Professional Documents
Culture Documents
กฎหมายอาญาสำหรับตำรวจ 7 มค 61
กฎหมายอาญาสำหรับตำรวจ 7 มค 61
สิทธิพน
ั ธุ ์ สีนวล
รอง สว.ฝอ.บก.สอ.บช.ตชด.
7 ก.พ. 61
่ นของความผิดทางอาญา
การเริมต้
่
การพิจารณาเรืองเริ
มต่ ้นของความผิดนี ้
จะแบ่งการพิจารณาออกเป็ น 3 ส่วน คือ
1. เจตนา
2. ตระเตรียม
3. พยายาม
1) เจตนา = คิด + ตกลงใจ
เจตนาในทีนี ้ นสภาพทางจิตใจ
่ เป็
การกระทาตามทีกฎหมายบั ่ ญญัตต ิ ้อง
ประกอบด ้วย สภาพทางจิตใจจึงจะเป็ นความผิด
ก่อนทีจะเริ่ ่
มการกระท าอย่างหนึ่ งอย่างใด
ผูก้ ระทาต ้องคิดทบทวนในใจก่อนทีจะตกลงใจ ่
หรือไม่
้ ดและตกลงใจนี เป็
ในขันคิ ้ นการกระทาภายใน
่ ตใจ จะมีผลทางกฎหมายหรือไม่ขนอยู
เป็ นเรืองจิ ึ้ ่
กับการกระทาภายนอกทีแสดงออกมา ่ เพียงแต่คดิ
อยู่ในใจจะชวร ่ ั ้ายเพียงใดหากยังไม่ได ้แสดงออกมา
ภายนอกตามทีคิ ่ ดนั้นยังไม่เป็ นความผิด
2) ตระเตรียม
่ ดและตกลงใจ (เจตนา) แล ้ว จึงหาวิธก
-เมือคิ ี ารในการกระทาตามที่
คิดนั้น
้
-การตระเตรียมนี โดยปกติ ่ ้นกระทาความผิด
ยงั ไม่ถอื ว่าเป็ นการเริมต
่
ในฐานะทีเจตนาจะกระท าแต่อาจมีผลบางประการ คือ
1. ในความผิดบางอย่างกฎหมายถือว่าการกระทาในขัน ้
่ อเป็ นความผิดเท่ากับความผิดสาเร็จ
ตระเตรียมก็ร ้ายแรงพอทีจะถื
และ
-บัญญัตใิ ห ้ลงโทษเท่ากับความผิดสาเร็จ เช่น
มาตรา107, 108, 109, 110, 114 และ 128
-หรือถือเป็ นความผิดเท่ากับพยายามกระทา
ความผิด เช่น มาตรา 219 ซึงอาจเป็ ่ นเพราะความยากในการพิสจู น์
ความผิดฐานพยายามวางเพลิงว่าต่างกับตระเตรียมอย่างไร จึง
บัญญัตไิ ว ้ว่า การตระเตรียมหรือพยายามวางเพลิงมีโทษ
เช่นเดียวกัน
3) ลงมือ –พยายาม
้
ถัดจากขันตระเตรี ่
ยมเพือกระท ้
าความผิด ก็มาถึงขันลงมื อ
กระทาความผิด ซึงถื ่ อว่าเป็ นการเริมต
่ ้นของความผิด กล่าวคือ เมือ ่
่
เริมลงมื อกระทาความผิดก็เข้าขันพยายามแล้้ ว
้ั มี
ในชนนี ้ หลักในการพิจารณา 2 ประการคือ
1.ตามแนวของศาลฎีกาวางหลักว่า “ขันลงมื ้ อกระทา
ความผิด” จะต้องเป็ นการกระทาทีได้ ่ กระทาลงจนใกล้ชด ิ
กับผลสาเร็จอ ันพึงเห็นได้ประจักษ ์แล้ว ทังนี ้ ย่้ อมอยู่ในดุลพินิจ
ของศาล
2.ตามแนวทางทฤษฎีนีต ้ ้องแยกพิจารณาว่า การกระทา
ความผิดนั้นประกอบด ้วยกรรม ๆ เดียว หรือประกอบด ้วยกรรมหลาย
กรรม กล่าวคือ
ก.ถ ้าการกระทาความผิดประกอบด ้วยกรรม ๆ
เดียวกัน และการกระทานั้น ซึงในทางธรรมชาติ
่ เป็ นอันหนึ่ งอัน
เดียวกับการกระทาความผิด ต ้องเอาการกระทานั้นเป็ นการลงมือ
กระทาความผิด เช่น การยิง การฟัน
ข. ถ ้าการกระทาความผิดประกอบด ้วยกรรมหลาย
4) ความผิดสาเร็จ
้
หมายถึง การกระทาถึงขันลงมื อนั้น ได ้
กระทาไปจนตลอดและบรรลุผลตามทีผู ่ ้กระทามุ่ง
ประสงค ์
การกระทาความผิดสาเร็จมีได ้เฉพาะกรณี
่ ้องการผลเท่านั้น
ความผิดทีต
6. การกระทาโดยพยายาม
1 . ก า ร พ ยกระท
า ย า มาความผิ
ก ร ะ ท า คด
ว า ม ผิ ด ที่
เป็ นไปไม่ได้โดยบังเอิญ
ม า ต ร า 80 ผู ้ใ ด ล ง มื อ ก ร ะ ท า
ความผิดแต่กระทาไปไม่ตลอด หรือ
กระท าไปตลอดแล้วแต่การกระทา
นั้นไม่ บ รรลุ ผ ล ผู น
้ ้ั นพยายามกระท า
ความผิด
้
2. การพ ยายามกระ ท าความผิ ด ที่
เป็ นไปไม่ได้อย่างแน่ แท้
มาตรา 81 ผูใ้ ดกระทาการโดยมุ่งต่อ
่
ผลซึงกฎหมายบั ญ ญัติ เ ป็ นความผิ ด แต่
การกระทานันไม่้ สามารถจะบรรลุผลได้
อย่ า งแน่ แท้ เพราะเหตุ ปั จ จัย ซึงใช้ ่ ใน
การกระทาหรือเหตุแห่งวต ั ถุทมุ ี่ ่งหมาย
กระท าต่ อ ให ถ ้ ้ั นพยายามกระท า
้ ือ ว่ า ผู น
ความผิด แต่ ใ ห ล้ งโทษไม่ เ กิน กึงหนึ ่ ่ งของ
โทษที่กฎหมายก าหนดไว ส้ าหร บ ั ความผิด
3. การพยายามกระท าความผิดโดยการ
้
ยับยังหรื
อกลับใจแก้ไข
ม า ต ร า 82 ผู ้ ใ ด พ ย า ย า ม ก ร ะ ท า
ความผิด หากยับ ยังเสี ้ ยเองไม่ กระทาการ
ให ต ้ ลอด หรือ กลับใจแก้ไ ขไม่ ใ ห ก ้ าร
กระท านั้ นบรรลุ ผ ล ผู น ้ ้ั นไม่ ต อ
้ งร บ
ั โทษ
สาหรบั การพยายามกระทาความผิดนั้น แต่
ถ า้ ก า ร ที่ ไ ด ก
้ ร ะ ท า ไ ป แ ล ้ว ต ้อ ง ต า ม บ ท
กฎหมายที่บัญ ญัติเ ป็ นความผิด ผู น ้ ้ั นต อ้ ง
้
1. พยายามกระทาความผิด
ธรรมดา/ความบังเอิญ
การพยายามกระทาความผิดธรรมดา (มาตรา 80)
ประกอบด ้วยหลักเกณฑ ์ 3 ประการ คือ
• ผูก้ ระทาจะต ้องมีเจตนากระทาความผิด
• ผูก้ ระทาจะต ้องลงมือกระทาความผิดแล ้ว
• ผูก้ ระทากระทาไปไม่ตลอด หรือกระทาไปตลอด
แล ้วแต่การกระทา นั้นไม่บรรลุผล
่ นไป
2. การพยายามกระทาความผิดทีเป็
ไม่ได้อย่างแน่ แท้
การพยายามกระทาความผิดซึงการกระท ่ านั้นไม่
สามารถบรรลุผลได ้อย่างแน่ แท ้ (มาตรา 81)
ประกอบด ้วยหลักเกณฑ ์ 3 ประการ
• ผูก้ ระทาการต ้องมีเจตนากระทาความผิด
• ่
โดยมุ่งต่อผลซึงกฎหมายบั ญญัตเิ ป็ นความผิด
• การกระทาไม่สามารถบรรลุผลได ้อย่างแน่ แท ้
เพราะ เหตุปัจจัยซึง่ ใช ้ในการกระทา หรือเหตุ
แห่งวัตถุทมุ ี่ ่งหมายกระทาต่อ
การพยายามกระท าความผิ ด ม.80 นั้ นเป็ นการ
กระท าที่ ไม่ บ รรลุ เจตนาของผู ้ก ระท า เมื่ อยังไ ม่
บรรลุ ผ ลก็ย งั ไม่ เ ป็ นความผิด ส าเร็จ โดยสาเหตุ ข อง
การไม่บรรลุผลนันมี ้ 2 ประการคือ
นายแดงต อ
้ งการฆ่ า นายด า จึง เอาปื นยิ งไปนายด า
ปรากฏว่านายแดงไม่ทราบว่าปื นทีน ่ าไปยิงนาย
ดานั้นไม่มล ี ู กกระสุนหรือเป็ นปื นปลอม นายดาจึง
ไม่ ต าย เช่ น นี ้ จะเห็ นว่ า การฆ่ านายด านั้ นไม่ อ าจ
่
บรรลุผลได ้อย่างแน่ แท ้ เพราะปื นทีนายแดงใช ้ยิงนายดา
นั้ นไม่ อาจจะฆ่ านายดาใหถ้ งึ ตายได ้ ไม่ ใช่เรืองบั
่ งเอิญ
ตาม ม. 80 แต่เป็ นเรืองที ่ ่ สามารถบรรลุผลไดอ้ ย่าง
ไม่
แน่ แท ้ ตาม ม.81 เพราะเหตุปัจจัยทีใช ่ ้ในการกระทา
ี่ ่งหมายกระทาต่อ
2) เหตุแห่งวัตถุทมุ
่ ้านของนายดา เห็นเงา
นายแดงต ้องการฆ่านายดา จึงเข ้าไปทีบ
ดาๆ นั่งอยู่ในรถทีจอดไว
่ ้ใต ้ถุนบ ้านนายดา นายแดงเข ้าใจว่าเป็ น
นายดา แต่ความจริงนายดานอนอยู่บนบ ้าน แดงจึงใช ้ปื นยิงเบาะ
รถนั้น กรณี เช่นนี จะเห็
้ ่
นว่า การทีนายแดงเอาปื นยิงเบาะรถโดย
เข ้าใจว่าเป็ นนายดานั้นเป็ นการกระทาทีไม่ ่ อาจจะทาให ้นายดา
ตายได ้อย่างแน่ แท ้ เพราะเหตุแห่งวัตถุทมุี่ ่งหมายกระทาต่อ ไม่ใช่
เรืองบั ้
่ งเอิญแต่อย่างใด ดังนี นายแดงย่ อมมีความผิดเป็ นการ
พยายามกระทาความผิดตาม ม.81
"การลงมือพยายาม" กระทาความผิดใน
ความผิดต่อชีวต
ิ และร่างกาย กรณี ใช้อาวุธ
ปื น
่ ด
- ฎ 870/2526 ผูเ้ สียหายกับจาเลยทะเลาะกัน ในทีสุ
่ าอกผู เ้ สียหาย และขึนนกจะ
จาเลยช ักปื นเล็งไปทีหน้ ้
ยิงในระยะห่างประมาณ 1 เมตรเศษ สามีจาเลยเข ้าจับมือ
"การตระเตรียม" กระทาความผิดในความผิดต่อชีวต
ิ และ
ร่างกาย กรณี ใช้อาวุธปื น
คาพิพากษาฎีกาที่ 1647/2512 จาเลยไม่พอใจผูเ้ สียหายและพูดว่า
๋ ง ผูเ้ สียหายท ้าให ้ยิง จาเลยควก
เดียวยิ ั ปื นออกมา ปากกระบอกเพิง่
พ้นจากเอว ยังไม่ทน ั หันมาทางผู เ้ สียหาย ถูกผูเ้ สียหายแย่งไปได ้
การชักปื นออกมา เป็ นเพียงเตรียมการเอาปื นออกมาเท่านัน ้ ยัง
้
ไม่ถงึ ขันลงมื อ ปื นยังไม่พน ้ จากเอว จาเลยอาจทาท่าขู่กไ็ ด้ ยัง
ไม่พอฟังว่ามีเจตนาจะฆ่า จึงยังไม่เป็ นพยายามกระทาความผิดตาม ม
80
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1120/2517 ขณะทีเจ ่ ้าพนักงานตารวจเข ้าจับกุม
้
จาเลย จาเลยได้ช ักอาวุธปื นสันออกจากเอว แล้วกระชากลู ก
่
เลือนเพื ่
อให้กระสุนเข้าลากล้อง แต่เจ ้าพนักงานตารวจวิงเข ่ ้ามา
ขัดขวางป้ องกัน มิให ้จาเลยกระชากลูกเลือนได ่ ้ และแย่งปื นจากจาเลย
ไป ดังนี ้ จาเลยยังไม่อยู ่ในสภาพพร ้อมจะยิง จาเลยจึงไม่มค ี วามผิด
ฐานพยายามฆ่า (แต่ในข ้อหาต่อสู ้ขัดขวางเจ ้าพนักงานนั้น น่ าจะถึงขัน ้
ผิดสาเร็จแล ้ว)
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2604/2526 จาเลยไม่พอใจหาว่าผูเ้ สียหายเป็ น
กรรมการตัดสินการแข่งขันฟุตบอลไม่ยต ุ ธิ รรม จึงกลับไปบ ้านนาเอา
อาวุธปื นสันมี ้ กระสินบรรจุอยู่ แล ้วขับรถจักรยานยนต ์เข ้าไปจอดใน
คาพิพากษาฎีกาที่ 2143/2536
ป.อ. มาตรา 80, 236
จาเลยเอายาเบือหนู่ ้ มของผู
ใส่ในโอ่งนาดื ่ ้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า
ผูเ้ สียหาย แต่ผูเ้ สียหายทราบเสียก่อนไม่ยอมดืมน่ าดั
้ งกล่าว
ผูเ้ สียหายจึงไม่ถงึ แก่ความตาย การกระทาของจาเลยเข ้าลักษณะ
เป็ นการปลอมปนเครืองอุ ่ ปโภคบริโภคเพือบุ ่ คคลอืนเสพหรื
่ อใช ้
และการปลอมปนนั้นน่ าจะเป็ นเหตุให ้เกิดอันตรายแก่สข ุ ภาพ
จาเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 236 และ
มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80กรณี เป็ นกรรมเดียวผิดต่อ
กฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 288 ประกอบมาตรา 80
่ นบทหนักตามมาตรา 90
ซึงเป็
คาพิพากษาฎีกาที่ 7037/2547
ป.วิ.อ. มาตรา 192
ป.อ. มาตรา 80, 358
คาว่า "ฉี ด" ตามพจนานุ กรม ให ้ความหมายไว ้ว่า "ใช ้กาลังอัด
หรือดันของเหลวพุ่งออกจากช่องเล็ก ๆ" ดังนั้น กระบอกฉี ดยาที่
ไม่มเี ข็มฉี ดยาก็สามารถฉี ดของเหลวเข ้าสูร่ า่ งกายกระบือโดยทาง
ปากหรือทางทวารได ้ และเมือข้ ่ อเท็จจริงฟั งได้วา ่ จาเลยมี
กระบอกฉี ดยาบรรจุสารพิษไว้แล้ว และจาเลยกาลังจับ
เชือกทีผู ่
่ กกระบือของผู เ้ สียหายซึงพร ่
้อมทีจะลงมื อฉี ด
สารพิษใส่เข้าไปในตัวกระบือ การกระทาของจาเลยดังนี ้
ใกล้ชด ิ ต่อผลแห่งการกระทาให้เสียทร ัพย ์ถือว่าเป็ นการ
ลงมือกระทาความผิดแล้วแต่กระทาไปไม่ตลอดเพราะ
ผู เ้ สียหายมาพบและเข้าขัดขวางเสียก่อน จาเลยจึงมี
ความผิดฐานพยายามทาให ้เสียทร ัพย ์ และเมือศาลฎี ่ กาฟังว่า
่
ข ้อเท็จจริงทีปรากฏในการพิ จารณาดังกล่าวถือว่าจาเลยได ้ลงมือ
้
กระทาความผิดพ้นขันตระเตรี ยมการแล ้ว จึงถือไม่ได ้ว่าแตกต่าง
คาพิพากษาฎีกาที่ 2757/2552
ป.อ. มาตรา 80, 81, 218 (1)
่
จาเลยใช ้ไฟแช็กแก๊สจุดไฟบริเวณทีราดน ้ นซึงเป็
ามั ่ นพืน้
ปูนซีเมนต ์และประตูหน้าบ ้านของผูเ้ สียหายซึงเป็่ นประตูเหล็ก แต่
วัตถุดงั กล่าวหาใช่วา่ จะไม่สามารถติดไฟได ้เลยอย่างแน่ แท ้ไม่
เพราะนามั้ นเบนซินเป็ นวัตถุไวไฟติดไฟง่ายสามารถเผาผลาญ
้ อไฟติ
ปูนซีเมนต ์และเหล็กได ้ ทังเมื ่ ดแล ้วอาจจะลุกลามกระจายเป็ น
วงกว ้างไปไหม้บ ้านของผูเ้ สียหายได ้ การทีจ่ าเลยจุดไฟไม่ตด
ิ จึง
เป็ นเหตุบงั เอิญมากกว่า การกระทาของจาเลยจึงไม่เป็ นความผิด
ฐานพยายามกระทาความผิดทีไม่ ่ สามารถบรรลุผลได ้อย่างแน่ แท ้
ตาม ป.อ. มาตรา 81 แต่เป็ นความผิดฐานพยายามซึงอาจ ่
บรรลุผลได ้ตาม ป.อ. มาตรา 80
คาพิพากษาฎีกาที่ 980/2502
ป.อ. มาตรา 80, 81, 288
ี่
กรณี ทจะปร ้
ับด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81 นัน
่
เกียวกั บปั จจย ่ ในการกระทาผิดไม่สามารถจะกระทาให้
ั ซึงใช้
บรรลุผลได้อย่างแน่ แท้ เช่น ใช้ปืนทีมิ ่ ได้มก
ี ระสุนบรรจุอยู ่เลย
ยิงคน โดยเข้าใจผิดคิดว่ามีกระสุนบรรจุอยู ่พร ้อมแล้ว ซึง่
อย่างไรๆ ก็ย่อมจะทาให้ผูถ ้ ู กยิงได้ร ับอ ันตรายจากการยิงมิได้
่ ั ้ จึงจะถือได้วา
เลย ดงนี ่ เป็ นกรณี ทไม่ ี่ สามารถบรรลุผลได้อย่าง
แน่ แท้
มาตรา ๘๓ บัญญัตวิ า
่ "ในกรณี ความผิดใดเกิดขึน ้
โดยการกระทาของบุคคลตังแต่ ้ ้
สองคนขึนไป ี่ รว่ ม
้ ได้
ผู ท
้
กระทาความผิดด้วยกันนันเป็ นตัวการ ต้องระวางโทษ
่
ตามทีกฎหมายก าหนดไว้สาหร ับความผิดนัน" ้
๒. ในระหว่างบุคคลตังแต่ ้ ้
๒ คนขึนไป
ตัวการตามมาตรา ๘๓ หมายถึงบุคคลตังแต่ ้ ้
๒ คนขึนไปร่ วม
กระทาความผิดด ้วยกัน หากคนๆ เดียวทาผิด ไม่ถอื ว่าเป็ นตัวการ
ตามมาตรา ๘๓ บุคคลตังแต่ ้ ้
๒ คนขึนไปนี ้
คนหนึ ่ งอาจเป็ นนิ ต ิ
บุคคล อีกคนหนึ่ งเป็ นบุคคลธรรมดาก็ได ้
๓. โดยมีการกระทาร่วมกัน ในขณะกระทาความผิด
การกระทาร่วมกันมีหลายกรณี ดังนี ้
๓.๑ หมายถึง การร่วมกระทาส่วนหนึ่ งของการ
้
กระทาทังหมดที ่
รวมกันเป็ นความผิดขึน ้
ตัวอย่าง
(ฎีกาที่ ๕๕๙/ ๒๕๑๔)
่
จาเลยร่วมกับพีชายของจ าเลยทาร ้ายผู ้ตาย โดยจาเลยเป็ น
่
คนแทง พีชายของจ ่
าเลยเป็ นคนยิง จาเลยและพีชายของจ าเลยมี
ความผิดฐานเป็ นตัวการฆ่าผูอ้ น ื่
๓.๒ หมายถึง การแบ่งหน้าทีกันท ่ า
ตัวอย่าง
(ฎีกาที่ ๕๖๕/ ๒๕๐๒)
่
แม้จาเลยมิได ้ลงมือกระทาการปล ้น เพียงร ับหน้าทีคอยแจ ้ง
สัญญาณอันตรายให ้พวกทราบ ซึงเป็ ่ นการกระทาส่วนหนึ่ งเพือให ่ ้
การปล ้นบรรลุสาเร็จ ก็เรียกได ้ว่าจาเลยได ้เป็ นตัวการกระทาความผิด
ฐานปล ้นทร ัพย ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ แล ้ว
๓.๓ หมายถึง การอยู ่รว ่ ดเหตุในลักษณะ
่ มหรือใกล้เคียงกับทีเกิ
่ ้อมจะช่วยเหลือก ันได้ทน
ทีพร ั ที
ตัวอย่าง
(ฎีกาที่ ๓๓๖๘/ ๒๕๒๙)
จาเลยไปกับ ส. ด ้วยในขณะที่ ส. ยิง ฉ. กับพวก กระสุนปื นถูก
ก. แม ้จาเลยมิใช่ผูย้ งิ แต่จาเลยเป็ นบิดา ส. ตรงทีเกิ ่ ดเหตุเป็ นป่ าโดย
ปกติจะไม่มผ ี ูส้ ญ ่ ดเหตุแล ้วจาเลยวิงหนี
ั จรไปมา เมือเกิ ่ ไปกับ ส. ดังนี ้
จาเลยร่วมกับ ส. กระทาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
๘๓, มาตรา ๒๘๘
๓.๔ หมายถึง การอยู ่รว่ มในทีเกิ ่ ดเหตุและก่อให้ผูอ ื่
้ นกระท า
ความผิด
ตัวอย่าง
(ฎีกาที่ ๒๕๐๔/ ๒๕๑๕)*๓
ผูต้ ายเป็ นหลานของ ท. ท.กับสามีไปทวงหนี จากสามี ้ จาเลยเกิด
ทะเลาะกันจนเกือบจะต่อสูกั ้ นผูต้ ายเข ้าห ้ามและว่าให ้ไปพูดกันทีบ ่ ้าน
่
สามี เมือไปพู ่ ต้ ายกลับ
ดกันก็ทะเลาะกันอีก ผูต้ ายเข ้าห ้ามไว ้อีก เมือผู
บ ้านแล ้วหลังจากนั้น ๑ ชัวโมง่ จาเลยกับสามีและชายอีกคนหนึ่ งมาร ้อง
ตามหาผูต้ าย พอผูต้ ายออกมาชายทีมากั ่ บจาเลยถามว่าคนไหนคือ
๔. มีเจตนากระทาร่วมกันในขณะกระทาความผิด
ี่
หมายความว่า ผูท้ กระท าการร่วมกันนั้น จะต ้องรู ้ถึงการ
กระทาของกันและกันและต่างต ้องประสงค ์ถือเอาการกระทาของแต่
ละคนเป็ นการกระทาของตนด ้วย กล่าวคือ มุ่งหมายให ้ความผิด
นั้นสาเร็จดุจทาด ้วยตนเอง ถึงแม้จะมิได ้ทาจริงด ้วยมือของตนเอง
ก็ตาม*๔
ตัวอย่าง
(ฎีกาที่ ๗๑๘/ ๒๕๑๑)
จาเลยสมคบกับพวกไปฉุ ดคร่าผู ้เสียหายเพือข่ ่ มขืนกระทา
ชาเรา มิได ้มุ่งประสงค ์ต่อทร ัพย ์ แต่พวกจาเลยได ้ล ้วงกระเป๋ าเอา
ทร ัพย ์ของพวกผู ้เสียหายอีกคนหนึ่ งไปด ้วย เป็ นเหตุการณ์ท ี่
้
เกิดขึนในฉั บพลันทันทีจะฟั งว่าจาเลยรู ้เห็นกับพวกในการ
ลักทร ัพย ์ด้วยมิได้ จาเลยคงผิดฐานฉุ ดคร่าและข่มขืนกระทา
ชาเราเท่านั้น
่
ข้อสังเกตเกียวกับเจตนากระท าร่วมกัน
ถ ้าผูก้ ระทามีเจตนากระทาร่วมกันแล ้ว หากมีผลปั้นปลาย
เกิดขึน้ ซึงเป็
่ นผลทีผู ่ ล้ งมือกระทาต ้องร ับผิดแม้ไม่มเี จตนา
ผูก้ ระทาทุกคนก็ย่อมต ้องร่วมกันร ับผิดในผลบันปลายนั้ ้นด ้วย
ตัวอย่าง
แดงและดาร่วมกันทาร ้ายขาว ด ้วยมีการแบ่งหน้าทีกั ่ นทา
โดยแดงเป็ นคนใช ้ไม้ตห ี วั ขาว ดาเป็ นคนดูต ้นทางอยู่ใกล ้ๆ ขาว
ได ้รับบาดเจ็บ ต่อมาขาวตาย แดงมีความผิดตามมาตรา ๒๙๐ ดา
ก็เช่นกัน โดยเป็ นตัวการตามมาตรา ๘๓ ถึงแม้วา่ ตอนแรกดาจะมี
เจตนากระทาความผิดตามมาตรา ๒๙๕ เท่านั้นร่วมกับแดงก็ตาม
ผูใช
้ ้
มาตรา ๘๔ บัญญัตวิ า ่ "มาตรา ๘๔ ผู ใ้ ดก่อให้ผูอ ื่
้ นกระท า
ความผิดไม่วา ่ ด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม
หรือด้วยวิธอ ี นใด ื่ ผู น ้ั
้ นเป็ นผู ใ้ ช้ให้กระทาความผิด
ถ้าความผิดมิได้กระทาลงไม่วา ่ จะเป็ นเพราะผู ถ ้ ู กใช้ไม่
ยอมกระทา ยังไม่ได้กระทา หรือเหตุอนใด ื่ ผู ใ้ ช้ตอ้ งระวางโทษ
เพียงหนึ่งในสามของโทษทีก ่ าหนดไว้สาหร ับความผิดนัน ้
ถ้าผู ถ ้ ู กใช้ได้กระทาความผิดนัน ้ ผู ใ้ ช้ตอ ้ งร ับโทษเสมือน
เป็ นตัวการ และถ้าผู ถ ้ ู กใช้เป็ นบุคคลอายุไม่เกินสิบแปดปี ผู พ ้ ก ิ าร
ผู ท
้ ุพพลภาพ ลู กจ้างหรือผู ท ี่ ่ใต้บงั คบ
้ อยู ั บัญชาของผู ใ้ ช้ ผู ท ี่
้ มี
ฐานะยากจน หรือผู ต ้ อ ่
้ งพึงพาผู ใ้ ช้เพราะเหตุป่วยเจ็บหรือไม่วา ่
ทางใด ให้เพิมโทษที ่ ่
จะลงแก่ ึ่
ผูใ้ ช้กงหนึ ่ งของโทษทีศาลก ่ าหนด
สาหร ับผู น ้ั
้ น"
่
ตามทีประมวลกฎหมายอาญาได ้บัญญัตไิ ว ้ดังกล่าวแล ้ว ทาให ้เรา
่
ี่ ถ
๑. กรณี ทผู ้ ู กใช้ได้กระทา
ความผิด
ผูใ้ ช ้ต ้องร ับโทษเสมือนเป็ นตัวการ คือเสมือนได ้กระทาความผิด
นั้นโดยตนเองและประมวลกฎหมายอาญาเรียกผู ้นั้นว่า "ผูใ้ ช ้ให ้
กระทาความผิด" โดยได ้วางองค ์ประกอบสาหรับการเป็ นผูใ้ ช ้ใหเกระ
ทาความผิดไว ้ดังนี ้
ื่
๑.๑ ต ้องก่อให ้ผูอ้ นกระท าการอย่างใดอย่าวหนึ่ ง
๑.๒ การกระทาตามทีก่ ่ อให ้ผู ้อืนกระท
่ าการนั้นเป็ นความผิดทาง
อาญา
๑.๓ ต ้องมีเจตนาทีจะก่ ่ อให ้ผูอ้ นกระท
ื่ าการนั้นๆ ด ้วย
ี่
๒. กรณี ทความผิ
ดมิได้กระทาลง
ผูใ้ ช ้ต ้องระวางโทษเพียงหนึ่ งในสามของโทษทีก ่ าหนดไว ้สาหร ับ
ความผิดนั้น มาตรา ๘๔ วรรคสองได ้กาหนดกรณี ทความผิ ี่ ดตามทีใช่ ้มิได ้
กระทาลงไว ้ ๓ กรณี กล่าวคือ
๑.๑ ความผิดมิได้กระทาลงเพราะผู ถ ้ ู กใช้ไม่ยอมกระทา ซึง่
หมายความถึงกรณี ๒ กรณี กล่าวคือ
(๑) ผูถ้ ก ู ใบ ้ไม่ยอมร ับปากว่าจะกระทาตามทีใช ่ ้ประการหนึ่ ง
(๒) ผูถ้ ก ู ใช ้ยอมร ับปากว่าจะกระทาตามทีใช ่ ้แล ้ว แต่ภายหลังเกิด
กลับใจไม่ยอมกระทาตามทีใช ่ ้อีกประการหนึ่ ง
้ แสดงว่
ทังนี ้ ่
า เพียงทีออกปากใช ้ให ้บุคคลกระทาความผิด ไม่วา่ จะ
เป็ นความผิดอาญาสามัญหรือความผิดลหุโทษ ผูใ้ ช ้ก็มค ี วามผิดทันที คือ
ต ้องระวางโทษหนึ่ งในสามของโทษทีได ่ ้กาหนดไว ้สาหร ับความผิดทีใช ่ ้ แต่
ถ ้าภายหลังผูถ้ ก ู ใช ้ได ้กระทาความผิดตามทีใช ่ ้ ผูใ้ ช ้ก็มค ี วามผิดเสมือน
เป็ นตัวการ
๑.๒ ความผิดมิได้กระทาลงเพราะผู ถ ้ ู กใช้ยงั มิได้กระทา ซึง่
หมายความถึงเป็ นกรณี ทผู ี่ ถ้ ก ่
ู ใช ้ร ับปากทีจะกระท าแล ้ว แต่ยงั มิได ้กระทา
เช่น ผูถ้ ก
ู ใช ้ถูกจับกุมเสียก่อนลงมือกระทา เป็ นต ้น
่
การกระทาความผิดโดยทางอ้อม
การกระทาทาความผิดโดยทางอ ้อมนี ต่ ้ างกับเรืองผู
่ ใ้ ช ้ เพราะในเรือง ่
ผูใ้ ช ้นั้น ผูก้ ระทาการตามทีใช ่ ้ต ้องร ับผิดอาญาในฐานะกระทาความผิดโดย
เจตนา แต่ในกรณี การกระทาความผิดทางอ ้อมนี ้ ผูถ้ ก ่ อไม่
ู ใช ้เป็ นเครืองมื
ต ้องร ับโทษตามกฎหมายในฐานะเดียวกันกับผูใ้ ช ้ ดังนั้น การกระทา
ความผิดโดยทางอ้อมจึงอาจเกิดได้จาก
๑. การใช ้เด็กอายุไม่เกิน ๗ ปี ให ้กระทาความผิด (ตามมาตรา ๗๓)
๒. การใช ้ผูท้ ไม่ี่ สามารถรู ้ผิดชอบ หรือไม่สามารถบังคับตนเองได ้
เพราะเป็ นผูม้ จี ต ิ บกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่นเฟื อน (ตามมาตรา ๖๕) ให ้
กระทาความผิด
ี่ สามารถรู ้ผิดชอบ หรือไม่สามารถบังคับตนเองได ้
๓. การใช ้ผูท้ ไม่
เพราะเสพสุราหรือสิงมึ ่ นเมาอย่างอืน ่ ซึงผู
่ เ้ สพไม่รู ้ว่าสิงนั
่ ้นจะทาให ้มึนเมา
หรือได ้เสพโดยถูกขืนใจให ้เสพ (ตามมาตรา ๖๖) เป็ นเครืองมื ่ อกระทา
ความผิด
๔. การใช ้บุคคลทีส ่ าคัญผิดในข ้อเท็จจริงให ้กระทาความผิด โดย
บุคคลนั้นไม่มค ี วามผิดหรือไม่ต ้องร ับโทษ
๕. การใช ้ให ้บุคคลกระทาความผิดโดยประมาท
๖. การใช ้บุคคลทีไม่ ่ มค ี ณ
ุ สมบัตท ี่
ิ จะเป็ นผูก้ ระทาความผิดได ้ ให ้
กระทาความผิด
๗. การใช ้บุคคลให ้กระทาตามคาสังของตนที ่ ่ ชอบด ้วยกฎหมาย
มิ
สรุปหลักเกณฑ ์ของการเป็ น
"ผู ใ้ ช้"
๑. ผูใ้ ช ้จะต ้องมีเจตนากระทาความผิดนั้น
ู ใช ้กระทาความผิดนั้น
๒. ผูใ้ ช ้จะต ้องมีเจตนา "ก่อ" ให ้ผูถ้ ก
เจตนาอาจเป็ น "ประสงค ์ต่อผล" หรือ "เล็งเห็นผล" ก็ได ้
ู ใช ้จะต ้องกระทาความผิดนั้นโดยเจตนา
๓. ผูถ้ ก
ข้อสังเกต
ี่ ได ้เป็ นตัวการเพราะไม่มก
ผู้ทไม่ ี ารกระทาร่วมกัน
ขณะกระทาความผิด อาจเป็ นผูส้ นับสนุ นได ้หากมีการ
ช่วยเหลือหรือให ้ความสะดวก "ก่อน" การกระทา
ความผิด
๕. ไม่วา
่ ผู ก ้ จะได้รู ้หรือมิได้รู ้ถึงการ
้ ระทาความผิดนัน
ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนันหรื ้ อไม่กต ็ าม
การสนับสนุ นการกระทาความผิด อาจกร ัทาโดย
ผูส้ นับสนุ นเจตนาฝ่ ายเดียว ผูก้ ระทาความผิดทีได ่ ้ร ับการ
สนับสนุ นไม่จาต ้องรู ้ถึงการสนับสนุ นด ้วย
ตัวอย่าง
ก. ต ้องการไปลักทร ัพย ์ในบ ้านของ ข. ค. ซึงเป็ ่ นคนใช ้ใน
บ ้านของ ข. ช่วยเปิ ดประตูบ ้านทิงไว ้ ้โดยประสงค ์จะให ้ ก. เข ้ามา
ลักทร ัพย ์ได ้สะดวก ก.ได ้เข ้ามาลักทรัพย ์ในบ ้านของ ข. โดยทาง
ี่ ดไว ้นั้น เช่นนี ถื
ประตูทเปิ ้ อว่า ค. เป็ นผูส้ นับสนุ น แม้วา่ ก. จะมิได ้รู ้
ถึงการให ้ความช่วยเหลือของ ค. นั้นเลยก็ตาม
๑. เจตนาเดียวกันอันเกิดจากการกระทาอันเดียว
ฎ. ๔๐๔๕/๒๕๔๕
การทีจ่ าเลยขับรถหลบหนี และพุ่งเข ้าชนรถยนต ์ของทางราชการจนเกิด
่
ความเสียหาย จาเลยมีเจตนาทีจะกระท าขึน้ เพือหลบหนี
่ การจับกุมของ
เจ ้าพนักงานตารวจ ดังนั้น ความผิดฐานต่อสูขั ้ ดขวางเจ ้าพนักงานใน
การปฏิบต ั ก ่ บความผิดฐานทาให ้เสียทร ัพย ์จึงเป็ นกรรม
ิ ารตามหน้าทีกั
เดียว
๒. เจตนาเดียวกันอันเกิดจากการกระทาหลายอัน
ฎ.๒๔๔๘/๒๕๔๔
จาเลยใช ้ปื นยิงผูต้ าย ๓ นัด โดยมีเจตนาฆ่า จาเลยมีความผิดฐาน
พยายามฆ่า ซึงเป็่ นกรรมเดียวกับความผิดฐานยิงปื นโดยใช่เหตุในเมือง
กล่าวโดยสรุป ตามมาตรา ๙๐ จะต้องเป็ นไปดังนี ้
๑. ในกรณี ทเป็ ี่ นการกระทาโดยเจตนา “กรรมเดียว” หมายถึง
เจตนาเดียว
๒. “กรรมเดียว” นั้นเป็ นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
๓. กฎหมายหลายบทนั้น บทหนึ่ งจะต ้องไม่ใช่ บทเฉพาะ และอีก
บทหนึ่ งต ้อง
ไม่ใช่บททัวไป ่
๔. กฎหมายหลายบทนั้น บทหนึ่ งจะต ้องไม่ใช่บทฉกรรจ ์ และอีก
บทหนึ่ งจะต ้อง
ไม่ใช่บทธรรมดา
่ านขันตอนทั
เมือผ่ ้ ง้ ๔ ข ้อแล ้ว จึงจะเป็ นกรณี กรรมเดียวผิด
กฎหมายหลายบทและลงโทษบทหนัก ตามมาตรา ๙๐
คาพิพากษาฎีกาที่ 1618/2499 การทีจะวิ ่ นิจฉัยว่าการกระทา
ของจาเลยเป็ นความผิดหลายกะทงหรือเป็ นความผิดกะทงเดียว
แต่ต ้องด ้วย ก.ม.หลายบท มีหลักวินิจฉัยดังนี คื ้ อ ถ ้าการกระทา
ใดเป็ นความผิดต ้องด ้วย ก.ม.หลายบทแล ้ว จะแยกการกระทา
นั้นออกจากกันไม่ได ้ ก็เป็ นความผิดทีต ่ ้องด ้วย ก.ม.หลายบท
แต่ถ ้า ก.ม.บัญญัตก ิ ารกระทาเป็ นความผิดไว ้คนละอย่างต่างกัน
เช่น ลักทรัพย ์กับทาร ้ายร่างกายหรือทาร ้ายร่างกายกับบุกรุก
ดังนี ้ ผูท้ กระท
ี่ ้
าผิดทังสองอย่ างก็ต ้องเป็ นความผิด 2 กะทงไม่ใช่
ต ้องด ้วย ก.ม.หลายบท เพราะต่างกรรมต่างวาระกัน / การที่
จาเลยที1 ่ ทาผิดทังบุ
้ กรุกและพยายามฆ่าคน เป็ น
ความผิด 2 ฐาน ไม่ใช่เป็ นการกระทาเพียงอย่างเดียวจาเลย
ที่ 1 จึงต ้องมีความผิดเป็ นสองกระทง คือฐานบุกรุกกระทงหนึ่ ง
และฐานพยายามฆ่าคนอีกกระทงหนึ่ ง แต่ถ ้าความผิดอาญานั้น
่
เกียวเนื ่ องกันศาลอาจใช ้ดุลยพินิจ รวมกระทงลงโทษจาเลยได ้
่ ด” มีต ัวอย่าง ด ังนี ้
ความหมายของ “บทหนักทีสุ
(๑) โทษลาด ับทีอยู ่ ่สูงกว่าในมาตรา ๑๘ ย่อมหนักกว่าโทษใน
ลาด ับตา ่
ตัวอย่าง กฎหมายบทที่ ๑ มีโทษจาคุก หรือ ปร ับ แต่กฎหมายบทที่ ๒ มี
โทษปร ับแต่เพียงอย่างเดียว ในกรณี เช่นนี ้ ต ้องถือว่า บทที่ ๑ หนักกว่า
บทที่ ๒ ต ้องลงโทษตามอัตราโทษของ บทที่ ๑
ข ้อสังเกต หากโทษปร ับตามกฎหมาย บทที่ ๑ คือ ไม่เกินสามหมืนบาท ่
แต่โทษปร ับตามกฎหมาย บทที่ ๒ คือ ไม่เกินห ้าหมืนบาท ่ เช่นนี ้ หาก
จะลงโทษปร ับอย่างเดียวตามกฎหมาย บทที่ ๑ (ซึงเป็ ่ น “บทหนักทีสุ ่ ด”)
่
โดยไม่ลงโทษจาคุก จะต ้องลงโทษได ้ไม่เกินสามหมืนบาทเท่ านั้น จะ
่ นบาท
ลงโทษสีหมื ่ (ตามอัตราโทษของกฎหมาย บทที่ ๒) ไม่ได ้ เพราะ
บทหนักทีสุ ่ ด (กฎหมายบทที่ ๑) มีอต
ั ราโทษปร ับไม่เกินสามหมืนบาท่
เท่านั้น
ตัวอย่าง นายแดงขโมยพินับกรรมของนายดาไปในเวลากลางคืน
่
นายแดงกระทา “กรรมเดียว” (ซึงหมายความว่ า “เจตนาเดียว”)
ิ กฎหมายสองบท คือ ป.อ. มาตรา ๑๘๘ บทหนึ่ ง และมาตรา
แต่ผด
๓๓๕ (๑) อีกบทหนึ่ ง เช่นนี ้ ต ้องถือว่ามาตรา ๓๓๕ (๑) มีโทษ
หนักกว่าโทษของมาตรา ๑๘๘ เพราะโทษตามมาตรา ๓๓๕ (๑) มี
้ ่า
อัตราโทษขันต
(๕) ถ้าอ ัตราโทษจาคุกและอ ัตราโทษปร ับเท่ากัน บทหนักคือ
บททีบั่ ญญัตวิ า ่ ต้องลงโทษ จาคุก และ ปร ับ ส่วนบทเบาคือ บทที่
บัญญัตวิ า ่ จาคุก หรือ ปร ับ
ตัวอย่าง อัตราโทษตาม ป.อ. มาตรา ๑๘๘ คือ “จาคุกไม่เกินห ้าปี และ
ปร ับไม่เกินหนึ่ งหมืนบาท”
่ แต่อต
ั ราโทษตาม ป.อ. มาตรา ๓๔๓ วรรค
แรก คือ “จาคุกไม่เกินห ้าปี หรือ ปร ับไม่เกินหนึ่ งหมืนบาท
่ ้ าทัง้
หรือทังจ
้ ้องถือว่าโทษตามมาตรา ๑๘๘ หนักกว่ามาตรา ๓๔๓
ปร ับ” เช่นนี ต
ข ้อสังเกต แม้สองบทจะมีอต
ั ราโทษเท่ากัน ไม่มก ่ โทษหนักทีสุ
ี รณี “บททีมี ่ ด”
่
ตามมาตรา ๙๐ ทีจะลงก็ ตาม แต่การอ ้างมาตรา ๙๐ ก็เป็ น การยืนยันว่า กรณี
้
เช่นนี จะลงโทษได ้เพียง “บทเดียว” เท่านั้น ซึงฎี
่ กาที่ ๘๗๑/๒๕๐๖ กล่าวไว ้ว่า
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 3063/2552
ในคดีความผิดต่อเจ ้าพนักงานในการยุตธิ รรมและความผิด
่
เกียวกั ่ เ้ สียหายถึงแก่ความตายด ้วยโรคประจาตัว ผู ้
บเอกสาร ซึงผู
บุพการีไม่มอ ี านาจเป็ นโจทก ์ฟ้ องหรือเข ้าร่วมกับพนักงานอัยการเป็ น
โจทก ์ ฟ้ องแทนผูเ้ สียหาย เพราะไม่ต ้องด ้วยบทบัญญัตข ิ อง ป.วิ.อ.
มาตรา 3 (2) ประกอบมาตรา 5 (2) ปัญหาดังกล่าวเป็ นปัญหาข ้อ
กฎหมายทีเกี ่ ยวกั
่ บความสงบเรียบร ้อย ศาลฎีกามีอานาจยกขึนวิ ้ นิจฉัย
ได ้
จาเลยกับพวกร่วมกันนาเอาโฉนดทีดิ ่ นของผูเ้ สียหายและแบบ
พิมพ ์หนังสือมอบอานาจ ทีมี ่ เพียงลายมือชือของผู
่ เ้ สียหายลงไว ้ในช่องผู ้
มอบอานาจไปโดยไม่ได ้ร ับ อนุ ญาต แล ้วนาไปกรอกข ้อความว่า
่
ผูเ้ สียหายมอบอานาจให ้จาเลยยืนขอจดทะเบี ยนโอนทีดิ ่ น ของผูเ้ สียหาย
ให ้แก่จาเลยโดยเสน่ หา เป็ นการกระทาความผิดฐานทาให ้เสียหาย
ทาลาย ซ่อนเร ้น เอาไปเสีย หรือทาให ้สูญหายหรือไร ้ประโยชน์ซงึ่
เอกสารของผูอ้ น ื่ ตาม ป.อ. มาตรา 188 และเป็ นความผิดฐานปลอม
เอกสารและใช ้เอกสารปลอม ตาม ป.อ. มาตรา 264 วรรคสอง และ
มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 วรรคสอง และมาตรา 83
แต่การกระทาความผิดดังกล่าวก็เพือโอนที ่ ่ นเป็ นของจาเลยซึงเป็
ดิ ่ น
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 9024/2550
่
การทีโจทก ์บรรยายฟ้ องว่า จาเลยใช ้อาวุธมีดแทงผูต้ ายบริเวณอก
ด ้านซ ้ายโดยมีเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว ้ก่อน แล ้วจาเลยใช ้มีดแทง
ผูต้ ายซาอี ้ ก แต่ผูเ้ สียหายเข ้ากันไว ้เป็ นเหตุให ้มีดพลาดไปถูก
ผูเ้ สียหายทีต ่ ้นแขนซ ้ายได ้ ร ับบาดเจ็บ ส่วนผูต้ ายถึงแก่ความตาย
แสดงว่าโจทก ์ประสงค ์จะให ้ลงโทษจาเลยเพียงกรรมเดียวใน
ความผิดฐานฆ่าผูต้ ายและ พลาดไปถูกผูเสี ้ ยหายได ้ร ับบาดเจ็บ อัน
เป็ นการกระทากรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึงต ่ ้องลงโทษ
จาเลยตามกฎหมายบททีมี ่ โทษหนักทีสุ ่ ดตาม ป.อ. มาตรา 90
ดังนั้น แม้ข ้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะได ้ความว่า นอกจาก
จาเลยมีเจตนาฆ่าผูต้ ายแล ้วจาเลยยังทาร ้ายผูเ้ สียหายอันเป็ น
ความผิดอีก กรรมหนึ่ งแยกต่างหากจากกันก็ตาม ก็เป็ นเรือง ่
ข ้อเท็จจริงทีกล่ ่ าวในฟ้ องและตามทีปรากฏในทางพิ
่ จารณาไม่ใช่
่ โจทก
เรืองที ่ ์ประสงค ์ให ้ลงโทษตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสี่ จึง
ไม่อาจลงโทษจาเลยในความผิดฐานทาร ้ายผูเสี ้ ยหายจนเป็ นเหตุให ้
เกิดอันตราย แก่กายอีกกระทงหนึ่ งได ้ เพราะเป็ นการพิพากษาเกิน
คาขอหรือทีมิ ่ ได ้กล่าวในฟ้ องต ้องห ้ามตามมาตรา 192 วรรคหนึ่ ง
มาตรา 91 ความผิดหลายกรรม
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1924/2527 คาว่า "อัตราโทษ" ตามที่
่ ้ไขโดย พ.ร.บ.
บัญญัตไิ ว ้ในอนุ มาตราต่าง ๆ ของ ป.อ. ม. 91 ทีแก
่ ม ป.อ. (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 นั้น หมายถึงอต
แก ้ไขเพิมเติ ั รา
่
โทษจาคุกอย่างสู งตามทีกฎหมายก าหนดไว้ หาได ้หมายถึง
่
อัตราโทษจาคุกอย่างสูงทีศาลลงแก่ จาเลยไม่
- คาพิพากษาฎีกาที่ 3614/2527 การกระทาครงเดี ้ั ยว ถ ้าหาก
ผูก้ ระทามีเจตนาจะให ้เกิดผลเป็ นหลายกรรม ก็ย่อมถือเป็ น
ความผิดหลายกรรมได ้ จาเลยมีเจตนาใช ้รถผิดประเภทตาม
พ.ร.บ. การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ม.128 กรรมหนึ่ ง และมี
เจตนากระทาความผิดฐานแย่งผลประโยชน์กบ ั บริษทั ข.ผูไ้ ด ้ร ับ
ใบอนุ ญาตประกอบการขนส่งประจาทางในเส ้นทางอนุ ญาตตาม
ม.138 อีกกรรมหนึ่ ง ซึงแตกต่
่ างกันในลักษณะของความผิดอย่าง
เห็นได ้ชัด จาเลยจึงมีความผิด 2 กระทง
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 4166/2550
การทีจ่ าเลยใช ้อาวุธปื นยิง ส. กระสุนปื นถูก ส. และยังพลาดไปถูก
อ. ด ้วยนั้น การกระทาของจาเลยจึงเป็ นความผิดฐานพยายามฆ่า
ส. และฐานพยายามฆ่า อ. โดยพลาด แม้โจทก ์จะมิได ้บรรยาย
ฟ้ องว่าการกระทาของจาเลยดังกล่าวเป็ นการกระทาโดยพลาด มา
ด ้วย ก็ไม่ถอ ่
ื ว่าข ้อเท็จจริงทีปรากฏในการพิ จารณาแตกต่างกับ
่ าว ในฟ้ อง อันจะเป็ นเหตุให ้ศาลต ้องพิพากษายก
ข ้อเท็จจริงทีกล่
ฟ้ องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 และการกระทาของจาเลยดังกล่าว
เป็ นการกระทากรรมเดียวเป็ นความผิดต่อกฎหมายหลาย บท
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 4067/2550
การทีจ่ าเลยขับรถในขณะเมาสุรา อันเป็ นความผิดตาม พ.ร.บ.
จราจรทางบกฯ มาตรา 43 (2), 160 วรรคสาม กับการทีจ่ าเลย
ขับรถโดยประมาทแซงรถทีอยู ่ ่ข ้างหน้าไปในหน้าไปในช่องเดินรถ
ขวามือในขณะทีผู ่ ้ตายขับสวนมา เป็ นเหตุให ้ชนรถจักรยานยนต ์
ของผูต้ ายเสียหายและทาให ้ผูต้ ายถึงแก่ความตาย อันเป็ น
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 291 และ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
มาตรา 43 (4), 157 นั้น เป็ นการกระทาทีเกี ่ ยวเนื
่ ่ องและเป็ นผล
โดยตรงทีท ่ าให ้ผูต้ ายถึงแก่ความตาย จึงเป็ นการกระทากรรม
เดียว ต ้องลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 291 ซึงเป็ ่ นบททีมี ่ โทษหนัก
่ ด
ทีสุ
่
ในความผิดเรืองพลาดตาม ่ เจตนา
ปอ มาตรา ๖๐ เมือมี
กระทาต่อบุคคลหนึ่ งแต่ผลเกิดทังบุ้ คคลทีต ่ ้องการกระทาและ
่ ต ้องการกระทา หรือผลไม่เกิดแก่บค
บุคคลทีไม่ ่ ้องการ
ุ คลทีต
กระทา แต่ผลยังไปเกิดกับบุคคลภายนอกด ้วย เมือมี ่ เจตนาเดียวที่
จะกระทาต่อบุคคลหนึ่ งบุคคลใด แม้ผลไปเกิดแก่บค ่
ุ คลอืนโดย
พลาดด ้วยแล ้วก็ยงั เป็ นกรรมเดียว เช่น ยิง ท กระสุนถูก ท แต่ไม่
ตาย หรือไม่ถก ู ท. แต่ไปถูก ส. ก็เป็ นการกระทากรรมเดียวคือ
พยายามฆ่า ท โดยเจตนาประสงค ์ต่อผล ตาม ปอ มาตรา
๕๙,๘๐,๒๘๘ และพยายามฆ่า ส. โดยพลาด ตาม ปอ มาตรา
๖๐,๘๐,๒๘๘ เป็ นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงบทหนัก เมือ ่
เป็ นความผิดฐานพยายามฆ่า ท และพยายามฆ่า ส ซึงมี ่ อตั ราโทษ
เท่ากันศาลลงบทใดก็ได ้ แต่หากว่า เจตนายิง ท กระสุนถูก ท ถึง
แก่ความตายและยังไปถูก ส. ด ้วย มีความผิดฐานฆ่า ท โดยเจตนา
ประสงค ์ต่อผลตาม ปอ มาตรา ๕๙,๒๘๘ และฐานพยายามฆ่า ส.
โดยเจตนาพลาด ตาม ปอ มาตรา ๖๐,๘๐,๒๘๘ เป็ นกรรมเดียว
“กรรมเดียว”
๑.เข ้าไปในห ้องมีทร ัพย ์หลายคนเป็ นเจ ้าของแล ้วลักไปในคราวเดียวกัน
คาพิพากษาฏีกา ๑๑๐๔/๒๕๐๔
๒.ขับรถฝ่ าไฟแดงไปชนคน เป็ นกรรมเดียว คาพิพากษาฏีกา ๒๔๘๕/
๒๕๒๙
่
๓.เขียนบทความหมินประมาทคนหลายคนในหนั งสือพิมพ ์ เป็ นการ
กระทาต่อบุคคลหลายคนในคราวเดียวกัน เป็ นกรรมเดียว คาพิพากษา
ฏีกา ๑๘๕๓/๒๕๓๐,
๔.มีอาหารปลอมหรืออาหารทีไม่ ่ ได ้มาตรฐานเพือจ ่ าหน่ ายโดยสินค ้านั้น
่
มีเครืองหมายการค ้าปลอมติดอยู่ มีวต ่ าหน่ ายอาหาร
ั ถุประสงค ์เพือจ
ปลอม เป็ นกรรมเดียว คาพิพากษาฏีกา ๓๐๙๑/๒๕๕๓
๕.ร่วมกันบุกรุก ถือครอง ก่นสร ้างแผ้วถางป่ าสงวนและร่วมทาไม้ เป็ น
การกระทาคราวเดียวกัน เป็ นกรรมเดียว คาพิพากษาฏีกา ๗๑๓๕/
๒๕๕๓
๖.ปลอมแผ่นป้ ายทะเบียนรถ แผ่นป้ ายแสดงการเสียภาษีรถและคูม ่ อื จด
ทะเบียนรถ แม ้เป็ นการปลอมเอกสารราชการต่างประเภทกันทีมี ่ ลกั ษณะ
่
การปลอมทีแตกต่ างกัน แต่ก็ได ้ติดป้ ายต่างๆไว ้ในรถคันเดียวกันเพือ ่
่
๗.ด่าพร ้อมขูว่ า่ จะใช ้ปื นยิง กระทาในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาดูหมิน
และทาให ้ผูเ้ สียหายเกิดความตกใจกลัว เป็ นกรรมเดียวผิดกฎหมาย
หลายบท คาพิพากษาฏีกา ๖๑๔/๒๕๕๔
๘.เข ้าไปลักทร ัพย ์ในบ ้าน บุตรผูเ้ สียหายพบเห็นจึงแทง เป็ นการกระทา
ในวาระเดียวกันตังแต่้ ลก ั ทร ัพย ์จนถึงใช ้กาลังประทุษร ้าย เป็ นความผิด
ฐานชิงทร ัพย ์ คาพิพากษาฏีกา ๘๓๗/๒๕๐๗
๙.ปลูกกัญชาเพือขาย่ เป็ นกรรมเดียว ไม่ใช่ผด ิ ฐานผลิตกรรมหนึ่ ง และ
่ าหน่ ายอีกกรรม คาพิพากษาฏีกา ๖๕/๒๕๒๗
มีไว ้เพือจ
๑๐.กระทาอนาจารก่อนข่มขืนเป็ นกรรมเดียว คาพิพากษาฏีกา ๕๔/
๒๕๒๘
๑๑.ใช ้มีดแทงคนขับรถจักรยานยนต ์เมือรถล ่ ้มจึงแทงคนซ ้อนทันที แม้
กระทาสองหนต่อบุคคลสองคนก็เป็ นกรรมเดียว คาพิพากษาฏีกา
๑๔๐๐/๒๕๔๙
๑๒.หน่ วงเหนี ยวกักขังใช ้กาลังดึงแขนขูบ ่ งั คับให ้นั่งรถไปด ้วยโดยทาให ้
กลัวจะเกิดอันตรายแก่ชวี ต ิ ร่างกายแล ้วพาไปทาอนาจาร เป็ นการ
กระทาทีเชื ่ อมโยงในวาระเดี
่ ยวกันไม่ขาดตอน กระทาไปโดยมีเจตนา
กระทาอนาจารเป็ นสาคัญ เป็ นกรรมเดียว คาพิพากษาฏีกา ๔๙๔/
๒๕๕๐
๑๓.ลักเช็คแล ้วนาไปกรอกข ้อความและตัวเลขพร ้อมลงลายมือชือ่
่ งสือเดินทาง ปลอมหนังสือเดินทางโดยนาภาพถ่าย
๑๔.เอาไปซึงหนั
จาเลยมาติดแทนภาพผูม้ ช ื่
ี อในหนั งสือเดินทางแล ้วปลอมตราประทับ
บันทึกการอนุ ญาตให ้คนเดินทางออกนอกราชอาณาจักร มีเจตนาเดียว
คือต ้องการออกนอกราชอาณาจักร เป็ นกรรมเดียวระหว่างความผิด
่
ฐานเอาไปซึงเอกสารและฐานปลอมเอกสารและปลอมเอกสารราชการ
คาพิพากษาฏีกา ๑๐๙๔/๒๕๕๒
๑๕.เอาโฉนดทีดิ ่ นปลอมทีมี ่ รอยตราปลอมประทับอยู่ ไปแลกโฉนดที่
แท ้จริงของผูเ้ สียหายอันเป็ นการเอาไปซึงเอกสารและลั ่ กทร ัพย ์โดยใช ้
กลอุบาย แล ้วนาโฉนดทีแท ่ ้จริงพร ้อมหนังสือมอบอานาจปลอมของ
ผูเ้ สียหายไปแสดงต่อเจ ้าพนักงานทีดิ ่ น กากรกระทาดังกล่าว “ มี
่
วัตถุประสงค ์เดียว” ทีจะขายหรื อ ขายฝากทีดิ ่ นพร ้อมอาคารผูเสี ้ ยหาย
เท่านั้น เป็ นกรรมเดียว คาพิพากษาฏีกา ๘๔๙๐/๒๕๕๒
่
๑๖.วิงราวโดยใช ้รถจักรยานยนต ์เป็ นพาหนะและใช ้อาวุธ การวิงราวเป็ ่ น
การใช ้กริยาฉกฉวยเอาซึงหน้ ่ ่
า ซึงรวมการกระท าผิดฐานลักทร ัพย ์ด ้วย
เป็ นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท คือผิดลักทร ัพย ์โดยใช ้อาวุธใน
เวลากลางคืน ตาม ปอ มาตรา ๓๓๔,๓๓๕(๑)((๗) และความผิดฐาน
่
วิงราวทร ัพย ์โดยใช ้อาวุธและยานพาหนะ คาพิพากษาฏีกา ๓๖๑๒/
๒๕๕๓
้
๑๗.ลักปลายขัวสลากเลขท ้าย ๓ ตัว ๒ ตัวของผูเ้ สียหายไปกรอกเลขให ้
ตรงรางวัลเลขท ้ายประจางวด นาไปหลอกเอารางวัลจากผูเ้ สียหาย เป็ น
ความผิดฐานลักทร ัพย ์ เอาไปซึงเอกสารของผู ่ ื่ ใช ้เอกสารสิทธิปลอม
อ้ น ์
่ ่
่ ่ในความครอบครองของผูเ้ สียหายและทุบอิฐบ็
๑๘.เข ้าไปในโรงงานทีอยู
อกและคอนกรีต รือเหล็ ้ กโครงสร ้างอาคารแล ้วเอาเหล็กดังกล่าวไป มี
เจตนาเดียวคือต ้องการเอาเหล็กไป จึงเป็ นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลาย
้
บททังฐานบุ กรุก ทาให ้เสียทร ัพย ์และลักทร ัพย ์ คาพิพากษาฏีกา
๑๑๘๑๐//๒๕๕๓
๑๙.กระทาชาเราอันมีละกษณะโทรมหญิงแล ้ว ยังคงควบคุมหน่ วง
เหนี ยวและกักขังแล ้วพาไปอีกสถานทีหนึ ่ ่ งแล ้วกระทาชาเราอีก
ผูเ้ สียหายยังไม่พน้ จากภยันตรายอันเกิดจากการกระทาผิดของจาเลย
่
จึงเชือมโยงต่ อเนื่ องในวาระเดียวกันเป็ นกรรมเดียว คาพิพากษาฏีกา
๒๒๒/๒๕๕๔
๒๐.จาเลยเป็ นครูประจาชันจู ้ งมือผูเ้ สียหายอายุยงั ไม่เกิน ๑๕ ปี ไปต่อ
หน้าบิดามารดา เป็ นการใช ้อานาจของครูตอ ่ นศิษย ์ แม้
่ ผูเ้ สียหายซึงเป็
ทาอนาจารศิษย ์นอกเวลาเรียนก็ถอื ว่าศิษย ์อยู่ในความควบคุมดูแล เมือ ่
ทาอนาจารและข่มขืน เป็ นความผิดกรรมเดียว คาพิพากษาฏีกา
๒๔๒๕/๒๕๕๔
๒๑.จาเลยยิง ส. กระสุนพลาดไปถูก ว. เป็ นกรรมเดียวผิดกฎหมาย
หลายบท คาพิพากษาฏีกา ๕๔๓๘/๒๕๓๘
ี่
มาตรา 91 (3) คาว่า "เว ้นแต่กรณี ทศาลลงโทษจาคุกตลอด
ชีวต ิ "
- คาพิพากษาฎีกาที่ 1919/2530 ตาม มาตรา 91 อนุ มาตรา 3
นั้นศาลจะลงโทษจาคุกจาเลยทุกกระทงรวมกันเกิน 50 ปี ไม่ได ้
ี่
เว ้นแต่กรณี ทศาลลงโทษจ าคุกตลอดชีวต ิ และคาว่า "เว ้นแต่กรณี
่
ทีศาลลงโทษจ าคุกตลอดชีวต ิ นั้น" หมายความว่าหากความผิด
กระทงใดกระทงหนึ่ งมีโทษทีจะลงแก่่ จาเลยจริง ๆ เป็ นโทษจาคุก
ตลอดชีวต ่ าเอาโทษจาคุกทีมี
ิ แล ้ว เมือน ่ กาหนดเวลาในกระทงอืน ่
มารวม ศาลคงลงโทษจาเลยได ้เพียงจาคุกตลอดชีวต ิ
เท่านั้น จาเลยมีความผิดฐานฆ่าผูอ้ นและพยายามฆ่
ื่ ื่ ซึงเป็
าผูอ้ น ่ น
กรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทกระทงหนึ่ ง และมีความผิดฐาน
มีอาวุธปื นไว ้ในความครอบครองโดยไม่ได ้รับอนุ ญาตอีกกระทง
หนึ่ ง ศาลลงโทษฐานฆ่าผูอ้ นอั ื่ นเป็ นบทหนักให ้จาคุกตลอดชีวต ิ
และฐานมีอาวุธปื นไว ้ในความครอบครองโดยไม่ได ้ร ับอนุ ญาตให ้
จาคุก 2 ปี ดังนี ้ เมือศาลลดโทษให
่ ่ ่ งคงลงโทษฐานฆ่า
้จาเลยกึงหนึ
ประเด็นเปรียบเทียบ การนับโทษต่อ
่
คดีสองสานวน “เกียวพั
นกัน” อาจฟ้ องเป็ นคดีเดียวกันได ้ (ปวิอ
่
ม 24) เมือโจทก ์แยกฟ้ องและศาลไม่รวมสานวน หากศาล
พิพากษาลงโทษจาเลยทุกกรรมโดยจาคุกจาเลยเต็มจานวนที่
กาหนดไว ้ ตาม ม 91 (2) ในสานวนหนึ่ งแล ้ว ก็ไม่อาจนับโทษต่อ
จากอีกสานวนหนึ่ งได ้ ฎ 2355/2539
คดีสองสานวน “ไม่เกียวพั ่ นกัน” ไม่อาจฟ้ องเป็ นคดีเดียวกันได ้
่
เมือโจทก ์แยกฟ้ องและศาลไม่รวมสานวน ศาลมีอานาจพิพากษา
ลงโทษจาคุก นับโทษต่อจากอีกสานวนหนึ่ งได ้ เกินกว่า 20 ปี ได ้
ฎ 85-87/2536
คาพิพากษาฎีกาที่ 4656/2540 บทบัญญัตต
ิ าม ป.อ. มาตรา
91 ใช ้ในกรณี ทศาลมี ี่ คาพิพากษาอันเดียวกัน ในคาฟ้ องคดีเดียว
่
ทีรวมเอาความผิ ดหลายกระทงไว ้ด ้วยกันตาม ป.วิ.อ.มาตรา 160
หรือคาฟ้ องหลายคดีทพิ ี่ จารณาพิพากษารวมกัน ตาม ป.วิ.อ.
มาตรา 25 ซึงปรากฏว่ ่ าจาเลยกระทาผิดหลายกรรมต่างกัน ก็ให ้
ศาลลงโทษจาเลยทุกกรรมเป็ นกระทงความผิดไป โดยมีข ้อยกเว ้น
่
ว่า เมือรวมโทษทุ กกระทงแล ้ว โทษจาคุกทังสิ ้ น้ ต ้องไม่เกินกาหนด
่
ตามทีระบุไว ้ใน ป.อ. มาตรา 91 วรรคท ้าย ป.อ. มาตรา 91 มิได ้
บัญญัตห ิ ้ามว่าการนับโทษจาคุกของจาเลยในคดีหนึ่ ง ต่อจากคดี
่
อืนของจ าเลยทีมี ่ คาฟ้ อง และคาพิพากษาต่างสานวนต่างหาก
ออกไป เมือนั ่ บรวมกันแล ้วจะเกินกาหนดในมาตรา 91 ไม่ได ้ ซึง่
การขอให ้นับโทษจาคุกของจาเลยในคดีหนึ่ ง ต่อจากโทษจาคุกของ
จาเลยในคดีอน ื่ เป็ นการขอให ้ศาลกล่าวไว ้เป็ นอย่างอืนในค ่ า
พิพากษาเกียวกั ่ บการ เริมนั ่ บโทษจาคุกของจาเลยในคดีน้ันว่า จะ
่ บแต่เมือใด
ให ้เริมนั ่ ่
ซึงหากไม่ ่ ก็ต ้องเริมแต่
กล่าวไว ้เป็ นอย่างอืน ่ วน
ั
่ ้
9. อายุความ
มาตรา ๙๕ ในคดีอาญา ถ ้ามิได ้ฟ้ องและได ้ตัวผูก
้ ระทาความผิดมายัง
ศาลภายในกาหนดดังต่อไปนี ้ นับแต่วน
ั กระทาความผิด เป็ นอ ันขาด
อายุความ
่ บปี สาหร ับความผิดต ้องระวางโทษประหารชีวต
(๑) ยีสิ ิ จาคุกตลอดชีวต
ิ
หรือจาคุกยีสิ ่ บปี
่ บ
(๒) สิบห ้าปี สาหร ับความผิดต ้องระวางโทษจาคุกกว่าเจ็ดปี แต่ยงั ไม่ถงึ ยีสิ
ปี
(๓) สิบปี สาหร ับความผิดต ้องระวางโทษจาคุกกว่าหนึ่ งปี ถึงเจ็ดปี
(๔) ห ้าปี สาหร ับความผิดต ้องระวางโทษจาคุกกว่าหนึ่ งเดือนถึงหนึ่ งปี
(๕) หนึ่ งปี สาหร ับความผิดต ้องระวางโทษจาคุกตังแต่้ หนึ่ งเดือนลงมา หรือ
ต ้องระวางโทษอย่างอืน ่
ถ ้าได ้ฟ้ องและได ้ตัวผู ้กระทาความผิดมายังศาลแล ้ว ผูกระท
้ าความผิด
่
หลบหนี หรือวิกลจริต และศาลสังงดการพิ จารณาไว ้จนเกินกาหนด
ดังกล่าวแล ้วนับแต่วน ่
ั ทีหลบหนี ่
หรือวันทีศาลสั่
งงดการพิ จารณา ก็ให ้ถือ
ว่าเป็ นอันขาดอายุความเช่นเดียวกัน
ื่ ต ้องระวางโทษประหารชีวต
มาตรา ๒๘๘ ผูใ้ ดฆ่าผูอ้ น ิ จาคุก
ตลอดชีวต ิ หรือจาคุกตังแต่ ้ สบ ่ บปี
ิ ห้าปี ถึงยีสิ
มาตรา ๒๙๐ ผูใ้ ดมิได ้มีเจตนาฆ่า แต่ทาร ้ายผูอ้ นจนเป็ ื่ นเหตุให ้
ผูน้ ้ันถึงแก่ความตาย ต ้องระวางโทษจาคุกตังแต่ ้ สามปี ถึงสิบห้า
ปี
มาตรา ๒๙๑ ผูใ้ ดกระทาโดยประมาท และการกระทานั้นเป็ น
ื่ งแก่ความตาย ต ้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสิบปี และ
เหตุให ้ผูอ้ นถึ
ปรับไม่เกินสองแสนบาท
มาตรา ๒๙๕ ผูใ้ ดทาร ้ายผูอ้ น ื่ จนเป็ นเหตุให ้เกิดอันตรายแก่กาย
หรือจิตใจของผูอ้ นนั ื่ ้น ผูน้ ้ันกระทาความผิดฐานทาร ้าย
ร่างกาย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรือปร ับไม่เกินสี่
่
หมืนบาท ้ าทังปรับ
หรือทังจ ้
มาตรา ๓๐๐ ผูใ้ ดกระทาโดยประมาท และการกระทานั้นเป็ นเหตุ
ื่ ับอันตรายสาหัส ต ้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือ
ให ้ผูอ้ นร
ื่ หรือทีผู
มาตรา ๓๓๔ ผูใ้ ดเอาทร ัพย ์ของผูอ้ น ่ อ้ นเป็
ื่ นเจ ้าของ
รวมอยู่ด ้วยไปโดยทุจริต ผูน้ ้ันกระทาความผิดฐานลักทรัพย ์ ต ้อง
ระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี และปร ับไม่เกินหกหมืนบาท่
่
หมินประมาท ้ นความผิดอัน
มาตรา ๓๓๓ ความผิดในหมวดนี เป็
ยอมความได ้
ฉ้อโกง มาตรา ๓๔๘ ความผิดในหมวดนี ้ นอกจากความผิดตาม
มาตรา ๓๔๓ เป็ นความผิดอันยอมความได ้
โกงเจ ้าหนี ้ มาตรา ๓๕๑ ความผิดในหมวดนี เป็
้ นความผิดอันยอม
ความได ้
ยักยอก มาตรา ๓๕๖ ความผิดในหมวดนี เป็ ้ นความผิดอันยอม
ความได ้
ทาให ้เสียทร ัพย ์ มาตรา ๓๖๑ ความผิดตามมาตรา ๓๕๘ และ
มาตรา ๓๕๙ เป็ นความผิดอันยอมความได ้
้
่ ้องระวางโทษ
มาตรา ๑๐๒ ความผิดลหุโทษ คือ ความผิดซึงต
จาคุกไม่เกินหนึ่ งเดือน หรือปร ับไม่เกินหนึ่ งหมืนบาท
่ ้ าทัง้
หรือทังจ
ปรับ
มาตรา ๓๗๑ ผูใ้ ดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ ้านหรือทางสาธารณะ
โดยเปิ ดเผยหรือโดยไม่มเี หตุสมควร หรือพาไปในชุมนุ มชนทีได ่ ้
ึ ้ อนมั
จัดให ้มีขนเพื ่ ่ งหรือการอืนใด
สการ การรืนเริ ่ ต ้องระวางโทษ
ปร ับไม่เกินหนึ่ งพันบาท และให ้ศาลมีอานาจสังให ่ ร้ บิ อาวุธนั้น
มาตรา ๓๗๖ ผูใ้ ดยิงปื นซึงใช ่ ้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง
หมู่บ ้านหรือทีชุ ่ มนุ มชน ต ้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสิบวัน หรือ
ปร ับไม่เกินห ้าพันบาท หรือทังจ ้ าทังปรับ
้
มาตรา ๓๙๐ ผูใ้ ดกระทาโดยประมาท และการกระทานั้นเป็ นเหตุ
ื่ ับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต ้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน
ให ้ผูอ้ นร
หนึ่ งเดือน หรือปร ับไม่เกินหนึ่ งหมืนบาท
่ หรือทังจ ้ ับ
้ าทังปร
มาตรา ๓๙๑ ผูใ้ ดใช ้กาลังทาร ้ายผู ้อืน ่ โดยไม่ถงึ กับเป็ นเหตุให ้เกิด
อันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต ้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่ งเดือน
ื่ ดความกลัว หรือความตกใจ โดย
มาตรา ๓๙๒ ผูใ้ ดทาให ้ผูอ้ นเกิ
การขูเ่ ข็ญ ต ้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่ งเดือน หรือปร ับไม่เกิน
หนึ่ งหมืนบาท
่ ้ าทังปรับ
หรือทังจ ้
มาตรา ๓๙๓ ผูใ้ ดดูหมินผู่ อ้ นซึ
ื่ งหน้
่ าหรือด ้วยการโฆษณา ต ้อง
ระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่ งเดือน หรือปร ับไม่เกินหนึ่ งหมืน
่
บาท หรือทังจ้ าทังปร
้ ับ
คาพิพากษาฎีกาที่ 5494/2534 ประชุมใหญ่ ศาลฎีกาตรวจสานวน
ประชุมปรึกษาแล ้ว มีข ้อวินิจฉัยตามทีโจทก ่ ์ ฎีกาว่า อายุความฟ้ อง
จะต ้องพิจารณาจากข ้อหาหรือฐานความผิดทีโจทก ่ ์ฟ้ อง หรือพิจารณา
จากข ้อหาหรือฐานความผิดทีศาลฟั ่ งลงโทษ โดยโจทก ์เห็นว่าคดีนีโจทก ้ ์
ฟ้ องจาเลยในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึง่
มีอตั ราโทษจาคุกไม่เกิน 3 ปี อายุความคดีนีมี ้ 10 ปี แม้ศาลชันต ้ ้นจะ
ฟังลงโทษจาเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 ก็หาทาให ้คดี
ของโจทก ์ขาดอายุความไม่ เพราะโจทก ์ฟ้ องจาเลยภายในอายุความที่
จาเลยถูกกล่าวหาแล ้วนั้น พิเคราะห ์แล ้ว หากจะถืออายุความจากข ้อหา
หรือฐานความผิดตามที่ โจทก ์ฟ้ อง ผูถ้ ก ู กล่าวหาหรือจาเลยอาจไม่ได ้
ร ับความเป็ นธรรม และอาจทาให ้มีการฟ้ องในข ้อหาทีมี ่ อต ั ราโทษสูงกว่า
่ ้กระทาผิดจริง เหตุดงั กล่าวอาจทาให ้เป็ นการขยายอายุความฟ้ อง
ทีได
่
คดีอาญา ซึงจะเป็ นโทษต่อจาเลย ศาลฎีกาโดยมติทประชุ ี่ มใหญ่
เห็นว่า อายุความฟ้องคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา95 ต้องถือตามอ ัตราโทษของความผิด ทีพิ ่ จารณาได้
ความ คดีนีได ้ ้ความเป็ นทียุ่ ตวิ า่ การกระทาของจาเลยเป็ นความผิดตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 ซึงมี ่ อายุความฟ้ องภายใน 1 ปี
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(5) เมือข ่ ้อเท็จจริงปรากฏว่า
้ น 1 ปี นับแต่วน
โจทก ์ฟ้ องคดีนีเกิ ั กระทาความผิดฟ้ องโจทก ์จึง ขาดอายุ
- การนับกาหนดเวลา
- ค าพิพ ากษาฎีก าที่ 4635/2531 ประมวลกฎหมายอาญา
่
บัญ ญัต เิ รืองอายุ ค วามคดีอ าญาไว้เ ป็ นพิเ ศษโดยเฉพาะ
่
แล้ว จะนาบทบัญญัตเิ รืองอายุ ความสะดุดหยุดอยู่หรือการขยาย
อายุค วามตามประมวลกฎหมายแพ่ งและพาณิ ช ย ์ มาตรา 175,
176 มาใช ้ในคดีอาญาไม่ได ้ / โจทก ์ยืนฟ้ ่ องคดีความผิด ตาม
พระราชบัญ ญัต ล ิ ขิ สิท ธิ ์ พ.ศ.2521 ซึงเป็ ่ นความผิด อ น ั
ยอมความได้ต่อศาลแขวงพระนครใตภ ้ ายในกาหนดอายุความ
ในวันนั ดไต่สวนมูลฟ้ อง ศาลแขวงพระนครใตเ้ ห็ นว่า คดีไม่ อยู่ใน
อานาจของศาลแขวงจึงสั่งจาหน่ ายคดีใหโ้ จทก ์ไปฟ้ องยังศาลทีมี ่
อ านาจภายใน 7 วัน โจทก จ์ ึง ยื่นฟ้ องคดีนี้ ต่ อ ศาลอาญา
ภายในกาหนดเวลา 7 วันดังกล่าว แต่ล่วงเลยกาหนดเวลา
ั ที่โจทก ร์ ู เ้ รืองการกระท
3 เดือ น นั บ แต่ ว น ่ าผิด และรู ต
้ วั
จาเลยผู ก ้ ระทาผิดแล้ว โดยโจทก ์มิได้ร ้องทุกข ์ไว้ก่อน คดี
โจทก ์จึงขาดอายุความ
่
หมายเหตุ “เรืองอายุ ความ” ประมวลกฎหมายอาญา บัญญัตไิ ว ้
่ บอายุความ
การเริมนั
- คาพิพากษาฎีกาที่ 435/2535 การทีจ
่ าเลยเข ้าไปสร ้างรว้ั ท ้องคร ัว
ห ้องน้าในทีดิ่ นของโจทก ์เพือถื
่ อการครอบครองเป็ นของตนนั้น
ความผิดฐานบุกรุกเกิดขึนและส ้ าเร็จ เมือจ ่ าเลยเข้าไปกระทา
การด ังกล่าว ส่วนการทีจ ่ าเลยครอบครองทีดิ ่ นต่อมา เป็ นเพียง
ผลของการบุกรุกเท่านัน ้ หาเป็ นความผิดต่อเนื่ องไม่
- การฟ้องคดี ต้องฟ้องและได้ต ัวผู ก ้ ระทาความผิดมายังศาล
แล้ว อายุความจึงจะหยุดนับ
- คาพิพากษาฎีกาที่ 270/2528 ตาม ป.อ. ม.95 นั้น ต ้องฟ้ องและได ้
ตัวผูก้ ระทาความผิดมายังศาลแล ้ว อายุความจึงจะหยุดนับ บทบัญญัต ิ
มาตรานี ไม่ ้ ได้ใช้บงั คบ ี่ กงานอ ัยการเป็ นโจทก ์
ั ในกรณี ทพนั
เท่านัน ้ ในกรณี ทราษฎรเป็
ี่ นโจทก ์ก็ตอ ้ งถือหลักอย่างเดียวกัน
โจทก ์บรรยายฟ้ องว่า เหตุเกิดระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2507 ถึง
ว ันที30่ มีนาคม 2514 ความผิดของจาเลยทีโจทก ่ ์ฟ้ องมีอายุความ
10 ปี โจทก ์จะต ้องฟ้ องและได ้ตัวจาเลยผูก้ ระทาความผิดมายังศาล
ภายใน วันที่ 30 มีนาคม 2524 คดีจงึ จะไม่ขาดอายุความ โจทก ์ยืน ่
ฟ้ องจาเลย วันที่ 30 มีนาคม 2524 แต่ศาลชันต ้ ้นต ้องทาการไต่สวนมูล
ฟ้ องของโจทก ์ต่อไป ระหว่างนั้นจะถือว่าได ้ตัวจาเลยมายังศาลและจาเลย
้ ่
มาตรา 96 อยู ่ภายใต้บงั คับมาตรา 95
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2440/2523 จาเลยฉ้อโกงได ้โฉนดของโจทก ์ไป
่ ้นเดือนพฤศจิกายน 2494 ซึงเป็
เมือต ่ นวันกระทาความผิดฐานฉ้อโกง
่ นที่ 9 พฤศจิกายน 2522 เกินสิบปี คดี
แต่โจทก ์มาฟ้ องจาเลยเมือวั
โจทก ์ขาดอายุความตาม ป.อ.ม.95 สิทธินาคดีมาฟ้องของ
โจทก ์จึงระงับไปตาม ป.ว.อ. ม.39 (6) แม้โจทก ์จะอ ้างว่าได ้ฟ้ อง
่
จาเลยหลังจากรู ้เรืองความผิ ดภายใน 3 เดือน ตาม ป.อ. ม.96 ก็ไม่ทา
ให ้โจทก ์มีสท
ิ ธิฟ้อง เพราะสิทธิฟ้องของโจทก ์ตามมาตรานี ต ้ ้องอยู่
ภายใต ้บังคับ ม. 95
- วิธก ่
ี ารนับเวลา ในเรืองอายุ ความ กรณี วน ั สุดท้ายแห่ง
ระยะเวลาตรงกับวันหยุดราชการ
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2212/2515 กาหนดเวลาทีให ่ ้ผูเ้ สียหายใน
ความผิดอันยอมความได ้ร ้องทุกข ์ภายใน 3 เดือน มิฉะนั้นเป็ นอันขาด
อายุความนั้น เป็ นบทบัญญัตส ี่ เ้ สียหายจะร ้องทุกข ์ต่อ
ิ าหร ับกรณี ทผู
พนักงานสอบสวน ฯลฯ แต่ถ ้าผูเ้ สียหายไม่ร ้องทุกข ์เสียก่อน จะใช ้สิทธิ
นาคดีมาฟ้ องต่อศาลด ้วยตนเอง ก็ย่อมกระทาได ้ภายในกาหนด
ระยะเวลาเดียวกัน / ถ ้าวันสุดท ้ายแห่งระยะเวลาเป็ นวันหยุด ซึงตาม ่
่ มท
ประเพณี งดเว ้นการงาน ท่านให ้นับวันทีเริ ่ างานใหม่เข ้าด ้วย ตาม ป.
้ ่ ่ ้
วิธก ่
ี ารนับเวลา ในเรืองอายุ ่ บอายุความ
ความ การเริมนั
- คาพิพากษาฎีกาที่ 2272/2527 แม้จาเลยปิ ดป้ ายประกาศหมิน
่
่
ประมาทโจทก ์ก่อนวันทีโจทก ์ไปร ้องทุกข ์หรือฟ้ องคดีเกิน 3 เดือน
ก็ตาม การโฆษณาหมินประมาท ่ นับแต่วน ั ปิ ดประกาศ ก็
ยังคงดาเนิ นต่อเนื่ องกันไป อ ันถือได้วา ่ เป็ นความผิด
ต่อเนื่ อง จนกว่าจะมีการปลดป้ ายประกาศออกไป ซึงถื ่ อได ้ว่า
การกระทาอันเป็ นมูลแห่งความผิดฐานหมินประมาทได ่ ้ยุตลิ ง อายุ
ความย่อมจะต้องเริมนั ่ บ ตังแต่ ้ ว ันทีมี่ การปลดป้ ายประกาศ
ออกคือวันที่ 2 กันยายน 2524 ซึงเป็ ่ นวันเดียวกับทีโจทก ่ ์ไปร ้อง
ทุกข ์ต่อพนักงานสอบสวนกล่าวหาว่าจาเลยหมินประมาท ่ และ
่ นที่ 7 กันยายน 2524 คดีโจทก ์จึงไม่ขาดอายุ
โจทก ์ฟ้ องคดีเมือวั
ความ
คาพิพากษาฎีกาที่ 6368/2534 โจทก ์ร่วมรู ้ถึงการหลอกลวง
้ เดือนกันยายน 2527 แม้เพิงมี
ตังแต่ ่ หลักฐานเมือเดื ่ อนธันวาคม
่
2527 แสดงว่าจาเลยฉ้อโกง ก็เป็ นเรืองของการหาหลั กฐานในการ
ดาเนิ นคดี อันเป็ นคนละกรณี กับทีโจทก ่ ์ร่วมรู ้ว่าถูกหลอกลวง
่