Professional Documents
Culture Documents
* ทำเพื่อเป็ นวิทยำทำน ห้ำมเพื่อกำรพำณิชย์ทุกชนิ ด โดยคัดย่อจำกคำบรรยำยเนติ์ สมัยที่ 61 บรรยำยโดย อ.เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์ และหนังสือคำอธิบำยกฎหมำยอำญำของท่ำน (เล่มสีเขียว)
**PorSi@NiTiSadTeeRubSung : นิ ติศำสตรบัณฑิต รำชภัฎมหำสำรคำม รุน่ ๒ , เนติบณ ั ฑิตไทย สมัยที่ 61 ภำค 1
- หำกเอกสำรชุดนี้ มีประโยชน์แก่ท่ำนบ้ำง ข้ำพเจ้ำขออุทิศผลบุญนี้ ให้แด่บิดำมำรำ ญำติ ครูอำจำรย์ ผูม้ ีพระคุณ มิตร เจ้ำกรรมนำยเวรแห่งข้ำ เปรตและสัตว์ท้งั หลำย และอุทิศแด่ท่ำนผูอ้ ่ำนด้วยเทอญ
คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
-2-
สรุปหลัก คือ ถ้ำผูก้ ระทำมีอำนำจทำได้ตำม 5 ข้อข้ำงต้น กำรกระทำนั้นจะไม่เป็ นควำมผิดทำงอำญำ
1. การกระทานั้นไม่มีกฎหมายยกเว้นโทษ เช่นควำมยินยอมที่ไม่ขดั ต่อศีลธรรมฯ
2. ยกเว้นโทษมีหลายกรณี คือ จำเป็ น มำตรำ 67,เด็กอำยุไม่เกิน 10 ปี ทำผิดมำตรำ 73,เด็กอำยุกว่ำ 10ปี
แต่ไม่เกิน 15 ปี ทำผิด มำตรำ 74, คนวิกลจริตทำผิด มำตรำ 65, คนเมำทำผิด มำตรำ 66,ทำตำมคำสัง่ ที่มิชอบของ
เจ้ำพนักงำน มำตรำ 70, ทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ระหว่ำงสำมีภริยำ มำตรำ 71
3. เหตุลดโทษอยูน่ อกโครงสร้ำงกำรรับผิดทำงอำญำ คือไม่ได้รบั ยกเว้นแต่ได้รบั กำรลดโทษ ซึ่งเป็ นดุลพินิจ
ของศำล มีดงั นี้ บันดำลโทสะ มำตรำ 72,ควำมไม่รกู ้ ฎหมำยมำตรำ 64,คนวิกลจริตซึ่งรูผ้ ิดชอบอยูบ่ ำ้ งมำตรำ 65
วรรค2,คนมึนเมำซึ่งรูผ้ ิดชอบอยูบ่ ำ้ งมำตรำ 66, ผิดเกี่ยวกับทรัพย์ระหว่ำงญำติสนิ ทมำตรำ 71 วรรค2, เหตุบรรเทำ
โทษมำตรำ 78,ผูท้ ำผิดอำยุกว่ำ 15 ปี แต่ตำ่ กว่ำ 18 ปี มำตรำ 75, ผูท้ ำผิดอำยุต้งั แต่ 18 ปี ไม่เกิน 20 ปี มำตรำ 76
*************
แยกอธิบาย
มำตรำ 59 บุคคลจะต้องรับผิดทำงอำญำต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนำ…..
การกระทาคือ กำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยโดยรูส้ ำนึ กรูส้ ำนึ ก คือ อยูภ่ ายใต้บงั คับของจิตใจ กำรกระทำไม่วำ่ จะมี
กำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยหรือไม่ตอ้ งผ่ำน 3 ขั้นตอนด้วยควำมรูส้ ำนึ กในกำรที่กระทำ คือ
1. ต้องมีควำมคิดที่จะกระทำ
2. ตกลงใจที่จะกระทำตำมที่คิด
3. ได้กระทำไปตำมที่ตกลงใจอันสืบเนื่ องมำจำกควำมคิดกำรกระทำ
ฉะนั้น อำจแบ่งการกระทาได้ 2 ประเภท คือ กำรกระทำโดยกำรเคลื่อนไหวร่ำงกำย กับ กำรกระทำโดยไม่
เคลื่อนไหวร่ำงกำย
*******การเคลื่อนไหวร่างกายมิใช่จะเป็ นการกระทาเสมอไป กำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยต้องเป็ นการเคลื่อนไหวโดย
รูส้ ภาพและสาระสาคัญของการกระทา คนละเมอ คนเป็ นลมบ้ำหมู ถูกผลัก ถูกชน ถูกจับมือให้ทำ ถูกสะกดจิต กรณี
เช่นนี้ ไม่มีกำรกระทำ*******
“การกระทา” ให้หมำยควำมรวมถึงการงดเว้นที่จะต้องกระทาเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย (ม.59 วรรคท้ำย)
กำรกระทำโดยไม่เคลื่อนไหวแยกได้ 2 ประเภท คือ 1. โดยงดเว้น 2. โดยละเว้น
กำรกระทำโดย “งดเว้น” มีหลักเกณฑ์ คือ
1. เป็ นกำรกระทำโดยกำรไม่เคลื่อนไหวร่ำงกำย
2. ผูก้ ระทำมีหน้ำที่ตอ้ งกระทำ
3. หน้ำที่ตำมข้อ 2 เป็ นหน้ำที่ซึ่งต้องกระทำโดยเฉพาะเพื่อป้องกันผลที่เกิดขึ้ นนั้น
กำรกระทำโดย “ละเว้น” มีหลักเกณฑ์ คือ
1. เป็ นกำรกระทำโดยกำรไม่เคลื่อนไหวร่ำงกำย
2. ผูก้ ระทำมีหน้ำที่ตอ้ งกระทำ
3. หน้ำที่ตำมข้อ 2 เป็ นหน้ำที่โดยทัว่ ๆ ไป
!!!!! เหตุยกเว้นโทษ
*** จาเป็ น มำตรำ 67
อนุ มำตรำ 1 จำเป็ นเพราะอยูใ่ นที่บงั คับ
อนุ มำตรำ 2 จำเป็ นเพื่อให้พน้ ภยันตราย
จำเป็ น มาตรา 67(1) มีหลัก 4 ข้อคือ
1. อยูใ่ นที่บงั คับหรือภำยใต้อำนำจ หมำยควำมว่ำ มีกำรบังคับให้กระทำหรือไม่กระทำอย่ำงหนึ่ ง
อย่ำงใดจำกภำยนอก ซึ่งกำรกระทำหรือไม่กระทำนั้นเป็ นควำมผิด เช่น แดง ขูว่ ำ่ จะยิงดำ ถ้ำดำไม่ใช้ไม้ตีหวั ขำว ดำกลัว
ตำยจึงใช้ไม้ตีหวั ขำว ขำวหัวแตก ดำกระทำผิดต่อขำวคือ 295 เพรำะว่ำถูกดำบังคับ ข้อสังเกต ถ้ำแดงจับมือดำขณะที่
ดำ ขณะที่ดำเผลอ ไปเขกหัวของขำว อย่ำตอบว่ำจำเป็ น เพรำะถ้ำแดงจับมือดำขณะที่ดำเผลอไปเขกหัวขัว ดำไม่มีกำร
กระทำ เมื่อไม่มีกำรกระทำ ก็ไม่ใช่กำรกระทำผิดด้วยควำมจำเป็ นตำมมำตรำ 68(1)
2. ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ ถ้ำหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ ก็จะอ้ำงว่ำจำเป็ นมิได้ เพรำะอยู่
ในที่บงั คับไม่ได้ ตำอย่ำง แดงเป็ นคนชรำขูว่ ำ่ จะแทงดำ ถ้ำดำไม่ลกั ทรัพย์ขำว ข้อเท็จจริงว่ำดำสำมำรถขัดขืนได้
เพรำะว่ำดำยังหนุ่ มร่ำงกำยแข็งและแรง เพียงแต่บิดมือแดงมีดก็จะหลุดจำกมือแดง แต่ดำไม่ขดั ขืน ดำกลับทำตำมคำบง
กำรของแดง เช่นนี้ ดำจะอ้ำงจำเป็ นไม่ได้
3. ผูก้ ระทาจะต้องมิได้ก่อเหตุการณ์น้นั ขึ้ นด้วยความผิดของตน ตัวอย่ำง ดำยุให้แดงมำขูด่ ำ ให้
ดำไปทำร้ำยขำว แดงทนยัว่ ยุไม่ได้ ในที่สุดดำขูว่ ำ่ จะยิงดำ ถ้ำดำไม่ตีหวั ขำว เช่นนี้ ถ้ำดำไปตีขำว ดำจะอ้ำงว่ำเป็ นกำร
กระทำควำมผิดด้วยควำมจำเป็ นไม่ได้
4. กระทาไปไม่เกินขอบเขต เกินขอบเขต คือ เกินสมควรแก่เหตุและเกินกว่ำกรณีจำเป็ นต้อง
กระทำเพื่อป้องกัน
เกินสมควรแก่เหตุในเรื่องจาเป็ นตาม 67 (1) คือ เกินวิถีทำงน้อยที่สุด หรือเกินสัดส่วน อย่ำงใด
อย่ำงหนึ่ งหรือทั้งสองอย่ำง เกินอย่ำงใดอย่ำงหนึ่ งถือว่ำเกินขอบเขต
เกินวิธีทางที่นอ้ ยที่สุด คือ เกินขั้นตำ่ สุดที่จำเป็ นต้องกระทำซึ่งมีหลักอย่ำงเดียวกับมำตรำ 68 ใน
เรื่องป้องกัน
!!!!!!!! ป้องกัน กับ จาเป็ นแตกต่ำงกันคือ ป้องกัน เป็ นกำรกระทำต่อผูก้ ่อภัย จำเป็ น เป็ นกำรกระทำต่อบุคคลที่ 3
จำเป็ น ตำม ม. 67(2) มีหลัก 6 ข้อคือ
1. มีภยันตรำย
2. ภยันตรำยนั้นใกล้จะถึง
3. เป็ นภยันตรำยที่ไม่สำมำรถหลีกเลี่ยงให้พน้ โดยวิธีอื่นใดได้
4. ภยันตรำยนั้นผูก้ ระทำควำมผิดด้วยควำมจำเป็ นมิได้ก่อให้เกิดขึ้ นเพรำะควำมผิดของตน
5. ผูก้ ระทำได้กระทำไปเพื่อให้ตนเอง, ผูอ้ ื่นพ้นภยันตรำย
6. กระทำไปไม่เกินขอบเขต
จดจาไว้นะใจเจ้ากรรมตอกและย้าให้จาฝังจ๊าย.....ภยันตรำย ถ้ำเกิดจำกกำร ๑. ละเมิด กม. (กม.ใดก็ได้) ๒.ทำต่อผู้
ก่อภัยอ้ำงป้องกัน / ถ้ำทำต่อบุคคลที่ 3 อ้ำงจำเป็ น แต่ถำ้ ภยันตรำยไม่ได้เกิดจากการละเมิด กม. ไม่วำ่ ทำต่อใคร
อ้ำงได้เพียงแค่จาเป็ นเท่ำนั้น
ข้อแตกต่างระหว่างป้องกัน/จาเป็ น
1. ป้องกัน – กม.ถือว่ำผูก้ ระทำไม่มีควำมผิด
จาเป็ น – ผูก้ ระทำมีควำมผิด แต่ไม่ตอ้ งรับโทษ
2. หำกภยันตรำยเกิดจำกกำรประทุษร้ำย อันละเมิดต่อ กม.แล้ว
ป้องกัน – กระทำต่อผูก้ ่อภัย
จาเป็ น – กระทำต่อบุคคลที่ 3
หำกภยันตรำยไม่ได้เกิดจำกกำรประทุษร้ำยอันละเมิดต่อ กม.แล้ว ไม่วำ่ จะกระทำต่อผูก้ ่อภัย , บุคคล
ที่ 3 ก็เป็ นกำรกระทำโดยจำเป็ น
หำกภยันตรำยไม่ได้เกิดจำกกำประทุษร้ำยอันละมิดต่อกม.แต่สำคัญผิดในข้อเท็จจริงว่ำภยันตรำยเกิด
จำกกำรประทุษร้ำยอันละเมิดต่อ กม.และกระทำต่อผูก้ ่อภยันตรำยนั้น อ้ำงป้องกันโดยสำคัญผิด
ตัวอย่าง ดำละเมอจะยิงเหลือง เหลืองไม่รวู ้ ำ่ ดำละเมอ เหลืองยิงดำเหลืองอ้ำงป้องกันโดยสำคัญผิด
กำรกระทำโดยป้องกันนั้น- หำกเป็ นกำรกระทำต่อผูก้ ่อภัยซึ่งก่อภัยโดยกำรละเมิด กม.แล้ว
แม้ผลจะเกิดแก่บุคคลที่ 3 ก็อำ้ งป้องกันต่อบุคคลที่ 3 ได้
ตัวอย่ำง ดำจะยิงเหลือง เหลืองป้องกันโดยยิงดำ ถือว่ำเหลืองป้องกันแล้ว หำกว่ำดำหลบทันกระสุน
(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com
คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 25 -
พลำดไปถูก แดงตำยคำผิด 288+60 แต่อำ้ งป้องกันได้
กรณีจำเป็ น – ตัวอย่าง ดำจะยิงเหลือง ดำล็อคคอเขียวไว้ เหลืองยิงดำ เหลืองอ้ำงป้องกันได้ แต่
เหลืองต่อเขียว เหลืองอ้ำงป้องกันไม่ได้เพรำะเขียวไม่ใช่ผกู้ อ่ ภัย แต่ดำต้องยิงมำเพื่อให้ตนพ้นภยันตรำยจำกกำรที่จะถูก
ดำยิงเหลืองจึงอ้ำงจำเป็ นต่อเขียวได้
3. กำรกระทำโดยป้องกัน ผูก้ ระทำต้องมีเจตนำพิเศษเพื่อ “ป้องกันสิทธิ” ส่วนกำรกระทำโดย
จาเป็ น 67(1) เจตนำพิเศษคือเพรำะอยูใ่ นที่บงั คับหรือภำยใต้อำนำจที่ไม่อำจหลีกเลี่ยงได้ และ 67(2) เจตนำพิเศษ
คือ เพื่อให้ตนเองหรือผูอ้ ื่นพ้นภยันตรำย
4. กำรกระทำโดยป้องกันหำกป้องกันสิทธิผอู้ ื่นจะต้องเป็ นกรณีที่ผอู้ ื่นมีสิทธิป้องกันตนเองได้อยูแ่ ล้ว
จึงจะมีกำรป้องกันแทนได้
5. กำรกระทำโดยป้องกัน เนื่ องจำกเป็ นกำรกระทำต่อผูก้ ่อภัยอันละเมิด กม.ผูก้ ระทำจึงไม่จำต้อง
หลีกหนี ภยันตรำยนั้น กำรกระทำโดยจาเป็ น โดยหลักเป็ นกำรกระทำต่อบุคคลที่ 3 ซึ่งไม่มีส่วนผิดในกำรก่อภัย
ผูก้ ระทำต้องพยำยำมหลีกเลี่ยงให้พนั ภยันตรำยโดยวิธีอื่นก่อน
6. สัดส่วนของกำรกระทำ
ป้องกัน – ภยันตรำยและกำรกระทำตอบโต้ของผูป้ ้ องกันมีควำมร้ำยแรงพอกัน ถือว่ำ
พอสมควรแก่เหตุ
จาเป็ น – โดยหลักเป็ นกำรกระทำต่อบุคคลที่ 3 ซึ่งไม่มีส่วนผิดหำกภยันตรำยร้ำยแรงพอกัน
ต้องถือว่ำเกินสัดส่วนและเกินสมควรแก่เหตุอย่ำงไรก็ตำม หำกเป็ นกำรกระทำต่อผูก้ ่อภัยซึ่งไม่ได้ละเมิดต่อ กม. อำจถือ
ว่ำได้สดั ส่วนได้
ข้อแตกต่างและข้อเหมือนระหว่างป้องกัน/บันดาลโทสะ(อ่ำนต่อฉบับหน้ำ)
เนติบณ
ั ฑิตไทย ไม่ได้ไกลอย่ำงที่คดิ เพรำะอยูแ่ ถวๆ ตลิ่งชัน
นิ ติศำสตร์ที่รำบสูง,ปอสี,ลุง