You are on page 1of 8

แนวข้อสอบกฎหมายอาญา

1. นายเอต้องการฆ่านายบีจึงยกปื นจ้องเล็งไปยังนายบี ซึ่งนายเอไม่ทราบว่าปื นนัน



ไม่มีลูกกระสุนบรรจุอยู่
แต่ก่อนที่จะลั่นไกยิงนายเอคิดได้ว่าหากถูกจับอาจได้รับโทษประหารชีวิต เนื่องจา
กนายบีเป็ นเจ้าพนักงานอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่จึงเปลี่ยนใจไม่ยิง ดังนีน
้ ายเอจะ
มีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. ไม่ต้องรับผิดชอบเพราะเป็ นการยังยัง้
ข. ไม่ต้องรับผิดชอบเพราะอาวุธที่ใช้ไม่อาจกระทำความผิดได้
ค. ผิดฐานพยายามฆ่าซึ่งไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ แต่ไม่ต้องรับโทษเพราะ
เป็ นการยับยัง้
ง. ผิดฐานพยายามฆ่าเพราะเป็ นเหตุบังเอิญ
เฉลย ข้อ ค.
การที่ผู้กระทำความผิดไม่ร้ว
ู ่าปื นของตนไม่มีกระสุนจึงยกปื นขึน
้ เล็ง ถือว่าเป็ นการ
พยายามกระทำความผิดที่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะปั จจัยที่ใช้ใน
การกระทำความผิด
การที่เปลี่ยนใจไม่ยิงนัน
้ เป็ นการยับยัง้ โดยสมัครใจ ม.82 ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ
สำหรับการพยายามกระทำความผิดนัน
้ แต่ผู้กระทำยังมีความผิดตาม ม. 392 ทำให้
ผู้อ่ น
ื ตกใจกลัวซึ่งเป็ นความผิดสำเร็จแล้ว
มาตรา 392 ผู้ใดทำให้ผู้อ่ น
ื เกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขูเ่ ข็ญ ต้องระวาง
โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทัง้ จำทัง้ ปรับ
2. นายดำเป็ นเจ้าของสวนแตงโม ได้ล้อมรัว้ ลวดหนามและปล่อยกระแสไฟฟ้ าไว้รอบ
สวนของตน ในคืนหนึ่งเด็กชายแดงได้แอบเข้าไปในสวนเพื่อลักแตงโมไปขาย และได้
สัมผัสถูกลวดหนามเห็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย การกระทำของนายดำเป็ นความผิด
ฐานใดหรือไม่
ก. ไม่มีความผิดเพราะไม่มีเจตนา
ข. ผิดฐานฆ่าผู้อ่ น
ื ตายโดยไม่เจตนา แต่เป็ นการกระทำจำเป็ นที่เกินสมควรแก่เหตุ
ค. ผิดฐานฆ่าผู้อ่ น
ื ตายโดยไม่เจตนา แต่เป็ นการป้ องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ง. ผิดฐานฆ่าผู้อ่ น
ื ตายโดยไม่เจตนา แต่เป็ นการป้ องกันพอสมควรแก่เหตุ
เฉลย ข้อ ค.
ฎ.6490/2548 แม้ขณะเกิดเหตุผู้ตายจะเข้าไปในบริเวณบ่อปลากัดของจำเลยเพื่อ
ลักปลากัด ซึ่งถ้าจำเลยพบเห็นจำเลยย่อมมีสิทธิทำร้ายผู้ตายพอสมควรแก่เหตุเพื่อ
ป้ องกันทรัพย์สินของตนได้ แต่กระแสไฟฟ้ าที่จำเลยปล่อยผ่านเส้นลวดที่ล้อมรอบ
บ่อปลากัดย่อมเป็ นอันตรายร้ายแรงโดยสภาพซึ่งสามารถทำให้ผู้อ่ น
ื ถึงแก่ความตาย
ได้ ส่วนทรัพย์สินของจำเลยย่อมไม่เป็ นสัดส่วนกัน เมื่อผู้ตายถูกกระแสไฟฟ้ าที่จำเลย
ปล่อยผ่านเส้นลวดดังกล่าวดูดถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็ นการ
ป้ องกันสิทธิของตนเกินสมควรกว่าเหตุตาม ป.อ. มาตรา 69
3. นายเอกถูกนายโทจับตัวมาเรียกค่าไถ่และถูกกักขังอยู่ในห้องพักนาน 3 เดือน
โดยในระหว่างเวลาดังกล่าวได้ถูกนายโททำร้ายร่างกายและทรมานอย่างทารุณ วัน
หนึ่งขณะที่นายเอกตัดสินใจหนีโดยกระโดดออกจากห้องพักเป็ นเหตุให้ถึงแก่ความ
ตาย ดังนีน
้ ายโทจะต้องรับผิดต่อความตายของนายเอกหรือไม่
ก. ไม่ต้องรับผิดเพราะไม่อาจคาดหมายได้ว่า นายเอกจะกระโดดออกจากห้องพัก
จนถึงแก่ความตาย
ข. ไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็ นเหตุแทรกแซงที่วิญญูชนไม่สามารถคาดหมายได้
ค. ต้องรับผิด เพราะเล็งเห็นผลว่าวันหนึ่งนายเอกจะกระโดดลงไปถึงแก่ความตาย
ง. ต้องรับผิด เพราะการกระโดดนัน
้ เป็ นผลโดยตรงจากการกระทำของนายโท
เฉลย ข้อ ง.
ฎ.4904/2548 ผู้ตายและผู้เสียหายทัง้ สามถูกกักขังและถูกทำร้ายร่างกายใน
ลักษณะการทรมานอยู่ในห้องพักที่เกิดเหตุเป็ นระยะเวลาเกิน 3 เดือน โดยไม่มี
หนทางหลบหนีเลี่ยงให้พ้นจากการทรมานหรือขอความช่วยเหลือจากผู้อ่ น
ื ได้ เห็นว่า
ผู้เสียหายทัง้ สามและผู้ตายต้องตกอยู่ในสภาพถูกบีบคัน
้ ทารุณทัง้ ร่างกายและจิตใจ
อย่างรุนแรงติดต่อกันเป็ นเวลานาน การที่ผู้ตายตัดสินในกระโดดจากห้องพักเพื่อฆ่า
ตัวตายนัน
้ อาจเป็ นเพราะผู้ตายมีสภาพจิตใจที่เปราะบางกว่าผู้เสียหายอื่น และไม่
อาจทนทุกข์ทรมานได้เท่ากับผู้เสียหายอื่นจึงได้ตัดสินใจกระทำเช่นนัน
้ เพื่อให้พ้น
จากการต้องทนทุกข์ทรมาน พฤติการณ์ฟังได้ว่าการตายของผู้ตายมีสาเหตุโดยตรง
มาจากการทรมานโดยทารุณโหดร้าย
4. ข้อใดต่อไปนีไ้ ม่ถือว่าเป็ นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จ
ก. นายดินแอบจูนคลื่นสัญญาณโทรศัพท์มือถือของนายน้ำ และใช้โทรออก โดยตน
ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายในการโทร
ข. นายฟ้ าและพวกร่วมกันไล่ต้องวัวของนายลมขึน
้ ไปบนรถของตนเพื่อนำไปขาย วัว
กำลังขึน
้ ไปบนรถได้ครึ่งตัว นายลมมาพบเสียก่อน
ค. นายนิลล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของนายขาวขณะยืนอยู่บนรถเมล์เพื่อ
ขโมยเงิน นายขาวรู้สึกตัวเอา มือไปจับกระเป๋าถูกมือนายนิลที่กุมธนบัตรอยู่ ทำให้
เงินร่วงลงพื้น
ง. นายเอ นายบี และนายซี ร่วมกันลักรถยนต์ของนายดี โดยนายเอกำลัง ต่อสาย
ไฟฟ้ าให้เครื่องยนต์ติด ส่วนนายบีและนายซีช่วยกันเข็นรถเพื่อให้เครื่องรถยนต์ติด
รถเคลื่อนไป 1 เมตรแต่ เครื่องยนต์ไม่ติด นายดีมาพบเสียก่อน
เฉลย ข้อ ข.
มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อ่ น
ื หรือที่ผู้อ่ ืนเป็ นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต
ผู้นน
ั ้ กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่
เกินหกพันบาท
ฎ.5354/2539 จำเลยนำโทรศัพท์มือถือมาปรับจูนและก๊อปปี ้ คลื่นสัญญาณโทรศัพท์
ของผู้เสียหายแล้วใช้รับส่งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็ นเพียงการแย่งใช้คลื่น
สัญญาณโทรศัพท์ของผู้เสียหายโดยไม่มีสิทธิ มิใช่เป็ นการเอาทรัพย์ของผู้อ่ น
ื ไปโดย
ทุจริต ไม่เป็ นความผิดฐานลักทรัพย์ แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ก็ต้องพิพากษา
ยกฟ้ อง
ฎ.7053/2545 สุกรตัวเกิดเหตุมีน้ำหนักเกือบ 200 กิโลกรัม ไม่สามารถอุ้มหรือจับ
ไปได้โดยง่ายทัง้ วัดเจ้าของสุกรก็ไม่ได้กักขัง แต่ปล่อยให้มีอิสระไปไหนมาไหนได้
ขณะที่นายดาบตำรวจ อ. เข้าจับกุมจำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 กำลังช่วยกันดึงและ
ผลักดันสุกรให้เข้าไปในซองบรรจุ สุกรยังไม่ได้เข้าไปในซองทัง้ ตัว การกระทำไม่ได้
นำขึน
้ รถ จำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 ยังไม่อยู่ในฐานะที่สามารถจะนำสุกรไปได้
การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 จึงยังไม่บรรลุผล คงเป็ นความผิดฐาน
พยายามลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเท่านัน

ฎ.1682/2500 จำเลยลักทรัพย์โดยวิธีล้วงกระเป๋า จำเลยแกะกระดุมเปิ ดฝากระเป๋า
กางเกงเอาธนบัตรออกมานอกกระเป๋า แล้วพอดีเจ้าทรัพย์ร้ต
ู ัวใช้มือตบกระเป๋า
บังเอิญไปถูกมือจำเลยซึ่งกำลังกุมธนบัตรอยู่ ธนบัตรร่วงหล่นจากมือจำเลยลงไปที่
เท้าเจ้าทรัพย์ ดังนีเ้ ป็ นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วไม่เป็ นความผิดฐานพยายาม
ฎ.1403/2510 คนร้าย 3 คน ร่วมกันลักรถยนต์จ๊ ป
ี โดยคนหนึ่งทำหน้าที่ขับรถกำลัง
ต่อสายไฟให้เครื่องยนต์ติด อีกสองคนช่วยกันเข็นรถเพื่อให้เครื่องยนต์ติด รถเคลื่อน
ไป 3 เมตร แต่เครื่องยนต์ไม่ติด และเจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำผิดเสียก่อน
ดังนีถ
้ ือได้ว่าคนร้ายนำรถยนต์เคลื่อนที่ไปแล้ว พ้นขัน
้ พยายามเป็ นความสำเร็จ
5. นายม้าได้ว่าจ้างนายลาให้ไปฆ่านายปลาซึ่งเป็ นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ในเขตเลือกตัง้ เดียวกัน โดยมีนายปูซึ่งเป็ นหัวคะแนนของนายม้าเป็ นผู้จัดหาอาวุธปื น
มาให้นายลาไปใช้ในการฆ่านายปลา ในขณะที่นายปลาผ่านมานัน
้ นายลาซึ่งได้ไป
แอบดักซุ่มอยู่ข้างทางได้ชักปื นเพื่อที่จะยิงนายปลา เห็นว่านายปลาเป็ นอดีตสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎรที่มีผลงานดี ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย และทำเพื่อประโยชน์บ้ายเมือง
นายลาจึงเกิดความสงสารและเปลี่ยนใจไม่ยิง ดังนีน
้ ายลาจะมีความผิดอาญาฐานใด
หรือไม่
ก. การกระทำของนายลายังอยู่ในขัน
้ ตระเตรียมการ และได้รับประโยชน์จาก ม. 82
เพราะเป็ นการ ยับยัง้ จึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า
ข. ไม่มีความผิด เพราะการกระทำของนายลายังอยู่ในขัน
้ ตระเตรียมการ และได้รับ
ประโยชน์จาก ม.82 เพราะเป็ นการยับยัง้
ค. ผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่เป็ นการกลับใจเสียเองตาม ม.82
ง. ผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่เป็ นการยับยัง้ เสียเองตาม ม. 82
เฉลย ข้อ ก.
การที่นายลาได้ดักซุ่มยิงนายปลา เมื่อนายปลาผ่านมานายลาเพียงแต่ชักอาวุธปื น
ออกจากเอวเพื่อที่จะยิงเท่านัน
้ แต่ยังไม่ได้ยกปื นขึน
้ เล็งไปที่นายปลา การกระทำ
ของนายลาจึงอยู่ในขัน
้ ตระเตรียมการไม่ถึงขัน
้ ลงมือกระทำความผิด การที่จะเป็ น
ความผิดได้นายลาต้องยกปื นขึน
้ เล็งแล้ว จึงถือว่าเป็ นการพยายามกระทำความผิดซึ่ง
กระทำไปไม่ตลอด
และการที่นายลาตัดสินใจไม่ยิง เพราะเห็นว่านายปลาเป็ นอดีตสมาชิกผู้แทนราษฎร
ที่มีผลงานดี ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย และทำเพื่อประโยชน์บา้ นเมือง จึงเกิดความ
สงสารและเปลี่ยนใจนัน
้ ไม่ถือเป็ นการยับยัง้ ตาม ม. 82 เพราะการยับยัง้ เสียเองจะมี
ได้เฉพาะเมื่อนายลาได้กระทำถึงขัน
้ ที่เป็ นการลงมือกระทำความผิดแล้ว กรณีนจ
ี ้ ึง
เป็ นการกระทำโดยไม่ตลอดเท่านัน

มาตรา 82 ผู้ใดพยายามกระทำความผิด หากยับยัง้ เสียเองไม่กระทำการให้ตลอด
หรือกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทำนัน
้ บรรลุผล ผู้นน
ั ้ ไม่ต้องรับโทษสำหรับการ
พยายามกระทำความผิดนัน
้ แต่ถ้าการที่ได้กระทำไปแล้วต้องตามบทกฎหมายที่
บัญญัติเป็ นความผิด ผู้นน
ั ้ ต้องรับโทษสำหรับความผิดนัน
้ ๆ
ฎ. 1647/2512 จำเลยมาพบผู้เสียหายที่บ่อน้ำผู้เสียหายพูดกับจำเลยเรื่องทำร้าย
หลานชายผู้เสียหายซึ่งเป็ นใบ้ จำเลยไม่พอใจผู้เสียหายและพูดว่าเดี๋ยวยิง ผู้เสียหาย
ท้าให้ผู้เสียหายแย่งไปได้ การที่จำเลยชักปื นออกมาเป็ นเพียงเตรียมการเอาปื นออก
มาเท่านัน
้ ยังไม่ถึงขัน
้ ลงมือการที่จำเลยเพียงแต่ควักปื นยังไม่พ้นจากเอวจำเลยอาจ
ทำท่าขู่ก็ได้พฤติการณ์ยังไม่พอฟั งจำเลยมีเจตนาจะฆ่า การกระทำของจำเลยจึงยัง
ไม่เป็ นพยายามกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80
6. จากข้อเท็จจริงตามข้อ 71. การกระทำของนายม้าเป็ นความผิดฐานใด
ก. ไม่ผิดฐานเป็ นผู้ใช้ เพราะไม่ถือว่าเป็ นการก่อให้เกิดการกระทำผิด
ข. ไม่ผิดฐานเป็ นผู้ใช้ เพราะผู้ถูกใช้ยังไม่ได้ลงมือกระทำความผิด จึงไม่ต้องรับโทษ
ค. ผิดฐานเป็ นผู้ใช้ แต่รับโทษในขัน
้ พยายามกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อ่ น
ื โดยไตร่รอง
ไว้ก่อน ตาม ม. 289(4)
ง. ผิดฐานเป็ นผู้ใช้ แต่รับโทษหนึ่งในสามของความผิดฐานฆ่าผู้อ่ น
ื โดยไตร่ตรองไว้
ก่อน ตาม ม. 289(4)
เฉลย ข้อ ง.
การที่นายม้าจ้างนายลาไปฆ่านายปลา เป็ นการก่อให้ผู้อ่ น
ื กระทำความผิดฐานฆ่าผู้
อื่นโดยไตร่รองไว้ก่อนแต่การกระทำของนายลายังอยู่ในขัน
้ ตอนตระเตรียมการ ยังไม่
ถึงขัน
้ ลงมือกระทำความผิดตามที่นายใช้ นายม้าจึงต้องรับโทษเพียง 1 ใน 3 ของ
โทษ จากการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อ่ น
ื ผู้อ่ น
ื โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตาม ม.289 (4)
มาตรา 84 วรรค 2 ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนัน
้ ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็ น
ตัวการ ถ้าความผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็ นเพราะถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้
กระทำหรือเหตุอ่ น
ื ใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้
สำหรับความผิดนัน

7. จากข้อเท็จจริงตามข้อ 71. นายปูจะมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. ไม่มีความผิดในฐานผู้สนับสนุน เพราะนายลายังไม่ได้ลงมือกระทำความผิด
ข. ไม่มีความผิดในฐานผู้สนับสนุน เพราะผู้ลงมือกระทำความผิดยังไม่ได้รับ
ประโยชน์จากการสนับสนุน
ค. ผิดฐานเป็ นผู้สนับสนุน เพราะถือว่าเป็ นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแล้ว
ง. ผิดฐานเป็ นผู้สนับสนุน เพราะเมื่อนำปื นให้นายลาถือว่าเป็ นการสนับสนุนโดย
ทันที
เฉลย ข้อ ก.
แม้นายปูจะจัดหาอาวุธปื นมาให้นายลานัน
้ จะเป็ นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวก
นายลาก่อนการกระทำความผิดก็ตาม แต่ก็ยังไม่ถือว่านายปูเป็ นผู้สนับสนุน เพราะ
การที่จะเป็ นผู้สนับสนุนได้นน
ั ้ จะต้องเป็ นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่
ผู้อ่ น
ื กระทำความผิด ซึ่งผู้ลงมือจะต้องกระทำการถึงขัน
้ ที่จะเป็ นความผิดแล้ว ฉะนัน

เมื่อนายลายังไม่ได้ยกปื นขึน
้ เล็ง ยังไม่ถือว่าเป็ นการกระทำความผิดโดยไม่ตลอด
การที่นายลาเพียงแต่ชักปื นเท่านัน
้ ถือว่ายังไม่ถึงขัน
้ ลงมือกระทำความผิดและยังอยู่
ในขัน
้ ตระเตรียมการ ดังนัน
้ นายปูจึงไม่เป็ นผู้สนับสนุน
มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็ นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวก
ในการที่ผู้อ่ น
ื กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะ
มิได้ร้ถ
ู ึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนัน
้ ก็ตาม ผู้นน
ั ้ เป็ นผู้สนับสนุนการกระ
ทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่
สนับสนุนนัน

8. นายดำแอบทราบมาว่าในวันพรุ่งนีน
้ ายแดง นายขาว และนายแสด ซึ่งร่วมกัน
วางแผนจะมาปล้นทรัพย์ที่บ้านของตนเองในคืนเกิดเหตุจึงได้ไปหลบซ่อนอยู่ในตู้
เสื้อผ้าส่วนนายแดง นายขาว และนายแรสได้แอบเข้ามาในบ้านและเอาทรัพย์ ขณะ
ที่กำลังจะออกจากบ้านนายดำนัน
้ นายม่วงได้ขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาเห็นจึง
ตะโกนว่า “ขโมย ขโมย” นายแสดจึงใช้ปืนยิงนายม่วงแต่กระสุนพลาดไป หลังจาก
นัน
้ นายดำได้ยิงปื นขึน
้ และพูดว่า “ถ้าไม่วางทรัพย์ลงจะยิงให้ตาย” ทัง้ สามคนเกิด
ความกลัวจึงวางทรัพย์แล้ววิ่งหนีไป ดังนีก
้ ารกระทำของทัง้ สามคนเป็ นความผิดฐาน
ใด
ก. ผิดฐานลักทรัพย์
ข. ผิดฐานพยายามลักทรัพย์
ค. ผิดฐานปล้นทรัพย์
ง. ผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์
เฉลย ข้อ ค.
แม้ว่าการใช้กำลังประทุษร้ายมิได้กระทำต่อเจ้าของทรัพย์หรือผู้ครอบครองทรัพย์อยู่
ดังนัน
้ ขณะที่ทงั ้ สามกำลังจะออกจากบ้านของนายดำ ได้ใช้ปืนยิงนายม่วง ซึ่งไม่ใช่
เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์ เป็ นการใช้กำลังประทุษร้าย ดังนัน
้ จึงเป็ นการลัก
ทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย อันเป็ นความผิดฐานชิงทรัพย์ เมื่อร่วมกันกระทำ
ความผิดสามคนขึน
้ ไปจึงเป็ นความผิดฐานปล้นทรัพย์
การที่ผู้กระทำความผิดทัง้ สามคนได้วางทรัพย์แล้ววิ่งหนีไปนัน
้ ไม่ใช่พยายามกระทำ
ความผิด เพราะเป็ นความผิดสำเร็จนับแต่พาทรัพย์นน
ั ้ เคลื่อนที่
9. นายเอก นายโท และนายตรี ได้ร่วมกันวางแผนที่จะหลอกเอาทรัพย์สินของนาย
จัตวาซึ่งเป็ นบุคคลร่ำรวย ในวันเกิดเหตุนายหนึ่งได้ออกอุบายว่าวันนีเ้ ป็ นวันเกิดของ
ตนจึงได้ชวนจัตวามากินเบียร์ที่บ้าน โดยให้นายจัตวาดื่มเบียร์ผสมยาสลบ เป็ นเหตุ
ให้นายจัตวาไม่ร้ส
ู ึกตัวและทัง้ สามได้เอาทรัพย์ของนายจัตวาติดตัวมาไป ดังนัน
้ การก
ระทำดังกล่าวของนายเอกนายโท และนายตรีเป็ นความผิดฐานใดหรือไม่
ก. ผิดฐานลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย
ข. ผิดฐานฉ้อโกง
ค. ผิดฐานปล้นทรัพย์
ง. ผิดฐานลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตัง้ แต่สามคนขึน
้ ไป
เฉลย ข้อ ค.
การที่ทงั ้ สามให้นายจัตวาดื่มเบียร์ผสมยาสลบ ถือว่าเป็ นการใช้กำลังประทุษร้าย
เพื่อสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาทรัพย์นัน
้ ไป เมื่อร่วมกันตัง้ แต่สามคนขึน
้ ไปจึง
เป็ นความผิดฐานปล้นทรัพย์
ฎ. 3562/2537 จำเลยทัง้ สามร่วมกันใช้ยานอนหลับผสมลงในเครื่องดื่มเบียร์ให้ผู้
เสียหายดื่ม จนไม่ร้ส
ู ึกตัวหลับไป แล้วปลดเอเครื่องประดับของผู้เสียหายไป ดังนัน

จึงเป็ นความผิดฐานปล้นทรัพย์
10. นายดำ นายแดง และนายขาวได้ร่วมกันวางแผนจะไปลักทรัพย์ที่บ้านนายม่วง
ในคืนเกิดเหตุขณะที่เข้าไปลักทรัพย์จนได้ทรัพย์ไปจนเป็ นที่พอใจแล้วและทัง้ สาม
กำลังจะออกจากบ้านไปนัน
้ สุนัขของนายเหลืองได้เห่าขึน
้ และจะวิ่งเข้ามากัดนาย
แดง นายขาวจึงใช้อาวุธปื น ยิงสุนัขจนถึงแก่ความตายแล้ววิ่งหนีไป ดังนี ้ การกระทำ
ของบุคคลทัง้ สามจะเป็ นความผิดฐานใดหรือไม่
ก. ผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
ข. ผิดฐานชิงทรัพย์
ค. ผิดฐานปล้นทรัพย์
ง. ผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
เฉลย ข้อ ก.
การไปเอาทรัพย์นน
ั ้ ไม่ได้หมายความว่าทัง้ สามคนได้ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญ
ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายแก่เจ้าของสุนัข จึงไม่เป็ นความผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่การที่
ใช้ปืนยิงสุนัขตายนี ้ บุคคลทัง้ สามย่อมเป็ นตัวการในความรับผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
มาตรา 83 ในกรณีความผิดใดเกิดขึน
้ โดยการกระทำของบุคคลตัง้ แต่สองคนขึน
้ ไปผู้
ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนัน
้ เป็ นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมาย
กำหนดไว้สำหรับความผิดนัน

มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่ง
ทรัพย์ของผู้อ่ น
ื หรือผู้อ่ น
ื เป็ นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นน
ั ้ กระทำความผิดฐานทำให้เสีย
ทรัพย์ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทัง้ จำทัง้
ปรับ
ฎ.375/2533 เมื่อข้อเท็จจริงได้ความจริงว่า จำเลยที่ 1 กับพวกอีก 2 คนเข้าไปใน
บ้านและพยายามลักทรัพย์ของผู้เสียหาย แล้วพวกของจำเลยดังกล่าวได้ใช้กำลัง
ประทุษร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายเพื่อสะดวกในการลักทรัพย์หรือพา
ทรัพย์ไปแต่ไม่สามารถทำทรัพย์นน
ั ้ ไปได้ เพราะมีผู้มาพบเห็นเสียก่อน ดังนีก
้ ารที่
พวกของจำเลยที่ 1 ใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายดังกล่าวจึงมิได้นอกเหนือความมุ่ง
หมายหรือเจตนาของจำเลยที่ 1 แต่อย่างใดการกระทำของจำเลยที่ 1 กับพวกจึง
เป็ นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 340 วรรคแรก 80

You might also like