Professional Documents
Culture Documents
ปรมัฏฐกสูตร
ปรมัฏฐกสูตร
(พระผู้มีพระภาคตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายดังนี้)
{๔๑๒} [๘๐๓] สัตว์เกิดผู้ยึดถือในทิฏฐิทั้งหลายว่า ยอดเยี่ยมย่อมทำทิฏฐิใดให้ยิ่งใหญ่ในโลกกล่าวทิฏฐิอื่นทุกอย่าง
นอกจากทิฏฐินั้นว่า เลวเพราะฉะนั้น สัตว์เกิดนั้นจึงไม่ล่วงพ้นการวิวาทไปได้
[๘๐๔] เจ้าลัทธิเห็นอานิสงส์ใดในตน ในรูปที่เห็นในเสียงที่ได้ยิน ในศีลและวัตร หรือในอารมณ์ที่รับรู้
เจ้าลัทธินั้นยึดมั่นทิฏฐินั้นในลัทธิของตนนั้นเห็นทิฏฐิอื่นทั้งปวงโดยความเป็นของเลว
[๘๐๕] บุคคลอาศัยศาสดาใด เห็นศาสดาอื่นว่าเลวผู้ฉลาดทั้งหลายเรียกศาสดานั้นว่า เป็นเครื่องร้อยรัด
เพราะฉะนั้นแล ภิกษุจึงไม่ควรอาศัยรูปที่เห็นเสียงที่ได้ยิน อารมณ์ที่รับรู้ หรือศีลและวัตร
[๘๐๖] ภิกษุไม่พึงกำหนดทิฏฐิในโลกด้วยญาณหรือแม้ด้วยศีลและวัตรไม่พึงเอาตนเข้าไปเทียบว่าเสมอเขา
ไม่พึงสำคัญตนว่าด้อยกว่าเขาหรือเลิศกว่าเขา
[๘๐๗] ภิกษุนั้นละอัตตาแล้ว ไม่ยึดถือ ไม่สร้างนิสัยแม้ด้วยญาณเมื่อชนทั้งหลายแตกกันภิกษุนั้นก็ไม่เข้าเป็นฝัก
เป็นฝ่ ายภิกษุนั้นไม่ถือแม้ทิฏฐิอะไร ๆ
[๘๐๘] พระอรหันต์ใดผู้ไม่มีความคะนึงหาในส่วนสุดทั้ง ๒ ด้านในโลกนี้ ในภพน้อยภพใหญ่ ในโลกนี้
หรือในโลกหน้าพระอรหันต์นั้นจึงไม่มีเครื่องอยู่อะไร ๆ ความตกลงใจในธรรมทั้งหลายแล้วถือมั่นก็ไม่มี
[๘๐๙] พระอรหันต์นั้นไม่มีทิฏฐิอันสัญญากำหนดไว้แม้นิดเดียวในรูปที่เห็น ในเสียงที่ได้ยิน หรือในอารมณ์
ที่รับรู้ในโลกนี้ใคร ๆ ในโลกนี้จะพึงกำหนดพระอรหันต์นั้นผู้เป็นพราหมณ์ไม่ยึดถือทิฏฐิอยู่ด้วยเหตุอะไรเล่า
[๘๑๐] พระอรหันตขีณาสพทั้งหลายย่อมไม่กำหนด ไม่เชิดชู(ตัณหาและทิฏฐิ)ไว้แม้ธรรมทั้งหลาย๑พระ
อรหันต์เหล่านั้นก็ไม่ปรารถนาพระอรหันต์ผู้เป็นพราหมณ์นั้น ใคร ๆ ก็นำไปด้วยศีลและวัตรไม่ได้เป็นผู้ถึงฝั่ง๒ ไม่กลับ
มา เป็นผู้คงที่ ๑ ธรรมทั้งหลายในที่นี้หมายถึงทิฏฐิ ๖๒ (ขุ.สุ.อ. ๒/๘๑๐/๓๖๗) ๒ ฝั่ง หมายถึงอมตนิพพาน ได้แก่ ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวงเป็นที่สลัดทิ้ง
อุปธิทั้งปวง เป็นต้น (ขุ.ม. (แปล) ๒๙/๓๘/๑๓๘)
ปรมัฏฐกสูตรที่ ๕ จบ