم َوه َو يف كت
َّ َّ َ َّ َ َو َما ل َل أَلْ َعن َم ْن لَ َع َن
ِ اب ِ ِ ِ ِ َل ص اَّلل
ِ ول سر ِ
26
2. กำรย้ อมผมของสตรี
หากกรณี เป็ นผมหงอก สามารถย้ อมได้ ทุกสีที่ไม่ใช่สีดา
เนื่องจากท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มีคาสัง่ ห้ ามมิ
ให้ ใช้ สีดาในการย้ อม
อัน-นะวะวี ย์ ได้ กล่าวไว้ ในหนังสื อ (ริ ยาฎ อัศ -ศอลิ ฮี น :
626) บทว่าด้ วยเรื่ องการห้ ามผู้ชายและผู้หญิ งไม่ให้ ย้อมผมด้ วยสี
ด า และได้ ก ล่ า วไว้ ใ นหนัง สื อ มั จ ญ์ มู อฺ (1/324) ว่ า “ไม่ มี ค วาม
แตกต่างระหว่างผู้ช ายและผู้ห ญิ งในการห้ ามมิ ให้ ย้อมด้ วยสี ด า
และนี่คือทัศนะของมัซฮับเรา..”
ส่วนการย้ อมผมสีดาของสตรี เพื่ อให้ เปลี่ยนเป็ นสีอื่นนัน้
ฉัน(ผู้เขียน)มีความเห็นว่า กรณีนี ้ไม่เป็ นที่อนุญาต เพราะไม่มีความ
จาเป็ นอันใดที่ จ ะต้ องกระทาอย่างนัน้ เพราะสีดาของผมนัน้ เป็ น
ความสวยงาม อยู่ แ ล้ ว ไม่ ถื อว่ า เป็ นสิ่ ง ผิ ด ปกติ จนต้ องไป
เปลี่ยนแปลงมัน และการกระทาเช่นนัน้ เป็ นการเลียนแบบผู้หญิ ง
ต่างศาสนิก
29
บทที่ 3
บัญญัตวิ ่ ำด้ วยเลือดประจำเดือน
เลือดเสีย และเลือดหลังคลอด
2. อำยุของผู้มีประจำเดือน
31
َ ََّ ْ َ ََّ
اصنَعوا ك
ْ «
»َشء ِإل ا َِّنلَك َح
ความว่า “ท่านทังหลายจงท
้ าทุกอย่างได้ ยกเว้ นการร่วมประเวณี ”
(บันทึกโดยมุสลิม : 692)
3.2 ผู้ห ญิ งที่ มี ป ระจ าเดื อ น ไม่ต้ องถื อศี ล อดและไม่ต้ อ ง
ละหมาด และหากปฏิบตั ิก็ถือว่าเป็ นเรื่ องต้ องห้ าม และใช้ ไม่ได้ ดัง
หลักฐานจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ กล่าวว่า
َ َ ِّ َ ْ َ َ َ َ ََْ
»ت ل ْم ت َصل َول ْم تص ْم «أليس إِذا حاض
ความว่า “เมื่อสตรี มีประจาเดือน เธอไม่ละหมาดและไม่ถือศีลอด
มิใช่หรื อ?” (บันทึกโดยอัล-บุคอรี ย์ : 304และมุสลิม : 759)
ส่วนความแตกต่างระหว่างการละหมาดและการถือศีลอด
นัน้ – อัลลอฮฺร้ ูดียิ่ง - เพราะการละหมาดทาซ ้าวันละหลายครัง้ จึง
ไม่ต้องชดใช้ เพราะเกิดความลาบาก ซึง่ ต่างกับการถือศีลอด
34
3.3 ห้ ามสตรี ที่ มี ป ระจ าเดื อ นเดิ น เวี ย นรอบบัย ตุล ลอฮฺ
(เฏาะวาฟ) ดังที่ทา่ นเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ กล่าว
แก่ทา่ นหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮา ขณะที่นางมีประจาเดือน
ว่า
َ ْ َ ْ ري أَ ْن َل َتطوِف ب
َ ْ اج َغ ْ
ُ َ احل َْ َ ْ
»ت َح ََّت ت ْطه ِري
ِ اْلي ِ ِ «اف َع ِل ك َما يف َعل
ความว่า “จงปฏิบตั ิเยี่ยงผู้ที่ทาหัจญ์ คนอื่นๆ เพียงแต่เธอจะต้ องไม่
เฏาะวาฟจนกว่าเธอจะสะอาด” (บันทึกโดย อัล-บุคอรี ย์ : 305 และ
มุสลิม : 2911)
และท่านยังกล่าวอีกว่า
َ ُ َ َ َ ْ َ ْ ِّ
»حيل ِحلَائِض َول جنب
ِ « ِإن المس ِجد ل
36
ความ ว่ า “แท้ จริ ง มั ส ยิ ด นั น้ ไม่ เ ป็ นที่ อนุ ญ าตส าหรั บ ผู้ ที่ มี
ประจาเดือนและผู้ที่มีญนุ บุ ” (บันทึกโดยอิบนุ มาญะฮฺ : 645)
เกร็ดควำมรู้ เพิ่มเติม
คำถำม รู้ได้ อย่างไรว่าประจาเดือนหมดแล้ ว?
ค ำต อ บ รู้ ได้ โด ย ก ารห ยุ ด ไห ล ข องเลื อ ด ซึ่ ง จ ะมี
เครื่ องหมายใดจากสองเครื่ องหมายนี ้
หนึ่ ง มี น า้ สี ขาวออกมา (ก็ อ ศเศาะฮฺ บัยฎออ์ ) ซึ่งมันจะ
ออกมาหลังจากประจาเดือน คล้ ายกับน ้าของปูนพลาสเตอร์ และ
บางทีก็อาจจะเป็ นสีอื่น ทังนี ้ ้ ขึ ้นอยูก่ บั สภาพของผู้หญิงแต่ละคน
สอง อวัยวะเพศแห้ ง พิสูจน์ได้ โดยการใช้ ผ้าหรื อสาลีสอด
เข้ าไปในอวัยวะเพศ จากนันดึ ้ งออกมา แล้ วพบว่ามันอยู่ในสภาพที่
แห้ ง ไม่มีสิ่งใดติดมาเลย ไม่วา่ จะเป็ นเลือด ศุฟเราะฮฺ หรื อกุดเราะฮฺ
4. สิ่งที่ต้องปฏิบัตหิ ลังจำกหมดประจำเดือน
39
วิธีกำรอำบนำ้
• ให้ ตงเจตนา(เนี
ั้ ยต) ยกหะดัษ หรื อทาความสะอาด เพื่อ
การละหมาดและอื่นๆ
• จากนันให้
้ กล่าวคาว่า "บิสมิลลาฮฺ"
• รดน ้าให้ ทวั่ ทังร่้ างกาย และให้ น ้าเข้ าถึงโคนผม
• ในกรณี ที่เป็ นผมเปี ย ไม่จาเป็ นต้ องคลายออก เพียงแต่
ให้ น ้าทัว่ ถึง
• หากใช้ น ้าใบพุทรา สบู่หรื อแชมพูทาความสะอาดพร้ อม
กับน ้าได้ ก็จะเป็ นการดี
• และควรใช้ ส าลี ชุบ เครื่ องหอมมาสอดไว้ ในช่องคลอด
หลัง จากการอาบนา้ เนื่ องจากท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัย ฮิ
วะสัลลัม เคยสัง่ ใช้ ให้ อสั มาอ์ทาเช่นนัน้ (บันทึกโดยมุสลิม)
ข้ อควรระวัง!!
40
• หากเลือดประจาเดือนหรื อเลือดหลังคลอดบุตรหมดก่อน
ดวงอาทิตย์ตกดิน จาเป็ นที่จะต้ องละหมาดซุ ฮร์ และอัศร์ (ละหมาด
รวม)ของวันนันด้ ้ วย
• หากเลื อ ดหมดก่ อ นแสงอรุ ณ ขึ น้ ก็ จ าเป็ นที่ จ ะต้ อง
ละหมาดมัฆริบและอิชาอ์ของคืนนัน้ เพราะเวลาของละหมาดที่สอง
(อัศร์ หรื อ อิ ชาอ์) คือเวลาของละหมาดที่หนึ่ง (ซุฮ ร์ และ มัฆ ริ บ)
ด้ วย ในกรณีมีอปุ สรรคที่ได้ รับการผ่อนปรน
ชัยคุลอิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺ ได้ กล่าวในหนังสือ ของท่าน
ว่า “เพราะเหตุนี ้ปราชญ์ ส่วนมาก -เช่น มาลิก อัช-ชาฟิ อีย์ อะห์มดั
- มี ความเห็นว่า เมื่ อประจาเดือนหมดในช่วงสุดท้ ายของกลางวัน
เธอจะต้ อ งละหมาดทัง้ ซุ ฮ ร์ แ ละอัศ ร์ และเมื่ อ เลื อ ดหมดในช่ ว ง
สุดท้ ายของกลางคืน เธอก็จะต้ องละหมาดทังมั ้ ฆริ บและอิชาอ์ ดังที่
มีรายงานจากอับดุร เราะห์ ม าน บิน เอาฟฺ , อบู ฮุร็อยเราะฮฺ และ
อิบ นุ อับ บาส เพราะช่วงเวลาดังกล่าวนัน้ เป็ นเวลาร่ วมกัน ของ
ละหมาดทังสองในกรณี
้ ที่มีอปุ สรรค
ดังนัน้ เมื่อเลือดหมดในช่วงสุดท้ ายของกลางวัน เวลาของ
ละหมาดซุ ฮร์ ก็ยังเหลื ออยู่ เธอจะต้ องละหมาดซุ ฮร์ ด้วยก่อนที่จ ะ
ละหมาดอัศร์ และหากเลือดหยุดในช่วงสุดท้ ายของกลางคืน เวลา
ของละหมาดมัฆริ บก็เหลืออยูใ่ นยามที่มีอปุ สรรค ดังนัน้ เธอจะต้ อง
ละหมาดมัฆ ริ บ ด้ ว ยก่ อ นที่ จ ะละหมาดอิ ช าอ์ ” (อัล -ฟะตาวา :
22/434)
41
َ َ َّ َ ْ َ فَإ َذا أَ ْقبَل، «إ َّن َما َذلك ع ْرق َولَي ْ َس ِبَيْض
»الصالة ت َحيْ َضت ِك ف َد ِِع ِ ِ ِ ِ ِ ِ
ความว่า “แท้ จริงแล้ ว อิสติหาเฎาะฮฺนนเป็
ั ้ นเลือดจากเส้ นเลือดเส้ น
หนึ่งเท่านัน้ ไม่ใช่เลือดประจาเดือนแต่ประการใด ดังนัน้ (ยังไม่ต้อง
งดละหมาดถ้ ามี เลื อ ดนี )้ จนเมื่ อ ประจ าเดื อ นมา เธอจึ ง งดการ
ละหมาดได้ ” (บันทึกโดยอัล-บุคอรี ย์ : 228 และมุสลิม : 751)
เกร็ดควำมรู้
หากเลือดหยุดก่อนครบ 40 วัน แล้ วเธอได้ อาบน ้าชาระล้ าง
ร่างกาย ละหมาด และถือศีลอด หลังจากนันมี ้ เลือดไหลอีกครัง้ หนึ่ง
ก่อนครบ 40 วัน ที่ถกู ต้ องแล้ วให้ ถือว่าเป็ นเลือดจากการคลอดบุตร
โดยที่เธอจะต้ องงดการถือศีลอดและงดละหมาด ส่วนการถือศีลอด
ในช่วงที่สะอาดระหว่างนันก็ ้ ใช้ ได้ ไม่ต้องชดใช้ (โปรดดูมจั ญ์ มอู ฺฟะ
ตาวา ของชัยค์ มุหัม มัด บิ น อิบ รอฮี ม เล่ม ที่ 2 หน้ าที่ 102 , อัล -
ฟะตาวา ของชัยค์อับดุลอะซีซ บินบาซ ที่ได้ ตีพิมพ์ในวารสารอัด -
51
เกร็ดควำมรู้ อ่ ืนๆ
ชัยค์อบั ดุรเราะห์ มาน อิบนุ อัส-สะอฺ ดีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ
กล่าวว่า “เป็ นที่ ประจักษ์ ว่าเลื อดจากการคลอดบุตรนัน้ มี สาเหตุ
จากการคลอดบุต ร ส่วนเลื อ ดเสี ย นัน้ คื อ เลื อ ดที่ ไ ม่ป กติ เพราะ
เจ็บป่ วยและอื่นๆ และประจาเดือนคือเลือดปกติ ” (อิรชาด อุลิล อับ
ศอร วัล อัลบาบ หน้ าที่ 25)
กำรรับประทำนยำ
อนุญ าตให้ รับประทานยาเพื่ อระงับเลื อดประจ าเดือนได้
หากไม่เป็ นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนัน้ เมื่อได้ รับประทานแล้ ว และ
ประจาเดือนได้ หยุด จงถื อศีลอด ละหมาด และเฏาะวาฟรอบบัย
ตุลลอฮฺ และปฏิบตั สิ ิ่งอื่นๆ ได้ เหมือนกับผู้ที่มีความสะอาดทัว่ ไป
ที่ จ ะท าแท้ งขณะที่ ไ ม่ แ น่ ใจว่ า เด็ ก ตายแล้ วหรื อ ยัง นัน้ ไม่ เป็ นที่
อนุญาต แต่ในกรณีที่มนั่ ใจว่าเด็กเสียชีวิตแล้ วก็สามารถทาแท้ งได้ ”
สภานักวิชาการระดับสูง ของประเทศซาอุดิอาระเบียมี มติ
เลขที่ 140 ลงวันที่ 20/6/1407 ดังต่อไปนี ้
1. ไม่อนุญ าตให้ ท าแท้ งไม่ ว่าในระยะใด ยกเว้ น จะมี ข้ อ
ผ่อนผันทางบทบัญญัติ และอยูใ่ นขอบเขต(กรอบ) ที่จากัดยิ่ง
2. ไม่อนุญาตให้ ทาแท้ งในช่วงแรก -คือระยะครรภ์ 40 วัน
แรก- หากการกระทาดังกล่าวเนื่ องจากกลัวความยากลาบากใน
ก ารเลี ย้ งดู บุ ต ร ก ลั ว ว่ า ไม่ ส าม ารถ แ บ ก รั บ ค่ า ใช้ จ่ า ย ใน
ชีวิตประจาวัน ค่าศึกษาเล่าเรี ยน หรื อกลัวถึงอนาคตของพวกเขา
หรื อจานวนลูกที่มีอยูพ่ อเพียงแล้ ว
3. ไม่อนุญ าตให้ ท าแท้ ง เมื่ อในครรภ์ เป็ นก้ อ นเลื อด หรื อ
ก้ อนเนือ้ แล้ ว นอกจากกรณี ที่คณะแพทย์ซึ่งเชื่อถื อได้ ยืนยันว่าจะ
เป็ นอันตรายต่อแม่ เช่นเกรงว่าจะเกิดอันตรายถึงชีวิตหากให้ อยู่ใน
ครรภ์ ต่อไป ซึ่งในกรณี เช่นนี ้อนุญาตให้ ทาแท้ งได้ ทังนี ้ ้หลังจากใช้
เครื่ องมือทุกชนิดเพื่อป้องกันอันตรายเหล่านันแล้ ้ ว
4. หลังจากระยะที่ 3 (เป็ นก้ อนเนือ้ ) และหลังจากครบ 4
เดือนของการตังครรภ์
้ ไม่อนุญาตให้ ทาแท้ ง ยกเว้ นจะมีคณะแพทย์
ผู้เชี่ยวชาญและเชื่อถือได้ ยืนยันว่าการอุ้มท้ องต่อไปจะเป็ นเหตุให้
มารดาเสียชีวิต ทังนี ้ ้หลังจากใช้ เครื่ องมือทุกชนิดเพื่อช่วยชีวิตของ
เด็กในครรภ์แล้ ว และการที่อนุญาตให้ ทาแท้ งตามเงื่อนไขต่างๆ นัน้
54
ก็ให้ วางอยู่บนหลักการขจัดอันตรายที่ยิ่งใหญ่กว่าจากอันตรายทัง้
สองด้ าน (อัน ตรายต่อ ชี วิตของแม่และเด็ก) และเพื่ อ ให้ ได้ ม าซึ่ง
ผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าจากประโยชน์ทงั ้ สอง (เพื่อชีวิตแม่และ
เด็ก)
จากนั น้ สภานั ก วิ ช าการระดับ สู ง ได้ สั่ ง เสี ย ให้ มี ค วาม
ยาเกรงต่ออัลลอฮฺ และให้ มีการไตร่ตรองพิจารณาในเรื่ องนี ้ อัลลอฮฺ
เป็ นผู้ที่ประทานความสาเร็ จ ขอพระองค์ทรงประทานพรแด่ท่านนบี
มุหมั มัด บรรดาวงศ์วาน และบรรดาอัครสาวกของท่านด้ วยเทอญ
ชัยค์มุหมั มัด อิบนุ อุษัยมีน กล่าวไว้ ในหนังสือ ริ สาละฮฺ ฟี
อัด-ดิมาอ์ อัฏ-เฏาะบิอียะฮฺ ลิ อัน-นิสาอ์ หน้ าที่ 60 ว่า “หากการทา
แท้ งโดยมี เจตนาที่ จ ะท าลายเด็ ก ที่ อ ยู่ในครรภ์ ห ลัง จากถูก เป่ า
วิญญาณเข้ าไปในเด็กแล้ ว การกระทาดังกล่าวเป็ นสิ่งต้ องห้ าม โดย
ไม่ มี ข้ อ สงสัย ใดๆ เพราะเป็ นการฆ่ า ชี วิ ต โดยอธรรม ซึ่ ง เป็ นสิ่ ง
ต้ องห้ ามตามอัลกุรอาน หะดีษ และมติเอกฉันท์ของปวงปราชญ์”
และอิมามอิบนุ อัล-เญาซีย์ ได้ กล่าวไว้ ในหนังสืออะห์กาม
อัน-นนิสาอ์ หน้ าที่ 108-109 ว่า “เมื่อจุดประสงค์ของการแต่งงาน
คือการมี ลูก และไม่ได้ หมายความว่านา้ (อสุจิ) ทัง้ หมดจะเป็ นลูก
ดังนันเมื
้ ่อเด็กก่อตัวขึน้ เป็ นรูปร่ างก็ถือว่าบรรลุจุดมุ่งหมาย ดังนัน้
การเจตนาทาแท้ งจึงค้ านกับเป้าหมายของการแต่งงาน เว้ นแต่ว่า
การทาแท้ งได้ เกิดขึน้ ในตอนแรกของการตังครรภ์ ้ ก่อนที่จะมี การ
เป่ าวิญ ญาณเข้ าไป ซึ่งเป็ นความผิดที่ใหญ่ หลวง เพราะกาลังก้ าว
55
บทที่ 4
บัญญัตวิ ่ ำด้ วยอำภรณ์ และหิญำบ
และอัลลอฮฺตรัสว่า
َ ٓ ُ َُ َ َ َأ ُ َ َ َ أ
﴿ِإَوذا سأتلُ ُموهن متىعا فسلوهن مِن َو َراءِ حِج ن
]٥٣ : اب ﴾ [األحزاب
ความว่า “และเมื่อพวกท่านต้ องการขอสิ่งใดจากพวกเธอ จงขอจาก
ด้ านหลังของสิ่งกาบัง” (อัล-อะห์ซาบ : 53)
และนี่คือเหตุผลที่ครอบคลุมทุกคน เมื่อเหตุผลครอบคลุม
บทบัญญัตกิ ็ยอ่ มครอบคลุมเช่นกัน
60
และอัลลอฮฺตรัสว่า
َ َ َ ُ َّأَ َ َََ َ َ َ ٓ أُ أ َ ُأ
ِي َعل أي ِهن مِن َجلىبِيب ِ ِهن َ َ َٰٓ َ ﴿
ِ يأيها ٱنل ِب قل ِۡلزو ى
جك وبنات ِك ون ِساءِ ٱلمؤ ِمن ِي يدن
]٥٩ : ﴾ [األحزاب
ความว่า “โอ้ ศาสนทูตของอัลลอฮฺเอ๋ย จงกล่าวแก่บรรดาภรรยาของ
เจ้ า บรรดาลูกสาวของเจ้ า และภรรยาของบรรดาผู้ศรัทธา ให้ พวก
เขาดึงเสื ้อคลุมลงมาปกปิ ดเรื อนร่ างของพวกเขา” (อัล-อะห์ซาบ :
59)
ผู้หญิงบางคนตีสองหน้ า เมื่ออยู่ในสังคมที่สวมใส่หิญาบก็
จะสวมใส่ด้วย และจะไม่สวมใส่หากอยู่ในอีกสังคมหนึ่ง บางคนจะ
สวมใส่เมื่ ออยู่ในสถานที่ ทั่วไป แต่เมื่ อเข้ าห้ างร้ าน โรงพยาบาล
หรื อร้ านขายเครื่ องประดับ หรื อคุยกับช่างตัดเสื ้อ ก็จะเปิ ดหน้ า มือ
เสมือนอยูก่ บั สามี หรื อญาติที่แต่งงานกันไม่ได้
จงย าเกรงอัล ลอฮฺ เถิ ด แท้ จริ ง เราเห็ น ผู้ หญิ ง บางคนที่
เดินทางมายังประเทศของเรา พวกเขาจะไม่สวมใส่หิญาบ นอกจาก
เมื่อลงจากเครื่ องบินเท่านัน้ คล้ ายกับว่าหิญาบเป็ นเพียงวิถีปฏิบตั ิ
เท่านัน้ ไม่ได้ เป็ นบทบัญญัตแิ ต่ประการใด
โอ้ สตรี ผ้ ศู รัทธา แท้ จริ งหิญาบจะปกป้องเธอจากการมองที่
ถูกอาบยาพิษ ซึ่งเป็ นการมองของผู้ชายที่หัวใจเป็ นโรคและคนชั่ว
และจะตัดความใคร่อนั เลวร้ ายของพวกเขา ดังนันจงสวมใส่ ้ หิญาบ
เถิ ด และอย่ า สนใจค าเรี ย กร้ องที่ ใ ห้ เปลื อ้ งหิ ญ าบ หรื อ ไม่ ใ ห้
ความสาคัญกับหิญาบ เพราะพวกเขาไม่หวังดีตอ่ เธอ ดังที่อลั ลอฮฺ
ตรัสว่า
ً ُ َ َ ََ َ
]٢٧ : ﴾ [النساء٢٧ ت أن ت ِميلوا َم أيل َعظِيما
ِ ِين يَتب ِ ُعون ٱلشهو ى ُ ﴿ َو ُير
َ يد ٱَّل
ِ
ความว่า “และบรรดาผู้ที่ตามอารมณ์ใฝ่ ต่าต้ องการให้ พวกเจ้ าหันเห
ออกห่างไปอย่างมากมายจากแนวทางความถูกต้ อง” (อัน-นิสาอ์ :
27)
บทที่ 5
63
1. ไม่มีการอะซานและอิกอมะฮฺ เนื่องจากการอะซานต้ อง
ใช้ เสี ยงดัง ขณะเดีย วกันไม่อนุญ าตให้ ผ้ ูหญิ ง เปล่ง เสี ย งดัง การ
อะซานและอิกอมะฮฺของผู้หญิ งนันใช้้ ไม่ได้ อิบนุ กุดามะฮฺกล่าวว่า
“ในประเด็นนี ้ เราไม่พ บว่าปวงปราชญ์ มี ทัศนะที่ ขัดแย้ งกันเลย”
(อัล-มุฆนีย์ : 2/26)
65
หะดีษทังสองบทนี
้ ้บ่งชี ้ว่า เธอจะต้ องคลุมศีรษะและบ่า ดัง
หะดีษของท่านหญิงอาอิชะฮฺ และจะต้ องปิ ดทุกส่วนของร่างกายดัง
หะดีษของอุมมุ สะละมะฮฺ
และอนุโลมให้ เปิ ดใบหน้ า เมื่อไม่มีผ้ ูชายที่แต่งงานกันได้
มองเห็น เนื่องจากปวงปราชญ์มีมติเป็ นเอกฉันท์ในเรื่ องนี ้
อิ บ นุ ตัย มี ย ะฮฺ เราะหิ ม ะฮุล ลอฮฺ กล่า วว่า "หากผู้ห ญิ ง
ละหมาดคนเดียว เพียงพอด้ วยผ้ าคลุมศีรษะ และขณะที่เธออยู่ใน
บ้ านนัน้ สามารถเปิ ดศีรษะได้ เมื่อไม่ได้ อยู่ ในละหมาด เพราะการ
แต่ง กายในขณะละหมาดนัน้ คื อ หน้ า ที่ ต่อ อัล ลอฮฺ เนื่ อ งจากไม่
อนุญาตแก่คนใดที่จะเวียนรอบกะบะฮฺในสภาพที่เปลือย แม้ จะอยู่
คนเดียวในยามค่าคืนก็ตาม และไม่อนุญาตแก่คนใดที่จะละหมาด
ในสภาพที่เปลือยแม้ อยูค่ นเดียวก็ตาม... ดังนันส่ ้ วนที่ต้องปกปิ ดใน
ละหมาดไม่ได้ เกี่ยวกับการปกปิ ดจากการมองของผู้คนเลย ไม่ว่าใน
ความเหมือนหรื อความต่าง (หมายถึง การปกปิ ดต่อหน้ าผู้คนนัน้
ต่างกับการปกปิ ดในละหมาด และขณะอยู่ในบ้ าน)” (มัจญ์ มอู ฺ อัล-
ฟะตาวา : 22/113-114)
อิบนุ กุดามะฮฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า “ในการละหมาด
ของสตรี ที่เป็ นไท (มิใช่ทาส) จาเป็ นต้ องปกปิ ดทุกส่วนของร่างกาย
ของ หากเปิ ดเผยส่วนใดการละหมาดก็ใช้ ไม่ได้ นอกจากจะเปิ ดเผย
เพี ย งเล็ ก น้ อยเท่านัน้ และนี่ เป็ นทัศ นะของมาลิ ก , อัล -เอาซาอี ย์
และอัช-ชาฟิ อีย์” (อัล-มุฆนีย์ : 2/328)
67
ดังนัน้ หะดีษทังสองบทนี
้ ้บ่งชี ้ว่า บรรดาสตรี จะยืนหลังจาก
แถวของผู้ชายและจะไม่ละหมาดกันแบบกระจัดกระจาย เมื่อพวก
เขาละหมาดหลัง ผู้ช าย ไม่ ว่าจะเป็ นละหมาดฟั รฎู (ภาคบังคับ )
หรื อละหมาดตะรอวีหฺก็ตาม
5.5 เมื่ ออิม ามเกิ ดความผิ ดพลาดขึน้ ในละหมาด แท้ จ ริ ง
ผู้ หญิ งจะเตื อ นอิ ม าม โดยการใช้ หลั ง มื อ ตี กั บ หลั ง มื อ อี ก ข้ าง
เนื่องจากท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
73
ْ ْ َْ ْ ْ ْ َ َّ َ َّ َّ َّ َ ََََ
اَّلل َصَل اَّلل َعليْ ِه َو َسل َم أن ُن ِر َجه َّن ِيف ال ِف ْط ِر َواألض ََح ال َع َواتِ َق
ِ أمرنا رسول
َ َ ْ َ َ ْ َ ْ َ ْ َ ْ َ َ َ َ َّ َ ْ َ ْ َ َ ْ َّ َ َ
َّ احل ْ َ َ َّ ْ
َتلن الصالة ويشهدن اْلري ودعوة ِ عي ف ض ي فأما،ور ِ َواحليض َوذ َو
ِ ات اْلد
َ الْم ْسلم
.ني ِِ
ความว่า “ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม สั่งให้ เราพา
ผู้ห ญิ ง ออกไปในวัน อี ดิ ล ฟิ ฏร์ แ ละอี ดิ ล อัฎ หา ทัง้ เด็ ก สาว ผู้ที่ มี
ประจาเดือน และหญิงโสด ส่วนผู้มีประจาเดือนนันให้ ้ ออกห่างจาก
สถานที่ละหมาด และพวกเธอจะร่วมฟั งคุฏบะฮฺ และการขอดุอาอ์
ของบรรดาชาวมุ ส ลิ ม ” (บัน ทึ ก โดยอัล -บุ ค อรี ย์ : 974, มุ ส ลิ ม :
2051, อบู ดาวูด : 1136, อัน -นะสาอีย์ : 1558, อัต-ติรมิซีย์ : 539
และอิบนุ มาญะฮฺ : 1308)
อัช-เชากานีย์ กล่าวว่า “หะดีษบทนี ้และรวมถึงหะดีษอื่นๆ
ที่มีความหมายในทานองนี ้ บ่งชี ้ว่า ส่งเสริ มให้ ผ้ หู ญิงทุกคนออกไป
ยัง สถานที่ ล ะหมาดอี ด ไม่มี ก ารแยกระหว่างเด็ก สาว แม่ห ม้ า ย
คนชรา คนมี ป ระจาเดือน ตราบใดที่ ไม่ได้ อยู่ในอิดดะฮฺ (เวลารอ
คอยสาหรับผู้หญิ งที่สามีตายหรื อหย่าร้ าง) และในการออกไปไม่มี
การยั่วยวนหรื อมีอุปสรรคที่ได้ รับการอนุโลม...” (นัยลุล เอาฏอรฺ :
3/306)
อิบนุ ตัยมียะฮฺ กล่าวว่า “แท้ จริ งท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ
อะลัยฮิวะสัลลัม ได้ บอกแก่บรรดาสตรี ว่า การละหมาดที่บ้านนัน้
ประเสริ ฐยิ่งกว่าการร่ วมละหมาดวันศุกร์ และละหมาดญะมาอะฮฺ
76
บทที่ 6
บัญญัตวิ ่ ำด้ วยกำรจัดกำรศพของผู้หญิง
พระองค์ทรงวางบทบัญญัติเกี่ยวกับศพลูกหลานของอาดัม
เป็ นการเฉพาะ ซึ่ ง ผู้ที่ มี ชี วิ ต จะต้ อ งด าเนิ น ตาม ในบทนี ้ เราจะ
นาเสนอบัญญัตทิ ี่เกี่ยวกับการจัดการศพผู้หญิงเป็ นการเฉพาะ ดังนี ้
3. กำรจัดผมของศพผู้หญิง
ให้ รวบหรื อถักผมเป็ นสามเปี ย แล้ วเอาไว้ ด้านหลังของเธอ
เนื่องจากมีหะดีษ จากอุมมุ อะฏี ยะฮฺ เราะฎิ ยัลลอฮุอันฮา ในการ
อาบนา้ ศพลูกสาวของท่านเราะสูล ศ็อลลัล ลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ที่วา่
َ ْفض َّف ْرنَا َش ْع َر َها ثَ َالثَ َة قرون َوأَلْ َقيْنَاه َخل
.فها َ
َّ َّ َ ْ َ َّ ْ َّ َ َ َّ َ
.الصا ِلق ِة َواحلَا ِلق ِة َوالشاق ِة اَّلل صَل اهلل عليه وسلم بَ ِريء ِمن
ِ أن رسول
ความว่า “ท่านเราะสูลลุ ลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ขอยุ่ง
เกี่ ยวกับผู้หญิ งที่ ส่งเสี ยงดัง ผู้หญิ งที่ โกนผม ผู้หญิ งที่ ฉี กเสื อ้ ผ้ า ”
(บันทึกโดยอัล-บุคอรี ย์ : 1296 และมุสลิม : 283) กล่าวคือ ผู้หญิงที่
กระทาการเหล่านี ้ในเวลาที่ตวั เองประสบเคราะห์กรรม
และยังมีหะดีษอีกว่า
َ ْ َ َّ َ َّ َ َ ْ َ َ َّ َّ َ َّ َ َ ََ
. َوالم ْستَ ِم َعة، اِئَة
ِ اَّلل صَل اَّلل علي ِه وسلم انل
ِ لعن رسول
ความว่า “ท่ า นเราะสู ลุ ล ลอฮฺ ศ็ อ ลลัล ลอฮุอ ะลัย ฮิ ว ะสัล ลัม ได้
สาปแช่ ง หญิ ง ที่ ร่ า ไห้ ค ร่ า ครวญ และผู้ รั บ ฟั งเสี ย งร้ องนัน้ ด้ ว ย”
85
บทที่ 7
บัญญัตวิ ่ ำด้ วยกำรถือศีลอดของผู้หญิง
ในทานองเดียวกัน ผู้ที่มีชีวิตในเดือนเราะมะฎอนในขณะที่
เขาเป็ นผู้แก่ชรามาก ไม่สามารถถือศีลอดได้ หรื อผู้ป่วยเรื อ้ รังซึ่งไม่
มีความหวังที่จะหายจากโรคนัน้ ไม่ว่าจะเป็ นชายหรื อหญิ งก็ตาม
89
คือการตังครรภ์
้ และการให้ นมที่ทาให้ เกิดอันตรายต่อสตรี
ต่อทารกในครรภ์ หรื อทังต่ ้ อตัวของแม่และเด็กเอง เธอก็สามารถละ
ศีลอดได้ ในขณะที่กาลังตังครรภ์้ หรื อช่วงให้ นม
หากเธอละศีลอดเพราะเกรงว่าอันตรายจะเกิดกับเด็ก เธอ
จะต้ องถือศีลอดชดเชยวันที่ได้ ละศีลอด และให้ จ่ายอาหารแก่ผ้ ขู ดั
สนหนึง่ คนต่อจานวนหนึง่ วันที่ได้ ละเว้ นการถือศีลอด
หากเธอละศีลอดเพราะเกรงอันตรายที่จะเกิดขึ ้นกับเธอเอง
ก็ให้ ถือศีลอดชดเชยอย่างเดียวไม่ต้องจ่ายอาหาร ทังนี ้ ้เนื่องจากผู้
ที่ตงครรภ์
ั้ และผู้ที่ให้ นม เข้ าข่ายในคาตรัสของอัลลอฮฺที่วา่
ُ ُ َ
ُ يقونَ ُهۥ ف أِديَة َط َع ََ
]١٨٤ :ام م أِسكِي ﴾ [اْلقرة ﴿ َوَع ٱَّلِين ي ِط
ความว่า “และสาหรับผู้ที่ถือศีลอดได้ ด้วยความยากลาบาก ให้ จ่าย
สิ่งชดเชยคืออาหารแก่ผ้ ขู ดั สน” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 184)
วันที่ ได้ ล ะศีล อด ก็จ าเป็ นที่ จ ะต้ องถื อศีล อดชดใช้ เพื่ อมิ ให้ เดือน
เราะมะฎอนใหม่ ม าถึ ง โดยที่ ยัง มิ ได้ ช ดเชยของก่อ น ถ้ าหากเข้ า
เราะมะฎอนใหม่และยังมิได้ ชดเชย โดยที่ไม่มีอุปสรรคที่ได้ รับการ
อนุโลมแล้ ว ก็จาเป็ นที่จะต้ องถือศีลอดชดเชย พร้ อมจ่ายอาหารแก่
ผู้ขดั สนหนึ่งคนต่อหนึ่งวัน หากการล่าช้ าเกิดจากอุปสรรคก็จะต้ อง
ถือศีลอดชดใช้ อย่างเดียว (ไม่ต้องจ่ายอาหาร) ผู้ที่จาเป็ นต้ องถือศีล
อดชดเชย ด้ วยสาเหตุของการละทิ ้งศีลอดอันเนื่องจากการเจ็บป่ วย
หรื อ การเดิ น ทางนัน้ ก็ ใ ช้ บ ทบัญ ญั ติ แ ละข้ อ ชี ข้ าดเดี ย วกั บ ผู้ มี
ประจาเดือน ดังที่แจกแจงมาก่อนแล้ ว
3. ไม่อนุญ าตให้ ส ตรี ถือ ศีล อดภาคสมัครใจ (ตะเฎาวุ อฺ )
เมื่อสามี ของเธออยู่บ้าน ไม่ได้ เดินทาง นอกจากด้ วยการอนุญาต
ของสามีเท่านัน้ ดังหะดีษที่อิมามอัล-บุคอรี ย์และมุสลิม และท่าน
อื่นๆ ได้ รายงานจากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮุ ว่าท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะละฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
ْ َّ َ َ « َل َحي ُل للْ َم ْرأَة أَ ْن تَص
»وم َو َز ْوج َها شا ِهد إِل بِإِذنِ ِه ِ ِ ِ
ความว่า “ไม่อนุญาตให้ ภรรยาถือศีลอดในขณะที่สามีของนางอยู่
บ้ า น ไม่ ไ ด้ เดิ น ทาง นอกจากด้ ว ยการอนุ ญ าตของเขาเท่ า นัน้ ”
(บันทึกโดยอัล-บุคอรี ย์ : 5192 และมุสลิม :2367)
และในบางสายรายงานของอะห์ มัด และอบู ดาวูด ที่ ว่า
“นอกจากเดือนเราะมะฎอน” ถ้ าสามีได้ อนุญ าตให้ ถือศีลอดภาค
สมัครใจ หรื อสามีไม่ได้ อยู่กบั เธอ หรื อเธอไม่มีสามี ก็ส่งเสริ มให้ เธอ
94
บทที่ 8
บัญญัตวิ ่ ำด้ วยกำรประกอบพิธีหจั ญ์ และ
อุมเรำะฮฺของผู้หญิง
1. มะห์ ร็อม
เงื่อนไขที่จาเป็ นในการประกอบพิธี หัจญ์ ซึ่งครอบคลุมทัง้
ผู้ชายและผู้หญิ งมีหลายประการ คือ เป็ นมุสลิม มีสติสมั ปชัญญะ
เป็ นไท (มิใช่ทาส) บรรลุศาสนภาวะ มีความสามารถในค่าใช้ จา่ ย
ส่วนเงื่อนไขที่จาเป็ นสาหรับผู้หญิงเป็ นการเฉพาะ คือ ต้ อง
มีมะห์ร็อมเดินทางไปประกอบพิธี หัจญ์ พร้ อมกับเธอ คือสามี หรื อ
97
2. ได้ รับอนุญำตจำกสำมี
99
3. กำรทำหัจญ์ และอุมเรำะฮฺแทนผู้ชำย
สตรี ส ามารถท าหัจ ญ์ และอุม เราะฮฺ แทนผู้ช ายได้ ชัย คุล
อิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺ ได้ กล่าวไว้ ในตาราของท่านว่า “อนุญาตให้
ผู้หญิงทาหัจญ์ แทนผู้หญิงได้ โดยมติเอกฉันท์ของปวงปราชญ์ ไม่ว่า
จะเป็ นลูกสาวของเธอหรื อไม่ก็ตามแต่ และเช่นเดียวกันอนุญาตให้
ผู้ห ญิ ง ท าหัจ ญ์ แ ทนผู้ช ายได้ ตามทัศ นะของอิ ม ามทัง้ สี่ แ ละผู้ร้ ู
ส่วนมาก ดังที่ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ สั่งให้
หญิงเผ่าค็อซอัมคนหนึง่ ทาหัจญ์ แทนบิดาของเธอ เมื่อตอนที่เธอได้
กล่าวว่า “โอ้ ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ แท้ จริ งบทบัญญัติที่ให้ ปวง
บ่าวของอัลลอฮฺประกอบพิธีหจั ญ์ ได้ มาถึงบิดาของฉัน ขณะที่เขามี
100
4. เลือดประจำเดือนและเลือดหลังกำรคลอด
เมื่ อ สตรี เ กิ ด มี ป ระจ าเดื อ นหรื อ เลื อ ดหลั ง การคลอด
ในขณะที่ เธออยู่ใ นพิ ธี หัจ ญ์ ก็ ให้ ด าเนิ น ต่อ ไป ถ้ าหากสิ่ ง นัน้ ได้
เกิดขึ ้นตอนที่จะเข้ าพิธีหจั ญ์ หรื ออุมเราะฮฺ ก็ให้ เธอเข้ าพิธี (อิห์รอม)
เหมื อ นกับ สตรี ค นอื่ น ๆ เนื่ อ งจากการเข้ า พิ ธี นัน้ ไม่ มี เงื่ อ นไขว่ า
จะต้ องมีความสะอาด
อิบนุ กุดามะฮฺ ได้ กล่าวไว้ ในตาราของท่าน (อัล-มุฆนีย์ : 3/
293-294) “สรุ ปจากที่ได้ กล่าวมานัน้ แท้ จริ งการอาบนา้ ชาระล้ าง
ร่ างกายสาหรับผู้หญิ งขณะเข้ าพิธีนัน้ เป็ นสิ่ งที่ ส่งเสริ ม ให้ ปฏิ บัติ
เช่นเดียวกับผู้ชาย เพราะเป็ นพิธีกรรมชนิดหนึ่ง และสาหรับผู้ที่มี
ประจาเดือนและเลือดหลังคลอด ก็เน้ น ย ้าเป็ นอย่างยิ่ง เนื่องจากมี
รายงานจาก ญาบิรฺ เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮุ กล่าวว่า
َ ْ َ َ ْ َ َ ْ َ َ َ ْ َ َّ َ ْ ْ َ ْ َ َ َ َ ْ ََْ
ت إَِل َح ََّت أتينَا ذا احلليْف ِة ف َو َدلت أ ْس َماء بِنت ع َميس ُممد بن أ ِِب بكر فأرسل
َ َْ ْ َ َْ َ َ َ َ َ َّ َ َّ َّ َّ
استث ِف ِري بِث ْوب «اغت ِس ِل و: قال، اَّلل َصَل اَّلل َعليْ ِه َو َسل َم كيْف أ ْصنَع ؟
ِ ول ِ رس
َ
ْ َ
»َوأح ِر ِِّم
ความว่า จนกระทัง่ พวกเราได้ มาถึงซุล หุลยั ฟะฮฺ แล้ วอัสมาอ์ บินตุ
อุมยั สฺ ได้ คลอดบุตรชื่อมุหมั มัด อิบนุ อบี บักรฺ แล้ วเธอได้ ส่งคนไป
101
َ ََ َ َ َ َ َ َ َّ َ َّ َّ َّ َ َ َ َ َّ
« َو َما: ف َو َج َدها تبْ ِِك فقال، اَّلل َصَل اَّلل َعليْ ِه َو َسل َم َلَع َاعئِشة ِ ثم دخل رسول
ْ َ ْ انلاس َول َ ْم أ ْحل ْل َول َ ْم أَط ْف ب
َّ ضت َوقَ ْد َح َّل ْ ْ َ ِّ َ ْ َ ْ َ َ َ ْ َ
ت ِ اْلي ِ ِ حِ د ق ِّن أ ِّن
ِ أ ش : ت القف »؟ ك
ِ ن شأ
َْ َ َ َ َ
َ َ َ َّ َ َ ْ َ َّ َ َ َ َ َ َ َ ْ
ات آدم فاغت ِس ِل َّ َو
ِ « ِإن هذا أمر كتبه اَّلل لَع بن: فقال،انلاس يذهبون ِإَل احلج اْلن
َ َّ َ ْ َ ْ ْ َ َ ْ َ َ َ َّ َ َ َ َ ْ َ َ ْ َ َ َ َ ِّ ْ ِّ َ َّ
الصفا ِت وبِ ت المواقِف حَت إِذا طهرت طافت بِاْلي ِ ففعلت َو َوقف،»ثم أ ِهل بِاحلَج
ً جك َوع ْم َرتك َمج ِّ َ ْ ْ َ َ ْ َ َ َ َّ ْ َْ
»يعا ِ ِ ِ ِ ت ِمن ح ِ «قد حلل: َوالمر َو ِة ثم قال
ความว่า หลังจากนันท่ ้ านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็
เข้ ามาหาท่านหญิ งอาอิชะฮฺ แล้ วพบว่าเธอกาลังร้ องไห้ ท่านเราะ
สูลจึงถามว่า “เป็ นอะไรหรื อ?” แล้ วเธอก็ตอบว่า ฉันมีประจาเดือน
ในขณะที่ผ้ คู นได้ ปลดเปลื ้องจากการทาอุมเราะฮฺแล้ ว แต่ฉนั ยังมิได้
ปลดเปลือ้ ง และยังมิได้ เวียนรอบบัยตุลลอฮฺ เลย และขณะนีผ้ ้ ูคน
ต่างเข้ าสู่พิธี หัจ ญ์ กันแล้ ว ท่านเราะสูล กล่าวว่า “แท้ จริ งนี่ เป็ นสิ่ง
ที่อลั ลอฮฺได้ ลิขิตแก่ลกู สาวของอาดัม ดังนันจงอาบน
้ ้า แล้ วเข้ าสู่พิธี
หัจญ์ เสีย” แล้ วเธอก็ได้ กระทา และได้ ไปตามจุดต่างๆ ของภารกิจ
หัจญ์ จนกระทัง่ เมื่อเธอสะอาดแล้ ว เธอได้ เวียนรอบบัยตุลลอฮฺ ภู
เขาเศาะฟาและมัรวะฮฺ จากนัน้ ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ
วะสัล ลัม กล่าวแก่เธอว่า “แท้ จ ริ งเธอได้ ป ลดเปลื อ้ งทัง้ จากหัจ ญ์
และอุมเราะฮฺ ด้วยแล้ ว” (บันทึกโดยอัล-บุคอรี ย์ : 305 และมุสลิม :
2929)
อิบนุล ก็อยยิม ปราชญ์อาวุโสกล่าวไว้ ในหนังสือ (ตะฮฺซีบสุ
สุนนั : 2/303) “หะดีษต่างๆ ซึ่งเป็ นที่เชื่อถือได้ บ่งชี อ้ ย่างชัดเจนว่า
ท่านหญิ งอาอิชะฮฺ ได้ ประกอบพิธีอุม เราะฮฺก่อน จากนัน้ เมื่อเธอมี
ประจาเดือน ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ สงั่ ให้ เธอ
104
8. กำรกล่ ำวตัลบียะฮฺ
หลังจากเข้ าพิธีแล้ ว ส่งเสริมให้ กล่าวคาตัลบียะฮฺ ด้วยเสียง
ที่ตวั เองได้ ยิน อิบนุ อับดิลบัรฺ กล่าวไว้ ว่า “ปวงปราชญ์มีมติเป็ นเอก
ฉันท์วา่ แท้ จริงแบบอย่างสาหรับสตรี ในการกล่าวคาตัลบียะฮฺ คือจะ
ไม่ส่ง เสี ยงดัง และให้ เธอออกเสี ย งเท่าที่ เธอได้ ยิ น ไม่ส่งเสริ ม ให้
กล่าวเสี ยงดัง เนื่ องจากกลัวว่าจะเกิ ด ความเสี ย หาย และความ
เดือดร้ อนแก่เธอ และด้ วยเหตุนี ้เองการอาซานและการอิกอมะฮฺ จึง
ไม่มีแบบอย่างให้ ปฏิบตั ิสาหรับสตรี ส่วนแนวปฏิบตั ิสาหรับสตรี ใน
การเตือนอิมามในขณะละหมาดนัน้ คือการตบมือ ไม่ใช่การกล่าว
ซุบหานัลลอฮฺ” (อัล-มุฆนีย์ : 2/330-331)
9. หลักปฏิบัติในกำรเฏำะวำฟเวียนรอบบัยตุลลอฮฺ
109
และในสายรายงานของมุสลิม กล่าวว่า
ََْ ْ َ ْ ري أَ ْن َل َتطوِف ب
َ ْ اج َغ ْ
ُ َ احل َْ ْ َ
»ت َح ََّت تغت ِس ِل
ِ اْلي ِ ِ «فاق ِِض َما يق ِِض
ความว่า “จงปฏิบตั ิเยี่ยงผู้ประกอบพิธีหจั ญ์ เพียงแต่เธอจะต้ องไม่
เวียนรอบบัยตุลลอฮฺจนกว่าจะได้ อาบน ้าชาระล้ างร่างกาย” (บันทึก
โดยมุสลิม : 2910)
13. กำรตัดผมของสตรี
สตรี จ ะตั ด ผมของเธอในการประกอบพิ ธี หั จ ญ์ และ
อุม เราะฮฺ โดยตัดส่วนปลายของเส้ นผมปริ ม าณข้ อนิ ว้ มื อ ส่วนบน
และไม่อนุญาตให้ โกนศีรษะ
อิบนุ กุดามะฮฺ กล่าวใน (อัล-มุฆนีย์ : 5/310) ว่า “และสิ่งที่
ถูก บัญ ญั ติแ ก่ ส ตรี นัน้ คื อการตัด ผม ไม่ใช่การโกน ซึ่ง ไม่มี ค วาม
ขัดแย้ งอันใดในเรื่ องดังกล่าว อิบนุล มุนซิร กล่าวว่า “ปวงปราชญ์ มี
มติเป็ นเอกฉันท์ ในเรื่ องนี ้ เนื่องจากการโกนศี รษะส าหรับสตรี นัน้
เป็ นการทาให้ เสียโฉม” มี หะดีษจาก อิบนุ อับบาส เราะฎิ ยัลลอฮุ
อันฮุ ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
118
ْ َّ ِّ َ َّ ْ ِّ َ َْ
»اتلق ِصري «لي َس َلَع الن َسا ِء َحلق ِإن َما َلَع الن َسا ِء
ความว่า “ไม่มีการโกนศีรษะสาหรับบรรดาสตรี แท้ จริงสาหรับพวก
เธอคือมีการตัดเท่านัน”
้ (บันทึกโดยอบู ดาวูด : 1984)
15. มีประจำเดือนหลังจำกเฏำะวำฟอิฟำเฎำะฮฺ
เมื่อสตรี มี ประจาเดือนหลังจากเฏาะวาฟอิฟาเฎาะฮฺ แล้ ว
เธอสามารถเดินทางเมื่อไหร่ก็ได้ ตามความประสงค์ และเธอไม่ต้อง
เฏาะวาฟอาลา(วะดาอฺ )อี กต่อ ไป เนื่ องจากหะดีษ ของท่านหญิ ง
อาอิชะฮฺ เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮา กล่าวว่า
َ َ ْ َ َ َ ْ َ َ َ َّ َ َ ْ َ َ َّ َّ َ ِّ َّ َ ْ َ َ َّ َ َّ َ ْ َ َ ي
َ ِك ل
ول
ِ سر ِ أن ص ِفية بِنت حي زوج انل ِب صَل اَّلل علي ِه وسلم حاضت فذكرت ذل
َ َ َ َ ْ َ َ َ ْ َ َ َّ َ
َ ِ «أ َحاب َستنَا:اَّلل َعلَيْ ِه َو َسلَّ َم َف َق َال
َّ َّ َ َّ
«فال: قلت ِإنها قد أفاضت قال،»يه ؟ ِ اَّلل صَل
ِ
ْ َ
»ِإذن
ความว่า เศาะฟี ยะฮฺ บิ น ตุ หุยัย ได้ มี ป ระจ าเดื อนหลัง จากเฏาะ
วาฟอิ ฟ าเฎาะฮฺ แ ล้ ว ฉั น จึ ง บอกเรื่ อ งดัง กล่ า วแก่ ท่ า นเราะสู ล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แล้ วท่านเราะสูลก็กล่าวว่า “เธอจะมา
120
ความว่า “ผู้คนทังหลายถู
้ กใช้ ให้ ทาภารกิจสุดท้ ายพวกของเขาด้ วย
การเฏาะวาฟบั ย ตุ ล ลอฮฺ เพี ย งแต่ ถู ก ผ่ อ นปรนให้ แก่ ส ตรี ที่ มี
ประจาเดือน” (บันทึกโดยอัล-บุคอรี ย์ :1755 และมุสลิม : 3207)
16. กำรเยือนมัสญิดนะบะวีย์
ส่งเสริ ม ให้ สตรี ไปเยือนมัสญิ ดนะบะวีย์ ณ นครมะดีนะฮฺ
เพื่อละหมาดและทาการเคารพภักดีต่างๆ (ไปพร้ อมกับ มะห์ร็อม)
แต่ไม่อนุญาตให้ เยี่ยมสุสานของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ
วะสัลลัม เนื่องจากเธอถูกห้ ามจากการเยี่ยมสุสาน
ชัยค์มุหัม มัด บิน อิบรอฮี ม อาล อัช -ชัยค์ ผู้ชี ข้ าดปั ญ หา
ศาสนาแห่ ง ประเทศซาอุดิอ าระเบี ย กล่ า วว่า “ความถูก ต้ อ งใน
ประเด็นนี ้คือห้ ามมิให้ สตรี เยี่ยมสุสานของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ
อะลัยฮิวะสัลลัม เนื่องจากเหตุผลสองประการ
หนึ่ ง ความครอบคลุ ม ของหลัก ฐานที่ ห้ าม และเมื่ อ มี
หลักฐานที่ ครอบคลุม แล้ ว ก็ไม่อนุญ าตแก่คนใดมาหาข้ อยกเว้ น
122
บทที่ 9
บัญญัตวิ ่ ำด้ วยกำรเป็ นสำมีภรรยำ และ
กำรสิน้ สภำพ
อัลลอฮฺตรัสว่า
َ َ ُ َّ َ ُ ُ َ ُ َ َ َ َ أ َ
﴿ َو ِم أن َء ا ىيتِه ِٓۦ أ ن خل َق لكم ّ ِم أن أ نفسِك أم أ أز َ ىو جا لِت أسك ُن ٓوا ِإ أّل َها َو َج َعل
َ َ َّ َ َ َ ًََأَ ُ َ َ َ أ
]٢١ : ﴾ [الروم٢١ ۡحة إِن ِف ذىل ِك ٓأَليىت ل ِق أوم َي َتفك ُرون بينكم مودة ور
ความว่า “และส่ ว นหนึ่ ง จากสัญ ญาณต่า งๆ แห่ ง อานุภ าพของ
พระองค์ คือพระองค์ได้ ทรงสร้ างคู่ครองแก่พวกเจ้ า ซึ่งมาจากพวก
เจ้ าเอง เพื่อพวกเจ้ าจะได้ มีความสุขกับพวกเธอ และพระองค์ได้ ทรง
ทาให้ มีขึ ้นระหว่างหมู่พวกเจ้ า ซึ่งความรักและความเมตตา แท้ จริ ง
ในสิ่ ง ดัง กล่ า วนั น้ ย่ อ มเป็ นสัญ ญาณต่ า งๆ ส าหรั บ กลุ่ ม ชนที่
ใคร่ครวญ” (อัร-รูม : 21)
ُ ُ ُ َٓ َ أ َ ِ ُ أ ُ َُ أ َ
ِإَوما ئ ِك أم إِ ن َيكونوا حي مِن عِبا د كمِ ِ م مِنك أم َوٱلصىل ِحوا ٱۡل َ ىي َ ى﴿ َوأ نك
ُ ٱّلل مِن فَ أضلِهِۦ َو
]٣٢ : ﴾ [انلور٣٢ ٱّلل َوىسِع َعل ِيم ُ ُف َق َرا ٓ َء ُي أغنِه ُم
ِ
ความว่า “และจงสมรสให้ แก่ผ้ เู ป็ นโสดจากหมู่พวกเจ้ า และบรรดา
คนดีจากทาสชายและทาสหญิ งของพวกเจ้ า หากพวกเขายากจน
124
- ความร่วมมือระหว่างสามีภรรยาในการสร้ างครอบครัวที่
ดี ซึง่ ครอบครัวที่ดีนนเปรี
ั ้ ยบเสมือนกับอิฐก้ อนหนึง่ ของสังคม
- สามี ท าหน้ าที่ ดู แ ลและปกป้ องภรรยา และภรรยา
ปฏิบตั ิงานภายในบ้ าน และปฏิบตั ิหน้ าที่ของเธอในการใช้ ชีวิต ซึ่ง
ต่างค ากล่าวอ้ างของบรรดาศัตรู ว่าเธอมี ส่วนร่ วมกั บ สามี ในการ
ทางานนอกบ้ าน พวกเขาจึงนาเธอออกไปนอกบ้ านของเธอ ถอด
ถอนเธอออกจากหน้ าที่ที่เหมาะสม และมอบหมายงานคนอื่นให้ กบั
เธอ และมอบงานของเธอให้ แ ก่ ค นอื่ น ระบบครอบครั ว จึ ง ขาด
เสถี ย รภาพ และเกิ ด ความไม่ เข้ า ใจกัน ระหว่ า งสามี ภ รรยา ซึ่ ง
บ่อยครัง้ นาสู่การหย่าร้ าง หรื ออยู่ร่วมกันด้ วยความเจ็บปวดและ
ทุกข์ทรมาน (อัล-ฮัดย์ อัน-นะบะวีย์ : 3/149)
ชัย ค์ มุ หัม มัด อัล -อะมี น อัช -ชัน กี ฏี ย์ กล่ า วไว้ ในต ารา
อธิ บายความหมายอัลกุรอาน (อัฎวาอ์ อัล -บะยาน : 3 /422) “พึง
ทราบเถิด –ขออัลลอฮฺโปรดชีน้ าฉันและท่าน เพื่อสิ่งที่ พระองค์รัก
และพอพระฤทัย - แท้ จ ริ ง ปรั ช ญาที่ ค้ า นกับ อิ ส ลาม ซึ่ ง มี ค วาม
ผิดพลาดและล้ ม เหลว ขัดแย้ งกับ ความรู้ สึก สติปัญ ญา ค้ านกับ
โองการของอัลลอฮฺที่มาจากฟากฟ้า และค้ านกับบัญญัติของผู้ทรง
สร้ าง โดยพยายามอ้ างว่าต้ องการให้ มีความเสมอภาคระหว่างสตรี
กับผู้ชาย ในทุกบทบัญญัติและในเวทีตา่ งๆ นัน้ ล้ วนแล้ วทาให้ เกิด
ความเสื่อมเสีย และทาให้ เกิดความบกพร่องในระบบสังคมมนุษย์
ซึง่ ทุกคนสามารถรับรู้ได้ นอกจากคนที่อลั ลอฮฺให้ สติปัญญาของเขา
128
มื ด บอด ทั ง้ นี เ้ นื่ อ งจากอั ล ลอฮฺ ใ ห้ ผู้ หญิ งมี ลั ก ษณะพิ เศษ ซึ่ ง
เหมาะสมที่จะมีสว่ นร่วมในการสร้ างสังคมมนุษย์ –ความเหมาะสม
ที่ไม่มี ใครทาแทนได้ เช่น การตัง้ ครรภ์ การคลอด การให้ นม การ
เลี ้ยงดูลูก การดูแลบ้ าน การทางานภายในบ้ านอันประกอบไปด้ วย
การปรุ งอาหาร การนวดแป้ง การปั ดกวาดบ้ าน และอื่นๆ และงาน
เหล่านี ้ที่ เธอปฏิบตั ิเพื่อสังคมมนุษย์ภายในบ้ านนัน้ มีความมิดชิด
และปกป้องแก่เธอ มีความบริ สทุ ธิ์ผดุ ผ่อง รักษาเกียรติ และคุณค่า
ต่างๆ ของการเป็ นมนุษย์ ซึ่งการปฏิบตั ิงานของเธอนันไม่ ้ น้อยกว่า
การหารายได้ ของผู้ชายเลย
ดังนัน้ คากล่าวอ้ างของบรรดาผู้ปฏิเสธที่โง่เขลาและพวก
พ้ อ งว่า แท้ จ ริ ง สตรี นัน้ มี สิ ท ธิ์ ใ นการท างานนอกบ้ า นเหมื อ นกับ
ผู้ชาย ทังที
้ ่ในเวลาตังครรภ์้ ให้ นมลูกและอยู่ไฟ เธอไม่สามารถที่จะ
ทางานใดซึ่งมีความยากลาบากได้ ซึ่งเป็ นสิ่งที่ประจักษ์ ชดั เมื่อเธอ
และสามี ได้ ออกทางานนอกบ้ าน งานบ้ านทังหมดก็ ้ บกพร่องไม่ว่า
จะเป็ นการดูแลลูกๆ ที่ยงั เล็ก การให้ นมแก่ลกู ที่อยู่ในวัยให้ นม และ
การจัดเตรี ยมอาหารและเครื่ องดื่มแก่สามีเมื่อกลับมาจากทางาน
ถ้ าหากว่าเขาได้ ว่าจ้ างคนหนึ่งคนใดมาทาหน้ าที่แทนเธอ คนนันก็ ้
ย่อมอยู่เฉยๆ ภายในบ้ านร้ าง ซึ่งสตรี ไม่ยอมอยู่กับบ้ าน สุดท้ ายก็
ลงรอยเดิมคือการออกนอกบ้ าน และการปล่อยปละละเลยของสตรี
ทาให้ เกิดการสูญเสียเกียรติและศาสนา”
129
2. สำวพรหมจรรย์ ซ่ งึ บรรลุศำสนภำวะแล้ ว
เธอจะไม่ถูกแต่งงานนอกจากต้ องได้ รับอนุญ าตจากเธอ
เสี ย ก่ อ น และการอนุญ าตของเธอคื อ การนิ่ ง เฉย เนื่ อ งจากท่า น
เราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ กล่าวว่า
ْ َ ْ َ َ َّ َ َ َ َ َ َ ْ َ ْ َّ َ ْ ْ َ ْ َ َ
َ «أَ ْن ت َ ْسك:إذن َها؟ قَال
»ت فكيف، اَّلل
ِ اْلكر حَت تستأذن» قالوا يا رسول
ِ «ول تنكح
ความว่า “และสาวพรหมจรรย์จะไม่ถกู แต่งงานจนกว่า จะมีการขอ
อนุ ญ าตจากเธอ” พวกเขาถามว่ า โอ้ ท่ า นเราะสู ลุ ล ลอฮฺ การ
132
วะลีย์ในกำรแต่ งงำน
จ าเป็ นต้ อ งมี ว ะลี ย์ ห รื อ ผู้ป กครองของฝ่ ายหญิ ง ในการ
แต่งงานและเหตุผลที่ต้องมีผ้ ปู กครอง
การให้ สิทธิ์ แก่สตรี ในการเลือกคู่ครองที่เหมาะสมกับเธอ
นัน้ ไม่ได้ ห มายความว่าปล่อ ยให้ เธอกระทาได้ ตามอาเภอใจ จะ
แต่งงานกับใครตามที่เธอประสงค์ และหากเป็ นเช่นนัน้ ย่อมจะเป็ น
พิ ษ ภัย ต่อ ญาติ แ ละครอบครั ว ของเธอ แต่แ ท้ ที่ จ ริ ง แล้ ว เธอต้ อ ง
อาศัยผู้ปกครอง ซึ่งคอยดูแลการเลือกของเธอ ให้ คาปรึ กษา และ
จัดการแต่งงานแก่เธอ เธอไม่สามารถจะแต่งงานให้ กับตัวเองได้
หากเธอแต่งงานให้ กบั ตัวเอง การแต่งงานนันก็ ้ เป็ นโมฆะ เนื่องจาก
หะดีษจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮา
َ َ َ َ َ ْ َْ ْ َ َ ْ َ َُ
ِ ري إِذ ِن َو ِيلِّها ف ِنَكحها ب
»اطل ِ «أيما ام َرأة ن
ِ كحت بِغ
ความว่า “สตรี คนใดแต่งงานให้ กับตัวเองโดยไม่ได้ รับอนุญาตจาก
ผู้ ปกครองของเธอ การแต่ ง งานของเธอก็ เ ป็ นโมฆะ (3 ครั ง้ )”
(บันทึกโดยอัต-ติรมิซีย์ : 1102 , อบู ดาวูด : 2083 , อิบนุ มาญะฮฺ
: 1879 และอัต-ติรมิซีย์ : 1190 และกล่าวว่าเป็ นหะดีษหะสัน)
กำรตีกลองเพื่อประกำศกำรแต่ งงำน
ส่ง เสริ ม ให้ มี ก ารตี ก ลองของเหล่ า สตรี เพื่ อ ให้ ร้ ู ว่า มี ก าร
แต่งงาน และนัน่ จะปฏิบตั ิกนั ในหมู่ของสตรี เป็ นการเฉพาะโดยไม่มี
ดนตรี อุปกรณ์บนั เทิงต่างๆ และไม่มีการขับร้ องของนักร้ อง และไม่
เป็ นไรในการที่สตรี จะเอาบทกวีมาขับร้ องในโอกาสนี ้ โดยที่ไม่ให้
บรรดาบุรุษได้ ยินท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าว
ว่า
َ َّ ادل ُف َو ْ َ َ َْ َ ْ َ َ ْ َ
»الص ْوت ِيف انلَِّك ِح ُ ِاحل َ َرام«فصل ما بني احلال ِل و
ความว่า “การประกาศให้ ร้ ูว่า ระหว่างชายหญิงคูไ่ หนที่ฮาลาล(ร่วม
ชีวิตเป็ นสามีภรรยากันแล้ ว)หรื อหะรอม(ยังไม่ได้ เป็ นสามีภรรยา) ก็
136
َّ َ َ َّ ْ َ َ َ ْ َ َ َ َ َ َ َ َ ْ َْ َ ْ َ َ ْ َ َّ َ
اَّلي
ِ اشها فتأب علي ِه إِل َكن ِ ما ِمن رجل يدعو امرأته إَِل فِر،ِاَّلي نف ِس بِي ِده
ِ «و
َ ْ َ َ ْ َ َّ َ َ ْ َ َ ً َ َ َّ
»اخطا عليها حَت يرض عنها ِ ِيف السما ِء س
ความว่า “ฉั น ขอสาบานต่ อ ผู้ ที่ ชี วิ ต ของฉั น อยู่ ในพระหัต ถ์ ข อง
พระองค์ ไม่มีสามีคนใดที่เรี ยกภรรยาของเขาไปยังที่นอน แล้ วเธอ
ปฏิ เสธ นอกจากผู้ที่อยู่บนฟากฟ้ าได้ โกรธกริ ว้ เธอ จนกว่าเขาจะ
พอใจต่อเธออีกครัง้ ” (บันทึกโดยมุสลิม : 3525)
และส่วนหนึ่งจากสิทธิ ของสามีที่มีตอ่ ภรรยา คือเธอจะต้ อง
ทาหน้ าที่ดแู ลรักษาบ้ านเรื อนของสามี และจะไม่ออกไปจากบ้ าน
นอกจากจะได้ รับอนุญาตจากเขาเท่านัน้ ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ
อะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
َ َ ْ« َوال ْ َم ْرأَة يف َبي
»يه َم ْسئولة ع ْن َر ِعيَّ ِت َها
َ ِ ت َز ْوج َها َرا ِعيَة َو
ِ ِ ِ
ความว่า “และภรรยานัน้ เป็ นผู้ดแู ลอยู่ในบ้ านของสามี และเธอจะ
ถูก สอบสวนจากหน้ า ที่ ข องเธอ” (บัน ทึ ก โดยอัล -บุค อรี ย์ : 5200,
มุสลิม: 4701, อบู ดาวูด: 2928 และอัตติรมิซีย์: 1705)
และส่วนหนึ่งจากสิทธิของสามีที่มีตอ่ ภรรยาคือเธอจะต้ อง
ทางานบ้ าน และไม่ทาให้ สามีต้องหาคนใช้ ที่เป็ นสตรี ซึ่งทาให้ สามี
ต้ องลาบากใจ เขาและลูกๆ อาจจะได้ รับอันตรายเพราะคนใช้
139
ٓ ّ ََ َ َ ُ ّ
]٣٤ : ٱلر َجال قو ى ُمون َع ٱلن َِساءِ﴾ [النساء
ِ ﴿
ความว่า “และบรรดาสามีเป็ นผู้ดแู ลรักษาภรรยา” (อัน-นิสาอ์ : 34)
140
และอัลลอฮฺตรัสว่า
َُ َ َ َٓ َ َأ َ َ ٓ ّ َ ُّ َ أ
٢٢٦ ٱّلل غفور رحِيم ِين يُؤلون مِن ن َِسائ ِ ِه أم ت َرب ُص أ أر َب َعةِ أش ُهر فإِن فا ُءو فإِن ﴿ ل ِذل
َ َ َ َ
َ ِإَون ع َز ُموا ٱلطل ى َق فإن أ
]٢٢٧ ،٢٢٦ : ﴾ [اْلقرة٢٢٧ ٱّلل َس ِميع عل ِيم ِ
ความว่า “ส าหรั บ ผู้ที่ ส าบานว่า พวกเขาจะไม่ มี เพศสัม พัน ธ์ กับ
ภรรยานัน้ ให้ มีการรอคอยสี่เดือน ถ้ าหากพวกเขากลับมาคืนดี (ใน
เวลาดังกล่าว) แน่นอนอัลลอฮฺเป็ นผู้ทรงอภัยโทษ ทรงเมตตาเสมอ
144
อิดดะฮฺมี 4 ประเภท
145
َََُ َ أ ُ َ َ ُ ٓ ّ أ
يض مِ ن ن َِسا ِئك أم ِإ ِن ٱ أر ت أب ُت أم فعِد ت ُهن ثل ىثة أش ُهرِ ح
أ
ِ ﴿ َوٱ َٰٓلـِي َيئِس َن مِ َن ٱل َم
َ َٰٓ َ َ أ
]٤ : ٱل ِـي ل أم َيِض َن ﴾ [الطالق و
ความว่ า “และบรรดาภรรยาของพวกเจ้ าที่ ห มดหวัง ในการมี
ประจาเดือนแล้ ว และบรรดาผู้ที่ยังไม่มีประจาเดือน หากพวกเจ้ า
สงสัยอิดดะฮฺของพวกเธอ อิดดะฮฺของพวกนางคือสามเดือน” (อัฏ-
เฏาะลาก : 4)
1. กำรสู่ขอเพื่อแต่ งงำน
1.1 สตรี ท่ ีอยู่ในอิดดะฮซึ่งมี สิทธิ์คืนดีได้ (คือการหย่า
หนึ่งหรื อสองครัง้ สาหรับภรรยาที่ได้ มีเพศสัมพันธ์กนั แล้ ว) ห้ ามมิให้
สู่ ข อเพื่ อ แต่ ง งานโดยส านวนชั ด ถ้ อยชั ด ค าหรื อ ค าที่ เป็ นนั ย
เนื่องจากเธอยังคงเป็ นภรรยา ดังนัน้ จึงไม่อนุญาตแก่คนใดที่จะสู่
ขอเธอเพื่อแต่งงาน เพราะเธอยังอยูใ่ นการครอบครองของสามี
1.2 สตรี ท่ ีอยู่ในอิดดะฮฺซ่ ึงไม่ มีสิทธิ์คืนดี (เช่ นหย่ ำ 3
ครัง้ หรือเสียชีวิต)
ห้ ามมิให้ ส่ขู อโดยสานวนที่ชดั เจน แต่อนุญาตให้ ใช้ สานวน
ที่เป็ นนัย เนื่องจากอัลลอฮฺตรัสว่า
ٓ ّ أ ُ ََ ُ َ َ َ َأ
]٢٣٥ :ِيما َعرض ُتم بِهِۦ م أِن خ أِط َبةِ ٱلن َِساءِ﴾ [اْلقرة
َ ك أم ف ﴿ ول جناح علي
ความว่ า “และไม่ มี บ าปใดอัน แก่ พ วกเจ้ า ในการสู่ข อหญิ ง ด้ ว ย
ถ้ อยคาที่เป็ นนัย(สาหรับหญิงที่อยู่ในอิดดะฮฺที่สามีเสียชีวิต หรื ออิด
ดะฮฺที่สามีหย่า 3 ครัง้ )” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 235)
และสานวนที่ชดั เจน คือการแสดงเจตจานงในการแต่งงาน
กับเธอ เช่นคาว่า “ฉันต้ องการจะแต่งงานกับเธอ” เพราะบางทีเธอ
อาจจะบอกว่าหมดอิด ดะฮฺแล้ ว ทัง้ ที่ ในความเป็ นจริ งยังไม่หมด
เพราะเธอต้ องการแต่งงาน ซึ่งต่างกับสานวนที่เป็ นนัย เนื่องจาก
ไม่ได้ บอกอย่างชัดเจนว่าจะแต่งงานกับเธอ ดังนัน้ สิ่งที่เป็ นข้ อห้ าม
ก็จ ะไม่ตามมา และเนื่ องจากตามความเข้ า ใจจากโองการนี ้ (ใน
โองการนี อ้ นุญ าตให้ ใช้ ส านวนที่ เป็ นนัย ดัง นัน้ เข้ าใจได้ ว่าห้ า ม
สานวนที่ชดั เจน)
148
เกร็ดควำมรู้ 2 ประกำร
149
สอง สตรี ที่ ถูก หย่า ก่ อ นที่ จ ะมี เพศสัม พัน ธ์ แต่ ไ ด้ มี ก าร
กาหนดสินสมรสหรื อมะฮัรฺแก่เธอแล้ วเธอมีสิทธิ์ได้ รับครึ่งหนึ่ง และ
สตรี ใดที่ไม่ได้ มีการกาหนดสินสมรสให้ แก่เธอ เธอมีสิทธิ์ ได้ รับของ
ปลอบใจ ด้ วยสิ่ งที่ ส ามี หาได้ อย่างสะดวก เช่น เครื่ องนุ่งห่ม และ
อื่นๆ
และสตรี ที่ถูกหย่าหลังจากมี เพศสัม พัน ธ์ แล้ ว เธอมี สิ ท ธิ์
ได้ รับสินสมรสทังหมด
้ อัลลอฮฺตรัสว่า
150
َ َ َ ُ ُ َ َأ َ َ ٓ ّ أ ُ َ َ َ ُ
اح َعل أيك أم إِ ن َطلق ُت ُم ٱلن َِسا َء َما ل أم ت َمسوهن أ أو تف ِرضوا ل ُهن ف ِر يضة ﴿ ل جن
َ َ ًّ َ أ َ َ ُأ أ َ َ َ ُُ َ َ أ َ َ ُ ُّ َ َ
ُّت ق َد ُر ُه ۥ َمتى َعا بِٱل َم أع ُر و ِف حقا َع ُ
ِ ِ ومت ِعوهن َع ٱلموسِعِ قد ره ۥ و َع ٱلمق
َ َ َ َ َ أ ُ َ َ َ ُ أ َ ٱلأ ُم أحسِ ن
ِإَون َطلق ُت ُموهن مِن ق أب ِل أ ن ت َمسوهن َوق أد ف َرض ُت أم ل ُهن فرِ يضة٢٣٦ ِي
َ أ ُ َ
]٢٣٧-٢٣٦ :فن أِصف َما ف َرض ُت أم﴾ [اْلقرة
ความว่า “ไม่มีบาปอันใดสาหรับพวกเจ้ า หากพวกเจ้ าได้ หย่าสตรี
ตราบใดที่ ยัง ไม่ มี เ พศสัม พั น ธ์ กั บ พวกเธอ หรื อ ยัง มิ ไ ด้ ก าหนด
สินสมรสให้ แก่พวกเธอ และพวกเจ้ าจงมอบสิ่งปลอบใจให้ แก่พวก
เธอ ใครที่ มั่งมี ก็ให้ ตามความสามารถของเขา และผู้ยากจนก็ ให้
ตามความสามารถของเขา เป็ นการมอบให้ โดยชอบธรรม เป็ น
หน้ าที่ของคนมีคณ ุ ธรรมทังหลาย
้ และหากพวกเจ้ าได้ หย่าก่อนที่จะ
มีเพศสัมพันธ์กับพวกเธอ ในขณะที่พวกเจ้ าได้ กาหนดสินสมรสแก่
พวกเธอแล้ ว ดังนัน้ จงจ่ายครึ่ ง หนึ่ง ของสิ่ ง ที่ พ วกเจ้ าได้ กาหนด”
(อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 236-237)
หมายความว่าไม่มีบาปอันใดสาหรับพวกเจ้ าในการหย่า
ภรรยาก่อนที่จะมี เพศสัมพันธ์ และก่อนกาหนดสินสมรส ถึงแม้ ใน
การกระทาดังกล่าวเป็ นการสร้ างความเจ็บปวดแก่เธอก็ตาม แท้ จริ ง
แล้ ว ควรจะทดแทนด้ วยสิ่ งปลอบใจ และนั่น ก็ คือตามสภาพของ
สามี ขัดสนหรื อมัง่ มี ก็ให้ ปฏิบตั ิกันตามจารี ต หลังจากนัน้ อัลลอฮฺ
ได้ กล่ า วถึ ง ภรรยาที่ มี ก ารก าหนดสิ น สมรสแก่ เธอแล้ ว โดยที่
พระองค์ทรงสัง่ ใช้ ให้ สามีมอบครึ่งหนึง่ ของสินสมรสให้ แก่เธอ
151
บทที่ 10
ว่ ำด้ วยกำรรักษำเกียรติและควำม
บริสุทธิ์ของสตรี
กระท าที่ เป็ นบาปใหญ่ สมควรที่ ผ้ ูก ระท าทัง้ สองต้ อ งได้ รั บ การ
ลงโทษเพื่อเป็ นการอบรมสัง่ สอน
อิบนุ กุดามะฮฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า “เมื่อผู้หญิงสอง
คนท าการถู ไ ถกั น เธอทั ง้ สองก็ ผิ ด ประเวณี ซึ่ ง จะถู ก สาปแช่ ง
เนื่ อ งจากมี ก ารรายงานจากท่ า นเราะสู ล ศ็ อ ลลัล ลอฮุอ ะลัย ฮิ
วะสัลลัม กล่าวว่า
»انََ َ َ َ ََْ َْ َْ َْ ْ ََ َ
ِ فهما زانِيت، «إذا أتت المرأة المرأة
ความว่า “เมื่อผู้หญิ งสมสู่กับผู้หญิ งด้ วยกัน เธอทัง้ สองก็เป็ นผู้ผิด
ประเวณี ” ทัง้ สองจะต้ องถูก ตะอฺ ซี รฺ(โทษตามการพิ จ ารณาของผู้
พิพ ากษา) เนื่องจากเป็ นการผิ ดประเวณี ที่ไม่ มี โทษถูกกาหนดไว้
เป็ นการเฉพาะ” (อิบนุ กุดามะฮฺ : 8/198)
จงหลี ก เลี่ ย งการกระท าที่ น่ ารั ง เกี ย จเช่น นี เ้ ถิ ด โอ้ สตรี ผ้ ู
ศรัทธา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาหญิงสาว
ส่วนการลดสายตานัน้ อิบ นุล ก็ อยยิม เราะหิ ม ะฮุล ลอฮฺ
กล่าวว่า “การจ้ องมองนัน้ จะเป็ นปั จจัยนาไปสู่ความใคร่ การยับยัง้
สายตาจากการมองเป็ นแก่นของการรักษาอวัยวะเพศ ดังนัน้ ผู้ใด
ปล่อยสายตาของเขา เขาย่อมนาตัวของเขาเองสู่ความหายนะ และ
แท้ จริ ง ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ กล่าวว่า “โอ้
อะลีย์ เอ๋ย ท่านอย่าได้ มองซ ้า เพราะแท้ จริ งแล้ ว สิทธิของท่านคือ
การมองครัง้ ที่หนึ่งเท่านัน”
้ ซึง่ หมายถึง การมองอย่างกะทันหันโดย
ไม่ตงใจ
ั ้ และในอัล -มุสนัดของอะห์ มัด ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ
157
กันเป็
้ นอุปสรรคไม่ให้ อลั กุรอานทะลุเข้ าไปในหัวใจ และทาให้ หวั ใจ
จมปลักอยู่กบั การฝ่ าฝื น และอบายมุขต่างๆ ดนตรี เป็ นบทสวดของ
ชัยฏอนมารร้ าย เป็ นกาแพงกัน้ ระหว่างมนุษย์กับอัลลอฮฺ เป็ นเวท
มนต์ กล่อมเป่ านาไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ ร ะหว่างชายกับชายและ
การผิดประเวณี กบั ต่างเพศ ด้ วยเสียงเพลงนี ้ ผู้มีความใคร่อนั ชัว่ ช้ า
จะได้ สมหวังกับคนที่เขาหลงใหล ... ส่วนการฟั งเพลงจากสตรี หรื อ
ชายหนุ่มรู ปหล่อนัน้ เป็ นบาปที่ใหญ่ ยิ่ง และทาให้ เกิ ดความเสื่อม
เสียในศาสนาเป็ นอย่างมาก... และไม่มีข้อกังขาเลยว่า แท้ จริ ง ทุก
คนที่มีความหึงหวงนัน้ เขาจะให้ ครอบครัวของเขาห่างไกลจากการ
ฟั งเพลงเหมือนกับที่ต้องการให้ พวกเธอออกห่างสาเหตุตา่ งๆ ที่น่า
ระแวง ... และเป็ นที่ทราบกันดีว่า แท้ จริ งเมื่อผู้ชายเข้ าหาสตรี ด้วย
ความยากลาบาก เขาก็จะพยายามให้ เธอได้ รับฟั งเสียงเพลง เพื่อ
ว่าเธอนัน้ จะได้ ใจอ่อน ทัง้ นี เ้ นื่องจากสตรี จ ะมี ความรู้ สึกต่อเสี ยง
ต่างๆ อย่างรวดเร็ ว ดังนัน้ เมื่ อเสียงนัน้ เป็ นเสี ยงเพลง ความรู้ สึก
ของเธอก็จะเกิดขึ ้นด้ วยสองทางด้ วยกัน กล่าวคือทางด้ านเสียงและ
ด้ านความหมายของมัน ... เมื่ อเสียงเพลงถูกประกอบด้ วยกลอง
ความเป็ นสาว และการเต้ นราอย่างอ่อนช้ อย แล้ วหากสตรี นัน้ ได้
ตังครรภ์
้ เพราะเพลง แน่นอน เธอย่อมตังครรภ์ ้ ด้วยเสียงเพลงเช่นนี ้
ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ มากต่อมากแล้ วที่สตรี ต้องเป็ นโสเภณี เพราะ
เสียงเพลง”
159
เยี่ ย มเยี ย น และอื่ น ๆ นอกจากจะต้ อ งมี ม ะห์ ร็อ มเท่ า นัน้ ” (อัล -
มัจญ์มอู ฺ : 8/249)
ดั ง นั น้ ผู้ ที่ ป ล่ อ ยให้ สตรี ใ นสมั ย นี เ้ ดิ น ทางโดยที่ ไ ม่ มี
มะห์ร็อมเดินทางไปด้ วยนัน้ ไม่มีผ้ ูร้ ู คนใดที่ ได้ รับการยอมรับและ
เชื่อถือ มีความเห็นสอดคล้ องกับคนเหล่านัน้
ส่วนคาพูดของพวกเขาที่ว่า “แท้ จริงมะห์ร็อมของเธอจะให้
เธอโดยสารเครื่ องบินไป หลังจากนันจะมี ้ มะห์ร็อมอีกคนมาต้ อนรับ
เมื่อถึงปลายทาง เพราะว่าเครื่ องบิน นันมี ้ ความปลอดภัย ตามการ
อ้ างของพวกเขาอันเนื่องจากมี ผ้ โู ดยสารชายและหญิ งเป็ นจานวน
มาก” เราก็ จ ะตอบแก่พ วกเขาว่า “มิ ได้ เป็ นเช่น นัน้ เครื่ องบิน นัน้
อันตรายที่สดุ เพราะว่าผู้โดยสารจะปะปนกัน เธออาจจะนัง่ อยู่ใกล้
กับผู้ชาย และบางทีอาจจะมีเหตุการณ์ ทาให้ เครื่ องบินต้ องเปลี่ยน
ทิศทางบินไปทางสนามบินอื่น ดังนัน้ ก็จะไม่มีคนที่มาต้ อนรับเธอ
ท้ ายสุดเธอก็จะต้ องตกอยูใ่ นภาวะอันตราย และจะเป็ นอย่างไร เมื่อ
สตรี อยูใ่ นประเทศที่เธอไม่ร้ ูจกั และไม่มีมะห์ร็อม”
4. ห้ ำมชำยหญิงอยู่กันตำมลำพัง
และแนวทางหนึ่งที่จะรักษาอวัยวะเพศคือห้ ามมิให้ สตรี อยู่
ตามลาพังกับชายที่ไม่ใช่มะห์ร็อมของเธอ ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ
อะลัยฮิวะสัลลัม ได้ กล่าวไว้ วา่
َّ َ ْ َْ ْ َ َ ْ َّ ْ َ َ ْ َّ ْ َ َ ْ َ
اْلخ ِر فال َيلون بِام َرأة لي َس َم َع َها ذو ُم َرم ِمن َها ف ِإن
ِ ِاَّلل َوايلَ ْوم
ِ ِ«من َكن يؤ ِمن ب
َّ َ
»ث ِاثلْه َما الشيْ َطان
163
َ أ َ َ ّ ُ َ أ َ َ َ ُ أ
ٱّلل َوٱ َّل أو َم ٱٓأۡلخِ َر ٱّلل أ أس َوة َح َس َنة ل َِمن َك ن َي أر ُجوا
ِ ول ُ َ
ِ ﴿ لقد َك ن لكم ِف رس
َ َ ََ َ َ
]٢١ : ﴾ [األحزاب٢١ ٱّلل كث ِّيا وذكر
ความว่า “โดยแน่นอนในเราะสูลของอัลลอฮฺมีแบบอย่างอันดีงาม
สาหรับพวกเจ้ าแล้ ว” (อัล-อะห์ซาบ : 21)
ดังนัน้ เราจะต้ องไม่จบั มือกับสตรี เพื่อเป็ นการดาเนินตาม
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และหะดีษดังกล่าวเราได้
นาเสนอมาแล้ วในการอธิบายอัลกุรอาน ซูเราะฮฺ อัล-หัจญ์ ในเรื่ อง
ที่ว่าด้ วยการห้ ามไม่ให้ ผ้ ชู ายสวมใส่เสื ้อผ้ าที่ย้อมสีเหลือง ทุกกรณี
ในพิ ธี ก รรมหัจ ญ์ หรื อ อุ ม เราะฮฺ และอื่ น ๆ และในซู เราะฮฺ อัล -
อะห์ซาบเกี่ยวกับเรื่ องหิญาบ
และการที่ทา่ นเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่จบั
มือกับบรรดาสตรี ในขณะที่ทาสัตยาบันนัน้ เป็ นหลักฐานที่ชดั แจ้ ง
ว่าผู้ช ายนัน้ จะไม่จับ มื อ กับ ผู้ห ญิ ง และร่ างกายของเขาจะไม่ไ ป
สัมผัสกับร่ างกายของเธอ เพราะว่า การจับมือเป็ นการสัมผัสที่เบา
ที่สุดจากประเภทของการสัมผัส ดังนัน้ เมื่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ
อะลัยฮิวะสัลลัม ไม่จบั มือในเวลาที่มีความจาเป็ น นัน่ ก็คือเวลาการ
ทาสัตยาบัน ก็บ่งบอกการจับมือไม่เป็ นที่อนุญาต และไม่ อนุญาต
ให้ คนหนึ่งคนใดขัดแย้ งกับท่าน เพราะท่านเป็ นผู้วางบทบัญ ญั ติ
ให้ แก่ป ระชาชาติของท่าน โดยคาพูด การกระทาต่างๆ และการ
ยอมรับของท่าน
171
บทส่ งท้ ำย
โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาทัง้ หลาย ฉันขอเตือนพวกท่านให้ ราลึก
ถึงคาสัง่ ของอัลลอฮฺ ในคาตรัสของพระองค์ที่วา่
172