Professional Documents
Culture Documents
ลักษณะคำประพันธ์
- แต่งเป็นร้อยแก้วและโคลงสี่สุภำพซึ่งมีบทนำ 1 บท เนื้อเรื่อง 16 บท และบทสรุป 1 บท
เอก I
ก้
7
........................ I I
ก้
โท
I I
4
........................
I
ก้ I
ก้
เนือ้ หา
- ในพระรำชนิพนธ์นี้ “ไตรยำงค์” หมำยถึง จำนวนสิ่งที่ควรแสวงหำหรือควรละเว้น ซึ่งในโคลงแต่ละบทจะมีอยู่ 3
สิ่ง ส่วนคำว่ำ “โสฬส” หมำยถึง 16 ดังนั้น “โสฬสไตรยำงค์” จึงหมำยถึง ข้อควรกระทำหรือไม่ควรกระทำ 3
ประกำร ซึ่งมีจำนวน 16 ข้อ ดังนี้
1. สำมสิ่งควรรัก : ควำมกล้ำ ควำมสุภำพ ควำมรักใคร่
2. สำมสิ่งควรชม : อำนำจปัญญำ เกียรติยศ มีมำรยำทดี
3. สำมสิ่งควรเกลียด : ควำมดุร้ำย ควำมหยิ่งกำเริบ อกตัญญู
4. สำมสิ่งควรรังเกียจติเตียน : ชั่วเลวทรำม มำรยำ ฤษยำ
5. สำมสิ่งควรเคำรพ : ศำสนำ ยุติธรรม สละประโยชน์ตนเอง
6. สำมสิ่งควรยินดี : งำม ตรงตรง ไทยแก่ตน
7. สำมสิ่งควรปรำรถนำ : ควำมสุขสบำย มิตรสหำยที่ดี ใจสบำยปรุโปร่ง
8. สำมสิ่งควรอ้อนวอนขอ : ควำมเชื่อถือ ควำมสงบ ใจบริสุทธิ์
9. สำมสิ่งควรนับถือ : ปัญญำ ฉลำด มั่นคง
10. สำมสิ่งควรจะชอบ : ใจอำรีสุจริต ใจดี ควำมสนุกเบิกบำนพร้อมเพรียง
11. สำมสิ่งควรสงสัย : ยอ หน้ำเนื้อใจเสือ พลันรักพลันจืด
12. สำมสิ่งควรละ : เกียจคร้ำน วำจำฟั่นเฝือ หยอกหยำบแลแสลงฤๅขัดคอ
13. สำมสิ่งควรจะกระทำให้มี : หนังสือดี เพื่อนดี ใจเย็นดี
14. สำมสิ่งควรจะหวงแหนฤๅต่อสู้เพื่อรักษำ : ชื่อเสียงยศศักดิ์ บ้ำนเมืองของตน มิตรสหำย
15. สำมสิ่งควรครองไว้ : กิริยำที่เป็นในใจ มักง่ำย วำจำ
16. สำมสิ่งควรเตรียมเผื่อ : อนิจจัง ชรำ มรณะ
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ - กำรใช้สัมผัสพยัญชนะ
คุณค่าด้านเนือ้ หา
- ให้ข้อคิดเป็นแนวทำงในกำรดำเนินชีวิตและกำรใช้ชีวิตร่วมกันในสังคม
- แสดงถึงสัจธรรมของชีวิตในบทสุดท้ำย “สำมสิ่งที่ควรเตรียมเผื่อ” เตือนให้ผู้อ่ำนไม่ประมำท
คุณค่าด้านสังคม
ไตรลักษณ์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงควำมไม่
- แสดงให้เห็นค่ำนิยมและควำมเชื่อทำงศำสนำพุทธ (กฎ.........................................)
แน่นอนของชีวิต
โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ
ผู้แต่ง
- พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระรำชนิพนธ์ขึ้นโดยกำรแปลจำกภำษำอังกฤษมำเป็น
โคลงสี่สุภำพ
ลักษณะคำประพันธ์
- แต่งเป็นโคลงสี่สุภำพโดยแบ่งเนื้อหำเป็น 3 ส่วน ได้แก่ บทนำ 1 บท เนื้อเรื่อง 10 บท และบทสรุป 1 บท
เนือ้ หา
บทนำกล่ำวว่ำ ผู้รู้ได้ไตร่ตรองแล้วจึงกล่ำวคำสอนเป็นแนวทำงที่ควรประพฤติ 10 ประกำร ชื่อว่ำ ทศนฤทุมนาการ
หมำยถึง กิจ 10 ประการที่ผู้ประพฤติยังไม่เคยเสียใจ เนื้อเรื่องกล่ำวแนะนำด้านการคิด(มโนกรรม) การพูด(วจีกรรม) และ
การกระทา(กายกรรม) เพื่อให้ปฏิบัติตนได้อย่ำงเหมำะสม บทสรุปกล่ำวว่ำ ทุกคนควรรู้จักพิจำรณำ ถึงแม้จะประพฤติตำมไม่ได้
ครบถ้วน แต่ทำได้บ้ำงก็ยังดี กิจ 10 ประการที่ทำแล้วจะไม่เสียใจ
สรุป ทศนฤทุมนาการ = ............................................................................................
1. เพราะความดีทั่วไป 2. เพราะไม่พูดว่าร้ายต่อใคร
3. เพราะถามฟังความก่อนตัดสิน 4. เพราะคิดก่อนจึงพูด
5. เพราะอดพูดในเวลาโกรธ 6. เพราะได้กรุณาต่อคนที่อับจน
7. เพราะขอโทษบรรดาที่ได้ผิด 8. เพราะอดกลั้นต่อผู้อื่น
9. เพราะไม่ฟังคำนินทา 10. เพราะไม่หลงเชื่อข่าวร้าย
คำศัพท์
คำเท็จ
1. มำรษำ แปลว่ำ ......................................................... คำเท็จ
2. บ้ำย แปลว่ำ .............................................................
การเขียน
3. ลิขิต แปลว่ำ ............................................................. ความเสื่อม
4. ควำมกษัย แปลว่ำ ....................................................
รอดพ้นจากความทุกข์
5. สว่ำงร้อน แปลว่ำ ..................................................... ความอดทน
6. ขันตี แปลว่ำ ..............................................................
คำเท็จ
7. นรชำติ แปลว่ำ ......................................................... 8. บ้ำย แปลว่ำ ...............................................................
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
1. การเล่นเสียงสระและเสียงพยัญชนะ
2. การใช้ภาพพจน์อปุ มา
๏ พำทีมีสติรั้ง รอคิด ๏ ขันตีมีมำกหมั้น สันดำน
รอบคอบชอบแลผิด ก่อนพร้อง ใครเกะกะระรำน อดกลั้น
คำพูดพ่ำงลิขิต เขียนร่ำง เรียงแฮ ไป่ฉุนเฉียบเฉกพำล พำเดือด ร้อนพ่อ
ฟังเพรำะเสนำะต้อง โสตทั้งห่ำงภัย ผู้ประพฤติดั่งนั้น จักได้ใจเย็น
3. การใช้ภาพพจน์อปุ ลักษณ์
๏ ไป่ฟังคนพูดฟุ้ง ฟั่นเฝือ
เท็จและจริงจำนเจือ คละเคล้ำ
คือมีดเที่ยวกรีดเถือ ท่ำนทั่ว ไปนำ
ฟังจะพำพลอยเข้ำ พวกเพ้อรังควำน
คุณค่าด้านเนือ้ หา
- ให้ข้อคิดที่ควรนำไปปรับใช้ในกำรดำเนินชีวิตในหลำย ๆ ด้ำน ทั้งด้ำนจิตใจ ควำมคิด อำรมณ์ คำพูดและกำร
กระทำ
คุณค่าด้านสังคม
- แสดงให้เห็นวัฒนธรรมด้านการพูด คือ กำรให้ควำมสำคัญกับคำพูด วิธีกำรพูด และมำรยำทในกำรพูด
โคลงสุภาษิตอิศปปกรณํา
ผู้แต่ง
- พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระรำชนิพนธ์ แปลนิทำนอีสปฉบับบภำษำอังกฤษเป็นภำษำไทย
แล้วทรงพระรำชนิพนธ์โคลงสี่สุภำพกำกับไว้ท้ำยนิทำนแต่ละเรื่อง โดยแปลและแต่งร่วมกับ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหลวงพิชิตปรีชากร พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) และพระยาราชสัมภารากร
- พระราชนิพนธ์ขึ้นในยุคที่คนไทยนิยมอ่านงานแปลจากตะวันตก
ทีม่ าของเรือ่ ง - แปลมำจำกนิทำนกรีกฉบับภำษำอังกฤษ
ลักษณะคำประพันธ์
- แต่งเป็นร้อยแก้วและสรุปด้วยโคลงสี่สุภำพ
เนือ้ หา
เรื่องที่ 1 ราชสีห์กับหนู สรุปคติสอนใจว่ำ อย่ำประมำทผู้ที่ด้อยกว่ำเพรำะบำงครั้งอำจต้องขอควำมช่วยเหลือจำกเขำ
เรื่องที่ 2 บิดากับบุตรทั้งหลาย สรุปคติสอนใจว่ำ ให้รักสำมัคคีกันแล้วจะไม่มีอันตรำยใด ๆ มำเบียดเบียนได้
เรื่องที่ 3 สุนัขป่ากับลูกแกะ สรุปคติสอนใจว่ำ อย่ำคำดหวังจะได้รับควำมเห็นใจจำกคนชั่ว
เรื่องที่ 4 กระต่ายกับเต่า สรุปคติสอนใจว่ำ อย่ำประมำทเชื่อมั่นในตนเองมำกเกินไป เพรำะอำจเพลี่ยงพล้ำให้ได้รับ
ควำมอับอำยได้
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
1. การเล่นเสียงสระและเสียงพยัญชนะ
2. การซ้ำคำ
เชื้อวงศ์วำยรักร้อย ริษยำ กันเฮย
ปรปักษ์เบียนบีฑำ ง่ำยแท้
ร่วมสู้ร่วมรักษำ จิตร่วม รวมแฮ
หมื่นอมิตร บ มิแพ้ เพรำะพร้อมเพรียงผจญ
คุณค่าด้านเนือ้ หา
- เรื่องรำวในนิทำนแฝงข้อคิดที่สำมำรถนำมำปรับใช้ในกำรดำเนินชีวิตได้
1. รำชสีห์กับหนู สอนให้รู้ว่ำ อย่ำประมำทผู้ที่ด้อยกว่ำตน
2. บิดำกับบุตรทั้งหลำย สอนให้รู้ว่ำ สำมัคคีคือพลังที่สำคัญ
3. สุนัขป่ำกับลูกแกะ สอนให้รู้ว่ำ อย่ำอยู่ใกล้คนพำลเพรำะจะพำลหำเรื่องทำร้ำยเรำได้
4. กระต่ำยกับเต่ำ สอนให้รู้ว่ำ ควำมประมำทย่อมเกิดควำมเสียหำย
เพิ่มเติม
- มำจำกบทกวีนิพนธ์อังกฤษ เรื่อง Elegy Written in a Country Churchyard ของ ทอมัส เกรย์ เขียนขึ้นที่สุสำน
เก่ำแก่ของเมืองสโตกโปจส์ ในมณฑลบักกิงแฮมเชอร์ หลังจำกกำรมรณกรรมของญำติและเพื่อนในเวลำไล่เลี่ยกัน
- โดยทั่วไปบทประพันธ์ประเภท Elegy เรียกได้ว่ำเป็นบทร้อยกรองกำสรด ซึ่งมีเนื้อหำเกี่ยวกับกำรมรณกรมของ
บุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพำะ แต่บท Elegy ของเกรย์มีควำมหมำยที่กว้ำงขึ้นว่ำ เป็นการราพึงราพันถึงความตาย
ของมนุษย์ตลอดจนสิ่งที่บุคคลเหล่านั้นเห็นว่ามีคุณค่า
- ด้วยเนื้อหำทำให้เป็นบทร้อยกรองกำสรดของอังกฤษที่มีชื่อเสียงมำกที่สุด
ผู ผู้แต่ง
- แต่เดิมผู้ประพันธ์บทกวีนิพนธ์ดั้งเดิม คือ โทมัส เกรย์
- เสฐียรโกเศศและนาคะประทีบได้แปลบทกวีของทอมัส เกรย์ เป็นภำษำไทย
- พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กำญจนำชีวะ) ได้นำฉบับที่แปลแล้ว มำแต่งใหม่เป็นกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่ำช้ำ
โดยให้มีเนื้อหำเข้ำกับธรรมเนียมไทย ดังนี้
เถาวัลย์
ต้นไอวี เปลี่ยนเป็น ............................................... ต้นโพธิ์
ต้มเอล์ม เปลี่ยนเป็น ........................
ต้นโพธิ์
แมลงบีตเทิล เปลี่ยนเป็น ...............................................
ผู้กู้บ้านเมืองเรืองปัญญา
โอลิเวอร์ ครอมเวลล์ เปลี่ยนเป็น ...............................................
ชาวบ้านบางระจัน
จอห์น แฮมพ์เด็น (นักกำรเมืองที่ต่อสู่เพื่อท้องถิ่นตน) เปลี่ยนเป็น ...............................................
จอห์น มิลตัน (กวีที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ) ศรีปราชญ์
เปลี่ยนเป็น ...............................................
ลักษณะคำประพั
ลักษณะคำประพั นธ์ นธ์
- แต่งด้วยกลอนดอกสร้อย ซึ่งมีฉันทลักษณ์เหมือนกลอนสุภำพ แต่จะต่ำงกันตรงคำขึ้นต้นและลงท้ำย คือ จะขึ้นต้นด้วย
คำว่ำ “เอ๋ย” และลงท้ำยว่ำ “เอย”
แนวคิดของเรือ่ ง
- มุ่งแสดงถึงควำมจริงของชีวิตว่ำไม่มีผู้ใดหลีกหนีควำมตำยไปได้ สอดคล้องกับหลักธรรมทำงศำสนำพุทธ
เนือ้ เรือ่ งย่อเนือ้ เรือ่ งย่อ
ในเวลำใกล้ค่ำ มีชำยคนนึงเข้ำไปนั่งอยู่ในวัดชนบทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีควำมสงบเงียบ เมื่อได้ยินเสียงระฆังดังบอกเวลำใกล้ค่ำ
เขำจึงมองดูไปรอบๆ เห็นชำวนำจูงฝูงวัวควำยเดินทำงกลับบ้ำน ครั้นสิ้นแสงตะวันแล้วเขำก็ได้ยินเสียงหรีดหริ่งเรไรร้อง และ
เสียงเกรำะในคอกสัตว์ นกแสงที่จับอยู่บนหอระฆังก็ส่งเสียงร้อง บริเวณโคนต้นโพธิ์ ต้นไทร ซึ่งบริเวณนั้นมีหลุมศพอยู่มำกมำย
ควำมเงียบสงบและควำมวิเวกช่วยทำให้เขำรู้ถึงสัจธรรมแห่งชีวิตข้อที่ว่ำ ผู้ดี มีจน นำย ไพร่ นักรบ กษัตริย์ ต่ำงก็มีจุดจบ
เหมือนกันทั้งหมด คือ ควำมตำย
การวิเคราะห์
การวิคเุณคราะห์
ค่า คณุ ค่า
คุณค่าด้านเนื้อหา
กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่ำช้ำทำให้ผู้อ่ำนรับรู้ถึงอำรมณ์ควำมรู้สึกได้ชัดเจน คือ อำรมณ์สะเทือนใจเกี่ยวกับชีวิต ควำม
ตำย ควำมเหงำ วังเวงใจ สังเวชใจ บรรยำยกำรในยำมใกล้ค่ำ ยิ่งทำให้เกิดควำมรู้สึกอ้ำงว้ำง ว้ำเหว่และสะเทือนใจ
คุณค่าด้คุาณนเนื
ค่า้อด้หา
านวรรณศิลป์
1. กำรใช้คำเลียนเสียงธรรมชำติ (สัทพจน์) เช่น
“วังเอ๋ยวังเวง หง่างเหง่ง! ย่ำค่ำระฆังขำน
ฝูงวัวควำยผ้ำยลำทิวำกำล ค่อยค่อยผ่ำนท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน
ชำวนำเหนื่อยอ่อนต่ำงจรกลับ ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน
ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย”
2. กำรใช้คำเปรียบเทียบให้เข้ำใจชัดเจน (อุปมำ) เช่น
ห่ำงเอ๋ยห่ำงไกล ห่ำงจำกพวกมักใหญ่ฝักใฝ่หำ
แต่สิ่งซึ่งเหลวไหลใส่อำตมำ ควำมมักน้อยชำวนำไม่น้อมไป
เพื่อนรักษำควำมสรำญฐำนวิเวก ร่มเชื้อเฉกหุบเขำลำเนำไศล
สันโดษดับฟุ้งซ่ำนทะยำนใจ ตำมวิสัยชำวนำเย็นกว่ำเอย
3. กำรสมมติให้สิ่งไม่มีชีวิต มีอำรมณ์ควำมรู้สึกเหมือนคน (บุคคลวัต)
วังเอ๋ยวังเวง หง่ำงเหง่ง! ย่ำค่ำระฆังขำน
ฝูงวัวควำยผ้ำยลำทิวำกำล ค่อยค่อยผ่ำนท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน
ชำวนำเหนื่อยอ่อนต่ำงจรกลับ ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน
ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย
4. กำรซ้ำคำเพื่อเน้นควำมหมำย เช่น
- หมดวิตกหมดเสียดำยหมดหมำยปอง
- ใครจะยอมละทิ้งซึ่งสิ่งสุข เคยเป็นทุกข์ห่วงใยเสียได้ง่ำย
ใครจะยอมละแดนแสนสบำย โดยไม่ชำยตำใฝ่อำลัยเอย
5. กำรใช้คำแสดงคำถำม
คุณค่าด้านแนวคิด
- กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่ำช้ำแสดงสัจธรรมของชีวิต คือ ควำมไม่เที่ยงแท้แน่นอน ทุกคนไม่สำมำรถหลีกเลี่ยงควำม
ตำยได้ กำรดำเนินชีวิตจึงควรรู้จักปล่อยวำง ไม่ยึดติดกับสิ่งใด
คุณค่าด้านสังคม
1. กำรหยิบยกบุคคลในประวัติศำสตร์มำเปรียบเปรย พร้อมกับให้ข้อคิด เช่น
ซำกเอ๋ยซำกศพ อาจเป็นซากนักรบผู้กล้าหาญ
เช่นชาวบ้านบางระจันขันราบาญ กับหมู่ม่ำนมำประทุษอยุธยำ
ไม่เช่นนั้นท่านกวีเช่นศรีปราชญ์ นอนอนำถเล่ห์ใบ้ไร้ภำษำ
หรือผู้กู้บ้ำนเมืองเรืองปัญญำ อำจจะมำนอนจมถมดินเอย
2. กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่ำช้ำ สะท้อนวิถีชีวิต ควำมเป็นอยู่ของสังคมเกษตรกร วิถีชีวิตที่เรียบง่ำยของชำวนำ
คำศัพท์ควรรู้
1. ทิวำกำล เวลากลางวัน
แปลว่ำ ................................................ 2. วิกำล ศรีปราชญ์
แปลว่ำ ................................................
3. ซ่อง ที่อยูท่ ี่พัก
แปลว่ำ ................................................ 4. แม่เหย้ำ แม่เหย้าแม่เรือน
แปลว่ำ ................................................
5. จินต์ ความคิด
แปลว่ำ ................................................ 6. อินทรีย์ ร่างกาย
แปลว่ำ ................................................
7. ปวัฒน์ ความเป็นไป
แปลว่ำ ................................................ 8. ขันธ์ ร่างกาย
แปลว่ำ ................................................
9. สันโดษ ความพอใจเท่าที่ตนมีอยู่
แปลว่ำ ................................................ 10. กวีเถื่อน ผู้มีความสามารถประพันธ์
แปลว่ำ ................................................
กวีที่ไม่ได้มีชอื่ เสียง
เพิ่มเติม
แนวข้อสอบ
- ที่มาและชื่อผู้แต่ง/แปล
- นกเอ๋ยนกแสก (วรรณศิลป์/การใช้คำ/การดัดแปลงวัฒนธรรม)
- ปฏิปุจฉา
- ความพอใจในสิ่งที่ตนมี (บทใด)
- คำศัพท์
- การดัดแปลงวัฒนธรรม
- ความหมายของบท มักเอ๋ยมักใหญ่
- การประกาศเกียรติคุณของคนตายหลังจากเขาตายแล้ว (บทใด)
แบบฝึกหัดที่ 1 จงเติมเครือ่ งหมายถูก (✓) และผิด () หน้าข้อความต่อไปนีใ้ ห้ถกู ต้อง
✓ 1. ผู้แต่งกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่ำช้ำในฉบับดั้งเดิมภำษำอังกฤษคือ โทมัสเกรย์
..........
2. นำคะประทีปเป็นผู้นำกวีนิพนธ์ของอังกฤษมำแต่งเป็นกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่ำช้ำ ฉบับบภำษำไทย
..........
✓ 3. คนแรกของไทยที่แปลบทกวีดั้งเดิมของกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่ำช้ำมำเป็นภำษำไทย คือ เสฐียรโกเศศ
..........
4. Elegy ในควำมหมำยของโทมัส เกรย์ เป็นบทร้อยกรองกำสรดที่มีเนื้อหำรำพึงรำพันถึงกำรตำยของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
..........
✓ 5. กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่ำช้ำมีแนวคิดสำคัญที่กล่ำวถึงสัจธรรมที่มนุษย์ไม่สำมำรถหลีกเลี่ยงควำมตำยได้
..........
✓ 6. “สันโดษดับฟุ้งซ่ำนทะยำนใจ” มุ่งเน้นให้คนเรำพอใจในสิ่งที่ตนมี
..........
7. พระยำอุปกิตศิลปสำรมีกำรเปลี่ยนจอห์น แฮมเด็น ให้เป็นศรีปรำชญ์
..........
✓ 8. พระยำอุปกิตศิลปสำรมีกำรเปลี่ยนโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ให้เป็นผู้กู้บ้ำนเมืองเรืองปัญญำ
..........
9. พระยำอุปกิตศิลปสำรมีกำรเปลี่ยนจอห์น มิลตันให้เป็นพันท้ำยนรสิงห์
..........
10. “ใครจะยอมละทิ้งซึ่งสิ่งสุข” เป็นกำรแสดงคำถำมที่ไม่ต้องกำรคำตอบหรือเรียกว่ำ สัทพจน์
..........
King
Queen+พระพันปี
(+พระเทพ)
สมเด็จเจ้าฟ้า
พระองค์เจ้า + สมเด็จพระสังฆราช
หม่อมเจ้า
ลำดับ พระปรมาภิไธย/พระนามาภิไธย/พระนาม
- สมเด็จพระบรมชนกำธิเบศร มหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร
1
- พระบำทสมเด็จพระปรเมนทรรำมำธิบดีศรีสินทรมหำวชิรำลงกรณ พระวชิรเกล้ำเจ้ำอยู่หัว
- สมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิติ์ พระบรมรำชินีนำถ พระบรมรำชชนนีพันปีหลวง
- สมเด็จพระนำงเจ้ำสุทิดำ พัชรสุธำพิมลลักษณ พระบรมรำชินี
2
- สมเด็จพระกนิษฐำธิรำชเจ้ำ กรมสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำ เจ้ำฟ้ำมหำจักรีสิรินธร มหำวชิรำลงกรณวร
รำชภักดี สิริกิจกำริณีพีรยพัฒน รัฐสีมำคุณำกรปิยชำติ สยำมบรมรำชกุมำรี
- สมเด็จพระเจ้ำน้องนำงเธอ เจ้ำฟ้ำจุฬำภรณวลัยลักษณ์ อัครรำชกุมำรี กรมพระศรีสวำงควัฒน วรขัตติย
รำชนำรี
- ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนรำชกัญญำ
3 - สมเด็จพระเจ้ำลูกเธอ เจ้ำฟ้ำพัชรกิติยำภำ นเรนทิรำเทพยวดี กรมหลวงรำชสำริณีสิริพัชร มหำวัชรรำช
ธิดำ
- สมเด็จพระเจ้ำลูกเธอ เจ้ำฟ้ำสิริวัณณวรี นำรีรัตนรำชกัญญำ
- สมเด็จพระเจ้ำลูกยำเธอ เจ้ำฟ้ำทีปังกรรัศมีโชติ มหำวชิโรตตมำงกูร สิริวิบูลยรำชกุมำร
ลำดับ พระปรมาภิไธย/พระนามาภิไธย/พระนาม
- พระเจ้ำวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ำโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนำรีนำถ
- พระเจ้ำวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ำสิริภำจุฑำภรณ์
4
- พระเจ้ำวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ำอทิตยำทรกิติคุณ
- สมเด็จพระอริยวงศำคตญำณ สมเด็จพระสังฆรำช สกลมหำสังฆปริณำยก
5 - หม่อมเจ้ำ ..........................
แบบท่องจำราชาศัพท์
ตัวอย่างการใช้คำราชาศัพท์ในแต่ละชั้น
ชั้น 1 มีพระบรม/พระบรมราช คำว่ำ พระบรมราโชวาท พระบรมราชโองการ ใช้กับชั้น 1
ชั้น 2 พระบรมหำยไป (มีคำว่ำ “พระบรม” ใช้กับ King เท่ำนั้น)
ชั้น 3 (และชั้น 4) รำชนี้ไปไหน ยกเว้น!! พระบรมราชินูปถัมภ์ ใช้กับ Queen
ชั้น 5 สุดท้ำยใช้เท่ำที่มี ชั้น 2 ตัดบรมออก เหลือพระราโชวาท
(ชั้น 3 และชั้น 4 มีคำศัพท์บำงคำใช้ร่วมกันได้) ชั้น 3 และชั้น 4 ตัดราชออก เหลือพระโอวาท
ชั้น 5 ตัดพระออก เหลือโอวาท
คำนามราชาศัพท์
การใช้คำว่า “พระ”
คำนามราชาศัพท์ สังเกตคำว่า “พระ” ใช้กบั ชั้นที่ 1 2 3 และ 4
Key Concept ตัวอย่าง ลำดับชั้นทีใ่ ช้ได้
พระบรมรำช พระบรมรำชโองกำร 1
พระบรม พระบรมรำโชวำท ยกเว้น พระบรมรำชินูปถัมภ์
พระบรมเดชำนุภำพ
พระปรมำภิไธย
พระบรมฉำยำลักษณ์
พระรำช พระรำชดำริ พระรำชพำหนะ 123
พระรำชหัตถเลขำ พระรำชทรัพย์
พระ พระหัตถ์ / พระศอ / พระ ... 1234
*** ยกเว้น “พระราชทาน” เป็นกริยาราชาศัพท์
*** หมายเหตุ คำรำชำศัพท์บำงคำไม่ใช้ พระ ประกอบหน้ำ เช่น ฉลองพระบำท ฉลองพระองค์ ธำรพระกร
แปรงชำระพระทนต์ ฉลองพระเนตร ฉลองพระหัตถ์ รถพระที่นั่ง จำนเสวย โต๊ะทรงพระอักษร
การใช้คำว่า “ต้น” “หลวง
- “ต้น” และ “หลวง” ใช้ประกอบหลังคำนำมให้เป็นรำชำศัพท์ เช่น ช้ำงต้น ม้ำต้น เรือนหลวง วังหลวง
แต่คำบำงคำที่มี “หลวง” ต่อท้ำยก็ไม่ใช่คำรำชำศัพท์ เช่น เมียหลวง เขาหลวง ใหญ่หลวง ฯลฯ
- กำรใช้ ยานพาหนะ + “พระที่นั่ง” ก็ทำให้เป็นคำรำชำศัพท์ได้ เช่น รถพระที่นั่ง เรือพระที่นั่ง เครื่องบิน
พระที่นั่ง เป็นต้น
คำกริยาราชาศัพท์
การใช้คำว่า “ทรง”
คำกริยาราชาศัพท์ สังเกตคำว่า “ทรง”
Key Concept ตัวตาม ตัวอย่าง
ทรง กริยำสำมัญ ทรงฟัง ทรงวิ่ง ทรงยินดี ทรงยืน
ทรง นำมสำมัญ ทรงดนตรี ทรงศีล ทรงเรือใบ ทรงบำตร
ทรง ทรงพระประชวร ทรงพระกรุณำ
นำมรำชำศัพท์ ทรงพระอักษร ทรงพระปรีชำสำมำรถ
ทรงพระอุตสำหะ ทรงพระรำชสมภพ
มี/เป็น คำรำชำศัพท์ มีพระรำชโองกำร มีพระรำชเสำวนีย์
ทรงมี/ทรงเป็น ทรงเป็นอำจำรย์ ทรงเป็นผู้ดูแลช่วยเหลือ
คำสำมัญ
ทรงมีกีตำร์ ทรงมีสุนัขทรงเลี้ยง
********* ห้ามใช้ “ทรง” นำหน้าคำกริยาราชาศัพท์
เช่น บรรทม ตรัส สุบิน กริว้ ประทับ ทอดพระเนตร ดำเนิน เสด็จ ประสูติ เสวย โปรด พิโรธ
การใช้คำว่า “เกิด”
การใช้คำว่า “เกิด”
พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว
พระบรมรำชินีนำถ/รำชินี เสด็จพระรำชสมภพ/มีพระรำชสมภพ/ทรงพระรำชสมภพ
พระบรมรำชชนนี ยกเว้น พระบรมราชสมภพ ใช้กับ King เท่ำนั้น
พระยุพรำช/สมเด็จพระบรมรำชกุมำรี
สมเด็จเจ้ำฟ้ำ
พระองค์เจ้ำ
ประสูติ
พระสังฆรำช
หม่อมเจ้ำ
การใช้คำว่า “ตาย”
การใช้คำว่า “ตาย”
พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว
พระบรมรำชินีนำถ/รำชินี
สวรรคต
พระบรมรำชชนนี
พระยุพรำช/สมเด็จพระบรมรำชกุมำรี
เจ้ำฟ้ำซึ่งได้รับกำรเฉลิมยศพิเศษ (รัชกำลปัจจุบันไม่มีใช้) ทิวงคต
สมเด็จเจ้ำฟ้ำ
พระองค์เจ้ำ สิ้นพระชนม์
พระสังฆรำช
หม่อมเจ้ำ ถึงชีพิตักษัย / สิ้นชีพิตักษัย
พระสงฆ์ / สำมเณร มรณภำพ
ผู้ได้รับเครื่องรำชอิสริยำภรณชั้นปฐมจุลจอมเกล้ำ
ประธำนองคมนตรี องคมนตรี
ถึงแก่อสัญกรรม
นำยกรัฐมนตรี ประธำนวุฒิสภำ ประธำนรัฐสภำ
ประธำนสภำผู้แทนรำษฎร ประธำนศำลฎีกำ รัฐมนตรี
การใช้คำว่า “ตาย”
ผู้ได้รับเครื่องรำชอิสริยำภรณ์ตั้งแต่ชั้น
ประถมำภรณ์มงกุฎไทย ทุติยจุลจอมเกล้ำ หรือทุติย ถึงแก่อนิจกรรม
จุลจอมเกล้ำพิเศษ
สุภำพชนทั่วไป ถึงแก่กรรม
การใช้คำว่า “วันเกิด”
การใช้คำว่า “วันเกิด”
พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว วันพระบรมราชสมภพ
พระบรมรำชินีนำถ/รำชินี
พระบรมรำชชนนี วันพระรำชสมภพ
พระยุพรำช/สมเด็จพระบรมรำชกุมำรี
พระรำชวงศ์ทั่วไป วันประสูติ
เพิม่ เติม การใช้ “อาคันตุกะ” และ “พระราชอาคันตุกะ” ---- ดูที่ “เจ้าบ้าน” เป็นหลัก
พวกเราเหล่าเจ้าหญิง
ต้องใช้ราชาศัพท์ให้ถูกนะ!
คำศัพท์สำหรับพระภิกษุสงฆ์
คำศัพท์ ความหมาย คำศัพท์ ความหมาย
อำรำธนำ ขอเชิญ อำพำธ ป่วย
ฉัน ทำน มรณภำพ ตำย
ภัตตำหำร อำหำร คิลำนเภสัช ยำรักษำโรค
*จังหัน อำหำรสำหรับพระ ปัจจัย เงิน
ถวำย ให้ อุปสมบท บวชพระ
อำสนะ ที่นั่ง บรรพชำ บวชเณร
*เสนำสนะ สถำนที่พระภิกษุใช้อำศัย ลิขิต จดหมำย
กุฏิ เรือนพักในวัด ครองผ้ำ แต่งตัว
จำวัด นอน ทำวัตร สวดมนต์
จำพรรษำ อยู่ประจำวัด สรงน้ำ อำบน้ำ
ปลงผม โกนผม ปลงอำบัติ แจ้งควำมผิดให้ทรำบ
คำสุภาพ
เพิม่ เติม
ตัว
ช้างป่า 1 ........................................ เชือก
ช้างบ้าน 1 .............................................. ช้าง
ช้างหลวง 1 ..............................................
แบบฝึกหัดที่ 1 จงเติมเครือ่ งหมายถูก (✓) หน้าข้อความทีใ่ ช้คำราชาศัพท์ถกู ต้องและผิด () หน้าข้อความทีใ่ ช้คำราชาศัพท์ผดิ
พร้อมแก้ไขให้ถกู ต้อง
✓ 1. พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวพระรำชทำนถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม
..........
2. สมเด็จพระกนิษฐำธิรำชเจ้ำ กรมสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ ทรงโปรดผลไม้ไทย
..........
3. สมเด็จพระเจ้ำลูกยำเธอ เจ้ำฟ้ำทีปังกรรัศมีโชติเสด็จฯไปทอดพระเนตรงำนนิทรรศกำรที่หอสมุดแห่งชำติ
..........
4. พระบำทสมเด็จพระบรมชนกำธิเบศร มหำภูมิพลอดุลยเดชมหำรำช ประสูติที่สวิตเซอร์แลนด์
..........
เสด็จพระราชสมภพ
✓ 5. สมเด็จพระบรมรำชินีนำถทรงสนพระรำชหฤทัยในกำรบรรเลงเปียโน
..........
6. เหล่ำนักเรียนกำลังถวำยบังคมพระบรมฉำยำลักษณ์ (รูปวำด) ของสมเด็จพระบรมรำชชนนีพันปีหลวง
..........
พระบรมสาทิสลักษณ์
✓ 7. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนรำชกัญญำทรงห่วงใยในปัญหำยำเสพติดที่เกิดขึ้นกับเยำวชน
..........
8. สมเด็จพระเจ้ำลูกเธอเจ้ำฟ้ำสิริวัณณวรีนำรีรัตนรำชกัญญำเสด็จไปเป็นพระรำชอำคันตุกะของประธำนำธิบดีอังกฤษ
..........
9. คณะผู้บริหำรโรงเรียนสำมเสนวิทยำลัยทูลเกล้ำฯถวำยศูนย์กำรเรียนรู้ดำรำศำสตร์ท้องฟ้ำจำลองแด่สมเด็จฯพระเทพ
..........
น้อมเกล้าฯ
10. วันคล้ำยวันพระบรมรำชสมภพของพระบรมรำชชนนีพันปีหลวง คือวันที่ 12 ส.ค. ของทุกปี
..........
ส่วนประกอบของประโยค
ภาคประธาน ภาคแสดง
ประโยค ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ประธาน(S) กริยา(V)+กรรม(O)
ตัวอย่ำง เช่น จุ๊มเหม่ง + วิ่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้า
1. ประโยคความเดียว (เอกรรถประโยค)
มีใจควำมสำคัญเดียว ประธานตัวเดียว ทำกริยาหลักตัวเดียว
เช่น - แม่กำลังทำกับข้ำวอยู่ในครัว ----- แม่ + ทำ + กับข้าว + อยูใ่ นครัว --
(ปธ.) (กริยำ) (กรรม) (ขยำยกริยำ)
- เด็กผู้หญิงคนนั้นจูงสุนัขตัวสีน้ำตำลมำด้วย ------ เด็กผูห้ ญิง + คนนั้น + จูง + สุนขั + ตัวสีนำ้ ตาล + มาด้วย
(ปธ.) (ขยำยปธ.) (กริยำ) (กรรม) (ขยำยกรรม) (ขยำยกริยำ)
- งำนนี้ลุลว่ งไปได้ด้วยควำมร่วมมือจำกทุกฝ่ำย
- ในปี 2563 ทั่วโลกเผชิญกับโรคโควิด 19
- กำรออกกำลังกำยอย่ำงสม่ำเสมอทำให้สุขภำพแข็งแรง
- คณะกรรมกำรต่อต้ำนควำมอดยำกและขำดสำรอำหำรได้แจกจ่ำยขนมปังโปรตีนสูงแก่นักเรียนตำมชนบท
2. ประโยคความรวม (อเนกรรถประโยค)
เป็นกำรนำประโยคควำมเดียว 2 ประโยคมำรวมกันโดยมีสันธานเป็นตัวเชื่อม เดียว + เดียว = รวม
โครงสร้าง เดียว 1 + เชื่อมสันธาน + เดียว 2
ประโยคควำมรวมมี 4 ชนิด แยกตำมชนิดสันธำนเชื่อมประโยค ดังนี้
1. ประโยคความรวมที่มีเนื้อความคล้อยตามกัน
- สันธำนที่ใช้เชื่อม คือ และ กับ พอ...ก็ แล้วก็ ทั้ง...และ ฯลฯ
- เช่น แป้งและดำวไปเที่ยวทะเล
พอฝนตกน้ำก็เริ่มท่วม
พี่ทำกำรบ้ำนเสร็จแล้วก็เล่นเกม
2. ประโยคความรวมที่มีเนื้อความขัดแย้งกัน
- สันธำนที่ใช้เชื่อม คือ แม้...แต่ ถึงแม้ว่า...แต่ก็ ทั้งๆที่...แต่ กว่า...ก็ ฯลฯ
- เช่น แม้จะใช้เวลำนำนแต่ผลงำนก็ออกมำคุ้มค่ำ
ทั้ง ๆ ทีเ่ ขำหน้ำตำดีแต่กลับพูดจำไม่ไพเรำะ
กว่าจะรู้ว่ำผิดก็สำยเกินไปเสียแล้ว
3. ประโยคความรวมที่มีเนื้อความเป็นเหตุเป็นผลกัน
- สันธำนที่ใช้เชื่อม คือ ดังนั้น...จึง เพราะ...จึง เพราะ จึง ฯลฯ
- เช่น เขำรักษำวำจำดังนั้นเพื่อนจึงไว้วำงใจเขำ
เพราะเขายิ้มแย้มแจ่มใสจึงเป็นที่รักของทุกคน
ฝนตกหนักน้ำจึงท่วมบ้านเรือนประชาชน
4. ประโยคความรวมที่มีเนื้อความเลือกอย่างใดอย่างหนึง่
- สันธำนที่ใช้เชื่อม คือ ไม่...ก็ หรือ มิฉะนั้น ไม่เช่นนั้น ฯลฯ
- เช่น ไม่เธอก็เขำต้องไปพบครูที่ปรึกษำ
คุณต้องกำรรับชำนมไข่มุกหรือชำเย็น
อย่ำขี้เกียจเกินไปมิฉะนั้นจะลำบำกในอนำคต
ตัวอย่ำงที่ 2 สมชายไม่ชอบคนพูดหยาบคาย
สมชายไม่ชอบคน
ประโยคหลัก คือ ...............................................................................................................
คนพูดหยาบคาย
ประโยคย่อย คือ ...............................................................................................................
เป็นกรรมของประโยค
หน้ำที่ของประโยคย่อย คือ ...............................................................................................
ตัวอย่ำงที่ 3 ฉันรู้จักคนที่มีความสามารถด้านดนตรี
ฉันรู้จักคน
ประโยคหลัก คือ ...............................................................................................................
ที่มีความสามารถด้านดนตรี
ประโยคย่อย คือ ...............................................................................................................
ขยายคำว่า “คน”
หน้ำที่ของประโยคย่อย คือ ...............................................................................................
ส่วนขยายของประโยคความซ้อน (ประโยคย่อย) มี 3 ชนิด คือ
1. นามานุประโยค ทำหน้ำทีเ่ ป็นประธำน กรรม และส่วนเติมเต็ม
2. คุณานุประโยค ทำหน้ำทีข่ ยำยคำนำมและคำสรรพนำม
3. วิเศษณานุประโยค ทำหน้ำทีข่ ยำยคำกริยำและคำวิเศษณ์
ตัวอย่ำงที่ 1 คนขาดมารยาทเป็นคนน่ารังเกียจ
คนเป็นคนน่ารังเกียจ
ประโยคหลัก คือ ...............................................................................................................
คนขาดมารยาท
ประโยคย่อย คือ ...............................................................................................................
เป็นประธานของประโยค
หน้ำที่ของประโยคย่อย คือ ...............................................................................................
เพิม่ เติม
ส่วนเติมเต็มของประโยค คือ ส่วนทีท่ ำหน้าทีเ่ สริมใจความของประโยคให้
สมบูรณ์ ทำหน้าที่คล้ายกรรมแต่ไม่ใช่กรรม เพราะไม่ได้ถูกกระทำ กริยาที่ใช้
เป็นส่วนเติมเต็มต้องมีคำนามหรือคำสรรพนามมาขยายจึงจะได้ใจความสมบูรณ์
ได้แก่กริยา “เป็น คล้าย เท่า คือ เหมือน”
ตัวอย่ำงที่ 3 เราต้องกำจัดความประมาทอันก่อให้เกิดความผิดพลาด
เราต้องกำจัดความประมาท
ประโยคหลัก คือ ...............................................................................................................
อันก่อให้เกิดความผิดพลาด
ประโยคย่อย คือ ...............................................................................................................
ขยายคำนามว่า “ความประมาท”
หน้ำที่ของประโยคย่อย คือ ...............................................................................................
3. วิเศษณานุประโยค ทำหน้ำทีข่ ยำยคากริยาและคาวิเศษณ์มี ที่ ซึง่ อัน เมือ่ จน เพราะ
เรียงอยู่หลังกริยาหรือวิเศษณ์
ตัวอย่ำงที่ 1 คำหยาบคายอันไร้สาระเป็นสมบัติของคนไม่ดี
คำหยาบคายเป็นสมบัติของคนไม่ดี
ประโยคหลัก คือ ...............................................................................................................
อันไร้สาระ
ประโยคย่อย คือ ...............................................................................................................
ขยายคำวิเศษณ์ว่า “หยาบคาย”
หน้ำที่ของประโยคย่อย คือ ...............................................................................................
ตัวอย่ำงที่ 2 เขาเป็นลมเมื่อขาดอากาศหายใจ
เขาเป็นลม
ประโยคหลัก คือ ...............................................................................................................
เมื่อขาดอากาศหายใจ
ประโยคย่อย คือ ...............................................................................................................
ขยายคำกริยาว่า “เป็นลม”
หน้ำที่ของประโยคย่อย คือ ...............................................................................................
ตัวอย่ำงที่ 3 แม่เร่งทำงานเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเรียนของฉัน
แม่เร่งทำงาน
ประโยคหลัก คือ ...............................................................................................................
เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเรียนของฉัน
ประโยคย่อย คือ ...............................................................................................................
ขยายคำกริยาว่า “ทำงาน”
หน้ำที่ของประโยคย่อย คือ ...............................................................................................
หลักการจำแนกชนิดของประโยค
1. หำประธำนและคำกริยำในประโยคให้เจอ ถ้ำมีประธำน 1 ตัวทำกริยำ 1 อย่ำงเป็น --- ประโยคความเดียว
เนื้อความคล้อยตามกัน 1. พอครูมำเขำก็เก็บโทรศัพท์
..........................................
เนื้อความขัดแย้งกัน 2. ฉันอยำกซื้อของแต่ฉันไม่มีเงิน
..........................................
เนื้อความขัดแย้งกัน 3. กว่ำจะรู้ควำมจริงเขำก็หนีไปแล้ว
..........................................
เนื ้อความเป็นเหตุเป็นผลกัน 4. ฉันเป็นหวัด เพรำะโดนฝน
..........................................
เนื..........................................
้อความเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง5. คุณอยำกเป็นหมอหรืออยำกเป็นทนำยควำม
เนื้อความคล้อยตามกัน 6. คุณพ่อและคุณแม่ไปทำงำน
..........................................
เนื้อความเป็นเหตุเป็นผลกัน 7. หนังสือเล่มนี้แพง เพรำะฉะนั้นเขำจึงหวงมันมำก
..........................................
เนื้อความเป็นเหตุเป็นผลกัน 8. เขำขยันจึงสอบได้
..........................................
เนื้อความขัดแย้งกัน 9. เขำอยำกเรียนอักษรศำสตร์ แต่ทว่ำพ่อให้เรียนคุรุศำสตร์
..........................................
เนื้อความคล้อยตามกัน 10. ทั้งฉันและเพื่อนล้วนชอบเขำเหมือนกัน
..........................................
แบบฝึกหัดที่ 3 ให้นกั เรียนบอกชนิดของประโยคความซ้อน พร้อมวิเคราะห์สว่ นประกอบของประโยคให้ถกู ต้อง
ประโยคหลัก ประโยคย่อย หน้าที่ของ ชนิดของ
ประโยค
(มุขยประโยค) (อนุประโยค) ประโยคย่อย ประโยคความซ้อน
1 เขำพูดเช่นนี้ เป็นกำรส่อ เขำเป็นกำรส่อนิสัยชั่ว เขำพูดเช่นนี้ เป็นประธำนของ นำมำนุประโยค
นิสัยชั่ว ประโยค
แนวข้อสอบ 9 ข้อ
แบบทดสอบ เรือ่ ง ประโยค - ส่วนเติมเต็มของประโยค
- การลำดับคำในประโยคความเดียว
1. ข้อใดไม่จัดเป็นประโยค - ปย. ความรวมเนื้อความเป็นเหตุผล
ก. งูเหลือมเลื้อยช้ำ ๆ ข. ไส้เดือนอยู่ในดิน - การจำแนกประโยค
ค. งูแมวเซำแลบลิ้นยำว ง. งูจงอำงกับเหยื่อในกรง - การเปรียบเทียบประโยค (เหมือน/ต่าง)