Professional Documents
Culture Documents
การพยายามกระทำความผิด
การพยายามกระทำความผิด
มาตรา 80
มาตรา 81
มาตรา 82
ข้อความทัว่ ไป
ขั้นตอนของกระทาความผิดที่กระทาลงโดยเจตนา
1. คิดที่จะกระทาความผิด หลัก
2. ตกลงใจที่จะกระทาความผิด หากยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทาความผิด
3. ตระเตรียมกระทาความผิด กฎหมายยังไม่ลงโทษ
ข้อยกเว้น
4. ลงมือกระทาความผิด ความผิดที่เกี่ยวกับ ความมั่นคงของรัฐ
5. ความผิดสาเร็จ และความผิ ด ที่ เ ป็ น ภยั น ตรายต่ อ
ประชาชน กฎหมายให้การตระเตรียม
การมีความผิดแล้ว
การตระเตรียมการทีเ่ ป็นความผิด
1. การตระเตรียมการในการกระทาความผิดที่กฎหมายบัญญัติให้มีความผิด
1.1 กรณีให้การตระเตรียมการนั้นมีความผิดในตัวเอง เช่น
มาตรา 107 วรรคสาม ตระเตรียมเพื่อปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์
มาตรา 108 วรรคสี่ ตระเตรียมเพื่อประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระมหากษัตริย์
มาตรา 109 วรรคสาม ตระเตรียมเพื่อปลงพระชนม์พระราชินีหรือรัชทายาท หรือเพื่อฆ่าผู้สาเร็จ
ราชการแทนพระองค์
มาตรา 110 วรรคสี่ ตระเตรียมเพื่อประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท
หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์
การตระเตรียมการทีเ่ ป็นความผิด
1. การตระเตรียมการในการกระทาความผิดที่กฎหมายบัญญัติให้มีความผิด
1.2 กรณีให้การตระเตรียมการนั้นมีความผิดเท่ากับความผิดสาเร็จ
มาตรา 128 ตระเตรียมการกระทาความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร (มาตรา
119 – มาตรา 127)
1.3 กรณีให้การตระเตรียมการนั้นมีความผิดเท่ากับการพยายามกระทาความผิด
มาตรา 219 ตระเตรียมการในการวางเพลิงเผาทรัพย์ตามมาตรา 217 และมาตรา 218
การตระเตรียมการทีเ่ ป็นความผิด
2. การตระเตรียมการเพื่อลงมือกระทาความผิดฐานหนึ่ง ที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิดอีก
ฐานหนึ่ง เช่น
มาตรา 114 ตระเตรียมการเพื่อเป็นกบฏ
มาตรา 135/2(2) ตระเตรียมการเพื่อก่อการร้าย
มาตรา 209 ความผิดฐานเป็นอั้งยี่
มาตรา 210 ความผิดฐานเป็นซ่องโจร
มาตรา 215 ความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป
มาตรา 289(6) ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทาความผิดอย่างอื่น
การพยายามกระทาความผิด
มาตรา 80 ผู้ใดลงมือกระทำควำมผิดแต่กระทาไปไม่ตลอด หรือกระทาไปตลอด
แล้วแต่การกระทานั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยำยำมกระทำควำมผิด
ผู้ใดพยำยำมกระทำควำมผิด ผู้นั้นต้องระวำงโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมำย
กำหนดไว้สำหรับควำมผิดนั้น
มาตรา 81 ผู้ใดกระทำกำรโดยมุ่งต่อผลซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด แต่กำร
กระทำนั้นไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพรำะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทาหรือ
เหตุแห่งวัตถุที่มุ่งหมายกระทาต่อ ให้ถือว่ำผู้นั้นพยำยำมกระทำควำมผิด แต่ให้ลงโทษไม่เกิน
กึ่งหนึ่งของโทษที่กฎหมำยกำหนดไว้สำหรับควำมผิดนั้น
ถ้ำกำรกระทำดังกล่ำวในวรรคแรกได้กระทำไปโดยควำมเชื่ออย่ำงงมงำย ศำลจะไม่
ลงโทษก็ได้
การพยายามกระทาความผิด
มาตรา 82 ผู้ใดพยำยำมกระทำควำมผิด หำกยับยั้งเสียเองไม่กระทาการให้
ตลอด หรือกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทานั้นบรรลุผล ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับกำร
พยำยำมกระทำควำมผิดนั้น แต่ถ้ำกำรที่ได้กระทำไปแล้วต้องตำมบทกฎหมำยที่บัญญัติ
เป็นควำมผิด ผู้นั้นต้องรับโทษสำหรับควำมผิดนั้น ๆ
การพยายามกระทาความผิด ตามมาตรา 80
หลักเกณฑ์
1. ผู้กระทำต้อง มีเจตนำ กระทำควำมผิด และ
2. ผู้ก ระท ำจะต้ อ งกระท ำกำรเพื่ อ ให้บ รรลุ ต ำมเจตนำ อั น เป็ น กำรกระท ำที่ เ ลยขั้ น
ตระเตรียม กล่ำวคือถึงขั้นลงมือกระทำควำมผิดแล้ว และ
3. ผู้กระทำกระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้ว แต่กำรกระทำนั้นไม่บรรลุผล
1. มีเจตนากระทาความผิด
ฎีกาที่ 1022/2503 (ฎน, หน้า 1078) วางหลักว่า
"การที่จะลงโทษบุคคลฐานพยายามฆ่าคนนั้น จะต้องได้รับความว่า
จาเลยมีเจตนา กระทาการเพื่อการฆ่า เพียงแต่จาเลยถือปืนส่ายไปมาต่อหน้าคน
หมู่มาก แล้วกระสุนลั่นออกไปโดยไม่ได้จ้องยิง ผู้ใด คดีมีทางส่อให้วินิจฉัยได้ว่า
จาเลยประมาทเลินเล่อ ทาให้ปืนลั่นออกไปโดยไม่มีเจตนาจะเหนี่ยวไกลั่นกระสุน
ปืน จึงจะลงโทษจาเลยฐานพยายามฆ่าคนไม่ได้ "
1. มีเจตนากระทาความผิด
ฎีกาที่ 5/2529 (ฎส.2, หน้า 1) ใช้ปืนจ้องนานประมาณ 15 วินาที แต่ก็ไม่ได้
ลั่นไกปืน คือ ถ้าจะยิงก็ยงิ ได้แต่ไม่ยิง ฟังว่าเป็นการขู่เท่านั้น (ดูมาตรา 392 ด้วย)
ฎีกาที่ 3916/2534 (ฎส.8, หน้า 196) ใช้อาวุธปืนจีที่ขมับผู้เสียหายพร้อมกับ
พูด ว่ากูจะฆ่ามึงทิ้ง ถ้ามึงไปถึงกิ่งอาเภอเมื่อไรกูจะฆ่าเมื่อนั้น แสดงว่าที่ใช้ปืนจี้
ไม่ได้ตั้งใจจะยิง
1. มีเจตนากระทาความผิด
ฎีกาที่ 1133/2556 อาวุธปืนเป็นอาวุธที่สามารถทาอันตรายถึงชีวิตได้ในระยะไกล
หากจาเลยเลยมีเจตนาฆ่าและกระทาได้โดยผู้เสียไม่รู้ตัว ก็ไม่จาเป็นที่จาเลยจะต้องปรากฏ
ตัวให้ผู้เสียหายและคนที่เล่นสะบ้าด้วยกันเห็นด้วย การเดินเข้าไปใช้อาวุธปืนจ้องผู้เสียหาย
ในระยะ 2 –3 เมตร พฤติการณ์ที่จาเลยใช้ปื้นจ้องในระยะใกล้และพูดกับผู้เสียหายต่อหน้า
คนอื่นหลายคนโดยไม่ยิงทันที แม้จะฟังว่าจาเลยเอานิ้วสอดไปไว้ในโกร่งไกปืน หากจาเลยมี
เจตนาฆ่า ย่อมมีช่วงเวลาเพียงพอที่จะเหนี่ยวไกยิงผู้เสียหายได้ก่อนที่ อ. จะพูดห้ามและ
ผลักจาเลย การที่จาเลยไม่ได้ยิงปืน แต่กลับถือปืนวิ่งออกจากลานบ้านที่เกิดเหตุไปที่ถนน
ห่างออกไป 15 – 20 เมตรแล้วจึงยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด แสดงให้เห็นว่า จาเลยมีจุดประสงค์อื่น
มากกว่าเอาชีวิตผู้เสียหาย จาเลยเพียงแต่ต้องการแสดงให้ผู้เสียหายเห็นว่าจาเลยมิได้เกรง
กลัวผู้เสียหายและน้องชายเท่านั้น จาเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
1. มีเจตนากระทาความผิด
ฎีกาที่ 950/2552 กระสุนปืนที่จาเลยใช้ยิงผู้เสียหายไม่ได้บรรจุเม็ดตะกั่ว
บรรจุ เ ฉพาะดิ น ปื น อั ด ด้ ว ยกระดาษเท่ า นั้ น จ าเลยทราบดี ว่ า ไม่ ส ามารถท าให้
ผู้เสียหายถึงแก่ความตายหรือได้รับอันตรายแก่กาย การกระทาของจาเลยจึงถือ
ไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
1. มีเจตนากระทาความผิด
ฎีกาที่ 182/2532 จาเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมด้านหน้าซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 3
เมตรโดยยิงไปที่ขา 3 นัด ถูกขาโจทก์ร่วม 1 นัด แล้วจาเลยไม่ได้ยิงต่ออีก ถือว่า
จาเลยมีเจตนาทาร้ายโจทก์ร่วมเท่านั้น มิได้มีเจตนาฆ่าด้วย โจทก์ร่วมถือไม้เป็น
อาวุธไปที่หน้าบ้านจาเลยพร้อมกับ ส. และร้องท้าทายจาเลยให้ออกมาตีกัน แล้ว
โจทก์ร่วมเดินเข้าหาจาเลย จาเลยตกใจเกรงว่าโจทก์ร่วมจะเข้ามาทาร้าย จึงวิ่งไป
เอาอาวุธปืนสั้นของสามีที่เก็บไว้ที่หัวนอนแล้วยิงไปที่ขาโจทก์ร่วม 3 นัด จาเลยเป็น
หญิง โจทก์ร่วมมีไม้เป็นอาวุธและมากับ ส. ถือว่าจาเลยยิงโจทก์ร่วมเพียงเพื่อยับยั้ง
มิให้โจทก์ร่วมเข้ามาทาร้ายจาเลยเท่านั้น การกระทาของจาเลยจึงเป็นการป้องกัน
ตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย การที่จาเลยหยิบอาวุธปืนของกลางมาใช้เพื่อป้องกันตัว
โดยชอบด้วยกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าจาเลยมีเจตนาครอบครองอาวุธปืนดังกล่าว
1. มีเจตนากระทาความผิด
ข้อพิจารณาเกี่ยวกับเจตนา
1. ต้องพิจารณาด้วยว่าผู้กระทามีเจตนาใด
2. เจตนารวมถึงเจตนาประสงค์ต่อผลด้วย
ฎีกาที่ 1270/2526 จาเลยขับรถยนต์บรรทุกดินลูกรังสูงเกินกาหนด พอถึงจุดตรวจ ตารวจได้เป่านกหวีด
และให้สัญญาณหยุด จาเลยกลัวถูกจับจึงเร่งเครื่องยนต์หลีกเครื่องหมายจราจร พุ่งเข้าใส่ตารวจที่ยืนอยู่ แต่ตารวจ
กระโดดหลบเสียทัน ดังนั้นจาเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่ารถยนต์คันที่จาเลยขับพุ่งเข้าใส่เช่นนั้นจะต้องชนตารวจที่ยืนอยู่ใน
ถนนถึงแก่ความตายได้ เลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ตามมาตรา 289,80
3. เจตนาอย่างไร ก็พลาดเช่นนั้น ซึ่งอาจมีการพยายามกระทาความผิดโดย
พลาดได้ (ทั้งนี้ ต้องมีผลร้ายเกิดขึ้น)
2. กระทาถึงขั้นลงมือกระทาความผิด
หลักในทางตารา
2.1 หลักความใกล้ชิดต่บผล (The Proximity Rule)
หากผู้กระทาได้กระทา “ขั้นสุดท้าย” (last act) ซึ่งจะต้องกระทาเพื่อให้
ความผิดสาเร็จถือว่าการกระทานั้นใกล้ชิดต่อผลเป็นการลงมือกระทาความผิดแล้ว
2. กระทาถึงขั้นลงมือกระทาความผิด
หลักในทางตารา
2.2หลักความไม่คลุมเครือ (The Unequivocal Rule)
การกระทานั้นชี้ให้เห็นได้อย่างปราศจากความสงสัยตามสมควรว่า มุ่งหมาย
ต่อผลอย่างใด โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยคารับสารภาพ
2. กระทาถึงขั้นลงมือกระทาความผิด
หลักในทางตารา
2.3 หลักความเป็นภยันตรายของการกระทานั้น (The Criterion of Danger)
การกระท านั้ นเป็นภยั นตรายโดยตรงต่ อ ผลประโยชน์ ซึ่ง กฎหมายให้ ก าร
คุ้มครอง หลักนี้ถือว่าการกระทาที่จะเป็นการลงมือเข้าขั้นพยายามได้หรือไม่นั้น
ต้องพิจารณาถึงการใกล้ชิดต่ออันตราย การที่จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่
หลวงและระดับของความรู้สึกหวาดกลัวในภยันตรายนั้นในความรู้สึกของชุมชน
2. กระทาถึงขั้นลงมือกระทาความผิด
หลักในทางตารา
2.4 หลักการกระทาขั้นตอนที่สาคัญ (The Substantial Step Rule)
หากผู้ ก ระท ามีเ จตนากระท าหรือ ไม่ ก ระท าอย่ า งใดอย่ า งหนึ่ ง ซึ่ง เป็ น การ
กระทาขั้นตอนที่สาคัญ (substantial step) เพื่อให้บรรลุถึงการกระทาความผิด ถือ
ว่าผู้กระทามีการลงมือกระทา
2. กระทาถึงขั้นลงมือกระทาความผิด
หลักตามแนวของศาลไทย
ฎีกาที่ 1203/2491 โจทก์ฟ้องว่า จาเลยสมคบกันขนย้ายข้าวสารออกนอกเขตกักกันข้าว
โดยมิได้มีหนังสืออนุญาตให้นาออกได้ ขอให้ลงโทษ แต่พยานโจทก์เบิกความว่า เวลาเข้าจับ
หัวเรือบรรทุกข้าวกับเรือยนต์ที่จูงเรือบรรทุกข้าวกาลังบ่ายหน้าออกนอกเขต ยังมิทันนาข้าว
ออกนอกเขต ศาลชั้ น ต้ น เห็ น ว่ า ข้ อ เท็ จ จริ ง ต่ า งกั บ ฟ้ อ ง จึ ง พิ พ ากษายกฟ้ อ ง ศาลอุ ท ธรณ์
พิพากษายืน
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ขณะถูกจับยังมิทันได้นาข้าวออกนอกเขตกักกันข้าว แต่เมื่อจาเลยมี
เจตนาและการขนย้ายได้กระทาลงจนใกล้ชิดกับผลสาเร็จแล้ว ก็ลงโทษฐานพยายามได้ ไม่ใช่
เรื่องข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง จาเลยได้ยับยั้งไม่นาข้าวออกนอกเขตแล้ว หรือว่าข้อเท็จจริงยังฟัง
ไม่สนิทว่า จาเลยได้มีเจตนาจะนาเรือบรรทุกข้าวสารออกนอกเขต ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัย
ข้อเท็จจริงนี้ จึงพิพากษายกคาพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่
2. กระทาถึงขั้นลงมือกระทาความผิด
หลักตามแนวของศาลไทย
ฎีกาที่ 7508/2562 จาเลยตะโกนเรียกชื่อ ค. หลายครั้ง ที่หน้าบ้านเพื่อจะขอซื้อสุรา
จากนั้นจาเลยงัดหน้าต่างบ้านโดยไม่มีเหตุอันสมควรแล้วลักลอบเข้าไปในยามวิกาลโดยคาดว่า
ไม่มีบุคคลใดอยู่บ้านถือได้ว่าจาเลยมีเจตนาจะลักทรัพย์ผู้เสียหาย เมื่อจาเลยเข้าไปในบ้านได้
แล้ว จาเลยเดินลงไปที่ชั้นล่างซึ่งเป็นบริเวณร้านขายของชาทันที แม้จาเลยจะยังไม่ได้แตะต้อง
ตัวทรัพย์ก็ตาม การกระทาของจาเลยถือว่าใกล้ชิดต่อผลที่จะเอาทรัพย์ไปได้ ถือว่าอยู่ในขั้นลง
มือกระทาความผิดแล้วเพียงแต่กระทาไปไม่ตลอดเพราะมีผู้มาพบจาเลยก่อนที่จาเลยจะลัก
ทรัพย์ของผู้เสียหายไป จาเลยมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน
โดยเข้าทางช่องทางซึ่งทาขึ้นโดยไม่ได้จานงให้เป็นทางคนเข้า ตามมาตรา 335 (1) (4) (8) วรรค
สอง ประกอบ มาตรา 336 ทวิ, 80
2. กระทาถึงขั้นลงมือกระทาความผิด
หลักตามแนวของศาลไทย
ฎีกาที่ 7562/2540 ขณะที่จาเลยทั้งสองถูกจับพร้อมของกลางคงเหลือเวลาอีกเพียง 3
วั น ก็ จ ะถึ ง ก าหนดวั น เลื อ กตั้ ง ส.ส. นั บ ว่ า เป็ น ระยะเวลาที่ ใ กล้ ชิ ด กั บ วั น เลื อ กตั้ ง มากแล้ ว
ประกอบกับลักษณะธนบัตรของกลางที่จาเลยทั้งสองจัดทาขึ้นเป็นชุดพร้อมที่จะนาไปแจกจ่าย
หรือให้แก่บรรดาผู้เลือกตั้งดังกล่าวได้ตามบัญชีรายชื่อหัวคะแนนแต่ละหมู่บ้านบัญชี รายชื่อ
แกนนา บัญชีรายชื่อผู้รับผิดชอบแต่ละตาบลในอาเภอบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้ง (ส.ส.13) ของ
อาเภอ ตารางแสดงจานวนหมู่บ้าน ตลอดจนข้อมูลหน่วยเลือกตั้งตาบลต่าง ๆ ในอาเภอในเขต
เลือกตั้ง ดังนั้น ที่จาเลยทั้งสองรวบรวมไว้แล้ว ซึ่งแสดงว่าจาเลยทั้งสองมีเจตนาจะให้ทรัพย์สิน
เพื่อจะจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งจะให้แก่ผู้สมัคร และจาเลยทั้งสองก็ได้เตรียมจัดหา
ทรั พ ย์ สิ น คื อ ธนบั ต รชนิ ด ราคา 100 บาท และชนิ ด ราคา 20 บาท รวมทั้ ง ของกลางต่ า ง ๆ
ดังกล่าว แล้วจาเลยทั้งสองได้ลงมือดาเนินการตามเจตนาข้างต้นโดยนาธนบัตรมาเย็บติดกัน
2. กระทาถึงขั้นลงมือกระทาความผิด
หลักตามแนวของศาลไทย
ฎีกาที่ 7562/2540 เป็นชุดมัดรวมกัน มัดละ 100 ชุดบรรจุในกล่องกระดาษและถุงทะเล
เสร็จพร้อมที่จะนาไปให้แก่บุคคลผู้เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งได้ทันที่ การกระทาของจาเลยทั้ง
สองดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการกระทาที่ล่วงไปถึงขั้นตอนสุดท้ายของการดาเนินการนาธนบัตร
ของกลางไปแจกจ่ายหรือให้แก่บรรดาผู้เลือกตั้งเพื่อจะจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้ง
ให้แก่ผู้สมัครที่จาเลยทั้งสองให้การสนับสนุน เป็นการกระทาที่ใกล้ชิดต่อความผิดสาเร็จที่จะ
เกิดขึ้น ถือว่าการกระทาของจาเลยทั้งสองพ้นขั้นตระเตรียมการเข้าสู่การลงมือกระทาความผิด
แล้ว หากแต่ไม่สาเร็จเพราะเจ้าพนักงานตารวจจับจาเลยทั้งสองได้เสียก่อนมิฉะนั้นแล้วจาเลย
ทั้ ง สองก็ จ ะกระท าความผิ ด ต่ อ ไปได้ ส าเร็ จ จ าเลยทั้ ง สองย่ อ มมี ค วามผิ ด ฐานพยายามให้
ทรัพย์สินแก่ผู้เลือกตั้งเพื่อจะจูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครดังที่โจทก์ฟ้อง
แล้ว และธนบัตรของกลางกับของกลางอื่นถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อใช้ในการกระทา
ความผิด ศาลย่อมมีอานาจสั่งให้ริบ ตามมาตรา 33(1)
2. กระทาถึงขั้นลงมือกระทาความผิด
หลักความใกล้ชิดต่อผล (The Proximity Rule)
1. หากผู้กระทาได้กระทา “ขั้นสุดท้าย” (last act) ซึ่งจะต้องกระทาเพื่อให้
ความผิดสาเร็จถือว่าการกระทานั้นใกล้ชิดต่อผลเป็นการลงมือกระทาความผิดแล้ว
หลักความใกล้ชิดต่อผล
ตัวอย่าง
1. ฆ่าด้วยปืน ขั้นสุดท้ายคือ ลั่นไกปืน
2. ฆ่าด้วยการวางยาพิษ ขั้นสุดท้ายคือ วางยา
3. แจ้งความเท็จด้วยการส่งจดหมาย ขั้นสุดท้าย คือ ส่งไปรษณีย์
4. การกระทาความผิดโดยอ้อม เช่น หลอกให้ผู้ไม่มีเจตนาในการกระทา
ความผิด (innocent agent) กระทา ถือว่า ขั้นสุดท้ายคือ การหลอก
หลักความใกล้ชิดต่อผล
ตัวอย่าง
ฎีกาที่ 2143/2536 (ฎส.10, หน้า 92) จาเลยเอายาเบื่อหนูใส่ในโอ่งน้าดื่มของ
ผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายทราบเสียก่อนจึงไม่ยอมดื่มน้า
ดังกล่าว จาเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าตามมาตรา 288 ประกอบกับมาตรา 80
และมีความผิดฐานปลอมปนเครื่องอุปโภคบริโภคตามมาตรา 236 ด้วย ลงโทษตาม
มาตรา 288, 80 อันเป็นบทหนักตามมาตรา 90 ข้อสังเกต การกระทาของจาเลย
น่าจะถือว่าเป็นการพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามมาตรา 289 (4) , 80 แต่
โจทก์ฟ้องจาเลยตามมาตรา 288, 80 เท่านั้น
หลักความใกล้ชิดต่อผล
ตัวอย่าง
ฎี ก าที่ 7037/2547 (ฎน, หน้ า 1556) กระบอกฉี ด ยาที่ ไ ม่ มี เ ข็ ม ฉี ด ยาก็
สามารถฉีดของเหลวเข้าสู่ร่างกายกระบือทางปากหรือทวารได้ จาเลยมีกระบอกฉีด
ยาบรรจุสารพิษไว้และจาเลยกาลังจับเชือกที่ผูกกระบือ ในลักษณะที่พร้อมจะลงมือ
ฉีดสารพิษใส่เข้าไปในตัวกระบือ การกระทาของจาเลยใกล้ชิดต่อผลแห่งการทาให้
เสียทรัพย์ ถือว่าลงมือกระทาแล้วแต่กระทาไปไม่ตลอด เพราะเจ้าของกระบือมา
พบและขัดขวางเสียก่อน จาเลยจึงมีความผิดฐานพยายามทาให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็น
ปศุสัตว์ตามประมวลกฎหมายอายามาตรา 359 (2), 80
หลักความใกล้ชิดต่อผล
ข้อที่ต้องจา
“ใกล้ชิด” นี้ ไม่คานึงระยะเวลา และ ไม่คานึงถึงการ
กระทาของผู้เสียหายเอง
หลักความใกล้ชิดต่อผล
ลองพิจารณาข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
1. แดงต้องการฆ่าดาจึ งเอายาพิษผสมในน้าส่งให้ดาดื่ม แต่ดาเห็น
ขาวกระหายน้ าพอดี จึ ง ส่ ง น้ าให้ ข าวดื่ ม แต่ ข าวไม่ ทั น ดื่ ม ก็ ท าน้ านั้ น หก
เสียก่อน
2. แดงต้องการฆ่าดาซึ่งเป็นสามี จึงซื้อยาพิษมาใสในขวดเกลือไว้
เพื่อจะผสมในอาหารเย็น แต่ดากลับบ้านมาก่อนเวลาและนาขวดเกลือ
บรรจุยาพิษมาโรยอาหารกิน
หลักความใกล้ชิดต่อผล
2. แม้ว่ามิใช่การกระทาใน “ขั้นสุดท้าย” จริง ๆ ในแง่ของผู้กระทาก็อาจถือ
ว่าเป็นการลงมือกระทาความผิดได้ หากเป็นการกระทาที่เป็น “ส่วนหนึ่ง” ของ
การที่ประสงค์จะกระทาติดต่อกันจนใกล้ชิดต่อผล
กรณีนี้เป็นการขยายหลักการ “กระทาขั้นสุดท้ายออกไป”
หลักความใกล้ชิดต่อผล
ตัวอย่าง
1. ทยอยวางยาพิษให้ผู้ตายกินวันละมื้อ กินครบ 7 วันถึงตาย ถือว่าลงมือ
ตั้งแต่วางยามื้อแรก
2. จ้องปืนขึ้นเล็ง แม้ยังไม่ทันได้ลั่นไกปืน ก็เป็นการลงมือแล้ว
หลักความใกล้ชิดต่อผล
ตัวอย่าง
ฎีกาที่ 147/2504 การที่จาเลยยกปืนที่พร้อมจะยิงได้จ้องไปทางตารวจซึ่ง
กาลังกอดปล้าจับกุมพวกของจาเลยโดยเจตนาที่จะยิง แม้ยังมิทันขึ้นนกปืนก็ตามก็
เป็นพยายามกระทาผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานผู้กระทาการตามหน้าที่แล้ว เพราะการ
ลงมือยิงได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่ยกปืนที่พร้อมจะยิงขึ้นเล็งไปยังเป้าหมาย
การขึ้ น นกแล้ ว สั บ ไกเป็ น ขั้ น สุ ด ท้ า ยที่ ท าให้ ก ารยิ ง ส าเร็ จ การลงมื อ ยิ ง ได้
เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่ยกปืนที่พร้อมจะยิงได้เล็งไปยังเป้าหมายโดยเจตนาที่จะยิง แม้
มิทันขึ้นนกปืนเพื่อสับไกก็เป็นพยายามกระทาผิดแล้ว
หลักความใกล้ชิดต่อผล
นอกจากนี้ยังมีหลักในทางตาราอธิบายว่า “หากเป็นการกระทาที่ใกล้ชิดกับ
การกระทาขั้นสุดท้ายจริง ๆ” ก็ถือว่า “ใกล้ชิดต่อผล” เช่นกัน (penultimate act)
เป็นการกระทาไปไม่ตลอด จาเลยก็มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายแล้ว
(ฎีกาที่ 1746/2518)
3. ผู้กระทากระทาไปไม่ตลอด หรือกระทาไปตลอดแล้วแต่การกระทาไม่
บรรลุผล
ลองพิจารณาข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
2. จ าเลยน าส าเนาระเบี ย นแสดงผลการเรีย นที่จ าเลยท าปลอมขึ้น แนบไป
พร้อมใบสมัครและใบขึ้นทะเบียนนักศึกษา ส่งไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อประโยชน์
ของจาเลยในการใช้หลักฐานปลอมดังกล่าวสมัครเข้าเป็นศึกษาโดยมุ่งประสงค์
ให้เจ้าพนักงานหลงเชื่อว่าสาเนาระเบียนแสดงผลการเรียนดังกล่าวเป็นเอกสาร
อันแท้จริง แต่พนักงานไปรษณีย์ได้ทาหายไประหว่างนาส่ง
เป็นการกระทาไปไม่ตลอด จาเลยก็มีความผิดฐานพยายามแจ้งข้อความเท็จ
แก่เจ้าพนักงานตามมาตรา 137 ,มาตรา 80 (เทียบ ฎีกาที่ 1489/2552)
3. ผู้กระทากระทาไปไม่ตลอด หรือกระทาไปตลอดแล้วแต่การกระทาไม่
บรรลุผล
ลองพิจารณาข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
3.จ าเลยยิ ง ปื น ตรงไปทางผู้ เ สี ย หาย แต่ ก ระสุ น ปื น ไม่ ถู ก ผู้ เ สี ย หาย เพราะ
ผู้เสีย หายหลบเสียก่ อนนั้ นเป็น การกระทาไปตลอดแล้ว หากแต่ไม่บรรลุผล
ตามที่เจตนาเท่านั้น จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าคน
เป็นการกระทาไปตลอดแล้ว หากแต่ไม่บรรลุผลตามที่เจตนาเท่านั้น จึงเป็น
ความผิดฐานพยายามฆ่าคน (ฎีกาที่ 864/2502 )
3. ผู้กระทากระทาไปไม่ตลอด หรือกระทาไปตลอดแล้วแต่การกระทาไม่
บรรลุผล
ลองพิจารณาข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
4. แดงต้องการฆ่าดา จึงยิงปืนไปยังดา ดาถูกปืน แต่แพทย์รักษาช่วยชีวิตไว้ได้