You are on page 1of 26

คัดย่อหลักกฎหมายอาญา*

ข้อสอบข้อที่ 2 และ ข้อที่ 3 แห่งสานักอบรมศึกษากฎหมาย แห่งเนติ์


โดย ว่าด้วย “ลุง”“**
*****************************************
บทนา
บุคคลจะต้องรับผิดทางอาญาต่อเมื่อ
1. การกระทาครบองค์ประกอบที่กฎหมายบัญญัติ
1.1 มีกำรกระทำ (รูส้ ำนึ กขณะกระทำ)
1.2 ครบองค์ประกอบภำยนอก
- ผูก้ ระทำ
- กำรกระทำ
- วัตถุแห่งกำรกระทำ
1.3 ครบองค์ประกอบภำยใน (เจตนำ (ธรรมดำ กับ พิเศษ) และประมำท) และ
1.4 ผลของกำรกระทำสัมพันธ์กบั กำรกระทำ
2. การกระทาไม่มีกฎหมายยกเว้นความผิด กำรยกเว้นมีหลำยกรณีคือ
ก. ยกเว้นความผิดตามกฎหมายอาญา มำตรำ 68,213,305,329,331
ข. ยกเว้นความผิด ไม่ได้บญ ั ญัติไว้เป็ นลายลักษณ์อกั ษร ประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ 2 มีหลัก
ว่ำ “ไม่มีควำมผิดไม่มีโทษถ้ำไม่มีกฎหมำยบัญญัติไว้” มำตรำ 2ห้ำมนำมำใช้เพื่อเป็ นผลร้ำยเว้นแต่มีกฎหมำยบัญญัติ
ไว้เป็ นลำยลักษณ์อกั ษร แต่ถำ้ ใช้เพื่อเป็ นคุณนำมำใช้ได้ถือเป็ นหลักกฎหมำยทัว่ ไป ฎ : 1403/08
ควำมยินยอมถ้ำไม่ขดั ต่อสำนึ กในศีลธรรมอันดีสำมำรถยกเว้นควำมผิดได้โดยถือว่ำเป็ นหลักกฎหมำยทัว่ ไป
จำรีตประเพณีก็ถือว่ำเป็ นหลักกฎหมำยทัว่ ไปยกเว้นควำมผิดได้เช่นเดียวกัน ตัวอย่ำง จำรีตให้อำนำจครูตี
นักเรียนได้ เพื่อว่ำกล่ำวสัง่ สอน ฎ : 429-30/2505 ภิกษุ มีอำนำจลงโทษเด็กวัดได้
ค. ยกเว้นอยูใ่ นรัฐธรรมนูญ เช่น เอกสิทธิแก่สมำชิกรัฐสภำในกำรแถลงข้อเท็จจริงแสดงควำม
คิดเห็นต่อรัฐสภำ
ง. ยกเว้นอยูใ่ น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ม. 1347, 452, 1567(2),395,450)
อำนำจตำมสัญญำบำงครั้งก็ทำให้กำรกระทำไม่เป็ นควำมผิดอำญำฐำนบุกรุกถือว่ำมีอำนำจที่จะทำได้ตำมสัญญำ
ฎ : 1/12 วินิจฉัยว่ำเป็ นบุกรุกกำรที่จำเลยใช้ไม้กระดำนตีทำงทับประตูหอ้ งที่โจทก์ครอบครองอยูใ่ น
ขณะที่โจทก์ไม่อยูแ่ ละปิ ดประตูหอ้ งไว้ทำให้โจทก์เข้ำห้องไม่ได้ เป็ นกำรล่วงล้ำเข้ำไปในอำนำจครอบครองของโจทก์ถือ
เป็ นกำรรบกวนกำรครอบครองตำม ปอ.ม. 362
ถ้ำมีขอ้ ตกลงในปั ญหำก็ไม่เป็ นบุกรุก ฎ : 4854/37 หนังสือเช่ำระบุไว้ชดั เจนว่ำให้อำนำจผูใ้ ห้เช่ำกระทำได้
ก็ไม่ผิดบุกรุก
จ.ยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ม.78(3),83) ฎ : 699/02 เจ้ำ
พนักงำนผูจ้ บั ยิงยำงล้อรถยนต์ของคนร้ำยจนบำงแตกเพื่อให้รถหยุดจะได้จบั กุมคนบนรถเป็ นกำรกระทำที่พอเหมำะ
พอควรแก่กำรจับมีอำนำจทำได้ ตำม ปอ.มำตรำ 83 ไม่ผิดประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ 358

* ทำเพื่อเป็ นวิทยำทำน ห้ำมเพื่อกำรพำณิชย์ทุกชนิ ด โดยคัดย่อจำกคำบรรยำยเนติ์ สมัยที่ 61 บรรยำยโดย อ.เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์ และหนังสือคำอธิบำยกฎหมำยอำญำของท่ำน (เล่มสีเขียว)
**PorSi@NiTiSadTeeRubSung : นิ ติศำสตรบัณฑิต รำชภัฎมหำสำรคำม รุน่ ๒ , เนติบณ ั ฑิตไทย สมัยที่ 61 ภำค 1
- หำกเอกสำรชุดนี้ มีประโยชน์แก่ท่ำนบ้ำง ข้ำพเจ้ำขออุทิศผลบุญนี้ ให้แด่บิดำมำรำ ญำติ ครูอำจำรย์ ผูม้ ีพระคุณ มิตร เจ้ำกรรมนำยเวรแห่งข้ำ เปรตและสัตว์ท้งั หลำย และอุทิศแด่ท่ำนผูอ้ ่ำนด้วยเทอญ
คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
-2-
สรุปหลัก คือ ถ้ำผูก้ ระทำมีอำนำจทำได้ตำม 5 ข้อข้ำงต้น กำรกระทำนั้นจะไม่เป็ นควำมผิดทำงอำญำ
1. การกระทานั้นไม่มีกฎหมายยกเว้นโทษ เช่นควำมยินยอมที่ไม่ขดั ต่อศีลธรรมฯ
2. ยกเว้นโทษมีหลายกรณี คือ จำเป็ น มำตรำ 67,เด็กอำยุไม่เกิน 10 ปี ทำผิดมำตรำ 73,เด็กอำยุกว่ำ 10ปี
แต่ไม่เกิน 15 ปี ทำผิด มำตรำ 74, คนวิกลจริตทำผิด มำตรำ 65, คนเมำทำผิด มำตรำ 66,ทำตำมคำสัง่ ที่มิชอบของ
เจ้ำพนักงำน มำตรำ 70, ทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ระหว่ำงสำมีภริยำ มำตรำ 71
3. เหตุลดโทษอยูน่ อกโครงสร้ำงกำรรับผิดทำงอำญำ คือไม่ได้รบั ยกเว้นแต่ได้รบั กำรลดโทษ ซึ่งเป็ นดุลพินิจ
ของศำล มีดงั นี้ บันดำลโทสะ มำตรำ 72,ควำมไม่รกู ้ ฎหมำยมำตรำ 64,คนวิกลจริตซึ่งรูผ้ ิดชอบอยูบ่ ำ้ งมำตรำ 65
วรรค2,คนมึนเมำซึ่งรูผ้ ิดชอบอยูบ่ ำ้ งมำตรำ 66, ผิดเกี่ยวกับทรัพย์ระหว่ำงญำติสนิ ทมำตรำ 71 วรรค2, เหตุบรรเทำ
โทษมำตรำ 78,ผูท้ ำผิดอำยุกว่ำ 15 ปี แต่ตำ่ กว่ำ 18 ปี มำตรำ 75, ผูท้ ำผิดอำยุต้งั แต่ 18 ปี ไม่เกิน 20 ปี มำตรำ 76
*************
แยกอธิบาย
มำตรำ 59 บุคคลจะต้องรับผิดทำงอำญำต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนำ…..
การกระทาคือ กำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยโดยรูส้ ำนึ กรูส้ ำนึ ก คือ อยูภ่ ายใต้บงั คับของจิตใจ กำรกระทำไม่วำ่ จะมี
กำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยหรือไม่ตอ้ งผ่ำน 3 ขั้นตอนด้วยควำมรูส้ ำนึ กในกำรที่กระทำ คือ
1. ต้องมีควำมคิดที่จะกระทำ
2. ตกลงใจที่จะกระทำตำมที่คิด
3. ได้กระทำไปตำมที่ตกลงใจอันสืบเนื่ องมำจำกควำมคิดกำรกระทำ
ฉะนั้น อำจแบ่งการกระทาได้ 2 ประเภท คือ กำรกระทำโดยกำรเคลื่อนไหวร่ำงกำย กับ กำรกระทำโดยไม่
เคลื่อนไหวร่ำงกำย
*******การเคลื่อนไหวร่างกายมิใช่จะเป็ นการกระทาเสมอไป กำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยต้องเป็ นการเคลื่อนไหวโดย
รูส้ ภาพและสาระสาคัญของการกระทา คนละเมอ คนเป็ นลมบ้ำหมู ถูกผลัก ถูกชน ถูกจับมือให้ทำ ถูกสะกดจิต กรณี
เช่นนี้ ไม่มีกำรกระทำ*******
“การกระทา” ให้หมำยควำมรวมถึงการงดเว้นที่จะต้องกระทาเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย (ม.59 วรรคท้ำย)
กำรกระทำโดยไม่เคลื่อนไหวแยกได้ 2 ประเภท คือ 1. โดยงดเว้น 2. โดยละเว้น
กำรกระทำโดย “งดเว้น” มีหลักเกณฑ์ คือ
1. เป็ นกำรกระทำโดยกำรไม่เคลื่อนไหวร่ำงกำย
2. ผูก้ ระทำมีหน้ำที่ตอ้ งกระทำ
3. หน้ำที่ตำมข้อ 2 เป็ นหน้ำที่ซึ่งต้องกระทำโดยเฉพาะเพื่อป้องกันผลที่เกิดขึ้ นนั้น
กำรกระทำโดย “ละเว้น” มีหลักเกณฑ์ คือ
1. เป็ นกำรกระทำโดยกำรไม่เคลื่อนไหวร่ำงกำย
2. ผูก้ ระทำมีหน้ำที่ตอ้ งกระทำ
3. หน้ำที่ตำมข้อ 2 เป็ นหน้ำที่โดยทัว่ ๆ ไป

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
-3-

สรุป กำรกระทำโดยงดเว้น/ละเว้น ต่ำงกันตรงหน้ำที่ ถ้ำเป็ น


- หน้ำที่โดยเฉพาะเพื่อป้องกันผล (SPECIAL DUTY) กำรไม่ทำตำมหน้ำที่เป็ นกำรกระทำโดยงดเว้น
- หน้ำที่โดยทั ่ว ๆ ไป (GENERAL DUTY) กำรไม่ทำตำมหน้ำที่ถือเป็ นกำรกระทำโดยละเว้น
ตัวอย่าง ดำจ้ำงแดงไปฆ่ำเหลือง แดงตกลง ระหว่ำงแดงกำลังหำโอกำสที่จะฆ่ำเหลืองอยูน่ ้ัน วันหนึ่ งเหลืองมำ
ว่ำยน้ ำในสระน้ ำ เหลืองเกิดเป็ นตะคริวและกำลังจะจมน้ ำ เหลืองร้องขอให้ช่วยแดงซึ่งเป็ นลูกจ้ำงประจำสระมีหน้ำที่
ดูแลควำมปลอดภัยของสระว่ำยน้ ำนั้นแดงเห็นสำมำรถช่วยได้แต่ไม่ช่วยเพรำะต้องกำรให้เหลืองตำย ในที่สุดเหลืองตำย
แดงและดำผิดฐำนใด
ตอบ วินิจฉัยควำมผิดของผูล้ งมือก่อนแล้วจึงวินิจฉัยควำมผิดตัวกำรผูใ้ ช้และผูส้ นับสนุ นเพรำะต้องขึ้ นอยูก่ บั
ควำมผิดของผูล้ งมือ ฉะนั้นดูให้ดีวำ่ ใครลงมือแดงต่อเหลือง
กำรที่แดงปล่อยให้เหลืองจมน้ ำตำยโดยไม่ช่วยเพรำะประสงค์ให้ตำยอยูแ่ ล้วเข้ำ 59 วรรคท้ำยงดเว้นที่จำต้อง
กระทำเพื่อป้องกันผลเพรำะแดงมีหน้ำที่โดยเฉพำะที่จะป้องกันไม่ให้เหลืองตำยเนื่ องจำกแดงเป็ นผูม้ ีหน้ำที่ดแู ลควำม
ปลอดภัยของผูม้ ำว่ำยน้ ำ แดงจึงผิด 289 (4) + 59 วรรคท้ำย
ดำเป็ นผูใ้ ช้ให้ผอู้ ื่นกระทำควำมผิด เมื่อแดงผูถ้ กู ใช้ได้กระทำควำมผิดตำมที่ใช้ดำจึงต้องรับโทษเสมือนเป็ น
ตัวกำรตำม 84 วรรค2 ดำจึงมีควำมผิดตำม 289(4) + 84)
หน้าที่ของการกระทาโดยงดเว้น มี 4 ประเภทคือ
1. หน้าที่ ตามกฎหมายบัญญัติ เช่น ป.พ.พ. 1563 บุตรต้องอุปกำระเลี้ ยงดูบิดำมำรดำ, ป.พ.พ.
1564 บิดำมำรดำต้องอุปกำระเลี้ ยงดูบุตรผูเ้ ยำว์, ป.พ.พ. 1461 สำมีภรรยำต้องอุปกำระเลี้ ยงดูซึ่งกันและกัน
2. หน้าที่อนั เกิดจากการยอมรับโดยเจาะจง ผูก้ ระทำยอมรับโดยตรงที่จะทำกำรอย่ำงใดอย่ำงหนึ่ ง
กำรยอมรับก่อให้เกิดหน้ำที่ที่จะต้องกระทำตำมที่ตนยอมรับ เช่น หน้ำที่ในกำรดูแลควำมปลอดภัยประจำสระน้ ำ เป็ น
ต้น หน้ำที่อนั เกิดจำกกำรยอมรับโดยเจำะจงอาจเป็ นเรื่องอาสาสมัครก็ได้ (ไม่ตอ้ งมีค่ำตอบแทน ก็เป็ นหน้ำที่ได้)
3. หน้าที่อนั เกิดจากการกระทาก่อน ๆ ของตน ถ้ำกำรกระทำของผูก้ ระทำน่ ำจะก่อให้เกิด
ภยันตรำยอย่ำงใดอย่ำงหนึ่ งขึ้ นผูก้ ระทำย่อมมีหน้ำที่ตอ้ งป้องกันภยันตรำยนั้น (ต้องกระทำก่อนจึงมีหน้ำที่ หำกยังไม่
กระทำยังไม่ถือว่ำมีหน้ำที่ เช่น แดงเห็นเหลืองกำลังจะจมน้ ำตำย แดงสงสำร จึงโดดลงไปช่วย พอว่ำยน้ ำเข้ำไปใกล้ตวั
นำยเหลืองเห็นหน้ำนำยแดง จำได้วำ่ เป็ นศัตรู (กูช้ ำติ กูห้ รือทำลำยกันแน่ วะ่ ทั้งสองสีน้ันละ ไม่ตอ้ งมำเถียง เอ แล้ว
เกี่ยวไรกับวิชำที่เรียนละนิ เอ้ำๆๆ เข้ำสู่ตวั อย่ำงได้ละ 555555555) จึงว่ำยน้ ำกลับเข้ำฝัง่ ทำให้นำยแดงจมน้ ำตำย
เช่นนี้ ดเหลืองผิดเพียง 374 คือไม่ช่วยเหลือคนตกอยูใ่ นภยันตรำย เพรำะกำรกระทำของเหลืองเป็ นกำรละเว้น
เนื่ องจำกยังไม่มีกำรช่วยแดงเลย ยังไม่ไปแตะเนื้ อต้องตัวเหลืองเลย แต่ถำ้ ช่วยแล้วปล่อยถือว่ำมีหน้ำที่โดยเฉพำะเจำะจง
แล้ว ผิด 288+59 วรรค 4 ทันที (ดูคำบรรยำยเนฯ อ.เกียรติขจรฯ ครั้งที่ 2 สมัยที่ 61/1 ถ้ำไม่มีก็ถำมคนรูล้ ะ
กันน้อ )
ตัวอย่าง A เห็นคนตำบอดข้ำมถนนเลยไปช่วย แต่พอพำไปกลำงถนนรถเมล์มำ A เลยวิง่ ไปขึ้ นรถทิ้ ง
คนตำบอดไว้แดงขับรถมำชนถูกคนตำบอดตำยแดงผิด 291 ดำผิด 291 + 59 วรรค ท้ำย เป็ นกำรฆ่ำ โดยงดเว้น
3. หน้าที่อนั เกิดจากความสัมพันธ์เป็ นพิเศษ เช่น หลำนไม่มีหน้ำที่ตอ้ งอุปกำระ ป้ำ แต่ถำ้ ป้ำคน
นั้นเป็ นคนเลี้ ยงดูหลำนมำแต่เด็กให้อำหำรกินให้กำรศึกษำอบรม ภำยหลังป้ำแก่ตวั ลงหลำนไม่เลี้ ยงดูปล่อยให้ป้ำอด
ตำย อำจถือว่ำหลำนฆ่ำป้ำก็ได้ ผัวเมียที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
-4-
ผูก้ ระทาความผิดในทางอาญำ แยกได้ 3 ประเภท
1. ผูก้ ระทาความผิดเอง ผูน้ ้ันได้กระทำควำมผิดด้วยตนเองโดยตรง เช่น ดำใช้ปืนยิงเหลืองด้วยมือ
ของดำเองเช่นนี้ ถือว่ำเป็ นผูก้ ระทำควำมผิดเองกำรใช้สตั ว์เป็ นเครื่องมือในกำรกระทำควำมผิดกำรใช้บุคคลซึ่งไม่มีกำร
กระทำ เช่น ถูกสะกดจิตเป็ นเครื่องมือถือว่ำเป็ นกำรกระทำควำมผิดเอง
2. ผูก้ ระทาความผิดโดยอ้อม ผูท้ ี่หลอกให้ผอู้ ื่นกระทำควำมผิด ผูถ้ กู หลอกมีกำรกระทำแต่ขำด
เจตนำ ผูถ้ กู หลอกมีกำรกระทำเพรำะไม่ได้ถกู สะกดจิต ไม่ได้ละเมอแต่ผถู้ กู หลอดขำดเจตนำ เพรำะ 59 วรรค 3 ผูถ้ กู
หลอกไม่รู ้ ข้อเท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบภำยนอกของควำมผิด เช่น ดำต้องกำรขโมยปำกกำของเขียว จึงหลอกเขียวว่ำ
ปำกกำนั้นเป็ นของดำ ให้หยิบมำให้หน่ อย เขียวเชื่อจึงหยิบปำกกำของเขียวส่งให้ดำ ดังนี้ ถือว่ำดำเป็ นผูก้ ระทำผิดโดย
อ้อม
หลักของการเป็ นผูก้ ระทาความผิดโดยอ้อมมีหลัก คือ
ก. ผูใ้ ช้มีเจตนำกระทำควำมผิด (กำรกระทำโดยประมำทไม่มีกำรกระทำควำมผิดโดยอ้อม)
ฉะนั้นจะเป็ นผูก้ ระทำผิดโดยอ้อม ผูน้ ้ันจะต้องมีเจตนำกระทำผิด (เหมือนกับผูใ้ ช้)
ข. มีเจตนำหลอกให้ผอู้ ื่นกระทำควำมผิด
ค. ผูถ้ กู หลอกไม่มีเจตนากระทาความผิด (แม้ผถู้ กู หลอกจะกระทำผิดนั้นโดยประมำทก็ตำม)
ฎ : 1013/05 ข้อเท็จจริงฟั งได้วำ่ จำเลยรูด้ ีอยูก่ ่อนแล้วว่ำที่พิพำทเป็ นของผูเ้ สียหำยจำเลยยังร่วมกัน
จ้ำงให้คนเข่ำไปขุดดินในที่พิพำทและผูร้ บั จ้ำงจำก จำเลยได้ขุดดินของผูเ้ สียหลำยจนเกิดเป็ นบ่อทำให้ที่พิพำทเสียหำย
เช่นนี้ กำรกระทำของ จำเลยย่อมมีควำมผิดตำม ปอ.ม.358, 362 จำเลยจะเถียงว่ำมูลกรณีเป็ นคดีแพ่งมิใช่คดีอำญำ
ย่อมฟั งไม่ขนึ้
3. ผูร้ ว่ มในการกระทาความผิด ตัวการ ผูใ้ ช้ ผูส้ นับสนุน
จะเป็ นผูใ้ ช้ตำม มำตรำ 84 ได้ผถู้ กู ใช้ตอ้ งมีเจตนำกระทำควำมผิด (ต่ำงกับกำรกระทำผิดโดยอ้อม)
ตัวอย่ำง เปรียบเทียบผูก้ ระทำควำมผิดทั้ง 3 ประเภท
1. ดำต้องกำรฆ่ำเหลือง ดำรูว้ ำ่ เหลืองตื่นตอน 8 โมง และต้องดื่มน้ ำที่มีผนู้ ำมำวำงไว้ขำ้ งเตียงทุกเช้ำ
ดำนำน้ ำผสมยำพิษไปวำงตอน 7 โมง เหลืองตื่นมำ 8 โมง ดื่มน้ ำนั้นตำย ดำวำงเองเป็ นผูก้ ระทำควำมผิดด้วยตนเอง
2. ดำต้องกำรฆ่ำเหลือง 6 โมง ดำหลอกแดงซึ่งเป็ นพยำบำลว่ำสิ่งที่อยูใ่ นถ้วยเป็ นน้ ำผลไม้ควำมจริง
เป็ นยำพิษ ให้ช่วยนำไปให้เหลืองกิน ครั้นเวลำ 7 โมง แดงนำไปวำง 8 น. เหลืองตื่นกินน้ ำผลไม้และตำยดำผิด
289(4) + 59 เป็ นผูก้ ระทำควำมผิดโดยทำงอ้อม
3. ดำต้องกำรฆ่ำเหลือง 6 น. ดำจ้ำงแดงให้นำน้ ำผลไม้ผสมยำพิษ ไปให้เหลืองกินให้ไปวำงตอน
07.00 น. ถ้ำเหลืองตื่น 08.00 น. เหลืองกินน้ ำผลไม้แล้วตำย แดงรูอ้ ยูแ่ ล้วว่ำมียำพิษแต่ทำตำมเพรำะอยำกได้เงิน
แดงผิด289(4) + 59เป็ นผูก้ ระทำควำมผิด ดำผิด 289(4) + 59+84 เพรำะดำเป็ นผูใ้ ช้
ทั้ง 3 กรณีจะถือว่ำอย่ำงไร ดำผูก้ ระทำลงมือฆ่ำเหลือง พยำยำมฆ่ำเรื่องพยำยำมมีอยูต่ ำม มำตรำ 80
ถือกำรมือกระทำควำมผิด ศำลไทยยอมรับตำม “หลักใกล้ชิดต่อผล” (last act) คือ ได้กระทำลงจนใกล้ชิดกับ
ผลสำเร็จอันพึงเห็นได้ประจักษ์แล้ว (การกระทานั้นเป็ นขั้นตอนสุดท้ายของผูก้ ระทา ถือว่ำกำรกระทำนั้น “ใกล้ชิด
ต่อผล”) ว่าวเป็ นภาษาอีสานกะคือ ผูเ่ ฮ็ดผิดบ่ตอ้ งเฮ็ดอีหยังอีกแล่ว นั่งอยูซ่ ื่ อๆ ท่าให้ผลมันเกิดท่อนั่น จังซี่ แล่วคัน่
กระทาผิดโดยอ้อม กะถือว่ามีความผิดนับแต่ทนั ทีนับตัง้ แต่ตวั๋ (หลอก) ให้คนที่ถกึ ตัว๋ (ภาษาฝรั่งเอิ่นว่า innoent
agent) ให้หลงเชื่อไปเฮ็ ด)

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
-5-
ข้อเหมือนและแตกต่างระหว่างการเป็ นผูใ้ ช้กบั ผูก้ ระทาผิดโดยอ้อม
ผูใ้ ช้ ผูก้ ระทาผิดโดยอ้อม
ผูใ้ ช้ มีเจตนำกระทำควำมผิด ผูก้ ระทำผิดโดยอ้อม มีเจตนำกระทำควำมผิด
ผูใ้ ช้ มีเจตนำก่อให้ผอู ้ ื่นกระทำควำมผิด ผูก้ ระทำผิดโดยอ้อม มีเจตนำหลอกให้ผอู ้ ื่นกระทำควำมผิด
ผูถ้ ูกใช้มีเจตนากระทาความผิด คือ ผูถ้ กู ใช้รู ้ ผูถ้ ูกหลอกไม่มีเจตนากระทาความผิด (แม้ผถู้ กู หลอกจะกระทำ
ว่ำกำรกระทำตำมที่ถกู ใช้น้ันเป็ นควำมผิด ควำมผิดนั้นโดยประมำทก็ตำม)

เจตนาตำมกฎหมำยอำญำแบ่งออกได้เป็ น 2 ประเภท คือ


1. เจตนำตำมควำมเป็ นจริง มำตรำ 59 ; เจตนำประสงค์ต่อผล,เจตนำย่อมเล็งเห็นผล
2. เจตนำโดยผลของกฎหมำย มำตรำ 60 ; ไม่เจตนำประสงค์ต่อผล,ไม่เจตนำย่อมเล็งเห็นผล แต่กฎหมำยถือ
ว่ำเจตนำคือ การกระทาโดยพลาด

!!!! แยกอธิบาย เจตนา


เจตนำตำมควำมเป็ นจริงตำม มำตรำ 59 ต้องพิจำรณำตำมมำตรำ 59 วรรค 3 ก่อนแล้ว จึงพิจำรณำมำตรำ
59 วรรค 2 ซึ่งจะได้หลักว่ำผูก้ ระทามีเจตนาต่อเมื่อ
1. ผูก้ ระทำรูข้ อ้ เท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบภายนอกของควำมผิด
2. ผูก้ ระทำต้องประสงค์ตอ่ ผลของกำรที่กระทำของตนนั้น, จะต้องเล็งเห็นผลของกำรที่กระทำนั้น
*หลักเรื่องรู ้ (ม. 59 วรรค3 ม. 62, วรรค2, วรรค3)
รู ้ คือ รูข้ อ้ เท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบภายนอกของควำมผิด ไม่รไู ้ ม่มีเจตนำ (หลัก ม.59 วรรค3
ม.62 วรรค2) หลัก “รูเ้ ท่าใด มีเจตนาเท่านั้น แต่ไม่เกินความจริง” เช่น ดำต้องกำรฆ่ำแดงซึ่งเป็ นบิดำ เห็นเหลือง
เดินมำนึ กว่ำเป็ นแดง ดำจึงใช้เอ็มเจ็ดสิบเก้ำยิงเหลือง เหลืองตำย อย่ำงนี้ ไม่ถือว่ำฆ่ำบุพกำรี เพรำะว่ำเหลืองมิใช่
บุพกำรีของดำ แม้ดำจะรูว้ ำ่ ตนกำลังจะฆ่ำแดง (คิดไปเองว่ำใช่แดงและเจตนำกระทำต่อแดง) ซึ่งเป็ นบุพกำรี แต่เมื่อผู้
ได้รบั ผลร้ำยนั้นคือ เหลืองซึ่งเป็ นบุคคลธรรมดำ ก็จะถือว่ำดำมีเจตนำฆ่ำบุพกำรีไม่ได้ (อย่ำมำถำมว่ำได้เอ็มเจ็ดสิบเก้ำ
มำได้ไง เพรำะไม่ใช่สิ่งที่ผถู้ ำมต้องกำร เข้ำใจ๊ ซิๆๆ อยำกรูไ้ ปถำมเสธแดงเอำแล้วกัน...อิอิ)
มำตรำ 62 วรรค 2 “ถ้ำควำมไม่รขู ้ อ้ เท็จจริงตำมควำมในวรรค 3 แห่ง 59 ได้เกิดขึ้ นโดยควำม
ประมำท ให้ผกู้ ระทำรับผิดฐำนประมำทในกรณีที่กฎหมำยบัญญัติไว้โดยเฉพำะว่ำกำรกระทำนั้นผูก้ ระทำจะต้องรับโทษ
แม้กระทำโดยประมำท”
ตัวอย่าง ใช้ปืนยิง่ ไปหลังพุ่มไม้โดยคิดว่ำยิงหมูป่ำ ควำมจริงยิงคน กำรที่รีบร้อนไม่ตรวจตรำดูให้ดี
ก่อนว่ำเป็ นหมูป่ำ มีคนถูกยิง ไม่มีเจตนำฆ่ำคนคนนั้นแต่กำรรีบร้อนไม่ดใู ห้ดถี อื ว่าประมาท ซึ่งต้องวิเครำะห์ตำม วรรค
59 วรรค4 ถ้ำประมำทก็ตอ้ งรับผิดตำม ม.291แต่บำงกรณีแม้จะประมำทก็ไม่ตอ้ งรับผิด เช่นหยิบร่มรีบร้อนไม่ดใู ห้ดี
ถ้ำดูให้ดีจะรูว้ ำ่ ไม่ใช่รม่ ตนเป็ นประมำทแต่ไม่ตอ้ งรับผิดเพรำะกำรลักทรัพย์โดยประมำทกฎหมำยไม่ได้บญ ั ญัติไว้วำ่ เป็ น
ควำมผิด
รูเ้ ท่าใดมีเจตนาเท่านั้น (มำตรำ 62 วรรคท้ำย)
ถ้ำ มำตรำ 62 วรรค ท้ำย “บุคคลจะต้องรับโทษหนักขึ้ นโดยอำศัยข้อเท็จจริงใดบุคคลนั้นต้องรู ้
ข้อเท็จจริงนั้น”

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
-6-
ตัวอย่าง ดำต้องกำรฆ่ำเหลืองที่เป็ นศัตรูจึงไม่ดกั ยิงเมื่อแดงพ่อดำเดินมำดำคิดว่ำเหลืองจึงยิงแดงตำย
ดำต้องรับผิด?
- ดำต่อแดง ดำดักยิงผิด 289 (4) แต่ไม่ตอ้ งรับผิด 289(1) จะถือว่ำผิดฐำนฆ่ำบุพกำรีไม่ได้เพรำะ
62 วรรคท้ำย บัญญัติวำ่ บุคคลนั้นต้องรูข้ อ้ เท็จจริงนั้น ดำไม่รวู ้ ำ่ เป็ นกำรฆ่ำพ่อคิดว่ำฆ่ำศัตรูจะถือว่ำดำมีเจตนำฆ่ำพ่อ
ไม่ได้ ดังนั้น ดำต่อแดงคือ 289(4) + 59 ดำต่อเหลือง ดำไม่ตอ้ งรับผิดใด ๆ ต่อเหลือง เพรำะเจตนำที่ดำมีต่อเหลือง
ในตอนแรกได้เปลี่ยนไปที่แดงที่ถกู ยิงจนหมดสิ้ นแล้ว เป็ นเรื่องสำคัญผิดในตัวบุคคล ไม่ใช่กำรกระทำโดยพลำดรูเ้ ท่าใด
มีเจตนาเท่านั้น แต่ไม่เกินความจริง ถ้ำรูข้ อ้ เท็จจริงซึ่งเป็ นองค์ประกอบภำยนอกของควำมผิดแต่ละฐำน
ตัวอย่าง ดำต้องกำรฆ่ำแดงจึงเป็ นพ่อในควำมมืดเห็นเหลืองเดินมำคิดว่ำเป็ นแดง จึงยิง-เหลืองตำย
ดำผิด?
- ดำต่อเหลือง 289(4) เพรำะดักซุ่มยิงตั้งแต่แรก เจตนำตำม 59 จะยกควำมสำคัญผิด
ขึ้ นมำเป็ นข้อแก้ตวั ว่ำไม่มีเจตนำไม่ได้ ตำม ม.61 เพรำะฉะนั้น ดำต่อเหลือง 289 (4) + 59 +61 ไม่มี 289(1)
เพรำะว่ำคนที่ถกู ยิงไม่ใช่พ่อ คิดว่ำยิงพ่อจะรับผิดฐำนฆ่ำพ่อไม่ได้
สรุป หลักเรื่องรู ้ (มำตรำ 59 วรรค3+62)
1. ไม่รไู ้ ม่มีเจตนำ
2. รูเ้ ท่ำใดมีเจตนำเท่ำนั้น
3. รูเ้ ท่ำใดมีเจตนำเท่ำนั้น แต่ไม่เกินควำมจริง
ได่วำ่ วไปแล่ววำ (ภำษำอีสำน) องค์ประกอบภำยนอก มี 3 ส่วน คือ ผูก้ ระทำ กำรกระทำ และวัตถุแห่งกำร
กระทำ แต่มีขอ้ สังเกตว่ำ ควำมผิดอำญำมีถอ้ ยคำบำงถ้อยคำที่ไม่ใช่เรื่องของผูก้ ระทำ วัตถุแห่งกำรกระทำ เช่น มำตรำ
264 ใช้คำว่ำ “โดยประกำรที่น่ำจะเกิดควำมเสียหำยแก่ผอู้ ื่นหรือประชำชน” คำคำนี้ เป็ นองค์ประกอบภำยนอก แต่เป็ น
องค์ประกอบภายนอกที่ไม่ใช่ขอ้ เท็จจริง ต่ำงจำกคำว่ำ “เอกสำร” ซึ่งเป็ นองค์ประกอบภำยนอก แต่เป็ นข้อเท็จจริง
เพรำะเฉพำะจะมีควำมผิดฐำนปลอมเอกสำร จำเลยต้องรูว้ ำ่ สิ่งที่ตนเองปลอมนั้นเป็ นเอกสำร ถ้ำไม่รกู ้ ็ไม่มีเจตนำ
เพรำะคำว่ำ “เอกสำร”เป็ นองค์ประกอบภำยนอกซึ่งเป็ นข้อเท็จจริง ดังนี้ แล้วก็ตอ้ งอยูภ่ ำยใต้ที่วำ่ “ไม่รไู ้ ม่มีเจตนำ”
แต่คำว่ำ “โดยประกำรที่น่ำจะเกิดควำมเสียหำยแก่ผอู้ ื่นหรือประชำชน” แม้จะเป็ นองค์ประกอบภำยนอก แต่ก็
ไม่ใช่ขอ้ เท็จจริง (769/2540 ใช้คำว่ำ “พฤติกำรณ์ประกอบกำรกระทำ”) จึงไม่อยูภ่ ำยใต้หลักในมำตรำ 59 วรรค 3
ที่วำ่ ไม่รไู ้ ม่มีเจตนำ ผลที่ตำมมำคือ คำว่ำ น่ ำจะเกิดควำมเสียหำยแก่ผอู้ ื่นหรือประชำชนหรือไม่น้ัน ผูก้ ระทำไม่จำต้องรู ้
ขณะกระทำ ถ้ำวิญญูชนทัว่ ไปเห็นว่ำ น่ ำจะเกิดควำมเสียหำยแก่ผอู้ ื่นหรือประชำชน ก็ถือได้วำ่ ครบองค์ประกอบควำมผิด
ในส่วนนี้ ของมำตรำ 264 แล้ว แม้วำ่ ผูก้ ระทำจะไม่รวู ้ ำ่ จะเกิดควำมเสียหำยก็ตำม ฉะนั้นหลักที่วำ่ “ไม่รูไ้ ม่มีเจตนา”
นาไปใช้กบั “พฤติการณ์ประกอบการกระทา” ไม่ได้ ซึ่งมำตรำ 233 คำว่ำ จนน่ ำจะเป็ นอันตรำยแก่บุคคลใน
ยำนพำหนะนั้น” ก็เช่นกัน
เมื่อเข้าใจหลักเกี่ยวกับเรื่องรูแ้ ล้ว มาตะลุยหลักเจตนาเลยพี่นอ้ ง!!!!!!!
ก. เจตนาประเภทประสงค์ต่อผล ทำงตำรำเรียกว่ำ “เจตนำโดยตรง” ประสงค์ต่อผลหมำยควำมว่ำมุ่งหมาย
จะให้เกิดผล ถ้าเกิดผลก็เป็ นความผิดสาเร็จ ถ้าผลไม่เกิดก็เป็ นผิดพยายาม ตาม ม.80, 81ก็ได้ ควำมผิดอำญำ
สำมำรถแยกออกได้หลำยประเภทแต่ทำงตำรำได้แยกออกคือควำมผิดที่ตอ้ งมีผลปรำกฏและควำมผิดที่ไม่ตอ้ งมีผล
ปรำกฏ

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
-7-

อย่ำงไรจึงจะถือเป็ นเจตนำฆ่ำ/อย่ำงไรเป็ นเจตนำทำร้ำย หลักคือ “กรรมเป็ นเครื่องชี้ เจตนา”


คือ การกระทาของผูก้ ระทาที่แสดงออกมาภายนอกเป็ นเครื่องชี้ ถึงสภาพจิตใจของผูก้ ระทาว่ามีเจตนาอย่างไร
หลักทั ่ว ๆ ไปคือ
1. พิจำรณำจำกอำวุธที่ใช้กระทำ
2. พิจำรณำจำกอวัยวะที่ถกู กระทำ
3. พิจำรณำจำกลักษณะของบำดแผลที่ถกู กระทำ
4. พิจำรณำจำกพฤติกรรมอื่น ๆ
ในเรื่องอำวุธที่ใช้ในกำรกระทำ ถ้ำอำวุธที่ใช้ในกำรกระทำ คือ ปื นถือว่ามีเจตนาฆ่า (แต่ตอ้ งดู
พฤติกรรมอื่นประกอบด้วย)
ฎ : 816/20 จำเลยวิง่ เข้ำชกด้วยมีดโกนชนิ ดใช้ในร้ำนตัดผมในลักษณะเฉี่ยวบำดถูกบริเวณคอ แผล
ยำว10 CM. เป็ นอวัยวะสำคัญแต่ไม่ถกู เส้นเลือดแดง ผูเ้ สียหำยจึงไม่ตำยแสดงว่ำมีเจตนำฆ่ำตำม 288+80 แม้กำรที่
จำเลยเพียงชกต่อยแต่ จำเลยย่อมเล็งเห็นว่ำมีดโกนที่อยูใ่ นมือจำเลยจะบำดคอซึ่งเป็ นอวัยวะสำคัญถือว่ำมีเจตนำฆ่ำ
ฎ : 1006/01 ยิงในระยะ 1 วำ ถูกขำเหนื อตำตุ่มกระดูกแตก ถ้ำตั้งใจฆ่ำก็คงยิงถูกที่สำคัญได้แสดง
ว่ำไม่มีเจตนำฆ่ำ ผิด 295
ฎ : 234/25 จำเลยยิงไปที่พื้นในขณะผูเ้ สียหำยกำลังเดินไปหำจำเลย และห่ำงแค่ 2 วำจำเลย
เล็งเห็นผลได้วำ่ กระสุนอำจถูกผูเ้ สียหำยได้ หำกกระสุนถูกขำผูเ้ สียหำยบำดเจ็บต้องถือว่ำมีเจตนำทำร้ำยมิใช่แค่ยงิ ขู่
ฎ : 223/37 จำเลย ใช้ปืนยิงในระยะห่ำง 5-6 วำ หำกจำเลยประสงค์จะเอำชีวติ คงเลือกยิงใน
ตำแหน่ งที่อำจทำให้ถึงตำยได้โดยไม่ยำกกำรที่ จำเลยยิงในระดับตำ่ ถูกต้นขำย่อมแสดงให้เห็นว่ำ จำเลยเขตนำแค่ทำ
ร้ำยร่ำงกำยเท่ำนั้นจึงผิด 295
ข. เจตนาเล็งเห็นผล “เจตนำโดยอ้อม” คือเล็งเห็นว่าผลนั้นจะเกิดขึ้ นได้อย่างแน่นอนเท่าที่จติ ใจของ
บุคคลในฐานะเช่นนั้นจะเล็งเห็นได้
ตัวอย่าง ดำต้องกำรฆ่ำเหลือง ดำใช้ปืนยิงเหลืองซึ่งยืนติดกับแดงปื นที่ใช้เป็ นปื นลูกซองกระสุนถูกเหลืองและ
แผ่กระจำยไปถูกแดง ทั้งเหลือง+แดง ตำย
- ควำมรับผิดชอบของดำต่อเหลือง 288+59 เจตนำประสงค์ต่อผล
- ควำมรับผิดชอบของดำต่อแดง 288+59 เจตนำประเภทเล็งเห็นผล
เพรำะแดงยืนติดกับเหลือง ปื นที่ใช้เป็ นลูกซองเล็งเห็นได้วำ่ ถ้ำยิงไปที่เหลืองแล้วผลจะเกิดแก่แดงอย่ำงแน่ นอน
ไม่ใช่พลำดเพรำะพลำดจะต้องไม่เล็งเห็นผล
* ตัวอย่างฎีกาเรื่องเล็งเห็นผล *
ฎ : 1270/26 จำเลยขับรถบรรทุกลูกรังสูงเกินกำหนด พอเจอด่ำนตรวจ ตร.เป่ ำให้หยุดจำเลยกลัวถูกจับจึง
ไม่หยุด แต่กลับเร่งเครื่องพุ่งใส่ ตร.ที่ยนื อยูท่ ำงซ้ำยแต่ ตร.กระโดดหลบทัน ดังนั้นจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของกำรกระทำ
ได้วำ่ รถที่พุ่งใส่จะต้องชน ตร. ตำยได้ จำเลยจึงผิด 289(2) + 80
ฎ : 2255/22 จำเลยขับรถสิบล้อปิ ดทำงไม่ให้รถที่ตำมมำแซง เมื่อเห็นรถโดยสำรสวนมำใกล้ จำเลยกลับ
หยุดรถ +หักหัวรถไปทำงซ้ำย รถที่ตำมมำจึงต้องหักหลบขวำและชนกับรถที่สวนมำเป็ นเหตุให้คนตำย ดังนี้ จำเลย
เล็งเห็นผลว่ำจะเกิดคนตำย จึงผิด 288 เจตนำ เล็งเห็นผลตำม ม. 59

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
-8-

ฎ : 2720/28 จำเลยผลัก ผูเ้ สียหำยตกลงมำจำกช่องเพดำนโบสถ์ สูงจำกพื้ น 10 เมตรพื้ นเป็ นซีเมนต์หำก


ตกลงมำศีรษะกระทบพื้ นอำจถึงตำยได้ผเู้ สียหำยได้รบั บำดเจ็บกระดูกสันหลังหักถ้ำรักษำไม่ดีอำจพิกำร ดังนี้ จำเลย
ย่อมเล็งเห็นผลของกำรกระทำได้วำ่ อำจทำให้ผเู้ สียหำยถึงตำยได้ จำเลยผิด 288+80
ฎ : 2991/36 จำเลย ขับรถตำมรถจักรยานยนต์ที่ผเู้ สียหำยขับไป จำเลยใช้ M –16 ยิงยำงรถหลำยนัดแม้
เจตนำยิงยำงเพื่อให้รถล้มจำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้วำ่ กระสุนอำจถูกผูเ้ สียหำยได้จึงเป็ นเจตนำฆ่ำ
ฎ : 1748/38 จำเลยถีบผูต้ ำยตกลงแม่น้ ำตรงที่ลึกประมำณครึ่งตัว ของผูต้ ำย + ใช้แผ่นซีเมนต์กว้ำง 10”
ยำว 10 ฟุต หนำ 2” ทุ่มใส่ศีรษะของผูต้ ำยในระยะใกล้ ขณะที่ผตู้ ำยปี นขึ้ นบนฝัง่ เป็ นเหตุให้ผูต้ ำยหมดสติจมน้ ำตำย
จำเลยย่อมเล็งเห็นได้วำ่ กำรทุ่มแผ่นซีเมนต์จะทำให้ผตู้ ำยได้รบั อันตรำยถือว่ำมีเจตนำได้ผิดเจตนำฆ่ำ
ฎ : 573/39 จับเด็ก 3 ขวบ โยนใส่แม่เด็กหลำยครั้งจนหัวเด็กกระแทกตะกร้ำ กระดูกต้นคอเคลื่อนย่อม
เล็งเห็นได้วำ่ อำจเป็ นเหตุให้เด็กตำยได้
ฎ : 363/40 ใช้ไขควงที่ฝนจนแหลมเป็ นอำวุธแทงไปที่ร่ำงกำยคนอื่นเพื่อให้ผิวหนังทะลุเล็งเห็นผลว่ำจะทำให้
ถึงตำยได้
!!!!! เจตนาทาร้าย
ฎ : 1334/10 จำเลยจะทำร้ำยบุตรผูเ้ สียหำย ผูเ้ สียหำยจึงเข้ำไปขัดขวำง จำเลยผลักผูเ้ สียหำยล้มลง จำเลย
ย่อมเล็งเห็นผลว่ำ เมื่อผูเ้ สียหำยล้มลงแล้วผูเ้ สียหำยจะได้รบั ผลอย่ำงไรเมื่อผูเ้ สียหำยบำดเจ็บจึงเป็ นผลจำกกำรกระทำ
ของ จำเลย
ฎ : 3322/31 ผูเ้ สียหำยเป็ น ตร.เข้ำตรวจค้นรถบรรทุกที่จำเลยขับโดยโหนตัวขึ้ นไปยืนบนบันไดรถจำเลย
กลับขับรถกระชำกออกไป โดยเร็วและไม่ยอมหยุดรถ เจตนำให้ผเู้ สียหำยตกจำกรถย่อมเล็งเห็ นผลได้วำ่ อำจเป็ นเหตุให้
ผูเ้ สียหำยได้รบั อันตรำยแก่กำย ถือว่ำมีเจตนำทำร้ำย
ฎ : 2829/32 จำเลยจุดไฟเผำที่นอนชั้นล่ำงของบ้ำน แต่มีผดู้ บั ได้ทนั มีของเสียหำย 10 รำยกำรไม่ปรำกฏว่ำ
ตัวบ้ำนถูกเพลิงไหม้ คงมีแต่เขม่ำเหลืองจับติดอยูท่ ี่ผนังห้องและกระดำษภำพที่ติดผนังบ้ำนไหม้ไปเท่ำนั้น จำเลยผิด
281+82
ข้ำงต้นเป็ นเจตนำธรรมดำ ต่อไปจะกล่ำวถึง เจตนาพิเศษ
ควำมผิดอำญำบำงฐำนนอกจำกผูก้ ระทำจะต้องมีเจตนำธรรมดำ (ประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผล) แล้ว
ผูก้ ระทำจะต้องมี “เจตนำพิเศษ” หรือ มูลเหตุจงู ใจในกำรกระทำนั้นด้วย ผูก้ ระทำจึงจะมีควำมผิ ด ในตัวบทนั้นจะมีคำ
ว่ำ “เพื่อ” หรือคำว่ำ “โดยทุจริต” เช่น มำตรำ 228, มำตรำ 157 เป็ นต้น ซึ่งเจตนำธรรมดำมีท้งั ประสงค์ต่อผลและ
เล็งเห็นผล แต่เจตนาพิเศษไม่มีเล็งเห็นผล ผูก้ ระทาต้องมีเจตนาโดยตรงต่อการนั้นๆตามที่กฎหมายบัญญัติ
(1240/2504)

!!!!!! สาคัญผิดในตัวบุคคล มาตรา 61 “ผูใ้ ดเจตนำจะกระทำต่อบุคคลหนึ่ งแต่ได้กระทำต่ออีกบุคคลหนึ่ งโดย


สำคัญผิดผูน้ ้ันจะยกเอำควำมสำคัญผิดเป็ นข้อแก้ตวั ว่ำมิได้กระทำโดยเจตนำหำได้ไม่”
หลักสาคัญ คือ กรณีที่วตั ถุแห่งกำรกระทำที่ผกู้ ระทำตั้งใจกระทำและวัตถุแห่งกำรกระทำที่เกิดขึ้ นจริง ๆ เป็ น
อันเดียวกันจึงจะเป็ นสำคัญผิดในตัวบุคคล เมื่อใดก็ตำมเป็ นสำคัญผิดในตัวบุคคลแล้วไม่ตอ้ งรับผิดฐำนพยำยำมต่อสิ่งที่
ตนมุ่งกระทำต่อในตอนแรกไม่ตอ้ งรับผิด
ตัวอย่ำง ดำใช้ปืนยิงตอไม้คิดว่ำเป็ นเหลือง ดำต้องรับผิด?
(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com
คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
-9-
- ดำเจตนำฆ่ำเหลือง เห็นตอไม้คิดว่ำเหลือง ดำต้องรับผิดต่อเหลืองคือ 288+59+81 ดำกระทำโดย
เจตนำต่อเหลือง เจตนำที่แสดงมีต่อเหลืองยังอยู่ ตอไม้ไม่ได้รบั เจตนำที่ดำมีต่อเหลือง เพรำะดำไม่ได้กระทำโดยเจตนำ
ต่อตอไม้
ดำเจตนำกระทำต่อเหลือง
- ดำต้องกำรฆ่ำเหลือง ดำยิงไปที่ตอไม้คิดว่ำเป็ นเหลือง กระสุนถูกตอไม้แฉลบไปถูกแดงซึ่งอยูห่ ำ่ ง
ออกไปแดงตำยดำต้องรับผิด? ดำต่อเหลือง 288+59+81 กระสุนแฉลบถูกไปถูกแดงตำยเป็ นพลำดต่อแดง 288+60
-ดำต้องกำรฆ่ำเหลืองในควำมมืดเห็นแดงเดินมำคิดว่ำเป็ นเหลือง จึงใช้ปืนยิงไปกระสุนถูกแดง
บำดเจ็บพลำดไปถูกเขียวบำดเจ็บ ควำมรับผิดของดำ
; ดำต่อแดง 289(4) + 59 + 80 + 60
ดำต่อเขียว เป็ น 289(4) + 60+ 80
ดำต่อเหลือง ไม่ตอ้ งรับผิดใด ๆ ต่อเหลือง เพรำะเจตนำที่มีต่อเหลืองในตอนแรกดำได้
กระทำต่อแดงแล้วควำมรับผิดได้โอนไปสู่แดงแล้ว
- ดำต้องกำรฆ่ำเหลือง เห็นแดงบิดำของดำเดินมำคิดว่ำเป็ นสินธิใช้ปืนยิงแดงตำย ควำมรับผิดของดำ
ต่อแดง?
; ดำต่อแดง 289(4) + 59 + 61 ไม่ผิด 289(1) เพรำะหลักมีวำ่ รูเ้ ท่ำใดเจตนำเท่ำนั้นรูว้ ำ่
กำลังกระทำต่อบุคคลธรรมดำแต่สำคัญผิดไปทำต่อบุพกำรี จะถือว่ำเจตนำฆ่ำบุพกำรีไม่ได้ ต้องอ้ำง 62 วรรคท้ำยด้วย
- ดำต้องกำรฆ่ำเหลือง (บิดำ) เห็นแดง (มำรดำ) เดินมำเข้ำใจว่ำเป็ นเหลืองดำยิงแดง แดงตำย ดำ
รับผิด?
; ดำต่อแดง 289(1) เพรำะบุคคลที่มุ่งกระทำต่อกับบุคคลที่ได้รบั ผลร้ำยจริง ๆ
เป็ นบุพกำรีดว้ ยดำจึงผิด 289(12) + (4), 69, 61
!!!!! สาคัญผิดในข้อเท็จจริง มาตรา 62
** 59 วรรค 3 และ 62 วรรคแรก ต่ำงเป็ นเรื่องของควำมเข้ำใจผิดด้วยกันทั้งนั้น แต่ควำมเข้ำใจผิดตำม 59
วรรค 3 เป็ นควำมเข้ำใจผิดที่ทำให้ผกู้ ระทำขำดเจตนำ แต่ควำมเข้ำใจผิดตำม 62 วรรคแรกเป็ นควำมเข้ำใจผิดที่ทำให้
ผูก้ ระทำซึ่งมีเจตนำแล้ว แต่ไม่มีควำมผิด ไม่ตอ้ งรับโทษหรือได้รบั โทษน้อยลง
จะนำหลักมำตรำ 62 มำปรับใช้ได้ก็ต่อเมื่อ
ก. กำรกระทำต้อง “ครบองค์ประกอบภำยนอก” ของควำมผิดนั้นๆ แล้ว
ข. ผูก้ ระทำ “มีเจตนำ” กระทำควำมผิดนั้นๆ แล้ว
ค. ผูก้ ระทำ “สำคัญผิด” ในข้อเท็จจริง
ง. ควำมจริงเป็ นผลร้ำย แต่ควำมเข้ำใจเป็ นผลดี หรือเป็ นคุณมำกกว่ำควำมจริง (เช่น ลักทรัพย์ของ
มำรดำคิดว่ำเป็ นของภริยำ)

ความสาคัญผิดในข้อเท็จจริงมาตรา 62 วรรคแรก มี 3 ส่วน คือ


1. สาคัญผิดว่าเป็ นข้อเท็จจริงซึ่ งทาให้การกระทาไม่เป็ นความผิด มี 2 กรณี คือ
A. สำคัญผิดว่ำมีขอ้ เท็จจริงซึ่งทำให้ผกู้ ระทำมีอำนำจทำได้ ตำม ป. อำญำ (เป็ นกรณีป้องกัน
โดยสำคัญผิด) คือสำคัญผิดว่ำมีภยันตรำยซึ่งเกิดจำกกำรประทุษร้ำย อันละเมิดต่อ กม.แต่ควำมจริงไม่มีภยันตรำย
ฎ : 51/12 สำมีนอนชั้นบน ภริยำนอนชั้นล่ำงต่ำงคนต่ำงหลับแล้วต่อมำสุนัขเห่ำภริยำจึง

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 10 -
ตื่นไปแอบฝำห้องดูคนร้ำนที่หอ้ งนอนสำมี สำมีตื่นมำภำยหลังมองเห็นคนที่ฝำห้องตะคุม้ ๆเข้ำใจว่ำเป็ นคนร้ำยใน
ควำมมืดจึงหยิบมีดฟั นไป 1 ครั้ง ภริยำตำยกรณีเป็ นกำรฟ้ องกันโดยสำคัญผิดพอสมควรแก่เหตุ (สำมีดีใจ ซิมิๆ)
ฎ : 155/12 ตร.มีหมำยค้น + จับ มำ จับกุมจำเลยที่บำ้ นซึ่งอยูใ่ นที่เปลี่ยวในเวลำวิกำลโดย
ได้ปีนบ้ำนและรื้ อฝำบ้ำน จำเลยส่องไฟฉำยเข้ำไปในบ้ำนจำเลยสำคัญผิดว่ำโจรมำปล้นจึงยิง ตร.บำดเจ็บแม้ ตร.จะได้
ตะโกนบอกว่ำเป็ น ตร.ก็ตำม โจรมำปล้นจึงยิงตร.บำดเจ็บแม้ ตร.จะได้ตะโกนบอกว่ำเป็ น ตร.ก็ตำม แต่ จำเลยเคยถูก
ปล้นโดยคนร้ำยปลอมเป็ นตร.มำก่อนพฤติกำรณ์ของ จำเลยมีลกั ษณะเป็ นกำรป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุ
** ความสาคัญผิดถ้าเกิดเพราะประมาทผูก้ ระทาต้องรับผิดฐานประมาท
ถ้ำควำมประมำทนั้นมี กม.บัญญัติไว้เป็ นควำมผิด **
ตัวอย่ำง ดำนำปื นเด็กเล่นขูล่ อ้ เหลืองเล่น เหลืองไม่ดใู ห้ดีใช้ปืนของเหลืองยิงดำตำย
ขณะเหลืองใช้ปืนยิงดำเหลืองมีเจตนำฆ่ำ 288+59+68+62 วรรคแรก ปื นต่อปื นเป็ นเรื่องป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
โดยสำคัญผิดจึงไม่มีควำมผิด แต่ถำ้ พิจำรณำถึงตำมลำดับของเวลำก่อนที่เหลืองจะยิงเหลืองไม่ดใู ห้ดีกำรไม่ดใู ห้ดีถือว่ำ
ประมำทฉะนั้นเหลืองต้องรับผิดต่อดำ 291+59 วรรค4 + 62 วรรค 2
B. สำคัญผิดว่ำมีขอ้ เท็จจริงซึ่งทำให้ผกู้ ระทำมีอำนำจที่จะกระทำได้ตำม กม.อื่น ๆ
- กม.แพ่ง 1336, 1337 / ก.ม.อำญำมำตรำ 358. (ฎ: 89/19)
- กม. วิอำญำ เรื่องจับโดยสำคัญผิด
2. สาคัญผิดว่ามีขอ้ เท็จจริงซึ่ งทาให้ผกู้ ระทาผิดไม่ตอ้ งรับโทษ
ตัวอย่ำง นำยดำลักทรัพย์ นำงเหลืองคิดว่ำเป็ นของนำงแดงภรรยำของตน ดำมีเจตนำลัก
ทรัพย์?(ทรัพย์ = สร้อยดำหยิบสร้อยรูว้ ำ่ เป็ นทรัพย์ผอู้ ื่นภรรยำก็เป็ นผูอ้ ื่นถือว่ำดำมีเจตนำลักทรัพย์ของเหลืองเพรำะว่ำ
เป็ นกำรเอำไปซึ่งทรัพย์ของผูอ้ ื่นตำมหลัก 59 วรรค3 และประสงค์ต่อผล ตำม 59 วรรค2 เป็ นเจตนำตำม 59+334
ดำจะยกเอำควำมสำคัญผิดว่ำเป็ นทรัพย์ภรรยำเป็ นข้อแก้ตวั ว่ำไม่มีเจตนำลักทรัพย์ไม่ได้ แต่เมื่อเข้ำใจว่ำสร้อยเป็ นของ
ภริยำ ถ้ำควำมจริงเป็ นของภริยำ 71 วรรคแรก ยกเว้นโทษ ป.อ.ถือตำมควำมเข้ำใจของผูก้ ระทำเป็ นสำคัญ สรุป ดำผิด
334+59+61+71 วรรคแรก + 62 วรรคแรก
ฎีกำ 4968/2551 จำเลยสำคัญผิดว่ำผูต้ ำยกับพวกจะเข้ำมำลักผลไม้ในไร่และผูต้ ำยเดิน
เข้ำมำจะทำร้ำยจำเลย แต่ผตู้ ำยไม่ได้มีอำวุธหรือพูดข่มขูห่ รือมีกิริยำอำกำรว่ำจะทำร้ำยจำเลยโดยวิธีใด อันจะทำให้
จำเลยได้รบั อันตรำยร้ำยแรง หำกจำเลยเพียงแต่ยงิ ขูก่ ็จะน่ ำเป็ นเพียงพอที่จะทำให้ผตู้ ำยเกรงกลัวและหลบหนี ได้ เพรำะ
ผูต้ ำยมิใช่คนร้ำย กำรที่จำเลยใช้อำวุธปื นลูกซองยำว ยิงผูต้ ำยที่บริเวณหน้ำท้อง 1 นัด จนผูต้ ำยล้มลงแล้วจำเลยยังใส่
กระสุนปื นลุกซองเข้ำไปใหม่ แล้วยังผูต้ ำยที่ศีรษะซ้ำอีก 1 นัด จนถึงแก่ควำมตำย จึงเป็ นกำรกระทำโดยป้องกันอันเกิด
กว่ำกรณีแห่งกำรจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ตำมมำตรำ 69 และควำมสำคัญผิดของจำเลยเกิดขึ้ นโดยควำมประมำท
เนื่ องจำกมิได้ใช้ควำมระมัดระวังพิจำรณำรอบคอบว่ำผูต้ ำยกับพวกเป็ นคนร้ำยจริงหรือไม่ จำเลย มีควำมผิดฐำนกระทำ
โดยประมำทเป็ นเหตุให้ผอู้ ื่นถึงแก่ควำมตำยตำม 291 โดยผลของมำตรำ 62 วรรคสองด้วย
3. สาคัญผิดว่ามีขอ้ เท็จจริงซึ่ งทาให้ผกู้ ระทาได้รบั โทษน้อยลง
ตัวอย่ำง เรื่องบันดำลโทสะตำม(แนวฎีกำที่ 863/02) นำยดำขึ้ นไปบนเรือนนำยเหลืองพบ
แดงภริยำดำอยูค่ นเดียวจึงข่มเหงภริยำนำยเหลือง ภริยำเหลืองร้องขึ้ น ดำจึงหนี ไป พอดีเหลืองกลับมำถึงได้ยนิ เสียง
ภริยำร้องและทรำบเรื่องจำกภริยำก็ตำม ดำไปเมื่อทันกันก็ทำร้ำยดำ ดำตำยเป็ นกำรทำร้ำยโดยมีเจตนำฆ่ำ เหลืองผิด
288 แต่กำรข่มเหงภริยำเท่ำกับเป็ นกำรข่มเหงสำมี อ้ำงบันดำลโทษได้ แม้ไม่ได้เป็ นกำรข่มเหงสำมีโดยตรง สรุปดำผิด
288+59+72

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 11 -
แต่ท้งั นี้ และทั้งนั้นและโน้น และทั้งๆที่ไม่ท้งั ๆ (๕๕๕๕๕ หัวเรำะแบบไทยๆ ถ้ำหัวเรำะอย่ำงสำกลมันต้อง
555555) หำกกำรสำคัญผิดในข้อเท็จจริงนั้นเกิดเพรำะควำมประมำทของผูก้ ระทำควำมผิด ผูก้ ระทำยังคงต้องรับผิด
ในควำมผิดฐำนที่กฎหมำยว่ำกำรกระทำของผูน้ ้ันจะต้องรับโทษแม้ได้กระทำไปโดยประมำท เช่น
ลืมจีวรซ้อมละครกับมีหุน โดยทำท่ำจะใช้ไม้ตีทำร้ำยมีหุน แลงมำเซเข้ำใจว่ำลืมจีวรจะทำร้ำยร่ำงกำย
มีหุนจริงๆ จึงช่วยมีหุนด้วยกำรใช้ปืนยิงลืมจีวร ลืมจีวรตำย ควำมรับผิดของแลงมำเซที่มีต่อลืมจีวร คือ 288+69
ประกอบมำตรำ 62 วรรคแรก (ป้องกันเกิดสมควรแก่เหตุโดยสำคัญผิดจึงอำจได้รบั กำรลดโทษในควำมผิดฐำนฆ่ำคน
ตำยโดยเจตนำ)
ถ้ำแลงมำเซประมำทไม่ดใู ห้ดี เป็ นประมำทตำม 59 วรรคสี่ แลงมำเซต้องรับผิดฐำนทำให้ลืมจีวร
ตำยโดยประมำทตำม 291อีกบทหนึ่ ง ทั้งนี้ ตำม 62 วรรคสอง ฉะนั้นจะมี 2 บท บทหนึ่ งคือ 288,69+62 วรรคแรก
บทหนึ่ ง กับ อีกบทหนึ่ งคือ มำตรำ 291 เป็ นกรรมเดียว ผิดกฎหมำยหลำยบท ลงโทษบทหนักตำมมำตรำ 90
ข้อสังเกต ในกำรที่แลงมำเซยิงไปที่ลืมจีวรนั้น นอกจำกกระสุนจะถูกลืมจีวรตำยแล้ว ยังไปถูกเซมำกู
เตะ ซึ่งไม่รเู ้ รื่องอะไรด้วย เซมำกูเตะตำยด้วย ควำมรับผิดของแลงมำเซต่อเซมำกูเตะก็เช่นเดียวกับควำมรับผิดของแลง
มำเซต่อลืมจีวร กล่ำวคือ เมื่อไม่พลำดอ้ำงป้องกันได้ เมื่อพลำดไปถูกมำลองเดอก็อำ้ งป้องกันต่อเซมำกูเตะได้เช่นกัน
เพรำะฉะนั้นควำมรับผิดของแลงมำเซต่อเซมำกูเตะคือ 288,60+69+62 วรรคแรก
ถ้ำเกิดว่ำแลงมำเซประมำทต่อลืมจีวร เพรำะไม่ดใู ห้ดี จึงรับผิดต่อลืมจีวรตำมมำตรำ 291 แต่มีคน
ตำยอีกหนึ่ งคนคือ เซมำกูเตะ เมื่อมำลองเดอตำย ควำมผิดที่แลงมำเซต่อเซมำกูเตะโดยเจตนำก็คือ 288,60,69 +62
วรรคแรก จำไว้วำ่ กำรที่แลงมำเซประมำทต่อลืมจีวร ไม่ถือว่ำแลงมำเซประมำทต่อมำลองเดอด้วยโดยอัตโนมัติ เพรำะ
ประมาทโอนไม่มี มีแต่ เจตนาโอน เพรำะฉะนั้นแลงมำเซจะประมำทต่อเซมำกูเตะหรือไม่ ต้องพิจำรณำเป็ นเอกเทศ
จำกควำมประมำทที่แลงมำเซมีต่อลืมจีวร ถ้ำข้อเท็จจริงไม่ได้ระบุวำ่ กำรที่แลงมำเซยิงไปที่ลืมจีวร แลงมำเซไม่ใช้ควำม
ระมัดระวัง (ในโจทก์จะมีขอ้ เท็จจริงว่ำ “ไม่ทนั ดูให้ดี” “รีบร้อน” อย่ำงนี้ โจทก์กำลังจะบอกเรำว่ำผูก้ ระทำประมำท)
ไม่ให้กระสุนไปถูกผูอ้ ื่น ก็แสดงว่ำแลงมำเซไม่ประมำทต่อมำลองเดอ แลงมำเซจึงประมำทต่อลืมจีวรเท่ำนั้น ประมำท
ต่อลืมจีวรเพรำะไม่ดใู ห้ดีไม่ได้หมำยควำมว่ำจะประมำทต่อมำลองเดอโดยอัตโนมัติ เพรำะแลงมำเซจะประมำทต่อมำ
ลองเดอได้ ข้อเท็จจริงจะต้องเป็ นเรื่องที่แลงมำเซยิงลืมจีวรโดยไม่ระวังไม่ให้ไปถูกคนอื่น นี่ คือกำรที่แลงมำเซประมำท
ต่อมำลองเดอ ข้อเท็จจริงไม่มีเช่นนี้ แลงมำเซจึงไม่ตอ้ งรับผิดต่อมำลองเดอโดยประมำท (เนื้ อหำก็ยำวไอ้เรำก็ดนั มำใช้
ชื่อตัวละครซะเกำหลีอีสำนเลยอ๊ะ ย๊ำวๆ ยำว ฮ่ำๆๆ)

!!!!!! การกระทาโดยพลาด มาตรา 60


มีหลักเกณฑ์ คือ
1. กำรกระทำโดยพลำดต้องมีผถู ้ ูกกระทา 2 ฝ่ ายขึ้ นไป
ฝ่ ายแรก ; ผูเ้ สียหำยคนแรกที่ผกู้ ระทำประสงค์ต่อผล, เล็งเห็นผล
ฝ่ ายที่สอง ; ผูเ้ สียหำยอีกคนที่ได้รบั ผลร้ำยจำกกำรกระทำนั้น
ตัวอย่าง เหลืองต้องกำรฆ่ำดำ เหลืองใช้ปืนยิงดำ ดำหลบทันกระสุนปื นพลำดไปถูก
กระจกรถยนต์ของดำแตกเสียหำย แบบนี้ ไม่ใช่พลำด เพรำะผูถ้ กู กระทำมีฝ่ำยเดียวคือ ดำ คือ ชีวติ และทรัพย์ของดำ
(อย่ำไปตอบว่ำไม่ใช่พลำดเพรำะเป็ นวัตถุแห่งกำรกระทำอันเดียวกัน อย่ำพึ่งไม่ตอบแบบนั้น จะอ้ำงเหตุผลว่ำวัตถุแห่ง
กำรกระทำเป็ นคนละประเภท (ชีวติ กับทรัพย์) ต้องผ่ำนหลักเกณฑ์นี้ก่อนจึงจะไปอ้ำงได้
2. พลาด หมายความว่า ไม่ประสงค์ตอ่ ผล และ ไม่เล็งเห็นผล ถ้ำข้อเท็จจริงมีวำ่ โจ้ใช้
ปื นลูกซองยิงไปที่โก้ ซึ่งนัง่ อยูบ่ นโต๊ะโดยรูอ้ ยูแ่ ล้วว่ำ หนูแดงนัง่ อยูบ่ นโต๊ะใกล้ๆกับโก้ กระสุนแผ่กระจำยไปถูกหนูแดง
(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com
คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 12 -
อย่ำงนี้ ไม่ใช่กระทำโดยพลำดต่อหนูแดง เพรำะถือว่ำเป็ นเจตนำฆ่ำหนูแดงโดยเล็งเห็นผล (2060/2541) ฉะนั้น
ข้อสอบจะถำมเรื่องพลำด จะต้องเป็ นข้อเท็จจริงว่ำ หนูแดงยืนอยูใ่ กล้ๆ จะไม่บอกว่ำอยูบ่ นโต๊ะ
3. ผลเกิดแก่ผซู้ ึ่งได้รบั ผลร้ำยไม่ตอ้ งคำนึ งถึงว่ำผูก้ ระทำจะประมำทด้วยหรือไม่ เพรำะพลำด
กฎหมำยถือว่ำผูก้ ระทำมีเจตนำ
4. เจตนำต่อสิ่งหนึ่ งผลเกิดแก่อีกสิ่ง เช่น เจตนำต่อชีวติ ผลเกิดแก่ทรัพย์ไม่ใช่พลำด ตำมหลัก
ก.ม. อำญำทัว่ ไปว่ำ “ไม่รูก้ ็ไม่พลาด รูเ้ ท่าไรก็พลาดเท่านั้น” คือ มำตรำ 60 นี้ ต้องอยูภ่ ำยใต้เงื่อนไขที่วำ่ กระทำต้อง
รูข้ อ้ เท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบภำยนอกของควำมผิดฐำนนั้นมำก่อน
ถ้ำกระทำโดยเจตนำต่อทรัพย์ของบุคคลหนึ่ งผลเกิดแก่ทรัพย์ของอีกบุคคลหนึ่ งก็ถือว่ำเป็ น
กำรกระทำโดยพลำดตำม ม.60 เช่นเดียวกัน
5. แม้ผลจะเกิดแก่ผเู้ สียหำยฝ่ ำยแรกสมเจตนำแล้ว หำกผลเกิดแก่ผเู้ สียหำยอีกฝ่ ำยหนึ่ งถือ
เป็ นกำรกระทำโดยพลำด
6. กำรกระทำโดยพลำดจะต้องมีผลเกิดแก่ผเู ้ สียหายฝ่ ายที่ 2 ถ้ำผลไม่เกิดก็ไม่เป็ นพลำด
7. พลำดเป็ นเรื่องเจตนำโอน ตัวอย่ำง ดำต้องกำรฆ่ำเหลือง ดำใช้ปืนยิงเหลืองไม่ถกู เหลือง
กระสุนพลำดไปถูกแดง บำดเจ็บสำหัสต้องตัดขำทิ้ ง ควำมรับผิดของดำต่อแดง กำรที่แดงบำดเจ็บต้องตัดขำทิ้ งขึ้ นอยูก่ บั
ว่ำดำทำอะไรต่อเหลือง เมื่อดำมีเจตนำฆ่ำต่อเหลืองเจตนำที่โอนไปยังแดงก็คือเจตนำฆ่ำ แม้แดงเพียงได้รบั อันตรำย
สำหัสก็ตำม แต่เมื่อเจตนำโอนดำต่อแดงก็เป็ น 288+60+80 หำใช่ 297 ไม่
8. ถ้ำเจตนำในตอนแรกเป็ นเจตนำประเภทไตร่ตรองไว้ก่อนเจตนำที่โอนไปก็เป็ นเจตนำ
ไตร่ตรองไว้ก่อนเช่นกัน
เจตนำแรกป้องกัน ก็โอนป้องกันไปด้วย (การกระทาโดยพลาดถือเจตนาแรกเป็ นหลัก)
จาไว้เลยพี่นอ้ ง !!!! ถ้าอ้างอะไรต่อฝ่ ายแรกได้ฉนั ใด ก็อา้ งต่อฝ่ ายที่รบั ผลได้ฉนั นั้น ---ถ้าไม่ฉนั ก็หิว หุห ุ
9. พลำดเป็ นเรื่องเจตนาโอน และการกระทาต่อฝ่ ายแรกต้องถึงขั้นมีความผิดเสียก่อน
(ถึงขั้นพยำยำมก่อนเด้อ) ถ้ำกระทำยังไม่ถึงขั้นที่เป็ นควำมผิด ก็ไม่ใช่พลำดแม้จะเกิดผลกับอีกฝ่ ำยที่สองก็ตำม เช่น ดำ
เพียงแต่ “ชักปื น” ออกมำยังไม่ทนั เล็งปื น (ยังไม่พยำยำม) ที่จะยิงเหลือง เขียวภริยำของเหลืองเข้ำมำปั ดเพื่อช่วย
เหลือง กระสุนลัน่ ไปถูกขำวเพื่อนรักของดำ ขำวตำย กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องพลำด เพรำะพลำดจะต้องเป็ นกำรกระทำโดย
เจตนำถึงขั้นที่เป็ นควำมผิดเสียก่อน ในกรณีนี้มีคนตำยคือขำว แต่ดำไม่ได้ประสงค์จะฆ่ำขำว ไม่ได้เล็งเห็นว่ำจะทำให้
ขำวตำย ไม่ใช่เรื่องกำรกระทำโดยพลำด เพรำะยังไม่ได้กระทำต่อเหลือง เหลือประเด็นเดียวคือ ประมำท กรณีนี้ถือว่ำ
ดำประมำทเพรำะกำรที่แดงชักปื นออกมำในลักษณะเช่นนั้นถือว่ำได้กระทำโดยประมำทตำม 281 เขียวจะผิดหรือไม่
เจตนำไม่เจตนำแน่ นอน ประมำทหรือไม่ ต้องขึ้ นอยูก่ บั ภำวะ วิสยั และพฤติกำรณ์ กรณีนี้เขียวไม่ประมำทดูฎีกำ
1961/2528
10. เจตนาเท่านั้นที่โอนได้ ประมาทโอนไม่ได้ ดังตัวอย่ำงที่ได้ยก (จนเมื่อย) ในเรื่อง
มำตรำ 62 ตอนท้ำยแล้ว (รำวๆ หน้ำ 10-11)
11. เช่นเดียวกันกับเจตนำ คือ ไม่รูก้ ็ไม่พลาด รูเ้ ท่าใดก็พลาดเท่านั้นแต่ไม่เกินความจริง

!!!!! พลาดเกิดได้หลายวิธี (เช่น ไม่อ่ำนหนังสือ ไม่ได้ตวั บท หัวล้ำนหลื่นครู เอ้ำอันนี้ เรียกว่ำสอบพลำด ไม่ใช่


กระทำโดยพลำด จะบ้ำตำย เข้ำสู่บทเรียนได้ละ โอ้ ซิมิๆ 5555555)
1. การกระทาโดยพลาดเกิดได้หลายวิธี คือ
(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com
คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 13 -
ก. พลาดเพราะบุคคลที่ 3 ทาให้พลาด
ฎ: 651/13 จำเลยชักปื นสั้นออกมำง้ำงนอกขึ้ นจ้องจะยิง ส. ซ. พวกของ จำเลย เข้ำปั ดปื นให้เฉไป
เสีย กระสุนที่ลนั ่ ออกไปจึงไม่ถกู จ. พวกของ จำเลยตำย ต้องรับผิดต่อ จ. 288+60
ข. พลาดเพราะผูเ้ สียหายฝ่ ายแรกทาให้พลาด
ตัวอย่ำง ดำใช้ไม้ตีหวั เหลือง เหลืองหลบ ดำตีไม่ถกู แต่กำรที่เหลืองหลบทำให้เหลืองเซไปกระแทกถูก
แดง แดงเสียหลักล้มลงหัวฟำดพื้ นตำยเป็ นพลำดต่อแดงเพรำะผูเ้ สียหำยฝ่ ำยแรกทำให้พลำด
; ดำต่อเหลือง 295+59+80 ดำต่อแดง 295+60+ ควำมตำย + ผลโดยตรง = 290
ค. พลาดเพราะผูเ้ สียหายฝ่ ายที่สองเป็ นผูก้ ระทาให้เกิดขึ้ นแก่ตนเอง เช่น ดำต้องกำรฆ่ำเหลือง
ดำเอำยำพิษใส่ในขวดน้ ำแช่ไว้ในตูเ้ ย็น แดงมำเปิ ดตูเ้ ย็นและดื่มน้ ำในขวดนั้น แดงตำย ก็ตอ้ งถือว่ำดำกระทำโดยพลำด
ต่อแดงแล้ว ดำผิดต่อแดงคือพยำมยำมฆ่ำตำม 81
ข้อสังเกตเกี่ยวกับพลาด
1. ถ้ำกระทำต่อตนเองแต่ผลเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่ งไม่ใช่กำรกระทำโดยพลำด
2. จะเป็ นพลำดได้กำรกระทำโดยเจตนำต่อบุคคลฝ่ ำยแรกต้องถึงขั้นที่เป็ นควำมผิดเสียก่อน
ตัวอย่ำงเช่น ถ้ำดำใช้ปืนยิงไปที่ศพของเหลือง คิดว่ำเหลืองนอนคลุมโปรงอยู่ กระสุนไปถูกแดง แดงตำย ดังนี้ เรื่องยิง
ศพคิดว่ำเป็ นเหลือง ดำไม่มีวำมผิดฐำนฆ่ำเหลืองเลย แม้มำตรำ 288+81 ก็ไม่ผิดต่อเหลือง เพรำะควำมจริงเหลือง
เป็ นศพไปแล้ว เมื่อดำไม่ตอ้ งรับผิดต่อเหลือง ก็ไม่มีเจตนำอะไรโอนไปที่แดง จึงไม่ใช่กำรกระทำโดยพลำดต่อแดง
(ควำมรับผิดในทำงอำญำ ตำยฟรีก็มีนะอย่ำเอำควำมรูส้ ึกมำตอบกฎหมำย ผมเคยได้สี่สิบเก้ำวิอำญำก็เพรำะเผลอเอำ
ควำมรูส้ ึกมำตอบ...ซิๆ)
3. กำรกระทำโดยพลำด ถ้ำผลไม่เกิดแก่ผเู้ สียหำยฝ่ ำยแรกผูก้ ระทำต้องรับผิดฐำนพยำยำมตำมหลัก
ทัว่ ไป คือพยำมนั้นเอง
4. เจตนำเท่ำนั้นที่สำมำรถโอนได้ตำมหลัก ม.60 ไม่มีประมำทโอน

!!!!!!! ประมาท มาตรา 59 วรรค 4


หลักของประมำทโดยสรุปคือ
1. ไม่ใช่เป็ นกำรกระทำโดยเจตนา
2. กระทำไปโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้น (หมำยถึง ขณะกระทำกำร
นั้นๆ เช่นขณะขับรถไปตำมถนน) จักต้องมีตำมวิสยั (หมำยถึง สภำพภำยใต้ตวั ผูก้ ระทำ ซึ่งแยกเป็ น วิสยั คนธรรมดา
โดยพิจำรณำจำกอำยุ เพศ กำรศึกษำอบรม กำรจัดเจนแห่งชีวติ กับ วิสยั ของผูม้ ีวิชาชีพ เช่น แพทย์ เป็ นต้น) และ
พฤติการณ์ (หมำยถึง เหตุภำยนอกตัวผูก้ ระทำ เช่น ในกำรขับรถหมำยถึง สภำพรถ สภำพถนน สภำพแวดล้อมของ
ถนน รวมทั้งเหตุกำรณ์ต่ำงที่เกิดขึ้ น)
ฎ : 104/94 จำเลยขับรถยนต์รบั คนโดยสำรไปตำมถนน ขณะนั้นมีกำรยิงกันเนื่ องจำกเกิดจลำจล จำเลยขับ
รถหนี แม้จะเร็วจนถึงขนำดผิดกฎจรำจรก็ได้รบั ยกเว้นโทษ กำรที่ผตู้ ำยวิง่ ตัดหน้ำรถยนต์ภำยในระยะ 1 วำ จำเลยเบรก
ไม่ทนั ทั้งที่เบรกดี รถจึงทับผูต้ ำยเป็ นเหตุสุดวิสยั ไม่ใช่ประมำทเพรำะพฤติกำรณ์ขณะนั้นมีกำรยิงกันเนื่ องจำกเกิดจลำจล
จำเลยจึงจำเป็ นต้องขับรถเร็วจำเลยไม่อำจใช้ควำมระมัดระวังได้ ถือว่ำ จำเลยไม่ประมำท จำเลยไม่ตอ้ งรับผิด เพรำะใน
ภำวะ วิสยั และพฤติกำรณ์เช่นนั้นจำเลยไม่อำจใช้ควำมระมัดระวังได้ดีกว่ำนั้น

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 14 -
ในกำรวินิจฉัยว่ำผูก้ ระทำประมำทหรือไม่น้ัน ต้องสมมติบุคคลขึ้ นมำเปรียบเทียบบุคคลที่สมมติมำ
เปรียบเทียบต้องมีทุกอย่ำงเหมือนกับผูก้ ระทำจะต้องเป็ นบุคคลในภำวะวิสยั และพฤติกำรณ์อย่ำงเดียวกับผูก้ ระทำ
เว้นแต่ความระมัดระวังเท่านั้น ที่จะต้องใช้ระดับของวิญญูชนจะให้เหมือนกับผูก้ ระทำไม่ได้
ฎ : 1563/21 คนโดยสำรบนเรือตกน้ ำ นำยท้ำยเรือถอยหลังไปช่วยทำให้ใบจักรฟั นคนที่ตกน้ ำตำยแทนที่จะ
โยนชูชีพลงไปช่วยตำม ข้อบังคับของกำรเดินเรือ กรณีถือว่ำนำยท้ำยเรือประมำทผิด 291
ฎ : 2483/28 ใช้อำวุธปื นขูผ่ ตู้ ำยมิให้ผตู้ ำยนำถ่ำนมำป้ำยหน้ำโดยผูข้ ไู่ ม่รวู ้ ำ่ อำวุธปื นนั้ นมีกระสุ นอยูแ่ ละทำ
ปื นลัน่ ถูกบุคคลหนึ่ งบุคคลใดถึงแก่ควำมตำยต้องถือว่ำผูท้ ำปื นลัน่ ผิด 291 (แต่ถำ้ คนขูเ่ ป็ นผูท้ ี่มีอำชีพเกี่ยวกับปื น เช่น
ตำรวจ อำจผิดฐำนฆ่ำโดยเจตนำเล็งเห็นผลได้)
ฎ : 461/36 ไม่ได้เป็ นแพทย์แต่ฉีดยำและให้ผตู้ ำยกินยำปฏิชีวนะประเภทเบนทิซิลลินถือว่ำประมำทเป็ นเหตุ
ให้คนตำย
ข้อสังเกตเกี่ยวกับการกระทาโดยประมาท
1. ในคาถามโดยมากมักมีคำว่ำ “ไม่ทนั ระวังให้ดี,ไม่ดใู ห้ดี,ไม่สงั เกตให้ดี, ถ้ำดูให้ดีจะรู”้
2. ถ้ำผูก้ ระทำได้กระทำโดยประมำท แม้อีกฝ่ ำยหนึ่ งจะประมำทด้วยผูก้ ระทำก็ไม่พน้ ควำมรับผิด
3. กำรกระทำโดยประมำทไม่มีกำรพยำยำมกระทำควำมผิดตำม 80 เพรำะพยำยำมทำควำมผิดนั้น
ผูก้ ระทำจะต้องมีเจตนำเท่ำนั้น
4. กำรกระทำโดยประมำทไม่มีตวั กำรร่วมตำม 83 ไม่ใช่กำรใช้ให้กระทำตำม 84 ไม่มีผสู้ นับสนุ น
ตำม 86 เพรำะจะเป็ นตัวกำรผูใ้ ช้ผสู้ นับสนุ นได้ตอ้ งทำโดยเจตนำเท่ำนั้น
ฎ : 1337/34 ผูส้ นับสนุ นในกำรที่ผอู้ ื่นกระทำควำมผิดมีได้เฉพำะกำรสนับสนุ นผูล้ งมือกระทำ
ควำมผิดโดยประมำทไม่มีตำม กม.เพรำะผูส้ นับสนุ นต้องมีเจตนำประสงค์ต่อผลย่อมเล็งเห็นผลในกำรสนับสนุ น
5. กำรไม่ควบคุมดูแลสัตว์ดุให้ดีปล่อยให้ทำร้ำยทำอันตรำยแก่ผอู้ ื่นเจ้ำของสัต ว์จะต้องรับผิดฐำน
ประมำทด้วย
6. มีงดเว้นตำมมำตรำ 59 วรรคท้ำย
7. เกี่ยวกับควำมรูค้ วำมสำมำรถ
- ถ้ำมี แต่ไม่ใช้ เป็ นประมำท
- ถ้ำไม่มี แต่ไปใช้ เป็ นเจตนำย่อมเล็งเห็นผล
8. กำรหยอกล้อ, ล้อเล่น
!!!!! ความสัมพันธ์ระหว่างการกระทาและผล
ควำมผิดอำญำที่สำมำรถแยกผลออกจากการกระทาได้ เช่น 288, 297, 339 วรรคท้ำย, 224 วรรค1,
วรรค 2 ในกรณีที่เป็ นควำมผิดซึ่งสำมำรถแยกผลออกจำกกำรกระทำได้นี้ เมื่อมีผลของกำรกระทำเกิดขึ้ น
ผูก้ ระทำจะต้องรับผิดในผลหรือไม่ มีหลักคือ
ก. ถ้ำผลนั้นเป็ นผลโดยตรงผูก้ ระทำจะต้องรับผิดในผลนั้น ถ้ำผลนั้นไม่ใช่ผลโดยตรงผูก้ ระทำก็ไม่ตอ้ ง
รับผิดในผลนั้น
ข. ถ้ำผลโดยตรงทาให้ผกู้ ระทำต้องรับโทษหนักขึ้ นผลโดยตรงนั้นจะต้องเป็ นผลธรรมดาด้วย
ถ้ำเป็ นผลผิดธรรมดาผูก้ ระทาก็ไม่ตอ้ งรับผิดในผลที่ทำให้ตนต้องรับโทษหนักขึ้ นนั้น
ค. ถ้ำผลโดยตรงนั้นไม่ใช่ผลที่ทาให้ผกู ้ ระทาต้องรับโทษหนักขึ้ น แต่เป็ นผลที่เกิดจำกเหตุ

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 15 -
แทรกแซงผูก้ ระทาจะต้องรับผิดในผลบั้นปลายที่เกิดจำกเหตุแทรกแซงนั้นก็ตอ่ เมื่อผลในบั้นปลายเกิดจากเหตุ
แทรกแซงที่วิญญูชนคาดหมายได้ ถ้ำวิญญูชนคำดหมำยไม่ได้ผกู้ ระทำก็ไม่ตอ้ งรับผิดในผลบั้นปลำยนั้น
!!!! เรำมำตะลุยกันต่อจำกหลักเรื่องควำมสัมพันธ์ระหว่ำงผลกำรกระทำและผล
(1) ผลโดยตรง (ผลตำมทฤษฎีเงื่อนไข) หลักคือ ถ้าไม่มีการกระทาของจาเลย ผลไม่เกิดถือว่ำผลที่
เกิดขึ้ นเป็ นผลโดยตรงจำกกำรกระทำของ จำเลย แม้จะต้องมีเหตุอื่นๆ ประกอบด้วยในการที่ ก่อให้เกิดผลนั้นขึ้นก็ตาม
(หลักจา ถ้าไม่มีเธอ ก็ไม่มีฉนั แม้จะมีก๊ ิกก็ตาม) แต่ถา้ ไม่มีการกระทาของจาเลยผลก็ยงั เกิดอยูน่ ั ่นเองถือว่าผลที่
เกิดขึ้ นไม่ใช่ผลโดยตรงจากการกระทาของ จาเลย
เช่น แดงและขำวต่ำงคนต่ำงให้ยำพิษแก่ดำกิน ไม่ได้เป็ นตัวกำรร่วมกระทำผิดด้วยกัน ซึ่งจะต้องให้ยำ
พิษขนำด 4 กิโลกรม จึงจะตำย แดงให้ 2 กิโลกรัม ขำวให้ 2 กิโลกรัม รวมเป็ น 4 กิโลกริม (หรือใครจะเถียงว่ารวมกัน
ได้ 5 กิโลกรัม หุห)ุ ดังนี้ แดงมีเจตนำฆ่ำดำ เพรำะควำมตำยของดำเป็ นผลโดยตรงจำกกระทำของแดง แม้จะต้องมี
กำรกระทำของขำวรวมอยูด่ ว้ ยก็ตำม แต่ถำ้ แดงไม่ให้ดำก็ไม่ตำย ควำมรับผิดของขำวก็เช่นกัน ดังนี้ ทั้งแดงและขำวผิด
ตำม 288 จำหลักนี้ ให้ดีวำ่ “แม้จะต้องมีการกระทาอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดผลนั้นขึ้ นก็ตาม” ถ้าไม่มีการกระทาอันนั้น
ของจาเลยคนนั้น ผลจะไม่เกิด ถือว่าผมที่เกิดขึ้ นเป็ นผลโดยตรงจากการกระทาของจาเลยคนนั้น
ฎ : 1973/97 รถจักรยำนยนต์ของ จำเลยที่ 2 แล่นในช่องทำงที่ 1 ห่ำงขอบถนนทำงซ้ำย 1 เมตร
ส่วน จำเลยที่ 1ขับมำในช่องทำงที่ 2 ซึ่งอยูถ่ ดั ไป จำเลยที่ 2 ต้องกำรเลี้ ยวซ้ำยเข้ำซอยจึงขับเฉียงเข้ำมำขวำงในทำงรถ
จำเลยที่ 2 โดยกระชั้นชิด ผลคือรถทั้ง 2 คันชนกันและมีคนตำย จำเลยที่ 2 คนเดียวที่ถกู ฟ้ อง 291 ศำลฎีกำยกฟ้ อง
จำเลยที่ 2 ฐำน 291 เหตุผลคือ แม้วำ่ จำเลยที่ 2 จะขับรถเร็วน้อยกว่ำที่ขบั อยูก่ ็ตอ้ งชนกันอยูน่ ัน่ เองประมำทเพียง
อย่ำงเดียวไม่เป็ นกำรเพียงพอที่จะทำให้ผกู้ ระทำต้องรับผิดตำม 291
(2) ถ้าผลโดยตรงทาให้ผกู ้ ระทาต้องรับโทษหนักขึ้นโดยตรงจะต้องเป็ นผลธรรมดา หลักข้อนี้
มำจำก มำตรำ 63 “ถ้ำผลของกำรกระทำควำมผิดใดทำให้ผกู้ ระทำต้องรับโทษหนักขึ้ นผลของกำรกระทำควำมผิดนั้น
ต้องเป็ นผลที่ตำมธรรมดำย่อมเกิดขึ้ นได้” (มำตรำ 63 ไม่ใช่หลักทัว่ ไปที่ใช้ในกำรวินิจฉัยในเรื่องควำมสัมพันธ์ระหว่ำง
กำรกระทำและผล เพรำะมำตรำ 63 ใช้เฉพำะกรณี “ผลทำให้ผกู้ ระทำต้องได้รบั โทษหนักขึ้ น”)
ผลธรรมดา คือ ผลที่วญ ิ ญูชนคาดเห็นควำมเป็ นไปของผลนั้นได้ ไม่จำต้องถึงขั้นเล็งเห็นผล เพรำะ
คนละเรื่องกัน (เล็งเห็นผลเป็ นเรื่องของเจตนำ แต่คำดเห็นผลเป็ นเรื่องของผลธรรมดำ) เช่น ถ้ำคนร้ำยเอำปื นขูใ่ ห้เจ้ำ
ทรัพย์ส่งทรัพย์ให้ ปื นลัน่ ถูกเจ้ำทรัพย์ตำย แม้คนร้ำยจะผิด 291 แม้จะไม่มีเจตนำฆ่ำเจ้ำทรัพย์ แม้จะเป็ นเจตนำ
ประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลก็ตำม แต่คงต้องถือว่ำ กำรที่ปืนลัน่ ไปถูกเจ้ำทรัพย์ถึงแก่ควำมตำย เป็ นผลที่วญ ิ ญูชนคาด
เห็นควำมเป็ นไปได้ของผลนั้น ดังนั้น คนร้ำยก็ผิดฐำนชิงทรัพย์เป็ นเหตุให้คนอื่นถึงแก่ควำมตำยตำม 339 วรรคท้ำย
บทหนึ่ งและผิดมำตรำ 291 อีกบทหนึ่ ง ลงโทษบทหนักตำม 90 คือ 339 วรรคท้ำย
ตัวอย่าง ดำโกรธเหลือง เมื่อรูว้ ำ่ เหลืองเดินทำงไปต่ำงประเทศ และปิ ดบ้ำนทิ้ งไว้จึงเห็นเป็ นโอกำส
เหมำะสมดำจึงลอบวำงเพลิงบ้ำนเหลือง บ้ำนของเหลืองติดไฟลุกไหม้กรณีถือว่ำควำมผิดสำเร็จดำผิด 218(1)
เพรำะกำรที่บำ้ นของเหลืองติดไฟลุกไหม้เป็ นผลโดยตรงจำกกำรที่ดำเผำ ไม่เผำก็ไม่ไหม้ แต่ผลที่เกิดขึ้ นไม่มีเฉพำะบ้ำน
ไหม้ เมื่อตรวจดูหอ้ งใต้ดินพบศพแดงข้อเท็จจริงปรำกฏว่ำแดงได้รบั มอบหมำยให้มำเฝ้ ำบ้ำนและนอนอยูห่ อ้ งใต้ดินใน
ขณะที่ดำเผำโดยที่ดำไม่รวู ้ ำ่ ขณะที่เผำบ้ำนในห้องใต้ดินมีแดงนอนอยู่ ควำมตำยของแดงเป็ นผลโดยตรงจำกกำรที่ดำ
เผำบ้ำนเหลือง ไม่เผำบ้ำนไม่ไหม้ ไม่ไหม้ ไม่คลอก ไม่คลอกแดงไม่ตำย เผำบ้ำนผิด 218 (1) แต่เมื่อมีคนตำยมี 224
วรรคแรกซึ่งโทษหนักกว่ำ ดำต้องรับผิดตำม 224 วรรคแรกหรือไม่ ควำมตำยของแดงเป็ นทั้งผลโดยตรงจำกกำรที่ดำ

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 16 -
วำงเพลิงเผำบ้ำนของเหลืองอันเป็ นควำมผิด 218(1) และเป็ นผลธรรมดำตำม 63 ด้วยเหตุนี้ดำต้องรับผิดตำม 224
วรรคแรกเพรำะควำมตำยของแดงเป็ นทั้งผลโดยตรงและผลธรรมดำ
ผลธรรมดำที่ใช้ในกรณีที่วำ่ ในขณะกระทำ ผูก้ ระทำมีเจตนำต่อผลอย่ำงหนึ่ งในบั้นปลำยมีผลอีกอย่ำง
หนึ่ ง เกิดขึ้ นนอกเหนื อเจตนำ และผลนั้นเป็ นผลที่ทำให้ผกู้ ระทำต้องรับโทษหนักขึ้ นได้แก่ผลตำมมำตรำ
224,238,277 ทวิ,277 ตรี,280,297,302 วรรคสองและวรรคสำม,303 วรรคสองและวรรคสำม,308,310 วรรค
สอง, 312 ทวิวรรคสอง, 313 วรรคสองและวรรคสำม,336 วรรคสอง วรรคสำม วรรคสี่, 339 วรรคสำม วรรคสี่
วรรคห้ำ 340 วรรคสำมและวรรคห้ำ ผลต่ำงๆ
(3) ถ้าผลโดยตรงนั้นไม่ใช่ผลที่ทาให้ผกู ้ ระทารับโทษหนักขึ้น แต่เป็ นผลโดยตรงที่เกิดจากเหตุ
แทรกแซง ผูก้ ระทาจะต้องรับผิดในผลบั้นปลายที่เกิดจากเหตุแทรกแซงนั้น ก็ตอ่ เมื่อผลในบัน้ ปลายเกิดจากเหตุ
แทรกแซงที่วิญญูชนคาดหมายได้ ถ้ำวิญญูชนคำดหมำยไม่ได้ผกู้ ระทำ ก็ไม่ตอ้ งรับผิดในผลบั้นปลำยนั้น
เหตุแทรกแซง คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้ นใหม่ หลังจากการกระทาของจาเลยในตอนแรก และเป็ น
เหตุที่ก่อให้เกิดผลในบั้นปลายขึ้ น หากเป็ นเหตุท่ีมีอยู่แล้วในขณะกระทา ไม่ใช่เหตุแทรกแซง เช่น ผูถ้ กู กระทำ
กระหม่อมบำงเป็ นพิเศษมำก่อนแล้ว ถูกพลักเบำๆ หัวฝำดพื้ นตำย เช่นนี้ ไม่ใช่เหตุแทรกแซง)
(อย่ำไปเผลอเรียกเหตุแทรกซึม เด้อ เขำซิวำ่ เฮำได่ ว่ำเป็ น “ดำวมหำลัย” มันซิหยำกเพำะว่ำ “มันต้องถอน” 5555)
เหตุแทรกแซง มีหลายกรณีคือ
1. เหตุแทรกแซงซึ่งเป็ นเหตุการณ์ธรรมชาติ เช่น ฟ้ ำผ่ำ ลมพำยุ น้ ำท่วม โดยหลักต้องถือ
ว่ำคำดหมำยไม่ได้ถำ้ คำดหมำยได้ก็ตอ้ งรับผิด
ฎ : 1548-49/31 จำเลยใช้เหล็กแหลมแทงหน้ำท้องของ จ. มีบำดแผลหน้ำท้องทะลุเข้ำ
ช่องท้องบำดแผลภำยในทะลุลำไส้เล็ก 8 รูป เส้นเลือดใหญ่ในท้องขำด 2 เส้น เป็ นบำดแผลฉกรรจ์ผเู้ สียหำยได้รบั กำร
ผ่ำตัดหลำยครั้ง ครั้งสุดท้ำยผ่ำลำไส้ออกจำก ร.พ.ประมำณ 1 เดือนเมื่อกลับมำใหม่ปรำกฏว่ำตับอักเสบรุนแรงเกิดจำก
กำรถ่ำยเลือดหลำยครั้งทำให้ติดเชื้ อไวรัส ในที่สุดก็ตำยควำมตำยของผูเ้ สียหำยเป็ นผลโดยตรงจำกกำรที่ จำเลยใช้เหล็ก
แหลมแทงที่หน้ำท้อง เชื้ อไวรัสที่เข้าไปในร่างกายที่ทาให้ตบั อักเสบ ถือเป็ นเหตุแทรกแซง ที่คำดหมำยได้เพรำะ
เกิดหลังจำกที่ถกู ทำร้ำยเหตุที่ตำยไม่ได้ตำยเพรำะบำดแผลแต่ตำยเพรำะตับอักเสบมำจำกกำรติดเชื้ อตอนรับเลือด
ดังนั้น จำเลยจึงต้องรับผิด
2. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้ นใหม่อาจเป็ นการกระทาของผูก้ ระทาในตอนแรกเองหรือตัว
จาเลย เช่นแดงทำร้ำยขำวจนสลบ แดงเข้ำใจว่ำขำวตำย แดงกลัวควำมผิดจึงอุม้ ขำวไปแขวนคอไว้กบั ต้นไม้ เพื่อให้
เข้ำใจว่ำขำวแขวนคอตำยเอง ปรำกฏว่ำขำวตำยเพรำะถูกแขวนคอ วินิจได้วำ่ แดงไม่ผิด 288 เพรำะแดงไม่รวู ้ ำ่ เป็ นกำร
ฆ่ำผูอ้ ื่น โดยเข้ำใจว่ำขำวเป็ นศพ ถือว่ำไม่รขู ้ อ้ เท็จจริงอันเป็ นองค์ประกอบภำยนอกของควำมผิดมำตรำ 288 โดยผล
ของ 59 วรรคสำม อย่ำงไรก็ตำม ควำมไม่รขู ้ องแดงเกิดด้วยควำมประมำท เพรำะถึงขนำดอุม้ ไปแขวนคอกับต้นไม้ ก็ยงั
ไม่ดใู ห้ดีวำ่ ดำยังมีชีวติ อยูห่ รือไม่ แดงจึงมีควำมผิดตำม 291 ตำม 59 วรรคสี่ +62 วรรคสอง
แดงจะต้องรับผิดตำม 290 อีกหรือไม่ ถ้ำแดงทำร้ำยขำว ขำวสลบแล้วถึงแก่ควำมตำยตรงที่
เกิดเหตุน้ันเอง อันนี้ เป็ นผลโดยตรงจำกกำรทำร้ำย (ตำมหลักธรรมด๊ำ ธรรมดำนั้นเอง) ซึ่งในข้อเท็จจริงข้ำงต้น ก่อน
อื่นเรำต้องมำดูก่อนว่ำควำมตำยของขำว เป็ นผลโดยตรง จำกกำรกระทำของแดงหรือไม่ แดงไม่ทำร้ำย ก็ไม่สลบ ไม่
สลบก็ไม่เข้ำใจว่ำตำยไปแล้ว ก็จะไม่เอำไปแขวนคอ ไม่เอำไปแขวนคอก็ไม่ตำย เพราะฉะนั้น ความตายเป็ น ผล
โดยตรง จาการทาร้าย ต่อไปก็พิจำรณำว่ำมีเหตุแทรกแซงหรือไม่ เหตุแทรกแซงในข้อเท็จจริงนี้ คือ กำรกระทำของแดง
ที่เข้ำใจว่ำขำวตำยไปแล้ว แล้วอุม้ ขำวแขวนคอไว้กบั ต้นไม้ เพื่ออำพรำงให้คนทัว่ ไปๆ เข้ำใจว่ำดำแขวนคือตนเอง

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 17 -
พฤติกรรมของแดงอย่ำงนี้ ถือว่ำวิญญูวำดหมำยได้ เพรำะคนคนหนึ่ งได้กระทำผิดแล้วไปทำสิ่งหนึ่ งสิ่งใดขึ้ นใหม่ เพื่อจะ
กลบเกลื่อนปกปิ ดควำมผิดของตน พฤติกรรมอย่ำงนี้ คำดหมำยได้ ดังนั้นแดงจึงต้องรับผิดตำม 290 อีกฐำนหนึ่ ง
เพรำะเป็ นเหตุแทรกแซงที่วญ ิ ญูชนคำดหมำยได้ จึงไม่ตดั ผลคือควำมตำยของดำออกจำกกำรกระทำของแดงในตอน
แรก
3. เหตุแทรกแซงซึ่งเป็ นการกระทาของผูเ้ สียหาย มีหลำยกรณีดงั นี้
3.1. ผูเ้ สียหำยก่อให้เกิดผลในบั้นปลำยขึ้ นเพรำะสัญชำตญำณที่จะหลีกเลี่ยง
ภยันตรำยร้ำยแรงที่ผกู ้ ระทาก่อให้เกิดขึ้ นในตอนแรกโดยประมาท
ฎ : 500/98 จำเลยขับรถโดยประมำท ผูท้ ี่นัง่ ไปด้วยในรถกระโดดลงไปก่อนที่รถจะ
ควำ่ จึงตำยจำเลยต้องรับผิดในควำมตำยด้วย
3.2. ผูเ้ สียหำยก่อให้เกิดผลในบั้นปลำยขึ้ น
ฎ : 437/00 ใช้ขวำนพกเล็ก ๆ ฟั นท้ำยทอย 1 ครั้ง มีบำดแผลเล็กน้อย ถูกฟั นแล้ว
ยังไปไหนมำไหนได้ตำมลำพังถ้ำรักษำตำมวิชำแพทย์แผนปั จจุบนั ไม่มีทำงถึงตำยได้ แต่ปล่อยแผลไว้สกปรกเกิดเป็ น
หนองและเป็ นพิษขึ้ นตำยภำยใน 3 วัน ผูท้ ำร้ำยผิด 290
3.3 เหตุกำรณ์ซึ่งเป็ นกำรกระทำของบุคคลที่ 3
- บุคคลที่ 3 เข้ำกระทำโดยประมำท ตัวอย่ำง ดำยิงเหลืองถูกขำเหลือง
แพทย์ใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอำดผ่ำตัดกระสุนเชื้ อโรคเข้ำในร่ำงกำยเหลือง เหลืองตำยแพทย์ผิดม.291 ดำซึ่งมีเจตนำฆ่ำ
ต้องรับผิด? เหลืองตำยสมเจตนำดำแต่ไม่ได้ตำยเพรำะกระสุนตำยเพรำะแพทย์ผ่ำตัดใช้อุปกรณ์ไม่สะอำดกำรกระทำ
ของแพทย์เรียกว่ำเป็ นเหตุแทรกแซงเพรำะเกิดหลังจำกดำยิงเหลืองและเป็ นเหตุให้เหลืองตำยและเป็ นเหตุแทรกแซงที่
วิญญูชนคำดหมำยได้ ดังนั้นดำต้องรับผิดตำม 288 แพทย์รบั ผิด 291พฤติกรรมของแพทย์ไม่ตดั ผลคือควำมตำยของ
เหลืองออกจำกกำรกระทำในตอนแรกของดำ
- ผลในบั้นปลำยเกิดจำกกำรกระทำโดยเจตนำของบุคคลที่ 3
ฎ : 659/32 จำเลยทำร้ำย ก. มีเจตนำฆ่ำหลังจำก ก.ถูกทำร้ำย
แล้วมีกำรนำตัว ก.ไป รพ.แพทย์รกั ษำเบื้ องต้นโดยให้น้ ำเกลือใส่ท่อช่วยหำยใจผ่ำตัดใส่ท่อระบำยลมในโพรงปอดเพรำะ
มีลมรัว่ แล้วใส่เครื่องช่วยหำยใจแพทย์มีควำมเห็นว่ำ หำกรักษำต่อไปมีโอกำสมีชีวติ รอดมำกกว่ำตำยแต่ญำติสงสำรจึง
ทำให้กำรพยำบำลสิ้ นสุดด้วยกำรแอบดึงเครื่องช่วยหำยใจดึงท่อช่วยหำยใจแล้วพำผูต้ ำยกลับบ้ำน ก.ตำยในคืนนั้นย่อม
ถือได้วำ่ เป็ นผลโดยตรงที่ทำให้ผตู้ ำยถึงแก่ควำมตำยหำใช่เป็ นผลจำกกำรกระทำของ จำเลยไม่ จำเลยจึงผิด288+80
สรุป จำกแนวฎีกำได้แนวบรรทัดฐำนว่ำ “ถ้าผลในบั้นปลายเกิด
จากการกระทาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุคคลที่ 3 ผูก้ ่อเหตุในตอนแรกไม่ตอ้ งรับผิดในผลบั้นปลายนั้น”

!!!!!! เหตุยกเว้นความผิด โดดเด่นที่สุดใน ป.อาญาคือ 68 ป้องกัน


ป้องกัน มีหลักเกณฑ์ 4 ข้อ คือ
1. มีภยันตรำยที่เกิดจำกกำรประทุษร้าย อันละเมิดต่อ กม.
2. ภยันตรำยนั้นใกล้จะถึง
3. ผูก้ ระทำจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนเองหรือของผูอ้ ื่นให้พน้ จำกภยันตรำยนั้น
4. กระทำโดยป้องกันสิทธิไม่เกินขอบเขต
แยกอธิบายหลักเกณฑ์ ป้องกัน ได้ ดังนี้

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 18 -
1. มีภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กม. จะวินิจฉัยว่ำเป็ นป้องกันหรือไม่ ก่อน
อื่นต้องดูว่าข้อเท็จจริงนั้น มีภยันตรายหรือไม่ และภยันตรำยนั้นเกิดจำกกำรประทุษร้ำยอันละเมิดต่อกฎหมำยหรือไม่
ภยันตราย หมำยควำมถึง ภัยที่เป็ นควำมเสียหำยต่อสิทธิต่ำง ๆ ของบุคคลเช่นสิทธิใน
ร่ำงกำย ชีวติ เสรีภำพ ชื่อเสียง ทรัพย์สิน ซึ่งเป็ นสิทธิของบุคคล
การประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กม. คือ ผูก้ ่อภัยไม่มีอำนำจตำม กม.ที่จะกระทำได้ (แม้
กฎหมำยยกเว้นควำมโทษ ก็ถือว่ำไม่มีอำนำจตำมกฎหมำย) กฎหมำยที่ละเมิดอำจเกิดจำกกฎหมำยแพ่งหรือกฎหมำย
อำญำก็ได้หรือภัยที่ละเมิดต่อกฎหมำยอำจเกิดจำกเจตนำหรือประมำทก็ได้ ฎ : 378/79 กำรทำชูก้ บั ภริยำผูอ้ ื่น กำร
ที่ภริยำมีชถู ้ ือว่ำเป็ นกำรเสื่อมเสียเกียรติยศของสำมีอย่ำงร้ำยแรง เมื่อสำมีฆ่ำภริยำและชูข้ ณะร่วมประเวณีถือว่ำเป็ นกำร
ป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ฎ : 29/87 ใช้ไม้ซำงยิงไก่ ที่เข้ำมำกินผักในสวนไก่ตำยป้องกันได้แต่เกินสมควรแก่เหตุ
ประเด็นต่อมำ ผูท้ ี่จะอ้างป้องกันได้ตอ้ งไม่มีส่วนผิดในการก่อให้เกิดภยันตรายนั้น ต้องถูกกระทา
ฝ่ ายเดียว (หลักในการจาต้องเป็ นนางเอกหนังไทย) ฎ : 2154/19 จำเลยกับพวกก่อเหตุขนก่ ึ้ อนด้วยกำรชก ก. แล้ว
วิง่ หนี ก.ไล่ตำมต่อเนื่ องไปไม่ขาดตอนจำเลยหันกลับมำยิง ก. จำเลยอ้ำงป้องกันไม่ได้
ผูท้ ี่มีส่วนผิดในกำรก่อให้เกิดภยันตรำยนั้น มีดงั นี้
(ก) ผูท้ ี่ก่อภัยขึ้ นในตอนแรก เช่น จำเลยกับพวกก่อเหตุชกต่อยผูเ้ สียหำยแล้ววิง่ หนี
ผูเ้ สียหำยวิง่ ตำมต่อเนื่ องไม่ขำดตอน จำเลยยิงผูเ้ สียหำย จำเลยอ้ำงป้องกันมิได้
(ข) ผูท้ ี่สมัครใจเข้ำวิวำทต่อสูก้ นั (กำรวิวำท หมำยถึง กำรสมัครใจเข้ำต่อสูท้ ำร้ำยกัน) หลัก
มีวำ่ ถ้ำมีกำรสมัครใจเข้ำวิวำทต่อสูก้ นั ฝ่ ำยใดเพลี่ยงพล้ำแก่อีกฝ่ ำยหนึ่ ง จะกระทำกำรโต้ตอบกลับไป โดยอ้ำงป้องกัน
มิได้ เพรำะตนมีส่วนผิดในกำรที่สมัครเข้ำวิวำทต่อสูก้ นั เสียแล้ว (๑๙๖๑/๓๘) มีขอ้ สังเกต คู่ววิ ำทจะกระทำต่ออีกฝ่ ำย
หนึ่ งนอกจำกจะอ้ำงป้องกันไม่ได้แล้ว ยังอ้ำงจำเป็ นตำมมำตรำ ๖๒ (๒) ไม่ได้ เพรำะมำตรำ ๖๒ (๒) ภยันตรำยนั้นตน
จะต้องมิๆได้ก่อให้เกิดขึ้ นเพรำะควำมผิดของตน นอกจำกนั้นยังอ้ำงบันดำลโทสะไม่ได้ดว้ ย (๑๐๘๖๙/๒๕๔๖)
ผูส้ มัครใจเข้าวิวาทต่อสูก้ นั ก็หมดสิทธิอา้ งป้องกัน และหมดสิทธิอำ้ งจำเป็ นตำม 67 (2) ก็ไม่ได้
เพรำะภยันตรำยนั้นจะต้องมิได้ก่อให้เกิดขึ้ นเพรำะควำมผิดของตน อ้ำงบันดำลโทสะตำม 72 ก็ไม่ได้(10869/2546)
ฎ : 2322/22 จำเลยโต้เถียงกัน ก. และสมัครใจเข้ำวิวำทต่อสูก้ นั ก.มีมีดในมือจะแทง จำเลย จำเลย
จึงยิง ก.ตำยจำเลยอ้ำงป้องกันไม่ได้
แต่ถา้ ข้อเท็จจริงเพียงโต้เถียงกันมิได้สมัครใจทาร้ายร่างกายกันอ้างป้องกันได้ ฎ : 528/26
จำเลย และ ก โต้เถียงกัน กำรโต้เถียงกันหำใช่เป็ นกำรสมัครใจทำร้ำยซึ่งกันและกัน กำรที่ ก.ใช้ขวำนฟั น จำเลย จึงเป็ น
ภยันตรำยอันละเมิดต่อ กม.เป็ นภยันตรำยที่ใกล้จะ ถึง จำเลยใช้มีดแทง ก. ครั้งจำเลยอ้ำงป้องกันได้กรณีสมัครใจวิวำท
อ้ำงป้องกันไม่ได้ ถ้ำมีกำรพลำดไปถูกบุคคลที่ 3จะอ้ำงป้องกันไม่ได้เช่นเดียวกัน
ถ้าสมัครใจวิวาทกันนั้นขาดตอนลงแล้วสิทธิในการป้องกันก็กลับคืนมา ฎ : 1271/13 จำเลยกับ
ก. และคนอื่นอีก 2 คน ร่วมดื่มสุรำ จนมึนเมำเกิดทะเลำะวิวำทกัน จำเลยถูกตีหวั แตกและจำเลยก็ตี ก. แล้ววิง่ หนี ไปได้
6-7 m แล้วหันมำใช้ปืนยิง ก. ซึ่งถือขวดโซดำตำมออกมำ กำรที่ จำเลยยิงก.จะอ้ำงว่ำป้องกันไม่ได้ เพรำะเป็ น
เหตุกำรณ์ต่อเนื่ องจำกกำรสมัครใจทำร้ำยกันในร้ำนยังไม่ขำดตอน
2. ภยันตรายนั้นต้องใกล้จะถึง
ภยันตรายที่ใกล้จะถึงนั้นไม่จาเป็ นต้องถึงขั้นที่ เป็ นความผิด
ฎ : 2285/28 ก. พูดขอแบ่งวัว กับ จำเลย จำเลยไม่แบ่งให้ชวนให้ไปตกลงที่บำ้ น ผญบ,

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 19 -
บ้ำนกำนัน แต่ ก.ไม่ยอม ก.กลับชักปื นออกมำ จำเลยย่อมเข้ำใจว่ำ ก.จะใช้ปืนยิง จำเลย จึงเป็ นภยันตรำยที่ใกล้จะถึง
กำรที่ จำเลยใช้ปืนยิง ก. ไป 1 นัดเป็ นกำรป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ช่วงเวลาในการใช้สิทธิป้องกันเริ่มตั้งแต่เมื่อภยันตรายใกล้จะถึงรวมตลอดถึง
ระยะเวลาที่ภยันตรายนั้นได้มาถึงตัวผูร้ บั ภัยแล้ว ก่อนที่ภยันตรายจะสิ้ นสุดลง
ฎ : 943/08 คนร้ำยจูงควำยออกจำกใต้ถุนเรือนไป คนร้ำยมีปืน จำเลยร้องถำม คนร้ำยหัน
ปื นมำทำง จำเลย ถ้ำจำเลยไม่ยงิ คนร้ำยก็พำกระบือไปได้ จำเลยอ้ำงป้องกันได้ ควำมผิด 334 สำเร็จ แล้วเพรำะจูง
ควำยออกไปแล้ว
ฎ : 729/41 จำเลยทำร้ำยผูเ้ อำสร้อยคอของ จำเลยไป เพื่อติดตำมเอำคืนในทันทีทนั ใด
จำเลยอ้ำงป้องกันได้แม้ขณะนั้นควำมผิดลักทรัพย์จะสำเร็จได้แล้ว แต่ถำ้ คนร้ำยทิ้ งทรัพย์ อำจเข้ำครอบครองทรัพย์ได้
ตำมเดิม ถ้ำเจ้ำทรัพย์ได้คอยซุ่มรอดักดูคนร้ำยเพื่อจะทำร้ำยคนร้ำย อ้ำงป้องกันไม่ได้
ผูร้ บั ภัยไม่จาเป็ นต้องหลบหนีภยันตรายนั้น คือ “หนี ได้ ไม่หนี ไม่หมด สิทธิป้องกัน”
ฎ : 94/92 จำเลยถูกนำยเล้งเหยียดหยำมและข่มเหง ถ้ำจะเอำแต่หนี ก็จะแสดงควำมขลำด
กำรที่จำเลยใช้สิทธิป้องกัน จำเลยจึงไม่มีควำมผิดอ้ำงป้องกันได้
ผูก้ ระทาจะต้องกระทาเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือผูอ้ ื่นให้พน้ จากภยันตรายนั้น
“เพื่อป้องกันสิทธิ” เป็ นมูลเหตุจงู ใจหรือเจตนำพิเศษในกำรยกเว้นควำมผิด จะอ้ำงป้องกันได้ตอ้ งมีหลักคือ
1. ผูก้ ระทำจะต้องทำโดยเจตนำ
2. จะต้องทำโดยมีเจตนำพิเศษเพื่อป้องกันสิทธิ
*****ขำดสิ่งใดก็อำ้ งป้องกันไม่ได้******
การกระทาโดยป้องกันต้องไม่เกินขอบเขต จึงจะไม่มีควำมผิด
ถ้ำเกินขอบเขตอำจเป็ นกำรเกินสมควรแก่เหตุหรือเกินกว่ำกรณีแห่งกำรจำต้องกระทำ เพื่อป้องกันทั้ง 2 กรณี
ต่ำงกันอย่ำงไร
ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ มีหลัก 2 ข้อคือ
ก. ผูป้ ้ องกันได้กระทาการป้องกันสิทธิดว้ ยวิถีทางน้อยที่สุดเท่าที่จาเป็ นต้องทา คือไม่มีทำงเลือก
อื่นแล้ว ถ้ำยังมีทำงเลือกอื่นอยูต่ อ้ งเลือกในทำงที่เสียหำยแก่ผกู้ ่อภัยน้อยที่สุด
ฎ : 55/30 ผูต้ ำยบุกรุกเข้ำไปฉุดบุตรสำวของ จำเลยถึงในบ้ำน จำเลยซึ่งเป็ นแม่เข้ำขัดขวำงกลับถูก
ผูต้ ำยทำร้ำยจนล้มลงและผูต้ ำยพำบุตรสำว จำเลยออกจำกบ้ำนไป จำเลยจึงใช้ปืนยิงผูต้ ำย 4 นัด จำเลยทำไปเพื่อ
ช่วยเหลือบุตรของตนให้พน้ ภยันตรำยที่เกิดขึ้ นเฉพำะหน้ำและภยันตรำยนัน่ ยังเกิดขึ้ นต่อเนื่ องกันอยู่ กรณีไม่มีทำงเลือก
อื่น กำรยิงเป็ นมำตรกำรที่เหลืออยูเ่ พียงอย่ำงเดียวในกำรที่จะช่วยลูกสำวได้
ข. การป้องกันต้องได้สดั ส่วนกับภยันตรายจึงจะถือว่าพอสมควรแก่เหตุ
ฎ : 606/10 ผูเ้ สียหำยเข้ำมำชกจำเลย เมื่อจำเลยล้มลงผูเ้ สียหำยเงื้ อมีดจะไปแทงจำเลย จำเลยจึง
ใช้ปืนยิงถือว่ำเป็ นกำรป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ฎ : 2717/28 ผูต้ ำยถือมีดอยูห่ ำ่ ง จำเลย 2 วำ จำเลยด่วนยิงผูต้ ำยทั้งที่ผตู้ ำยยังไม่อยูใ่ นลักษณะจะ
ฟั นทำร้ำย ถือว่ำเกินสมควรแก่เหตุ
ข้อสังเกตที่เกี่ยวกับเรื่องสัดส่วนของการกระทาโดยป้องกัน
ฎ : 1646/14 ผูต้ ำยเมำเข้ำไปพูดต่อว่ำพวกของ จำเลยและเป็ นปำกเสียงกัน จำเลยจึงเข้ำไปจะดึง
พวก จำเลยขึ้ นรถผูต้ ำยยกมือทำท่ำจะต่อยจำเลย จำเลยจึงชกไป 1 ที ถูกผูต้ ำยล้มลงสลบถึงแก่ควำมตำย
กรณีเป็ นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ชกต่อชก ได้สดั ส่วน แม้ผกู้ ่อภัย จะถูกชกล้มลงหัวฟำดพื้ น
(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com
คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 20 -
ตำยก็ตำม
ฎ : 617/63 ใช้มีดฟั นคนร้ำยมีแผล 2 แห่ง ถึงขนำดเป็ นอันตรำยสำหัส เป็ นกำรป้องกันทรัพย์เกิน
กว่ำเหตุ
ฎ : 729/41 ใช้มีดเป็ นอำวุธแย่งสร้อยคอจำกผูเ้ สียภำยกลับคืนมำเป็ นกำรป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
ถ้ำเจ้ำทรัพย์เอำมีดทำงคนร้ำยตำย
ฎ : 1908/94 ถ้ำเจ้ำทรัพย์ใช้ปืนยิงคนร้ำยโดยเจตนำฆ่ำก็เกินสมควรแก่เหตุ

ป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจาต้องกระทาเพื่อป้องกัน หมำยควำมว่ำเป็ นกำรกระทำโดยมีเจตนำพิเศษ


เพื่อป้องกันสิทธิต่อภยันตรำยที่ยงั อยูห่ ำ่ งไกลหรือภยันตรำยที่ผ่ำนพ้นไปแล้ว
ฎ : 2066/33 จำเลยแทงผูต้ ำยในขณะที่หมดโอกำสทำร้ำยจำเลยแล้วเป็ นกำรกระทำเกินกว่ำกรณี
แห่งกำรจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน

!!!!! เหตุยกเว้นโทษ
*** จาเป็ น มำตรำ 67
อนุ มำตรำ 1 จำเป็ นเพราะอยูใ่ นที่บงั คับ
อนุ มำตรำ 2 จำเป็ นเพื่อให้พน้ ภยันตราย
จำเป็ น มาตรา 67(1) มีหลัก 4 ข้อคือ
1. อยูใ่ นที่บงั คับหรือภำยใต้อำนำจ หมำยควำมว่ำ มีกำรบังคับให้กระทำหรือไม่กระทำอย่ำงหนึ่ ง
อย่ำงใดจำกภำยนอก ซึ่งกำรกระทำหรือไม่กระทำนั้นเป็ นควำมผิด เช่น แดง ขูว่ ำ่ จะยิงดำ ถ้ำดำไม่ใช้ไม้ตีหวั ขำว ดำกลัว
ตำยจึงใช้ไม้ตีหวั ขำว ขำวหัวแตก ดำกระทำผิดต่อขำวคือ 295 เพรำะว่ำถูกดำบังคับ ข้อสังเกต ถ้ำแดงจับมือดำขณะที่
ดำ ขณะที่ดำเผลอ ไปเขกหัวของขำว อย่ำตอบว่ำจำเป็ น เพรำะถ้ำแดงจับมือดำขณะที่ดำเผลอไปเขกหัวขัว ดำไม่มีกำร
กระทำ เมื่อไม่มีกำรกระทำ ก็ไม่ใช่กำรกระทำผิดด้วยควำมจำเป็ นตำมมำตรำ 68(1)
2. ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ ถ้ำหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ ก็จะอ้ำงว่ำจำเป็ นมิได้ เพรำะอยู่
ในที่บงั คับไม่ได้ ตำอย่ำง แดงเป็ นคนชรำขูว่ ำ่ จะแทงดำ ถ้ำดำไม่ลกั ทรัพย์ขำว ข้อเท็จจริงว่ำดำสำมำรถขัดขืนได้
เพรำะว่ำดำยังหนุ่ มร่ำงกำยแข็งและแรง เพียงแต่บิดมือแดงมีดก็จะหลุดจำกมือแดง แต่ดำไม่ขดั ขืน ดำกลับทำตำมคำบง
กำรของแดง เช่นนี้ ดำจะอ้ำงจำเป็ นไม่ได้
3. ผูก้ ระทาจะต้องมิได้ก่อเหตุการณ์น้นั ขึ้ นด้วยความผิดของตน ตัวอย่ำง ดำยุให้แดงมำขูด่ ำ ให้
ดำไปทำร้ำยขำว แดงทนยัว่ ยุไม่ได้ ในที่สุดดำขูว่ ำ่ จะยิงดำ ถ้ำดำไม่ตีหวั ขำว เช่นนี้ ถ้ำดำไปตีขำว ดำจะอ้ำงว่ำเป็ นกำร
กระทำควำมผิดด้วยควำมจำเป็ นไม่ได้
4. กระทาไปไม่เกินขอบเขต เกินขอบเขต คือ เกินสมควรแก่เหตุและเกินกว่ำกรณีจำเป็ นต้อง
กระทำเพื่อป้องกัน
เกินสมควรแก่เหตุในเรื่องจาเป็ นตาม 67 (1) คือ เกินวิถีทำงน้อยที่สุด หรือเกินสัดส่วน อย่ำงใด
อย่ำงหนึ่ งหรือทั้งสองอย่ำง เกินอย่ำงใดอย่ำงหนึ่ งถือว่ำเกินขอบเขต
เกินวิธีทางที่นอ้ ยที่สุด คือ เกินขั้นตำ่ สุดที่จำเป็ นต้องกระทำซึ่งมีหลักอย่ำงเดียวกับมำตรำ 68 ใน
เรื่องป้องกัน

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 21 -
เกินสัดส่วน ตำมมำตรำ 67(1) ตัวอย่ำง แดงขูว่ ำ่ จะยิงดำข้ำงหลังขำว ถ้ำดำไม่ยงิ ขำว ดำกลัวจะถูก
ยิงข้ำงหลัง ดำก็เลยใช้ปืนของดำยิงขำวข้ำงหลังขำว อย่ำงนี้ ปื นต่อปื น ชีวติ ต่อชีวติ ข้อสังเกต ถ้ำดำไม่ยงิ ขำว ถ้ำดำสูโ้ ดย
หันกลับมำใช้ปืนของดำยิงแดง เป็ นป้องกัน ได้สดั ส่วนกัน เพรำะดำกระทำต่อแดงซึ่งเป็ นผูก้ ่อภัย ปื นต่อปื นได้สดั ส่วน
แต่ถำ้ ดำไม่กล้ำยิงแดงผูก้ ่อภัย ดำไปใช้ปืนยิงของดำยิงขำว อย่ำงนี้ จำเป็ น แต่เกินสัดส่วน เพรำะขำวซึ่งเป็ นบุคคลที่สำม
ถึงแม้จะอ้ำงจำเป็ นได้ แต่ตอ้ งถือว่ำเป็ น “จำเป็ นเกินสมควรแก่เหตุ”
จะได้สดั ส่วนกันภยันตรำยที่ผกู้ ระทำโดยจำเป็ นจะได้รบั จะต้องมากกว่าภยันตรายที่ผกู ้ ระทาโดย
จาเป็ นจะไปก่อให้เกิดขึ้ นแก่บุคคลที่สาม ถ้ำภยันตรำยเท่ำกันถือว่ำเกินส่วน
ฎ 1750/2514 จำเลย เอำเรือรับคนร้ำยพำข้ำมฟำก เพื่อให้คนร้ำยพ้นจำกกำรจับกุมของตำรวจ
จำเลยมีควำมผิดตำมตรำ 189 แต่ จำเลยกระทำผิดด้วยควำมจำเป็ นตำม 67 เพรำะถูกคนร้ำยใช้ปืนขูบ่ งั คับให้กระทำ
จำเลยไม่ตอ้ งรับโทษ

จำเป็ นตำมมาตรา 67 (2) จำเป็ นเพื่อให้พน้ ภยันตรำย ใกล้เคียงกับเรื่องป้องกัน มีหลักเกณฑ์ดงั นี้


ข้อ 1. มีภยันตราย จำไว้วำ่ ป้องกันกับจำเป็ นแตกต่ำงกันในสำระสำคัญที่สุดประกำรหนึ่ งคือ
ป้องกันนั้นภยันตรายจะต้องเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายเท่านั้น แต่จำเป็ นตำม 67(2)
ภยันตรำยจะเกิดจำกกำรประทุษร้ำยอันละเมิดต่อกฎหมำยหรือไม่ก็ได้ ถ้าภยันตรายเกิดจากการประทุษร้ายอัน
ละเมิดต่อกฎหมาย หำกมีกำรกระทาต่อผูก้ ่อภัย ถือว่าเป็ นการป้องกัน หำกไปกระทำต่อบุคคลที่สาม ถือว่าเป็ น
การจาเป็ น
ข้อสังเกต คือ หลักที่วำ่ ผูก้ ระทำจะต้องมิได้ก่อเหตุกำรณ์น้ันขึ้ นด้วยควำมผิดของตนใน 67(2)ไม่มี
หลักนี้ หรือ 67 (1) ก็ไม่มีหลักเหมือน 67(2)ที่วำ่ ตนจะต้องมีส่วนผิดในกำรก่อให้เกิดเหตุกำรณ์น้ันขึ้ น แต่เป็ นที่เข้ำใจ
อยูใ่ นตัวว่ำถ้ำกระทำก่อเหตุกำรณ์ขนด้ ึ้ วยควำมผิดตนเองก็จะอ้ำงจำเป็ นเพรำะถูกบังคับไม่ได้เพรำะตนอำจหลีกเลี่ยงได้
โดยไม่ก่อให้เกิดเหตุกำรณ์น้ันตั้งแต่แรก
ตัวอย่าง ดำยัว่ ยุให้เหลืองมำขูต่ นให้ไปทำร้ำยแดง เหลืองทนยัว่ ยุไม่ไหวจึงขูท่ องให้ไปตีหวั แดง ดำอ้ำง
จำเป็ น67(1) ไม่ได้ เพรำะตนมีส่วนผิดในกำรยัว่ ยุเหลือง
ถ้ำภยันตรำยไม่ได้เกิดจำกกำรประทุษร้ำยอันละเมิดต่อกฎหมำย กระกระทำของผูก้ ระทำกำรให้
ตนเองหรือผูอ้ ื่นให้พน้ ภัย ก็ถือว่ำเป็ นกำรกระทำโดย “จำเป็ น” เช่น เสือของแดงหลุดออกมำกจำกกรง เพรำะฟ้ำฝ่ ำกรง
(อย่ำมำเถียงข้อเท็จจริงว่ำทำไมเสือไม่ตำย เขำทดสอบเรื่องข้อกฎหมำย ไม่ได้ทดสอบข้อเท็จจริง เข้ำใจ๊ 5555555)
ตรงเข้ำมำจะกัดดำ ดำยิงเสือตำย ดำอ้ำงจำเป็ นได้
ข้อ 2. ภยันตรายนั้นใกล้จะถึง หลักนี้ เป็ นอย่ำงเดียวกันกับเรื่องป้องกัน
ข้อ 3. เป็ นภยันตรายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พน้ โดยวิ ธีอื่นใดได้ ถ้ำสำมำรถหลีกเลี่ยงให้พน้ โดย
วิธีอื่นใดได้ ต้องหลีกเลี่ยงให้พน้ โดยวิธีอื่นใดนั้นเสียก่อน จะอ้ำงจำเป็ นได้จะต้องไม่สำมำรถหลีกเลี่ยงให้พน้ โดยวิธีอื่นใด
ได้ ดู ฏ 734/2529 จำเลยขุดหลุมบนไหล่ทำงสำธำรณะ เพื่อเป็ นทำงระบำยน้ ำจำกนำของจำเลย เพื่อไม่ให้น้ ำท่วม
ต้นข้ำวของจำเลยเมื่อฝนจะตกมำก ประเด็นคือ จำเลยจะอ้ำงจำเป็ นตำม 67(2) เพื่อยกเว้นโทษได้หรือไม่ ศำลฏีกำ
วินิจฉัยว่ำ ฝนยังไม่ตก ยังไม่มีน้ ำท่วมต้นข้ำว ถือว่ำภัยตรำยอยูไ่ กล (ไม่เข้ำหลักในข้อ 2) และแม้ฝนจะตกแล้วและตก
มำก น้ ำท่วมต้นข้ำว จำเลยก็สำมำรถใช้เครื่องสูบน้ ำออกจำกนำได้ เพรำะฉะนั้นจึงเป็ นภยันตรำยที่สำมำรถหลีกเลี่ยงให้
พ้นได้โดยวิธีอื่นได้
ข้อ 4. ภยันตรายนั้นผูก้ ระทาโดยจาเป็ นมิได้ก่อให้เกิดขึ้ นเพราะความผิดของตน ตัวอย่ำง
(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com
คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 22 -
แดงเมำสุรำเอำเท้ำพำดดำลูบเล่น ฎ 3315/2522 วินิจฉัยว่ำ เป็ นกำรข่มเหงดำอย่ำงร้ำยแรงด้วย
เหตุอนั ไม่เป็ นธรรม หรือ
แดงและดำสมัครใจวิวำทต่อสูก้ นั แดงเพลี่ยงพล้ำจะถูกดำแทง แดงจึงวิง่ หนี จะเข้ำไปหลบภำยในบ้ำน
ของขำว ขำวกั้นไม่ให้เข้ำ แดงจึงทำร้ำยขำวเพื่อจะได้เข้ำไปในบ้ำนของขำว แดงจะอ้ำจำเป็ นไม่ได้ เพรำะว่ำตนมีส่วนผิด
ในกำรวิวำทต่อสูก้ นั แต่ถำ้ กำรวิวำท “ขำดตอน” แล้ว แดงอ้ำงจำเป็ นได้
ข้อ 5 ผูก้ ระทาได้กระทาไปเพื่อตนเองหรือผูอ้ ื่นพ้นภยันตราย ทำควำมเข้ำใจให้ดีวำ่ จะอ้ำงจำเป็ น
ตำม 67 (2)ได้ ผูก้ ระทำจะต้องมีเจตนำธรรมดำ (ประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผล หรือเจตนำโดยพลำด) และ ผูก้ ระทำ
มีมลู เหตุจงู ใจหรือเจตนำพิเศษคือ “เพื่อให้พน้ ภยันตรำย”
กำรกระทำควำมผิดด้วยจำเป็ นต้องทำไปโดยไม่เกินขอบเขตมีขอ้ สังเกตว่ำสัดส่วนของกำรกระทำโดย

!!!!!!!! ป้องกัน กับ จาเป็ นแตกต่ำงกันคือ ป้องกัน เป็ นกำรกระทำต่อผูก้ ่อภัย จำเป็ น เป็ นกำรกระทำต่อบุคคลที่ 3
จำเป็ น ตำม ม. 67(2) มีหลัก 6 ข้อคือ
1. มีภยันตรำย
2. ภยันตรำยนั้นใกล้จะถึง
3. เป็ นภยันตรำยที่ไม่สำมำรถหลีกเลี่ยงให้พน้ โดยวิธีอื่นใดได้
4. ภยันตรำยนั้นผูก้ ระทำควำมผิดด้วยควำมจำเป็ นมิได้ก่อให้เกิดขึ้ นเพรำะควำมผิดของตน
5. ผูก้ ระทำได้กระทำไปเพื่อให้ตนเอง, ผูอ้ ื่นพ้นภยันตรำย
6. กระทำไปไม่เกินขอบเขต
จดจาไว้นะใจเจ้ากรรมตอกและย้าให้จาฝังจ๊าย.....ภยันตรำย ถ้ำเกิดจำกกำร ๑. ละเมิด กม. (กม.ใดก็ได้) ๒.ทำต่อผู้
ก่อภัยอ้ำงป้องกัน / ถ้ำทำต่อบุคคลที่ 3 อ้ำงจำเป็ น แต่ถำ้ ภยันตรำยไม่ได้เกิดจากการละเมิด กม. ไม่วำ่ ทำต่อใคร
อ้ำงได้เพียงแค่จาเป็ นเท่ำนั้น

ประเด็นต่อไปคือภยันตรายที่เกิดขึ้ นนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พน้ ได้ดว้ ยวิธีอื่นใดได้


ถ้ำมีทำงหลีกเลี่ยงได้แต่ไม่หลีกไปกระทำผิดจะอ้ำงจำเป็ นไม่ได้
ฎ : 734/29 จำเลยขุดหลุมบนไหล่ถนนสำธำรณะเพื่อเป็ นทำงระบำยน้ ำจำกที่นำของจำเลยเพื่อให้
น้ ำไหลลงคลองสำธำรณะ จำเลยทำไปเพื่อไม่ให้น้ ำท่วมต้นข้ำวของ จำเลย เมื่อฝนจะตกมำก ผิด 360 จะอ้ำงจำเป็ น
ตำม ม.67 (2) ไม่ได้ เพรำะฝนยังไม่ได้ตกน้ ำยังไม่ทว้ ม ภยันตรำยยังอยูห่ ำ่ งไกลและแม้วำ่ ฝนจะตกน้ ำจะท่วมต้นข้ำว
จำเลยก็สำมำรถใช้เครื่องสูบน้ ำออกจำกนำได้ถือว่ำเป็ นภยันตรำยที่สำมำรถหลีกเลี่ยงได้ ไม่จำเป็ นต้องขุดถนนท
ภยันตรำยนั้นผูก้ ระทำควำมผิดด้วยควำมจำเป็ นจะต้องไม่ได้ก่อให้เกิดขึ้ นเพรำะควำมผิดของตน จะอ้ำง 67 ได้ตอ้ ง
กระทำไปโดยไม่เกินขอบเขต ถ้ำเกินเป็ นเรื่อง 67+69 ขอบเขตของ 67(2) ต่ำงกับกรณีป้องกันเพรำะสัดส่วนของเรื่อง
67(2) จะใช้หลักสัดส่วนเรื่องป้องกันไม่ได้
ฎ : 307/89 จำเลยไปช่วยงำนแต่งงำน มีคนไล่ทำร้ำย จำเลย จำเลยวิง่ หนี ไปทำงห้องหอมีคนกั้น
ไม่ให้จำเลยเข้ำจำเลยจึงใช้มีดแทงเขำตำย จำเลยอ้ำงจำเป็ น ว่ำ จำเลยถูกไล่ทำร้ำยมีผกู้ ้นั จำเลยอำจใช้กำลังฝื นผ่ำนไป
ได้แต่จำเลยแทงเขำตำย ถือว่ำเป็ นกำรกระทำโดยจำเป็ นเกินสมควรกว่ำเหตุ
เหตุลดโทษ
1. บันดาลโทสะ มำตรำ 72 มีหลัก 3 ข้อ

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com


คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 23 -
1. ถูกข่มเหงอย่ำงร้ำยแรงด้วยเหตุอนั ไม่เป็ นธรรม
2. กำรที่ถกู ข่มเหงเป็ นเหตุให้ผกู้ ระทำบันดำลโทสะ
3. ผูก้ ระทำกระทำควำมผิดต่อผูข้ ม่ เหงในขณะบันดำลโทสะ
แยกพิจำรณำตำมหลักเกณฑ์ ได้คือ
1. ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอนั ไม่เป็ นธรรม
1.1เหตุอนั ไม่เป็ นธรรมดาจะไม่ถึงขึ้ นผิด กม.ก็ได้ (ซึ่งต่ำงจำกเรื่องป้องกัน ซึ่งภยันตรำยจะต้องเกิดจำก
กำรละเมิดกฎหมำเท่ำนั้น)
ฎ : 249/15 จำเลยเห็น ก.กำลังร่วมประเวณีกบั ภรรยำของ จำเลยในห้องนอน แม้ภรรยาจาเลยจะไม่ใช่
ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ก็อยูก่ ินกันมำถึง 13 ปี มีลกู หลำยคน จำเลยใช้มีดฟั น ก.2 ครั้ง แทงภรรยำ 1 ครั้ง
จำเลยต้องอ้ำงบันดำลโทสะได้แต่จะอ้ำงป้องกันไม่ได้ เพรำะจะอ้ำงป้องกัน ภยันตรำยต้องเกิดจำกกำรละเมิด กม.แต่
ภรรยำเป็ นภรรยำที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน กำรที่หญิงไปร่วมประเวณีกบั ชำยอื่นก็ไม่มีกำรกระทำอันละเมิดต่อกม.
จึงอ้ำงป้องกันไม่ได้
1.2 ถ้ำผูก้ ระทำมีอำนำจกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมำยหรือจำรีตประเพณี (เจ้ำอำวำสกะลูกศิษย์) แม้
ผูถ้ กู กระทำจะบริสุทธิ์ไม่ใช่คนร้ำย ก็ไม่ถือว่ำถูกข่มเหงอย่ำงร้ำยแรงด้วยเหตุอนั ไม่เป็ นธรรม
1.3 ผูท้ ี่ก่อเหตุขึ้นก่อน ถ้าอีกฝ่ ายทาการโต้ตอบกลับมา จะถือตนว่ำถูกข่มเหงด้วยเหตุอนั ไม่เป็ นธรรมไม่ได้
ฎ : 1776/18 จำเลยก่อเหตุขนก่ ึ้ อนด้วยกำรเปิ ดน้ ำในนำของผูต้ ำยจนนำแห้งเพื่อนำน้ ำเข้ำไปใช้ในนำของ
จำเลยผูต้ ำยมำด่ำและท้ำ จำเลย จำเลยทำร้ำยผูต้ ำยศำลฎีกำว่ำ จำเลยจะอ้ำงบันดำลโทสะไม่ได้เพรำะจำเลยเป็ นฝ่ ำย
ก่อเหตุขนก่ ึ้ อน
1.4 ผูท้ ี่สมัครใจวิวาทต่อสูท้ าร้ายซึ่งกันและกัน จะกระทำกำรโต้ตอบอีกฝ่ ำยโดยอ้ำงว่ำถูกข่มเหงด้วยเหตุ
อันไม่เป็ นธรรมไม่ได้ (ไม่ตอ้ งกรอกใบสมัครหรือยืน่ ใบสมัครก็ได้ อิอิ)
ฎ : 2322/22 คู่ควำมที่สมัครใจวิวำทกันอีกฝ่ ำยจะอ้ำงบันดำลโทสะไม่ได้อำ้ งป้องกันก็ไม่ได้
ฎ : 2457/15 จำเลยกับผูต้ ำยได้ววิ ำทกอดปล้ำทำร้ำยกัน ผูต้ ำยหยิบมีดดำบยำวประมำณ 1 แขน
ฟั น อ้ำงจำเป็ นก็ไม่ได้ เพรำะ 67(2) ห้ำมไม่ใช้อำ้ งเนื่ องจำกภยันตรำย เกิดขึ้ นด้วยควำมผิดของตน อ้ำงบันดำลโทสะก็
ไม่ได้
1.5 กำรกระทำโดยจำเป็ นตำมมำตรำ 67 เป็ นกำรกระทำที่เป็ นควำมผิด แต่กฎหมำยยกเว้นโทษจึงถือว่ำ
เป็ นกำรข่มเหงอย่ำงร้ำยแรงด้วยเหตุอนั ไม่เป็ นธรรมได้ เช่น ดำขูว่ ำ่ จะยิงเหลือง หำกเหลืองไม่ใช้ไม้ตีหวั แดง เหลืองกลัว
จะถูกยิง เมื่อเหลืองตีหวั แดงแตก เหลืองวิง่ หนี แดงวิง่ ตำมใช้ปีนยิงเหลือง แดงอ้ำงบันดำลโทสะได้ เพรำกำรกระทำของ
สินธิต่อแดงเป็ นควำมผิดเพียงแต่มำตรำ 67(1) ยกเว้นโทษให้แก่ดำ หำกแดงยิงดำที่วงิ่ หนี ไปด้วย แดงก็อำ้ งบันดำล
โทสะได้ เพรำะดำคือผูก้ ่อให้เหลืองกระทำควำมผิดต่อขำวอย่ำงร้ำยแรงด้วยเหตุอนั ไม่เป็ นธรรม

ฎีกาเกี่ยวกับ การถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอนั ไม่เป็ นธรรม


ฎ : 3315/22 ผูต้ ำยเมำสุรำใช้เท้ำพำดหัว จำเลยลูบเล่น จำเลยจึงทำร้ำย จำเลยอ้ำงบันดำลโทสะได้
ฎ : 5736/39 ผูต้ ำยหำเรื่อง จำเลยชี้ หน้ำด่ำ แม่ จำเลย จำเลยจึงทำร้ำย อ้ำง 72 ได้
ฎ : 518/00 ยิงบิดำ ถือว่ำข่มเหงบุตรด้วย
ฎ : 241/78 บุตรถูกทำร้ำยถือว่ำข่มเหงบิดำด้วย
ฎ : 1577/97 ที่ถกู ทำร้ำยถือว่ำข่มเหงน้องด้วย
(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com
คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 24 -
ฎ : 739/82 น้ำถูกทำร้ำยถือว่ำข่มเหงหลำนด้วย
ฎ : 1446/98 พ่อตำถูกถีบถือว่ำข่มเหงบุตรเขยด้วย
ฎ : 863/02 ทำอนำจำรภรรยำถือว่ำข่มเหงสำมีเท่ำนั้นไม่เป็ นกำรข่มเหงเพื่อนของสำมี แม้จะเป็ น
เพื่อนสนิ ทของสำมีก็ตำม
การข่มเหงเมื่อทราบเหตุข่มเหงแล้วต้องบันดาลโทสะทันที
ฎ : 147/83 ดำแทงเหลืองบำดเจ็บเหลืองรูต้ วั ทันทีวำ่ ถูกแทงมีแผลที่ปำกแต่เหลืองยังไม่เกิดโทสะ
ต่อมำเมื่อกลับถึงบ้ำนเหลืองมำส่องกระจกดูเห็นปำกแหว่งจึงเกิดโทสะและใช้มีดไล่ฟันดำ กรณีอำ้ งบันดำลโทสะไม่ได้
เพรำะจะอ้ำงได้ตอ้ งอ้ำงขณะที่รตู ้ วั ว่ำถูกแทงมีแผลที่ปำกต้องอ้ำงตอนนั้นไม่ใช่มำอ้ำงตอนหลัง
ผูก้ ระทา ได้กระทาความผิดต่อผูข้ ่มเหงในขณะบันดาลโทสะ คำว่ำขณะบันดำลโทสะคือในระหว่างที่ยงั
บันดาลโทสะอยูน่ ั ่นเอง
ฎ : 1260/23ในขณะนั้นไม่ได้หมำยควำมว่ำต้องเป็ นขณะเดียวกับกำรข่มเหงแต่ขอให้เป็ นระยะเวลำ
ที่ต่อเนื่ องกระชั้นชิดในขณะที่มีโทสะรุนแรงอยูก่ ็นับว่ำเพียงพอแล้ว
การกระทาโดยบันดาลโทสะนั้นจะต้องเป็ นการกระทาต่อผูข้ ่มเหง ถ้ำกระทำต่อผูอ้ ื่น จะอ้ำงบันดำลโทสะ
ไม่ได้ แต่ถำ้ กรณีไม่พลำดอ้ำงบันดำล โทสะได้ถำ้ พลำด อ้ำงบันดำลโทสะได้เช่นเดียวกัน
ฎ : 1704/18 ถ้ำแดงบุตรของดำพัวพันอยูใ่ นที่เกิดเหตุในขณะดำยิงเหลือง แดงเป็ นผูข้ ่มเหงด้วย
ฉะนั้นถ้ำยิงแดงก็อำ้ งบันดำลโทสะได้ เพรำะ
ถ้ากระทาต่อภัยที่ผ่านพ้นไปแล้วให้อา้ งบันดาลโทสะจะอ้างป้องกันไม่ได้
ฎ : 1092/31 ผูเ้ สียหำยไม่พอใจและโต้เถียงกับ จำเลยในเรื่องที่ จำเลยชักชวนผูอ้ ื่นไปเล่นไพ่ที่บำ้ น จำเลย
และใช้สนั มีดตีหวั จำเลยก่อน จำเลยแย่งมีดจำกผูเ้ สียหำยได้ ไม่ปรำกฏว่ำผูเ้ สียหำยมีท่ำที่จะทำร้ำย จำเลยอีกแสดงว่ำ
ภยันตรำยที่ จำเลยได้รบั นั้นผ่ำนพ้นไปแล้วและไม่มีภยันตรำยที่ใกล้จะถึงเกิดขึ้ นอีก กำรที่ จำเลยใช้มีดฟั นผูเ้ สียหำย 4
แห่ง ถือไม่ได้วำ่ เป็ นกำรป้องกัน แต่กำรที่ผเู้ สียหำยไม่พอใจ จำเลยใช้มดั ตีหวั จำเลยก่อน ถือว่ำเป็ นกำรข่มเหงอย่ำง
ร้ำยแรงด้วยเหตุอนั ไม่เป็ นธรรม เมื่อ จำเลยแย่งมีดมำฟั นผูเ้ สียหำยจำเลยจึงอ้ำงบันดำลโทสะได้

ข้อแตกต่างระหว่างป้องกัน/จาเป็ น
1. ป้องกัน – กม.ถือว่ำผูก้ ระทำไม่มีควำมผิด
จาเป็ น – ผูก้ ระทำมีควำมผิด แต่ไม่ตอ้ งรับโทษ
2. หำกภยันตรำยเกิดจำกกำรประทุษร้ำย อันละเมิดต่อ กม.แล้ว
ป้องกัน – กระทำต่อผูก้ ่อภัย
จาเป็ น – กระทำต่อบุคคลที่ 3
หำกภยันตรำยไม่ได้เกิดจำกกำรประทุษร้ำยอันละเมิดต่อ กม.แล้ว ไม่วำ่ จะกระทำต่อผูก้ ่อภัย , บุคคล
ที่ 3 ก็เป็ นกำรกระทำโดยจำเป็ น
หำกภยันตรำยไม่ได้เกิดจำกกำประทุษร้ำยอันละมิดต่อกม.แต่สำคัญผิดในข้อเท็จจริงว่ำภยันตรำยเกิด
จำกกำรประทุษร้ำยอันละเมิดต่อ กม.และกระทำต่อผูก้ ่อภยันตรำยนั้น อ้ำงป้องกันโดยสำคัญผิด
ตัวอย่าง ดำละเมอจะยิงเหลือง เหลืองไม่รวู ้ ำ่ ดำละเมอ เหลืองยิงดำเหลืองอ้ำงป้องกันโดยสำคัญผิด
กำรกระทำโดยป้องกันนั้น- หำกเป็ นกำรกระทำต่อผูก้ ่อภัยซึ่งก่อภัยโดยกำรละเมิด กม.แล้ว
แม้ผลจะเกิดแก่บุคคลที่ 3 ก็อำ้ งป้องกันต่อบุคคลที่ 3 ได้
ตัวอย่ำง ดำจะยิงเหลือง เหลืองป้องกันโดยยิงดำ ถือว่ำเหลืองป้องกันแล้ว หำกว่ำดำหลบทันกระสุน
(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com
คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 25 -
พลำดไปถูก แดงตำยคำผิด 288+60 แต่อำ้ งป้องกันได้
กรณีจำเป็ น – ตัวอย่าง ดำจะยิงเหลือง ดำล็อคคอเขียวไว้ เหลืองยิงดำ เหลืองอ้ำงป้องกันได้ แต่
เหลืองต่อเขียว เหลืองอ้ำงป้องกันไม่ได้เพรำะเขียวไม่ใช่ผกู้ อ่ ภัย แต่ดำต้องยิงมำเพื่อให้ตนพ้นภยันตรำยจำกกำรที่จะถูก
ดำยิงเหลืองจึงอ้ำงจำเป็ นต่อเขียวได้
3. กำรกระทำโดยป้องกัน ผูก้ ระทำต้องมีเจตนำพิเศษเพื่อ “ป้องกันสิทธิ” ส่วนกำรกระทำโดย
จาเป็ น 67(1) เจตนำพิเศษคือเพรำะอยูใ่ นที่บงั คับหรือภำยใต้อำนำจที่ไม่อำจหลีกเลี่ยงได้ และ 67(2) เจตนำพิเศษ
คือ เพื่อให้ตนเองหรือผูอ้ ื่นพ้นภยันตรำย
4. กำรกระทำโดยป้องกันหำกป้องกันสิทธิผอู้ ื่นจะต้องเป็ นกรณีที่ผอู้ ื่นมีสิทธิป้องกันตนเองได้อยูแ่ ล้ว
จึงจะมีกำรป้องกันแทนได้
5. กำรกระทำโดยป้องกัน เนื่ องจำกเป็ นกำรกระทำต่อผูก้ ่อภัยอันละเมิด กม.ผูก้ ระทำจึงไม่จำต้อง
หลีกหนี ภยันตรำยนั้น กำรกระทำโดยจาเป็ น โดยหลักเป็ นกำรกระทำต่อบุคคลที่ 3 ซึ่งไม่มีส่วนผิดในกำรก่อภัย
ผูก้ ระทำต้องพยำยำมหลีกเลี่ยงให้พนั ภยันตรำยโดยวิธีอื่นก่อน
6. สัดส่วนของกำรกระทำ
ป้องกัน – ภยันตรำยและกำรกระทำตอบโต้ของผูป้ ้ องกันมีควำมร้ำยแรงพอกัน ถือว่ำ
พอสมควรแก่เหตุ
จาเป็ น – โดยหลักเป็ นกำรกระทำต่อบุคคลที่ 3 ซึ่งไม่มีส่วนผิดหำกภยันตรำยร้ำยแรงพอกัน
ต้องถือว่ำเกินสัดส่วนและเกินสมควรแก่เหตุอย่ำงไรก็ตำม หำกเป็ นกำรกระทำต่อผูก้ ่อภัยซึ่งไม่ได้ละเมิดต่อ กม. อำจถือ
ว่ำได้สดั ส่วนได้
ข้อแตกต่างและข้อเหมือนระหว่างป้องกัน/บันดาลโทสะ(อ่ำนต่อฉบับหน้ำ)

สอยๆ พี่นอ้ งฟั งสอย โหล่ๆๆ


๑. ถ้ำโจทย์มีผใู้ ช้ให้ไปฆ่ำ ปรับ ๒๘๙(๔) เป็ นอย่ำงน้อย
๒. ลักทรัพย์ ผูก้ ระทำทำลำย “กำรครองครองและกรรมสิทธิ์”
๓. ยักยอก ผูก้ ระทำทำลำย “กรรมสิทธิ์”
๔. ฉ้อโกง ผูก้ ระทำทำลำย “กรรมสิทธิ์โดยกำรใช้กลอุบำย”
๕. ลักทรัพย์สำเร็จแล้วหรือไม่ พิจำรณำว่ำ ผูก้ ระทำผิดได้นำทรัพย์ที่ถูกลักไปยังที่ได้ต้งั ใจไว้หรือยัง ถ้ำยัง กำรลักทรัพย์ก็
ยังไม่สำเร็จ เมื่อไม่สำเร็จถ้ำมีกำรใช้กำลังหรือขูว่ ำ่ จะใช้คุณ “ชิงทรัพย์”ก็วิ่งเข้ำมำทันที ดูขอ้ สอบเก่ำอำญำสมัย ๕๙
๖. บุคคลที่ตกอยูใ่ นภำวะวิสยั หรือพฤติกำรณ์ที่กำลังหนี ภยั (เช่นจำกกำรรุมทำร้ำย,ลื่นเลยคว้ำมือคนอื่น) ย่อมจะให้มี
ควำมระมัดระวังเหมือนบุคคลธรรมดำไม่ได้ เช่น มีคนกำลังจะยิงลูก พ่อปิ ดปื น ปื นจึงไปถูกคนอื่น ถือว่ำไม่ประมำท
(ไม่ผิดอะไรเลย) เพรำะบุคคลในภำวะวิสยั และพฤติกำรณ์เช่นพ่อไม่อำจใช้ควำมระมัดระวังได้กว่ำนี้ อีกแล้ว ผูผ้ ิด
อะไรน้อ.....พลำดหรือประมำทล่ะ (ซิๆๆ ม่ำยบอก....สองร้อยละกันๆ)
๗. พลำด ผูถ้ ูกกระทำโดยพลำด ผลต้องเกิดกับบุคคลนั้นด้วยไม่ว่ำมำกหรือน้อย ผลต้องเกิด เมื่อผลเกิดแล้วควำมรับผิด
ของผูก้ ระทำก็ดเู จตนำของผูก้ ระทำที่มีต่อผูถ้ ูกกระทำคนแรกมีอย่ำงไรผูไ้ ด้รบั ผลโดยพลำดก็มีอย่ำงนั้น
๘. ถ้ำเขียนตอบยังไม่ดี วิธีแก้ให้จำตัวบทและอ่ำนข้อสอบเก่ำหรือถำมตอบ เวลำอ่ำนกำงประมวลเปิ ดอ่ำนด้วยจะช่วยจำ
ตัวบทได้อีกทำงหนึ่ ง
๙. อย่ำดูถูกตัวเอง ค้นหำตัวเองให้เจอ อะไรที่ทำให้ร้งั เรำไม่ให้จบ เช่น ทีวี แฟน เป็ นต้น เหล่ำนี้ ทิ้ งมันซะ สมองคนเรำ
แปลกอยูอ่ ย่ำงคือ มันหำเหตุผลสนับสนุ นเรำได้ทุกๆ ด้ำน ด้ำนดีมนั ก็คิดให้ กลับกันฉันใดก็ฉนั นั้น (ถ้ำไม่ฉนั พระหิว)
(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com
คัดย่อหลักกฎหมำยอำญำภำค โดย ว่ำด้วย “ลุง” (PorSi @ NiTiSadTeeRubSung) “เส้นชัย มีไว้ให้คนตั้งใจ” อย่ำเข้ำใจว่ำ น.บ.ท.มีกำรครอบครองปรปั กษ์
- 26 -
๑๐. ลงสอบแล้วต้องไปสอบ สิ่งที่ตดั สินว่ำคุณพร้อมหรือไม่ ไม่ใช่คุณ แต่เป็ นข้อสอบ ถ้ำเรียนมำทั้งสองขำก็ไปสอบทั้งสอง
อย่ำลืมว่ำข้อสอบเก่ำมีขำยแต่บรรยำกำศกำรกดดันในห้องสอบไม่มีขำยมำพร้อมกับข้อสอบเก่ำ เลือกเป็ นนักรับต้อง
ตำยในสนำมรบ ไม่ใช่นอนตำยที่บำ้ น
๑๑. ตอนลงไปสอบให้ไปอย่ำงรำชำ แม้กลับมำจะเป็ นยำจกก็ตำม (สมัยผมห่อข้ำวเหนี ยวปลำร้ำไปกินหลังจำกกลับสอบ)
๑๒. เรียนกฎหมำยมันต้องมีจิตนำกำร และอำญำตำยฟรีก็มีเยอะแยะ วิอำญำทำผิดแต่ยกฟ้ องก็มี

เนติบณ
ั ฑิตไทย ไม่ได้ไกลอย่ำงที่คดิ เพรำะอยูแ่ ถวๆ ตลิ่งชัน
นิ ติศำสตร์ที่รำบสูง,ปอสี,ลุง

(เครือข่ำยจิตสำธำรณะ) รับเอกสำรกฎหมำยที่ inlovelaw @ facebook.com

You might also like